• รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย "ณฐพร-ลูกชาย" ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบมีโรคประจำตัวตามวัย อยู่แดนกักโรคห้องเดียวกัน อายุเยอะทั้งคู่ให้อยู่ช่วยดูแลกัน
    .
    จากกรณี อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน อายุ 72 ปี และ นายรัฐสิทธิ์ โตประยูร บุตรชาย อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ภายหลังศาลอาญารัชดาภิเษก ประทับรับฟ้องจำเลยทั้งสองและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งหน้าที่กันทำ กระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะหลบหนีจึงไม่อนุญาต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (5 มิ.ย.)
    .
    วันนี้ (6 มิ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว นายณฐพร โตประยูร พร้อมลูกชาย ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทำประวัติผู้ต้องขังตามระเบียบและตรวจสุขภาพ พบว่า นายณฐพร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว 3-4 โรคตามวัย แต่ไม่ได้พกยาติดตัวมาด้วย เพราะไม่คาดคิดว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว จึงแนะนำญาติให้นำยาโรคประจำวันมาฝากเรือนจำในภายหลัง ส่วนลูกชายไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพทั่วไปปกติ และทั้งคู่เข้ามาเรือนจำ สังเกตว่ามีความเครียดเล็กน้อย โดยก่อนเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทราบว่ายังไม่ได้รับประทานอาหารจึงจัดอาหารมื้อเย็นเป็น ผัดขี้เมาไก่ ใส่ผัก และซุป สามารถทานได้ตามปกติ
    .
    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000053000
    .
    #MGROnline #ณฐพรโตประยูร #อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน
    รองโฆษกราชทัณฑ์ เผย "ณฐพร-ลูกชาย" ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบมีโรคประจำตัวตามวัย อยู่แดนกักโรคห้องเดียวกัน อายุเยอะทั้งคู่ให้อยู่ช่วยดูแลกัน . จากกรณี อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน อายุ 72 ปี และ นายรัฐสิทธิ์ โตประยูร บุตรชาย อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ภายหลังศาลอาญารัชดาภิเษก ประทับรับฟ้องจำเลยทั้งสองและยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งหน้าที่กันทำ กระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนในวงกว้าง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองจะหลบหนีจึงไม่อนุญาต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วานนี้ (5 มิ.ย.) . วันนี้ (6 มิ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (5 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว นายณฐพร โตประยูร พร้อมลูกชาย ฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทำประวัติผู้ต้องขังตามระเบียบและตรวจสุขภาพ พบว่า นายณฐพร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว 3-4 โรคตามวัย แต่ไม่ได้พกยาติดตัวมาด้วย เพราะไม่คาดคิดว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว จึงแนะนำญาติให้นำยาโรคประจำวันมาฝากเรือนจำในภายหลัง ส่วนลูกชายไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพทั่วไปปกติ และทั้งคู่เข้ามาเรือนจำ สังเกตว่ามีความเครียดเล็กน้อย โดยก่อนเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทราบว่ายังไม่ได้รับประทานอาหารจึงจัดอาหารมื้อเย็นเป็น ผัดขี้เมาไก่ ใส่ผัก และซุป สามารถทานได้ตามปกติ . คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000053000 . #MGROnline #ณฐพรโตประยูร #อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • ไม่มีแผ่ว คลังนัดแถลงเดินหน้าเปิดกาสิโน ตั้งชื่อธีมสุดหรูมหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/19157/
    ไม่มีแผ่ว คลังนัดแถลงเดินหน้าเปิดกาสิโน ตั้งชื่อธีมสุดหรูมหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก https://www.thai-tai.tv/news/19157/
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • วันนี้ (29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวสื่อมวลชน ในประเด็นการก่อสร้างอคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น ณ ห้องประชุม ท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

    นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “เป็นประตูสู่ภาคอีสาน” เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม คมนาคม และการศึกษาของภาคอีสาน มีการเจริญ เติบโตสูงรองจากกรุงเทพมหานคร สำหรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับ หน่วยบริการให้เป็น Excellence Center ศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ในภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้อง กับการขยายตัวของจังหวัดนครราชสีมาในทุกมิติ ซึ่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเป็นโรงพยาบาลศูนย์ เพียงแห่งเดียวของจังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของเขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ ดูแลสุขภาพประชาชนประมาณ 6.7 ล้านคน เป็นโรงพยาบาลที่พึ่ง ของคนอีสาน และยังเป็นสถาบันผลิตแพทย์ แหล่งฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทุกวิชาชีพ นายแพทย์ธนสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "อาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา" จะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด

    ด้านโรคมะเร็ง ต้านอุบัติเหตุฉุกเฉิน ด้านทารกแรกเกิด และด้านการรับบริจาคและเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ และศูนย์ ความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดระดับด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัด, ศูนย์ผ่าตัดแบบแผลเล็ก, ศูนย์ผ่าตัดสมอง, ศูนย์ผ่าตัดตา, ศูนย์กระดูกและข้อ เป็นต้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 1 แสนตารางเมตร วงเงินก่อสร้าง 3,550,156,700 บาท ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 563,500,000 บาท ช่วยแก้ปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำของ การเข้าถึงบริการสุขภาพ ลดแออัด ลดการส่งต่อผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางไปยัง โรงเรียนแพทย์อื่นๆ เพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงบริการ ลดอัตราการเสียชีวิต ยังเป็นการพัฒนาให้ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาให้เป็นสถาบันวิจัยทางการแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สําหรับแพทย์ และ บุคลากรสหวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีและได้ประโยชน์โดยตรงอย่างสูงสุด
    วันนี้ (29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวสื่อมวลชน ในประเด็นการก่อสร้างอคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น ณ ห้องประชุม ท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “เป็นประตูสู่ภาคอีสาน” เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม คมนาคม และการศึกษาของภาคอีสาน มีการเจริญ เติบโตสูงรองจากกรุงเทพมหานคร สำหรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับ หน่วยบริการให้เป็น Excellence Center ศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ในภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้อง กับการขยายตัวของจังหวัดนครราชสีมาในทุกมิติ ซึ่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเป็นโรงพยาบาลศูนย์ เพียงแห่งเดียวของจังหวัดนครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของเขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ ดูแลสุขภาพประชาชนประมาณ 6.7 ล้านคน เป็นโรงพยาบาลที่พึ่ง ของคนอีสาน และยังเป็นสถาบันผลิตแพทย์ แหล่งฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขทุกวิชาชีพ นายแพทย์ธนสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "อาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา" จะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้านโรคมะเร็ง ต้านอุบัติเหตุฉุกเฉิน ด้านทารกแรกเกิด และด้านการรับบริจาคและเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ และศูนย์ ความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดระดับด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัด, ศูนย์ผ่าตัดแบบแผลเล็ก, ศูนย์ผ่าตัดสมอง, ศูนย์ผ่าตัดตา, ศูนย์กระดูกและข้อ เป็นต้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 1 แสนตารางเมตร วงเงินก่อสร้าง 3,550,156,700 บาท ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 563,500,000 บาท ช่วยแก้ปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำของ การเข้าถึงบริการสุขภาพ ลดแออัด ลดการส่งต่อผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางไปยัง โรงเรียนแพทย์อื่นๆ เพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงบริการ ลดอัตราการเสียชีวิต ยังเป็นการพัฒนาให้ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาให้เป็นสถาบันวิจัยทางการแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สําหรับแพทย์ และ บุคลากรสหวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีและได้ประโยชน์โดยตรงอย่างสูงสุด
    0 Comments 0 Shares 389 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • ศาล ปค.แจงเป็นหน้าที่นายกฯ-รมว.คลัง-กรมบังคับคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งใหม่บังคับให้ "ยิ่งลักษณ์" จ่ายชดใช้จำนำข้าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา หน้าที่ศาลปกครองยุติแล้ว

    วันที่ 26 พ.ค.น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาพันธ์ ศาลปกครอง เปิดเผยว่าการออกมานี้ชี้แจงนี้ เพื่อให้สังคมประชาชนเข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาลว่า เป็นพิจารณาเฉพาะประเด็นคำสั่งที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายกรัฐมนตรีกับพวกทั้ง 9 เท่านั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท เฉพาะส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน10,028,861,880.83 บาท แล้ว บทบาทหน้าที่ของศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว การดำเนินการใดใดจากนี้ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ต้องไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา

    น.ส.สายทิพย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นการฟ้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดใดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือกไป3.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาลว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้ว เห็นว่า โคงการจำนำข้าวนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน จึงวินิจฉัยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายนั้น ไม่ต้องมีความรับผิด แต่ในส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ คือเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย ดังนั้น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049199

    #MGROnline #ยิ่งลักษณ์ #จ่ายชดใช้จำนำข้าว #จำนำข้าว
    ศาล ปค.แจงเป็นหน้าที่นายกฯ-รมว.คลัง-กรมบังคับคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งใหม่บังคับให้ "ยิ่งลักษณ์" จ่ายชดใช้จำนำข้าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา หน้าที่ศาลปกครองยุติแล้ว • วันที่ 26 พ.ค.น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาพันธ์ ศาลปกครอง เปิดเผยว่าการออกมานี้ชี้แจงนี้ เพื่อให้สังคมประชาชนเข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาลว่า เป็นพิจารณาเฉพาะประเด็นคำสั่งที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายกรัฐมนตรีกับพวกทั้ง 9 เท่านั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท เฉพาะส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน10,028,861,880.83 บาท แล้ว บทบาทหน้าที่ของศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว การดำเนินการใดใดจากนี้ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ต้องไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา น.ส.สายทิพย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นการฟ้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดใดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือกไป3.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาลว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้ว เห็นว่า โคงการจำนำข้าวนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน จึงวินิจฉัยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายนั้น ไม่ต้องมีความรับผิด แต่ในส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ คือเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย ดังนั้น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049199 • #MGROnline #ยิ่งลักษณ์ #จ่ายชดใช้จำนำข้าว #จำนำข้าว
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ ที่ระลึกสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ปี2525
    เหรียญพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ หลัง ภปร. สว. วัดบวรนิเวศน์ กรุงเทพมหานคร ปี2525 //พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จัดสร้างโดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเป็นสถานที่พักฟื้นตำรวจตระเวนชายแดน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบทุกด้านให้คุณทางด้านอำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ ผ่านพิธีพุทธาภิเษกพิธีมังคลาภิเษกที่ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 16 เมษายน 2526.รายละเอียด........
    กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดหาทุนดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลนวุติสมเด็จย่าขึ้นสังกัดกับโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสมนาคุณแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบในการก่อสร้างโรงพยาบาล ดังกล่าว ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้อัญเชิญอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดิษฐานบนผ้าทิพย์ขององค์พระพุทธรูปบูชา ภปร. ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เพื่อหย่อนแผ่นทองคำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และ สมเด็จพระวันรัต ลงในเบ้าหลอมพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2525 โดยใต้ฐานพระพุทธรูปจะมีตลับพระธาตุบรรจุไว้....


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ ที่ระลึกสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ปี2525 เหรียญพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ หลัง ภปร. สว. วัดบวรนิเวศน์ กรุงเทพมหานคร ปี2525 //พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จัดสร้างโดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเป็นสถานที่พักฟื้นตำรวจตระเวนชายแดน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบทุกด้านให้คุณทางด้านอำนวยโชคลาภ ความมั่งคั่งทรัพย์สินเงินทอง อุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล” ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้ >> ** พระดีพิธีใหญ่ ผ่านพิธีพุทธาภิเษกพิธีมังคลาภิเษกที่ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ 16 เมษายน 2526.รายละเอียด........ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดหาทุนดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลนวุติสมเด็จย่าขึ้นสังกัดกับโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสมนาคุณแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบในการก่อสร้างโรงพยาบาล ดังกล่าว ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้อัญเชิญอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ประดิษฐานบนผ้าทิพย์ขององค์พระพุทธรูปบูชา ภปร. ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เพื่อหย่อนแผ่นทองคำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร และ สมเด็จพระวันรัต ลงในเบ้าหลอมพระพุทธศรีประกายสิทธิ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2525 โดยใต้ฐานพระพุทธรูปจะมีตลับพระธาตุบรรจุไว้.... ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
  • แท็กซี่สนามบินเดือด ประณาม Grab ขายชาติ

    เมื่อวันที่ 20 พ.ค. มีการชุมนุมของกลุ่มสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ร่วมกับเครือข่ายผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ เครือข่ายแท็กซี่ประเทศไทย นำโดย นายวรพล แกมขุนทด ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ปี 2560 และกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2564 หลังอนุญาตให้แกร็บ (Grab) จัดตั้งจุดรับผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วมีผู้ใช้บริการมากกว่า ทำให้รถแท็กซี่เสียเปรียบ

    โดยกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ถามรัฐบาล ต้องชัดเจนว่าจะเลือกแกร็บหรือแท็กซี่ ถ้าเลือกแกร็บถือว่าขายชาติ เพราะไม่ใช่บริษัทคนไทย ยืนยันว่าไม่ได้โยงเรื่องการเมือง แต่เพื่อความเป็นอยู่ของทุกคน หากรัฐบาลยังดื้อดึงไม่มีข้อสรุป จะยกระดับการชุมนุม อาจรวมตัวปิดทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลัง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม มอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พิจารณาแนวทางการให้บริการรถสาธารณะ แก้ไขกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับเพื่อความเป็นธรรมและบรรเทาความเดือดร้อน โดยยึดประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ

    อีกด้านหนึ่ง กระแสสังคมต่างวิจารณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ เพราะแต่ละคนต่างมีประสบการณ์ที่แย่เกี่ยวกับรถแท็กซี่สนามบิน เช่น กลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ส่วนหนึ่งไม่รับ หรือไม่เต็มใจรับลูกค้าคนไทย รับแต่ชาวต่างชาติ และร้องขอไม่กดมิเตอร์กลางทาง โดยคิดราคาเหมาในอัตราที่สูง นอกจากนี้ รายงานจากสถาบันเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ดระบุว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเสี่ยงถูกฉ้อโกงอย่างยิ่ง โดยพบว่ามีปัญหาฉ้อโกงจากแท็กซี่และบริการรถเช่า 48%

    ด้านบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) ยืนยันว่าได้รับอนุญาตจาก ทอท.ให้ดำเนินการตั้งจุดให้บริการผู้โดยสารแกร็บอย่างถูกต้อง อีกทั้งเป็นคนละพื้นที่และแยกกันกับจุดให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะในสนามบินอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงเปิดรับคนขับที่สนใจเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ กับกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สาธารณะทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม แต่ยังคงเคารพสิทธิ์ของผู้โดยสารให้เลือกใช้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล และเชื่อว่าสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติ

    อนึ่ง แกร็บและ ทอท.ร่วมกันตั้งจุดรับ-ส่งผู้โดยสารแกร็บที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 1 ประตู 4 และสนามบินดอนเมือง อาคาร 2 ชั้น 1 ประตู 12 อีกทั้งเมื่อปี 2566 แกร็บเปิดให้บริการจุดรับผู้โดยสารในสนามบินภูเก็ตและสนามบินเชียงใหม่

    #Newskit
    แท็กซี่สนามบินเดือด ประณาม Grab ขายชาติ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. มีการชุมนุมของกลุ่มสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ร่วมกับเครือข่ายผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ เครือข่ายแท็กซี่ประเทศไทย นำโดย นายวรพล แกมขุนทด ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน ปี 2560 และกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2564 หลังอนุญาตให้แกร็บ (Grab) จัดตั้งจุดรับผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วมีผู้ใช้บริการมากกว่า ทำให้รถแท็กซี่เสียเปรียบ โดยกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ถามรัฐบาล ต้องชัดเจนว่าจะเลือกแกร็บหรือแท็กซี่ ถ้าเลือกแกร็บถือว่าขายชาติ เพราะไม่ใช่บริษัทคนไทย ยืนยันว่าไม่ได้โยงเรื่องการเมือง แต่เพื่อความเป็นอยู่ของทุกคน หากรัฐบาลยังดื้อดึงไม่มีข้อสรุป จะยกระดับการชุมนุม อาจรวมตัวปิดทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลัง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม มอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พิจารณาแนวทางการให้บริการรถสาธารณะ แก้ไขกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับเพื่อความเป็นธรรมและบรรเทาความเดือดร้อน โดยยึดประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ อีกด้านหนึ่ง กระแสสังคมต่างวิจารณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ เพราะแต่ละคนต่างมีประสบการณ์ที่แย่เกี่ยวกับรถแท็กซี่สนามบิน เช่น กลุ่มผู้ขับขี่แท็กซี่ส่วนหนึ่งไม่รับ หรือไม่เต็มใจรับลูกค้าคนไทย รับแต่ชาวต่างชาติ และร้องขอไม่กดมิเตอร์กลางทาง โดยคิดราคาเหมาในอัตราที่สูง นอกจากนี้ รายงานจากสถาบันเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ดระบุว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเสี่ยงถูกฉ้อโกงอย่างยิ่ง โดยพบว่ามีปัญหาฉ้อโกงจากแท็กซี่และบริการรถเช่า 48% ด้านบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) ยืนยันว่าได้รับอนุญาตจาก ทอท.ให้ดำเนินการตั้งจุดให้บริการผู้โดยสารแกร็บอย่างถูกต้อง อีกทั้งเป็นคนละพื้นที่และแยกกันกับจุดให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะในสนามบินอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงเปิดรับคนขับที่สนใจเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆ กับกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สาธารณะทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม แต่ยังคงเคารพสิทธิ์ของผู้โดยสารให้เลือกใช้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล และเชื่อว่าสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติ อนึ่ง แกร็บและ ทอท.ร่วมกันตั้งจุดรับ-ส่งผู้โดยสารแกร็บที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 1 ประตู 4 และสนามบินดอนเมือง อาคาร 2 ชั้น 1 ประตู 12 อีกทั้งเมื่อปี 2566 แกร็บเปิดให้บริการจุดรับผู้โดยสารในสนามบินภูเก็ตและสนามบินเชียงใหม่ #Newskit
    Like
    Love
    3
    1 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews
  • ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี ชี้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

    วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้องมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงการคลังยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000047914

    #MGROnline #ศาลปกครองสูงสุด #ยิ่งลักษณ์
    ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี ชี้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง • วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย • คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้องมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงการคลังยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000047914 • #MGROnline #ศาลปกครองสูงสุด #ยิ่งลักษณ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • รถไฟฟ้าสายสีชมพู เปิดประตูสู่เมืองทองธานี

    วันอังคารที่ 20 พ.ค. รถไฟฟ้ามหานครสาย สีชมพู จะเปิดทดสอบระบบส่วนต่อขยายเมืองทองธานี 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT01) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02) วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เปิดบริการเวลา 06.00 ถึง 22.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดบริการเวลา 06.00 ถึง 23.30 น. ความถี่ทุก 10 นาที ก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์วันที่ 17 มิ.ย. ถือเป็นการเติมเต็มอาณาจักรเมืองทองธานี บนพื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ ประกอบด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์แสดงสินค้าและศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก ให้มีระบบคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น

    จากเดิมการเดินทางมายังอิมแพ็คด้วยระบบขนส่งมวลชน มีทั้งรถประจำทาง รถตู้สาธารณะ และรถสองแถว แต่ต้องประสบปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะถนนแจ้งวัฒนะ แม้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะให้บริการที่สถานีศรีรัช (PK09) ทางออก 1 แต่ต้องต่อรถสองแถว 12 บาท รถตู้ 15 บาท หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 30-40 บาท

    แต่รถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ส่วนต่อขยายเมืองทองธานี เมื่อออกจากสถานีเมืองทองธานี (PK10) สามารถเปลี่ยนขบวนรถไปยังสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี โดยเสียค่าโดยสารเพิ่ม 3-5 บาท แต่จ่ายสูงสุดในโครงข่ายสายสีชมพู (ศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี) ไม่เกิน 45 บาท เมื่อถึงสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี ใช้ทางออก 3 เพื่อไปยังอิมแพ็คได้ทันที

    หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง เดินทางข้ามสายที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ด้วยบัตร EMV (บัตรเครดิต VISA และ Mastercard ทุกธนาคาร บัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย และยูโอบี) ยังมีส่วนลดค่าแรกเข้า 15 บาท ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่มีส่วนลดและไม่สามารถใช้บัตร EMV ได้ ต้องใช้บัตรแรบบิท หรือบัตรโดยสารเที่ยวเดียว

    การให้บริการจะใช้รถจำนวน 3 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ มีที่นั่งทั้งหมด 60 ที่นั่งต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 738 คน ระยะแรกคาดว่าจะมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการประมาณ 13,800 คน-เที่ยวต่อวัน จากปัจจุบันมีผู้โดยสารช่วงแคราย-มีนบุรีเฉลี่ยประมาณ 70,000 คน-เที่ยวต่อวัน และเมื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะขยายเวลาให้บริการเป็น 06.00 ถึง 24.00 น. ความถี่ 10 นาทีต่อขบวน แต่ช่วงที่มีอีเวนต์ คอนเสิร์ต จะเพิ่มความถี่เป็น 5 นาทีต่อขบวน

    นอกจากนี้ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี ยังมีทางออก 1 ไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทางออก 2 ไปโรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร และทางออก 4 ไปซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39

    #Newskit
    รถไฟฟ้าสายสีชมพู เปิดประตูสู่เมืองทองธานี วันอังคารที่ 20 พ.ค. รถไฟฟ้ามหานครสาย สีชมพู จะเปิดทดสอบระบบส่วนต่อขยายเมืองทองธานี 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT01) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02) วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เปิดบริการเวลา 06.00 ถึง 22.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดบริการเวลา 06.00 ถึง 23.30 น. ความถี่ทุก 10 นาที ก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์วันที่ 17 มิ.ย. ถือเป็นการเติมเต็มอาณาจักรเมืองทองธานี บนพื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ ประกอบด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์แสดงสินค้าและศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โรงแรม และพื้นที่ค้าปลีก ให้มีระบบคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น จากเดิมการเดินทางมายังอิมแพ็คด้วยระบบขนส่งมวลชน มีทั้งรถประจำทาง รถตู้สาธารณะ และรถสองแถว แต่ต้องประสบปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะถนนแจ้งวัฒนะ แม้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะให้บริการที่สถานีศรีรัช (PK09) ทางออก 1 แต่ต้องต่อรถสองแถว 12 บาท รถตู้ 15 บาท หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 30-40 บาท แต่รถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ส่วนต่อขยายเมืองทองธานี เมื่อออกจากสถานีเมืองทองธานี (PK10) สามารถเปลี่ยนขบวนรถไปยังสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี โดยเสียค่าโดยสารเพิ่ม 3-5 บาท แต่จ่ายสูงสุดในโครงข่ายสายสีชมพู (ศูนย์ราชการนนทบุรี-มีนบุรี) ไม่เกิน 45 บาท เมื่อถึงสถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี ใช้ทางออก 3 เพื่อไปยังอิมแพ็คได้ทันที หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง เดินทางข้ามสายที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ด้วยบัตร EMV (บัตรเครดิต VISA และ Mastercard ทุกธนาคาร บัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย และยูโอบี) ยังมีส่วนลดค่าแรกเข้า 15 บาท ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปลี่ยนขบวนรถที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ไม่มีส่วนลดและไม่สามารถใช้บัตร EMV ได้ ต้องใช้บัตรแรบบิท หรือบัตรโดยสารเที่ยวเดียว การให้บริการจะใช้รถจำนวน 3 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ มีที่นั่งทั้งหมด 60 ที่นั่งต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 738 คน ระยะแรกคาดว่าจะมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการประมาณ 13,800 คน-เที่ยวต่อวัน จากปัจจุบันมีผู้โดยสารช่วงแคราย-มีนบุรีเฉลี่ยประมาณ 70,000 คน-เที่ยวต่อวัน และเมื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะขยายเวลาให้บริการเป็น 06.00 ถึง 24.00 น. ความถี่ 10 นาทีต่อขบวน แต่ช่วงที่มีอีเวนต์ คอนเสิร์ต จะเพิ่มความถี่เป็น 5 นาทีต่อขบวน นอกจากนี้ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี ยังมีทางออก 1 ไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทางออก 2 ไปโรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร และทางออก 4 ไปซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุเรือใบของกองทัพเรือเม็กซิโกพุ่งชนสะพานบรูกลิน ในมหานครนิวยอร์ก เมื่อคืนวันเสร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 19 ราย เสากระโดงเรือ 3 ต้นหักและพังบางส่วนหลังจากพุ่งชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046401

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เกิดเหตุเรือใบของกองทัพเรือเม็กซิโกพุ่งชนสะพานบรูกลิน ในมหานครนิวยอร์ก เมื่อคืนวันเสร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 19 ราย เสากระโดงเรือ 3 ต้นหักและพังบางส่วนหลังจากพุ่งชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046401 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 473 Views 0 Reviews
  • เหตุชายคลั่งยาเสพติดยิงปืน ย่านบางกอกน้อย ผ่านไปแล้วกว่า 5 ชม. เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าควบคุมตัวได้ รอง ผบช.น.เผย ตามยุทธวิธียังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ยังคงใช้วิธีเจรจาต่อรอง พบคนร้ายมีระเบิดแสวงเครื่องทำเอง

    จากกรณีชายคลั่ง ถือปืนยิงขึ้นฟ้า และยิงต่อสู้ตำรวจ ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง หลังวัดลครทำ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ต่อมาทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายณัฐวัชต์ หรือ เต้ อายุ 31 ปี ตามที่เสนอข่าวนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราช ตำรวจ 191 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางกอกน้อย เดินทางมายังที่ยังที่เกิดเหตุ เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อ เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. พร้อมสุนัข K9 ลงพื้นที่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000045402

    #MGROnline #ชายคลั่ง #ปิดล้อม #ตำรวจ #อิสรภาพ44
    เหตุชายคลั่งยาเสพติดยิงปืน ย่านบางกอกน้อย ผ่านไปแล้วกว่า 5 ชม. เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าควบคุมตัวได้ รอง ผบช.น.เผย ตามยุทธวิธียังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ยังคงใช้วิธีเจรจาต่อรอง พบคนร้ายมีระเบิดแสวงเครื่องทำเอง • จากกรณีชายคลั่ง ถือปืนยิงขึ้นฟ้า และยิงต่อสู้ตำรวจ ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง หลังวัดลครทำ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ต่อมาทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายณัฐวัชต์ หรือ เต้ อายุ 31 ปี ตามที่เสนอข่าวนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราช ตำรวจ 191 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางกอกน้อย เดินทางมายังที่ยังที่เกิดเหตุ เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อ เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. พร้อมสุนัข K9 ลงพื้นที่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000045402 • #MGROnline #ชายคลั่ง #ปิดล้อม #ตำรวจ #อิสรภาพ44
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 467 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานและจัดสัมมนา ระหว่างวันพุธที่ 14 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา
    .
    คณะกรรมาธิการศึกษาดูงานเรื่อง "การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยประชุมกับส่วนราชการของจังหวัดนคราชสีมา ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชั้น 4 ในประเด็น ดังนี้
    1) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณของ จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มจังหวัด”
    2) ประชุม เรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหาร งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและ ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา”
    3) ประชุม เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา”
    4) ประชุม เรื่อง “โครงการก่อสร้างศูนย์การประชุม นานาชาติและการแสดงสินค้าขนาดใหญ่”
    5) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา ๒๕๗๒ "
    6) เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการรถไฟ ความเร็วสูงไทย - จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -นครราชสีมา"
    คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานและจัดสัมมนา ระหว่างวันพุธที่ 14 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา . คณะกรรมาธิการศึกษาดูงานเรื่อง "การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยประชุมกับส่วนราชการของจังหวัดนคราชสีมา ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชั้น 4 ในประเด็น ดังนี้ 1) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณของ จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มจังหวัด” 2) ประชุม เรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหาร งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและ ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา” 3) ประชุม เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา” 4) ประชุม เรื่อง “โครงการก่อสร้างศูนย์การประชุม นานาชาติและการแสดงสินค้าขนาดใหญ่” 5) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา ๒๕๗๒ " 6) เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการรถไฟ ความเร็วสูงไทย - จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -นครราชสีมา"
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • ค้นหาจนวินาทีสุดท้าย จบภารกิจกู้ภัยตึก สตง. : [NEWS UPDATE]

    น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าการกู้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ยุติการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งในวันที่ 13 พ.ค. นี้ สุนัข K9 จะสำรวจกองเศษวัสดุทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีชิ้นส่วนผู้สูญหายหลงเหลืออยู่ เพื่อถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทั้งเครื่องจักร ตู้คอนเทนเนอร์ และส่งมอบพื้นที่คืนให้ผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ จากยอดผู้ประสบเหตุ 109 ราย รอดชีวิต 9 ราย มีผู้ไม่ได้มาทำงานในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว 4 ราย นิติเวชระบุร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 89 ราย ซึ่งหลังยุติการค้นหาจะเป็นกระบวนของนิติเวชในการระบุตัวตนของชิ้นส่วนที่เหลือ 296 ชิ้น และตำรวจจะดำเนินการเกี่ยวกับคดี เตรียม ปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์พักคอยสำหรับญาติผู้สูญหาย แต่สำนักงานเขตจตุจักรยังจัดศูนย์พักพิงหากมีญาติประสงค์จะพักคอยอยู่

    -ประณามข่มขู่ทนายความ

    -ทดสอบเตือนภัย 5 จังหวัด

    -ท้องถิ่นสนใจตัวบุคคล

    -พายุเศรษฐกิจมาแน่
    ค้นหาจนวินาทีสุดท้าย จบภารกิจกู้ภัยตึก สตง. : [NEWS UPDATE] น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าการกู้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ยุติการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งในวันที่ 13 พ.ค. นี้ สุนัข K9 จะสำรวจกองเศษวัสดุทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีชิ้นส่วนผู้สูญหายหลงเหลืออยู่ เพื่อถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทั้งเครื่องจักร ตู้คอนเทนเนอร์ และส่งมอบพื้นที่คืนให้ผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ จากยอดผู้ประสบเหตุ 109 ราย รอดชีวิต 9 ราย มีผู้ไม่ได้มาทำงานในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว 4 ราย นิติเวชระบุร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 89 ราย ซึ่งหลังยุติการค้นหาจะเป็นกระบวนของนิติเวชในการระบุตัวตนของชิ้นส่วนที่เหลือ 296 ชิ้น และตำรวจจะดำเนินการเกี่ยวกับคดี เตรียม ปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์พักคอยสำหรับญาติผู้สูญหาย แต่สำนักงานเขตจตุจักรยังจัดศูนย์พักพิงหากมีญาติประสงค์จะพักคอยอยู่ -ประณามข่มขู่ทนายความ -ทดสอบเตือนภัย 5 จังหวัด -ท้องถิ่นสนใจตัวบุคคล -พายุเศรษฐกิจมาแน่
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 646 Views 26 0 Reviews
  • รองปลัด กทม.เผยสั่งปิดศูนย์พักพิง 4 แห่ง ใกล้เหตุโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไฟไหม้ ย้ายไปวัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา หลังตรวจพบคุณภาพอากาศยังเต็มไปด้วยสารพิษ

    วันนี้ (12 พ.ค.) นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ย่านซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้เจ้าของโรงงานเดินทางมาให้ข้อมูลบางส่วนกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยพบว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 300,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้ ส่วนโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และบุคคลที่มาแสดงตัวก็เป็นคนไทยด้วยเช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044300

    #MGROnline #ไฟไหม้ฉลองกรุง55 #โรงงานเฟอนิเจอร์ไฟไหม้
    รองปลัด กทม.เผยสั่งปิดศูนย์พักพิง 4 แห่ง ใกล้เหตุโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไฟไหม้ ย้ายไปวัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา หลังตรวจพบคุณภาพอากาศยังเต็มไปด้วยสารพิษ • วันนี้ (12 พ.ค.) นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ย่านซอยฉลองกรุง 55 เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ว่า ขณะนี้เจ้าของโรงงานเดินทางมาให้ข้อมูลบางส่วนกับเจ้าหน้าที่แล้ว โดยพบว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 300,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮและเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้ ส่วนโรงงานมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบว่าเจ้าของมีชื่อเป็นคนไทย และบุคคลที่มาแสดงตัวก็เป็นคนไทยด้วยเช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044300 • #MGROnline #ไฟไหม้ฉลองกรุง55 #โรงงานเฟอนิเจอร์ไฟไหม้
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567

    ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น

    ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ

    ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก

    ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    สถานีต่อไป กรุงเทพอภิวัฒน์ - KL Sentral การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของมาเลเซีย จะร่วมกันกลับมาเปิดให้บริการรถไฟ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรกภายในเดือน ก.ค. 2568 เป็นผลมาจากการประชุมร่วมระหว่าง ร.ฟ.ท. และ KTM Berhad ครั้งที่ 42 (KTMB-SRT Joint Conference) เมื่อเดือน ส.ค.2567 ถือเป็นการฟื้นการเดินรถไฟสายกรุงเทพฯ-ปีนัง กลับมาอีกครั้ง หลังเคยเปิดการเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2465 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 94 ปี ก่อนยกเลิกจำหน่ายตั๋วรถไฟไปสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 เป็นต้นมา หลังจากประเทศมาเลเซียได้ปรับปรุงทางรถไฟทางคู่ระบบปิด ก่อนให้บริการรถไฟแบบ ETS ซึ่งเป็นรถไฟด่วนพิเศษ และ KTM Komuter ซึ่งเป็นรถไฟธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ขบวนรถที่ 45/46 จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางของรถไฟทางไกลในปัจจุบัน ไปยังสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส เท่านั้น ที่น่าสนใจก็คือ รายงานข่าวจากสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซีย นายโลค เปิดเผยว่า มีแผนจะกลับมาเปิดให้บริการรถไฟทางไกล ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อีกครั้งในปี 2568 ซึ่ง KTM Berhad และ ร.ฟ.ท. จะใช้เวลาเตรียมการเบื้องต้น 3 เดือน แม้การดำเนินการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสร้างเส้นทางรถไฟใหม่ แต่จำเป็นต้องมีการประสานงาน การทำการตลาดร่วมกัน และการออกตั๋วโดยสารร่วมกันระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยได้เสนอให้ขยายบริการรถไฟทางไกล จากสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) และเมืองปาเซร์มัส (Pasir Mas) รัฐกลันตันในมาเลเซีย ซึ่งตนยินดีรับข้อเสนอนี้ เนื่องจากถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และปรับปรุงคุณภาพชีวิตในพื้นที่ชายแดน แต่จะต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมเพื่อฟื้นฟูเส้นทางรถไฟระหว่างสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง และปาเซร์มัส เนื่องจากต้องมีการบูรณะรางรถไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานานในเมืองรันเตาปันยังและสุไหงโก-ลก ปัจจุบัน สถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย มีบริการรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปยังสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันละ 5 ขบวน ปลายทางไกลที่สุดคือสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 12 พ.ค. 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 549 Views 0 Reviews
  • นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้างในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เปิดพื้นที่และแผ่นคอนกรีตรวมทั้งซากอาคารทั้งหมดถึงชั้นใต้ดินครบแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด 40x40 เมตร ยังเหลือซากอาคารที่ล้มลงไปกองด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ สูง 3 เมตร กว้าง 15-20 เมตร แม้เนื้องานไม่มากแต่ต้องระมัดระวังเครื่องจักรหนักที่จะไปเพิ่มน้ำหนักทำให้พื้นยุบลง คาดใช้เวลา 2-3 วัน จะจบภารกิจ ส่วนการนําร่างผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวช กว่า 200 ชิ้น ต้องรอผลพิสูจน์ DNA ว่าเป็นร่างมนุษย์กี่คน ตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งมาว่า 109 คนหรือไม่ โดยข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังค้างอยู่ 13 ราย ในตัวอาคารไม่มีแล้ว ส่วนร่างที่แจ้งว่าพบ 87 ราย สามารถยืนยันและคืนร่างได้ 45 ราย แต่การออกใบมรณบัตรของสำนักงานเขตมี 47 ใบ เท่ากับว่ามีส่วนที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง ต้องหาว่าข้อมูลที่ได้มาคลาดเคลื่อนตรงไหน เพราะหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้วไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่ม
    นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้างในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เปิดพื้นที่และแผ่นคอนกรีตรวมทั้งซากอาคารทั้งหมดถึงชั้นใต้ดินครบแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด 40x40 เมตร ยังเหลือซากอาคารที่ล้มลงไปกองด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ สูง 3 เมตร กว้าง 15-20 เมตร แม้เนื้องานไม่มากแต่ต้องระมัดระวังเครื่องจักรหนักที่จะไปเพิ่มน้ำหนักทำให้พื้นยุบลง คาดใช้เวลา 2-3 วัน จะจบภารกิจ ส่วนการนําร่างผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวช กว่า 200 ชิ้น ต้องรอผลพิสูจน์ DNA ว่าเป็นร่างมนุษย์กี่คน ตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งมาว่า 109 คนหรือไม่ โดยข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังค้างอยู่ 13 ราย ในตัวอาคารไม่มีแล้ว ส่วนร่างที่แจ้งว่าพบ 87 ราย สามารถยืนยันและคืนร่างได้ 45 ราย แต่การออกใบมรณบัตรของสำนักงานเขตมี 47 ใบ เท่ากับว่ามีส่วนที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง ต้องหาว่าข้อมูลที่ได้มาคลาดเคลื่อนตรงไหน เพราะหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้วไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่ม
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 608 Views 16 0 Reviews
  • กรุงเทพมหานคร แถลงปรับยอดผู้ประสบเหตุเพิ่มเป็น 109 ราย โดยยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 86 ราย และยังอยู่ระหว่างติดตามผู้สูญหายอีก 14 ราย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เร่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในพื้นที่กว่า 280 ชิ้น หวังจะสามารถส่งร่างกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ปล่อยให้ผู้สูญหายกลายเป็นเพียงสถิติที่ไร้ชื่อ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000041698

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรุงเทพมหานคร แถลงปรับยอดผู้ประสบเหตุเพิ่มเป็น 109 ราย โดยยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 86 ราย และยังอยู่ระหว่างติดตามผู้สูญหายอีก 14 ราย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เร่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในพื้นที่กว่า 280 ชิ้น หวังจะสามารถส่งร่างกลับคืนสู่ครอบครัวอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ปล่อยให้ผู้สูญหายกลายเป็นเพียงสถิติที่ไร้ชื่อ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000041698 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 652 Views 0 Reviews
  • “สนข.”เผยคจร.รับทราบแผนแก้รถติดพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม”ศูนย์วัฒนธรรมฯ – ตลิ่งชัน” รฟม.-กทม. -บชน.เตรียมทดลองปรับการเดินรถ”ถนนราชปรารถ,พระรามที่ 1 เริ่ม 5 – 20 พ.ค.68

    นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 คณะกรรมการฯ ได้มีมติรับทราบผลการศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม – ตลิ่งชัน ตามที่ สนข. เสนอ และมอบหมายให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ดำเนินการตามผลการศึกษาเพื่อเร่งแก้ไขและบรรเทาปัญหาการจราจรตามแนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอย่างเร่งด่วน

    จากการศึกษาพบว่า พื้นที่สำคัญที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากการก่อสร้างคือ ถนนเพชรบุรี ช่วงแยกยมราช แยกราชเทวี และแยกประตูน้ำ เนื่องจากถนนเพชรบุรีเป็นถนนสายหลักในการเดินทางตามแนวทิศตะวันออก - ตะวันตกของกรุงเทพฯ มีปริมาณการจราจรผ่านเส้นทางเป็นจำนวนมาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/business/detail/9680000041704

    #MGROnline #รถไฟฟ้าสายสีส้ม
    “สนข.”เผยคจร.รับทราบแผนแก้รถติดพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม”ศูนย์วัฒนธรรมฯ – ตลิ่งชัน” รฟม.-กทม. -บชน.เตรียมทดลองปรับการเดินรถ”ถนนราชปรารถ,พระรามที่ 1 เริ่ม 5 – 20 พ.ค.68 • นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 คณะกรรมการฯ ได้มีมติรับทราบผลการศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม – ตลิ่งชัน ตามที่ สนข. เสนอ และมอบหมายให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ดำเนินการตามผลการศึกษาเพื่อเร่งแก้ไขและบรรเทาปัญหาการจราจรตามแนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอย่างเร่งด่วน • จากการศึกษาพบว่า พื้นที่สำคัญที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากการก่อสร้างคือ ถนนเพชรบุรี ช่วงแยกยมราช แยกราชเทวี และแยกประตูน้ำ เนื่องจากถนนเพชรบุรีเป็นถนนสายหลักในการเดินทางตามแนวทิศตะวันออก - ตะวันตกของกรุงเทพฯ มีปริมาณการจราจรผ่านเส้นทางเป็นจำนวนมาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/business/detail/9680000041704 • #MGROnline #รถไฟฟ้าสายสีส้ม
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง'

    เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปมร้อนข่าวลึก : ศาลสั่งไต่สวน'ทักษิณ' พลิกข้อกฎหมาย ศึกนี้ 'รอด' หรือ 'ร่วง' เวลานี้บ้านจันทร์ส่องหล้าน่าจะเกิดอาการสั่นคลอนพอสมควร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้หยิบยกเอากรณีคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเรื่องที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล มาพิจารณาด้วยตัวเอง แม้จะมีความเห็นว่านายชาญชัย ผู้ร้องไม่ได้เป็นคู่ความในคดีของนายทักษิณมาก่อนก็ตาม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040615 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 960 Views 0 Reviews
  • ผบช.น. เผยคดีอดีตตำรวจยศ “พล.ต.อ.” ชนแล้วหนี อยู่ระหว่าง ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตามพยานหลักฐาน

    จากกรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 23.00 น.ที่บริเวณแยกทางเข้าโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท แขวง พระโขนง เขต คลองเตย กรุงเทพมหานคร พบรถยนต์ รุ่น E240 SEDAN ยี่ห้อ MERCEDES BENZ สี เทา โดยมี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ อดีตที่ปรึกษา สบ.10 เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว อยู่บนนถนนพระรามที่ 4 กล้วยน้ำไท มุ่งหน้าพระโขนง ในช่องทางที่ 2 จากซ้าย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ชนกับรถจักรยานยนต์ขับอยู่ในช่องทางที่ 1 จากซ้าย มีนายนที ศรีทา เป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (30 เม.ย.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ มีวิริยกุล ผกก.สน.คลองตัน ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยและเอียด และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ซักถามอาการเบื้องต้นแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000040544

    #MGROnline #อดีตตำรวจ #ชนแล้วหนี
    ผบช.น. เผยคดีอดีตตำรวจยศ “พล.ต.อ.” ชนแล้วหนี อยู่ระหว่าง ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตามพยานหลักฐาน • จากกรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 23.00 น.ที่บริเวณแยกทางเข้าโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท แขวง พระโขนง เขต คลองเตย กรุงเทพมหานคร พบรถยนต์ รุ่น E240 SEDAN ยี่ห้อ MERCEDES BENZ สี เทา โดยมี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ อดีตที่ปรึกษา สบ.10 เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว อยู่บนนถนนพระรามที่ 4 กล้วยน้ำไท มุ่งหน้าพระโขนง ในช่องทางที่ 2 จากซ้าย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ชนกับรถจักรยานยนต์ขับอยู่ในช่องทางที่ 1 จากซ้าย มีนายนที ศรีทา เป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (30 เม.ย.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ มีวิริยกุล ผกก.สน.คลองตัน ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยและเอียด และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้ซักถามอาการเบื้องต้นแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000040544 • #MGROnline #อดีตตำรวจ #ชนแล้วหนี
    0 Comments 0 Shares 348 Views 0 Reviews
  • 30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย

    กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

    ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด

    ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน

    ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 329 Views 0 Reviews
  • “กัน จอมพลัง” พาลูกสาวและลูกชายของตากับยายกระบะคู่กรณี “พีช” รับมอบรถกระบะมือสอง มูลค่ากว่า 6 แสนบาท พร้อมมอเตอร์ไซค์ จาก “บิ๊ก สระแก้ว” รวมถึงเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า และแฟนคลับ รวม 5 แสนบาท

    วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ร้าน Davin Cafe นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วยลูกสาวและลูกชาย ของตากับยาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช บุตรชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยวอดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถ BMW กระแทกรถกระบะของตากับยายบนทางด่วน ได้เดินทางมารับรถกะบะ อีซูซุ แค็บ Calendar ปี 2022 สีบรอนซ์ ราคา 600,000 บาท มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าเวฟ 110i 2025 สีน้ำ-ขาว ราคา 47,000 บาท รวมถึงอาหารทั้งหมูยอ ข้าวสารจากทางครอบครัวของนายอรรถวัฒน์ ตังคะประเสริฐ หรือบิ๊ก สระแก้ว และนายสุรพล ตังคะประเสริฐ ประธานบริษัท ดีที่สุดคาร์แอนเซอวิส ฮอนด้าประสิทธิ์ระแก้ว(2554) ปตท. เฮียพลสั่งลุยซ้อน้องจัดเต็ม มั่งมีศรีสุข

    กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประกาศตามหาซื้อรถให้กับทางคุณตาคุณยาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนเสนอเข้ามา ซึ่งทางคุณบิ๊กมีการเสนอรถฟอร์จูนเนอร์มาให้กับครอบครัวคุณตาคุณยายด้วย ยอมรับว่า ตนเองตกใจเป็นอย่างมากเพราะฟอร์จูนเนอร์ออกใหม่ราคา 1 ล้านกว่าบาท จึงได้มีการไปปรึกษาคุณตาคุณยาย แต่ทั้งสองคนไม่กล้ารับ เพราะอยากจะได้รถที่เป็นกระบะแคปเหมือนเดิม และไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รถมือหนึ่ง ซึ่งคุณตาคุณยายทำให้ตนรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ช่วยโอกาสอยากจะได้อะไรเป็นสุรต่านร่ำรวย กลับทำให้รู้สึกสงสารคุณตาคุณยายมากกว่าเดิม

    จึงจำเป็นที่จะต้องหาดูรถ ให้คุณตาคุณยายใหม่ จนคุณบิ๊กเสนอรถเข้ามาดูใหม่ เป็นรถกระบะแคปปี 2022 เลขกิโลนั้นไม่ได้เยอะมาก ซึ่งทางคุณบิ๊กนั้นต้องการที่จะช่วยจริงๆ ได้มีการลากจากจังหวัดสระแก้วมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบให้กับคุณตาคุณยาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039217

    #MGROnline #กันจอมพลัง
    “กัน จอมพลัง” พาลูกสาวและลูกชายของตากับยายกระบะคู่กรณี “พีช” รับมอบรถกระบะมือสอง มูลค่ากว่า 6 แสนบาท พร้อมมอเตอร์ไซค์ จาก “บิ๊ก สระแก้ว” รวมถึงเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า และแฟนคลับ รวม 5 แสนบาท • วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ร้าน Davin Cafe นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วยลูกสาวและลูกชาย ของตากับยาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช บุตรชายของ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยวอดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถ BMW กระแทกรถกระบะของตากับยายบนทางด่วน ได้เดินทางมารับรถกะบะ อีซูซุ แค็บ Calendar ปี 2022 สีบรอนซ์ ราคา 600,000 บาท มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าเวฟ 110i 2025 สีน้ำ-ขาว ราคา 47,000 บาท รวมถึงอาหารทั้งหมูยอ ข้าวสารจากทางครอบครัวของนายอรรถวัฒน์ ตังคะประเสริฐ หรือบิ๊ก สระแก้ว และนายสุรพล ตังคะประเสริฐ ประธานบริษัท ดีที่สุดคาร์แอนเซอวิส ฮอนด้าประสิทธิ์ระแก้ว(2554) ปตท. เฮียพลสั่งลุยซ้อน้องจัดเต็ม มั่งมีศรีสุข • กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประกาศตามหาซื้อรถให้กับทางคุณตาคุณยาย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนเสนอเข้ามา ซึ่งทางคุณบิ๊กมีการเสนอรถฟอร์จูนเนอร์มาให้กับครอบครัวคุณตาคุณยายด้วย ยอมรับว่า ตนเองตกใจเป็นอย่างมากเพราะฟอร์จูนเนอร์ออกใหม่ราคา 1 ล้านกว่าบาท จึงได้มีการไปปรึกษาคุณตาคุณยาย แต่ทั้งสองคนไม่กล้ารับ เพราะอยากจะได้รถที่เป็นกระบะแคปเหมือนเดิม และไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รถมือหนึ่ง ซึ่งคุณตาคุณยายทำให้ตนรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ช่วยโอกาสอยากจะได้อะไรเป็นสุรต่านร่ำรวย กลับทำให้รู้สึกสงสารคุณตาคุณยายมากกว่าเดิม • จึงจำเป็นที่จะต้องหาดูรถ ให้คุณตาคุณยายใหม่ จนคุณบิ๊กเสนอรถเข้ามาดูใหม่ เป็นรถกระบะแคปปี 2022 เลขกิโลนั้นไม่ได้เยอะมาก ซึ่งทางคุณบิ๊กนั้นต้องการที่จะช่วยจริงๆ ได้มีการลากจากจังหวัดสระแก้วมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบให้กับคุณตาคุณยาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039217 • #MGROnline #กันจอมพลัง
    0 Comments 0 Shares 581 Views 0 Reviews
  • เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล ไปยังวัดตรีทศเทพฯ เตรียมส่งกลับประกอบพิธีศสาสนาตามภูมิลำเนาพรุ่งนี้

    วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชนำร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย สังกัดกองบินตำรวจ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเลบรรจุใส่โลงศพและนำขึ้นรถศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 6 คัน โดยมีพระสงฆ์ 6 รูป ประจำรถศูนย์ส่งกลับฯคันละ 1 รูป รวมถึงญาติ พร้อมทั้งมีรถจักรยานยนต์ตำรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)

    นำโดย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.54 กับ พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) กองบินตำรวจ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นผู้ขับรถนำขบวนด้วยตนเอง ในการเคลื่อนย้ายร่าง ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039179

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจกล้า #อาลัยตำรวจกล้า #กองบินตำรวจ
    #เครื่องบินตก
    เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเล ไปยังวัดตรีทศเทพฯ เตรียมส่งกลับประกอบพิธีศสาสนาตามภูมิลำเนาพรุ่งนี้ • วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวชนำร่างของตำรวจทั้ง 6 นาย สังกัดกองบินตำรวจ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในทะเลบรรจุใส่โลงศพและนำขึ้นรถศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจจำนวน 6 คัน โดยมีพระสงฆ์ 6 รูป ประจำรถศูนย์ส่งกลับฯคันละ 1 รูป รวมถึงญาติ พร้อมทั้งมีรถจักรยานยนต์ตำรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) • นำโดย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.54 กับ พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน (สบ 4) กองบินตำรวจ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นผู้ขับรถนำขบวนด้วยตนเอง ในการเคลื่อนย้ายร่าง ไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000039179 • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ตำรวจกล้า #อาลัยตำรวจกล้า #กองบินตำรวจ #เครื่องบินตก
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
More Results