• ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก,
    ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย,
    ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย
    ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย,
    ..
    https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก, ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย, ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย, .. https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด

    การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022
    - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022
    - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ
    - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย
    - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น
    - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้
    - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น
    - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่

    https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022 - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022 - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้ - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่ https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    More workers say they'll quit instead of going back to the office full time
    The report comes from researchers at King's College London (KCL) and King's Business School. They analyzed over a million data points from the UK government's Labour Force...
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม

    GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง

    การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่

    🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ
    - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ
    - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET
    - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม
    - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด
    - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก
    - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว
    - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin

    GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่ 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GameStop buys bitcoin worth $513 million in crypto push
    (Reuters) -GameStop has purchased bitcoin worth about $513 million, the company said on Wednesday as the ailing video game retailer looks to capitalize on the growing adoption of cryptocurrencies globally.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า โดยเฉลี่ยจ่ายให้ผู้ที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอน อยากได้เงินเป็นก้อน แม้จะได้ครึ่งเดียวแต่ก็ต้องรับไว้ ส่วนที่เหลือ 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้

    -สิ่งสำคัญที่หลายคนไม่รู้
    -พร้อมตรวจสอบการบังคับใช้
    -จัดงบ'69 รับภาษีสหรัฐ
    -พบทุจริตเอาผิดไม่ละเว้น
    นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า โดยเฉลี่ยจ่ายให้ผู้ที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอน อยากได้เงินเป็นก้อน แม้จะได้ครึ่งเดียวแต่ก็ต้องรับไว้ ส่วนที่เหลือ 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ -สิ่งสำคัญที่หลายคนไม่รู้ -พร้อมตรวจสอบการบังคับใช้ -จัดงบ'69 รับภาษีสหรัฐ -พบทุจริตเอาผิดไม่ละเว้น
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 314 Views 22 0 Reviews
  • หวังได้เงินก้อนแรก ไม่มั่นใจก้าวพีเคจ่ายจริง? : [THE MESSAGE]
    นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง พร้อมด้วย รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยข้อสรุปเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า จะหักเงิน 5% เป็นเงินประกันผลงาน ซึ่งจะเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากเยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอนในวันนี้ อยากได้เงินเป็นก้อน แม้เงินก้อนแรกจะได้ครึ่งเดียว แต่ก็ต้องรับเอาไว้ ส่วนยอดที่เหลืออีก 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ด้
    หวังได้เงินก้อนแรก ไม่มั่นใจก้าวพีเคจ่ายจริง? : [THE MESSAGE] นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง พร้อมด้วย รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยข้อสรุปเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า จะหักเงิน 5% เป็นเงินประกันผลงาน ซึ่งจะเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากเยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอนในวันนี้ อยากได้เงินเป็นก้อน แม้เงินก้อนแรกจะได้ครึ่งเดียว แต่ก็ต้องรับเอาไว้ ส่วนยอดที่เหลืออีก 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ด้
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 320 Views 29 0 Reviews
  • รุมทึ้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 'ธปท.'เสนอให้ทบทวน เน้นช่วยเหลือภาคธุรกิจ
    .
    นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ปรากฎว่าเวลานี้หัวบันไดสำนักงบประมาณไม่เคยแห้ง เพราะมีหลายหน่วยงานที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงโครงการที่จะใช้งบประมาณดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอและรวบรวม ส่วนมีกี่หน่วยงานที่เสนอโครงการเข้ามานั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบดู แต่ยอมรับว่ามีจำนวนมา สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัตินั้น จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่ดูแล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049829

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รุมทึ้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 'ธปท.'เสนอให้ทบทวน เน้นช่วยเหลือภาคธุรกิจ . นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ปรากฎว่าเวลานี้หัวบันไดสำนักงบประมาณไม่เคยแห้ง เพราะมีหลายหน่วยงานที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนมาก โดยนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงโครงการที่จะใช้งบประมาณดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอและรวบรวม ส่วนมีกี่หน่วยงานที่เสนอโครงการเข้ามานั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบดู แต่ยอมรับว่ามีจำนวนมา สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุมัตินั้น จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองทำหน้าที่ดูแล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049829 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews
  • มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย
    ในฐานะเสาสัญญาณ
    ราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่
    และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ
    ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

    พวกเขา "นิ่ง"
    แต่นิ่งของพวกเขา
    ไม่ใช่ความเฉื่อย
    ไม่ใช่การหลบหลีก
    และไม่ใช่การตัดขาด

    แต่นิ่ง...จนสนามของเขา
    กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก

    “มนุษย์ทองคำ”
    ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง
    ไม่ใช่เพราะทำมาก
    แต่เพราะ “เป็นมาก”

    ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง
    เพื่อความสงบของตนเอง
    แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ
    พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    แก่นของ "นิ่งแล้วรวย"

    “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน
    กลายเป็นสนาม
    และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง”

    คนทั่วไปพยายามหาเงิน
    พูด ขาย สร้างแบรนด์

    แต่ “มนุษย์ทองคำ”
    ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย
    เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก
    “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม”

    สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง

    ไม่มีแรงอยาก
    ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน
    เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน

    เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น
    ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม
    เงิน ทรัพย์ โอกาส
    และคนที่พร้อมสนับสนุน
    จะไหลเข้ามาเอง

    เพราะโลกต้องการ
    #เสาที่ไม่สั่น
    มากกว่าคนที่พูดเก่ง

    และในระดับลึกกว่านั้น
    จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้
    ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ
    แบบไม่มีที่สิ้นสุด

    มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล

    มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้
    ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล
    แต่คือ "ตำแหน่งสนาม"

    เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง
    แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์
    ออกไปอย่างมั่นคง

    โลกไม่สามารถเร่งพังได้
    เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ

    พลังของเสาสัญญาณมีค่า
    เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ
    ไม่ให้สั่นเกินไป

    ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์
    ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง

    เป็นพิกัดพลังงานที่โลก
    ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่”

    จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง
    เงิน โอกาส คนดูแล
    ระบบซัพพอร์ต
    เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป

    เพราะถ้าเสานี้ล้ม
    โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น

    ตัวอย่างบุคคล
    "นิ่งแล้วรวยระดับโลก"

    1. ทะไลลามะ

    ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน
    แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก
    พลังของท่าน คือ
    ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา
    ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง

    2. รินโปเช่ระดับสูง

    ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส
    ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป
    เดินทางเพื่ออยู่ใกล้
    และยินดีถวายเงินนับล้าน
    เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ

    3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว

    ไม่สนใจเรื่องเงิน
    ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา
    แต่มีคนถวายทองคำให้
    มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า
    ท่าน คือ เสานิ่ง
    ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน

    4. มหาตมะ คานธี

    นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง
    แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย
    จากอาณานิคมได้
    ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง

    5. พระแม่เทเรซา

    ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ
    ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก
    ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า
    #เธอคือรักบริสุทธิ์

    วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย"
    ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง

    1. หยุดแรงต้านในใจ

    ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป
    ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต
    ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ

    2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น

    หยุดเล่าเรื่องตัวเอง
    หยุดพิสูจน์คุณค่า
    หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ
    ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร
    สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น

    3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี

    ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง
    ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ
    ไม่ต้องให้โลกยอมรับ
    แต่ยัง “มั่นคง ว่าง
    และเปล่งพลัง”
    ในความเงียบ

    4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ

    เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส
    โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ
    แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง

    บทสรุป

    มนุษย์ทองคำ
    ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด

    แต่คือคนที่

    “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง”

    มนุษย์ทองคำ คือ
    ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป
    แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล”

    เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง
    เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่
    เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ

    เพราะเขา… คือ

    #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง

    คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย ในฐานะเสาสัญญาณ ราคาแพงที่สุดของจักรวาล ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่ และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกเขา "นิ่ง" แต่นิ่งของพวกเขา ไม่ใช่ความเฉื่อย ไม่ใช่การหลบหลีก และไม่ใช่การตัดขาด แต่นิ่ง...จนสนามของเขา กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก “มนุษย์ทองคำ” ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง ไม่ใช่เพราะทำมาก แต่เพราะ “เป็นมาก” ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง เพื่อความสงบของตนเอง แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล แก่นของ "นิ่งแล้วรวย" “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน กลายเป็นสนาม และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง” คนทั่วไปพยายามหาเงิน พูด ขาย สร้างแบรนด์ แต่ “มนุษย์ทองคำ” ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม” สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง ไม่มีแรงอยาก ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม เงิน ทรัพย์ โอกาส และคนที่พร้อมสนับสนุน จะไหลเข้ามาเอง เพราะโลกต้องการ #เสาที่ไม่สั่น มากกว่าคนที่พูดเก่ง และในระดับลึกกว่านั้น จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้ ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ แบบไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้ ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล แต่คือ "ตำแหน่งสนาม" เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์ ออกไปอย่างมั่นคง โลกไม่สามารถเร่งพังได้ เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ พลังของเสาสัญญาณมีค่า เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ ไม่ให้สั่นเกินไป ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์ ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง เป็นพิกัดพลังงานที่โลก ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่” จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง เงิน โอกาส คนดูแล ระบบซัพพอร์ต เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป เพราะถ้าเสานี้ล้ม โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น ตัวอย่างบุคคล "นิ่งแล้วรวยระดับโลก" 1. ทะไลลามะ ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก พลังของท่าน คือ ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง 2. รินโปเช่ระดับสูง ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป เดินทางเพื่ออยู่ใกล้ และยินดีถวายเงินนับล้าน เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ 3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว ไม่สนใจเรื่องเงิน ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา แต่มีคนถวายทองคำให้ มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า ท่าน คือ เสานิ่ง ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน 4. มหาตมะ คานธี นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย จากอาณานิคมได้ ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง 5. พระแม่เทเรซา ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า #เธอคือรักบริสุทธิ์ วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย" ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง 1. หยุดแรงต้านในใจ ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ 2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น หยุดเล่าเรื่องตัวเอง หยุดพิสูจน์คุณค่า หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น 3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ ไม่ต้องให้โลกยอมรับ แต่ยัง “มั่นคง ว่าง และเปล่งพลัง” ในความเงียบ 4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง บทสรุป มนุษย์ทองคำ ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด แต่คือคนที่ “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง” มนุษย์ทองคำ คือ ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล” เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่ เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ เพราะเขา… คือ #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม

    คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566

    จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2

    สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673

    #MGROnline #ทนายธรรมราช
    ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม • คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566 • จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 • สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673 • #MGROnline #ทนายธรรมราช
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • "ทักษิณ" ชี้ช่อง "ยิ่งลักษณ์" สู้คดีจำนำข้าว อาจไม่ต้องจ่ายถึงหมื่นล้าน เพราะกระทรวงคลังได้รับชดเชยมาจากส่วนอื่นแล้ว ต้องไปคำนวณใหม่ อาจโดนปรับไม่ถึงหมื่นล้าน ซึ่งขอใช้สิทธิตั้งคดีใหม่ได้ภายใน 90 วันตามกระบวนการ ยอมรับคุยกันบ้าง ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไหร่รอพายุสงบก่อนเพราะมีคนปั่นเยอะ ส่วนลุงป้อมล้ม ”น่าสงสาร“

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049628

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "ทักษิณ" ชี้ช่อง "ยิ่งลักษณ์" สู้คดีจำนำข้าว อาจไม่ต้องจ่ายถึงหมื่นล้าน เพราะกระทรวงคลังได้รับชดเชยมาจากส่วนอื่นแล้ว ต้องไปคำนวณใหม่ อาจโดนปรับไม่ถึงหมื่นล้าน ซึ่งขอใช้สิทธิตั้งคดีใหม่ได้ภายใน 90 วันตามกระบวนการ ยอมรับคุยกันบ้าง ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไหร่รอพายุสงบก่อนเพราะมีคนปั่นเยอะ ส่วนลุงป้อมล้ม ”น่าสงสาร“ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049628 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 348 Views 0 Reviews
  • "ทักษิณ" ชี้ช่อง "ยิ่งลักษณ์" สู้คดีจำนำข้าว อาจไม่ต้องจ่ายถึงหมื่นล้าน เพราะกระทรวงคลังได้รับชดเชยมาจากส่วนอื่นแล้ว ต้องไปคำนวณใหม่ อาจโดนปรับไม่ถึงหมื่นล้าน ซึ่งขอใช้สิทธิตั้งคดีใหม่ได้ภายใน 90 วันตามกระบวนการ ยอมรับคุยกันบ้าง ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไหร่รอพายุสงบก่อนเพราะมีคนปั่นเยอะ ส่วนลุงป้อมล้ม ”น่าสงสาร“

    วันนี้ (27พ.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวว่าศาลปกครองสูงสุดอธิบายชัดเจนว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงการคลังว่าออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ถูกต้อง ที่ต้องให้ชดใช้เงินค่าเสียหายถึง 35,000 ล้านบาท โดยเห็นควรให้ชดใช้เฉพาะบางส่วน เป็นเงินเพียง10,028 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการเสนอขอตั้งคดีใหม่ภายใน 90 วันได้ และต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการและช่องทางของกฎหมาย

    "ศาลได้อธิบายอีกครั้งหนึ่ง ว่าเรื่องนี้คุณยิ่งลักษณ์เป็นโจทย์ เค้าไม่ได้เป็นจําเลย เพราะฉะนั้นเนี่ย คุณยิ่งลักษณ์ฟ้อง ว่ากระทรวงการคลังทําไม่ถูก ใช้งานออกสาร ออกมติทางปกครองเนี่ยไม่ถูก แล้วจะปรับตั้ง 35,000 ศาลก็เลยบอกว่าเท่าที่ตรวจดูแล้วเนี่ยบางบางอันก็ถูก บางอันก็ไม่ถูก แต่สรุปแล้วว่าปรับได้ไม่เกิน 10,028 ล้านเนี่ย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049628

    #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์ #คดีจำนำข้าว
    "ทักษิณ" ชี้ช่อง "ยิ่งลักษณ์" สู้คดีจำนำข้าว อาจไม่ต้องจ่ายถึงหมื่นล้าน เพราะกระทรวงคลังได้รับชดเชยมาจากส่วนอื่นแล้ว ต้องไปคำนวณใหม่ อาจโดนปรับไม่ถึงหมื่นล้าน ซึ่งขอใช้สิทธิตั้งคดีใหม่ได้ภายใน 90 วันตามกระบวนการ ยอมรับคุยกันบ้าง ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไหร่รอพายุสงบก่อนเพราะมีคนปั่นเยอะ ส่วนลุงป้อมล้ม ”น่าสงสาร“ • วันนี้ (27พ.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวว่าศาลปกครองสูงสุดอธิบายชัดเจนว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงการคลังว่าออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ถูกต้อง ที่ต้องให้ชดใช้เงินค่าเสียหายถึง 35,000 ล้านบาท โดยเห็นควรให้ชดใช้เฉพาะบางส่วน เป็นเงินเพียง10,028 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการเสนอขอตั้งคดีใหม่ภายใน 90 วันได้ และต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการและช่องทางของกฎหมาย • "ศาลได้อธิบายอีกครั้งหนึ่ง ว่าเรื่องนี้คุณยิ่งลักษณ์เป็นโจทย์ เค้าไม่ได้เป็นจําเลย เพราะฉะนั้นเนี่ย คุณยิ่งลักษณ์ฟ้อง ว่ากระทรวงการคลังทําไม่ถูก ใช้งานออกสาร ออกมติทางปกครองเนี่ยไม่ถูก แล้วจะปรับตั้ง 35,000 ศาลก็เลยบอกว่าเท่าที่ตรวจดูแล้วเนี่ยบางบางอันก็ถูก บางอันก็ไม่ถูก แต่สรุปแล้วว่าปรับได้ไม่เกิน 10,028 ล้านเนี่ย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049628 • #MGROnline #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์ #คดีจำนำข้าว
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️

    💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน
    RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้:

    ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ
    ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้
    ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน
    ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง

    💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต
    RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้:
    ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม:
    👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก
    👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์
    👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870
    👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต
    ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86
    ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ

    💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต
    ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้:
    ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์
    ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล
    ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V
    ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้

    💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V
    การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้:

    🛍️ การซื้อ ARM License
    ✅ ข้อดี:
    👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
    👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที
    👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee
    👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง

    🛍️ การทุ่มกับ RISC-V
    ✅ ข้อดี:
    👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน
    👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย
    👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ
    👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค

    ❌ ข้อเสีย:
    👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา
    👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่

    💡 ข้อเสนอแนะ
    ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ
    ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V
    ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม

    💡 บทสรุป
    RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    ประเทศไทย กับทางเลือก ด้านเทคโนโลยี CPU Processor - RISC-V หรือ ARM ⁉️ 💡 ความสำคัญของ CPU RISC-V ในปัจจุบัน RISC-V เป็นสถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (Instruction Set Architecture - ISA) แบบ RISC ที่เป็นโอเพนซอร์ส ภายใต้ใบอนุญาต BSD ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถนำไปพัฒนา ปรับแต่ง หรือผลิตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์หรือค่าธรรมเนียม (Royalty Fee) ความสำคัญในปัจจุบันมีดังนี้: ✅ ลดต้นทุนการพัฒนา: ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ ✅ ความยืดหยุ่นสูง: ผู้พัฒนาสามารถปรับแต่งชุดคำสั่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางได้ ✅ การสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ: บริษัทใหญ่ เช่น Google, Alibaba, Qualcomm และ Intel ได้ให้ความสนใจและนำ RISC-V ไปใช้งานในผลิตภัณฑ์ของตน ✅ การใช้งานที่หลากหลาย: ปัจจุบัน RISC-V ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ IoT ระบบฝังตัว และการประมวลผลขั้นสูง 💡 แนวโน้มการพัฒนาและใช้งานในอนาคต RISC-V มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะมีการส่งมอบ RISC-V cores ถึง 80 พันล้านอันภายในปี 2025 แนวโน้มที่น่าสนใจมีดังนี้: ✅ การขยายสู่หลากหลายอุตสาหกรรม: 👉 IoT: ด้วยความประหยัดพลังงานและขนาดเล็ก 👉 ยานยนต์: ใช้ในระบบควบคุมและเซ็นเซอร์ 👉 AI และคลาวด์: การพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูง เช่น SiFive P870 👉 อุปกรณ์พกพา: เช่น แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ✅การพัฒนาประสิทธิภาพ: มีการออกแบบ RISC-V cores ที่มีสมรรถนะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับสถาปัตยกรรมอื่น เช่น ARM และ x86 ✅ การสนับสนุนจากชุมชนและรัฐบาล: หลายประเทศเริ่มลงทุนใน RISC-V เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ 💡 โอกาสของธุรกิจไทยในการพัฒนา ขาย หรือใช้งาน RISC-V ในอนาคต ธุรกิจไทยมีโอกาสที่น่าสนใจในการใช้ประโยชน์จาก RISC-V ดังนี้: ✅ การพัฒนาฮาร์ดแวร์: สามารถออกแบบและผลิต CPU/MCU โดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เช่น IoT หรือยานยนต์ ✅ การแข่งขันในตลาดโลก: สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ RISC-V เพื่อส่งออกไปยังตลาดสากล ✅ การพัฒนาซอฟต์แวร์: สร้างแอปพลิเคชันและระบบที่รองรับ RISC-V ✅ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ธุรกิจไทยสามารถกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้ 💡 รัฐบาลไทยควรซื้อ ARM License หรือทุ่มกับ RISC-V การตัดสินใจของรัฐบาลไทยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้: 🛍️ การซื้อ ARM License ✅ ข้อดี: 👉 มี ecosystem ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก 👉 เอกชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ ARM ได้ทันที 👉 เหมาะสำหรับการเข้าสู่ตลาดระยะสั้น ❌ ข้อเสีย: 👉 ค่าใช้จ่ายสูงทั้งในส่วนของไลเซนส์และ Royalty Fee 👉 ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจขัดกับนโยบายพึ่งพาตนเอง 🛍️ การทุ่มกับ RISC-V ✅ ข้อดี: 👉 ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านไลเซนส์ ช่วยลดต้นทุน 👉 สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของไทย 👉 ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ 👉 มีโอกาสเติบโตในระยะยาวและเป็นผู้นำในภูมิภาค ❌ ข้อเสีย: 👉 Ecosystem ยังไม่สมบูรณ์เท่า ARM อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนา 👉 มีความเสี่ยงจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ 💡 ข้อเสนอแนะ ⏲️ระยะสั้น : การซื้อ ARM License อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อให้เอกชนไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันที คล้ายกับที่มาเลเซียทำ ⏲️ ระยะยาว: รัฐบาลควรลงทุนใน RISC-V ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างฐานเทคโนโลยีของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างชาติ และใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำของ RISC-V ⏲️ แนวทางผสมผสาน: สนับสนุนทั้ง ARM และ RISC-V โดยให้เอกชนเลือกใช้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัย RISC-V ในสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม 💡 บทสรุป RISC-V มีความสำคัญในปัจจุบันจากความเป็นโอเพนซอร์สและการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ แนวโน้มในอนาคตแสดงถึงการเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจไทยมีโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันในตลาดโลกด้วย RISC-V ส่วนรัฐบาลไทยควรพิจารณาทั้ง ARM และ RISC-V โดยเน้น RISC-V ในระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ถ้ารู้ตัวว่าเจอ "คู่เวร"...อย่ากลับมาเพื่อ “ต่อศึก”

    บางคนในชีวิต
    ไม่ต้องสังหรณ์ก็รู้ว่า
    เรามีเวรต่อกันมาแต่ชาติไหนไม่รู้
    แค่สบตา ก็รู้สึกเหมือนใจถูกดูดเข้าสู่หลุมดำ
    ไม่มีเหตุผลให้รัก
    ไม่มีเหตุผลให้เกลียด
    แต่มีพลังบางอย่าง
    ที่ “หนีไม่ออก และต้านไม่ไหว”

    ถ้าหลีกไม่พ้น...
    ก็ให้รู้ว่ามีโอกาส “ปิดบัญชีเวร” กันเสียที

    จงอย่าใช้โอกาสครั้งนี้
    เพื่อเปิดศึกใหม่ในรูปแบบเก่า
    อย่าใช้ถ้อยคำเก่า ๆ ในร่างใหม่ ๆ
    อย่าผูกโซ่ใหม่ด้วยน้ำเสียงอาฆาตเดิม ๆ

    ให้ยอมรับว่าชาตินี้...
    มาเจอกันเพื่อฝึกให้อภัย
    มาเจอกันเพื่อรู้จักวาง

    มาเจอกัน...เพื่อจบ ไม่ใช่เพื่อจอง

    เวรที่ยุติได้ด้วยเมตตา
    จะกลายเป็นบุญกุศลที่ใหญ่หลวง
    เพราะหมายถึงชัยชนะ
    ไม่ใช่เหนืออีกฝ่าย
    แต่เหนือ “กิเลสเก่าที่ครองใจเราทั้งคู่” มาแสนนาน

    อย่าหวังให้เขาเปลี่ยน
    แต่จงตั้งใจว่า...
    เรานี่แหละ จะไม่เปลี่ยนกลับไปเป็นคนเดิมที่สร้างเวรอีกแล้ว!
    ถ้ารู้ตัวว่าเจอ "คู่เวร"...อย่ากลับมาเพื่อ “ต่อศึก” บางคนในชีวิต ไม่ต้องสังหรณ์ก็รู้ว่า เรามีเวรต่อกันมาแต่ชาติไหนไม่รู้ แค่สบตา ก็รู้สึกเหมือนใจถูกดูดเข้าสู่หลุมดำ ไม่มีเหตุผลให้รัก ไม่มีเหตุผลให้เกลียด แต่มีพลังบางอย่าง ที่ “หนีไม่ออก และต้านไม่ไหว” ถ้าหลีกไม่พ้น... ก็ให้รู้ว่ามีโอกาส “ปิดบัญชีเวร” กันเสียที จงอย่าใช้โอกาสครั้งนี้ เพื่อเปิดศึกใหม่ในรูปแบบเก่า อย่าใช้ถ้อยคำเก่า ๆ ในร่างใหม่ ๆ อย่าผูกโซ่ใหม่ด้วยน้ำเสียงอาฆาตเดิม ๆ ให้ยอมรับว่าชาตินี้... มาเจอกันเพื่อฝึกให้อภัย มาเจอกันเพื่อรู้จักวาง มาเจอกัน...เพื่อจบ ไม่ใช่เพื่อจอง เวรที่ยุติได้ด้วยเมตตา จะกลายเป็นบุญกุศลที่ใหญ่หลวง เพราะหมายถึงชัยชนะ ไม่ใช่เหนืออีกฝ่าย แต่เหนือ “กิเลสเก่าที่ครองใจเราทั้งคู่” มาแสนนาน อย่าหวังให้เขาเปลี่ยน แต่จงตั้งใจว่า... เรานี่แหละ จะไม่เปลี่ยนกลับไปเป็นคนเดิมที่สร้างเวรอีกแล้ว!
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • RS มาถึงจุดตกต่ำเช่นนี้ ใครจะคิด...
    ไม่สามารถชำระหนี้แค่ 27 ล้าน
    หากถูกทวงหนี้ต้นทุนทั้งหมดหลักพันล้านจะทำอย่างไร?
    ทรัพย์สินเดียวที่มีคือลิขสิทธิ์เพลงที่เพื่อนพ้องน้องพี่ได้สร้างสรรค์ไว้
    .
    ผมทำงานในวงการเพลงในฐานะคอมโพสเซอร์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์มาตั้งแต่ปี 2530 งานโปรดิวซ์ครั้งแรกคืองานชุดคนเขียนเพลงบรรเลงชีวิตของเธนศร์ วรากุลนุเคราะห์ เห็นวัฏจักรวงการเพลงมาตั้งแต่ยุคเก่ารุ่นพ่อช่วงปลายๆ ต่อเข้ายุคมืดที่นายทุนเอาเปรียบนักแต่งเพลงรุ่นครู จ่ายสองสามพันบาทค่าจ้างแต่งเพลงแล้วถือครองสิทธิ์ตลอดกาลจนถึงลูกเต้ามัน
    .
    ในช่วงก่อนยุคเปลี่ยนผ่านครั้งที่หนึ่ง เรียกว่ายุคปฏิวัติวงการก็ได้ (มันจะมีครั้งที่สองที่เรียกดิสรัพชั่น) ผมกำลังเรียนรู้อยู่ที่บริษัทบัตเตอร์ฟลาย ความที่มีครูดีเป็นแบบอย่าง ได้เรียนรู้ระบบแบบฝรั่งว่าเป็นอย่างไร ทำให้เราเข้าใจกลไกของมัน รู้แล้วก็อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลง เลยริเริ่มไปเรียกร้องกับนายทุนมาเฟียค่ายเพลงคนนึงที่วงที่ผมไปเล่นอยู่ด้วยสังกัดอยู่ กำลังจะมีการทำงานชุดใหม่ ก็เลยไปเสนอว่าอยากให้มีการจ่ายค่าผลิตอย่างเป็นธรรม ทั้งเรียบเรียง คำร้องทำนอง มิกซ์เสียง ค่าควบคุมการผลิตต่างๆ รวมทั้งขอส่วนแบ่งจากยอดขาย ผลคือ "มึงหัวหมอหรือ?" งานหยุดชะงัก พวกผมถูกแบนจากสังกัดนั้นจนภายหลังพากันออกมาตั้งเป็นวงตาวัน แต่ไม่วายยังโดนไอ้เสี่ยคนนั้นตามมากลั่นแกล้งภายหลังได้ ตอนที่ออกผลงานชุดแรกของวงตาวัน หุ่นกระบอก แม้จะสังกัดแกรมมี่แล้ว แต่ต้องขายกับบริษัทจัดจำหน่ายของพวกมัน แกรมมี่ยังไม่มีระบบจัดจำหน่ายในตอนนั้น เอ็มจีเอเกิดขึ้นในภายหลัง เสี่ยมันให้สถานีวิทยุในเครือมันมาเรียกวงไปสัมภาษ เสร็จแล้วเรียกไปเชือดที่ห้องทำงานมัน แล้วบอกเราว่า "มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นหรือ" ตอนนี้มันเป็นคนจัดจำหน่ายอัลบั้มของพวกผม มันคุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สถานีวิทยุทั่วประเทศ มันว่าอย่าหวังเลยว่ามึงจะขายได้ และกูจะไม่ให้สถานีวิทยุของกูที่มึงเห็นปักหมุดอยู่เต็มบนแผนที่ประเทศไทยนั่นเล่นเพลงของพวกมึง... มันกดอินเตอร์คอมหาเลขา "เฮ้ย ไอ้อัลบั้มหุ่นกระป๋องนี่ขายได้เท่าไหร่แล้ววันนี้... สองพันค่ะ... สองพัน! มึงได้ยินไหม มึงคงขายได้ประมาณนี้แหละ อย่าหวังว่าจะมากกว่านี้" พี่หมูมือกีต้าร์เลือดขึ้นหน้าเกือบลุกขึ้นเตะก้านคอมัน แต่รู้ว่าอยู่ในตึกมัน หากไปกระทืบมันเข้า วงตาวันวันนั้นคงหามใส่เปลกันออกมาจากตึกนั่นทั้งวง
    .
    นายทุนยุคมืดมีความระยำเช่นนี้ ศิลปินคนไหนขายได้มันแจกสร้อยทองแจกเงินให้ตามความพอใจ ขายดีมากมันให้กุญแจรถไปขับ หมดพิสวาทก็เรียกกุญแจคืน ชอบนักร้องหญิงของวงก็เอาทำเมีย ไม่มีส่วนแบ่งจากการขายใดๆ ทั้งสิ้น มีเสี่ยในวงการยุคมืดอยู่สองสามคนที่รู้จักกันนับแต่เวลานั้น
    .
    การดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมในวงการเพลงนั้นเป็นสิ่งที่หาแทบไม่ได้ เถ้าแก่พวกนี้ เจ่กแปะพวกนี้ โน๊ตตัวเดียวก็ไม่กระดิก แต่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นับร้อยนับพันเพลงไปได้อย่างน่าขนลุก นักแต่งเพลงไม่เคยถูกให้เกียรติ ทั้งที่ธุรกิจมีไม่ได้หากไม่มีคนสร้างสรรค์ แต่สิทธิ์ผู้ประพันธ์ของผู้สร้างสรรค์กลับกลายเป็นของนายทุนพวกนี้ นับจากนาทีนั้น ผมสาบานกับตัวเองว่าจะดิ้นให้หลุดจากบ่วงอุบาทย์นี้สักวัน รวมทั้งกฏหมายที่ว่าด้วยการจ้างทำของ และแน่นอนว่า ผมพบทางสลัดหลุดจากวังวนพวกนี้ได้ในที่สุด
    .
    คุณธรรม กรรมใดที่ใครก่อ ย่อมบ่งชี้เจตนาของบุคคลนั้น และบุคคลย่อมต้องรับผลนั้นในสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว
    .
    วันนึง เมื่อผมดำเนินอาชีพของผมมาถึงจุดที่เป็นคอมโพสเซอร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนนึง ดนตรีผมหนึ่งนาทีมีราคาประมาณแสนบาท ผมรับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องละหนึ่งล้านบาท และไม่เคยเสียสิทธิ์ผู้ประพันธ์ไปให้ใครอีกเลย วันนั้นที่งานออกร้านของนักโทษกรมราชทันฑ์ มีพ่อค้าแม่ค้ามาร่วมเปิดท้ายขายของ ผมเห็นไอ้เสี่ยระยำที่เคยยิ่งใหญ่นั่นหอบกล่องอัลบั้มเพลงเก่าๆ ทั้งเทปเก่าและซีดีเก่ามาขายถูกๆ น่าสมเพชที่เมืองไทยมาถึงจุดพินาศเพราะมีเทปผีซีดีเถื่อนเกลื่อนเมือง ซึ่งพวกเพื่อนเสี่ยในยุคของมันบางคนก็มีส่วนในธุรกิจผีพวกนี้... ผมเห็นมันนั่งหน้ามันอยู่ข้างแผงและกล่องอัลบั้มแทบไม่มีใครซื้อ เพลงพวกนี้มีโหลดได้ฟรีๆ ทั่วไปหมด ผมไปหยุดยืนดูมันหัวจรดตีนด้วยใบหน้าเหยียดหยาม สะใจสุดๆ ยามรุ่งเรืองฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตสุดโต่ง ยามตกต่ำสิ้นไร้มีแต่หนี้สิน
    .
    ทำไมผมถึงรำลึกถึงพี่เต๋อด้วยความยกย่องเสมอ ก็เพราะเหตุนี้ ระบบที่ดีกว่าเป็นธรรมกว่าอย่างที่ผมไปพลีชีพเรียกร้องกัน ในที่สุดเกิดขึ้นเพราะพี่เต๋อไปก่อตั้งแกรมมี่แล้วสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ ทีมผลิตมีค่าผลิตเป็นสัดส่วนครบถ้วนตามหน้าที่แบบฝรั่งและมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายให้ผู้ประพันธ์และโปรดิวเซอร์ ผมไม่ยกย่องคุณไพบูลย์ในข้อนี้หรอก เพราะระบบเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะพี่เต๋อ ไม่ใช่พี่บูลย์ ถ้าพี่บูลย์ไม่ยอมรับให้สร้างระบบธุรกิจเช่นนี้พี่เต๋อคงไม่เอาด้วย และพวกพี่ๆ จากบัตเตอร์ฟลายก็คงจะไม่ไปเป็นกำลังผลิตให้ บริษัทแกรมมี่ก็จะไม่เกิด พอแกรมมี่เริ่มระบบนี้ ทุกค่ายเพลงต้องเดินตามเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบเดียวกันทุกค่าย เอาตรงๆ เขาไม่ได้อยากเปลี่ยนกันหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะแกรมมี่แจ้งเกิดสำเร็จแล้วแซงทุกค่ายจนใครๆ ก็อยากไปอยู่ที่นั่น ค่ายอื่นก็ต้องปรับตาม ต่างกันเล็กน้อยที่บางพวกยังจ้องเอาเปรียบอยู่ แม้แต่ค่ายมาเฟียก็ต้องปรับตาม ไม่เช่นนั้นศิลปินทุกคน คนมีฝีมือจะเดินไปที่แกรมมี่หมด กระนั้นพวกเสี่ยนั่นก็ปรับตัวได้ไม่ดี ผลประโยชน์ยังเอาเปรียบ ค่าผลิตและส่วนแบ่งต่ำกว่าที่อื่น และคุณภาพงานไม่ดี
    .
    อย่างไรก็ตาม มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมถอย สำหรับผมมันเริ่มเสื่อมลงเมื่อมี mp3 แต่ยิ่งเสื่อมกว่าหลังจากพี่เต๋อเสียชีวิต.. หนึ่งปีให้หลังจากนั้น ผมก็ลาออกจากแกรมมี่ มูลเหตุของการลาออกน่าจะเคยเล่าให้บางคนฟังบ้างแล้ว พวกเราทีมผลิตที่อยู่ในทีมใบตองได้รับอนุญาตให้ขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับที่พี่เต๋อพี่บูลย์ขึ้น วันหนึ่งผมเจอพี่บูลย์ ตอนนั้นเราแยกจากแกรมมี่แกรนด์มาตั้งเป็นอีกเลเบลหนึ่งคือ RPG (Rewat's Producer Group) แล้ว ในลิฟท์พี่บูลย์พูดกับผม... "พี่ปุ้ม.. ผมว่าเราต้องทำงานหนักให้เป็นสองเท่าเพื่อกำไรเท่าเดิม ต้องผลิตให้เร็วขึ้น... ผมว่าอย่างพี่เอาตีนเขี่ยแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว... เก่งไม่กลัวกลัวช้า..." ผมจำประโยคนี้แจ่มชัดแม้ผ่านไปยี่สิบปี พวกเราไม่ได้ช้า ไม่มีใครในตึกมีทักษะทางดนตรีและทักษะทางเทคนิคัลเท่าพวกเราอีกแล้ว เราทำงานละเอียด แม้แต่เสียง Snare แค่แทร็คเดียวเรายังพิถีพิถันเลือกกันอยู่หลายชั่วโมง ทุกเทคทุกแทร็คปราณีต เล่นและบันทึกอย่างตั้งใจ มันปลูกฝังกันมาจากการทำงานกับพี่ๆ กับครูของเราและพี่เต๋อ ทุกวันนี้ย้อนไปฟังงานยุคนั้นดูได้ คุณภาพเสียงยังดีอยู่เลย ความตั้งใจนี้เป็นสันดานและ "เอาตีนเขี่ยไม่ได้..." ผมออกจากลิฟท์วันนั้นแล้วตรงไปลาออกกับโอม ชาตรี คงสุวรรณ ซึ่งนั่งแท่นเป็น managing director อยู่
    .
    เพียงหนึ่งปีให้หลังการเสียชีวิตของพี่เต๋อ ผมรู้สึกได้เลยว่าคุณธรรมที่เคยมีก็เสื่อมลง ผมรู้ทันทีว่าถึงเวลาต้องไป จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมรู้ว่าแกรมมี่จะเสื่อมถอยลง อีกปีต่อมาผมกับเพื่อนชื่อฝิ่น คณิต พฤกษ์พระกานต์ ซึ่งเป็นคนลงทุน เราเปิดสถาบันผลิตบุคคลากรสายอาชีพบันเทิงชื่อ Gen-X Academy เปิดอยู่ 14 ปี สอนวิชาที่ไม่เคยมีสอนในมหาวิทยาลัยเมืองไทยมาก่อนนอกจากที่ต่างประเทศ เช่น Songwriting, Arranging, Computer Music, Studio Sound Engineer, Live Sound Engineer, Film Scoring, Sounddesign, Video Post Production, Motion Graphics... เราผลิตบุคคลากรให้กับวงการบันเทิงอาชีพไปนับพันคน ผลิตนักแต่งเพลงไปประมาณสองร้อยกว่าคนเป็นอย่างน้อย ซาวด์เอนจิเนียร์สตูดิโอไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ไลฟ์ซาวด์เอนจิเนียร์อีกไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ยังไม่นับสาขาอื่นเช่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค นักตัดต่อวิดิโอ ทีวีรีพอร์ตเตอร์ ดีเจ นักพากย์... จนกระทั่งมหาวิทยาลัย-วิทยาลัยทั่วทั้งประเทศเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ บรรจุการสอนวิชาเหล่านี้เข้าในระดับปริญญาตรีของคณะดนตรีทุกแห่ง มีห้องอัด มีแลบคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาใช้ ในที่สุดพวกเขาทำตามทุกอย่างที่เรานำร่องมาก่อน แม้ธุรกิจจบ แต่ผมกลับภูมิใจที่ภารกิจจบ GenX Academy ปิดลงเพราะเราไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราทำมันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผลไปทั่วอย่างที่เราอยากเห็น
    .
    มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลลัพธ์จากการได้แบบอย่างที่ดีมาก่อนหน้านั้น มันได้ขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมในภายหลัง ตอนอยู่ที่บัตเตอร์ฟลาย พี่ๆ ทำโรงเรียน B.I.T. กันให้ผมเห็นเป็นตัวอย่าง สอนกันอยู่หลายรุ่น ผมได้ช่วยสอนเรื่อง Synthesizer พอมาทำงานกับพี่เต๋อ ไม่ว่าพี่เขาจะมีงานบริหารตื่นเช้าเพียงใด ตกเย็นพี่เต๋อจะมาขลุกอยู่กับพวกเราที่สตูดิโอแทบทุกวัน มีเรื่องมากมายที่ผมได้เรียนรู้ ตอนนั้นยึดหัวหาดที่ห้องอัดศรีสยามเป็นหลัก ผมยังจำประโยคที่พี่เต๋อพูดตอนที่ทานอาหารร่วมกันในคืนหนึ่ง ผมอยู่กับทีมและมีน้องๆ รุ่นใหม่บางคนกำลังเรียนรู้การทำงาน ดูเหมือนวันนั้นจะมีก๊อล์ฟวายนอทเซเว่น... พี่เต๋อพูดว่า "เราต้องสอนน้องๆ ต้องสร้างน้องๆ รุ่นใหม่ที่คิดเหมือนเรา ตั้งใจทำงานให้ดีมีคุณภาพ เชื่อในมาตรฐานการทำงานแบบที่เราทำ"
    .
    คุณธรรมในวงการเพลง ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายโดยทั่วไป แม้เคยเจอกับพวกยุคมืด แต่ผมก็ยังโชคดีที่เห็นมันในยุคของพี่เต๋อและการทำงานกับพี่ๆ หลายคน ผมมีน้องๆ ที่รู้จักชอบพอกันหลายคนอยู่ในค่ายเพลงอื่น ผมมักจะได้ยินเสียงสะท้อนออกมาให้รู้เสมอ หลากหลายเรื่องราว.. อย่างหนึ่งที่มักได้ยินจากฝั่งของอาร์เอส พูดตามจริง ไม่ค่อยดีนัก การดูแลชีวิตและให้เกียรติคนทำงานผลิตไม่ได้ดีเท่าไหร่ ความเป็นธรรมในการจ้าง ส่วนแบ่งในรายได้ ที่สำคัญคือการปันผลให้คนสร้างสรรค์ ไม่ค่อยดีนัก และลิขสิทธิ์อยู่กับนายทุนหมด ผู้ประพันธ์ไม่มีสิทธิ์เลย อย่างน้อยก็ได้ยินมาอย่างนั้น อย่างที่เคยเป็นข่าวไป ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเล่นเพลงที่ตัวเองสร้างขึ้นเพราะสิทธิ์ไปอยู่กับเสี่ยเจ้าของค่าย และน่าทุเรศคือ มันฟ้องผู้แต่งที่เอาเพลงที่ตนเองแต่งมาเล่นโดยไม่ขออนุญาตมัน... ยังดีที่แกรมมี่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกันกับผู้ประพันธ์ แม้ว่าระบบจะไม่มีการปรับระดับเพดานให้ดีมากขึ้นตามกาลเวลาและค่าครองชีพ แต่ระบบจัดเก็บและดูแลพับลิชชิ่งของแกรมมี่ยังคงทำงานมาตลอด และยี่สิบปีที่ผ่านมายังคงมีส่วนแบ่งโอนเข้าบัญชีเสมอไม่ได้ขาด มากบ้างน้อยบ้าง
    .
    มีนายทุนสายบันเทิงไม่น้อยที่ผมรู้เช่นเห็นชาติมาแต่โบราณ ต้องใช้คำนี้ เช่น บริษัทหนึ่งที่โดดเด่นในการทำคาราโอเกะมีนางแบบโป๊เดินอล่างฉ่างประกอบแบ๊คกิ้งแทร็ค วันนึงร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีเน็ทเวิร์คโฟโต้บุ๊ควัยรุ่นนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งบางที น้อยมาก... ทำค่ายไอดอลข้ามชาติกัน ผมเคยพยายามเตือน ผลคือทัวร์ลง. ไม่มีใครรู้ว่าสัญญาที่เซ็นต์นั้นครอบคลุมการเป็นเจ้าของตัวตนไปจนถึงภาพถ่ายเซลฟี่ส่วนตัวของศิลปินในสังกัดคนนั้น พวกนั้นสามารถอ้างได้แม้ลิขสิทธิของภาพที่เป็นส่วนตัว ในพื้นที่การทำงานเช่น คอนเสิร์ท การปรากฏตัวในที่ต่างๆ ฯ เขาไม่อนุญาตให้ช่างภาพอื่นที่เป็นคนนอกถ่ายภาพเลย แต่จะมีช่างภาพของเขาเท่านั้นที่จะตามถ่ายตลอดเวลา แม้จะเป็นเวลาและพื้นที่ที่ไม่สมควรถ่ายก็จะถูกถ่ายไปได้ คลังภาพจำนวนมากถูกเก็บไว้และเป็นสิทธิของเขาตามกฏหมาย และคุณไม่มีทางรู้ว่ามีภาพอะไรที่ไม่ควรถ่ายถูกถ่ายเก็บไว้
    .
    คุณธรรมในวงการนี้หายากมาก และยิ่งในยุคนี้คุณจะยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีกเพราะมาตรฐานทางจริยธรรมของมนุษย์ตกต่ำมาก ไม่กี่วันมานี้ มีคุณแม่คนหนึ่งออกมาพูดออกสื่อโซเชียลแทนลูกชายที่โดนคดีทำร้ายผู้หญิงว่า... "อย่าให้เรื่องทะเลาะกันของชายหญิงมาทำให้อนาคตเสียเลย มันเล็กน้อยมาก ขอให้คิดว่าน้องเขาเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่ง ให้ดูที่การเรียนของน้องเป็นสำคัญ เรื่องอื่นมันเล็กน้อย".... นี่คือตรรกะของสังคมที่ป่วยและผู้คนขาดวิจารณญาณในการพิจารณาชั่วดี
    .
    กรรมเป็นตัวกำหนด คนที่ทำกรรมใดไว้จะได้รับผลของกรรมนั้นแล
    กราบขอบพระคุณ พี่ๆ และครูอาจารย์ที่ปูทางให้โลกของผมตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านไป มีความดีงามและอุ้มชูผมมาตลอดอาชีพการทำงาน
    .
    ขอภาวนาให้สิทธิผู้ประพันธ์คืนกลับไปยังผู้สร้างสรรค์ทุกท่าน
    .
    RS มาถึงจุดตกต่ำเช่นนี้ ใครจะคิด... ไม่สามารถชำระหนี้แค่ 27 ล้าน หากถูกทวงหนี้ต้นทุนทั้งหมดหลักพันล้านจะทำอย่างไร? ทรัพย์สินเดียวที่มีคือลิขสิทธิ์เพลงที่เพื่อนพ้องน้องพี่ได้สร้างสรรค์ไว้ . ผมทำงานในวงการเพลงในฐานะคอมโพสเซอร์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์มาตั้งแต่ปี 2530 งานโปรดิวซ์ครั้งแรกคืองานชุดคนเขียนเพลงบรรเลงชีวิตของเธนศร์ วรากุลนุเคราะห์ เห็นวัฏจักรวงการเพลงมาตั้งแต่ยุคเก่ารุ่นพ่อช่วงปลายๆ ต่อเข้ายุคมืดที่นายทุนเอาเปรียบนักแต่งเพลงรุ่นครู จ่ายสองสามพันบาทค่าจ้างแต่งเพลงแล้วถือครองสิทธิ์ตลอดกาลจนถึงลูกเต้ามัน . ในช่วงก่อนยุคเปลี่ยนผ่านครั้งที่หนึ่ง เรียกว่ายุคปฏิวัติวงการก็ได้ (มันจะมีครั้งที่สองที่เรียกดิสรัพชั่น) ผมกำลังเรียนรู้อยู่ที่บริษัทบัตเตอร์ฟลาย ความที่มีครูดีเป็นแบบอย่าง ได้เรียนรู้ระบบแบบฝรั่งว่าเป็นอย่างไร ทำให้เราเข้าใจกลไกของมัน รู้แล้วก็อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลง เลยริเริ่มไปเรียกร้องกับนายทุนมาเฟียค่ายเพลงคนนึงที่วงที่ผมไปเล่นอยู่ด้วยสังกัดอยู่ กำลังจะมีการทำงานชุดใหม่ ก็เลยไปเสนอว่าอยากให้มีการจ่ายค่าผลิตอย่างเป็นธรรม ทั้งเรียบเรียง คำร้องทำนอง มิกซ์เสียง ค่าควบคุมการผลิตต่างๆ รวมทั้งขอส่วนแบ่งจากยอดขาย ผลคือ "มึงหัวหมอหรือ?" งานหยุดชะงัก พวกผมถูกแบนจากสังกัดนั้นจนภายหลังพากันออกมาตั้งเป็นวงตาวัน แต่ไม่วายยังโดนไอ้เสี่ยคนนั้นตามมากลั่นแกล้งภายหลังได้ ตอนที่ออกผลงานชุดแรกของวงตาวัน หุ่นกระบอก แม้จะสังกัดแกรมมี่แล้ว แต่ต้องขายกับบริษัทจัดจำหน่ายของพวกมัน แกรมมี่ยังไม่มีระบบจัดจำหน่ายในตอนนั้น เอ็มจีเอเกิดขึ้นในภายหลัง เสี่ยมันให้สถานีวิทยุในเครือมันมาเรียกวงไปสัมภาษ เสร็จแล้วเรียกไปเชือดที่ห้องทำงานมัน แล้วบอกเราว่า "มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นหรือ" ตอนนี้มันเป็นคนจัดจำหน่ายอัลบั้มของพวกผม มันคุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สถานีวิทยุทั่วประเทศ มันว่าอย่าหวังเลยว่ามึงจะขายได้ และกูจะไม่ให้สถานีวิทยุของกูที่มึงเห็นปักหมุดอยู่เต็มบนแผนที่ประเทศไทยนั่นเล่นเพลงของพวกมึง... มันกดอินเตอร์คอมหาเลขา "เฮ้ย ไอ้อัลบั้มหุ่นกระป๋องนี่ขายได้เท่าไหร่แล้ววันนี้... สองพันค่ะ... สองพัน! มึงได้ยินไหม มึงคงขายได้ประมาณนี้แหละ อย่าหวังว่าจะมากกว่านี้" พี่หมูมือกีต้าร์เลือดขึ้นหน้าเกือบลุกขึ้นเตะก้านคอมัน แต่รู้ว่าอยู่ในตึกมัน หากไปกระทืบมันเข้า วงตาวันวันนั้นคงหามใส่เปลกันออกมาจากตึกนั่นทั้งวง . นายทุนยุคมืดมีความระยำเช่นนี้ ศิลปินคนไหนขายได้มันแจกสร้อยทองแจกเงินให้ตามความพอใจ ขายดีมากมันให้กุญแจรถไปขับ หมดพิสวาทก็เรียกกุญแจคืน ชอบนักร้องหญิงของวงก็เอาทำเมีย ไม่มีส่วนแบ่งจากการขายใดๆ ทั้งสิ้น มีเสี่ยในวงการยุคมืดอยู่สองสามคนที่รู้จักกันนับแต่เวลานั้น . การดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมในวงการเพลงนั้นเป็นสิ่งที่หาแทบไม่ได้ เถ้าแก่พวกนี้ เจ่กแปะพวกนี้ โน๊ตตัวเดียวก็ไม่กระดิก แต่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นับร้อยนับพันเพลงไปได้อย่างน่าขนลุก นักแต่งเพลงไม่เคยถูกให้เกียรติ ทั้งที่ธุรกิจมีไม่ได้หากไม่มีคนสร้างสรรค์ แต่สิทธิ์ผู้ประพันธ์ของผู้สร้างสรรค์กลับกลายเป็นของนายทุนพวกนี้ นับจากนาทีนั้น ผมสาบานกับตัวเองว่าจะดิ้นให้หลุดจากบ่วงอุบาทย์นี้สักวัน รวมทั้งกฏหมายที่ว่าด้วยการจ้างทำของ และแน่นอนว่า ผมพบทางสลัดหลุดจากวังวนพวกนี้ได้ในที่สุด . คุณธรรม กรรมใดที่ใครก่อ ย่อมบ่งชี้เจตนาของบุคคลนั้น และบุคคลย่อมต้องรับผลนั้นในสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว . วันนึง เมื่อผมดำเนินอาชีพของผมมาถึงจุดที่เป็นคอมโพสเซอร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนนึง ดนตรีผมหนึ่งนาทีมีราคาประมาณแสนบาท ผมรับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องละหนึ่งล้านบาท และไม่เคยเสียสิทธิ์ผู้ประพันธ์ไปให้ใครอีกเลย วันนั้นที่งานออกร้านของนักโทษกรมราชทันฑ์ มีพ่อค้าแม่ค้ามาร่วมเปิดท้ายขายของ ผมเห็นไอ้เสี่ยระยำที่เคยยิ่งใหญ่นั่นหอบกล่องอัลบั้มเพลงเก่าๆ ทั้งเทปเก่าและซีดีเก่ามาขายถูกๆ น่าสมเพชที่เมืองไทยมาถึงจุดพินาศเพราะมีเทปผีซีดีเถื่อนเกลื่อนเมือง ซึ่งพวกเพื่อนเสี่ยในยุคของมันบางคนก็มีส่วนในธุรกิจผีพวกนี้... ผมเห็นมันนั่งหน้ามันอยู่ข้างแผงและกล่องอัลบั้มแทบไม่มีใครซื้อ เพลงพวกนี้มีโหลดได้ฟรีๆ ทั่วไปหมด ผมไปหยุดยืนดูมันหัวจรดตีนด้วยใบหน้าเหยียดหยาม สะใจสุดๆ ยามรุ่งเรืองฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตสุดโต่ง ยามตกต่ำสิ้นไร้มีแต่หนี้สิน . ทำไมผมถึงรำลึกถึงพี่เต๋อด้วยความยกย่องเสมอ ก็เพราะเหตุนี้ ระบบที่ดีกว่าเป็นธรรมกว่าอย่างที่ผมไปพลีชีพเรียกร้องกัน ในที่สุดเกิดขึ้นเพราะพี่เต๋อไปก่อตั้งแกรมมี่แล้วสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ ทีมผลิตมีค่าผลิตเป็นสัดส่วนครบถ้วนตามหน้าที่แบบฝรั่งและมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายให้ผู้ประพันธ์และโปรดิวเซอร์ ผมไม่ยกย่องคุณไพบูลย์ในข้อนี้หรอก เพราะระบบเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะพี่เต๋อ ไม่ใช่พี่บูลย์ ถ้าพี่บูลย์ไม่ยอมรับให้สร้างระบบธุรกิจเช่นนี้พี่เต๋อคงไม่เอาด้วย และพวกพี่ๆ จากบัตเตอร์ฟลายก็คงจะไม่ไปเป็นกำลังผลิตให้ บริษัทแกรมมี่ก็จะไม่เกิด พอแกรมมี่เริ่มระบบนี้ ทุกค่ายเพลงต้องเดินตามเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบเดียวกันทุกค่าย เอาตรงๆ เขาไม่ได้อยากเปลี่ยนกันหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะแกรมมี่แจ้งเกิดสำเร็จแล้วแซงทุกค่ายจนใครๆ ก็อยากไปอยู่ที่นั่น ค่ายอื่นก็ต้องปรับตาม ต่างกันเล็กน้อยที่บางพวกยังจ้องเอาเปรียบอยู่ แม้แต่ค่ายมาเฟียก็ต้องปรับตาม ไม่เช่นนั้นศิลปินทุกคน คนมีฝีมือจะเดินไปที่แกรมมี่หมด กระนั้นพวกเสี่ยนั่นก็ปรับตัวได้ไม่ดี ผลประโยชน์ยังเอาเปรียบ ค่าผลิตและส่วนแบ่งต่ำกว่าที่อื่น และคุณภาพงานไม่ดี . อย่างไรก็ตาม มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมถอย สำหรับผมมันเริ่มเสื่อมลงเมื่อมี mp3 แต่ยิ่งเสื่อมกว่าหลังจากพี่เต๋อเสียชีวิต.. หนึ่งปีให้หลังจากนั้น ผมก็ลาออกจากแกรมมี่ มูลเหตุของการลาออกน่าจะเคยเล่าให้บางคนฟังบ้างแล้ว พวกเราทีมผลิตที่อยู่ในทีมใบตองได้รับอนุญาตให้ขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับที่พี่เต๋อพี่บูลย์ขึ้น วันหนึ่งผมเจอพี่บูลย์ ตอนนั้นเราแยกจากแกรมมี่แกรนด์มาตั้งเป็นอีกเลเบลหนึ่งคือ RPG (Rewat's Producer Group) แล้ว ในลิฟท์พี่บูลย์พูดกับผม... "พี่ปุ้ม.. ผมว่าเราต้องทำงานหนักให้เป็นสองเท่าเพื่อกำไรเท่าเดิม ต้องผลิตให้เร็วขึ้น... ผมว่าอย่างพี่เอาตีนเขี่ยแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว... เก่งไม่กลัวกลัวช้า..." ผมจำประโยคนี้แจ่มชัดแม้ผ่านไปยี่สิบปี พวกเราไม่ได้ช้า ไม่มีใครในตึกมีทักษะทางดนตรีและทักษะทางเทคนิคัลเท่าพวกเราอีกแล้ว เราทำงานละเอียด แม้แต่เสียง Snare แค่แทร็คเดียวเรายังพิถีพิถันเลือกกันอยู่หลายชั่วโมง ทุกเทคทุกแทร็คปราณีต เล่นและบันทึกอย่างตั้งใจ มันปลูกฝังกันมาจากการทำงานกับพี่ๆ กับครูของเราและพี่เต๋อ ทุกวันนี้ย้อนไปฟังงานยุคนั้นดูได้ คุณภาพเสียงยังดีอยู่เลย ความตั้งใจนี้เป็นสันดานและ "เอาตีนเขี่ยไม่ได้..." ผมออกจากลิฟท์วันนั้นแล้วตรงไปลาออกกับโอม ชาตรี คงสุวรรณ ซึ่งนั่งแท่นเป็น managing director อยู่ . เพียงหนึ่งปีให้หลังการเสียชีวิตของพี่เต๋อ ผมรู้สึกได้เลยว่าคุณธรรมที่เคยมีก็เสื่อมลง ผมรู้ทันทีว่าถึงเวลาต้องไป จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมรู้ว่าแกรมมี่จะเสื่อมถอยลง อีกปีต่อมาผมกับเพื่อนชื่อฝิ่น คณิต พฤกษ์พระกานต์ ซึ่งเป็นคนลงทุน เราเปิดสถาบันผลิตบุคคลากรสายอาชีพบันเทิงชื่อ Gen-X Academy เปิดอยู่ 14 ปี สอนวิชาที่ไม่เคยมีสอนในมหาวิทยาลัยเมืองไทยมาก่อนนอกจากที่ต่างประเทศ เช่น Songwriting, Arranging, Computer Music, Studio Sound Engineer, Live Sound Engineer, Film Scoring, Sounddesign, Video Post Production, Motion Graphics... เราผลิตบุคคลากรให้กับวงการบันเทิงอาชีพไปนับพันคน ผลิตนักแต่งเพลงไปประมาณสองร้อยกว่าคนเป็นอย่างน้อย ซาวด์เอนจิเนียร์สตูดิโอไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ไลฟ์ซาวด์เอนจิเนียร์อีกไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ยังไม่นับสาขาอื่นเช่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค นักตัดต่อวิดิโอ ทีวีรีพอร์ตเตอร์ ดีเจ นักพากย์... จนกระทั่งมหาวิทยาลัย-วิทยาลัยทั่วทั้งประเทศเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ บรรจุการสอนวิชาเหล่านี้เข้าในระดับปริญญาตรีของคณะดนตรีทุกแห่ง มีห้องอัด มีแลบคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาใช้ ในที่สุดพวกเขาทำตามทุกอย่างที่เรานำร่องมาก่อน แม้ธุรกิจจบ แต่ผมกลับภูมิใจที่ภารกิจจบ GenX Academy ปิดลงเพราะเราไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราทำมันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผลไปทั่วอย่างที่เราอยากเห็น . มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลลัพธ์จากการได้แบบอย่างที่ดีมาก่อนหน้านั้น มันได้ขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมในภายหลัง ตอนอยู่ที่บัตเตอร์ฟลาย พี่ๆ ทำโรงเรียน B.I.T. กันให้ผมเห็นเป็นตัวอย่าง สอนกันอยู่หลายรุ่น ผมได้ช่วยสอนเรื่อง Synthesizer พอมาทำงานกับพี่เต๋อ ไม่ว่าพี่เขาจะมีงานบริหารตื่นเช้าเพียงใด ตกเย็นพี่เต๋อจะมาขลุกอยู่กับพวกเราที่สตูดิโอแทบทุกวัน มีเรื่องมากมายที่ผมได้เรียนรู้ ตอนนั้นยึดหัวหาดที่ห้องอัดศรีสยามเป็นหลัก ผมยังจำประโยคที่พี่เต๋อพูดตอนที่ทานอาหารร่วมกันในคืนหนึ่ง ผมอยู่กับทีมและมีน้องๆ รุ่นใหม่บางคนกำลังเรียนรู้การทำงาน ดูเหมือนวันนั้นจะมีก๊อล์ฟวายนอทเซเว่น... พี่เต๋อพูดว่า "เราต้องสอนน้องๆ ต้องสร้างน้องๆ รุ่นใหม่ที่คิดเหมือนเรา ตั้งใจทำงานให้ดีมีคุณภาพ เชื่อในมาตรฐานการทำงานแบบที่เราทำ" . คุณธรรมในวงการเพลง ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายโดยทั่วไป แม้เคยเจอกับพวกยุคมืด แต่ผมก็ยังโชคดีที่เห็นมันในยุคของพี่เต๋อและการทำงานกับพี่ๆ หลายคน ผมมีน้องๆ ที่รู้จักชอบพอกันหลายคนอยู่ในค่ายเพลงอื่น ผมมักจะได้ยินเสียงสะท้อนออกมาให้รู้เสมอ หลากหลายเรื่องราว.. อย่างหนึ่งที่มักได้ยินจากฝั่งของอาร์เอส พูดตามจริง ไม่ค่อยดีนัก การดูแลชีวิตและให้เกียรติคนทำงานผลิตไม่ได้ดีเท่าไหร่ ความเป็นธรรมในการจ้าง ส่วนแบ่งในรายได้ ที่สำคัญคือการปันผลให้คนสร้างสรรค์ ไม่ค่อยดีนัก และลิขสิทธิ์อยู่กับนายทุนหมด ผู้ประพันธ์ไม่มีสิทธิ์เลย อย่างน้อยก็ได้ยินมาอย่างนั้น อย่างที่เคยเป็นข่าวไป ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเล่นเพลงที่ตัวเองสร้างขึ้นเพราะสิทธิ์ไปอยู่กับเสี่ยเจ้าของค่าย และน่าทุเรศคือ มันฟ้องผู้แต่งที่เอาเพลงที่ตนเองแต่งมาเล่นโดยไม่ขออนุญาตมัน... ยังดีที่แกรมมี่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกันกับผู้ประพันธ์ แม้ว่าระบบจะไม่มีการปรับระดับเพดานให้ดีมากขึ้นตามกาลเวลาและค่าครองชีพ แต่ระบบจัดเก็บและดูแลพับลิชชิ่งของแกรมมี่ยังคงทำงานมาตลอด และยี่สิบปีที่ผ่านมายังคงมีส่วนแบ่งโอนเข้าบัญชีเสมอไม่ได้ขาด มากบ้างน้อยบ้าง . มีนายทุนสายบันเทิงไม่น้อยที่ผมรู้เช่นเห็นชาติมาแต่โบราณ ต้องใช้คำนี้ เช่น บริษัทหนึ่งที่โดดเด่นในการทำคาราโอเกะมีนางแบบโป๊เดินอล่างฉ่างประกอบแบ๊คกิ้งแทร็ค วันนึงร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีเน็ทเวิร์คโฟโต้บุ๊ควัยรุ่นนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งบางที น้อยมาก... ทำค่ายไอดอลข้ามชาติกัน ผมเคยพยายามเตือน ผลคือทัวร์ลง. ไม่มีใครรู้ว่าสัญญาที่เซ็นต์นั้นครอบคลุมการเป็นเจ้าของตัวตนไปจนถึงภาพถ่ายเซลฟี่ส่วนตัวของศิลปินในสังกัดคนนั้น พวกนั้นสามารถอ้างได้แม้ลิขสิทธิของภาพที่เป็นส่วนตัว ในพื้นที่การทำงานเช่น คอนเสิร์ท การปรากฏตัวในที่ต่างๆ ฯ เขาไม่อนุญาตให้ช่างภาพอื่นที่เป็นคนนอกถ่ายภาพเลย แต่จะมีช่างภาพของเขาเท่านั้นที่จะตามถ่ายตลอดเวลา แม้จะเป็นเวลาและพื้นที่ที่ไม่สมควรถ่ายก็จะถูกถ่ายไปได้ คลังภาพจำนวนมากถูกเก็บไว้และเป็นสิทธิของเขาตามกฏหมาย และคุณไม่มีทางรู้ว่ามีภาพอะไรที่ไม่ควรถ่ายถูกถ่ายเก็บไว้ . คุณธรรมในวงการนี้หายากมาก และยิ่งในยุคนี้คุณจะยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีกเพราะมาตรฐานทางจริยธรรมของมนุษย์ตกต่ำมาก ไม่กี่วันมานี้ มีคุณแม่คนหนึ่งออกมาพูดออกสื่อโซเชียลแทนลูกชายที่โดนคดีทำร้ายผู้หญิงว่า... "อย่าให้เรื่องทะเลาะกันของชายหญิงมาทำให้อนาคตเสียเลย มันเล็กน้อยมาก ขอให้คิดว่าน้องเขาเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่ง ให้ดูที่การเรียนของน้องเป็นสำคัญ เรื่องอื่นมันเล็กน้อย".... นี่คือตรรกะของสังคมที่ป่วยและผู้คนขาดวิจารณญาณในการพิจารณาชั่วดี . กรรมเป็นตัวกำหนด คนที่ทำกรรมใดไว้จะได้รับผลของกรรมนั้นแล กราบขอบพระคุณ พี่ๆ และครูอาจารย์ที่ปูทางให้โลกของผมตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านไป มีความดีงามและอุ้มชูผมมาตลอดอาชีพการทำงาน . ขอภาวนาให้สิทธิผู้ประพันธ์คืนกลับไปยังผู้สร้างสรรค์ทุกท่าน .
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุการณ์สุดช็อก! เมื่อกล้องจับภาพได้ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสถูกบริดเจ็ต มาครง ภริยาและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศสตบหน้าในช่วงที่ทั้งคู่กำลังลงจากเครื่องบินระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางเยือนกรุงฮานอยของเวียดนาม โดยกล้องได้จับภาพในช่วงที่มือของบริดเจ็ตสัมผัสกับใบหน้าประธานาธิบดีฝรั่งเศส ด้วยท่าทางที่คล้ายกับการตบหน้า.ขณะที่ประธานาธิบดีมาครงก็ดูตกใจอยู่สักพัก แต่เมื่อประตูเครื่องบินเปิด ประธานาธิบดีมาครงได้ยิ้มและโบกมือให้ทักทายเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนที่สนามบินหลังจากนั้นประธานาธิบดีมาครง และภริยาได้เดินทางจากเครื่องบิน โดยทั้ง 2 ไม่ได้เดินจับมือกัน และมีสีหน้าที่เรียบเฉย ส่วนประธานาธิบดีมาครงก็เดินกำมือไว้ตลอด .เมื่อคลิปนี้เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ด้านเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสไม่ได้ยอมรับว่า คลิปภาพดังกล่าวเป็นคลิปจริง แต่เมื่อคลิปนี้กลายเป็นไวรัล เจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสได้ยอมรับว่า เป็นคลิปจริง และเป็นการทะเลาะที่ไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด .อย่างไรดี บรรดาชาวเน็ตต่างมองว่า เป็นเรื่องน่าอายที่ประธานาธิบดีมาครงถูกหยามเกียรติต่อหน้าสื่อ ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนตั้งคำถามว่า นี่ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัวด้วยหรือไม่ที่มา สำนักข่าววันนิวส์https://www.facebook.com/share/p/18r86FxC2b/?mibextid=wwXIfr
    เกิดเหตุการณ์สุดช็อก! เมื่อกล้องจับภาพได้ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสถูกบริดเจ็ต มาครง ภริยาและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศสตบหน้าในช่วงที่ทั้งคู่กำลังลงจากเครื่องบินระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางเยือนกรุงฮานอยของเวียดนาม โดยกล้องได้จับภาพในช่วงที่มือของบริดเจ็ตสัมผัสกับใบหน้าประธานาธิบดีฝรั่งเศส ด้วยท่าทางที่คล้ายกับการตบหน้า.ขณะที่ประธานาธิบดีมาครงก็ดูตกใจอยู่สักพัก แต่เมื่อประตูเครื่องบินเปิด ประธานาธิบดีมาครงได้ยิ้มและโบกมือให้ทักทายเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนที่สนามบินหลังจากนั้นประธานาธิบดีมาครง และภริยาได้เดินทางจากเครื่องบิน โดยทั้ง 2 ไม่ได้เดินจับมือกัน และมีสีหน้าที่เรียบเฉย ส่วนประธานาธิบดีมาครงก็เดินกำมือไว้ตลอด .เมื่อคลิปนี้เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ด้านเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสไม่ได้ยอมรับว่า คลิปภาพดังกล่าวเป็นคลิปจริง แต่เมื่อคลิปนี้กลายเป็นไวรัล เจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสได้ยอมรับว่า เป็นคลิปจริง และเป็นการทะเลาะที่ไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด .อย่างไรดี บรรดาชาวเน็ตต่างมองว่า เป็นเรื่องน่าอายที่ประธานาธิบดีมาครงถูกหยามเกียรติต่อหน้าสื่อ ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนตั้งคำถามว่า นี่ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัวด้วยหรือไม่ที่มา สำนักข่าววันนิวส์https://www.facebook.com/share/p/18r86FxC2b/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • "สนธิ" กอด "จตุพร" ไม่สำคัญแค่คนใจตรงกัน : [THE MESSAGE]
    นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล เผยกรณีภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ กอดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน รับเป็นน้องชาย เพราะยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนเลว ทั้งสองคนมีทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว จึงไม่อยากวิจารณ์ พวกเราแค่หายใจแรงก็ผิดแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ต่อให้ไม่กอดกันก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนที่ว่าจากคนที่เป็นฝ่ายเดียวกันต้องมาอยู่ตรงข้ามกัน คนที่พอใจกันก็อยู่ด้วยกันได้ ส่วนคนที่ติดค้างในใจหลายเรื่อง เมื่อมาขอแล้วไม่ได้อะไรบางอย่าง ก็กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องปกติ มีหลายคู่หลายคน ส่วนที่ว่ารวมตัวเพื่อ ประโยชน์ของประเทศชาติ ขออย่าทำให้การเมืองกลับไปเป็นเหมือนในอดีต เกิดความแตกแยก ชุมนุมประท้วง ก่อปัญหามากมาย
    พร้อมยืนยันไม่กังวลศาลนัดไต่สวนนายทักษิณ วันที่ 13 มิ.ย.นี้ มั่นใจกระบวนการถูกต้อง
    "สนธิ" กอด "จตุพร" ไม่สำคัญแค่คนใจตรงกัน : [THE MESSAGE] นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล เผยกรณีภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ กอดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน รับเป็นน้องชาย เพราะยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนเลว ทั้งสองคนมีทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว จึงไม่อยากวิจารณ์ พวกเราแค่หายใจแรงก็ผิดแล้ว เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ต่อให้ไม่กอดกันก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนที่ว่าจากคนที่เป็นฝ่ายเดียวกันต้องมาอยู่ตรงข้ามกัน คนที่พอใจกันก็อยู่ด้วยกันได้ ส่วนคนที่ติดค้างในใจหลายเรื่อง เมื่อมาขอแล้วไม่ได้อะไรบางอย่าง ก็กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องปกติ มีหลายคู่หลายคน ส่วนที่ว่ารวมตัวเพื่อ ประโยชน์ของประเทศชาติ ขออย่าทำให้การเมืองกลับไปเป็นเหมือนในอดีต เกิดความแตกแยก ชุมนุมประท้วง ก่อปัญหามากมาย พร้อมยืนยันไม่กังวลศาลนัดไต่สวนนายทักษิณ วันที่ 13 มิ.ย.นี้ มั่นใจกระบวนการถูกต้อง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 404 Views 24 0 Reviews
  • 'อ.ปานเทพ' เปิดคำพิพากษาคดี "แตงโม" เผยจุดสำคัญ ที่โจทย์ฟ้องแบบยอมรับเอง!!!
    https://www.thai-tai.tv/news/18938/
    'อ.ปานเทพ' เปิดคำพิพากษาคดี "แตงโม" เผยจุดสำคัญ ที่โจทย์ฟ้องแบบยอมรับเอง!!! https://www.thai-tai.tv/news/18938/
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • Minisforum เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ชิป Ryzen แทน EPYC – การเปลี่ยนแปลงที่ AMD อาจไม่พอใจ

    Minisforum เปิดตัว MS-S1 Max ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 2U rackmount ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 แทนที่จะเป็น EPYC โดยบริษัทอ้างว่า ระบบนี้จะช่วยปฏิวัติการทำงานด้าน AI ในสภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ AMD ในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MS-S1 Max และผลกระทบต่อ AMD
    ✅ MS-S1 Max ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นชิปสำหรับลูกค้า ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์
    - มี กราฟิก Radeon และ NPU สำหรับงาน AI

    ✅ Minisforum อ้างว่าเซิร์ฟเวอร์นี้เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย, ห้องทดลอง และสตาร์ทอัพด้าน AI
    - สามารถ รันโมเดลขนาดใหญ่ เช่น DeepSeek 70B ได้โดยไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม

    ✅ MS-S1 Max มีขนาดเล็กเพียง 3.2 ลิตร และออกแบบให้เป็นระบบ all-in-one
    - ทำให้ มีประสิทธิภาพด้านพลังงานและต้นทุนต่ำกว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป

    ✅ AMD อาจต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือจำกัดการใช้ Ryzen ในเซิร์ฟเวอร์
    - เนื่องจาก EPYC ได้รับการออกแบบมาเพื่อความน่าเชื่อถือและรองรับงานที่ต้องการความเสถียรสูง

    ✅ Ryzen ไม่มีการรองรับ ECC memory และฟีเจอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์
    - อาจทำให้ ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเสถียรระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/amd-has-a-problem-chinese-vendor-goes-rogue-and-puts-ryzen-ai-cpus-in-server-racks-instead-of-epyc-processors
    Minisforum เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ชิป Ryzen แทน EPYC – การเปลี่ยนแปลงที่ AMD อาจไม่พอใจ Minisforum เปิดตัว MS-S1 Max ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 2U rackmount ที่ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 แทนที่จะเป็น EPYC โดยบริษัทอ้างว่า ระบบนี้จะช่วยปฏิวัติการทำงานด้าน AI ในสภาพแวดล้อมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ AMD ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MS-S1 Max และผลกระทบต่อ AMD ✅ MS-S1 Max ใช้ชิป Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นชิปสำหรับลูกค้า ไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ - มี กราฟิก Radeon และ NPU สำหรับงาน AI ✅ Minisforum อ้างว่าเซิร์ฟเวอร์นี้เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย, ห้องทดลอง และสตาร์ทอัพด้าน AI - สามารถ รันโมเดลขนาดใหญ่ เช่น DeepSeek 70B ได้โดยไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม ✅ MS-S1 Max มีขนาดเล็กเพียง 3.2 ลิตร และออกแบบให้เป็นระบบ all-in-one - ทำให้ มีประสิทธิภาพด้านพลังงานและต้นทุนต่ำกว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป ✅ AMD อาจต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือจำกัดการใช้ Ryzen ในเซิร์ฟเวอร์ - เนื่องจาก EPYC ได้รับการออกแบบมาเพื่อความน่าเชื่อถือและรองรับงานที่ต้องการความเสถียรสูง ✅ Ryzen ไม่มีการรองรับ ECC memory และฟีเจอร์ระดับเซิร์ฟเวอร์ - อาจทำให้ ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเสถียรระยะยาว https://www.techradar.com/pro/amd-has-a-problem-chinese-vendor-goes-rogue-and-puts-ryzen-ai-cpus-in-server-racks-instead-of-epyc-processors
    WWW.TECHRADAR.COM
    This weird little Ryzen rack server could ruin AMD’s carefully planned EPYC business empire
    MS-S1 Max is the AI rebel server AMD didn’t want, but might have to live with
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้

    ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน
    ✅ ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้
    - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ

    ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony
    - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน

    ✅ ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ
    - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด"

    ✅ คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี
    - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้
    - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

    https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    ศาลเยอรมันตัดสินให้เว็บไซต์ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ ศาลปกครองเมืองฮันโนเวอร์ ออกคำตัดสินที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัลในเยอรมนี โดยกำหนดให้เว็บไซต์ ต้องมีปุ่ม "ปฏิเสธทั้งหมด" บนแบนเนอร์คุกกี้ หากมีปุ่ม "ยอมรับทั้งหมด" เพื่อป้องกันการออกแบบที่บิดเบือนให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลเยอรมัน ✅ ศาลฮันโนเวอร์ตัดสินว่าเว็บไซต์ต้องให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่ชัดเจนในการปฏิเสธคุกกี้ - ป้องกัน การออกแบบที่กดดันให้ผู้ใช้ยอมรับคุกกี้โดยไม่ตั้งใจ ✅ กรณีนี้เกิดจากการร้องเรียนของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแห่งรัฐ Lower Saxony - หน่วยงาน สั่งให้บริษัทสื่อ NOZ ปรับปรุงแบนเนอร์คุกกี้ของตน ✅ ศาลพบว่าแบนเนอร์คุกกี้ของ NOZ ทำให้การปฏิเสธคุกกี้ยากกว่าการยอมรับ - เช่น ใช้คำว่า "ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด" เพื่อชักจูงให้กด "ยอมรับและปิด" ✅ คำตัดสินนี้อ้างอิงกฎหมายคุ้มครองข้อมูล GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของเยอรมนี - ระบุว่า การออกแบบที่บิดเบือนทำให้การยินยอมเป็นโมฆะ ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวหวังว่าคำตัดสินนี้จะเป็นแบบอย่างให้เว็บไซต์อื่น ๆ ปรับปรุงระบบยินยอมคุกกี้ - หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลในบาวาเรีย พบว่าเว็บไซต์จำนวนมากยังคงใช้แบนเนอร์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน https://www.techspot.com/news/108043-german-court-takes-stand-against-manipulative-cookie-banners.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    German court rules cookie banners must offer "reject all" button
    Lower Saxony Data Protection Officer Denis Lehmkemper has won a legal battle in his push for fairer digital privacy practices in Germany. The Hanover Administrative Court ruled...
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • งานวิ่งทิพย์ 18 มงกุฎผุดอีเวนต์

    กระแสออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ทำให้งานวิ่งได้รับความนิยม ตั้งแต่มินิมาราธอนยันไตรกีฬา แต่บางครั้งงานวิ่งกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ ที่สุดท้ายนักวิ่งต้องรอเก้อเพราะงานวิ่งไม่เกิดขึ้นจริง เฉกเช่นงาน Run for Destination 2025 ที่สวนหลวง ร.๙ วันที่ 25 พ.ค. ปรากฎว่าพอถึงวันงานจริงมีเพียงแต่ซุ้มประตู และนักวิ่งจำนวนมากต่างรอคอยด้วยความงุนงง พอรู้ว่าถูกหลอกก็เสียความรู้สึก ต่างแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดงานที่ สน.ประเวศ

    มลฤดี อายุ 42 ปี และ สุชานันท์ อายุ 31 ปี กรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนเปิดเผยว่าจัดงานวิ่งเป็นครั้งแรก ขออนุญาตสำนักงานเขตและสวนหลวง ร.๙ เรียบร้อย อ้างว่าขาดประสบการณ์ เพราะว่าจ้างออแกไนซ์รายหนึ่งแต่กลับยกเลิกกะทันหัน และไม่มีบริษัทไหนรับงาน จึงพยายามหาส่วนต่างๆ เองเพื่อให้งานเดินต่อ ส่วนการเยียวยาขอหารือก่อนแต่ก็ต้องทยอยชดเชย เพราะการจัดงานมีต้นทุน ยอมรับว่าความเชื่อมั่นบริษัทหายไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจต่อ

    อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนและกระแสโซเชียลฯ ต่างขุดค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลผู้จัดงาน พบว่าเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมจัดแข่งขันแบดมินตันอีกด้วย อีกด้านหนึ่งพบว่าชื่อกรรมการยังเชื่อมโยงกับขบวนการมิจฉาชีพในคราบนายหน้าติวเตอร์ กรรมการรายหนึ่งถูกระบุว่าฉ้อโกงค่านายหน้าติวเตอร์ 2 ครั้ง ยอดรวม 2,250 บาท อีกรายหนึ่งเคยเป็นนายหน้ามาก่อน ติวเตอร์ระบุว่างานที่ได้รับมาส่วนมากเด็กหายไป ขาดบ่อย ตอนเรียนก็เงียบ และยังพบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่เคยหลอกลวงติวเตอร์รายหนึ่งมาแล้ว จากบัญชีที่คืนเงิน

    กรณีงานวิ่งทิพย์ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2560 เคยมีการจัดงานเนินมะปราง ซีนิค มาราธอน ที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ปรากฎว่ายกเลิกแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้นักวิ่งกว่า 1,200 คนได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจึงร่วมกันจัดงานปลอบใจนักวิ่งเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ส่วนผู้จัด นายเวหา แสนชนชนะศึก ประกาศแจ้งให้ขอคืนเงินค่าสมัครผ่านทางอีเมล แต่นักวิ่งไม่ได้เงินคืน คดีนี้ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 25,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี ปัจจุบันถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี

    งานวิ่งทิพย์เป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผู้สมัครงานวิ่งต่างๆ ถ้าหากงานวิ่งใดไม่ใช้บริการระบบรับสมัครงานวิ่งจากบริษัทโดยเฉพาะ แต่ให้โอนเงินโดยตรง ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง หากเจอผู้จัดงานที่ไม่มีโปร์ไฟล์ ไม่น่าเชื่อถือ งานวิ่งอาจไม่มีจริง

    #Newskit
    งานวิ่งทิพย์ 18 มงกุฎผุดอีเวนต์ กระแสออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ทำให้งานวิ่งได้รับความนิยม ตั้งแต่มินิมาราธอนยันไตรกีฬา แต่บางครั้งงานวิ่งกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ ที่สุดท้ายนักวิ่งต้องรอเก้อเพราะงานวิ่งไม่เกิดขึ้นจริง เฉกเช่นงาน Run for Destination 2025 ที่สวนหลวง ร.๙ วันที่ 25 พ.ค. ปรากฎว่าพอถึงวันงานจริงมีเพียงแต่ซุ้มประตู และนักวิ่งจำนวนมากต่างรอคอยด้วยความงุนงง พอรู้ว่าถูกหลอกก็เสียความรู้สึก ต่างแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดงานที่ สน.ประเวศ มลฤดี อายุ 42 ปี และ สุชานันท์ อายุ 31 ปี กรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ เข้าให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนเปิดเผยว่าจัดงานวิ่งเป็นครั้งแรก ขออนุญาตสำนักงานเขตและสวนหลวง ร.๙ เรียบร้อย อ้างว่าขาดประสบการณ์ เพราะว่าจ้างออแกไนซ์รายหนึ่งแต่กลับยกเลิกกะทันหัน และไม่มีบริษัทไหนรับงาน จึงพยายามหาส่วนต่างๆ เองเพื่อให้งานเดินต่อ ส่วนการเยียวยาขอหารือก่อนแต่ก็ต้องทยอยชดเชย เพราะการจัดงานมีต้นทุน ยอมรับว่าความเชื่อมั่นบริษัทหายไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจต่อ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนและกระแสโซเชียลฯ ต่างขุดค้นข้อมูลเกี่ยวกับนิติบุคคลผู้จัดงาน พบว่าเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมจัดแข่งขันแบดมินตันอีกด้วย อีกด้านหนึ่งพบว่าชื่อกรรมการยังเชื่อมโยงกับขบวนการมิจฉาชีพในคราบนายหน้าติวเตอร์ กรรมการรายหนึ่งถูกระบุว่าฉ้อโกงค่านายหน้าติวเตอร์ 2 ครั้ง ยอดรวม 2,250 บาท อีกรายหนึ่งเคยเป็นนายหน้ามาก่อน ติวเตอร์ระบุว่างานที่ได้รับมาส่วนมากเด็กหายไป ขาดบ่อย ตอนเรียนก็เงียบ และยังพบว่าเป็นหนึ่งในขบวนการที่เคยหลอกลวงติวเตอร์รายหนึ่งมาแล้ว จากบัญชีที่คืนเงิน กรณีงานวิ่งทิพย์ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2560 เคยมีการจัดงานเนินมะปราง ซีนิค มาราธอน ที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ปรากฎว่ายกเลิกแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้นักวิ่งกว่า 1,200 คนได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจึงร่วมกันจัดงานปลอบใจนักวิ่งเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ส่วนผู้จัด นายเวหา แสนชนชนะศึก ประกาศแจ้งให้ขอคืนเงินค่าสมัครผ่านทางอีเมล แต่นักวิ่งไม่ได้เงินคืน คดีนี้ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 25,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี ปัจจุบันถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ทั้งหมด 3 คดี งานวิ่งทิพย์เป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับผู้สมัครงานวิ่งต่างๆ ถ้าหากงานวิ่งใดไม่ใช้บริการระบบรับสมัครงานวิ่งจากบริษัทโดยเฉพาะ แต่ให้โอนเงินโดยตรง ควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง หากเจอผู้จัดงานที่ไม่มีโปร์ไฟล์ ไม่น่าเชื่อถือ งานวิ่งอาจไม่มีจริง #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า
    “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย
    แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า”
    .
    ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร
    [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665]
    แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้
    ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา
    พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้
    .
    .
    เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน
    .
    อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง
    .
    ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่
    .
    ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ
    .
    อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร
    .
    เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ
    .
    ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้
    .
    คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา
    .
    บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด
    .
    กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้
    .
    คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า” . ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665] แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้ ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้ . . เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน . อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง . ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่ . ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ . อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร . เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ . ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้ . คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา . บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด . กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้ .
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
More Results