• มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

    ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน

    “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม
    ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน

    วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว
    "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น"

    "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา"

    สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย

    โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้
    ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน

    มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3

    8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น" "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา" สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช

    ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน

    “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม
    ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน

    วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว
    "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น"

    "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา"

    สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย

    โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้
    ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน

    มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3

    8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
    ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    มิถุนายนนี้ ชวนปักหมุดเช็คอินภาคอีสาน กับอีกหนึ่ง Carnival สุดยิ่งใหญ่ งาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ทั่วโลก เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH อย่างยิ่งใหญ่ทั่วศูนย์การค้าและห้างฯ ทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง “เดอะมอลล์โคราช” จัดไพรด์คาร์นิวาลสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” 7-8 มิ.ย.2568 ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช พบขบวนพาเหรดสีรุ้งแห่งความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองความเท่าเทียมตลอดเดือนมิถุนายน “THE MALL KORAT THE HEART OF PRIDE” จุดไฟพลังชาว LGBTQIA+ ทุกเจนฯ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน ภายใต้คอนเซปต์ THE CENTER OF LOVE | PEACE | EQUALITY ศูนย์กลางความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจของคนโคราช โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าตอกย้ำจุดยืน “LGBTQIA+ Friendly Destination” ผ่านแคมเปญใหญ่ “THE MALL LIFESTORE: THE HEART OF PRIDE” ร่วมฉลอง PRIDE MONTH ทั่วศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทุกสาขา หนุนเศรษฐกิจสีรุ้ง สนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียมและการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี การเปิดใจและมีความเข้าใจต่อกันทุกเพศ ทุกวัยอย่างลึกซึ้งร่วมเฉลิมฉลองความเป็นตัวตนที่ภาคภูมิใจไปพร้อมกัน วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าระดับพรีเมียม มุ่งขับเคลื่อนความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติธุรกิจ สังคม และการท่องเที่ยว "Rainbow Economy และ Rainbow Tourism คือกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเปิดกว้าง พร้อมใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ที่สะท้อนตัวตน เป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ธุรกิจให้ความสำคัญและโฟกัสความลึกซึ้งในตัวตนนี้มากขึ้น" "สำหรับปีนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ และ ร้านอาหารยอดนิยม มีการจัดทำคอลเลกชันสินค้า เมนูพิเศษเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นมิติของไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย กระตุ้นและสร้างความตื่นตัวในภาพธุรกิจได้ชัดเจน พร้อมตกแต่งศูนย์ฯ ด้วยแลนด์มาร์กสีรุ้งขนาดใหญ่ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองทั่วทุกสาขา และคาดว่าการจับจ่ายในศูนย์การค้าจะคึกคัก หนุนยอดขายกลุ่มแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์-ร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าแคมเปญจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา" สะท้อนความตั้งใจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ต้องการกระจายโอกาสและการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ทุกภูมิภาค ซึ่งในช่วงดังกล่าวเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ จัดแคมเปญ “Bangkok No.1 Shopping Festival 2025” มาช่วยตอบโจทย์การใช้จ่ายในการเฉลิมฉลองของกลุ่ม LGBTQIA+ อีกด้วย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า PRIDE ไม่ใช่แค่เทศกาล แต่เป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหลากหลายระดับโลก” นางสาววรลักษณ์ กล่าวปิดท้าย โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 มิ.ย.2568 ได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ ไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมปีนึ้ ในวันที่ 7 มิ.ย.2568 ตั้งแต่เวลา 13.00น.เป็นต้นไป พบขบวนพาเหรด “Pride Carnival” สุดยิ่งใหญ่ สร้างพื้นที่แห่งความเท่าเทียม ซึ่งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน LGBTQIA+ ทุกเจนฯ กว่า 400 คน ในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเดินขบวนพาเหรดด้วยหัวใจเดียวกัน มีรูปแบบขบวนแบ่งเป็น 4 ขบวน ได้แก่ We All Love “รัก” ในทุกสิ่ง, We All Understanding เรียนรู้อย่าง “เข้าใจ”, We All Dignity พร้อมด้วย “ศักดิ์ศรี” และ We All Equality ยึดมั่นในความเสมอภาค “เท่าเทียม” โดยกิจกรรมยกระดับงานนี้ให้เป็นเทศกาลระดับเมืองของโคราชที่สะท้อนหัวใจของ “ความรัก ความเข้าใจ และความเท่าเทียม” และเวลา 16.00 น. สนุกสุขมันส์กับฟรีมินิคอนเสิร์ตจาก ZOLAR ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 8 มิ.ย.2568 พบการประกวด MISS QUEEN M PLUS นครราชสีมา ชิงเงินรางวัลและ Gift Voucher มูลค่าร่วมกว่า 300,000 บาท สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรับรายละเอียดการประกวด ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfTL0jixMRovzjF45ArPcNYemAg8AWNyca3lePatzWAcvPWpA/viewform?usp=header สมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤษภาคม 2568 รอบตัดสิน วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 083-429-6491 (คุณเหินฟ้า) หรือ 096-704-5372 (คุณโมโม่)
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • HOT STAR GIANT CHICKEN ไก่ทอดไต้หวันกลับมาแล้ว

    ย้อนกลับไปกว่า 10 ปีก่อน ไก่ทอดใหญ่ไซส์เท่าใบหน้าจากไต้หวัน ฮฮตสตาร์ (HOT STAR GIANT CHICKEN) เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เมื่อปี 2557 โดยบริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เจ้าของเดียวกับร้านบาร์บีคิวพลาซ่า หลังจากนั้นไม่นานก็อำลาวงการไป ด้วยราคาไก่ทอดไซส์ XXL ในขณะนั้นสูงถึงชิ้นละ 129 บาท แต่การกลับมาครั้งนี้ ภายใต้การดูแลของ บริษัท ฮอท สตาร์ ชิกเก้น (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากจะเปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 10 ตรงข้ามเตี๋ยวเรือท่าสยาม เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ยังขายในราคาถูกลง ชิ้นละ 89 บาทเท่านั้น

    Newskit มีโอกาสมาเยือนร้านฮอตสตาร์สาขานี้ด้วยตัวเอง พบว่าตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันได โดยมีที่นั่งพร้อมปลั๊กไฟสำหรับนั่งทำงานหรือชาร์จโทรศัพท์มือถือ เมนูหลักของที่นี่คือไก่ทอดไซส์ XXL ราคา 89 บาท มีให้เลือก 6 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ซึ่งมีความเผ็ดเล็กน้อย บาร์บีคิว เห็ดทัฟเฟิล ต้มยำ หมาล่า และซาวครีม แต่จะมีคอมโบเซตให้เลือกหลากหลาย เช่น คลาสสิกคอมโบ ไก่ทอดไซส์ XXL พร้อมน้ำอัดลมและเฟรนซ์ฟรายส์ไซส์ M ราคา 109 บาท นอกจากนี้ยังมีไก่ส่วนอื่นๆ ทั้ง Giant Leg, Giant Drum Stick, Giant Wing, Mini Wing 6 ชิ้น และเมนูอย่างข้าวหน้าไก่และสลัดไก่ Hot Star Signature

    ส่วนเมนูคอมโบเซต มีให้เลือกทั้งมินิคอมโบเซต ราคาเริ่มต้นที่ 69 บาท ชุดคอมโบสำหรับหลายคนตั้งแต่ Crunchy Combo สำหรับ 1 คน (นับตามจำนวนน้ำอัดลม) ราคา 269 บาท Family Combo สำหรับ 2 คน ราคา 279 บาท และ Party Combo สำหรับ 4 คน ราคา 499 บาท ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกผ่านคิวอาร์โค้ดของทางร้าน แจ้งเบอร์โทรเพื่อสะสมคะแนน โดยทุก 10 บาทได้ 1 คะแนน และทุก 50 คะแนน แลกส่วนลดท้ายบิล 5 บาท หากสะสม 5,000 คะแนนจะได้สถานะ Exclusive Member สามารถแลกรับเมนูต่างๆ ของทางร้านได้อีกด้วย

    ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ฮอตสตาร์ในไทย คือ พญ.ศิโรรัตน์ อินทรปัญญา ซึ่งทำธุรกิจไก่ส่งออก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และขายในราคาไม่ถึงหลักร้อยใกล้เคียงกับไต้หวัน สำหรับแผนขยายสาขานั้นมีการเปิดแฟรนไชส์ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ S แบบซุ้ม ไซส์ M แบบร้านนั่งรับประทานทั้ง Outdoor และ Indoor สำหรับห้างสรรพสินค้า และไซส์ L สำหรับอาคารพาณิชย์ 1 คูหา วางตำแหน่งเป็นสตรีทฟู้ดพรีเมียม ท่ามกลางการแข่งขันของร้านไก่ทอดที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 27,000 ล้านบาท มี KFC เป็นเจ้าตลาดกว่า 1,000 สาขา

    ร้านฮอตสตาร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 10 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

    #Newskit
    HOT STAR GIANT CHICKEN ไก่ทอดไต้หวันกลับมาแล้ว ย้อนกลับไปกว่า 10 ปีก่อน ไก่ทอดใหญ่ไซส์เท่าใบหน้าจากไต้หวัน ฮฮตสตาร์ (HOT STAR GIANT CHICKEN) เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เมื่อปี 2557 โดยบริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เจ้าของเดียวกับร้านบาร์บีคิวพลาซ่า หลังจากนั้นไม่นานก็อำลาวงการไป ด้วยราคาไก่ทอดไซส์ XXL ในขณะนั้นสูงถึงชิ้นละ 129 บาท แต่การกลับมาครั้งนี้ ภายใต้การดูแลของ บริษัท ฮอท สตาร์ ชิกเก้น (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากจะเปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 10 ตรงข้ามเตี๋ยวเรือท่าสยาม เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ยังขายในราคาถูกลง ชิ้นละ 89 บาทเท่านั้น Newskit มีโอกาสมาเยือนร้านฮอตสตาร์สาขานี้ด้วยตัวเอง พบว่าตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันได โดยมีที่นั่งพร้อมปลั๊กไฟสำหรับนั่งทำงานหรือชาร์จโทรศัพท์มือถือ เมนูหลักของที่นี่คือไก่ทอดไซส์ XXL ราคา 89 บาท มีให้เลือก 6 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ซึ่งมีความเผ็ดเล็กน้อย บาร์บีคิว เห็ดทัฟเฟิล ต้มยำ หมาล่า และซาวครีม แต่จะมีคอมโบเซตให้เลือกหลากหลาย เช่น คลาสสิกคอมโบ ไก่ทอดไซส์ XXL พร้อมน้ำอัดลมและเฟรนซ์ฟรายส์ไซส์ M ราคา 109 บาท นอกจากนี้ยังมีไก่ส่วนอื่นๆ ทั้ง Giant Leg, Giant Drum Stick, Giant Wing, Mini Wing 6 ชิ้น และเมนูอย่างข้าวหน้าไก่และสลัดไก่ Hot Star Signature ส่วนเมนูคอมโบเซต มีให้เลือกทั้งมินิคอมโบเซต ราคาเริ่มต้นที่ 69 บาท ชุดคอมโบสำหรับหลายคนตั้งแต่ Crunchy Combo สำหรับ 1 คน (นับตามจำนวนน้ำอัดลม) ราคา 269 บาท Family Combo สำหรับ 2 คน ราคา 279 บาท และ Party Combo สำหรับ 4 คน ราคา 499 บาท ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิกผ่านคิวอาร์โค้ดของทางร้าน แจ้งเบอร์โทรเพื่อสะสมคะแนน โดยทุก 10 บาทได้ 1 คะแนน และทุก 50 คะแนน แลกส่วนลดท้ายบิล 5 บาท หากสะสม 5,000 คะแนนจะได้สถานะ Exclusive Member สามารถแลกรับเมนูต่างๆ ของทางร้านได้อีกด้วย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ฮอตสตาร์ในไทย คือ พญ.ศิโรรัตน์ อินทรปัญญา ซึ่งทำธุรกิจไก่ส่งออก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ และขายในราคาไม่ถึงหลักร้อยใกล้เคียงกับไต้หวัน สำหรับแผนขยายสาขานั้นมีการเปิดแฟรนไชส์ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ S แบบซุ้ม ไซส์ M แบบร้านนั่งรับประทานทั้ง Outdoor และ Indoor สำหรับห้างสรรพสินค้า และไซส์ L สำหรับอาคารพาณิชย์ 1 คูหา วางตำแหน่งเป็นสตรีทฟู้ดพรีเมียม ท่ามกลางการแข่งขันของร้านไก่ทอดที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 27,000 ล้านบาท มี KFC เป็นเจ้าตลาดกว่า 1,000 สาขา ร้านฮอตสตาร์ สาขาสยามสแควร์ ซอย 10 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ

    กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว

    ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป

    ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้

    #Newskit
    อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
  • กรมการปกครอง มีคำสั่ง ห้ามเรียกผู้มาใช้บริการ "ลุง-ป้า" เสนอเรียก “คุณลูกค้า” แทน

    .
    9 พฤษภาคม 2568 : กรมการปกครองร่อนหนังสือกำชับทุกหน่วยให้บริการอย่างสุภาพ หลังผู้รับบริการร้อง จนท.ศูนย์บริการภาครัฐ เรียก "ลุง-ป้า” ไม่เหมาะสม ให้เรียกคุณ หรือคุณลูกค้า เหมือนห้างสรรพสินค้า

    ขณะที่ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่หนังสือราชการโดยกรมการปกครอง ส่งถึงที่ทำการปกครองจังหวัด ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า…

    “ด้วยกรมการปกครอง ได้ระบบแจ้งจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง เกี่ยวกับข้อเสนอของประชาชนผู้รับบริการ เรื่อง ขอเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียกสรรพนามลูกค้าของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการที่ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนได้เข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า แจ้งว่า พนักงานที่ให้บริการมักใช้สรรพนามในการเรียกผู้เข้ารับบริการว่า ‘ป้าและลุง’ ซึ่งผู้เข้ารับบริการเห็นว่า ‘ไม่เหมาะสม’ เห็นควรให้มีมาตรการไม่ให้เรียกลูกค้าด้วยคำดังกล่าว และให้ใช้คำว่า ‘คุณ’ หรือ ‘คุณลูกค้า’ แทน จึงขอให้แจ้งกำชับเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนในสังกัด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพทั้งกิริยา วาจา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของข้าราชการกรมการปกครอง รวมทั้งให้บริการประชาชนตามแนวทางการสื่อสารและหลักมารยาทสากลโดยเคร่งครัด

    กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการให้บริการประชาชนของกรมการปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้จังหวัด แจ้งสำนักทะเบียนอำเภอที่มีจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม เปิดให้บริการในพื้นที่ กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการแก่ประชาชน ด้วยความสุภาพทั้งกิริยา วาจา ตามแนวทางการสื่อสารและหลักมารยาทสากลอย่างเหมาะสมโดยเคร่งครัด”
    กรมการปกครอง มีคำสั่ง ห้ามเรียกผู้มาใช้บริการ "ลุง-ป้า" เสนอเรียก “คุณลูกค้า” แทน . 9 พฤษภาคม 2568 : กรมการปกครองร่อนหนังสือกำชับทุกหน่วยให้บริการอย่างสุภาพ หลังผู้รับบริการร้อง จนท.ศูนย์บริการภาครัฐ เรียก "ลุง-ป้า” ไม่เหมาะสม ให้เรียกคุณ หรือคุณลูกค้า เหมือนห้างสรรพสินค้า ขณะที่ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่หนังสือราชการโดยกรมการปกครอง ส่งถึงที่ทำการปกครองจังหวัด ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า… “ด้วยกรมการปกครอง ได้ระบบแจ้งจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรม กรมการปกครอง เกี่ยวกับข้อเสนอของประชาชนผู้รับบริการ เรื่อง ขอเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียกสรรพนามลูกค้าของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการที่ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนได้เข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า แจ้งว่า พนักงานที่ให้บริการมักใช้สรรพนามในการเรียกผู้เข้ารับบริการว่า ‘ป้าและลุง’ ซึ่งผู้เข้ารับบริการเห็นว่า ‘ไม่เหมาะสม’ เห็นควรให้มีมาตรการไม่ให้เรียกลูกค้าด้วยคำดังกล่าว และให้ใช้คำว่า ‘คุณ’ หรือ ‘คุณลูกค้า’ แทน จึงขอให้แจ้งกำชับเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนในสังกัด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพทั้งกิริยา วาจา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของข้าราชการกรมการปกครอง รวมทั้งให้บริการประชาชนตามแนวทางการสื่อสารและหลักมารยาทสากลโดยเคร่งครัด กรมการปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการให้บริการประชาชนของกรมการปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้จังหวัด แจ้งสำนักทะเบียนอำเภอที่มีจุดเคาน์เตอร์บริการอำเภอ..ยิ้ม เปิดให้บริการในพื้นที่ กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการแก่ประชาชน ด้วยความสุภาพทั้งกิริยา วาจา ตามแนวทางการสื่อสารและหลักมารยาทสากลอย่างเหมาะสมโดยเคร่งครัด”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • ♣ ให้เปิดได้ไง "มหานอย" ห้างสรรพสินค้าพม่า ตรงข้ามหาชัยวิลล่า ขายสินค้า รับทำพาสปอร์ตโรงเรียนสอนชาวพม่าในวันอาทิตย์
    #7ดอกจิก
    ♣ ให้เปิดได้ไง "มหานอย" ห้างสรรพสินค้าพม่า ตรงข้ามหาชัยวิลล่า ขายสินค้า รับทำพาสปอร์ตโรงเรียนสอนชาวพม่าในวันอาทิตย์ #7ดอกจิก
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    0 Comments 0 Shares 780 Views 0 Reviews
  • มีการประท้วงทั่วประเทศที่มุ่งโจมตี Elon Musk และบริษัท Tesla ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเคลื่อนไหวนี้เน้นที่การส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Tesla และเพื่อตอบโต้มุมมองทางการเมืองของ Musk ที่ออกมาต่อต้านหลายสิ่ง

    เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 การประท้วงในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้รวมกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนที่ชุมนุมกันที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า University Village รวมถึงหน้าร้านโชว์รูมของ Tesla เป้าหมายของการเคลื่อนไหวนี้คือการเรียกร้องให้คนขายรถ Tesla และขายหุ้น Tesla เพื่อกดดันให้ราคาหุ้นตก

    หนึ่งในผู้จัดงานคือ Alex Winter นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง เขากล่าวว่า "การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ถือหุ้นและประชาชนว่า Tesla เป็นส่วนสำคัญในมูลค่าของ Musk และการประท้วงนี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลง"

    Tesla ซึ่ง Musk ดำรงตำแหน่ง CEO ตั้งแต่ปี 2008 มีมูลค่าตลาดกว่า 1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Musk ถือหุ้นประมาณ 13% ของบริษัท ที่มูลค่าประมาณ 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การประท้วงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันต่อบริษัทและทำให้มูลค่าหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ Musk

    แม้ว่าราคาหุ้น Tesla จะลดลงถึง 15% ในเดือนที่ผ่านมา แต่หุ้น Tesla ยังมีสุขภาพดีในระยะยาว ในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้น 87% และปัจจุบันอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาด ในยุโรป ยอดขายของ Tesla ลดลง 59% ในเยอรมนี และ 63% ในฝรั่งเศสเมื่อเทียบปีต่อปี

    รายได้สุทธิของ Tesla ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ลดลง 71% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจาก 7.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเคลื่อนไหวประท้วงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสความไม่พอใจต่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่น การประท้วง Bud-Light ในปี 2023 และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Target ที่เกิดจากแรงกดดันจากผู้บริโภค

    เป้าหมายของการประท้วงนี้คือการกดดันให้ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารของ Tesla พิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบจากการเป็นผู้นำของ Musk

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/the-tesla-takedown-has-begun-a-national-protest-movement-seeks-to-strike-a-blow-to-elon-musks-net-worth
    มีการประท้วงทั่วประเทศที่มุ่งโจมตี Elon Musk และบริษัท Tesla ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเคลื่อนไหวนี้เน้นที่การส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Tesla และเพื่อตอบโต้มุมมองทางการเมืองของ Musk ที่ออกมาต่อต้านหลายสิ่ง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 การประท้วงในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้รวมกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนที่ชุมนุมกันที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า University Village รวมถึงหน้าร้านโชว์รูมของ Tesla เป้าหมายของการเคลื่อนไหวนี้คือการเรียกร้องให้คนขายรถ Tesla และขายหุ้น Tesla เพื่อกดดันให้ราคาหุ้นตก หนึ่งในผู้จัดงานคือ Alex Winter นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง เขากล่าวว่า "การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ถือหุ้นและประชาชนว่า Tesla เป็นส่วนสำคัญในมูลค่าของ Musk และการประท้วงนี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลง" Tesla ซึ่ง Musk ดำรงตำแหน่ง CEO ตั้งแต่ปี 2008 มีมูลค่าตลาดกว่า 1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Musk ถือหุ้นประมาณ 13% ของบริษัท ที่มูลค่าประมาณ 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การประท้วงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันต่อบริษัทและทำให้มูลค่าหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ Musk แม้ว่าราคาหุ้น Tesla จะลดลงถึง 15% ในเดือนที่ผ่านมา แต่หุ้น Tesla ยังมีสุขภาพดีในระยะยาว ในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้น 87% และปัจจุบันอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาด ในยุโรป ยอดขายของ Tesla ลดลง 59% ในเยอรมนี และ 63% ในฝรั่งเศสเมื่อเทียบปีต่อปี รายได้สุทธิของ Tesla ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ลดลง 71% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจาก 7.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเคลื่อนไหวประท้วงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสความไม่พอใจต่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่น การประท้วง Bud-Light ในปี 2023 และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Target ที่เกิดจากแรงกดดันจากผู้บริโภค เป้าหมายของการประท้วงนี้คือการกดดันให้ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารของ Tesla พิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบจากการเป็นผู้นำของ Musk https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/the-tesla-takedown-has-begun-a-national-protest-movement-seeks-to-strike-a-blow-to-elon-musks-net-worth
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The Tesla takedown has begun. A national protest movement seeks to strike a blow to Elon Musk’s net worth
    As DOGE barrels through D.C., Americans on the ground are starting to mobilize outside Tesla dealerships.
    0 Comments 0 Shares 464 Views 0 Reviews
  • #วัดธาตุทอง
    #กรุงเทพมหานครฯ

    วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ

    ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง

    พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481

    ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม

    ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​

    เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดธาตุทอง #กรุงเทพมหานครฯ วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481 ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​ เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 Comments 0 Shares 1674 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 11:00 น. เกิดเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าซินกวงซันเย่ว์ ในเมืองไถจง ไต้หวัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย รวมถึงผู้ที่ไม่มีสัญญาณชีพอีก 6 คน ขณะนี้หน่วยงานดับเพลิงได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือและเปิดการสืบสวนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น

    สื่อไต้หวันรายงานว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุมีควันฟุ้งเต็มพื้นที่ และกำแพงด้านนอกของชั้นหนึ่งในห้างดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นที่ชั้น 11 และ 12 ซึ่งเป็นพื้นที่ของร้านอาหารและศูนย์อาหารของห้าง

    ตำรวจและหน่วยดับเพลิงได้ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจากการรายงานเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย


    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/china/detail/9680000014509

    #MGROnline #ห้างสรรพสินค้าซินกวงซันเย่ว์ #เมืองไถจง #ไต้หวัน
    เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 11:00 น. เกิดเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าซินกวงซันเย่ว์ ในเมืองไถจง ไต้หวัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย รวมถึงผู้ที่ไม่มีสัญญาณชีพอีก 6 คน ขณะนี้หน่วยงานดับเพลิงได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือและเปิดการสืบสวนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น • สื่อไต้หวันรายงานว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุมีควันฟุ้งเต็มพื้นที่ และกำแพงด้านนอกของชั้นหนึ่งในห้างดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นที่ชั้น 11 และ 12 ซึ่งเป็นพื้นที่ของร้านอาหารและศูนย์อาหารของห้าง • ตำรวจและหน่วยดับเพลิงได้ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจากการรายงานเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/china/detail/9680000014509 • #MGROnline #ห้างสรรพสินค้าซินกวงซันเย่ว์ #เมืองไถจง #ไต้หวัน
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่

    มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า

    ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม

    สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

    #Newskit
    บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่ มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 897 Views 0 Reviews
  • 7/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    7/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • 6/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    6/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 498 Views 18 0 Reviews
  • 5/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    5/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 501 Views 15 0 Reviews
  • 3/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    3/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 473 Views 15 0 Reviews
  • 2/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    2/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 469 Views 13 0 Reviews
  • 1/
    เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา

    รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี

    เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)

    1/ เกิดเหตุเครื่องบินตกในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา รายงานเบื้องต้นของตำรวจระบุว่า เครื่องบินลำนี้ซึ่งมีผู้โดยสารรวม 6 คน เสียชีวิตทั้งหมด ประกอบด้วย นักบิน 2 ราย แพทย์ 2 ราย และคนไข้ 1 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่าง "ภารกิจทางการแพทย์" ตกใกล้กับห้างสรรพสินค้ารูสเวลต์ หลังจากออกจากสนามบินฟิลาเดลเฟียตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินแห่งชาติสปริงฟิลด์-แบรนสันในรัฐมิสซูรี เป็นเครื่องบินช่วยเหลือทางการแพทย์ MEDIVAC MED SERVICE 056 - MTS56 (Learjet 55 Mexico จดทะเบียนเป็น XA-UCI)
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 441 Views 17 0 Reviews
  • 🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์
    📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.
    🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.
    🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
    🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่
    🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ:
    🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
    ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
    ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
    ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
    🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ
    1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.
    2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.
    3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.
    4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.
    5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.
    6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
    7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.
    8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.
    9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.
    10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.
    11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
    12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.
    13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.
    14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.
    17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.
    20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
    23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
    24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.
    25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
    26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.
    .
    🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า
    .
    🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้
    .
    📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - www.airbkk.com
    - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
    - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
    - FB: กรุงเทพมหานคร
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - LINE ALERT
    📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue
    #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25
    #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี
    #ลีซานอัลไกอีบ

    cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์ 📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. 🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม. 🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง 🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่ 🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ: 🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ 🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ 1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม. 2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม. 3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม. 4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม. 6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม. 7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม. 8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม. 9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม. 10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม. 11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม. 12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม. 13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม. 14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม. 17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม. 20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม. 23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม. 24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม. 25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม. 26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม. . 🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า . 🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้ . 📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง - แอปพลิเคชัน AirBKK - www.airbkk.com - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม - FB: กรุงเทพมหานคร - แอปพลิเคชัน AirBKK - LINE ALERT 📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #ลีซานอัลไกอีบ cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    0 Comments 0 Shares 1336 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ห้างสรรพสินค้า Shenyang Dadong Food Mall ในเมืองเสิ่นหยาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย

    ทางการยังไม่ได้เปิดเผยสาเหตุอย่างเป็นทางการของเหตุระเบิดครั้งนี้ แต่รายงานเบื้องต้นระบุว่าอาจเกี่ยวข้องกับก๊าซรั่ว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนเหตุการณ์เช่นนี้ในจีนบ่อยครั้ง

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเพิ่งไปเยือนศูนย์การค้าแห่งนี้เมื่อ 3 วันก่อน
    เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ห้างสรรพสินค้า Shenyang Dadong Food Mall ในเมืองเสิ่นหยาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทางการยังไม่ได้เปิดเผยสาเหตุอย่างเป็นทางการของเหตุระเบิดครั้งนี้ แต่รายงานเบื้องต้นระบุว่าอาจเกี่ยวข้องกับก๊าซรั่ว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนเหตุการณ์เช่นนี้ในจีนบ่อยครั้ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเพิ่งไปเยือนศูนย์การค้าแห่งนี้เมื่อ 3 วันก่อน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    0 Comments 0 Shares 1051 Views 0 Reviews
  • ด่านปาดังเบซาร์ วันนี้ที่เปลี่ยนไป

    ใกล้จะครบรอบ 1 ปี สำหรับการกลับมาเปิดใช้สะพานลอยปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567 เป็นต้นมา ซึ่งเชื่อมระหว่างศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ตรงข้ามด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กับสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ที่มีรถไฟ KTM Komuter ไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง และรถไฟ ETS ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบว่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

    ถ้ามาจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือรัฐปีนังด้วยรถไฟ ถึงสถานีปาดังเบซาร์ เมื่อออกจากประตูอัตโนมัติ (ACG) จะพบกับบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่และรถตู้ไปหาดใหญ่ คนละ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) แต่มีป้ายบอกทางระบุเป็นภาษาไทยและภาษามาเลย์ว่า "ออกจากเมือง ไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) และไปศูนย์การค้า NIAGA ปาดังเบซาร์" โดยลูกศรชี้ไปที่สะพานลอยที่เปิดขึ้นมา ถ้าไม่ได้ใช้บริการรถไฟไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ใช้สะพานลอยแห่งนี้

    สะพานลอยดังกล่าวไปออกวงเวียนปาดังเบซาร์ ซึ่งจะมีรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งถึงฝั่งประเทศไทย ค่าโดยสาร 10 ริงกิต แต่ถ้าจะเดินเข้าไปเองก็ทำได้แต่ไกลหน่อย ศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 06.00-22.00 น. ส่วนด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย เปิด 05.00-21.00 น. (เวลาไทย)

    ด้านพื้นที่การค้าย่านวงเวียนปาดังเบซาร์ พบว่ามีร้านมิสเตอร์ดีไอวาย (มาเลเซีย) เปิดอยู่ใกล้กับวงเวียน ตามมาด้วยอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า Arked Niaga ศูนย์การค้า Plaza Niaga และศูนย์การค้า Padang Waremart แต่ก็มีศูนย์การค้าเปิดใหม่ด้านในสุด คือ Padang Besar Street ที่มีศูนย์อาหาร Border Kitchen และร้าน Tealive ตั้งอยู่

    สำหรับร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) มีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ร้าน Warisan Limpahan เป็นอาคารพาณิชย์ใกล้ Arked Niaga จำหน่ายน้ำหอม สุรา และบุหรี่ แต่การรับสินค้าหลังชำระเงินแล้ว ต้องนำใบเสร็จไปรับที่ห้องกระจกหลังผ่านจุดลงตราประทับ โดยจะมีพนักงานตามไปส่งสินค้าด้วยจักรยานยนต์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ The ZON Duty Free อยู่เลยศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ไปแล้ว ก่อนถึงด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย ด้านในคล้ายกับห้างสรรพสินค้า

    เมื่อออกจากด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทยแล้ว มีจุดจอดรถตู้บริเวณตรงข้ามด่าน ค่าโดยสารคนละ 70 บาท รถออกเที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 17.30 น. (เวลาไทย) หากต้องการส่งพัสดุไปรษณีย์ จะมีที่ทำการไปรษณีย์ปาดังเบซาร์ อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-17.00 น. วันเสาร์ 09.00-15.00 น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ด่านปาดังเบซาร์ วันนี้ที่เปลี่ยนไป ใกล้จะครบรอบ 1 ปี สำหรับการกลับมาเปิดใช้สะพานลอยปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567 เป็นต้นมา ซึ่งเชื่อมระหว่างศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ตรงข้ามด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กับสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ที่มีรถไฟ KTM Komuter ไปสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง และรถไฟ ETS ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบว่าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามาจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือรัฐปีนังด้วยรถไฟ ถึงสถานีปาดังเบซาร์ เมื่อออกจากประตูอัตโนมัติ (ACG) จะพบกับบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่และรถตู้ไปหาดใหญ่ คนละ 30 ริงกิต (ประมาณ 231 บาท) แต่มีป้ายบอกทางระบุเป็นภาษาไทยและภาษามาเลย์ว่า "ออกจากเมือง ไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) และไปศูนย์การค้า NIAGA ปาดังเบซาร์" โดยลูกศรชี้ไปที่สะพานลอยที่เปิดขึ้นมา ถ้าไม่ได้ใช้บริการรถไฟไปยังสถานีชุมทางหาดใหญ่ก็ใช้สะพานลอยแห่งนี้ สะพานลอยดังกล่าวไปออกวงเวียนปาดังเบซาร์ ซึ่งจะมีรถจักรยานยนต์รับจ้างไปส่งถึงฝั่งประเทศไทย ค่าโดยสาร 10 ริงกิต แต่ถ้าจะเดินเข้าไปเองก็ทำได้แต่ไกลหน่อย ศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 06.00-22.00 น. ส่วนด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย เปิด 05.00-21.00 น. (เวลาไทย) ด้านพื้นที่การค้าย่านวงเวียนปาดังเบซาร์ พบว่ามีร้านมิสเตอร์ดีไอวาย (มาเลเซีย) เปิดอยู่ใกล้กับวงเวียน ตามมาด้วยอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า Arked Niaga ศูนย์การค้า Plaza Niaga และศูนย์การค้า Padang Waremart แต่ก็มีศูนย์การค้าเปิดใหม่ด้านในสุด คือ Padang Besar Street ที่มีศูนย์อาหาร Border Kitchen และร้าน Tealive ตั้งอยู่ สำหรับร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) มีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ร้าน Warisan Limpahan เป็นอาคารพาณิชย์ใกล้ Arked Niaga จำหน่ายน้ำหอม สุรา และบุหรี่ แต่การรับสินค้าหลังชำระเงินแล้ว ต้องนำใบเสร็จไปรับที่ห้องกระจกหลังผ่านจุดลงตราประทับ โดยจะมีพนักงานตามไปส่งสินค้าด้วยจักรยานยนต์ ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ The ZON Duty Free อยู่เลยศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ไปแล้ว ก่อนถึงด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทย ด้านในคล้ายกับห้างสรรพสินค้า เมื่อออกจากด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ ประเทศไทยแล้ว มีจุดจอดรถตู้บริเวณตรงข้ามด่าน ค่าโดยสารคนละ 70 บาท รถออกเที่ยวแรก 06.30 น. เที่ยวสุดท้าย 17.30 น. (เวลาไทย) หากต้องการส่งพัสดุไปรษณีย์ จะมีที่ทำการไปรษณีย์ปาดังเบซาร์ อยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ 08.30-17.00 น. วันเสาร์ 09.00-15.00 น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1158 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani)

    วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ

    โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย

    ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player

    โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด

    และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม.

    โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย

    เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว

    นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน

    สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก

    นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ

    หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility)
    สอง…..ความขยันหมั่นเพียร
    สาม…..ความมุ่งมั่น
    .
    .
    .
    โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ

    ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม

    พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว

    เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ”

    โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ

    เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ

    ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ

    เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ
    พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“

    “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.”

    นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ

    โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า

    ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“
    .
    .
    .
    การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น

    ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“

    โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ

    กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน

    กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก
    .
    .
    .
    จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น”

    โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา

    กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง

    แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน

    ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“

    ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด

    และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล

    สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด

    เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร

    วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล
    .
    .
    .
    ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์

    เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก

    ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น

    ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ….

    คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani) วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม. โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility) สอง…..ความขยันหมั่นเพียร สาม…..ความมุ่งมั่น . . . โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ” โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“ “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.” นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“ . . . การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“ โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก . . . จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น” โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“ ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล . . . ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ…. คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 1001 Views 0 Reviews
  • กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 ผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้สนใจติดต่อซื้อได้ที่กองกษาปณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.นี้

    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของไทย ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”

    กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 เพื่อเป็นที่ระลึก และให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และเยาวชนของชาติ โดยมีแนวคิดในการออกแบบว่าความสุขและความตื่นเต้นอย่างหนึ่งในวัยเด็ก คือการได้ออกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ทะเล หรือสวนสัตว์ และสถานที่ยอดนิยมของเด็ก ๆ ในทุกยุค และในช่วงเวลานี้ก็คือสวนสัตว์ จึงได้แรงบันดาลใจของบรรยากาศในสวนสัตว์มาใช้ในการออกแบบเหรียญวันเด็กในปีนี้

    โดยในเหรียญจะมีเด็ก 2 คน นั่งรถนำชมภายในสวนสัตว์และส่องเหล่าบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาสัตว์ที่นำมาใส่ในเหรียญนั้นเป็นสัตว์ที่เราสามารถพบเจอได้แค่เฉพาะในสวนสัตว์เท่านั้น เด็กทั้งสองและสัตว์ต่าง ๆ มีท่าทางที่น่ารักสดใส จึงทำให้เหรียญนี้ดูมีชีวิต ชีวา และสดใสเหมาะกับเหรียญวันเด็กเป็นอย่างยิ่ง

    โดยผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท

    ผู้ที่ประสงค์จะขอซื้อเหรียญที่ระลึกดังกล่าว สามารถติดต่อขอซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก กองกษาปณ์ โทร. 0-2516-8174
    กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 ผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้สนใจติดต่อซื้อได้ที่กองกษาปณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.นี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของไทย ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 เพื่อเป็นที่ระลึก และให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และเยาวชนของชาติ โดยมีแนวคิดในการออกแบบว่าความสุขและความตื่นเต้นอย่างหนึ่งในวัยเด็ก คือการได้ออกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ทะเล หรือสวนสัตว์ และสถานที่ยอดนิยมของเด็ก ๆ ในทุกยุค และในช่วงเวลานี้ก็คือสวนสัตว์ จึงได้แรงบันดาลใจของบรรยากาศในสวนสัตว์มาใช้ในการออกแบบเหรียญวันเด็กในปีนี้ โดยในเหรียญจะมีเด็ก 2 คน นั่งรถนำชมภายในสวนสัตว์และส่องเหล่าบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาสัตว์ที่นำมาใส่ในเหรียญนั้นเป็นสัตว์ที่เราสามารถพบเจอได้แค่เฉพาะในสวนสัตว์เท่านั้น เด็กทั้งสองและสัตว์ต่าง ๆ มีท่าทางที่น่ารักสดใส จึงทำให้เหรียญนี้ดูมีชีวิต ชีวา และสดใสเหมาะกับเหรียญวันเด็กเป็นอย่างยิ่ง โดยผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้ที่ประสงค์จะขอซื้อเหรียญที่ระลึกดังกล่าว สามารถติดต่อขอซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก กองกษาปณ์ โทร. 0-2516-8174
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 668 Views 0 Reviews
  • เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนผมเคยคิดเรื่องนี้นะ
    .
    จริงๆที่ห้างสรรพสินค้า ควรมีที่ให้นั่งๆนอนๆเพื่อรอ แฟน ครอบครัว หรือ เพื่อน ซื้อของ ช๊อปปิ้ง
    .
    แบบนี้ดีมากๆเลย ผู้หญิงอยากซื้อของ ก็เดินซื้อให้ฉ่ำไปเลย ทั้งวันก็ได้...!!!
    .
    🤣🤣🤣🤣
    เมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนผมเคยคิดเรื่องนี้นะ . จริงๆที่ห้างสรรพสินค้า ควรมีที่ให้นั่งๆนอนๆเพื่อรอ แฟน ครอบครัว หรือ เพื่อน ซื้อของ ช๊อปปิ้ง . แบบนี้ดีมากๆเลย ผู้หญิงอยากซื้อของ ก็เดินซื้อให้ฉ่ำไปเลย ทั้งวันก็ได้...!!! . 🤣🤣🤣🤣
    ในประเทศจีนมีห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ให้บริการ “ห้องเก็บสามี” โดยภรรยาสามารถฝากสามีไว้ได้ในขณะที่ไปช้อปปิ้ง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • ในประเทศจีนมีห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ให้บริการ “ห้องเก็บสามี” โดยภรรยาสามารถฝากสามีไว้ได้ในขณะที่ไปช้อปปิ้ง
    ในประเทศจีนมีห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ให้บริการ “ห้องเก็บสามี” โดยภรรยาสามารถฝากสามีไว้ได้ในขณะที่ไปช้อปปิ้ง
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 1 Shares 331 Views 0 Reviews
More Results