• ไม่เห็นใจไม่เป็นไร! "วิญญัติ" วอนสังคมมีจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ ชี้อาการป่วย "ทักษิณ" ต้องเฝ้าระวัง
    https://www.thai-tai.tv/news/20544/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #ศาลฎีกา #แพทยสภา #ป่วยจริง #วิษณุเครืองาม #ห้องVIP #โรงพยาบาลตำรวจ #กระบวนการยุติธรรม #ชายแดนไทยกัมพูชา
    ไม่เห็นใจไม่เป็นไร! "วิญญัติ" วอนสังคมมีจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ ชี้อาการป่วย "ทักษิณ" ต้องเฝ้าระวัง https://www.thai-tai.tv/news/20544/ . #ทักษิณชินวัตร #วิญญัติชาติมนตรี #ศาลฎีกา #แพทยสภา #ป่วยจริง #วิษณุเครืองาม #ห้องVIP #โรงพยาบาลตำรวจ #กระบวนการยุติธรรม #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • “ฮุน เซน” ยืนยันทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ขณะเข้าเยี่ยมเมื่อ 21 ก.พ. 67
    แค่สวมปลอกคอใส่เฝือกผู้ป่วย เพื่อถ่ายรูปคู่กันหลอกคนไทยเท่านั้น
    “ฮุน เซน” ยืนยันทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ขณะเข้าเยี่ยมเมื่อ 21 ก.พ. 67 แค่สวมปลอกคอใส่เฝือกผู้ป่วย เพื่อถ่ายรูปคู่กันหลอกคนไทยเท่านั้น
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • ทนายวิญญํติ ยืนยัน "ทักษิณ" ป่วยจริง นอน รพ.ตร. คือ สถานที่คุมขัง
    https://www.thai-tai.tv/news/19402/
    ทนายวิญญํติ ยืนยัน "ทักษิณ" ป่วยจริง นอน รพ.ตร. คือ สถานที่คุมขัง https://www.thai-tai.tv/news/19402/
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เห็นกับตา "ทักษิณ" ไม่ป่วย แจงยิบขั้นตอนเข้าพบ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยถึงการส่งหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยืนยัน ตัวเองเป็นประจักษ์พยานที่เคยเข้าพบนายทักษิณขณะรักษาตัวในรพ.ตำรวจ ไปเยี่ยมสองครั้ง นายทักษิณไม่ได้อยู่ในอาการป่วยจริง ในห้องพักไม่มีแพทย์พยาบาลหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยคุมผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว ขั้นตอนการเข้าพบมีคนไปรับที่ชั้นใต้ดิน ขณะนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสักคน มีหลักฐานเป็นแชทข้อความนัดหมายวันเวลาเข้าพบ ลงคิวไว้ชัดเจนหมายความว่าต้องมีคนอื่นได้เข้าพบด้วย ส่วนที่นายทักษิณบอกไม่หลบหนี กลุ่มตัวเองเป็นเหมือนพระ พระกับโจรจะเชื่อใครมากกว่ากัน เชื่อนายทักษิณจะไม่ไปศาลวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ที่ออกมาอาจแค่สยบข่าว ท้ายที่สุดอาจหายไปเลยก็ได้
    เห็นกับตา "ทักษิณ" ไม่ป่วย แจงยิบขั้นตอนเข้าพบ : [THE MESSAGE] พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยถึงการส่งหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยืนยัน ตัวเองเป็นประจักษ์พยานที่เคยเข้าพบนายทักษิณขณะรักษาตัวในรพ.ตำรวจ ไปเยี่ยมสองครั้ง นายทักษิณไม่ได้อยู่ในอาการป่วยจริง ในห้องพักไม่มีแพทย์พยาบาลหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยคุมผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว ขั้นตอนการเข้าพบมีคนไปรับที่ชั้นใต้ดิน ขณะนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสักคน มีหลักฐานเป็นแชทข้อความนัดหมายวันเวลาเข้าพบ ลงคิวไว้ชัดเจนหมายความว่าต้องมีคนอื่นได้เข้าพบด้วย ส่วนที่นายทักษิณบอกไม่หลบหนี กลุ่มตัวเองเป็นเหมือนพระ พระกับโจรจะเชื่อใครมากกว่ากัน เชื่อนายทักษิณจะไม่ไปศาลวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ที่ออกมาอาจแค่สยบข่าว ท้ายที่สุดอาจหายไปเลยก็ได้
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 783 Views 35 0 Reviews
  • "ชาญชัย-สมชาย" ส่งเอกสารปมชั้น 14 เพิ่ม 29 พ.ค.ชี้ชัด "ทักษิณ" ไม่ป่วยจริง ลั่นไม่ไปศาล 13 มิ.ย.เจอหมายจับแน่
    https://www.thai-tai.tv/news/18942/
    "ชาญชัย-สมชาย" ส่งเอกสารปมชั้น 14 เพิ่ม 29 พ.ค.ชี้ชัด "ทักษิณ" ไม่ป่วยจริง ลั่นไม่ไปศาล 13 มิ.ย.เจอหมายจับแน่ https://www.thai-tai.tv/news/18942/
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • ดร.เสรี ฟาดแรง! สทร. "ป่วยจริง แต่ไม่วิกฤต" แฉขบวนการช่วยเลี่ยงคุก
    https://www.thai-tai.tv/news/18664/
    ดร.เสรี ฟาดแรง! สทร. "ป่วยจริง แต่ไม่วิกฤต" แฉขบวนการช่วยเลี่ยงคุก https://www.thai-tai.tv/news/18664/
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • “แพทองธาร” เผย “ทักษิณ” แจงศาลเอง 13 มิ.ย.นี้ ย้ำ “ป่วยจริง” มีประวัติการรักษา ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซง "คดีชั้น 14"
    https://www.thai-tai.tv/news/18648/
    “แพทองธาร” เผย “ทักษิณ” แจงศาลเอง 13 มิ.ย.นี้ ย้ำ “ป่วยจริง” มีประวัติการรักษา ลั่นไม่มีอำนาจแทรกแซง "คดีชั้น 14" https://www.thai-tai.tv/news/18648/
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • หน.เสรีรวมไทย ชี้ผลแพทยสภาฯ มัด "ทักษิณ" ไม่ป่วยวิกฤติ แฉตอนไปเยี่ยมไม่สวมชุดผู้ป่วย นั่งคุยเป็นชั่วโมง ชี้ตอนนี้เหมือนถูกนับ 9 วันที่ 13 มิ.ย.จะถูกนับ 10 ไม่มีใครช่วยได้ ส่งผลถึงรัฐบาล เพราะนายกฯ ต้องคอยฟังพ่อ แนะ "อิ๊งอิ๊งค์" ยุบสภาหรือลาออก หนีไปตั้งหลักต่างประเทศ เตรียมรับคดีผิดจริยธรรมที่เคยบอกว่าพ่อป่วยจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000043499

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    หน.เสรีรวมไทย ชี้ผลแพทยสภาฯ มัด "ทักษิณ" ไม่ป่วยวิกฤติ แฉตอนไปเยี่ยมไม่สวมชุดผู้ป่วย นั่งคุยเป็นชั่วโมง ชี้ตอนนี้เหมือนถูกนับ 9 วันที่ 13 มิ.ย.จะถูกนับ 10 ไม่มีใครช่วยได้ ส่งผลถึงรัฐบาล เพราะนายกฯ ต้องคอยฟังพ่อ แนะ "อิ๊งอิ๊งค์" ยุบสภาหรือลาออก หนีไปตั้งหลักต่างประเทศ เตรียมรับคดีผิดจริยธรรมที่เคยบอกว่าพ่อป่วยจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000043499 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 756 Views 0 Reviews
  • อิสรภาพ ‘ทักษิณ’ สั่นคลอน มติแพทยสภาทิ่มใจกลางคดี!ศาลฎีกาจ่อชี้ขาด ป่วยจริง หรือป่วยทิพย์ ใกล้ถึงเวลาต้อง “หนี” หรือ “สู้”?

    #ทักษิณอิสรภาพสั่นคลอน #มติแพทยสภา #ทักษิณป่วยทิพย์ #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    อิสรภาพ ‘ทักษิณ’ สั่นคลอน มติแพทยสภาทิ่มใจกลางคดี!ศาลฎีกาจ่อชี้ขาด ป่วยจริง หรือป่วยทิพย์ ใกล้ถึงเวลาต้อง “หนี” หรือ “สู้”? #ทักษิณอิสรภาพสั่นคลอน #มติแพทยสภา #ทักษิณป่วยทิพย์ #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Sad
    22
    1 Comments 0 Shares 1609 Views 33 0 Reviews
  • ชี้ชะตานักโทษเทวดา ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์! : คนเคาะข่าว 07-05-68
    ร่วมสนทนา
    ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #คนเคาะข่าว #นักโทษเทวดา #ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ #สิทธิผู้ต้องขัง #แพทย์กับกระบวนการยุติธรรม #ตุลย์สิทธิสมวงศ์ #วรชัยเหมะ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #กระบวนการยุติธรรมไทย #นักโทษVIP #ข่าวร้อน #thaitimes #กฎหมายไทย #การเมืองไทย
    ชี้ชะตานักโทษเทวดา ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์! : คนเคาะข่าว 07-05-68 ร่วมสนทนา ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #คนเคาะข่าว #นักโทษเทวดา #ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ #สิทธิผู้ต้องขัง #แพทย์กับกระบวนการยุติธรรม #ตุลย์สิทธิสมวงศ์ #วรชัยเหมะ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #กระบวนการยุติธรรมไทย #นักโทษVIP #ข่าวร้อน #thaitimes #กฎหมายไทย #การเมืองไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 744 Views 3 0 Reviews
  • นายกฯยันพ่อป่วยจริง ถึงขั้นผ่าตัดหนัก แต่โดนจับโป๊ะป่วยทิพย์
    .
    นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ยืนยัน “ทักษิณ” ป่วยจริง เคยเข้ารับการผ่าตัด และอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรม ชี้แม้พูดความจริงก็ยังมีคนเลือกจะไม่เชื่อ ขณะที่ รมว.สาธารณสุข-แพทยสภา ปฏิเสธข่าวพักงานแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง ยันไม่มีการแทรกแซงหรือกดดันกระบวนการภายใน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042538

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯยันพ่อป่วยจริง ถึงขั้นผ่าตัดหนัก แต่โดนจับโป๊ะป่วยทิพย์ . นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ยืนยัน “ทักษิณ” ป่วยจริง เคยเข้ารับการผ่าตัด และอยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรม ชี้แม้พูดความจริงก็ยังมีคนเลือกจะไม่เชื่อ ขณะที่ รมว.สาธารณสุข-แพทยสภา ปฏิเสธข่าวพักงานแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง ยันไม่มีการแทรกแซงหรือกดดันกระบวนการภายใน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000042538 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Angry
    Haha
    Wow
    11
    2 Comments 0 Shares 1412 Views 0 Reviews
  • ‘นายกฯ’ ยัน ‘ทักษิณ’ ป่วยจริง-เคยผ่าตัด พ้อพูดไปก็ไม่เชื่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/18530/
    ‘นายกฯ’ ยัน ‘ทักษิณ’ ป่วยจริง-เคยผ่าตัด พ้อพูดไปก็ไม่เชื่อ https://www.thai-tai.tv/news/18530/
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • 29 เมษายน 2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง อำนาจศาลยุติธรรม ใน "คดีไต่สวนชั้น 14" มีเนื้อหาดังนี้ถาม วันที่ ๓๐ เมษายน นี้ ศาลยุติธรรมจะทำอะไรกับคดีชั้น ๑๔ ของทักษิณตอบ กรมราชทัณฑ์ ได้รับหมายจากศาลให้จำคุกทักษิณ ๑ ปี วันที่ ๓๐ นั้นเป็นวันที่ศาลจะสั่งคำร้องของคุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องต่อศาลว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกจริงตามหมายศาล แม้คำร้องนี้จะไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิคุณชาญชัยก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นด้วยว่ามีมูล ศาลก็เห็นสมควรสั่งไต่สวนได้เองตามอำนาจที่มีอยู่แล้วถาม ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาผมไม่เห็นมีบทบัญญัติรองรับอำนาจไต่สวนนี้ของศาลเลยครับตอบ นี่คือปัญหากฎหมายข้อแรก ที่ศาลจะต้องอธิบาย ซึ่งผมเห็นว่าเมื่อการจำคุกทำโดยอำนาจศาล ศาลย่อมมีอำนาจตรวจสอบว่าได้มีการทำตามหมายของศาลหรือไม่ หากผิดพลาดศาลก็มีอำนาจสั่งราชทัณฑ์ให้ทำให้ถูกต้องได้เสมอถาม ในการตรวจสอบครั้งนี้ศาลจะยึดกฎหมายฉบับใดเป็นฐาน จะยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป.วิอาญา ) หรือตามกฎหมายราชทัณฑ์ครับตอบ ศาลต้องยึดทุกอย่างที่เป็นกฎหมาย ถ้ากฎหมายทั้งสองขัดแย้งกันในเรื่องใด ศาลก็ต้องวินิจฉัยเองว่ากฎหมายใดใช้บังคับได้ ดังปรากฏข้อพิจารณาไปโดยลำดับ ดังนี้ปัญหาการนับระยะเวลาคุมขังถาม นักโทษเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำ อย่างกรณีทักษิณนอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจนี้ ถ้าศาลออกหมายขัง ๑ ปี แล้วทักษิณนอนมาหกเดือนแล้ว ขอถามว่าเวลานอนป่วย ๖ เดือนนี้ เราจะนับเป็นเวลาคุมขังหรือไม่ครับคำตอบจากกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตอบ ปี ๒๕๕๐ รัฐสภาตรากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๖ ระบุไว้ว่ามาตรา ๒๔๖ เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงาานอัยการผู้บัญชําการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก(๓) ถ้ําจำเลยมีครรภ์(๔) ถ้ําจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้นในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้ และให้ศาลกำหนดให้เจ้ําพนักงานผู้มีหน้าที่ จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และรับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่งลักษณะของสถานที่อันควรตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดวิธีการควบคุมและบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของจำเลย และมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเมื่อศาลมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือมาตรการตามวรรคสาม หรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือให้ดำเนินการตามหมายจำคุกได้ ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาด้วยความตามมาตราข้างต้น การนำนักโทษไปรักษาตัวนอกเรือนจำต้องทำโดยคำสั่งศาล และจะถือระยะเวลานี้เป็นเวลาที่ถูกคุมขังไม่ได้ เพราะเป็นเพียงการทุเลาไม่บังคับตามหมายด้วยเหตุเจ็บป่วยเท่านั้นถาม หมายความว่า หาก ผบ.เรือนจำกับ รพ.ตำรวจ เห็นว่าต้องรับตัวทักษิณไว้รักษา ด้วยเหตุจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องรับไว้ให้นอนโรงพยาบาลก่อน แล้วรีบขอคำสั่งศาลให้อนุมัติและทุเลาการลงโทษใช่ไหมครับตอบ ครับ พอศาลสั่งแล้ว ทักษิณก็นอนต่อไปตามเดิม แต่การนับโทษจะหยุดนับทันที หายดีเมื่อไหร่ก็กลับเข้าเรือนจำแล้วเริ่มนับโทษที่เหลือต่อไปถาม หากถือหลักว่านักโทษติดคุก “ต้องติดจริงๆและติดให้ครบ”อย่างนี้แล้ว ในเมื่อวันนี้ทักษิณยังไม่ติดคุกเลย ศาลก็ต้องจัดการให้กลับไปติดให้ครบ ๑ ปี ใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องป่วยจริงหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นในคดีอีกต่อไปตอบ ยังไม่แน่ครับ เพราะวันนี้ยังมี พรบ.ราชทัณฑ์ ให้คำตอบไว้อีกอย่างคำตอบจาก พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐มาตรา ๕๕ พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทยโดยเร็ว หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิต นอกเรือนจำต่อไป ทั้งนี้หลักเกณฑและวิธีการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ระยะเวลาการรักษาตัว รวมทั้งผู้มีอำนาจอนุญาต ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนี ที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญาถาม แสดงว่า กฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ วรรคสอง ถือว่าการรักษาตัวของทักษิณที่ชั้น ๑๔ นั้นมีฐานะเป็นการคุมขัง ดังนั้นเวลา ๖ เดือนที่นอนชั้น ๑๔ จึงนับว่าทักษิณได้ต้องโทษมา ๖ เดือนแล้ว อย่างนั้นหรือตอบ เป็นเช่นนั้นครับ เห็นได้เลยครับว่า เรื่องนับเวลานี้ทั้ง ป.วิอาญา และ พรบ.ราชทัณฑ์บัญญัติขัดกันชัดเจน และต่างก็เป็นกฎหมายระดับ พรบ.เหมือนกัน มีศักดิ์เท่ากัน เสียด้วย กรณีจึงเกิดปัญหาว่าเราจะต้องใช้กฎหมายใดเป็นฐานในคดีนี้สำหรับผมเองเห็นว่า พรบ.ราชทัณฑ์ บัญญัติขึ้นมาภายหลัง ดังนั้นต้องถือว่ารัฐสภาได้ยกเลิก มาตรา ๒๔๖ แห่ง ป.วิอาญาไปแล้ว ถ้ามองอย่างนี้ ศาลอาจถือมาตรา ๕๕ นี้เป็นฐานกฎหมายในคดีก็ได้ถาม ถ้าคิดจะเอามาตรา ๕๕ เป็นหลัก องค์คณะผู้ไต่สวนอาจต้องขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินปัญหานี้ก่อนหรือไม่ตอบ เป็นไปได้อย่างยิ่งถาม ถ้าในที่สุดก็ลงเอยกันที่มาตรา ๕๕ อย่างนี้ ศาลก็ต้องไต่สวนต่อไปว่าป่วยจริงหรือไม่ ใช่ไหมครับตอบ ครับ ต้องตรวจสอบหมด ว่ากระบวนการอนุญาตผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอราชทัณฑ์ในชั้นส่งตัว ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอโรงพยาบาลตำรวจว่าจำเป็นต้องรับไว้รักษา จนมาถึงคำสั่งอนุญาตของ ผบ.เรือนจำในที่สุดถาม ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ไม่มีการตรวจและให้ความเห็นเช่นที่ควร คือหน้าด้านส่งไปนอนดู NETFIX บนชั้น ๑๔ กันดื้อๆเลย เช่นนี้ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรตอบ ก็หมายความว่า เวลา ๖ เดือนที่อยู่ชั้น ๑๔ นั้น จะนับเป็นเวลารักษาตัวนอกเรือนจำตามมาตรา ๕๕ วรรคแรกไม่ได้ เมื่อเข้าวรรคแรกไม่ได้ก็ถือเป็นเวลาคุมขังตามวรรคสองไม่ได้ กรณีจึงสรุปได้ว่าทักษิณไม่เคยติดคุกตามหมายศาลเลย ศาลต้องสั่งให้จับตัวไปคุมขังจริงๆต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีหน้าที่ทำตามหมายศาล ก็โดนละเมิดอำนาจศาลตามไปด้วยอีกคำสั่งหนึ่งถาม แล้วความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ล่ะครับตอบ ทางอาญาก็เป็นเรื่องของ ปปช. ทางจรรยาแพทย์ก็เป็นเรื่องของแพทยสภา ว่ากันตามช่องทางต่างๆของกฎหมายต่อไปถาม ถ้าจบลงอย่างนี้ ภายหน้าควรมีการแก้ไขกฎหมายอย่างไรหรือไม่ครับตอบ สภาควรยกเลิก ป.วิอาญา มาตรา ๒๔๖ ให้ชัดเจนไปเลยว่าใช้บังคับไม่ได้แล้ว แล้วเพิ่มเติมลงไปในกฏกระทรวงด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการรักษานักโทษนอกเรือนจำแบบนี้ ให้กรมราชทัณฑ์รายงานพร้อมหลักฐาน ให้ศาลผู้ออกหมายจำคุกได้ทราบและมีอำนาจสอบถามไต่สวนได้ทุกครั้งด้วย ราษฎรธรรมดาจะได้ไม่ต้องสวมบทพลเมืองดี มาดิ้นรนกระเสือกกระสนร้องศาลกันเองแบบนี้อีก
    29 เมษายน 2568 - นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง อำนาจศาลยุติธรรม ใน "คดีไต่สวนชั้น 14" มีเนื้อหาดังนี้ถาม วันที่ ๓๐ เมษายน นี้ ศาลยุติธรรมจะทำอะไรกับคดีชั้น ๑๔ ของทักษิณตอบ กรมราชทัณฑ์ ได้รับหมายจากศาลให้จำคุกทักษิณ ๑ ปี วันที่ ๓๐ นั้นเป็นวันที่ศาลจะสั่งคำร้องของคุณชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องต่อศาลว่าทักษิณไม่ได้ติดคุกจริงตามหมายศาล แม้คำร้องนี้จะไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิคุณชาญชัยก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นด้วยว่ามีมูล ศาลก็เห็นสมควรสั่งไต่สวนได้เองตามอำนาจที่มีอยู่แล้วถาม ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาผมไม่เห็นมีบทบัญญัติรองรับอำนาจไต่สวนนี้ของศาลเลยครับตอบ นี่คือปัญหากฎหมายข้อแรก ที่ศาลจะต้องอธิบาย ซึ่งผมเห็นว่าเมื่อการจำคุกทำโดยอำนาจศาล ศาลย่อมมีอำนาจตรวจสอบว่าได้มีการทำตามหมายของศาลหรือไม่ หากผิดพลาดศาลก็มีอำนาจสั่งราชทัณฑ์ให้ทำให้ถูกต้องได้เสมอถาม ในการตรวจสอบครั้งนี้ศาลจะยึดกฎหมายฉบับใดเป็นฐาน จะยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป.วิอาญา ) หรือตามกฎหมายราชทัณฑ์ครับตอบ ศาลต้องยึดทุกอย่างที่เป็นกฎหมาย ถ้ากฎหมายทั้งสองขัดแย้งกันในเรื่องใด ศาลก็ต้องวินิจฉัยเองว่ากฎหมายใดใช้บังคับได้ ดังปรากฏข้อพิจารณาไปโดยลำดับ ดังนี้ปัญหาการนับระยะเวลาคุมขังถาม นักโทษเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาลนอกเรือนจำ อย่างกรณีทักษิณนอนชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจนี้ ถ้าศาลออกหมายขัง ๑ ปี แล้วทักษิณนอนมาหกเดือนแล้ว ขอถามว่าเวลานอนป่วย ๖ เดือนนี้ เราจะนับเป็นเวลาคุมขังหรือไม่ครับคำตอบจากกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตอบ ปี ๒๕๕๐ รัฐสภาตรากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๖ ระบุไว้ว่ามาตรา ๒๔๖ เมื่อจำเลย สามี ภริยา ญาติของจำเลย พนักงาานอัยการผู้บัญชําการเรือนจำ หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอ หรือเมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไป ในกรณีต่อไปนี้(๑) เมื่อจำเลยวิกลจริต(๒) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก(๓) ถ้ําจำเลยมีครรภ์(๔) ถ้ําจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปี และจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้นในระหว่างทุเลาการบังคับอยู่นั้นศาลจะมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวอยู่ในความควบคุมในสถานที่อันควรนอกจากเรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกก็ได้ และให้ศาลกำหนดให้เจ้ําพนักงานผู้มีหน้าที่ จัดการตามหมายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่และรับผิดชอบในการดำเนินการตามคำสั่งลักษณะของสถานที่อันควรตามวรรคสอง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งต้องกำหนดวิธีการควบคุมและบำบัดรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของจำเลย และมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเมื่อศาลมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว หากภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือมาตรการตามวรรคสาม หรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือให้ดำเนินการตามหมายจำคุกได้ ให้หักจำนวนวันที่จำเลยอยู่ในความควบคุมตามมาตรานี้ ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาด้วยความตามมาตราข้างต้น การนำนักโทษไปรักษาตัวนอกเรือนจำต้องทำโดยคำสั่งศาล และจะถือระยะเวลานี้เป็นเวลาที่ถูกคุมขังไม่ได้ เพราะเป็นเพียงการทุเลาไม่บังคับตามหมายด้วยเหตุเจ็บป่วยเท่านั้นถาม หมายความว่า หาก ผบ.เรือนจำกับ รพ.ตำรวจ เห็นว่าต้องรับตัวทักษิณไว้รักษา ด้วยเหตุจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องรับไว้ให้นอนโรงพยาบาลก่อน แล้วรีบขอคำสั่งศาลให้อนุมัติและทุเลาการลงโทษใช่ไหมครับตอบ ครับ พอศาลสั่งแล้ว ทักษิณก็นอนต่อไปตามเดิม แต่การนับโทษจะหยุดนับทันที หายดีเมื่อไหร่ก็กลับเข้าเรือนจำแล้วเริ่มนับโทษที่เหลือต่อไปถาม หากถือหลักว่านักโทษติดคุก “ต้องติดจริงๆและติดให้ครบ”อย่างนี้แล้ว ในเมื่อวันนี้ทักษิณยังไม่ติดคุกเลย ศาลก็ต้องจัดการให้กลับไปติดให้ครบ ๑ ปี ใช่ไหมครับ ส่วนเรื่องป่วยจริงหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นในคดีอีกต่อไปตอบ ยังไม่แน่ครับ เพราะวันนี้ยังมี พรบ.ราชทัณฑ์ ให้คำตอบไว้อีกอย่างคำตอบจาก พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐มาตรา ๕๕ พรบ.ราชทัณฑ์ ๒๕๖๐ในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการตรวจจากแพทยโดยเร็ว หากผู้ต้องขังนั้นต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะด้าน หรือถ้าคงรักษาพยาบาลอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้น ให้ส่งตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปยังสถานบำบัดรักษาสำหรับโรคชนิดนั้นโดยเฉพาะ โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดรักษาทางสุขภาพจิต นอกเรือนจำต่อไป ทั้งนี้หลักเกณฑและวิธีการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ระยะเวลาการรักษาตัว รวมทั้งผู้มีอำนาจอนุญาต ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนี ที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญาถาม แสดงว่า กฎหมายราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ วรรคสอง ถือว่าการรักษาตัวของทักษิณที่ชั้น ๑๔ นั้นมีฐานะเป็นการคุมขัง ดังนั้นเวลา ๖ เดือนที่นอนชั้น ๑๔ จึงนับว่าทักษิณได้ต้องโทษมา ๖ เดือนแล้ว อย่างนั้นหรือตอบ เป็นเช่นนั้นครับ เห็นได้เลยครับว่า เรื่องนับเวลานี้ทั้ง ป.วิอาญา และ พรบ.ราชทัณฑ์บัญญัติขัดกันชัดเจน และต่างก็เป็นกฎหมายระดับ พรบ.เหมือนกัน มีศักดิ์เท่ากัน เสียด้วย กรณีจึงเกิดปัญหาว่าเราจะต้องใช้กฎหมายใดเป็นฐานในคดีนี้สำหรับผมเองเห็นว่า พรบ.ราชทัณฑ์ บัญญัติขึ้นมาภายหลัง ดังนั้นต้องถือว่ารัฐสภาได้ยกเลิก มาตรา ๒๔๖ แห่ง ป.วิอาญาไปแล้ว ถ้ามองอย่างนี้ ศาลอาจถือมาตรา ๕๕ นี้เป็นฐานกฎหมายในคดีก็ได้ถาม ถ้าคิดจะเอามาตรา ๕๕ เป็นหลัก องค์คณะผู้ไต่สวนอาจต้องขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตัดสินปัญหานี้ก่อนหรือไม่ตอบ เป็นไปได้อย่างยิ่งถาม ถ้าในที่สุดก็ลงเอยกันที่มาตรา ๕๕ อย่างนี้ ศาลก็ต้องไต่สวนต่อไปว่าป่วยจริงหรือไม่ ใช่ไหมครับตอบ ครับ ต้องตรวจสอบหมด ว่ากระบวนการอนุญาตผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอราชทัณฑ์ในชั้นส่งตัว ทั้งการตรวจและให้ความเห็นของหมอโรงพยาบาลตำรวจว่าจำเป็นต้องรับไว้รักษา จนมาถึงคำสั่งอนุญาตของ ผบ.เรือนจำในที่สุดถาม ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ไม่มีการตรวจและให้ความเห็นเช่นที่ควร คือหน้าด้านส่งไปนอนดู NETFIX บนชั้น ๑๔ กันดื้อๆเลย เช่นนี้ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรตอบ ก็หมายความว่า เวลา ๖ เดือนที่อยู่ชั้น ๑๔ นั้น จะนับเป็นเวลารักษาตัวนอกเรือนจำตามมาตรา ๕๕ วรรคแรกไม่ได้ เมื่อเข้าวรรคแรกไม่ได้ก็ถือเป็นเวลาคุมขังตามวรรคสองไม่ได้ กรณีจึงสรุปได้ว่าทักษิณไม่เคยติดคุกตามหมายศาลเลย ศาลต้องสั่งให้จับตัวไปคุมขังจริงๆต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีหน้าที่ทำตามหมายศาล ก็โดนละเมิดอำนาจศาลตามไปด้วยอีกคำสั่งหนึ่งถาม แล้วความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ล่ะครับตอบ ทางอาญาก็เป็นเรื่องของ ปปช. ทางจรรยาแพทย์ก็เป็นเรื่องของแพทยสภา ว่ากันตามช่องทางต่างๆของกฎหมายต่อไปถาม ถ้าจบลงอย่างนี้ ภายหน้าควรมีการแก้ไขกฎหมายอย่างไรหรือไม่ครับตอบ สภาควรยกเลิก ป.วิอาญา มาตรา ๒๔๖ ให้ชัดเจนไปเลยว่าใช้บังคับไม่ได้แล้ว แล้วเพิ่มเติมลงไปในกฏกระทรวงด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการรักษานักโทษนอกเรือนจำแบบนี้ ให้กรมราชทัณฑ์รายงานพร้อมหลักฐาน ให้ศาลผู้ออกหมายจำคุกได้ทราบและมีอำนาจสอบถามไต่สวนได้ทุกครั้งด้วย ราษฎรธรรมดาจะได้ไม่ต้องสวมบทพลเมืองดี มาดิ้นรนกระเสือกกระสนร้องศาลกันเองแบบนี้อีก
    0 Comments 0 Shares 707 Views 0 Reviews
  • 'เสรีพิศุทธ์' ยัน 'ทักษิณ' ไม่ได้ป่วยจริง จี้ ป.ป.ช. ตรวจห้องพักซ้ำ! ลั่น "หนีเลย ถ้าไม่อยากติดคุก"
    https://www.thai-tai.tv/news/18356/
    'เสรีพิศุทธ์' ยัน 'ทักษิณ' ไม่ได้ป่วยจริง จี้ ป.ป.ช. ตรวจห้องพักซ้ำ! ลั่น "หนีเลย ถ้าไม่อยากติดคุก" https://www.thai-tai.tv/news/18356/
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม
    .
    ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน
    .
    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้
    .
    สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
    .
    "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
    ............
    Sondhi X
    ทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก พบขบวนการสั่งตาย เตรียมขยายผลเพิ่มเติม . ภายหลังผลการตรวจสอบการทุจริตซื้อขายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกมาแล้ว โดยพบว่างานนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ เริ่มตั้งแต่มีบุคลากรในโรงพยาบาลลักลอบนำยาออกไปจำหน่ายโดยมิชอบ และมีเครือข่ายทั้งหมด 6 ทีม ในเรื่องนี้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท., ป.ป.ช.และองค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนกลาง ร่วมกันสอบปากคำคนไข้ ตามรายชื่อในเวชระเบียนโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในพื้นที่จังหวัดลพบุรีกว่า 50 คน . ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตยาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน มีทั้งคนไข้ที่มีโรคประจำตัวจริงและกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษาพร้อมรับยาและเวชภัณฑ์แต่ไม่ได้ป่วยจริง รวมกว่า 50 คน . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก เข้ามาให้ปากคำรวมกว่า 80 คน แต่เบื้องต้น ติดต่อขอมาให้ข้อมูลกับตำรวจประมาณ 50-60 คน การสอบปากคำมีการแบ่งออกเป็น 6-7 กลุ่ม ซึ่งจะพยายามสอบให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ . สำหรับการสอบปากคำกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเริ่มต้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย ที่เป็นทั้งอดีตทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว ขาดความรู้ และมีฐานะยากจน หลังสอบปากคำ 6-7 กลุ่มเสร็จสิ้นลง จะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในระดับหัวหน้าและสั่งการ จากข้อมูลที่ได้ จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วย เพราะการที่บอกให้คนไข้ เป็นโรคความดัน รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือคนที่เป็นโรคเบาหวานกินน้ำหวานก่อนเข้าตรวจ ลักษณะเป็นการสั่งตาย มีความตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พร้อมเตรียมขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ หลังพบว่าขบวนการดังกล่าว กระทำผิดในโรงพยาบาลรัฐอื่นๆในสังกัดทหารและโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข . "จากการได้นั่งคุยกับหลายคนรู้สึกเวทนา ด้วยปัญหาความยากจน เเละด้อยความรู้ จึงกระทำการโดยรู้หรือไม่รู้ เเละจะมีการสรุปออกมาเป็นรูปธรรม จะค้นหาในทุกมิติว่าใครที่เป็นตัวการ เเละเป็นเหยื่อ" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    30
    0 Comments 0 Shares 2585 Views 0 Reviews
  • การสร้างอวัยวะเทียม (Artificial Organ) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและผลิตอุปกรณ์หรือระบบที่สามารถทำหน้าที่แทนอวัยวะธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจใช้เพื่อทดแทนอวัยวะที่เสียหายหรือไม่ทำงานได้ตามปกติ เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างมากในทางการแพทย์ เพราะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุของผู้ป่วยได้

    ### ตัวอย่างอวัยวะเทียมที่พบบ่อย
    1. **หัวใจเทียม (Artificial Heart)**
    - ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง
    - เช่น อุปกรณ์ช่วยการเต้นของหัวใจ (Ventricular Assist Device: VAD)

    2. **ไตเทียม (Artificial Kidney)**
    - ใช้ในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
    - เช่น เครื่องไตเทียมสำหรับการล้างไต (Hemodialysis Machine)

    3. **ตับอ่อนเทียม (Artificial Pancreas)**
    - ใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
    - เช่น ระบบปิดที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยอัตโนมัติ

    4. **หูเทียม (Cochlear Implant)**
    - ใช้ในผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน
    - ช่วยแปลงสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยิน

    5. **แขนขาเทียม (Prosthetic Limbs)**
    - ใช้ในผู้ที่สูญเสียแขนหรือขา
    - เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แขนขาเทียมที่ควบคุมด้วยสมอง (Brain-Controlled Prosthetics)

    ### ขั้นตอนการสร้างอวัยวะเทียม
    1. **การออกแบบ (Design)**
    - ออกแบบให้มีรูปร่างและหน้าที่ใกล้เคียงกับอวัยวะธรรมชาติ
    - ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ (CAD)

    2. **การเลือกวัสดุ (Material Selection)**
    - เลือกวัสดุที่เข้ากับร่างกายได้ดี (Biocompatible Materials)
    - เช่น ไทเทเนียม, ซิลิโคน, พอลิเมอร์

    3. **การผลิต (Manufacturing)**
    - ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) หรือการผลิตแบบดั้งเดิม
    - ต้องมีความแม่นยำสูง

    4. **การทดสอบ (Testing)**
    - ทดสอบในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลอง
    - ตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    5. **การทดลองทางคลินิก (Clinical Trials)**
    - ทดลองในมนุษย์เพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลข้างเคียง

    6. **การใช้งานจริง (Implementation)**
    - นำไปใช้ในผู้ป่วยจริง
    - มีการติดตามผลระยะยาว

    ### ความท้าทายในการสร้างอวัยวะเทียม
    - **การเข้ากันได้กับร่างกาย (Biocompatibility)**
    - **การควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน (Immune Response)**
    - **การออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนาน (Durability)**
    - **ต้นทุนการผลิตที่สูง (High Cost)**

    ### อนาคตของอวัยวะเทียม
    - **การใช้วัสดุอัจฉริยะ (Smart Materials)**
    - **การผสานเทคโนโลยี AI และ IoT**
    - **การพัฒนาอวัยวะเทียมที่ควบคุมด้วยสมอง (Brain-Computer Interface)**

    การสร้างอวัยวะเทียมเป็นสาขาที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพได้มากขึ้นในอนาคต
    การสร้างอวัยวะเทียม (Artificial Organ) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและผลิตอุปกรณ์หรือระบบที่สามารถทำหน้าที่แทนอวัยวะธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจใช้เพื่อทดแทนอวัยวะที่เสียหายหรือไม่ทำงานได้ตามปกติ เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างมากในทางการแพทย์ เพราะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุของผู้ป่วยได้ ### ตัวอย่างอวัยวะเทียมที่พบบ่อย 1. **หัวใจเทียม (Artificial Heart)** - ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง - เช่น อุปกรณ์ช่วยการเต้นของหัวใจ (Ventricular Assist Device: VAD) 2. **ไตเทียม (Artificial Kidney)** - ใช้ในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง - เช่น เครื่องไตเทียมสำหรับการล้างไต (Hemodialysis Machine) 3. **ตับอ่อนเทียม (Artificial Pancreas)** - ใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน - เช่น ระบบปิดที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยอัตโนมัติ 4. **หูเทียม (Cochlear Implant)** - ใช้ในผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน - ช่วยแปลงสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นเส้นประสาทการได้ยิน 5. **แขนขาเทียม (Prosthetic Limbs)** - ใช้ในผู้ที่สูญเสียแขนหรือขา - เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แขนขาเทียมที่ควบคุมด้วยสมอง (Brain-Controlled Prosthetics) ### ขั้นตอนการสร้างอวัยวะเทียม 1. **การออกแบบ (Design)** - ออกแบบให้มีรูปร่างและหน้าที่ใกล้เคียงกับอวัยวะธรรมชาติ - ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ (CAD) 2. **การเลือกวัสดุ (Material Selection)** - เลือกวัสดุที่เข้ากับร่างกายได้ดี (Biocompatible Materials) - เช่น ไทเทเนียม, ซิลิโคน, พอลิเมอร์ 3. **การผลิต (Manufacturing)** - ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) หรือการผลิตแบบดั้งเดิม - ต้องมีความแม่นยำสูง 4. **การทดสอบ (Testing)** - ทดสอบในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลอง - ตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย 5. **การทดลองทางคลินิก (Clinical Trials)** - ทดลองในมนุษย์เพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลข้างเคียง 6. **การใช้งานจริง (Implementation)** - นำไปใช้ในผู้ป่วยจริง - มีการติดตามผลระยะยาว ### ความท้าทายในการสร้างอวัยวะเทียม - **การเข้ากันได้กับร่างกาย (Biocompatibility)** - **การควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน (Immune Response)** - **การออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนาน (Durability)** - **ต้นทุนการผลิตที่สูง (High Cost)** ### อนาคตของอวัยวะเทียม - **การใช้วัสดุอัจฉริยะ (Smart Materials)** - **การผสานเทคโนโลยี AI และ IoT** - **การพัฒนาอวัยวะเทียมที่ควบคุมด้วยสมอง (Brain-Computer Interface)** การสร้างอวัยวะเทียมเป็นสาขาที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพได้มากขึ้นในอนาคต
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
  • "สว.หมอเกศ" ส่องานเข้า แจ้ง ป.ป.ช. มีรายได้จากการแขวนป้ายหมอ เสี่ยงผิดระเบียบแพทยสภา ห้ามหมอแขวนป้ายหากไม่รักษาผู้ป่วยจริง ฟันโทษหนัก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007724

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "สว.หมอเกศ" ส่องานเข้า แจ้ง ป.ป.ช. มีรายได้จากการแขวนป้ายหมอ เสี่ยงผิดระเบียบแพทยสภา ห้ามหมอแขวนป้ายหากไม่รักษาผู้ป่วยจริง ฟันโทษหนัก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007724 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    22
    0 Comments 2 Shares 1589 Views 0 Reviews
  • มันใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนไหม
    เอางบไปให้คนที่เขาป่วยจริงๆไม่ดีกว่าเหรอ
    มันใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนไหม เอางบไปให้คนที่เขาป่วยจริงๆไม่ดีกว่าเหรอ
    Angry
    4
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • 14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

    จรรยาบรรณแพทย์

    ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ
    ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม

    ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ
    ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น
    ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน
    ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

    ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม
    ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

    ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง
    ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย

    ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ
    ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ

    ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ
    ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม
    ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
    ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ
    ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ
    อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่

    ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ
    ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง
    ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้

    ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล
    ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่

    ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้
    ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้

    ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย
    ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้
    เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ

    ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ
    ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย
    ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้
    แก้วสรร อติโพธิ
    14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ จรรยาบรรณแพทย์ ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่ ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้ ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่ ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้ ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้ ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้ เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้ แก้วสรร อติโพธิ
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1089 Views 0 Reviews
  • วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1462 Views 0 Reviews
  • เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ
    เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
    .
    สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย
    .
    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
    11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    .
    Cr : MGR Infographics
    .
    .
    #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14 . วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป . สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย . 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร . Cr : MGR Infographics . . #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 1309 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่

    ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่

    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ

    โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย 

    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์

    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

    3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 

    4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่

    11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

    ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 

    สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย

    ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้
    คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร
    ............
    Sondhi X
    ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่ ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่ วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย  1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่  สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้ คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 1453 Views 0 Reviews
  • “โรม” กวักมือเรียก “ทักษิณ” เข้าแจง กมธ.ความมั่นคงฯ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปมนอนชั้น 14 จะเป็นประโยชน์กับตระกูลชินฯ และรัฐบาล ลั่นถ้าป่วยจริง ไม่ได้ใช้บารมี เรื่องก็จบ ปัดวิจารณ์ปม “ยิ่งลักษณ์” เตรียมกลับบ้าน แต่หากใช้วิธีพิสดารก็รับไม่ได้

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000111952

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “โรม” กวักมือเรียก “ทักษิณ” เข้าแจง กมธ.ความมั่นคงฯ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ปมนอนชั้น 14 จะเป็นประโยชน์กับตระกูลชินฯ และรัฐบาล ลั่นถ้าป่วยจริง ไม่ได้ใช้บารมี เรื่องก็จบ ปัดวิจารณ์ปม “ยิ่งลักษณ์” เตรียมกลับบ้าน แต่หากใช้วิธีพิสดารก็รับไม่ได้ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000111952 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    11
    0 Comments 0 Shares 1643 Views 0 Reviews
  • ..ประเทศไทยเราน่าจะถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะผู้ไปฉีดวัคซีนโควิด19กับบรรดาหมอทัังหมดที่เกี่ยวข้องไปร่วมกันหรือยื่นฟ้องหมอทั้งหมดโดยเฉพาะระดับชาติ สภาฯหมอๆทั้งหมดสมควรโดนถูกถอดถอนใบอนุญาตวิชาชีพหมอ&พยาบาล ที่ผิดจรรญาบรรณในวิชาชีพอย่างร้ายแรง จนถึงปัจจุบันหัวหอกชนชั้นนำพวกหมอระดับต้นๆของไทยยังไม่ออกมายอมรับความจริงว่าคนไทยเจ็บป่วยจริงและตายจริงมากมายจากผลของวัคซีนที่ฉีดกันไป,หมอพวกนีัรับคำสั่งจากส่วนกลางสภาฯหมอ และสมควรรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดโดยเฉพาะระดับผอ.โรงพยาบาลทุกๆจังหวัดทั้งระดับอำเภอที่มีโรงพยาบาลด้วย,ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนไข้ต่อวิชาชีพตนเองอย่างร้ายแรงขาดปัญญาความสามารถแยกแยะถูกผิดดีชั่วอย่างผิดคุณธรรม&จริยธรรมร้ายแรงซึ่งด้วยระดับสมองมีมันสมองเล่าเรียนสูงๆย่อมไม่สมควรกระจอก&กากในการรับรู้ข่าวข้อมูลทั้งทางในประเทศตนเองและข่าวสารมากมายจากต่างประเทศที่มีความจริงรอบโลกที่เปิดกว้างทางเสรีข้อมูลข่าวสารในยุคล้ำขนาดนี้แต่กาก&กระจอกด้อยทางปัญญารับรู้อัพเดททางวงการโรคมาก,ถูกว่าไม่สมควรมาทำอาชีพแพทย์&พยาบาลนี้อีกเลย,ไร้จริยธรรมความเป็นหมอเป็นพยายาลอย่างร้ายแรง ไม่สนใจการตายของชีวิตคนไทย,เมื่อโง่ไม่แสวงหามูลต้นเหตุของโรค หมอก็ย่อมไร้ความสามารถรักษาโรคอย่างตรงจุดชัดเจนเพราะไม่มีปัญญาหาสาเหตุที่แท้จริงได้เสมือนหาปมเงื่อนแก้ไม่เจอจะแก้เงื่อนเชือกเป็นก็ผีบ้ามากๆ,คือโง่ที่หาปมเงื่อนไม่เจอยังแสดงความฉลาดโง่รักษาแบบผีๆบ้าๆไปทั่วนั้นเอง,ไม่สมควรเป็นหมอเป็นพยาบาลอีกต่อไป,ทั้งไม่ยอมรับค่าความจริง ไม่ประกาศความจริงอีก ปกปิดชัดเจนอย่างเจตนาทางชั่วเลวร้ายแรงเสมือนฆาตกรซ่อนเร่นอำพรางศพมิให้ตำรวจดำเนินคดีตนได้,นี้คือการก่ออาชญากรรม&ฆาตกรรมหมู่คนไทยชัดเจน,เบื้องต้นต้องยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหมอและพยาบาลถูกต้องที่สุดจากชนชั้นหมอหัวหอกระดับบนทั้งหมดก่อน,เพราะอาจารย์หมอมากมายหลายท่านทำไมจึงเข้าถึงค่าจริงได้ในช่วงเวลาเสมอเดียวกัน,เช่นนั้นพวกนี้ที่ชั่วเลวทั้งหมดต้องออกจากวงการชีวิตคนไข้ไปทั้งหมด,ให้คนดีๆมาทำหน้าที่แทนเพื่อดำรงวิชาชีพที่ดีงามนี้ต่อไป.
    ..ประเทศไทยเราน่าจะถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะผู้ไปฉีดวัคซีนโควิด19กับบรรดาหมอทัังหมดที่เกี่ยวข้องไปร่วมกันหรือยื่นฟ้องหมอทั้งหมดโดยเฉพาะระดับชาติ สภาฯหมอๆทั้งหมดสมควรโดนถูกถอดถอนใบอนุญาตวิชาชีพหมอ&พยาบาล ที่ผิดจรรญาบรรณในวิชาชีพอย่างร้ายแรง จนถึงปัจจุบันหัวหอกชนชั้นนำพวกหมอระดับต้นๆของไทยยังไม่ออกมายอมรับความจริงว่าคนไทยเจ็บป่วยจริงและตายจริงมากมายจากผลของวัคซีนที่ฉีดกันไป,หมอพวกนีัรับคำสั่งจากส่วนกลางสภาฯหมอ และสมควรรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดโดยเฉพาะระดับผอ.โรงพยาบาลทุกๆจังหวัดทั้งระดับอำเภอที่มีโรงพยาบาลด้วย,ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนไข้ต่อวิชาชีพตนเองอย่างร้ายแรงขาดปัญญาความสามารถแยกแยะถูกผิดดีชั่วอย่างผิดคุณธรรม&จริยธรรมร้ายแรงซึ่งด้วยระดับสมองมีมันสมองเล่าเรียนสูงๆย่อมไม่สมควรกระจอก&กากในการรับรู้ข่าวข้อมูลทั้งทางในประเทศตนเองและข่าวสารมากมายจากต่างประเทศที่มีความจริงรอบโลกที่เปิดกว้างทางเสรีข้อมูลข่าวสารในยุคล้ำขนาดนี้แต่กาก&กระจอกด้อยทางปัญญารับรู้อัพเดททางวงการโรคมาก,ถูกว่าไม่สมควรมาทำอาชีพแพทย์&พยาบาลนี้อีกเลย,ไร้จริยธรรมความเป็นหมอเป็นพยายาลอย่างร้ายแรง ไม่สนใจการตายของชีวิตคนไทย,เมื่อโง่ไม่แสวงหามูลต้นเหตุของโรค หมอก็ย่อมไร้ความสามารถรักษาโรคอย่างตรงจุดชัดเจนเพราะไม่มีปัญญาหาสาเหตุที่แท้จริงได้เสมือนหาปมเงื่อนแก้ไม่เจอจะแก้เงื่อนเชือกเป็นก็ผีบ้ามากๆ,คือโง่ที่หาปมเงื่อนไม่เจอยังแสดงความฉลาดโง่รักษาแบบผีๆบ้าๆไปทั่วนั้นเอง,ไม่สมควรเป็นหมอเป็นพยาบาลอีกต่อไป,ทั้งไม่ยอมรับค่าความจริง ไม่ประกาศความจริงอีก ปกปิดชัดเจนอย่างเจตนาทางชั่วเลวร้ายแรงเสมือนฆาตกรซ่อนเร่นอำพรางศพมิให้ตำรวจดำเนินคดีตนได้,นี้คือการก่ออาชญากรรม&ฆาตกรรมหมู่คนไทยชัดเจน,เบื้องต้นต้องยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหมอและพยาบาลถูกต้องที่สุดจากชนชั้นหมอหัวหอกระดับบนทั้งหมดก่อน,เพราะอาจารย์หมอมากมายหลายท่านทำไมจึงเข้าถึงค่าจริงได้ในช่วงเวลาเสมอเดียวกัน,เช่นนั้นพวกนี้ที่ชั่วเลวทั้งหมดต้องออกจากวงการชีวิตคนไข้ไปทั้งหมด,ให้คนดีๆมาทำหน้าที่แทนเพื่อดำรงวิชาชีพที่ดีงามนี้ต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 644 Views 27 0 Reviews
  • พี่คิงส์ฯภาวนาให้โจป๋วยจริง เพราะโจจะได้ความเห็นใจจากพี่คิงส์มากกว่านี้
    #คิงส์ #มณฑนี #คิงส์โพธิ์แดง #คิงสโพธิ์แดงสำรอง
    พี่คิงส์ฯภาวนาให้โจป๋วยจริง เพราะโจจะได้ความเห็นใจจากพี่คิงส์มากกว่านี้ #คิงส์ #มณฑนี #คิงส์โพธิ์แดง #คิงสโพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 794 Views 0 Reviews
More Results