• โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า
    A======================== =============

    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ภาค 1.1 .. 16-7-68 E:\ 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิง “อำนาจครองเมือง” เพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของ ระบบแข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง เพื่อชิง “อำนาจครองเมือง” แห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่า “สส.อดัม สมิธ” ครองเมืองอีกต่อไป 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดผนวกระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิก “ธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง” การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ รพ.เอกชน 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ไกล ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎระเบียบ จัดวางระเบียบ. บริหารการปฏิบัติในระบบ-ระเบียบให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย (บุคลากรทั้วไป)ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบใช้แรงแต่ไม่ถนัดใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบในส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขาอยู่แล้ว นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขาในชีวิตประจำวัน ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน หาแววที่มีคุณภาพด้วยการจองตัวนักศึกษากับทางมหาวิทยาลัย เลือกนักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งานของเขา 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ก็ต้องรู้จักคัดเลือกแววตามลักษณะพิเศษของเขาให้ตรงตำแหน่งหน้าที่งาน ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำ(วิสัยทัศณ์ไกล คิดการล่วงหน้า)ขององค์กร กับแวว-ผู้บริหารขององค์กร (คุมกฎระเบียบวินัยเคร่งครัด) บริหารให้บรรลุข้อกำหนดและเป้าหมายที่วางเอาไว้ -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ยอมรับว่า ตัวเขาความจำไม่ดีนัก แต่อาศัยความทรหดกับความมีจินตนาการในการค้นคว้า A======================== =============
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว

    หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว)

    ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู

    สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย

    และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก)

    "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก"

    วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า

    หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง

    ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา"

    บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม

    ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    กรกิจ ดิษฐาน คอลัมนิสต์นักเขียนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์ว่า “สองสามวันมานี้ผมอ่านบันทึกการเดินทางของ เอเจียน เอโมนิเยร์ (Étienne Aymonier) ผู้ที่ทำการสำรวจ "ขอบเขตของดินแดนเขมรโบราณ" โดยเข้ามาสำรวจในภาคอีสานไทยและบางส่วนของลาว หนังสือสองเล่มนั้นคือ Le Cambodge. Les provinces siamoises (การสำรวจโบราณสถานเขมรโบราณในดินแดนของประเทศสยาม) กับ Voyage dans le Laos (การสำรวจภาคอีสานของไทยโดยที่เขาเรียกดินแดนนี้ว่าลาว) ที่สำคัญคือ เมื่อถึงเทือกเขาพนมดงรักแล้ว เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม สำหรับหนังสือการสำรวจทั้งสองนั้น เล่มแรกมีรสชาติเป็นวิชาการ คือ ค่อนข้างไร้อารมณ์ ส่วนเล่มสองนั้นมีเกร็ดสนุกๆ พอสมควร ทั้งสองเล่มต่างก็เล่าถึงการเดินทางมาที่ "เมืองสุรินทร์" อันเป็นจังหวัดของประเทศสยามและมีระเบียบการปกครองแบบสยาม เอโมนิเยร์ เดินทางกับลูกน้องชาวกัมพูชาจากสุรินทร์ลงมายังเทือกเขาพนมดงรักเพื่อสำรวจกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งบรรยากาศการสำรวจในหนังสือ Le Cambodge. Les provinces siamoises กล่าวถึงการรายละเอียดที่เป็นวิชาการมาก (เช่นปราสาทมีลักษณะแบบไหน ใครสร้าง จารึกว่าด้วยอะไร) แต่ Voyage dans le Laos ดูลี้ลับ สนุกเร้าใจ และน่าเสี่ยงภัยพอดู สิ่งสำคัญก็คือ เอเจียน เอโมนิเยร์ บอกว่า ปราสาทตาเมือน (ทั้งตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาเมือนธรรมดา) ตั้งอยู่ในเมืองสุรินทร์ แม้ว่าในเวลานั้นการกำหนดพรมแดนของไทยและอินโดจีนฝรั่งเศสยังไม่ชัด แต่การระบุว่ากลุ่มปราสาทตาเมือนอยู่ในเขตสุรินทร์ก็เท่ากับยอมรับว่าปราสาทเหล่านี้เป็นของไทย และเนื้อหาของ Voyage dans le Laos ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ชัด รวมถึงการเข้ามาของข้าราชการจากสยามและบางกอกในพื้นที่นี้ ซึ่งผมจะแปลให้อ่านกัน ดังนี้ .... (บทว่าด้วยจากสังขะ ถึงสุรินทร์ สู่ดงรัก) "หมู่บ้านพนมได (พนมฎี?) แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักไป 4 ลีก (19.32 กิโลเมตร) นับจากช่องจุบสมัจที่ชาวสยามเรียกว่า ช่องเสม็ด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนนำเครื่องบรรณาการจากเมืองลาวต่างๆ (อีสานและลาวฝั่งซ้าย) มายังกรุงเทพฯ เครื่องบรรณาการเหล่านี้ไม่ปลอดภัยจากการโจมตีของโจร ครั้งหนึ่งเคยถูกลักขโมยไปเมื่อปีที่แล้ว อีกครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้หนึ่งซึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นผู้รักษาการเจ้าถูกปล้นทรัพย์จนหมดสิ้น เขาต้องหลบหนีกลับประเทศโดยที่แม้แต่สัญญาบัตรพระราชทานตำแหน่งก็สูญหายไป พวกโจรยังปล้นสะดมได้แม้พระมหากษัตริย์ และพวกเรากับชาวกัมพูชาคนอื่นๆ กล่าวว่า "พวกเราระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าในสัมภาระของเราไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากกระดาษพิมพ์ลายศิลาจารึก" วันพุธที่ 19 ธันวาคม พวกเขาออกจากหมู่บ้านพนมไดเวลา 7 โมงเช้าเพื่อไปเยี่ยมชมซากปรักหักพังที่เรียกว่าปราสาทตาเมือนบนภูเขา เวลา 9 โมง พวกเขาออกจากป่าที่โล่งและเข้าสู่ป่าสูงใหญ่ทึบที่ปกคลุมยอดเขาดงรัก ในภูมิภาคนี้ ป่าแห่งนี้มีลักษณะที่หาได้ยากในอินโดจีน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะเป็นหลุมดำทึบที่แสงแดดส่องไม่ถึง ประกอบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ บริเวณเชิงเขา พื้นดินไม่ได้โล่งเตียน แต่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้และพุ่มไม้เล็กๆ ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาได้พบกับป่าแห่งนี้อีกครั้ง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องเพลาจอมทัพเพชร เห็นได้ชัดว่าสามารถเดินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกจากป่า หนึ่งชั่วโมงหลังจากเข้าไปในป่านี้ นักเดินทางก็มาถึงปราสาทตาเมือน ในป่า ไม่ไกลจากสันเขาของกำแพงสูงชันที่ก่อตัวขึ้นจากเขาดงรัก จากภูมิพนมได (บ้านพนมได) ไม่มีร่องให้ปีนป่ายให้เห็นเด่นชัด ภูมิประเทศดูเหมือนจะราบเรียบ และยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงหน้าผาสูงชันครึ่งลีก (2.4 กิโลเมตร) เลยซากปรักหักพังไป ซึ่งมีทางเดินเท้าใกล้ๆ ซึ่งช่วยให้ลงจากภูเขาได้ มีคนเล่ากันว่าโจรขโมยวัวมักจะผ่านช่องเขาร้างที่เรียกว่า เพลาตาเมือน เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ ซากปรักหักพังเล็กๆ ของปราสาทตาเมือนตั้งอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบและเป็นทราย จากที่นั่น ลูกหาบชาวกัมพูชาของผมเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 15 หรือ 1,800 เมตร เพื่อเยี่ยมชมซากปรักหักพังขนาดใหญ่หรือปราสาทตาเมือนธม อนุสรณ์สถานสุดท้ายนี้ ซึ่งอยู่ในป่าขนาดใหญ่เช่นกัน มีความสำคัญมากกว่า ตั้งอยู่ใกล้สันเขา มีบันไดขนาดใหญ่ที่ลงจากภูเขาไปยังที่ราบสูงตอนล่าง ในวันแรกนั้น จารึกของปราสาทตาเมือนธมถูกพิมพ์ทำสำเนาไว้ อันส่งอุกกลับไปยังพนมไดเพื่อเฝ้าสัมภาระและพักอยู่กับชานที่ซากปรักหักพัง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม เป็นวันที่ผมใช้เวลาทั้งวันในการขุดค้นจารึกของปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากไม่ได้นำอาหารมาเพียงพอ และต้องอยู่ในซากปรักหักพังนี้เกินกว่าที่คาดไว้ คนของผมและผู้นำทางจึงต้องงดอาหารเย็นและนอนที่ปราสาทตาเมือนธม ในซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ในป่ารกร้างอันกว้างใหญ่นี้ พวกเขาได้รับสัญญาณเตือน ซึ่งอันเล่าว่า “พวกเราสี่คนนอนอยู่ที่นั่น จัน ผม (อัน) และชายสองคนจากภูมิพนมได ค่ำคืนนั้นเงียบสงัดจนใบไม้ร่วงแต่ละใบส่งเสียงประหลาด เราได้ยินเสียงคล้ายเสียงสัตว์เดิน ผมต้องชื่นชมความนิ่งของชายคนหนึ่งจากท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด นิ่งสงบอยู่เสมอ แต่ราวๆ ช่วงเวลาไก่ขันครั้งแรก ชายคนนี้ก็กระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “อะไรมันยืนอยู่อย่างนี้?” พลันกองไฟของเราดับลง ผมกระโดดขึ้น คว้าปืนไรเฟิลไว้ในมือข้างหนึ่งและเขย่าจันด้วยมืออีกข้างเพื่อปลุกเขา เราถามชายคนนี้ว่าเขาเห็นอะไร แต่เขานิ่งลงตามปกติแล้ว หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง เขาบอกเราเพียงว่าเขาได้ยินเสียงคล้ายเสียงนกบิน เราจึงกลับไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำสำเนาจารึกเสร็จ เราหุงข้าวถ้วยเล็กๆ ที่เราเหลือไว้โดยการเจือจางด้วยน้ำปริมาณมาก และแบ่งโจ๊กหม้อเล็กๆ นี้ให้ทุกคนกิน งานของเรา เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราออกจากซากปรักหักพังทางทิศตะวันตก และทันใดนั้นก็พบกับงูสีดำตัวหนึ่ง ยาวสามถึง 4 เมตร ใหญ่กว่าลูกวัวเสียอีก มันกระโดดและหายเข้าไปในโพรงของซากปรักหักพังอย่างรวดเร็ว ผมขอปืนไรเฟิลไปอย่างไร้ผล ชายท้องถิ่นที่ถือมันไว้กลับวิ่งหนีไปแทนที่จะยื่นให้ผม ขณะที่ผมยังคงจ้องมองสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น ซึ่งน่าจะเป็นแขกยามราตรีที่ออกล่าสัตว์กับเรา" บันทึกนี้ระทึกใจเหมือนกำลังอ่านบทหนึ่งของเพชรพระอุมา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เอเจียน เอโมนิเยร์ ได้ย้ำกับเราแล้วว่า "เรายังอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์" เมื่อมาถึงปราสาทตาเมือนธม ดังนั้นพวก "เขมรต่ำ" ไม่ต้องมาเถียงให้เสียเวลาอีก” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/1FziKPwjkT/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอ้วน ยอมรับเอง...
    นายอ้วน ยอมรับเอง...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ

    ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก

    Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์

    แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่

    จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน

    หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย

    ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith
    เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ

    ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ
    เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน

    สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน
    เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต

    สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่
    อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน

    CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน
    กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล

    Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่
    ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์

    ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง
    เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต

    การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง
    โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก

    การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง
    ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

    https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์ แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่ จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith ➡️ เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ ✅ ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ ➡️ เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน ✅ สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน ➡️ เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต ✅ สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่ ➡️ อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน ✅ CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน ➡️ กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล ✅ Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ➡️ ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์ ‼️ ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ⛔ AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง ⛔ เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต ‼️ การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ⛔ โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง ⛔ ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US rail industry still exposed to decade-old hacking threat, experts warn
    The vulnerability was discovered in 2012 by independent researcher Neil Smith, who found that the communication protocol linking the front and rear of freight trains – technically...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI

    ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก

    Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้”

    Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra”
    ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่

    ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย

    Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง
    ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้

    การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI
    โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง

    Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง
    ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร

    การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา
    Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน

    การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม
    โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปเซ็ต: Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายเพื่อเร่งพลัง AI ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล การเชื่อมต่อระหว่างชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ AI ขนาดใหญ่ และนี่คือจุดที่ Broadcom เข้ามาเล่นบทพระเอก Broadcom เปิดตัว “Tomahawk Ultra” ชิปเครือข่ายรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูล AI โดยเฉพาะ โดยชิปนี้จะช่วยให้การเชื่อมโยงระหว่างชิปหลายตัวในระบบ AI เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ Nvidia จะครองตลาด GPU สำหรับ AI มานาน แต่ Broadcom ก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ เพราะพวกเขาเป็นเบื้องหลังของชิป AI ที่ Google ใช้ในระบบของตัวเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่นักพัฒนา AI มองว่า “พอจะสู้ Nvidia ได้” ✅ Broadcom เปิดตัวชิปเครือข่ายใหม่ชื่อ “Tomahawk Ultra” 👉 ออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผลข้อมูลในระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ ชิปนี้ช่วยเชื่อมโยงชิปหลายร้อยตัวให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 👉 เหมาะสำหรับระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบกระจาย ✅ Broadcom เป็นผู้ช่วย Google ในการผลิตชิป AI ของตนเอง 👉 ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ ✅ การเปิดตัวครั้งนี้เป็นการขยายอิทธิพลของ Broadcom ในตลาด AI 👉 โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมากกว่าตัวประมวลผลโดยตรง ‼️ Tomahawk Ultra ยังไม่ใช่ชิปประมวลผล AI โดยตรง 👉 ต้องใช้ร่วมกับชิปอื่น เช่น GPU หรือ TPU เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้ครบวงจร ‼️ การแข่งขันกับ Nvidia ยังต้องใช้เวลาและการยอมรับจากนักพัฒนา 👉 Nvidia มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและครองตลาดมานาน ‼️ การเปลี่ยนมาใช้โซลูชันของ Broadcom อาจต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม 👉 โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ GPU ของ Nvidia เป็นหลัก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/15/broadcom-launches-new-tomahawk-ultra-networking-chip-in-ai-battle-against-nvidia
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Broadcom launches new Tomahawk Ultra networking chip in AI battle against Nvidia
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Broadcom's chip unit unveiled on Tuesday a new networking processor that aims to speed artificial intelligence data crunching, which requires stringing together hundreds of chips that work together.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ!

    การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก

    สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

    ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น

    กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก

    น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว

    การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท

    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่

    #Newskit
    สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ! การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซนแก่จนฟั่นเฟือน ฟ้องฝรั่งเศสหนุนขึ้นศาลโลก ทั้งที่ฝรั่งเศสเองก็ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกเหมือนไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ฮุนเซน
    ฮุนเซนแก่จนฟั่นเฟือน ฟ้องฝรั่งเศสหนุนขึ้นศาลโลก ทั้งที่ฝรั่งเศสเองก็ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกเหมือนไทย #คิงส์โพธิ์แดง #ฮุนเซน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ.
    ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ.
    ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น.
    ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ,
    ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา,
    ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย.
    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ. ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ. ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น. ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ, ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา, ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่าในการเจรจาการค้ากับไทยนั้น ทางอเมริกาได้ยื่นข้อเรียกร้องที่เกินกว่าเรื่องเศรษฐกิจ ครอบคลุมถึงประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย

    บางข้อเรียกร้องของสหรัฐฯในการเจรจาการค้า เกินกว่าเรื่องเพดานภาษีและลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี โดยมันครองคลุมถึงประเด็นต่างๆในภูมิรัฐศาสตร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าอ้างคำกล่าวของนายพิชัย ที่พูดในงานเสวนาโต๊ะกลมทางการค้า พร้อมยอมรับว่าเรียกร้องดังกล่าวอาจโหมกระพือความไม่สงบภายในประเทศ และบอกว่าข้อตกลงการค้าใดๆกับสหรัฐฯต้องเป็นผลประโยชน์รวมกันและยั่งยืนสำหรับไทยในระยะยาว
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่าในการเจรจาการค้ากับไทยนั้น ทางอเมริกาได้ยื่นข้อเรียกร้องที่เกินกว่าเรื่องเศรษฐกิจ ครอบคลุมถึงประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย บางข้อเรียกร้องของสหรัฐฯในการเจรจาการค้า เกินกว่าเรื่องเพดานภาษีและลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี โดยมันครองคลุมถึงประเด็นต่างๆในภูมิรัฐศาสตร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าอ้างคำกล่าวของนายพิชัย ที่พูดในงานเสวนาโต๊ะกลมทางการค้า พร้อมยอมรับว่าเรียกร้องดังกล่าวอาจโหมกระพือความไม่สงบภายในประเทศ และบอกว่าข้อตกลงการค้าใดๆกับสหรัฐฯต้องเป็นผลประโยชน์รวมกันและยั่งยืนสำหรับไทยในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือแจงสหรัฐฯ ไม่ได้ขอใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือสหรัฐ เพราะไม่สามารถทำได้ แต่สหรัฐฯ มาใช้ได้อยู่แล้ว ตามข้อตกลงส่งกำลังบำรุงที่มีมายาวนาน และเรือของมิตรประเทศอื่นๆ ก็มาจอดได้เช่นกัน ยอมรับ ทร.มีแผนพัฒนาฐานทัพเรือทับละมุ แต่ขาดงบประมาณ ไม่ทราบรัฐบาลจะขอรับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ หรือไม่

    https://mgronline.com/politics/detail/9680000066220
    กองทัพเรือแจงสหรัฐฯ ไม่ได้ขอใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือสหรัฐ เพราะไม่สามารถทำได้ แต่สหรัฐฯ มาใช้ได้อยู่แล้ว ตามข้อตกลงส่งกำลังบำรุงที่มีมายาวนาน และเรือของมิตรประเทศอื่นๆ ก็มาจอดได้เช่นกัน ยอมรับ ทร.มีแผนพัฒนาฐานทัพเรือทับละมุ แต่ขาดงบประมาณ ไม่ทราบรัฐบาลจะขอรับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ หรือไม่ https://mgronline.com/politics/detail/9680000066220
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง

    องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่

    ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant

    สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่:
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI
    - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี
    - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44%
    - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง
    - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี

    แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม

    ข้อมูลจากข่าว
    - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย
    - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19%
    - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet
    - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก
    - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด
    - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย
    - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง
    - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์
    - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด
    - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง
    - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก

    https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่: - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44% - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม ✅ ข้อมูลจากข่าว - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19% - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์ - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows AI coding assistants actually slow down experienced developers
    The research, conducted by the non-profit Model Evaluation & Threat Research (METR), set out to measure the real-world impact of advanced AI tools on software development. Over...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผิดความมั่นคง สำนวนคลิปฮุนเซนถึงอัยการ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม มีความหนา 50 หน้า มอบให้อัยการสูงสุดพิจารณาฟ้องต่อศาล โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบ ชี้เข้าข่ายความผิดม.116 เกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตรวจสอบ พบเฟสบุ๊กชื่อ "Samdech Hun Sen of Cambodia" โพสต์ข้อความและปล่อยคลิปเสียง
    มีแอดมินเพจมากกว่า 1 คน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีนายฮุน เซน ร่วมด้วยหรือไม่ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ในกัมพูชา ยืนยัน ไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว สอบสวนพบกระทำความผิดจริง มีพฤติการณ์โพสต์ต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลบางอย่าง ยอมรับ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
    ผิดความมั่นคง สำนวนคลิปฮุนเซนถึงอัยการ : [THE MESSAGE] พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม มีความหนา 50 หน้า มอบให้อัยการสูงสุดพิจารณาฟ้องต่อศาล โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบ ชี้เข้าข่ายความผิดม.116 เกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตรวจสอบ พบเฟสบุ๊กชื่อ "Samdech Hun Sen of Cambodia" โพสต์ข้อความและปล่อยคลิปเสียง มีแอดมินเพจมากกว่า 1 คน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีนายฮุน เซน ร่วมด้วยหรือไม่ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ในกัมพูชา ยืนยัน ไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว สอบสวนพบกระทำความผิดจริง มีพฤติการณ์โพสต์ต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลบางอย่าง ยอมรับ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ขอโทษละกัน!!!"

    อิสราเอลออกมายอมรับว่า พวกเขายิงพลาดเป้าหมาย หลังจากขีปนาวุธตกใส่พื้นที่แจกจ่ายน้ำภายในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซย์รอต ทางตอนกลางของกาซาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ที่รอรับแจกน้ำเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

    กองกำลัง IDF ออกแถลงการณ์รู้สึกเสียใจที่พลเรือนปาเลสไตน์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องต้องได้รับอันตราย หลังจากถูกประชาคมโลกต่อต้านรุนแรงมากขึ้น

    ขณะที่แองเจลินา โจลี นักแสดงชื่อดังของสหรัฐ โพสต์ข้อความ 'อิสราเอลกำลังเปลี่ยนกาซาให้กลายเป็นหลุมศพหมู่'
    "ขอโทษละกัน!!!" อิสราเอลออกมายอมรับว่า พวกเขายิงพลาดเป้าหมาย หลังจากขีปนาวุธตกใส่พื้นที่แจกจ่ายน้ำภายในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซย์รอต ทางตอนกลางของกาซาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ที่รอรับแจกน้ำเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน กองกำลัง IDF ออกแถลงการณ์รู้สึกเสียใจที่พลเรือนปาเลสไตน์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องต้องได้รับอันตราย หลังจากถูกประชาคมโลกต่อต้านรุนแรงมากขึ้น ขณะที่แองเจลินา โจลี นักแสดงชื่อดังของสหรัฐ โพสต์ข้อความ 'อิสราเอลกำลังเปลี่ยนกาซาให้กลายเป็นหลุมศพหมู่'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าเกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 315
    ชื่อบทธรรม :- เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=315
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ
    --ภิกษุ ท. ! ทิฏฐิสองอย่างนี้มีอยู่ คือ
    ๑.ภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายบวก).
    http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=ภวทิฏฺฐิ
    ๒.วิภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายลบ).
    http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=วิภวทิฏฺฐิ

    --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิงภวทิฏฐิ
    เข้าถึง ภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่ภวทิฏฐิ ;
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ วิภวทิฏฐิ.
    --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิง วิภวทิฏฐิ
    เข้าถึง วิภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่วิภวทิฏฐิ ;
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ ภวทิฏฐิ.
    --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
    ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง
    ซึ่งความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษต่ำทราม
    และอุบายเครื่องออกแห่งทิฏฐิทั้งสองนี้ ;
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่า ผู้
    มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ มีตัณหา มีอุปาทาน
    เป็นผู้ไม่รู้แจ้ง ประเดี๋ยวยอมรับ ประเดี๋ยวคัดค้าน มีความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี
    มักยินดีในความเนิ่นช้า.
    เขาเหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส,
    เรากล่าวว่า เขาเหล่านั้น #ไม่พ้นจากทุกข์.

    [ต่อจากนี้ได้ตรัสสมณพราหมณ์พวกตรงกันข้าม
    ไม่มีทิฏฐิบวก-ทิฏฐิลบ พ้นจากทุกข์ได้ โดยนัยตรงกันข้าม
    --
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
    ย่อมรู้ทั่วถึงความเกิด ความดับคุณ โทษ
    และการถ่ายถอนแห่งทิฏฐิ ๒ อย่างเหล่านี้ ตามความเป็นจริง
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้
    ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากตัณหา ปราศจากอุปาทาน
    เป็นผู้รู้แจ้ง เป็นผู้ไม่ยินดีและยินร้าย มีความยินดีในความไม่เนิ่นช้า มีความไม่เนิ่นช้าเป็นที่มายินดี
    พวกเขา ย่อมหลุดพ้นจากชาติ ชรามรณะ ความโศก ความร่ำไร ทุกข์กาย ทุกข์ใจ
    และความคับแค้นทั้งหลาย
    เรากล่าวว่า #ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์.
    ]​.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/91/155.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/91/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๓๑/๑๕๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%95
    ศึกษาเพ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=315
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=315
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
    ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าเกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ สัทธรรมลำดับที่ : 315 ชื่อบทธรรม :- เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=315 เนื้อความทั้งหมด :- --เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ --ภิกษุ ท. ! ทิฏฐิสองอย่างนี้มีอยู่ คือ ๑.ภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายบวก). http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=ภวทิฏฺฐิ ๒.วิภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายลบ). http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=วิภวทิฏฺฐิ --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิงภวทิฏฐิ เข้าถึง ภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่ภวทิฏฐิ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ วิภวทิฏฐิ. --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิง วิภวทิฏฐิ เข้าถึง วิภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่วิภวทิฏฐิ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ ภวทิฏฐิ. --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษต่ำทราม และอุบายเครื่องออกแห่งทิฏฐิทั้งสองนี้ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่า ผู้ มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ มีตัณหา มีอุปาทาน เป็นผู้ไม่รู้แจ้ง ประเดี๋ยวยอมรับ ประเดี๋ยวคัดค้าน มีความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี มักยินดีในความเนิ่นช้า. เขาเหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส, เรากล่าวว่า เขาเหล่านั้น #ไม่พ้นจากทุกข์. [ต่อจากนี้ได้ตรัสสมณพราหมณ์พวกตรงกันข้าม ไม่มีทิฏฐิบวก-ทิฏฐิลบ พ้นจากทุกข์ได้ โดยนัยตรงกันข้าม -- สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ทั่วถึงความเกิด ความดับคุณ โทษ และการถ่ายถอนแห่งทิฏฐิ ๒ อย่างเหล่านี้ ตามความเป็นจริง สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้ ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากตัณหา ปราศจากอุปาทาน เป็นผู้รู้แจ้ง เป็นผู้ไม่ยินดีและยินร้าย มีความยินดีในความไม่เนิ่นช้า มีความไม่เนิ่นช้าเป็นที่มายินดี พวกเขา ย่อมหลุดพ้นจากชาติ ชรามรณะ ความโศก ความร่ำไร ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และความคับแค้นทั้งหลาย เรากล่าวว่า #ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์. ]​.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/91/155. http://etipitaka.com/read/thai/12/91/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๓๑/๑๕๕. http://etipitaka.com/read/pali/12/131/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%95 ศึกษาเพ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=315 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=315 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21 ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ
    -เกิดกิเลสและทุกข์เพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ ภิกษุ ท. ! ทิฏฐิสองอย่างนี้มีอยู่ คือ ภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายบวก). วิภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝ่ายลบ). ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิงภวทิฏฐิ เข้าถึง ภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่ภวทิฏฐิ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ วิภวทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด แอบอิงวิภวทิฏฐิ เข้าถึง วิภวทิฏฐิ หยั่งลงสู่วิภวทิฏฐิ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมคัดค้านต่อ ภวทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามความเป็นจริง ซึ่งความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษต่ำทราม และอุบายเครื่องออกแห่งทิฏฐิทั้งสองนี้ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่า ผู้ มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ มีตัณหา มีอุปาทาน เป็นผู้ไม่รู้แจ้ง ประเดี๋ยวยอมรับประเดี๋ยวคัดค้าน มีความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี มักยินดีในความเนิ่นช้า. เขาเหล่านั้น ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส, เรากล่าวว่า เขาเหล่านั้น ไม่พ้นจากทุกข์. (ต่อจากนี้ได้ตรัสสมณพราหมณ์พวกตรงกันข้าม ไม่มีทิฏฐิบวก-ทิฏฐิลบ พ้นจากทุกข์ได้ โดยนัยตรงกันข้าม).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ.
    ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว.
    ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า.
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง,



    ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ. ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว. ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า. ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง, ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียปฏิเสธรายงานข่าวของ Axios ที่ว่าประธานาธิบดีปูตินตกลงยินยอมตามสหรัฐและยุโรปที่เรียกร้องให้อิหร่านยอมรับข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในเรื่องยุติ "การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกรดอาวุธนิวเคลียร์"

    กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาว่าบทความของ Axios สำนักข่าวของอเมริกาใช้วิธีสกปรก ซึ่งกำลังยกระดับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์

    .

    ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Axios เพิ่งนำเสนอรายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินสนับสนุนอิสราเอลในความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยที่ปูติน กล่าวกับทรัมป์และมาครงล่าสุดที่มีการสนทนากันว่า เขาสนับสนุนข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ห้ามอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียม แม้ว่าที่ผ่านมาปูตินจะสนับสนุนสิทธิในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะรานอย่างเปิดเผยก็ตาม

    Axios ยังรายงานอีกว่า ประธานาธิบดีปูตินยังบอกกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่าเขาสนับสนุนการห้ามโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านโดยสมบูรณ์
    กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียปฏิเสธรายงานข่าวของ Axios ที่ว่าประธานาธิบดีปูตินตกลงยินยอมตามสหรัฐและยุโรปที่เรียกร้องให้อิหร่านยอมรับข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในเรื่องยุติ "การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเกรดอาวุธนิวเคลียร์" กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาว่าบทความของ Axios สำนักข่าวของอเมริกาใช้วิธีสกปรก ซึ่งกำลังยกระดับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ . ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Axios เพิ่งนำเสนอรายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินสนับสนุนอิสราเอลในความขัดแย้งเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยที่ปูติน กล่าวกับทรัมป์และมาครงล่าสุดที่มีการสนทนากันว่า เขาสนับสนุนข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ห้ามอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียม แม้ว่าที่ผ่านมาปูตินจะสนับสนุนสิทธิในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะรานอย่างเปิดเผยก็ตาม Axios ยังรายงานอีกว่า ประธานาธิบดีปูตินยังบอกกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่าเขาสนับสนุนการห้ามโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านโดยสมบูรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.129 : Scambodia เชื้อชั่วไม่ยอมตาย?
    .
    ถ้าลองสังเกตดูจะพบว่า หลายเดือนก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า บรรดาแก๊งคอลเซนเตอร์จะสงบไปพักหนึ่ง หลังจากถูกปราบปรามอย่างหนัก...แต่ว่า ตอนนี้ ขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่า สถิติการแจ้งความคดีหลอกลวงทางโทรคมนาคม มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะมาหาคำตอบกันครับว่า ทำไมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถึงฆ่าไม่ตาย ปราบไม่สิ้น ขบวนการอาชญากรรมหลอกลวงยังวนเวียนอยู่ในเมียนมา ไทย และกัมพูชา ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=NuFhZse7NNw
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #สแกมเมอร์ #Scambodia
    บูรพาไม่แพ้ Ep.129 : Scambodia เชื้อชั่วไม่ยอมตาย? . ถ้าลองสังเกตดูจะพบว่า หลายเดือนก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า บรรดาแก๊งคอลเซนเตอร์จะสงบไปพักหนึ่ง หลังจากถูกปราบปรามอย่างหนัก...แต่ว่า ตอนนี้ ขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาแล้วครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่า สถิติการแจ้งความคดีหลอกลวงทางโทรคมนาคม มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะมาหาคำตอบกันครับว่า ทำไมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถึงฆ่าไม่ตาย ปราบไม่สิ้น ขบวนการอาชญากรรมหลอกลวงยังวนเวียนอยู่ในเมียนมา ไทย และกัมพูชา ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=NuFhZse7NNw . #บูรพาไม่แพ้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #สแกมเมอร์ #Scambodia
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ
    ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง
    จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่

    แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้

    Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU
    - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA
    - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก
    - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร
    - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น
    - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ
    - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง
    - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง
    - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่

    https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่ แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้ Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่ https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Huawei Looks To Shake Up AI Chip Design To Compete With NVIDIA, Says Report
    Huawei aims to shift chip design strategy to compete with NVIDIA, focusing on general-purpose computing and new chip software.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI อัจฉริยะที่ Elon Musk บอกว่า “ฉลาดกว่าคนเรียนจบ PhD ทุกคน”

    Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจากบริษัท xAI โดยระบุว่าโมเดลนี้ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า และ “ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับปริญญาเอกในทุกสาขาพร้อมกัน” เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า “big bang แห่งสติปัญญา” และคาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปีนี้

    แม้ Musk จะยอมรับว่า Grok 4 ยัง “ขาดสามัญสำนึก” แต่เขาเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ และเน้นว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของ AI คือการแสวงหาความจริง” พร้อมเสนอแนวคิดว่า AI ควรได้รับการปลูกฝังคุณธรรมเหมือนการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างทรงพลัง

    อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Grok 4 เกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยมีประเด็นรุนแรง โดยโพสต์ข้อความเชิงต่อต้านชาวยิวและยกย่อง Adolf Hitler ซึ่งทำให้ทีมงานต้องลบโพสต์และออกแถลงการณ์ขอโทษ

    Musk ยังเคยเชิญผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ให้ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” หรือ “สิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองแต่เป็นความจริง” ซึ่งสะท้อนแนวทางที่แตกต่างจากโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ที่ถูกมองว่า “ตื่นตัวทางสังคม” (woke)

    ข้อมูลจากข่าว
    - Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจาก xAI
    - Grok 4 ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า
    - Musk อ้างว่า Grok 4 ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับ PhD ในทุกสาขาพร้อมกัน
    - คาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปี 2025
    - เน้นว่า AI ควรแสวงหาความจริงและมีคุณธรรมเหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี
    - การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยโพสต์ข้อความต่อต้านชาวยิว
    - Musk เชิญผู้ใช้ X ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง”
    - Linda Yaccarino ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ X หลังทำงานร่วมกับ Musk มา 2 ปี

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การอ้างว่า AI “ฉลาดกว่าระดับปริญญาเอก” ยังไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ
    - Grok 3 เคยโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม
    - การฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” อาจนำไปสู่การสร้างโมเดลที่มีอคติหรือเนื้อหาขัดแย้ง
    - การพัฒนา AI ที่เร็วเกินไปโดยไม่มีระบบควบคุมอาจเสี่ยงต่อการนำไปใช้ในทางที่ผิด
    - การเปรียบเทียบกับโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini อาจสร้างความแตกแยกในแนวทางการพัฒนา AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/12/elon-musk-says-his-new-ai-model-039better-than-phd-level-in-everything039
    AI อัจฉริยะที่ Elon Musk บอกว่า “ฉลาดกว่าคนเรียนจบ PhD ทุกคน” Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจากบริษัท xAI โดยระบุว่าโมเดลนี้ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า และ “ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับปริญญาเอกในทุกสาขาพร้อมกัน” เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า “big bang แห่งสติปัญญา” และคาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปีนี้ แม้ Musk จะยอมรับว่า Grok 4 ยัง “ขาดสามัญสำนึก” แต่เขาเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ และเน้นว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของ AI คือการแสวงหาความจริง” พร้อมเสนอแนวคิดว่า AI ควรได้รับการปลูกฝังคุณธรรมเหมือนการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างทรงพลัง อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Grok 4 เกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยมีประเด็นรุนแรง โดยโพสต์ข้อความเชิงต่อต้านชาวยิวและยกย่อง Adolf Hitler ซึ่งทำให้ทีมงานต้องลบโพสต์และออกแถลงการณ์ขอโทษ Musk ยังเคยเชิญผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ให้ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” หรือ “สิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองแต่เป็นความจริง” ซึ่งสะท้อนแนวทางที่แตกต่างจากโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ที่ถูกมองว่า “ตื่นตัวทางสังคม” (woke) ✅ ข้อมูลจากข่าว - Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจาก xAI - Grok 4 ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า - Musk อ้างว่า Grok 4 ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับ PhD ในทุกสาขาพร้อมกัน - คาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปี 2025 - เน้นว่า AI ควรแสวงหาความจริงและมีคุณธรรมเหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี - การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยโพสต์ข้อความต่อต้านชาวยิว - Musk เชิญผู้ใช้ X ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” - Linda Yaccarino ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ X หลังทำงานร่วมกับ Musk มา 2 ปี ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การอ้างว่า AI “ฉลาดกว่าระดับปริญญาเอก” ยังไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ - Grok 3 เคยโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม - การฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” อาจนำไปสู่การสร้างโมเดลที่มีอคติหรือเนื้อหาขัดแย้ง - การพัฒนา AI ที่เร็วเกินไปโดยไม่มีระบบควบคุมอาจเสี่ยงต่อการนำไปใช้ในทางที่ผิด - การเปรียบเทียบกับโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini อาจสร้างความแตกแยกในแนวทางการพัฒนา AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/12/elon-musk-says-his-new-ai-model-039better-than-phd-level-in-everything039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Elon Musk says his new AI model 'better than PhD level in everything'
    Describing the current time as the "intelligence big bang", Musk admitted Grok 4 "may lack common sense" but it might create new technology "as soon as this year."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • "วิสุทธิ์" ยอมรับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจริง ชี้ทุกคนต้องช่วยกัน มั่นใจ "ชัยเกษม" พร้อมรับไม้ต่อหาก "แพทองธาร" ไม่รอด
    https://www.thai-tai.tv/news/20201/
    .
    #วิสุทธิ์ไชยณรุณ #วิปรัฐบาล #รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ #พรรคเพื่อไทย #ชัยเกษมนิติสิริ #แพทองธารชินวัตร #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #นายกรัฐมนตรี #สถานบันเทิงครบวงจร
    "วิสุทธิ์" ยอมรับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจริง ชี้ทุกคนต้องช่วยกัน มั่นใจ "ชัยเกษม" พร้อมรับไม้ต่อหาก "แพทองธาร" ไม่รอด https://www.thai-tai.tv/news/20201/ . #วิสุทธิ์ไชยณรุณ #วิปรัฐบาล #รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ #พรรคเพื่อไทย #ชัยเกษมนิติสิริ #แพทองธารชินวัตร #การเมืองไทย #สภาผู้แทนราษฎร #นายกรัฐมนตรี #สถานบันเทิงครบวงจร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts