• การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด
    .
    ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่
    .
    หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้
    .
    ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้
    .
    นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020
    .
    ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้
    .
    ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้
    .
    แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ
    .
    ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
    .
    ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน
    .
    อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
    .
    การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร
    .
    ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง
    .
    ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม”
    .
    ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา
    .
    ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
    .
    สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น
    .
    ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า
    .
    ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น
    .
    ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ
    .
    รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742
    ..............
    Sondhi X
    การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด . ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่ . หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ . ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้ . นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020 . ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้ . ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้ . แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ . ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน . อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ . ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน . อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น . การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร . ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง . ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม” . ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา . ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง . สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น . ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า . ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น . ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ . รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุไหงโก-ลกเละเทะ มาเลย์ฯ ลอบเข้าไทย

    การจับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 6 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.วัน โนรชาฮีดา อัซลิน บินตี วัน อิสมาอีล นักร้องเพลงลิเกบารัตวัย 28 ปี ที่มีผลงานเพลง Cinta Setandan Pisang เพลงฮิตที่มีผู้ฟังในยูทูบมากถึง 23 ล้านวิว พร้อมของกลางยาบ้า 6,000 เม็ด ภายในห้องพักโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวมาเลเซีย เพื่อไปหาความสำราญในประเทศไทย เพราะมีผู้ต้องหา 2 คน ถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังไม่พบตราประทับบนหนังสือเดินทาง

    ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งรัฐกลันตัน ยอมรับว่าคนในพื้นที่จำนวนมากข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแสวงหาความบันเทิงที่ไนต์คลับ แม้ตำรวจรัฐกลันตันจะระงับยับยั้งเรื่องนี้ แต่โดยหน้าที่จำกัดแค่การจับกุมชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น วัยรุ่นเหล่านี้เดินทางมายังประเทศไทยช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) แล้วกลับรัฐกลันตันในวันเสาร์ (2 พ.ย.) โดยจอดรถที่ด่านรันเตาปันจัง ข้ามแม่น้ำโกลกเพื่อเข้าประเทศไทย แทนการเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) รันเตาปันจัง

    ด้านนายโมฮัมเหม็ด ฟาดซิล ฮัสซัน รองมุขมนตรีรัฐกลันตัน จะเสนอรัฐบาลกลางมาเลเซียก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ความยาวเกือบ 100 กิโลเมตร เพื่อปราบปรามการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายและป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากการใช้กองกำลังความมั่นคงป้องกันชายแดนทั้งหมดทำได้ยาก แม้ทางการจะควบคุมอย่างเข้มงวดที่ชายแดน แต่ช่องทางผิดกฎหมายมีหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้การเฝ้าระวังเป็นไปได้ยาก ซึ่งการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมายจะใช้เส้นทางที่ไม่ได้รับการควบคุม หรือควบคุมได้ยาก ทำให้เจ้าหน้าที่ยากลำบากในการปราบปราม

    ส่วนนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการควบคุมดูแล และป้องกันยาเสพติดในฝั่งประเทศไทย ที่ปล่อยปะละเลยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิง ทั้งดิสโก้เทค ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยากต่อการควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝั่งมาเลเซีย และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ดูแลป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะตลอดระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงสุไหงโก-ลก กว่า 1,200 กิโลเมตร ไม่มีการตรวจค้นอย่างเข้มงวดและจริงจัง ทำให้มีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่สุไหงโก-ลกได้

    #Newskit #สุไหงโกลก #Kelantan
    สุไหงโก-ลกเละเทะ มาเลย์ฯ ลอบเข้าไทย การจับกุมผู้ต้องหาชาวมาเลเซีย 6 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.วัน โนรชาฮีดา อัซลิน บินตี วัน อิสมาอีล นักร้องเพลงลิเกบารัตวัย 28 ปี ที่มีผลงานเพลง Cinta Setandan Pisang เพลงฮิตที่มีผู้ฟังในยูทูบมากถึง 23 ล้านวิว พร้อมของกลางยาบ้า 6,000 เม็ด ภายในห้องพักโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวมาเลเซีย เพื่อไปหาความสำราญในประเทศไทย เพราะมีผู้ต้องหา 2 คน ถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังไม่พบตราประทับบนหนังสือเดินทาง ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด ยูซอฟ มามัต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งรัฐกลันตัน ยอมรับว่าคนในพื้นที่จำนวนมากข้ามพรมแดนเข้ามายังประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแสวงหาความบันเทิงที่ไนต์คลับ แม้ตำรวจรัฐกลันตันจะระงับยับยั้งเรื่องนี้ แต่โดยหน้าที่จำกัดแค่การจับกุมชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น วัยรุ่นเหล่านี้เดินทางมายังประเทศไทยช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) แล้วกลับรัฐกลันตันในวันเสาร์ (2 พ.ย.) โดยจอดรถที่ด่านรันเตาปันจัง ข้ามแม่น้ำโกลกเพื่อเข้าประเทศไทย แทนการเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) รันเตาปันจัง ด้านนายโมฮัมเหม็ด ฟาดซิล ฮัสซัน รองมุขมนตรีรัฐกลันตัน จะเสนอรัฐบาลกลางมาเลเซียก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ความยาวเกือบ 100 กิโลเมตร เพื่อปราบปรามการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายและป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากการใช้กองกำลังความมั่นคงป้องกันชายแดนทั้งหมดทำได้ยาก แม้ทางการจะควบคุมอย่างเข้มงวดที่ชายแดน แต่ช่องทางผิดกฎหมายมีหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้การเฝ้าระวังเป็นไปได้ยาก ซึ่งการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมายจะใช้เส้นทางที่ไม่ได้รับการควบคุม หรือควบคุมได้ยาก ทำให้เจ้าหน้าที่ยากลำบากในการปราบปราม ส่วนนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการควบคุมดูแล และป้องกันยาเสพติดในฝั่งประเทศไทย ที่ปล่อยปะละเลยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิง ทั้งดิสโก้เทค ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยากต่อการควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝั่งมาเลเซีย และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ดูแลป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะตลอดระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงสุไหงโก-ลก กว่า 1,200 กิโลเมตร ไม่มีการตรวจค้นอย่างเข้มงวดและจริงจัง ทำให้มีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่สุไหงโก-ลกได้ #Newskit #สุไหงโกลก #Kelantan
    Like
    Love
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวะชีวิตของแต่ละคน การสร้างสรรค์ที่ร้องขอกับซาตาน,ผลปัจจุบันต้องยอมรับมัน.
    จังหวะชีวิตของแต่ละคน การสร้างสรรค์ที่ร้องขอกับซาตาน,ผลปัจจุบันต้องยอมรับมัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • อย่ามัวแต่คร่ำครวญถึงความโศรกเศร้า
    แสงแห่งความรุ่งโรจน์ไม่อาจดำรงอยู่ได้ หากไร้ซึ่งเงามืด
    ชีวิตคือองค์รวม
    เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับสิ่งที่ดีและไม่ดีไปพร้อมๆ กัน

    จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    อย่ามัวแต่คร่ำครวญถึงความโศรกเศร้า แสงแห่งความรุ่งโรจน์ไม่อาจดำรงอยู่ได้ หากไร้ซึ่งเงามืด ชีวิตคือองค์รวม เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับสิ่งที่ดีและไม่ดีไปพร้อมๆ กัน จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยืดเยื้อต่อเนื่อง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เลื่อนเสนอ ครม.เคาะแก้สัญญา
    .
    เริ่มส่งสัญญาณส่อเค้ายืดเยื้ออีกแล้วสำหรับการเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากเดิมที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศอย่างมั่นใจว่าการแก้ไขสัญญากับเอกชนจะจบและเสนอให้คณะรัฐมนตรีเคาะได้ภายในเดือนตุลาคม ปรากฎว่าต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดอีกครั้ง
    .
    โดยนายสุริยะ ยอมรับว่า สัปดาห์นี้เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าที่ประชุม ครม. เพราะต้องไปดูรายระเอียดอีกรอบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งไปที่คณะกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดูแลอยู่
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าประเด็นที่กระทรวงคมนาคมต้องนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง คือ การแก้ไขสัญญาใน 5 ประเด็นสำคัญได้แก่
    .
    1.วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน จากเดิมเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รัฐจะแบ่งจ่าย 149,650 ล้านบาท ปรับเป็นลักษณะสร้างไปจ่ายไป
    .
    2.กำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โดยให้เอกชนแบ่งชำระค่าสิทธิ 10,671 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่ากัน
    .
    3.กำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนหากอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดลง จนทำให้เอกชนได้ผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้นเกิน 5.52% รฟท.มีสิทธิเรียกให้เอกชนชําระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้
    .
    4.การยกเว้นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน และ
    .
    5.การป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ โดยปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนเหตุสุดวิสัยและเหตุผ่อนผัน ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการอื่น

    ขณะเดียวกัน เริ่มมีเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการแก้ไขสัญญาดังกล่าว ทั้งๆที่ฝ่ายรัฐกับเอกชนได้ลงนามไปแล้วแต่ไม่อาจเดินหน้าโครงการได้ เนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายเอกชนอ้างเหตุผลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
    .............
    Sondhi X
    ยืดเยื้อต่อเนื่อง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เลื่อนเสนอ ครม.เคาะแก้สัญญา . เริ่มส่งสัญญาณส่อเค้ายืดเยื้ออีกแล้วสำหรับการเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากเดิมที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศอย่างมั่นใจว่าการแก้ไขสัญญากับเอกชนจะจบและเสนอให้คณะรัฐมนตรีเคาะได้ภายในเดือนตุลาคม ปรากฎว่าต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดอีกครั้ง . โดยนายสุริยะ ยอมรับว่า สัปดาห์นี้เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าที่ประชุม ครม. เพราะต้องไปดูรายระเอียดอีกรอบ ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งไปที่คณะกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังดูแลอยู่ . ทั้งนี้ มีรายงานว่าประเด็นที่กระทรวงคมนาคมต้องนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง คือ การแก้ไขสัญญาใน 5 ประเด็นสำคัญได้แก่ . 1.วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน จากเดิมเมื่อเอกชนเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง รัฐจะแบ่งจ่าย 149,650 ล้านบาท ปรับเป็นลักษณะสร้างไปจ่ายไป . 2.กำหนดการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โดยให้เอกชนแบ่งชำระค่าสิทธิ 10,671 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่ากัน . 3.กำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนหากอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการลดลง จนทำให้เอกชนได้ผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้นเกิน 5.52% รฟท.มีสิทธิเรียกให้เอกชนชําระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ . 4.การยกเว้นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน และ . 5.การป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ โดยปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนเหตุสุดวิสัยและเหตุผ่อนผัน ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการอื่น ขณะเดียวกัน เริ่มมีเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการแก้ไขสัญญาดังกล่าว ทั้งๆที่ฝ่ายรัฐกับเอกชนได้ลงนามไปแล้วแต่ไม่อาจเดินหน้าโครงการได้ เนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายเอกชนอ้างเหตุผลเรื่องภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรี "เดนิส ชมีกัล" ของยูเครน ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (TPP) เกือบ 90% ในยูเครน ถูกทำลายหรือเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้

    และนี่จะเป็นโศกนาฏกรรมของสถานการณ์ในยูเครนสำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะขณะนี้เหลือเพียงโณงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รับหน้าที่ผลิตไฟฟ้า แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

    ชมีกัล พยายามคลายความกังวลของชาวยูเครนโดยบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง!!" ยูเครนสะสมก๊าซไว้มากกว่า 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่ามันจะครอบคลุมไปถึงฤดูร้อนปีหน้าเลยทีเดียว

    ในขณะที่ชมีกัลกำลังปลอบประโลมชาวยูเครนอยู่นั้น เขาคงลืมไปว่ารัสเซียยังคงมีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยังไม่ได้ใช้งาน และมันสามารถไปได้ทุกที่ในดินแดนยูเครน!!⚡️🤡⚡️
    นายกรัฐมนตรี "เดนิส ชมีกัล" ของยูเครน ยอมรับว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (TPP) เกือบ 90% ในยูเครน ถูกทำลายหรือเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้ และนี่จะเป็นโศกนาฏกรรมของสถานการณ์ในยูเครนสำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะขณะนี้เหลือเพียงโณงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รับหน้าที่ผลิตไฟฟ้า แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ชมีกัล พยายามคลายความกังวลของชาวยูเครนโดยบอกว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง!!" ยูเครนสะสมก๊าซไว้มากกว่า 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่ามันจะครอบคลุมไปถึงฤดูร้อนปีหน้าเลยทีเดียว ในขณะที่ชมีกัลกำลังปลอบประโลมชาวยูเครนอยู่นั้น เขาคงลืมไปว่ารัสเซียยังคงมีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยังไม่ได้ใช้งาน และมันสามารถไปได้ทุกที่ในดินแดนยูเครน!!⚡️🤡⚡️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตหนาวนี้โหดสุด ยูเครนเสี่ยงนั่งหนาวในความมืด 20 ชั่วโมงต่อวัน

    โรงไฟฟ้าถูกถล่มราบ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ห้องเทอร์ไบน์ขนาดสองสนามฟุตบอลพังยับเยิน นี่คือภาพที่ Dmytro วัย 41 ปี เห็นหลังการโจมตีของรัสเซีย "น้ำตาไหลเลย" เขาบอก ก่อนที่คนงาน 700 คนจะเร่งซ่อมแซมอย่างสุดชีวิต

    แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น... รัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจนยูเครนสูญเสียกำลังผลิตไฟฟ้าไปครึ่งหนึ่ง ต้องพึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไร้การป้องกันจากขีปนาวุธ และไม่มีเวลาพอจะติดตั้งระบบป้องกันก่อนหน้าหนาว

    "ผมกังวลมาก" Oleksandr Kharchenko ที่ปรึกษารัฐบาลด้านพลังงานบอก หากรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอากาศหนาวจัด ยูเครนจะเผชิญไฟดับนาน 20 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงบ้านไร้ความอบอุ่น โรงงานผลิตอาวุธหยุดชะงัก และผู้คนต้องอพยพหนีหนาว

    สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นเมื่อผู้ค้าตะวันตกไม่กล้าเก็บก๊าซสำรองในยูเครนเพราะกลัวการโจมตี และไม่มีใครรู้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่หากอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศา และรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ ยูเครนก็อาจต้องนั่งหนาวในความมืดนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน

    "คนจะทิ้งยูเครนไปลี้ภัยในยุโรปมากขึ้น" Viktoriya Gryb สมาชิกสภาผู้แทนฯ กล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า "ผู้คนจะตายในบ้านตัวเอง เพราะรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน"


    https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362257713580208/
    วิกฤตหนาวนี้โหดสุด ยูเครนเสี่ยงนั่งหนาวในความมืด 20 ชั่วโมงต่อวัน โรงไฟฟ้าถูกถล่มราบ ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ห้องเทอร์ไบน์ขนาดสองสนามฟุตบอลพังยับเยิน นี่คือภาพที่ Dmytro วัย 41 ปี เห็นหลังการโจมตีของรัสเซีย "น้ำตาไหลเลย" เขาบอก ก่อนที่คนงาน 700 คนจะเร่งซ่อมแซมอย่างสุดชีวิต แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น... รัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจนยูเครนสูญเสียกำลังผลิตไฟฟ้าไปครึ่งหนึ่ง ต้องพึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไร้การป้องกันจากขีปนาวุธ และไม่มีเวลาพอจะติดตั้งระบบป้องกันก่อนหน้าหนาว "ผมกังวลมาก" Oleksandr Kharchenko ที่ปรึกษารัฐบาลด้านพลังงานบอก หากรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และอากาศหนาวจัด ยูเครนจะเผชิญไฟดับนาน 20 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงบ้านไร้ความอบอุ่น โรงงานผลิตอาวุธหยุดชะงัก และผู้คนต้องอพยพหนีหนาว สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นเมื่อผู้ค้าตะวันตกไม่กล้าเก็บก๊าซสำรองในยูเครนเพราะกลัวการโจมตี และไม่มีใครรู้ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน แต่หากอุณหภูมิต่ำกว่า -10 องศา และรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ ยูเครนก็อาจต้องนั่งหนาวในความมืดนานถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน "คนจะทิ้งยูเครนไปลี้ภัยในยุโรปมากขึ้น" Viktoriya Gryb สมาชิกสภาผู้แทนฯ กล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่า "ผู้คนจะตายในบ้านตัวเอง เพราะรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน" https://web.facebook.com/groups/194174770388504/posts/362257713580208/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล

    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า

    “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย

    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Yay
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนางสุพรรณวษา โชติก็ญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน (OCA) ระหว่างไทย – กัมพูชา

    4 พฤศจิกายน 2567- รายงานข่าว NBT CONNEXT เปิดเผยว่า อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. กล่าวว่า ไทยได้ประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2516 เนื่องจากเห็นว่าการประเทศของกัมพูชาในปี 2515 เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเส้นผ่านเข้าไปในเกาะกูด จึงประกาศเขตไหล่ทวีปของไทย เป็นพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2516 ระบุว่าสิทธิอธิปไตยซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกัน

    ดังนั้นในการประกาศของกัมพูชาและไทย มีพื้นที่ทับซ้อนกัน 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ หรือกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับกรณีพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับมาเลเซีย โดยเป็นเส้นที่ครอบคลุมทะเลอาณาเขต EEZ และไหล่ทวีป
    อย่างไรก็ตาม ไทย-กัมพูชา เริ่มเจรจาเรื่องพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2513 แต่เกิดปัญหาว่ากัมพูชาต้องการคุยเพียงการพัฒนาร่วมในเรื่องของทรัพยากร ขณะที่ไทยเห็นว่าเขตทางทะเลมีความสำคัญ รวมถึงความมั่นคง และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยยืนยันว่าต้องคุยประเด็นเหล่านี้ด้วย ซึ่งไทยได้ประกาศเส้นด้านใต้ลงมาระหว่างเกาะกูดกับเกาะกง แสดงออกว่าไทยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กัมพูชาประกาศ

    หลักสากลเมื่อเกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องเจรจากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ สำหรับ MOU 2544 แบ่งเป็นพื้นที่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาแบ่งเขตทางทะเล และพื้นที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน สิ่งที่ดำเนินการประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับในข้อตกลง และผลการเจรจาต้องผ่านความเห็นชอบโดยรัฐสภา และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    “ ยืนยันว่า MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เพราะสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ส.1907 ระบุชัดเจน เกาะกูด เป็นของไทย เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือตัวเกาะ และยังใช้อำนาจอธิปไตยเกาะกูด 100% ประเด็นยกเลิก MOU 44 เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในปี 2552 ซึ่งเสนอให้ยกเลิก เพราะขณะนั้นไม่มีความคืบหน้า และ ครม.รับในหลักการ แต่ขอให้พิจารณาให้รอบคอบและได้หารือกับที่ปรึกษาทีมต่างชาติ และประชุมคณะกรรมการพิเศษที่เป็นภาคี และหน่วยงานด้านความมั่นคง สมช. กระทรวงพลังงาน รวมทั้งกฤษฎีกา โดยปี 2557 ได้ข้อสรุปว่า MOU 44 ยังมีประโยชนที่จะนำไปสู่การเจรจา จึงเสนอ ครม.ให้ทบทวนมติ ครม.ปี 2552 ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ MOU 44 ต่อทุกครั้งที่มีรัฐบาลใหม่ยังขอให้กรอบ MOU 44 เป็นพื้นฐานในการเจรจาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นกลไกที่เหมาะสมที่สุด และรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งทุกรัฐบาลก็ยอมรับและหลักการยังเหมือนเดิม” อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

    ที่มา NBT CONNEXT

    #Thaitimes
    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนางสุพรรณวษา โชติก็ญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน (OCA) ระหว่างไทย – กัมพูชา 4 พฤศจิกายน 2567- รายงานข่าว NBT CONNEXT เปิดเผยว่า อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. กล่าวว่า ไทยได้ประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2516 เนื่องจากเห็นว่าการประเทศของกัมพูชาในปี 2515 เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเส้นผ่านเข้าไปในเกาะกูด จึงประกาศเขตไหล่ทวีปของไทย เป็นพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2516 ระบุว่าสิทธิอธิปไตยซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกัน ดังนั้นในการประกาศของกัมพูชาและไทย มีพื้นที่ทับซ้อนกัน 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ หรือกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับกรณีพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับมาเลเซีย โดยเป็นเส้นที่ครอบคลุมทะเลอาณาเขต EEZ และไหล่ทวีป อย่างไรก็ตาม ไทย-กัมพูชา เริ่มเจรจาเรื่องพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2513 แต่เกิดปัญหาว่ากัมพูชาต้องการคุยเพียงการพัฒนาร่วมในเรื่องของทรัพยากร ขณะที่ไทยเห็นว่าเขตทางทะเลมีความสำคัญ รวมถึงความมั่นคง และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยยืนยันว่าต้องคุยประเด็นเหล่านี้ด้วย ซึ่งไทยได้ประกาศเส้นด้านใต้ลงมาระหว่างเกาะกูดกับเกาะกง แสดงออกว่าไทยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กัมพูชาประกาศ หลักสากลเมื่อเกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องเจรจากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ สำหรับ MOU 2544 แบ่งเป็นพื้นที่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาแบ่งเขตทางทะเล และพื้นที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน สิ่งที่ดำเนินการประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับในข้อตกลง และผลการเจรจาต้องผ่านความเห็นชอบโดยรัฐสภา และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง “ ยืนยันว่า MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เพราะสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ส.1907 ระบุชัดเจน เกาะกูด เป็นของไทย เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือตัวเกาะ และยังใช้อำนาจอธิปไตยเกาะกูด 100% ประเด็นยกเลิก MOU 44 เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในปี 2552 ซึ่งเสนอให้ยกเลิก เพราะขณะนั้นไม่มีความคืบหน้า และ ครม.รับในหลักการ แต่ขอให้พิจารณาให้รอบคอบและได้หารือกับที่ปรึกษาทีมต่างชาติ และประชุมคณะกรรมการพิเศษที่เป็นภาคี และหน่วยงานด้านความมั่นคง สมช. กระทรวงพลังงาน รวมทั้งกฤษฎีกา โดยปี 2557 ได้ข้อสรุปว่า MOU 44 ยังมีประโยชนที่จะนำไปสู่การเจรจา จึงเสนอ ครม.ให้ทบทวนมติ ครม.ปี 2552 ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ MOU 44 ต่อทุกครั้งที่มีรัฐบาลใหม่ยังขอให้กรอบ MOU 44 เป็นพื้นฐานในการเจรจาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นกลไกที่เหมาะสมที่สุด และรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งทุกรัฐบาลก็ยอมรับและหลักการยังเหมือนเดิม” อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าว ที่มา NBT CONNEXT #Thaitimes
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106205

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106205 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Love
    Yay
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1246 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา
    .
    วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2567) กระทรวงการต่างประเทศเชิญสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลภูมิหลัง รวมทั้งสถานะล่าสุดเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เข้าร่วมให้ข้อมูล
    .
    อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ได้อธิบายถึงเขตทางทะเล และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 รวมทั้งชี้แจงที่มาของพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขนาดประมาณ 26,000 ตร.กม. ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทยและกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU 2544
    .
    MOU 2544 เป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป
    .
    แนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกันทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ (1) ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้ (2) จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ และ (3) ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    .
    ต่อกรณีที่มีการเชื่อมโยงเรื่อง “เกาะกูด” จ. ตราด เข้าไปพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้แจงว่า เกาะกูดเป็นดินแดนของประเทศไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และปัจจุบันไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด 100%
    .
    อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ยืนยันว่า MOU 2544 เป็นเพียง “กรอบการเจรจา” (Agreement to Negotiate) ประเทศไทยและกัมพูชาไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนที่แต่ละฝ่ายกำหนดขึ้นเอง และใน MOU ก็ระบุชัดเจนว่า การเจรจาจะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของประเทศคู่เจรจา
    .
    ในเรื่องของการยกเลิก MOU 2544 ซึ่งคณะรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีมติให้ยกเลิกเมื่อปี 2552 นั้น กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชามีปัญหา ทั้งในเรื่องปราสาทพระวิหาร และการปะทะกันที่ชายแดน ทำให้ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่หลังจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ปรึกษากับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว เห็นว่า MOU ยังมีความจำเป็น จึงได้เสนอให้รัฐบาลในชุดต่อๆ มาทบทวนมติ ครม. ปี 2552 และทุกรัฐบาลต่อมาก็มีมติให้ใช้ MOU 2544 ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้.
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา . วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2567) กระทรวงการต่างประเทศเชิญสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลภูมิหลัง รวมทั้งสถานะล่าสุดเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เข้าร่วมให้ข้อมูล . อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ได้อธิบายถึงเขตทางทะเล และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 รวมทั้งชี้แจงที่มาของพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขนาดประมาณ 26,000 ตร.กม. ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทยและกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU 2544 . MOU 2544 เป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป . แนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกันทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ (1) ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้ (2) จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ และ (3) ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง . ต่อกรณีที่มีการเชื่อมโยงเรื่อง “เกาะกูด” จ. ตราด เข้าไปพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้แจงว่า เกาะกูดเป็นดินแดนของประเทศไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และปัจจุบันไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด 100% . อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ยืนยันว่า MOU 2544 เป็นเพียง “กรอบการเจรจา” (Agreement to Negotiate) ประเทศไทยและกัมพูชาไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนที่แต่ละฝ่ายกำหนดขึ้นเอง และใน MOU ก็ระบุชัดเจนว่า การเจรจาจะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของประเทศคู่เจรจา . ในเรื่องของการยกเลิก MOU 2544 ซึ่งคณะรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีมติให้ยกเลิกเมื่อปี 2552 นั้น กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชามีปัญหา ทั้งในเรื่องปราสาทพระวิหาร และการปะทะกันที่ชายแดน ทำให้ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่หลังจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ปรึกษากับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว เห็นว่า MOU ยังมีความจำเป็น จึงได้เสนอให้รัฐบาลในชุดต่อๆ มาทบทวนมติ ครม. ปี 2552 และทุกรัฐบาลต่อมาก็มีมติให้ใช้ MOU 2544 ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้. .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย
    .
    ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย
    .
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม
    .
    การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก
    .
    หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น
    .
    สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์
    .
    สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
    .
    สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น
    .
    ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย . ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย . ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม . การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก . หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น . สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์ . สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ . สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น . ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของเขาเกี่ยวกับการโกงคะแนนโหวตในรัฐสมรภูมิต่างๆ ในขณะที่เขาและคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส จากเดโมแครต ใช้ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงสุดท้าย ของการรณรงค์หาเสียง ระดมเสียงสนับสนุนในเป้าหมายคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่คู่คี่สูสีที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์
    .
    คาดหมายว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสูสีมากๆ โดยผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ พบว่าจนถึง ณ ขณะนี้มีอยู่หลายรัฐที่คะแนนนิยมของทั้งคู่ยังคงใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา
    .
    ขณะเดียวกัน พบว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้วกว่า 77.3 ล้านคน ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันอังคาร (5 พ.ย.) มากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปี 2020
    .
    ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงวันเลือกตั้ง เป็นอีกครั้งที่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และใช้วาทกรรมเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าแม้ไม่มีหลักฐานสำคัญใดๆ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในสหรัฐฯ แต่ ทรัมป์ อ้างว่าพวกเดโมแครตในรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ กำลังทำงานอย่างหนักในการขโมยผลการเลือกตั้ง
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังแสดงความขุ่นเคืองบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายที่มักรายงานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ข่าวปลอม" เล่นงานเขาเป็นประจำ โดย ทรัมป์ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า จะไม่ว่าอะไรหากมีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถูกยิงบ้าง
    .
    ระหว่างการปราศรัยหาเสียงเป็นเวลา 90 นาที ทรัมป์ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบเสียชีวิตในเหตุลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม พร้อมระบุว่าสำหรับเขาแล้ว หากถูกยิงอีกรอบ คราวนี้กระสุนควรจะพุ่งผ่านกลุ่มสื่อมวลชน "สำหรับผม หากมีใครถูกยิงจากการนำเสนอข่าวปลอม ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมไม่แคร์ด้วย" เขาพูดไปหัวเราะไป
    .
    ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แฮร์ริส ได้ไปร่วมพิธีที่โบสถ์แห่งหน่ง ที่มีชาวผิวสีเป็นชนกลุ่มใหญ่ ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และใช้โอกาสนี้เรียกร้องอเมริกันชน ก้าวข้าม ทรัมป์ "ขอพวกเราจงก้าวไปข้างหน้า และเขียนบทตอนถัดไปในประวัติศาสตร์ของเรา" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ "ขณะที่เรารู้ดีว่ามีคนที่กำลังหาทางสร้างความแตกแยกหนักหน่วงขึ้น หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง และก่อความวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเราเต็มไปด้วยการเมืองที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากมายเหลือเกิน"
    .
    แฮร์ริส เรียกคำกล่าวหาของทรัมป์ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งว่าเป็นความพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคะแนนโหวตของพวกเขานั้นไม่มีความสำคัญ "ระบบต่างๆ ที่ใช้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ในปี 2024 มีความซื่อตรง" เธอกล่าว "และประชาชนจะเป็นคนตัดสินผลการเลือกตั้ง"
    .
    เหมือนกับเพนซิลเวเนีย ในรัฐมิชิแกน อีกรัฐสมรภูมิก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทรัมป์ เคยพลิกเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ในป้อมปราการของเดโมแครตแห่งนี้ ในศึกเลือกตั้งปี 2016 แต่ ไบเดน นำพารัฐแห่งนี้กลับมาเป็นป้อมปราการของเดโมแครตอีกรอบในปี 2020 ได้แรงหนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงแรงงานสหภาพและคนผิวสี
    .
    อย่างไรก็ตาม คราวนี้ แฮร์ริส กำลังเสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากชุมชนอเมริกันเชื้อสายอาหรับที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ที่ประณามแนวทางของไบเดน ในการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาส ในกาซา
    .
    สถานการณ์การเลือกตั้งเวลานี้ มีรายงานระบุว่า ชาวอเมริกัน 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของรีลเคลียร์โพลิติกส์จนถึงค่ำวันเสาร์ระบุว่า ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสไม่มีใครนำใครเกิน 3 จุดในรัฐหนึ่งรัฐใดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง
    .
    บรรดาผู้สนับสนุนรีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พร้อมโยนความสงสัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งทิ้งทันที ถ้าทรัมป์ชนะแบบแลนด์สไลด์
    .
    เชิร์ล วัย 39 ปีที่ทำงานในองค์กรไม่หวังผลกำไรแห่งหนึ่งบอกว่า เธอคง “สงสัย” ถ้าผลเลือกตั้งออกมาว่า แฮร์ริสชนะ แต่จะ “มั่นใจมาก” ถ้าผลออกมาว่า ทรัมป์ชนะ
    .
    “เพราะพระเจ้าลิขิตมาแล้วให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี พวกเราแค่รอเท่านั้น”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105983
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของเขาเกี่ยวกับการโกงคะแนนโหวตในรัฐสมรภูมิต่างๆ ในขณะที่เขาและคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส จากเดโมแครต ใช้ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงสุดท้าย ของการรณรงค์หาเสียง ระดมเสียงสนับสนุนในเป้าหมายคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่คู่คี่สูสีที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ . คาดหมายว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสูสีมากๆ โดยผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ พบว่าจนถึง ณ ขณะนี้มีอยู่หลายรัฐที่คะแนนนิยมของทั้งคู่ยังคงใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา . ขณะเดียวกัน พบว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้วกว่า 77.3 ล้านคน ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันอังคาร (5 พ.ย.) มากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปี 2020 . ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงวันเลือกตั้ง เป็นอีกครั้งที่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และใช้วาทกรรมเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าแม้ไม่มีหลักฐานสำคัญใดๆ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในสหรัฐฯ แต่ ทรัมป์ อ้างว่าพวกเดโมแครตในรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ กำลังทำงานอย่างหนักในการขโมยผลการเลือกตั้ง . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังแสดงความขุ่นเคืองบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายที่มักรายงานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ข่าวปลอม" เล่นงานเขาเป็นประจำ โดย ทรัมป์ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า จะไม่ว่าอะไรหากมีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถูกยิงบ้าง . ระหว่างการปราศรัยหาเสียงเป็นเวลา 90 นาที ทรัมป์ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบเสียชีวิตในเหตุลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม พร้อมระบุว่าสำหรับเขาแล้ว หากถูกยิงอีกรอบ คราวนี้กระสุนควรจะพุ่งผ่านกลุ่มสื่อมวลชน "สำหรับผม หากมีใครถูกยิงจากการนำเสนอข่าวปลอม ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมไม่แคร์ด้วย" เขาพูดไปหัวเราะไป . ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แฮร์ริส ได้ไปร่วมพิธีที่โบสถ์แห่งหน่ง ที่มีชาวผิวสีเป็นชนกลุ่มใหญ่ ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และใช้โอกาสนี้เรียกร้องอเมริกันชน ก้าวข้าม ทรัมป์ "ขอพวกเราจงก้าวไปข้างหน้า และเขียนบทตอนถัดไปในประวัติศาสตร์ของเรา" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ "ขณะที่เรารู้ดีว่ามีคนที่กำลังหาทางสร้างความแตกแยกหนักหน่วงขึ้น หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง และก่อความวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเราเต็มไปด้วยการเมืองที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากมายเหลือเกิน" . แฮร์ริส เรียกคำกล่าวหาของทรัมป์ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งว่าเป็นความพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคะแนนโหวตของพวกเขานั้นไม่มีความสำคัญ "ระบบต่างๆ ที่ใช้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ในปี 2024 มีความซื่อตรง" เธอกล่าว "และประชาชนจะเป็นคนตัดสินผลการเลือกตั้ง" . เหมือนกับเพนซิลเวเนีย ในรัฐมิชิแกน อีกรัฐสมรภูมิก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทรัมป์ เคยพลิกเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ในป้อมปราการของเดโมแครตแห่งนี้ ในศึกเลือกตั้งปี 2016 แต่ ไบเดน นำพารัฐแห่งนี้กลับมาเป็นป้อมปราการของเดโมแครตอีกรอบในปี 2020 ได้แรงหนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงแรงงานสหภาพและคนผิวสี . อย่างไรก็ตาม คราวนี้ แฮร์ริส กำลังเสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากชุมชนอเมริกันเชื้อสายอาหรับที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ที่ประณามแนวทางของไบเดน ในการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาส ในกาซา . สถานการณ์การเลือกตั้งเวลานี้ มีรายงานระบุว่า ชาวอเมริกัน 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของรีลเคลียร์โพลิติกส์จนถึงค่ำวันเสาร์ระบุว่า ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสไม่มีใครนำใครเกิน 3 จุดในรัฐหนึ่งรัฐใดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง . บรรดาผู้สนับสนุนรีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พร้อมโยนความสงสัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งทิ้งทันที ถ้าทรัมป์ชนะแบบแลนด์สไลด์ . เชิร์ล วัย 39 ปีที่ทำงานในองค์กรไม่หวังผลกำไรแห่งหนึ่งบอกว่า เธอคง “สงสัย” ถ้าผลเลือกตั้งออกมาว่า แฮร์ริสชนะ แต่จะ “มั่นใจมาก” ถ้าผลออกมาว่า ทรัมป์ชนะ . “เพราะพระเจ้าลิขิตมาแล้วให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี พวกเราแค่รอเท่านั้น” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105983 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำดีแบบแม่นํ้า
    โดย นิลฉงน นลเฉลย
    (อาจารย์หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง)
    “ทำดีแบบแม่น้ำ” ทำอย่างไร ทำไมต้องเป็นแม่น้ำ จริงๆผมเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจ
    กับ คนที่ทำความดี คนที่ชอบทำความดี คนที่อยากทำความดี เนื่องจาก ผมมักจะประสบ พบเจอ คนที่ทำ
    เรื่องดีๆ ที่มักประสบปัญหาว่า เรื่องดีเรื่องแรกมักจะชักนำเรื่องดีเรื่องอื่นๆเข้ามา ทำให้มีเรื่องดีๆที่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่ามีเวลาไม่พอที่จะทำทุกเรื่อง จะต้องเลือกว่าจะทำเรื่องไหนก่อน ปัญหาคือ พอจะลงมือเลือกก็เห็นว่า เรื่องดีๆแต่ละเรื่อง มีดีไปคนละแบบ เลือกยาก ตัดสินใจลำบาก เลยก่อให้ความกังวล ไม่สบายใจ ทั้งๆที่ตั้งต้นด้วยเรื่องที่ควรสร้างความสบายใจ คือเรื่องการทำความดี ผมคิดว่าพอจะมีทางออก
    สำหรับปัญหาแบบนี้ คือการที่ต้อง “ทำดีแบบแม่น้ำ” เอาละครับทีนี้ ทำดีแบบแม่น้ำคือ อะไร ก่อนจะตอบตรงนี้ ผมขออธิบายเรื่องการทำดี ๒ แบบ คือ แบบ แอ่งน้ำ และแบบลำธาร ก่อน
    การทำดีแบบ แอ่งน้ำ คือการทำดีที่อยู่กับที่ ทำของเราให้ดีที่อาจจะมีการขยาย แต่เป็นการขยายให้แอ่งน้ำนั้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ไม่คิดจะขับเคลื่อนอะไร ไม่มีเป้ าหมายที่จะผลักดันเรื่องดีๆนี้ไปที่อื่น ทำอยู่เฉพาะตัว
    เฉพาะที่ที่เรา ควบคุมได้ ไม่ยุ่งไม่เชื่อมต่อกับใคร มุ่งแต่ทำให้แอ่งน้ำนั้นใสสะอาด และหวังว่าจะมี น้ำดีไหล มารวมกันมากขึ้น
    การทำดีแบบถัดไปคือการทำดีแบบ ลำธาร คือ การทำดีที่เริ่ม มีเป้าหมาย มีแรงผลักดัน อยากจะให้เรื่องดีที่ได้ทำแล้วนั้น ถ่ายทอดไปยังที่อื่น พอเริ่มเคลื่อนไหว ก็เป็นธรรมดาที่ลำธารจะไหล ผ่านแอ่งน้ำ แล้วก็จะเริ่ม
    มีแอ่งน้ำใหม่ๆ ที่อยากเข้ามาร่วมอยู่ในลำธารสายนี้ ถึงตอนนี้ ลำธารก็จะเริ่มกังวล แค่เรื่องที่ลำธารอยากจะผลักดัน ยังทำไม่ไหว ลำธารเล็กๆ อย่างเรา จะรับเรื่องอื่นๆได้หรือ จะมีแรงพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางทางอยู่หรือ
    ทั้งการทำดีแบบแอ่งน้ำ และการทำดีแบบ ลำธาร ผู้ที่ทำจะรู้สึกว่าเราเป็น “เจ้าของ” เรื่องนั้น เป็น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในชะตากรรม ของ แอ่งน้ำ และ ลำธาร ที่สร้างขึ้น ความกังวลนี้เอง ที่บางครั้งก่อให้เกิดความท้อ
    เราจะทำได้ไหม เราจะทำไหวไหม ถ้ามีน้ำเสียเข้ามาปนเปื้อนมากๆ ลำธาร หรือแอ่งน้ำของเรา จะยังคงเป็นน้ำดี อยู่ไหม กังวลกลัวคนไม่ดีจะมาทำให้เรื่องดีๆที่เราทำเอาไว้ “เสียหาย” พลอยทำให้ท้อ ไม่อยากทำต่อ ไม่อยากขยาย เพราะกลัวควบคุมไม่ได้ กลัวว่ากำลังจะไม่พอ
    การทำดีแบบสุดท้ายคือการทำดีแบบ แม่น้ำ ถ้าท่านนึกถึงแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่สักสายหนึ่ง ท่านจะพบว่า แม่น้ำสายนั้น มีก่อกำเนิดมาจาก แอ่งน้ำและ ลำธาร หลายร้อยสาย เมื่อมารวมกันเป็ นสายน้ำแล้ว จะมีพลังขับเคลื่อนที่มากมาย กลายเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไหลไปสู่เป้าหมาย ถึงแม้กระแสน้ำจะเจอ อุปสรรค โขดหิน หรือ ภูเขาตั้งขวาง กระแสน้ำนั้นก็ยังคงพุ่งทะยาน ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ หลายครั้งหลายคราที่แม่น้ำจะมีสิ่งปฏิกูล ของโสโครกไหลมาปนเปื้อน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ แม่น้ำก็สามารถพัดพาสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นทิ้งไปได้ การทำดีแบบสายน้ำก็เช่นกัน ที่สำคัญคือถ้าเราจะทำดีแบบนั้น
    เราต้องเอาตัวเราเข้าเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของกระแสน้ำ เราไม่สามารถเป็น “เจ้าของ” เหมือนตอนที่เราทำแบบ แอ่งน้ำ หรือ ลำธารได้ เราเพียงทำได้แค่ เลือก กระแสน้ำ “ที่มีเป้าหมายร่วม” เหมือนกันกับเรา การที่เรายอมเข้าร่วมในกระแสแห่งการทำดี กระแสธรรม ที่มีเป้ าหมายที่ดีร่วมกันนี้เอง จะช่วยให้เรารับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกระแสน้ำ ลดความกังวลว่าเราจะทำเรื่องนั้นไหวไหม ได้ไหม เพราะเราไม่ใช่ผู้ที่กุมชะตาของกระแสน้ำอีก
    ต่อไป เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่มีพลังขับเคลื่อนไปสู่เป้ าหมายใหญ่ ในขณะเดียวกัน เราก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับผิดชอบเป้ าหมายที่ใหญ่นั้นได้หรือไม่
    นี่ละครับคือการทำดี แบบ แม่น้ำ การทำดีที่ยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสแห่งความดี ถ้าทำได้แบบนี้ เรื่องดีต่างๆ ที่เราเคยคิดว่า จะทำได้ไหมหนอ จะทำไหวไหมหนอ ก็จะกลายเป็นเรื่อง ที่ทำได้ ทำไหว แต่ไม่ใช่เราคนเดียวทำ แต่เป็นพวกเราที่ร่วมอยู่ในกระแสน้ำแห่งธรรมนี้ ร่วมกันทำ หัวใจสำคัญของการทำดีแบบแม่น้ำ คือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน เป้าหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดี ต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ จะเป็นเป้าหมายแคบๆ เฉพาะตนไม่ได้ แม่น้ำต้องใจกว้างยอมรับการเข้าร่วมของลำธารทุกสายที่มีเป้าหมาย
    ร่วมกันได้ หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้ามีลำธารน้ำเสียไหลมารวม จะไม่พลอยทำให้น้ำในแม่น้ำเสียหรือ ไม่ครับ เพราะแม่น้ำมุ่งไปที่เป้า ไม่ได้สนใจที่ความบริสุทธิ์ของสายน้ำ ตราบใดที่เป้าหมายนั้นดี เป็นธรรมดาที่จะมี
    น้ำดีไหลเข้ามารวมมากกว่าน้ำเสีย (ถ้ามีน้ำเสียไหลมารวมมากต้องสงสัยว่าเป้าหมายนั้นดีจริงหรือ) น้ำเสียส่วนน้อยที่ไหลมารวมในแม่น้ำก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันแม่น้ำให้ไปถึงเป้ าหมายได้เช่นกัน การทำดีแบบแม่น้ำจะทำโดยไม่กังวลว่า คนที่ทำกับเราเขาดีจริงหรือ ตราบใดที่เป้ าหมายที่เขามีตรงกันกับเรา ที่สำคัญ คือ แม่น้ำแห่งความดีนี้มีหลายสาย คนบางคนที่ทำตัวเป็นโขดหินขวางทางน้ำในบางเรื่อง อาจกลายเป็นสายน้ำที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องดีๆเรื่องอื่น ครับ หวังว่าท่านผู้อ่าน จะพอมองเห็นภาพ การทำดีแบบแม่น้ำได้ชัดขึ้น และมีแรงใจที่จะทำความดีต่อไปครับ
    บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขอมอบอุทิศถวายแด่ ล้นเกล้ารัชกาลที่สาม พร้อมทั้งพระประยูรวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ทุกท่าน ทุกพระองค์ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ
    หากมีข้อซักถาม ข้อแนะนำหรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดจากการอ่านบทความชิ้นนี้ กรุณาส่ง อีเมลมาที่
    นิลฉงน นลเฉลย <nilchangonnolchaloey@gmail.com>
    ทำดีแบบแม่นํ้า โดย นิลฉงน นลเฉลย (อาจารย์หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง) “ทำดีแบบแม่น้ำ” ทำอย่างไร ทำไมต้องเป็นแม่น้ำ จริงๆผมเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะต้องการให้กำลังใจ กับ คนที่ทำความดี คนที่ชอบทำความดี คนที่อยากทำความดี เนื่องจาก ผมมักจะประสบ พบเจอ คนที่ทำ เรื่องดีๆ ที่มักประสบปัญหาว่า เรื่องดีเรื่องแรกมักจะชักนำเรื่องดีเรื่องอื่นๆเข้ามา ทำให้มีเรื่องดีๆที่อยากทำมากขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่ามีเวลาไม่พอที่จะทำทุกเรื่อง จะต้องเลือกว่าจะทำเรื่องไหนก่อน ปัญหาคือ พอจะลงมือเลือกก็เห็นว่า เรื่องดีๆแต่ละเรื่อง มีดีไปคนละแบบ เลือกยาก ตัดสินใจลำบาก เลยก่อให้ความกังวล ไม่สบายใจ ทั้งๆที่ตั้งต้นด้วยเรื่องที่ควรสร้างความสบายใจ คือเรื่องการทำความดี ผมคิดว่าพอจะมีทางออก สำหรับปัญหาแบบนี้ คือการที่ต้อง “ทำดีแบบแม่น้ำ” เอาละครับทีนี้ ทำดีแบบแม่น้ำคือ อะไร ก่อนจะตอบตรงนี้ ผมขออธิบายเรื่องการทำดี ๒ แบบ คือ แบบ แอ่งน้ำ และแบบลำธาร ก่อน การทำดีแบบ แอ่งน้ำ คือการทำดีที่อยู่กับที่ ทำของเราให้ดีที่อาจจะมีการขยาย แต่เป็นการขยายให้แอ่งน้ำนั้น ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ไม่คิดจะขับเคลื่อนอะไร ไม่มีเป้ าหมายที่จะผลักดันเรื่องดีๆนี้ไปที่อื่น ทำอยู่เฉพาะตัว เฉพาะที่ที่เรา ควบคุมได้ ไม่ยุ่งไม่เชื่อมต่อกับใคร มุ่งแต่ทำให้แอ่งน้ำนั้นใสสะอาด และหวังว่าจะมี น้ำดีไหล มารวมกันมากขึ้น การทำดีแบบถัดไปคือการทำดีแบบ ลำธาร คือ การทำดีที่เริ่ม มีเป้าหมาย มีแรงผลักดัน อยากจะให้เรื่องดีที่ได้ทำแล้วนั้น ถ่ายทอดไปยังที่อื่น พอเริ่มเคลื่อนไหว ก็เป็นธรรมดาที่ลำธารจะไหล ผ่านแอ่งน้ำ แล้วก็จะเริ่ม มีแอ่งน้ำใหม่ๆ ที่อยากเข้ามาร่วมอยู่ในลำธารสายนี้ ถึงตอนนี้ ลำธารก็จะเริ่มกังวล แค่เรื่องที่ลำธารอยากจะผลักดัน ยังทำไม่ไหว ลำธารเล็กๆ อย่างเรา จะรับเรื่องอื่นๆได้หรือ จะมีแรงพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางทางอยู่หรือ ทั้งการทำดีแบบแอ่งน้ำ และการทำดีแบบ ลำธาร ผู้ที่ทำจะรู้สึกว่าเราเป็น “เจ้าของ” เรื่องนั้น เป็น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในชะตากรรม ของ แอ่งน้ำ และ ลำธาร ที่สร้างขึ้น ความกังวลนี้เอง ที่บางครั้งก่อให้เกิดความท้อ เราจะทำได้ไหม เราจะทำไหวไหม ถ้ามีน้ำเสียเข้ามาปนเปื้อนมากๆ ลำธาร หรือแอ่งน้ำของเรา จะยังคงเป็นน้ำดี อยู่ไหม กังวลกลัวคนไม่ดีจะมาทำให้เรื่องดีๆที่เราทำเอาไว้ “เสียหาย” พลอยทำให้ท้อ ไม่อยากทำต่อ ไม่อยากขยาย เพราะกลัวควบคุมไม่ได้ กลัวว่ากำลังจะไม่พอ การทำดีแบบสุดท้ายคือการทำดีแบบ แม่น้ำ ถ้าท่านนึกถึงแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่สักสายหนึ่ง ท่านจะพบว่า แม่น้ำสายนั้น มีก่อกำเนิดมาจาก แอ่งน้ำและ ลำธาร หลายร้อยสาย เมื่อมารวมกันเป็ นสายน้ำแล้ว จะมีพลังขับเคลื่อนที่มากมาย กลายเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไหลไปสู่เป้าหมาย ถึงแม้กระแสน้ำจะเจอ อุปสรรค โขดหิน หรือ ภูเขาตั้งขวาง กระแสน้ำนั้นก็ยังคงพุ่งทะยาน ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ หลายครั้งหลายคราที่แม่น้ำจะมีสิ่งปฏิกูล ของโสโครกไหลมาปนเปื้อน แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ แม่น้ำก็สามารถพัดพาสิ่งปฏิกูลเหล่านั้นทิ้งไปได้ การทำดีแบบสายน้ำก็เช่นกัน ที่สำคัญคือถ้าเราจะทำดีแบบนั้น เราต้องเอาตัวเราเข้าเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของกระแสน้ำ เราไม่สามารถเป็น “เจ้าของ” เหมือนตอนที่เราทำแบบ แอ่งน้ำ หรือ ลำธารได้ เราเพียงทำได้แค่ เลือก กระแสน้ำ “ที่มีเป้าหมายร่วม” เหมือนกันกับเรา การที่เรายอมเข้าร่วมในกระแสแห่งการทำดี กระแสธรรม ที่มีเป้ าหมายที่ดีร่วมกันนี้เอง จะช่วยให้เรารับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกระแสน้ำ ลดความกังวลว่าเราจะทำเรื่องนั้นไหวไหม ได้ไหม เพราะเราไม่ใช่ผู้ที่กุมชะตาของกระแสน้ำอีก ต่อไป เราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่มีพลังขับเคลื่อนไปสู่เป้ าหมายใหญ่ ในขณะเดียวกัน เราก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับผิดชอบเป้ าหมายที่ใหญ่นั้นได้หรือไม่ นี่ละครับคือการทำดี แบบ แม่น้ำ การทำดีที่ยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสแห่งความดี ถ้าทำได้แบบนี้ เรื่องดีต่างๆ ที่เราเคยคิดว่า จะทำได้ไหมหนอ จะทำไหวไหมหนอ ก็จะกลายเป็นเรื่อง ที่ทำได้ ทำไหว แต่ไม่ใช่เราคนเดียวทำ แต่เป็นพวกเราที่ร่วมอยู่ในกระแสน้ำแห่งธรรมนี้ ร่วมกันทำ หัวใจสำคัญของการทำดีแบบแม่น้ำ คือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน เป้าหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ดี ต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ จะเป็นเป้าหมายแคบๆ เฉพาะตนไม่ได้ แม่น้ำต้องใจกว้างยอมรับการเข้าร่วมของลำธารทุกสายที่มีเป้าหมาย ร่วมกันได้ หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้ามีลำธารน้ำเสียไหลมารวม จะไม่พลอยทำให้น้ำในแม่น้ำเสียหรือ ไม่ครับ เพราะแม่น้ำมุ่งไปที่เป้า ไม่ได้สนใจที่ความบริสุทธิ์ของสายน้ำ ตราบใดที่เป้าหมายนั้นดี เป็นธรรมดาที่จะมี น้ำดีไหลเข้ามารวมมากกว่าน้ำเสีย (ถ้ามีน้ำเสียไหลมารวมมากต้องสงสัยว่าเป้าหมายนั้นดีจริงหรือ) น้ำเสียส่วนน้อยที่ไหลมารวมในแม่น้ำก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันแม่น้ำให้ไปถึงเป้ าหมายได้เช่นกัน การทำดีแบบแม่น้ำจะทำโดยไม่กังวลว่า คนที่ทำกับเราเขาดีจริงหรือ ตราบใดที่เป้ าหมายที่เขามีตรงกันกับเรา ที่สำคัญ คือ แม่น้ำแห่งความดีนี้มีหลายสาย คนบางคนที่ทำตัวเป็นโขดหินขวางทางน้ำในบางเรื่อง อาจกลายเป็นสายน้ำที่ร่วมขับเคลื่อนเรื่องดีๆเรื่องอื่น ครับ หวังว่าท่านผู้อ่าน จะพอมองเห็นภาพ การทำดีแบบแม่น้ำได้ชัดขึ้น และมีแรงใจที่จะทำความดีต่อไปครับ บุญกุศลอันใด ที่เกิดจากบทความชิ้นนี้ ขอมอบอุทิศถวายแด่ ล้นเกล้ารัชกาลที่สาม พร้อมทั้งพระประยูรวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ทุกท่าน ทุกพระองค์ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น สามารถนำไปแจกจ่าย คัดลอก ทำซ้ำ ได้ตามต้องการ หากมีข้อซักถาม ข้อแนะนำหรืออยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกิดจากการอ่านบทความชิ้นนี้ กรุณาส่ง อีเมลมาที่ นิลฉงน นลเฉลย <nilchangonnolchaloey@gmail.com>
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘สมรักษ์’ เปิดใจ รับ หย่าภรรยาได้ 2 เดือนเศษ ยืนยันไม่มีการข่มขืน ไม่มีการสำเร็จความใคร่ สาว 17 ปี เจอกันในที่เที่ยว แล้วพากันตามเข้าโรงแรม ถอดเสื้อผ้า กอดหอมกัน ก่อนถามอายุ พอรู้ว่า 17 ปี ก็หยุด ไม่ขอยุ่งด้วย ก่อนหลับไป จนถูกถ่ายภาพแบล็กเมล์
    ขอนแก่น: วันที่ 10 ธ.ค.66 กรณีเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความ กล่าวหากระทำอนาจาร-ล่วงละเมิดทางเพศในโรงแรม เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 10 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวช่อง 3 โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายสมรักษ์ คำสิงห์ ที่ถูกกล่าวหา โดยสมรักษ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตนเองมาเที่ยวตามประสาคนเที่ยวทั่วไป ส่วนน้องเค้าก็มาเที่ยวของน้องเค้า และมาที่โต๊ะเดียวกัน ก่อนจะตามกันไปที่โรงแรม ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องรอพิสูจน์ ยืนยันว่าตนไม่ได้ข่มขืนใคร และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ในคืนนั้นมีเพียงการถอดเสื้อผ้า และหอมกอดกันธรรมดา ก่อนจะถามอายุว่าเท่าไหร่ พอบอกว่า 17 พอรู้ก็ตกใจเลย จึงบอกว่าไม่ได้ๆ หยุดตรงนั้น เดี๋ยวตื่นแล้วจะไปส่ง ก่อนจะนอนหลับอยู่บนเตียงไปเลยตรงนั้น

    สมรักษ์ยอมรับว่า ตนได้เซ็นใบหย่ากับภรรยา ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แล้ว

    ”วันเกิดเหตุ ไปเที่ยวร้านอาหารตามประสาของผม ส่วนฝ่ายหญิงก็มากับกลุ่มของเขา แต่มานั่งสังสรรค์ที่โต๊ะของผมด้วย ก่อนจะตามไปโรงแรมกับผม ยอมรับว่า เมื่อไปถึงโรงแรมแล้ว มีการกอดหอมและถอดเสื้อผ้า แต่ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เพราะตนถามฝ่ายหญิงก่อนว่าอายุเท่าไหร่ เมื่อฝ่ายหญิงตอบว่า อายุ 17 ตนก็สะดุ้งและรีบบอกว่า “ไม่ได้ๆ หนูนอนพักผ่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปส่ง” จากนั้นตนก็นอนหลับไป แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงถ่ายรูปตนตอนหลับไว้และไปแจ้งความ ไม่รู้ว่าใครแบล็คเมล์ใคร“ สมรักษ์กล่าว

    “ไปโรงแรมด้วยกันจริง นอนด้วยกันในห้อง และมารู้ว่าอายุ 17 ตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว เรื่องการฉุดกระชากขึ้นรถนั้นไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีการฉุดกระชากแต่อย่างใด ผมเองไม่อยากพูดเยอะเพราะน้องก็เป็นเด็ก” สมรักษ์กล่าว

    ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานบันเทิง ริมถนนประชาสำราญ พบว่า มีการตรวจบัตรของนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ของทางภาครัฐ ที่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการ และเป็นสถานที่ที่นักชกเหรียญทองมวยโอลิมปิก ได้เข้ามาใช้บริการเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกหญิงสาววัย 17 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ ว่าถูกนักชกฮีโร่ล่วงละเมิดทางเพศ

    ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ดูแลร้านทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ฮีโร่เหรียญทองมวยโอลิมปิกได้เข้ามาใช้บริการจริง และได้มีการได้พูดคุยกับทางสมรักษ์ และก็เห็นกลุ่มของหญิงสาววัย 17 ปี ได้เข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยจริง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าได้ไปด้วยกันหรือไม่ เพราะตนเองก็ต้องดูแลร้าน แต่ยอมรับว่าสมรักษ์ มักจะมาที่ร้านเป็นประจำ

    ขณะที่ข้อมูลจากโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพนักงานต้อนรับทราบว่า เมื่อวานนี้สมรักษ์ได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้จริง โดยปกติแล้วโรงแรมแห่งนี้ ไม่ใช่โรงแรมที่สมรักษ์จะมาพักเป็นประจำ แต่โรงแรมที่นายสมรักษ์พักบ่อยๆ เต็ม เนื่องจากมีเด็กนักเรียนมาสอบแกท-แพท โดยจุดต้อนรับแขกหน้าโรงแรมจะปิดในช่วงเวลาประมาณ 01:00 น. ทำให้ไม่มีใครเห็น ในช่วงที่สมรักษ์และหญิงวัย 17 ปี เดินเข้ามาในโรงแรม รวมถึงไม่มีใครเห็นในช่วงที่ออกไปนอกโรงแรมด้วย

    สำหรับความคืบหน้าของคดี พนักงานสอบสวนได้เข้ามาเก็บภาพวงจรปิด ทั้งที่สถานบันเทิงและที่โรงแรม เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อจะได้เตรียมออกหมายเรียกสมรักษ์มาพบพนักงานสอบสวนต่อไป
    ‘สมรักษ์’ เปิดใจ รับ หย่าภรรยาได้ 2 เดือนเศษ ยืนยันไม่มีการข่มขืน ไม่มีการสำเร็จความใคร่ สาว 17 ปี เจอกันในที่เที่ยว แล้วพากันตามเข้าโรงแรม ถอดเสื้อผ้า กอดหอมกัน ก่อนถามอายุ พอรู้ว่า 17 ปี ก็หยุด ไม่ขอยุ่งด้วย ก่อนหลับไป จนถูกถ่ายภาพแบล็กเมล์ ขอนแก่น: วันที่ 10 ธ.ค.66 กรณีเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความ กล่าวหากระทำอนาจาร-ล่วงละเมิดทางเพศในโรงแรม เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 10 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวช่อง 3 โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายสมรักษ์ คำสิงห์ ที่ถูกกล่าวหา โดยสมรักษ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตนเองมาเที่ยวตามประสาคนเที่ยวทั่วไป ส่วนน้องเค้าก็มาเที่ยวของน้องเค้า และมาที่โต๊ะเดียวกัน ก่อนจะตามกันไปที่โรงแรม ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องรอพิสูจน์ ยืนยันว่าตนไม่ได้ข่มขืนใคร และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ในคืนนั้นมีเพียงการถอดเสื้อผ้า และหอมกอดกันธรรมดา ก่อนจะถามอายุว่าเท่าไหร่ พอบอกว่า 17 พอรู้ก็ตกใจเลย จึงบอกว่าไม่ได้ๆ หยุดตรงนั้น เดี๋ยวตื่นแล้วจะไปส่ง ก่อนจะนอนหลับอยู่บนเตียงไปเลยตรงนั้น สมรักษ์ยอมรับว่า ตนได้เซ็นใบหย่ากับภรรยา ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แล้ว ”วันเกิดเหตุ ไปเที่ยวร้านอาหารตามประสาของผม ส่วนฝ่ายหญิงก็มากับกลุ่มของเขา แต่มานั่งสังสรรค์ที่โต๊ะของผมด้วย ก่อนจะตามไปโรงแรมกับผม ยอมรับว่า เมื่อไปถึงโรงแรมแล้ว มีการกอดหอมและถอดเสื้อผ้า แต่ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน เพราะตนถามฝ่ายหญิงก่อนว่าอายุเท่าไหร่ เมื่อฝ่ายหญิงตอบว่า อายุ 17 ตนก็สะดุ้งและรีบบอกว่า “ไม่ได้ๆ หนูนอนพักผ่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปส่ง” จากนั้นตนก็นอนหลับไป แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงถ่ายรูปตนตอนหลับไว้และไปแจ้งความ ไม่รู้ว่าใครแบล็คเมล์ใคร“ สมรักษ์กล่าว “ไปโรงแรมด้วยกันจริง นอนด้วยกันในห้อง และมารู้ว่าอายุ 17 ตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว เรื่องการฉุดกระชากขึ้นรถนั้นไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีการฉุดกระชากแต่อย่างใด ผมเองไม่อยากพูดเยอะเพราะน้องก็เป็นเด็ก” สมรักษ์กล่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานบันเทิง ริมถนนประชาสำราญ พบว่า มีการตรวจบัตรของนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ของทางภาครัฐ ที่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการ และเป็นสถานที่ที่นักชกเหรียญทองมวยโอลิมปิก ได้เข้ามาใช้บริการเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกหญิงสาววัย 17 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ ว่าถูกนักชกฮีโร่ล่วงละเมิดทางเพศ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับผู้ดูแลร้านทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ฮีโร่เหรียญทองมวยโอลิมปิกได้เข้ามาใช้บริการจริง และได้มีการได้พูดคุยกับทางสมรักษ์ และก็เห็นกลุ่มของหญิงสาววัย 17 ปี ได้เข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยจริง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าได้ไปด้วยกันหรือไม่ เพราะตนเองก็ต้องดูแลร้าน แต่ยอมรับว่าสมรักษ์ มักจะมาที่ร้านเป็นประจำ ขณะที่ข้อมูลจากโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพนักงานต้อนรับทราบว่า เมื่อวานนี้สมรักษ์ได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งนี้จริง โดยปกติแล้วโรงแรมแห่งนี้ ไม่ใช่โรงแรมที่สมรักษ์จะมาพักเป็นประจำ แต่โรงแรมที่นายสมรักษ์พักบ่อยๆ เต็ม เนื่องจากมีเด็กนักเรียนมาสอบแกท-แพท โดยจุดต้อนรับแขกหน้าโรงแรมจะปิดในช่วงเวลาประมาณ 01:00 น. ทำให้ไม่มีใครเห็น ในช่วงที่สมรักษ์และหญิงวัย 17 ปี เดินเข้ามาในโรงแรม รวมถึงไม่มีใครเห็นในช่วงที่ออกไปนอกโรงแรมด้วย สำหรับความคืบหน้าของคดี พนักงานสอบสวนได้เข้ามาเก็บภาพวงจรปิด ทั้งที่สถานบันเทิงและที่โรงแรม เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อจะได้เตรียมออกหมายเรียกสมรักษ์มาพบพนักงานสอบสวนต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกร้อนขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ และในภาพรวมกำลังจะเย็นลง
    แต่…
    เราถูกฝังหัวกันมานานว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อน
    เพื่อนำไปสู่การใช้คาร์บอนเครดิต เพื่อการบีบบังคับนำไปสู่การเป็นทาส
    ไลฟ์สด โลกร้อนลวงโลก โดย อดิเทพ จาวลาห์
    https://www.facebook.com/share/v/JjrAnsFTf9vwcQ4u/
    ชี้แหล่งศึกษาข้อมูล
    https://www.rookon.com/?p=339
    https://www.rookon.com/?p=975
    https://www.rookon.com/?p=1011
    https://www.rookon.com/?p=1076
    https://www.rookon.com/?p=119เก้า ลิงก์นี้ต้องแก้คำว่าเก้าเป็นตัวเลขก่อน FBแบน
    https://www.rookon.com/?p=1147
    https://vt.tiktok.com/ZSFvhkGKK/
    ตอน 1. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783535104953601...
    ตอน 2.
    https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783574783200513...
    https://vt.tiktok.com/ZSYeFkn5t/ หรือ
    https://fb.watch/s0HF9m7C09/ (ไลฟ์สดกับอ.ทีน่า อ.เกรซ)
    #คลิป 1 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥
    https://t.me/awakened_thailand/424
    ✨หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการขุดเจาะแท่งน้ำแข็งพบว่า อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ☀️ ต่อมาอีก 800 ปี CO2 ถึงจะสูงขึ้นตามมา...แปลว่า CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน 😳 แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นต่างหากที่ทำให้ CO2 เพิ่มขึ้น
    สั้นๆ ง่ายๆ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ชัดแล้ว! โลกร้อนตามวัฏจักรของโลก มันเป็นธรรมชาติ 😎 มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อน แต่เราทำให้โลกสกปรก...ฉะนั้น CO2 ไม่เกี่ยวอะไรเลย
    แยกให้ออก 🧐 โลกร้อน กับ โลกสกปรก มันคือคนละเรื่องกัน เรื่องง่ายๆ เด็กป.4 ยังรู้เรื่อง
    #คลิป 2 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥
    https://t.me/awakened_thailand/425
    โลกร้อนขึ้น และเย็นลง เป็นวัฏจักร เป็นธรรมชาติ ไม่เกี่ยวกับ CO2 แม้แต่น้อย
    คำถาม ❓: รู้ได้ไง? 🤔
    ตอบ: เจาะน้ำแข็งลงไปหลายกิโล แล้วดึงแท่งน้ำแข็งขึ้นมาศึกษา (เหมือนศึกษาวงปีของต้นไม้) 😎
    มหาสมุทรกักเก็บ CO2 ไว้เป็นจำนวนมาก 🥵เมื่อโลกร้อนขึ้นเอง ทะเลคือตัวคาย CO2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ
    🌎อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ส่งผลให้ CO2 สูงตามมาทีหลัง
    หมายความว่า CO2 ไม่ใช่ "เหตุ" ที่ทำให้โลกร้อน...แต่ CO2 คือ "ผล" จากโลกร้อน👍✨
    ฉะนั้นสรุป CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน ✨
    ถาม ❓: แล้วเขาหลอกเราทำไม? ตั้งนานหลายสิบปี 😈
    ตอบ: เขาใช้ CO2 เป็นข้ออ้างในการบังคับเรา เช่น ออกกฎบังคับเรื่อง CO2 เก็บภาษีฟาร์มวัว เพราะต้องการให้ฟาร์มเจ๊ง 😱 นายทุนจะได้เข้ามาฮุบ, เก็บภาษีทุกอย่าง โดยเอาไปผูกกับ CO2 หลอกลวง เพราะจุดประสงค์ของกลุ่มทุนสามานต่างชาติ คือ การควบคุมอาหารแบบเบ็ดเสร็จ 👎
    #คลิป 3 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎
    https://t.me/awakened_thailand/426
    💸💵💰Dan Pena มหาเศรษฐีอเมริกัน แฉว่า เรื่องโลกร้อน เป็นเรื่องหลอกลวง นักวิทยาศาสตร์ขุดแท่งน้ำแข็งขึ้นมาให้ดู แล้วบอกว่า หลายหมื่นปีก่อน ทุกประเทศบนโลกมันร้อนกว่าตอนนี้เลย! วิทยาศาสตร์ไม่หลอกลวง! มันคือหลักฐาน! มีแต่คนนี่แหละ ที่หลอกลวง เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องของตนเอง 😡
    โลกร้อนฝรั่งหลอกเรามานานมากแล้ว หลอกเพื่อให้เราเชื่อ และยอมรับ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่เขาจะบังคับ เช่น ขึ้นภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ธุรกิจเราเจ๊ง เป้าหมายคือ เพื่อฮุบทรัพยากรของคนทั้งโลก 😈
    อย่าหลงทาง!! 🐑🐏
    "โลกร้อน" กับ "โลกสกปรก" มันคนละประเด็น
    🌎✨อยากให้โลกสวยใช่มั้ย? ไปไล่ให้บริษัทขายยาเคมี มันเลิกขายเคมีนู่น! เลิกใช้ซะ พวกไกลโฟเซตน่ะ ☠
    #คลิป 4 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎
    https://t.me/awakened_thailand/444
    คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก 🍀
    ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง 🍊🍎 ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30%
    คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้
    พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา
    คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก
    คลิป #5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง
    https://t.me/awakened_thailand/468
    🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)
    โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น
    คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์!
    แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง
    "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲
    #คลิปไลฟ์สด https://t.me/awakened_thailand/445
    ❗️สาเหตุที่เขาหลอกเราเรื่อง CO2 🌎
    เพราะจะเอามันมาผูกกับระบบเงินดิจิตอล Digital Currency และจะใช้ระบบใหม่นี้ควบคุมพฤติกรรมของเรา เพราะเงินดิจิตอลถูกโปรแกรมได้ เช่น ห้ามใช้นอกรัศมี 4 กิโลเมตร 😱
    การเอาเรื่อง CO2 มาผูกกับเงินดิจิตอลจึงเป็นเรื่องง่ายมาก
    หากเราเชื่อว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน 🔥และต้องร่วมมือกันลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง เขาก็จะใช้ความเชื่อนี้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ 👿 เช่น เอาระบบคะแนนคาร์บอนมาใช้กับอาหาร โดยให้เหตุผลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การทำฟาร์มสัตว์ 🐮🐷 ปลูกผัก 🌾ล้วนแต่ผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ จึงต้องกำหนดคะแนนไปเลยว่า อาหารจานไหน ต้องใช้คะแนนคาร์บอนเท่าไหร่ในการซื้อ สมมุติว่าเรามีคะแนนไม่พอ เราก็จะไม่สามารถซื้ออาหารนั้นได้แม้ว่าเราจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าก็ตาม
    ระบบที่ใช้คะแนนลักษณะนี้ ได้ถูกใช้งานในจีนมาหลายปีแล้ว เรียกว่า Social Credit System ดูคลิปได้ที่นี่:
    https://t.me/awakened_thailand/148
    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณ Patrick Moore ใน Rumble.com
    แกเป็น cofounder และ อดีต ceo ของ Greenpeace ครับ
    Cr.อดิเทพ จาวลาห์ จาก rookon.com
    และคลิปจากเทเลแกรม คนไทยตื่นรู้ https://t.me/awakened_thailand
    โลกร้อนขึ้นเป็นวัฏจักรธรรมชาติ และในภาพรวมกำลังจะเย็นลง แต่… เราถูกฝังหัวกันมานานว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อน เพื่อนำไปสู่การใช้คาร์บอนเครดิต เพื่อการบีบบังคับนำไปสู่การเป็นทาส ไลฟ์สด โลกร้อนลวงโลก โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.facebook.com/share/v/JjrAnsFTf9vwcQ4u/ ชี้แหล่งศึกษาข้อมูล https://www.rookon.com/?p=339 https://www.rookon.com/?p=975 https://www.rookon.com/?p=1011 https://www.rookon.com/?p=1076 https://www.rookon.com/?p=119เก้า ลิงก์นี้ต้องแก้คำว่าเก้าเป็นตัวเลขก่อน FBแบน https://www.rookon.com/?p=1147 https://vt.tiktok.com/ZSFvhkGKK/ ตอน 1. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783535104953601... ตอน 2. https://www.tiktok.com/@adit.../video/7361783574783200513... https://vt.tiktok.com/ZSYeFkn5t/ หรือ https://fb.watch/s0HF9m7C09/ (ไลฟ์สดกับอ.ทีน่า อ.เกรซ) #คลิป 1 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥 https://t.me/awakened_thailand/424 ✨หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการขุดเจาะแท่งน้ำแข็งพบว่า อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ☀️ ต่อมาอีก 800 ปี CO2 ถึงจะสูงขึ้นตามมา...แปลว่า CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน 😳 แต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นต่างหากที่ทำให้ CO2 เพิ่มขึ้น สั้นๆ ง่ายๆ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ชัดแล้ว! โลกร้อนตามวัฏจักรของโลก มันเป็นธรรมชาติ 😎 มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อน แต่เราทำให้โลกสกปรก...ฉะนั้น CO2 ไม่เกี่ยวอะไรเลย แยกให้ออก 🧐 โลกร้อน กับ โลกสกปรก มันคือคนละเรื่องกัน เรื่องง่ายๆ เด็กป.4 ยังรู้เรื่อง #คลิป 2 🌎 โลกร้อน (เพราะ CO2) เป็นเรื่องหลอกลวง🔥 https://t.me/awakened_thailand/425 โลกร้อนขึ้น และเย็นลง เป็นวัฏจักร เป็นธรรมชาติ ไม่เกี่ยวกับ CO2 แม้แต่น้อย คำถาม ❓: รู้ได้ไง? 🤔 ตอบ: เจาะน้ำแข็งลงไปหลายกิโล แล้วดึงแท่งน้ำแข็งขึ้นมาศึกษา (เหมือนศึกษาวงปีของต้นไม้) 😎 มหาสมุทรกักเก็บ CO2 ไว้เป็นจำนวนมาก 🥵เมื่อโลกร้อนขึ้นเอง ทะเลคือตัวคาย CO2 ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ 🌎อุณหภูมิโลกสูงขึ้นก่อน ส่งผลให้ CO2 สูงตามมาทีหลัง หมายความว่า CO2 ไม่ใช่ "เหตุ" ที่ทำให้โลกร้อน...แต่ CO2 คือ "ผล" จากโลกร้อน👍✨ ฉะนั้นสรุป CO2 ไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อน ✨ ถาม ❓: แล้วเขาหลอกเราทำไม? ตั้งนานหลายสิบปี 😈 ตอบ: เขาใช้ CO2 เป็นข้ออ้างในการบังคับเรา เช่น ออกกฎบังคับเรื่อง CO2 เก็บภาษีฟาร์มวัว เพราะต้องการให้ฟาร์มเจ๊ง 😱 นายทุนจะได้เข้ามาฮุบ, เก็บภาษีทุกอย่าง โดยเอาไปผูกกับ CO2 หลอกลวง เพราะจุดประสงค์ของกลุ่มทุนสามานต่างชาติ คือ การควบคุมอาหารแบบเบ็ดเสร็จ 👎 #คลิป 3 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎 https://t.me/awakened_thailand/426 💸💵💰Dan Pena มหาเศรษฐีอเมริกัน แฉว่า เรื่องโลกร้อน เป็นเรื่องหลอกลวง นักวิทยาศาสตร์ขุดแท่งน้ำแข็งขึ้นมาให้ดู แล้วบอกว่า หลายหมื่นปีก่อน ทุกประเทศบนโลกมันร้อนกว่าตอนนี้เลย! วิทยาศาสตร์ไม่หลอกลวง! มันคือหลักฐาน! มีแต่คนนี่แหละ ที่หลอกลวง เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องของตนเอง 😡 โลกร้อนฝรั่งหลอกเรามานานมากแล้ว หลอกเพื่อให้เราเชื่อ และยอมรับ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ที่เขาจะบังคับ เช่น ขึ้นภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ธุรกิจเราเจ๊ง เป้าหมายคือ เพื่อฮุบทรัพยากรของคนทั้งโลก 😈 อย่าหลงทาง!! 🐑🐏 "โลกร้อน" กับ "โลกสกปรก" มันคนละประเด็น 🌎✨อยากให้โลกสวยใช่มั้ย? ไปไล่ให้บริษัทขายยาเคมี มันเลิกขายเคมีนู่น! เลิกใช้ซะ พวกไกลโฟเซตน่ะ ☠ #คลิป 4 🔥โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง 🌎 https://t.me/awakened_thailand/444 คาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งจำเป็นสำหรับพืช เป็นอย่างมาก 🍀 ต่างประเทศใช้อุปกรณ์เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ สำหรับพืชที่ปลูกในโรงเรือน ทำให้มันแข็งแรงทนทานต่อโรค และแมลง 🍊🍎 ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ถึง 30% คาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืช/ต้นไม้ พืช/ต้นไม้ ก็จำเป็นสำหรับมนุษย์และโลกของเรา คาร์บอนไดออกไซด์จึงจำเป็นสำหรับโลกเรา อย่าให้ใครมาหลอกเราว่าคาร์บอนไดออกไซด์ คือ สิ่งไม่ดี หรือ ทำให้โลกร้อน ถ้าคุณเชื่อแบบนั้นคุณกำลังโดนหลอก คลิป #5 โลกร้อนเพราะ CO2 เป็นเรื่องหลอกลวง https://t.me/awakened_thailand/468 🌎🔥 ข้อมูลจากนาซ่ายืนยันว่า โลกของเราเขียวขึ้น เพราะมีต้นไม้มากขึ้น 🌳🍀ซึ่งเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น (ต้นไม้ชอบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) โลกร้อนขึ้นเองตามธรรมชาติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระเหยออกมาจากทะเลมากขึ้น คาร์บอนไดออกไซด์ จึงไม่ใช่สาเหตุของโลกร้อนแม้แต่นิดเดียว ✨ ข้อมูลในอดีต เช่น อุณหภูมิ และระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เป็นแสนๆปี ด้วยการเจาะแท่งน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกขึ้นมาวิเคราะห์ นี่คือวิทยาศาสตร์! แต่พวกคุมโลก คุมสื่อ คุมนักการเมือง 😈 ต้องการคุมพฤติกรรมประชากรโลก จึงต้องกุเรื่องแหกตาชาวโลกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน จนเราๆเชื่อสนิทใจ ว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสิ่งไม่ดี บัดนี้ได้เวลาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลานาน อย่าหลงคารมนักการเมือง หรือข่าว ให้ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และพิจารณาเอาเอง "คาร์บอนไดออกไซด์ คือ ฮีโร่ ที่มาช่วยให้โลกเรามีต้นไม้มากขึ้น" 🌿🌳🌲 #คลิปไลฟ์สด https://t.me/awakened_thailand/445 ❗️สาเหตุที่เขาหลอกเราเรื่อง CO2 🌎 เพราะจะเอามันมาผูกกับระบบเงินดิจิตอล Digital Currency และจะใช้ระบบใหม่นี้ควบคุมพฤติกรรมของเรา เพราะเงินดิจิตอลถูกโปรแกรมได้ เช่น ห้ามใช้นอกรัศมี 4 กิโลเมตร 😱 การเอาเรื่อง CO2 มาผูกกับเงินดิจิตอลจึงเป็นเรื่องง่ายมาก หากเราเชื่อว่าคาร์บอนไดออกไซด์คือสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน 🔥และต้องร่วมมือกันลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง เขาก็จะใช้ความเชื่อนี้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ 👿 เช่น เอาระบบคะแนนคาร์บอนมาใช้กับอาหาร โดยให้เหตุผลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การทำฟาร์มสัตว์ 🐮🐷 ปลูกผัก 🌾ล้วนแต่ผลิต คาร์บอนไดออกไซด์ จึงต้องกำหนดคะแนนไปเลยว่า อาหารจานไหน ต้องใช้คะแนนคาร์บอนเท่าไหร่ในการซื้อ สมมุติว่าเรามีคะแนนไม่พอ เราก็จะไม่สามารถซื้ออาหารนั้นได้แม้ว่าเราจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าก็ตาม ระบบที่ใช้คะแนนลักษณะนี้ ได้ถูกใช้งานในจีนมาหลายปีแล้ว เรียกว่า Social Credit System ดูคลิปได้ที่นี่: https://t.me/awakened_thailand/148 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจาก คุณ Patrick Moore ใน Rumble.com แกเป็น cofounder และ อดีต ceo ของ Greenpeace ครับ Cr.อดิเทพ จาวลาห์ จาก rookon.com และคลิปจากเทเลแกรม คนไทยตื่นรู้ https://t.me/awakened_thailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • หม่อมโจ้
    สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส
    เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร
    ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้
    เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด
    ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน
    แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
    อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
    'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น
    ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
    ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
    ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
    ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
    (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist'
    ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist'
    เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น
    การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
    ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
    ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
    ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
    (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
    การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
    วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542)
    ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
    Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
    แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
    โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่
    (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
    เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ
    ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น
    หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร)
    ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
    ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก
    ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร
    จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่
    ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
    ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    หม่อมโจ้ สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้ เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง 'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ : (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist' เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542) ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่ (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร) ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่ ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า?
    ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้
    เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล”
    “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น
    ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย
    ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น
    นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล"
    ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา
    เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา
    แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ?
    ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน
    ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก
    ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง
    ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น
    การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989
    ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์
    แต่ยังมีอีก...
    เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน
    ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า
    เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ
    ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร
    เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย
    จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ
    แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง?
    การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง
    ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้!
    บทสรุป
    ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน
    มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม"
    ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้
    https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3...
    ผู้เขียน : Ty Bollinger
    ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี
    🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี)
    🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia
    🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น)
    🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai)
    🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana)
    🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์
    🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero)
    🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste)
    🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน)
    🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี)
    🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz
    🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า
    🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ)
    🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living
    🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ
    🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste)
    🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956
    🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ)
    🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม
    🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile)
    🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช
    🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN)
    🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม
    ขอเพิ่มเติม
    🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent)
    🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax)
    🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate)
    🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์
    🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา)
    🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ
    🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์
    (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม)
    เป็นต้น
    https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny
    ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า? ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้ เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล” “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล" ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ? ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989 ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์ แต่ยังมีอีก... เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง? การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้! บทสรุป ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม" ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้ https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3... ผู้เขียน : Ty Bollinger ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี 🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี) 🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia 🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น) 🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai) 🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana) 🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์ 🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero) 🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste) 🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน) 🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี) 🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz 🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า 🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ) 🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living 🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ 🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste) 🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956 🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ) 🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม 🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile) 🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช 🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN) 🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม ขอเพิ่มเติม 🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent) 🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax) 🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate) 🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์ 🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา) 🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ 🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์ (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม) เป็นต้น https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” ย้ำหัวใจของปัญหา MOU 2544 อยู่ที่พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนมากเกินจริง โดยฝ่ายกัมพูชาไม่ยึดถือกฎหมายทะเลสากล ถ้าไทยยอมรับเท่ากับปฏิเสธพระบรมราชโองการ ร.9 ประกาศเขตไหล่ทวีปของไทยปี 2516 ที่ควรเป็นหลัก ไม่ใช่อ้างตาม MOU ที่นักการเมืองไปคุยกันเอง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105853

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” ย้ำหัวใจของปัญหา MOU 2544 อยู่ที่พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนมากเกินจริง โดยฝ่ายกัมพูชาไม่ยึดถือกฎหมายทะเลสากล ถ้าไทยยอมรับเท่ากับปฏิเสธพระบรมราชโองการ ร.9 ประกาศเขตไหล่ทวีปของไทยปี 2516 ที่ควรเป็นหลัก ไม่ใช่อ้างตาม MOU ที่นักการเมืองไปคุยกันเอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105853 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    33
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1629 มุมมอง 3 รีวิว
  • "ผลประโยชน์"

    ในการประกอบอาชีพการงาน ทุกท่านล้วนคำนึงถึงผลประโยชน์ของหน่วยงานที่ตนเองสังกัดเป็นเป้าหมายสำคัญ.

    แต่ในบางกรณี อาจเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นๆ จนเกิดสภาวะ "ผลประโยชน์ขัดกัน".

    ท่านต้องพิจารณาไตร่ตรองว่า สุดท้ายแล้วองค์กรต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามระเบียบข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้.

    สุดท้าย ท่านก็ต้องยอมรับ "รอยร้าว" ที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่คณะในเวลาต่อมานั่นเอง.

    ณรงค์ คนขำ
    03/11/2567
    "ผลประโยชน์" ในการประกอบอาชีพการงาน ทุกท่านล้วนคำนึงถึงผลประโยชน์ของหน่วยงานที่ตนเองสังกัดเป็นเป้าหมายสำคัญ. แต่ในบางกรณี อาจเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นๆ จนเกิดสภาวะ "ผลประโยชน์ขัดกัน". ท่านต้องพิจารณาไตร่ตรองว่า สุดท้ายแล้วองค์กรต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามระเบียบข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้. สุดท้าย ท่านก็ต้องยอมรับ "รอยร้าว" ที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่คณะในเวลาต่อมานั่นเอง. ณรงค์ คนขำ 03/11/2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผลประโยชน์"

    ในการประกอบอาชีพการงาน ทุกท่านล้วนคำนึงถึงผลประโยชน์ของหน่วยงานที่ตนเองสังกัดเป็นเป้าหมายสำคัญ.

    แต่ในบางกรณี อาจเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นๆ จนเกิดสภาวะ "ผลประโยชน์ขัดกัน".

    ท่านต้องพิจารณาไตร่ตรองว่า สุดท้ายแล้วองค์กรต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามระเบียบข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้.

    สุดท้าย ท่านก็ต้องยอมรับ "รอยร้าว" ที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่คณะในเวลาต่อมานั่นเอง.

    ณรงค์ คนขำ
    03/11/2567
    "ผลประโยชน์" ในการประกอบอาชีพการงาน ทุกท่านล้วนคำนึงถึงผลประโยชน์ของหน่วยงานที่ตนเองสังกัดเป็นเป้าหมายสำคัญ. แต่ในบางกรณี อาจเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นๆ จนเกิดสภาวะ "ผลประโยชน์ขัดกัน". ท่านต้องพิจารณาไตร่ตรองว่า สุดท้ายแล้วองค์กรต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามระเบียบข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้. สุดท้าย ท่านก็ต้องยอมรับ "รอยร้าว" ที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่คณะในเวลาต่อมานั่นเอง. ณรงค์ คนขำ 03/11/2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาะกูดเป็นของไทยแน่ แต่ประเด็นคือรัฐบาลอย่าตกลงกับเขมรโดยยอมรับเส้นเขตแดนที่เขมรลากผ่านเกาะกูดต่างหาก
    เกาะกูดเป็นของไทยแน่ แต่ประเด็นคือรัฐบาลอย่าตกลงกับเขมรโดยยอมรับเส้นเขตแดนที่เขมรลากผ่านเกาะกูดต่างหาก
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แสดงทัศนะประเด็นอดีตโฆษกทร. สนับสนุน MOU44 ว่าดูละเอียดหรือยัง? เนื้อหาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนระบุว่า

    “ผมท้าทาย เชิญชวน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ออกมาโต้แย้งประเด็นเทคนิคที่ทีมพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยปัญหาแก่ประชาชนเรื่อง MOU44

    ยังไม่มีคนใดคนหนึ่งออกมาชี้แจง มีแต่พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์ อดีตโฆษกกองทัพเรือ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล ติดต่อขอให้ข้อมูลแก่ PPTV ในคลิปข้างล่าง PPTV ระบุว่า

    หลังจากที่ PPTV นำเสนอเรื่องข้อตกลงความร่วมมือ MOU44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่หลายคนออกมาให้ความเห็นว่า อาจจะทำให้ไทยเสียเขตแดนทางทะเลให้กับกัมพูชาในอนาคต ซึ่งรวมถึงเกาะกูดด้วย เพราะเส้นเขตแดนที่ทางกัมพูชาลากมามันข้ามเกาะกูดมาเลย หลายคนจึงอยากจะให้ยกเลิก MOU44 ฉบับนี้ แต่ล่าสุด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ออกมาให้ความเห็นอีกทาง ว่าไม่ควรจะยกเลิก MOU44 เพราะไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ ตรงกันข้าม นี่คือสารตั้งต้นที่จะทำให้เกิดการเจรจา แต่ถ้ายกเลิกต่างหากอาจจะมีผลเสียตามมาเพียบ

    ผมเชื่อว่าพลเรือเอกจุมพล ในฐานะเจ้าหน้าที่กองทัพเรือระดับสูง ย่อมมีเลือดรักชาติอยู่เต็มเปี่ยม แต่ขอเรียนด้วยความเคารพว่า คนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองมากเกินไป

    รูป 1 ท่านกล่าวว่า ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย จบตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจน ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907

    รูป 2 แสดงขั้นตอนเวลาที่เวียดนาม กัมพูชา และไทยประกาศเขตแดนไหล่ทวีป

    รูป 3 ท่านกล่าวว่า MOU44 ฉบับนี้จะเป็นกรอบที่ทั้งสองประเทศจะหยิบขึ้นมาเจรจากันต่อว่า เขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน รวมถึงเจรจาผลประโยชน์ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน

    รูป 4 แสดงเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน Joint Development Area (สีแดง) ส่วนพื้นที่ที่อยู่เหนือเส้นรุ้งที่ 11 องศา (สีน้ำเงิน) เป็นพื้นที่ทำการแบ่งเขต

    ผมให้ข้อสังเกตแก่ท่านพลเรือเอกจุมพล ในประเด็นจุดแยบยลทางกฎหมาย ดังนี้

    **หนึ่ง MOU44 ยอมรับกรอบขอบเขต boundaries พื้นที่สีแดงไปแล้ว

    ในรูป 5 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายพื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 2 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 2 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์

    ถ้อยคำในรูป 5 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน"

    ในรูป 6 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค พื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 3 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 3 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ล้วนๆ

    ถ้อยคำในรูป 6 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน"

    สรุปแล้ว ใน MOU44 ทั้งสองประเทศได้กำหนด "พื้นที่พัฒนาร่วม" "Joint Development Area" ขึ้นมา มิใช่ "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" แต่ "เพื่อเจรจาผลประโยชน์"

    ดังนั้น ใน MOU44 ทั้งสองประเทศจึงพอใจในกรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วมไปแล้ว

    **สอง กรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับกันไปแล้วนั้น ไม่ตรงตามสนธิสัญญาฯ

    ทั้งนี้ กรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วม ด้านทิศตะวันตก ในรูป 7 เส้นสีแดง นั้น เส้นสีแดงดังกล่าว เกิดขึ้นได้ มีสารตั้งต้น มีต้นกำเนิด เกิดจากเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ

    อธิบายแบบชาวบ้าน ถ้าไม่มีเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดไปจนถึงตำแหน่ง P เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ย่อมไม่สามารถตั้งต้นจากตำแหน่ง P เกิดขึ้นได้

    ดังนั้น เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ที่ตั้งต้นจากตำแหน่ง P จึงไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ และ

    การที่รัฐบาลไทยไปยอมรับเส้นแบ่งเขตสีแดงดังกล่าว ก็ย่อมแสดงว่า ** ไม่ขัดข้องกับตำแหน่ง P ** ทั้งที่ไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ **

    **สาม JDA ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน

    ถ้าดูแผนที่ JDA ไทย-มาเลเซีย จะเห็นได้ว่า ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ที่ทั้งสองประเทศอ้างอนุสัญญาสหประชาชาติฯ แตกต่างกัน โดยไทยถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่มาเลเซียไม่ถือว่าเป็นเกาะ

    ต่อมามีการแก้ไขอนุสัญญาสหประชาชาติฯ ไม่ถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่เนื่องจาก JDA ไทย-มาเลเซียได้เกิดขึ้นลงนามไปก่อนหน้า ไทยจึงได้ประโยชน์ระหว่างที่ JDA มีผลบังคับ

    แต่กรณีเส้นที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดนั้น เป็นการลากเส้นโดยอ้างสนธิสัญญาฯ อย่างที่ไม่ถูกต้อง

    ดังนั้น บัดนี้เมื่อคนไทยทราบถึงปัญหา จึงย่อมต้องเรียกร้องให้ ยกเลิกการอ้างที่ไม่ถูกต้อง การลากเส้นที่ขัดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ออกไปก่อนเริ่มต้นเจรจาแบ่งผลประโยชน์

    ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ จะสามารถทำได้เร็วถ้าทั้งสองประเทศยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ครอบครัว แต่ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ถ้าคนไทยจะเสียเปรียบ ผมก็จะคัดค้านต่อไป

    ผมจึงขอสรุปว่า ประชาชนคนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองที่ไปเจรจาโดยยอมรับสิ่งที่กัมพูชา ดำเนินการไปผิดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ

    MOU44 ยอมรับพื้นที่พัฒนาร่วมที่กินล้ำทะเลจากตำแหน่ง P ที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของประชาชนทุกคน

    การยอมรับเส้นกรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วม ที่เริ่มจากตำแหน่ง P อันสืบเนื่องมากจากเส้นที่ผิดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ย่อมจะทำให้ไทยเสี่ยงเสียดินแดนได้ในอนาคต

    ถ้าท่านพลเรือเอกจุมพลไม่เชื่อผม ขอให้ท่านอ่านถ้อยคำใน MOU44 เองได้เลยครับ”

    วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567

    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ

    https://youtu.be/PEArT6M-wDE?si=NuuT8XefJDmOCmnO

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1EgDTTKTHn/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แสดงทัศนะประเด็นอดีตโฆษกทร. สนับสนุน MOU44 ว่าดูละเอียดหรือยัง? เนื้อหาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนระบุว่า “ผมท้าทาย เชิญชวน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ออกมาโต้แย้งประเด็นเทคนิคที่ทีมพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยปัญหาแก่ประชาชนเรื่อง MOU44 ยังไม่มีคนใดคนหนึ่งออกมาชี้แจง มีแต่พลเรือเอกจุมพล ลุมพิกานนท์ อดีตโฆษกกองทัพเรือ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล ติดต่อขอให้ข้อมูลแก่ PPTV ในคลิปข้างล่าง PPTV ระบุว่า หลังจากที่ PPTV นำเสนอเรื่องข้อตกลงความร่วมมือ MOU44 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่หลายคนออกมาให้ความเห็นว่า อาจจะทำให้ไทยเสียเขตแดนทางทะเลให้กับกัมพูชาในอนาคต ซึ่งรวมถึงเกาะกูดด้วย เพราะเส้นเขตแดนที่ทางกัมพูชาลากมามันข้ามเกาะกูดมาเลย หลายคนจึงอยากจะให้ยกเลิก MOU44 ฉบับนี้ แต่ล่าสุด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ออกมาให้ความเห็นอีกทาง ว่าไม่ควรจะยกเลิก MOU44 เพราะไม่ได้ทำให้ไทยเสียเปรียบ ตรงกันข้าม นี่คือสารตั้งต้นที่จะทำให้เกิดการเจรจา แต่ถ้ายกเลิกต่างหากอาจจะมีผลเสียตามมาเพียบ ผมเชื่อว่าพลเรือเอกจุมพล ในฐานะเจ้าหน้าที่กองทัพเรือระดับสูง ย่อมมีเลือดรักชาติอยู่เต็มเปี่ยม แต่ขอเรียนด้วยความเคารพว่า คนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองมากเกินไป รูป 1 ท่านกล่าวว่า ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย จบตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจน ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 รูป 2 แสดงขั้นตอนเวลาที่เวียดนาม กัมพูชา และไทยประกาศเขตแดนไหล่ทวีป รูป 3 ท่านกล่าวว่า MOU44 ฉบับนี้จะเป็นกรอบที่ทั้งสองประเทศจะหยิบขึ้นมาเจรจากันต่อว่า เขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน รวมถึงเจรจาผลประโยชน์ในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน รูป 4 แสดงเขตพื้นที่พัฒนาร่วมกัน Joint Development Area (สีแดง) ส่วนพื้นที่ที่อยู่เหนือเส้นรุ้งที่ 11 องศา (สีน้ำเงิน) เป็นพื้นที่ทำการแบ่งเขต ผมให้ข้อสังเกตแก่ท่านพลเรือเอกจุมพล ในประเด็นจุดแยบยลทางกฎหมาย ดังนี้ **หนึ่ง MOU44 ยอมรับกรอบขอบเขต boundaries พื้นที่สีแดงไปแล้ว ในรูป 5 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายพื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 2 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 2 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ ถ้อยคำในรูป 5 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" ในรูป 6 จะเห็นได้ว่า คำบรรยายหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค พื้นที่สีน้ำเงิน ข้อ 3 (ข) คือเพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน ตามที่ท่านว่า ส่วนคำบรรยายพื้นที่สีแดง ข้อ 3 (ก) คือเพื่อเจรจาผลประโยชน์ล้วนๆ ถ้อยคำในรูป 6 ไม่มีข้อใดที่สามารถอ่านได้ว่า สำหรับพื้นที่สีแดงนั้น "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" สรุปแล้ว ใน MOU44 ทั้งสองประเทศได้กำหนด "พื้นที่พัฒนาร่วม" "Joint Development Area" ขึ้นมา มิใช่ "เพื่อกำหนดเขตแดนทางทะเลของใครควรจะอยู่ตรงไหน" แต่ "เพื่อเจรจาผลประโยชน์" ดังนั้น ใน MOU44 ทั้งสองประเทศจึงพอใจในกรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วมไปแล้ว **สอง กรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับกันไปแล้วนั้น ไม่ตรงตามสนธิสัญญาฯ ทั้งนี้ กรอบขอบเขต boundaries ของพื้นที่พัฒนาร่วม ด้านทิศตะวันตก ในรูป 7 เส้นสีแดง นั้น เส้นสีแดงดังกล่าว เกิดขึ้นได้ มีสารตั้งต้น มีต้นกำเนิด เกิดจากเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ อธิบายแบบชาวบ้าน ถ้าไม่มีเส้นแบ่งเขตที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดไปจนถึงตำแหน่ง P เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ย่อมไม่สามารถตั้งต้นจากตำแหน่ง P เกิดขึ้นได้ ดังนั้น เส้นแบ่งเขตทิศเหนือ-ใต้ ที่ตั้งต้นจากตำแหน่ง P จึงไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ และ การที่รัฐบาลไทยไปยอมรับเส้นแบ่งเขตสีแดงดังกล่าว ก็ย่อมแสดงว่า ** ไม่ขัดข้องกับตำแหน่ง P ** ทั้งที่ไม่ตรงตามจุดเริ่มต้นในสนธิสัญญาฯ ** **สาม JDA ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ถ้าดูแผนที่ JDA ไทย-มาเลเซีย จะเห็นได้ว่า ตีกรอบขอบเขต boundaries ด้วยเส้นเขตแดน ที่ทั้งสองประเทศอ้างอนุสัญญาสหประชาชาติฯ แตกต่างกัน โดยไทยถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่มาเลเซียไม่ถือว่าเป็นเกาะ ต่อมามีการแก้ไขอนุสัญญาสหประชาชาติฯ ไม่ถือโขดหิน โลซิน เป็นเกาะ ที่สามารถใช้วางอาณาเขตกินแดนได้ แต่เนื่องจาก JDA ไทย-มาเลเซียได้เกิดขึ้นลงนามไปก่อนหน้า ไทยจึงได้ประโยชน์ระหว่างที่ JDA มีผลบังคับ แต่กรณีเส้นที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูดนั้น เป็นการลากเส้นโดยอ้างสนธิสัญญาฯ อย่างที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น บัดนี้เมื่อคนไทยทราบถึงปัญหา จึงย่อมต้องเรียกร้องให้ ยกเลิกการอ้างที่ไม่ถูกต้อง การลากเส้นที่ขัดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ออกไปก่อนเริ่มต้นเจรจาแบ่งผลประโยชน์ ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ จะสามารถทำได้เร็วถ้าทั้งสองประเทศยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ครอบครัว แต่ถ้ามีวาระซ่อนเร้น ถ้าคนไทยจะเสียเปรียบ ผมก็จะคัดค้านต่อไป ผมจึงขอสรุปว่า ประชาชนคนไทยไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักการเมืองที่ไปเจรจาโดยยอมรับสิ่งที่กัมพูชา ดำเนินการไปผิดกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ MOU44 ยอมรับพื้นที่พัฒนาร่วมที่กินล้ำทะเลจากตำแหน่ง P ที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของประชาชนทุกคน การยอมรับเส้นกรอบขอบเขตของพื้นที่พัฒนาร่วม ที่เริ่มจากตำแหน่ง P อันสืบเนื่องมากจากเส้นที่ผิดเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ย่อมจะทำให้ไทยเสี่ยงเสียดินแดนได้ในอนาคต ถ้าท่านพลเรือเอกจุมพลไม่เชื่อผม ขอให้ท่านอ่านถ้อยคำใน MOU44 เองได้เลยครับ” วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ https://youtu.be/PEArT6M-wDE?si=NuuT8XefJDmOCmnO ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1EgDTTKTHn/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ

    1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที
    2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
    3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว
    4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น
    5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
    6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ
    7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง
    8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น
    9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง
    10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ
    11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ
    12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส
    13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น
    14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ
    15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น
    16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก
    17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข
    18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น
    19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส
    20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า
    21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น
    22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว
    23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก
    24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย
    25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
    26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น
    27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก
    28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า
    29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน
    30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที
    31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน
    32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที
    33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง
    34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น
    35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!!

    ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ 1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที 2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง 3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว 4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น 5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง 6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น 9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง 10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ 11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ 12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส 13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น 14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ 15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น 16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก 17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข 18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น 19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส 20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า 21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น 22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว 23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย 25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว 26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น 27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก 28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า 29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน 30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที 31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน 32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที 33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง 34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น 35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!! ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516



    นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้

    1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line)

    อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา

    โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์”

    พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้

    “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

    มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

    ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้

    ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า



    “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์

    ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย

    ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน

    ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย

    ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า

    “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511”

    แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน

    ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น

    ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า

    “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“



    หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น

    ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด

    แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย

    แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

    แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล

    ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล

    การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

    MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“

    เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่?

    ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน

    จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า

    “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ

    จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป”

    โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ

    จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น

    ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่?

    ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530

    #Thaitimes
    ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้ 1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line) อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์” พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511” แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“ หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“ เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่? ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป” โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่? ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่ ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530 #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณอ้อยสบายใจ คดีทนายตั้มฉ้อโกงคืบ ย้ำไม่ยอมความให้ศาลตัดสิน
    .
    วันนี้ (1 พ.ย.) ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ คุณอ้อย เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ข้อหาฉ้อโกง จากการชักชวนลงทุนแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ เสียหายกว่า 71 ล้านบาท ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอสัมภาษณ์นานกว่า 11 ชั่วโมง หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งการให้ปากคำยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงต้องมาอีกครั้ง โดยพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้นัดหมาย
    .
    คุณอ้อย กล่าวว่า รายละเอียดได้ให้ตำรวจไปหมดแล้ว ไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรมากเพราะจะกระทบรูปคดี แต่ยืนยันว่าไม่ได้ให้เงิน 71 ล้านบาทโดยเสน่หา ทั้งนี้ ตนมีความรู้สึกสบายใจมากขึ้น และรู้สึกดีมาก หลังจากเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนนายษิทราติดต่อเข้ามาหาหรือไม่ คุณอ้อย กล่าวว่า ไม่ติดต่อมาเลย เพราะยื่นโนติสให้เขาแล้วแต่ไม่ติดต่อกลับมา พอเห็นว่านานมาแล้วจึงเรียกทนายความ
    .
    ถามว่า รู้สึกผิดหวังกับทนายคนดังไหม คุณอ้อย กล่าวว่า รู้สึกใจสลาย ถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรถึงนายษิทรา คุณอ้อย กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยช่วยเหลือทุกอย่าง การเดินทางท่องเที่ยว เหมือนคนในครอบครัว ถามว่าจุดแตกหักคือเรื่องเงินหรือเรื่องรถ คุณอ้อยกล่าวว่า รู้ระแคะระคาย รายละเอียดเดี๋ยวให้ทนายความชี้แจง ถามว่าถ้านายษิทรามาเจรจาหรือขอคืนเงิน คุณอ้อย กล่าวว่า ไม่ เพราะให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มียอมความ
    .
    ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เปิดเผยว่า การให้ปากคำในวันนี้เนื้อหาไม่แตกต่างจากเมื่อวาน แต่มีการข้อมูลเพิ่มเติมให้พนักงานสอบสวน ลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งการให้ปากคำตลอด 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าคืบหน้าไปแล้ว 60% นอกจากนี้ ยังได้นำพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนด้วย ส่วนปมแตกหักระหว่างคุณอ้อยและนายษิทรานั้น มีปัญหาบาดหมางระหองระแหง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นเรื่องใด คุณอ้อยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นั่นหมายถึงให้ศาลฯ เป็นผู้พิพากษา
    .
    ส่วนกรณีที่นายษิทราออกมายืนยันว่า จะไม่มีทางคืนเงิน 71 ล้านบาท พร้อมต่อสู้ในชั้นศาลฯ ก็เป็นแนวทางการต่อสู้ของเขา แต่ทางเรามีพยานหลักฐานและมีแนวทางการต่อสู้คดีเหมือนกัน ไม่ใช่ให้เงินโดยเสน่หาอย่างแน่นอน
    .
    ส่วนกรณีรถเบนซ์สีดำ ก่อนหน้านี้คุณอ้อยเป็นเจ้าของรถ แต่มีการหยิบยืมไปใช้บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนกระแสข่าวคนใช้รถตัวจริงไม่ใช่คู่กรณี แต่มีการนำไปให้ชาวต่างชาติ หรือกลุ่มจีนเทาเป็นผู้ใช้รถนั้น ยอมรับว่าตนได้ข้อมูลเหมือนกับสื่อมวลชน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนกรณีที่มีคนพบว่านายษิทรา คู่กรณีมีการไปยื่นขอหนังสือเดินทางเพื่อไปยุโรปนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าต่อให้หลบหนีไปต่างประเทศก็ไม่ทำให้หนักใจ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ
    ..............
    Sondhi X
    คุณอ้อยสบายใจ คดีทนายตั้มฉ้อโกงคืบ ย้ำไม่ยอมความให้ศาลตัดสิน . วันนี้ (1 พ.ย.) ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ คุณอ้อย เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ข้อหาฉ้อโกง จากการชักชวนลงทุนแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ เสียหายกว่า 71 ล้านบาท ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอสัมภาษณ์นานกว่า 11 ชั่วโมง หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งการให้ปากคำยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงต้องมาอีกครั้ง โดยพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้นัดหมาย . คุณอ้อย กล่าวว่า รายละเอียดได้ให้ตำรวจไปหมดแล้ว ไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรมากเพราะจะกระทบรูปคดี แต่ยืนยันว่าไม่ได้ให้เงิน 71 ล้านบาทโดยเสน่หา ทั้งนี้ ตนมีความรู้สึกสบายใจมากขึ้น และรู้สึกดีมาก หลังจากเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนนายษิทราติดต่อเข้ามาหาหรือไม่ คุณอ้อย กล่าวว่า ไม่ติดต่อมาเลย เพราะยื่นโนติสให้เขาแล้วแต่ไม่ติดต่อกลับมา พอเห็นว่านานมาแล้วจึงเรียกทนายความ . ถามว่า รู้สึกผิดหวังกับทนายคนดังไหม คุณอ้อย กล่าวว่า รู้สึกใจสลาย ถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรถึงนายษิทรา คุณอ้อย กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยช่วยเหลือทุกอย่าง การเดินทางท่องเที่ยว เหมือนคนในครอบครัว ถามว่าจุดแตกหักคือเรื่องเงินหรือเรื่องรถ คุณอ้อยกล่าวว่า รู้ระแคะระคาย รายละเอียดเดี๋ยวให้ทนายความชี้แจง ถามว่าถ้านายษิทรามาเจรจาหรือขอคืนเงิน คุณอ้อย กล่าวว่า ไม่ เพราะให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มียอมความ . ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เปิดเผยว่า การให้ปากคำในวันนี้เนื้อหาไม่แตกต่างจากเมื่อวาน แต่มีการข้อมูลเพิ่มเติมให้พนักงานสอบสวน ลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งการให้ปากคำตลอด 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าคืบหน้าไปแล้ว 60% นอกจากนี้ ยังได้นำพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนด้วย ส่วนปมแตกหักระหว่างคุณอ้อยและนายษิทรานั้น มีปัญหาบาดหมางระหองระแหง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นเรื่องใด คุณอ้อยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นั่นหมายถึงให้ศาลฯ เป็นผู้พิพากษา . ส่วนกรณีที่นายษิทราออกมายืนยันว่า จะไม่มีทางคืนเงิน 71 ล้านบาท พร้อมต่อสู้ในชั้นศาลฯ ก็เป็นแนวทางการต่อสู้ของเขา แต่ทางเรามีพยานหลักฐานและมีแนวทางการต่อสู้คดีเหมือนกัน ไม่ใช่ให้เงินโดยเสน่หาอย่างแน่นอน . ส่วนกรณีรถเบนซ์สีดำ ก่อนหน้านี้คุณอ้อยเป็นเจ้าของรถ แต่มีการหยิบยืมไปใช้บ้างเป็นครั้งคราว ส่วนกระแสข่าวคนใช้รถตัวจริงไม่ใช่คู่กรณี แต่มีการนำไปให้ชาวต่างชาติ หรือกลุ่มจีนเทาเป็นผู้ใช้รถนั้น ยอมรับว่าตนได้ข้อมูลเหมือนกับสื่อมวลชน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนกรณีที่มีคนพบว่านายษิทรา คู่กรณีมีการไปยื่นขอหนังสือเดินทางเพื่อไปยุโรปนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าต่อให้หลบหนีไปต่างประเทศก็ไม่ทำให้หนักใจ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 3 รีวิว
  • ..นี้หากมองว่าสายมโน ก็สามารถพูดไม่ผิดได้,แต่แบงค์ได้จะว่าไปจริงๆก็ปิดปรับปรุงบ่อยมากๆผิดปกติ นี้8พ.ยบวกลบ2-3วันปรับปรุงก็จะทำกันอีกแล้ว.บางคนก็ว่า CBDCสายมืดของฝ่ายมืด,QFSสายฝ่ายแสงฝ่ายดีพะนะ,บางคนก็บอกว่าเหี้ยพวกเดียวกันหมดนั้นล่ะ เล่นหลอกชาวโลกคนละบริบทเฉยพะนะ,ตรองกันเองเน้อ.(ช่วงนี้มีหุ้นขายหุ้นขายกองทุนทิ้งเน้อ จะติดดอย,มีตังฝากในแบงค์มากๆก็คงเหลือไว้สัก100บาทในแต่ละบัญชีก็พอ เขาคุ้มครองแค่ล้านเดียวเนาะ,ไฟดับ หน่วยความจำระบบเหี้ยทั้งแบงค์ถูกแฮ็กลบเป็นว่างเปล่า ตังเป็นศูนย์บาทจะหนาว,ใครทำเองใครทำให้ก็ได้หมดนะ,จงเชื่อแค่ตัวท่านเองเถอะ)

    ..ได้รับการยืนยันแล้ว! การเปิดตัว QFS กำลังบังคับให้ธนาคารกระจายความมั่งคั่งทันที—ภายในการประชุมลับของชนชั้นสูงธนาคาร!

    ระบบการเงินควอนตัม (QFS) เป็นเครื่องมือปลดปล่อยที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินระดับโลกอย่างเป็นความลับ การเปิดตัว QFS นี้เป็นปฏิบัติการลับเพื่อรื้อถอนระบบการเงินที่ทุจริตซึ่งกดขี่ประชาชนมานานหลายทศวรรษ QFS คืออนาคต—ดำเนินการอย่างแม่นยำและเป็นความลับโดยกลุ่มหมวกขาวและพันธมิตรของพวกเขา

    การโอนความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บท QFS ภายใต้ GESARA นี่ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยึดทรัพย์สมบัติที่ขโมยมาของชนชั้นสูงแล้วส่งคืนให้กับประชาชนอีกด้วย เงินหลายล้านล้านที่ขโมยมาจากการโกหกและการจัดการกำลังจะถูกดึงออกมาจากผู้ทุจริตและส่งคืนให้กับประชาชน

    QFS ซึ่งสอดคล้องกับ GESARA กำลังพลิกโฉมระบบการเงิน เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่กลุ่มคนชั้นสูงได้กักตุนความมั่งคั่งและอำนาจไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร ในที่สุดมวลชนก็ได้รับอำนาจ และการผูกขาดของกลุ่มคนระดับโลกกำลังจะสิ้นสุดลง

    ธนาคารทั่วโลกกำลังถูกดึงเข้าสู่ระบบ QFS ด้วยความเร็วที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นี่ไม่ใช่การอัปเกรดแบบเลือกได้ แต่เป็นความต้องการที่กำลังสั่นคลอนโลกการเงินแบบดั้งเดิม ธนาคารทั้งขนาดใหญ่และเล็กกำลังถูกบูรณาการ ตรวจสอบ และทดสอบ QFS ไม่สนใจสถานะหรือประวัติ แต่จะบังคับใช้การปฏิบัติตามและความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์

    หลังประตูที่ปิดสนิท เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังตื่นตระหนก ซีอีโอและหัวหน้าฝ่ายการเงินเข้าร่วมการบรรยายสรุปแบบลับ โดยถูกบอกว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน QFS มิฉะนั้นจะถูกตัดขาดจากเศรษฐกิจใหม่ ยุคของการทุจริตระบบ ปกปิดธุรกรรม และโอนเงินเข้าบัญชีลับได้สิ้นสุดลงแล้ว QFS มองเห็นทุกสิ่ง—กำลังบังคับให้มีการตรวจสอบในทุกธุรกรรม
    มีผู้รักชาติและผู้แจ้งเบาะแสที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชี QFS ก่อนกำหนดเป็นรางวัลสำหรับการเปิดโปงระบบเก่า ผู้บุกเบิกเหล่านี้ซึ่งติดอาวุธด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึง QFS กำลังเป็นผู้นำในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอิสรภาพทางการเงิน

    QFS เป็นมากกว่าเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติเพื่อถ่ายโอนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน ระบบเก่าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนเป็นหนี้และพึ่งพาผู้อื่น แต่ QFS กำลังเขียนสคริปต์นั้นใหม่ เงินของคุณเป็นของคุณเพียงผู้เดียวแล้ว—ได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร รัฐบาล และใครก็ตามที่เคยอ้างสิทธิ์เงินนั้น

    แม้ในขณะที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ทีมงานลับทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนำธนาคารเข้ามาอยู่ใน QFS โดยไม่สนใจสื่อเพราะกลุ่มคนชั้นนำไม่ต้องการให้สาธารณชนตระหนักว่าการควบคุมของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วเพียงใด การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่คุณเห็น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ผลักดันการอัปเดตทางดิจิทัล การหยุดให้บริการโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการ QFS

    ความปลอดภัยของ QFS นั้นไม่มีใครเทียบได้: การเข้ารหัสควอนตัม การเชื่อมโยงบัญชีกับบุคคลโดยใช้ลายเซ็นควอนตัมโดยเฉพาะ ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีแฮกเกอร์ รัฐนอกกฎหมาย หรืออาชญากรใดที่จะเจาะระบบได้ ด้วย QFS การควบคุมทางการเงินจะอยู่ที่คุณและคุณเท่านั้น

    อำนาจเก่ากำลังต่อสู้กลับ QFS พร้อมแล้ว สถาบันที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะถูกอายัดทรัพย์สิน และถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ผู้พิทักษ์เก่ากำลังถูกกำจัดออกไปอย่างเป็นระบบ เหลือเพียงผู้ที่พร้อมจะยอมรับวิสัยทัศน์ของ QFS เกี่ยวกับความรับผิดชอบและความโปร่งใส

    QFS คือแสงนำทางในยุคการเงินยุคใหม่นี้ ที่ซึ่งสกุลเงินทุกหน่วยมีมูลค่าที่แท้จริง นี่คือรุ่งอรุณของระบบที่รับใช้ประชาชน โลกที่เรารู้จักกำลังเปลี่ยนแปลง และอนาคตก็ชัดเจน: QFS อยู่ที่นี่เพื่ออยู่ต่อ

    เข้าร่วมและแชร์ช่องของฉันทันที:
    ⬇️⬇️⬇️⬇️

    เจ้าหญิงไดอาน่า
    ..นี้หากมองว่าสายมโน ก็สามารถพูดไม่ผิดได้,แต่แบงค์ได้จะว่าไปจริงๆก็ปิดปรับปรุงบ่อยมากๆผิดปกติ นี้8พ.ยบวกลบ2-3วันปรับปรุงก็จะทำกันอีกแล้ว.บางคนก็ว่า CBDCสายมืดของฝ่ายมืด,QFSสายฝ่ายแสงฝ่ายดีพะนะ,บางคนก็บอกว่าเหี้ยพวกเดียวกันหมดนั้นล่ะ เล่นหลอกชาวโลกคนละบริบทเฉยพะนะ,ตรองกันเองเน้อ.(ช่วงนี้มีหุ้นขายหุ้นขายกองทุนทิ้งเน้อ จะติดดอย,มีตังฝากในแบงค์มากๆก็คงเหลือไว้สัก100บาทในแต่ละบัญชีก็พอ เขาคุ้มครองแค่ล้านเดียวเนาะ,ไฟดับ หน่วยความจำระบบเหี้ยทั้งแบงค์ถูกแฮ็กลบเป็นว่างเปล่า ตังเป็นศูนย์บาทจะหนาว,ใครทำเองใครทำให้ก็ได้หมดนะ,จงเชื่อแค่ตัวท่านเองเถอะ) ..ได้รับการยืนยันแล้ว! การเปิดตัว QFS กำลังบังคับให้ธนาคารกระจายความมั่งคั่งทันที—ภายในการประชุมลับของชนชั้นสูงธนาคาร! ระบบการเงินควอนตัม (QFS) เป็นเครื่องมือปลดปล่อยที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา และกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินระดับโลกอย่างเป็นความลับ การเปิดตัว QFS นี้เป็นปฏิบัติการลับเพื่อรื้อถอนระบบการเงินที่ทุจริตซึ่งกดขี่ประชาชนมานานหลายทศวรรษ QFS คืออนาคต—ดำเนินการอย่างแม่นยำและเป็นความลับโดยกลุ่มหมวกขาวและพันธมิตรของพวกเขา การโอนความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์มาถึงแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บท QFS ภายใต้ GESARA นี่ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยึดทรัพย์สมบัติที่ขโมยมาของชนชั้นสูงแล้วส่งคืนให้กับประชาชนอีกด้วย เงินหลายล้านล้านที่ขโมยมาจากการโกหกและการจัดการกำลังจะถูกดึงออกมาจากผู้ทุจริตและส่งคืนให้กับประชาชน QFS ซึ่งสอดคล้องกับ GESARA กำลังพลิกโฉมระบบการเงิน เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่กลุ่มคนชั้นสูงได้กักตุนความมั่งคั่งและอำนาจไว้ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร ในที่สุดมวลชนก็ได้รับอำนาจ และการผูกขาดของกลุ่มคนระดับโลกกำลังจะสิ้นสุดลง ธนาคารทั่วโลกกำลังถูกดึงเข้าสู่ระบบ QFS ด้วยความเร็วที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นี่ไม่ใช่การอัปเกรดแบบเลือกได้ แต่เป็นความต้องการที่กำลังสั่นคลอนโลกการเงินแบบดั้งเดิม ธนาคารทั้งขนาดใหญ่และเล็กกำลังถูกบูรณาการ ตรวจสอบ และทดสอบ QFS ไม่สนใจสถานะหรือประวัติ แต่จะบังคับใช้การปฏิบัติตามและความซื่อสัตย์อย่างสมบูรณ์ หลังประตูที่ปิดสนิท เจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังตื่นตระหนก ซีอีโอและหัวหน้าฝ่ายการเงินเข้าร่วมการบรรยายสรุปแบบลับ โดยถูกบอกว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน QFS มิฉะนั้นจะถูกตัดขาดจากเศรษฐกิจใหม่ ยุคของการทุจริตระบบ ปกปิดธุรกรรม และโอนเงินเข้าบัญชีลับได้สิ้นสุดลงแล้ว QFS มองเห็นทุกสิ่ง—กำลังบังคับให้มีการตรวจสอบในทุกธุรกรรม มีผู้รักชาติและผู้แจ้งเบาะแสที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชี QFS ก่อนกำหนดเป็นรางวัลสำหรับการเปิดโปงระบบเก่า ผู้บุกเบิกเหล่านี้ซึ่งติดอาวุธด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึง QFS กำลังเป็นผู้นำในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอิสรภาพทางการเงิน QFS เป็นมากกว่าเทคโนโลยี แต่เป็นการปฏิวัติเพื่อถ่ายโอนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน ระบบเก่าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนเป็นหนี้และพึ่งพาผู้อื่น แต่ QFS กำลังเขียนสคริปต์นั้นใหม่ เงินของคุณเป็นของคุณเพียงผู้เดียวแล้ว—ได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร รัฐบาล และใครก็ตามที่เคยอ้างสิทธิ์เงินนั้น แม้ในขณะที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ทีมงานลับทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อนำธนาคารเข้ามาอยู่ใน QFS โดยไม่สนใจสื่อเพราะกลุ่มคนชั้นนำไม่ต้องการให้สาธารณชนตระหนักว่าการควบคุมของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วเพียงใด การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่คุณเห็น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ผลักดันการอัปเดตทางดิจิทัล การหยุดให้บริการโดยไม่ทราบสาเหตุ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการ QFS ความปลอดภัยของ QFS นั้นไม่มีใครเทียบได้: การเข้ารหัสควอนตัม การเชื่อมโยงบัญชีกับบุคคลโดยใช้ลายเซ็นควอนตัมโดยเฉพาะ ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีแฮกเกอร์ รัฐนอกกฎหมาย หรืออาชญากรใดที่จะเจาะระบบได้ ด้วย QFS การควบคุมทางการเงินจะอยู่ที่คุณและคุณเท่านั้น อำนาจเก่ากำลังต่อสู้กลับ QFS พร้อมแล้ว สถาบันที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะถูกอายัดทรัพย์สิน และถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ผู้พิทักษ์เก่ากำลังถูกกำจัดออกไปอย่างเป็นระบบ เหลือเพียงผู้ที่พร้อมจะยอมรับวิสัยทัศน์ของ QFS เกี่ยวกับความรับผิดชอบและความโปร่งใส QFS คือแสงนำทางในยุคการเงินยุคใหม่นี้ ที่ซึ่งสกุลเงินทุกหน่วยมีมูลค่าที่แท้จริง นี่คือรุ่งอรุณของระบบที่รับใช้ประชาชน โลกที่เรารู้จักกำลังเปลี่ยนแปลง และอนาคตก็ชัดเจน: QFS อยู่ที่นี่เพื่ออยู่ต่อ เข้าร่วมและแชร์ช่องของฉันทันที: ⬇️⬇️⬇️⬇️ เจ้าหญิงไดอาน่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศพทหารยูเครนเกลื่อนทุ่งนาในเขตเคิร์ส

    จนถึงขณะนี้เซเลนสกียังไม่ยอมรับว่าการตัดสินใจสั่งบุกเคิร์ส เป็นความคิดที่ผิดพลาด
    ศพทหารยูเครนเกลื่อนทุ่งนาในเขตเคิร์ส จนถึงขณะนี้เซเลนสกียังไม่ยอมรับว่าการตัดสินใจสั่งบุกเคิร์ส เป็นความคิดที่ผิดพลาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ คนทำผิดแต่ไม่ยอมรับว่าผิด รั้นแต่จะแก้รธน. แก้ 112 และนิรโทษกรรมช่วยคนละเมิดสถาบัน ไม่ต่างอะไรจากคนจ...ไรชอบแก้กฎหมาย
    #7ดอกจิก
    #พิธา
    ♣️ คนทำผิดแต่ไม่ยอมรับว่าผิด รั้นแต่จะแก้รธน. แก้ 112 และนิรโทษกรรมช่วยคนละเมิดสถาบัน ไม่ต่างอะไรจากคนจ...ไรชอบแก้กฎหมาย #7ดอกจิก #พิธา
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว!

    ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร?

    หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง)
    01 พฤศจิกายน 67
    11.59 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว! ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร? หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง) 01 พฤศจิกายน 67 11.59 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!

    31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย
    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/

    #Thaitimes
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้! 31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอเพียงคุณยินดี
    ที่จะแบกภาระของตัวเองไว้บนบ่า
    แล้วใช้ชีวิตในแบบของคุณไปก็พอแล้ว
    เมื่อไรก็ตามที่คุณพร้อมที่จะยอมรับ
    แม้กระทั่งชีวิตที่ไร้ความสุขสบาย
    ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป

    จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    ขอเพียงคุณยินดี ที่จะแบกภาระของตัวเองไว้บนบ่า แล้วใช้ชีวิตในแบบของคุณไปก็พอแล้ว เมื่อไรก็ตามที่คุณพร้อมที่จะยอมรับ แม้กระทั่งชีวิตที่ไร้ความสุขสบาย ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อคุณปล่อยวางความปรารถนา
    ที่จะได้รับการยอมรับและความรัก "จากทุกคน"
    คุณจะเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่

    คือการที่คุณได้รับความรัก จากคนที่คุณรักก็เท่านั้นเอง

    จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    เมื่อคุณปล่อยวางความปรารถนา ที่จะได้รับการยอมรับและความรัก "จากทุกคน" คุณจะเข้าใจว่าความสุขที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ คือการที่คุณได้รับความรัก จากคนที่คุณรักก็เท่านั้นเอง จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ชีวิตโดยยอมรับการมีอยู่
    ของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
    แล้วจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้นั้น
    เป็นวิธีที่ดีที่สุด
    ที่จะทำให้เรามุ่งหน้าไปในทิศทางที่ต้องการได้
    โดยไม่หวั่นไหวไปกับอิทธิพลของผู้อื่น

    จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    การใช้ชีวิตโดยยอมรับการมีอยู่ ของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แล้วจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้นั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เรามุ่งหน้าไปในทิศทางที่ต้องการได้ โดยไม่หวั่นไหวไปกับอิทธิพลของผู้อื่น จากหนังสือ |อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่านึกถึงอนาคตจนลืมความสุขในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หม่อมกร” ชี้จุดพึงระวัง MOU 2544 ไทยเปลี่ยนจุดยืนไม่รักษาสิทธิเขตแดนทางทะเลตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 และหันไปยอมรับเส้นเขตแดนกัมพูชาที่ประกาศไม่มีกฎหมายสากลรองรับ จนเกิดพื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ทำใหเไทยเสียเปรียบและเสี่ยงเสียดินแดนซ้ำรอยเขาพระวิหาร ชี้พิรุธเจรจารวบรัดแค่ 44 วันก็ลงนาม ขณะที่เขตทับซ้อนไทย-เวียดนาม ใช้เวลา 6 ปี ไทย-มาเลเซียใช้เวลา 7 ปี เพราะเจรจาอย่างรอบคอบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105028

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “หม่อมกร” ชี้จุดพึงระวัง MOU 2544 ไทยเปลี่ยนจุดยืนไม่รักษาสิทธิเขตแดนทางทะเลตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 และหันไปยอมรับเส้นเขตแดนกัมพูชาที่ประกาศไม่มีกฎหมายสากลรองรับ จนเกิดพื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ทำใหเไทยเสียเปรียบและเสี่ยงเสียดินแดนซ้ำรอยเขาพระวิหาร ชี้พิรุธเจรจารวบรัดแค่ 44 วันก็ลงนาม ขณะที่เขตทับซ้อนไทย-เวียดนาม ใช้เวลา 6 ปี ไทย-มาเลเซียใช้เวลา 7 ปี เพราะเจรจาอย่างรอบคอบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105028 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    35
    4 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2865 มุมมอง 1 รีวิว
  • โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย
    น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา
    โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า
    ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว
    เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป
    เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ
    ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด
    โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล
    ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย
    เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทูตถาวรรัสเซีย ...กล่าวยกย่องอิหร่านที่ระบบป้องกันภัยทำการป้องกันทางอากาศต่อการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลอีแร้งอเมริกา. : RT News., Bloomberg News., Sputnik., Sky News., BBC News., Reuters...!!!

    ฑูตถาวรรัสเซีย ออกมาแถลง ในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และได้ยกย่องในความสำเร็จของอิหร่านที่ระบบป้องกันภัยทำการป้องกันทางอากาศต่อการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล โดยอีแร้งอเมริกาให้การสนับและช่วยเหลืออย่างเต็มที่.

    ผู้แทนถาวรทางกาฑูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า อิหร่านปรัสพความสำเร็จ ของการป้องกันของระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านระหว่างการรุกรานของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ระบบป้องกันภัยของอิหร่านช่วยป้องกันให้ประเทศมีความปลอดภัยสูง และได้ประณามรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลอย่างรุนแรง.

    ทูตรัสเซีย วาสลีย์ เนเบนเซีย Vasily Nebenzya ออกมากล่าวความเห็นเมื่อวันพุธที่ผ่านาในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการโจมตีของระบอบก่อการร้ายรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลต่ออิหร่าน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพ 4 นายและพลเรือน 1 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา.

    ผู้แทนถาวรทางกาฑูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังกล่าวอีกว่า หากระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านซึ่งอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูงสุดไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงาน จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะพลเรือนอาจจะมากไปกว่านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลนั้นได้ ยิงขีปนาวุธจำนวนมากทั้งภาคพื้นดินและทาง อากาศ เขากล่าวในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ.

    ทูตถาวรรัสเซีย ยังได้เตือนด้วยว่า การโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ไม่เพียงแต่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังทำให้สถานการณ์ในเอเชียตะวันตกที่ตึงเครียดอยู่แล้วต้องนองเลือดขึ้นไปอย่างไม่รู้จบ.

    ในวันที่เครื่องบินรบรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ได้ออกโจมตีอิหร่านได้ใช้พื้นที่น่านฟ้าในอิรักที่มีฐานทัพอีแร้งอเมริกาควบคุม และช่วยวางแผนให้กับรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ในการใช้พื้นที่โจมตีเพื่อยิงขีปนาวุธไปที่ฐานทัพทหารในกรุงเตหะราน คูเซสถาน และอีลัมของอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของชาติอย่างร้ายแรง.

    ทางอิหร่าน ได้กล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นถูกสกัดกั้นและตอบโต้ได้สำเร็จโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศ และได้สร้างความเสียหายให้กับจุดเรดาร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น.

    ทูตรัสเซีย วาสลีย์ เนเบนเซีย ยังได้กล่าวว่า การโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจออิสราเอลนั้น มีการประสานงานกับอีแร้งอเมริกาอย่างชัดแจ้ง ในการรุกรานอิหร่านของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล.

    เราได้เห็นว่าการกระทำที่ก้าวร้าวเช่นนี้ของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลและอีแร้งอเมริกา มีจุดมุ่งหมายเพื่อยั่วยุให้เกิดสงครามที่ใหญ่ขึ้น เพื่อลากอิหร่านทำสวครามโดยตรงซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และจำเป็นต้องหยุดอิสราเอลอย่างเด็ดขาด” เขากล่าวสรุปในตอนท้าย....!
    ทูตถาวรรัสเซีย ...กล่าวยกย่องอิหร่านที่ระบบป้องกันภัยทำการป้องกันทางอากาศต่อการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลอีแร้งอเมริกา. : RT News., Bloomberg News., Sputnik., Sky News., BBC News., Reuters...!!! ฑูตถาวรรัสเซีย ออกมาแถลง ในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และได้ยกย่องในความสำเร็จของอิหร่านที่ระบบป้องกันภัยทำการป้องกันทางอากาศต่อการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล โดยอีแร้งอเมริกาให้การสนับและช่วยเหลืออย่างเต็มที่. ผู้แทนถาวรทางกาฑูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า อิหร่านปรัสพความสำเร็จ ของการป้องกันของระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านระหว่างการรุกรานของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ระบบป้องกันภัยของอิหร่านช่วยป้องกันให้ประเทศมีความปลอดภัยสูง และได้ประณามรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลอย่างรุนแรง. ทูตรัสเซีย วาสลีย์ เนเบนเซีย Vasily Nebenzya ออกมากล่าวความเห็นเมื่อวันพุธที่ผ่านาในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการโจมตีของระบอบก่อการร้ายรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลต่ออิหร่าน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพ 4 นายและพลเรือน 1 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา. ผู้แทนถาวรทางกาฑูตของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังกล่าวอีกว่า หากระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านซึ่งอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูงสุดไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงาน จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะพลเรือนอาจจะมากไปกว่านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากการโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลนั้นได้ ยิงขีปนาวุธจำนวนมากทั้งภาคพื้นดินและทาง อากาศ เขากล่าวในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ. ทูตถาวรรัสเซีย ยังได้เตือนด้วยว่า การโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ไม่เพียงแต่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังทำให้สถานการณ์ในเอเชียตะวันตกที่ตึงเครียดอยู่แล้วต้องนองเลือดขึ้นไปอย่างไม่รู้จบ. ในวันที่เครื่องบินรบรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ได้ออกโจมตีอิหร่านได้ใช้พื้นที่น่านฟ้าในอิรักที่มีฐานทัพอีแร้งอเมริกาควบคุม และช่วยวางแผนให้กับรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล ในการใช้พื้นที่โจมตีเพื่อยิงขีปนาวุธไปที่ฐานทัพทหารในกรุงเตหะราน คูเซสถาน และอีลัมของอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของชาติอย่างร้ายแรง. ทางอิหร่าน ได้กล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวนั้นถูกสกัดกั้นและตอบโต้ได้สำเร็จโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของประเทศ และได้สร้างความเสียหายให้กับจุดเรดาร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น. ทูตรัสเซีย วาสลีย์ เนเบนเซีย ยังได้กล่าวว่า การโจมตีของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจออิสราเอลนั้น มีการประสานงานกับอีแร้งอเมริกาอย่างชัดแจ้ง ในการรุกรานอิหร่านของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอล. เราได้เห็นว่าการกระทำที่ก้าวร้าวเช่นนี้ของรัฐเถื่อนไซออนิสต์หมาจิ้งจอกอิสราเอลและอีแร้งอเมริกา มีจุดมุ่งหมายเพื่อยั่วยุให้เกิดสงครามที่ใหญ่ขึ้น เพื่อลากอิหร่านทำสวครามโดยตรงซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และจำเป็นต้องหยุดอิสราเอลอย่างเด็ดขาด” เขากล่าวสรุปในตอนท้าย....!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า

    “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว !

    ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2

    แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย

    นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้

    เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ

    ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121

    การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้

    - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972)

    - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972)

    - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544)

    ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น

    ผิดทั้งหมด !

    เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว

    การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน

    แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ !

    ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้

    นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554

    นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด !

    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

    “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้

    อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ

    เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา

    แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย

    จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา !

    นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย

    โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน

    ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร

    ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ…

    “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้”

    การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก

    แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน

    พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U

    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา

    MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี

    แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด

    หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

    หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร

    ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ !

    ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน

    ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย

    แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982

    หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น

    เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ !

    หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA

    #Thaitimes
    อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว ! ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2 แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121 การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้ - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972) - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972) - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544) ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น ผิดทั้งหมด ! เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ ! ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้ นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด ! ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา ! นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ… “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้” การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ ! ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ ! หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้
    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง
    .
    แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน
    .
    "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ
    .
    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน
    .
    กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
    .
    โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน
    .
    'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย
    .
    อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง
    .
    หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง . แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน . "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ . อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน . กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต . ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก . โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน . 'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย . อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง . หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด

    ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา

    ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
    .
    UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ
    .
    “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง
    .
    ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X
    .
    ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้”
    .
    เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ
    .
    ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม
    .
    “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ”
    .
    จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ
    .
    สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้
    .
    ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา
    .
    ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน
    .
    อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก
    .
    ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว
    .
    กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสภาอิสราเอลลงมติ ผ่านกฎหมายห้าม UNRWA หน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบดำเนินงานด้านบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ปฏิบัติงานภายในอิสราเอล และดินแดนยึดครอง ถึงแม้ถูกคัดค้านจากประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่ชาติพันธมิตรตะวันตกของรัฐยิวที่เกรงว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะยิ่งโหมกระพือวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา . UNRWA ซึ่งมีชื่อเต็มว่า สำนักงานบรรเทาทุกข์และปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้แห่งสหประชาชาติ ได้ดำเนินงานในการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่า 70 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากว่า 1 ปีที่อิสราเอลถล่มโจมตีทางอากาศและยกกำลังภาคพื้นดินเข้าไปปฏิบัติงานกวาดล้างในกาซานั้น หน่วยงานแห่งนี้ซึ่งว่าจ้างผู้คนจำนวนนับพันนับหมื่นในกาซา เป็นผู้ที่คอยจัดหาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานต่างๆ ให้แก่พลเมืองแทบทั้งหมดในดินแดนแคบๆ ติดชายฝั่งทะเลแห่งนี้ โดยจัดส่งผ่านทางอิสราเอล . ขณะที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ของ UNRWA จำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้อิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว และยังกล่าวหาเจ้าหน้าที่ UNRWA บางคนว่าเป็นสมาชิกฮามาส หรือกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ . “เจ้าหน้าที่ UNRWA ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอลจะต้องถูกเอาตัวมารับผิด” นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลง . ทางด้าน ฟิลิปเป ลาซซารินี ผู้อำนวยการ UNRWA วิจารณ์การลงมติของรัฐสภาอิสราเอลว่าขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ . “นี่เป็นอีกครั้งที่มีความพยายามดิสเครดิต UNRWA และลดทอนบทบาทของเราในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์” ลาซซารินี โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X . ในส่วนของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส แถลงในวันจันทร์ (28) ว่า หากมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่อิสราเอลผ่านออกมาฉบับนี้ มันก็ “อาจส่งผลต่อเนื่องเป็นความวิบัติหายนะสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในดินแดนของปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” . เขาระบุว่า ไม่มีใครสามารถปฏิบัติงานแทนที่ UNRWA ได้ พร้อมกับบอกว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติรับทราบ . ขณะที่หลายหน่วยงานของยูเอ็นแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ของอิสราเอลจะส่งผลทำให้มีเด็กๆ ในกาซาล้มตายกันมากขึ้น และหากมีการปฏิบัติตามอย่างเต็มที่จะถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการมุ่งลงโทษหมู่แบบไม่มีการจำแนกแยกแยะต่อชาวกาซา ทั้งนี้การมุ่งลงโทษหมู่แก่ประชาชน ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของพฤติการณ์อาชญากรรมสงคราม . “ถ้า UNRWA ไม่สามารถดำเนินงานได้ มันก็น่าจะได้เห็นการล้มครืนของระบบมนุษยธรรมในกาซา” เป็นคำกล่าวของโฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เจมส์ เอลเดอร์ ซึ่งได้ปฏิบัติงานอย่างกว้างขวางในกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว “ดังนั้น การตัดสินเช่นนี้อย่างฉับพลันย่อมหมายความว่ามีการค้นพบวิธีการใหม่ในการเข่นฆ่าเด็กๆ” . จากข้อมูลของพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า มีเด็กๆ มากกว่า 13,300 คนที่ได้รับการระบุอัตลักษณ์และยืนยันว่าถูกฆ่าตายไปในสงครามกาซา โดยจำนวนมากกว่านั้นอีกเชื่อกันว่าเสียชีวิตจากโรคภัยต่างๆ ภายหลังระบบการแพทย์ของดินแดนนี้ล่มสลายและเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำ . สำนักงานของยูเอ็นแห่งอื่นๆ ก็พูดถึงงานที่ UNRWA ทำอยู่ว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจปล่อยให้ขาดหายไปได้ . ทาริก จาซาเรวิก แห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพที่กำลังช่วยเหลือโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอสำหรับเด็กๆ ในกาซาซึ่งเป็นโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ราวหนึ่งในสามคือผู้ที่ทำงานกับ UNRWA เขากล่าวพร้อมกับย้ำว่า UNRWA มีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขราว 1,000 คนในกาซา . ส่วน เอมี โป๊ป ผู้อำนวยการขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอพยพ (IOM) แถลงว่า ทางหน่วยงานของเธอสามารถทำงานบรรเทาทุกข์ให้มากขึ้นกว่านี้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่ตกอยู่ในวิกฤต ทว่า IOM ไม่สามารถทำงานแทนที่ UNRWA ในกาซาได้แน่นอน . อนึ่ง การโหวตร่างกฎหมายใหม่ของอิสราเอลคราวนี้ ยังมีขึ้นในวันเดียวกับที่กองกำลังรถถังยิวจู่โจมลึกเข้าไปยังตอนเหนือของกาซา จนทำให้พลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ในพื้นที่สู้รบตามข้อมูลจากหน่วยฉุกเฉินปาเลสไตน์ ขณะที่กองทัพอิสราเอลอ้างว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการกวาดล้างพวกนักรบฮามาสไม่ให้รวมกลุ่มกันได้อีก . ทั้งนี้ สำนักงานบริการฉุกเฉินเพื่อพลเรือนปาเลสไตน์รายงานว่า มีพลเรือนราว 100,000 คนติดอยู่ภายในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย เบตลาฮิยา และเบตฮานูน โดยปราศจากทั้งทีมแพทย์และอาหารน้ำดื่ม และเวลานี้ทางหน่วยงานไม่สามารถดำเนินภารกิจต่อไปได้ เนื่องจากอิสราเอลได้เดินหน้าถล่มพื้นที่ตอนเหนือกาซามาเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว . กองทัพอิสราเอลยังได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มติดอาวุธ 100 คนภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ในขณะที่กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารปกครองดินแดนกาซา และบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ไม่มีกลุ่มติดอาวุธหลบซ่อนอยู่อย่างที่อิสราเอลอ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104389 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯและนาโต้ล้มเหลว🤣, สื่อตะวันตกยอมรับ

    "มาตรการคว่ำบาตรไม่สามารถจำกัดการไหลเวียนของเงินสดจากสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเครมลิน, อย่างน้ำมันได้

    รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของโลก, และในปีนี้, คาดว่ารายได้จากน้ำมันและก๊าซจะเพิ่มขึ้น ๒.๖%, แตะที่เกือบ ๒๔๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์

    แม้จะมีมาตรการคว่ำบาตรมากมาย, แต่เครมลินก็ยังทำเงินได้เยอะมากจากน้ำมัน"
    .
    US and NATO sanctions on Russia have failed, Western media admits.

    "Sanctions have not been able to curb the flow of cash from the Kremlin's most valuable asset, oil.

    Russia is the third-largest producer in the world, and this year, its oil and gas revenues are expected to increase by 2.6%, reaching nearly $240 billion.

    Despite all the sanctions, the Kremlin is still making so much money from its oil."
    .
    4:12 AM · Oct 30, 2024 · 73.3K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1851371497199481011
    🤣มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯและนาโต้ล้มเหลว🤣, สื่อตะวันตกยอมรับ "มาตรการคว่ำบาตรไม่สามารถจำกัดการไหลเวียนของเงินสดจากสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเครมลิน, อย่างน้ำมันได้ รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของโลก, และในปีนี้, คาดว่ารายได้จากน้ำมันและก๊าซจะเพิ่มขึ้น ๒.๖%, แตะที่เกือบ ๒๔๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ แม้จะมีมาตรการคว่ำบาตรมากมาย, แต่เครมลินก็ยังทำเงินได้เยอะมากจากน้ำมัน" . US and NATO sanctions on Russia have failed, Western media admits. "Sanctions have not been able to curb the flow of cash from the Kremlin's most valuable asset, oil. Russia is the third-largest producer in the world, and this year, its oil and gas revenues are expected to increase by 2.6%, reaching nearly $240 billion. Despite all the sanctions, the Kremlin is still making so much money from its oil." . 4:12 AM · Oct 30, 2024 · 73.3K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1851371497199481011
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ..ตรองกันเอง.,ข่าวก็คือข่าว.

    ..เกือบทุกโมเลกุลที่ FDA, EPA, CDC และ USDA บอกว่าดีต่อคุณคือพิษร้ายแรง: ไกลโฟเซต โซเดียมไนไตรต์ ผงชูรส แอทราซีน เรมเดซิเวียร์ ฯลฯ ในขณะเดียวกัน เกือบทุกโมเลกุลที่รัฐบาลบอกว่าไม่ดีต่อคุณคือการรักษาตามธรรมชาติหรือองค์ประกอบสำคัญในการปกป้องสุขภาพและชีวิต: คาร์บอนไดออกไซด์ ไอเวอร์เมกติน นิโคติน แคนนาบินอยด์ ลาเอไทรล์ ฯลฯ ใครก็ตามที่ต้องการมีชีวิตอยู่ควรปฏิเสธคำแนะนำด้านสุขภาพทุกคำจากหน่วยงานของรัฐทุกแห่งอย่างแท้จริง ในขณะที่ใครก็ตามที่ต้องการตายควรยอมรับหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มที่ เพราะคำแนะนำของพวกเขาจะฆ่าคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถถามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดได้ทั้งหมด แต่หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว

    อย่างที่คุณอาจทราบ ฉันมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างจริงจังกับทรัมป์เกี่ยวกับความไม่สามารถประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลของเขา และเขาก็ยังไม่ได้พูดว่าวัคซีนโควิดกำลังทำร้ายและฆ่าคน อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าจะได้เห็นเขาชนะในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพราะเราจะได้เห็นพวกฝ่ายซ้ายที่วิปริตหลายสิบล้านคนเสียสติและระเบิดอารมณ์ด้วยความบ้าคลั่งและเยาะเย้ยในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะจะสอนบทเรียนที่สำคัญแก่มนุษยชาติเกี่ยวกับอันตรายของการปฏิบัติการทางจิตวิทยาที่ดำเนินการโดยสื่อ และวิธีที่การโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ "ปกติ" ให้กลายเป็นคนบ้าคลั่งและรุนแรงได้อย่างไร ปรากฏการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษา และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดการที่องค์กรสื่อรวมอำนาจที่ดำเนินการโดย CIA จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศใดๆ TDS ถูกปลูกฝังโดยสื่อ คุณได้เห็นปฏิบัติการล้างสมองหมู่ ซึ่งมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเปลี่ยนแปลงระบบประสาทของมนุษย์โดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน และใช้อาวุธเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการเมือง พรรคเดโมแครตตกเป็นเหยื่อของสงครามแย่ง "พื้นที่ประสาท" และคุณกำลังจะได้สัมผัสกับขอบเขตเต็มรูปแบบของความหมายนั้น นี่คือการทดลอง MK Ultra ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และผู้ที่ได้รับผลกระทบกำลังจะเปิดเผยตัวเองให้คนทั้งโลกได้เห็น
    ..ตรองกันเอง.,ข่าวก็คือข่าว. ..เกือบทุกโมเลกุลที่ FDA, EPA, CDC และ USDA บอกว่าดีต่อคุณคือพิษร้ายแรง: ไกลโฟเซต โซเดียมไนไตรต์ ผงชูรส แอทราซีน เรมเดซิเวียร์ ฯลฯ ในขณะเดียวกัน เกือบทุกโมเลกุลที่รัฐบาลบอกว่าไม่ดีต่อคุณคือการรักษาตามธรรมชาติหรือองค์ประกอบสำคัญในการปกป้องสุขภาพและชีวิต: คาร์บอนไดออกไซด์ ไอเวอร์เมกติน นิโคติน แคนนาบินอยด์ ลาเอไทรล์ ฯลฯ ใครก็ตามที่ต้องการมีชีวิตอยู่ควรปฏิเสธคำแนะนำด้านสุขภาพทุกคำจากหน่วยงานของรัฐทุกแห่งอย่างแท้จริง ในขณะที่ใครก็ตามที่ต้องการตายควรยอมรับหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มที่ เพราะคำแนะนำของพวกเขาจะฆ่าคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถถามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดได้ทั้งหมด แต่หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว อย่างที่คุณอาจทราบ ฉันมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างจริงจังกับทรัมป์เกี่ยวกับความไม่สามารถประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลของเขา และเขาก็ยังไม่ได้พูดว่าวัคซีนโควิดกำลังทำร้ายและฆ่าคน อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าจะได้เห็นเขาชนะในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพราะเราจะได้เห็นพวกฝ่ายซ้ายที่วิปริตหลายสิบล้านคนเสียสติและระเบิดอารมณ์ด้วยความบ้าคลั่งและเยาะเย้ยในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะจะสอนบทเรียนที่สำคัญแก่มนุษยชาติเกี่ยวกับอันตรายของการปฏิบัติการทางจิตวิทยาที่ดำเนินการโดยสื่อ และวิธีที่การโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ "ปกติ" ให้กลายเป็นคนบ้าคลั่งและรุนแรงได้อย่างไร ปรากฏการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษา และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดการที่องค์กรสื่อรวมอำนาจที่ดำเนินการโดย CIA จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศใดๆ TDS ถูกปลูกฝังโดยสื่อ คุณได้เห็นปฏิบัติการล้างสมองหมู่ ซึ่งมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเปลี่ยนแปลงระบบประสาทของมนุษย์โดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน และใช้อาวุธเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการเมือง พรรคเดโมแครตตกเป็นเหยื่อของสงครามแย่ง "พื้นที่ประสาท" และคุณกำลังจะได้สัมผัสกับขอบเขตเต็มรูปแบบของความหมายนั้น นี่คือการทดลอง MK Ultra ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และผู้ที่ได้รับผลกระทบกำลังจะเปิดเผยตัวเองให้คนทั้งโลกได้เห็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ DHS ยอมรับว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์แบบ “False Flag” ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งจะแทรกแซงการเลือกตั้ง แฮร์ริส
    https://thepeoplesvoice.tv/dhs-insider-admits-false-flag-cyber-attack-on-nov-5-will-rig-election-for-harris/
    เจ้าหน้าที่ DHS ยอมรับว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์แบบ “False Flag” ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งจะแทรกแซงการเลือกตั้ง แฮร์ริส https://thepeoplesvoice.tv/dhs-insider-admits-false-flag-cyber-attack-on-nov-5-will-rig-election-for-harris/
    THEPEOPLESVOICE.TV
    DHS Insider Admits 'False Flag' Cyber Attack on Nov 5 Will Rig Election for Harris
    The global elite have earmarked November 5 as a day of carnage and destruction across the US, with a multi-pronged attack on the American people set to feature a devastating cyber attack that will disconnect the public from the internet and plunge the nation into chaos, allowing the elite to roll out the next phase of their totalitarian master plan.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์​ที่เลือก #ยอมรับ จึงจะมีโอกาส​ "เห็นโลกตามจริง" ที่เป็นนิยามของ​ "ปัญญา" (อัญญาณี มุขสมบัติ และ เอกราช จันทร์ดอน, 2548)

    มนุษย์​ที่เลือก​ #โกหก ก็จะต้อง​ "อยู่ด้วยการโกหก" มากขึ้นเรื่อยๆ

    ส่วน​ มนุษย์​ที่​ "ไม่รู้ว่าต้องเลือก" ทั้งชีวิต​ จะไม่เกิด​ "การเรียนรู้" ใดๆ

    ขอบคุณ​ ครอบครัวของคุณ​เอกราช​ ภรรยา​ และ​ลูกๆ รวมถึง​ คุณ​เอส​ภรรยาของผม ที่สอนให้ผม​ รู้​ ว่า​ ต้องเลือก​ "ยอมรับ" จากที่เคย​ "ไม่รู้ว่าต้องเลือก"

    คุณเอกราช​ เคย​สอนผม​ ว่า​ "ปัญญา​ เริ่มต้น​ จาก​ การ​ยอมรับ​ ทุกข์"

    ส่วนความรู้​ ในภาพนี้​ เป็นความรู้​ ที่​ ผมสร้างจาก การเฝ้าสังเกต​ การปฏิบัติ​ ของคุณ​เอกราช​ และ​ ครอบครัว​ ที่เลือก​ "ยอมรับ" ทุกปรากฏการณ์

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    มนุษย์​ที่เลือก #ยอมรับ จึงจะมีโอกาส​ "เห็นโลกตามจริง" ที่เป็นนิยามของ​ "ปัญญา" (อัญญาณี มุขสมบัติ และ เอกราช จันทร์ดอน, 2548) มนุษย์​ที่เลือก​ #โกหก ก็จะต้อง​ "อยู่ด้วยการโกหก" มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วน​ มนุษย์​ที่​ "ไม่รู้ว่าต้องเลือก" ทั้งชีวิต​ จะไม่เกิด​ "การเรียนรู้" ใดๆ ขอบคุณ​ ครอบครัวของคุณ​เอกราช​ ภรรยา​ และ​ลูกๆ รวมถึง​ คุณ​เอส​ภรรยาของผม ที่สอนให้ผม​ รู้​ ว่า​ ต้องเลือก​ "ยอมรับ" จากที่เคย​ "ไม่รู้ว่าต้องเลือก" คุณเอกราช​ เคย​สอนผม​ ว่า​ "ปัญญา​ เริ่มต้น​ จาก​ การ​ยอมรับ​ ทุกข์" ส่วนความรู้​ ในภาพนี้​ เป็นความรู้​ ที่​ ผมสร้างจาก การเฝ้าสังเกต​ การปฏิบัติ​ ของคุณ​เอกราช​ และ​ ครอบครัว​ ที่เลือก​ "ยอมรับ" ทุกปรากฏการณ์ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยอัฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ยอมรับว่าอิสราเอลกำลังประสบปัญหาอย่างหนักและต้องการทหารเพิ่มเติมจากการเปิดสงครามสองแนวรบเหนือ-ใต้:

    “สถานการณ์เลวร้ายลง มีแนวรบเปิดมากขึ้น มีทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องการทหารเพิ่มเติม”
    โยอัฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ยอมรับว่าอิสราเอลกำลังประสบปัญหาอย่างหนักและต้องการทหารเพิ่มเติมจากการเปิดสงครามสองแนวรบเหนือ-ใต้: “สถานการณ์เลวร้ายลง มีแนวรบเปิดมากขึ้น มีทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตมากขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องการทหารเพิ่มเติม”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีหุ่นเชิดของจอร์เจียปฏิเสธที่จะยอมรับการเลือกตั้งและขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วยการเรียกร้องให้ก่อรัฐประหาร วิธีปฏิบัติมาตรฐานในกรณีเช่นนี้คือการปลดออกจากตำแหน่งและจับกุม

    Dmitry Medvedev
    .
    The puppet president of Georgia refused to accept the election and went against the Constitution by calling for a coup. The standard practice in such cases is removal from office and arrest.
    .
    12:41 AM · Oct 29, 2024 · 259.4K Views
    https://x.com/MedvedevRussiaE/status/1850955959192936888
    ประธานาธิบดีหุ่นเชิดของจอร์เจียปฏิเสธที่จะยอมรับการเลือกตั้งและขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วยการเรียกร้องให้ก่อรัฐประหาร วิธีปฏิบัติมาตรฐานในกรณีเช่นนี้คือการปลดออกจากตำแหน่งและจับกุม Dmitry Medvedev . The puppet president of Georgia refused to accept the election and went against the Constitution by calling for a coup. The standard practice in such cases is removal from office and arrest. . 12:41 AM · Oct 29, 2024 · 259.4K Views https://x.com/MedvedevRussiaE/status/1850955959192936888
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออนุญาตเจ้าของลายมือ

    ตามลายมือ ทายว่า

    พูดจาเก่ง ฉลาด เชื่อมั่นในความรู้และความคิดของตัวเอง จนบางครั้งออกแนวดื้อและไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น คิดเร็วทำเร็ว คิดอะไรหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คิดวิตกกังวลเรื่องงาน เงินและครอบครัว

    เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง ใช้จ่ายเงินเพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงตามสังคมที่ตัวเองอยู่ ใช้จ่ายเงินอุปการะครอบครัวและญาติ เงินปานกลาง

    ลาภ ได้ลาภจากเพศตรงข้ามหรือคู่ ได้รับการสนับสนุนจากคู่เรื่องงานและเงิน

    งาน ก่อนอายุ 30 งานพอไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เงินติดขัดบ้าง มีคนช่วยเหลือเวลามีปัญหา มีการเดินทางไปมาด้วยหน้าที่ในการงาน มีคนทำให้เดือดร้อนใจ เหนื่อยพอสมควร ตอนอายุ 30 ถึงอายุ 40 งานพอไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคตอนอายุ 30 ต้น กับอายุ 30 ปลาย ตอนอายุ 40 มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องงาน ตอนอายุ 40 ต้น เจออุปสรรค ตอนอายุ 50 กลาง เจออุปสรรค

    สร้างเกียรติยศและชื่อเสียงในหน้าที่การงานด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง

    ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า

    ผูกพันกับครอบครัว มีการเดินทางไปหาครอบครัว ไม่อยู่กับที่ พูดจาเก่ง มีความพยายามในการศึกษาหาความรู้ ขัดแย้งหรือมีปัญหากับแม่ มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

    เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย หาเงินได้ด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง รายจ่ายหมดไปกับวิชาความรู้ที่ศึกษา ก้บให้แม่

    ลาภ ได้มาจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน

    งาน งานที่เหมาะ เช่น ครูบาอาจารย์ งานที่ให้ความรู้ งานที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนอื่น งานที่ทำนำมาทั้งรายได้และชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง

    ขอตำแหน่งวิชาการ เด่นตอนอายุ 53 เด่นปานกลางตอนอายุ 51/55/57 เรื่องตำแหน่ง ได้รับความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน

    ย้าย มักมีอุปสรรคในการย้าย

    ตอนอายุ 50 การย้ายมีอุปสรรค ไม่ได้ย้าย มีขัดแย้งหรือมีปัญหากับแม่ เสียค่าใช้จ่ายให้แม่ เจอความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับญาติ เช่นความเจ็บป่วยของญาติ เด่นเรื่องงาน

    ตอนอายุ 51 เรื่องราวเกี่ยวกับคู่ เรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน เด่นเรื่องงาน ได้ลาภจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน

    ตอนอายุ 52 เรื่องราวเกี่ยวกับลูก ลูกน้อง เรื่องดีเกี่ยวกับเงิน ลูก พ่อ มีการเดินทางไปหาครอบครัวและญาติ ไม่อยู่กับที่ มีปัญหาเฉพาะหน้าให้แก้ไข
    ขออนุญาตเจ้าของลายมือ ตามลายมือ ทายว่า พูดจาเก่ง ฉลาด เชื่อมั่นในความรู้และความคิดของตัวเอง จนบางครั้งออกแนวดื้อและไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น คิดเร็วทำเร็ว คิดอะไรหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คิดวิตกกังวลเรื่องงาน เงินและครอบครัว เงิน หาเงินเก่ง ใช้เงินเก่ง ใช้จ่ายเงินเพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงตามสังคมที่ตัวเองอยู่ ใช้จ่ายเงินอุปการะครอบครัวและญาติ เงินปานกลาง ลาภ ได้ลาภจากเพศตรงข้ามหรือคู่ ได้รับการสนับสนุนจากคู่เรื่องงานและเงิน งาน ก่อนอายุ 30 งานพอไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคบ้าง เงินติดขัดบ้าง มีคนช่วยเหลือเวลามีปัญหา มีการเดินทางไปมาด้วยหน้าที่ในการงาน มีคนทำให้เดือดร้อนใจ เหนื่อยพอสมควร ตอนอายุ 30 ถึงอายุ 40 งานพอไปได้เรื่อยๆ เจออุปสรรคตอนอายุ 30 ต้น กับอายุ 30 ปลาย ตอนอายุ 40 มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องงาน ตอนอายุ 40 ต้น เจออุปสรรค ตอนอายุ 50 กลาง เจออุปสรรค สร้างเกียรติยศและชื่อเสียงในหน้าที่การงานด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง ตามวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทายว่า ผูกพันกับครอบครัว มีการเดินทางไปหาครอบครัว ไม่อยู่กับที่ พูดจาเก่ง มีความพยายามในการศึกษาหาความรู้ ขัดแย้งหรือมีปัญหากับแม่ มีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เงิน มีรายได้มากกว่ารายจ่าย หาเงินได้ด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง รายจ่ายหมดไปกับวิชาความรู้ที่ศึกษา ก้บให้แม่ ลาภ ได้มาจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน งาน งานที่เหมาะ เช่น ครูบาอาจารย์ งานที่ให้ความรู้ งานที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนอื่น งานที่ทำนำมาทั้งรายได้และชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง ขอตำแหน่งวิชาการ เด่นตอนอายุ 53 เด่นปานกลางตอนอายุ 51/55/57 เรื่องตำแหน่ง ได้รับความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน ย้าย มักมีอุปสรรคในการย้าย ตอนอายุ 50 การย้ายมีอุปสรรค ไม่ได้ย้าย มีขัดแย้งหรือมีปัญหากับแม่ เสียค่าใช้จ่ายให้แม่ เจอความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับญาติ เช่นความเจ็บป่วยของญาติ เด่นเรื่องงาน ตอนอายุ 51 เรื่องราวเกี่ยวกับคู่ เรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน เด่นเรื่องงาน ได้ลาภจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อน ตอนอายุ 52 เรื่องราวเกี่ยวกับลูก ลูกน้อง เรื่องดีเกี่ยวกับเงิน ลูก พ่อ มีการเดินทางไปหาครอบครัวและญาติ ไม่อยู่กับที่ มีปัญหาเฉพาะหน้าให้แก้ไข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดปากคุณอ้อยกรณีทนายตั้ม EP.2 เผยเนื้อในจะขอรับลูกให้เป็นบุตรบุญธรรม เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ กม.ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ แต่ลูกชายตัวจริงไม่ยอม อีกด้านชงให้เปิดมูลนิธิที่เขาใหญ่ เป็นประธานแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้โอนเงินเข้าบัญชีทนายตั้มอย่างเดียว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103911

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิดปากคุณอ้อยกรณีทนายตั้ม EP.2 เผยเนื้อในจะขอรับลูกให้เป็นบุตรบุญธรรม เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ กม.ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ แต่ลูกชายตัวจริงไม่ยอม อีกด้านชงให้เปิดมูลนิธิที่เขาใหญ่ เป็นประธานแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้โอนเงินเข้าบัญชีทนายตั้มอย่างเดียว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103911 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    57
    2 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 2971 มุมมอง 2 รีวิว
Pages Boosts