• โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ‘อนุทิน’ ควบ มท. 'สุชาติ' นั่งรองนายกฯ ควบทรัพยากรฯ! ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ 24 ก.ย.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/21548/
    .
    #ไทยไท #ครม #อนุทินชาญวีรกูล #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ‘อนุทิน’ ควบ มท. 'สุชาติ' นั่งรองนายกฯ ควบทรัพยากรฯ! ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ 24 ก.ย.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/21548/ . #ไทยไท #ครม #อนุทินชาญวีรกูล #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี อนุทินนั่งควบมหาดไทย พร้อม 3 รัฐมนตรีช่วย ทรงศักดิ์-ศักดิ์ดา-ศศิธร พิพัฒน์รองนายกฯ ควบคมนาคม เอกนิติรองนายกฯ ควบคลัง ธรรมนัสรองนายกฯ ควบเกษตร สุชาติรองนายกฯ ควบกระทรวงทรัพย์ฯ ลูกเนวินไชยชนกเป็น รมว.ดีอี ลูกแบดทายาทเฮียตือเป็น รมต.สำนักนายกฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089730

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี อนุทินนั่งควบมหาดไทย พร้อม 3 รัฐมนตรีช่วย ทรงศักดิ์-ศักดิ์ดา-ศศิธร พิพัฒน์รองนายกฯ ควบคมนาคม เอกนิติรองนายกฯ ควบคลัง ธรรมนัสรองนายกฯ ควบเกษตร สุชาติรองนายกฯ ควบกระทรวงทรัพย์ฯ ลูกเนวินไชยชนกเป็น รมว.ดีอี ลูกแบดทายาทเฮียตือเป็น รมต.สำนักนายกฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089730 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส และ ภริยา "บริจิตต์ มาครง" (Brigitte Macron) เตรียมควงคู่กันส่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริจิตต์ เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย
    .
    คู่รักประธานาธิบดีได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทแคนเดซ โอเวนส์ (Candace Owens) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังจากที่เธอเผยแพร่ความเชื่อของตนที่ว่าบริจิตต์เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บริจิตต์เสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับความเห็นดังกล่าว
    .
    ทอม แคลร์ (Tom Clare) ทนายความของบริจิตต์และมาครง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ BBC เรื่อง "Fame Under Fire" ว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริจิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง
    .
    ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แคนเดซ โอเวนส์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสายอนุรักษ์นิยม กล่าวหา่ บริจิตต์ มาครง ภริยาของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ว่า “เป็นผู้ชาย” อย่างแน่นอน โดยเธอกล้าเดิมพันด้วย “ชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมด” ของเธอเลยทีเดียว
    .
    "บริจิตต์ มาครง" มีชื่อเต็มว่า "บริจิตต์ มารี-โคลด ทรอญอซ์ (Brigitte Marie-Claude Trogneux) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1953

    สำหรับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน พบกับ "บริจิตต์ มาครง" ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองอาเมียง (Amiens) ประเทศฝรั่งเศส

    ในตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ 40 ปี และเป็นครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการละครอยู่ที่โรงเรียน La Providence ส่วน เอ็มมานูเอล มาครง เป็นนักเรียนมัธยมอายุ 15 ปี มาเรียนการแสดงกับเธอ ต่อมาได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมอยู่มากก็ตาม จนในที่สุดทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2007


    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) แห่งฝรั่งเศส และ ภริยา "บริจิตต์ มาครง" (Brigitte Macron) เตรียมควงคู่กันส่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริจิตต์ เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย . คู่รักประธานาธิบดีได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทแคนเดซ โอเวนส์ (Candace Owens) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังจากที่เธอเผยแพร่ความเชื่อของตนที่ว่าบริจิตต์เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บริจิตต์เสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับความเห็นดังกล่าว . ทอม แคลร์ (Tom Clare) ทนายความของบริจิตต์และมาครง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับพอดแคสต์ BBC เรื่อง "Fame Under Fire" ว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริจิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง . ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แคนเดซ โอเวนส์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันสายอนุรักษ์นิยม กล่าวหา่ บริจิตต์ มาครง ภริยาของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ว่า “เป็นผู้ชาย” อย่างแน่นอน โดยเธอกล้าเดิมพันด้วย “ชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมด” ของเธอเลยทีเดียว . 👉"บริจิตต์ มาครง" มีชื่อเต็มว่า "บริจิตต์ มารี-โคลด ทรอญอซ์ (Brigitte Marie-Claude Trogneux) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1953 👉สำหรับเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบัน พบกับ "บริจิตต์ มาครง" ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองอาเมียง (Amiens) ประเทศฝรั่งเศส 👉ในตอนนั้นเธอมีอายุประมาณ 40 ปี และเป็นครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการละครอยู่ที่โรงเรียน La Providence ส่วน เอ็มมานูเอล มาครง เป็นนักเรียนมัธยมอายุ 15 ปี มาเรียนการแสดงกับเธอ ต่อมาได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมอยู่มากก็ตาม จนในที่สุดทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2007
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • AI เปลี่ยนเกมการจ้างงานสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น — เมื่อ “ทักษะมนุษย์” กลายเป็นสิ่งที่ AI แทนไม่ได้

    ในปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการจ้างงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้น (entry-level) ที่เคยเน้นทักษะเทคนิค เช่น cloud security หรือ data protection กลับถูกแทนที่ด้วยความสำคัญของ “ทักษะมนุษย์” เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารข้ามทีม

    รายงานจาก ISC2 ที่สำรวจผู้จัดการฝ่ายจ้างงานกว่า 900 คนทั่วโลก พบว่า AI เข้ามารับหน้าที่ตรวจจับภัยคุกคามและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับทักษะที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับทีมกฎหมาย การตลาด และ HR

    ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า การพึ่งพาใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษามากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคต่อการจ้างงาน เพราะผู้มีประสบการณ์จริงกลับถูกมองข้าม หากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ขณะที่ผู้มีความสามารถจากสายอาชีพอื่น เช่น เกมเมอร์ นักสร้างสรรค์ หรือผู้มีความคิดลึกซึ้งในชุมชนออนไลน์ กลับมีศักยภาพสูงในการเป็นนักไซเบอร์

    AI ยังส่งผลให้บทบาทของ SOC Analyst ระดับ 1 ถูกลดความสำคัญลง เพราะระบบสามารถจัดการงานตรวจสอบเบื้องต้นได้เอง ทำให้ตำแหน่งใหม่ต้องเน้นการให้คำปรึกษา การวางกลยุทธ์ และการสื่อสารกับผู้บริหารมากขึ้น

    องค์กรที่ปรับตัวได้ดี เช่น e2e-assure และ Bridewell เริ่มเปิดรับบุคลากรจากกลุ่ม neurodiverse และผู้เปลี่ยนอาชีพ โดยเน้นการฝึกอบรมผ่านเวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มสนับสนุนทหารผ่านศึกและผู้หญิงในสายไซเบอร์

    AI เปลี่ยนแนวทางการจ้างงานในสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น
    ทักษะมนุษย์ เช่น การแก้ปัญหาและการสื่อสาร มีความสำคัญมากขึ้น
    ทักษะเทคนิคพื้นฐานถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ

    รายงานจาก ISC2 ยืนยันแนวโน้มนี้
    สำรวจผู้จัดการจ้างงานจาก 6 ประเทศ
    พบว่าทักษะวิเคราะห์และ teamwork สำคัญกว่าใบประกาศ

    องค์กรเริ่มเปิดรับบุคลากรจากสายอาชีพหลากหลาย
    เช่น neurodiverse, ทหารผ่านศึก, ผู้เปลี่ยนอาชีพ
    ใช้เวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม

    SOC Analyst ระดับ 1 อาจถูกแทนที่โดย AI
    งานตรวจสอบเบื้องต้นถูกจัดการโดยระบบอัตโนมัติ
    บทบาทใหม่เน้นการให้คำปรึกษาและการสื่อสารกับผู้บริหาร

    การพึ่งพาใบประกาศมากเกินไปเป็นอุปสรรค
    ผู้มีประสบการณ์จริงถูกมองข้ามหากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง”
    อุตสาหกรรมควรเปิดรับผู้มีความสามารถจากชุมชนออนไลน์

    คำเตือนเกี่ยวกับการปรับตัวขององค์กร
    หากยังเน้นวุฒิการศึกษาและใบประกาศ อาจพลาดคนเก่ง
    การลดตำแหน่งระดับเริ่มต้นอาจทำให้ขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว
    การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมพนักงาน อาจสร้างช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    การไม่เปิดรับความหลากหลาย อาจทำให้องค์กรขาดมุมมองใหม่ ๆ

    https://www.csoonline.com/article/4058190/ai-is-altering-entry-level-cyber-hiring-and-the-nature-of-the-skills-gap.html
    📰 AI เปลี่ยนเกมการจ้างงานสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น — เมื่อ “ทักษะมนุษย์” กลายเป็นสิ่งที่ AI แทนไม่ได้ ในปี 2025 โลกไซเบอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการจ้างงาน โดยเฉพาะตำแหน่งระดับเริ่มต้น (entry-level) ที่เคยเน้นทักษะเทคนิค เช่น cloud security หรือ data protection กลับถูกแทนที่ด้วยความสำคัญของ “ทักษะมนุษย์” เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสื่อสารข้ามทีม รายงานจาก ISC2 ที่สำรวจผู้จัดการฝ่ายจ้างงานกว่า 900 คนทั่วโลก พบว่า AI เข้ามารับหน้าที่ตรวจจับภัยคุกคามและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับทักษะที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับทีมกฎหมาย การตลาด และ HR ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า การพึ่งพาใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษามากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคต่อการจ้างงาน เพราะผู้มีประสบการณ์จริงกลับถูกมองข้าม หากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ขณะที่ผู้มีความสามารถจากสายอาชีพอื่น เช่น เกมเมอร์ นักสร้างสรรค์ หรือผู้มีความคิดลึกซึ้งในชุมชนออนไลน์ กลับมีศักยภาพสูงในการเป็นนักไซเบอร์ AI ยังส่งผลให้บทบาทของ SOC Analyst ระดับ 1 ถูกลดความสำคัญลง เพราะระบบสามารถจัดการงานตรวจสอบเบื้องต้นได้เอง ทำให้ตำแหน่งใหม่ต้องเน้นการให้คำปรึกษา การวางกลยุทธ์ และการสื่อสารกับผู้บริหารมากขึ้น องค์กรที่ปรับตัวได้ดี เช่น e2e-assure และ Bridewell เริ่มเปิดรับบุคลากรจากกลุ่ม neurodiverse และผู้เปลี่ยนอาชีพ โดยเน้นการฝึกอบรมผ่านเวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมถึงกลุ่มสนับสนุนทหารผ่านศึกและผู้หญิงในสายไซเบอร์ ✅ AI เปลี่ยนแนวทางการจ้างงานในสายไซเบอร์ระดับเริ่มต้น ➡️ ทักษะมนุษย์ เช่น การแก้ปัญหาและการสื่อสาร มีความสำคัญมากขึ้น ➡️ ทักษะเทคนิคพื้นฐานถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ✅ รายงานจาก ISC2 ยืนยันแนวโน้มนี้ ➡️ สำรวจผู้จัดการจ้างงานจาก 6 ประเทศ ➡️ พบว่าทักษะวิเคราะห์และ teamwork สำคัญกว่าใบประกาศ ✅ องค์กรเริ่มเปิดรับบุคลากรจากสายอาชีพหลากหลาย ➡️ เช่น neurodiverse, ทหารผ่านศึก, ผู้เปลี่ยนอาชีพ ➡️ ใช้เวิร์กช็อปและความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม ✅ SOC Analyst ระดับ 1 อาจถูกแทนที่โดย AI ➡️ งานตรวจสอบเบื้องต้นถูกจัดการโดยระบบอัตโนมัติ ➡️ บทบาทใหม่เน้นการให้คำปรึกษาและการสื่อสารกับผู้บริหาร ✅ การพึ่งพาใบประกาศมากเกินไปเป็นอุปสรรค ➡️ ผู้มีประสบการณ์จริงถูกมองข้ามหากไม่มี “ใบรับรองที่ถูกต้อง” ➡️ อุตสาหกรรมควรเปิดรับผู้มีความสามารถจากชุมชนออนไลน์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการปรับตัวขององค์กร ⛔ หากยังเน้นวุฒิการศึกษาและใบประกาศ อาจพลาดคนเก่ง ⛔ การลดตำแหน่งระดับเริ่มต้นอาจทำให้ขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว ⛔ การใช้ AI โดยไม่มีการฝึกอบรมพนักงาน อาจสร้างช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ⛔ การไม่เปิดรับความหลากหลาย อาจทำให้องค์กรขาดมุมมองใหม่ ๆ https://www.csoonline.com/article/4058190/ai-is-altering-entry-level-cyber-hiring-and-the-nature-of-the-skills-gap.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    AI is altering entry-level cyber hiring — and the nature of the skills gap
    To build a stronger future workforce, CISOs need to prioritize problem-solving over existing technical knowledge, while broadening their search for talent beyond traditional pipelines.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร

    งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่

    Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

    Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด

    นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด

    อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks

    งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric
    ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI
    ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล

    Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก
    Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า
    ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ

    Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่
    รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant
    ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations

    แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน
    รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว
    ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ

    Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด
    ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework
    ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

    โมเดล Federated Search ถูกขยาย
    รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg
    ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์

    https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    📰 Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่ Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks ✅ งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric ➡️ ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI ➡️ ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล ✅ Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก ➡️ Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า ➡️ ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ ✅ Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่ ➡️ รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant ➡️ ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations ✅ แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน ➡️ รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว ➡️ ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ ✅ Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด ➡️ ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework ➡️ ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น ✅ โมเดล Federated Search ถูกขยาย ➡️ รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg ➡️ ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Where CISOs need to see Splunk go next
    Splunk’s latest .Conf focused on machine data, federation, resiliency, and easing the cybersecurity burden. That’s a good start for the cyber giant, but from security leaders’ perspective, work remains.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • สองวัยรุ่นอังกฤษถูกตั้งข้อหาแฮกระบบขนส่ง TfL — เครือข่าย Scattered Spider เบื้องหลังการโจมตีระดับชาติ

    ในเดือนกันยายน 2025 สองวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งของกรุงลอนดอน (TfL) เมื่อปี 2024 โดยมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อฉาว “Scattered Spider” ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีองค์กรใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป

    ผู้ต้องหาคือ Thalha Jubair อายุ 19 ปี จาก East London และ Owen Flowers อายุ 18 ปี จาก Walsall ถูกจับกุมโดยหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) และถูกนำตัวขึ้นศาล Westminster Magistrates’ Court โดยถูกกล่าวหาว่าร่วมกันละเมิดพระราชบัญญัติ Computer Misuse Act และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติของสหราชอาณาจักร

    การโจมตีดังกล่าวไม่ได้หยุดการเดินรถไฟใต้ดิน แต่ส่งผลกระทบต่อระบบบริการต่าง ๆ เช่น การเข้าสู่ระบบบัตร Oyster, การชำระเงินแบบ contactless และแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่เชื่อมต่อกับ API ของ TfL โดยมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 5,000 รายรั่วไหล รวมถึงรายละเอียดบัญชีธนาคาร

    นอกจากนี้ Jubair ยังถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ จากการมีส่วนร่วมในแผนการแฮกและเรียกค่าไถ่กว่า 120 ครั้งต่อองค์กรในสหรัฐฯ รวมถึงการฟอกเงินและปฏิเสธการให้รหัสผ่านกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งละเมิดกฎหมาย Regulation of Investigatory Powers Act ของอังกฤษ

    Flowers ก็ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีเครือข่ายของ SSM Health และ Sutter Health ในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยทั้งสองคนถูกมองว่าเป็นสมาชิกของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่นที่ใช้เทคนิค social engineering เช่น phishing และการโทรหลอกลวงเจ้าหน้าที่ IT เพื่อเข้าถึงระบบภายในองค์กร

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนที่ยาวนานและซับซ้อน โดย NCA ยืนยันว่าการดำเนินคดีเป็น “ผลประโยชน์สาธารณะ” และเป็นก้าวสำคัญในการจัดการกับภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนอังกฤษ ซึ่งจากรายงานพบว่า 1 ใน 5 เด็กอายุ 10–16 ปีเคยมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายไซเบอร์มาแล้ว

    https://hackread.com/two-uk-teenagers-charged-tfl-hack-scattered-spider/
    📰 สองวัยรุ่นอังกฤษถูกตั้งข้อหาแฮกระบบขนส่ง TfL — เครือข่าย Scattered Spider เบื้องหลังการโจมตีระดับชาติ ในเดือนกันยายน 2025 สองวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งของกรุงลอนดอน (TfL) เมื่อปี 2024 โดยมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อฉาว “Scattered Spider” ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีองค์กรใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ผู้ต้องหาคือ Thalha Jubair อายุ 19 ปี จาก East London และ Owen Flowers อายุ 18 ปี จาก Walsall ถูกจับกุมโดยหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) และถูกนำตัวขึ้นศาล Westminster Magistrates’ Court โดยถูกกล่าวหาว่าร่วมกันละเมิดพระราชบัญญัติ Computer Misuse Act และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติของสหราชอาณาจักร การโจมตีดังกล่าวไม่ได้หยุดการเดินรถไฟใต้ดิน แต่ส่งผลกระทบต่อระบบบริการต่าง ๆ เช่น การเข้าสู่ระบบบัตร Oyster, การชำระเงินแบบ contactless และแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่เชื่อมต่อกับ API ของ TfL โดยมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 5,000 รายรั่วไหล รวมถึงรายละเอียดบัญชีธนาคาร นอกจากนี้ Jubair ยังถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ จากการมีส่วนร่วมในแผนการแฮกและเรียกค่าไถ่กว่า 120 ครั้งต่อองค์กรในสหรัฐฯ รวมถึงการฟอกเงินและปฏิเสธการให้รหัสผ่านกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งละเมิดกฎหมาย Regulation of Investigatory Powers Act ของอังกฤษ Flowers ก็ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีเครือข่ายของ SSM Health และ Sutter Health ในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยทั้งสองคนถูกมองว่าเป็นสมาชิกของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่นที่ใช้เทคนิค social engineering เช่น phishing และการโทรหลอกลวงเจ้าหน้าที่ IT เพื่อเข้าถึงระบบภายในองค์กร การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนที่ยาวนานและซับซ้อน โดย NCA ยืนยันว่าการดำเนินคดีเป็น “ผลประโยชน์สาธารณะ” และเป็นก้าวสำคัญในการจัดการกับภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนอังกฤษ ซึ่งจากรายงานพบว่า 1 ใน 5 เด็กอายุ 10–16 ปีเคยมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายไซเบอร์มาแล้ว https://hackread.com/two-uk-teenagers-charged-tfl-hack-scattered-spider/
    HACKREAD.COM
    Two UK Teenagers Charged Over TfL Hack Linked to Scattered Spider
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • Palo Alto Networks ยอมรับช่องโหว่ใหญ่ของ SWG — เมื่อมัลแวร์แอบประกอบตัวในเบราว์เซอร์

    หลังจาก SquareX เปิดเผยเทคนิคการโจมตีแบบ “Last Mile Reassembly” ที่ DEF CON 32 เมื่อปีที่ผ่านมา ในที่สุด Palo Alto Networks ก็ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่า Secure Web Gateways (SWGs) ไม่สามารถป้องกันการโจมตีประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ให้บริการ SASE/SSE รายใหญ่ยอมรับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของระบบรักษาความปลอดภัยแบบพร็อกซี

    Last Mile Reassembly คือเทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้แบ่งมัลแวร์ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งผ่านพร็อกซีโดยไม่ถูกตรวจจับ แล้วนำมาประกอบใหม่ภายในเบราว์เซอร์ของเหยื่อ ทำให้ระบบ SWG ที่ตรวจสอบเฉพาะระดับเครือข่ายไม่สามารถมองเห็นภัยคุกคามได้เลย

    SquareX ยังเผยว่าแฮกเกอร์สามารถใช้ช่องทางสื่อสารแบบ binary เช่น WebRTC, gRPC และ WebSockets ซึ่ง SWG ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อส่งข้อมูลหรือมัลแวร์ผ่านไปอย่างไร้รอยต่อ โดยมีเทคนิคมากกว่า 20 แบบที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ทั้งหมด

    นอกจากนี้ SquareX ยังขยายผลการวิจัยไปสู่ “Data Splicing Attacks” ซึ่งเป็นการลักลอบขโมยข้อมูลสำคัญผ่านการ copy-paste หรือแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer โดยไม่ถูกตรวจจับจากระบบ DLP ทั้งฝั่ง endpoint และ cloud

    Palo Alto Networks ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Prisma Browser เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เกิดขึ้นในเบราว์เซอร์โดยตรง พร้อมยอมรับว่า “เบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ขององค์กร” และการรักษาความปลอดภัยในระดับเบราว์เซอร์ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น

    SquareX เปิดเผยเทคนิค Last Mile Reassembly ที่ DEF CON 32
    เป็นการแบ่งมัลแวร์เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วประกอบใหม่ในเบราว์เซอร์
    หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก SWG ได้อย่างสมบูรณ์

    Palo Alto Networks ยอมรับข้อจำกัดของ SWG
    SWG ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้นภายในเบราว์เซอร์
    ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองครั้งใหญ่ในวงการไซเบอร์

    ช่องทาง binary เช่น WebRTC, gRPC, WebSockets ถูกใช้ในการโจมตี
    เป็นช่องทางที่ SWG ไม่สามารถตรวจสอบได้
    หลายผู้ให้บริการแนะนำให้ปิดช่องทางเหล่านี้

    SquareX ขยายผลสู่ Data Splicing Attacks
    ใช้เทคนิคคล้ายกันในการขโมยข้อมูลสำคัญ
    ลัดผ่านระบบ DLP ทั้งฝั่ง endpoint และ cloud

    Prisma Browser ของ Palo Alto Networks เพิ่มฟีเจอร์ใหม่
    ตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ที่ประกอบตัวในเบราว์เซอร์
    ยอมรับว่าเบราว์เซอร์คือจุดเริ่มต้นของการโจมตีในยุคใหม่

    SquareX เปิดตัวคู่มือ Browser Security Field Manual
    ร่วมเขียนกับ CISO จากองค์กรใหญ่ เช่น Campbell’s และ Arista
    ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับนักไซเบอร์ทั่วโลก

    https://hackread.com/palo-alto-networks-acknowledges-squarex-research-on-limitations-of-swgs-against-last-mile-reassembly-attacks/
    📰 Palo Alto Networks ยอมรับช่องโหว่ใหญ่ของ SWG — เมื่อมัลแวร์แอบประกอบตัวในเบราว์เซอร์ หลังจาก SquareX เปิดเผยเทคนิคการโจมตีแบบ “Last Mile Reassembly” ที่ DEF CON 32 เมื่อปีที่ผ่านมา ในที่สุด Palo Alto Networks ก็ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่า Secure Web Gateways (SWGs) ไม่สามารถป้องกันการโจมตีประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ให้บริการ SASE/SSE รายใหญ่ยอมรับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของระบบรักษาความปลอดภัยแบบพร็อกซี Last Mile Reassembly คือเทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้แบ่งมัลแวร์ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งผ่านพร็อกซีโดยไม่ถูกตรวจจับ แล้วนำมาประกอบใหม่ภายในเบราว์เซอร์ของเหยื่อ ทำให้ระบบ SWG ที่ตรวจสอบเฉพาะระดับเครือข่ายไม่สามารถมองเห็นภัยคุกคามได้เลย SquareX ยังเผยว่าแฮกเกอร์สามารถใช้ช่องทางสื่อสารแบบ binary เช่น WebRTC, gRPC และ WebSockets ซึ่ง SWG ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อส่งข้อมูลหรือมัลแวร์ผ่านไปอย่างไร้รอยต่อ โดยมีเทคนิคมากกว่า 20 แบบที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้ทั้งหมด นอกจากนี้ SquareX ยังขยายผลการวิจัยไปสู่ “Data Splicing Attacks” ซึ่งเป็นการลักลอบขโมยข้อมูลสำคัญผ่านการ copy-paste หรือแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer โดยไม่ถูกตรวจจับจากระบบ DLP ทั้งฝั่ง endpoint และ cloud Palo Alto Networks ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Prisma Browser เพื่อรับมือกับการโจมตีที่เกิดขึ้นในเบราว์เซอร์โดยตรง พร้อมยอมรับว่า “เบราว์เซอร์กำลังกลายเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ขององค์กร” และการรักษาความปลอดภัยในระดับเบราว์เซอร์ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น ✅ SquareX เปิดเผยเทคนิค Last Mile Reassembly ที่ DEF CON 32 ➡️ เป็นการแบ่งมัลแวร์เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วประกอบใหม่ในเบราว์เซอร์ ➡️ หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก SWG ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ Palo Alto Networks ยอมรับข้อจำกัดของ SWG ➡️ SWG ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่เกิดขึ้นภายในเบราว์เซอร์ ➡️ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองครั้งใหญ่ในวงการไซเบอร์ ✅ ช่องทาง binary เช่น WebRTC, gRPC, WebSockets ถูกใช้ในการโจมตี ➡️ เป็นช่องทางที่ SWG ไม่สามารถตรวจสอบได้ ➡️ หลายผู้ให้บริการแนะนำให้ปิดช่องทางเหล่านี้ ✅ SquareX ขยายผลสู่ Data Splicing Attacks ➡️ ใช้เทคนิคคล้ายกันในการขโมยข้อมูลสำคัญ ➡️ ลัดผ่านระบบ DLP ทั้งฝั่ง endpoint และ cloud ✅ Prisma Browser ของ Palo Alto Networks เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ➡️ ตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ที่ประกอบตัวในเบราว์เซอร์ ➡️ ยอมรับว่าเบราว์เซอร์คือจุดเริ่มต้นของการโจมตีในยุคใหม่ ✅ SquareX เปิดตัวคู่มือ Browser Security Field Manual ➡️ ร่วมเขียนกับ CISO จากองค์กรใหญ่ เช่น Campbell’s และ Arista ➡️ ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับนักไซเบอร์ทั่วโลก https://hackread.com/palo-alto-networks-acknowledges-squarex-research-on-limitations-of-swgs-against-last-mile-reassembly-attacks/
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีรองนายกฯ 6 คน "พิพัฒนื" ควบคมนาคม "ธรรมนัส" ควบว่าการเกษตร "พล.อ.ณัฐพล" นั่งว่าการกลาโหม "ลูกชายสันติ" เป็น รมว.สธ.ตำแหน่งเดียว "ลูกเนวิน" คุมกระทรวงดีอี "ซาบีดา" ว่าการวัฒนธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089723

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีรองนายกฯ 6 คน "พิพัฒนื" ควบคมนาคม "ธรรมนัส" ควบว่าการเกษตร "พล.อ.ณัฐพล" นั่งว่าการกลาโหม "ลูกชายสันติ" เป็น รมว.สธ.ตำแหน่งเดียว "ลูกเนวิน" คุมกระทรวงดีอี "ซาบีดา" ว่าการวัฒนธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089723 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • Honor MagicPad 3 — แท็บเล็ตจอใหญ่ สเปกแรง แต่ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับสายทำงาน

    Honor เปิดตัว MagicPad 3 แท็บเล็ต Android ขนาด 13.3 นิ้ว ที่มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ น้ำหนักเบา และสเปกที่ดูดีบนกระดาษ แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบว่ามีหลายจุดที่ยังไม่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแท็บเล็ตเพื่อการทำงานอย่างจริงจัง

    MagicPad 3 ใช้หน้าจอ LCD ความละเอียดสูง 3200 x 2136 พิกเซล รีเฟรชเรต 165Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 nits ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมในระดับกลาง มี RAM สูงสุด 16GB และพื้นที่เก็บข้อมูลถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 12,450 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วโมง

    แต่จุดที่น่าผิดหวังคือการใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งแม้จะเร็ว แต่ก็เป็นรุ่นเก่ากว่า 2 ปี ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานระยะยาวในยุคที่แอปและระบบปฏิบัติการพัฒนาเร็วมาก อีกทั้ง MagicPad 3 ยังไม่รองรับการแบ่งหน้าจอแบบ 90/10 หรือการเปิด 3 แอปพร้อมกัน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีในมือถือ Honor รุ่นใหม่อย่าง Magic V5

    นอกจากนี้ MagicPad 3 ยังไม่แถมคีย์บอร์ดมาในกล่อง และเมื่อซื้อเพิ่มก็พบว่าทัชแพดมีปัญหาเรื่องความแม่นยำ ส่วนซอฟต์แวร์ MagicOS 9 ที่ครอบบน Android 15 ก็ยังคงหน้าตาแบบเก่า ไม่ทันสมัยเท่าที่ควร

    แม้จะมีจุดเด่นด้านแบตเตอรี่และหน้าจอ แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Xiaomi Pad 7 หรือ OnePlus Pad 3 ที่มีชิปใหม่กว่าและราคาดีกว่า MagicPad 3 จึงอาจเหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นดูหนัง เล่นเกม หรือใช้งานทั่วไปมากกว่าการทำงานจริงจัง

    Honor MagicPad 3 เปิดตัวพร้อมหน้าจอใหญ่และสเปกกลาง-สูง
    หน้าจอ LCD ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 2136 พิกเซล
    รีเฟรชเรต 165Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 nits

    ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 และ RAM สูงสุด 16GB
    แม้เป็นชิปรุ่นเก่า แต่ยังใช้งานทั่วไปได้ลื่น
    มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB

    แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 12,450 mAh ใช้งานได้ยาวนาน
    รองรับชาร์จไว 66W (ปลั๊กยุโรป)
    ใช้เทคโนโลยี silicon-carbon ที่ชาร์จเร็วและทนทาน

    ระบบปฏิบัติการ MagicOS 9 บน Android 15
    ยังใช้ UI แบบเก่า ไม่ทันสมัยเท่ารุ่นมือถือใหม่
    ไม่รองรับการแบ่งหน้าจอแบบ 90/10 หรือเปิด 3 แอปพร้อมกัน

    ไม่แถมคีย์บอร์ดในกล่อง และอุปกรณ์เสริมมีข้อจำกัด
    คีย์บอร์ดมีปัญหาทัชแพดไม่แม่นยำ
    ขาตั้งไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น บนเครื่องบิน

    https://www.slashgear.com/1972266/honor-magicpad-3-review-2025/
    📰 Honor MagicPad 3 — แท็บเล็ตจอใหญ่ สเปกแรง แต่ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับสายทำงาน Honor เปิดตัว MagicPad 3 แท็บเล็ต Android ขนาด 13.3 นิ้ว ที่มาพร้อมดีไซน์บางเฉียบ น้ำหนักเบา และสเปกที่ดูดีบนกระดาษ แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบว่ามีหลายจุดที่ยังไม่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแท็บเล็ตเพื่อการทำงานอย่างจริงจัง MagicPad 3 ใช้หน้าจอ LCD ความละเอียดสูง 3200 x 2136 พิกเซล รีเฟรชเรต 165Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 nits ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมในระดับกลาง มี RAM สูงสุด 16GB และพื้นที่เก็บข้อมูลถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 12,450 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานหลายชั่วโมง แต่จุดที่น่าผิดหวังคือการใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งแม้จะเร็ว แต่ก็เป็นรุ่นเก่ากว่า 2 ปี ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานระยะยาวในยุคที่แอปและระบบปฏิบัติการพัฒนาเร็วมาก อีกทั้ง MagicPad 3 ยังไม่รองรับการแบ่งหน้าจอแบบ 90/10 หรือการเปิด 3 แอปพร้อมกัน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีในมือถือ Honor รุ่นใหม่อย่าง Magic V5 นอกจากนี้ MagicPad 3 ยังไม่แถมคีย์บอร์ดมาในกล่อง และเมื่อซื้อเพิ่มก็พบว่าทัชแพดมีปัญหาเรื่องความแม่นยำ ส่วนซอฟต์แวร์ MagicOS 9 ที่ครอบบน Android 15 ก็ยังคงหน้าตาแบบเก่า ไม่ทันสมัยเท่าที่ควร แม้จะมีจุดเด่นด้านแบตเตอรี่และหน้าจอ แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Xiaomi Pad 7 หรือ OnePlus Pad 3 ที่มีชิปใหม่กว่าและราคาดีกว่า MagicPad 3 จึงอาจเหมาะกับผู้ใช้ที่เน้นดูหนัง เล่นเกม หรือใช้งานทั่วไปมากกว่าการทำงานจริงจัง ✅ Honor MagicPad 3 เปิดตัวพร้อมหน้าจอใหญ่และสเปกกลาง-สูง ➡️ หน้าจอ LCD ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 2136 พิกเซล ➡️ รีเฟรชเรต 165Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 nits ✅ ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 และ RAM สูงสุด 16GB ➡️ แม้เป็นชิปรุ่นเก่า แต่ยังใช้งานทั่วไปได้ลื่น ➡️ มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB ✅ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 12,450 mAh ใช้งานได้ยาวนาน ➡️ รองรับชาร์จไว 66W (ปลั๊กยุโรป) ➡️ ใช้เทคโนโลยี silicon-carbon ที่ชาร์จเร็วและทนทาน ✅ ระบบปฏิบัติการ MagicOS 9 บน Android 15 ➡️ ยังใช้ UI แบบเก่า ไม่ทันสมัยเท่ารุ่นมือถือใหม่ ➡️ ไม่รองรับการแบ่งหน้าจอแบบ 90/10 หรือเปิด 3 แอปพร้อมกัน ✅ ไม่แถมคีย์บอร์ดในกล่อง และอุปกรณ์เสริมมีข้อจำกัด ➡️ คีย์บอร์ดมีปัญหาทัชแพดไม่แม่นยำ ➡️ ขาตั้งไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น บนเครื่องบิน https://www.slashgear.com/1972266/honor-magicpad-3-review-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Honor's New Android Tablet Checks The Right Boxes, But Using It Left Me Frustrated - SlashGear
    Honor's MagicPad 3 is the latest midrange tablet available with features that look great from the outset but leave us with some questions about what's missed.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • Meta เปิดตัว Ray-Ban Display แว่นตา AI ที่ดูดีแต่มีเหตุผลชาญฉลาดที่ควรคิดก่อนซื้อ

    Meta เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ “Ray-Ban Display” ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดเล็กบนเลนส์ขวา ใช้สำหรับดูข้อความ ถ่ายภาพ รับสายวิดีโอ และใช้งานฟีเจอร์ AI แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลย แว่นตานี้ยังเชื่อมต่อกับ Meta AI เพื่อช่วยแปลภาษา ดูแผนที่ และเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ทันที

    จุดเด่นอีกอย่างคือการควบคุมด้วย “Neural Band” สายรัดข้อมือ EMG ที่แปลการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นคำสั่ง เช่น การแตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เพื่อเลื่อนหน้าจอหรือคลิก ซึ่งคล้ายกับฟีเจอร์บน Apple Watch แต่แม่นยำและลื่นไหลกว่า

    แม้จะดูเป็นก้าวใหม่ของการคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ แต่คำว่า “private computing” ที่ Meta เน้นย้ำกลับถูกตั้งคำถาม เพราะบริษัทมีประวัติด้านการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น การถูกฟ้องร้องจากอดีตหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ WhatsApp ที่กล่าวหาว่าพนักงานหลายพันคนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้โดยไม่จำกัด

    นอกจากนี้ Meta ยังเคยถูกปรับกว่า 8 พันล้านดอลลาร์จากการละเมิดข้อตกลงด้านข้อมูลส่วนบุคคล และมีแผนใช้ข้อมูลจากโพสต์และภาพของผู้ใช้ในยุโรปเพื่อฝึก AI โดยไม่ได้ให้ทางเลือกในการปฏิเสธอย่างชัดเจน

    ในยุคที่ AI สามารถเข้าใจภาพ เสียง และข้อความจากผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์ การใส่แว่นตาที่มีไมโครโฟน กล้อง และ AI ตลอดเวลา จึงอาจเป็นดาบสองคมที่ควรพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อ

    Meta เปิดตัว Ray-Ban Display แว่นตา AI รุ่นใหม่
    มีหน้าจอบนเลนส์ขวา ใช้ดูข้อความ ถ่ายภาพ รับสาย และแปลภาษา
    เชื่อมต่อกับ Meta AI เพื่อช่วยเข้าใจสิ่งรอบตัวแบบเรียลไทม์

    ควบคุมด้วย Neural Band สายรัดข้อมือ EMG
    ใช้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือแทนการแตะหรือพูด
    คล้าย Apple Watch แต่แม่นยำและลื่นไหลกว่า

    ดีไซน์เน้นความเรียบหรูแบบ Ray-Ban
    ไม่ดูเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีจนเกินไป
    เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

    Meta เน้นคำว่า “private computing” ในการโปรโมต
    อ้างว่ามีการเข้ารหัสและเชื่อมต่อแบบปลอดภัย
    ใช้กับ WhatsApp, Messenger และ Instagram ได้โดยตรง

    https://www.slashgear.com/1972038/ray-ban-meta-ai-glasses-display-look-great-smart-reason-not-buy/
    📰 Meta เปิดตัว Ray-Ban Display แว่นตา AI ที่ดูดีแต่มีเหตุผลชาญฉลาดที่ควรคิดก่อนซื้อ Meta เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ “Ray-Ban Display” ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดเล็กบนเลนส์ขวา ใช้สำหรับดูข้อความ ถ่ายภาพ รับสายวิดีโอ และใช้งานฟีเจอร์ AI แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลย แว่นตานี้ยังเชื่อมต่อกับ Meta AI เพื่อช่วยแปลภาษา ดูแผนที่ และเข้าใจสิ่งรอบตัวได้ทันที จุดเด่นอีกอย่างคือการควบคุมด้วย “Neural Band” สายรัดข้อมือ EMG ที่แปลการเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นคำสั่ง เช่น การแตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เพื่อเลื่อนหน้าจอหรือคลิก ซึ่งคล้ายกับฟีเจอร์บน Apple Watch แต่แม่นยำและลื่นไหลกว่า แม้จะดูเป็นก้าวใหม่ของการคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ แต่คำว่า “private computing” ที่ Meta เน้นย้ำกลับถูกตั้งคำถาม เพราะบริษัทมีประวัติด้านการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น การถูกฟ้องร้องจากอดีตหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ WhatsApp ที่กล่าวหาว่าพนักงานหลายพันคนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้โดยไม่จำกัด นอกจากนี้ Meta ยังเคยถูกปรับกว่า 8 พันล้านดอลลาร์จากการละเมิดข้อตกลงด้านข้อมูลส่วนบุคคล และมีแผนใช้ข้อมูลจากโพสต์และภาพของผู้ใช้ในยุโรปเพื่อฝึก AI โดยไม่ได้ให้ทางเลือกในการปฏิเสธอย่างชัดเจน ในยุคที่ AI สามารถเข้าใจภาพ เสียง และข้อความจากผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์ การใส่แว่นตาที่มีไมโครโฟน กล้อง และ AI ตลอดเวลา จึงอาจเป็นดาบสองคมที่ควรพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อ ✅ Meta เปิดตัว Ray-Ban Display แว่นตา AI รุ่นใหม่ ➡️ มีหน้าจอบนเลนส์ขวา ใช้ดูข้อความ ถ่ายภาพ รับสาย และแปลภาษา ➡️ เชื่อมต่อกับ Meta AI เพื่อช่วยเข้าใจสิ่งรอบตัวแบบเรียลไทม์ ✅ ควบคุมด้วย Neural Band สายรัดข้อมือ EMG ➡️ ใช้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือแทนการแตะหรือพูด ➡️ คล้าย Apple Watch แต่แม่นยำและลื่นไหลกว่า ✅ ดีไซน์เน้นความเรียบหรูแบบ Ray-Ban ➡️ ไม่ดูเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีจนเกินไป ➡️ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ✅ Meta เน้นคำว่า “private computing” ในการโปรโมต ➡️ อ้างว่ามีการเข้ารหัสและเชื่อมต่อแบบปลอดภัย ➡️ ใช้กับ WhatsApp, Messenger และ Instagram ได้โดยตรง https://www.slashgear.com/1972038/ray-ban-meta-ai-glasses-display-look-great-smart-reason-not-buy/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Meta's New AI Glasses Look Great, But There's A Smart Reason Not To Buy Them - SlashGear
    These Ray-Ban Display glasses look high tech enough, but with the injection of AI comes serious privacy concerns, for both the wearer and those around them.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ

    Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น

    หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที

    ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10

    มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น

    Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor

    Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS
    มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์

    ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต
    เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที
    ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น

    ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก
    เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console
    เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe

    อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว
    Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4
    KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8

    ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น
    ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ
    ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO

    เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB
    แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ
    เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร

    อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio)
    ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor
    มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0
    หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที
    เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น
    การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง
    การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่

    https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    📰 Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ระบบปฏิบัติการลินุกซ์นิรนามที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้ GNOME 48 เต็มรูปแบบ Tails 7.0 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ของระบบปฏิบัติการแบบพกพา (Live OS) ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ โดยเวอร์ชันนี้ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และมาพร้อมกับ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งรองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ได้ดีขึ้น หนึ่งในจุดเด่นของ Tails 7.0 คือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพ โดยปรับอัลกอริธึมการบีบอัดไฟล์จาก xz เป็น zstd ทำให้ระบบบูตเร็วขึ้น 10–15 วินาทีบนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แม้จะทำให้ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ในด้านอินเทอร์เฟซ Tails 7.0 ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก พร้อมเปลี่ยนแอปเริ่มต้นหลายตัว เช่น GNOME Console แทน GNOME Terminal และ GNOME Loupe แทน GNOME Image Viewer นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตแอปสำคัญ เช่น Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4, Inkscape 1.4 และ KeePassXC 2.7.10 มีการลบฟีเจอร์ที่ล้าสมัยออก เช่น เมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ รวมถึงแพ็กเกจบางตัวที่ไม่จำเป็น เช่น aircrack-ng, unar และ sq เพื่อให้ระบบเบาและปลอดภัยขึ้น Tails 7.0 ยังเพิ่มข้อกำหนด RAM จาก 2 GB เป็น 3 GB เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหล และจะแสดงแจ้งเตือนหากเครื่องไม่ตรงตามสเปก นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กเกี่ยวกับการเลือกคีย์บอร์ดสำหรับบางภาษา และอุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ผู้ร่วมก่อตั้งและนักพัฒนาอิสระที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Tails และ Tor ✅ Tails 7.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้พื้นฐานจาก Debian 13 “Trixie” และ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวและการต่อต้านการเซ็นเซอร์ ✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบูต ➡️ เปลี่ยนการบีบอัดจาก xz เป็น zstd ทำให้บูตเร็วขึ้น 10–15 วินาที ➡️ ขนาดไฟล์ ISO ใหญ่ขึ้น ~10% แต่คุ้มค่ากับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ✅ ใช้ GNOME 48 เป็นเดสก์ท็อปหลัก ➡️ เปลี่ยน GNOME Terminal เป็น GNOME Console ➡️ เปลี่ยน GNOME Image Viewer เป็น GNOME Loupe ✅ อัปเดตแอปสำคัญหลายตัว ➡️ Tor Browser 14.5.7, Thunderbird 128.14 ESR, GIMP 3.0.4 ➡️ KeePassXC 2.7.10, OnionShare 2.6.3, Electrum 4.5.8 ✅ ลบฟีเจอร์และแพ็กเกจที่ไม่จำเป็น ➡️ ลบเมนู Places และ Network Connection จากหน้าต้อนรับ ➡️ ลบ aircrack-ng, unar และ sq จาก ISO ✅ เพิ่มข้อกำหนด RAM เป็น 3 GB ➡️ แสดงแจ้งเตือนหากเครื่องมี RAM ไม่เพียงพอ ➡️ เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานลื่นไหลและเสถียร ✅ อุทิศเวอร์ชันนี้ให้กับ Lunar (Jérémy Bobbio) ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้ง Tails และนักพัฒนาในโครงการ Tor ➡️ มีบทบาทสำคัญในด้านเทคนิคและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tails 7.0 ⛔ หากใช้แฟลชไดรฟ์คุณภาพต่ำ อาจทำให้บูตช้าลงถึง 20 วินาที ⛔ เครื่องที่มี RAM ต่ำกว่า 3 GB จะได้รับแจ้งเตือนและอาจใช้งานไม่ลื่น ⛔ การลบแพ็กเกจบางตัวอาจกระทบผู้ใช้ที่เคยใช้ฟีเจอร์เฉพาะทาง ⛔ การเปลี่ยนแอปเริ่มต้นอาจทำให้ผู้ใช้เดิมต้องปรับตัวใหม่ https://9to5linux.com/tails-7-0-anonymous-linux-os-released-based-on-debian-13-trixie
    9TO5LINUX.COM
    Tails 7.0 Anonymous Linux OS Officially Released, Based on Debian 13 “Trixie” - 9to5Linux
    Tails 7.0 anonymous Linux OS is now available for download based on Debian 13 “Trixie” and featuring the GNOME 48 desktop environment.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่

    ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี

    Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม

    การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน

    Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation
    จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026
    ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล

    Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่
    เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012
    มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร

    โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน
    Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา
    Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์
    Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
    Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร

    Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก
    เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002
    ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
    มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม

    การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่
    Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม”
    ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า

    https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    📰 Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO ของ Blender — ปิดตำนาน 32 ปี พร้อมส่งไม้ต่อสู่ทีมรุ่นใหม่ ในงาน Blender Conference ปี 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนกันยายน Ton Roosendaal ผู้ก่อตั้งและผู้ผลักดันซอฟต์แวร์ 3D แบบโอเพ่นซอร์สชื่อดังอย่าง Blender ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาจะลงจากตำแหน่งประธานและ CEO ของ Blender Foundation ในวันที่ 1 มกราคม 2026 หลังจากดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 24 ปี และมีบทบาทกับ Blender มานานถึง 32 ปี Ton จะย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแลของ Blender Foundation และส่งไม้ต่อให้กับ Francesco Siddi ซึ่งปัจจุบันเป็น COO ของ Blender โดย Francesco เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ในบทบาทต่าง ๆ ตั้งแต่ VFX artist, web developer ไปจนถึงผู้จัดการด้านความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเปลี่ยน CEO แต่ยังมีการจัดโครงสร้างใหม่ของทีมบริหาร โดยแบ่งบทบาทสำคัญของ Ton ออกเป็น 4 ด้าน และมอบหมายให้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้แก่ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา, Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ และ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเติบโตของ Blender จากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo ไปสู่เครื่องมือระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ เช่น Epic Games, AMD, Intel และ NVIDIA โดยในปีที่ผ่านมา Blender มีรายได้กว่า €3.1 ล้าน และสามารถจ้างทีมพัฒนาเต็มเวลาได้มากกว่า 15 คน ✅ Ton Roosendaal ประกาศลงจากตำแหน่ง CEO และประธาน Blender Foundation ➡️ จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2026 ➡️ ย้ายไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกำกับดูแล ✅ Francesco Siddi จะรับตำแหน่ง CEO คนใหม่ ➡️ เคยร่วมงานกับ Blender ตั้งแต่ปี 2012 ➡️ มีประสบการณ์ทั้งด้านเทคนิคและการบริหาร ✅ โครงสร้างบริหารใหม่แบ่งบทบาทออกเป็น 4 ด้าน ➡️ Sergey Sharybin เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา ➡️ Dalai Felinto เป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ➡️ Fiona Cohen เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ➡️ Francesco Siddi รับบทบาทผู้ประกอบการและผู้นำองค์กร ✅ Blender เติบโตจากซอฟต์แวร์เล็ก ๆ สู่เครื่องมือระดับโลก ➡️ เริ่มต้นในสตูดิโอ NeoGeo และกลายเป็นโอเพ่นซอร์สในปี 2002 ➡️ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ➡️ มีรายได้จากผู้สนับสนุนองค์กรเกือบ 40% ของรายรับรวม ✅ การเปลี่ยนผ่านสะท้อนความพร้อมของทีมรุ่นใหม่ ➡️ Ton กล่าวว่า “Blender ต้องทำงานได้โดยไม่มีผม” ➡️ ทีมใหม่มีความสามารถหลากหลายและพร้อมนำ Blender สู่ทศวรรษหน้า https://www.cgchannel.com/2025/09/ton-roosendaal-to-step-down-as-blender-chairman-and-ceo/
    WWW.CGCHANNEL.COM
    Ton Roosendaal to step down as Blender chairman and CEO
    Original Blender creator to hand over role as CEO of the Blender Foundation to COO Francesco Siddi at the start of next year.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง

    ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน

    แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3

    บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16%

    บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน

    บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ

    Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น

    Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน
    ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา
    ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5

    บั๊กที่ 1: Context window routing error
    คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด
    ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม

    บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU
    โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ
    เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด

    บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation
    การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก
    เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32

    Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว
    ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน
    เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่

    ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down
    Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น
    Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ

    https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    📰 Anthropic เปิดเบื้องหลัง 3 บั๊กใหญ่ที่ทำให้ Claude ตอบผิดเพี้ยน — เมื่อ AI ไม่ได้ “เนิร์ฟ” แต่โครงสร้างพื้นฐานพัง ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2025 ผู้ใช้ Claude หลายคนเริ่มสังเกตว่าคุณภาพการตอบกลับของโมเดลลดลงอย่างผิดปกติ บางคนได้รับคำตอบที่แปลกประหลาด เช่นมีตัวอักษรไทยโผล่กลางข้อความภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่ผิดไวยากรณ์อย่างชัดเจน จนเกิดข้อสงสัยว่า Anthropic กำลัง “ลดคุณภาพ” ของโมเดลเพื่อจัดการกับโหลดหรือควบคุมต้นทุน แต่ล่าสุด Anthropic ได้ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก “บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน” ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา โดยมีทั้งหมด 3 บั๊กที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งผลกระทบต่อโมเดล Claude หลายรุ่น ได้แก่ Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 และ Opus 3 บั๊กแรกคือการ “ส่งคำขอผิดเซิร์ฟเวอร์” โดยคำขอที่ควรใช้ context window แบบสั้น กลับถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เตรียมไว้สำหรับ context window ขนาด 1 ล้านโทเคน ซึ่งยังไม่พร้อมใช้งาน ทำให้การตอบกลับผิดเพี้ยนและช้า โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ load balancing ทำให้คำขอผิดพลาดเพิ่มขึ้นถึง 16% บั๊กที่สองคือ “การสร้างโทเคนผิดพลาด” บนเซิร์ฟเวอร์ TPU ซึ่งเกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ทำให้โมเดลเลือกโทเคนที่ไม่ควรปรากฏ เช่น ตัวอักษรจีนหรือไทยในคำตอบภาษาอังกฤษ หรือโค้ดที่มี syntax ผิดอย่างชัดเจน บั๊กสุดท้ายคือ “การคอมไพล์ผิดพลาดใน XLA:TPU” ซึ่งเกิดจากการใช้การคำนวณแบบ approximate top-k ที่ควรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้โมเดลเลือกโทเคนผิด โดยเฉพาะเมื่อใช้ precision ที่ไม่ตรงกันระหว่าง bf16 และ fp32 ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออกไปโดยไม่ตั้งใจ Anthropic ได้แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว และประกาศแผนปรับปรุงระบบตรวจสอบคุณภาพให้ละเอียดขึ้น รวมถึงพัฒนาเครื่องมือ debug ที่ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ใช้ให้ส่ง feedback เมื่อพบปัญหา เพื่อช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ✅ Claude ตอบผิดเพี้ยนจาก 3 บั๊กในโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ไม่ใช่การลดคุณภาพโดยเจตนา ➡️ ส่งผลกระทบต่อหลายรุ่น เช่น Sonnet 4, Opus 4.1, Haiku 3.5 ✅ บั๊กที่ 1: Context window routing error ➡️ คำขอถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ context window 1M โดยผิดพลาด ➡️ ส่งผลให้คำตอบผิดเพี้ยน โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ✅ บั๊กที่ 2: Output corruption บน TPU ➡️ โทเคนที่ไม่ควรปรากฏถูกเลือก เช่น “สวัสดี” ในคำตอบภาษาอังกฤษ ➡️ เกิดจากการปรับแต่งประสิทธิภาพที่ผิดพลาด ✅ บั๊กที่ 3: XLA:TPU miscompilation ➡️ การใช้ approximate top-k ทำให้โทเคนที่ควรมีโอกาสสูงสุดถูกตัดออก ➡️ เกิดจาก precision mismatch ระหว่าง bf16 และ fp32 ✅ Anthropic แก้ไขบั๊กทั้งหมดแล้ว ➡️ ปรับ routing logic / rollback การเปลี่ยนแปลง / ใช้ exact top-k แทน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพและเครื่องมือ debug ใหม่ ✅ ผู้ใช้สามารถช่วยแจ้งปัญหาได้โดยใช้ /bug หรือปุ่ม thumbs down ➡️ Feedback จากผู้ใช้ช่วยให้ทีมงานตรวจสอบได้เร็วขึ้น ➡️ Anthropic ยืนยันความโปร่งใสและขอบคุณชุมชนที่ช่วยเหลือ https://www.anthropic.com/engineering/a-postmortem-of-three-recent-issues
    WWW.ANTHROPIC.COM
    A postmortem of three recent issues
    This is a technical report on three bugs that intermittently degraded responses from Claude. Below we explain what happened, why it took time to fix, and what we're changing.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • Slack vs Hack Club: เมื่อ SaaS ยักษ์ใหญ่เรียกเก็บค่าบริการเพิ่ม 39 เท่าในเวลาไม่ถึงสัปดาห์

    Hack Club องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ให้การศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมแก่เยาวชนทั่วโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อ Slack ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้สื่อสารภายในองค์กรมากว่า 11 ปี ได้แจ้งว่าหากไม่จ่ายเงินเพิ่มอีก $50,000 ภายในสัปดาห์นี้ และเปลี่ยนแผนเป็น $195,000 ต่อปี พื้นที่ทำงานของ Hack Club จะถูกปิดและข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบ

    เดิมที Hack Club เคยใช้แผนฟรีสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแผน $5,000/ปี ซึ่งพวกเขายินดีจ่าย เพราะเห็นคุณค่าของบริการ แต่การขึ้นราคาครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มถึง 39 เท่า โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าอย่างเหมาะสม ทำให้ทีมงานต้องเร่งย้ายระบบทั้งหมดไปยัง Mattermost ภายในเวลาอันจำกัด

    หลังโพสต์ของ Mahad Kalam จาก Hack Club ถูกแชร์อย่างกว้างขวางใน Hacker News และ X (Twitter) ซีอีโอของ Slack ได้ติดต่อกลับมาเพื่อ “แก้ไขสถานการณ์” แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่ Hack Club ยืนยันว่าเงื่อนไขใหม่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับการพึ่งพา SaaS และความจำเป็นในการ “เป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเอง”

    https://skyfall.dev/posts/slack
    📰 Slack vs Hack Club: เมื่อ SaaS ยักษ์ใหญ่เรียกเก็บค่าบริการเพิ่ม 39 เท่าในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ Hack Club องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ให้การศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมแก่เยาวชนทั่วโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อ Slack ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้สื่อสารภายในองค์กรมากว่า 11 ปี ได้แจ้งว่าหากไม่จ่ายเงินเพิ่มอีก $50,000 ภายในสัปดาห์นี้ และเปลี่ยนแผนเป็น $195,000 ต่อปี พื้นที่ทำงานของ Hack Club จะถูกปิดและข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบ เดิมที Hack Club เคยใช้แผนฟรีสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแผน $5,000/ปี ซึ่งพวกเขายินดีจ่าย เพราะเห็นคุณค่าของบริการ แต่การขึ้นราคาครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มถึง 39 เท่า โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าอย่างเหมาะสม ทำให้ทีมงานต้องเร่งย้ายระบบทั้งหมดไปยัง Mattermost ภายในเวลาอันจำกัด หลังโพสต์ของ Mahad Kalam จาก Hack Club ถูกแชร์อย่างกว้างขวางใน Hacker News และ X (Twitter) ซีอีโอของ Slack ได้ติดต่อกลับมาเพื่อ “แก้ไขสถานการณ์” แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่ Hack Club ยืนยันว่าเงื่อนไขใหม่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับการพึ่งพา SaaS และความจำเป็นในการ “เป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเอง” https://skyfall.dev/posts/slack
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด

    ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา

    CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์

    นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง

    https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    📰 CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์ นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • Intel จับมือ NVIDIA สร้างชิป x86 พร้อม GPU RTX — แต่ยืนยันจะไม่ทิ้ง GPU ของตัวเอง

    หลังจาก Intel และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ในการพัฒนาชิป x86 รุ่นใหม่ที่รวม CPU ของ Intel เข้ากับ GPU RTX ของ NVIDIA หลายคนตั้งคำถามว่า Intel จะยังเดินหน้าพัฒนา GPU ของตัวเองอยู่หรือไม่ ล่าสุด Intel ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า “จะยังคงมีผลิตภัณฑ์ GPU ของตัวเองต่อไป” และข้อตกลงกับ NVIDIA เป็นเพียงการเสริมแผนงานเดิม ไม่ใช่การแทนที่

    ในงานแถลงข่าวร่วมระหว่าง Jensen Huang (CEO ของ NVIDIA) และ Lip-Bu Tan (CEO ของ Intel) ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่าชิปใหม่จะใช้สำหรับพีซีลูกค้าและงาน AI/HPC โดยมีการใช้เทคโนโลยี NVLink เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเริ่มเห็นในชิป Nova Lake รุ่นถัดไปของ Intel ที่จะเปิดตัวในปี 2026

    อย่างไรก็ตาม Intel ยืนยันว่าจะยังคงพัฒนา GPU สาย Arc สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ GPU สาย Gaudi กับ Shores สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่งแม้จะเริ่มต้นได้ยาก แต่ก็เริ่มมีจุดแข็งในด้านความคุ้มค่า และยังมีแผนเปิดตัว Xe3 “Celestial” และ Xe4 “Druid” ในชิป Panther Lake และ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2025–2026

    นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Intel เตรียมเปิดตัว Arc Battlemage รุ่นใหม่สำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจาก Arc B-Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน และอาจเป็นการตอบโต้การครองตลาด GPU แบบแยกของ NVIDIA ที่มีส่วนแบ่งสูงถึง 94%

    Intel ยืนยันจะยังคงมีผลิตภัณฑ์ GPU ของตัวเอง
    ข้อตกลงกับ NVIDIA เป็นการเสริม ไม่ใช่การแทนที่
    ยังคงพัฒนา GPU สาย Arc, Gaudi และ Shores

    ชิป Panther Lake และ Nova Lake จะใช้ Xe3 และ Xe4
    Xe3 “Celestial” สำหรับกราฟิกหลัก
    Xe4 “Druid” สำหรับงานแสดงผลและการเข้ารหัส/ถอดรหัสสื่อ

    มีข่าวลือว่า Intel เตรียมเปิดตัว Arc Battlemage รุ่นใหม่
    รหัส BMG-G31 สำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก
    อาจเป็นการตอบโต้การครองตลาดของ NVIDIA ที่มีส่วนแบ่ง 94%

    Intel ใช้เทคโนโลยี Foveros ในการออกแบบชิปแบบหลายชิปเล็ต
    คล้ายกับ Kaby Lake-G ที่เคยใช้ GPU ของ AMD
    แต่ครั้งนี้จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในบางรุ่นเท่านั้น

    https://wccftech.com/intel-assures-will-continue-to-have-gpu-product-offerings-in-future-nvidia-deal-complimentary/
    📰 Intel จับมือ NVIDIA สร้างชิป x86 พร้อม GPU RTX — แต่ยืนยันจะไม่ทิ้ง GPU ของตัวเอง หลังจาก Intel และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ในการพัฒนาชิป x86 รุ่นใหม่ที่รวม CPU ของ Intel เข้ากับ GPU RTX ของ NVIDIA หลายคนตั้งคำถามว่า Intel จะยังเดินหน้าพัฒนา GPU ของตัวเองอยู่หรือไม่ ล่าสุด Intel ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า “จะยังคงมีผลิตภัณฑ์ GPU ของตัวเองต่อไป” และข้อตกลงกับ NVIDIA เป็นเพียงการเสริมแผนงานเดิม ไม่ใช่การแทนที่ ในงานแถลงข่าวร่วมระหว่าง Jensen Huang (CEO ของ NVIDIA) และ Lip-Bu Tan (CEO ของ Intel) ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่าชิปใหม่จะใช้สำหรับพีซีลูกค้าและงาน AI/HPC โดยมีการใช้เทคโนโลยี NVLink เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง CPU และ GPU อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเริ่มเห็นในชิป Nova Lake รุ่นถัดไปของ Intel ที่จะเปิดตัวในปี 2026 อย่างไรก็ตาม Intel ยืนยันว่าจะยังคงพัฒนา GPU สาย Arc สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ GPU สาย Gaudi กับ Shores สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่งแม้จะเริ่มต้นได้ยาก แต่ก็เริ่มมีจุดแข็งในด้านความคุ้มค่า และยังมีแผนเปิดตัว Xe3 “Celestial” และ Xe4 “Druid” ในชิป Panther Lake และ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2025–2026 นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Intel เตรียมเปิดตัว Arc Battlemage รุ่นใหม่สำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจาก Arc B-Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน และอาจเป็นการตอบโต้การครองตลาด GPU แบบแยกของ NVIDIA ที่มีส่วนแบ่งสูงถึง 94% ✅ Intel ยืนยันจะยังคงมีผลิตภัณฑ์ GPU ของตัวเอง ➡️ ข้อตกลงกับ NVIDIA เป็นการเสริม ไม่ใช่การแทนที่ ➡️ ยังคงพัฒนา GPU สาย Arc, Gaudi และ Shores ✅ ชิป Panther Lake และ Nova Lake จะใช้ Xe3 และ Xe4 ➡️ Xe3 “Celestial” สำหรับกราฟิกหลัก ➡️ Xe4 “Druid” สำหรับงานแสดงผลและการเข้ารหัส/ถอดรหัสสื่อ ✅ มีข่าวลือว่า Intel เตรียมเปิดตัว Arc Battlemage รุ่นใหม่ ➡️ รหัส BMG-G31 สำหรับเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก ➡️ อาจเป็นการตอบโต้การครองตลาดของ NVIDIA ที่มีส่วนแบ่ง 94% ✅ Intel ใช้เทคโนโลยี Foveros ในการออกแบบชิปแบบหลายชิปเล็ต ➡️ คล้ายกับ Kaby Lake-G ที่เคยใช้ GPU ของ AMD ➡️ แต่ครั้งนี้จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในบางรุ่นเท่านั้น https://wccftech.com/intel-assures-will-continue-to-have-gpu-product-offerings-in-future-nvidia-deal-complimentary/
    WCCFTECH.COM
    Intel Assures They Will Continue To Have GPU Product Offerings In The Future, NVIDIA Deal Complimentary To Product Roadmap
    Intel has reassured that it will continue to have GPU products in the future despite the new NVIDIA deal, which was announced today.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ‘อนุทิน’ ควบ มท. 'สุชาติ' นั่งรองนายกฯ ควบทรัพยากรฯ! ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ 24 ก.ย.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/21548/
    .
    #ไทยไท #ครม #อนุทินชาญวีรกูล #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ‘อนุทิน’ ควบ มท. 'สุชาติ' นั่งรองนายกฯ ควบทรัพยากรฯ! ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ 24 ก.ย.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/21548/ . #ไทยไท #ครม #อนุทินชาญวีรกูล #ธรรมนัสพรหมเผ่า #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • AI ดันตลาด HDD สะเทือน — รอ 32TB นานเป็นปี ราคาพุ่งทั่วโลก ขณะที่ SSD ก็เริ่มโดนหางเลข

    ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่คิดเร็ว แต่ยัง “กินพื้นที่” อย่างมหาศาล ความต้องการจัดเก็บข้อมูลระดับเทราไบต์จึงพุ่งทะยานแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่ม HDD ความจุสูงอย่าง 32TB ที่ตอนนี้ต้องรอนานถึง 52 สัปดาห์ หรือเกือบหนึ่งปีเต็ม2 ข้อมูลจาก TrendForce และ TechRadar ระบุว่า hyperscaler รายใหญ่ เช่น Google และ Oracle กำลังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อระบบจัดเก็บข้อมูลทั่วโลก

    Western Digital และ Seagate ต่างประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD โดยให้เหตุผลว่า “ความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” และการลงทุนในนวัตกรรมใหม่เป็นต้นทุนหลัก ขณะเดียวกัน SSD ก็เริ่มถูกดึงเข้ามาใช้งานแม้ในงาน cold data ที่เดิมที HDD เป็นตัวเลือกหลัก เพราะราคาถูกต่อ GB แต่ตอนนี้ผู้ให้บริการคลาวด์เริ่มหันมาใช้ QLC SSD แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า เพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลน HDD

    อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้ SSD สำหรับ cold data ยังมีอุปสรรคหลายด้าน ทั้งเรื่องต้นทุน การปรับระบบซอฟต์แวร์ และความเข้ากันได้ของอัลกอริธึมจัดการข้อมูล ซึ่งหากไม่วางแผนให้ดี อาจทำให้ต้นทุนรวมพุ่งเกินควบคุมได้ง่าย

    ความต้องการ HDD ความจุสูงพุ่งจากการขยายระบบ AI
    Hyperscaler อย่าง Google, Oracle, Amazon เร่งซื้อ HDD สำหรับงาน inference
    ความต้องการ cold data storage เพิ่มขึ้นจากการฝึกและใช้งานโมเดล AI

    HDD ขนาด 32TB ขึ้นไปต้องรอนานถึง 52 สัปดาห์
    30TB ยังพอมีในตลาด เช่น Seagate Exos Mozaic+
    การขนส่งล่าช้าเพิ่มอีก 6–10 สัปดาห์จากการใช้เรือสินค้า

    Western Digital และ Seagate ประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD
    อ้างเหตุผลจากความต้องการสูงและต้นทุนการพัฒนา
    กระทบทั้งองค์กรขนาดใหญ่และผู้ใช้งานทั่วไป

    SSD เริ่มถูกนำมาใช้แทน HDD แม้ในงาน cold data
    QLC SSD มีความเร็วสูงและใช้พลังงานน้อยลง ~30%
    คาดว่า QLC SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2026

    การเปลี่ยนไปใช้ SSD ต้องปรับระบบหลายด้าน
    ต้องอัปเดตอัลกอริธึมจัดการข้อมูลและตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์
    ต้องคำนวณต้นทุนรวมอย่างแม่นยำเพื่อควบคุมงบประมาณ

    https://www.techradar.com/pro/surging-ai-demand-for-hdd-means-that-you-may-have-to-wait-up-to-a-year-for-32-tb-hard-disk-drives-warns-research-and-yes-prices-are-also-going-up
    📰 AI ดันตลาด HDD สะเทือน — รอ 32TB นานเป็นปี ราคาพุ่งทั่วโลก ขณะที่ SSD ก็เริ่มโดนหางเลข ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่คิดเร็ว แต่ยัง “กินพื้นที่” อย่างมหาศาล ความต้องการจัดเก็บข้อมูลระดับเทราไบต์จึงพุ่งทะยานแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่ม HDD ความจุสูงอย่าง 32TB ที่ตอนนี้ต้องรอนานถึง 52 สัปดาห์ หรือเกือบหนึ่งปีเต็ม2 ข้อมูลจาก TrendForce และ TechRadar ระบุว่า hyperscaler รายใหญ่ เช่น Google และ Oracle กำลังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อระบบจัดเก็บข้อมูลทั่วโลก Western Digital และ Seagate ต่างประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD โดยให้เหตุผลว่า “ความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” และการลงทุนในนวัตกรรมใหม่เป็นต้นทุนหลัก ขณะเดียวกัน SSD ก็เริ่มถูกดึงเข้ามาใช้งานแม้ในงาน cold data ที่เดิมที HDD เป็นตัวเลือกหลัก เพราะราคาถูกต่อ GB แต่ตอนนี้ผู้ให้บริการคลาวด์เริ่มหันมาใช้ QLC SSD แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า เพื่อรับมือกับปัญหาการขาดแคลน HDD อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้ SSD สำหรับ cold data ยังมีอุปสรรคหลายด้าน ทั้งเรื่องต้นทุน การปรับระบบซอฟต์แวร์ และความเข้ากันได้ของอัลกอริธึมจัดการข้อมูล ซึ่งหากไม่วางแผนให้ดี อาจทำให้ต้นทุนรวมพุ่งเกินควบคุมได้ง่าย ✅ ความต้องการ HDD ความจุสูงพุ่งจากการขยายระบบ AI ➡️ Hyperscaler อย่าง Google, Oracle, Amazon เร่งซื้อ HDD สำหรับงาน inference ➡️ ความต้องการ cold data storage เพิ่มขึ้นจากการฝึกและใช้งานโมเดล AI ✅ HDD ขนาด 32TB ขึ้นไปต้องรอนานถึง 52 สัปดาห์ ➡️ 30TB ยังพอมีในตลาด เช่น Seagate Exos Mozaic+ ➡️ การขนส่งล่าช้าเพิ่มอีก 6–10 สัปดาห์จากการใช้เรือสินค้า ✅ Western Digital และ Seagate ประกาศขึ้นราคาทุกผลิตภัณฑ์ HDD ➡️ อ้างเหตุผลจากความต้องการสูงและต้นทุนการพัฒนา ➡️ กระทบทั้งองค์กรขนาดใหญ่และผู้ใช้งานทั่วไป ✅ SSD เริ่มถูกนำมาใช้แทน HDD แม้ในงาน cold data ➡️ QLC SSD มีความเร็วสูงและใช้พลังงานน้อยลง ~30% ➡️ คาดว่า QLC SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2026 ✅ การเปลี่ยนไปใช้ SSD ต้องปรับระบบหลายด้าน ➡️ ต้องอัปเดตอัลกอริธึมจัดการข้อมูลและตรวจสอบความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ ➡️ ต้องคำนวณต้นทุนรวมอย่างแม่นยำเพื่อควบคุมงบประมาณ https://www.techradar.com/pro/surging-ai-demand-for-hdd-means-that-you-may-have-to-wait-up-to-a-year-for-32-tb-hard-disk-drives-warns-research-and-yes-prices-are-also-going-up
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • LaCie Rugged SSD4 — SSD พกพาสุดแกร่งจาก Seagate ที่เร็วระดับ 4,000MB/s และทนแรงกดได้ถึง 1 ตัน

    ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินสำคัญของมืออาชีพ Seagate ภายใต้แบรนด์ LaCie ได้เปิดตัว Rugged SSD4 ซึ่งเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้มาตรฐาน USB4 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด ทั้งในด้านความเร็วและความทนทาน

    LaCie Rugged SSD4 รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 40Gbps และสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ซึ่งเร็วพอที่จะโอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ตัวอุปกรณ์ยังผ่านมาตรฐาน IP54 กันน้ำกันฝุ่น ตกจากความสูง 3 เมตรได้โดยไม่เสียหาย และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่สูญเสียข้อมูล

    ดีไซน์ของ SSD4 ยังคงเอกลักษณ์ของ LaCie ด้วยยางกันกระแทกสีส้มรอบตัวเครื่อง และแผ่นโลหะตรงกลางที่เสริมความแข็งแรง พร้อมรองรับการใช้งานกับ macOS, Windows, iOS, Android และแม้แต่กล้องที่ใช้ USB-C เช่น iPhone รุ่นใหม่ที่ถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps ได้

    SSD นี้มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 1TB ($134.99), 2TB ($249.99) และ 4TB ($479.99) โดยยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ LaCie Toolkit สำหรับการสำรองข้อมูล และสิทธิ์ใช้งาน Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยในการทำงาน

    LaCie Rugged SSD4 เปิดตัวเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้ USB4
    รองรับแบนด์วิดธ์ 40Gbps และอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s
    โอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที

    ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหด
    กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 / ตกจากความสูง 3 เมตรได้
    ทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่เสียหาย

    ดีไซน์โดดเด่นและใช้งานได้หลากหลายระบบ
    ยางกันกระแทกสีส้ม + แผ่นโลหะตรงกลาง
    รองรับ macOS, Windows, iOS, Android และกล้อง USB-C

    มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ
    1TB ราคา $134.99 / 2TB ราคา $249.99 / 4TB ราคา $479.99
    มาพร้อม LaCie Toolkit และสิทธิ์ Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน

    เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟและงานที่ต้องการความเร็วสูง
    รองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps บน iPhone
    ใช้งานกับไฟล์ RAW, วิดีโอ, และโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้อย่างลื่นไหล

    https://www.techradar.com/pro/forget-about-thunderbolt-5-seagate-finally-launches-its-first-usb-4-portable-ssd-under-its-legendary-storage-label
    📰 LaCie Rugged SSD4 — SSD พกพาสุดแกร่งจาก Seagate ที่เร็วระดับ 4,000MB/s และทนแรงกดได้ถึง 1 ตัน ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินสำคัญของมืออาชีพ Seagate ภายใต้แบรนด์ LaCie ได้เปิดตัว Rugged SSD4 ซึ่งเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้มาตรฐาน USB4 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด ทั้งในด้านความเร็วและความทนทาน LaCie Rugged SSD4 รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 40Gbps และสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ซึ่งเร็วพอที่จะโอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ตัวอุปกรณ์ยังผ่านมาตรฐาน IP54 กันน้ำกันฝุ่น ตกจากความสูง 3 เมตรได้โดยไม่เสียหาย และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่สูญเสียข้อมูล ดีไซน์ของ SSD4 ยังคงเอกลักษณ์ของ LaCie ด้วยยางกันกระแทกสีส้มรอบตัวเครื่อง และแผ่นโลหะตรงกลางที่เสริมความแข็งแรง พร้อมรองรับการใช้งานกับ macOS, Windows, iOS, Android และแม้แต่กล้องที่ใช้ USB-C เช่น iPhone รุ่นใหม่ที่ถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps ได้ SSD นี้มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 1TB ($134.99), 2TB ($249.99) และ 4TB ($479.99) โดยยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ LaCie Toolkit สำหรับการสำรองข้อมูล และสิทธิ์ใช้งาน Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยในการทำงาน ✅ LaCie Rugged SSD4 เปิดตัวเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้ USB4 ➡️ รองรับแบนด์วิดธ์ 40Gbps และอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ➡️ โอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ✅ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหด ➡️ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 / ตกจากความสูง 3 เมตรได้ ➡️ ทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่เสียหาย ✅ ดีไซน์โดดเด่นและใช้งานได้หลากหลายระบบ ➡️ ยางกันกระแทกสีส้ม + แผ่นโลหะตรงกลาง ➡️ รองรับ macOS, Windows, iOS, Android และกล้อง USB-C ✅ มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ ➡️ 1TB ราคา $134.99 / 2TB ราคา $249.99 / 4TB ราคา $479.99 ➡️ มาพร้อม LaCie Toolkit และสิทธิ์ Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน ✅ เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟและงานที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ รองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps บน iPhone ➡️ ใช้งานกับไฟล์ RAW, วิดีโอ, และโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้อย่างลื่นไหล https://www.techradar.com/pro/forget-about-thunderbolt-5-seagate-finally-launches-its-first-usb-4-portable-ssd-under-its-legendary-storage-label
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • Tor VPN เปิดตัวเวอร์ชันเบต้า Android — ขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวจากเบราว์เซอร์สู่ระบบเครือข่าย

    โครงการ Tor ที่รู้จักกันดีในฐานะผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ได้เปิดตัวแอป VPN เวอร์ชันเบต่าสำหรับ Android อย่างเงียบ ๆ บน Google Play Store โดยใช้ชื่อว่า “Tor VPN” ซึ่งเป็นความพยายามครั้งใหม่ในการปกป้องผู้ใช้งานจากการเซ็นเซอร์และการติดตามออนไลน์ในระดับเครือข่าย ไม่ใช่แค่ในเบราว์เซอร์อีกต่อไป

    Tor VPN ใช้โครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Arti ซึ่งเป็นการเขียนระบบ Tor ด้วยภาษา Rust แทน C เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียร ตัวแอปยังรองรับฟีเจอร์ split tunneling ที่ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าแอปใดจะส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย Tor และแต่ละแอปจะได้รับ IP แยกกัน ทำให้ยากต่อการเชื่อมโยงพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้

    นอกจากนี้ยังมีการฝังระบบ “bridge” ป้องกันการเซ็นเซอร์ เช่น obfs4 ที่ทำให้ทราฟฟิกดูเหมือนข้อมูลสุ่ม และ Snowflake ที่ปลอมทราฟฟิกให้เหมือนวิดีโอคอลผ่าน WebRTC ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศที่มีการควบคุมอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึง Tor ได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Tor VPN ยังอยู่ในช่วงทดลอง และนักพัฒนาย้ำว่าไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น นักข่าวหรือผู้เคลื่อนไหวในประเทศที่มีการสอดแนมอย่างเข้มงวด เพราะอาจยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    Tor เปิดตัว VPN เบต้าสำหรับ Android
    ใช้ชื่อว่า Tor VPN และมีให้ดาวน์โหลดบน Google Play Store
    เป็นการขยายการปกป้องความเป็นส่วนตัวจากเบราว์เซอร์สู่ระดับเครือข่าย

    ใช้โครงสร้างใหม่ Arti ที่เขียนด้วยภาษา Rust
    ปลอดภัยและเสถียรกว่าระบบเดิมที่ใช้ภาษา C
    เป็นพื้นฐานใหม่สำหรับการพัฒนา Tor ในอนาคต

    รองรับฟีเจอร์ split tunneling
    ผู้ใช้สามารถเลือกแอปที่ต้องการให้ผ่านเครือข่าย Tor
    แต่ละแอปจะได้รับ IP แยกกัน ลดการเชื่อมโยงพฤติกรรม

    มีระบบ bridge ป้องกันการเซ็นเซอร์
    obfs4 ทำให้ทราฟฟิกดูเหมือนข้อมูลสุ่ม
    Snowflake ปลอมทราฟฟิกให้เหมือนวิดีโอคอลผ่าน WebRTC

    แอปเป็น open source และมีโค้ดอยู่บน GitHub
    เปิดให้ผู้ใช้และนักพัฒนาตรวจสอบและร่วมพัฒนา
    ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tor VPN เบต้า
    ยังไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น นักข่าวหรือผู้เคลื่อนไหว
    อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหรือการรั่วไหลของข้อมูล
    ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับ VPN เชิงพาณิชย์ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด
    การใช้งานในประเทศที่มีการควบคุมอินเทอร์เน็ตอาจยังไม่ปลอดภัยเต็มที่

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/the-tor-project-quietly-launches-a-beta-android-vpn-and-looks-for-testers
    📰 Tor VPN เปิดตัวเวอร์ชันเบต้า Android — ขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวจากเบราว์เซอร์สู่ระบบเครือข่าย โครงการ Tor ที่รู้จักกันดีในฐานะผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ได้เปิดตัวแอป VPN เวอร์ชันเบต่าสำหรับ Android อย่างเงียบ ๆ บน Google Play Store โดยใช้ชื่อว่า “Tor VPN” ซึ่งเป็นความพยายามครั้งใหม่ในการปกป้องผู้ใช้งานจากการเซ็นเซอร์และการติดตามออนไลน์ในระดับเครือข่าย ไม่ใช่แค่ในเบราว์เซอร์อีกต่อไป Tor VPN ใช้โครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Arti ซึ่งเป็นการเขียนระบบ Tor ด้วยภาษา Rust แทน C เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียร ตัวแอปยังรองรับฟีเจอร์ split tunneling ที่ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าแอปใดจะส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย Tor และแต่ละแอปจะได้รับ IP แยกกัน ทำให้ยากต่อการเชื่อมโยงพฤติกรรมออนไลน์ของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการฝังระบบ “bridge” ป้องกันการเซ็นเซอร์ เช่น obfs4 ที่ทำให้ทราฟฟิกดูเหมือนข้อมูลสุ่ม และ Snowflake ที่ปลอมทราฟฟิกให้เหมือนวิดีโอคอลผ่าน WebRTC ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศที่มีการควบคุมอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึง Tor ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Tor VPN ยังอยู่ในช่วงทดลอง และนักพัฒนาย้ำว่าไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น นักข่าวหรือผู้เคลื่อนไหวในประเทศที่มีการสอดแนมอย่างเข้มงวด เพราะอาจยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ✅ Tor เปิดตัว VPN เบต้าสำหรับ Android ➡️ ใช้ชื่อว่า Tor VPN และมีให้ดาวน์โหลดบน Google Play Store ➡️ เป็นการขยายการปกป้องความเป็นส่วนตัวจากเบราว์เซอร์สู่ระดับเครือข่าย ✅ ใช้โครงสร้างใหม่ Arti ที่เขียนด้วยภาษา Rust ➡️ ปลอดภัยและเสถียรกว่าระบบเดิมที่ใช้ภาษา C ➡️ เป็นพื้นฐานใหม่สำหรับการพัฒนา Tor ในอนาคต ✅ รองรับฟีเจอร์ split tunneling ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกแอปที่ต้องการให้ผ่านเครือข่าย Tor ➡️ แต่ละแอปจะได้รับ IP แยกกัน ลดการเชื่อมโยงพฤติกรรม ✅ มีระบบ bridge ป้องกันการเซ็นเซอร์ ➡️ obfs4 ทำให้ทราฟฟิกดูเหมือนข้อมูลสุ่ม ➡️ Snowflake ปลอมทราฟฟิกให้เหมือนวิดีโอคอลผ่าน WebRTC ✅ แอปเป็น open source และมีโค้ดอยู่บน GitHub ➡️ เปิดให้ผู้ใช้และนักพัฒนาตรวจสอบและร่วมพัฒนา ➡️ ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน Tor VPN เบต้า ⛔ ยังไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น นักข่าวหรือผู้เคลื่อนไหว ⛔ อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหรือการรั่วไหลของข้อมูล ⛔ ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับ VPN เชิงพาณิชย์ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ⛔ การใช้งานในประเทศที่มีการควบคุมอินเทอร์เน็ตอาจยังไม่ปลอดภัยเต็มที่ https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/the-tor-project-quietly-launches-a-beta-android-vpn-and-looks-for-testers
    WWW.TECHRADAR.COM
    The Tor Project quietly launches a beta Android VPN – and looks for testers
    The Tor Project continues its fight for online privacy, this time with a VPN app
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • 19-09-68/01 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP35 (มาตามนัด)

    ปิดด่าน สำคัญกว่าที่คิด สกัดเงินฟอก สกัดเงินมืด มีเงินแต่เอาไปใช้ไม่ได้ ที่ผ่านมา มันเอามาฟอกที่ไทยเนี่ยแหละ เงินบาทไทยสดสด ที่อีขะแมร์ต้องการ ขนทองคำไปส่งขะแมร์ แผนลับตั้งแต่อีแม่กะบังลมสั่ง ในที่สุด ตัวการใหญ่ก็อยู่ไม่ได้โผล่ ส่งทั้งกระเช้าดอกไม้ บอกนัยยะ อำนาจมันอยู่ไม่นานดอกน่ะ ออกหน้าสั่งการพรรค เพราะอีผัวเหี้ยหมดสภาพไปแล้ว นอนกระดิกตรีนในคุกคลองเปรม อีลูกส่ายหัว ไม่มีใครกล้ามาเป็นเหยื่อให้อีพ่อแล้ว ตายยกโคตร วันนี้ เสื้อแดงรู้เช่นเห็นชาติแล้ว เลวกว่า เหี้ยกว่า ระยำสลัดหมากว่าอีเหลี่ยม มีเพียงตัวเดียว นั่นคือ "อีกะบังลม" เงินที่โกงแผ่นดินทั้งหมดอยู่ที่มัน โยกย้ายไปตามหมู่เกาะแคริบเบี้ยน

    อีโง่ยุโรป หมดท่า กลายร่างเป็นหมาบ้าแล้ว! ไล่งับทั้ง BRICS รัสเซีย อีแขก อ้าว..เว้นจีนไว้ทำไมล่ะจ๊ะ? อ๋อ..จะเสี้ยมจีนให้แตกเหรอ เหี้ยมะกันจะดึงรัสเซีย แยกจากจีนยังทำไม่ได้ แล้วไอ้โง่อย่างมรึงที่สติปัญญา IQ 18 จะมาหลอกจีน IQ 180 เนี่ยน่ะ ควายจ๋า..ไปแดร๊กหญ้าให้อิ่มเหอะ พรุ่งนี้ก็โดนเชือดแล้ว มันต้องการอะไร ก่อนจะริท้าสู่ขั้วใหม่ ช่วยแหกตาดูด้วยว่า วันนี้ มรึงเองยังต้องแบมือขอพลังงานรัสเซีย แบมือขอโลจิสติคจากจีน แบมือขอตลาดจากอาหรับ แล้วมรึงคลั่งจนลืมสิ่งที่จำเป็นต้องมี นั่นคือ "การคลัง" EURO อ่อนค่า พิมพ์แบงค์มั่วซั่วตามอีวอชิงตัน ทองคำจะเอาจากไหนล่ะ รัสเซียผูกสัมปทานในแอฟริกาสิ้น จะขอใคร

    เปลี่ยนปุ๊บ ออกสื่อปั๊บ! อะไรน่ะ? กูหูไม่ฟาดชิมิ? ภาค 1 ขู่ขะแมร์โว๊ย? อย่ายั่วยุ ใช้กฎหมายไทยบังคับคดีทั้งหมด เข้ามาเหยียบก็แผ่นดินกู ใช้กฎหมายกู พอเอาจริง ม็อบตอแหลวงแตกทันที ถูกจับไปขังคุกไม่ต้องรอนาน แล้วทำไม? มรึงไม่ทำตั้งแต่แรกล่ะ? คำตอบคือ บ่อนคือต้นเหตุ ส่วยเดือนล่ะ 100 ล้านคือสาเหตุ แหล่งฟอกเงินคือหม้อข้าวของบรรดา BIG เขียวขายชาติ ชัดพอมั้ย? แต่ตอนนี้ เกิดการปฎิวัติเงียบ ระดับนายพัน จับกลุ่มขู่นายพล นายจ๊ะ อันนี้อธิปไตยของชาติน่ะ นายอย่าแตะ เดี๋ยวพวกผมเอาจริง! (เสียงในฟิล์มจากชายแแดน) มรึงถึงได้เห็นภาพวันนี้ไง กูบอกให้รู้ไว้ ใหญ่แค่ไหน แค่วังสั่งคำเดียว หัวหลุดทั้งยวงบูรพาสุนัข บูรพาพยัคฆ์ของจริงมีเยอะ แต่ถูกบูรพาสุนัขคาบไปแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนหัวเหี้ยแล้วจ๊ะ

    ส่งสัญญาน เอาโต๊ะลุงตู่กลับมาใช้ต่อในทำเนียบ หันทิศทางเดียวกัน จะบอกอะไรรึจ๊ะ? บ้างก็อ้าง โต๊ะที่บ้านใหญ่ หรู ไม่เข้ากับสไตล์ห้อง เดี๋ยวผิดสังเกตุ แค่ 4 เดือน จะทำอะไรให้หมั่นไส้มากไม่ดี สร้างภาพสิจ๊ะ อยู่ให้คนเค้ารัก ไปให้คนเค้าคิดถึง อีเพ่นู๋ มันอยู่เป็น ไม่งั้นคงไม่มีวาสนาขึ้นแท่นบังลังก์เมฆดอก ขนาดอีลุงป้อมรอคอยมาทั้งชีวิต ยังไม่ได้เป็น กระแสตีกลับ จนป่านนี้ ยังตั้งครม.ไม่ได้ ติดเรื่องคุณสมบัติ เพราะมีแต่เหี้ยไปจัญไรมา สภาพแค่เอาตัวรอดไปวันวัน จะเอา จะเอา แต่ไม่มีใครคิดถึงเรื่องของชาติ ปากท้องประชาชนก่อน นี่ไง "นักการเมือง" อีส้มเน่ามั่น งวดหน้ากูแลนด์สไลด์หนักกว่านี้แน่ อ๋อ..เหรอ หายไป 70% น่ะสิ เดี๋ยวรู้กัน

    ฮาแตก! อีฮุน จอมตอแหล สร้างภาพตลอด จีนหนุน จีนให้อภัย จีนเปิดทางเดินให้ต่อ แต่ของจริง จีนไม่เปิดระบบยิงขีปนาวุธให้อีขะแมร์มาทำร้ายไทย จีนไม่สร้างอะไรเพิ่มทั้งนั้น จีนถอนการลงทุนออกมา จีนห้ามนักท่องเที่ยวไปขะแมร์ นี่เหรอ ที่เค้าเรียกว่าหนุน เสพสื่อ ให้ดูของจริง อย่าเชื่อแค่เค้าเล่าอ้าง? สติทำให้ฉลาด เพราะคิดขัดแย้งไว้ก่อน จะได้คำตอบ ตั้งคำถามก่อน จะได้คำตอบ อย่าเชื่อ ให้ใช้ปัญญา ว่าข้อเท็จจริงคือ สื่อเล่าอ้างคือ กองทัพไทย เริ่มลงมือปิดกั้นทุกทางเชื่อมไทย-ขะแมร์ ส่งสัญญาน งานนี้ กูเอามรึงถึงตายคาตรีน พนมเปญแค่ขนมกรุบ

    ฝั่งโลกอาหรับก็ไม่เบา MBS ล่าสุดจับมือปากีฯ เซ็นต์ควมร่วมมือแผนความมั่นคง แปลว่าอะไร? อียิวจะโดนหนักไงล่ะ? ดอกนี้ ปากีขอมา กูจะเอาคืนมรึง ที่ไปหนุนอีแขกมารุกรานกูก่อน รออิมราน ข่านขึ้นแท่นเมื่อไหร่ กูบอกเลย ประกาศศักดาแน่ QATAR เจ็บแค้น ทั้งอียิว เหี้ยมะกัน ส่งผลให้ ราชวงศ์ในอาหรับ ลงมติเชือดอียิวแบบไม่ให้เหลือซาก อิหร่านมาเต็ม ต้องถามแบบนี้ว่า ยังจะเหลือใครที่เอาอียิวล่ะ ขนาดอีจอร์แดง ขี้ข้าชั้นสวะ ที่อะไรก็แล้วแต่นายใหญ่ ยังฉี่แตก เค้าลงขันมุสลิมปาร์ตี้อียิวโดยตรงแล้ว คนย้ายออกจากเยรูซาเล็มแล้ว รู้ตัวแล้ว อิหร่านนำทัพ เตรียมยกพลขึ้นบก ไม่ต้องถามน่ะ ยังจะเหลือเหี้ยยิวรอต้อนรับอีกมั้ย?

    เวรกรรมทันตาเห็น อีเศษฝรั่ง บ้านเมืองลุกเป็นไฟแล้ว ขนส่งปิด รถสาธารณะปิด รถไม่วิ่ง ร้านค้าปิด ธนาคารไม่มีคน มันหายไปไหนกันหมดล่ะ? ลงถนนกันหมดทั้งแผ่นดินแล้ว กูว่าแล้ว สุดท้าย ปากท้องชาวบ้าน คือสิ่งที่อันตรายที่สุด จีน รัสเซีย มองเห็น แต่มรึงมันโง่ไงล่ะ อีมาครง งานนี้เอาถึง "กิโยติน" เลยน่ะ ย้อนภาพประวัติศาสตร์กลับมาทันที เมื่องานไม่มี ไร้บ้าน อาหารไม่พอ ข้าวยาก หมากแพง ชีวิตอยู่ไปวันวัน ใครล่ะ ที่ทำให้มรึงจนตรอก "ประชาธิปไตย" ที่มรึงเลือกกันเองไงล่ะ มันช่วยให้มรึงหายอิ่มมั้ย มีแต่จะเอาสงครามท่าเดียว ตามใบสั่งนายจ้าง แดร๊กเข้าไปสิ ยุโรปสิ้นแล้ววันนี้ VISA น่ะเหรอ? ให้เข้าฟรี ยังไม่เอาเลย มีแต่โจรกับโจร

    มอ 144 มาเต็มตรีน ไวฟ้าผ่า โยกเงินเหรอ เงิน 10000 เหรอ เดี๋ยวตามด้วยชั้น 14 มาตามสเตป ไล่เบี้ยขี้ข้าหมารับใช้ทุกองค์กร ทุกไอ้อี อย่าคิดว่ายุบสภา แล้วจบน่ะ เปลี่ยนรัฐบาลแล้วปล้วกันไปน่ะ คำฟ้อง อยู่ที่ศาลยังมีครบทุกข้อหา เป้าแท้จริงคือ ล้างบางพรรคขายชาติให้สิ้นซาก ทั้งอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน และบรรดาพรรคตัวปลากรอบทั้งหลาย โดนหมดจ๊ะ พายเรือให้โจรนั่ง เซ็นต์ MOU43/44 ของเก่าก็โดน เพราะมันเป็นผลพ่วงมาจนถึงปัจจุบัน มรึงดู ทุกความระยำอัปรีย์จัญไรของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย มันมาผูกปมเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด แม้แต่คดีผีน้องโม สีเทา สีดำ มีเอี่ยวหมด ที่ศาลใจเย็น เพราะมันผูกกันทั้ง 3 ศาลไงล่ะ จับมัดเผาทีเดียว!

    มรึงดูความอดอยากของคนสิ? อีปารี แจกไก่ทอด เป็นเหตุชุลมุนกลายเป็นเรื่องใหญ่ นี่มัน "โกลาหล" ดูเปลือกภายนอก คือวัยรุ่นตามอินฟลูเอนเซอร์ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว แค่ร้านไทยเปิดใหม่โปรโมต แจกฟรี ข้าวหน้าไก่ทอด 1000 ชุด มรึงถึงกับต้องแย่งกันอย่างกะหมา มันใช่เหรอ? แล้วไอ้หน่วยควบคุมมาได้ยังไง เร็วปร๊ีด! ทุกอย่างคือการจัดฉาก ไม่ต้องถามว่าฝ่ายการเมืองเล่นเหี้ยอาไยอีก? มรึงเลือกตั้งใหม่ ยุบสภา กันให้ตาย เลือกกี่รอบก็เหมือนเดิม เพราะนายทุนใหญ่ใครล่ะ? ทำไมต้องเป็นร้านอาหารไทย? หากเป็นร้านอื่นจะไวปานนี้มั้ย? อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กน้อย คนเริ่มแค่ไม่กี่คน สร้างปัญหาเป็นข่าวไปทั่วโลกได้ ด้วยเงินลงทุนนิดหน่อย เข้าใจเล่นน่ะมรึง? ร้านก็ดังไปเลย สื่อก็ได้ตีข่าว เจ้าหน้าที่ได้ออกแรง ส่งสัญญานซ้อมกันไว้ก่อนสิน่ะ ก่อนจะแตกจริง เพราะชาวปารี คือนักปฎิวัติอยู่แล้ว

    เนปาลโมเดล ไฟไหม้ฟางซะงั้น? อ้าวทำไมล่ะ? เพราะมันของปลอมไงล่ะ ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้นมา ตามใบสั่ง เหตุผลเดียวคือเปลี่ยนรัฐบาล ไอ้ที่มีอยู่ก่อน คืออิงขั้วใหม่ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย เมื่อมรึงตีตัวห่าง กูก็ต้องส่ง เหี้ย C ไปเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำกันมาเป็นศตวรรษ ชาวบ้านถูกปั่นหัว ใครให้มรึงแตะโซเชี่ยล ปิดปุ๊บ อาละวาดปั๊บ แปลว่า โซเชี่ยลกำหนดความบ้าคลั่งของคนได้จริง ทุกชาติกลัวเนปาลโมเดล สั่งคุมเข้มความมั่นคงทันที จากนี้ไป ความวุ่นวายจะไม่จบ ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีศูนย์รวมจิตใจ เหลือแต่ดูแลกันเอง ก็อ้อยเข้าปากเหี้ยไงล่ะ? และนี่ คือสิ่งที่เหี้ย C รอคอยมานานกว่า 93 ปี วังไทย ตียังไงก็ไม่แตก เพราะมีทศพิธราชธรรมเป็นเสาหลัก ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คือเป้าหมายของพวกมัน เงินถุงแดง ที่เก็บกันมาจนวันนี้ รู้มั้ยว่า มันมากมายมหาศาลขนาดไหน เหี้ยเลียปาก?

    ปล.ชัดเจน! เมื่อ 3 ปีก่อน ปูตินพูดชัด "ไม่ยึด แต่จะทำลายให้สิ้นซาก" คราวนั้นหลายคนเข้าใจว่ายูเครน แต่วันนี้ ถึงบางอ้อ ปูตินหมายหัว "ยุโรปจ๊ะ" เพราะเนื้อแท้แล้ว เพราะมีพวกมรึง ก็จะมียูเครน 2..3..4 ไม่สิ้นสุด แล้วทำไม ไม่จัดการที่ต้นตอเลยล่ะ แผนถึงถูกออกแบบมาเพื่อดันเบลารุสขึ้นแท่นหัวหมู่ทะลวงฟัน ISKANDER ใช่ว่าจะให้ใครไปง่ายๆ หากไม่มั่นใจ และซี๊ปึกกันจริง วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ WAGNER อยู่กันเต็มแผ่นดินอีโปล ตามพรมแดนเพี๊ยบ เพื่อเปิดทาง ปูทางให้ กองทัพ Z ดาหน้าเข้ายึดยุโรปในไม่ช้านี้ จับตาให้ดีดี ปูติน เคยพูดอะไรไว้ แล้วทำได้จริงเสมอ อีโง่ยุโรป ดิ้นให้ตาย หมาก็ไม่แล เหี้ยวอชิงตัน มันถูกปูตินสะกดไว้แล้วที่อลาสก้า "อย่าเสือก" ยุ่งเมื่อไหร่ ถึงวอชิงตันแน่ มรึงกล้าวัดมั้ยล่ะ? เมื่อรัสเซียบุกยึดยุโรป แล้วโลกอาหรับ บุกขยี้เยรูซาเล็ม เป็นจังหวะเดียวที่จีนจะดาหน้าปูพรมยึดไต้หวัน ถามว่า อะไรจะเกิดขึ้น? อเมริกาจะไม่เสือกเพราะถังแตก และรอดูผลลัพธ์ กูไม่ต้องเหนื่อย มีคนขยี้อียิวและยุดรปให้กูฟรีๆ แต่ช้าก่อน เค้าอ่านมรึงทะลุ สุดท้ายมรึงก็ต้องมาเอี่ยวอยู่ดี เพราะเค้าจ้องหลังบ้านมรึงแล้วไงล่ะ ทันที ที่วอชิงตันแตก มันคือโอกาสทองที่ปูตินจะเข้ายึดอลาสก้า ดินแดนที่เป็นของรัสเซียเก่า โดยอ้างว่ายังมีชาวพื้นเมืองรัสเซียอยู่ที่นั่น ต้องการแยกตัวกลับบ้าน แผนนี้จะใช้เมื่อเหี้ยไม่ตกลงยอมขายแต่โดยดี สงครามไม่ต้องการเหตุผล ทุกอย่างวัดกันที่ปากกระบอกปืน ใครใหญ่กว่าก็งาบไปแดร๊ก โลกเรียนรู้จากสิ่งนี้มาเป็น 1000 ปีแล้ว สงครามจะกระจายไปทั่วโลก แต่จะไม่บ้าคลั่งเท่า WWII จะไม่มีการใช้นุ๊กจริง ใช้แค่มินิคุ๊กกี้ ตามพื้นที่จำเพาะแต่ละเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความวินาศฉิบหายทั้งโลก ไอ้สัส! แค่มินิคุ๊กกี้ ก็อ่วมแล้วน่ะมรึง เพราะขนาดความเสียหาย มันแรงกว่าที่ฮิโรชิม่า นางาซากิ ซะอีก แค่มลพิษน้อยกว่าเท่านั้นเอง แต่อาวุธร้ายรัสเซีย ไม่ใช่แบบนั้น มันจ้องทำลายโสตประสาทของมนุษย์ พิการทั้งกองทัพ แบบที่ทหารอเมริกันโดนมาแล้วหลายพันตัว อยากรู้ให้ไปถามที่สวนสัตว์มอสโคว์

    หมี CNN(อะไรน่ะ อียิวเตรียมใช้เสียงเลเซอร์ยิงสกัดไฮเปอร์โซนิค อ๋อเหรอ? มีเท่าไหร่กันล่ะ ยิงได้จริงเหรอ รัศมีทำการแค่ไหน อะไรที่มรึงมี รัสเซีย จีน อิหร่าน แม้แต่โสมแดงก็มี ไอ้ควาย? ทำไม หน่วยข่าวกรองเค้าจะไม่รู้ ว่ามรึงมีของเหี้ยอะไรอีก ระยะคือข้อจำกัดของเลเซอร์ยิว ระบบดาวเทียมนำร่องสั่งการ คือคีย์ของการทำงานทั้งระบบ แค่จัดสัญญาน GPS มรึง คือจบทันที และหากจะล่อจริง เค้าใช้ ไฮเปอร์โซนิค15 มัคขึ้นไป มรึงยิงยังไงก็ไม่ทัน เพราะมันมีปล่อยลูกหลอกด้วยไงล่ะ มรึงมีปัญญายิงพร้อมกัน 5 เป้าหมายมั้ยล่ะ? จุดอ่อนเพี๊ยบ มันใช้ได้กับโดรน เพื่อกวาด แต่ใช้กับไฮเปอร์โซนิคจริงยาก เค้าคำนวณกันมาก่อนแล้ว ไอ้ควาย)
    19 กันยายน 68
    09.30 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    19-09-68/01 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP35 (มาตามนัด) ปิดด่าน สำคัญกว่าที่คิด สกัดเงินฟอก สกัดเงินมืด มีเงินแต่เอาไปใช้ไม่ได้ ที่ผ่านมา มันเอามาฟอกที่ไทยเนี่ยแหละ เงินบาทไทยสดสด ที่อีขะแมร์ต้องการ ขนทองคำไปส่งขะแมร์ แผนลับตั้งแต่อีแม่กะบังลมสั่ง ในที่สุด ตัวการใหญ่ก็อยู่ไม่ได้โผล่ ส่งทั้งกระเช้าดอกไม้ บอกนัยยะ อำนาจมันอยู่ไม่นานดอกน่ะ ออกหน้าสั่งการพรรค เพราะอีผัวเหี้ยหมดสภาพไปแล้ว นอนกระดิกตรีนในคุกคลองเปรม อีลูกส่ายหัว ไม่มีใครกล้ามาเป็นเหยื่อให้อีพ่อแล้ว ตายยกโคตร วันนี้ เสื้อแดงรู้เช่นเห็นชาติแล้ว เลวกว่า เหี้ยกว่า ระยำสลัดหมากว่าอีเหลี่ยม มีเพียงตัวเดียว นั่นคือ "อีกะบังลม" เงินที่โกงแผ่นดินทั้งหมดอยู่ที่มัน โยกย้ายไปตามหมู่เกาะแคริบเบี้ยน อีโง่ยุโรป หมดท่า กลายร่างเป็นหมาบ้าแล้ว! ไล่งับทั้ง BRICS รัสเซีย อีแขก อ้าว..เว้นจีนไว้ทำไมล่ะจ๊ะ? อ๋อ..จะเสี้ยมจีนให้แตกเหรอ เหี้ยมะกันจะดึงรัสเซีย แยกจากจีนยังทำไม่ได้ แล้วไอ้โง่อย่างมรึงที่สติปัญญา IQ 18 จะมาหลอกจีน IQ 180 เนี่ยน่ะ ควายจ๋า..ไปแดร๊กหญ้าให้อิ่มเหอะ พรุ่งนี้ก็โดนเชือดแล้ว มันต้องการอะไร ก่อนจะริท้าสู่ขั้วใหม่ ช่วยแหกตาดูด้วยว่า วันนี้ มรึงเองยังต้องแบมือขอพลังงานรัสเซีย แบมือขอโลจิสติคจากจีน แบมือขอตลาดจากอาหรับ แล้วมรึงคลั่งจนลืมสิ่งที่จำเป็นต้องมี นั่นคือ "การคลัง" EURO อ่อนค่า พิมพ์แบงค์มั่วซั่วตามอีวอชิงตัน ทองคำจะเอาจากไหนล่ะ รัสเซียผูกสัมปทานในแอฟริกาสิ้น จะขอใคร เปลี่ยนปุ๊บ ออกสื่อปั๊บ! อะไรน่ะ? กูหูไม่ฟาดชิมิ? ภาค 1 ขู่ขะแมร์โว๊ย? อย่ายั่วยุ ใช้กฎหมายไทยบังคับคดีทั้งหมด เข้ามาเหยียบก็แผ่นดินกู ใช้กฎหมายกู พอเอาจริง ม็อบตอแหลวงแตกทันที ถูกจับไปขังคุกไม่ต้องรอนาน แล้วทำไม? มรึงไม่ทำตั้งแต่แรกล่ะ? คำตอบคือ บ่อนคือต้นเหตุ ส่วยเดือนล่ะ 100 ล้านคือสาเหตุ แหล่งฟอกเงินคือหม้อข้าวของบรรดา BIG เขียวขายชาติ ชัดพอมั้ย? แต่ตอนนี้ เกิดการปฎิวัติเงียบ ระดับนายพัน จับกลุ่มขู่นายพล นายจ๊ะ อันนี้อธิปไตยของชาติน่ะ นายอย่าแตะ เดี๋ยวพวกผมเอาจริง! (เสียงในฟิล์มจากชายแแดน) มรึงถึงได้เห็นภาพวันนี้ไง กูบอกให้รู้ไว้ ใหญ่แค่ไหน แค่วังสั่งคำเดียว หัวหลุดทั้งยวงบูรพาสุนัข บูรพาพยัคฆ์ของจริงมีเยอะ แต่ถูกบูรพาสุนัขคาบไปแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนหัวเหี้ยแล้วจ๊ะ ส่งสัญญาน เอาโต๊ะลุงตู่กลับมาใช้ต่อในทำเนียบ หันทิศทางเดียวกัน จะบอกอะไรรึจ๊ะ? บ้างก็อ้าง โต๊ะที่บ้านใหญ่ หรู ไม่เข้ากับสไตล์ห้อง เดี๋ยวผิดสังเกตุ แค่ 4 เดือน จะทำอะไรให้หมั่นไส้มากไม่ดี สร้างภาพสิจ๊ะ อยู่ให้คนเค้ารัก ไปให้คนเค้าคิดถึง อีเพ่นู๋ มันอยู่เป็น ไม่งั้นคงไม่มีวาสนาขึ้นแท่นบังลังก์เมฆดอก ขนาดอีลุงป้อมรอคอยมาทั้งชีวิต ยังไม่ได้เป็น กระแสตีกลับ จนป่านนี้ ยังตั้งครม.ไม่ได้ ติดเรื่องคุณสมบัติ เพราะมีแต่เหี้ยไปจัญไรมา สภาพแค่เอาตัวรอดไปวันวัน จะเอา จะเอา แต่ไม่มีใครคิดถึงเรื่องของชาติ ปากท้องประชาชนก่อน นี่ไง "นักการเมือง" อีส้มเน่ามั่น งวดหน้ากูแลนด์สไลด์หนักกว่านี้แน่ อ๋อ..เหรอ หายไป 70% น่ะสิ เดี๋ยวรู้กัน ฮาแตก! อีฮุน จอมตอแหล สร้างภาพตลอด จีนหนุน จีนให้อภัย จีนเปิดทางเดินให้ต่อ แต่ของจริง จีนไม่เปิดระบบยิงขีปนาวุธให้อีขะแมร์มาทำร้ายไทย จีนไม่สร้างอะไรเพิ่มทั้งนั้น จีนถอนการลงทุนออกมา จีนห้ามนักท่องเที่ยวไปขะแมร์ นี่เหรอ ที่เค้าเรียกว่าหนุน เสพสื่อ ให้ดูของจริง อย่าเชื่อแค่เค้าเล่าอ้าง? สติทำให้ฉลาด เพราะคิดขัดแย้งไว้ก่อน จะได้คำตอบ ตั้งคำถามก่อน จะได้คำตอบ อย่าเชื่อ ให้ใช้ปัญญา ว่าข้อเท็จจริงคือ สื่อเล่าอ้างคือ กองทัพไทย เริ่มลงมือปิดกั้นทุกทางเชื่อมไทย-ขะแมร์ ส่งสัญญาน งานนี้ กูเอามรึงถึงตายคาตรีน พนมเปญแค่ขนมกรุบ ฝั่งโลกอาหรับก็ไม่เบา MBS ล่าสุดจับมือปากีฯ เซ็นต์ควมร่วมมือแผนความมั่นคง แปลว่าอะไร? อียิวจะโดนหนักไงล่ะ? ดอกนี้ ปากีขอมา กูจะเอาคืนมรึง ที่ไปหนุนอีแขกมารุกรานกูก่อน รออิมราน ข่านขึ้นแท่นเมื่อไหร่ กูบอกเลย ประกาศศักดาแน่ QATAR เจ็บแค้น ทั้งอียิว เหี้ยมะกัน ส่งผลให้ ราชวงศ์ในอาหรับ ลงมติเชือดอียิวแบบไม่ให้เหลือซาก อิหร่านมาเต็ม ต้องถามแบบนี้ว่า ยังจะเหลือใครที่เอาอียิวล่ะ ขนาดอีจอร์แดง ขี้ข้าชั้นสวะ ที่อะไรก็แล้วแต่นายใหญ่ ยังฉี่แตก เค้าลงขันมุสลิมปาร์ตี้อียิวโดยตรงแล้ว คนย้ายออกจากเยรูซาเล็มแล้ว รู้ตัวแล้ว อิหร่านนำทัพ เตรียมยกพลขึ้นบก ไม่ต้องถามน่ะ ยังจะเหลือเหี้ยยิวรอต้อนรับอีกมั้ย? เวรกรรมทันตาเห็น อีเศษฝรั่ง บ้านเมืองลุกเป็นไฟแล้ว ขนส่งปิด รถสาธารณะปิด รถไม่วิ่ง ร้านค้าปิด ธนาคารไม่มีคน มันหายไปไหนกันหมดล่ะ? ลงถนนกันหมดทั้งแผ่นดินแล้ว กูว่าแล้ว สุดท้าย ปากท้องชาวบ้าน คือสิ่งที่อันตรายที่สุด จีน รัสเซีย มองเห็น แต่มรึงมันโง่ไงล่ะ อีมาครง งานนี้เอาถึง "กิโยติน" เลยน่ะ ย้อนภาพประวัติศาสตร์กลับมาทันที เมื่องานไม่มี ไร้บ้าน อาหารไม่พอ ข้าวยาก หมากแพง ชีวิตอยู่ไปวันวัน ใครล่ะ ที่ทำให้มรึงจนตรอก "ประชาธิปไตย" ที่มรึงเลือกกันเองไงล่ะ มันช่วยให้มรึงหายอิ่มมั้ย มีแต่จะเอาสงครามท่าเดียว ตามใบสั่งนายจ้าง แดร๊กเข้าไปสิ ยุโรปสิ้นแล้ววันนี้ VISA น่ะเหรอ? ให้เข้าฟรี ยังไม่เอาเลย มีแต่โจรกับโจร มอ 144 มาเต็มตรีน ไวฟ้าผ่า โยกเงินเหรอ เงิน 10000 เหรอ เดี๋ยวตามด้วยชั้น 14 มาตามสเตป ไล่เบี้ยขี้ข้าหมารับใช้ทุกองค์กร ทุกไอ้อี อย่าคิดว่ายุบสภา แล้วจบน่ะ เปลี่ยนรัฐบาลแล้วปล้วกันไปน่ะ คำฟ้อง อยู่ที่ศาลยังมีครบทุกข้อหา เป้าแท้จริงคือ ล้างบางพรรคขายชาติให้สิ้นซาก ทั้งอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน และบรรดาพรรคตัวปลากรอบทั้งหลาย โดนหมดจ๊ะ พายเรือให้โจรนั่ง เซ็นต์ MOU43/44 ของเก่าก็โดน เพราะมันเป็นผลพ่วงมาจนถึงปัจจุบัน มรึงดู ทุกความระยำอัปรีย์จัญไรของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย มันมาผูกปมเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด แม้แต่คดีผีน้องโม สีเทา สีดำ มีเอี่ยวหมด ที่ศาลใจเย็น เพราะมันผูกกันทั้ง 3 ศาลไงล่ะ จับมัดเผาทีเดียว! มรึงดูความอดอยากของคนสิ? อีปารี แจกไก่ทอด เป็นเหตุชุลมุนกลายเป็นเรื่องใหญ่ นี่มัน "โกลาหล" ดูเปลือกภายนอก คือวัยรุ่นตามอินฟลูเอนเซอร์ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว แค่ร้านไทยเปิดใหม่โปรโมต แจกฟรี ข้าวหน้าไก่ทอด 1000 ชุด มรึงถึงกับต้องแย่งกันอย่างกะหมา มันใช่เหรอ? แล้วไอ้หน่วยควบคุมมาได้ยังไง เร็วปร๊ีด! ทุกอย่างคือการจัดฉาก ไม่ต้องถามว่าฝ่ายการเมืองเล่นเหี้ยอาไยอีก? มรึงเลือกตั้งใหม่ ยุบสภา กันให้ตาย เลือกกี่รอบก็เหมือนเดิม เพราะนายทุนใหญ่ใครล่ะ? ทำไมต้องเป็นร้านอาหารไทย? หากเป็นร้านอื่นจะไวปานนี้มั้ย? อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กน้อย คนเริ่มแค่ไม่กี่คน สร้างปัญหาเป็นข่าวไปทั่วโลกได้ ด้วยเงินลงทุนนิดหน่อย เข้าใจเล่นน่ะมรึง? ร้านก็ดังไปเลย สื่อก็ได้ตีข่าว เจ้าหน้าที่ได้ออกแรง ส่งสัญญานซ้อมกันไว้ก่อนสิน่ะ ก่อนจะแตกจริง เพราะชาวปารี คือนักปฎิวัติอยู่แล้ว เนปาลโมเดล ไฟไหม้ฟางซะงั้น? อ้าวทำไมล่ะ? เพราะมันของปลอมไงล่ะ ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้นมา ตามใบสั่ง เหตุผลเดียวคือเปลี่ยนรัฐบาล ไอ้ที่มีอยู่ก่อน คืออิงขั้วใหม่ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย เมื่อมรึงตีตัวห่าง กูก็ต้องส่ง เหี้ย C ไปเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำกันมาเป็นศตวรรษ ชาวบ้านถูกปั่นหัว ใครให้มรึงแตะโซเชี่ยล ปิดปุ๊บ อาละวาดปั๊บ แปลว่า โซเชี่ยลกำหนดความบ้าคลั่งของคนได้จริง ทุกชาติกลัวเนปาลโมเดล สั่งคุมเข้มความมั่นคงทันที จากนี้ไป ความวุ่นวายจะไม่จบ ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีศูนย์รวมจิตใจ เหลือแต่ดูแลกันเอง ก็อ้อยเข้าปากเหี้ยไงล่ะ? และนี่ คือสิ่งที่เหี้ย C รอคอยมานานกว่า 93 ปี วังไทย ตียังไงก็ไม่แตก เพราะมีทศพิธราชธรรมเป็นเสาหลัก ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คือเป้าหมายของพวกมัน เงินถุงแดง ที่เก็บกันมาจนวันนี้ รู้มั้ยว่า มันมากมายมหาศาลขนาดไหน เหี้ยเลียปาก? ปล.ชัดเจน! เมื่อ 3 ปีก่อน ปูตินพูดชัด "ไม่ยึด แต่จะทำลายให้สิ้นซาก" คราวนั้นหลายคนเข้าใจว่ายูเครน แต่วันนี้ ถึงบางอ้อ ปูตินหมายหัว "ยุโรปจ๊ะ" เพราะเนื้อแท้แล้ว เพราะมีพวกมรึง ก็จะมียูเครน 2..3..4 ไม่สิ้นสุด แล้วทำไม ไม่จัดการที่ต้นตอเลยล่ะ แผนถึงถูกออกแบบมาเพื่อดันเบลารุสขึ้นแท่นหัวหมู่ทะลวงฟัน ISKANDER ใช่ว่าจะให้ใครไปง่ายๆ หากไม่มั่นใจ และซี๊ปึกกันจริง วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ WAGNER อยู่กันเต็มแผ่นดินอีโปล ตามพรมแดนเพี๊ยบ เพื่อเปิดทาง ปูทางให้ กองทัพ Z ดาหน้าเข้ายึดยุโรปในไม่ช้านี้ จับตาให้ดีดี ปูติน เคยพูดอะไรไว้ แล้วทำได้จริงเสมอ อีโง่ยุโรป ดิ้นให้ตาย หมาก็ไม่แล เหี้ยวอชิงตัน มันถูกปูตินสะกดไว้แล้วที่อลาสก้า "อย่าเสือก" ยุ่งเมื่อไหร่ ถึงวอชิงตันแน่ มรึงกล้าวัดมั้ยล่ะ? เมื่อรัสเซียบุกยึดยุโรป แล้วโลกอาหรับ บุกขยี้เยรูซาเล็ม เป็นจังหวะเดียวที่จีนจะดาหน้าปูพรมยึดไต้หวัน ถามว่า อะไรจะเกิดขึ้น? อเมริกาจะไม่เสือกเพราะถังแตก และรอดูผลลัพธ์ กูไม่ต้องเหนื่อย มีคนขยี้อียิวและยุดรปให้กูฟรีๆ แต่ช้าก่อน เค้าอ่านมรึงทะลุ สุดท้ายมรึงก็ต้องมาเอี่ยวอยู่ดี เพราะเค้าจ้องหลังบ้านมรึงแล้วไงล่ะ ทันที ที่วอชิงตันแตก มันคือโอกาสทองที่ปูตินจะเข้ายึดอลาสก้า ดินแดนที่เป็นของรัสเซียเก่า โดยอ้างว่ายังมีชาวพื้นเมืองรัสเซียอยู่ที่นั่น ต้องการแยกตัวกลับบ้าน แผนนี้จะใช้เมื่อเหี้ยไม่ตกลงยอมขายแต่โดยดี สงครามไม่ต้องการเหตุผล ทุกอย่างวัดกันที่ปากกระบอกปืน ใครใหญ่กว่าก็งาบไปแดร๊ก โลกเรียนรู้จากสิ่งนี้มาเป็น 1000 ปีแล้ว สงครามจะกระจายไปทั่วโลก แต่จะไม่บ้าคลั่งเท่า WWII จะไม่มีการใช้นุ๊กจริง ใช้แค่มินิคุ๊กกี้ ตามพื้นที่จำเพาะแต่ละเป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงความวินาศฉิบหายทั้งโลก ไอ้สัส! แค่มินิคุ๊กกี้ ก็อ่วมแล้วน่ะมรึง เพราะขนาดความเสียหาย มันแรงกว่าที่ฮิโรชิม่า นางาซากิ ซะอีก แค่มลพิษน้อยกว่าเท่านั้นเอง แต่อาวุธร้ายรัสเซีย ไม่ใช่แบบนั้น มันจ้องทำลายโสตประสาทของมนุษย์ พิการทั้งกองทัพ แบบที่ทหารอเมริกันโดนมาแล้วหลายพันตัว อยากรู้ให้ไปถามที่สวนสัตว์มอสโคว์ หมี CNN(อะไรน่ะ อียิวเตรียมใช้เสียงเลเซอร์ยิงสกัดไฮเปอร์โซนิค อ๋อเหรอ? มีเท่าไหร่กันล่ะ ยิงได้จริงเหรอ รัศมีทำการแค่ไหน อะไรที่มรึงมี รัสเซีย จีน อิหร่าน แม้แต่โสมแดงก็มี ไอ้ควาย? ทำไม หน่วยข่าวกรองเค้าจะไม่รู้ ว่ามรึงมีของเหี้ยอะไรอีก ระยะคือข้อจำกัดของเลเซอร์ยิว ระบบดาวเทียมนำร่องสั่งการ คือคีย์ของการทำงานทั้งระบบ แค่จัดสัญญาน GPS มรึง คือจบทันที และหากจะล่อจริง เค้าใช้ ไฮเปอร์โซนิค15 มัคขึ้นไป มรึงยิงยังไงก็ไม่ทัน เพราะมันมีปล่อยลูกหลอกด้วยไงล่ะ มรึงมีปัญญายิงพร้อมกัน 5 เป้าหมายมั้ยล่ะ? จุดอ่อนเพี๊ยบ มันใช้ได้กับโดรน เพื่อกวาด แต่ใช้กับไฮเปอร์โซนิคจริงยาก เค้าคำนวณกันมาก่อนแล้ว ไอ้ควาย) 19 กันยายน 68 09.30 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    1 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute

    ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

    โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI

    นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์

    Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia
    เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร
    ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน

    สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton
    เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027
    รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW

    เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads
    OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว
    ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร
    สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell
    เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก

    ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
    สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง
    สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ

    https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    📰 Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์ ✅ Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia ➡️ เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ➡️ ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน ✅ สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton ➡️ เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 ➡️ รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW ✅ เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads ➡️ OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว ➡️ ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ ✅ Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร ➡️ สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell ➡️ เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก ✅ ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ➡️ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง ➡️ สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • xAI เร่งสร้างโรงงาน AI พลังงานก๊าซ — เดินหน้าสู่เป้าหมาย 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัวใน Colossus Supercomputer

    บริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วในการสร้างโรงงาน AI ขนาดมหึมาที่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ โดยล่าสุดมีการติดตั้งหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 460 เมกะวัตต์ ทั้งในเมือง Memphis รัฐเทนเนสซี และ Southaven รัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งถือเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 กิกะวัตต์ที่ Musk ตั้งไว้สำหรับ “AI factory”

    ในฝั่ง Memphis xAI ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งกังหันก๊าซ 15 ตัวที่ไซต์ Paul R. Lowry Road หลังจากมีข้อถกเถียงกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ขณะที่ใน Southaven บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซเก่าจาก Duke Energy และได้รับอนุญาตให้ใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้กังหัน Titan 350 ที่ให้กำลังมากกว่า 35 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง

    เมื่อรวมกันแล้ว ระบบผลิตไฟฟ้าของ xAI สามารถรองรับ GPU ระดับ Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของ Colossus Supercomputer ที่ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยมีแผนจะขยายไปถึง 1 ล้าน GPU ภายในปี 2026

    การเลือกใช้กังหันแบบ containerized เช่น SMT-130 และ Titan 350 ช่วยให้ xAI สามารถติดตั้งได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งมักใช้เวลาหลายปี นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Microsoft และ Amazon ที่ยังทดลองระบบ onsite เพียง 100–200 เมกะวัตต์เท่านั้น

    xAI สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซเพื่อรองรับโรงงาน AI ขนาดใหญ่
    ติดตั้งแล้วหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 460 เมกะวัตต์
    ตั้งเป้า 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัว

    ใช้กังหัน SMT-130 และ Titan 350 สำหรับการผลิตไฟฟ้า
    SMT-130 ให้กำลัง ~16MW / Titan 350 มากกว่า 35MW
    ติดตั้งแบบ containerized เพื่อความรวดเร็ว

    มีการติดตั้งในสองรัฐคือ Tennessee และ Mississippi
    Memphis: ได้รับอนุญาตติดตั้งกังหัน 15 ตัว
    Southaven: ซื้อโรงไฟฟ้าเก่าจาก Duke Energy พร้อมใบอนุญาตชั่วคราว

    รองรับการใช้งาน GPU Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว
    เทียบเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก
    ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่

    กลยุทธ์พลังงานของ xAI แตกต่างจากบริษัทอื่น
    Microsoft และ Amazon ยังอยู่ที่ระดับ 100–200MW
    xAI เลือกใช้พลังงานก๊าซเพื่อหลีกเลี่ยงการรอเชื่อมต่อกับโครงข่าย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/xai-pushes-power-strategy-towards-1gw-ai-factory
    📰 xAI เร่งสร้างโรงงาน AI พลังงานก๊าซ — เดินหน้าสู่เป้าหมาย 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัวใน Colossus Supercomputer บริษัท xAI ของ Elon Musk กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็วในการสร้างโรงงาน AI ขนาดมหึมาที่ใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ โดยล่าสุดมีการติดตั้งหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 460 เมกะวัตต์ ทั้งในเมือง Memphis รัฐเทนเนสซี และ Southaven รัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งถือเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 1 กิกะวัตต์ที่ Musk ตั้งไว้สำหรับ “AI factory” ในฝั่ง Memphis xAI ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งกังหันก๊าซ 15 ตัวที่ไซต์ Paul R. Lowry Road หลังจากมีข้อถกเถียงกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ขณะที่ใน Southaven บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซเก่าจาก Duke Energy และได้รับอนุญาตให้ใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้กังหัน Titan 350 ที่ให้กำลังมากกว่า 35 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง เมื่อรวมกันแล้ว ระบบผลิตไฟฟ้าของ xAI สามารถรองรับ GPU ระดับ Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของ Colossus Supercomputer ที่ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยมีแผนจะขยายไปถึง 1 ล้าน GPU ภายในปี 2026 การเลือกใช้กังหันแบบ containerized เช่น SMT-130 และ Titan 350 ช่วยให้ xAI สามารถติดตั้งได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าหลัก ซึ่งมักใช้เวลาหลายปี นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่แตกต่างจาก Microsoft และ Amazon ที่ยังทดลองระบบ onsite เพียง 100–200 เมกะวัตต์เท่านั้น ✅ xAI สร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซเพื่อรองรับโรงงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ ติดตั้งแล้วหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 460 เมกะวัตต์ ➡️ ตั้งเป้า 1 กิกะวัตต์เพื่อรองรับ GPU กว่า 1 ล้านตัว ✅ ใช้กังหัน SMT-130 และ Titan 350 สำหรับการผลิตไฟฟ้า ➡️ SMT-130 ให้กำลัง ~16MW / Titan 350 มากกว่า 35MW ➡️ ติดตั้งแบบ containerized เพื่อความรวดเร็ว ✅ มีการติดตั้งในสองรัฐคือ Tennessee และ Mississippi ➡️ Memphis: ได้รับอนุญาตติดตั้งกังหัน 15 ตัว ➡️ Southaven: ซื้อโรงไฟฟ้าเก่าจาก Duke Energy พร้อมใบอนุญาตชั่วคราว ✅ รองรับการใช้งาน GPU Nvidia GB200 NVL72 ได้มากถึง 200,000 ตัว ➡️ เทียบเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก ➡️ ใช้ฝึกโมเดล Grok และระบบ AI ขนาดใหญ่ ✅ กลยุทธ์พลังงานของ xAI แตกต่างจากบริษัทอื่น ➡️ Microsoft และ Amazon ยังอยู่ที่ระดับ 100–200MW ➡️ xAI เลือกใช้พลังงานก๊าซเพื่อหลีกเลี่ยงการรอเชื่อมต่อกับโครงข่าย https://www.tomshardware.com/tech-industry/xai-pushes-power-strategy-towards-1gw-ai-factory
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    xAI's new gas turbine facility gets halfway to Elon Musk's 1-gigawatt 'AI factory' goal
    Permits and turbine orders point to half a gigawatt of on-site generation as xAI accelerates its Mississippi build.
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก

    Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ

    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์

    Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

    การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม

    Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ

    Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน
    พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต
    ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว

    เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า
    ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า

    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด
    ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง
    ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ

    การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา
    เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์
    สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์

    Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้
    3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง
    ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล

    มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ
    เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก
    ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    📰 Microsoft เปิดตัว Fairwater — ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อม GPU นับแสนและระบบไฟเบอร์พันรอบโลก Microsoft ประกาศเปิดตัว “Fairwater” ดาต้าเซ็นเตอร์ AI ขนาดมหึมาในเมือง Mount Pleasant รัฐวิสคอนซิน ซึ่งจะเริ่มใช้งานในต้นปี 2026 โดยถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกและรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ระดับโลก ด้วยพื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ และอาคารรวมกว่า 1.2 ล้านตารางฟุต Fairwater จะบรรจุ GPU รุ่นใหม่ของ Nvidia ได้แก่ GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว เชื่อมต่อกันด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพอจะพันรอบโลกได้ถึง 4.5 รอบ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ระบุว่า Fairwater จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบันถึง 10 เท่า โดยเปรียบเทียบกับ Colossus ของ xAI ที่ใช้ GPU กว่า 200,000 ตัวและพลังงาน 300 เมกะวัตต์ Fairwater ยังใช้ระบบระบายความร้อนแบบวงจรปิดด้วยน้ำ ซึ่ง Microsoft อ้างว่าจะไม่มีการสูญเสียน้ำเลย โดยใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำร้อนกลับมาระบายความร้อนให้ GPU อีกครั้ง ถือเป็นโรงงานระบายความร้อนด้วยน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การก่อสร้างใช้โครงสร้างขนาดมหึมา เช่น เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ สายไฟใต้ดินแรงดันกลาง 120 ไมล์ และท่อกลไก 72.6 ไมล์ โดยระบบจัดเก็บข้อมูลมีขนาดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอล 5 สนาม Microsoft ยังประกาศว่าจะสร้าง Fairwater อีกหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ และลงทุนเพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในโครงการที่สอง พร้อมทั้งติดตั้งโซลาร์ฟาร์มขนาด 250 เมกะวัตต์เพื่อชดเชยการใช้พลังงานจากฟอสซิล และป้องกันผลกระทบต่อค่าไฟของชุมชนโดยรอบ ✅ Microsoft เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ AI “Fairwater” ที่วิสคอนซิน ➡️ พื้นที่ 315 เอเคอร์ อาคารรวม 1.2 ล้านตารางฟุต ➡️ ใช้ GPU Nvidia GB200 และ GB300 จำนวนหลายแสนตัว ✅ เชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติกที่ยาวพันรอบโลก 4.5 เท่า ➡️ ใช้ระบบเครือข่ายแบบ flat interconnect เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัจจุบันถึง 10 เท่า ✅ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำแบบวงจรปิด ➡️ ไม่มีการสูญเสียน้ำหลังการติดตั้ง ➡️ ใช้พัดลมขนาด 20 ฟุตจำนวน 172 ตัวในการหมุนเวียนน้ำ ✅ การก่อสร้างใช้วัสดุและโครงสร้างขนาดมหึมา ➡️ เสาเข็มลึก 46.6 ไมล์ / เหล็กโครงสร้าง 26.5 ล้านปอนด์ ➡️ สายไฟใต้ดิน 120 ไมล์ / ท่อกลไก 72.6 ไมล์ ✅ Microsoft ลงทุนรวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ ➡️ 3.3 พันล้านสำหรับ Fairwater แรก และอีก 4 พันล้านสำหรับแห่งที่สอง ➡️ ติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 250 MW เพื่อชดเชยพลังงานฟอสซิล ✅ มีแผนสร้าง Fairwater เพิ่มในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ➡️ เพื่อรองรับการเติบโตของ AI และเชื่อมต่อกับ Microsoft Cloud ทั่วโลก ➡️ ใช้สำหรับงาน AI เช่น Copilot, OpenAI และโมเดลขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-announces-worlds-most-powerful-ai-data-center-315-acre-site-to-house-hundreds-of-thousands-of-nvidia-gpus-and-enough-fiber-to-circle-the-earth-4-5-times
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • Valve เตรียมหยุดสนับสนุน Steam บน Windows 32-bit ในปี 2026 — ยุติยุคเก่าเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ที่ต้องการระบบ 64-bit

    หลังจากให้บริการมายาวนานกว่า 20 ปี Valve ประกาศว่าจะหยุดสนับสนุน Steam บนระบบปฏิบัติการ Windows แบบ 32-bit อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026 โดยเหตุผลหลักคือระบบ 32-bit ไม่สามารถรองรับไลบรารีและไดรเวอร์ใหม่ที่จำเป็นต่อฟีเจอร์หลักของ Steam ได้อีกต่อไป

    แม้ตัว Steam client และเกมจำนวนมากยังคงเป็นแอปพลิเคชันแบบ 32-bit แต่การหยุดสนับสนุนนี้จะมีผลเฉพาะกับ “ระบบปฏิบัติการ” 32-bit เท่านั้น ไม่กระทบต่อการเล่นเกม 32-bit บน Windows 64-bit แต่อย่างใด โดยปัจจุบัน Windows 10 32-bit เป็นเวอร์ชันเดียวที่ Steam ยังรองรับ และมีผู้ใช้งานเพียง 0.01% ตามผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ในเดือนสิงหาคม 2025

    Valve ระบุว่า หลังจากวันที่ประกาศ Steam บน Windows 32-bit จะยังสามารถเปิดใช้งานได้ในระยะสั้น แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ รวมถึงการอัปเดตด้านความปลอดภัย และจะไม่มีการให้การสนับสนุนทางเทคนิคอีกต่อไป พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 64-bit เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ต่อเนื่อง

    การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่หันไปพัฒนาเฉพาะสำหรับระบบ 64-bit เช่นเดียวกับที่ Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน Windows 10 ในเร็ว ๆ นี้ และ Windows 11 ก็มีเฉพาะเวอร์ชัน 64-bit เท่านั้น

    Valve จะหยุดสนับสนุน Steam บน Windows 32-bit ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2026
    มีผลเฉพาะกับระบบปฏิบัติการ ไม่กระทบเกมหรือแอป 32-bit บน Windows 64-bit
    Windows 10 32-bit เป็นเวอร์ชันเดียวที่ยังรองรับ และมีผู้ใช้งานเพียง 0.01%

    เหตุผลหลักคือข้อจำกัดด้านเทคนิคของระบบ 32-bit
    ไม่สามารถรองรับไดรเวอร์และไลบรารีใหม่ที่จำเป็นต่อฟีเจอร์หลักของ Steam
    การพัฒนา Steam client ต้องใช้ระบบที่รองรับการทำงานแบบ 64-bit

    Steam client บน Windows 32-bit จะยังเปิดใช้งานได้ในระยะสั้น
    แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ รวมถึงการอัปเดตความปลอดภัย
    Valve จะไม่ให้การสนับสนุนทางเทคนิคอีกต่อไป

    Valve แนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 64-bit
    เพื่อรับการอัปเดตและฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
    สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เน้นระบบ 64-bit

    Windows 11 มีเฉพาะเวอร์ชัน 64-bit และครองส่วนแบ่งมากกว่า 60%
    Steam บน Windows 10 64-bit ยังได้รับการสนับสนุนต่อไป
    ผู้ใช้ควรอัปเกรดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/valve-to-drop-steam-support-for-32-bit-windows-versions-next-year-says-its-no-longer-compatible-with-core-client-features-only-0-01-percent-of-players-actually-used-it
    📰 Valve เตรียมหยุดสนับสนุน Steam บน Windows 32-bit ในปี 2026 — ยุติยุคเก่าเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ที่ต้องการระบบ 64-bit หลังจากให้บริการมายาวนานกว่า 20 ปี Valve ประกาศว่าจะหยุดสนับสนุน Steam บนระบบปฏิบัติการ Windows แบบ 32-bit อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2026 โดยเหตุผลหลักคือระบบ 32-bit ไม่สามารถรองรับไลบรารีและไดรเวอร์ใหม่ที่จำเป็นต่อฟีเจอร์หลักของ Steam ได้อีกต่อไป แม้ตัว Steam client และเกมจำนวนมากยังคงเป็นแอปพลิเคชันแบบ 32-bit แต่การหยุดสนับสนุนนี้จะมีผลเฉพาะกับ “ระบบปฏิบัติการ” 32-bit เท่านั้น ไม่กระทบต่อการเล่นเกม 32-bit บน Windows 64-bit แต่อย่างใด โดยปัจจุบัน Windows 10 32-bit เป็นเวอร์ชันเดียวที่ Steam ยังรองรับ และมีผู้ใช้งานเพียง 0.01% ตามผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ในเดือนสิงหาคม 2025 Valve ระบุว่า หลังจากวันที่ประกาศ Steam บน Windows 32-bit จะยังสามารถเปิดใช้งานได้ในระยะสั้น แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ รวมถึงการอัปเดตด้านความปลอดภัย และจะไม่มีการให้การสนับสนุนทางเทคนิคอีกต่อไป พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 64-bit เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ต่อเนื่อง การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่หันไปพัฒนาเฉพาะสำหรับระบบ 64-bit เช่นเดียวกับที่ Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน Windows 10 ในเร็ว ๆ นี้ และ Windows 11 ก็มีเฉพาะเวอร์ชัน 64-bit เท่านั้น ✅ Valve จะหยุดสนับสนุน Steam บน Windows 32-bit ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2026 ➡️ มีผลเฉพาะกับระบบปฏิบัติการ ไม่กระทบเกมหรือแอป 32-bit บน Windows 64-bit ➡️ Windows 10 32-bit เป็นเวอร์ชันเดียวที่ยังรองรับ และมีผู้ใช้งานเพียง 0.01% ✅ เหตุผลหลักคือข้อจำกัดด้านเทคนิคของระบบ 32-bit ➡️ ไม่สามารถรองรับไดรเวอร์และไลบรารีใหม่ที่จำเป็นต่อฟีเจอร์หลักของ Steam ➡️ การพัฒนา Steam client ต้องใช้ระบบที่รองรับการทำงานแบบ 64-bit ✅ Steam client บน Windows 32-bit จะยังเปิดใช้งานได้ในระยะสั้น ➡️ แต่จะไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ รวมถึงการอัปเดตความปลอดภัย ➡️ Valve จะไม่ให้การสนับสนุนทางเทคนิคอีกต่อไป ✅ Valve แนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 64-bit ➡️ เพื่อรับการอัปเดตและฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ➡️ สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เน้นระบบ 64-bit ✅ Windows 11 มีเฉพาะเวอร์ชัน 64-bit และครองส่วนแบ่งมากกว่า 60% ➡️ Steam บน Windows 10 64-bit ยังได้รับการสนับสนุนต่อไป ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเกรดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/valve-to-drop-steam-support-for-32-bit-windows-versions-next-year-says-its-no-longer-compatible-with-core-client-features-only-0-01-percent-of-players-actually-used-it
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
More Results