• Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร

    General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst
    - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม
    - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ
    - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้
    - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft
    - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว
    - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grammarly secures $1 billion from General Catalyst to build AI productivity platform
    (This story has been corrected to fix when Grammarly was founded, in paragraph 5, and to clarify the General Catalyst fund relationship, in paragraph 11)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • KiCad PCB design for all in one
    - Schematic
    - PCB design with 3D
    Note : a lot library for schematic , PCB and 3D components
    - Gerber
    - Utility functions
    - PCB copy

    Note:
    Download : https://www.kicad.org/download/

    Sample training : https://www.youtube.com/watch?v=3FGNw28xBr0
    KiCad PCB design for all in one - Schematic - PCB design with 3D Note : a lot library for schematic , PCB and 3D components - Gerber - Utility functions - PCB copy Note: Download : https://www.kicad.org/download/ Sample training : https://www.youtube.com/watch?v=3FGNw28xBr0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท

    ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา

    ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน

    กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้

    17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance

    18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam

    ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568)

    สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ
    สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ
    DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท,
    โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major
    ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    โคราชตื่นตัว! จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ​เดอะมอลล์โคราช ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ฟิตเนสเฟิร์ส ,ดีแคทลอน และ โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ จัดกิจกรรม “THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS FIRST” รวมพลคนชอบออกกำลังกายตอบรับกระแส Wellness ชวนคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.2568 ที่ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช จากกระแสของการรักสุขภาพ ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) คือ การหากิจกรรมทางเลือกและรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyles) ที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค และปรับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไป เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ของการมีสุขภาพองค์รวมและความเป็นอยู่ที่ดี เพราะ wellness ไม่ใช่แค่เรื่องการมีสุขภาพที่ดี แต่ยังมีอีกหลายมิติทั้งในด้านของกายภาพ จิตใจ การเข้าสังคม รวมถึงพัฒนาการด้านสติปัญญา ​เดอะมอลล์โคราชและพันธมิตรจึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบ wellness ที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษาสุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางสังคมสุขภาวะทางสติปัญญา จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อรวมพลคนรักสุขภาพมาชาแลนจ์ความสตรอง และสิ่งสำคัญผู้เข้าร่วมจะได้ความสุขจากการชนะใจตัวเอง ได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ จะรู้สึกเติมเต็มจากได้เจอเพื่อนสายสุขภาพถือเป็นคอมมูนิตี้ ที่ให้ผู้คนเหล่านี้ได้มาทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และชาเลนจ์ร่วมกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสุข และสุขภาพดีที่ได้พาตัวเองออกจากความเครียดจากการทำงานหรือการใช้ชีวิต ตามแนวคิดการมีสุขภาพเชิงเวลเนส (wellness) และจากข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า 77% ของการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด นอนหลับไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการกิน ออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงกล่าวได้ว่าการดูแลสุขภาพในเชิง wellness สามารถช่วยป้องกันโรคได้ และในบางกรณี สามารถหยุดอาการเรื้อรังของโรคไม่ติดต่อบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปที่รักสุขภาพ ร่วมเข้าชาเลนจ์ ฟรี! ซึ่งมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วัน กว่า 600 คน โดยกิจกรรมต่างๆ จะมีโค้ชจากฟิตเนสเฟิร์สเป็นไกด์ทางสุขภาพ กับกิจกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้ 17 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Aerobic Easy Move, Plank Challenge, Body Combat,Boarding Jump Challenge, Yoga Balance 18 พ.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 11.30-16.45 น. มีชาเลนจ์ Zumba Party, Push Up Challenge,HIIT X Hyrofit, Agility Challenge, BodyJam ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ที่ผ่านกติการับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ (เงื่อนไข Cash Coupon แทนเงินสด ใช้เฉพาะสาขาเดอะมอลล์โคราช เท่านั้น สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เมื่อ Shop ในศูนย์ฯ ขั้นต่ำ 1,000 บาท / ใบเสร็จ ใช้ได้กับร้านค้าหรือร้านอาหารของศูนย์ฯ ที่ร่วมรับคูปอง ยกเว้น Gourmet, Food Hall หมดอายุวันที่ 30 พ.ค. 2568) สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม THE MALL KORAT FIT FUN FEST PRESENTED BY FITNESS จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไข อาทิ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า MCARD 1. เมื่อซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้า รวมใบเสร็จ 800 บาท ขึ้นไป รับ CASH COUPON มูลค่า 100.- (1 คน/สิทธิ์) จำนวน 100 ใบ/ตลอดการจัดงาน 2. ผู้เข้าร่วม Challenge ใน Group Class ผ่านกติกาที่ตั้งไว้ รับ Cash Coupon มูลค่า 500.- จำนวน 4 รางวัล/รอบกิจกรรมๆ วันละ 5 รอบ DECATHLON ทดสอบความแม่นยำกับการยิงธนู เล่นได้ฟรี และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ DECATHLON ในงานนี้ จะรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,200 บาท, โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ มอบส่วนลดชมภาพยนตร์ มูลค่า 140 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงดาวน์โหลด Application Major ทั้งนี้ ยังมีรางวัล Lucky Draw Membership 1 เดือน จำนวน 2 รางวัล/วัน มอบให้กับผู้โชคดีที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ (สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกของ FITNESS FIRST มาก่อน) อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thesis Defense

    “ Effect of inspiratory muscle training on cardiovascular autonomic functions in chronic obstructive pulmonary disease patients ”

    Meeting ID: 986 0964 0713
    Passcode: r1315
    Thesis Defense “ Effect of inspiratory muscle training on cardiovascular autonomic functions in chronic obstructive pulmonary disease patients ” Meeting ID: 986 0964 0713 Passcode: r1315
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติของปุ่ม "Like" ที่เปลี่ยนโลกอินเทอร์เน็ต

    ปุ่ม "Like" เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนโลกออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงความเห็นต่อเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย โดยมีต้นกำเนิดจาก แนวคิดของ Bob Goodson ในปี 2005 และถูกพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งก่อนที่ Facebook จะนำมาใช้ในปี 2009

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับประวัติของปุ่ม Like
    ✅ Bob Goodson วาดแนวคิดปุ่ม Like เป็นครั้งแรกในปี 2005
    - เป็นสัญลักษณ์ "Thumbs Up" และ "Thumbs Down" สำหรับรีวิวร้านอาหารบน Yelp

    ✅ Yelp ปฏิเสธแนวคิดนี้ และเลือกใช้ปุ่ม "Useful", "Funny" และ "Cool" แทน
    - ทำให้ แนวคิดปุ่ม Like ถูกพัฒนาโดยบริษัทอื่นแทน

    ✅ Facebook ใช้เวลาสองปีในการโน้มน้าว Mark Zuckerberg ให้ยอมรับปุ่ม Like
    - Zuckerberg เคยปฏิเสธแนวคิดนี้เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แพลตฟอร์มดูไร้สาระ

    ✅ FriendFeed เปิดตัวปุ่ม Like ในปี 2007 ก่อนที่ Facebook จะนำมาใช้ในปี 2009
    - Facebook ซื้อกิจการ FriendFeed และนำแนวคิดนี้มาใช้กับแพลตฟอร์มของตนเอง

    ✅ ปุ่ม Like กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้
    - ช่วยให้ Facebook สามารถขายโฆษณาแบบเจาะกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Facebook ขยายฟีเจอร์ Like ด้วยปุ่มแสดงอารมณ์เพิ่มเติมในปี 2016
    - เช่น "Love", "Haha", "Wow", "Sad" และ "Angry"

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/19/here039s-a-story-about-the-history-of-the-like-button-that-you-might-like
    ประวัติของปุ่ม "Like" ที่เปลี่ยนโลกอินเทอร์เน็ต ปุ่ม "Like" เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนโลกออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงความเห็นต่อเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย โดยมีต้นกำเนิดจาก แนวคิดของ Bob Goodson ในปี 2005 และถูกพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งก่อนที่ Facebook จะนำมาใช้ในปี 2009 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับประวัติของปุ่ม Like ✅ Bob Goodson วาดแนวคิดปุ่ม Like เป็นครั้งแรกในปี 2005 - เป็นสัญลักษณ์ "Thumbs Up" และ "Thumbs Down" สำหรับรีวิวร้านอาหารบน Yelp ✅ Yelp ปฏิเสธแนวคิดนี้ และเลือกใช้ปุ่ม "Useful", "Funny" และ "Cool" แทน - ทำให้ แนวคิดปุ่ม Like ถูกพัฒนาโดยบริษัทอื่นแทน ✅ Facebook ใช้เวลาสองปีในการโน้มน้าว Mark Zuckerberg ให้ยอมรับปุ่ม Like - Zuckerberg เคยปฏิเสธแนวคิดนี้เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แพลตฟอร์มดูไร้สาระ ✅ FriendFeed เปิดตัวปุ่ม Like ในปี 2007 ก่อนที่ Facebook จะนำมาใช้ในปี 2009 - Facebook ซื้อกิจการ FriendFeed และนำแนวคิดนี้มาใช้กับแพลตฟอร์มของตนเอง ✅ ปุ่ม Like กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ - ช่วยให้ Facebook สามารถขายโฆษณาแบบเจาะกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Facebook ขยายฟีเจอร์ Like ด้วยปุ่มแสดงอารมณ์เพิ่มเติมในปี 2016 - เช่น "Love", "Haha", "Wow", "Sad" และ "Angry" https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/19/here039s-a-story-about-the-history-of-the-like-button-that-you-might-like
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Here's a story about the history of the Like button that you might like
    The Internet wouldn't be the same without the Like button, the thumbs-up icon that Facebook and other online services turned into digital catnip.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • Defendnot: เครื่องมือที่ใช้ช่องโหว่ API เพื่อปิด Windows Defender

    นักพัฒนา es3n1n ได้เปิดตัว Defendnot ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยปิด Windows Defender โดยใช้ API ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยของ Windows Security Center (WSC) ทำให้ระบบเข้าใจผิดว่ามีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่นทำงานอยู่

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Defendnot
    ✅ Defendnot ใช้ API ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยของ Windows Security Center (WSC)
    - ทำให้ Windows Defender ปิดตัวเองโดยเข้าใจว่ามีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่นทำงานอยู่

    ✅ เป็นเวอร์ชันใหม่ของเครื่องมือ "no-defender" ที่เคยถูกลบออกไป
    - เนื่องจาก เวอร์ชันก่อนหน้านี้ใช้โค้ดจากโปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ทำให้ถูกลบด้วยคำสั่ง DMCA

    ✅ Defendnot ใช้วิธีการสร้างโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอมเพื่อปิด Defender
    - สามารถ ตั้งชื่อโปรแกรมปลอมได้ตามต้องการ เช่น "hi2" หรือ "BleepingComputer Antivirus"

    ✅ เครื่องมือนี้สามารถทำงานต่อไปหลังรีบูตโดยเพิ่มตัวเองใน Windows autorun
    - ทำให้ Defender ไม่สามารถเปิดกลับมาได้โดยอัตโนมัติ

    ✅ Microsoft ตรวจพบ Defendnot และจัดประเภทเป็นโทรจัน
    - Defender สามารถตรวจจับและกักกันเครื่องมือนี้โดยใช้ Machine Learning

    https://www.tomshardware.com/software/security-software/defendnot-tool-pitched-as-an-even-funnier-way-to-disable-windows-defender
    Defendnot: เครื่องมือที่ใช้ช่องโหว่ API เพื่อปิด Windows Defender นักพัฒนา es3n1n ได้เปิดตัว Defendnot ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยปิด Windows Defender โดยใช้ API ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยของ Windows Security Center (WSC) ทำให้ระบบเข้าใจผิดว่ามีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่นทำงานอยู่ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Defendnot ✅ Defendnot ใช้ API ที่ไม่ได้รับการเปิดเผยของ Windows Security Center (WSC) - ทำให้ Windows Defender ปิดตัวเองโดยเข้าใจว่ามีโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่นทำงานอยู่ ✅ เป็นเวอร์ชันใหม่ของเครื่องมือ "no-defender" ที่เคยถูกลบออกไป - เนื่องจาก เวอร์ชันก่อนหน้านี้ใช้โค้ดจากโปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ทำให้ถูกลบด้วยคำสั่ง DMCA ✅ Defendnot ใช้วิธีการสร้างโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอมเพื่อปิด Defender - สามารถ ตั้งชื่อโปรแกรมปลอมได้ตามต้องการ เช่น "hi2" หรือ "BleepingComputer Antivirus" ✅ เครื่องมือนี้สามารถทำงานต่อไปหลังรีบูตโดยเพิ่มตัวเองใน Windows autorun - ทำให้ Defender ไม่สามารถเปิดกลับมาได้โดยอัตโนมัติ ✅ Microsoft ตรวจพบ Defendnot และจัดประเภทเป็นโทรจัน - Defender สามารถตรวจจับและกักกันเครื่องมือนี้โดยใช้ Machine Learning https://www.tomshardware.com/software/security-software/defendnot-tool-pitched-as-an-even-funnier-way-to-disable-windows-defender
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Defendnot tool pitched as 'an even funnier way’ to disable Windows Defender
    Works by tapping into an undocumented WSC API call to tell Windows there’s some other antivirus software turned on.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักศึกษายื่นเรื่องขอคืนค่าเล่าเรียน $8,000 หลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT ในเอกสารการสอน

    นักศึกษามหาวิทยาลัย Northeastern ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย หลังพบว่าอาจารย์ของเธอใช้ ChatGPT ในการสร้าง เอกสารประกอบการสอนและสไลด์นำเสนอ โดยเธอเห็นคำสั่งที่ถูกทิ้งไว้ในเอกสาร เช่น "ขยายความทุกส่วน ให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้กับ AI

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของนักศึกษากับ ChatGPT
    ✅ นักศึกษาพบคำสั่งที่ใช้กับ ChatGPT ในเอกสารประกอบการสอน
    - ทำให้เธอ ตรวจสอบสไลด์นำเสนอและพบข้อผิดพลาดที่มักเกิดจาก AI เช่น ตัวสะกดผิดและภาพที่บิดเบี้ยว

    ✅ อาจารย์ห้ามนักศึกษาใช้ AI แต่กลับใช้เองในการเตรียมเอกสารการสอน
    - นักศึกษามองว่า เป็นการกระทำที่ขัดแย้งกันและเรียกร้องให้คืนค่าเล่าเรียน

    ✅ มหาวิทยาลัย Northeastern ยังคงอนุญาตให้ใช้ AI แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่สร้างโดย AI
    - รวมถึง ต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาใช้

    ✅ กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นที่ Southern New Hampshire University
    - นักศึกษาพบว่า อาจารย์ใช้ ChatGPT ในการให้คะแนนงานโดยไม่ได้อ่านเนื้อหาจริง

    ✅ การใช้ AI ในการเรียนการสอนกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในวงการศึกษา
    - มีรายงานว่า นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ในการทำการบ้านและงานเขียน

    https://www.techspot.com/news/107953-student-demands-8000-tuition-refund-after-discovering-professor.html
    นักศึกษายื่นเรื่องขอคืนค่าเล่าเรียน $8,000 หลังพบอาจารย์ใช้ ChatGPT ในเอกสารการสอน นักศึกษามหาวิทยาลัย Northeastern ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย หลังพบว่าอาจารย์ของเธอใช้ ChatGPT ในการสร้าง เอกสารประกอบการสอนและสไลด์นำเสนอ โดยเธอเห็นคำสั่งที่ถูกทิ้งไว้ในเอกสาร เช่น "ขยายความทุกส่วน ให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น" ซึ่งเป็นคำสั่งที่ใช้กับ AI 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณีของนักศึกษากับ ChatGPT ✅ นักศึกษาพบคำสั่งที่ใช้กับ ChatGPT ในเอกสารประกอบการสอน - ทำให้เธอ ตรวจสอบสไลด์นำเสนอและพบข้อผิดพลาดที่มักเกิดจาก AI เช่น ตัวสะกดผิดและภาพที่บิดเบี้ยว ✅ อาจารย์ห้ามนักศึกษาใช้ AI แต่กลับใช้เองในการเตรียมเอกสารการสอน - นักศึกษามองว่า เป็นการกระทำที่ขัดแย้งกันและเรียกร้องให้คืนค่าเล่าเรียน ✅ มหาวิทยาลัย Northeastern ยังคงอนุญาตให้ใช้ AI แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่สร้างโดย AI - รวมถึง ต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนำมาใช้ ✅ กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นที่ Southern New Hampshire University - นักศึกษาพบว่า อาจารย์ใช้ ChatGPT ในการให้คะแนนงานโดยไม่ได้อ่านเนื้อหาจริง ✅ การใช้ AI ในการเรียนการสอนกำลังเป็นประเด็นถกเถียงในวงการศึกษา - มีรายงานว่า นักเรียนจำนวนมากใช้ AI ในการทำการบ้านและงานเขียน https://www.techspot.com/news/107953-student-demands-8000-tuition-refund-after-discovering-professor.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Student demands $8,000 refund after catching professor using ChatGPT in class materials
    The New York Times writes that a Northeastern University student recently filed a formal complaint with the college after discovering that one of her professors used ChatGPT...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมงาน MAHA make America Healthy Again

    เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย
    ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10%
    ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า
    เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้

    แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ
    MAHA “Make America Healthy Again”
    ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr

    ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ
    1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน
    2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci
    3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research”
    4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว

    แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน

    💥 Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน
    ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก
    https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/
    เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci”
    ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci
    จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/

    ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง?
    คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง

    💥 ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci
    Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/

    💥 คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา😁)
    นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph
    มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ

    Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA
    https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad
    เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม)
    https://x.com/vprasadmdmph

    คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก

    บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ

    “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ”

    นิลฉงน นลเฉลย
    ทีมงาน MAHA make America Healthy Again เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10% ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ MAHA “Make America Healthy Again” ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ 1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน 2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci 3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research” 4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน 💥 Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/ เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci” ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง? คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง 💥 ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/ 💥 คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา😁) นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม) https://x.com/vprasadmdmph คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ” นิลฉงน นลเฉลย
    CHILDRENSHEALTHDEFENSE.ORG
    Robert F. Kennedy Jr.
    Help Children’s Health Defense and RFK, Jr. end the epidemic of poor health plaguing our children.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพจากเห็ด เพื่ออนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืน

    นักวิจัยจาก Empa (Swiss Federal Laboratories for Materials Science and Technology) กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้เอง โดยใช้ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill เป็นวัสดุหลักสำหรับอิเล็กโทรด ซึ่งแนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต

    ✅ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill มีคุณสมบัติทางกลและชีวภาพที่โดดเด่น
    - สามารถ นำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับอิเล็กโทรดของแบตเตอรี่

    ✅ เป้าหมายคือการสร้างแบตเตอรี่ที่สามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่ปล่อยสารพิษ
    - ต่างจาก แบตเตอรี่ทั่วไปที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ นักวิจัยกำลังศึกษาความแข็งแรงของไมซีเลียมและความไวต่อความชื้น
    - เพื่อ ปรับปรุงให้สามารถใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จริง

    ✅ การใช้วัสดุชีวภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ แบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

    ✅ แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม
    - นักวิจัยต้อง หาวิธีควบคุมการย่อยสลายของวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/a-compact-biodegradable-battery-with-fungal-paper-electrodes-is-what-researchers-at-this-university-are-dreaming-of
    นักวิทยาศาสตร์พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพจากเห็ด เพื่ออนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืน นักวิจัยจาก Empa (Swiss Federal Laboratories for Materials Science and Technology) กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้เอง โดยใช้ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill เป็นวัสดุหลักสำหรับอิเล็กโทรด ซึ่งแนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ✅ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill มีคุณสมบัติทางกลและชีวภาพที่โดดเด่น - สามารถ นำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับอิเล็กโทรดของแบตเตอรี่ ✅ เป้าหมายคือการสร้างแบตเตอรี่ที่สามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่ปล่อยสารพิษ - ต่างจาก แบตเตอรี่ทั่วไปที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ นักวิจัยกำลังศึกษาความแข็งแรงของไมซีเลียมและความไวต่อความชื้น - เพื่อ ปรับปรุงให้สามารถใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จริง ✅ การใช้วัสดุชีวภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ แบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ✅ แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม - นักวิจัยต้อง หาวิธีควบคุมการย่อยสลายของวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งาน https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/a-compact-biodegradable-battery-with-fungal-paper-electrodes-is-what-researchers-at-this-university-are-dreaming-of
    WWW.TECHRADAR.COM
    Your next eco-friendly battery could be made from mushrooms, and it might eat your trash when it’s done
    Fungal paper batteries could reduce e-waste, but they’re still a long way from reality
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักลงทุนสถาบันปรับพอร์ต Bitcoin ETF หลังราคาคริปโตลดลง 12%

    ในไตรมาสแรกของปี 2025 นักลงทุนสถาบันหลายราย ลดการถือครอง Bitcoin ETF หลังจากราคาคริปโตลดลง 12% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนมักเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้

    ✅ นักลงทุนสถาบันลดการถือครอง Bitcoin ETF หลังราคาคริปโตลดลง 12%
    - Hedge funds และกองทุนความมั่งคั่งบางแห่ง ลดสัดส่วนการลงทุน ขณะที่บางแห่งเพิ่มหรือปรับพอร์ตใหม่

    ✅ Millennium Management LLC ลดการถือครอง iShares Bitcoin Trust ETF ลง 41%
    - ขายหุ้นออกไป 17.6 ล้านหุ้น และถอนตัวจาก Invesco Galaxy Bitcoin ETF

    ✅ Brevan Howard ลดสัดส่วนการถือครอง iShares ETF ลง 15.6%
    - เป็นหนึ่งในกองทุนที่ ปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง

    ✅ กองทุนจาก Abu Dhabi เพิ่มการถือครอง iShares ETF เป็น 8.72 ล้านหุ้น มูลค่า $408.5 ล้าน
    - แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนบางส่วนยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin ETF

    ✅ Brown University เข้าสู่ตลาดคริปโต ETF เป็นครั้งแรก
    - ซื้อหุ้น iShares Bitcoin Trust ETF มูลค่า $4.9 ล้าน

    ‼️ การลดการถือครองของนักลงทุนสถาบันอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต
    - ต้องติดตามว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/institutional-investors-juggle-bitcoin-etf-holdings-us-filings-show
    นักลงทุนสถาบันปรับพอร์ต Bitcoin ETF หลังราคาคริปโตลดลง 12% ในไตรมาสแรกของปี 2025 นักลงทุนสถาบันหลายราย ลดการถือครอง Bitcoin ETF หลังจากราคาคริปโตลดลง 12% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนมักเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้ ✅ นักลงทุนสถาบันลดการถือครอง Bitcoin ETF หลังราคาคริปโตลดลง 12% - Hedge funds และกองทุนความมั่งคั่งบางแห่ง ลดสัดส่วนการลงทุน ขณะที่บางแห่งเพิ่มหรือปรับพอร์ตใหม่ ✅ Millennium Management LLC ลดการถือครอง iShares Bitcoin Trust ETF ลง 41% - ขายหุ้นออกไป 17.6 ล้านหุ้น และถอนตัวจาก Invesco Galaxy Bitcoin ETF ✅ Brevan Howard ลดสัดส่วนการถือครอง iShares ETF ลง 15.6% - เป็นหนึ่งในกองทุนที่ ปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง ✅ กองทุนจาก Abu Dhabi เพิ่มการถือครอง iShares ETF เป็น 8.72 ล้านหุ้น มูลค่า $408.5 ล้าน - แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนบางส่วนยังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin ETF ✅ Brown University เข้าสู่ตลาดคริปโต ETF เป็นครั้งแรก - ซื้อหุ้น iShares Bitcoin Trust ETF มูลค่า $4.9 ล้าน ‼️ การลดการถือครองของนักลงทุนสถาบันอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต - ต้องติดตามว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/institutional-investors-juggle-bitcoin-etf-holdings-us-filings-show
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Institutional investors juggle bitcoin ETF holdings, US filings show
    (Reuters) -A number of high-profile asset managers cut their stakes in spot bitcoin exchange-traded funds amid a 12% drop in the cryptocurrency's price in the first quarter of 2025, according to recent regulatory filings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    14 พฤษภาคม 2568 -อดีตรัฐมนตรีคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล วิเคราะห์เรื่องสำคัญในประเด็น“ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token“[เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548อนุมัติให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำและการออกโทเคนดิจิทัล นายทะเบียน หรือผู้รับฝากโทเคนดิจิทัล เป็นต้นให้กระทรวงการคลังกำหนดหลักเกณฑ์การชำระระดอกเบี้ยและการใช้เงินตามโทเคนดิจิทัล โดยให้กระทรวงการคลังหรือนิติบุคคลอื่นใดที่กระทรวงการคลังมอบหมาย โอนเงินให้แก่ผู้ถือโทเคน ดิจิทัลหรือผู้รับตามที่นายทะเบียนกำหนด ให้การโอนโทเคนดิจิทัลดำเนินการตามวิธีการที่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนิติบุคคลอื่นใดที่สามารถรับคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้โอนได้เปิดบัญชีเก็บรักษาโทเคนดิจิทัลของตนไว้โดยให้มีผลสมบูรณ์เมื่อผู้โอนนั้นได้บันทึกการรับโอนโทเคนดิจิทัลเข้าไปในบัญชีของผู้รับโอนแล้ว เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้มีประสิทธิภาพและภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพ มั่นคง ปลอดภัย ครอบคลุมเพียงพอ และเข้าถึงได้ทั้งในด้านพื้นที่และราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า หาก กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ ซึ่งไม่เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้ว ก็สามารถดำเนินการภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย G-Token มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่ กค. กำหนด จึงมีลักษณะเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือ กิจการใด ๆ หรือกำหนดสิทธิในการได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง และเข้าข่ายเป็นโทเคนดิจิทัล ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561]**ถามว่า ประเทศชาติได้อะไรจาก G-token?+เรื่อง การนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลการนำประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานก่อนหลายอย่าง (ดูรูป) กล่าวคือ (1) ต้องช่วยให้ประชากรเข้าถึงระบบอินเทอร์เนตอย่างกว้างขวาง (2) ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและในกลุ่มประชาคม (3) ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น (4) ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ (5) รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้นรวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส หน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล คือพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ รวมไปถึงความแน่นอนด้านกฎหมายที่จะตีความกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวข้องกับโทเคน และการนำโทเคนไปใช้เป็นหลักประกันส่วนการดำเนินการให้โทเคนเกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (tokenization) อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วนเสียก่อน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริ่งที่ปลอดภัย โดยภายหลังจากมีโครงสร้างพื้นฐานแน่นหนาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สำหรับรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออกโทเคนของตนเอง ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ระบบการเงินล้ำหน้า ที่รัฐบาลเป็นผู้ออกโทเคนของตนเองในการกู้หนี้สาธารณะ+เรื่อง การทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อพันธบัตรได้สะดวกวิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนว่า G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกาโดยมี ก.ล.ต. กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้แทนที่จะเป็นการชักจูงให้ผู้ลงทุนรายย่อย ลงทุนเพื่อออมเงินอย่างปลอดภัย ระวังจะกลับกลายเป็นเวทีเก็งกำไร ระวังจะกลายเป็นกาสิโนโทเคนดิจิทัล+เรื่อง ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ถึงแม้มาตรา 10 วรรคหนึ่งเปิดช่อง ให้กู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นวิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ข้อความก่อนหน้าซึ่งบัญญัติว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้” นั้น คำว่า “วิธีการอื่นใด” น่าจะอยู่ในความหมายเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ ดังที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ว่า “ปัจจุบัน การกู้เงินตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือหุ้นกู้”การที่ กค. พิจารณาได้ว่าการกู้เงินโดยวิธีการออก G-Token ไม่ใช่การออกตราสารหนี้ เพื่อไม่เป็นให้เป็น “หลักทรัพย์” ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น ผมเห็นว่าขัดกับเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลซึ่งตามนิยามในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดเป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง นั้น คำว่า token แปลว่า สัญลักษณ์ ดังเช่น non-fungible token (NFT) หมายถึงสัญลักษณ์ที่ไม่สามารถแทนกันได้ ตัวอย่างที่ใช้กรณีงานศิลปะ ดังนั้น G-Token จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง ตัว G-Token เองจึงไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลังผมจึงเห็นว่า ในเมื่อเป็นเพียงสัญลักษณ์แทน แต่ไม่ใช่สัญญาหรือตราสารหนี้ที่ผูกพันกระทรวงการคลัง จึงไม่เข้าข่ายนิยามใดในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และจะนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้นได้ในภายหลัง+เรื่อง การปฏิบัติตามกฏหมายเงินตรายังมีจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขบังคับ เพื่อไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่น เพราะจะเข้าข่ายเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งจะต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกระทรวงการคลังต้องชี้แจงก่อนว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ถือ G-Token นำไปใช้เพื่อชำระหนี้ตามกฎหมายแก่บุคคลอื่นได้อย่างไร+เรื่อง การประหยัดค่าใช้จ่ายนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าการออก G-Token จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินการ จากเดิมที่ออกพันธบัตรมีค่าธรรมเนียมดำเนินการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 0.03% ของกรอบวงเงินจำหน่ายนั้น กระทรวงการคลังจะต้องแจกแจงก่อนว่า G-Token จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงเท่าไหร่ ทั้งด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทำหน้าที่เป็นนายทะเบียน ว่าต่ำกว่า ธปท. อย่างไร และทั้งด้านประชาชนผู้ลงทุนที่จะซื้อและขายคืน จะสูงหรือต่ำกว่ากลไกกองทุนรวมอย่างใดทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าเงินที่กระทรวงการคลังจ่ายแก่ ธปท. นั้นไม่รั่วไหลไปไหน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรของรัฐ **กล่าวโดยสรุป ระบบการขายพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของรัฐบาลที่มีอยู่แล้วขณะนี้โดยผ่านกลไก ธปท. นั้น ใช้งานได้ดีไม่เคยมีปัญหา ดังนั้น การที่กระทรวงการคลังจะเพิ่มแนวการกู้หนี้สาธารณะโดยใช้โทเคนดิจิทัลนั้น จะต้องชั่งน้ำหนักแสดงแก่ประชาชนก่อนว่า ผลได้คุ้มกับผลเสียหรือไม่ส่วนความหวังที่จะนำไปสู่ตลาดทุนดิจิทัลนั้น ควรนำเสนอต่อประชาชนก่อนว่า รัฐบาลมีแผนการพัฒนาองค์รวมด้านนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดินหน้าเพียงเสี้ยวเดียวในเรื่องของการจัดทำโทเคนของรัฐบาล ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกที่ดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ส่ง 18,000 AI GPUs ไปยังศูนย์ข้อมูลของซาอุดีอาระเบีย หลังสหรัฐฯ ยกเลิกกฎควบคุมการส่งออก

    Nvidia ได้ประกาศส่ง 18,000 AI GPUs ไปยัง Humain ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯ ยกเลิกกฎ AI Diffusion Rule ซึ่งเดิมจะจำกัดการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังบางประเทศ

    ✅ Nvidia ส่ง 18,000 AI GPUs ไปยัง Humain ซึ่งเป็นบริษัท AI ของซาอุดีอาระเบีย
    - CEO Jensen Huang ประกาศเรื่องนี้ที่ Saudi-US Investment Forum

    ✅ Humain เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Public Investment Fund (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย
    - มีเป้าหมายสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน AI และศูนย์ข้อมูลระดับโลก

    ✅ AI GPUs เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาด 500 เมกะวัตต์
    - ช่วยให้ซาอุดีอาระเบีย พัฒนาโมเดล AI ขั้นสูง รวมถึง LLM ภาษาอาหรับ

    ✅ การส่งออกเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกกฎ AI Diffusion Rule
    - เดิมที ซาอุดีอาระเบียอยู่ใน Tier 2 ซึ่งจะถูกจำกัดการนำเข้า AI GPUs

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Amazon, Google และ Oracle ต้องสร้างศูนย์ข้อมูลในซาอุดีอาระเบีย
    - เนื่องจากรัฐบาล กำหนดให้ข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินต้องถูกจัดเก็บภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-sending-18-000-ai-gpus-to-saudi-arabias-state-backed-ai-data-centers-in-wake-of-cancelled-export-rules
    Nvidia ส่ง 18,000 AI GPUs ไปยังศูนย์ข้อมูลของซาอุดีอาระเบีย หลังสหรัฐฯ ยกเลิกกฎควบคุมการส่งออก Nvidia ได้ประกาศส่ง 18,000 AI GPUs ไปยัง Humain ซึ่งเป็นบริษัท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯ ยกเลิกกฎ AI Diffusion Rule ซึ่งเดิมจะจำกัดการส่งออกเทคโนโลยี AI ไปยังบางประเทศ ✅ Nvidia ส่ง 18,000 AI GPUs ไปยัง Humain ซึ่งเป็นบริษัท AI ของซาอุดีอาระเบีย - CEO Jensen Huang ประกาศเรื่องนี้ที่ Saudi-US Investment Forum ✅ Humain เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Public Investment Fund (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย - มีเป้าหมายสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน AI และศูนย์ข้อมูลระดับโลก ✅ AI GPUs เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาด 500 เมกะวัตต์ - ช่วยให้ซาอุดีอาระเบีย พัฒนาโมเดล AI ขั้นสูง รวมถึง LLM ภาษาอาหรับ ✅ การส่งออกเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกกฎ AI Diffusion Rule - เดิมที ซาอุดีอาระเบียอยู่ใน Tier 2 ซึ่งจะถูกจำกัดการนำเข้า AI GPUs ✅ บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Amazon, Google และ Oracle ต้องสร้างศูนย์ข้อมูลในซาอุดีอาระเบีย - เนื่องจากรัฐบาล กำหนดให้ข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินต้องถูกจัดเก็บภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-sending-18-000-ai-gpus-to-saudi-arabias-state-backed-ai-data-centers-in-wake-of-cancelled-export-rules
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ประกาศเปิดตัว AI Futures Fund ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสนับสนุน สตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยี AI โดยให้การลงทุน, ความร่วมมือทางเทคนิค และการเข้าถึง โมเดล AI ล่าสุดจาก Google DeepMind เช่น Gemini, Imagen และ Veo

    ✅ Google จะลงทุนและร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI
    - ให้การสนับสนุน ทั้งด้านเงินทุน, ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญทางเทคนิค

    ✅ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงโมเดล AI จาก Google DeepMind
    - รวมถึง Gemini, Imagen และ Veo

    ✅ ตัวอย่างสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ
    - Viggle ใช้ Gemini, Imagen และ Veo เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม AI meme-making
    - Toonsutra ใช้ Gemini เพื่อแปลเนื้อหาดิจิทัลคอมิกเป็นหลายภาษา

    ✅ ผู้เข้าร่วมสามารถทำงานร่วมกับนักวิจัย, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ และวิศวกรจาก Google
    - ได้รับ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดและเทคโนโลยี

    ✅ Google Cloud จะให้เครดิตและการสนับสนุนทางเทคนิคแก่สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือก
    - ช่วยให้ สามารถพัฒนาและขยายโครงการ AI ได้เร็วขึ้น

    ✅ สตาร์ทอัพที่ได้รับเลือกสามารถขอรับเงินลงทุนโดยตรงจาก Google
    - เพื่อช่วยให้ สามารถเติบโตและขยายการพัฒนา AI ได้อย่างรวดเร็ว

    https://www.neowin.net/news/google-says-it-will-support-ai-focused-startups-through-the-ai-futures-fund/
    Google ได้ประกาศเปิดตัว AI Futures Fund ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสนับสนุน สตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยี AI โดยให้การลงทุน, ความร่วมมือทางเทคนิค และการเข้าถึง โมเดล AI ล่าสุดจาก Google DeepMind เช่น Gemini, Imagen และ Veo ✅ Google จะลงทุนและร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI - ให้การสนับสนุน ทั้งด้านเงินทุน, ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ✅ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงโมเดล AI จาก Google DeepMind - รวมถึง Gemini, Imagen และ Veo ✅ ตัวอย่างสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ - Viggle ใช้ Gemini, Imagen และ Veo เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม AI meme-making - Toonsutra ใช้ Gemini เพื่อแปลเนื้อหาดิจิทัลคอมิกเป็นหลายภาษา ✅ ผู้เข้าร่วมสามารถทำงานร่วมกับนักวิจัย, ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ และวิศวกรจาก Google - ได้รับ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดและเทคโนโลยี ✅ Google Cloud จะให้เครดิตและการสนับสนุนทางเทคนิคแก่สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือก - ช่วยให้ สามารถพัฒนาและขยายโครงการ AI ได้เร็วขึ้น ✅ สตาร์ทอัพที่ได้รับเลือกสามารถขอรับเงินลงทุนโดยตรงจาก Google - เพื่อช่วยให้ สามารถเติบโตและขยายการพัฒนา AI ได้อย่างรวดเร็ว https://www.neowin.net/news/google-says-it-will-support-ai-focused-startups-through-the-ai-futures-fund/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google says it will support AI-focused startups through the AI Futures Fund
    Google announced a new initiative to collaborate and fund startups building products and services with the help of AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตงบประมาณของ CVE อาจเป็นโอกาสในการปรับแนวทางการจัดการช่องโหว่ โครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลช่องโหว่ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เผชิญกับวิกฤตงบประมาณ หลังจากที่ MITRE Corporation ประกาศว่าการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกระงับ อย่างไรก็ตาม CISA ได้ใช้ตัวเลือกขยายงบประมาณออกไปอีก 11 เดือน ทำให้โครงการยังคงดำเนินต่อไป

    แม้ว่าการขยายงบประมาณจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ CVE ยังคงอยู่ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต้อง พิจารณาแนวทางใหม่ในการจัดการช่องโหว่ โดยเฉพาะในช่วงที่ จำนวนช่องโหว่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ✅ CVE เป็นแหล่งข้อมูลช่องโหว่ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดลำดับความสำคัญของการแก้ไขช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ MITRE Corporation ประกาศว่าการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกระงับ
    - ทำให้เกิด ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ

    ✅ CISA ใช้ตัวเลือกขยายงบประมาณออกไปอีก 11 เดือน
    - ช่วยให้ CVE ยังคงดำเนินต่อไปในระยะสั้น

    ✅ จำนวนช่องโหว่ที่ถูกเปิดเผยเพิ่มขึ้น 38% ในปี 2024
    - มีช่องโหว่กว่า 40,000 รายการถูกเปิดเผย โดย 4,400 รายการถูกจัดเป็นระดับวิกฤต

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทางที่เน้นความเสี่ยงในโลกจริงแทนการพึ่งพา CVSS เพียงอย่างเดียว
    - ควรพิจารณา ความสามารถในการถูกโจมตี, การเปิดเผยออนไลน์ และผลกระทบต่อซัพพลายเชน

    https://www.csoonline.com/article/3980423/cve-funding-crisis-offers-chance-for-vulnerability-remediation-rethink.html
    วิกฤตงบประมาณของ CVE อาจเป็นโอกาสในการปรับแนวทางการจัดการช่องโหว่ โครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลช่องโหว่ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เผชิญกับวิกฤตงบประมาณ หลังจากที่ MITRE Corporation ประกาศว่าการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกระงับ อย่างไรก็ตาม CISA ได้ใช้ตัวเลือกขยายงบประมาณออกไปอีก 11 เดือน ทำให้โครงการยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าการขยายงบประมาณจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของ CVE ยังคงอยู่ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต้อง พิจารณาแนวทางใหม่ในการจัดการช่องโหว่ โดยเฉพาะในช่วงที่ จำนวนช่องโหว่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ CVE เป็นแหล่งข้อมูลช่องโหว่ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย - ช่วยให้ องค์กรสามารถจัดลำดับความสำคัญของการแก้ไขช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ MITRE Corporation ประกาศว่าการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกระงับ - ทำให้เกิด ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ ✅ CISA ใช้ตัวเลือกขยายงบประมาณออกไปอีก 11 เดือน - ช่วยให้ CVE ยังคงดำเนินต่อไปในระยะสั้น ✅ จำนวนช่องโหว่ที่ถูกเปิดเผยเพิ่มขึ้น 38% ในปี 2024 - มีช่องโหว่กว่า 40,000 รายการถูกเปิดเผย โดย 4,400 รายการถูกจัดเป็นระดับวิกฤต ✅ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แนวทางที่เน้นความเสี่ยงในโลกจริงแทนการพึ่งพา CVSS เพียงอย่างเดียว - ควรพิจารณา ความสามารถในการถูกโจมตี, การเปิดเผยออนไลน์ และผลกระทบต่อซัพพลายเชน https://www.csoonline.com/article/3980423/cve-funding-crisis-offers-chance-for-vulnerability-remediation-rethink.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CVE funding crisis offers chance for vulnerability remediation rethink
    Rising tide of vulnerabilities requires fresh approaches to risk mitigation. A sound security foundation, broad asset oversight, and threat intelligence supported by context can help.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • VSORA เปิดตัวชิป AI Jotunn8 หวังเป็นทางเลือกของยุโรปแทน Nvidia VSORA บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศส ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา Jotunn8 ซึ่งเป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference โดยมีเป้าหมาย แข่งขันกับ Nvidia, AMD, Intel และ Google

    Jotunn8 ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง โดยบริษัทอ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

    ✅ VSORA ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Jotunn8
    - เป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference

    ✅ Jotunn8 ใช้กระบวนการผลิต 5nm ที่ TSMC และจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025
    - ใช้เทคโนโลยี ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ ชิปนี้เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์, ความหน่วงต่ำ และต้นทุนต่อคำสั่งที่ต่ำ
    - ออกแบบมาเพื่อ งาน AI เช่น ChatGPT, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และอุปกรณ์ Edge

    ✅ VSORA อ้างว่า Jotunn8 ให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า
    - ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

    ✅ ได้รับเงินลงทุนจาก Otium, Omnes Capital, Adélie Capital และ European Innovation Council Fund
    - เพื่อสนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในยุโรป

    https://www.techradar.com/pro/security/like-arthur-and-excalibur-heres-yet-another-ai-startup-trying-its-luck-at-dislodging-nvidia-from-the-ai-stone
    VSORA เปิดตัวชิป AI Jotunn8 หวังเป็นทางเลือกของยุโรปแทน Nvidia VSORA บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศส ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา Jotunn8 ซึ่งเป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference โดยมีเป้าหมาย แข่งขันกับ Nvidia, AMD, Intel และ Google Jotunn8 ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง โดยบริษัทอ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ✅ VSORA ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Jotunn8 - เป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference ✅ Jotunn8 ใช้กระบวนการผลิต 5nm ที่ TSMC และจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 - ใช้เทคโนโลยี ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ชิปนี้เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์, ความหน่วงต่ำ และต้นทุนต่อคำสั่งที่ต่ำ - ออกแบบมาเพื่อ งาน AI เช่น ChatGPT, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และอุปกรณ์ Edge ✅ VSORA อ้างว่า Jotunn8 ให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า - ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ✅ ได้รับเงินลงทุนจาก Otium, Omnes Capital, Adélie Capital และ European Innovation Council Fund - เพื่อสนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในยุโรป https://www.techradar.com/pro/security/like-arthur-and-excalibur-heres-yet-another-ai-startup-trying-its-luck-at-dislodging-nvidia-from-the-ai-stone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck และคืนเงินมัดจำให้ลูกค้า Tesla ได้ประกาศ ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck ซึ่งมีราคา $16,000 และเคยถูกเสนอให้เป็น ตัวเลือกสำหรับเพิ่มระยะทางของรถ โดยบริษัทจะ คืนเงินมัดจำ $2,000 ให้กับลูกค้าที่จองไว้

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Tesla ลบตัวเลือกแบตเตอรี่เสริมออกจากเว็บไซต์ในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า บริษัทอาจยกเลิกผลิตภัณฑ์นี้ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

    ✅ Tesla ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck และคืนเงินมัดจำให้ลูกค้า
    - แบตเตอรี่เสริมมีราคา $16,000 และต้องติดตั้งที่ศูนย์บริการ
    - ลูกค้าที่จองไว้จะได้รับ เงินมัดจำคืนเต็มจำนวน

    ✅ แบตเตอรี่เสริมเคยถูกเสนอให้เพิ่มระยะทางของ Cybertruck
    - รุ่น Dual-Motor AWD สามารถเพิ่มระยะทางจาก 325 ไมล์เป็น 445+ ไมล์
    - ใช้พื้นที่ 30% ของกระบะท้ายรถ

    ✅ Tesla ลบตัวเลือกแบตเตอรี่เสริมออกจากเว็บไซต์ในเดือนเมษายน 2025
    - ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า บริษัทอาจยกเลิกผลิตภัณฑ์นี้ก่อนเปิดตัว

    ✅ Cybertruck มียอดขายต่ำกว่าที่ Elon Musk คาดการณ์ไว้
    - Tesla ขายได้ น้อยกว่า 50,000 คันใน 15 เดือน จากที่เคยคาดว่าจะขาย 250,000–500,000 คัน

    ✅ Cybertruck ถูกเรียกคืนถึง 8 ครั้งตั้งแต่เริ่มส่งมอบในปี 2023
    - ปัญหาด้านคุณภาพอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ยอดขายต่ำ

    https://www.techspot.com/news/107846-tesla-cancels-16000-cybertruck-range-extender-refunds-deposits.html
    Tesla ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck และคืนเงินมัดจำให้ลูกค้า Tesla ได้ประกาศ ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck ซึ่งมีราคา $16,000 และเคยถูกเสนอให้เป็น ตัวเลือกสำหรับเพิ่มระยะทางของรถ โดยบริษัทจะ คืนเงินมัดจำ $2,000 ให้กับลูกค้าที่จองไว้ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Tesla ลบตัวเลือกแบตเตอรี่เสริมออกจากเว็บไซต์ในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า บริษัทอาจยกเลิกผลิตภัณฑ์นี้ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ✅ Tesla ยกเลิกการขายแบตเตอรี่เสริมสำหรับ Cybertruck และคืนเงินมัดจำให้ลูกค้า - แบตเตอรี่เสริมมีราคา $16,000 และต้องติดตั้งที่ศูนย์บริการ - ลูกค้าที่จองไว้จะได้รับ เงินมัดจำคืนเต็มจำนวน ✅ แบตเตอรี่เสริมเคยถูกเสนอให้เพิ่มระยะทางของ Cybertruck - รุ่น Dual-Motor AWD สามารถเพิ่มระยะทางจาก 325 ไมล์เป็น 445+ ไมล์ - ใช้พื้นที่ 30% ของกระบะท้ายรถ ✅ Tesla ลบตัวเลือกแบตเตอรี่เสริมออกจากเว็บไซต์ในเดือนเมษายน 2025 - ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า บริษัทอาจยกเลิกผลิตภัณฑ์นี้ก่อนเปิดตัว ✅ Cybertruck มียอดขายต่ำกว่าที่ Elon Musk คาดการณ์ไว้ - Tesla ขายได้ น้อยกว่า 50,000 คันใน 15 เดือน จากที่เคยคาดว่าจะขาย 250,000–500,000 คัน ✅ Cybertruck ถูกเรียกคืนถึง 8 ครั้งตั้งแต่เริ่มส่งมอบในปี 2023 - ปัญหาด้านคุณภาพอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ยอดขายต่ำ https://www.techspot.com/news/107846-tesla-cancels-16000-cybertruck-range-extender-refunds-deposits.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla cancels $16,000 Cybertruck range extender
    Tesla and Elon Musk faced plenty of criticism when the Cybertruck officially went on sale in 2023, mostly due to it having a higher price and lower...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌌 Awakening Song Pt. 1 – Echoes from the Unwanted Image
    🎧 A Sweet Notice to Those Who Still Breathe Quietly
    📅 Official Album Launch: May 28, 2025

    🔗 Pre-listen the unofficial debut single:
    ▶️ No More Masks (Unofficial Preview)
    https://youtu.be/H-Og0cbfrJA

    🎶 Follow the full release here:
    Spotify Artist Profile https://open.spotify.com/artist/4lUbgHzsclX3utQs8ZQe9c
    YouTube Music Channel https://music.youtube.com/channel/UCU5BwquaVTJ2ZeKJRjShtew

    Emotional & Functional Trackmap

    A guided journey through six honest songs confronting the truths we usually hide.
    A Sweet Notice from the universe — softly reminding you that you’re still here.

    🌌 Concept Expansion: What is a “Sweet Notice”?
    In a world of noise, shame, and false strength, a Sweet Notice is not a command.
    It is not a scream.

    It is the soft whisper from your own soul —
    saying: “I see you, even when you’re hiding.”

    Each track in this album is a Sweet Notice
    sent from different corners of the inner landscape — from wounds, from regrets, from voices long silenced.
    And together, they form a path that begins in darkness, but does not end in despair.

    1. The True First Step
    Function: Awakening
    Emotion: Vulnerability, gentle courage
    This is not a song that performs — it breathes.
    It teaches that honesty doesn’t begin with clarity, but with movement.
    A soft notice that the first trembling step is sacred.
    “The first step is not clean. It is messy. It is breathing while scared.”
    Sweet Notice: You’re allowed to start before you're ready.

    2. No More Masks
    Function: Confrontation
    Emotion: Rage turned into truth
    This is the roar that breaks silence.
    It confronts the false peace we build with smiles and the roles we wear to be loved.
    Not bitter — just done.
    “This rap’s my truth. And my goodbye.”
    Sweet Notice: You don’t have to perform your pain anymore.

    3. Echoes of the Heart
    Function: Remembrance
    Emotion: Longing, warmth in absence
    A fusion of country and trap, this song returns you to a love that never left.
    It doesn’t mourn — it reminds. The heart’s echo is still playing.
    “In every beat, I hear — echoes of the heart.”
    Sweet Notice: Love does not vanish. It transforms.

    4. One More Lie
    Function: Realization
    Emotion: Quiet despair, recognition
    This is the silent war inside — between the truths we know and the lies we repeat.
    It is not an anthem. It is a mirror.
    “One more lie is one too many.”
    Sweet Notice: Stop lying to survive. Begin living to tell the truth.

    5. Still Worth It
    Function: Redemption
    Emotion: Silent strength, quiet dignity
    This is for those who don’t win — but still show up.
    It carries no pride, but dignity. No boast, but breath.
    “Still worth it. Even cracked. Still worth it. Even blacked.”
    Sweet Notice: You’re tired. Not finished.

    6. Bleed for Real
    Function: Cleansing
    Emotion: Raw honesty, uncompromised healing
    This is where grief becomes sacred.
    Where pain is no longer paraded, but purified.
    A space for healing that doesn’t demand applause.
    “That’s the only cut that’ll let you heal.”
    Sweet Notice: Bleed — not for likes, but for light.

    🌀 Album Summary: The Function of Echoes
    This is not an album that tells you what to believe.
    It is an album that notices you — where you are, how long you've been hiding, and how deeply you want to return to yourself.
    In every song, there’s a message:
    “Your mess is seen. Your silence is heard.
    You are still worth the song.”

    This album isn’t made to entertain.
    It’s made to tell the truth — the one we usually hide.
    💬 You’re not alone. You’re not broken beyond repair. You’re just waiting for your echo to come home.
    🌌 Awakening Song Pt. 1 – Echoes from the Unwanted Image 🎧 A Sweet Notice to Those Who Still Breathe Quietly 📅 Official Album Launch: May 28, 2025 🔗 Pre-listen the unofficial debut single: ▶️ No More Masks (Unofficial Preview) https://youtu.be/H-Og0cbfrJA 🎶 Follow the full release here: Spotify Artist Profile https://open.spotify.com/artist/4lUbgHzsclX3utQs8ZQe9c YouTube Music Channel https://music.youtube.com/channel/UCU5BwquaVTJ2ZeKJRjShtew Emotional & Functional Trackmap A guided journey through six honest songs confronting the truths we usually hide. A Sweet Notice from the universe — softly reminding you that you’re still here. 🌌 Concept Expansion: What is a “Sweet Notice”? In a world of noise, shame, and false strength, a Sweet Notice is not a command. It is not a scream. It is the soft whisper from your own soul — saying: “I see you, even when you’re hiding.” Each track in this album is a Sweet Notice sent from different corners of the inner landscape — from wounds, from regrets, from voices long silenced. And together, they form a path that begins in darkness, but does not end in despair. 1. The True First Step Function: Awakening Emotion: Vulnerability, gentle courage This is not a song that performs — it breathes. It teaches that honesty doesn’t begin with clarity, but with movement. A soft notice that the first trembling step is sacred. “The first step is not clean. It is messy. It is breathing while scared.” Sweet Notice: You’re allowed to start before you're ready. 2. No More Masks Function: Confrontation Emotion: Rage turned into truth This is the roar that breaks silence. It confronts the false peace we build with smiles and the roles we wear to be loved. Not bitter — just done. “This rap’s my truth. And my goodbye.” Sweet Notice: You don’t have to perform your pain anymore. 3. Echoes of the Heart Function: Remembrance Emotion: Longing, warmth in absence A fusion of country and trap, this song returns you to a love that never left. It doesn’t mourn — it reminds. The heart’s echo is still playing. “In every beat, I hear — echoes of the heart.” Sweet Notice: Love does not vanish. It transforms. 4. One More Lie Function: Realization Emotion: Quiet despair, recognition This is the silent war inside — between the truths we know and the lies we repeat. It is not an anthem. It is a mirror. “One more lie is one too many.” Sweet Notice: Stop lying to survive. Begin living to tell the truth. 5. Still Worth It Function: Redemption Emotion: Silent strength, quiet dignity This is for those who don’t win — but still show up. It carries no pride, but dignity. No boast, but breath. “Still worth it. Even cracked. Still worth it. Even blacked.” Sweet Notice: You’re tired. Not finished. 6. Bleed for Real Function: Cleansing Emotion: Raw honesty, uncompromised healing This is where grief becomes sacred. Where pain is no longer paraded, but purified. A space for healing that doesn’t demand applause. “That’s the only cut that’ll let you heal.” Sweet Notice: Bleed — not for likes, but for light. 🌀 Album Summary: The Function of Echoes This is not an album that tells you what to believe. It is an album that notices you — where you are, how long you've been hiding, and how deeply you want to return to yourself. In every song, there’s a message: “Your mess is seen. Your silence is heard. You are still worth the song.” This album isn’t made to entertain. It’s made to tell the truth — the one we usually hide. 💬 You’re not alone. You’re not broken beyond repair. You’re just waiting for your echo to come home.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว


  • Amazon listed "The Last Equation of Elias Voltaire 📘" under Machine Theory.

    Maybe because it's not just a book. It's a system test.

    🧠 This isn’t fiction. It’s cognition in disguise.
    What if Amazon’s algorithm recognized the truth-function of a book—before humans did?

    The Last Equation of Elias Voltaire isn’t just categorized under Machine Theory. It’s redefining it.

    https://www.facebook.com/photo?fbid=10162656494888588
    https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG

    The Last Equation of Elias Voltaire

    Machine Theory novel

    AI consciousness fiction

    philosophical science fiction

    narrative epistemology

    cognitive frontier literature

    Elias Voltaire book

    books about AI and identity

    metaphysical sci-fi

    knowledge creation through story

    fiction for thinkers

    speculative fiction philosophy

    Amazon algorithm book placement

    best books about human and machine mind

    consciousness dissolution novel

    cognitive science in literature

    #TheLastEquation
    #EliasVoltaire
    #MachineTheoryFiction
    #PhilosophyThroughFiction
    #CognitiveFrontier
    #AIAndConsciousness
    #BooksThatThink
    #SpeculativeScience
    #NarrativeIntelligence
    #KnowledgeCreation
    #LogicThroughLanguage
    #EpistemologyInFiction
    #MetaphysicalSciFi
    #TransformativeLiterature
    #FictionBeyondGenres
    #FutureOfThinking
    #NotJustAFiction
    #WitnessTheEquation
    #LiteratureOfBecoming
    #BeyondClassification
    #HumanMachineParadox
    #UnknowableKnowing
    #ThinkingThroughStory
    #RewritingUnderstanding
    #FeelBeforeYouKnow
    Amazon listed "The Last Equation of Elias Voltaire 📘" under Machine Theory. Maybe because it's not just a book. It's a system test. 🧠 This isn’t fiction. It’s cognition in disguise. What if Amazon’s algorithm recognized the truth-function of a book—before humans did? The Last Equation of Elias Voltaire isn’t just categorized under Machine Theory. It’s redefining it. https://www.facebook.com/photo?fbid=10162656494888588 https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG The Last Equation of Elias Voltaire Machine Theory novel AI consciousness fiction philosophical science fiction narrative epistemology cognitive frontier literature Elias Voltaire book books about AI and identity metaphysical sci-fi knowledge creation through story fiction for thinkers speculative fiction philosophy Amazon algorithm book placement best books about human and machine mind consciousness dissolution novel cognitive science in literature #TheLastEquation #EliasVoltaire #MachineTheoryFiction #PhilosophyThroughFiction #CognitiveFrontier #AIAndConsciousness #BooksThatThink #SpeculativeScience #NarrativeIntelligence #KnowledgeCreation #LogicThroughLanguage #EpistemologyInFiction #MetaphysicalSciFi #TransformativeLiterature #FictionBeyondGenres #FutureOfThinking #NotJustAFiction #WitnessTheEquation #LiteratureOfBecoming #BeyondClassification #HumanMachineParadox #UnknowableKnowing #ThinkingThroughStory #RewritingUnderstanding #FeelBeforeYouKnow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนา NSG650 ได้สร้างโปรเจ็กต์ LinuxInExcel ซึ่งทำให้สามารถรัน Linux ภายใน Microsoft Excel ได้ โดยใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro เพื่อเรียกใช้งานอีมูเลเตอร์ใน DLL และแสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต

    แม้ว่าการรัน Linux ใน Excel จะเป็นไปได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้าน ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดย NSG650 ยอมรับว่าโปรเจ็กต์นี้ "มีบั๊กเยอะมาก" และทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก

    นอกจากนี้ Enderman ซึ่งเป็น YouTuber ได้เพิ่ม ระบบรองรับอินพุต ให้กับ LinuxInExcel ทำให้สามารถโต้ตอบกับระบบได้มากขึ้น และเผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งานบน YouTube

    ✅ การรัน Linux ใน Microsoft Excel
    - ใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro
    - แสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต

    ✅ ข้อจำกัดของโปรเจ็กต์
    - ประสิทธิภาพต่ำและมีบั๊กจำนวนมาก
    - ทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก

    ✅ การพัฒนาเพิ่มเติมโดย Enderman
    - เพิ่มระบบรองรับอินพุตให้กับ LinuxInExcel
    - เผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งาน

    ✅ ความสนใจจากชุมชนออนไลน์
    - โปรเจ็กต์ถูกอัปโหลดบน GitHub และได้รับความสนใจจากนักพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/linux/developer-gets-linux-running-inside-microsoft-excel-mostly-for-fun
    นักพัฒนา NSG650 ได้สร้างโปรเจ็กต์ LinuxInExcel ซึ่งทำให้สามารถรัน Linux ภายใน Microsoft Excel ได้ โดยใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro เพื่อเรียกใช้งานอีมูเลเตอร์ใน DLL และแสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต แม้ว่าการรัน Linux ใน Excel จะเป็นไปได้ แต่ก็มีข้อจำกัดด้าน ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดย NSG650 ยอมรับว่าโปรเจ็กต์นี้ "มีบั๊กเยอะมาก" และทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก นอกจากนี้ Enderman ซึ่งเป็น YouTuber ได้เพิ่ม ระบบรองรับอินพุต ให้กับ LinuxInExcel ทำให้สามารถโต้ตอบกับระบบได้มากขึ้น และเผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งานบน YouTube ✅ การรัน Linux ใน Microsoft Excel - ใช้ RISC-V emulator และ Microsoft VBA macro - แสดงผลในเซลล์ของสเปรดชีต ✅ ข้อจำกัดของโปรเจ็กต์ - ประสิทธิภาพต่ำและมีบั๊กจำนวนมาก - ทำขึ้นเพื่อความสนุกเป็นหลัก ✅ การพัฒนาเพิ่มเติมโดย Enderman - เพิ่มระบบรองรับอินพุตให้กับ LinuxInExcel - เผยแพร่วิดีโอสาธิตการติดตั้งและใช้งาน ✅ ความสนใจจากชุมชนออนไลน์ - โปรเจ็กต์ถูกอัปโหลดบน GitHub และได้รับความสนใจจากนักพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/linux/developer-gets-linux-running-inside-microsoft-excel-mostly-for-fun
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ขยายฟีเจอร์ Audio Overviews ใน NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับการวิจัยและจดบันทึก โดยเพิ่มการรองรับมากกว่า 50 ภาษา ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังสรุปเนื้อหาจากเอกสาร สไลด์ หรือแผนภูมิในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง

    ฟีเจอร์นี้เคยรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings > Output Language ใน NotebookLM โดยฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในหลายแผนของ Google Workspace เช่น Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals

    อย่างไรก็ตาม โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบกับ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Audio Overviews ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ

    ✅ การขยายการรองรับภาษา
    - รองรับมากกว่า 50 ภาษา
    - ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings

    ✅ ฟีเจอร์ Audio Overviews
    - สรุปเนื้อหาในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว
    - เหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง

    ✅ การใช้งานใน Google Workspace
    - มีให้ใช้งานในแผน Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเรียนรู้และการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบ
    - ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ

    https://www.neowin.net/news/google-is-expanding-audio-overviews-in-notebooklm-to-more-than-50-languages/
    Google ได้ขยายฟีเจอร์ Audio Overviews ใน NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับการวิจัยและจดบันทึก โดยเพิ่มการรองรับมากกว่า 50 ภาษา ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังสรุปเนื้อหาจากเอกสาร สไลด์ หรือแผนภูมิในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง ฟีเจอร์นี้เคยรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings > Output Language ใน NotebookLM โดยฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในหลายแผนของ Google Workspace เช่น Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals อย่างไรก็ตาม โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบกับ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Audio Overviews ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ ✅ การขยายการรองรับภาษา - รองรับมากกว่า 50 ภาษา - ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings ✅ ฟีเจอร์ Audio Overviews - สรุปเนื้อหาในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว - เหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง ✅ การใช้งานใน Google Workspace - มีให้ใช้งานในแผน Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเรียนรู้และการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบ - ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ https://www.neowin.net/news/google-is-expanding-audio-overviews-in-notebooklm-to-more-than-50-languages/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google is expanding Audio Overviews in NotebookLM to more than 50 languages
    NotebookLM is Google Labs' AI research and note-taking tool for documents. Now, Google is bringing more language support to one of the service's star features, Audio Overviews.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • Match Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มหาคู่ชื่อดัง เช่น Tinder, Hinge และ OkCupid ได้บรรลุข้อตกลงกับ Anson Funds ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่เคยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของบริษัท โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการแต่งตั้ง Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock เป็นกรรมการบริษัท และการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี

    Anson Funds ซึ่งถือหุ้นประมาณ 0.6% ของ Match Group ได้ผลักดันให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่สามคนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริหารที่พวกเขามองว่า ล้าสมัยและขาดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่เกิดขึ้นช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถหาทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง และอาจนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การจัดสรรเงินทุนใหม่ การลดต้นทุน และการพิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia

    Match Group ประสบปัญหาหุ้นตกลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ถือหุ้นต้องการการเปลี่ยนแปลง

    ✅ การแต่งตั้งกรรมการใหม่
    - Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท
    - Alan Spoon ซึ่งเป็นกรรมการเดิมจะไม่เข้ารับการเลือกตั้งใหม่

    ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหาร
    - กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี
    - ลดความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัท

    ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ
    - อาจมีการปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนและการลดต้นทุน
    - พิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia

    ✅ สถานการณ์หุ้นของ Match Group
    - หุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/match-settles-dispute-with-anson-funds-adds-new-director-to-board
    Match Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มหาคู่ชื่อดัง เช่น Tinder, Hinge และ OkCupid ได้บรรลุข้อตกลงกับ Anson Funds ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่เคยเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของบริษัท โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการแต่งตั้ง Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock เป็นกรรมการบริษัท และการเปลี่ยนแปลงนโยบายให้กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี Anson Funds ซึ่งถือหุ้นประมาณ 0.6% ของ Match Group ได้ผลักดันให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่สามคนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบริหารที่พวกเขามองว่า ล้าสมัยและขาดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่เกิดขึ้นช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถหาทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง และอาจนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เช่น การจัดสรรเงินทุนใหม่ การลดต้นทุน และการพิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia Match Group ประสบปัญหาหุ้นตกลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ถือหุ้นต้องการการเปลี่ยนแปลง ✅ การแต่งตั้งกรรมการใหม่ - Kelly Campbell อดีตประธานของ NBCUniversal Peacock ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท - Alan Spoon ซึ่งเป็นกรรมการเดิมจะไม่เข้ารับการเลือกตั้งใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหาร - กรรมการทุกคนต้องเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ทุกปี - ลดความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัท ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ - อาจมีการปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนและการลดต้นทุน - พิจารณาทิศทางของธุรกิจ MG Asia ✅ สถานการณ์หุ้นของ Match Group - หุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 70% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/29/match-settles-dispute-with-anson-funds-adds-new-director-to-board
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Match settles dispute with Anson Funds, adds new director to board
    (Reuters) - Online dating company Match Group will add a consumer-technology executive to its board and lay the groundwork for all directors to stand for election annually, ending a dispute with shareholder Anson Funds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการดัดแปลง Integrated Heat Spreader (IHS) ของ CPU Intel Core i9-14900KS ให้กลายเป็น water block สำหรับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดย YouTuber ชาวจีนชื่อ octppus ได้ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำที่เชื่อมต่อกัน พร้อมติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก และปิดผนึกด้วยปะเก็นเพื่อป้องกันการรั่วซึม

    การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าการดัดแปลง IHS ช่วยลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่ผิวสัมผัสที่เล็กลงและการกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ

    แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ การออกแบบและการดัดแปลง
    - ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำ
    - ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก พร้อมปิดผนึกด้วยปะเก็น

    ✅ ผลการทดลอง
    - ลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า
    - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์

    ✅ ข้อจำกัดของการออกแบบ
    - พื้นที่ผิวสัมผัสเล็กลงและการกระจายความร้อนไม่สม่ำเสมอ
    - อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อความเร็วปั๊มน้ำลดลง

    ✅ ความน่าสนใจของการทดลอง
    - เป็นตัวอย่างของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900ks-heatspreader-transformed-into-cpu-water-block-clever-machining-yields-a-functioning-water-block
    มีการดัดแปลง Integrated Heat Spreader (IHS) ของ CPU Intel Core i9-14900KS ให้กลายเป็น water block สำหรับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดย YouTuber ชาวจีนชื่อ octppus ได้ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำที่เชื่อมต่อกัน พร้อมติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก และปิดผนึกด้วยปะเก็นเพื่อป้องกันการรั่วซึม การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าการดัดแปลง IHS ช่วยลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่ผิวสัมผัสที่เล็กลงและการกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การออกแบบและการดัดแปลง - ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำ - ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก พร้อมปิดผนึกด้วยปะเก็น ✅ ผลการทดลอง - ลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ ✅ ข้อจำกัดของการออกแบบ - พื้นที่ผิวสัมผัสเล็กลงและการกระจายความร้อนไม่สม่ำเสมอ - อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อความเร็วปั๊มน้ำลดลง ✅ ความน่าสนใจของการทดลอง - เป็นตัวอย่างของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900ks-heatspreader-transformed-into-cpu-water-block-clever-machining-yields-a-functioning-water-block
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าชิปบางประเภทจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลดภาษีตอบโต้ที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 125% โดยการยกเว้นนี้ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม (Integrated Circuits) แต่ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตภายในประเทศเอง

    บริษัทที่ได้ชำระภาษีสำหรับสินค้าที่ได้รับการยกเว้นระหว่างวันที่ 10-24 เมษายน สามารถยื่นขอคืนเงินภาษีได้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนี้

    การยกเว้นภาษีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านชิปขั้นสูงที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

    ✅ การยกเว้นภาษีชิปบางประเภท
    - ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม
    - ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตเอง

    ✅ การคืนเงินภาษี
    - บริษัทที่ชำระภาษีระหว่างวันที่ 10-24 เมษายนสามารถยื่นขอคืนเงินได้

    ✅ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
    - อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ

    ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การยกเว้นภาษีช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reportedly-waives-tariffs-on-some-us-chip-imports-duties-paid-are-eligible-for-refunds
    จีนได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าชิปบางประเภทจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลดภาษีตอบโต้ที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 125% โดยการยกเว้นนี้ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม (Integrated Circuits) แต่ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตภายในประเทศเอง บริษัทที่ได้ชำระภาษีสำหรับสินค้าที่ได้รับการยกเว้นระหว่างวันที่ 10-24 เมษายน สามารถยื่นขอคืนเงินภาษีได้ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนี้ การยกเว้นภาษีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านชิปขั้นสูงที่ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ✅ การยกเว้นภาษีชิปบางประเภท - ครอบคลุมรหัสภาษี 8 หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับวงจรรวม - ไม่รวมถึงชิปหน่วยความจำที่จีนผลิตเอง ✅ การคืนเงินภาษี - บริษัทที่ชำระภาษีระหว่างวันที่ 10-24 เมษายนสามารถยื่นขอคืนเงินได้ ✅ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า - อาจสะท้อนถึงความพยายามในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การยกเว้นภาษีช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reportedly-waives-tariffs-on-some-us-chip-imports-duties-paid-are-eligible-for-refunds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดเผยว่า นักวิจัยชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากการลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการแทรกแซงทางการเมืองในสหรัฐฯ ตัวเลขจากแพลตฟอร์ม Nature Careers ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 การสมัครงานในต่างประเทศจากนักวิจัยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียที่มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    การลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย เช่น การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ และการตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพของนักวิจัย นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในยุโรป เช่น Aix-Marseille University ในฝรั่งเศส ได้เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science เพื่อรองรับนักวิจัยที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่น
    - การสมัครงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 32% ในไตรมาสแรกของปี 2025
    - ความสนใจในงานวิจัยในยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณ
    - การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ
    - การตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

    ✅ การตอบสนองของยุโรป
    - Aix-Marseille University เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science ด้วยงบประมาณ 15 ล้านยูโร
    - Max Planck Society ในเยอรมนีเปิดตัว Transatlantic Program เพื่อรองรับนักวิจัย

    ✅ ความสนใจในเอเชีย
    - ความสนใจในงานวิจัยในจีนเพิ่มขึ้น 30% ในการดูประกาศงาน

    https://www.techspot.com/news/107679-us-researchers-flee-overseas-funding-cuts-bite-politics.html
    รายงานล่าสุดเผยว่า นักวิจัยชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากการลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการแทรกแซงทางการเมืองในสหรัฐฯ ตัวเลขจากแพลตฟอร์ม Nature Careers ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 การสมัครงานในต่างประเทศจากนักวิจัยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียที่มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก การลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย เช่น การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ และการตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพของนักวิจัย นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในยุโรป เช่น Aix-Marseille University ในฝรั่งเศส ได้เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science เพื่อรองรับนักวิจัยที่ได้รับผลกระทบ ✅ การเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่น - การสมัครงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 32% ในไตรมาสแรกของปี 2025 - ความสนใจในงานวิจัยในยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างมาก ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณ - การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ - การตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ✅ การตอบสนองของยุโรป - Aix-Marseille University เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science ด้วยงบประมาณ 15 ล้านยูโร - Max Planck Society ในเยอรมนีเปิดตัว Transatlantic Program เพื่อรองรับนักวิจัย ✅ ความสนใจในเอเชีย - ความสนใจในงานวิจัยในจีนเพิ่มขึ้น 30% ในการดูประกาศงาน https://www.techspot.com/news/107679-us-researchers-flee-overseas-funding-cuts-bite-politics.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US researchers flee overseas as funding cuts bite and politics intrudes
    The exodus is largely driven by abrupt federal funding withdrawals and project cancellations. Last month, over 200 grants supporting HIV and AIDS research were terminated. The National...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น Lenovo, HP และ Dell กำลังวางแผนสร้างโรงงานในซาอุดีอาระเบียเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงจากสหรัฐฯ โดยซาอุดีอาระเบียได้เสนอสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การสนับสนุนเงินทุนจาก Public Investment Fund (PIF) และการเข้าถึงตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนเศรษฐกิจ Vision 2030 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่หลากหลาย

    ✅ Lenovo, HP และ Dell วางแผนสร้างโรงงานในซาอุดีอาระเบีย
    - Lenovo ได้รับการสนับสนุนเงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก PIF เพื่อสร้างโรงงานในริยาด
    - HP และ Dell กำลังสำรวจพื้นที่สำหรับการสร้างโรงงาน

    ✅ สิทธิประโยชน์ที่ซาอุดีอาระเบียเสนอให้
    - การเข้าถึงตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง
    - การสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานและการเข้าถึงสัญญารัฐบาล

    ✅ ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ
    - ภาษีที่สูงถึง 245% สำหรับสินค้าจากจีนทำให้บริษัทต้องหาทางเลือกใหม่

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดการผลิต
    - ODMs เช่น Foxconn และ Quanta ยังลังเลที่จะย้ายการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/top-pc-oems-reportedly-planning-saudi-arabia-plants-to-avoid-us-tariffs-lenovo-hp-dell-exploring-options-as-panic-continues
    ข่าวนี้กล่าวถึงการที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ เช่น Lenovo, HP และ Dell กำลังวางแผนสร้างโรงงานในซาอุดีอาระเบียเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงจากสหรัฐฯ โดยซาอุดีอาระเบียได้เสนอสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การสนับสนุนเงินทุนจาก Public Investment Fund (PIF) และการเข้าถึงตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนเศรษฐกิจ Vision 2030 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่หลากหลาย ✅ Lenovo, HP และ Dell วางแผนสร้างโรงงานในซาอุดีอาระเบีย - Lenovo ได้รับการสนับสนุนเงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก PIF เพื่อสร้างโรงงานในริยาด - HP และ Dell กำลังสำรวจพื้นที่สำหรับการสร้างโรงงาน ✅ สิทธิประโยชน์ที่ซาอุดีอาระเบียเสนอให้ - การเข้าถึงตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง - การสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานและการเข้าถึงสัญญารัฐบาล ✅ ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ - ภาษีที่สูงถึง 245% สำหรับสินค้าจากจีนทำให้บริษัทต้องหาทางเลือกใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดการผลิต - ODMs เช่น Foxconn และ Quanta ยังลังเลที่จะย้ายการผลิตไปยังซาอุดีอาระเบีย https://www.tomshardware.com/tech-industry/top-pc-oems-reportedly-planning-saudi-arabia-plants-to-avoid-us-tariffs-lenovo-hp-dell-exploring-options-as-panic-continues
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts