• รมช.กลาโหมเผย อดทนอดกลั้นมานานแล้ว ไม่เจรจากับกัมพูชา พร้อมไฟเขียวกองทัพไทยจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถเมื่อสั่ง พยายามจะไม่ให้บานปลายแต่หากรุกล้ำอธิปไตยไทยเราก็ยอมไม่ได้ รบกันในพื้นที่ไม่ต้องขออนุญาตรัฐบาล ส่วนกระทรวงมหาดไทยเตรียมพร้อมอพยพประชาชนตามแนวชายแดน ชี้เข้าใจสถานการณ์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069624

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รมช.กลาโหมเผย อดทนอดกลั้นมานานแล้ว ไม่เจรจากับกัมพูชา พร้อมไฟเขียวกองทัพไทยจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถเมื่อสั่ง พยายามจะไม่ให้บานปลายแต่หากรุกล้ำอธิปไตยไทยเราก็ยอมไม่ได้ รบกันในพื้นที่ไม่ต้องขออนุญาตรัฐบาล ส่วนกระทรวงมหาดไทยเตรียมพร้อมอพยพประชาชนตามแนวชายแดน ชี้เข้าใจสถานการณ์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069624 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    5
    1 Comments 1 Shares 431 Views 0 Reviews
  • กลาโหมเขมรโต้เดือด! ปัดความรับผิดชอบปมทหารไทยเหยียบระเบิด ซัดไทยรุกล้ำอธิปไตย-เตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยเต็มที่
    https://www.thai-tai.tv/news/20476/
    .
    #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารเหยียบระเบิด #ปฏิเสธข้อกล่าวหา #รุกล้ำอธิปไตย #MOU2000 #ความมั่นคงชายแดน #ช่องอานม้า #มาลีสุจาตา #พระวิหาร

    กลาโหมเขมรโต้เดือด! ปัดความรับผิดชอบปมทหารไทยเหยียบระเบิด ซัดไทยรุกล้ำอธิปไตย-เตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยเต็มที่ https://www.thai-tai.tv/news/20476/ . #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารเหยียบระเบิด #ปฏิเสธข้อกล่าวหา #รุกล้ำอธิปไตย #MOU2000 #ความมั่นคงชายแดน #ช่องอานม้า #มาลีสุจาตา #พระวิหาร
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • ทบ.​เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ​ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ ขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชา ร่วมด้วย ได้แค่รับฟัง ไม่ตอบโต้

    วันนี้(22 ก.ค.) กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยรับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000069006

    #Thaitimes #MGROnline #ผู้ช่วยทูตทหาร
    ทบ.​เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ​ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ ขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชา ร่วมด้วย ได้แค่รับฟัง ไม่ตอบโต้ • วันนี้(22 ก.ค.) กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยรับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000069006 • #Thaitimes #MGROnline #ผู้ช่วยทูตทหาร​
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • ในเมื่อรัฐบาลทรยศไม่สนับสนุนกองทัพรับมือผู้รุกล้ำอธิปไตย พี่น้องชาวไทยในนาม ยามเฝ้าแผ่นดิน ก็ต้องออกตัวร่วมสนับสนุนกองทัพไทย โดยมีปรมาจารย์ปานเทพ นำคณะส่งมอบโดรนลาดตระเวน 28 ชุดให้แม่ทัพภาค2
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ในเมื่อรัฐบาลทรยศไม่สนับสนุนกองทัพรับมือผู้รุกล้ำอธิปไตย พี่น้องชาวไทยในนาม ยามเฝ้าแผ่นดิน ก็ต้องออกตัวร่วมสนับสนุนกองทัพไทย โดยมีปรมาจารย์ปานเทพ นำคณะส่งมอบโดรนลาดตระเวน 28 ชุดให้แม่ทัพภาค2 #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิมชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบกเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง

    วันนี้ (21 ก.ค.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68

    ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น

    การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบัน เข้าเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวด้วย กองทัพบกจึงขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงนานาประเทศ ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้กรมข่าวทหารบกจะได้มีการเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
    ทบ. เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิมชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบกเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง วันนี้ (21 ก.ค.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.68) กองกำลังสุรนารี และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบัน เข้าเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวด้วย กองทัพบกจึงขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงนานาประเทศ ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้กรมข่าวทหารบกจะได้มีการเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • พบระเบิดใหม่ในเขตไทย กองทัพยกระดับตอบโต้ : [THE MESSAGE]
    พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เผยถึงการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิด​ จุดวางทุ่นระเบิดอยู่บนเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทย
    พบทั้งหมด 7 ทุ่น เป็นระเบิดใหม่ ทุ่นระเบิดชนิดนี้กองทัพไทยไม่มีอยู่สารบบยุทโธปกรณ์ พบร่องรอยขุดเพื่อวางทุ่นระเบิด เป้าหมายเพื่อสังหารบุคคล ละเมิดอนุสัญญาออสตาวา รุกล้ำอธิปไตยไทย โดยกองทัพยกระดับมาตรการปฏิบัติเข้มข้นขึ้น​ เพิ่มความระมัดระวังการลาดตระเวน เตรียมความพร้อมสูงขึ้น​ตามหลักปฏิบัติกฎการใช้กำลังของกองทัพ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ออกหนังสือประณามการกระทำดังกล่าวแล้ว เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ผู้แทนกองทัพจากประเทศต่างๆ​ มารับฟังข้อเท็จจริง
    พบระเบิดใหม่ในเขตไทย กองทัพยกระดับตอบโต้ : [THE MESSAGE] พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เผยถึงการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิด​ จุดวางทุ่นระเบิดอยู่บนเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทย พบทั้งหมด 7 ทุ่น เป็นระเบิดใหม่ ทุ่นระเบิดชนิดนี้กองทัพไทยไม่มีอยู่สารบบยุทโธปกรณ์ พบร่องรอยขุดเพื่อวางทุ่นระเบิด เป้าหมายเพื่อสังหารบุคคล ละเมิดอนุสัญญาออสตาวา รุกล้ำอธิปไตยไทย โดยกองทัพยกระดับมาตรการปฏิบัติเข้มข้นขึ้น​ เพิ่มความระมัดระวังการลาดตระเวน เตรียมความพร้อมสูงขึ้น​ตามหลักปฏิบัติกฎการใช้กำลังของกองทัพ ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ออกหนังสือประณามการกระทำดังกล่าวแล้ว เตรียมเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ผู้แทนกองทัพจากประเทศต่างๆ​ มารับฟังข้อเท็จจริง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 348 Views 0 0 Reviews
  • คปท.-กองทัพธรรม-ศปปส.บุกหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ประณามเหตุทหารเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาวางทุ่นระเบิดที่ช่องบก ทำทหารไทยบาดเจ็บ 3 นาย ชี้ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทำลายความมั่นคงของประเทศไทย จี้เรียกทูตมาประท้วงเป็นทางการ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068237

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    คปท.-กองทัพธรรม-ศปปส.บุกหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ประณามเหตุทหารเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทยเข้ามาวางทุ่นระเบิดที่ช่องบก ทำทหารไทยบาดเจ็บ 3 นาย ชี้ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทำลายความมั่นคงของประเทศไทย จี้เรียกทูตมาประท้วงเป็นทางการ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068237 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • ทหารเมียนมา ต้านกองกำลัง KNLA ไม่ไหว ฐานอุเกรทะ จ.เมียวดี ใกล้อำเภอพบพระ ตาก จนแตกหนีข้ามมาฝั่งไทยเกือบ 100 คน

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ค.68 พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราขมนู) เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ กกล.KNLA ได้รวมกำลังเข้าตีที่ตั้งของทหารเมียนมา ฐานอุเกรทะ ด้วยการใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าประชิดฐาน โดย ทหารเมียน มาพยายามยิงต่อสู้และร้องขออาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันฐาน แต่ไม่สามารถต้านทานได้

    ส่งผลให้ทหารเมียนมา จำนวนเกือบ 100 คน ได้ทำการถอนตัวออกจาก ฐานอุเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณ บ.วาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก
    โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ได้ทำการควบคุมตัว, ปลดอาวุธ,ตรวจสอบความปลอดภัย ,รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ, ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม และดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่อไป

    จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ข้ามมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 467 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับฝ่ายปกครอง , จนท.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูและความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

    ทั้งนี้ ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ยังคงเพิ่มเติมกำลัง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ , นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065626

    #Thaitimes #MGROnline #ทหารเมียนมา #กองกำลังKNLA
    ทหารเมียนมา ต้านกองกำลัง KNLA ไม่ไหว ฐานอุเกรทะ จ.เมียวดี ใกล้อำเภอพบพระ ตาก จนแตกหนีข้ามมาฝั่งไทยเกือบ 100 คน • เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ค.68 พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราขมนู) เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ กกล.KNLA ได้รวมกำลังเข้าตีที่ตั้งของทหารเมียนมา ฐานอุเกรทะ ด้วยการใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าประชิดฐาน โดย ทหารเมียน มาพยายามยิงต่อสู้และร้องขออาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันฐาน แต่ไม่สามารถต้านทานได้ • ส่งผลให้ทหารเมียนมา จำนวนเกือบ 100 คน ได้ทำการถอนตัวออกจาก ฐานอุเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณ บ.วาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ได้ทำการควบคุมตัว, ปลดอาวุธ,ตรวจสอบความปลอดภัย ,รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ, ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม และดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่อไป • จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ข้ามมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 467 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับฝ่ายปกครอง , จนท.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูและความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม • ทั้งนี้ ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ยังคงเพิ่มเติมกำลัง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ , นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065626 • #Thaitimes #MGROnline #ทหารเมียนมา #กองกำลังKNLA
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • กต.ไทยแถลงโต้กัมพูชา จี้ทำตาม MOU43 ที่ระบุให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาเขตแดน ไม่มีตรงไหนที่ให้ใช้กลไกอื่นรวมทั้งศาลโลก ยัน JBC ใช้ได้ผล ไทยปักปันเขตแดนกับมาเลเซีย-ลาว สำเร็จแล้วกว่า 90% และเขมรเองก็ใช้กลไกนี้กับเพื่อนบ้านอื่น วอนกัมพูชาเคารพพันธกรณีที่มีร่วมกัน นำ 4 พื้นที่กลับมาเจราในที่ประชุม JBC

    หลังจากที่วานนี้ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน 8 ข้อ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ประณามฝ่ายไทยว่าเป็นฝ่ายก่อปัญหาจากการที่ทหารไทยรุกล้ำอธิปไตยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) เข้าไปยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกัมพูชาต้องตัดสินใจนำข้อพิพาทกับไทย 4 พื้นที่ไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายไทยยอมรับขอบเขตอำนาจของ ICJ เพื่อหาทางยุติปัญหาโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศนั้น ล่าสุด วันนี้ (6 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกคำชี้แจงข้อมูล ข้อคิดเห็นและท่าทีเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000063597

    #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา
    กต.ไทยแถลงโต้กัมพูชา จี้ทำตาม MOU43 ที่ระบุให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหาเขตแดน ไม่มีตรงไหนที่ให้ใช้กลไกอื่นรวมทั้งศาลโลก ยัน JBC ใช้ได้ผล ไทยปักปันเขตแดนกับมาเลเซีย-ลาว สำเร็จแล้วกว่า 90% และเขมรเองก็ใช้กลไกนี้กับเพื่อนบ้านอื่น วอนกัมพูชาเคารพพันธกรณีที่มีร่วมกัน นำ 4 พื้นที่กลับมาเจราในที่ประชุม JBC • หลังจากที่วานนี้ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน 8 ข้อ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ประณามฝ่ายไทยว่าเป็นฝ่ายก่อปัญหาจากการที่ทหารไทยรุกล้ำอธิปไตยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) เข้าไปยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกัมพูชาต้องตัดสินใจนำข้อพิพาทกับไทย 4 พื้นที่ไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายไทยยอมรับขอบเขตอำนาจของ ICJ เพื่อหาทางยุติปัญหาโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศนั้น ล่าสุด วันนี้ (6 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกคำชี้แจงข้อมูล ข้อคิดเห็นและท่าทีเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000063597 • #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 401 Views 0 Reviews
  • นอบน้อมกับกัมพูชา
    แต่แพทย์สภาฯ มันกล้าข่มขู่
    รุกล้ำอธิปไตยไม่กล้าไล่
    แต่มติแพทย์สภาฯ กล้าสั่งให้ทบทวน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    นอบน้อมกับกัมพูชา แต่แพทย์สภาฯ มันกล้าข่มขู่ รุกล้ำอธิปไตยไม่กล้าไล่ แต่มติแพทย์สภาฯ กล้าสั่งให้ทบทวน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • เตือนทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์ ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

    เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมคณะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ทำหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ โดยมีข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ได้แก่ 1. รัฐบาลไทยต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และจะใช้กลไกการเจรจาเรื่องเขตแดนผ่านคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) เท่านั้น

    2. รัฐบาลไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการทั้งต่อกัมพูชาและสากลว่า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต ศาลาตรีมุข เป็นดินแดนไทย และไม่ใช่ No man’s land 3. ยกเลิก MOU 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว และให้ใช้กลไก JBC กำหนดจัดทำหลักเขตที่สูญหาย ตามสันปันน้ำและขอบหน้าผาตามธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นวิทยาศาสตร์

    4. ยกเลิก MOU 2544 เพื่อยกเลิกเส้นไหล่ทวีปที่รุกล้ำอธิปไตยน่านน้ำไทย ให้ใช้กลไกของคณะกรรมาธิการทางเทคนิคในทะเลไทย-กัมพูชา (JTC) กำหนดใช้เส้นมัธยะตามกฎหมายทะเลสากล 5. สั่งการและมีมติเพิ่มอำนาจต่อรองก่อนการประชุม JBC ยังคงหรือลดเวลาเปิดด่านไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่บ่อนคาสิโน เพื่อต่อรองให้หยุดการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ 6. หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเลวร้ายลง ให้กองทัพไทยสามารถประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

    นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะนายวีระ สมความคิด เป็นเหยื่อของคนที่ต้องการยกพื้นที่ประเทศไทยให้กัมพูชา ข้อเท็จจริงซึ่งพิสูจน์และปฎิเสธไม่ได้เลย คือ นายวีระตอนถูกจับยังไม่ถึงหมู่บ้านหนองจาน อีกทั้งตนไม่ได้สนใจเลยว่านายทักษิณ ชินวัตร และกรณีชั้น 14 จะตายโหงตายห่ายังไง เพราะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชามายึดพื้นที่ของเรา

    "ผมยังยืนยันว่าเวลาที่จะต้องออกมาแสดงพลังกันทั่วประเทศนั้น มันคุกรุ่นมากและใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วถ้าคุณจะถามผมว่าจะมีการลงถนนไหม ก็ถ้าจำเป็นเพื่อที่จะปกป้องอธิปไตยไทย แล้วขับไล่รัฐบาลชั่วช้าแบบนี้ไป ถ้าจะลงถนนผมไม่ขัดข้อง ถึงอายุ 78 ปีแล้ว จะเป็นการลงถนนครั้งสุดท้ายก่อนตายผมก็ยินดี และผมก็เชื่อว่าพี่น้องเยอะแยะ อย่างน้อยทุกคนที่บนโต๊ะนี้ ผมเชื่อว่าเอากับผมแน่นอน เอากับพวกเรากันแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วผมจะฝากถึงแพทองธาร ชินวัตร ภูมิธรรม เวชยชัย และทักษิณ ชินวัตร ว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยพวกคุณ"

    #Newskit
    เตือนทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์ ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมคณะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ทำหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ โดยมีข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ได้แก่ 1. รัฐบาลไทยต้องประกาศย้ำไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และจะใช้กลไกการเจรจาเรื่องเขตแดนผ่านคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) เท่านั้น 2. รัฐบาลไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการทั้งต่อกัมพูชาและสากลว่า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต ศาลาตรีมุข เป็นดินแดนไทย และไม่ใช่ No man’s land 3. ยกเลิก MOU 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว และให้ใช้กลไก JBC กำหนดจัดทำหลักเขตที่สูญหาย ตามสันปันน้ำและขอบหน้าผาตามธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นวิทยาศาสตร์ 4. ยกเลิก MOU 2544 เพื่อยกเลิกเส้นไหล่ทวีปที่รุกล้ำอธิปไตยน่านน้ำไทย ให้ใช้กลไกของคณะกรรมาธิการทางเทคนิคในทะเลไทย-กัมพูชา (JTC) กำหนดใช้เส้นมัธยะตามกฎหมายทะเลสากล 5. สั่งการและมีมติเพิ่มอำนาจต่อรองก่อนการประชุม JBC ยังคงหรือลดเวลาเปิดด่านไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่บ่อนคาสิโน เพื่อต่อรองให้หยุดการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ 6. หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเลวร้ายลง ให้กองทัพไทยสามารถประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะนายวีระ สมความคิด เป็นเหยื่อของคนที่ต้องการยกพื้นที่ประเทศไทยให้กัมพูชา ข้อเท็จจริงซึ่งพิสูจน์และปฎิเสธไม่ได้เลย คือ นายวีระตอนถูกจับยังไม่ถึงหมู่บ้านหนองจาน อีกทั้งตนไม่ได้สนใจเลยว่านายทักษิณ ชินวัตร และกรณีชั้น 14 จะตายโหงตายห่ายังไง เพราะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชามายึดพื้นที่ของเรา "ผมยังยืนยันว่าเวลาที่จะต้องออกมาแสดงพลังกันทั่วประเทศนั้น มันคุกรุ่นมากและใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วถ้าคุณจะถามผมว่าจะมีการลงถนนไหม ก็ถ้าจำเป็นเพื่อที่จะปกป้องอธิปไตยไทย แล้วขับไล่รัฐบาลชั่วช้าแบบนี้ไป ถ้าจะลงถนนผมไม่ขัดข้อง ถึงอายุ 78 ปีแล้ว จะเป็นการลงถนนครั้งสุดท้ายก่อนตายผมก็ยินดี และผมก็เชื่อว่าพี่น้องเยอะแยะ อย่างน้อยทุกคนที่บนโต๊ะนี้ ผมเชื่อว่าเอากับผมแน่นอน เอากับพวกเรากันแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วผมจะฝากถึงแพทองธาร ชินวัตร ภูมิธรรม เวชยชัย และทักษิณ ชินวัตร ว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยพวกคุณ" #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • EP.1 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร

    ในตอนแรกเราต้องมาที่ความเข้าใจที่ถูกต้อง
    ว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของคนไทยมาแต่แรก

    เนื่องจากประวัติศาสตร์ไทยปัจจุบัน
    ถูกนักการเมืองขายชาติ ที่แฝงตัวอยู่ในไทย
    รวมหัวกับนักวิชาการชังชาติ คลั่งตะวันตก
    รวมไปถึงกลุ่ม NGO ที่มีเงินทุนมหาศาล
    แฝงตัวคอยปล่อยชุดความเชื่อผิดๆอยู่ทั่วประเทศไทย

    เป็นเหตุว่าปัจจุบันเราจะมีคอนเทนมากมายในอินเตอร์เน็ต
    ที่พยายามหาหลักฐานและข้อสรุปว่าปราสาทพระวิหารไม่ใช่ของไทยแต่เป็นของเขมร

    และถูกเชื่อ โดยคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ลงลึกในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับนักการเมืองของไทย

    ต่อมาด้วยชุดข้อมูลเหล่านั้นที่มีอยู่เต็มอินเตอร์เน็ต
    ก็ถูกส่งต่อด้วยอินฟูที่นำมาทำคอนเท้นให้ความรู้
    และถูกเชื่อด้วยคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ่ง

    ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะวิชาประวัติศาสตร์ถูกด้อยค่ามาเป็นระยะเวลายาวนาน จนถึงวันที่ถูกตัดออกจากวิชาภาคบังคับ ด้วยน้ำมือนักการเมือง

    สุดท้าย ก็กลายเป็นคนไทยเราเองที่เป็นผู้เชื่อในข้อมูลผิดๆ และส่งต่อข้อมูลบิดเบือนเหล่านั้น

    หากไม่มีคนนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง
    สุดท้ายจะไม่เหลือความจริงให้ลูกหลานได้ยึดถือ

    นานไป กลุ่มปราสาทที่เขมรกำลังเครมอยู่ตอนนี้
    คนไทยรุ่นหลังก็จะเชื่อว่าเป็นของเขมร
    สุดท้ายลูกหลานเราอาจจะเป็นคนที่ยกแผ่นดินและสมบัติชาติ
    ยกของของตนเองให้เขมรไปเพราะเชื่อในประวัติศาสตร์ปลอมๆ

    ชุดซีรีย์ ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 (ปราสาทเขาพระวิหาร)

    ตั้งใจรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่ไทยเราค้นพบตัวปราสาท ไปจนถึงการเสียทั้งตัวปราสาทและดินแดนให้กับโจรเขมร

    กระบวนการและวิธีการที่เขมรนำปราสาทประวิหารไปสู่ศาลโลกได้อย่างไร การรุกล้ำอธิปไตยไทย จนนำมาสู่ความชอบธรรมของรัฐบาลไทยที่จะทำ MOU หรือการทำข้อตกลงต่างๆ ล้วนเป็นการวางแผนมาอย่างรอบครอบไม่เร่งรีบ

    ทุกครั้งที่เขมรถอย ไทยมักคิดว่าตนชนะ
    แต่หารู้ทันเขมร การถอยของเขมรแต่ละครั้ง
    ไม่ใช่เพราะเขากลัว หรือเขาแพ้ แต่เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วต่างหาก

    เขาไม่ได้ต้องการรบกับไทยเพราะรู้สู้ไม่ได้
    แต่เขาแค่ต้องการหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงเวลา เช่น ต้องการเอกสารราชการว่ารัฐบาลเขาได้ออกประนามไทยให้โลกว่าไทยรุกล้ำแผ่นดินเขา และไทยก็คิดว่าเขมรบ้าและตลกจะเป็นของเขมรได้อย่างไร โดยไม่มีเอกสารที่เป็นของรัฐบาลแย้ง

    และหลายครั้งที่เขมรทำใให้เกิดเรื่องวุ่นวายบริเวณชายแดน
    ก็เพื่อจะนำไปสู่การเจรจาและทำข้อตกลงเป็น mou

    ยกตัวอย่าง ตอนจะนำตัวพระวิหารขึ้นมรดกโลก
    ไว้จะค่อย ๆ เล่าเป็นตอนๆ เพื่อที่เราจะไม่เสียรู้ เสียดินแดน ให้พวกเนรคุณแผ่นดินไทยอีก
    EP.1 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร ในตอนแรกเราต้องมาที่ความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของคนไทยมาแต่แรก เนื่องจากประวัติศาสตร์ไทยปัจจุบัน ถูกนักการเมืองขายชาติ ที่แฝงตัวอยู่ในไทย รวมหัวกับนักวิชาการชังชาติ คลั่งตะวันตก รวมไปถึงกลุ่ม NGO ที่มีเงินทุนมหาศาล แฝงตัวคอยปล่อยชุดความเชื่อผิดๆอยู่ทั่วประเทศไทย เป็นเหตุว่าปัจจุบันเราจะมีคอนเทนมากมายในอินเตอร์เน็ต ที่พยายามหาหลักฐานและข้อสรุปว่าปราสาทพระวิหารไม่ใช่ของไทยแต่เป็นของเขมร และถูกเชื่อ โดยคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ลงลึกในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่องกับนักการเมืองของไทย ต่อมาด้วยชุดข้อมูลเหล่านั้นที่มีอยู่เต็มอินเตอร์เน็ต ก็ถูกส่งต่อด้วยอินฟูที่นำมาทำคอนเท้นให้ความรู้ และถูกเชื่อด้วยคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะวิชาประวัติศาสตร์ถูกด้อยค่ามาเป็นระยะเวลายาวนาน จนถึงวันที่ถูกตัดออกจากวิชาภาคบังคับ ด้วยน้ำมือนักการเมือง สุดท้าย ก็กลายเป็นคนไทยเราเองที่เป็นผู้เชื่อในข้อมูลผิดๆ และส่งต่อข้อมูลบิดเบือนเหล่านั้น หากไม่มีคนนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง สุดท้ายจะไม่เหลือความจริงให้ลูกหลานได้ยึดถือ นานไป กลุ่มปราสาทที่เขมรกำลังเครมอยู่ตอนนี้ คนไทยรุ่นหลังก็จะเชื่อว่าเป็นของเขมร สุดท้ายลูกหลานเราอาจจะเป็นคนที่ยกแผ่นดินและสมบัติชาติ ยกของของตนเองให้เขมรไปเพราะเชื่อในประวัติศาสตร์ปลอมๆ ชุดซีรีย์ ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 (ปราสาทเขาพระวิหาร) ตั้งใจรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่ไทยเราค้นพบตัวปราสาท ไปจนถึงการเสียทั้งตัวปราสาทและดินแดนให้กับโจรเขมร กระบวนการและวิธีการที่เขมรนำปราสาทประวิหารไปสู่ศาลโลกได้อย่างไร การรุกล้ำอธิปไตยไทย จนนำมาสู่ความชอบธรรมของรัฐบาลไทยที่จะทำ MOU หรือการทำข้อตกลงต่างๆ ล้วนเป็นการวางแผนมาอย่างรอบครอบไม่เร่งรีบ ทุกครั้งที่เขมรถอย ไทยมักคิดว่าตนชนะ แต่หารู้ทันเขมร การถอยของเขมรแต่ละครั้ง ไม่ใช่เพราะเขากลัว หรือเขาแพ้ แต่เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วต่างหาก เขาไม่ได้ต้องการรบกับไทยเพราะรู้สู้ไม่ได้ แต่เขาแค่ต้องการหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงเวลา เช่น ต้องการเอกสารราชการว่ารัฐบาลเขาได้ออกประนามไทยให้โลกว่าไทยรุกล้ำแผ่นดินเขา และไทยก็คิดว่าเขมรบ้าและตลกจะเป็นของเขมรได้อย่างไร โดยไม่มีเอกสารที่เป็นของรัฐบาลแย้ง และหลายครั้งที่เขมรทำใให้เกิดเรื่องวุ่นวายบริเวณชายแดน ก็เพื่อจะนำไปสู่การเจรจาและทำข้อตกลงเป็น mou ยกตัวอย่าง ตอนจะนำตัวพระวิหารขึ้นมรดกโลก ไว้จะค่อย ๆ เล่าเป็นตอนๆ เพื่อที่เราจะไม่เสียรู้ เสียดินแดน ให้พวกเนรคุณแผ่นดินไทยอีก
    0 Comments 0 Shares 312 Views 33 0 Reviews
  • หรือว่าตระกูลฮุน ใกล้จะถึงวันอวสานแล้ว

    ช่วงนี้ผมว่ากองทัพไทยทำงานกันดีมาก ฉลาดและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขมรไปทุกด้าน ตั้งแต่กองทัพประกาศกฏอัยการศึกออกมา จากที่ไทยเสียเปรียบเขมรทุกอย่าง จากการทำงานไม่ได้เรื่องของแพรทองธารกับนายภูมิธรรม ก็ปรากฏว่าในปัจจุบัน ไทยขึ้นมาคุมความได้เปรียบเขมร แทบจะเบ็ดเสร็จทุกอย่าง ***ผมอยากเห็นจริงๆว่า เป็นฝีมือกุนซือจากกองทัพไทยคนไหน ท่านนี้หรือกลุ่มนี้ในอนาคตต้องเป็นที่พึ่งของประเทศชาติได้แน่นอน***

    ความฉลาดแรก คือการตอบโต้สองพ่อลูกตระกูลฮุน แบบเหนือชั้นก็คือ ยังคงตรึงกำลังเอาไว้จำนวนมาก แม้ทหารเขมรจะถอยออกมาถึงนอกเขตต้นพญาสัตยบรรณแล้วก็ตาม เพราะเหมือนรู้ว่า ฮุนเซน จะต้องโพสต์ข้อความหลอกชาวเขมรต่อไปว่า ไม่ได้ถอยทัพ แค่ปรับกำลังพลใหม่ การตรึงกำลังทหารไทยเอาไว้จำนวนมากและเตรียมความพร้อมเรื่องอาวุธ พรอมตอบโต้ตลอด ทำให้คนเขมรได้เห็นภาพความจริงที่ชัดเจน ว่าทหารฝ่ายตนเองได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆ และกองทัพไทยก็ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว

    ความฉลาดครั้งที่สอง การสั่งปิดพรมแดน ที่เป็นจุดกล่องดวงใจของรายได้หลักของตระกูลฮุน คือห้ามคนไทย เข้าไปเล่นบ่อนคาสิโนในเขมร งดการส่งอาหารและสินค้าอุปโภคทั้งหมดเข้าไปในจุดสำคัญของเขมร ทำให้ฮุนเซนเดือดดาลอย่างหนัก เลยออกมาตรฐการณ์งดเวลาวีซ่าของไทยให้พำนักในเขมรได้แค่เหลือ 7 วัน จาก29วัน

    กองทัพไทยก็ตอบโต้ ด้วยการผลักดันแรงงานเถื่อนเขมรจำนวนมากกลับเขมรในทันที และสั่งตรวจสอบวีซ่าคนเขมร ให้เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทยได้แค่ 7 วันเหมือนกัน จากที่เคยฟรีวีซ่า และถือโอกาสส่งเสริมการกวาดล้างและผลักดันแรงงานเถื่อนของเขมรจำนวนนับล้านคนออกจากราชอาณาจักรไทย ส่งกลับคืนประเทศเขมร ทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนขาดรายได้อย่างหนัก และต้องแบกรับภาระคนตกงานในประเทศเพิ่มขึ้น

    ความฉลาดครั้งที่สาม นำฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศ เข้าร่วมประชุมรับรู้ถึงพฤติกรรมของฝ่ายเขมร ต่อกรณีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และมีเจตนาชั่วร้ายที่คิดจะนำกองทัพเขมรบุกเข้ามายึดตัวปราสาทของไทย ทำให้ฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กองทัพไทยจำเป็นต้องตัดไฟฟ้าและตัดสัญญานอินเตอร์เนต และงดการส่งอาหารและเชื้อเพลิงพลังงาน เข้าไปยังเมืองเขตเศรษฐกิจสำคัญของเขมร เพราะตรวจทราบชัดเจนว่า เป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ เปิดบ่อนคาสิโน เพื่อสร้างอาชญากรรมทางไซเบอร์ และเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิจฉาชีพทางการเงินขนาดใหญ่ ทั้งค้าอาวุธสงคราม และเป็นทุนใหญ่หนุนกองทัพเขมร ให้บุกเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย

    นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม EU ถึงได้ออกมาตำหนินายฮุนมาเนต เมื่อวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก EU ว่า ระวังจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นมาอีกครั้ง จากพฤติกรรมของตระกูลตนเองได้

    นี่คือเหตุผลว่า ทำไมสถานฑูตจีน ถึงเปลี่ยนท่าทีไม่สนับสนุนเขมรอีกต่อไป เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าเขมรมีเจตนารุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง และเห็นชอบที่ไทยจะตัดไฟตัดความช่วยเหลือเขมรทุกทาง จากการยกประเด็นเรื่องรัฐบาลเขมรอยู่เบื้องหลังอาชญกรรมทางไซเบอร์ ที่ผู้นำจีน เกลียดเข้าไส้

    ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ไม่พูดมาก พร้อมสนับสนุนไทยทุกด้าน หากไทยเปิดสงครามกับเขมรแบบจริงจัง

    ความฉลาดครั้งที่สี่ การกดดันเขมรทุกทางและตัดความช่วยเหลือทุกอย่างของกองทัพไทย คือการบีบให้ตระกูลฮุน ให้ไปเผชิญหน้าตามลำพังกับฝ่ายค้านของตนเอง และข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเขมรว่า ประชาชนเริ่มลุกฮือ ไม่เอาตระกูลฮุน เพราะแพ้สงครามกับไทย ไม่ได้ยึดตัวปราสาทและเกาะกูดของไทย เหมือนอย่างที่คุยเอาไว้ และข่าวลือเริ่มระบาดหนักว่า ตระกูลเตีย ที่มีเชื้อสายคนไทย ที่คุมกำลังทหารทั้งหมดของเขมร จะปฏิวัติรัฐประหารตระกูลฮุน แบบนี้เท่ากับว่า กองทัพไทยเตรียมตัดหางตระกูลฮุนแบบถาวร และให้เขมรไปจัดการปัญหาภายในของตนเอง และงดความร่วมมือทุกอย่างกับตระกูลฮุน

    เขมรเพิ่งมีปัญหากับ สปป.ลาว เรื่องพรมแดน นี่คือรอยร้าวที่เกิดขึ้นใหม่ของเขมรกับ สปป.ลาว

    เขมรคือประเทศที่ติดหนี้จีน เป็นอันดับต้นๆของโลกและเงินสกุลเรียว ไม่สามารถใช้ได้ในอาเซี่ยนและทั่วโลก ต่างจากสกุลเงินบาทไทย ที่ในอาเซี่ยนและทั่วโลกยอมรับกันหมด ปัญหาของตระกูลฮุนก็คือ ไม่มีเครดิต ที่จะขอกู้เงินจากที่ไหนได้อีก หากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ นั่นก็หมายความว่า ทรัพยากรทั้งหมดของเขมรและทุกพื้นที่ของเขมร จะต้องถูกนำมาจำนองหรือถูกขายแบบถาวรให้สองมหาอำนาจนี้ และนั่นคงจะเป็นจุดจบของตระกูลฮุน ที่อาจจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์กันเองขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเวียดนามส่งทหารเข้ามาช่วยตระกูลฮุน ในขณะที่จีนจะกลับมาสนับสนุนปลุกผีเขมรแดงอีกรอบให้ขึ้นมาจากหลุม

    ในขณะที่ประเทศไทย จะจำบทเรียนสำคัญให้ขึ้นใจ ก็คือต้องหยุดความสงสารต่อคนเขมร เมื่อหากมีการอพยพหนีตายขึ้นมาอีกครั้ง

    แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อกองทัพได้ประกาศกฏอัยการศึกออกมาแล้ว ปัญหาเรื่องเขมรกับไทย กองทัพก็ได้ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทยเท่านั้น เหตุใดยังเห็นภาพของนายภูมิธรรมกับแพรทองธาร เที่ยวออกมาพูดวุ่นวายไปทั่ว แถมออกมาตีเนียนและเคลมว่า เป็นผลงานของตนเอง ที่แอบเจรจากับเขมรมาตลอด แถมยังยกมือกราบไหว้ขอบคุณสรรเสริญต่อผู้นำเขมร ที่ยอมถอยทหารออกไป

    นี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของตระกูลชิน ที่ต้องการช่วยเหลือญาติทางฝั่งเขมรของตนเอง.

    เดชา นฤนารท.
    10/6/68 08.45 น.

    #ไทยต้องไม่ถอย
    #หยุดเขมรรุกแดน
    #รักชาติพิสูจน์ด้วยการกระทำ
    #พร้อมรบเพื่อแผ่นดิน
    #ศึกนี้เพื่ออธิปไตย
    #ไม่เอา2ตระกูลหนักแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม
    #ThammasatPitakTham
    หรือว่าตระกูลฮุน ใกล้จะถึงวันอวสานแล้ว ช่วงนี้ผมว่ากองทัพไทยทำงานกันดีมาก ฉลาดและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขมรไปทุกด้าน ตั้งแต่กองทัพประกาศกฏอัยการศึกออกมา จากที่ไทยเสียเปรียบเขมรทุกอย่าง จากการทำงานไม่ได้เรื่องของแพรทองธารกับนายภูมิธรรม ก็ปรากฏว่าในปัจจุบัน ไทยขึ้นมาคุมความได้เปรียบเขมร แทบจะเบ็ดเสร็จทุกอย่าง ***ผมอยากเห็นจริงๆว่า เป็นฝีมือกุนซือจากกองทัพไทยคนไหน ท่านนี้หรือกลุ่มนี้ในอนาคตต้องเป็นที่พึ่งของประเทศชาติได้แน่นอน*** ความฉลาดแรก คือการตอบโต้สองพ่อลูกตระกูลฮุน แบบเหนือชั้นก็คือ ยังคงตรึงกำลังเอาไว้จำนวนมาก แม้ทหารเขมรจะถอยออกมาถึงนอกเขตต้นพญาสัตยบรรณแล้วก็ตาม เพราะเหมือนรู้ว่า ฮุนเซน จะต้องโพสต์ข้อความหลอกชาวเขมรต่อไปว่า ไม่ได้ถอยทัพ แค่ปรับกำลังพลใหม่ การตรึงกำลังทหารไทยเอาไว้จำนวนมากและเตรียมความพร้อมเรื่องอาวุธ พรอมตอบโต้ตลอด ทำให้คนเขมรได้เห็นภาพความจริงที่ชัดเจน ว่าทหารฝ่ายตนเองได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆ และกองทัพไทยก็ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว ความฉลาดครั้งที่สอง การสั่งปิดพรมแดน ที่เป็นจุดกล่องดวงใจของรายได้หลักของตระกูลฮุน คือห้ามคนไทย เข้าไปเล่นบ่อนคาสิโนในเขมร งดการส่งอาหารและสินค้าอุปโภคทั้งหมดเข้าไปในจุดสำคัญของเขมร ทำให้ฮุนเซนเดือดดาลอย่างหนัก เลยออกมาตรฐการณ์งดเวลาวีซ่าของไทยให้พำนักในเขมรได้แค่เหลือ 7 วัน จาก29วัน กองทัพไทยก็ตอบโต้ ด้วยการผลักดันแรงงานเถื่อนเขมรจำนวนมากกลับเขมรในทันที และสั่งตรวจสอบวีซ่าคนเขมร ให้เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทยได้แค่ 7 วันเหมือนกัน จากที่เคยฟรีวีซ่า และถือโอกาสส่งเสริมการกวาดล้างและผลักดันแรงงานเถื่อนของเขมรจำนวนนับล้านคนออกจากราชอาณาจักรไทย ส่งกลับคืนประเทศเขมร ทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนขาดรายได้อย่างหนัก และต้องแบกรับภาระคนตกงานในประเทศเพิ่มขึ้น ความฉลาดครั้งที่สาม นำฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศ เข้าร่วมประชุมรับรู้ถึงพฤติกรรมของฝ่ายเขมร ต่อกรณีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และมีเจตนาชั่วร้ายที่คิดจะนำกองทัพเขมรบุกเข้ามายึดตัวปราสาทของไทย ทำให้ฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กองทัพไทยจำเป็นต้องตัดไฟฟ้าและตัดสัญญานอินเตอร์เนต และงดการส่งอาหารและเชื้อเพลิงพลังงาน เข้าไปยังเมืองเขตเศรษฐกิจสำคัญของเขมร เพราะตรวจทราบชัดเจนว่า เป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ เปิดบ่อนคาสิโน เพื่อสร้างอาชญากรรมทางไซเบอร์ และเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิจฉาชีพทางการเงินขนาดใหญ่ ทั้งค้าอาวุธสงคราม และเป็นทุนใหญ่หนุนกองทัพเขมร ให้บุกเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม EU ถึงได้ออกมาตำหนินายฮุนมาเนต เมื่อวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก EU ว่า ระวังจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นมาอีกครั้ง จากพฤติกรรมของตระกูลตนเองได้ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมสถานฑูตจีน ถึงเปลี่ยนท่าทีไม่สนับสนุนเขมรอีกต่อไป เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าเขมรมีเจตนารุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง และเห็นชอบที่ไทยจะตัดไฟตัดความช่วยเหลือเขมรทุกทาง จากการยกประเด็นเรื่องรัฐบาลเขมรอยู่เบื้องหลังอาชญกรรมทางไซเบอร์ ที่ผู้นำจีน เกลียดเข้าไส้ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ไม่พูดมาก พร้อมสนับสนุนไทยทุกด้าน หากไทยเปิดสงครามกับเขมรแบบจริงจัง ความฉลาดครั้งที่สี่ การกดดันเขมรทุกทางและตัดความช่วยเหลือทุกอย่างของกองทัพไทย คือการบีบให้ตระกูลฮุน ให้ไปเผชิญหน้าตามลำพังกับฝ่ายค้านของตนเอง และข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเขมรว่า ประชาชนเริ่มลุกฮือ ไม่เอาตระกูลฮุน เพราะแพ้สงครามกับไทย ไม่ได้ยึดตัวปราสาทและเกาะกูดของไทย เหมือนอย่างที่คุยเอาไว้ และข่าวลือเริ่มระบาดหนักว่า ตระกูลเตีย ที่มีเชื้อสายคนไทย ที่คุมกำลังทหารทั้งหมดของเขมร จะปฏิวัติรัฐประหารตระกูลฮุน แบบนี้เท่ากับว่า กองทัพไทยเตรียมตัดหางตระกูลฮุนแบบถาวร และให้เขมรไปจัดการปัญหาภายในของตนเอง และงดความร่วมมือทุกอย่างกับตระกูลฮุน เขมรเพิ่งมีปัญหากับ สปป.ลาว เรื่องพรมแดน นี่คือรอยร้าวที่เกิดขึ้นใหม่ของเขมรกับ สปป.ลาว เขมรคือประเทศที่ติดหนี้จีน เป็นอันดับต้นๆของโลกและเงินสกุลเรียว ไม่สามารถใช้ได้ในอาเซี่ยนและทั่วโลก ต่างจากสกุลเงินบาทไทย ที่ในอาเซี่ยนและทั่วโลกยอมรับกันหมด ปัญหาของตระกูลฮุนก็คือ ไม่มีเครดิต ที่จะขอกู้เงินจากที่ไหนได้อีก หากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ นั่นก็หมายความว่า ทรัพยากรทั้งหมดของเขมรและทุกพื้นที่ของเขมร จะต้องถูกนำมาจำนองหรือถูกขายแบบถาวรให้สองมหาอำนาจนี้ และนั่นคงจะเป็นจุดจบของตระกูลฮุน ที่อาจจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์กันเองขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเวียดนามส่งทหารเข้ามาช่วยตระกูลฮุน ในขณะที่จีนจะกลับมาสนับสนุนปลุกผีเขมรแดงอีกรอบให้ขึ้นมาจากหลุม ในขณะที่ประเทศไทย จะจำบทเรียนสำคัญให้ขึ้นใจ ก็คือต้องหยุดความสงสารต่อคนเขมร เมื่อหากมีการอพยพหนีตายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อกองทัพได้ประกาศกฏอัยการศึกออกมาแล้ว ปัญหาเรื่องเขมรกับไทย กองทัพก็ได้ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทยเท่านั้น เหตุใดยังเห็นภาพของนายภูมิธรรมกับแพรทองธาร เที่ยวออกมาพูดวุ่นวายไปทั่ว แถมออกมาตีเนียนและเคลมว่า เป็นผลงานของตนเอง ที่แอบเจรจากับเขมรมาตลอด แถมยังยกมือกราบไหว้ขอบคุณสรรเสริญต่อผู้นำเขมร ที่ยอมถอยทหารออกไป นี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของตระกูลชิน ที่ต้องการช่วยเหลือญาติทางฝั่งเขมรของตนเอง. เดชา นฤนารท. 10/6/68 08.45 น. #ไทยต้องไม่ถอย #หยุดเขมรรุกแดน #รักชาติพิสูจน์ด้วยการกระทำ #พร้อมรบเพื่อแผ่นดิน #ศึกนี้เพื่ออธิปไตย #ไม่เอา2ตระกูลหนักแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม #ThammasatPitakTham
    0 Comments 0 Shares 634 Views 0 Reviews
  • ...!!!
    .
    สงสัย มีคน Make Love กับ ฮุนเซน จนต้องเข้าโรงพยาบาล ชั้นดาดฟ้า...!!!
    .
    เมื่อรักษาชีวิตไว้ได้ สมใจอยาก เลย OK นะคะ ให้มันทุกเรื่อง...!!!
    .
    เขมร เขาไม่ได้รุกแผ่นดินไทยซะหน่อย...
    .
    ที่ "บุกทะลวง" "ช่องแคบมะละกา" จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนนั่นต่างหาก ถึงจะเรียกว่า "รุกล้ำอธิปไตยของแท้"...!!!
    .
    แบบนี้เหรอ...???
    .
    สันติวิทุย...!!!
    .

    ....
    ....
    พออ่านข่าวนี้เสร็จ แหม่...อยากฝากโจ๊กให้ ลุงสนธิ ไปอ่านเล่นจัง...
    .
    ไม่รู้ว่าคนเขียนเข้าใจคำว่า Make Love มั้ย...???
    .
    ที่ขำกว่าคือ พรรคดันแชร์โพสไปอีก...!!!
    .
    ...!!! . สงสัย มีคน Make Love กับ ฮุนเซน จนต้องเข้าโรงพยาบาล ชั้นดาดฟ้า...!!! . เมื่อรักษาชีวิตไว้ได้ สมใจอยาก เลย OK นะคะ ให้มันทุกเรื่อง...!!! . เขมร เขาไม่ได้รุกแผ่นดินไทยซะหน่อย... . ที่ "บุกทะลวง" "ช่องแคบมะละกา" จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายเดือนนั่นต่างหาก ถึงจะเรียกว่า "รุกล้ำอธิปไตยของแท้"...!!! . แบบนี้เหรอ...??? . สันติวิทุย...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣 .... .... พออ่านข่าวนี้เสร็จ แหม่...อยากฝากโจ๊กให้ ลุงสนธิ ไปอ่านเล่นจัง... . ไม่รู้ว่าคนเขียนเข้าใจคำว่า Make Love มั้ย...??? . ที่ขำกว่าคือ พรรคดันแชร์โพสไปอีก...!!! . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • 'คปท.' บุกสถานทูตกัมพูชา ประณามการรุกล้ำอธิปไตย ลั่น จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้ตารางนิ้วเดียว
    https://www.thai-tai.tv/news/19221/
    'คปท.' บุกสถานทูตกัมพูชา ประณามการรุกล้ำอธิปไตย ลั่น จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้ตารางนิ้วเดียว https://www.thai-tai.tv/news/19221/
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลโดนทัวร์ลง เหตุนิ่งเกินไป ไม่ทันเหลี่ยมกัมพูชา
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เริ่มเห็นภาพกันรัฐบาลชุดนี้กำลังมีปัญหากับการรับมือการเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ภายหลังรัฐบาลกัมพูชายืนยันจะเอาประเด็นข้อพิพาทที่ช่องบกขึ้นศาลโลก ในเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมเข้าใจความจำเป็นในการสงวนท่าทีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.ต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรชี้แจงกับประชาชน ให้ได้รับทราบว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว ยังคงประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินมาตรการที่ได้สัดส่วน เป็นไปตามหลักสากล ที่เหมาะกับสถานการณ์ อย่างทันท่วงที หากถูกรุกล้ำอธิปไตย"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052121

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลโดนทัวร์ลง เหตุนิ่งเกินไป ไม่ทันเหลี่ยมกัมพูชา . ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เริ่มเห็นภาพกันรัฐบาลชุดนี้กำลังมีปัญหากับการรับมือการเล่นเกมการเมืองระหว่างประเทศ ภายหลังรัฐบาลกัมพูชายืนยันจะเอาประเด็นข้อพิพาทที่ช่องบกขึ้นศาลโลก ในเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมเข้าใจความจำเป็นในการสงวนท่าทีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.ต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรชี้แจงกับประชาชน ให้ได้รับทราบว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลยกับปัญหาดังกล่าว ยังคงประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินมาตรการที่ได้สัดส่วน เป็นไปตามหลักสากล ที่เหมาะกับสถานการณ์ อย่างทันท่วงที หากถูกรุกล้ำอธิปไตย" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000052121 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    13
    3 Comments 0 Shares 1244 Views 1 Reviews
  • ‘ภูมิธรรม’ เผย ‘หลิว จงอี้’ ขอโทษคนไทย ทำรู้สึกถูกรุกล้ำอธิปไตย ยืนยันใช้ยาแรง ‘เมียนมา’
    https://www.thai-tai.tv/news/17250/
    ‘ภูมิธรรม’ เผย ‘หลิว จงอี้’ ขอโทษคนไทย ทำรู้สึกถูกรุกล้ำอธิปไตย ยืนยันใช้ยาแรง ‘เมียนมา’ https://www.thai-tai.tv/news/17250/
    0 Comments 0 Shares 300 Views 0 Reviews
  • "จะเอาให้ได้!"

    มีรานงานว่า ทรัมป์โทรหานายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต้ เฟรเดอริกเซน และกดดันให้เดนมาร์กยอมมอบกรีนแลนด์ให้กับสหรัฐอเมริกา

    ตามรายงานของสื่อ การสนทนาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ามาก มีรายงานว่าทรัมป์แสดงท่าทีก้าวร้าวอย่างซึ่งหน้า โดยปฏิเสธข้อเสนอความร่วมมือทั้งหมดที่เดนมาร์กพยายามยื่นให้ และมุ่งเน้นแต่เพียงการครอบครองกรีนแลนด์ด้วยการซื้อขาด

    เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์บรรยายถึงบรรยากาศว่า "แย่มาก" และตกตะลึงกับน้ำเสียงและพฤติกรรมของทรัมป์อย่างมาก หลังจากที่ข่าวออกมาในช่วงแรก ทุกคนเชื่อว่านี่เป็นเพียงกลยุทธทางการเมืองของทรัมป์ แต่ตอนนี้มันทำให้เดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรในยุโรปวิตกกังวลอย่างมาก เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าทรัมป์จริงจังกับการผนวกเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้

    นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกาบนเวทีโลก เดนมาร์กเป็นพันธมิตรสำคัญของ NATO และการกระทำของทรัมป์ที่ต้องการผนวกดินแดนของประเทศอื่น ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยหรือไม่! แม้ว่ามันยังไปไม่ถึงขั้นใช้กำลังทหารก็ตามที แต่มีผลลัพธ์เดียวกัน
    "จะเอาให้ได้!" มีรานงานว่า ทรัมป์โทรหานายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต้ เฟรเดอริกเซน และกดดันให้เดนมาร์กยอมมอบกรีนแลนด์ให้กับสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของสื่อ การสนทนาครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ามาก มีรายงานว่าทรัมป์แสดงท่าทีก้าวร้าวอย่างซึ่งหน้า โดยปฏิเสธข้อเสนอความร่วมมือทั้งหมดที่เดนมาร์กพยายามยื่นให้ และมุ่งเน้นแต่เพียงการครอบครองกรีนแลนด์ด้วยการซื้อขาด เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์บรรยายถึงบรรยากาศว่า "แย่มาก" และตกตะลึงกับน้ำเสียงและพฤติกรรมของทรัมป์อย่างมาก หลังจากที่ข่าวออกมาในช่วงแรก ทุกคนเชื่อว่านี่เป็นเพียงกลยุทธทางการเมืองของทรัมป์ แต่ตอนนี้มันทำให้เดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรในยุโรปวิตกกังวลอย่างมาก เนื่องจากหลายคนเชื่อว่าทรัมป์จริงจังกับการผนวกเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่สำหรับสหรัฐอเมริกาบนเวทีโลก เดนมาร์กเป็นพันธมิตรสำคัญของ NATO และการกระทำของทรัมป์ที่ต้องการผนวกดินแดนของประเทศอื่น ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยหรือไม่! แม้ว่ามันยังไปไม่ถึงขั้นใช้กำลังทหารก็ตามที แต่มีผลลัพธ์เดียวกัน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 414 Views 0 Reviews
  • 4/12/67

    MOU 2544 นั้นทำให้ประเทศไทย ”ไม่ปฏิเสธ“ เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะ

    1.เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชารุกล้ำ ”ทะเลภายใน“ คือพื้นที่ทิศเหนือเส้นฐานตรงจากหลักเขตที่ 73 ถึงทิศใต้สุดของเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำดินแดนของราชอาณาจักรไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล
    2.รุกล้ำทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล รอบเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำอธิปไตยไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล
    3.รุกล้ำเขตต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำอธิปไตยไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล
    4.รุกล้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ไม่สนใจเส้นมัธยะฐานแบ่งเกาะกูดกับเกาะกง จึงไม่เป็นปตามกฎหมายทะเลสากล

    การเจรจาตกลงกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้ MOU2544 จึงขัดต่อพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2516 ในสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งกำหนดวิธีการเจรจาให้อยู่บนมูลฐานของกฎหมายทะเลสากลเท่านั้น การเจรจาภายใต้ MOU2544 จึงขัดต่อพระบรมราชโองการ และเมื่อไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงย่อมเป็นโมฆะ หากยังฝืนเจรจาต่อไปย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    28 พฤศจิกายน 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1103720854454947/?
    4/12/67 MOU 2544 นั้นทำให้ประเทศไทย ”ไม่ปฏิเสธ“ เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะ 1.เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชารุกล้ำ ”ทะเลภายใน“ คือพื้นที่ทิศเหนือเส้นฐานตรงจากหลักเขตที่ 73 ถึงทิศใต้สุดของเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำดินแดนของราชอาณาจักรไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล 2.รุกล้ำทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล รอบเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำอธิปไตยไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล 3.รุกล้ำเขตต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด จึงเท่ากับรุกล้ำอธิปไตยไทย ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล 4.รุกล้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ไม่สนใจเส้นมัธยะฐานแบ่งเกาะกูดกับเกาะกง จึงไม่เป็นปตามกฎหมายทะเลสากล การเจรจาตกลงกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้ MOU2544 จึงขัดต่อพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2516 ในสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งกำหนดวิธีการเจรจาให้อยู่บนมูลฐานของกฎหมายทะเลสากลเท่านั้น การเจรจาภายใต้ MOU2544 จึงขัดต่อพระบรมราชโองการ และเมื่อไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงย่อมเป็นโมฆะ หากยังฝืนเจรจาต่อไปย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 28 พฤศจิกายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1103720854454947/?
    0 Comments 0 Shares 678 Views 0 Reviews
  • ## เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ ##
    ..
    ..
    โดยหลักการ พื้นที่อ้างสิทธิ์ สามารถทับซ้อนกันได้...
    .
    แต่ถ้ามีพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทับซ้อนเกินความเป็นจริงไปมาก ทำให้อีกฝั่ง เสียสิทธิ์ โดยไม่ยึดตามหลักกฎหมายทะเลสากล สิ่งนี้รับไม่ได้...
    .
    MOU44 มีแผนที่แนบท้าย ซึ่งวาดเอาเองตามอำเภอใจ ของ กัมพูชา ตีเส้นผ่านเกาะกูด ทำให้พื้นที่ "น่านน้ำภายในอ่าวไทย" และ “ทะเลอาณาเขต” หายไป รวมทั้ง “เขตต่อเนื่อง” อีกด้วย
    .
    อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ถูกต้องไป ทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งเกิดการทับซ้อนเกินจริงไปมาก...!!!
    .
    ดังนั้น MOU44 มีโอกาสทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบบนเวทีโลก โดยมี กรณีเข้าพระวิหารเป็นตัวอย่างซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงเพราะแค่ ประเทศไทย ไม่เคยแสดงออก ไม่เคยปฎิเสธ ประเทศไทยก็สูญเสียเขาพระวิหารไปแล้ว สิ่งนี้เขาเรียกว่า “หลักกฎหมายปิดปาก”
    .
    อีกทั้ง MOU44 ซึ่งมีลักษณะ อันอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐได้ ดังนั้น MOU44 จึงถือเป็นหนังสือสัญญา ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
    .
    ซึ่ง MOU44 ฉบับนี้ ชัดเจนที่สุดมาก ว่าไม่ได้เคยผ่านความเห็นชอบของสภาเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นการ ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
    .
    อีกทั้ง MOU44 ฉบับนี้ มีเนื้อหาขัดต่อ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ที่กำหนดวิธีการ ในการเจรจาไว้แล้ว ว่าจะต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ ว่าด้วยทะเล เท่านั้น
    .
    ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนี้ MOU44 จึงเป็น “โมฆะ” มาตั้งแต่ต้น มีผลเสมือนไม่เคยเกิดมีขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน ตั้งแต่โบราณกาลจวบกระทั่งอนาคต ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...!!!
    ...
    ...
    12 กรกฎาคม 2515 กัมพูชา ประกาศเขตไหล่ทวีป ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 รุกล้ำอธิปไตยไทย รุกล้ำทะเลอาณาเขต รุกล้ำทะเลต่อเนื่องไทย และ รุกล้ำเศรษฐกิจจำเพาะไทย...
    .
    โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลว่าด้วยทะเล บทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958...!!!
    .
    มีการนับโขดหิน ขึ้นมาอ้างเพื่อวาดเส้นไหล่ทวีปนี้ ซึ่งขัดกับ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ให้นับรวมโขดหินที่มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ได้ ในการขีดเส้นไหล่ทวีป...
    .
    ย้อนกลับไปในวันที่ 1 กรกฎาคม 2515 พระราชกฤษฎีกากัมพูชา ประกาศไหล่ทวีปฝ่ายเดียวจากหลักเขตที่ 73 อ้อมเกาะกูดของไทยเป็นรูปตัว U ลงนามโดย นายพล ลอนนอน
    .
    ขีดเส้นไหล่ทวีปประชิดเกาะกูด แต่...!!!
    .
    ยอมรับว่า เกาะกูด เป็นของประเทศไทย...!!!
    .
    โดยหลักกหมายสากลทางทะเล ถ้าเกาะกูดเป็นของประเทศไทยจริง...!!!
    .
    เกาะกูดก็ต้องมี...
    .
    1.ทะเลอาณาเขต รอบเกาะกูด (12 ไมล์ทะเล)
    2.ทะเลต่อเนื่องไทย (24 ไมล์ทะเล)
    .
    ดังนั้น ประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนครั้งที่เสีย ปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชา...
    .
    จึงแก้เกมด้วยการประกาศ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นพระมหากัตริย์ เป็นพระประมุขแห่งรัฐ เป็นผู้นำสูงสุดแห่งรัฐ
    .
    โดยแผนที่นี้ ขีดเส้นไหล่ทวีปด้วยการ ลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเส้นฐานที่ใกล้ที่สุดระหว่าง เกาะกูด และ เกาะกง ลงไป เรียกว่า เส้นมัธยฐาน...
    .
    ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตาม หลักกฎหมายทะเลสากล...!!!
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ฉบับบนี้ จึงความหมาย เป็นการ "ปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย"
    .
    โดยใน พระบรมราชโองการ กำหนดชัดเจนว่า "การใช้สิทธิ์อธิปไตย ในการสำรวจแสวงผลประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย" จึงกำหนดเขตไล่ทวีปขึ้น
    .
    ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 และ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้ว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2511
    .
    และ กำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้วด้วยว่า ส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป
    .
    จะเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดย...!!!
    .
    ยึดมูลฐานแห่งบทบัญญัติของ อนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958
    .
    เมื่อประเทศไทย ยึดหลักตามหลักกฎหมายทะเลสากล เส้นไหล่ทวีปที่ยึดจึงต้องเป็น เส้นไหล่ทวีป ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดไว้เท่านั้น...!!!
    .
    ดังนั้น เมื่อยึดเขตไหล่ทวีปตามหลักกฎหมายสากลทางทะเล...!!!
    .
    พลังงานภายใต้ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น จึงต้องเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด ตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศว่าด้วยทะเล...!!!
    .
    ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลย...
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=FyksvXqjj1s&t=124s
    ## เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ ## .. .. โดยหลักการ พื้นที่อ้างสิทธิ์ สามารถทับซ้อนกันได้... . แต่ถ้ามีพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทับซ้อนเกินความเป็นจริงไปมาก ทำให้อีกฝั่ง เสียสิทธิ์ โดยไม่ยึดตามหลักกฎหมายทะเลสากล สิ่งนี้รับไม่ได้... . MOU44 มีแผนที่แนบท้าย ซึ่งวาดเอาเองตามอำเภอใจ ของ กัมพูชา ตีเส้นผ่านเกาะกูด ทำให้พื้นที่ "น่านน้ำภายในอ่าวไทย" และ “ทะเลอาณาเขต” หายไป รวมทั้ง “เขตต่อเนื่อง” อีกด้วย . อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพื้นที่อ้างสิทธิ์ที่ถูกต้องไป ทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งเกิดการทับซ้อนเกินจริงไปมาก...!!! . ดังนั้น MOU44 มีโอกาสทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบบนเวทีโลก โดยมี กรณีเข้าพระวิหารเป็นตัวอย่างซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงเพราะแค่ ประเทศไทย ไม่เคยแสดงออก ไม่เคยปฎิเสธ ประเทศไทยก็สูญเสียเขาพระวิหารไปแล้ว สิ่งนี้เขาเรียกว่า “หลักกฎหมายปิดปาก” . อีกทั้ง MOU44 ซึ่งมีลักษณะ อันอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐได้ ดังนั้น MOU44 จึงถือเป็นหนังสือสัญญา ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา . ซึ่ง MOU44 ฉบับนี้ ชัดเจนที่สุดมาก ว่าไม่ได้เคยผ่านความเห็นชอบของสภาเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นการ ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ . อีกทั้ง MOU44 ฉบับนี้ มีเนื้อหาขัดต่อ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ที่กำหนดวิธีการ ในการเจรจาไว้แล้ว ว่าจะต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ ว่าด้วยทะเล เท่านั้น . ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนี้ MOU44 จึงเป็น “โมฆะ” มาตั้งแต่ต้น มีผลเสมือนไม่เคยเกิดมีขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน ตั้งแต่โบราณกาลจวบกระทั่งอนาคต ตราบชั่วฟ้าดินสลาย...!!! ... ... 12 กรกฎาคม 2515 กัมพูชา ประกาศเขตไหล่ทวีป ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 รุกล้ำอธิปไตยไทย รุกล้ำทะเลอาณาเขต รุกล้ำทะเลต่อเนื่องไทย และ รุกล้ำเศรษฐกิจจำเพาะไทย... . โดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลว่าด้วยทะเล บทบัญญัติแห่งกรุงเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958...!!! . มีการนับโขดหิน ขึ้นมาอ้างเพื่อวาดเส้นไหล่ทวีปนี้ ซึ่งขัดกับ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ให้นับรวมโขดหินที่มนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตอาศัยอยู่ได้ ในการขีดเส้นไหล่ทวีป... . ย้อนกลับไปในวันที่ 1 กรกฎาคม 2515 พระราชกฤษฎีกากัมพูชา ประกาศไหล่ทวีปฝ่ายเดียวจากหลักเขตที่ 73 อ้อมเกาะกูดของไทยเป็นรูปตัว U ลงนามโดย นายพล ลอนนอน . ขีดเส้นไหล่ทวีปประชิดเกาะกูด แต่...!!! . ยอมรับว่า เกาะกูด เป็นของประเทศไทย...!!! . โดยหลักกหมายสากลทางทะเล ถ้าเกาะกูดเป็นของประเทศไทยจริง...!!! . เกาะกูดก็ต้องมี... . 1.ทะเลอาณาเขต รอบเกาะกูด (12 ไมล์ทะเล) 2.ทะเลต่อเนื่องไทย (24 ไมล์ทะเล) . ดังนั้น ประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนครั้งที่เสีย ปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชา... . จึงแก้เกมด้วยการประกาศ พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทยด้านอ่าวไทย โดย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นพระมหากัตริย์ เป็นพระประมุขแห่งรัฐ เป็นผู้นำสูงสุดแห่งรัฐ . โดยแผนที่นี้ ขีดเส้นไหล่ทวีปด้วยการ ลากจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเส้นฐานที่ใกล้ที่สุดระหว่าง เกาะกูด และ เกาะกง ลงไป เรียกว่า เส้นมัธยฐาน... . ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตาม หลักกฎหมายทะเลสากล...!!! . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป ฉบับบนี้ จึงความหมาย เป็นการ "ปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย" . โดยใน พระบรมราชโองการ กำหนดชัดเจนว่า "การใช้สิทธิ์อธิปไตย ในการสำรวจแสวงผลประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย" จึงกำหนดเขตไล่ทวีปขึ้น . ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 และ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้ว เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2511 . และ กำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้วด้วยว่า ส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป . จะเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดย...!!! . ยึดมูลฐานแห่งบทบัญญัติของ อนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958 . เมื่อประเทศไทย ยึดหลักตามหลักกฎหมายทะเลสากล เส้นไหล่ทวีปที่ยึดจึงต้องเป็น เส้นไหล่ทวีป ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดไว้เท่านั้น...!!! . ดังนั้น เมื่อยึดเขตไหล่ทวีปตามหลักกฎหมายสากลทางทะเล...!!! . พลังงานภายใต้ แอ่งปัตตานี ตรงนั้น จึงต้องเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด ตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศว่าด้วยทะเล...!!! . ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ใครเลย... . https://www.youtube.com/watch?v=FyksvXqjj1s&t=124s
    0 Comments 1 Shares 1190 Views 0 Reviews
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 Comments 1 Shares 2075 Views 0 Reviews
  • คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากเกาหลีใต้โจมตี

    “คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า ประเทศจะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังรุกทุกรูปแบบ รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ หากศัตรูพยายามใช้กำลังรุกล้ำอธิปไตยของเกาหลีเหนือ”
    .
    JUST IN: Kim Jong Un says North Korea will use nuclear weapons if South Korea attacks.

    "North Korean leader Kim Jong Un said the country would not hesitate to use all available offensive forces including nuclear weapons if the enemy attempted to use force to encroach on its sovereignty"
    .
    8:43 PM · Oct 4, 2024 · 29.1K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1842198947391033799
    🇰🇵🇰🇷 คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากเกาหลีใต้โจมตี “คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า ประเทศจะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังรุกทุกรูปแบบ รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ หากศัตรูพยายามใช้กำลังรุกล้ำอธิปไตยของเกาหลีเหนือ” . JUST IN: 🇰🇵🇰🇷 Kim Jong Un says North Korea will use nuclear weapons if South Korea attacks. "North Korean leader Kim Jong Un said the country would not hesitate to use all available offensive forces including nuclear weapons if the enemy attempted to use force to encroach on its sovereignty" . 8:43 PM · Oct 4, 2024 · 29.1K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1842198947391033799
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews