• ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง
    .
    กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา
    .
    พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
    .
    โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว
    .
    ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป
    .
    ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180
    .........
    Sondhi X
    ส่งสำนวน "ทนายตั้ม-พวก" ฉ้อโกง-ฟอกเงิน 4 คดีให้อัยการแล้ว เคาะสั่งฟ้องต่อศาลก่อนครบฝากขัง . กองปราบฯ ส่งสำนวนคดีทนายตั้มร่วมฉ้อโกง-ฟอกเงิน ให้อัยการพิเศษสั่งฟ้องต่อศาลก่อนสิ้นเดือนนี้ ครบกำหนดฝากขัง 30 ม.ค.นี้ พบมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน เป็นพนักงานโชว์รูมปลอมเอกสาร ส่วนคดีพินัยกรรมยังไม่พบทุจริต . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชเาภิเษก พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. นำสำนวนการสอบสวนที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ผู้เสียหายได้กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน มีสำนวนรวม 9,317 แผ่น พร้อมความเห็นทางสมควรสั่งฟ้องนายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม, น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม, น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาวของนุ และพนักงานของโชว์รูมรถยนต์ 2 คน ที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสาร รวมผู้ต้องหา 7 คน ในคดีฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ไปมอบให้นายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนไว้พิจารณา . พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีทนายตั้มแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร และกระทำผิดนอกราชอาณาจักร โดยการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรมี 3 เรื่อง คือ ฉ้อโกงเกี่ยวกับแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ความเสียหาย 71 ล้านบาทเศษ, คดีกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ความเสียหาย 39 ล้านบาทเศษ และสำนวนคดีซื้อรถเบนซ์ จี 400 เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง จำนวน 1,530,000 บาท ส่วนการกระทำผิดในราชอาณาจักร คดีการออกแบบโรงแรม ได้ส่วนต่าง 5,500,000 บาท สำหรับการส่งสำนวน 4 เรื่อง มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คนที่ร่วมกับทนายตั้มทำการฉ้อโกง ฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน . โดยวันนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในการปลอมเอกสารที่จะต้องเข้ามาพบกับพนักงานอัยการ โดยมีการแจ้งความเพิ่มมา 2 คน เป็นการปลอมเอกสารเกี่ยวกับการซื้อรถเบนซ์ โดยผู้ต้องหาทั้งสองกระทำผิดในส่วนของการปลอมใบเสร็จการซื้อรถเบนซ์ แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่ขอเปิดเผย ส่วน น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ที่ได้รับการประกันตัวอยู่ในอำนาจการควบคุมของศาล จึงไม่ได้ส่งตัววันนี้ ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนตามที่ทนายตั้มได้ร้องขอให้มีการสอบสวนในพยานหลักฐานเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ตัวผู้ต้องหาแล้ว . ส่วนคดีพินัยกรรม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตเข้ามา แต่ถ้าการสืบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิด ก็จะสอบสวนต่อไป . ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการรับมอบสำนวนแล้ว ทางพนักงานอัยการจะส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่าย 1 ไปพิจารณาเพื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาให้เสร็จภายในระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้าย วันที่ 30 ม.ค.นี้ สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรนั้น เมื่อผลการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะต้องส่งให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005180 ......... Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘วัชรินทร์’ รอง อธ.อัยการสอบสวน เรียกสอบ "เจ๊อ้อย" พร้อมเลขาฯ คดีทนายตั้มฉ้อโกง-ฟอกเงิน เพิ่มเติม แย้มอาจมีคนโดนคดีเพิ่ม เร่งสรุปสำนวนส่ง อสส.สั่งคดี 15 ม.ค.นี้ เผยยังต้องสอบพยานเพิ่มอีก 15 ปาก

    วันนี้ (7 ม.ค.) ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี คณะทำงานอัยการเเละพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม ร่วมสอบสวนคดี นอกราชอาณาจักร ในคดีที่ นางจตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวก ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ฉ้อโกงฯร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

    โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงานคดีนอกราชอาณาจักร

    โดยวันนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐินีพร้อมด้วย น.ส.ปัทมพร แสงฤทธิ์ หรือคุณน้อย เลขานุการส่วนตัวเดินทางมาตามนัดสอบสวนเพิ่มเติม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001772

    #MGROnline #เจ๊อ้อย #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #ฟอกเงิน
    ‘วัชรินทร์’ รอง อธ.อัยการสอบสวน เรียกสอบ "เจ๊อ้อย" พร้อมเลขาฯ คดีทนายตั้มฉ้อโกง-ฟอกเงิน เพิ่มเติม แย้มอาจมีคนโดนคดีเพิ่ม เร่งสรุปสำนวนส่ง อสส.สั่งคดี 15 ม.ค.นี้ เผยยังต้องสอบพยานเพิ่มอีก 15 ปาก • วันนี้ (7 ม.ค.) ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี คณะทำงานอัยการเเละพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม ร่วมสอบสวนคดี นอกราชอาณาจักร ในคดีที่ นางจตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เจ้าของธุรกิจที่ประเทศฝรั่งเศส กล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวก ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ฉ้อโกงฯร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง • โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงานคดีนอกราชอาณาจักร • โดยวันนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐินีพร้อมด้วย น.ส.ปัทมพร แสงฤทธิ์ หรือคุณน้อย เลขานุการส่วนตัวเดินทางมาตามนัดสอบสวนเพิ่มเติม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001772 • #MGROnline #เจ๊อ้อย #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #ฟอกเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2024 THAILAND VIRAL CALENDAR

    วันคืนล่วงไป มีอะไรเข้ามาบ้าง Newskit ขอนำเสนอปฎิทินไวรัลในรอบปี 2567 สะท้อนเหตุการณ์ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา

    มกราคม - จับศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวดัง หลังอธิบดีกรมการข้าวร้องเรียนตำรวจว่าถูกเรียกรับเงิน 3 ล้านบาท ปิดตำนานนักร้องเรียนหลังออกจากคุกแทบไม่มีข่าวออกสื่อ

    กุมภาพันธ์ - เดวิดถีบหมอ ชาวต่างชาติพักวิลล่าหรูริมทะเลภูเก็ตเตะแพทย์สาวนั่งชมพระจันทร์กับเพื่อน แถมพูดจาเหยียดหยาม ทำชาวบ้านไม่พอใจขับไล่ ทวงคืนชายหาดสาธารณะ

    มีนาคม - วันกะเทยผ่านศึก กลุ่มกะเทยไทยปะทะฟิลิปปินส์ใจกลางสุขุมวิท เพราะฝ่ายปินส์ไปรุมเขาก่อน 20 รุม 2 กลายเป็นศึกศักดิ์ศรี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

    เมษายน - น้องไนซ์ปีนเกลียว เด็กอายุ 8 ขวบฉายาเชื่อมจิตพาดพิงพิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย แถมพ่วงด้วย แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ สุดท้ายกลายเป็นคดีความ

    พฤษภาคม - ข้าวเก่า 10 ปี ภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็น รมว.พาณิชย์ พาสื่อชมโกดังจำนำข้าวที่สุรินทร์ โชว์กินข้าวสีออกเหลือง การันตีกินได้แบบสังคมน่ากังขา ก่อนเปิดประมูลข้าวเก่าล็อตสุดท้าย

    มิถุนายน - ลิซ่า ลลิลา เปิดตัวเอ็ม.วี. ROCKSTAR ในฐานะศิลปินเดี่ยว ใช้กรุงเทพฯ เป็นฉากล้วนๆ โดยเฉพาะเยาวราช กลายเป็นจุดเช็กอินตามรอยซูปตาร์ฯ สาวระดับโลก

    กรกฎาคม - นาย-ใบเฟิร์นเลิกเป็นแฟน ฝ่ายชายขอถอยกลับมาเป็นเพื่อน ส่วนฝ่ายหญิงเจ็บปวดน้ำตาคลอ ท่ามกลางข่าวสะพัดแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม แต่แม่หมูส่งทนายยื่นโนติสทุกสื่ออย่าโยงมั่ว

    สิงหาคม - เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกปารีส 2024 เหรียญที่สองในชีวิต ก่อนอำลาทีมชาติ ขอรักษาอาการบาดเจ็บและเปิดยิมเล็กๆ ส่งต่อความรู้สู่เยาวชน

    กันยายน - หมูเด้ง ฮิปโปแคระสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี โด่งดังระดับโลก จากคลิปความน่ารักที่พี่เลี้ยงถ่ายลงโซเชียลฯ ทำชาวเน็ตติดงอมแงม แถมมีสินค้าลิขสิทธิ์ให้ซื้ออีกเพียบ

    ตุลาคม - ไฟไหม้รถบัส โศกเศร้าทั้งแผ่นดิน นักเรียนและครูจากอุทัยธานีมาทัศนศึกษา ออกมาไม่ได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 23 ราย พบมาจากก๊าซเอ็นจีวีรั่ว แถมลักลอบติดถังก๊าซนับสิบลูกเกินกว่าที่ขนส่งกำหนด

    พฤศจิกายน - จับทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา หลังเศรษฐีนีแจ้งความ ถูกฉ้อโกงเงินทำแอปฯ หวย 71 ล้าน ทำไปทำมาคดีงอกทั้งเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ออกแบบโรงแรม 9 ล้าน และส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ 1.5 ล้าน

    ธันวาคม - แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตเพราะรับคำท้าดื่มสุรารวดเดียวหมดแบน แลกกับเงิน 30,000 บาท ในงานเปิดร้านสินค้าการเกษตร สลดใจกลายเป็นสวนสัตว์มนุษย์ของอินฟลูฯ ตลาดล่าง

    #Newskit
    2024 THAILAND VIRAL CALENDAR วันคืนล่วงไป มีอะไรเข้ามาบ้าง Newskit ขอนำเสนอปฎิทินไวรัลในรอบปี 2567 สะท้อนเหตุการณ์ที่เป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา มกราคม - จับศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวดัง หลังอธิบดีกรมการข้าวร้องเรียนตำรวจว่าถูกเรียกรับเงิน 3 ล้านบาท ปิดตำนานนักร้องเรียนหลังออกจากคุกแทบไม่มีข่าวออกสื่อ กุมภาพันธ์ - เดวิดถีบหมอ ชาวต่างชาติพักวิลล่าหรูริมทะเลภูเก็ตเตะแพทย์สาวนั่งชมพระจันทร์กับเพื่อน แถมพูดจาเหยียดหยาม ทำชาวบ้านไม่พอใจขับไล่ ทวงคืนชายหาดสาธารณะ มีนาคม - วันกะเทยผ่านศึก กลุ่มกะเทยไทยปะทะฟิลิปปินส์ใจกลางสุขุมวิท เพราะฝ่ายปินส์ไปรุมเขาก่อน 20 รุม 2 กลายเป็นศึกศักดิ์ศรี ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เมษายน - น้องไนซ์ปีนเกลียว เด็กอายุ 8 ขวบฉายาเชื่อมจิตพาดพิงพิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย แถมพ่วงด้วย แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ สุดท้ายกลายเป็นคดีความ พฤษภาคม - ข้าวเก่า 10 ปี ภูมิธรรม เวชยชัย ขณะเป็น รมว.พาณิชย์ พาสื่อชมโกดังจำนำข้าวที่สุรินทร์ โชว์กินข้าวสีออกเหลือง การันตีกินได้แบบสังคมน่ากังขา ก่อนเปิดประมูลข้าวเก่าล็อตสุดท้าย มิถุนายน - ลิซ่า ลลิลา เปิดตัวเอ็ม.วี. ROCKSTAR ในฐานะศิลปินเดี่ยว ใช้กรุงเทพฯ เป็นฉากล้วนๆ โดยเฉพาะเยาวราช กลายเป็นจุดเช็กอินตามรอยซูปตาร์ฯ สาวระดับโลก กรกฎาคม - นาย-ใบเฟิร์นเลิกเป็นแฟน ฝ่ายชายขอถอยกลับมาเป็นเพื่อน ส่วนฝ่ายหญิงเจ็บปวดน้ำตาคลอ ท่ามกลางข่าวสะพัดแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม แต่แม่หมูส่งทนายยื่นโนติสทุกสื่ออย่าโยงมั่ว สิงหาคม - เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกปารีส 2024 เหรียญที่สองในชีวิต ก่อนอำลาทีมชาติ ขอรักษาอาการบาดเจ็บและเปิดยิมเล็กๆ ส่งต่อความรู้สู่เยาวชน กันยายน - หมูเด้ง ฮิปโปแคระสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี โด่งดังระดับโลก จากคลิปความน่ารักที่พี่เลี้ยงถ่ายลงโซเชียลฯ ทำชาวเน็ตติดงอมแงม แถมมีสินค้าลิขสิทธิ์ให้ซื้ออีกเพียบ ตุลาคม - ไฟไหม้รถบัส โศกเศร้าทั้งแผ่นดิน นักเรียนและครูจากอุทัยธานีมาทัศนศึกษา ออกมาไม่ได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 23 ราย พบมาจากก๊าซเอ็นจีวีรั่ว แถมลักลอบติดถังก๊าซนับสิบลูกเกินกว่าที่ขนส่งกำหนด พฤศจิกายน - จับทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา หลังเศรษฐีนีแจ้งความ ถูกฉ้อโกงเงินทำแอปฯ หวย 71 ล้าน ทำไปทำมาคดีงอกทั้งเรื่องสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ออกแบบโรงแรม 9 ล้าน และส่วนต่างซื้อรถเบนซ์ 1.5 ล้าน ธันวาคม - แบงค์ เลสเตอร์ เสียชีวิตเพราะรับคำท้าดื่มสุรารวดเดียวหมดแบน แลกกับเงิน 30,000 บาท ในงานเปิดร้านสินค้าการเกษตร สลดใจกลายเป็นสวนสัตว์มนุษย์ของอินฟลูฯ ตลาดล่าง #Newskit
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 698 มุมมอง 0 รีวิว
  • บช.ก.ร่วมอัยการประชุมคดี "ทนายตั้ม"โกง "พี่อ้อย" นัดแรก หารืออุดช่องโหว่ปิดทางไม่ให้ผู้ต้องหาดิ้นหลุด ตั้งกรอบเวลาสรุปสำนวนภายใน 6 ม.ค.นี้ ก่อนส่งอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี

    วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผบก.ป.พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รอง อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ประชุมคดี นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย เพื่อร่วมกันทำสำนวนคดีเป็นนัดแรก เนื่องจากมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาและเล็งเห็นว่าพฤติการณ์ของทนายตั้ม เข้าข่ายเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ทำให้ต้องมีคณะทำงานของอัยการร่วมสอบสวน

    นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจดูสำนวน พิจารณาพยานหลักฐานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สอบสวนไปแล้วทั้งหมดพบว่ามีความละเอียดเรียบร้อยดี แต่ในความเห็นของอัยการก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนเกิดความสมบูรณ์ รัดกุม และไม่เป็นช่องโหว่ให้ผู้ต้องหานำมาเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องมีการเรียก คุณอ้อย และ คุณน้อย เลขาคนสนิท รวมถึงพยานบางส่วนมาสอบปากคำเพิ่มเติม

    นายวัชรินทร์ กล่าวต่อว่า กระบวนการทำสำนวนทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จประมาณวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นช่วงขึ้นฝากขังผัดที่ 6 ของผู้ต้องหา และสำนวนจะต้องถูกส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดีแต่เพียงผู้เดียว และสุดท้ายหากพบความผิดข้อหาอื่น ๆ ก็จะต้องมีการแจ้งข้อหากับทนายตั้มและผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมในเรือนจำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000122919

    #MGROnline #ทนายตั้ม #พี่อ้อย
    บช.ก.ร่วมอัยการประชุมคดี "ทนายตั้ม"โกง "พี่อ้อย" นัดแรก หารืออุดช่องโหว่ปิดทางไม่ให้ผู้ต้องหาดิ้นหลุด ตั้งกรอบเวลาสรุปสำนวนภายใน 6 ม.ค.นี้ ก่อนส่งอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี • วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผบก.ป.พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ร่วมกับนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รอง อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ประชุมคดี นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย เพื่อร่วมกันทำสำนวนคดีเป็นนัดแรก เนื่องจากมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาและเล็งเห็นว่าพฤติการณ์ของทนายตั้ม เข้าข่ายเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ทำให้ต้องมีคณะทำงานของอัยการร่วมสอบสวน • นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจดูสำนวน พิจารณาพยานหลักฐานที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สอบสวนไปแล้วทั้งหมดพบว่ามีความละเอียดเรียบร้อยดี แต่ในความเห็นของอัยการก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนเกิดความสมบูรณ์ รัดกุม และไม่เป็นช่องโหว่ให้ผู้ต้องหานำมาเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องมีการเรียก คุณอ้อย และ คุณน้อย เลขาคนสนิท รวมถึงพยานบางส่วนมาสอบปากคำเพิ่มเติม • นายวัชรินทร์ กล่าวต่อว่า กระบวนการทำสำนวนทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จประมาณวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นช่วงขึ้นฝากขังผัดที่ 6 ของผู้ต้องหา และสำนวนจะต้องถูกส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดีแต่เพียงผู้เดียว และสุดท้ายหากพบความผิดข้อหาอื่น ๆ ก็จะต้องมีการแจ้งข้อหากับทนายตั้มและผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมในเรือนจำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000122919 • #MGROnline #ทนายตั้ม #พี่อ้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งกว่าแจ็คพอตแตก! "ทนายตั้ม" อ่วม! โดนแจ้งข้อหาที่ 8 เพิ่ม (06/12/67) #news1 #newsupdate #ข่าวtiktok #ทนายตั้มษิทรา
    ยิ่งกว่าแจ็คพอตแตก! "ทนายตั้ม" อ่วม! โดนแจ้งข้อหาที่ 8 เพิ่ม (06/12/67) #news1 #newsupdate #ข่าวtiktok #ทนายตั้มษิทรา
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1249 มุมมอง 80 0 รีวิว
  • ผบก.ป. เผยแจ้งเพิ่ม 7 ข้อหา "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" 39 ล้าน ส่วน "นุ-แซน" ก็ไม่รอด ยันแจ้งรายงานทรัพย์สินบ้าน-ที่ดิน 8 รายการรถหรู 4 คัน ไปยัง ป.ป.ง. แล้ว
    .
    วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย กับทนายตั้มในเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการแจ้งข้อหาทั้งหมดรวมแล้ว 7 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, ร่วมกันแจ้งความเท็จ , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน โดยทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับกรณีเงิน 71 ล้านบาท, ส่วนต่างค่าออกแบบ 5.5 ล้านบาท, ค่ารถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท และเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งขณะที่ไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้นทางทนายตั้มให้การปฏิเสธ และมีการกล่าวอ้างว่ามีพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่ทางตำรวจจะต้องดำเนินการต่อ นอกจากนี้ก็เตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ และน.ส.สารินี นุชนารถ หรือสา คนสนิททนายตั้ม อีกด้วย
    .
    ผบก.ป.กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเงินในบัญชีของทนายตั้ม 28 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เชื่อมโยงถึงเงิน 71 ล้านบาทจากพี่อ้อย รวมถึงมีการยึดรถหรูของทนายตั้มและนายนุวัฒน์ และยึดรถเบนซ์ของ น.ส.สารินี นอกจากนี้ยังมีการแจ้งรายงานทรัพย์สินเป็นรถ 4 คันและบ้านกับที่ดินรวม 8 รายการ ของทนายตั้มไปยัง ป.ป.ง. แล้ว
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดคดีนี้ถึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เพราะมีพฤติการณ์กระทำผิดส่วนหนึ่งส่วนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักร ในเรื่องการหลอกลวงหรือการส่งเอกสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร โดยบช.ก.ได้มีการแจ้งกับทางอัยการสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในการสืบสวนสอบสวน ทางตำรวจทำทุกมิติ โดยตอนนี้มีความคืบหน้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และอยู่ในระหว่างเก็บรายละเอียดรวบรวมข้อมูลทางคดี คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน และอาจจะมีการดำเนินคดีกับคนอื่นเพิ่มเติม แต่ในส่วนเรื่องพินัยกรรมของพี่อ้อย ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในประเด็นนี้ และสำหรับคดีนี้จะเร่งรัดการสรุปสำนวนคดีให้ทันในฝาก 3 แต่หากไม่ทันก็จะอยู่ในประมาณฝาก 4
    ..............
    Sondhi X
    ผบก.ป. เผยแจ้งเพิ่ม 7 ข้อหา "ทนายตั้ม" โกง "พี่อ้อย" 39 ล้าน ส่วน "นุ-แซน" ก็ไม่รอด ยันแจ้งรายงานทรัพย์สินบ้าน-ที่ดิน 8 รายการรถหรู 4 คัน ไปยัง ป.ป.ง. แล้ว . วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องเงิน 39 ล้านบาทของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย กับทนายตั้มในเรือนจำเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการแจ้งข้อหาทั้งหมดรวมแล้ว 7 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, ร่วมกันแจ้งความเท็จ , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน โดยทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับกรณีเงิน 71 ล้านบาท, ส่วนต่างค่าออกแบบ 5.5 ล้านบาท, ค่ารถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท และเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งขณะที่ไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้นทางทนายตั้มให้การปฏิเสธ และมีการกล่าวอ้างว่ามีพยานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่ทางตำรวจจะต้องดำเนินการต่อ นอกจากนี้ก็เตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือนุ และน.ส.สารินี นุชนารถ หรือสา คนสนิททนายตั้ม อีกด้วย . ผบก.ป.กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดเงินในบัญชีของทนายตั้ม 28 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่เชื่อมโยงถึงเงิน 71 ล้านบาทจากพี่อ้อย รวมถึงมีการยึดรถหรูของทนายตั้มและนายนุวัฒน์ และยึดรถเบนซ์ของ น.ส.สารินี นอกจากนี้ยังมีการแจ้งรายงานทรัพย์สินเป็นรถ 4 คันและบ้านกับที่ดินรวม 8 รายการ ของทนายตั้มไปยัง ป.ป.ง. แล้ว . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดคดีนี้ถึงเป็นคดีนอกราชอาณาจักร พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เพราะมีพฤติการณ์กระทำผิดส่วนหนึ่งส่วนใดที่อยู่นอกราชอาณาจักร ในเรื่องการหลอกลวงหรือการส่งเอกสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร โดยบช.ก.ได้มีการแจ้งกับทางอัยการสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในการสืบสวนสอบสวน ทางตำรวจทำทุกมิติ โดยตอนนี้มีความคืบหน้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และอยู่ในระหว่างเก็บรายละเอียดรวบรวมข้อมูลทางคดี คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน และอาจจะมีการดำเนินคดีกับคนอื่นเพิ่มเติม แต่ในส่วนเรื่องพินัยกรรมของพี่อ้อย ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในประเด็นนี้ และสำหรับคดีนี้จะเร่งรัดการสรุปสำนวนคดีให้ทันในฝาก 3 แต่หากไม่ทันก็จะอยู่ในประมาณฝาก 4 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 836 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมีย "ทนายตั้ม" นอนคุกต่อ! ไม่ได้ประกัน ศาลยกเหตุผล การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ด้าน "ทนายอาคม" เผย จะไม่ยื่นประกันอีก จนกว่าการสอบสวนมีความคืบหน้า
    .
    เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของนางปทิตตา หรือ"เดือน" เบี้ยบังเกิด อายุ 42 ปี ภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงและฟอกเงิน ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 500,000 บาท พร้อมขอเพิ่มหลักทรัพย์เป็น 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว นางปทิตตา ไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลได้เบิกตัวนางปทิตตาจากทัณฑสถานหญิงกลาง มาเบิกความเป็นพยาน 1 ปาก ในขณะที่พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ผู้คัดค้าน เข้าเบิกความ 1 ปาก ต่อมาเวลา 14.30 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนางปทิตตา เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
    .
    นายอาคม ทนายความของนางปทิตตา เมียทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ศาลมองว่าการสืบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงได้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลไม่ได้ระบุประเด็นที่ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว แต่จะต้องมีการสืบสวนขยายผลในเรื่องของเงินจาก 39 ล้านที่นำไปใช้เกี่ยวกับบ้าน จึงควรจะสืบสวนในส่วนนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนเองจะยังไม่ยื่นประกันตัวนางปทิตตา หรือ "เดือน" ภรรยาทนายตั้ม อีก จะรอจนกว่าเวลาที่เหมาะสม เพราะหากยื่นประกันตัวบ่อย จะกลายเป็นช้ำ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่พนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัวเพราะมีกรณีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเรื่องของการลบแชทพูดคุยกับอดีตคนขับรถ ทนายความยืนยันว่า นางปทิตตาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการกระทำของนายษิทราเพียงคนเดียว
    .
    นายอาคม กล่าวต่อว่า ในส่วนความผิดของนางปทิตตา หรือ เดือน สามารถฝากขังได้เต็มที่ 7 ครั้ง 84 วัน ส่วนจะมีการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในการฝากขังครั้งที่ 3 อีกหรือไม่นั้น ตนอาจจะยังไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เพราะแม้จะสามารถมายื่นประกันได้ทุกวัน แต่ตนเห็นคำสั่งศาลออกมาในรูปแบบนี้ จึงอยากให้การสอบสวนพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปมากกว่าเดิมเสียก่อน
    .
    นายอาคม กล่าวอีกว่า ตนคงไม่เข้าไปคุยกับทนายตั้มอีกเพราะน่าจะคุยกันครบแล้ว งานที่เหลือคือต้องกลับไปคุยกับญาติว่าจะอุทธรณ์คำสั่งศาลหรือไม่
    .
    เมื่อถามว่า การทำงานของตนจะสิ้นสุดในส่วนไหน หรือจนกว่านางปทิตตาจะได้ประกันตัว
    .
    นายอาคม กล่าวว่า การทำงานของตนจะสิ้นสุดภายในชั้นสอบสวนแน่นอนจะไม่เกินไปกว่านี้อีก ส่วนประเด็นที่จะทำหน้าที่จนกว่านางปทิตตาจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น ตรงส่วนนี้ตอบยาก เพราะถ้าฝากขังครบ 84 วัน นางปทิตตาอาจจะยังไม่ได้รับการประกันตัวก็ได้ เพราะตนทำหน้าที่แค่ชั้นสอบสวนเพียงอย่างเดียว
    ..............
    Sondhi X
    เมีย "ทนายตั้ม" นอนคุกต่อ! ไม่ได้ประกัน ศาลยกเหตุผล การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ด้าน "ทนายอาคม" เผย จะไม่ยื่นประกันอีก จนกว่าการสอบสวนมีความคืบหน้า . เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความของนางปทิตตา หรือ"เดือน" เบี้ยบังเกิด อายุ 42 ปี ภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงและฟอกเงิน ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 500,000 บาท พร้อมขอเพิ่มหลักทรัพย์เป็น 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว นางปทิตตา ไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลได้เบิกตัวนางปทิตตาจากทัณฑสถานหญิงกลาง มาเบิกความเป็นพยาน 1 ปาก ในขณะที่พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ผู้คัดค้าน เข้าเบิกความ 1 ปาก ต่อมาเวลา 14.30 น. ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนางปทิตตา เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น . นายอาคม ทนายความของนางปทิตตา เมียทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ศาลมองว่าการสืบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงได้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลไม่ได้ระบุประเด็นที่ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว แต่จะต้องมีการสืบสวนขยายผลในเรื่องของเงินจาก 39 ล้านที่นำไปใช้เกี่ยวกับบ้าน จึงควรจะสืบสวนในส่วนนี้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนเองจะยังไม่ยื่นประกันตัวนางปทิตตา หรือ "เดือน" ภรรยาทนายตั้ม อีก จะรอจนกว่าเวลาที่เหมาะสม เพราะหากยื่นประกันตัวบ่อย จะกลายเป็นช้ำ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่พนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัวเพราะมีกรณีไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานเรื่องของการลบแชทพูดคุยกับอดีตคนขับรถ ทนายความยืนยันว่า นางปทิตตาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการกระทำของนายษิทราเพียงคนเดียว . นายอาคม กล่าวต่อว่า ในส่วนความผิดของนางปทิตตา หรือ เดือน สามารถฝากขังได้เต็มที่ 7 ครั้ง 84 วัน ส่วนจะมีการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในการฝากขังครั้งที่ 3 อีกหรือไม่นั้น ตนอาจจะยังไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เพราะแม้จะสามารถมายื่นประกันได้ทุกวัน แต่ตนเห็นคำสั่งศาลออกมาในรูปแบบนี้ จึงอยากให้การสอบสวนพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปมากกว่าเดิมเสียก่อน . นายอาคม กล่าวอีกว่า ตนคงไม่เข้าไปคุยกับทนายตั้มอีกเพราะน่าจะคุยกันครบแล้ว งานที่เหลือคือต้องกลับไปคุยกับญาติว่าจะอุทธรณ์คำสั่งศาลหรือไม่ . เมื่อถามว่า การทำงานของตนจะสิ้นสุดในส่วนไหน หรือจนกว่านางปทิตตาจะได้ประกันตัว . นายอาคม กล่าวว่า การทำงานของตนจะสิ้นสุดภายในชั้นสอบสวนแน่นอนจะไม่เกินไปกว่านี้อีก ส่วนประเด็นที่จะทำหน้าที่จนกว่านางปทิตตาจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น ตรงส่วนนี้ตอบยาก เพราะถ้าฝากขังครบ 84 วัน นางปทิตตาอาจจะยังไม่ได้รับการประกันตัวก็ได้ เพราะตนทำหน้าที่แค่ชั้นสอบสวนเพียงอย่างเดียว .............. Sondhi X
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 896 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบก.ป.เผยกำลังรวบรวมหลักฐานพิจารณาดำเนินคดี"แตม" น้อง "ทนายตั้ม" เอี่ยวโกงเบนซ์ "พี่อ้อย" ส่วน "เล็ก" คนขับรถให้การเป็นประโยชน์ เชื่อทำตามคำสั่งเจ้านาย

    วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาทของน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อยว่า ในส่วนของนายเล็ก คนขับรถของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่พบว่าขับรถไปขนเงิน 39 ล้าน เบื้องต้นนายเล็กให้การครบถ้วนทุกอย่าง ซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจมี จึงเชื่อได้ว่านายเล็กเป็นเพียงลูกน้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะทำตามคำสั่งเจ้านาย แต่หากพบว่านายเล็กปกปิดข้อมูล อาจถูกแจ้งข้อกล่างหาเดียวกับ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวของภรรยานายษิทรา แต่ขณะนี้นายเล็กยังไม่ได้เข้าข่าย

    พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า ที่ น.ส.ปิณฑิรา ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพราะให้การปกปิดในหลายประเด็น ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในประเด็นนี้ และมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมือนนายเล็ก จึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาไป ขณะที่ "แตม" น้องของทนายตั้มที่ถูกระบุว่า มีส่วนกับหลักฐานปลอมในเรื่องรถเบนซ์ของ พี่อ้อย อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใดหากพบข้อมูลว่ามีส่วนกระทำความผิดก็อาจจะพิจารณาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้าตนจะลงมาดูภาพรวมของคดีดังกล่าว และอาจจะเรียกตัวนายเล็กมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใครเพิ่มเติมหรือไม่ต่อไป

    #MGROnline #แตม #ทนายตั้ม #โกงเบนซ์ #พี่อ้อย

    รอง ผบก.ป.เผยกำลังรวบรวมหลักฐานพิจารณาดำเนินคดี"แตม" น้อง "ทนายตั้ม" เอี่ยวโกงเบนซ์ "พี่อ้อย" ส่วน "เล็ก" คนขับรถให้การเป็นประโยชน์ เชื่อทำตามคำสั่งเจ้านาย • วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาทของน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อยว่า ในส่วนของนายเล็ก คนขับรถของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่พบว่าขับรถไปขนเงิน 39 ล้าน เบื้องต้นนายเล็กให้การครบถ้วนทุกอย่าง ซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจมี จึงเชื่อได้ว่านายเล็กเป็นเพียงลูกน้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะทำตามคำสั่งเจ้านาย แต่หากพบว่านายเล็กปกปิดข้อมูล อาจถูกแจ้งข้อกล่างหาเดียวกับ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวของภรรยานายษิทรา แต่ขณะนี้นายเล็กยังไม่ได้เข้าข่าย • พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า ที่ น.ส.ปิณฑิรา ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพราะให้การปกปิดในหลายประเด็น ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในประเด็นนี้ และมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมือนนายเล็ก จึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาไป ขณะที่ "แตม" น้องของทนายตั้มที่ถูกระบุว่า มีส่วนกับหลักฐานปลอมในเรื่องรถเบนซ์ของ พี่อ้อย อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใดหากพบข้อมูลว่ามีส่วนกระทำความผิดก็อาจจะพิจารณาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้าตนจะลงมาดูภาพรวมของคดีดังกล่าว และอาจจะเรียกตัวนายเล็กมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใครเพิ่มเติมหรือไม่ต่อไป • #MGROnline #แตม #ทนายตั้ม #โกงเบนซ์ #พี่อ้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาสั่งจำคุกแอดมินเพจ “ออยศรีและผองเผือก” 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โพสต์หมิ่นประมาท “ทนายตั้ม” แต่โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้เงินอีก 100,000 บาท

    ที่ห้องพิจารณาคดี 811 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1574/2566 ที่ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม โดย นายวีรวิทย์ วงศ์สวรรค์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ที่ 1, นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เป็นโจทก์ที่ 2 ฟ้อง น.ส.บุณยนุช แสงศรี หรือ ออยศรี, น.ส.ปุณณภา กีรติทิวากร และ น.ส.ปภาวรินทร์ พานิช ทั้งสามเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “ออยศรีและผองเผือก” ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

    โดยวันนี้จำเลยทั้ง 3 มาศาล ขณะที่ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด โจทก์ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด

    ศาลอ่านคำพิพากษาว่า คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เพจ “ออยศรีและผองเผือก” จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันเปิดเพจขึ้นเมื่อปี 2561 โดยจำเลยทั้งสาม ทำหน้าที่แอดมินเพจ น.ส.ปุณณภา จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ตอบโต้กับผู้ที่มาโพสต์วิจารณ์ แล้วปรึกษาคดีกับโจทก์ที่ 2 แล้วเกิดความไม่พอใจ โดยจำเลยที่ 2 ส่งข้อความดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 รับทราบ ผ่านทางกลุ่มไลน์ 3 ศรี ซึ่งมีทั้งจำเลยทั้งสาม อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสาม รับรู้การเคลื่อนไหวของเพจ “ออยศรีและผองเผือก”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114428

    #MGROnline #ออยศรีและผองเผือก #ทนายตั้ม
    ศาลอาญาสั่งจำคุกแอดมินเพจ “ออยศรีและผองเผือก” 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โพสต์หมิ่นประมาท “ทนายตั้ม” แต่โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้เงินอีก 100,000 บาท • ที่ห้องพิจารณาคดี 811 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1574/2566 ที่ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม โดย นายวีรวิทย์ วงศ์สวรรค์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ที่ 1, นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เป็นโจทก์ที่ 2 ฟ้อง น.ส.บุณยนุช แสงศรี หรือ ออยศรี, น.ส.ปุณณภา กีรติทิวากร และ น.ส.ปภาวรินทร์ พานิช ทั้งสามเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “ออยศรีและผองเผือก” ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา • โดยวันนี้จำเลยทั้ง 3 มาศาล ขณะที่ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด โจทก์ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด • ศาลอ่านคำพิพากษาว่า คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เพจ “ออยศรีและผองเผือก” จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันเปิดเพจขึ้นเมื่อปี 2561 โดยจำเลยทั้งสาม ทำหน้าที่แอดมินเพจ น.ส.ปุณณภา จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ตอบโต้กับผู้ที่มาโพสต์วิจารณ์ แล้วปรึกษาคดีกับโจทก์ที่ 2 แล้วเกิดความไม่พอใจ โดยจำเลยที่ 2 ส่งข้อความดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 รับทราบ ผ่านทางกลุ่มไลน์ 3 ศรี ซึ่งมีทั้งจำเลยทั้งสาม อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสาม รับรู้การเคลื่อนไหวของเพจ “ออยศรีและผองเผือก” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114428 • #MGROnline #ออยศรีและผองเผือก #ทนายตั้ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาให้ฝากขัง ’ดาว‘ พี่สาวเมีย "ทนายตั้ม" ข้อหาสมคบฟอกเงินฉ้อโก้งพี่อ้อย 39 ล้านบาท กองปราบ-ผู้เสียหายคัดค้านประกันตัว เผยพฤติการณ์ก่อนถูกจับรับคำสั่งจาก "ษิทรา" เปลี่ยนเครื่อง-เบอร์มือถือทำลายหลักฐานการติดต่อ มีร่องรอยขนย้ายทรัพย์สิน วันเกิดเหตุไม่ได้ไปรับลูกทนายตั้มที่โรงเรียนตามอ้าง

    เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน" มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน

    พฤติการณ์แห่งคดีคือ ก่อนเกิดเหตุ นางสาวจตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ต่อมานายษิทราได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหาย หลงเชื่อส่งมอบเงินให้กับนายษิทรา หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่าง
    วาระกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114113

    #MGROnline #ดาว #พี่สาว #เมียทนายตั้ม #ทนายตั้ม
    ศาลอาญาให้ฝากขัง ’ดาว‘ พี่สาวเมีย "ทนายตั้ม" ข้อหาสมคบฟอกเงินฉ้อโก้งพี่อ้อย 39 ล้านบาท กองปราบ-ผู้เสียหายคัดค้านประกันตัว เผยพฤติการณ์ก่อนถูกจับรับคำสั่งจาก "ษิทรา" เปลี่ยนเครื่อง-เบอร์มือถือทำลายหลักฐานการติดต่อ มีร่องรอยขนย้ายทรัพย์สิน วันเกิดเหตุไม่ได้ไปรับลูกทนายตั้มที่โรงเรียนตามอ้าง • เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (27 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน" มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน • พฤติการณ์แห่งคดีคือ ก่อนเกิดเหตุ นางสาวจตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ต่อมานายษิทราได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหาย หลงเชื่อส่งมอบเงินให้กับนายษิทรา หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่าง วาระกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114113 • #MGROnline #ดาว #พี่สาว #เมียทนายตั้ม #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 27-11-67
    .
    วันนี้มีหลายประเด็นมาเล่าให้ฟังด้วยกันทั้งเรื่องที่จะไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาลให้ชี้แจงMOU 2544 , ความคืบหน้าของคดีฉ้อโกงพี่อ้อย และความเป็นอยู่ของ "ทนายตั้ม" ษิทราในเรือนจำ รวมไปถึง "หมอบุญ" และ การจับกุม "จ๊อบ สามารถ" ในคดีกรรโชกทรัพย์บอส ดิ ไอคอนด้วย
    https://www.youtube.com/live/Kwv7EzOhgTI?si=gOQExpXN0nkSCZLO
    สนธิเล่าเรื่อง 27-11-67 . วันนี้มีหลายประเด็นมาเล่าให้ฟังด้วยกันทั้งเรื่องที่จะไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาลให้ชี้แจงMOU 2544 , ความคืบหน้าของคดีฉ้อโกงพี่อ้อย และความเป็นอยู่ของ "ทนายตั้ม" ษิทราในเรือนจำ รวมไปถึง "หมอบุญ" และ การจับกุม "จ๊อบ สามารถ" ในคดีกรรโชกทรัพย์บอส ดิ ไอคอนด้วย https://www.youtube.com/live/Kwv7EzOhgTI?si=gOQExpXN0nkSCZLO
    Like
    Love
    Haha
    35
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4085 มุมมอง 1 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 27-11-67
    .
    วันนี้คุณสนธิมีหลายประเด็นมาเล่าให้ฟังด้วยกัน ทั้งเรื่องที่จะไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาลให้ชี้แจงเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา 2544 ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับ คนในทำเนียบรัฐบาลมากไม่ว่าจะเป็น "อ้วน" ภูมิธรรม รองนายกฯ, "หนู" อนุทิน, "เต้น" ณัฐวุฒิ, ความคืบหน้าของคดีฉ้อโกงพี่อ้อย และความเป็นอยู่ของ "ทนายตั้ม" ษิทราในเรือนจำ รวมไปถึง "หมอบุญ" และ การจับกุม "จ๊อบ สามารถ" ในคดีกรรโชกทรัพย์บอส ดิ ไอคอนด้วย
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kwv7EzOhgTI
    สนธิเล่าเรื่อง 27-11-67 . วันนี้คุณสนธิมีหลายประเด็นมาเล่าให้ฟังด้วยกัน ทั้งเรื่องที่จะไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาลให้ชี้แจงเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา 2544 ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับ คนในทำเนียบรัฐบาลมากไม่ว่าจะเป็น "อ้วน" ภูมิธรรม รองนายกฯ, "หนู" อนุทิน, "เต้น" ณัฐวุฒิ, ความคืบหน้าของคดีฉ้อโกงพี่อ้อย และความเป็นอยู่ของ "ทนายตั้ม" ษิทราในเรือนจำ รวมไปถึง "หมอบุญ" และ การจับกุม "จ๊อบ สามารถ" ในคดีกรรโชกทรัพย์บอส ดิ ไอคอนด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Kwv7EzOhgTI
    Like
    Love
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้าน เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป
    .
    วันนี้ ( 26 พ.ย. ) ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ได้ที่สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม.
    .
    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า น.ส.ปิณฑิรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "ดาว" พี่ภรรยาทนายตั้มคาสยามสแควร์ หลังพบร่วมกันฟอกเงินคดีโกงพี่อ้อย 39 ล้าน เร่งนำตัวมาสอบสวนต่อไป . วันนี้ ( 26 พ.ย. ) ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยาของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ได้ที่สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม. . ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานว่า น.ส.ปิณฑิรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปาเกียวเกียร์อาร์ เดชาเกียร์ดี เกาะคอตั้มเข้าซังเต
    หลังจากหลบหน้าไปหลายวัน ทนายปาเกียว ก็ร้องเพลงถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความแก้ต่างให้ทนายตั้มนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะสุดจะรับไหว ต่อวิธีการสู้คดีแบบหัวชนฝา
    ทนายปาเกียวตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ทนายตั้มมีการปลอมแปลงเอกสารสัญญาที่เคยทําไว้กับพี่อ้อยจตุพร หวังใช้เป็นหมัดเด็ดในศาล ว่ากันว่าการใช้หลักฐานปลอมเป็นงานถนัดของใครบางคนจนถูกร้องเรียนมาแล้วหลายต่อหลายคดี ซึ่งทนายปาเกียว ไม่อยากโดนหางเลข เป็นทนายที่ต้องมาพลอยติดคุกตามจําเลยไปด้วย ยิ่งมีตัวอย่างให้ดูเป็นขวัญตาหมาดๆ คือ ทนายปากแดงที่ติดคุกในการว่าความให้ แอมไซยาไนด์ ยิ่งเหมือนรายการเชือดไก่ให้ลิงดูตอนนี้
    จึงเป็นนาทีทองแล้วของทนายเดชา ที่จะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า มีจุดยืนเป็นมิตรแท้ทนายโจรมาตั้งแต่เริ่ม โลกนี้ก็แทบจะเหลือในเดชาคนเดียวที่จะต้องรับเป็นทนายให้ตั้มเพื่อนรัก ต้องบอกว่าคดีใหญ่ระดับนี้เหมาะที่สุดแล้วกับทนายบิ๊กเนม จบเนติบัณฑิต พร่ําสอนกฎหมายให้ประชาชนผ่านจอทุกเช้าค่ํา
    แม้ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆจะเสียรังวัด จนโดนล้อไปทั้งประเทศ อีท่าไหนไม่ทราบ ดันไปแพ้คดีให้กับทนายไม่จบเน อย่าง ทนายนิด้าเจ็บนี้ยิ่งต้องแปรความอัปยศอดสู เป็นพลังให้โลกตะลึงว่าไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่เก่งหน้าบัลลังก์ด้วยช่วยทนายแบรนด์เนมให้รอดทุกข์ให้ได้
    เมื่อได้เป็นทนายให้ทนายตั้มเต็มตัวคราวนี้ จะเรียกสื่อมาแถลงทางคดีอะไรก็เหมาะสมชอบธรรมไม่มีใครว่าได้อีกแล้วว่าหิวแสงไปเผือกในเรื่องที่ตัวเอง แต่คดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระสะท้านเมืองขึ้นมา จะเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์วิเคราะห์สอดคล้องกันว่าทนายตั้มรอดยากในทุกกระทงความผิด ทนายเกิดผลแก้วเกิดเพื่อนคนหนึ่งของทนายตั้มพูดชัดว่าเขาเชื่อหลักฐานของพี่อ้อยมากกว่า วิญญูชนย่อมรู้ว่าทนายตั้มฉ้อโกงทนายเกิดผลบอกว่า เพื่อนก็คือเพื่อน แต่เมื่อเห็นเพื่อนกระทําผิดก็กล้าวิจารณ์ซึ่งเป็นการนิยามความเป็นเพื่อนที่น่าชื่นชม ไม่ใช่แบบคนที่เล่นพวกจนหลงทาง
    ทนายรณรงค์แก้วเพชร เพื่อนอีกคนกล่าวว่ามองไม่เห็นทางเลยที่ทนายตั้มจะรอดได้ทนายอาคม คงสวัสดิ์ อดีตคนกันเอง ที่ให้ทนายตั้มยอมสารภาพเพื่อลดโทษจะดีต่อตัวเองและคนรอบข้างมากกว่า
    ทนายตั้มเสี่ยงติดคุกอีกคดีคือคดีทําลายพินัยกรรมของพี่อ้อยโดยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 บัญญัติว่าผู้ใดทําลายซ่อนเร้นพินัยกรรมให้เสียหายถือว่ามีความผิดโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีเพราะฉะนั้นพี่อ้อยและทีมกฎหมายของนายสนธิลิ้มทองกุลคงจะดําเนินคดีทนายตั้มข้อหาทําลายพินัยกรรมอย่างแน่นอนเพราะโทษหนักเสียยิ่งกว่าคดีฉ้อโกงด้วยซ้ํา ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปาเกียวเกียร์อาร์ เดชาเกียร์ดี เกาะคอตั้มเข้าซังเต หลังจากหลบหน้าไปหลายวัน ทนายปาเกียว ก็ร้องเพลงถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความแก้ต่างให้ทนายตั้มนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะสุดจะรับไหว ต่อวิธีการสู้คดีแบบหัวชนฝา ทนายปาเกียวตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า ทนายตั้มมีการปลอมแปลงเอกสารสัญญาที่เคยทําไว้กับพี่อ้อยจตุพร หวังใช้เป็นหมัดเด็ดในศาล ว่ากันว่าการใช้หลักฐานปลอมเป็นงานถนัดของใครบางคนจนถูกร้องเรียนมาแล้วหลายต่อหลายคดี ซึ่งทนายปาเกียว ไม่อยากโดนหางเลข เป็นทนายที่ต้องมาพลอยติดคุกตามจําเลยไปด้วย ยิ่งมีตัวอย่างให้ดูเป็นขวัญตาหมาดๆ คือ ทนายปากแดงที่ติดคุกในการว่าความให้ แอมไซยาไนด์ ยิ่งเหมือนรายการเชือดไก่ให้ลิงดูตอนนี้ จึงเป็นนาทีทองแล้วของทนายเดชา ที่จะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า มีจุดยืนเป็นมิตรแท้ทนายโจรมาตั้งแต่เริ่ม โลกนี้ก็แทบจะเหลือในเดชาคนเดียวที่จะต้องรับเป็นทนายให้ตั้มเพื่อนรัก ต้องบอกว่าคดีใหญ่ระดับนี้เหมาะที่สุดแล้วกับทนายบิ๊กเนม จบเนติบัณฑิต พร่ําสอนกฎหมายให้ประชาชนผ่านจอทุกเช้าค่ํา แม้ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆจะเสียรังวัด จนโดนล้อไปทั้งประเทศ อีท่าไหนไม่ทราบ ดันไปแพ้คดีให้กับทนายไม่จบเน อย่าง ทนายนิด้าเจ็บนี้ยิ่งต้องแปรความอัปยศอดสู เป็นพลังให้โลกตะลึงว่าไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่เก่งหน้าบัลลังก์ด้วยช่วยทนายแบรนด์เนมให้รอดทุกข์ให้ได้ เมื่อได้เป็นทนายให้ทนายตั้มเต็มตัวคราวนี้ จะเรียกสื่อมาแถลงทางคดีอะไรก็เหมาะสมชอบธรรมไม่มีใครว่าได้อีกแล้วว่าหิวแสงไปเผือกในเรื่องที่ตัวเอง แต่คดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระสะท้านเมืองขึ้นมา จะเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์วิเคราะห์สอดคล้องกันว่าทนายตั้มรอดยากในทุกกระทงความผิด ทนายเกิดผลแก้วเกิดเพื่อนคนหนึ่งของทนายตั้มพูดชัดว่าเขาเชื่อหลักฐานของพี่อ้อยมากกว่า วิญญูชนย่อมรู้ว่าทนายตั้มฉ้อโกงทนายเกิดผลบอกว่า เพื่อนก็คือเพื่อน แต่เมื่อเห็นเพื่อนกระทําผิดก็กล้าวิจารณ์ซึ่งเป็นการนิยามความเป็นเพื่อนที่น่าชื่นชม ไม่ใช่แบบคนที่เล่นพวกจนหลงทาง ทนายรณรงค์แก้วเพชร เพื่อนอีกคนกล่าวว่ามองไม่เห็นทางเลยที่ทนายตั้มจะรอดได้ทนายอาคม คงสวัสดิ์ อดีตคนกันเอง ที่ให้ทนายตั้มยอมสารภาพเพื่อลดโทษจะดีต่อตัวเองและคนรอบข้างมากกว่า ทนายตั้มเสี่ยงติดคุกอีกคดีคือคดีทําลายพินัยกรรมของพี่อ้อยโดยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 บัญญัติว่าผู้ใดทําลายซ่อนเร้นพินัยกรรมให้เสียหายถือว่ามีความผิดโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีเพราะฉะนั้นพี่อ้อยและทีมกฎหมายของนายสนธิลิ้มทองกุลคงจะดําเนินคดีทนายตั้มข้อหาทําลายพินัยกรรมอย่างแน่นอนเพราะโทษหนักเสียยิ่งกว่าคดีฉ้อโกงด้วยซ้ํา ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 625 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 739 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 25-11-67
    .
    เช้าวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาเล่าเรื่องเบื้องหน้า...เบื้องหลัง รายการความจริงมีหนึ่งเดียวเมื่อวานนี้ (24) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รวมถึงจะเล่าถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเกี่ยวกับ MOU2544 และเรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับ "ทนายตั้ม ษิทรา" และพินัยกรรมพี่อ้อย จตุพร
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=jrPiI1WpOhQ
    สนธิเล่าเรื่อง 25-11-67 . เช้าวันนี้ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาเล่าเรื่องเบื้องหน้า...เบื้องหลัง รายการความจริงมีหนึ่งเดียวเมื่อวานนี้ (24) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รวมถึงจะเล่าถึงสิ่งที่จะทำต่อไปเกี่ยวกับ MOU2544 และเรื่องราวบางเรื่องเกี่ยวกับ "ทนายตั้ม ษิทรา" และพินัยกรรมพี่อ้อย จตุพร . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=jrPiI1WpOhQ
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลือหึ่ง “ทนายสายหยุด” ถอนตัวคดีตั้ม อับอายถูกสังคมบูลลี่ เป็นทนายไร้จริยธรรม.วันนี้ (24 พ.ย.) ทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้รับการประสานจาก นายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือทนายปาเกียว ทนายความคู่ใจที่ได้รับการมอบหมายจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้เป็นผู้ทำคดีฉ้อโกง “มาดามอ้อย” จำนวน 71 ล้านบาท และคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า วันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) จะเดินทางไปที่ห้องส่งรายการโหนกระแส เพื่อแถลงข่าวกับหนุ่มกรรชัย ให้สังคมรับทราบว่า จะขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความ ของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เนื่องจากขณะนี้รู้สึกตัวว่า ตนเองถูกหลอก โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่ นายษิทรา ตระเตรียมไว้ให้ ล้วนเป็นพยานหลักฐานเท็จ อาทิ สัญญาการว่าจ้างทำ app สลากออนไลน์ ที่เป็นเพียงฉบับร่าง ตอนนี้เอกสารในมือทนายความไม่มีลายเซ็นผู้ใดแม้แต่รายเดียว ประกอบกับได้ทำการสืบสวนในทางลับแล้วว่า เฉพาะสัญญาฉบับนี้ มีการดัดแปลงแต่งเติมแก้ไข จากคอมพิวเตอร์ภายในสำนักงานกฎหมายของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด มาจำนวนหลายครั้ง ก่อนที่จะส่งถึงมือตนเอง นั่นหมายถึง นายษิทรา พยายามปิดบังข้อเท็จจริงทำให้รับไม่ได้ที่จะทำงานให้ต่อไปอีก,#ทนายสายหยุด #ทนายปาเกียว #หนุ่มกรรชัย #โหนกระแส #มาดามอ้อย #คดีฉ้อโกง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้ม
    ลือหึ่ง “ทนายสายหยุด” ถอนตัวคดีตั้ม อับอายถูกสังคมบูลลี่ เป็นทนายไร้จริยธรรม.วันนี้ (24 พ.ย.) ทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้รับการประสานจาก นายสายหยุด เพ็งบุญชู หรือทนายปาเกียว ทนายความคู่ใจที่ได้รับการมอบหมายจาก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้เป็นผู้ทำคดีฉ้อโกง “มาดามอ้อย” จำนวน 71 ล้านบาท และคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า วันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) จะเดินทางไปที่ห้องส่งรายการโหนกระแส เพื่อแถลงข่าวกับหนุ่มกรรชัย ให้สังคมรับทราบว่า จะขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายความ ของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เนื่องจากขณะนี้รู้สึกตัวว่า ตนเองถูกหลอก โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่ นายษิทรา ตระเตรียมไว้ให้ ล้วนเป็นพยานหลักฐานเท็จ อาทิ สัญญาการว่าจ้างทำ app สลากออนไลน์ ที่เป็นเพียงฉบับร่าง ตอนนี้เอกสารในมือทนายความไม่มีลายเซ็นผู้ใดแม้แต่รายเดียว ประกอบกับได้ทำการสืบสวนในทางลับแล้วว่า เฉพาะสัญญาฉบับนี้ มีการดัดแปลงแต่งเติมแก้ไข จากคอมพิวเตอร์ภายในสำนักงานกฎหมายของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด มาจำนวนหลายครั้ง ก่อนที่จะส่งถึงมือตนเอง นั่นหมายถึง นายษิทรา พยายามปิดบังข้อเท็จจริงทำให้รับไม่ได้ที่จะทำงานให้ต่อไปอีก,#ทนายสายหยุด #ทนายปาเกียว #หนุ่มกรรชัย #โหนกระแส #มาดามอ้อย #คดีฉ้อโกง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว

    จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789

    #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    ช่างศูนย์เบนซ์เผยรถ “พี่อ้อย” ถูกแอบติด GPS จากภายนอก ไม่ใช่ที่ศูนย์ฯ เพราะ “ทนายตั้ม” ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต ระบุหากติดตั้งที่ศูนย์ฯ ต้องมีชื่อผู้ใช้ตรงกับเจ้าของรถ แต่กรณีนี้กลับเป็นชื่อทนายตั้ม แถมระหว่างตัดสัญญาณพบภรรยาทนายตั้มเข้ามาดูพิกัดรถ ตำรวจเรียกช่างมาเป็นพยานแล้ว • จากกรณี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความดำเนินคดีต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทั้งหมด 4 คดี คือฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาทในการทำแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์, หลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาท อ้างว่าเพื่อชดเชยความเสียหายจากการโอนเงินคริปโตฯ แทนพี่อ้อย, ฉ้อโกงเงินส่วนต่างค่าซื้อรถเบนซ์ G400d 1.5 ล้านบาท,ฉ้อโกงค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาทนั้น ต่อมายังมีความน่าสงสัยกรณีการติดตั้ง GPS ที่รถเบนซ์ G400d ซึ่งทนายตั้มเป็นคนติดเอง โดยในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อนายษิทรา ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่านายษิทราและภรรยาเคยแอบดูข้อมูลการเดินทางของรถเบนซ์คันดังกล่าวของพี่อ้อยด้วย • ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ลูกน้องของพี่อ้อยได้นำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง บนถนนพระรามที่ 3 พบว่ารถมีการติดตั้ง GPS ติดตามรถคันนี้ นายษิทราอ้างว่าได้มาจากบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ต่างประเทศ เนื่องจากรถรุ่นนี้หายาก จึงต้องไปซื้อที่ตลาดผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต เพื่อให้พี่อ้อยใช้ เมื่อนำรถไปที่ศูนย์บริการที่ถนนพระรามที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ศูนย์ที่ซื้อ เพื่อตรวจสภาพหลังจากได้รับรถคืนจากทนายตั้มและพบว่าเลขไมล์รถสูงหลักหมื่นกิโลเมตร ปรากฎว่าพนักงานแจ้งว่ารถคันนี้ติดตั้ง GPS โดยที่ลูกน้องของพี่อ้อยไม่เคยทราบมาก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000112789 • #MGROnline #GPS #รถเบนซ์ #G400d
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ-ปานเทพ” ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาทนายความ.วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 13.00น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภาทนายความ โดยมี นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความ.จากนั้นจึงเข้าหารือกับ นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลประมาณ 20 นาที.#คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ทนายตั้ม #สภาทนายความ #ทนายตั้มษิทรา #sondhitalk
    “สนธิ-ปานเทพ” ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาทนายความ.วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 13.00น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภาทนายความ โดยมี นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความ.จากนั้นจึงเข้าหารือกับ นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลประมาณ 20 นาที.#คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ทนายตั้ม #สภาทนายความ #ทนายตั้มษิทรา #sondhitalk
    Like
    Love
    Yay
    12
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ
    .
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น
    .
    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน
    .
    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย
    .
    - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น
    .
    - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย
    .
    - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ
    .
    - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ
    .
    - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน
    .
    - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร
    .
    - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ
    .
    - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้
    .
    - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง
    ..............
    Sondhi X
    สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ . รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น . วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน . - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย . - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น . - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย . - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ . - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ . - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน . - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร . - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ . - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้ . - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1828 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น

    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้

    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน

    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111671

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ผู้จัดการมรดก #พินัยกรรม #พี่อ้อย
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น • วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ • - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน • - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000111671 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ผู้จัดการมรดก #พินัยกรรม #พี่อ้อย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พี่อ้อย" โร่ให้ให้ปากคำกองปราบคดีถูก "ทนายตั้ม"โกงเพิ่มเติม ตำรวจเตรียมสอบประเด็นพินัยกรรมสอดไส้ ด้าน รอง ผบช.ก.เผยสอบครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนของคดี

    วันนี้ ( 20 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือ "พี่อ้อย" มาให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกง โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์และสำหรับประเด็นเรื่องพินัยกรรมที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่าพินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงพี่อ้อยที่ตำรวจนัดหมายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น การให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

    ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. พี่อ้อย พร้อมผู้ติดตาม อีก 3 คน เดินทางมาถึงยัง บก.ป. โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวของพี่อ้อยปรากฏตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู โดยผู้ติดตาม 3 คน ยังถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง

    #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม #พินัยกรรม
    "พี่อ้อย" โร่ให้ให้ปากคำกองปราบคดีถูก "ทนายตั้ม"โกงเพิ่มเติม ตำรวจเตรียมสอบประเด็นพินัยกรรมสอดไส้ ด้าน รอง ผบช.ก.เผยสอบครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนของคดี • วันนี้ ( 20 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือ "พี่อ้อย" มาให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกง โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์และสำหรับประเด็นเรื่องพินัยกรรมที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่าพินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงพี่อ้อยที่ตำรวจนัดหมายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น การให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ • ต่อมาเมื่อเวลา 10.15 น. พี่อ้อย พร้อมผู้ติดตาม อีก 3 คน เดินทางมาถึงยัง บก.ป. โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวของพี่อ้อยปรากฏตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู โดยผู้ติดตาม 3 คน ยังถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง • #MGROnline #พี่อ้อย #ทนายตั้ม #พินัยกรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1556 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67
    .
    วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" วันนี้ นรกแตก !!!
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    สนธิเล่าเรื่อง 20-11-67 . วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับคดี ระหว่าง "พี่อ้อย จตุพร" กับ "ทนายตั้ม ษิทรา" วันนี้ นรกแตก !!! . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8H3MeO9sBmc
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    51
    8 ความคิดเห็น 6 การแบ่งปัน 6034 มุมมอง 5 รีวิว
Pages Boosts