• อีกหนึ่งเวอร์ชั่นของวิดีโอที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

    ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาเตือนเนทันยาฮูว่าอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา

    สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    อีกหนึ่งเวอร์ชั่นของวิดีโอที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาเตือนเนทันยาฮูว่าอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ถ้าเกิดความผิดพลาด..แก้ไขให้เร็ว..พยายาม...เท่าที่ทำได้ (อย่างเต็มกำลัง" สุดท้าย..ถ้ามันยังแก้ไขไม่ได้...ลองเปลี่ยน จากแก้ทั้งหมด ทุกอย่าง..เปลี่ยนเป็นทีละเล็กละน้อย...แต่ถ้ายังไม่ได้อีก..ก็ ทำใจยอมรับกับคำว่า #ช่างมัน...เพราะขีวิตไม่ได้สิ้นสุดตอนนี้เดี๋ยวนี้..ก็ต้องดำเนินต่อไป..จะในบทบาทที่ถูกตราหน้าว่า คนชั่ว คนเลว คนโกง..ก็ว่ากันไป....ถ้าคุณทำได้กับคำว่า ช่างมัน ...แต่ต้องผ่านกระบวนการข้างต้นอย่างเต็มที่ก่อนนะ...แสดงว่า คุณ ก้าวข้ามไปอีก 1 level แล้วและจงจำไว้ว่า ถ้าคุณกลับมาได้ในอนาคต ภาพจำในอดีต สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย อาจไม่มีคนพูดถึง หรือถึงขั้น ลืมไปเลย..
    ถ้าเกิดความผิดพลาด..แก้ไขให้เร็ว..พยายาม...เท่าที่ทำได้ (อย่างเต็มกำลัง" สุดท้าย..ถ้ามันยังแก้ไขไม่ได้...ลองเปลี่ยน จากแก้ทั้งหมด ทุกอย่าง..เปลี่ยนเป็นทีละเล็กละน้อย...แต่ถ้ายังไม่ได้อีก..ก็ ทำใจยอมรับกับคำว่า #ช่างมัน...เพราะขีวิตไม่ได้สิ้นสุดตอนนี้เดี๋ยวนี้..ก็ต้องดำเนินต่อไป..จะในบทบาทที่ถูกตราหน้าว่า คนชั่ว คนเลว คนโกง..ก็ว่ากันไป....ถ้าคุณทำได้กับคำว่า ช่างมัน ...แต่ต้องผ่านกระบวนการข้างต้นอย่างเต็มที่ก่อนนะ...แสดงว่า คุณ ก้าวข้ามไปอีก 1 level แล้วและจงจำไว้ว่า ถ้าคุณกลับมาได้ในอนาคต ภาพจำในอดีต สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย อาจไม่มีคนพูดถึง หรือถึงขั้น ลืมไปเลย..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/ (วิดีโอแบบสั้น)

    วิดีโอนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

    ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาบอกกับเนทันยาฮูว่าอิสราเอลอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา

    สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    2/ (วิดีโอแบบสั้น) วิดีโอนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาบอกกับเนทันยาฮูว่าอิสราเอลอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • 1/ (วิดีโอแบบยาว)

    วิดีโอนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

    ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาบอกกับเนทันยาฮูว่าอิสราเอลอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา

    สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    1/ (วิดีโอแบบยาว) วิดีโอนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงครามในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยมีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีส่วนรู้เห็นด้วย โดยให้ความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธต่ออิสราเอลมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ไบเดนยอมรับว่า เขาบอกกับเนทันยาฮูว่าอิสราเอลอย่าทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่พลเรือน จากคำพูดของไบเดน เนทันยาฮูไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่กลับตอบโต้ไบเดนว่า สหรัฐเองก็ทำมาก่อน ทั้งในเบอร์ลิน และฮิโรชิมา สิ่งที่คนทั่วโลกได้เห็นมาตลอด 15 เดือน คือการระเบิดปูพรมและสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ แต่การให้สัมภาษณ์ของสหรัฐที่นำโดยบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มีสายเลือดยิวอยู่ในตัว กลับพยายามบอกผ่านสื่อที่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพียงการปกป้องตัวเองตามสิทธิของอิสราเอลเท่านั้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • เล่นอะไรกัน!?!
    ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล

    หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา

    กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที

    ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้


    และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง:

    “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน”

    "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น

    จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น:

    TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้

    เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    เล่นอะไรกัน!?! ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้ และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง: “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน” "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น: TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้ เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • 433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘

    ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้

    สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี
    ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา

    ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง

    สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา

    พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว

    เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว

    เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ

    เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ
    เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว

    ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง

    เผชิญหน้าบนหลังช้าง
    พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า

    “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด”

    มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง

    ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่

    ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี

    หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้

    ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย
    สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ

    มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี
    1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน?
    ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    2. ช้างศึกคืออะไร?
    ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์

    3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ?
    เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ

    ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้

    เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568

    #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย

    🎉
    433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘 ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง เผชิญหน้าบนหลังช้าง พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด” มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้ ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี 1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน? ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2. ช้างศึกคืออะไร? ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์ 3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ? เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568 #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย 🎉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • "คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี
    ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม
    ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?"
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี
    "ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า"
    .
    นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง
    .
    นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน
    .
    ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี
    .
    "(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม
    .
    "คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน
    "อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย"
    .
    เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร
    .
    ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก"
    .
    คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicE
    "คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?" . วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้ . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี "ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า" . นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง . นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน . ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี . "(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม . "คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน "อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย" . เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร . ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก" . คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicE
    Haha
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีดเส้น
    ที่ตัวเองยอมรับได้
    แล้วใจจะเบาขึ้น

    จากหนังสือ |ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น
    ขีดเส้น ที่ตัวเองยอมรับได้ แล้วใจจะเบาขึ้น จากหนังสือ |ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอบขำอิป้าเชื่อมจิตดิ้นเพราะทำสาวเกาชวย โยนว่าคิงส์จัดเพราะการเมือง คือกามินอยู่พรรคไหนหรา ยอมรับเหอะพังเพราะเมิงนี่แหละ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    แอบขำอิป้าเชื่อมจิตดิ้นเพราะทำสาวเกาชวย โยนว่าคิงส์จัดเพราะการเมือง คือกามินอยู่พรรคไหนหรา ยอมรับเหอะพังเพราะเมิงนี่แหละ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่คิงส์ยอมรับ พี่คิงส์ชอบตาลุงแซนเวลาให้สัมภาษณ์มากๆ กลอกไปกลอกมา มันดูกลับกลอกดีจังเลยครับลุง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    พี่คิงส์ยอมรับ พี่คิงส์ชอบตาลุงแซนเวลาให้สัมภาษณ์มากๆ กลอกไปกลอกมา มันดูกลับกลอกดีจังเลยครับลุง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์อีโก้จัดอัตตาสูง เขาจะไม่สนใจถูกผิด ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีหรือมีจิตสำนึกที่ดีต่อสิ่งใดๆ เหตุผลที่ฟังต้องคล้อยตามใจตนคิดเท่านั้น ทุกอย่างที่จะเห็นด้วย คือ ต้องถูกจริต ถูกใจกูมาก่อนเสมอ ยากมากที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดจากตนก่อ เจอมนุษย์เช่นนี้ เดินหนีไป แล้วยิ้มให้พอฮะ เสียเวลาพาทีด้วยฮะครับ กระจอก !!
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    มนุษย์อีโก้จัดอัตตาสูง เขาจะไม่สนใจถูกผิด ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีหรือมีจิตสำนึกที่ดีต่อสิ่งใดๆ เหตุผลที่ฟังต้องคล้อยตามใจตนคิดเท่านั้น ทุกอย่างที่จะเห็นด้วย คือ ต้องถูกจริต ถูกใจกูมาก่อนเสมอ ยากมากที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดจากตนก่อ เจอมนุษย์เช่นนี้ เดินหนีไป แล้วยิ้มให้พอฮะ เสียเวลาพาทีด้วยฮะครับ กระจอก !! มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ!

    หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่

    หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ! หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่ หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงของอิสราเอล ยังไม่สามารถประชุมเพื่ออนุมัติตามข้อตกลงหยุดยิงได้คือ "เบซาเลล สโมทริช" รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ "อิตามาร์ เบนกวีร์" รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล

    สโมทริช และพรรคของเขาวางเงื่อนไขในการยอมรับข้อตกลงหยุดยิง โดยต้องการให้มีการลงนามการรับประกันจากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ว่า "อิสราเอลจะต้องกลับมาทำสงครามเพื่อทำลายฮามาสอีกครั้ง หลังจากข้อตกลงหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันผ่านเฟสแรกไปแล้ว และยังเรียกร้องให้ลดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ควบคุมฉนวนกาซาตลอดไป และทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันให้เกิดการอพยพของชาวปาเลสไตน์ออกไปจากกาซา"

    หากไม่ทำตามข้อตกลงนี้ เขาจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล
    “ผมจะไม่อยู่ในรัฐบาล หากเราไม่กลับมาสู้รบจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ใครก็ตามที่รับผิดชอบต่อลักพาจะต้องตาย และหลังจากการปลดปล่อย [เชลยชาวอิสราเอลในฉนวนกาซา] เราจะต้องกลับมาอีกครั้งและกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” สโมทริชกล่าวเสริม

    ทางด้าน อิทามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล และเป็นหัวหน้าพรรค Otzma Yehudit ซึ่งเป็นอีกพรรคหนึ่งที่จัดตั้งรัฐบาลผสม ประกาศสนับสนุนสโมทริช และพร้อมจะถอนตัวจากรัฐบาลทันทีเช่นกัน หากข้อตกลงหยุดยิงได้รับการอนุมัติ
    มีรายงานบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงของอิสราเอล ยังไม่สามารถประชุมเพื่ออนุมัติตามข้อตกลงหยุดยิงได้คือ "เบซาเลล สโมทริช" รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ "อิตามาร์ เบนกวีร์" รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล สโมทริช และพรรคของเขาวางเงื่อนไขในการยอมรับข้อตกลงหยุดยิง โดยต้องการให้มีการลงนามการรับประกันจากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ว่า "อิสราเอลจะต้องกลับมาทำสงครามเพื่อทำลายฮามาสอีกครั้ง หลังจากข้อตกลงหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันผ่านเฟสแรกไปแล้ว และยังเรียกร้องให้ลดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ควบคุมฉนวนกาซาตลอดไป และทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันให้เกิดการอพยพของชาวปาเลสไตน์ออกไปจากกาซา" หากไม่ทำตามข้อตกลงนี้ เขาจะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล “ผมจะไม่อยู่ในรัฐบาล หากเราไม่กลับมาสู้รบจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ใครก็ตามที่รับผิดชอบต่อลักพาจะต้องตาย และหลังจากการปลดปล่อย [เชลยชาวอิสราเอลในฉนวนกาซา] เราจะต้องกลับมาอีกครั้งและกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” สโมทริชกล่าวเสริม ทางด้าน อิทามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล และเป็นหัวหน้าพรรค Otzma Yehudit ซึ่งเป็นอีกพรรคหนึ่งที่จัดตั้งรัฐบาลผสม ประกาศสนับสนุนสโมทริช และพร้อมจะถอนตัวจากรัฐบาลทันทีเช่นกัน หากข้อตกลงหยุดยิงได้รับการอนุมัติ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กชายชาวปาเลสไตน์รายนี้สูญเสียครอบครัวของเขาไป หลังการโจมตีของอิสราเอลเมื่อวานที่ผ่านมา

    การโจมตีเกิดขึ้นหลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิง และถูกยกเลิกโดยอิสราเอล โดยอ้างว่าฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงบางอย่าง

    ขณะนี้นานาประเทศกำลังกดดันอิสราเอลอย่างหนัก เพื่อให้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง
    เด็กชายชาวปาเลสไตน์รายนี้สูญเสียครอบครัวของเขาไป หลังการโจมตีของอิสราเอลเมื่อวานที่ผ่านมา การโจมตีเกิดขึ้นหลังการประกาศข้อตกลงหยุดยิง และถูกยกเลิกโดยอิสราเอล โดยอ้างว่าฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงบางอย่าง ขณะนี้นานาประเทศกำลังกดดันอิสราเอลอย่างหนัก เพื่อให้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง
    Sad
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ

    อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง

    แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ

    ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

    วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

    #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เดียร์ลอง" ประกาศยกเลิก "ย้ายประเทศ" ยอมรับเคยลองไปใช้ชีวิตดูพักนึง แต่ไม่เหมือนกับที่คิดไว้

    นอกจากนี้ยังประกาศเลิกเป็น "Sex Creator"

    ส่วนเรื่องของ Digital footprint คงทำได้แต่ "ทำใจยอมรับ" ได้อย่างเดียว

    .
    https://www.facebook.com/share/p/18SEcWdNKa/
    "เดียร์ลอง" ประกาศยกเลิก "ย้ายประเทศ" ยอมรับเคยลองไปใช้ชีวิตดูพักนึง แต่ไม่เหมือนกับที่คิดไว้ นอกจากนี้ยังประกาศเลิกเป็น "Sex Creator" ส่วนเรื่องของ Digital footprint คงทำได้แต่ "ทำใจยอมรับ" ได้อย่างเดียว . https://www.facebook.com/share/p/18SEcWdNKa/
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วงเวลาสุดท้าย อิสราเอลกล่าวหาฮามาสมาตลอดทุกครั้ง ว่าเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหยุดยิง หลังข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว

    ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นวันนี้เมื่ออิสราเอล "กล่าวหาฮามาสอีกครั้ง!"

    หรือความเป็นจริง อิสราเอลไม่เคยมีความคิดจะหยุดยิงตามข้อตกลง มันเป็นเพียงเกมการเมืองของเนทันยาฮูเท่านั้น ที่หาความชอบธรรมในการทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของชาวกาซา

    ภาพวิดีโอขณะตัวแทนอิสราเอลกล่าวหาฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงหยุดยิง และอิสราเอลมีสิทธิโจมตีตอบโต้ฮามาสได้
    ในช่วงเวลาสุดท้าย อิสราเอลกล่าวหาฮามาสมาตลอดทุกครั้ง ว่าเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหยุดยิง หลังข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นวันนี้เมื่ออิสราเอล "กล่าวหาฮามาสอีกครั้ง!" หรือความเป็นจริง อิสราเอลไม่เคยมีความคิดจะหยุดยิงตามข้อตกลง มันเป็นเพียงเกมการเมืองของเนทันยาฮูเท่านั้น ที่หาความชอบธรรมในการทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของชาวกาซา ภาพวิดีโอขณะตัวแทนอิสราเอลกล่าวหาฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงหยุดยิง และอิสราเอลมีสิทธิโจมตีตอบโต้ฮามาสได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 3/

    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    3/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • 2/
    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    2/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • 1/
    ด่วน!
    อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย

    ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!

    อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    1/ ด่วน! อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวน้องแตงโม ยอมรับว่าแอบโฟกัสที่นายแซน จินตนาการว่า ถ้าไปอยู่ในแดน คงเป็นดาวค้างฟ้านะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ข่าวน้องแตงโม ยอมรับว่าแอบโฟกัสที่นายแซน จินตนาการว่า ถ้าไปอยู่ในแดน คงเป็นดาวค้างฟ้านะครับ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล

    เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น

    แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา

    เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน


    'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่'
    หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้"

    ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย




    อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน 'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่' หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้" ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม"
    .
    วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ
    .
    ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน
    .
    อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป
    .
    จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม" . วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ . ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค . ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน . อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป . จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้ . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1045 มุมมอง 0 รีวิว
  • 40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก
    .
    กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต)
    .
    ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก
    .
    ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด
    .
    งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์
    .
    แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก
    .
    40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด
    .
    .
    1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything."

    "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง"
    .
    .
    2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something."

    "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง"
    .
    .
    3. "The beginning is the most important part of the work."

    "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน"
    .
    .
    4. "No one is more hated than he who speaks the truth."

    "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง"
    .
    .
    5. "Necessity is the mother of invention."
    "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น"
    .
    .
    6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge."

    "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้"
    .
    .
    7. "The measure of a man is what he does with power."

    "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ"
    .
    .
    8. "The first and best victory is to conquer self."

    "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง"
    .
    .
    9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves."

    "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน"
    .
    .
    10. "Those who tell the stories rule society."

    "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม"
    .
    .
    11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself."

    "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้"
    .
    .
    12. "Ignorance, the root and the stem of every evil."

    "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง"
    .
    .
    13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light."

    "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง"
    .
    .
    14. "The worst form of injustice is pretended justice."

    "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม"
    .
    .
    15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance."

    "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา"
    .
    .
    16. "Geometry existed before creation."

    "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์"
    .
    .
    17. "Writing is the geometry of the soul."
    "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ"
    .
    .
    18. "Courage is knowing what not to fear."

    "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว"
    .
    .
    19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers."

    "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด"
    .
    .
    20. "Education is teaching our children to desire the right things."

    "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง"
    .
    .
    21. "Philosophy is the highest music."

    "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด"
    .
    .
    22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain."

    "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์"
    .
    .
    23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each."

    "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ"
    .
    .
    24. "You should not honor men more than truth."

    "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง"
    .
    .
    25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men."

    "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน"
    .
    .
    26. "At the touch of love everyone becomes a poet."

    "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี"
    .
    .
    27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil."

    "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง"
    .
    .
    28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser."

    "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก"
    .
    .
    29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so."

    "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี"
    .
    .
    30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy."

    "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา"
    .
    .
    31. "Courage is a kind of salvation."

    "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น"
    .
    .
    32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not."

    "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่"
    .
    .
    33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker."

    "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า"
    .
    .
    34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth."

    "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น"
    .
    .
    35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want."

    "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด"
    .
    .
    36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age."

    "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา"
    .
    .
    37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others."

    "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้"
    .
    .
    38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road."

    "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน"
    .
    .
    39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright."

    "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น"
    .
    .
    40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they."

    "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า"
    .
    .
    .
    .
    #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    40 คำคมทรงพลังจากเพลโต ปราชญ์ผู้วางรากฐานปัญญาตะวันตก . กว่าสองพันสี่ร้อยปีผ่านไป เสียงกังวานแห่งปัญญาของเพลโต (Plato, 428-348 BC) ยังคงก้องกึกในโลกแห่งความคิด Plato เป็นหนึ่งในเป็นผู้วางรากฐานการคิดเชิงปรัชญาให้แก่อารยธรรมตะวันตก จนมีผู้กล่าวว่า "Western philosophy is but a series of footnotes to Plato" (ปรัชญาตะวันตกทั้งมวลเป็นเพียงเชิงอรรถของเพลโต) . ในฐานะผู้ก่อตั้ง Platonic Academy (สำนักปรัชญาอคาเดมี) สถาบันการศึกษาแห่งแรกของโลกตะวันตก เพลโตได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วโลก . ผลงานอมตะของเพลโตที่ยังคงทรงอิทธิพลจวบจนปัจจุบัน อาทิ "Allegory of the Cave" (อุปมาถ้ำ) ที่เปรียบเทียบมนุษย์ผู้ติดอยู่กับโลกแห่งเงา และ "Theory of Forms" (ทฤษฎีแบบ) ที่เสนอว่าทุกสิ่งในโลกวัตถุล้วนเป็นเพียงเงาสะท้อนของแบบ หรือแม่แบบที่สมบูรณ์แบบในโลกแห่งความคิด . งานเขียนสำคัญของเขาอย่าง "The Republic" (รัฐ) วางรากฐานแนวคิดทางการเมืองและการปกครอง ขณะที่ "Symposium" (งานเลี้ยงสนทนา) ถกประเด็นความรักและความงามอันเป็นนิรันดร์ . แนวคิดของเพลโตได้หล่อหลอมวิธีคิดของโลกในทุกแขนง ทั้งปรัชญา ศาสนา การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ อิทธิพลของเขาแผ่ขยายจากกรีกโบราณ ผ่านจักรวรรดิโรมัน ผ่านยุคกลาง ผ่านยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนถึงโลกสมัยใหม่ ทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมโลก . 40 คำคมของเพลโตที่รวบรวมมานี้สะท้อนถึงความลุ่มลึกทางความคิดที่เชื่อมโยงสวรรค์กับโลก อุดมคติกับความเป็นจริง และชี้นำมนุษย์สู่การแสวงหาสัจธรรมอันสูงสุด . . 1. "Music gives a soul to the universe, wings to the mind, flight to the imagination and life to everything." "ดนตรีมอบจิตวิญญาณให้จักรวาล มอบปีกให้ความคิด มอบการโบยบินให้จินตนาการ และมอบชีวิตให้ทุกสิ่ง" . . 2. "Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something." "คนฉลาดพูดเพราะมีสิ่งที่ต้องการจะบอก คนโง่พูดเพราะต้องพูดอะไรสักอย่าง" . . 3. "The beginning is the most important part of the work." "จุดเริ่มต้นคือส่วนสำคัญที่สุดของงาน" . . 4. "No one is more hated than he who speaks the truth." "ไม่มีใครถูกเกลียดมากไปกว่าผู้ที่พูดความจริง" . . 5. "Necessity is the mother of invention." "ความจำเป็นคือบ่อเกิดแห่งการประดิษฐ์คิดค้น" . . 6. "Human behavior flows from three main sources: desire, emotion, and knowledge." "พฤติกรรมมนุษย์หลั่งไหลมาจากสามแหล่งหลัก: ความปรารถนา อารมณ์ และความรู้" . . 7. "The measure of a man is what he does with power." "เครื่องวัดคุณค่าของมนุษย์คือสิ่งที่เขาทำเมื่อมีอำนาจ" . . 8. "The first and best victory is to conquer self." "ชัยชนะแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดคือการชนะใจตนเอง" . . 9. "The penalty that good men pay for not being interested in politics is to be governed by men worse than themselves." "บทลงโทษที่คนดีต้องจ่ายสำหรับการไม่สนใจการเมืองคือการถูกปกครองโดยคนที่เลวร้ายกว่าตน" . . 10. "Those who tell the stories rule society." "ผู้ที่เล่าเรื่องราวคือผู้ปกครองสังคม" . . 11. "No wealth can ever make a bad man at peace with himself." "ไม่มีความมั่งคั่งใดจะทำให้คนเลวอยู่อย่างสงบกับตัวเองได้" . . 12. "Ignorance, the root and the stem of every evil." "ความโง่เขลาคือรากเหง้าและลำต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง" . . 13. "We can easily forgive a child who is afraid of the dark; the real tragedy of life is when men are afraid of the light." "เราให้อภัยเด็กที่กลัวความมืดได้ง่าย แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิตคือเมื่อผู้คนกลัวแสงสว่าง" . . 14. "The worst form of injustice is pretended justice." "ความอยุติธรรมที่เลวร้ายที่สุดคือความยุติธรรมจอมปลอม" . . 15. "Opinion is the medium between knowledge and ignorance." "ความคิดเห็นคือสิ่งที่อยู่ระหว่างความรู้และความโง่เขลา" . . 16. "Geometry existed before creation." "เรขาคณิตมีอยู่ก่อนการสร้างสรรค์" . . 17. "Writing is the geometry of the soul." "การเขียนคือเรขาคณิตของจิตวิญญาณ" . . 18. "Courage is knowing what not to fear." "ความกล้าหาญคือการรู้ว่าอะไรไม่ควรกลัว" . . 19. "An empty vessel makes the loudest sound, so they that have the least wit are the greatest babblers." "ภาชนะที่ว่างเปล่าส่งเสียงดังที่สุด เช่นเดียวกับผู้ที่มีสติปัญญาน้อยที่สุดมักเป็นผู้พูดมากที่สุด" . . 20. "Education is teaching our children to desire the right things." "การศึกษาคือการสอนลูกหลานของเราให้ปรารถนาในสิ่งที่ถูกต้อง" . . 21. "Philosophy is the highest music." "ปรัชญาคือดนตรีที่สูงส่งที่สุด" . . 22. "There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain." "มนุษย์มีสามประเภท: ผู้รักปัญญา ผู้รักเกียรติยศ และผู้รักผลประโยชน์" . . 23. "Do not train a child to learn by force or harshness; but direct them to it by what amuses their minds, so that you may be better able to discover with accuracy the peculiar bent of the genius of each." "อย่าฝึกเด็กให้เรียนรู้ด้วยการบังคับหรือความรุนแรง แต่จงชี้นำพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้จิตใจ เพื่อที่คุณจะสามารถค้นพบความโน้มเอียงพิเศษของอัจฉริยภาพในตัวพวกเขาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ" . . 24. "You should not honor men more than truth." "อย่าให้เกียรติมนุษย์มากกว่าความจริง" . . 25. "A hero is born among a hundred, a wise man is found among a thousand, but an accomplished one might not be found even among a hundred thousand men." "วีรบุรุษเกิดขึ้นในหนึ่งร้อย ปราชญ์พบได้ในหนึ่งพัน แต่ผู้ที่สมบูรณ์แบบอาจไม่พบแม้ในหนึ่งแสนคน" . . 26. "At the touch of love everyone becomes a poet." "เมื่อสัมผัสความรัก ทุกคนกลายเป็นกวี" . . 27. "There should exist among the citizens neither extreme poverty nor again excessive wealth, for both are productive of great evil." "ในหมู่พลเมืองไม่ควรมีทั้งความยากจนสุดขั้วหรือความมั่งคั่งล้นเหลือ เพราะทั้งสองสิ่งล้วนก่อให้เกิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวง" . . 28. "As the builders say, the larger stones do not lie well without the lesser." "ดังที่ช่างก่อสร้างว่า หินก้อนใหญ่ไม่อาจวางได้ดีหากปราศจากหินก้อนเล็ก" . . 29. "The most virtuous are those who content themselves with being virtuous without seeking to appear so." "ผู้ที่มีคุณธรรมที่สุดคือผู้ที่พอใจในการมีคุณธรรมโดยไม่พยายามทำให้ดูเหมือนว่ามี" . . 30. "For this feeling of wonder shows that you are a philosopher, since wonder is the only beginning of philosophy." "ความรู้สึกประหลาดใจนี้แสดงว่าคุณเป็นนักปรัชญา เพราะความประหลาดใจคือจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียวของปรัชญา" . . 31. "Courage is a kind of salvation." "ความกล้าหาญคือรูปแบบหนึ่งของการหลุดพ้น" . . 32. "The highest reach of injustice is to be deemed just when you are not." "จุดสูงสุดของความอยุติธรรมคือการถูกมองว่ายุติธรรมทั้งที่ไม่ใช่" . . 33. "No science or art considers or enjoins the interest of the stronger or superior, but only the interest of the subject and weaker." "ไม่มีวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดพิจารณาหรือบังคับผลประโยชน์ของผู้แข็งแกร่งหรือผู้เหนือกว่า แต่เพียงผลประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครองและผู้อ่อนแอกว่า" . . 34. "For the uneducated, when they engage in argument about anything, give no thought to the truth about the subject of discussion but are only eager that those present will accept the position they have set forth." "สำหรับผู้ไร้การศึกษา เมื่อพวกเขาโต้แย้งเรื่องใดก็ตาม พวกเขาไม่คิดถึงความจริงเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังอภิปราย แต่กระตือรือร้นเพียงให้ผู้ที่อยู่ที่นั่นยอมรับจุดยืนที่พวกเขานำเสนอเท่านั้น" . . 35. "Neither do the ignorant seek after wisdom. For herein is the evil of ignorance, that he who is neither good nor wise is nevertheless satisfied with himself: he has no desire for that of which he feels no want." "คนโง่เขลาไม่แสวงหาปัญญา เพราะนี่คือความชั่วร้ายของความโง่เขลา ที่ผู้ซึ่งไม่ดีและไม่ฉลาดกลับพอใจในตัวเอง: เขาไม่มีความปรารถนาในสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ขาด" . . 36. "The man who finds that in the course of his life he has done a lot of wrong often wakes up at night in terror, like a child with a nightmare, and his life is full of foreboding: but the man who is conscious of no wrongdoing is filled with cheerfulness and with the comfort of old age." "ผู้ที่พบว่าในช่วงชีวิตของเขาได้ทำผิดมากมักตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนด้วยความหวาดกลัว เหมือนเด็กที่ฝันร้าย และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยลางร้าย แต่ผู้ที่ไม่รู้สึกว่าได้ทำผิดจะเต็มไปด้วยความร่าเริงและความสบายใจในวัยชรา" . . 37. "Now early life is very impressible, and children ought not to learn what they will have to unlearn when they grow up; we must therefore have a censorship of nursery tales, banishing some and keeping others." "ชีวิตในวัยต้นนั้นรับอิทธิพลได้ง่าย และเด็กๆ ไม่ควรเรียนรู้สิ่งที่พวกเขาจะต้องลืมเมื่อโตขึ้น เราจึงต้องมีการกลั่นกรองนิทานสำหรับเด็ก กำจัดบางเรื่องและเก็บบางเรื่องไว้" . . 38. "There's no difficulty in choosing vice in abundance: the road is smooth and it's hardly any distance to where it lives. But the gods have put sweat in the way of goodness, and a long, rough, steep road." "ไม่มีความยากลำบากในการเลือกความชั่วที่มีอยู่มากมาย: ถนนราบเรียบและแทบไม่มีระยะทางไปถึงที่อยู่ของมัน แต่เทพเจ้าได้วางเหงื่อไว้ในเส้นทางแห่งความดี และเป็นถนนที่ยาว ขรุขระ และชัน" . . 39. "It is not Love absolutely that is good or praiseworthy, but only that Love which impels meant to love aright." "ไม่ใช่ความรักทั้งหมดที่ดีหรือน่าสรรเสริญ แต่เป็นเพียงความรักที่ผลักดันให้รักอย่างถูกต้องเท่านั้น" . . 40. "Both knowledge and truth are beautiful things, but the good is other and more beautiful than they." "ทั้งความรู้และความจริงเป็นสิ่งงดงาม แต่ความดีนั้นแตกต่างและงดงามยิ่งกว่า" . . . . #SuccessStrategies #Quotes #Plato #Mindset #Politic
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts