• เหรียญหลวงปู่สุ่ม วัดโคกมะขาม จ.สระบุรี ปี2524
    เหรียญหลวงปู่สุ่ม วัดโคกมะขาม ต.ตลาดน้อย.อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ปี2524 //ที่ระลึกสร้างหอสวดมนต์ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเสริมมงคลบารมี คงกระพัน บังปืน แคล้วคลาด มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ป้องกันอันตรายก็ดีเยี่ยม คุ้มกันสารพัดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย >>

    ** วัดโคกมะขาม สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2415 โดยพื้นตั้งวัดเป็นที่ราบ มีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฎีสงฆ์ และสำหรับปูชนียวัตถุ มีพระประธานในอุโบสถ ปางมารวิชัย วัดโคกมะขามได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 16 ก.ย. พ.ศ. 2471 >>


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่สุ่ม วัดโคกมะขาม จ.สระบุรี ปี2524 เหรียญหลวงปู่สุ่ม วัดโคกมะขาม ต.ตลาดน้อย.อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ปี2524 //ที่ระลึกสร้างหอสวดมนต์ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเสริมมงคลบารมี คงกระพัน บังปืน แคล้วคลาด มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ป้องกันอันตรายก็ดีเยี่ยม คุ้มกันสารพัดภัย แคล้วคลาดจากอันตราย >> ** วัดโคกมะขาม สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2415 โดยพื้นตั้งวัดเป็นที่ราบ มีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฎีสงฆ์ และสำหรับปูชนียวัตถุ มีพระประธานในอุโบสถ ปางมารวิชัย วัดโคกมะขามได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 16 ก.ย. พ.ศ. 2471 >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลุกใจ! มท.ภ.1 ตรวจเยี่ยมกำลังพล สร้างขวัญกำลังใจการปฏิบัติงาน เตรียมตามแผนเผชิญเหตุของ ทบ. พร้อมรบอย่างสง่างาม เพื่อชาติและราชบัลลังก์

    วันนี้ (4 มิ.ย. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 ตรวจความพร้อมรบ กองพันทหารม้าเฉพาะกิจ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ตามแผนเผชิญเหตุของ ทบ. ณ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ “Home of tanker” จ.สระบุรี ทั้งนี้ พล.ม.2 รอ. ซึ่งถือเป็นหน่วยรถถังที่สมบูรณ์แบบที่สุดหน่วยหนึ่งของกองทัพบกไทย ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของ ทบ. ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุ เข้าคลี่คลายสถานการณ์ในทุกๆพื้นที่ ที่ ทบ. กำหนด โดยหน่วยทำการตรวจสภาพความพร้อมรบ หน่วยยานเกราะ ของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ โดยมี แม่ทัพภาค1 เป็นประธาน ทั้งนี้้เหล่า tanker ได้แสดงถึงความ ”พร้อมรบ และ สง่างาม เพื่อชาติและราชบัลลังก์“

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052138

    #MGROnline #กองทัพบกไทย
    ปลุกใจ! มท.ภ.1 ตรวจเยี่ยมกำลังพล สร้างขวัญกำลังใจการปฏิบัติงาน เตรียมตามแผนเผชิญเหตุของ ทบ. พร้อมรบอย่างสง่างาม เพื่อชาติและราชบัลลังก์ • วันนี้ (4 มิ.ย. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 ตรวจความพร้อมรบ กองพันทหารม้าเฉพาะกิจ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ตามแผนเผชิญเหตุของ ทบ. ณ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ “Home of tanker” จ.สระบุรี ทั้งนี้ พล.ม.2 รอ. ซึ่งถือเป็นหน่วยรถถังที่สมบูรณ์แบบที่สุดหน่วยหนึ่งของกองทัพบกไทย ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของ ทบ. ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุ เข้าคลี่คลายสถานการณ์ในทุกๆพื้นที่ ที่ ทบ. กำหนด โดยหน่วยทำการตรวจสภาพความพร้อมรบ หน่วยยานเกราะ ของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ โดยมี แม่ทัพภาค1 เป็นประธาน ทั้งนี้้เหล่า tanker ได้แสดงถึงความ ”พร้อมรบ และ สง่างาม เพื่อชาติและราชบัลลังก์“ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052138 • #MGROnline #กองทัพบกไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกรถทัวร์ 2 ชั้น ห้ามใช้ 7 เส้นทางลาดชัน

    ในวันที่ 1 มิ.ย. กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการห้ามรถบัส 2 ชั้นที่เป็นรถประจำทาง เดินรถบนเส้นทางที่มีความลาดชัน 7 เส้นทางทั่วประเทศ ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการรถทัวร์บางรายประกาศเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราว ส่งผลทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม

    บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถ สาย 876 เชียงใหม่-นครพนม และ เชียงใหม่-บึงกาฬ จากจังหวัดพิษณุโลก เดิมเลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านแยง อ.นครไทย แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปออก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปลี่ยนเป็นตรงไปตามถนนพิษณุโลก-หล่มสัก จอดรับผู้โดยสารที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 21 และ 2014 ไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทำให้ใช้ระยะทางเพิ่มจากเดิมประมาณ 50 กิโลเมตร

    บริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถสาย 824 เลย-พัทยา-ระยอง จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมใช้ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-ปักธงชัย-นครราชสีมา เปลี่ยนเป็นใช้ทางหลวงหมายเลข 3200 (ฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว) ต่อด้วยถนนสายบางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก เลี้ยวขวาไปตามถนนรังสิต-นครนายก เลี้ยวเข้า อ.บ้านนา แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 3222 (บ้านนา-องครักษ์) ไปออก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อนใช้ถนนมิตรภาพไป จ.นครราชสีมา

    แต่เส้นทางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดฝั่งอันดามัน เช่น ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถทัวร์ รถเช่าเหมา ที่มีมาตรการออกมาเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเตรียมนัดชุมนุมใหญ่บนเส้นทางเขาพับผ้าในวันที่ 4 มิ.ย.นี้

    สำหรับ 7 เส้นทางที่กรมการขนส่งทางบก ห้ามรถบัส 2 ชั้นเดินรถขนส่งผู้โดยสาร ได้แก่

    1. ทางหลวงหมายเลข 118 (ถนนเชียงใหม่-เชียงราย) ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว จ.เชียงใหม่
    2. ทางหลวงหมายเลข 103 (ถนนแพร่–ลำปาง สายเก่า) ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ จ.แพร่
    3. ทางหลวงหมายเลข 1256 (ถนนลอยฟ้า) ช่วงป้ว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน
    4. ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม จ.เลย
    5. ทางหลวงหมายเลข 2331 (ถนนภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า) ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์
    6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว จ.ปราจีนบุรี
    7. ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง–พัทลุง จ.พัทลุง

    #Newskit
    เบรกรถทัวร์ 2 ชั้น ห้ามใช้ 7 เส้นทางลาดชัน ในวันที่ 1 มิ.ย. กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการห้ามรถบัส 2 ชั้นที่เป็นรถประจำทาง เดินรถบนเส้นทางที่มีความลาดชัน 7 เส้นทางทั่วประเทศ ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการรถทัวร์บางรายประกาศเปลี่ยนเส้นทางชั่วคราว ส่งผลทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถ สาย 876 เชียงใหม่-นครพนม และ เชียงใหม่-บึงกาฬ จากจังหวัดพิษณุโลก เดิมเลี้ยวซ้ายที่แยกบ้านแยง อ.นครไทย แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปออก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เปลี่ยนเป็นตรงไปตามถนนพิษณุโลก-หล่มสัก จอดรับผู้โดยสารที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 21 และ 2014 ไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย ทำให้ใช้ระยะทางเพิ่มจากเดิมประมาณ 50 กิโลเมตร บริษัท นครชัยขนส่ง จำกัด เปลี่ยนเส้นทางเดินรถสาย 824 เลย-พัทยา-ระยอง จากจังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมใช้ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-ปักธงชัย-นครราชสีมา เปลี่ยนเป็นใช้ทางหลวงหมายเลข 3200 (ฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี้ยว) ต่อด้วยถนนสายบางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ถึง อ.องครักษ์ จ.นครนายก เลี้ยวขวาไปตามถนนรังสิต-นครนายก เลี้ยวเข้า อ.บ้านนา แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 3222 (บ้านนา-องครักษ์) ไปออก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อนใช้ถนนมิตรภาพไป จ.นครราชสีมา แต่เส้นทางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง-พัทลุง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างจังหวัดฝั่งอันดามัน เช่น ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถทัวร์ รถเช่าเหมา ที่มีมาตรการออกมาเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ห้องพัก ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเตรียมนัดชุมนุมใหญ่บนเส้นทางเขาพับผ้าในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ สำหรับ 7 เส้นทางที่กรมการขนส่งทางบก ห้ามรถบัส 2 ชั้นเดินรถขนส่งผู้โดยสาร ได้แก่ 1. ทางหลวงหมายเลข 118 (ถนนเชียงใหม่-เชียงราย) ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว จ.เชียงใหม่ 2. ทางหลวงหมายเลข 103 (ถนนแพร่–ลำปาง สายเก่า) ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ จ.แพร่ 3. ทางหลวงหมายเลข 1256 (ถนนลอยฟ้า) ช่วงป้ว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน 4. ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม จ.เลย 5. ทางหลวงหมายเลข 2331 (ถนนภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า) ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ 6. ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนกบินทร์บุรี-ปักธงชัย) ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว จ.ปราจีนบุรี 7. ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงเขาพับผ้า ตรัง–พัทลุง จ.พัทลุง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองประกวดนางสาวไทยนครราชสีมา ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน “โครงการคัดกรองพาหะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (SMA) “เด็กโคราชสุขภาพดี ปลอดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” จังหวัดนครราชสีมาและ แถลงข่าวพิธีมอบมงกุฎพร้อมทั้งสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับนางสาวไทยนครราชสีมา และ นางสาวไทยสระบุรีประจำปี 2568 ” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น.ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    โดยได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เป็นประธานในพิธี มอบมงกุฎและสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับ “เจเล่”-น.ส.โชติกา ดอกแก้วกลาง เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา และ “แคท”-น.ส.พนิดา ตั้งตระกูลเจริญ เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดสระบุรี เพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์อันโดดเด่นเมืองโคราช สะท้อนความสง่างามในทุกมิติ ก้าวสู่เวทีระดับประเทศในการประกวด นางสาวไทย ประจำปี 2568 ซึ่งจะประกวดรอบชิงชนะเลิศ Final Competition นางสาวไทย ประจำปี 2568 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน
    ทั้งนี้ ผู้กองแคท อาทิตยา เบ็ญจะปัก รองอันดับ 2 นางสาวไทย 2567 และนางสาวไทยนครราชสีมา 2567 ได้อำลาตำแหน่งอันทรงคุณค่าอย่างเป็นทางการพร้อมจัดเสวนา โครงการที่จะเกิดขึ้นเพื่อน้องๆ โรคแขนขาอ่อนแรงโรงพยาบาลลมหาราชนครราชสีมา โครงการผู้ว่าพานับคาร์บ เพื่อลดโรค NCDs (โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง) และโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน TO BE NUMBER ONE (TO BE IDOL) และโครงการการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเด็กและเยาวชน โดย ร้อยตำรวจเอกหญิงอาทิตยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการเดินแบบผ้าไทย สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” สัมภาษณ์ เจ้าของแบรนด์ผ้าไหมโคราช “ศักดิ์ศรีไหมไทย”
    ภายในงานได้มีแขกรับเชิญพิเศษ “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” 1st runner up Miss Universe 2023 | Miss Universe Thailand 2023 | ประธานมูลนิธิ Little Steps พร้อมด้วย แม่ปุ้ย-น.ส.ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้จัดกองประกวด TPN และแขกผู้มีเกียรติ อาทิ ดร.นก ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ นางสาวไทยประจำปี 2541,ฟ็อก ปรเมษฐ์ มั่นยืน 3rd Runner up Mister Global Thailand 2024 และ สุ สุรชยา ใจหมั่น 1st Runner up UIU 2024 ที่ให้เกียรติมาร่วมอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอีกครั้งนึง อีกทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ น.ส.ชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย ผู้จัดการใหญ่กิจกรรมการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้การต้อนรับเหล่าแฟนนางงามที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    กองประกวดนางสาวไทยนครราชสีมา ร่วมกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน “โครงการคัดกรองพาหะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (SMA) “เด็กโคราชสุขภาพดี ปลอดโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” จังหวัดนครราชสีมาและ แถลงข่าวพิธีมอบมงกุฎพร้อมทั้งสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับนางสาวไทยนครราชสีมา และ นางสาวไทยสระบุรีประจำปี 2568 ” ในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น.ณ วาไรตี้ ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช โดยได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เป็นประธานในพิธี มอบมงกุฎและสายสะพายอย่างเป็นทางการให้กับ “เจเล่”-น.ส.โชติกา ดอกแก้วกลาง เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา และ “แคท”-น.ส.พนิดา ตั้งตระกูลเจริญ เป็นตัวแทนนางสาวไทยจังหวัดสระบุรี เพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์อันโดดเด่นเมืองโคราช สะท้อนความสง่างามในทุกมิติ ก้าวสู่เวทีระดับประเทศในการประกวด นางสาวไทย ประจำปี 2568 ซึ่งจะประกวดรอบชิงชนะเลิศ Final Competition นางสาวไทย ประจำปี 2568 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่ ห้องเอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ทั้งนี้ ผู้กองแคท อาทิตยา เบ็ญจะปัก รองอันดับ 2 นางสาวไทย 2567 และนางสาวไทยนครราชสีมา 2567 ได้อำลาตำแหน่งอันทรงคุณค่าอย่างเป็นทางการพร้อมจัดเสวนา โครงการที่จะเกิดขึ้นเพื่อน้องๆ โรคแขนขาอ่อนแรงโรงพยาบาลลมหาราชนครราชสีมา โครงการผู้ว่าพานับคาร์บ เพื่อลดโรค NCDs (โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง) และโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน TO BE NUMBER ONE (TO BE IDOL) และโครงการการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเด็กและเยาวชน โดย ร้อยตำรวจเอกหญิงอาทิตยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการเดินแบบผ้าไทย สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” สัมภาษณ์ เจ้าของแบรนด์ผ้าไหมโคราช “ศักดิ์ศรีไหมไทย” ภายในงานได้มีแขกรับเชิญพิเศษ “แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว” 1st runner up Miss Universe 2023 | Miss Universe Thailand 2023 | ประธานมูลนิธิ Little Steps พร้อมด้วย แม่ปุ้ย-น.ส.ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้จัดกองประกวด TPN และแขกผู้มีเกียรติ อาทิ ดร.นก ชลิดา เถาว์ชาลี ตันติพิภพ นางสาวไทยประจำปี 2541,ฟ็อก ปรเมษฐ์ มั่นยืน 3rd Runner up Mister Global Thailand 2024 และ สุ สุรชยา ใจหมั่น 1st Runner up UIU 2024 ที่ให้เกียรติมาร่วมอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอีกครั้งนึง อีกทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ น.ส.ชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย ผู้จัดการใหญ่กิจกรรมการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้การต้อนรับเหล่าแฟนนางงามที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร

    เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥

    ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี...

    เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย...

    เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม...

    ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี

    ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣

    เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย...

    จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ

    จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?

    🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢

    ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข

    การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง

    วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด

    ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️

    คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์

    ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️

    จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨

    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน

    🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง

    อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗

    ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล

    🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน

    แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ...

    สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น

    คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ

    คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552

    คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557

    แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭

    🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈

    แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568

    📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥 ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี... เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย... เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม... ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣 เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย... จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? 🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢 ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️ คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️ จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน 🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗ ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล 🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ... สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552 คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557 แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭 🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈 แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568 📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 960 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1228 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26/3/68

    น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย
    มิงค์สระบุรี
    แชมป์โลกสนุกเกอร์เยาวชน 3ปีซ้อน

    https://youtu.be/pQ1FuzDgaCI

    ความสำเร็จ...
    เกิดจากการมีวินัยฝึกซ้อม
    • มิ้งค์ แชมป์โลกสนุกเกอร์เยาวช
    cr: SUPER 100
    26/3/68 น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย มิงค์สระบุรี แชมป์โลกสนุกเกอร์เยาวชน 3ปีซ้อน https://youtu.be/pQ1FuzDgaCI ความสำเร็จ... เกิดจากการมีวินัยฝึกซ้อม • มิ้งค์ แชมป์โลกสนุกเกอร์เยาวช cr: SUPER 100
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเต็กดีราคามิตรภาพ ร้านเทพประทานสเต็กเฮ้าส์ #สระบุรี #ร้านดีบอกต่อ #ชวนชิม #พาชิม #กินอะไรดี #กินเก่ง #ร้านอร่อย #หิว #กิน #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    สเต็กดีราคามิตรภาพ ร้านเทพประทานสเต็กเฮ้าส์ #สระบุรี #ร้านดีบอกต่อ #ชวนชิม #พาชิม #กินอะไรดี #กินเก่ง #ร้านอร่อย #หิว #กิน #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวเอกรส ลูกชิ้นชั้น1 #สระบุรี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #กิน #หิว #noodles #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #เทรนด์วันนี้ #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเอกรส ลูกชิ้นชั้น1 #สระบุรี #อร่อยบอกต่อ #ร้านดีบอกต่อ #ร้านอร่อย #ชวนชิม #กินเก่ง #พาชิม #กิน #หิว #noodles #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #เทรนด์วันนี้ #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 933 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เปิดทรัพย์สิน "บิ๊กอ๊อบ" พล.อ.ทรงวิทย์ นั่ง ผบ.สส.ครบ 3 ปี รวย 326.4 ล้าน ที่ดิน-พระเครื่อง-ปืนเพียบ ปี 67 ขายที่ดิน-พระ รับทรัพย์ 20.8 ล้าน ด้านภรรยาลงทุนหุ้น-กองทุนกว่า 148 ล้าน

    วันนี้(10 มี.ค.)สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี โดยพลเอกทรงวิทย์ และ ปัญญดา หนุนภักดี คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 326,482,272 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของพลเอกทรงวิทย์ 100,548,815 บาท ประกอบด้วยเงินสด 400,000 บาทเงินฝาก 5 บัญชีรวม 4,551,232 บาท เงินลงทุน 25,400,309 บาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนเปิดต่างๆ ที่ดิน 41 แปลง ส่วนใหญ่ใน อ.สามเงา จ.ตาก และ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ และเขตมีนบุรี กทม.รวมมูลค่า 32,144,995 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็น ตึกแถว บ้านพัก และห้องชุด ทั้งในกทม จ.ภูเก็ต เชียงใหม่สระบุรี รวม 6 หลังมูลค่า 11,650,000 บาท ยานพาหนะเป็นรถกระบะ Toyota Vigo 1 คันมูลค่า 200,000 บาท สิทธิและสัมปทานเป็นประกันชีวิตและสมาชิกสนามกอล์ฟตลอดชีพ 3 แห่งรวม 14,577,358 บาท ทรัพย์สินอื่น 11,625,000 บาท และมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 1,961 บาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000022967

    #MGROnline #บิ๊กอ๊อบ #บัญชีทรัพย์สิน
    เปิดทรัพย์สิน "บิ๊กอ๊อบ" พล.อ.ทรงวิทย์ นั่ง ผบ.สส.ครบ 3 ปี รวย 326.4 ล้าน ที่ดิน-พระเครื่อง-ปืนเพียบ ปี 67 ขายที่ดิน-พระ รับทรัพย์ 20.8 ล้าน ด้านภรรยาลงทุนหุ้น-กองทุนกว่า 148 ล้าน • วันนี้(10 มี.ค.)สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กรณีดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี โดยพลเอกทรงวิทย์ และ ปัญญดา หนุนภักดี คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 326,482,272 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของพลเอกทรงวิทย์ 100,548,815 บาท ประกอบด้วยเงินสด 400,000 บาทเงินฝาก 5 บัญชีรวม 4,551,232 บาท เงินลงทุน 25,400,309 บาท ส่วนใหญ่ลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนเปิดต่างๆ ที่ดิน 41 แปลง ส่วนใหญ่ใน อ.สามเงา จ.ตาก และ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ และเขตมีนบุรี กทม.รวมมูลค่า 32,144,995 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็น ตึกแถว บ้านพัก และห้องชุด ทั้งในกทม จ.ภูเก็ต เชียงใหม่สระบุรี รวม 6 หลังมูลค่า 11,650,000 บาท ยานพาหนะเป็นรถกระบะ Toyota Vigo 1 คันมูลค่า 200,000 บาท สิทธิและสัมปทานเป็นประกันชีวิตและสมาชิกสนามกอล์ฟตลอดชีพ 3 แห่งรวม 14,577,358 บาท ทรัพย์สินอื่น 11,625,000 บาท และมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 1,961 บาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000022967 • #MGROnline #บิ๊กอ๊อบ #บัญชีทรัพย์สิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น

    📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️

    การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️

    🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568
    การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

    ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
    - มีสัญชาติไทย 🇹🇭
    - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ
    - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥
    - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน
    - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓

    🚨 ข้อกำหนดพิเศษ
    - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨
    - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน

    📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป

    🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร
    ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน
    ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
    ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง
    ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว
    ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี
    ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี
    ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล

    📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท

    🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ

    🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ

    📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568
    การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
    📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน
    - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ!

    📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน
    -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร

    🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร

    📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568
    🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์:
    ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com
    📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

    🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร
    ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸
    ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔
    ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠
    ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓
    ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง
    ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖

    📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB

    💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
    - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท
    - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท
    📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้

    📍 ช่องทางชำระเงิน:
    - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦
    - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲
    - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
    🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น!

    📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่
    📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com

    🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน!
    🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน
    📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า
    🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย

    🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง
    ✅ ท่องศัพท์
    ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า
    ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ

    🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ
    🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง

    🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ
    😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ

    🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀

    📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่
    🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568

    📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3122 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะมีทองจริงบ้างไหม? : [News story]

    คุณนะโม ร้านทองดัง จ.สระบุรี เผยคลิปลูกค้านำทองที่สะสมจากบ่อขยะมาให้เช็ก
    งานนี้เห็นราคาแล้วถึงกับยิ้มออกเลย
    จะมีทองจริงบ้างไหม? : [News story] คุณนะโม ร้านทองดัง จ.สระบุรี เผยคลิปลูกค้านำทองที่สะสมจากบ่อขยะมาให้เช็ก งานนี้เห็นราคาแล้วถึงกับยิ้มออกเลย
    Like
    Love
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • เหรียญพระครูจรัส รุ่น1 วัดฤาษีนุตจรัสวงษาราม จ.สระบุรี

    เหรียญพระครูจรัส รุ่น1 อนุสรณ์สร้างอุโบสถ วัดฤาษีนุตจรัสวงษาราม จ.สระบุรี //ไม่ค่อยพบเห็นสักเท่าไหร่ เป็นเหรียญรุ่นแรกปัจจุบันเริ่มเป็นเหรียญหายาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง มหาอำนาจ ตบะ เดชะ แคล้วคลาดคงกระพัน ช่วยเรื่องเมตตา เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี น่าเกรงขาม

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูจรัส รุ่น1 วัดฤาษีนุตจรัสวงษาราม จ.สระบุรี เหรียญพระครูจรัส รุ่น1 อนุสรณ์สร้างอุโบสถ วัดฤาษีนุตจรัสวงษาราม จ.สระบุรี //ไม่ค่อยพบเห็นสักเท่าไหร่ เป็นเหรียญรุ่นแรกปัจจุบันเริ่มเป็นเหรียญหายาก // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง มหาอำนาจ ตบะ เดชะ แคล้วคลาดคงกระพัน ช่วยเรื่องเมตตา เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี น่าเกรงขาม ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • 34 ปี โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ รุมงัดตู้คอนเทนเนอร์ หวังฉกสินค้า ก่อนระเบิดคร่า 140 ชีวิต บาดเจ็บนับร้อย

    😢 โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์สุดสลด ที่ทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ ชาวบ้านแห่รุมเก็บของ โดยไม่รู้ถึงอันตราย และสุดท้ายเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ที่พรากชีวิตผู้คนไปถึง 140 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อย

    📅 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา 17.30 น. รถบรรทุกที่บรรจุ แก๊ปไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์จุดระเบิดสำหรับการทำเหมือง และงานก่อสร้าง ออกเดินทางจากภูเก็ต มุ่งหน้าไปสระบุรี

    แต่เมื่อขบวนรถถึง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อเกิดเสียหลัก แหกโค้งพลิกคว่ำ ส่งผลให้ลังไม้ที่บรรจุแก๊ปไฟฟ้า กระจัดกระจายเกลื่อนทั่วถนน

    ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นของมีค่า รีบกรูกันเข้าไปเก็บ โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจ ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ 😢

    ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ
    🚛 ขบวนรถบรรทุกอันตราย
    - รถบรรทุก 10 ล้อ 1 คัน
    - รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ 1 คัน
    - มีรถวิทยุตรวจเขต ตำรวจทางหลวงนำขบวน

    เมื่อถึง กม.ที่ 41-42 บริเวณทางโค้ง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อ เสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ ทำให้ลังบรรจุแก๊ปไฟฟ้า หล่นกระจัดกระจาย เกลื่อนเต็มพื้นถนน

    🔴 แก๊ปไฟฟ้า คืออะไร?
    เป็นอุปกรณ์ระเบิดที่ใช้ในเหมืองแร่ จุดระเบิดง่ายจากแรงกระแทก หรือประกายไฟ ถูกบรรจุมาในลังไม้ แต่เมื่อตกกระจายออกมา ก็มีความเสี่ยงสูง

    ชุลมุนชิงของ ก่อนเปลี่ยนเป็นหายนะ
    👥 ชาวบ้านหลั่งไหลมาเก็บแก๊ปไฟฟ้า
    เข้าใจผิด คิดว่าเป็นวัตถุมีค่า โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรพยายามกันประชาชน ออกจากพื้นที่ แต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้

    🚍 การจราจรติดขัด
    รถบัสโดยสาร บขส. สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต จอดรอ รถสองแถว และจักรยานยนต์หลายสิบคัน

    📢 จุดเปลี่ยนของโศกนาฏกรรม
    มีไทยมุงพยายามงัดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อดูว่ามีของมีค่าหรือไม่ บางคนนำชะแลงเหล็กมางัด จนเกิดประกายไฟ หรือแรงกระแทก อาจเป็นชนวนให้เกิดระเบิด

    ระเบิดสังหาร 140 ศพ: แรงอัดกระแทกมหาศาล
    💥 เวลา 18.30 น. เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว
    เปลวเพลิงลุกท่วม แรงระเบิดแผ่ไปไกล 1 กม. อาคารโดยรอบพังยับ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย ศาลาอเนกประสงค์

    🩸 สภาพศพและผู้บาดเจ็บ
    เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 60 คน ถูกไฟคลอกและแรงระเบิด ทำให้ร่างแหลกเหลว ในรถบัสโดยสาร ผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บสาหัส ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 60 คน

    🚔 เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
    ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายจังหวัด เดินทางมาให้การช่วยเหลือ เกรงว่าอาจเกิดระเบิดซ้ำ จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวัง

    ผลกระทบและบทเรียนจากเหตุการณ์
    🔍 สาเหตุที่แท้จริงของระเบิด
    - แก๊ปไฟฟ้าไวต่อแรงกระแทก
    - การขาดความรู้ของประชาชน
    - การละเลยคำเตือนของเจ้าหน้าที่

    📌 บทเรียนสำคัญ
    - การขนส่งวัตถุอันตราย ควรมีมาตรการรัดกุมกว่านี้
    - ประชาชนควรมีความรู้ เกี่ยวกับอันตรายของวัตถุระเบิด
    - ควรมีมาตรการควบคุมพื้นที่ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง

    โศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
    ⚠️ โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรง และสะเทือนขวัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย การระเบิดที่เกิดจากความประมาท และความไม่รู้ ได้คร่าชีวิต 140 คน และทำให้บาดเจ็บอีกหลายร้อย

    ❗ เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้?
    - อย่าเข้าใกล้วัตถุอันตรายโดยไม่มีความรู้
    - ฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่เสมอ
    - การขนส่งวัตถุอันตราย ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

    🙏 ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151151 ก.พ. 2568

    🔖 #โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว #34ปีที่แล้ว #รถบรรทุกคว่ำ #แก๊ปไฟฟ้า #ระเบิดครั้งใหญ่ #ไทยมุง #ภัยจากความไม่รู้ #บทเรียนครั้งใหญ่ #โศกนาฏกรรมไทย #ความปลอดภัยต้องมาก่อน 🔁 🚨
    34 ปี โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ รุมงัดตู้คอนเทนเนอร์ หวังฉกสินค้า ก่อนระเบิดคร่า 140 ชีวิต บาดเจ็บนับร้อย 😢 โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์สุดสลด ที่ทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ ชาวบ้านแห่รุมเก็บของ โดยไม่รู้ถึงอันตราย และสุดท้ายเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ที่พรากชีวิตผู้คนไปถึง 140 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อย 📅 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา 17.30 น. รถบรรทุกที่บรรจุ แก๊ปไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุปกรณ์จุดระเบิดสำหรับการทำเหมือง และงานก่อสร้าง ออกเดินทางจากภูเก็ต มุ่งหน้าไปสระบุรี แต่เมื่อขบวนรถถึง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อเกิดเสียหลัก แหกโค้งพลิกคว่ำ ส่งผลให้ลังไม้ที่บรรจุแก๊ปไฟฟ้า กระจัดกระจายเกลื่อนทั่วถนน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นของมีค่า รีบกรูกันเข้าไปเก็บ โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจ ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ 😢 ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม รถบรรทุกแก๊ปไฟฟ้าคว่ำ 🚛 ขบวนรถบรรทุกอันตราย - รถบรรทุก 10 ล้อ 1 คัน - รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ 1 คัน - มีรถวิทยุตรวจเขต ตำรวจทางหลวงนำขบวน เมื่อถึง กม.ที่ 41-42 บริเวณทางโค้ง สามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รถบรรทุกสิบล้อ เสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ ทำให้ลังบรรจุแก๊ปไฟฟ้า หล่นกระจัดกระจาย เกลื่อนเต็มพื้นถนน 🔴 แก๊ปไฟฟ้า คืออะไร? เป็นอุปกรณ์ระเบิดที่ใช้ในเหมืองแร่ จุดระเบิดง่ายจากแรงกระแทก หรือประกายไฟ ถูกบรรจุมาในลังไม้ แต่เมื่อตกกระจายออกมา ก็มีความเสี่ยงสูง ชุลมุนชิงของ ก่อนเปลี่ยนเป็นหายนะ 👥 ชาวบ้านหลั่งไหลมาเก็บแก๊ปไฟฟ้า เข้าใจผิด คิดว่าเป็นวัตถุมีค่า โดยไม่ฟังคำเตือนของตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรพยายามกันประชาชน ออกจากพื้นที่ แต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ 🚍 การจราจรติดขัด รถบัสโดยสาร บขส. สายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต จอดรอ รถสองแถว และจักรยานยนต์หลายสิบคัน 📢 จุดเปลี่ยนของโศกนาฏกรรม มีไทยมุงพยายามงัดตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อดูว่ามีของมีค่าหรือไม่ บางคนนำชะแลงเหล็กมางัด จนเกิดประกายไฟ หรือแรงกระแทก อาจเป็นชนวนให้เกิดระเบิด ระเบิดสังหาร 140 ศพ: แรงอัดกระแทกมหาศาล 💥 เวลา 18.30 น. เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงลุกท่วม แรงระเบิดแผ่ไปไกล 1 กม. อาคารโดยรอบพังยับ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย ศาลาอเนกประสงค์ 🩸 สภาพศพและผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 60 คน ถูกไฟคลอกและแรงระเบิด ทำให้ร่างแหลกเหลว ในรถบัสโดยสาร ผู้โดยสารเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บสาหัส ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 60 คน 🚔 เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายจังหวัด เดินทางมาให้การช่วยเหลือ เกรงว่าอาจเกิดระเบิดซ้ำ จึงต้องทำงานอย่างระมัดระวัง ผลกระทบและบทเรียนจากเหตุการณ์ 🔍 สาเหตุที่แท้จริงของระเบิด - แก๊ปไฟฟ้าไวต่อแรงกระแทก - การขาดความรู้ของประชาชน - การละเลยคำเตือนของเจ้าหน้าที่ 📌 บทเรียนสำคัญ - การขนส่งวัตถุอันตราย ควรมีมาตรการรัดกุมกว่านี้ - ประชาชนควรมีความรู้ เกี่ยวกับอันตรายของวัตถุระเบิด - ควรมีมาตรการควบคุมพื้นที่ทันที เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง โศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก ⚠️ โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรง และสะเทือนขวัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย การระเบิดที่เกิดจากความประมาท และความไม่รู้ ได้คร่าชีวิต 140 คน และทำให้บาดเจ็บอีกหลายร้อย ❗ เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้? - อย่าเข้าใกล้วัตถุอันตรายโดยไม่มีความรู้ - ฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่เสมอ - การขนส่งวัตถุอันตราย ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด 🙏 ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151151 ก.พ. 2568 🔖 #โศกนาฏกรรมทุ่งมะพร้าว #34ปีที่แล้ว #รถบรรทุกคว่ำ #แก๊ปไฟฟ้า #ระเบิดครั้งใหญ่ #ไทยมุง #ภัยจากความไม่รู้ #บทเรียนครั้งใหญ่ #โศกนาฏกรรมไทย #ความปลอดภัยต้องมาก่อน 🔁 🚨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นเปิดช่วงสงกรานต์ 68 มอเตอร์เวย์หินกอง-ปากช่อง

    โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เปิดทดลองให้บริการช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่จุดเข้า-ออกชั่วคราวถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 ถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 77.493 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

    โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง ระยะทาง 87 กิโลเมตร โดยได้ติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    แม้ลักษณะทางกายภาพพบว่าตอนที่ 18 ถึงตอนที่ 23 ตั้งแต่ อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะตอนที่ 21 กำลังก่อสร้างสะพานด้านซ้ายทาง บริเวณหลัง อสค.มวกเหล็ก แต่ผู้รับจ้างจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเฉพาะช่วงซ้ายทางก่อน เพื่อใช้สำหรับระบายการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยสลับวันเปิดใช้ขาออกและขาเข้าเพียงขาเดียว ก่อนที่หลังสงกรานต์จะปิดการจราจรและก่อสร้างช่วงที่เหลือให้แล้วเสร็จต่อไป

    โดยการเปิดใช้ทางเริ่มจากด่านหินกอง ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนภาชี-หินกอง) รับรถจากทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) จาก อ.บางปะหัน อ.นครหลวง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, ด่านสระบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ใกล้กับทางแยกต่างระดับพระพุทธฉาย, ด่านแก่งคอย ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 3222 (ถนนแก่งคอย-บ้านนา), ด่านมวกเหล็ก เชื่อมกับถนนมิตรภาพ บริเวณศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก และด่านปากช่อง บริเวณถนนธนะรัชต์

    สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง เดือน ม.ค. 2568 พบว่าคืบหน้า 97.156% โดยงานโยธาแล้วเสร็จ 33 ตอน จากทั้งหมด 40 ตอน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่ม 1 ตอน ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างถนนเชื่อมทางต่างระดับบริเวณถนนมิตรภาพ เพื่อเข้า-ออกด่านมวกเหล็ก สะพานภายในทางแยกต่างระดับซึ่งเป็นสะพานโค้งคอนกรีตยันผาหินแห่งแรกในประเทศไทย และการก่อสร้างสะพานเชื่อมชุมชน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 7 ตอน ได้แก่ ตอน 1, 4, 5, 18, 19, 21 และ 23 ส่วนงานระบบคืบหน้า 73.73%

    #Newskit
    ลุ้นเปิดช่วงสงกรานต์ 68 มอเตอร์เวย์หินกอง-ปากช่อง โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เปิดทดลองให้บริการช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ตั้งแต่จุดเข้า-ออกชั่วคราวถนนมิตรภาพ กิโลเมตรที่ 65 ถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา รวมระยะทาง 77.493 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง ระยะทาง 87 กิโลเมตร โดยได้ติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย แม้ลักษณะทางกายภาพพบว่าตอนที่ 18 ถึงตอนที่ 23 ตั้งแต่ อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถึง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะตอนที่ 21 กำลังก่อสร้างสะพานด้านซ้ายทาง บริเวณหลัง อสค.มวกเหล็ก แต่ผู้รับจ้างจะเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเฉพาะช่วงซ้ายทางก่อน เพื่อใช้สำหรับระบายการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยสลับวันเปิดใช้ขาออกและขาเข้าเพียงขาเดียว ก่อนที่หลังสงกรานต์จะปิดการจราจรและก่อสร้างช่วงที่เหลือให้แล้วเสร็จต่อไป โดยการเปิดใช้ทางเริ่มจากด่านหินกอง ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนภาชี-หินกอง) รับรถจากทางหลวงหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) จาก อ.บางปะหัน อ.นครหลวง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา, ด่านสระบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ใกล้กับทางแยกต่างระดับพระพุทธฉาย, ด่านแก่งคอย ตั้งอยู่ที่ทางหลวงหมายเลข 3222 (ถนนแก่งคอย-บ้านนา), ด่านมวกเหล็ก เชื่อมกับถนนมิตรภาพ บริเวณศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก และด่านปากช่อง บริเวณถนนธนะรัชต์ สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง เดือน ม.ค. 2568 พบว่าคืบหน้า 97.156% โดยงานโยธาแล้วเสร็จ 33 ตอน จากทั้งหมด 40 ตอน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่ม 1 ตอน ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างถนนเชื่อมทางต่างระดับบริเวณถนนมิตรภาพ เพื่อเข้า-ออกด่านมวกเหล็ก สะพานภายในทางแยกต่างระดับซึ่งเป็นสะพานโค้งคอนกรีตยันผาหินแห่งแรกในประเทศไทย และการก่อสร้างสะพานเชื่อมชุมชน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 7 ตอน ได้แก่ ตอน 1, 4, 5, 18, 19, 21 และ 23 ส่วนงานระบบคืบหน้า 73.73% #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549

    พระรอดหลัง ภปร.( ยิงโค้ดเลข ๙ และดวงตราสัญลักษณ์ด้วยเลเซอร์ที่ด้านหลัง ) วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 //พระดีพิธีใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี เสริมสิริมงคล เสริมดวงชะตา กระทำการสิ่งใดสำเร็จทุกประการ >>

    ** พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากวัดต้นกำเนิด ทั้ง 5 วัด และผงอิทธิเจ ปัตทะมัง จากเจ้าประคุณสมเด็จ

    ** รายนามพระเกจิที่อธิษฐานจิต
    1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ กทม.
    2. สมเด็จพระมหาธีรจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม กทม.
    3. สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) วัดเทพศิรินทร์ กทม.
    4. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม กทม.
    5. สมเด็จมหารัชมัคลาจารย์ (ช่วง วรปุณฺโณ) วัดปากน้ำ กทม.
    6. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา
    7. หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา
    8. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา
    9. หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน อยุธยา
    10. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
    11. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี
    12. หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี
    13. หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
    14. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา
    15. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา
    16. หลวงพ่อทอง วัดพระธาตุจอมทอง เชียงใหม่
    17. หลวงพ่อเนื่อง วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.
    18. หลวงพ่อทองสืบ วัดอินทรวิหาร กทม.
    19. หลวงปู่แหวน วัดมหาธาตุ กทม.
    20. หลวงพ่อธงชัย วัดไตรมิตร กทม.
    21. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี
    22. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ ปทุมธานี
    23. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ปทุมธานี
    24. หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี
    25. หลวงพ่อวิเชียร วัดมูลจินดา ปทุมธานี
    26.. หลวงพ่อทองหล่อ วัดคันลัด สมุทรปราการ
    27. หลวงพ่อสมโภชน์ วัดแค สมุทรปราการ
    28. หลวงพ่อจรัญ วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ
    29. หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา
    30. หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
    31. หลวงพ่อสงวน วัดเสาธงทอง ลพบุรี
    32. หลวงพ่อสมพร วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี
    33. หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส สุพรรณบุรี
    34. หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
    35. หลวงพ่อสุนทร วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม
    36. หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    37. หลวงพ่อแดง วัดอินทาราม สมุทรสงคราม
    38. หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก สมุทรสงคราม
    39. หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา
    40. หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดโสธร ฉะเชิงเทรา
    41. หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ฉะเชิงเทรา
    42. หลวงพ่อฉิ้น เมืองยะลา
    43. หลวงพ่อกลัง เขาอ้อ
    44. หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน พัทลุง
    45. หลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ สุราษฏร์ธานี
    46. หลวงพ่อบุญศรี วัดนาคาราม ภูเก็ต
    47. หลวงพ่อเสนอ วัดตะโปทาราม ระนอง
    48. หลวงพ่อห่วง วัดดอนกาหลง สตูล
    49. หลวงพ่อนวน วัดประดิษฐานราม นครศรีธรรมราช
    50. หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว สงขลา
    51. หลวงพ่ออุทธีร์ วัดเวฬุวัน ร้อยเอ็ด
    52. หลวงพ่อเที่ยง วัดพระบาทเขากระโพง บุรีรัมย์
    53. หลวงพ่อทองจันทร์ วัดคำแคน กาฬสิทธิ์
    54. หลวงพ่อสมเกียรติ วัดมหาวนาราม อุบลราชธานี
    55. หลวงพ่อไพรินทร์ วัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลก
    56. หลวงพ่อแขก วัดอรัญญิก พิษณุโลก
    57. หลวงพ่อธงชั วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
    58. หลวงพ่อสมพงศ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว นครปฐม
    59. หลวงพ่อศรี วัดหน้าพระลาน สระบุรี
    60. หลวงพ่อบุญธรรม วัดตะเคียน อ่างทอง
    61. หลวงพ่อทอด วัดหนองสุ่ม สิ่งห์บุรี
    62. หลวงพ่อประเทือง วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี
    63. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม
    64. หลวงพ่อแก่น วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา
    65. หลวงพ่อเกตุ วัดอุดมธานี นครนายก
    66. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ วัดบางพระ นครปฐม
    67. พระครูเฉลียว วัดมหาธาตุ กทม.
    68. พระครูประดิษฐ์นวกิจ วัดท่าตะคร้อ กาญจนบุรี
    69. พระครูภาวนาวรกิจ วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 พระรอดหลัง ภปร.( ยิงโค้ดเลข ๙ และดวงตราสัญลักษณ์ด้วยเลเซอร์ที่ด้านหลัง ) วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 //พระดีพิธีใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี เสริมสิริมงคล เสริมดวงชะตา กระทำการสิ่งใดสำเร็จทุกประการ >> ** พระรอดหลัง ภปร. วัดมหาวัน จ.ลำพูน ปี2549 มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากวัดต้นกำเนิด ทั้ง 5 วัด และผงอิทธิเจ ปัตทะมัง จากเจ้าประคุณสมเด็จ ** รายนามพระเกจิที่อธิษฐานจิต 1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ กทม. 2. สมเด็จพระมหาธีรจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) วัดชนะสงคราม กทม. 3. สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) วัดเทพศิรินทร์ กทม. 4. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม กทม. 5. สมเด็จมหารัชมัคลาจารย์ (ช่วง วรปุณฺโณ) วัดปากน้ำ กทม. 6. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา 7. หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา 8. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา 9. หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน อยุธยา 10. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม 11. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี 12. หลวงพ่อแย้ม วัดตะเคียน นนทบุรี 13. หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี 14. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา 15. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อยุธยา 16. หลวงพ่อทอง วัดพระธาตุจอมทอง เชียงใหม่ 17. หลวงพ่อเนื่อง วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. 18. หลวงพ่อทองสืบ วัดอินทรวิหาร กทม. 19. หลวงปู่แหวน วัดมหาธาตุ กทม. 20. หลวงพ่อธงชัย วัดไตรมิตร กทม. 21. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี 22. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ ปทุมธานี 23. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม ปทุมธานี 24. หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย ปทุมธานี 25. หลวงพ่อวิเชียร วัดมูลจินดา ปทุมธานี 26.. หลวงพ่อทองหล่อ วัดคันลัด สมุทรปราการ 27. หลวงพ่อสมโภชน์ วัดแค สมุทรปราการ 28. หลวงพ่อจรัญ วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ 29. หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา 30. หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก อยุธยา 31. หลวงพ่อสงวน วัดเสาธงทอง ลพบุรี 32. หลวงพ่อสมพร วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี 33. หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส สุพรรณบุรี 34. หลวงพ่อสอิ้ง วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี 35. หลวงพ่อสุนทร วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม 36. หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม 37. หลวงพ่อแดง วัดอินทาราม สมุทรสงคราม 38. หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก สมุทรสงคราม 39. หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา 40. หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดโสธร ฉะเชิงเทรา 41. หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ฉะเชิงเทรา 42. หลวงพ่อฉิ้น เมืองยะลา 43. หลวงพ่อกลัง เขาอ้อ 44. หลวงพ่อพรหม วัดบ้านสวน พัทลุง 45. หลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ สุราษฏร์ธานี 46. หลวงพ่อบุญศรี วัดนาคาราม ภูเก็ต 47. หลวงพ่อเสนอ วัดตะโปทาราม ระนอง 48. หลวงพ่อห่วง วัดดอนกาหลง สตูล 49. หลวงพ่อนวน วัดประดิษฐานราม นครศรีธรรมราช 50. หลวงพ่อผัน วัดทรายขาว สงขลา 51. หลวงพ่ออุทธีร์ วัดเวฬุวัน ร้อยเอ็ด 52. หลวงพ่อเที่ยง วัดพระบาทเขากระโพง บุรีรัมย์ 53. หลวงพ่อทองจันทร์ วัดคำแคน กาฬสิทธิ์ 54. หลวงพ่อสมเกียรติ วัดมหาวนาราม อุบลราชธานี 55. หลวงพ่อไพรินทร์ วัดพระศรีมหาธาตุ พิษณุโลก 56. หลวงพ่อแขก วัดอรัญญิก พิษณุโลก 57. หลวงพ่อธงชั วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่ 58. หลวงพ่อสมพงศ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว นครปฐม 59. หลวงพ่อศรี วัดหน้าพระลาน สระบุรี 60. หลวงพ่อบุญธรรม วัดตะเคียน อ่างทอง 61. หลวงพ่อทอด วัดหนองสุ่ม สิ่งห์บุรี 62. หลวงพ่อประเทือง วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี 63. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม 64. หลวงพ่อแก่น วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา 65. หลวงพ่อเกตุ วัดอุดมธานี นครนายก 66. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ วัดบางพระ นครปฐม 67. พระครูเฉลียว วัดมหาธาตุ กทม. 68. พระครูประดิษฐ์นวกิจ วัดท่าตะคร้อ กาญจนบุรี 69. พระครูภาวนาวรกิจ วัดสันติคีรีศรีบรมธาตุ กาญจนบุรี ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1522 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิศวกรใหญ่กรมทางหลวง ประชุมเตรียมความพร้อมเปิดมอเตอร์เวย์ M6 เพิ่มเติม ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง หลังสุริยะสั่งเร่งรัดงานก่อสร้าง ให้เปิดทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 แบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ

    เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยได้มีการติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานการก่อสร้างให้เป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

    ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ช่วงดังกล่าว จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ช่วยแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนที่เดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาค ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้ กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญเพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000012988

    #MGROnline #กรมทางหลวง #มอเตอร์เวย์ #M6 #มอเตอร์เวย์โคราช
    วิศวกรใหญ่กรมทางหลวง ประชุมเตรียมความพร้อมเปิดมอเตอร์เวย์ M6 เพิ่มเติม ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง หลังสุริยะสั่งเร่งรัดงานก่อสร้าง ให้เปิดทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 แบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ • เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายชวเลิศ เลิศชวนะกุล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้าง กรมทางหลวง เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดใช้งานเพิ่มเติม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงหินกอง-สระบุรี-มวกเหล็ก-ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยได้มีการติดตามความคืบหน้างานโยธาและเร่งรัดแผนการดำเนินงานการก่อสร้างให้เป็นไปตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทางหลวงเร่งรัดงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 • ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ช่วงดังกล่าว จะเป็นทางเลือกการเดินทางที่ช่วยแบ่งเบาการจราจรหนาแน่นบนถนนมิตรภาพ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนที่เดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาค ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้ กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้างานโยธา โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญเพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000012988 • #MGROnline #กรมทางหลวง #มอเตอร์เวย์ #M6 #มอเตอร์เวย์โคราช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 699 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดให้บริการแล้ววันนี้ 🎉
    ชาร์จอย่างเต็ม Power⚡️ ที่ EV TPI Polene Power Charger ได้แล้วที่ Station EV Charger 4 แห่ง

    1. สาขามวกเหล็ก 1 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30 - 21.30 น.
    - มีตู้ EV 1 ตู้ 2 หัวจ่าย
    📍 https://maps.app.goo.gl/2t6RRgLp6ed2839u5

    2. สาขามวกเหล็ก 2 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30 - 21.30 น.
    - มีตู้ EV 2 ตู้ 4 หัวจ่าย
    📍 https://maps.app.goo.gl/WenkHRUMGMfH1xpu6

    3. สาขาสระบุรี 2 (GAS) เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
    - มีตู้ EV 1 ตู้ 2 หัวจ่าย
    📍 https://maps.app.goo.gl/wjFry7mfucFZArvQ6

    4. สาขาปากข้าวสาร เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
    - มีตู้ EV 2 ตู้ 4 หัวจ่าย
    📍 https://maps.app.goo.gl/7cdNcB2FLVut5Ryc7

    ✅ ตู้ชาร์จประจุไฟฟ้า Quick Charge DC CCS2 120 kw. "ไฟแรงเต็มประสิทธิภาพ"
    ✅ ไม่ต้องโหลด App. ให้ยุ่งยาก เรามีพนักงานพร้อมบริการ สะดวก สบาย ไม่ต้องลงจากรถ
    ✅ ยินดีรับชำระด้วยเงินสด และบัตรเครดิต Scan QR CODE
    ✅ ชาร์จได้ทั้งรถบรรทุกและรถเก๋ง

    สถานีชาร์จรถ EV TPI Polene Power Charger เปิดใหม่ สะดวก ปลอดภัย มีพนักงานพร้อมบริการ แค่แวะมาก็เติมพลังพร้อมเดินทางต่อ รองรับอนาคตแห่งการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด 🚘🌏🌱

    #EVTPIPowerCharger #TPIPolenePowerCharger #สถานีชาร์จEV #ชาร์จง่ายไม่ต้องทำเอง #สถานีชาร์จ #สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า #รถยนต์ไฟฟ้า
    #จอดปุ๊บชาร์จปั๊บ #พลังงานสะอาดเพื่อคุณ
    เปิดให้บริการแล้ววันนี้ 🎉 ชาร์จอย่างเต็ม Power⚡️ ที่ EV TPI Polene Power Charger ได้แล้วที่ Station EV Charger 4 แห่ง 1. สาขามวกเหล็ก 1 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30 - 21.30 น. - มีตู้ EV 1 ตู้ 2 หัวจ่าย 📍 https://maps.app.goo.gl/2t6RRgLp6ed2839u5 2. สาขามวกเหล็ก 2 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30 - 21.30 น. - มีตู้ EV 2 ตู้ 4 หัวจ่าย 📍 https://maps.app.goo.gl/WenkHRUMGMfH1xpu6 3. สาขาสระบุรี 2 (GAS) เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง - มีตู้ EV 1 ตู้ 2 หัวจ่าย 📍 https://maps.app.goo.gl/wjFry7mfucFZArvQ6 4. สาขาปากข้าวสาร เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง - มีตู้ EV 2 ตู้ 4 หัวจ่าย 📍 https://maps.app.goo.gl/7cdNcB2FLVut5Ryc7 ✅ ตู้ชาร์จประจุไฟฟ้า Quick Charge DC CCS2 120 kw. "ไฟแรงเต็มประสิทธิภาพ" ✅ ไม่ต้องโหลด App. ให้ยุ่งยาก เรามีพนักงานพร้อมบริการ สะดวก สบาย ไม่ต้องลงจากรถ ✅ ยินดีรับชำระด้วยเงินสด และบัตรเครดิต Scan QR CODE ✅ ชาร์จได้ทั้งรถบรรทุกและรถเก๋ง สถานีชาร์จรถ EV TPI Polene Power Charger เปิดใหม่ สะดวก ปลอดภัย มีพนักงานพร้อมบริการ แค่แวะมาก็เติมพลังพร้อมเดินทางต่อ รองรับอนาคตแห่งการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด 🚘🌏🌱 #EVTPIPowerCharger #TPIPolenePowerCharger #สถานีชาร์จEV #ชาร์จง่ายไม่ต้องทำเอง #สถานีชาร์จ #สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า #รถยนต์ไฟฟ้า #จอดปุ๊บชาร์จปั๊บ #พลังงานสะอาดเพื่อคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1158 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • โคราชแชมป์บัตรโหวตโน ตรังเทียบผู้มาใช้สิทธิสูงสุด

    การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือโหวตโน 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจประชาชน

    จากการรวบรวมข้อมูลผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด พบว่ามี 4 จังหวัดที่ไม่เปิดเผยคะแนนโหวตโนต่อสาธารณะ ได้แก่ พิจิตร บึงกาฬ นครนายก และกระบี่ ส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูมีเฉพาะข้อมูลดิบ ไม่มีการรวมจำนวนมาให้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในประกาศ กกต.จังหวัด เรื่อง ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง หรือแบบฟอร์ม ส.ถ./ผ.ถ. 5/8 ที่ประธานและกรรมการ กกต.จังหวัดลงนามก่อนส่งไปยัง กกต.กลางเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายจังหวัดเผยแพร่เอกสารนี้

    ส่วน 43 จังหวัดที่เหลือ จากการจัดอันดับพบว่า นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 110,934 ใบ หรือคิดเป็น 9.58% ของจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดทั้งประเทศ รองลงมาคือ สงขลา 86,855 ใบ คิดเป็น 7.50% อันดับสาม ตรัง 63,333 ใบ คิดเป็น 5.47% อันดับสี่ เชียงใหม่ 57,625 ใบ คิดเป็น 4.98% อันดับห้า บุรีรัมย์ 51,525 ใบ คิดเป็น 4.45% อันดับหก นครปฐม 49,395 ใบ คิดเป็น 4.26% อันดับเจ็ด เชียงราย 43,406 ใบ คิดเป็น 3.75% อันดับแปด สมุทรปราการ 42,142 ใบ คิดเป็น 3.64% อันดับเก้า สระบุรี 39,017 ใบ คิดเป็น 3.37% และอันดับสิบ นนทบุรี 37,562 ใบ คิดเป็น 3.24%

    แต่หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตรัง เป็นจังหวัดที่มีร้อยละของบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 21.30% รองลงมาคือ ยะลา 13.05% (29,334 ใบ) อันดับสาม นครปฐม 12.90% อันดับสี่ สิงห์บุรี 12.76% (12,741 ใบ) อันดับห้า สงขลา 12.63% อันดับหก สระบุรี 12.31% อันดับเจ็ด ฉะเชิงเทรา 10.20% (34,612 ใบ) อันดับแปด นครราชสีมา 9.60% อันดับเก้า สตูล 9.56% (14,659 ใบ) และอันดับสิบ น่าน 9.12% (22,872 ใบ)

    สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด (ไม่รวมจังหวัดที่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ได้แก่ ตราด 3,003 ใบ คิดเป็น 2.86% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดที่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม 4,526 ใบ คิดเป็น 2.41%

    #Newskit
    โคราชแชมป์บัตรโหวตโน ตรังเทียบผู้มาใช้สิทธิสูงสุด การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือโหวตโน 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจประชาชน จากการรวบรวมข้อมูลผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด พบว่ามี 4 จังหวัดที่ไม่เปิดเผยคะแนนโหวตโนต่อสาธารณะ ได้แก่ พิจิตร บึงกาฬ นครนายก และกระบี่ ส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูมีเฉพาะข้อมูลดิบ ไม่มีการรวมจำนวนมาให้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในประกาศ กกต.จังหวัด เรื่อง ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง หรือแบบฟอร์ม ส.ถ./ผ.ถ. 5/8 ที่ประธานและกรรมการ กกต.จังหวัดลงนามก่อนส่งไปยัง กกต.กลางเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายจังหวัดเผยแพร่เอกสารนี้ ส่วน 43 จังหวัดที่เหลือ จากการจัดอันดับพบว่า นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 110,934 ใบ หรือคิดเป็น 9.58% ของจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดทั้งประเทศ รองลงมาคือ สงขลา 86,855 ใบ คิดเป็น 7.50% อันดับสาม ตรัง 63,333 ใบ คิดเป็น 5.47% อันดับสี่ เชียงใหม่ 57,625 ใบ คิดเป็น 4.98% อันดับห้า บุรีรัมย์ 51,525 ใบ คิดเป็น 4.45% อันดับหก นครปฐม 49,395 ใบ คิดเป็น 4.26% อันดับเจ็ด เชียงราย 43,406 ใบ คิดเป็น 3.75% อันดับแปด สมุทรปราการ 42,142 ใบ คิดเป็น 3.64% อันดับเก้า สระบุรี 39,017 ใบ คิดเป็น 3.37% และอันดับสิบ นนทบุรี 37,562 ใบ คิดเป็น 3.24% แต่หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตรัง เป็นจังหวัดที่มีร้อยละของบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 21.30% รองลงมาคือ ยะลา 13.05% (29,334 ใบ) อันดับสาม นครปฐม 12.90% อันดับสี่ สิงห์บุรี 12.76% (12,741 ใบ) อันดับห้า สงขลา 12.63% อันดับหก สระบุรี 12.31% อันดับเจ็ด ฉะเชิงเทรา 10.20% (34,612 ใบ) อันดับแปด นครราชสีมา 9.60% อันดับเก้า สตูล 9.56% (14,659 ใบ) และอันดับสิบ น่าน 9.12% (22,872 ใบ) สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด (ไม่รวมจังหวัดที่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ได้แก่ ตราด 3,003 ใบ คิดเป็น 2.86% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดที่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม 4,526 ใบ คิดเป็น 2.41% #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ Sonthi Kotchawat
    “ผู้ว่าจะประกาศให้กรุงเทพเป็นเขตควบคุมมลพิษ..ต้องคิดให้ดี
    1.หากประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้วแสดงว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษสูงมากขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพเกิดขึ้นทั้งปี..ต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวด..คนจะคิดถึงพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง, พื้นที่หน้าพระลาน จ.สระบุรี เป็นต้น จะมีข่าวออกไปทั่วโลก จะมีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวหรือไม่?..จริงๆกทม.ไม่ได้มีมลพิษสูงที่เกิดขึ้นตลอดปี มีกฎหมายอื่นๆสามารถควบคุมในภาวะที่ฝุ่นสูงได้..
    ....ตามพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535 ระบุว่า
    มาตรา 59 “ในกรณีที่ปรากฏว่า ท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำ เนินการควบคุมลดและขจัดมลพิษได้”

    2.ข้อดีของการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษคือ เมื่อประกาศแล้ว ท้องถิ่นหรือเขตการปกครองในพื้นที่นั้นๆจะมีอำนาจในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหามลพิษทุกชนิดอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการศึกษาและสรรหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุม และขจัดมลพิษในพื้นที่นั้นๆ และสามารถจะดำเนินการแก้ไขปัญ หามลพิษในพื้นที่นั้นๆได้ทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการกระจายภาระหน้าที่ในการจัดการมลพิษไปสู่ท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถบังคับให้ผู้ที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดและยังสามารถขอจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุนสำหรับก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำ บัดน้ำเสียรวม หรือระบบกำจัดของเสียรวมของทางราชการที่จำเป็นสำหรับการลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้นด้วย

    3.เมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้วหากไม่สามารถดำเนินแก้ไขให้มลพิษอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในเวลาที่กำหนด ผู้ว่าท้องถิ่นหรือผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นไม่ต้องรับผิดชอบอะไร...ไม่มีบทลงโทษใดๆ”
    รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ Sonthi Kotchawat “ผู้ว่าจะประกาศให้กรุงเทพเป็นเขตควบคุมมลพิษ..ต้องคิดให้ดี 1.หากประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้วแสดงว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษสูงมากขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพเกิดขึ้นทั้งปี..ต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวด..คนจะคิดถึงพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง, พื้นที่หน้าพระลาน จ.สระบุรี เป็นต้น จะมีข่าวออกไปทั่วโลก จะมีนักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวหรือไม่?..จริงๆกทม.ไม่ได้มีมลพิษสูงที่เกิดขึ้นตลอดปี มีกฎหมายอื่นๆสามารถควบคุมในภาวะที่ฝุ่นสูงได้.. ....ตามพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535 ระบุว่า มาตรา 59 “ในกรณีที่ปรากฏว่า ท้องที่ใดมีปัญหามลพิษซึ่งมีแนวโน้มที่จะร้ายแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ท้องที่นั้นเป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำ เนินการควบคุมลดและขจัดมลพิษได้” 2.ข้อดีของการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษคือ เมื่อประกาศแล้ว ท้องถิ่นหรือเขตการปกครองในพื้นที่นั้นๆจะมีอำนาจในการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษ เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหามลพิษทุกชนิดอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการศึกษาและสรรหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุม และขจัดมลพิษในพื้นที่นั้นๆ และสามารถจะดำเนินการแก้ไขปัญ หามลพิษในพื้นที่นั้นๆได้ทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการกระจายภาระหน้าที่ในการจัดการมลพิษไปสู่ท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถบังคับให้ผู้ที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดและยังสามารถขอจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินและเงินกองทุนสำหรับก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำ บัดน้ำเสียรวม หรือระบบกำจัดของเสียรวมของทางราชการที่จำเป็นสำหรับการลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษนั้นด้วย 3.เมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้วหากไม่สามารถดำเนินแก้ไขให้มลพิษอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในเวลาที่กำหนด ผู้ว่าท้องถิ่นหรือผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นไม่ต้องรับผิดชอบอะไร...ไม่มีบทลงโทษใดๆ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว – เพชรบูรณ์
    อีกหนึ่งวัดสวยงามอลังการตา ที่ต้องมาเมื่อมาเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ ต้องยกให้ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว หนึ่งใน เพชรบูรณ์ที่เที่ยว ค่ะ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาของหมู่บ้านทางแดง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
    วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยมีพระครูปลัด ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส

    เจดีย์พระธาตุผาแก้ว สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็นที่สืบพระศาสนาให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติและคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสเรียนรู้ต่อไป บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ความพิเศษของเจดีย์ คือ ลวดลายการตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้อง หินสีต่าง ๆ ดูงดงามแปลกตาและบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    การเดินทาง : เดินทางมาได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว - จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี และใช้เส้นทางหมายเลข 21 สระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ เมื่อ ผ่านตัวเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์มาสักระยะ จนใกล้หลักกิโลเมตรที่ 260 ให้สังเกตอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองทางซ้ายมือ และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 หล่มสัก พิษณุโลก ขับต่อไปยัง ทางหลวงหมายเลข 12 ประมาณ 30 นาที หลักกิโลเมตรที่ 103 มีจุดสังเกตคือ อบต.แคมป์สนอยู่ทางขวามือ และธนาคารกสิกรไทย เยื้องขึ้นไปทางซ้ายมือ ตรงไปกลับรถ และจะเห็นป้าย พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว อยู่ปากซอยทางเข้า หมู่บ้านทางแดง ซึ่งอยู่ด้านข้าง อบต.แคมป์สน เลี้ยวซ้ายเข้าไป ตรงตลอดจนเห็นสะพานทางเข้าวัด เลี้ยวขวาข้ามสะพานและจอดรถ ณ บริเวณที่จัดไว้

    #วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
    #ท่องเที่ยว
    วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว – เพชรบูรณ์ อีกหนึ่งวัดสวยงามอลังการตา ที่ต้องมาเมื่อมาเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ ต้องยกให้ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว หนึ่งใน เพชรบูรณ์ที่เที่ยว ค่ะ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาของหมู่บ้านทางแดง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยมีพระครูปลัด ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส เจดีย์พระธาตุผาแก้ว สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็นที่สืบพระศาสนาให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติและคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสเรียนรู้ต่อไป บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ความพิเศษของเจดีย์ คือ ลวดลายการตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้อง หินสีต่าง ๆ ดูงดงามแปลกตาและบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป การเดินทาง : เดินทางมาได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว - จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี และใช้เส้นทางหมายเลข 21 สระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ เมื่อ ผ่านตัวเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์มาสักระยะ จนใกล้หลักกิโลเมตรที่ 260 ให้สังเกตอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองทางซ้ายมือ และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 หล่มสัก พิษณุโลก ขับต่อไปยัง ทางหลวงหมายเลข 12 ประมาณ 30 นาที หลักกิโลเมตรที่ 103 มีจุดสังเกตคือ อบต.แคมป์สนอยู่ทางขวามือ และธนาคารกสิกรไทย เยื้องขึ้นไปทางซ้ายมือ ตรงไปกลับรถ และจะเห็นป้าย พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว อยู่ปากซอยทางเข้า หมู่บ้านทางแดง ซึ่งอยู่ด้านข้าง อบต.แคมป์สน เลี้ยวซ้ายเข้าไป ตรงตลอดจนเห็นสะพานทางเข้าวัด เลี้ยวขวาข้ามสะพานและจอดรถ ณ บริเวณที่จัดไว้ #วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว #ท่องเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 966 มุมมอง 0 รีวิว
  • การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกหญิงของเวิลด์วีเมนสนุกเกอร์ (WWS) รายการดับเบิลยูเอสเอฟวีเมนสนุกเกอร์แชมเปียนชิพ 2025 ที่ราดิสสันบลูรีสอร์ท เมืองไซเดีย ประเทศโมร็อกโก รอบชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่าง "มิ้งค์ สระบุรี" ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย นักสอยคิวหน้าหวานขวัญใจชาวไทย ดีกรีแชมป์โลกปี 2022 และมือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน พบกับ ไป่ ยู่ หลู มือ 4 ของโลก ดีกรีแชมป์โลกหญิงคนล่าสุด

    ผลปรากฏว่า มิ้งค์ สระบุรี พลิกจากตามหลัง 1-3 เฟรม แซงชนะ ไป่ ยู่ หลู ไปแบบสุดระทึก 4-3 เฟรม 30-96,43-75, 54-12, 24-88, 98-4, 69-35 และ 57-32 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

    พร้อมกับคว้าเงินรางวัล 3,500 ปอนด์ (ประมาณ 146,674 บาท) โดยรายการต่อไป มิ้งค์ สระบุรี จะลงล่าชัยในรายการ เบลเยียม วีเมน โอเพ่น ที่ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. นี้

    https://www.youtube.com/live/J81sOj7TBsc?si=1FnVUEEOvhwVgwAT
    การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกหญิงของเวิลด์วีเมนสนุกเกอร์ (WWS) รายการดับเบิลยูเอสเอฟวีเมนสนุกเกอร์แชมเปียนชิพ 2025 ที่ราดิสสันบลูรีสอร์ท เมืองไซเดีย ประเทศโมร็อกโก รอบชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่าง "มิ้งค์ สระบุรี" ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย นักสอยคิวหน้าหวานขวัญใจชาวไทย ดีกรีแชมป์โลกปี 2022 และมือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน พบกับ ไป่ ยู่ หลู มือ 4 ของโลก ดีกรีแชมป์โลกหญิงคนล่าสุด ผลปรากฏว่า มิ้งค์ สระบุรี พลิกจากตามหลัง 1-3 เฟรม แซงชนะ ไป่ ยู่ หลู ไปแบบสุดระทึก 4-3 เฟรม 30-96,43-75, 54-12, 24-88, 98-4, 69-35 และ 57-32 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้าเงินรางวัล 3,500 ปอนด์ (ประมาณ 146,674 บาท) โดยรายการต่อไป มิ้งค์ สระบุรี จะลงล่าชัยในรายการ เบลเยียม วีเมน โอเพ่น ที่ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. นี้ https://www.youtube.com/live/J81sOj7TBsc?si=1FnVUEEOvhwVgwAT
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดินหน้าสถานีอยุธยา รถไฟความเร็วสูง

    โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่หยุดชะงักในบางช่วง โดยเฉพาะสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 13.30 กิโลเมตร ที่ยังก่อสร้างไม่ได้เพราะติดขัดเรื่องโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในที่สุดผู้แทนองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19-22 ม.ค. มีข้อสรุปให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปรับลดความสูงของหลังคาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ไม่ให้โครงสร้างหลังคาซ้อนทับกับสถานีรถไฟอยุธยาเดิม พร้อมทั้งให้อนุรักษ์สถานีรถไฟอยุธยาเดิมไว้

    หลังจากนี้การรถไฟฯ จะรอรายงานจากยูเนสโกภายในเดือน มี.ค. ก่อนนำมาจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก (HIA) แล้วส่งรายงานให้คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกทราบ เพื่อนำส่งรายงานให้ศูนย์มรดกโลกต่อไป ก่อนที่จะลงนามสัญญาและก่อสร้าง วงเงินลงทุน 10,325.90 ล้านบาท โดยปรับลดความสูงของสถานีจาก 37.45 เมตร เหลือ 35.45 เมตร และความสูงของสันรางจาก 19 เมตร เหลือ 17 เมตร แต่แนวสถานียังก่อสร้างบนเขตทางรถไฟ ห่างจากพื้นที่มรดกโลก 1.5 กิโลเมตร และมีแม่น้ำป่าสักคั่นอยู่เป็น Bubble Zone

    นอกจากช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ที่ยังก่อสร้างไม่ได้ในขณะนี้ ยังมีสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กิโลเมตร ที่ใช้โครงสร้างร่วมกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร และสัญญาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กิโลเมตร ส่วนอีก 10 สัญญากำลังก่อสร้าง โดยคาดว่าในปี 2568 จะแล้วเสร็จเพิ่มอีก 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กิโลเมตร และสัญญาที่ 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กิโลเมตร

    สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 251 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2560 วงเงินก่อสร้าง 179,412.21 ล้านบาท มีสถานีให้บริการ 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ตามแผนล่าสุดกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ส่วนโครงการช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357 กิโลเมตร มีสถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่ วงเงินลงทุน 3.4 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เดินหน้าสถานีอยุธยา รถไฟความเร็วสูง โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่หยุดชะงักในบางช่วง โดยเฉพาะสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 13.30 กิโลเมตร ที่ยังก่อสร้างไม่ได้เพราะติดขัดเรื่องโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในที่สุดผู้แทนองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19-22 ม.ค. มีข้อสรุปให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปรับลดความสูงของหลังคาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ไม่ให้โครงสร้างหลังคาซ้อนทับกับสถานีรถไฟอยุธยาเดิม พร้อมทั้งให้อนุรักษ์สถานีรถไฟอยุธยาเดิมไว้ หลังจากนี้การรถไฟฯ จะรอรายงานจากยูเนสโกภายในเดือน มี.ค. ก่อนนำมาจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก (HIA) แล้วส่งรายงานให้คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกทราบ เพื่อนำส่งรายงานให้ศูนย์มรดกโลกต่อไป ก่อนที่จะลงนามสัญญาและก่อสร้าง วงเงินลงทุน 10,325.90 ล้านบาท โดยปรับลดความสูงของสถานีจาก 37.45 เมตร เหลือ 35.45 เมตร และความสูงของสันรางจาก 19 เมตร เหลือ 17 เมตร แต่แนวสถานียังก่อสร้างบนเขตทางรถไฟ ห่างจากพื้นที่มรดกโลก 1.5 กิโลเมตร และมีแม่น้ำป่าสักคั่นอยู่เป็น Bubble Zone นอกจากช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ที่ยังก่อสร้างไม่ได้ในขณะนี้ ยังมีสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กิโลเมตร ที่ใช้โครงสร้างร่วมกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร และสัญญาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กิโลเมตร ส่วนอีก 10 สัญญากำลังก่อสร้าง โดยคาดว่าในปี 2568 จะแล้วเสร็จเพิ่มอีก 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กิโลเมตร และสัญญาที่ 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และกุดจิก-โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กิโลเมตร สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 251 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2560 วงเงินก่อสร้าง 179,412.21 ล้านบาท มีสถานีให้บริการ 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ตามแผนล่าสุดกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ส่วนโครงการช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357 กิโลเมตร มีสถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่ วงเงินลงทุน 3.4 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1194 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts