• กองทัพอากาศไทยสยบข่าวลือ! ยัน F-16 กลับฐานครบ ปลอดภัยทุกลำ หลังปฏิบัติการ "ทิ้งไข่" ถล่ม บก.กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/20487/
    .
    #FakeNews #กองทัพอากาศไทย #F16 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวปลอม #ปฏิบัติการตอบโต้ #ความมั่นคง #ข่าวจริง

    กองทัพอากาศไทยสยบข่าวลือ! ยัน F-16 กลับฐานครบ ปลอดภัยทุกลำ หลังปฏิบัติการ "ทิ้งไข่" ถล่ม บก.กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/20487/ . #FakeNews #กองทัพอากาศไทย #F16 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวปลอม #ปฏิบัติการตอบโต้ #ความมั่นคง #ข่าวจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักข่าวชื่อดังของอิหร่าน Khayal Muazzin อธิบายสถานการณ์ภายในอิหร่านในช่วงวันแรกที่ถูกโจมตีจากอิสราเอล และประเด็นด้านความมั่นคงของอิหร่าน:

    ช่วง 30 ชั่วโมงที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของอิหร่านสามารถระบุรูปแบบการโจมตีของหน่วยข่าวกรอง Mossad ได้แล้ว ทำให้แกะรอยย้อนกลับไปตามเบาะแสต่างๆ จนสามารถค้นพบโรงงานใต้ดินหลายแห่งที่แอบลักลอบสร้างโดรนโจมตีภายในเตหะราน

    โดรนโจมตีที่หน่วยข่าวกรองอิหร่านค้นพบเหล่านี้มีจำนวนมากถึง 80% หากเทียบกับจำนวนโดรนที่ระบอบไซออนิสต์ใช้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยมีใครตรวจเจอมาก่อน และตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าทำไมการโจมตีของอิสราเอลถึงรุนแรงและสร้างความเสียหายได้มาก เพราะการโจมตีมาจากภายในดินแดนของเราเอง

    การที่เตหะรานและอิสฟาฮานถูกโจมตีอย่างแสนสาหัส เป็นผลมาจากโดรนในโรงงานลับเหล่านี้ ตามข้อมูลล่าสุด 90% ของการทำลายล้างไม่เกี่ยวข้องกับการรุกรานจากภายนอก แต่เป็นการปฏิบัติการที่จัดขึ้นจากดินแดนของประเทศเราเอง อิสราเอลสามารถเจาะลึกได้โดยใช้ช่องทางข่าวกรองและการสนับสนุนจากภายใน แต่ตอนนี้ขั้นตอนการเปิดโปงและการชำระล้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่มีการตรวจตราในระดับที่เข้มงวด และสามารถจับกุมกลุ่มก่อวินาศกรรมของอิสราเอลมากมาย รวมทั้งเข้าทลายโรงงานผลิต นั่นทำให้ระดับอันตรายลดลงอย่างรวดเร็วจากการโจมตีภายใน จากการคาดการณ์เชื่อว่าลดลงอย่างน้อย 80%

    หลายคนถามว่าทำไม Kermanshah และ Tabriz (คลังขีปนาวุธใต้ดินขนาดใหญ่) ถึงตกเป็นเป้าหมายโจมตีซ้ำหลายครั้ง คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะยังมีคนในรัฐบาลที่เชื่อในคำพูดรับประกันของสหรัฐฯ ว่าจะไม่ทำอะไรพวกเรา ภาพลวงตาของความปลอดภัยเหล่านั้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมบนดินแดนของเรา

    สำหรับพลังของกองทัพอากาศอิสราเอลนั้นถือถูกนำเสนอเกินจริงไปมาก หลังจากระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงเครื่องบินรบขั้นสูงหลายลำตกทางตะวันตกของประเทศ เครื่องบิน F-35 ก็ไม่กล้าเข้าใกล้พื้นที่น่านฟ้าของอิหร่านอีกต่อไป พวกเขาเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีทั้งหมดเป็นดำเนินการโดยระบบดาวเทียมและการประสานงานกับตัวแทนในพื้นที่ หรือผ่านช่องทางการก่อวินาศกรรมภายในประเทศ

    การเสียชีวิตของผู้บัญชาการ IRGC ไม่ใช่การแสดงความแข็งแกร่งของศัตรู แต่เป็นผลจากความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยภายในของเราเอง คุณไม่สามารถโทษศัตรูได้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะมันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องภายในของเรา ด้วยเหตุนี้เองที่ทพให้อิหร่านต้องดำเนินการด้วยความอดกลั้นและระมัดระวัง เป้าหมายหลักในช่วงแรกของเราคือการกำจัดโรงงานภายในเพื่อหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมด

    ช่วงเวลายากลำบากนั้นผ่านไปแล้ว อิสราเอลไม่ได้มีไพ่เด็ดอีกต่อไป และถึงคราวที่อิหร่านจะต้องพูดในภาษาที่ศัตรูเข้าใจจริงๆ อิสราเอลกลัวการเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย และเราสามารถเห็นได้แล้วว่าพวกเขาใช้ทรัพยากรทั้งหมดอย่างไร เพราะตระหนักดีว่าสิ่งที่ตนมีคือเวลา และเวลากำลังขัดขวางพวกเขา

    การเป็นผู้นำปฏิบัติการตอบโต้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในมือของสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว แต่เป็นการตัดสินใจจากสำนักงานใหญ่ของผู้นำสูงสุดและกองบัญชาการทหาร สงครามกำลังดำเนินไปอย่างเลือดเย็นและไม่มีการประนีประนอม อิหร่านมีคลังขีปนาวุธซ่อนอยู่ใต้ดินลึกมากๆ และยังไม่เคยถูกโจมตีจากศัตรูแม้แต่ครั้งเดียว

    ขอพูดซ้ำอีกครั้งว่า อิสราเอลเป็นผู้เริ่ม แต่อิหร่านจะทำให้มันจบลง
    นักข่าวชื่อดังของอิหร่าน Khayal Muazzin อธิบายสถานการณ์ภายในอิหร่านในช่วงวันแรกที่ถูกโจมตีจากอิสราเอล และประเด็นด้านความมั่นคงของอิหร่าน: 🟢 ช่วง 30 ชั่วโมงที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของอิหร่านสามารถระบุรูปแบบการโจมตีของหน่วยข่าวกรอง Mossad ได้แล้ว ทำให้แกะรอยย้อนกลับไปตามเบาะแสต่างๆ จนสามารถค้นพบโรงงานใต้ดินหลายแห่งที่แอบลักลอบสร้างโดรนโจมตีภายในเตหะราน 🟢 โดรนโจมตีที่หน่วยข่าวกรองอิหร่านค้นพบเหล่านี้มีจำนวนมากถึง 80% หากเทียบกับจำนวนโดรนที่ระบอบไซออนิสต์ใช้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยมีใครตรวจเจอมาก่อน และตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าทำไมการโจมตีของอิสราเอลถึงรุนแรงและสร้างความเสียหายได้มาก เพราะการโจมตีมาจากภายในดินแดนของเราเอง 🟢 การที่เตหะรานและอิสฟาฮานถูกโจมตีอย่างแสนสาหัส เป็นผลมาจากโดรนในโรงงานลับเหล่านี้ ตามข้อมูลล่าสุด 90% ของการทำลายล้างไม่เกี่ยวข้องกับการรุกรานจากภายนอก แต่เป็นการปฏิบัติการที่จัดขึ้นจากดินแดนของประเทศเราเอง อิสราเอลสามารถเจาะลึกได้โดยใช้ช่องทางข่าวกรองและการสนับสนุนจากภายใน แต่ตอนนี้ขั้นตอนการเปิดโปงและการชำระล้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่มีการตรวจตราในระดับที่เข้มงวด และสามารถจับกุมกลุ่มก่อวินาศกรรมของอิสราเอลมากมาย รวมทั้งเข้าทลายโรงงานผลิต นั่นทำให้ระดับอันตรายลดลงอย่างรวดเร็วจากการโจมตีภายใน จากการคาดการณ์เชื่อว่าลดลงอย่างน้อย 80% 🟢 หลายคนถามว่าทำไม Kermanshah และ Tabriz (คลังขีปนาวุธใต้ดินขนาดใหญ่) ถึงตกเป็นเป้าหมายโจมตีซ้ำหลายครั้ง คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะยังมีคนในรัฐบาลที่เชื่อในคำพูดรับประกันของสหรัฐฯ ว่าจะไม่ทำอะไรพวกเรา ภาพลวงตาของความปลอดภัยเหล่านั้นกลายเป็นโศกนาฏกรรมบนดินแดนของเรา 🟢 สำหรับพลังของกองทัพอากาศอิสราเอลนั้นถือถูกนำเสนอเกินจริงไปมาก หลังจากระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงเครื่องบินรบขั้นสูงหลายลำตกทางตะวันตกของประเทศ เครื่องบิน F-35 ก็ไม่กล้าเข้าใกล้พื้นที่น่านฟ้าของอิหร่านอีกต่อไป พวกเขาเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีทั้งหมดเป็นดำเนินการโดยระบบดาวเทียมและการประสานงานกับตัวแทนในพื้นที่ หรือผ่านช่องทางการก่อวินาศกรรมภายในประเทศ 🟢 การเสียชีวิตของผู้บัญชาการ IRGC ไม่ใช่การแสดงความแข็งแกร่งของศัตรู แต่เป็นผลจากความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยภายในของเราเอง คุณไม่สามารถโทษศัตรูได้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะมันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องภายในของเรา ด้วยเหตุนี้เองที่ทพให้อิหร่านต้องดำเนินการด้วยความอดกลั้นและระมัดระวัง เป้าหมายหลักในช่วงแรกของเราคือการกำจัดโรงงานภายในเพื่อหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมด 🟢 ช่วงเวลายากลำบากนั้นผ่านไปแล้ว อิสราเอลไม่ได้มีไพ่เด็ดอีกต่อไป และถึงคราวที่อิหร่านจะต้องพูดในภาษาที่ศัตรูเข้าใจจริงๆ อิสราเอลกลัวการเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย และเราสามารถเห็นได้แล้วว่าพวกเขาใช้ทรัพยากรทั้งหมดอย่างไร เพราะตระหนักดีว่าสิ่งที่ตนมีคือเวลา และเวลากำลังขัดขวางพวกเขา 🟢 การเป็นผู้นำปฏิบัติการตอบโต้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในมือของสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว แต่เป็นการตัดสินใจจากสำนักงานใหญ่ของผู้นำสูงสุดและกองบัญชาการทหาร สงครามกำลังดำเนินไปอย่างเลือดเย็นและไม่มีการประนีประนอม อิหร่านมีคลังขีปนาวุธซ่อนอยู่ใต้ดินลึกมากๆ และยังไม่เคยถูกโจมตีจากศัตรูแม้แต่ครั้งเดียว 🟢 ขอพูดซ้ำอีกครั้งว่า อิสราเอลเป็นผู้เริ่ม แต่อิหร่านจะทำให้มันจบลง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปี สิ้นวีรบุรุษสะพานมัฆวาน “บิ๊กซัน” พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก มือปราบกบฏยังเติร์ก

    ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ประเทศไทยได้สูญเสียบุคคลสำคัญ ผู้ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์การเมือง และการทหารของชาติไป นั่นคือ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก หรือที่สื่อมวลชนขนานนามว่า “บิ๊กซัน” วีรบุรุษสะพานมัฆวาน ผู้ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ ในการปกป้องระบอบประชาธิปไตย และปราบกบฏยังเติร์ก อย่างกล้าหาญ

    พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 ณ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ ร้อยตรีพิณ กำลังเอก และนางสาคร กำลังเอก ชีวิตในวัยเด็ก เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และพยายามในการศึกษา

    การศึกษาของพลเอกอาทิตย์ เริ่มต้นที่โรงเรียนพรหมวิทยามูล ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) และสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร

    ด้วยความฝันที่จะเป็นทหาร จึงได้เข้าศึกษาใน โรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 (ตทบ. 5) ระหว่างปี พ.ศ. 2487–2491 โดยรุ่นเดียวกันนี้ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นสำคัญ อาทิ พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ และพลเอกบรรจบ บุนนาค

    วีรบุรุษสะพานมัฆวาน ช่วงเวลาแห่งการสร้างตำนาน
    หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ชื่อของพลเอกอาทิตย์โดดเด่นคือ การประท้วงใหญ่ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประชาชนรวมตัวกัน เดินขบวนประท้วงการเลือกตั้ง ที่ถูกมองว่าไม่โปร่งใส

    ในขณะนั้น พลเอกอาทิตย์มียศเพียงร้อยเอก และเป็นหนึ่งในทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามคำสั่งของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้สั่งห้ามทหาร ทำร้ายประชาชน โดยเด็ดขาด

    การเปิดสะพานมัฆวานรังสรรค์ ให้ขบวนประท้วง เดินผ่านไปยังทำเนียบรัฐบาล ได้โดยสงบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่แสดงถึงความเป็นผู้นำ และการใช้เหตุผลเหนือกำลังอาวุธ

    กบฏยังเติร์ก บทบาทผู้นำในช่วงวิกฤต
    อีกเหตุการณ์ ที่ทำให้ชื่อของพลเอกอาทิตย์ ได้รับการยกย่องคือ การเข้าร่วมปราบ กบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1–3 เมษายน พ.ศ. 2524

    กลุ่มกบฏซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนายทหารรุ่น “จปร. 7” มีเป้าหมายที่จะยึดอำนาจ จากรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยการเคลื่อนกำลังทหารถึง 42 กองพัน ถือว่าเป็นความพยายามรัฐประหาร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย

    ในขณะนั้น พลเอกอาทิตย์ ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นกำลังสำคัญ ในการปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มกบฏ โดยได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และความไว้วางใจจากพลเอกเปรม

    ผลลัพธ์ของกบฏ
    การก่อกบฏสิ้นสุดลง โดยไม่มีการต่อสู้อย่างรุนแรง ฝ่ายรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกเปรมสามารถจัดการสถานการณ์ ได้อย่างรวดเร็ว และกลุ่มกบฏ ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

    บทบาทของพลเอกอาทิตย์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และในเวลาต่อมาได้เป็น ผู้บัญชาการทหารบก

    ความสัมพันธ์กับพลเอกเปรม จากมิตรสู่ความขัดแย้ง
    ในช่วงที่พลเอกเปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกอาทิตย์ ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง กลับตึงเครียดในช่วงปี พ.ศ. 2527 เมื่อพลเอกอาทิตย์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล

    ความขัดแย้งดังกล่าว นำไปสู่การที่พลเอกอาทิตย์ ถูกปลดจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ในปี พ.ศ. 2529 ท่ามกลางกระแสการเมือง ที่ร้อนแรง

    หลังเกษียณ ชีวิตในวงการการเมือง
    หลังจากเกษียณราชการ พลเอกอาทิตย์ได้เข้าสู่การเมือง โดยการก่อตั้ง พรรคปวงชนชาวไทย และได้รับการแต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

    อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายชีวิตทางการเมือง กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ (พ.ศ. 2535)

    การจากไปของ “บิ๊กซัน”
    พลเอกอาทิตย์ป่วยเรื้อรัง จากอาการติดเชื้อในปอด และเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรม เมื่อเวลา 06.20 น. ของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ด้วยวัย 89 ปี

    พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์ไทย ในหลายด้าน ทั้งในฐานะนักปกป้องประชาธิปไตย วีรบุรุษสะพานมัฆวาน และผู้นำในช่วงวิกฤตการณ์การเมือง

    แม้จะมีช่วงเวลา ที่ขัดแย้งกับผู้มีอำนาจทางการเมือง แต่ความมุ่งมั่นในหน้าที่ และความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยังคงทำให้ชื่อของบิ๊กซัน เป็นที่จดจำ

    ความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือน!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 190919 ม.ค. 2568

    #บิ๊กซัน #อาทิตย์กำลังเอก #วีรบุรุษสะพานมัฆวาน #กบฏยังเติร์ก #ประวัติศาสตร์ไทย #ผู้นำแห่งชาติ #ไทยในอดีต #การเมืองไทย #กองทัพไทย #10ปีแห่งการจากไป
    10 ปี สิ้นวีรบุรุษสะพานมัฆวาน “บิ๊กซัน” พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก มือปราบกบฏยังเติร์ก ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ประเทศไทยได้สูญเสียบุคคลสำคัญ ผู้ทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์การเมือง และการทหารของชาติไป นั่นคือ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก หรือที่สื่อมวลชนขนานนามว่า “บิ๊กซัน” วีรบุรุษสะพานมัฆวาน ผู้ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ ในการปกป้องระบอบประชาธิปไตย และปราบกบฏยังเติร์ก อย่างกล้าหาญ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 ณ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ ร้อยตรีพิณ กำลังเอก และนางสาคร กำลังเอก ชีวิตในวัยเด็ก เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และพยายามในการศึกษา การศึกษาของพลเอกอาทิตย์ เริ่มต้นที่โรงเรียนพรหมวิทยามูล ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) และสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลาย จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร ด้วยความฝันที่จะเป็นทหาร จึงได้เข้าศึกษาใน โรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 (ตทบ. 5) ระหว่างปี พ.ศ. 2487–2491 โดยรุ่นเดียวกันนี้ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นสำคัญ อาทิ พลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธ์ และพลเอกบรรจบ บุนนาค วีรบุรุษสะพานมัฆวาน ช่วงเวลาแห่งการสร้างตำนาน หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ชื่อของพลเอกอาทิตย์โดดเด่นคือ การประท้วงใหญ่ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประชาชนรวมตัวกัน เดินขบวนประท้วงการเลือกตั้ง ที่ถูกมองว่าไม่โปร่งใส ในขณะนั้น พลเอกอาทิตย์มียศเพียงร้อยเอก และเป็นหนึ่งในทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามคำสั่งของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งได้สั่งห้ามทหาร ทำร้ายประชาชน โดยเด็ดขาด การเปิดสะพานมัฆวานรังสรรค์ ให้ขบวนประท้วง เดินผ่านไปยังทำเนียบรัฐบาล ได้โดยสงบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่แสดงถึงความเป็นผู้นำ และการใช้เหตุผลเหนือกำลังอาวุธ กบฏยังเติร์ก บทบาทผู้นำในช่วงวิกฤต อีกเหตุการณ์ ที่ทำให้ชื่อของพลเอกอาทิตย์ ได้รับการยกย่องคือ การเข้าร่วมปราบ กบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1–3 เมษายน พ.ศ. 2524 กลุ่มกบฏซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนายทหารรุ่น “จปร. 7” มีเป้าหมายที่จะยึดอำนาจ จากรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยการเคลื่อนกำลังทหารถึง 42 กองพัน ถือว่าเป็นความพยายามรัฐประหาร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย ในขณะนั้น พลเอกอาทิตย์ ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นกำลังสำคัญ ในการปฏิบัติการตอบโต้กลุ่มกบฏ โดยได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และความไว้วางใจจากพลเอกเปรม ผลลัพธ์ของกบฏ การก่อกบฏสิ้นสุดลง โดยไม่มีการต่อสู้อย่างรุนแรง ฝ่ายรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกเปรมสามารถจัดการสถานการณ์ ได้อย่างรวดเร็ว และกลุ่มกบฏ ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ บทบาทของพลเอกอาทิตย์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และในเวลาต่อมาได้เป็น ผู้บัญชาการทหารบก ความสัมพันธ์กับพลเอกเปรม จากมิตรสู่ความขัดแย้ง ในช่วงที่พลเอกเปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกอาทิตย์ ได้รับการสนับสนุนอย่างมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง กลับตึงเครียดในช่วงปี พ.ศ. 2527 เมื่อพลเอกอาทิตย์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ความขัดแย้งดังกล่าว นำไปสู่การที่พลเอกอาทิตย์ ถูกปลดจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ในปี พ.ศ. 2529 ท่ามกลางกระแสการเมือง ที่ร้อนแรง หลังเกษียณ ชีวิตในวงการการเมือง หลังจากเกษียณราชการ พลเอกอาทิตย์ได้เข้าสู่การเมือง โดยการก่อตั้ง พรรคปวงชนชาวไทย และได้รับการแต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายชีวิตทางการเมือง กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ (พ.ศ. 2535) การจากไปของ “บิ๊กซัน” พลเอกอาทิตย์ป่วยเรื้อรัง จากอาการติดเชื้อในปอด และเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรม เมื่อเวลา 06.20 น. ของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ด้วยวัย 89 ปี พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์ไทย ในหลายด้าน ทั้งในฐานะนักปกป้องประชาธิปไตย วีรบุรุษสะพานมัฆวาน และผู้นำในช่วงวิกฤตการณ์การเมือง แม้จะมีช่วงเวลา ที่ขัดแย้งกับผู้มีอำนาจทางการเมือง แต่ความมุ่งมั่นในหน้าที่ และความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยังคงทำให้ชื่อของบิ๊กซัน เป็นที่จดจำ 🎖️ ความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือน! 🎖️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 190919 ม.ค. 2568 #บิ๊กซัน #อาทิตย์กำลังเอก #วีรบุรุษสะพานมัฆวาน #กบฏยังเติร์ก #ประวัติศาสตร์ไทย #ผู้นำแห่งชาติ #ไทยในอดีต #การเมืองไทย #กองทัพไทย #10ปีแห่งการจากไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1295 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลจาวาด กาฟารี แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เดินทางถึงซีเรียแล้ว และเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันทันที เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการประสานงานทางทหารของกองทัพซีเรียและกลุ่มพันธมิตรของแกนต่อต้าน เช่น ฟาติมียูนและเซเนบียูน การกลับมาของเขามีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเตรียมการสำหรับปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารครั้งใหญ่

    นายพลวากาฟารี เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารรัสเซีย คือ พลเอกซูโรวิกินและพลเอกไชโก(ปัจจุบันกลับมารับหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในซีเรียอีกครั้ง) พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า ที่ผ่านมามีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอดีต ทำให้กองทัพซีเรียได้รับชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ การที่เขาอยู่ในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นว่า "ทุกฝ่ายพร้อมสำหรับการดำเนินการที่เด็ดขาดและรุนแรง"
    นายพลจาวาด กาฟารี แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เดินทางถึงซีเรียแล้ว และเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันทันที เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการประสานงานทางทหารของกองทัพซีเรียและกลุ่มพันธมิตรของแกนต่อต้าน เช่น ฟาติมียูนและเซเนบียูน การกลับมาของเขามีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเตรียมการสำหรับปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารครั้งใหญ่ นายพลวากาฟารี เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารรัสเซีย คือ พลเอกซูโรวิกินและพลเอกไชโก(ปัจจุบันกลับมารับหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในซีเรียอีกครั้ง) พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า ที่ผ่านมามีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอดีต ทำให้กองทัพซีเรียได้รับชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ การที่เขาอยู่ในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นว่า "ทุกฝ่ายพร้อมสำหรับการดำเนินการที่เด็ดขาดและรุนแรง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • รัฐบาลอิสราเอลเดือดสุดขีด หลัง "โมเช่ ยาลอน" อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว ให้สัมภาษณ์กล่าวหาคณะรัฐมนตรีขวาจัดของ "เบนจามิน เนทันยาฮู" กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากตอนเหนือของกาซา ปูทางสู่การตั้งถิ่นฐานของชาวยิวอีกครั้ง
    .
    ยาลอนให้สัมภาษณ์สถานีเดโมแครต ทีวี ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคสาธารณะของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ว่า จำเป็นต้องออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่รัฐบาลพยายามปกปิด นั่นคือการก่ออาชญากรรมสงครามในกาซา
    .
    อดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ขยายความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จะทำให้ไม่มีเมืองเบตลาเฮียและเมืองเบตฮานูนอีกต่อไป และกองทัพอิสราเอลกำลังแทรกแซงในเมืองจาบาเลีย เพื่อกำจัดคนอาหรับออกไปให้หมด ตามเป้าหมายของพวกสายแข็งในคณะรัฐมนตรีขวาจัดของเนทันยาฮูที่ต้องการให้ชาวยิวกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์กล่าวหามานานแล้ว
    .
    ทั้งนี้ พื้นที่ตอนเหนือของกาซาซึ่งรวมถึงสถานที่ที่ยาลอนกล่าวถึง เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับไปซ่องสุมกำลังอีก
    .
    ยาลอน วัย 74 ปี เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลระหว่างปี 2002-2005 ก่อนที่อิสราเอลจะถอนกำลังออกจากกาซา
    .
    นอกจากนั้นเขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมและรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนลาออกในปี 2016 เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกับเนทันยาฮู ซึ่งก็เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูอย่างรุนแรง
    .
    หลังจากการให้สัมภาษณ์ของยาลอน ทางด้าน กิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและหัวหน้าพรรคปีกขวา ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาของยาลอนไม่มีหลักฐาน รวมทั้งยืนยันว่า ทุกอย่างที่อิสราเอลทำสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    อิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นพวกขวาจัด บอกว่า น่าละอายที่อิสราเอลเคยมีอดีตผู้บัญชาการกองทัพและรัฐมนตรีกลาโหมแบบยาลอน
    .
    อย่างไรก็ดี ยิตซัค โกลด์นอปฟ์ รัฐมนตรีการเคหะ ของอิสราเอลที่เดินทางไปยังชายแดนกาซาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (28 พ.ย.) ประกาศยืนกรานว่า การตั้งถิ่นฐานชาวยิวในกาซาเป็นคำตอบสำหรับการสังหารหมู่ของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)
    .
    สำหรับพรรคลิคุด ของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวหายาลอนปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งเท่ากับเป็นการหยิบยื่นของขวัญให้ไอซีซีและศัตรูของอิสราเอล
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไอซีซีเพิ่งออกหมายจับเนทันยาฮูและโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากสงสัยว่า ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในกาซา
    .
    ทั้งเนทันยาฮูและกัลแลนต์ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ยาลอนเตือนว่า อิสราเอลมาถึงทางแยกที่รัฐบาลกำลังมองหาหนทางในการพิชิต เข้าผนวก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    .
    สงครามในกาซาปะทุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสจู่โจมเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 และสังหารเหยื่อ 1,207 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมทั้งจับตัวประกันกว่า 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิต ในกาซา ไปแล้วอย่างน้อย 44,429 คน
    .
    ต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการพิเศษของสหประชาชาติ สรุปว่า การทำสงครามของอิสราเอลในกาซาสอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นใช้คำนี้กับบริบทสงครามในกาซา
    .
    ทว่า อิสราเอลปฏิเสธการประเมินของยูเอ็นโดยอ้างว่า เป็นการปั้นแต่งเรื่องเพื่อต่อต้านตน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116066
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลอิสราเอลเดือดสุดขีด หลัง "โมเช่ ยาลอน" อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว ให้สัมภาษณ์กล่าวหาคณะรัฐมนตรีขวาจัดของ "เบนจามิน เนทันยาฮู" กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากตอนเหนือของกาซา ปูทางสู่การตั้งถิ่นฐานของชาวยิวอีกครั้ง . ยาลอนให้สัมภาษณ์สถานีเดโมแครต ทีวี ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคสาธารณะของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ว่า จำเป็นต้องออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่รัฐบาลพยายามปกปิด นั่นคือการก่ออาชญากรรมสงครามในกาซา . อดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ขยายความว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จะทำให้ไม่มีเมืองเบตลาเฮียและเมืองเบตฮานูนอีกต่อไป และกองทัพอิสราเอลกำลังแทรกแซงในเมืองจาบาเลีย เพื่อกำจัดคนอาหรับออกไปให้หมด ตามเป้าหมายของพวกสายแข็งในคณะรัฐมนตรีขวาจัดของเนทันยาฮูที่ต้องการให้ชาวยิวกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์กล่าวหามานานแล้ว . ทั้งนี้ พื้นที่ตอนเหนือของกาซาซึ่งรวมถึงสถานที่ที่ยาลอนกล่าวถึง เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับไปซ่องสุมกำลังอีก . ยาลอน วัย 74 ปี เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอลระหว่างปี 2002-2005 ก่อนที่อิสราเอลจะถอนกำลังออกจากกาซา . นอกจากนั้นเขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมและรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนลาออกในปี 2016 เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกับเนทันยาฮู ซึ่งก็เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูอย่างรุนแรง . หลังจากการให้สัมภาษณ์ของยาลอน ทางด้าน กิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศและหัวหน้าพรรคปีกขวา ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาของยาลอนไม่มีหลักฐาน รวมทั้งยืนยันว่า ทุกอย่างที่อิสราเอลทำสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ . อิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นพวกขวาจัด บอกว่า น่าละอายที่อิสราเอลเคยมีอดีตผู้บัญชาการกองทัพและรัฐมนตรีกลาโหมแบบยาลอน . อย่างไรก็ดี ยิตซัค โกลด์นอปฟ์ รัฐมนตรีการเคหะ ของอิสราเอลที่เดินทางไปยังชายแดนกาซาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (28 พ.ย.) ประกาศยืนกรานว่า การตั้งถิ่นฐานชาวยิวในกาซาเป็นคำตอบสำหรับการสังหารหมู่ของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว และสำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) . สำหรับพรรคลิคุด ของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กล่าวหายาลอนปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งเท่ากับเป็นการหยิบยื่นของขวัญให้ไอซีซีและศัตรูของอิสราเอล . ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไอซีซีเพิ่งออกหมายจับเนทันยาฮูและโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากสงสัยว่า ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามในกาซา . ทั้งเนทันยาฮูและกัลแลนต์ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ยาลอนเตือนว่า อิสราเอลมาถึงทางแยกที่รัฐบาลกำลังมองหาหนทางในการพิชิต เข้าผนวก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ . สงครามในกาซาปะทุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสจู่โจมเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 และสังหารเหยื่อ 1,207 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน รวมทั้งจับตัวประกันกว่า 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา ขณะที่ปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิต ในกาซา ไปแล้วอย่างน้อย 44,429 คน . ต้นเดือนนี้ คณะกรรมาธิการพิเศษของสหประชาชาติ สรุปว่า การทำสงครามของอิสราเอลในกาซาสอดคล้องกับลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นใช้คำนี้กับบริบทสงครามในกาซา . ทว่า อิสราเอลปฏิเสธการประเมินของยูเอ็นโดยอ้างว่า เป็นการปั้นแต่งเรื่องเพื่อต่อต้านตน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116066 .............. Sondhi X
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1249 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาศึกตะวันออกกลาง เนทันยาฮูบ้าสงคราม
    .
    สงครามนี้ยืดเยื้อมาหนึ่งปีแล้ว สงครามนี้ได้เปลี่ยนสถานภาพจากสงครามตัวแทนระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ขยายตัวเป็นสงครามตัวจริง ระหว่างอิหร่าน และ อิสราเอล และเหล่าพันธมิตรแห่งการต่อต้าน
    .
    สงครามครั้งนี้แท้จริงก็คือความโหดเหี้ยมอำมหิต ความบ้าเลือดของรัฐยิว ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายเกือบ 5 หมื่นคน ทำให้คนนับล้านต้องพลัดพรากจากแผ่นดินเกิด ต้องสูญเสียญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และคนที่รัก เพียงเพื่อปกป้องอำนาจทางการเมืองของนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่หนุนหลังอิสราเอลอยู่
    .
    ผมเคยเอารูปให้ดูนะครับ แผนที่แสดงถึงการเข้ายึดครองดินแดนปาเลสไตน์ และกลืนชาติโดยอิสราเอล ณ เวลานี้ แนวรบที่ดุเดือดที่สุดก็คือ เลบานอน ที่อิสราเอลใช้ทั้งการโจมตีทางอากาศและรถถังบุกเข้าไป โดยอ้างว่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลลาห์ สิ่งที่เกิดขึ้นในเลบานอนแสดงให้เห็นชัดว่า สงครามตะวันออกกลางในขณะนี้ได้พัฒนาและเปลี่ยนโฉมแตกต่างไปจากเมื่อหนึ่งปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
    .
    แนวรบที่กำลังรอวันเปิดศึก และจะน่ากลัวที่สุดคึอ แนวรบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน อิสราเอลได้สังหารแกนนำกลุ่มฮามาส และฮิซบอลลาห์ ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับอิหร่านโดยตรง อิหร่านได้เริ่มปฏิบัติการตอบโต้ในวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมาโดยยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูก โจมตีอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลบอกว่าจะเอาคืนอย่างแน่นอน คือ (1) โจมตีจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร (2) โจมตีแหล่งพลังงาน (3) โจมตีโรงงานนิวเคลียร์
    .
    สหรัฐฯ ที่เคยขู่ว่าเป็นพี่ใหญ่ของอิสราเอล วันนี้นายเนทันยาฮู กลับไม่เห็นนายไบเดน อยู่ในสายตา ปฏิเสธทั้งข้อเสนอให้หยุดยิงชั่วคราว และคำขอให้ตอบโต้พอเหมาะพอสม แต่กลับระดมโจมตีหนักหน่วง ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะว่านายเนทันยาฮู ต้องการผูกขาสหรัฐฯเอาไว้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ต้องสนับสนุนอิสราเอลอย่างแน่นอน
    .
    นายเนทันยาฮู ใช้อำนาจพิเศษใน ครม.สงคราม ไม่ต้องการให้มีการตกลงใดๆ เพราะว่าการหยุดยิงอาจหมายถึงการล่มสลายของรัฐบาลนายเนทันยาฮู นายเนทันยาฮู ไม่แคร์เรื่องตัวประกัน สิ่งที่นายเนทันยาฮู ต้องการ คือ อยู่ในอำนาจนานที่สุด เพราะถ้าลงจากอำนาจ เสี่ยงเรื่องการติดคุก หรือถูกดำเนินคดีข้อหาอาชญากรสงครามในทันที
    มหาศึกตะวันออกกลาง เนทันยาฮูบ้าสงคราม . สงครามนี้ยืดเยื้อมาหนึ่งปีแล้ว สงครามนี้ได้เปลี่ยนสถานภาพจากสงครามตัวแทนระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ขยายตัวเป็นสงครามตัวจริง ระหว่างอิหร่าน และ อิสราเอล และเหล่าพันธมิตรแห่งการต่อต้าน . สงครามครั้งนี้แท้จริงก็คือความโหดเหี้ยมอำมหิต ความบ้าเลือดของรัฐยิว ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายเกือบ 5 หมื่นคน ทำให้คนนับล้านต้องพลัดพรากจากแผ่นดินเกิด ต้องสูญเสียญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และคนที่รัก เพียงเพื่อปกป้องอำนาจทางการเมืองของนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่หนุนหลังอิสราเอลอยู่ . ผมเคยเอารูปให้ดูนะครับ แผนที่แสดงถึงการเข้ายึดครองดินแดนปาเลสไตน์ และกลืนชาติโดยอิสราเอล ณ เวลานี้ แนวรบที่ดุเดือดที่สุดก็คือ เลบานอน ที่อิสราเอลใช้ทั้งการโจมตีทางอากาศและรถถังบุกเข้าไป โดยอ้างว่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลลาห์ สิ่งที่เกิดขึ้นในเลบานอนแสดงให้เห็นชัดว่า สงครามตะวันออกกลางในขณะนี้ได้พัฒนาและเปลี่ยนโฉมแตกต่างไปจากเมื่อหนึ่งปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง . แนวรบที่กำลังรอวันเปิดศึก และจะน่ากลัวที่สุดคึอ แนวรบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน อิสราเอลได้สังหารแกนนำกลุ่มฮามาส และฮิซบอลลาห์ ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับอิหร่านโดยตรง อิหร่านได้เริ่มปฏิบัติการตอบโต้ในวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมาโดยยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูก โจมตีอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลบอกว่าจะเอาคืนอย่างแน่นอน คือ (1) โจมตีจุดยุทธศาสตร์ทางการทหาร (2) โจมตีแหล่งพลังงาน (3) โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ . สหรัฐฯ ที่เคยขู่ว่าเป็นพี่ใหญ่ของอิสราเอล วันนี้นายเนทันยาฮู กลับไม่เห็นนายไบเดน อยู่ในสายตา ปฏิเสธทั้งข้อเสนอให้หยุดยิงชั่วคราว และคำขอให้ตอบโต้พอเหมาะพอสม แต่กลับระดมโจมตีหนักหน่วง ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะว่านายเนทันยาฮู ต้องการผูกขาสหรัฐฯเอาไว้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ต้องสนับสนุนอิสราเอลอย่างแน่นอน . นายเนทันยาฮู ใช้อำนาจพิเศษใน ครม.สงคราม ไม่ต้องการให้มีการตกลงใดๆ เพราะว่าการหยุดยิงอาจหมายถึงการล่มสลายของรัฐบาลนายเนทันยาฮู นายเนทันยาฮู ไม่แคร์เรื่องตัวประกัน สิ่งที่นายเนทันยาฮู ต้องการ คือ อยู่ในอำนาจนานที่สุด เพราะถ้าลงจากอำนาจ เสี่ยงเรื่องการติดคุก หรือถูกดำเนินคดีข้อหาอาชญากรสงครามในทันที
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1270 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกไซออนิสต์ กำลังหยั่งรากลึกในสถาบันการเมืองของสหรัฐฯ และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้อเมริกาแสร้งมองไม่เห็นพฤติกรรมของรัฐยิวที่กำลังแผ่ขยายสงครามนองเลือดไปทั่วภูมิภาค จากคำกล่าวหาของ ฮาคาน ไฟเดน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีอาร์ทีตุรกีเมื่อวันเสาร์(28ก.ย.) ไฟดาน กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ถล่มกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อเร็วๆนี้ สังหาร ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำการเมืองของกลุ่มติดอาวุธ พร้อมบอกว่าเหตุการณ์ต่างๆในช่วงไม่นานที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความกังวลขั้นเลวร้ายสุดของตุรกี เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งตะวันออกกลางจะลุกลามบานปลายออกไปนอกฉนวนกาซา ได้กลายเป็นจริงแล้ว
    .
    "เราเคยบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ยอมหยุด พวกเขาจะแผ่ลามสงครามนี้ไปยังที่อื่นๆ มันดูเหมือนจะเป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าในตุรกี ทั้งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และคณะทำงานของเขา ที่ต้องการขยายสงครามไปยังทั่วภูมิภาค และพวกเขากำลังพยายามเดินหน้าในเรื่องนี้"
    .
    ไฟดานกล่าวหาสหรัฐฯกำลังหลับหูหลับตา มองไม่เห็นการกระทำของอิสราเอล โดยอ้างว่าพวกไซออนิสต์ กำลังหยั่งรากลึกในสถาบันการเมืองของสหรัฐฯ "ข้อเท็จจริงคืออำนาจทั้งหมดของรัฐอเมริกา ถูกเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่โครงสร้างหนึ่งๆที่รับใช้อิสราเอล ไม่มีข้อโต้แย้งในประเด็นนี้อีกต่อไป แต่มันกลายเป็นความจริงของชีวิตที่ยอมรับกัน แน่นอนว่า มันทำให้คนอเมริกาที่มีสติ ลำบากใจเป็นอย่างมาก"
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าวต่อว่า "นักการเมืองอเมริกาบางส่วน ไม่อาจคัดค้านนโยบายต่างประเทศนี้อย่างเปิดเผย หากว่าพวกเขายังคงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของระบบ พวกเขาอยู่ในภาวะสิ้่นหวังเช่นกัน"
    .
    .ไฟดาน ได้กล่าวถึง นัสรัลเลาะห์ ว่า "เป็นบุคคลสำคัญในภูมิภาค" และ "ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่มีเขานั้น เป็นเรื่องยากลำบากที่จะเติมเต็ม"
    .
    ตุรกี ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอล ต่อกรณีที่พวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานรัฐยิวเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ผลก็คือฉนวนกาซาถูกทำลายล้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ถึงขั้นเปรียบเทียบ เนทันยาฮู กับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี พร้อมทั้งประณามการโจมตีกรุงเบรุตของอิสราเอล เรียกมันว่าเป็นการสังหารหมู่ที่ไม่มีคนรู้ชอบชั่วดีรายใดที่สามารถยอมรับได้
    .
    สหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญของอิสราเอลในภูมิภาคและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ ตามหลังการสังหารนัสรัลเลาะห์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา บอกว่า "สหรัฐฯสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในสิทธิการป้องกันตนเองของอิสราเอลจากฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆที่อิหร่านสนับสนุน" เขากล่าวต่อว่า "การตายของนัสรัลเลาะห์จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ คือมาตรการแห่งความยุติธรรม สำหรับเหยื่อจำนวนมากของเขา ในนั้นรวมถึงพลเมืองอเมริกา อิสราเอลและเลบานอน หลายพันชีวิต"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092353
    ..................
    Sondhi X
    พวกไซออนิสต์ กำลังหยั่งรากลึกในสถาบันการเมืองของสหรัฐฯ และมันเป็นสาเหตุที่ทำให้อเมริกาแสร้งมองไม่เห็นพฤติกรรมของรัฐยิวที่กำลังแผ่ขยายสงครามนองเลือดไปทั่วภูมิภาค จากคำกล่าวหาของ ฮาคาน ไฟเดน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา . ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีอาร์ทีตุรกีเมื่อวันเสาร์(28ก.ย.) ไฟดาน กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ถล่มกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อเร็วๆนี้ สังหาร ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำการเมืองของกลุ่มติดอาวุธ พร้อมบอกว่าเหตุการณ์ต่างๆในช่วงไม่นานที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความกังวลขั้นเลวร้ายสุดของตุรกี เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งตะวันออกกลางจะลุกลามบานปลายออกไปนอกฉนวนกาซา ได้กลายเป็นจริงแล้ว . "เราเคยบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ยอมหยุด พวกเขาจะแผ่ลามสงครามนี้ไปยังที่อื่นๆ มันดูเหมือนจะเป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าในตุรกี ทั้งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และคณะทำงานของเขา ที่ต้องการขยายสงครามไปยังทั่วภูมิภาค และพวกเขากำลังพยายามเดินหน้าในเรื่องนี้" . ไฟดานกล่าวหาสหรัฐฯกำลังหลับหูหลับตา มองไม่เห็นการกระทำของอิสราเอล โดยอ้างว่าพวกไซออนิสต์ กำลังหยั่งรากลึกในสถาบันการเมืองของสหรัฐฯ "ข้อเท็จจริงคืออำนาจทั้งหมดของรัฐอเมริกา ถูกเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่โครงสร้างหนึ่งๆที่รับใช้อิสราเอล ไม่มีข้อโต้แย้งในประเด็นนี้อีกต่อไป แต่มันกลายเป็นความจริงของชีวิตที่ยอมรับกัน แน่นอนว่า มันทำให้คนอเมริกาที่มีสติ ลำบากใจเป็นอย่างมาก" . รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีกล่าวต่อว่า "นักการเมืองอเมริกาบางส่วน ไม่อาจคัดค้านนโยบายต่างประเทศนี้อย่างเปิดเผย หากว่าพวกเขายังคงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของระบบ พวกเขาอยู่ในภาวะสิ้่นหวังเช่นกัน" . .ไฟดาน ได้กล่าวถึง นัสรัลเลาะห์ ว่า "เป็นบุคคลสำคัญในภูมิภาค" และ "ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่มีเขานั้น เป็นเรื่องยากลำบากที่จะเติมเต็ม" . ตุรกี ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อปฏิบัติการตอบโต้ของอิสราเอล ต่อกรณีที่พวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานรัฐยิวเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ผลก็คือฉนวนกาซาถูกทำลายล้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ถึงขั้นเปรียบเทียบ เนทันยาฮู กับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี พร้อมทั้งประณามการโจมตีกรุงเบรุตของอิสราเอล เรียกมันว่าเป็นการสังหารหมู่ที่ไม่มีคนรู้ชอบชั่วดีรายใดที่สามารถยอมรับได้ . สหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญของอิสราเอลในภูมิภาคและเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ ตามหลังการสังหารนัสรัลเลาะห์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา บอกว่า "สหรัฐฯสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในสิทธิการป้องกันตนเองของอิสราเอลจากฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆที่อิหร่านสนับสนุน" เขากล่าวต่อว่า "การตายของนัสรัลเลาะห์จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ คือมาตรการแห่งความยุติธรรม สำหรับเหยื่อจำนวนมากของเขา ในนั้นรวมถึงพลเมืองอเมริกา อิสราเอลและเลบานอน หลายพันชีวิต" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092353 .................. Sondhi X
    Like
    Angry
    Yay
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1395 มุมมอง 0 รีวิว