• เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • นานาชาติรุมประณาม 'อิสราเอล' หลังขัดขวางขบวนเรือ 40 ลำกลางทะเล ขณะมุ่งหน้าสู่กาซาในภารกิจมนุษยธรรม
    https://www.thai-tai.tv/news/21730/
    .
    #GlobalSumudFlotilla #ความขัดแย้งอิสราเอลปาเลสไตน์ #ปิดล้อมกาซา #ภารกิจมนุษยธรรม #ตุรกี #โคลอมเบียขับนักการทูต #เกรียตา ทุนแบร์ย #ไทยไท #การเมือง
    นานาชาติรุมประณาม 'อิสราเอล' หลังขัดขวางขบวนเรือ 40 ลำกลางทะเล ขณะมุ่งหน้าสู่กาซาในภารกิจมนุษยธรรม https://www.thai-tai.tv/news/21730/ . #GlobalSumudFlotilla #ความขัดแย้งอิสราเอลปาเลสไตน์ #ปิดล้อมกาซา #ภารกิจมนุษยธรรม #ตุรกี #โคลอมเบียขับนักการทูต #เกรียตา ทุนแบร์ย #ไทยไท #การเมือง
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 4”
    ก่อนที่พวกกบฎอาหรับจะเริ่มปฏิบัติการ และก่อนที่ Sharif Hussein จะได้สร้างอาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่ McMahon ทำสัญญาหลอกให้ sharif Hussein มารบมาตายแทนอังกฤษ อังกฤษกับฝรั่งเศส มีแผนอื่นที่ตกลงกันไปเรียบร้อย แล้ว ฤดูหนาวปี ค.ศ. 1915 – ค.ศ. 1916 นักการทูต 2 นาย คือ Sir Mark Sykes ของอังกฤษกับ Francois Georges–Picot ของฝรั่งเศส ได้แอบหารือกันอย่างลับ ๆ เกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของอาณาจักรออตโตมาน หลังการล่มสลาย ! หวังว่าคงจำกันได้ อังกฤษได้วางแผนให้ฝรั่งเศสมาร่วมรายการสลายออตโตมาน ขยี้เยอรมันด้วยกัน (อยู่ในตอนแถมของนิทาน “ลูกครึ่งหรือนกสองตัว”) เพราะฉะนั้นก็จำเป็นต้องมีสัญญาแบ่งเค้ก แบ่งรางวัลที่จะได้มาจากการปล้นเมืองเขากัน
    สัญญานี้ต่อมาเรียกว่า Sykes-Picot Agreement อังกฤษกับฝรั่งเศส ตกลงที่จะแบ่งโลกอาหรับระหว่างพวกเขากันเอง อังกฤษบอกว่าเราจะเอาบริเวณ ซึ่งปัจจุบันเป็นอิรัค คูเวต และจอร์แดน ส่วนฝรั่งเศสบอก งั้นเราเอาส่วนที่ทันสมัยหน่อย คือ ซีเรีย เลบาบอน และทางใต้ของตุรกี ส่วนสถานะของปาเลสไตน์ ยังไม่ตกลงกันเอาไว้ว่ากันที่หลัง เพราะจะต้องถามพวกยิวก่อน แต่ส่วนดินแดนที่ควรจะเป็นอาณาจักรอาหรับในความฝันของ Sharif Hussein ให้อยู่ในความควบคุมดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศส อืม ! รบเกือบตาย ได้แต่ความฝัน ! สมันน้อยมีเรื่องให้เรียนรู้แยะนะ !
    สัญญา Sykes-Picot นี้ อังกฤษและฝรั่งเศส ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด สำหรับการแบ่งขนมเค้กชิ้นที่เรี ยกว่าตะวันออกกลาง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ขึ้นชื่อว่าความลับ ยังไงก็ต้องมีรั่ว ไม่เคยปิดมิดหรอก เพราะฉะนั้นอย่าไปมีเลยความลับ เปิดซะให้หมดนะครับ เปิดเองดีกว่าให้คนอื่นมาเปิด นี่ผมบอกกับตัวเองนะ ใครอย่าเหมาว่าผมบอกใบ้ใครก็แล้วกัน
    สัญญาลับนี่เกิดรั่วมาถึงสาธารณะ เมื่อปี ค.ศ 1917 เมื่อหลังสงครามโลก หลังรัสเซียเกิดปฏิวัติ รัฐบาล
บอลเชวิกนำสัญญาแบ่งเค้กมาเปิดเผย เพราะอยากจะหักหน้าอังกฤษและฝรั่งเศส มันขัดกับสัญญาที่อังกฤษทำให้ไว้กับ Sharif Hussein และก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงระหว่างชาวอาหรับกับอังกฤษ แต่สัญญานี้ไม่ใช่เป็นข้อขัดแย้ง ฉบับเดียวที่อังกฤษสร้างไว้ให้แก่ชาวอาหรับ
    อีกกลุ่มหนึ่งที่อยากจะมีสิทธิออกเสียงเกี่ยวกับดินแดนในตะวันออกกลาง คือกลุ่มสนับสนุนชาวยิว Zionism เป็นขบวนการทางการเมืองที่เรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐยิวขึ้น ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของปาเลสไตน์ มันเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 กว่า ขบวนการนี้พยายามจะหาที่ลงให้แก่ชาวยิว ที่หนีหรือถูกไล่ออกมาจากยุโรป ซึ่งส่วนมากเคยอาศัยอยู่ในเยอรมัน โปแลนด์ และรัสเซีย (เบื้องหลังของการที่พวกยิวถูกให้ออกมาจากยุโรป โดยเฉพาะรัสเซียนั้น ช่วยกลับไปอ่านนิทานมายากลยุทธนะครับ)
    ในที่สุดพวกนิยมชาวยิว Zionist ก็ กดดันรัฐบาลอังกฤษระหว่างสงคราม โลกครั้งที่ 1 ให้ยินยอมให้พวกเขา ตั้งรกฝังรากที่ปาเลสไตน์ เมื่อสงครามจบสิ้น ด้านรัฐบาลอังกฤษเอง ก็มีพวกที่เห็นใจชาวยิว เช่น นาย Arthur Balfour รมว.ต่างประเทศของอังกฤษเอง ซึ่งถึงกับเขียนจดหมายลงวันที่ 2 พ.ย 1912 ไปหา หัวหน้ายิวตัวใหญ่ คือ Baron Rothschild (ตัวแสบ) แจ้งว่ารัฐบาลอังกฤษ ยินดีสนับสนุนอย่างเป็นทางการให้ ชาวยิวได้มีสถานที่ตั้งรกฝังรากที่ปาเลสไตน์ โดยจะพยายามผลักดันเต็มความสามารถ แต่เป็นที่เข้าใจกันอย่างแจ้งชัดว่า การสนับสนุนนี้ ย่อมไม่เป็นการกระทบต่อสิทธิอันเสมอภาคของประชาชน และสิทธิทางศาสนาที่มีอยู่ของชุมชนที่มิใช่ชาวยิว ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ ในขณะเดียวกัน สิทธิของชาวยิวหรือสถานะทางการเมืองของชาวยิว ที่มีอยู่ในประเทศอื่น ก็ย่อมไม่ถูกกระทบด้วยเช่นเดียวกัน
    จดหมายนี้ประวัติศาสตร์ เรียกว่า The Balfour Declaration ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างให้เห็นการฑูตแบบตวัดลิ้นของอังกฤษได้ชัดเจนดี
    ขณะนั้นนาย Woodlow Wilson ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของอเมริการอบ 2 ประกาศว่า มนุษย์ควรมีสิทธิเลือกระบบการปกครองของตนเอง พัฒนาตนเองโดยไม่มีการปิดกั้น ไม่มีการข่มขู่ และไม่ต้องมีความเกรงกลัว นักประวัติศาสตร์ฝรั่งบันทึกว่า ในขณะที่ประกาศ ประธานาธิบดี Wilson ไม่รู้เลยว่าสัญญาแบ่งเค้ก Sykes-Picot Agreement นั้น เกิดขึ้นแล้ว แต่อังกฤษก็ร้อนท้อง ไม่อยากให้มิตรใหม่มองเห็นความตะกละของตนชัดแจ้งนัก จึงรีบเดินหน้าเรื่องข้อตกลง Balfour กับยิว (เป็นการเปิดตัวแสดงของอเมริกา ผู้พิทักษ์ที่สวยหรูมาก ควรจะมีไฟส่องและเพลงชาติอเมริกันประกอบ จะดูเนียนมาก)
    เมื่อประธานาธิบดี Wilson เดินทางมาถึงปารีส เมื่อต้นปี ค.ศ. 1919 เพื่อเข้าร่วมเจรจากับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และหัวหน้าของฝ่ายฝรั่งเศส Clemenceau เขาได้เห็นอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังยื้อแย่งเค้กอาหรับกัน อย่างตะกระตะกราม ฝรั่งเศสยืนยันว่าตนเองควรได้ปกครองเลบานอน และดินแดนที่ยึดไปถึงแม่น้ำ Tigris ซึ่งปัจจุบันคือซีเรีย ตามที่สัญญาแบ่งเค้ก Sykes-Picot กำหนดไว้
    อังกฤษขณะนั้น เพิ่งได้รับข่าวเกี่ยวกับแหล่งน้ำมันมหึมาแถวเมโสโปเตเมีย (หรืออิรัคในปัจจุบัน) จึงรีบเปลี่ยนบทเป็นคัดค้าน อ้างว่าถ้ายก Syria ให้ฝรั่งเศส แล้วเราจะไปตอบกับพวกอาหรับที่มาช่วยรบได้อย่างไร แล้วอันที่จริงเราอังกฤษน่ะ เป็นผู้ลงทุนลงแรงเกือบทั้งหมดในการต่อสู้ในตะวันออกกลาง ใช้ทหารไปเกือบล้านคน ตายเจ็บไป 125,000 คน ดังนั้น ถ้าซีเรียจะเป็นของใครอื่นนอกจากชาวอาหรับแล้ว ก็ควรเป็น ของอังกฤษมากกว่า โอโห ! บทนี้มันอังกฤษของแท้ ตอแหลบิดเบือนได้อย่างยากที่ใครจะเลียนแบบ ขนมเค้กทำให้คู่หูเริ่มแตกคอกัดกันเอง
    ประธานาธิบดี Wilson เสนอทางออกว่า วิธีที่จะรู้ว่าชาวซีเรียยอมรับการปกครองของฝรั่งเศสหรือไม่ และปาเลสไตน์และเมโสโปเตเมีย จะรับการปกครองของอังกฤษหรือไม่นั้น ไม่ยากเลยเพื่อน ก็แค่ไปทำการสำรวจถามชาวบ้านแถวนั้นเขาดูว่า เขาต้องการอย่างไร เอ๊ะ ! ฉลาด เป็นกลาง หรือมีแผนซ้อน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 4” ก่อนที่พวกกบฎอาหรับจะเริ่มปฏิบัติการ และก่อนที่ Sharif Hussein จะได้สร้างอาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่ McMahon ทำสัญญาหลอกให้ sharif Hussein มารบมาตายแทนอังกฤษ อังกฤษกับฝรั่งเศส มีแผนอื่นที่ตกลงกันไปเรียบร้อย แล้ว ฤดูหนาวปี ค.ศ. 1915 – ค.ศ. 1916 นักการทูต 2 นาย คือ Sir Mark Sykes ของอังกฤษกับ Francois Georges–Picot ของฝรั่งเศส ได้แอบหารือกันอย่างลับ ๆ เกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของอาณาจักรออตโตมาน หลังการล่มสลาย ! หวังว่าคงจำกันได้ อังกฤษได้วางแผนให้ฝรั่งเศสมาร่วมรายการสลายออตโตมาน ขยี้เยอรมันด้วยกัน (อยู่ในตอนแถมของนิทาน “ลูกครึ่งหรือนกสองตัว”) เพราะฉะนั้นก็จำเป็นต้องมีสัญญาแบ่งเค้ก แบ่งรางวัลที่จะได้มาจากการปล้นเมืองเขากัน สัญญานี้ต่อมาเรียกว่า Sykes-Picot Agreement อังกฤษกับฝรั่งเศส ตกลงที่จะแบ่งโลกอาหรับระหว่างพวกเขากันเอง อังกฤษบอกว่าเราจะเอาบริเวณ ซึ่งปัจจุบันเป็นอิรัค คูเวต และจอร์แดน ส่วนฝรั่งเศสบอก งั้นเราเอาส่วนที่ทันสมัยหน่อย คือ ซีเรีย เลบาบอน และทางใต้ของตุรกี ส่วนสถานะของปาเลสไตน์ ยังไม่ตกลงกันเอาไว้ว่ากันที่หลัง เพราะจะต้องถามพวกยิวก่อน แต่ส่วนดินแดนที่ควรจะเป็นอาณาจักรอาหรับในความฝันของ Sharif Hussein ให้อยู่ในความควบคุมดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศส อืม ! รบเกือบตาย ได้แต่ความฝัน ! สมันน้อยมีเรื่องให้เรียนรู้แยะนะ ! สัญญา Sykes-Picot นี้ อังกฤษและฝรั่งเศส ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด สำหรับการแบ่งขนมเค้กชิ้นที่เรี ยกว่าตะวันออกกลาง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ขึ้นชื่อว่าความลับ ยังไงก็ต้องมีรั่ว ไม่เคยปิดมิดหรอก เพราะฉะนั้นอย่าไปมีเลยความลับ เปิดซะให้หมดนะครับ เปิดเองดีกว่าให้คนอื่นมาเปิด นี่ผมบอกกับตัวเองนะ ใครอย่าเหมาว่าผมบอกใบ้ใครก็แล้วกัน สัญญาลับนี่เกิดรั่วมาถึงสาธารณะ เมื่อปี ค.ศ 1917 เมื่อหลังสงครามโลก หลังรัสเซียเกิดปฏิวัติ รัฐบาล
บอลเชวิกนำสัญญาแบ่งเค้กมาเปิดเผย เพราะอยากจะหักหน้าอังกฤษและฝรั่งเศส มันขัดกับสัญญาที่อังกฤษทำให้ไว้กับ Sharif Hussein และก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงระหว่างชาวอาหรับกับอังกฤษ แต่สัญญานี้ไม่ใช่เป็นข้อขัดแย้ง ฉบับเดียวที่อังกฤษสร้างไว้ให้แก่ชาวอาหรับ อีกกลุ่มหนึ่งที่อยากจะมีสิทธิออกเสียงเกี่ยวกับดินแดนในตะวันออกกลาง คือกลุ่มสนับสนุนชาวยิว Zionism เป็นขบวนการทางการเมืองที่เรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐยิวขึ้น ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของปาเลสไตน์ มันเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 กว่า ขบวนการนี้พยายามจะหาที่ลงให้แก่ชาวยิว ที่หนีหรือถูกไล่ออกมาจากยุโรป ซึ่งส่วนมากเคยอาศัยอยู่ในเยอรมัน โปแลนด์ และรัสเซีย (เบื้องหลังของการที่พวกยิวถูกให้ออกมาจากยุโรป โดยเฉพาะรัสเซียนั้น ช่วยกลับไปอ่านนิทานมายากลยุทธนะครับ) ในที่สุดพวกนิยมชาวยิว Zionist ก็ กดดันรัฐบาลอังกฤษระหว่างสงคราม โลกครั้งที่ 1 ให้ยินยอมให้พวกเขา ตั้งรกฝังรากที่ปาเลสไตน์ เมื่อสงครามจบสิ้น ด้านรัฐบาลอังกฤษเอง ก็มีพวกที่เห็นใจชาวยิว เช่น นาย Arthur Balfour รมว.ต่างประเทศของอังกฤษเอง ซึ่งถึงกับเขียนจดหมายลงวันที่ 2 พ.ย 1912 ไปหา หัวหน้ายิวตัวใหญ่ คือ Baron Rothschild (ตัวแสบ) แจ้งว่ารัฐบาลอังกฤษ ยินดีสนับสนุนอย่างเป็นทางการให้ ชาวยิวได้มีสถานที่ตั้งรกฝังรากที่ปาเลสไตน์ โดยจะพยายามผลักดันเต็มความสามารถ แต่เป็นที่เข้าใจกันอย่างแจ้งชัดว่า การสนับสนุนนี้ ย่อมไม่เป็นการกระทบต่อสิทธิอันเสมอภาคของประชาชน และสิทธิทางศาสนาที่มีอยู่ของชุมชนที่มิใช่ชาวยิว ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ ในขณะเดียวกัน สิทธิของชาวยิวหรือสถานะทางการเมืองของชาวยิว ที่มีอยู่ในประเทศอื่น ก็ย่อมไม่ถูกกระทบด้วยเช่นเดียวกัน จดหมายนี้ประวัติศาสตร์ เรียกว่า The Balfour Declaration ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างให้เห็นการฑูตแบบตวัดลิ้นของอังกฤษได้ชัดเจนดี ขณะนั้นนาย Woodlow Wilson ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของอเมริการอบ 2 ประกาศว่า มนุษย์ควรมีสิทธิเลือกระบบการปกครองของตนเอง พัฒนาตนเองโดยไม่มีการปิดกั้น ไม่มีการข่มขู่ และไม่ต้องมีความเกรงกลัว นักประวัติศาสตร์ฝรั่งบันทึกว่า ในขณะที่ประกาศ ประธานาธิบดี Wilson ไม่รู้เลยว่าสัญญาแบ่งเค้ก Sykes-Picot Agreement นั้น เกิดขึ้นแล้ว แต่อังกฤษก็ร้อนท้อง ไม่อยากให้มิตรใหม่มองเห็นความตะกละของตนชัดแจ้งนัก จึงรีบเดินหน้าเรื่องข้อตกลง Balfour กับยิว (เป็นการเปิดตัวแสดงของอเมริกา ผู้พิทักษ์ที่สวยหรูมาก ควรจะมีไฟส่องและเพลงชาติอเมริกันประกอบ จะดูเนียนมาก) เมื่อประธานาธิบดี Wilson เดินทางมาถึงปารีส เมื่อต้นปี ค.ศ. 1919 เพื่อเข้าร่วมเจรจากับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และหัวหน้าของฝ่ายฝรั่งเศส Clemenceau เขาได้เห็นอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังยื้อแย่งเค้กอาหรับกัน อย่างตะกระตะกราม ฝรั่งเศสยืนยันว่าตนเองควรได้ปกครองเลบานอน และดินแดนที่ยึดไปถึงแม่น้ำ Tigris ซึ่งปัจจุบันคือซีเรีย ตามที่สัญญาแบ่งเค้ก Sykes-Picot กำหนดไว้ อังกฤษขณะนั้น เพิ่งได้รับข่าวเกี่ยวกับแหล่งน้ำมันมหึมาแถวเมโสโปเตเมีย (หรืออิรัคในปัจจุบัน) จึงรีบเปลี่ยนบทเป็นคัดค้าน อ้างว่าถ้ายก Syria ให้ฝรั่งเศส แล้วเราจะไปตอบกับพวกอาหรับที่มาช่วยรบได้อย่างไร แล้วอันที่จริงเราอังกฤษน่ะ เป็นผู้ลงทุนลงแรงเกือบทั้งหมดในการต่อสู้ในตะวันออกกลาง ใช้ทหารไปเกือบล้านคน ตายเจ็บไป 125,000 คน ดังนั้น ถ้าซีเรียจะเป็นของใครอื่นนอกจากชาวอาหรับแล้ว ก็ควรเป็น ของอังกฤษมากกว่า โอโห ! บทนี้มันอังกฤษของแท้ ตอแหลบิดเบือนได้อย่างยากที่ใครจะเลียนแบบ ขนมเค้กทำให้คู่หูเริ่มแตกคอกัดกันเอง ประธานาธิบดี Wilson เสนอทางออกว่า วิธีที่จะรู้ว่าชาวซีเรียยอมรับการปกครองของฝรั่งเศสหรือไม่ และปาเลสไตน์และเมโสโปเตเมีย จะรับการปกครองของอังกฤษหรือไม่นั้น ไม่ยากเลยเพื่อน ก็แค่ไปทำการสำรวจถามชาวบ้านแถวนั้นเขาดูว่า เขาต้องการอย่างไร เอ๊ะ ! ฉลาด เป็นกลาง หรือมีแผนซ้อน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
18 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม!
    .
    รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!!
    .
    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80
    .
    -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
    .
    -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี
    .
    -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
    .
    -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง
    .
    -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน

    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
    .
    -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน
    .
    -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ
    .
    -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย
    .
    -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก
    .
    -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น
    .
    -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง
    .
    -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน
    .
    -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง
    .
    -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม
    .
    -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน
    .
    -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน
    .
    -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์
    .
    -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
    .
    -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง
    .
    -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา
    .
    -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ
    .
    -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน
    .
    -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้
    .
    - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
    .
    -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้
    .
    -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย
    .
    -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี
    .
    -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
    .
    -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ
    .
    -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่
    .
    -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน
    .
    -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ
    .
    -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน
    .
    -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
    .
    -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น
    .
    -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต
    .
    -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด
    .
    -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ
    .
    -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์
    .
    -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก
    .
    -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา
    .
    -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว
    .
    - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    .
    -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา
    .
    -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา
    .
    ท่านประธาน ครับ
    .
    -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future
    .
    -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง
    .
    -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น
    .
    -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก
    .
    -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
    .
    -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้
    .
    -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง
    .
    ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ
    .
    -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย
    .
    -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One
    .
    -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา
    .
    - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    เปิดคำกล่าวถ้อยแถลงของ รมต.ต่างประเทศไทยฉบับเต็ม! . รมต.ต่างประเทศไทย 'ฟาด' เขมรเล่นบทเหยื่อ-บิดเบือนข้อเท็จจริงกลางเวที UN ลั่น! เหยื่อแท้จริงคือทหารไทย-พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกจรวดเขมรโจมตี! ยืนหยัดปกป้องอธิปไตย - ผู้นำ-ทูตทั่วโลกปรบมือกึกก้อง!!! . เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติสมัยที่ 80 ว่า . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และคณะผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . - . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับท่านประธาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 . -. แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่รัฐบาลของข้าพเจ้าได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการที่ข้าพเจ้ามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญ วาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาตินี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ . -. ข้าพเจ้าขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี . -. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป . -. ประเทศไทยก็กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญเช่นกัน เผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเราเช่นเดียวกับทุกประเทศ ปรารถนาโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และเปิดกว้าง . -. ด้วยจิตวิญญาณนี้เอง ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการจัดตั้งสหประชาชาติให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง นั่นคือการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคน ท่านประธาน ครับ . -. หัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้ คือ “Better Together” ซึ่งเตือนใจเราว่าสหประชาชาติจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว . -. ประการแรก เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวในฐานะประชาคมเดียวกัน . -. แปดสิบปีที่แล้ว ประชาคมชาติของเราได้นำกฎบัตรสหประชาชาติมาใช้ด้วยความหวังที่จะเกิดสันติภาพ แต่ปัจจุบัน เรากลับเผชิญกับโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลัทธิกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยละเว้นแม้แต่ประเทศชาติ . -. สงครามในยูเครน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ปีที่สามแล้ว ยังคงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง ในทำนองเดียวกัน ความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ กำลังเผชิญชะตากรรมอันหนักอึ้ง ล้วนเป็นภาระหนักอึ้งต่อจิตสำนึกส่วนรวมของเรา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความเสียหายของมนุษย์ไม่เพียงแต่ตกอยู่กับประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนทั่วไปที่ชีวิตต้องแตกสลายอีกด้วย . -. ในฐานะประชาคมเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีหน้าที่ร่วมกันในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก . -. และความรับผิดชอบนี้ต้องครอบคลุมทุกฝ่าย พหุภาคีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในการรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและความเป็นผู้นำของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีให้เป็นผู้นำสมัชชาครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนผลักดันวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้น . -. ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ของเรา กองกำลังรักษาสันติภาพของเรายังคงปฏิบัติหน้าที่ทั่วโลก ช่วยฟื้นฟูชีวิตที่แตกแยกจากความขัดแย้ง . -. ในประเทศ เราได้กวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล นี่ไม่ใช่แค่พันธกรณีตามสนธิสัญญาเท่านั้น แต่เป็นการคืนผืนดินที่ปลอดภัยให้ชุมชนที่พวกเขาสามารถอยู่อาศัยและเพาะปลูกได้ มันคือการปฏิบัติหน้าที่ของเราต่อประชาชน . -. การปกป้องประชาชนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ เรายังต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งเป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง . -. นี่คือภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เป็นเวลากว่าทศวรรษที่เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมา วันนี้ เรากำลังมอบโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานนอกที่พักพิงชั่วคราวมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความมุ่งมั่นของเราในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม . -. ในทำนองเดียวกัน ประเทศไทยกำลังเร่งความพยายามในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ เนื่องจากผลกระทบเหล่านี้แผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง อาชญากรรมไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดน . -. วิสัยทัศน์ของประชาคมหนึ่งเดียวต้องเริ่มต้นจากใกล้บ้าน ภูมิภาคต่างๆ คือรากฐานของประชาคมโลก ในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามสร้างประชาคมอาเซียน . -. กระนั้น แม้แต่ในเพื่อนบ้านของเราเอง สถานการณ์ในเมียนมาร์ยังคงเป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และเรายังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่การเจรจาและกระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน นี่คือรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์ . -. และแม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน . -. เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปและในเชิงบวก เพื่อสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากคำพูดที่น่าเสียใจที่สุดของเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผม ที่น่าตกใจคือกัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง . -. เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านขายของชำที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา . -. เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาที่ห้องประชุมสหประชาชาติ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การพูดคุย ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่น ซึ่งต่อมาได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสันติภาพ . -. แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดในวันนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุมเมื่อวานนี้ มันเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ข้อกล่าวหาเหล่านี้เกินจริงจนทำให้ความจริงดูตลกขบขัน . -. ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติดังเช่นที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้ . - หมู่บ้านที่เพื่อนร่วมงานชาวกัมพูชาของผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้อยู่ในดินแดนไทย จบประโยค ความจริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของตนเข้ามาหลบภัยในประเทศไทย เราตัดสินใจเช่นนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจและหลักการด้านมนุษยธรรม ในฐานะนักการทูตรุ่นเยาว์ ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน . -. แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงจะถูกปิดลง แต่หมู่บ้านชาวกัมพูชาได้ขยายพื้นที่ออกไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้จะมีการประท้วงจากประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อคำขอเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกนี้ . -. และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 เราอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างและฟื้นฟูประเทศกัมพูชาเพื่อรักษาสันติภาพ เราสร้างบ้าน ถนน และโรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน . ท่านประธาน ครับ . -. การหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องทำให้มันได้ผล ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย . -. น่าเสียดายที่การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายเราเมื่อเร็วๆ นี้ ได้บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ข้าพเจ้ากำลังอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่กองทัพกัมพูชายิงใส่กองทัพไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน เหตุการณ์ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่บรรลุในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และได้ยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทวิภาคี . -. และขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยืนหยัดและจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมอมา และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะยืนหยัดและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเสมอ เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่ . -. วันนี้ ประเทศของเราทั้งสองกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ชัดเจน ในฐานะเพื่อนบ้านและมิตรสหาย เราต้องถามกัมพูชาว่าพวกเขาต้องการเลือกเส้นทางใด ระหว่างเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ . -. ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างแท้จริงว่า กัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมมือกับเราในการแสวงหาสันติภาพหรือไม่ . -. สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นหนทางสู่อนาคต เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรทั้งในอาเซียนและประเทศอื่นๆ รวมถึงมหาอำนาจ เพื่อแสวงหาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืน . -. การกล่าวถึงประชาคมหนึ่งเดียว ท่านประธานาธิบดี คือการยืนยันว่าเราผูกพันตามหลักการร่วมกันที่ว่าทุกคนเกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ . -. ในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2568-2570 และประธานคณะกรรมการชุดที่สามของสมัชชาใหญ่ ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน . -. สำหรับเรา ไม่ใช่แค่การมีที่นั่งในที่ประชุมเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้ง ผู้พิการ และผู้ที่มักถูกทิ้งไว้ข้างหลัง . -. การส่งเสริมสิทธิสตรีและเด็กหญิงก็เป็นศูนย์กลางของความพยายามนี้เช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและการปราศจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติไม่ได้เป็นเพียงสิทธิมนุษยชน แต่เป็นรากฐานของสังคมที่ยุติธรรมและยืดหยุ่น . -. สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจกล่าวเกินจริงได้ การสร้างหลักประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ได้เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้โอกาสทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความมั่นคง . -. นี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนสิทธิในการมีสุขภาพที่ดี ทั้งที่บ้านและทั่วโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านของเราให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือในการเติบโต . -. ประเทศไทยยังมีส่วนร่วมในความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด รวมถึงผ่านข้อตกลงการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และมีเพียงการทำงานร่วมกันเท่านั้นที่ทำให้เราพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ได้ . ท่านประธาน ครับ . -. สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ในปัจจุบัน การพัฒนากำลังถูกคุกคามจากลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียต่อเราทุกคน และสร้างความแตกแยกเมื่อเราต้องการความสามัคคีมากที่สุด . -. ประเทศไทยเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษีศุลกากร แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้วางใจ . -. เส้นทางข้างหน้าของเราเปิดกว้างและการค้าที่เป็นธรรม โดยมีรากฐานมาจากการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงการเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับคุณค่าและความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์ . -. นี่คือเหตุผลที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นบนความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอประมาณ ได้นำทางเส้นทางการพัฒนาของเรา ปรัชญานี้เตือนใจเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเสริมพลังประชาชนควบคู่ไปกับการปกป้องโลก . -. เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่ออนาคตร่วมกันของเรา . -. ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่าโลกคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในยุคสมัยของเรา กำลังขยายช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกินและผู้ไม่มี หากปราศจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชนและโลกของเรา . ท่านประธาน ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การรวมตัวกันภายใต้คำอุทิศตนเพียงหนึ่งเดียว . - เราทุกคนผูกพันกันด้วยอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การต่ออายุคำอุทิศตนของเราต่อลัทธิพหุภาคีไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป . -. แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แต่ไม่รักษาไว้ คำมั่นสัญญาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแต่ละครั้งจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและทำลายความไว้วางใจทั่วโลก หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นศูนย์กลางของลัทธิพหุภาคี เราไม่สามารถปล่อยให้วัฏจักรนี้ซ้ำรอยได้ . -. นั่นคือเหตุผลที่ข้อตกลงเพื่ออนาคต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการ เพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมาย การดำเนินการระดับชาติของเราจะต้องสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาร่วมกันของเรา . -. แต่เพื่อให้สหประชาชาติสามารถดำเนินงานตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีทรัพยากรที่จำเป็น เราต้องแน่ใจว่าสหประชาชาติมีวิธีการที่จะบรรลุจุดหมายตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สหประชาชาติยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา . ท่านประธาน ครับ . -. ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างใหม่ ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องยึดถือวิสัยทัศน์ One Future . -. เพื่อให้สหประชาชาตินำทางเราไปสู่อนาคต การปฏิรูปที่ครอบคลุม รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง จึงเป็นสิ่งจำเป็น สหประชาชาติต้องมีตัวแทนมากขึ้น โปร่งใส รับผิดชอบ และเหมาะสมกับอนาคต ปฏิบัติสอดคล้องกัน เข้าถึงประชาชน และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง . -. นั่นคือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนโครงการริเริ่ม UN80 อย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่การปิดช่องว่างทางการเงิน แต่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้สหประชาชาติเชื่อมต่อกับประชาชนที่ตนรับใช้อีกครั้ง . -. แต่เมื่อเราเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของมัน สหประชาชาติไม่สามารถทำทุกอย่างได้ และลัทธิพหุภาคีก็ยิ่งใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง สหประชาชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อมีรากฐานมาจากลัทธิภูมิภาคนิยมที่เข้มแข็ง สถาบันระดับภูมิภาคเป็นผู้ตอบสนองต่อวิกฤตการณ์เป็นลำดับแรก เป็นผู้สร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพันธกรณีระดับโลกกับความเป็นจริงในระดับท้องถิ่น . -. สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ที่จะถึงนี้ จะแสดงให้เห็นว่าหลักการร่วมกันกลายเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร ประเทศไทยมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก . -. การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของคนรุ่นเรา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องยอมรับพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเยาวชน ประเทศไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นในการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชน และมอบโอกาสที่แท้จริงในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง . -. ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยภูมิใจที่ได้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมคณะผู้แทนระดับชาติของเราในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกำหนดอนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ . -. เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา จึงควรเป็นผู้สร้างโดยพวกเขาเอง . ท่านประธาน ท่านผู้ทรงเกียรติ และท่านผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ครับ . -. ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติต้องดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันดีงาม นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียว เรามารวมตัวกันที่นี่ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเพื่อมองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถบรรลุร่วมกันได้มากกว่านี้อีกด้วย . -. บทเรียนจากแปดสิบปีนี้ชัดเจน: เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเรายืนหยัดเป็นประชาคมเดียว ผูกพันด้วยความทุ่มเทหนึ่งเดียว และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างอนาคตอันเป็นหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน นี่คือความหมายที่แท้จริงของ Better Together as One . -. ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราท้าทายตัวเราเองและมิตรสหายทุกท่านในวันนี้ ให้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีข้างหน้าดีกว่าที่ผ่านมา . - ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    0 Comments 0 Shares 688 Views 0 Reviews
  • เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ
    “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ”
    ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก
    บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร
    ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ
    เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น
    สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน
    ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน
    ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ?
    ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน
    ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ
    คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ
    สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57
    ลิงค์ประกอบโพสนี้
    ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater
    ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater
    ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ” ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ? ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57 ลิงค์ประกอบโพสนี้ ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (สาขาไทย)
    นิทานเรื่องจริง้รื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 5 : เรื่องของคนโคตรรวย (สาขาประเทศไทย ! ?)
    คงมีคนอยากรู้ ว่าแล้วมีสมันน้อยได้รับเชิญ เข้าไปร่วมใน สมาคมคนรวยผู้มีอิทธิพล Trilateral Commission กันบ้างไหมหนอ แหม!
    ไม่อยากบอกเลย เดี๋ยวจะหาว่าคนเล่านิทานเล่นไม่เลิก นี่ก็ว่าตามเอกสารนะ
    ก็มีล่ะซี ดูจากรายชื่อสมาชิกสมาคมคนรวยผู้มีอิทธิพล Trilateral Commission ปี ค.ศ. 2010 ปรากฎมีคนไทย 4 ราย บางชื่อ ไม่น่าเดากันผิด (555)
    1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานธนาคาร Exim แห่งประเทศไทย
    2. มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวง ต่างประเทศ
    3. นายอานันท์ ปันยารชุน
    4. นายสารสิน วีระผล
    ชื่อที่ 3 คงไม่ต้องเขียนบรรยายสรรพคุณกันแล้ว ท่านผู้อ่านที่เคยอ่าน นิทานเรื่องจริง เรื่องจิกโก๋ปากซอย คิดเอาเองได้ คนอ่านนิทานฉลาดกันทั้งนั้น
    แต่ชื่อที่ 4 นายสารสิน วีระผล นี่เป็นใคร มาได้ยังไง ตอบสั้น ว่าไม่รู้ แต่มีเอกสารน่าสนใจเกี่ยวกับนายสารสิน อ่านกันแล้ว ไม่รู้จะเห็นคำตอบกันหรือเปล่า
    อย่างที่เคยเล่าไว้ในนิทานจิกโก๋ปากซอย อเมริกาเมินไทยแลนด์ สมันน้อยไปนาน หลังจากสงครามเวียตนามเลิก จะกลับเข้ามาใหม่ ก็ต้องเริ่มกระชับมิตรกับบรรดานักวิ่งผลัด พี่ทหารที่รักทั้งหลาย ดังนั้นในปี ค.ศ. 2010 ช่วงที่อาเฮียแผ่นดินใหญ่ กำลังรวยเอา รวยเอา ท่านแม่ทัพภาค 7 แห่งกองทัพเรืออเมริกัน ที่ประจำอยู่ที่ฐานทัพอเมริกาที่โอกินาวา ทนไม่ไหวต้องรีบนั่งเรือรบมาเช็คว่าบรรดานักวิ่งผลัด ยังอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิมหรือเปล่า
    ที่จะเล่าต่อไปนี้ อภินันทนาการจาก การทำหล่นของ Wikileaks อ่านกันเพลินดี
    “เรื่อง Admiral Willard มาเยือนประเทศไทย
    รายงานเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010
    โดย เอกอัครราชทูต Eric G. John
    สรุปย่อ ๆ ว่า ท่านนายพล Willard ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรืออเมริกา ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ได้มาเยี่ยมประเทศไทย เมื่อระหว่างวันที่ 2 ถึง 7 ธันวาคม ค.ศ. 2010 และได้มีการหารือกับผู้นำฝ่ายไทย ฝ่ายไทยยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือกับกองทัพอเมริกัน และถือว่าความช่วยเหลือของอเมริกาทางการทหารเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง และเป็นการดุลอำนาจในภูมิภาคนี้
    ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายอเมริกา คือ
    – Admiral Willard
etc
    ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายไทย
    – นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ เวชาชีวะ
    – รมว.กลาโหม ประวิตร วงศ์สุวรรณ
    – รมว.ตปท. กษิต ภิรมย์
    – ผบ.สส ทรงกิตติ จักกาบาตร์
    นอกจากนี้ Admiral Willard ยังได้หารือกับ ผบ.ทบ อนุพงศ์ เผ่าจินดา รองผบ.ทบ ประยุทธ์ จันท์โอชา รองเลขาธิการ นายก อภิสิทธิ และโฆษกรัฐบาล ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ซีพี และอดีตนักการทูตระดับสูง นายสารสิน วีระผล และผู้ช่วยบรรณาธิการกลุ่ม Nation Multimedia กวี จงกิจถาวร”
    เขาคุยกันเรื่องการทหาร มีนายกรัฐมนตรีกับนายทหารเข้าร่วมประชุม
กรณี ดร.ปณิธาน นั่นไม่แปลก เพราะเป็นผู้เกี่ยวข้องของรัฐบาลไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
กรณีนายกวี แปลก แต่ยังพออธิบายได้ว่าเป็นสื่อ แต่ทำไมต้องเป็นสื่อนี้ และคนนี้ วันหลังต้องหาคำตอบมาแก้ข้อข้องใจ (คนเล่านิทาน)
แต่กรณีที่หาคำอธิบายไม่ได้คือ นายสารสิน วีระผล แห่งซีพีกรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจขายอาหารและเมล็ดพันธ์ุพืช และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งเป็นเจ้าของโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย (ถ้าท่านใดเคยอ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องจิกโก๋ปากซอย คงพอจำเรื่องนี้ได้นะ ถ้าไม่เคยอ่าน ก็น่าจะกลับไปอ่านกันหน่อย บางเรื่องมันต่อกัน เดี๋ยวเห็นภาพไม่ชัด) แล้วนายสารสิน มาเกี่ยวอะไรด้วยในการสนทนา ! ? !
    เอกสาร Wikileaks นี้ ทำหล่นมา2,3 ปีแล้ว ตอนที่อ่านเอกสาร เห็นชื่อนี้ก็แปลกใจ แต่พอเริ่มเขียนนิทานเรื่องนี้ และไปค้นเอกสารที่เกี่ยวข้อง เจอรายชื่อนี้ ว่าอยู่ใน Trilateral Commission ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่แล้ว และยิ่งท่านผู้อ่านนิทาน อ่านนิทานเรื่องนี้ต่อไป อาจหายแปลกใจ แต่จะเปลี่ยนเป็นตกใจเลย หรือไม่ก็ดูกันไปแล้วกัน
    สำหรับชื่อหมายเลข 1 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ได้ลองค้นประวัติดู ได้ความว่าจบ
เศรษฐศาสตร์ ปริญญาเอก จาก John Hopkins มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ผ่านงานมาสารพัด ทั้งด้านธุรกิจและการเงิน เคยดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงพาณิชย์ และเป็นกรรมการนโยบายการเงิน (กนอ.) และอื่นๆ ยาวเหยียดเขียนไม่ไหว แต่ที่น่าสนใจ คือ เป็นผู้จัดทำการวิจัยแนวนโยบายอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งจะกำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2535 – 2539)
    สำหรับหมายเลข 2 มรว.เกษมสโมสร เกษมศรี เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทย ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2518 – 2522 (คนแรก) และตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน อเมริกา พ.ศ.2525 – 2529
    ส่วนนายสารสิน วีระผล นั้น เคยรับราชการกระทรวงต่างประเทศ ประจำสถานฑูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง พ.ศ.2522 – 2524 ประจำสถานฑูตไทย ณ กรุงโตเกียว พ.ศ.2529 – 2531 และเป็นเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงมนิลา พ.ศ.2535 – 2538
    สำหรับหมายเลข 3 นายอานันท์ ปันยารชุน คงไม่ต้องการคำอธิบายกันมาก

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (สาขาไทย) นิทานเรื่องจริง้รื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 5 : เรื่องของคนโคตรรวย (สาขาประเทศไทย ! ?) คงมีคนอยากรู้ ว่าแล้วมีสมันน้อยได้รับเชิญ เข้าไปร่วมใน สมาคมคนรวยผู้มีอิทธิพล Trilateral Commission กันบ้างไหมหนอ แหม! ไม่อยากบอกเลย เดี๋ยวจะหาว่าคนเล่านิทานเล่นไม่เลิก นี่ก็ว่าตามเอกสารนะ ก็มีล่ะซี ดูจากรายชื่อสมาชิกสมาคมคนรวยผู้มีอิทธิพล Trilateral Commission ปี ค.ศ. 2010 ปรากฎมีคนไทย 4 ราย บางชื่อ ไม่น่าเดากันผิด (555) 1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานธนาคาร Exim แห่งประเทศไทย 2. มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวง ต่างประเทศ 3. นายอานันท์ ปันยารชุน 4. นายสารสิน วีระผล ชื่อที่ 3 คงไม่ต้องเขียนบรรยายสรรพคุณกันแล้ว ท่านผู้อ่านที่เคยอ่าน นิทานเรื่องจริง เรื่องจิกโก๋ปากซอย คิดเอาเองได้ คนอ่านนิทานฉลาดกันทั้งนั้น แต่ชื่อที่ 4 นายสารสิน วีระผล นี่เป็นใคร มาได้ยังไง ตอบสั้น ว่าไม่รู้ แต่มีเอกสารน่าสนใจเกี่ยวกับนายสารสิน อ่านกันแล้ว ไม่รู้จะเห็นคำตอบกันหรือเปล่า อย่างที่เคยเล่าไว้ในนิทานจิกโก๋ปากซอย อเมริกาเมินไทยแลนด์ สมันน้อยไปนาน หลังจากสงครามเวียตนามเลิก จะกลับเข้ามาใหม่ ก็ต้องเริ่มกระชับมิตรกับบรรดานักวิ่งผลัด พี่ทหารที่รักทั้งหลาย ดังนั้นในปี ค.ศ. 2010 ช่วงที่อาเฮียแผ่นดินใหญ่ กำลังรวยเอา รวยเอา ท่านแม่ทัพภาค 7 แห่งกองทัพเรืออเมริกัน ที่ประจำอยู่ที่ฐานทัพอเมริกาที่โอกินาวา ทนไม่ไหวต้องรีบนั่งเรือรบมาเช็คว่าบรรดานักวิ่งผลัด ยังอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิมหรือเปล่า ที่จะเล่าต่อไปนี้ อภินันทนาการจาก การทำหล่นของ Wikileaks อ่านกันเพลินดี “เรื่อง Admiral Willard มาเยือนประเทศไทย รายงานเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 โดย เอกอัครราชทูต Eric G. John สรุปย่อ ๆ ว่า ท่านนายพล Willard ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรืออเมริกา ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ได้มาเยี่ยมประเทศไทย เมื่อระหว่างวันที่ 2 ถึง 7 ธันวาคม ค.ศ. 2010 และได้มีการหารือกับผู้นำฝ่ายไทย ฝ่ายไทยยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือกับกองทัพอเมริกัน และถือว่าความช่วยเหลือของอเมริกาทางการทหารเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง และเป็นการดุลอำนาจในภูมิภาคนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายอเมริกา คือ – Admiral Willard
etc ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายไทย – นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ เวชาชีวะ – รมว.กลาโหม ประวิตร วงศ์สุวรรณ – รมว.ตปท. กษิต ภิรมย์ – ผบ.สส ทรงกิตติ จักกาบาตร์ นอกจากนี้ Admiral Willard ยังได้หารือกับ ผบ.ทบ อนุพงศ์ เผ่าจินดา รองผบ.ทบ ประยุทธ์ จันท์โอชา รองเลขาธิการ นายก อภิสิทธิ และโฆษกรัฐบาล ดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ซีพี และอดีตนักการทูตระดับสูง นายสารสิน วีระผล และผู้ช่วยบรรณาธิการกลุ่ม Nation Multimedia กวี จงกิจถาวร” เขาคุยกันเรื่องการทหาร มีนายกรัฐมนตรีกับนายทหารเข้าร่วมประชุม
กรณี ดร.ปณิธาน นั่นไม่แปลก เพราะเป็นผู้เกี่ยวข้องของรัฐบาลไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
กรณีนายกวี แปลก แต่ยังพออธิบายได้ว่าเป็นสื่อ แต่ทำไมต้องเป็นสื่อนี้ และคนนี้ วันหลังต้องหาคำตอบมาแก้ข้อข้องใจ (คนเล่านิทาน)
แต่กรณีที่หาคำอธิบายไม่ได้คือ นายสารสิน วีระผล แห่งซีพีกรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจขายอาหารและเมล็ดพันธ์ุพืช และอื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งเป็นเจ้าของโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย (ถ้าท่านใดเคยอ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องจิกโก๋ปากซอย คงพอจำเรื่องนี้ได้นะ ถ้าไม่เคยอ่าน ก็น่าจะกลับไปอ่านกันหน่อย บางเรื่องมันต่อกัน เดี๋ยวเห็นภาพไม่ชัด) แล้วนายสารสิน มาเกี่ยวอะไรด้วยในการสนทนา ! ? ! เอกสาร Wikileaks นี้ ทำหล่นมา2,3 ปีแล้ว ตอนที่อ่านเอกสาร เห็นชื่อนี้ก็แปลกใจ แต่พอเริ่มเขียนนิทานเรื่องนี้ และไปค้นเอกสารที่เกี่ยวข้อง เจอรายชื่อนี้ ว่าอยู่ใน Trilateral Commission ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่แล้ว และยิ่งท่านผู้อ่านนิทาน อ่านนิทานเรื่องนี้ต่อไป อาจหายแปลกใจ แต่จะเปลี่ยนเป็นตกใจเลย หรือไม่ก็ดูกันไปแล้วกัน สำหรับชื่อหมายเลข 1 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ได้ลองค้นประวัติดู ได้ความว่าจบ
เศรษฐศาสตร์ ปริญญาเอก จาก John Hopkins มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ผ่านงานมาสารพัด ทั้งด้านธุรกิจและการเงิน เคยดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงพาณิชย์ และเป็นกรรมการนโยบายการเงิน (กนอ.) และอื่นๆ ยาวเหยียดเขียนไม่ไหว แต่ที่น่าสนใจ คือ เป็นผู้จัดทำการวิจัยแนวนโยบายอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งจะกำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2535 – 2539) สำหรับหมายเลข 2 มรว.เกษมสโมสร เกษมศรี เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทย ประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2518 – 2522 (คนแรก) และตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน อเมริกา พ.ศ.2525 – 2529 ส่วนนายสารสิน วีระผล นั้น เคยรับราชการกระทรวงต่างประเทศ ประจำสถานฑูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง พ.ศ.2522 – 2524 ประจำสถานฑูตไทย ณ กรุงโตเกียว พ.ศ.2529 – 2531 และเป็นเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงมนิลา พ.ศ.2535 – 2538 สำหรับหมายเลข 3 นายอานันท์ ปันยารชุน คงไม่ต้องการคำอธิบายกันมาก คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 473 Views 0 Reviews

  • ตอน 9

    ระหว่างที่สงครามเวียตนามกำลังเริ่มเข้าขั้นโคม่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) พี่เบิ้มเริ่มเป็นฝ่ายรับ พี่เบิ้มจึงเปลี่ยนมาใช้แผน 2 (แผน 2 หน้า)
    หน้าหนึ่งก็เริ่มให้มีการเดินสายเล่นบทเจรจา ระหว่างรัฐมนตรีตปท.คนสำคัญของพี่เบิ้มกับทางเวียตนาม คนมีเสน่ห์ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) รมต ตปท ของพี่เบิ้มสมัยนั้น เดินทางเป็นว่าเล่น เหมือนคุณนาย คลินตัน (Clinton) ตอนรัฐบาลโอบามา (Obama 1) นั่นแหละ
    อีกหน้าหนึ่งก็ส่งให้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย ก็ใครล่ะ นึกให้ดีนะ ลุยเข้าไปถล่มคอมมี่ต่อ (โปรดสังเกตพวกพี่เบิ้ม เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน รมต.ตปท. ชีพจรลงเท้าทั้งนั้น ตอนนี้ก็เห็นบินกันว่อน ตามดูรอบตัวเรากันบ้างนะครับ)
    ดังนั้นปฏิบัติการลับในประเทศลาว ซึ่งฝ่ายไทยนำโดย รหัสเทพ 333 (ไปหาเอาเองนะครับว่าเป็นใคร) กับฝ่าย CIA อเมริกา จึงทำงานหนัก บินกระหน่ำถล่มคอมมิวนิสต์ที่ลาว ผลลาวแตกเป็น 2 ฝ่าย เมื่อปี พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) พี่น้องเจ้าลาวถูกเสี้ยมให้แตกกันเอง เจ้าสุวรรณภูมา ผู้พี่ วิ่งไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่เบิ้มอเมริกา เจ้าสุภานุวงศ์ คนน้อง เหม็นฝรั่ง จึงไปซบกับฝ่ายจีน
    แล้วลาวก็เปลี่ยนจากประเทศที่ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบสังคมนิยม ตั้งแต่ครั้งนั้น ฝีมือใครครับ โปรดไปศึกษาต่อน่าสนใจมาก ไม่ใช่เฉพาะที่ลาว ในสงครามเวียตนามเอง หลัง จากทุ่มเงินไปกว่าพันล้านเหรียญ (ใช้เงินมากกว่าตอนอเมริการบในสงครามโลกครั้งที่ 2 !) ใช้ทหารไปรบประมาณ 500,000 นาย เสียชีวิตไประหว่างรบทั้งหมดเกือบ 60,000 คน ยังไม่นับที่สูญหาย ทุพพลภาพทางกายและจิตใจ อเมริกาก็ออกอาการ ยืนพิงเชือก
    ปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969) อเมริกาเสนอขอเจรจาสงบศึกกับเวียตนาม !!!!
    มันจะเป็นไปได้ยังไง อเมริกา (อ้างว่า) ลงทุนกับสงครามอินโดจีนมากมาย ทั้งด้านอาวุธ กำลังพล และกำลังทรัพย์ …ชาวประชาก็เป็นมึน กำลังรบกันเข้าฝัก ดันถอยทัพเสียอย่างนั้น
    ไทยแลนด์งงเป็นไก่ตาฟาง นักวิ่งผลัดวิ่งพล่านชนกันเอง เฮ้ย เฮ้ย เอาไงวะ พวก! มันเป็นไปแล้ว ก็บอกว่า เล่นแผน 2 วันที่ 25 ก.ค. พ.ศ.2512 ประธานาธิบดีนิกสันก็ประกาศ Guam Doctrine สรุปว่า พี่เบิ้มเปลี่ยนจากเหยี่ยวเป็นพิราบ (เปลี่ยนง่ายดีนะ ลูกกะเป๋งปรับตัวกันไม่ทันเลยว่ะ) จะไม่ส่งทหารไปช่วยทำสงครามกับประเทศที่ถูกรุกราน (โดยคอมมิวนิสต์)
    แต่จะให้ความช่วยเหลือประเทศพันธมิตรด้านเศรษฐกิจ (ฮั่นแน่!) และการทหารแทน
    แหม! นี่มันพิราบติดกรงเล็บเหยี่ยวนี่นา หลอกใครไม่รู้
    แล้วไงล่ะ ไทยแลนด์ตอนให้เขาเข้ามาในบ้าน ใช้เป็นฐานทัพ เขาก็ไม่ถาม ไม่เซ็นสัญญา พอเขาจะไป เขาก็ไม่ปรึกษา บทจะไปก็เก็บฉากไปซะยังงั้น  นักวิ่งผลัดก็หน้ามืดละซิ ที่นี้จะเอาไงดี เงิน MAP ที่พี่เบิ้มเขาเคยให้ปีละ 100 ล้านเหรียญ เขาก็ลดลงเหลือ 20 กว่า ล้านเหรียญ
    ต๊าย ตาย ลดเยอะนะพวกเรา เดี๋ยวตอผุด เอายังไงดี
    อเมริกาก็ยังเป็นอเมริกา ปากบอกว่าถอนทหาร ถอยทัพ แต่ตาก็ขยิบ สั่งให้ลูกกะเป๋งไปถล่มเขมร ก็บินไปจากฐานทัพในไทยนั่นแหละ …เหล่านักวิ่งผลัด ก็เลยเห็นโอกาส ยังไม่อยากให้ยี่เกปิดฉาก นายพลเจ้าของสวนทุเรียน (ไปหาชื่อกันเองแล้วกันนะ เขียนมานี่ก็เสียวหลายเรื่องแล้ว) ก็เลยรับหน้าที่ไปเจรจากับพี่เบิ้ม
    ได้ไง! ยูสั่งให้ไอบิน ไอก็บิน สั่งให้ไอถล่ม ไอก็ถล่ม บอกไม่ทำสัญญา ไอก็ O.K ทหารยูทำผู้หญิงไทยท้อง ชกไอ้หนูหน้าดำผอมเกร็งแถวอีสานจนงอม ไม่ยอมขึ้นศาลไทย ไอก็ยอมหมดแล้ว …แต่เรื่องจะมาลด MAP นี่เรื่องใหญ่นะ (ของมันเคยได้น่ะ) แล้วต่อไปนี้สั่งใครเขาก็ลำบากนะ…ทุกอย่างมันต้องใช้เงินทั้ง นั้นนะ (เอะ เดี๋ยว ๆ นี่มันเรื่องสงครามเวียตนาม หรือสงครามไพร่ครองเมืองนะ คนเล่านิทานชักงง เรื่องมันคล้ายๆ กัน 555)
    ระหว่างเจรจาต่อรองกัน การเจรจาสันติภาพที่ปารีสเกิดสะดุด ฮานอยไม่ยอม อย่านึกว่าหมูนะ พญาอินทรี ที่พยายามจะแปลงกายเป็นนกพิราบก็เลยยั๊วะ งั้นสั่งรบต่อก็ได้ (วะ) คราวนี้ไม่รบแค่ในเวียตนาม ไอ้พวกญวนแดงอยากหนุนเขมรแดงดีนัก บอมบ์เขมรแม่มซะเลย คราวนี้กำลังรำคาญพี่ไทยที่มาแบมือขอเงินเพิ่ม พี่เบิ้มก็เลยใช้เกาะกวมเป็นฐานทัพ
    เจ้าของสวนทุเรียนได้ข่าว ก็รีบถลาไปเจรจาใหม่ (เขาเรียกว่าตื๊อน่ะ ถ้าจะให้พูดตรงๆ) ยูก้อ เราก็คบกันมานาน รู้ใจกัน จะเอาอะไรก็บอก ไอก็จะพยายาม ยูบินจากกวมน่ะ  มันไกลนะ เปลืองน้ำมัน กลับมาใช้ฐานทัพเราเหมือนเดิมเหอะ แต่ไอ้ MAP น่ะ ลดเหลือ 20 ล้าน มันก็เกินไปนะ ไปคิดใหม่ไป๊!
    ไอ้นิสัยที่ชอบใช้แผน 2 (2 หน้า) ของอเมริกานี่แหละ ก็ไม่ใช่ว่า จะรอดหูรอดตาประชาชนและสื่อของตนเองได้ การปฏิบัติการลับในเขมรจึงรั่วออกไปนิวยอร์ก ไทม์ส (N.Y Times) ลงข่าวใส่สีครบ ทำให้สภาสูงของอเมริกาซักฟอกเรื่องนี้ มีการถามถึงแผนตากสิน (Project 22) และบทบาทของไทยในลาวรวมทั้ง ข้อตกลงThanant Rusk
    ถึงกับมีประโยคอมตะออกมาเกี่ยวกับไทยว่า ไทยเป็นพันธมิตรดีสุดที่เงินซื้อได้ (“the Thai are the best allies money can buy”) อันนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของอเมริกาเอง ผมไม่ได้แต่งเติม
    เห็นชัดหรือยังเขามองผู้บริหาร หรือรัฐบาลของเราอย่างไร ที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนบ้าง ได้แต่เดินกุมตามก้นเขา แบมือขอเงินเขา เขาต้มแล้วต้มอีก ยังไม่รู้ตัว ล่าสุด ยังแถมไปยืนกระแดะยิ้มเยิ้มให้เขาจนลือกันไปทั้งโลกไม่มียางเหลือเลยนะ
    ระหว่างปี พ.ศ. 2512-2516 (ค.ศ.1969-1973) การเมืองไทยเริ่มมีปัญหาอีกครั้ง
    เริ่มจากนายถนัด คอมันตร์ รมต.ตปท.ของไทยเร่งให้อเมริกาถอนฐานทัพจากไทย เนื่องจากนายถนัด รู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ข้อตกลง Thanant Rusk นี่มันของเก๊
    ประโยชน์จริงๆ ของไทยอยู่ตรงไหนหาไม่เจอ อเมริกายิ่งอยู่นานไทยแลนด์ก็ยิ่งตกอยู่ในกรงอินทรีลึกเข้าไปทุกที กระดิกกระเดี้ยไม่ออก จะเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาซะด้วยซ้ำ แต่ด้านรัฐบาลนายกถนอม กลับยังต้องการให้อเมริกาคงฐานทัพและเงินช่วยเหลือต่อไป เพราะอะไร ก็คงพอเข้าใจกัน อย่าให้ต้องพูดชัดกว่านี้เลยนะ
    อเมริกาเองก็ถูกบีบจากสภาสูง (Congress) ให้รีบเร่งลงนามสัญญาสันติภาพกับเวียตนาม.. เพราะที่ลง ทุนไปสร้างเรื่องรบกับเวียตนามเอาใจนักค้าอาวุธที่ควบคุมรัฐบาลอเมริกาอยู่อีกต่อหนึ่งนั่นน่ะ มันชักจะไม่คุ้ม นักค้าอาวุธได้เงินก็จริง แต่ประชาชนชาวดอกไม้บานในอเมริกาเริ่มจะโวยไม่หยุด เพราะทหารอเมริกันตายเป็นเบือ
    แล้วอเมริกาลงนามสัญญาสันติภาพที่ปารีส เมื่อ 28 ม.ค. พ.ศ.2516 (ค.ศ.1973) ขณะเดียวกันยังคงกองกำลังทางอากาศขนาดใหญ่และกองเรือในภูมิภาคต่อไป แต่การให้ความช่วยเหลือไทยถูกตัดลดจากปีละ 100 ล้านเหรียญ เหลือปีละ 38 ล้านเหรียญ!  มันเป็นการลดฮวบ ที่เหล่านักวิ่งผลัด ช็อกจนพูดไม่ออก นักวิ่งผลัดเริ่มแตกคอกัน นักศึกษาและสื่อ เริ่มประท้วงเรื่องรัฐบาลทหารเผด็จการ ต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย
    แปลกดีนะ หลังจากเป็นเผด็จการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 นะ 12 ปี ไม่เคยมีใครประท้วง วันดีคืนดีการประท้วงก็เกิดขึ้น! เริ่มมีนักวิชาการ นักศึกษา เรียกร้องหาประชาธิปไตยของจริง ที่สำคัญมีหมายเหตุในรายงานทูตอเมริกันในไทย ถึงกระทรวงตปท.อเมริกัน บอกว่า นักศึกษาชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไม่มีใครออกมาโวยเรื่องฐานทัพอเมริกาในไทย จังหวะเวลามันให้บังเอิญดีจริงนึกให้ดีๆ แล้วลองตีโจทก์กันเองบ้าง
    นอกจากนี้ ในรายงานของ CIA ระบุว่า นายคิสซิงเจอร์ ในฐานะรมว. ตปท. อเมริกาได้สนทนากับนายลี กวน ยู นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ขณะนั้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2516
    นายลีบอกว่า สถานการณ์ไทยน่าเป็นห่วงนะ ถ้าเขมรไป ไอว่าถนอม ประภาส คงอยู่ได้ไม่เกิน 18 เดือน ก่อนเก็บของเปิดก้นวิ่งหนีแน่ ยูควรบอกเขานะ ว่ายูจะดูแลเขา ไอคุยกับชาติชายไปแล้ว ว่ายูจะดูแลเขา แต่ยูบอกเองดีกว่า
    นายคิสซิงเจอร์บอกว่า นี่ท่านนายก (ลี) เราก็พยายามอดทนมากนะ เราก็ต้องผ่านความยากลำบากมาเหมือน กัน เราก็ต้องคิดว่าเราจะตัดสินใจอย่างไร
    นายลีบอก ยูต้องบอกให้ถนอม ประภาส รู้เรื่องนะ ว่ายูไม่สนับสนุนปฏิวัติ หรือยูจะดำเนินการอื่น นายคิสซิงเจอร์ บอกว่า เราไม่สนับสนุนปฏิวัติหรอก แต่เราจะดูหนทางดำเนินการอื่น…(ไม่ได้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองนะ ครับ บทสนทนาข้างต้นน่ะ อยู่ในรายงานของ CIA ล้วนๆ)


    คนเล่านิทาน
    ๘-๖

    ของแถมประจำวันนี้

    เป็นเอกสารบันทึกการประชุม ที่มีนาย Henry Kissinger รมว ตปท อเมริกา
    กับ คณะ การสนทนาส่วนหนึ่ง ทำให้เราเห็นชัดว่า การที่อเมริกาเข้ามาใช้บ้านเราเป็น
    ฐานทัพนั้น ไม่มีสัญญา เป็นทางการกับเรา
    นาย Habib ผู้ชี้แจง คือ นาย Philip Habib นักการทูต ผู้ชำนาญเกีี่ยวกับเอเซีย
    และมีอิทธิพลสูงในช่วงสงครามเวียตนาม
    ๙-๒
    ของแถมอีกชิ้น
    เอกสาร อันนี้เป็น Memorandum เมื่อ February 27, 1967
    จาก Asst Secretary of State ถึง Secreatary of State Rusk
    เกี่ยวกับการใช้ฐานทัพไทย แบบใช้ของเถื่อน ไม่มีหลักฐาน
    เชิญอ่านกันครับ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร บอกกันบ้าง
    ๙-๓-1
    ของแถมชิ้นโปรด
    รายงาน ชนิดลับสุดยอด ข้อความกลายแห่งถูกตัดออก
    แต่พอ อ่านได้ ถึงประโยคทอง ..”trust us, we know what to do”
    จาก ทูต Unger ถึง กระทรวง ตปท อเมริกา เมื่อ August 9, 1968
     ตอน 9 ระหว่างที่สงครามเวียตนามกำลังเริ่มเข้าขั้นโคม่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) พี่เบิ้มเริ่มเป็นฝ่ายรับ พี่เบิ้มจึงเปลี่ยนมาใช้แผน 2 (แผน 2 หน้า) หน้าหนึ่งก็เริ่มให้มีการเดินสายเล่นบทเจรจา ระหว่างรัฐมนตรีตปท.คนสำคัญของพี่เบิ้มกับทางเวียตนาม คนมีเสน่ห์ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) รมต ตปท ของพี่เบิ้มสมัยนั้น เดินทางเป็นว่าเล่น เหมือนคุณนาย คลินตัน (Clinton) ตอนรัฐบาลโอบามา (Obama 1) นั่นแหละ อีกหน้าหนึ่งก็ส่งให้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย ก็ใครล่ะ นึกให้ดีนะ ลุยเข้าไปถล่มคอมมี่ต่อ (โปรดสังเกตพวกพี่เบิ้ม เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน รมต.ตปท. ชีพจรลงเท้าทั้งนั้น ตอนนี้ก็เห็นบินกันว่อน ตามดูรอบตัวเรากันบ้างนะครับ) ดังนั้นปฏิบัติการลับในประเทศลาว ซึ่งฝ่ายไทยนำโดย รหัสเทพ 333 (ไปหาเอาเองนะครับว่าเป็นใคร) กับฝ่าย CIA อเมริกา จึงทำงานหนัก บินกระหน่ำถล่มคอมมิวนิสต์ที่ลาว ผลลาวแตกเป็น 2 ฝ่าย เมื่อปี พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) พี่น้องเจ้าลาวถูกเสี้ยมให้แตกกันเอง เจ้าสุวรรณภูมา ผู้พี่ วิ่งไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่เบิ้มอเมริกา เจ้าสุภานุวงศ์ คนน้อง เหม็นฝรั่ง จึงไปซบกับฝ่ายจีน แล้วลาวก็เปลี่ยนจากประเทศที่ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบสังคมนิยม ตั้งแต่ครั้งนั้น ฝีมือใครครับ โปรดไปศึกษาต่อน่าสนใจมาก ไม่ใช่เฉพาะที่ลาว ในสงครามเวียตนามเอง หลัง จากทุ่มเงินไปกว่าพันล้านเหรียญ (ใช้เงินมากกว่าตอนอเมริการบในสงครามโลกครั้งที่ 2 !) ใช้ทหารไปรบประมาณ 500,000 นาย เสียชีวิตไประหว่างรบทั้งหมดเกือบ 60,000 คน ยังไม่นับที่สูญหาย ทุพพลภาพทางกายและจิตใจ อเมริกาก็ออกอาการ ยืนพิงเชือก ปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969) อเมริกาเสนอขอเจรจาสงบศึกกับเวียตนาม !!!! มันจะเป็นไปได้ยังไง อเมริกา (อ้างว่า) ลงทุนกับสงครามอินโดจีนมากมาย ทั้งด้านอาวุธ กำลังพล และกำลังทรัพย์ …ชาวประชาก็เป็นมึน กำลังรบกันเข้าฝัก ดันถอยทัพเสียอย่างนั้น ไทยแลนด์งงเป็นไก่ตาฟาง นักวิ่งผลัดวิ่งพล่านชนกันเอง เฮ้ย เฮ้ย เอาไงวะ พวก! มันเป็นไปแล้ว ก็บอกว่า เล่นแผน 2 วันที่ 25 ก.ค. พ.ศ.2512 ประธานาธิบดีนิกสันก็ประกาศ Guam Doctrine สรุปว่า พี่เบิ้มเปลี่ยนจากเหยี่ยวเป็นพิราบ (เปลี่ยนง่ายดีนะ ลูกกะเป๋งปรับตัวกันไม่ทันเลยว่ะ) จะไม่ส่งทหารไปช่วยทำสงครามกับประเทศที่ถูกรุกราน (โดยคอมมิวนิสต์) แต่จะให้ความช่วยเหลือประเทศพันธมิตรด้านเศรษฐกิจ (ฮั่นแน่!) และการทหารแทน แหม! นี่มันพิราบติดกรงเล็บเหยี่ยวนี่นา หลอกใครไม่รู้ แล้วไงล่ะ ไทยแลนด์ตอนให้เขาเข้ามาในบ้าน ใช้เป็นฐานทัพ เขาก็ไม่ถาม ไม่เซ็นสัญญา พอเขาจะไป เขาก็ไม่ปรึกษา บทจะไปก็เก็บฉากไปซะยังงั้น  นักวิ่งผลัดก็หน้ามืดละซิ ที่นี้จะเอาไงดี เงิน MAP ที่พี่เบิ้มเขาเคยให้ปีละ 100 ล้านเหรียญ เขาก็ลดลงเหลือ 20 กว่า ล้านเหรียญ ต๊าย ตาย ลดเยอะนะพวกเรา เดี๋ยวตอผุด เอายังไงดี อเมริกาก็ยังเป็นอเมริกา ปากบอกว่าถอนทหาร ถอยทัพ แต่ตาก็ขยิบ สั่งให้ลูกกะเป๋งไปถล่มเขมร ก็บินไปจากฐานทัพในไทยนั่นแหละ …เหล่านักวิ่งผลัด ก็เลยเห็นโอกาส ยังไม่อยากให้ยี่เกปิดฉาก นายพลเจ้าของสวนทุเรียน (ไปหาชื่อกันเองแล้วกันนะ เขียนมานี่ก็เสียวหลายเรื่องแล้ว) ก็เลยรับหน้าที่ไปเจรจากับพี่เบิ้ม ได้ไง! ยูสั่งให้ไอบิน ไอก็บิน สั่งให้ไอถล่ม ไอก็ถล่ม บอกไม่ทำสัญญา ไอก็ O.K ทหารยูทำผู้หญิงไทยท้อง ชกไอ้หนูหน้าดำผอมเกร็งแถวอีสานจนงอม ไม่ยอมขึ้นศาลไทย ไอก็ยอมหมดแล้ว …แต่เรื่องจะมาลด MAP นี่เรื่องใหญ่นะ (ของมันเคยได้น่ะ) แล้วต่อไปนี้สั่งใครเขาก็ลำบากนะ…ทุกอย่างมันต้องใช้เงินทั้ง นั้นนะ (เอะ เดี๋ยว ๆ นี่มันเรื่องสงครามเวียตนาม หรือสงครามไพร่ครองเมืองนะ คนเล่านิทานชักงง เรื่องมันคล้ายๆ กัน 555) ระหว่างเจรจาต่อรองกัน การเจรจาสันติภาพที่ปารีสเกิดสะดุด ฮานอยไม่ยอม อย่านึกว่าหมูนะ พญาอินทรี ที่พยายามจะแปลงกายเป็นนกพิราบก็เลยยั๊วะ งั้นสั่งรบต่อก็ได้ (วะ) คราวนี้ไม่รบแค่ในเวียตนาม ไอ้พวกญวนแดงอยากหนุนเขมรแดงดีนัก บอมบ์เขมรแม่มซะเลย คราวนี้กำลังรำคาญพี่ไทยที่มาแบมือขอเงินเพิ่ม พี่เบิ้มก็เลยใช้เกาะกวมเป็นฐานทัพ เจ้าของสวนทุเรียนได้ข่าว ก็รีบถลาไปเจรจาใหม่ (เขาเรียกว่าตื๊อน่ะ ถ้าจะให้พูดตรงๆ) ยูก้อ เราก็คบกันมานาน รู้ใจกัน จะเอาอะไรก็บอก ไอก็จะพยายาม ยูบินจากกวมน่ะ  มันไกลนะ เปลืองน้ำมัน กลับมาใช้ฐานทัพเราเหมือนเดิมเหอะ แต่ไอ้ MAP น่ะ ลดเหลือ 20 ล้าน มันก็เกินไปนะ ไปคิดใหม่ไป๊! ไอ้นิสัยที่ชอบใช้แผน 2 (2 หน้า) ของอเมริกานี่แหละ ก็ไม่ใช่ว่า จะรอดหูรอดตาประชาชนและสื่อของตนเองได้ การปฏิบัติการลับในเขมรจึงรั่วออกไปนิวยอร์ก ไทม์ส (N.Y Times) ลงข่าวใส่สีครบ ทำให้สภาสูงของอเมริกาซักฟอกเรื่องนี้ มีการถามถึงแผนตากสิน (Project 22) และบทบาทของไทยในลาวรวมทั้ง ข้อตกลงThanant Rusk ถึงกับมีประโยคอมตะออกมาเกี่ยวกับไทยว่า ไทยเป็นพันธมิตรดีสุดที่เงินซื้อได้ (“the Thai are the best allies money can buy”) อันนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของอเมริกาเอง ผมไม่ได้แต่งเติม เห็นชัดหรือยังเขามองผู้บริหาร หรือรัฐบาลของเราอย่างไร ที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนบ้าง ได้แต่เดินกุมตามก้นเขา แบมือขอเงินเขา เขาต้มแล้วต้มอีก ยังไม่รู้ตัว ล่าสุด ยังแถมไปยืนกระแดะยิ้มเยิ้มให้เขาจนลือกันไปทั้งโลกไม่มียางเหลือเลยนะ ระหว่างปี พ.ศ. 2512-2516 (ค.ศ.1969-1973) การเมืองไทยเริ่มมีปัญหาอีกครั้ง เริ่มจากนายถนัด คอมันตร์ รมต.ตปท.ของไทยเร่งให้อเมริกาถอนฐานทัพจากไทย เนื่องจากนายถนัด รู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ข้อตกลง Thanant Rusk นี่มันของเก๊ ประโยชน์จริงๆ ของไทยอยู่ตรงไหนหาไม่เจอ อเมริกายิ่งอยู่นานไทยแลนด์ก็ยิ่งตกอยู่ในกรงอินทรีลึกเข้าไปทุกที กระดิกกระเดี้ยไม่ออก จะเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาซะด้วยซ้ำ แต่ด้านรัฐบาลนายกถนอม กลับยังต้องการให้อเมริกาคงฐานทัพและเงินช่วยเหลือต่อไป เพราะอะไร ก็คงพอเข้าใจกัน อย่าให้ต้องพูดชัดกว่านี้เลยนะ อเมริกาเองก็ถูกบีบจากสภาสูง (Congress) ให้รีบเร่งลงนามสัญญาสันติภาพกับเวียตนาม.. เพราะที่ลง ทุนไปสร้างเรื่องรบกับเวียตนามเอาใจนักค้าอาวุธที่ควบคุมรัฐบาลอเมริกาอยู่อีกต่อหนึ่งนั่นน่ะ มันชักจะไม่คุ้ม นักค้าอาวุธได้เงินก็จริง แต่ประชาชนชาวดอกไม้บานในอเมริกาเริ่มจะโวยไม่หยุด เพราะทหารอเมริกันตายเป็นเบือ แล้วอเมริกาลงนามสัญญาสันติภาพที่ปารีส เมื่อ 28 ม.ค. พ.ศ.2516 (ค.ศ.1973) ขณะเดียวกันยังคงกองกำลังทางอากาศขนาดใหญ่และกองเรือในภูมิภาคต่อไป แต่การให้ความช่วยเหลือไทยถูกตัดลดจากปีละ 100 ล้านเหรียญ เหลือปีละ 38 ล้านเหรียญ!  มันเป็นการลดฮวบ ที่เหล่านักวิ่งผลัด ช็อกจนพูดไม่ออก นักวิ่งผลัดเริ่มแตกคอกัน นักศึกษาและสื่อ เริ่มประท้วงเรื่องรัฐบาลทหารเผด็จการ ต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย แปลกดีนะ หลังจากเป็นเผด็จการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 นะ 12 ปี ไม่เคยมีใครประท้วง วันดีคืนดีการประท้วงก็เกิดขึ้น! เริ่มมีนักวิชาการ นักศึกษา เรียกร้องหาประชาธิปไตยของจริง ที่สำคัญมีหมายเหตุในรายงานทูตอเมริกันในไทย ถึงกระทรวงตปท.อเมริกัน บอกว่า นักศึกษาชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไม่มีใครออกมาโวยเรื่องฐานทัพอเมริกาในไทย จังหวะเวลามันให้บังเอิญดีจริงนึกให้ดีๆ แล้วลองตีโจทก์กันเองบ้าง นอกจากนี้ ในรายงานของ CIA ระบุว่า นายคิสซิงเจอร์ ในฐานะรมว. ตปท. อเมริกาได้สนทนากับนายลี กวน ยู นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ขณะนั้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2516 นายลีบอกว่า สถานการณ์ไทยน่าเป็นห่วงนะ ถ้าเขมรไป ไอว่าถนอม ประภาส คงอยู่ได้ไม่เกิน 18 เดือน ก่อนเก็บของเปิดก้นวิ่งหนีแน่ ยูควรบอกเขานะ ว่ายูจะดูแลเขา ไอคุยกับชาติชายไปแล้ว ว่ายูจะดูแลเขา แต่ยูบอกเองดีกว่า นายคิสซิงเจอร์บอกว่า นี่ท่านนายก (ลี) เราก็พยายามอดทนมากนะ เราก็ต้องผ่านความยากลำบากมาเหมือน กัน เราก็ต้องคิดว่าเราจะตัดสินใจอย่างไร นายลีบอก ยูต้องบอกให้ถนอม ประภาส รู้เรื่องนะ ว่ายูไม่สนับสนุนปฏิวัติ หรือยูจะดำเนินการอื่น นายคิสซิงเจอร์ บอกว่า เราไม่สนับสนุนปฏิวัติหรอก แต่เราจะดูหนทางดำเนินการอื่น…(ไม่ได้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองนะ ครับ บทสนทนาข้างต้นน่ะ อยู่ในรายงานของ CIA ล้วนๆ) คนเล่านิทาน ๘-๖ ของแถมประจำวันนี้ เป็นเอกสารบันทึกการประชุม ที่มีนาย Henry Kissinger รมว ตปท อเมริกา กับ คณะ การสนทนาส่วนหนึ่ง ทำให้เราเห็นชัดว่า การที่อเมริกาเข้ามาใช้บ้านเราเป็น ฐานทัพนั้น ไม่มีสัญญา เป็นทางการกับเรา นาย Habib ผู้ชี้แจง คือ นาย Philip Habib นักการทูต ผู้ชำนาญเกีี่ยวกับเอเซีย และมีอิทธิพลสูงในช่วงสงครามเวียตนาม ๙-๒ ของแถมอีกชิ้น เอกสาร อันนี้เป็น Memorandum เมื่อ February 27, 1967 จาก Asst Secretary of State ถึง Secreatary of State Rusk เกี่ยวกับการใช้ฐานทัพไทย แบบใช้ของเถื่อน ไม่มีหลักฐาน เชิญอ่านกันครับ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร บอกกันบ้าง ๙-๓-1 ของแถมชิ้นโปรด รายงาน ชนิดลับสุดยอด ข้อความกลายแห่งถูกตัดออก แต่พอ อ่านได้ ถึงประโยคทอง ..”trust us, we know what to do” จาก ทูต Unger ถึง กระทรวง ตปท อเมริกา เมื่อ August 9, 1968
    3 Comments 0 Shares 596 Views 0 Reviews
  • ตอน 6
    ต้องเล่าย้อนหลังไปถึงการเมืองไทยยุคจอมพล ป. หน่อย เล่าข้ามเดี๋ยวเหมือนหนังขาด
    จอมพล ป. ขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 หลังจากแยกวงกับนายปรีดี พนมยงค์ พอถึงปี พ.ศ.2492 ทางฝ่ายจีนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เป็นระบอบคอมมิวนิสต์  พี่เบิ้มก็ตาเขียวขึ้นมาทันที มือหนึ่งถือกระเป๋าเงินหนัก 7.5 ล้านเหรียญ อีกมือหนึ่งจับบ่าจอมพล ป. ถามว่า จอมพลคนแปลก ยูจะเอายังไง จะดื่มโค้กกับไอ หรือจะไปแทะเม็ดกวยจี๊
    แหม! ไม่อยากคิดเลยว่าเราจะเป็นพวกเห็นแก่เงิน เอาว่า ไทยเราเป็นประเภทนักการทูตนกรู้แล้วกันนะ ว่าแล้วก็จิบโค้กแกล้มเงินช่วยเหลือ 7.5 ล้านเหรียญ อร่อย (เอ๊ะ! ตอนนี้ฝรั่งต้มไทยหรือไทยต้มฝรั่งกันแน่)
    พอให้เงินแค่ 7.5 ล้านเหรียญ พี่เบิ้มก็เริ่มเบียดกระแซะไทยเข้ามาอีกคืบ
    จับมือไทยลงชื่อแปะโป้งลงนามสัญญา 3 ฉบับ ในปี พ.ศ.2493 (ค.ศ.1950) (อีตอนนี้สงสัยฝรั่งต้มไทยนะ…อ้าว) เกี่ยวกับการร่วมมือการศึกษาและวัฒนธรรม 1 ฉบับ, ความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิทยาการอีก 1 ฉบับ…แต่ฉบับที่สำคัญ คือ ความตกลงช่วยเหลือทางการทหาร เรียกย่อๆ ว่า สัญญา JUSMAC อีก1 ฉบับ
    เฉพาะรายการหลัง เพื่อให้แน่ใจว่า สมันน้อยผูกคอตัวเองจนแน่น พี่เบิ้มใจดีจ่ายค่าแปะโป้งให้อีก 10ล้านเหรียญ! อืม… มันหวังดีจริงนะ จำสัญญานี้ให้ดีๆ นะครับ เรื่องนี้สำคัญมากๆ
    มันเป็นสัญญาที่ทำให้ไทย คล้ายจะกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่เบิ้ม ไปตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้สัญญานี้ก็ยังมีผลบังคับอยู่ สนใจก็ไปหามาอ่านกันนะครับ หรือไปถามลุงตู่เอาก็แล้วกัน ผมเล่ามากกว่านี้เดี๋ยวก็จะโดนข้อหา เอาความลับของทางราชการมาเผย เดี๋ยวลุงตู่แกจะตวาดเอา (คนอะไรของขึ้นง่ายจัง)
    ก็ใอ้สัญญาที่ผูกมัดประเทศแบบนี้แหละ ที่เขาไม่อยากให้ประชาชนอย่างเราๆ รู้ เขาถึงคิดแก้รัฐ ธรรมนูญกัน เพื่อเอาสิทธิของประชาชนคืนไป แล้วไงครับ… เราก็ไม่รู้ไม่ชี้ นั่งดูละครน้ำเน่าต่อ… ยังกะบ้านเมืองไม่ใช่ของเรา…
    จอมพล ป. เจ้าของ “มาลานำไทย ใส่หมวกแล้วชาติเจริญนั้นน่ะ เป็นคนที่เชื่อในลัทธิชาตินิยม ออกกฎหมายลักษณะชาตินิยมทางเศรษฐกิจไว้แยะ เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไป ตั้งกะสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ซะหน่อย
    เราๆ เข้าใจว่า ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มเจ้าแล้ว ชาวเราได้ปกครองหรือเปล่าหรอก เปลี่ยนจากเจ้าก็มาเป็นพวกเขาที่ทำการปฏิวัตินั่นแหละ มันเป็นการย้ายที่ทุนกับอำนาจ ยังไง จำได้ไหม เกริ่นไว้ตั้งกะแรกนะ
    ก่อนพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หลังพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนย้ายมาอยู่ที่พวกปฏิวัติ หรือจริงๆ ก็คือ พวกอำมาตย์ (ทหาร+ข้าราชการ) และพ่อค้า ไม่ได้มาอยู่ที่เราประชาชนคนไทย อย่างที่อ้าง และเข้าใจกันหรอกนะครับ
    (นิทานตอนนี้อยากให้พวกนิติเรดมาอ่าน แยะๆ เผื่อจะชอบแนวคิดนี้บ้าง 555)
    สมัยพระมหากษัตริย์ปกครอง พระองค์ท่านมิได้ทำทำการค้าขายเอง แต่ให้นายอากรเป็นผู้ดำเนินการ แล้วก็จ่ายค่าอากรให้หลวง ถึงเรียกว่านายอากร นายอากรนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ดังนั้นการค้าส่วนใหญ่สมัยรัตน โกสินทร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือพี่น้องคนจีนที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในแผ่นดินไทย
    พอหลัง พ.ศ.2475 คณะราษฎร์ ก็รวบทั้งอำนาจและทุน แล้วก็ออกกฎหมายใหม่ อะไรที่นายอากรเคยทำ ก็เอามาทำเอง จึงกำเนิดรัฐวิสาหกิจ 100 กว่าแห่ง ธนาคารอีกเกือบ 10 แห่ง
    แล้วพวกคณะราษฎร์นั่นแหละ ก็เข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการต่างๆ เหล่านั้น
    แล้วมันปฏิวัติเพื่อประชาชนตรงไหน มีเวลาจะเล่ารายละเอียดว่า ตระกูลไหน ใครบ้างเข้าไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจอะไร ธนาคารอะไร ไม่งั้นมันจะยังรวยก็อยู่ถึงตอนนี้เหรอ ผ่านไปตั้ง 70-80 ปีแล้ว (เอ้า! พวกนิติเรด อย่าลืมเล่าตรงนี้บ้างนะ)
    นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจีนที่เคยค้าขายในประเทศไทย ส่งเงินไปสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะเห็นว่า ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลไทย (ที่กำกับโดยพี่เบิ้มอเมริกา)
    ขณะเดียวกัน พี่เบิ้มก็บี้ไทยซ้ำ ยูจะเอายังไง ไอบอกว่าทุนนิยม ยูก็จะชาตินิยม เดี๋ยวเอาเงินคืนนะ ถึงขนาดส่งนายจอห์น ดัลลัส (John Dulles) รมต.ตปท. มาบีบลูกกระเดือกจอมพล คนแปลกเอง
    มันเกี่ยวกับเรื่องจอมพลคนแปลก มาลานำไทยแล้วชาติเจริญ ไม่ยอมเปลี่ยนจากชาตินิยมเป็นทุนนิยมหรือเปล่ามันก็น่าคิด เพราะช่วงพ.ศ.2498-พ.ศ.2500 สถานการณ์ของจอมพล ป. ก็คลอนแคลน โยกเยก แล้วในที่สุด 16 ก.ย. พ.ศ.2500 จอมพลผ้าขะม้าก็ทำรัฐประหาร
    จอมพล ป. ก็รีบเก็บกระเป๋าขึ้นรถ นั่งตัวตรงลี้ภัยไปที่เขมร ก่อนที่จะติดปีกบินต่อไปญี่ปุ่น ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาท่านจอมพลไปเขมรชื่อ ชุมพล โลหะชาละ คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ ส่วนนายพลเผ่า ซีซัพพลาย (Sea Supply) ก็หรูหน่อยขึ้นเครื่องบินลี้ภัยไปสวิส
    น่าคิดนะ ไม่ว่าใครที่ขวางทาง  หรือไม่เป็นเด็กดีตามใบสั่งพี่เบิ้มนี่ ไม่นานหรอกก็มีอันต้องเก็บฉากหายตัวเป็นแถวๆ ตามดูไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน
    จอมพลผ้าขะม้ารัฐประหารแล้วไม่เป็นนายกเอง แปลกนะ! คนเป็นนายกชื่อ นายพจน์ สารสิน (แปลกไม่แปลกเอ่ย อ่านๆ ไปก็รู้เอง) คล้ายๆ กับ พล.อ.สุจินดาทำรัฐประหาร แล้วให้นายอานันท์เป็นนายกเลยนะ อิ! อิ!
    นายพจน์ เป็นนายกได้ไม่นาน ก็จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยใบสั่งรุ่นแรกปี พ.ศ.2501 หวยก็ไปตกที่พล.อ. ถนอม เป็นนายก โดยมีคุณป๋าผ้าขะม้าถือไม้เรียวคุมเข้มอยู่ข้างหลัง
    รัฐประหารไม่เท่าไหร่ น้าหนอมยังเป็นนายกตั้งไข่ คุณป๋าผ้าขะม้าก็ล้มป่วย
    พี่เบิ้มตาเหลือก ยุ่งล่ะสิ! วางแผนซะเกือบตาย กำลังจะไปได้สวย ทุกอย่างอยู่ในอวยหมดแล้ว ทำไม ทำไม จะหมดวาสนาเอาง่ายๆ พี่เบิ้มก็เลยกล่อมให้คุณป๋าไปรักษาตัวที่ รพ. Water Reed อันลือชื่อของพี่เบิ้ม ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวไป พักฟื้นไป พี่เบิ้มก็ส่งพี่เลี้ยงชื่อ พล.อ. เออร์สกิน (Erskine) มานั่งจับมือคุณป๋า เล่านิทานเรื่องภัยคอมมิวนิสต์ในอินโดจีนให้คุณป๋าฟังทุกวัน ทุกวัน
    คุณป๋าแกเป็นทหารรักชาติของจริง ไม่ใช่ประเภทเห็นแก่ร้องเท้ากอล์ฟคู่เดียว หรือมีวันนี้เพราะพี่ให้ แกฟังพี่เลี้ยงใส่สีตีไข่ทุกวัน คุณป๋าเลือดรักชาติ พุ่งกระฉูดแทบหายป่วยเลย
    อะไรมันจะขนาดนั้น ภัยมันจ่อคอหอยบ้านเราแล้วหรือ แถมลาวน้องรักก็กำลังจะถึงซึ่งชีวี มีหรือพี่จะนอนต่อไปได้ ว่าแล้วคุณป๋าก็ลุกขึ้น ทำเสียงเข้มใส่พี่เบิ้มทันที บอกมาบัดเดี๋ยวนี้ เราจะช่วยบ้านเราและบ้านพี่เมืองน้องของเรา ให้พ้นจากภัยคุกคาม ของเหล่าคอมมิวนิสต์ตัวร้ายได้อย่างไร
    อ้า! สมันน้อยติดกับเราเรียบร้อยแล้ว…เสียงรำพึงขึ้นจมูกโด่งงุ้มของใครบางคนดังขึ้น
    อย่าตกใจไปเลยสมันน้อย เราได้เตรียมการไว้ให้ท่านสมันน้อย เอ๊ย มิตรรัก ไว้พร้อมสรรพแล้ว เพียงท่านทำตามที่เราบอก บ้านท่าน รวมทั้งบ้านพี่บ้านน้องท่านก็จักพ้นภัย
    วิธีจัดการกับสมันน้อยนามไทยแลนด์ของพี่เบิ้มเนียนมาก
    ด้านหนึ่งก็บอกว่าต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ชาวประชาต้องมีงานทำ
    พวกคอมมี่มันจะได้เข้าไม่ถึง ถ้าเรายากจน เขาก็มาช่วงชิงประชาชนไปได้
    อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องจัดการ ให้ยูมีกองกำลังเอาไว้ป้องกันตัว บดขยี้ไอ้พวกคอมมี่ที่จะมาตีบ้านตีเมืองยู ไอไม่ปล่อยให้ยูเดียวดาย โฮมอะโลนหรอกเพื่อนรัก
    แล้วการจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพน่ะ เพื่อนต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จ การเมืองต้องนิ่ง คุมสภาให้อยู่หมัด เพื่อนอย่าเพิ่งมึน
    แหม! นี่ถ้าไม่บอกว่า พี่มะกันพูดกะป๋าสฤษดิ์น่ะ ท่านผู้อ่านอาจเผลอนึกว่า พี่มะกันพูดกับพี่น้องนักซุก ว.5
    ดังนั้นไทยแลนด์เพื่อนรัก เพื่อนจงรีบจัดการ เรื่องการบ้านการเมืองบ้านยูให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ดำเนิน การพัฒนาประเทศเป็นการด่วน ไอได้ทำการสำรวจ และทำข้อแนะนำไว้ให้ยูเรียบร้อยแล้ว เห็นไหม ไอรู้ใจเพื่อนรักขนาดไหน ยูรีบไปดูแล จัดตั้งหน่วยงานพัฒนาเสียโดยดี เพื่อนจะรออะไรอีก เงินไม่มี ไอก็จะให้กู้ โอ๊ย! เพื่อนใจป้ำอย่างนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน
    แบบนี้คุณป๋าหายป่วยเลย รีบกลับบ้านเรียกประชุมมิตรรักนักเพลงที่คอเดียวกับพี่เบิ้มมะกันเป็นการด่วน
    เร็วๆ พวกเรา คอมมิวนิสต์มันจ่อก้นเราแล้ว เราต้องช่วงชิงประชาชนกลับมา นำความเจริญไปสู่เขา ฯลฯ แหม นกแก้วรุ่นพ่อก็ท่องคล่องเหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่นกแก้วสมัยนี้
    ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวอยู่ ที่สหรัฐฯ น้าหนอมเป็นนายกก็จริง แต่เริ่มมีรัศมีของลุงตุ๊ หนวดจิ๋ม ขึ้นมาบดบัง คุณป๋าก็ร้อนใจ โอ๊ย! ไหนจะเรื่องคอมมี่ ไหนจะเรื่องหนวดจิ๋ม
    พี่เบิ้มนี่น่ารักจริง ๆ ไม่ปล่อยให้คุณป๋าร้อนใจนานหรอก คนรักกันชอบกัน ทำมั้ยทำไม เรื่องแค่นี้จะทำให้กันไม่ได้ พี่เบิ้มเขาทำอะไรให้นะ ใจเย็น ๆ อ่านต่อไปครับ
    คุณป๋าบินกลับไทยแลนด์ ในเดือนตุลา พ.ศ.2501  มาถึงก็สั่งปรับ ครม. ทันที แต่ก่อนคุณป๋าจะกลับมา ก็มีคนช่วยจัดการเตรียมแผนให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ตามที่มีผู้ปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายแนะนำเอาไว้แล้ว
    ช่วงกลางปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) คุณป๋าก็เดินทางไปอังกฤษ อ้างว่าจะไปตรวจสุขภาพ (อีก)
    รายงานของ CIA อ้างว่า คุณป๋าไปเตรียมแผนปฏิวัติอยู่ที่ ซันนิ่ง เดล Sunning Dale ในลอนดอน (London) หอบเอาคณะมันสมองไปด้วยประมาณ 1 โหล ในรายงานบอกว่ามีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้นเช่น ถนัด คอมันตร์ หลวงวิจิตรวาทการสุนทร หงส์ลดารมภ์ บุญชู จันทรุเบกษา พงษ์สวัสดิ สุริโยทัย เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ฯลฯ
    ระหว่างเตรียมการรัฐประหาร CIA ระบุในรายงานของตนว่า เป็นการเตรียมตัวของไทยแลนด์ เข้าสู่การพัฒนาตาม Pax Americana ให้บรรลุผลสำเร็จ พี่เบิ้มต้องรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดปาก น้ำลายมันไหลเยิ้มไม่หยุด อู้ย! หมูกำลังเต๊าะแต๊ะๆ เข้าอวยแล้ว
    รายงานของ CIA ยังบอกอีกว่า ได้ส่งกำลังมาอารักขาครอบครัวของคณะท่าน ซันนิ่ง เดล โดยส่งครอบครัวไปซ่อนในที่ปลอดภัยที่หัวหิน มาแล้วไง ค่ายนเรศวร บอกแล้วว่าให้จำไว้ อย่าลืมๆ โดยมีขบวนรถของอเมริกาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อนำครอบครัวของคณะซันนิ่ง เผ่นลงใต้ หากแผนล่ม!
    19 ต.ค. พ.ศ.2502 คุณป๋าและคณะเดินทางกลับประเทศไทย
    20 ต.ค. พ.ศ.2502 น้าหนอมยื่นใบลาออกจากการเป็นนายกฯ วันเดียวกันนั้น คุณป๋าก็ปฏิบัติการยึดอำนาจ โดยคณะทหารที่เรียกตัวเองว่า “คณะปฎิวัติ” แล้วคุณป๋าก็ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติ และให้น้าหนอมเป็นรองหัวหน้าคณะฯ
    CIA รายงานว่าการรัฐประหารครั้งนี้มุ่งลดอำนาจลุงตุ๊ และทำให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ
    Pax Americanaเดินหน้าอย่างไม่มีอุปสรรคแล้ว ดื่ม Coke แก้กระหายด่วน (โฆษณาให้ฟรี จะส่งเงินมาสม ทบก็ไม่ขัดข้อง)


    คนเล่านิทาน
    ตอน 6 ต้องเล่าย้อนหลังไปถึงการเมืองไทยยุคจอมพล ป. หน่อย เล่าข้ามเดี๋ยวเหมือนหนังขาด จอมพล ป. ขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 หลังจากแยกวงกับนายปรีดี พนมยงค์ พอถึงปี พ.ศ.2492 ทางฝ่ายจีนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เป็นระบอบคอมมิวนิสต์  พี่เบิ้มก็ตาเขียวขึ้นมาทันที มือหนึ่งถือกระเป๋าเงินหนัก 7.5 ล้านเหรียญ อีกมือหนึ่งจับบ่าจอมพล ป. ถามว่า จอมพลคนแปลก ยูจะเอายังไง จะดื่มโค้กกับไอ หรือจะไปแทะเม็ดกวยจี๊ แหม! ไม่อยากคิดเลยว่าเราจะเป็นพวกเห็นแก่เงิน เอาว่า ไทยเราเป็นประเภทนักการทูตนกรู้แล้วกันนะ ว่าแล้วก็จิบโค้กแกล้มเงินช่วยเหลือ 7.5 ล้านเหรียญ อร่อย (เอ๊ะ! ตอนนี้ฝรั่งต้มไทยหรือไทยต้มฝรั่งกันแน่) พอให้เงินแค่ 7.5 ล้านเหรียญ พี่เบิ้มก็เริ่มเบียดกระแซะไทยเข้ามาอีกคืบ จับมือไทยลงชื่อแปะโป้งลงนามสัญญา 3 ฉบับ ในปี พ.ศ.2493 (ค.ศ.1950) (อีตอนนี้สงสัยฝรั่งต้มไทยนะ…อ้าว) เกี่ยวกับการร่วมมือการศึกษาและวัฒนธรรม 1 ฉบับ, ความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิทยาการอีก 1 ฉบับ…แต่ฉบับที่สำคัญ คือ ความตกลงช่วยเหลือทางการทหาร เรียกย่อๆ ว่า สัญญา JUSMAC อีก1 ฉบับ เฉพาะรายการหลัง เพื่อให้แน่ใจว่า สมันน้อยผูกคอตัวเองจนแน่น พี่เบิ้มใจดีจ่ายค่าแปะโป้งให้อีก 10ล้านเหรียญ! อืม… มันหวังดีจริงนะ จำสัญญานี้ให้ดีๆ นะครับ เรื่องนี้สำคัญมากๆ มันเป็นสัญญาที่ทำให้ไทย คล้ายจะกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่เบิ้ม ไปตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้สัญญานี้ก็ยังมีผลบังคับอยู่ สนใจก็ไปหามาอ่านกันนะครับ หรือไปถามลุงตู่เอาก็แล้วกัน ผมเล่ามากกว่านี้เดี๋ยวก็จะโดนข้อหา เอาความลับของทางราชการมาเผย เดี๋ยวลุงตู่แกจะตวาดเอา (คนอะไรของขึ้นง่ายจัง) ก็ใอ้สัญญาที่ผูกมัดประเทศแบบนี้แหละ ที่เขาไม่อยากให้ประชาชนอย่างเราๆ รู้ เขาถึงคิดแก้รัฐ ธรรมนูญกัน เพื่อเอาสิทธิของประชาชนคืนไป แล้วไงครับ… เราก็ไม่รู้ไม่ชี้ นั่งดูละครน้ำเน่าต่อ… ยังกะบ้านเมืองไม่ใช่ของเรา… จอมพล ป. เจ้าของ “มาลานำไทย ใส่หมวกแล้วชาติเจริญนั้นน่ะ เป็นคนที่เชื่อในลัทธิชาตินิยม ออกกฎหมายลักษณะชาตินิยมทางเศรษฐกิจไว้แยะ เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไป ตั้งกะสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ซะหน่อย เราๆ เข้าใจว่า ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มเจ้าแล้ว ชาวเราได้ปกครองหรือเปล่าหรอก เปลี่ยนจากเจ้าก็มาเป็นพวกเขาที่ทำการปฏิวัตินั่นแหละ มันเป็นการย้ายที่ทุนกับอำนาจ ยังไง จำได้ไหม เกริ่นไว้ตั้งกะแรกนะ ก่อนพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนอยู่ที่พระมหากษัตริย์ หลังพ.ศ. 2475 อำนาจกับทุนย้ายมาอยู่ที่พวกปฏิวัติ หรือจริงๆ ก็คือ พวกอำมาตย์ (ทหาร+ข้าราชการ) และพ่อค้า ไม่ได้มาอยู่ที่เราประชาชนคนไทย อย่างที่อ้าง และเข้าใจกันหรอกนะครับ (นิทานตอนนี้อยากให้พวกนิติเรดมาอ่าน แยะๆ เผื่อจะชอบแนวคิดนี้บ้าง 555) สมัยพระมหากษัตริย์ปกครอง พระองค์ท่านมิได้ทำทำการค้าขายเอง แต่ให้นายอากรเป็นผู้ดำเนินการ แล้วก็จ่ายค่าอากรให้หลวง ถึงเรียกว่านายอากร นายอากรนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ดังนั้นการค้าส่วนใหญ่สมัยรัตน โกสินทร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือพี่น้องคนจีนที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ในแผ่นดินไทย พอหลัง พ.ศ.2475 คณะราษฎร์ ก็รวบทั้งอำนาจและทุน แล้วก็ออกกฎหมายใหม่ อะไรที่นายอากรเคยทำ ก็เอามาทำเอง จึงกำเนิดรัฐวิสาหกิจ 100 กว่าแห่ง ธนาคารอีกเกือบ 10 แห่ง แล้วพวกคณะราษฎร์นั่นแหละ ก็เข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการต่างๆ เหล่านั้น แล้วมันปฏิวัติเพื่อประชาชนตรงไหน มีเวลาจะเล่ารายละเอียดว่า ตระกูลไหน ใครบ้างเข้าไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจอะไร ธนาคารอะไร ไม่งั้นมันจะยังรวยก็อยู่ถึงตอนนี้เหรอ ผ่านไปตั้ง 70-80 ปีแล้ว (เอ้า! พวกนิติเรด อย่าลืมเล่าตรงนี้บ้างนะ) นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนจีนที่เคยค้าขายในประเทศไทย ส่งเงินไปสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะเห็นว่า ถูกกลั่นแกล้งจากรัฐบาลไทย (ที่กำกับโดยพี่เบิ้มอเมริกา) ขณะเดียวกัน พี่เบิ้มก็บี้ไทยซ้ำ ยูจะเอายังไง ไอบอกว่าทุนนิยม ยูก็จะชาตินิยม เดี๋ยวเอาเงินคืนนะ ถึงขนาดส่งนายจอห์น ดัลลัส (John Dulles) รมต.ตปท. มาบีบลูกกระเดือกจอมพล คนแปลกเอง มันเกี่ยวกับเรื่องจอมพลคนแปลก มาลานำไทยแล้วชาติเจริญ ไม่ยอมเปลี่ยนจากชาตินิยมเป็นทุนนิยมหรือเปล่ามันก็น่าคิด เพราะช่วงพ.ศ.2498-พ.ศ.2500 สถานการณ์ของจอมพล ป. ก็คลอนแคลน โยกเยก แล้วในที่สุด 16 ก.ย. พ.ศ.2500 จอมพลผ้าขะม้าก็ทำรัฐประหาร จอมพล ป. ก็รีบเก็บกระเป๋าขึ้นรถ นั่งตัวตรงลี้ภัยไปที่เขมร ก่อนที่จะติดปีกบินต่อไปญี่ปุ่น ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาท่านจอมพลไปเขมรชื่อ ชุมพล โลหะชาละ คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ ส่วนนายพลเผ่า ซีซัพพลาย (Sea Supply) ก็หรูหน่อยขึ้นเครื่องบินลี้ภัยไปสวิส น่าคิดนะ ไม่ว่าใครที่ขวางทาง  หรือไม่เป็นเด็กดีตามใบสั่งพี่เบิ้มนี่ ไม่นานหรอกก็มีอันต้องเก็บฉากหายตัวเป็นแถวๆ ตามดูไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน จอมพลผ้าขะม้ารัฐประหารแล้วไม่เป็นนายกเอง แปลกนะ! คนเป็นนายกชื่อ นายพจน์ สารสิน (แปลกไม่แปลกเอ่ย อ่านๆ ไปก็รู้เอง) คล้ายๆ กับ พล.อ.สุจินดาทำรัฐประหาร แล้วให้นายอานันท์เป็นนายกเลยนะ อิ! อิ! นายพจน์ เป็นนายกได้ไม่นาน ก็จัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยใบสั่งรุ่นแรกปี พ.ศ.2501 หวยก็ไปตกที่พล.อ. ถนอม เป็นนายก โดยมีคุณป๋าผ้าขะม้าถือไม้เรียวคุมเข้มอยู่ข้างหลัง รัฐประหารไม่เท่าไหร่ น้าหนอมยังเป็นนายกตั้งไข่ คุณป๋าผ้าขะม้าก็ล้มป่วย พี่เบิ้มตาเหลือก ยุ่งล่ะสิ! วางแผนซะเกือบตาย กำลังจะไปได้สวย ทุกอย่างอยู่ในอวยหมดแล้ว ทำไม ทำไม จะหมดวาสนาเอาง่ายๆ พี่เบิ้มก็เลยกล่อมให้คุณป๋าไปรักษาตัวที่ รพ. Water Reed อันลือชื่อของพี่เบิ้ม ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวไป พักฟื้นไป พี่เบิ้มก็ส่งพี่เลี้ยงชื่อ พล.อ. เออร์สกิน (Erskine) มานั่งจับมือคุณป๋า เล่านิทานเรื่องภัยคอมมิวนิสต์ในอินโดจีนให้คุณป๋าฟังทุกวัน ทุกวัน คุณป๋าแกเป็นทหารรักชาติของจริง ไม่ใช่ประเภทเห็นแก่ร้องเท้ากอล์ฟคู่เดียว หรือมีวันนี้เพราะพี่ให้ แกฟังพี่เลี้ยงใส่สีตีไข่ทุกวัน คุณป๋าเลือดรักชาติ พุ่งกระฉูดแทบหายป่วยเลย อะไรมันจะขนาดนั้น ภัยมันจ่อคอหอยบ้านเราแล้วหรือ แถมลาวน้องรักก็กำลังจะถึงซึ่งชีวี มีหรือพี่จะนอนต่อไปได้ ว่าแล้วคุณป๋าก็ลุกขึ้น ทำเสียงเข้มใส่พี่เบิ้มทันที บอกมาบัดเดี๋ยวนี้ เราจะช่วยบ้านเราและบ้านพี่เมืองน้องของเรา ให้พ้นจากภัยคุกคาม ของเหล่าคอมมิวนิสต์ตัวร้ายได้อย่างไร อ้า! สมันน้อยติดกับเราเรียบร้อยแล้ว…เสียงรำพึงขึ้นจมูกโด่งงุ้มของใครบางคนดังขึ้น อย่าตกใจไปเลยสมันน้อย เราได้เตรียมการไว้ให้ท่านสมันน้อย เอ๊ย มิตรรัก ไว้พร้อมสรรพแล้ว เพียงท่านทำตามที่เราบอก บ้านท่าน รวมทั้งบ้านพี่บ้านน้องท่านก็จักพ้นภัย วิธีจัดการกับสมันน้อยนามไทยแลนด์ของพี่เบิ้มเนียนมาก ด้านหนึ่งก็บอกว่าต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ชาวประชาต้องมีงานทำ พวกคอมมี่มันจะได้เข้าไม่ถึง ถ้าเรายากจน เขาก็มาช่วงชิงประชาชนไปได้ อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องจัดการ ให้ยูมีกองกำลังเอาไว้ป้องกันตัว บดขยี้ไอ้พวกคอมมี่ที่จะมาตีบ้านตีเมืองยู ไอไม่ปล่อยให้ยูเดียวดาย โฮมอะโลนหรอกเพื่อนรัก แล้วการจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพน่ะ เพื่อนต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จ การเมืองต้องนิ่ง คุมสภาให้อยู่หมัด เพื่อนอย่าเพิ่งมึน แหม! นี่ถ้าไม่บอกว่า พี่มะกันพูดกะป๋าสฤษดิ์น่ะ ท่านผู้อ่านอาจเผลอนึกว่า พี่มะกันพูดกับพี่น้องนักซุก ว.5 ดังนั้นไทยแลนด์เพื่อนรัก เพื่อนจงรีบจัดการ เรื่องการบ้านการเมืองบ้านยูให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ดำเนิน การพัฒนาประเทศเป็นการด่วน ไอได้ทำการสำรวจ และทำข้อแนะนำไว้ให้ยูเรียบร้อยแล้ว เห็นไหม ไอรู้ใจเพื่อนรักขนาดไหน ยูรีบไปดูแล จัดตั้งหน่วยงานพัฒนาเสียโดยดี เพื่อนจะรออะไรอีก เงินไม่มี ไอก็จะให้กู้ โอ๊ย! เพื่อนใจป้ำอย่างนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน แบบนี้คุณป๋าหายป่วยเลย รีบกลับบ้านเรียกประชุมมิตรรักนักเพลงที่คอเดียวกับพี่เบิ้มมะกันเป็นการด่วน เร็วๆ พวกเรา คอมมิวนิสต์มันจ่อก้นเราแล้ว เราต้องช่วงชิงประชาชนกลับมา นำความเจริญไปสู่เขา ฯลฯ แหม นกแก้วรุ่นพ่อก็ท่องคล่องเหมือนกันนะ นึกว่ามีแต่นกแก้วสมัยนี้ ระหว่างที่คุณป๋าสฤษดิ์รักษาตัวอยู่ ที่สหรัฐฯ น้าหนอมเป็นนายกก็จริง แต่เริ่มมีรัศมีของลุงตุ๊ หนวดจิ๋ม ขึ้นมาบดบัง คุณป๋าก็ร้อนใจ โอ๊ย! ไหนจะเรื่องคอมมี่ ไหนจะเรื่องหนวดจิ๋ม พี่เบิ้มนี่น่ารักจริง ๆ ไม่ปล่อยให้คุณป๋าร้อนใจนานหรอก คนรักกันชอบกัน ทำมั้ยทำไม เรื่องแค่นี้จะทำให้กันไม่ได้ พี่เบิ้มเขาทำอะไรให้นะ ใจเย็น ๆ อ่านต่อไปครับ คุณป๋าบินกลับไทยแลนด์ ในเดือนตุลา พ.ศ.2501  มาถึงก็สั่งปรับ ครม. ทันที แต่ก่อนคุณป๋าจะกลับมา ก็มีคนช่วยจัดการเตรียมแผนให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ตามที่มีผู้ปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายแนะนำเอาไว้แล้ว ช่วงกลางปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) คุณป๋าก็เดินทางไปอังกฤษ อ้างว่าจะไปตรวจสุขภาพ (อีก) รายงานของ CIA อ้างว่า คุณป๋าไปเตรียมแผนปฏิวัติอยู่ที่ ซันนิ่ง เดล Sunning Dale ในลอนดอน (London) หอบเอาคณะมันสมองไปด้วยประมาณ 1 โหล ในรายงานบอกว่ามีแต่เด็ดๆ ทั้งนั้นเช่น ถนัด คอมันตร์ หลวงวิจิตรวาทการสุนทร หงส์ลดารมภ์ บุญชู จันทรุเบกษา พงษ์สวัสดิ สุริโยทัย เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ฯลฯ ระหว่างเตรียมการรัฐประหาร CIA ระบุในรายงานของตนว่า เป็นการเตรียมตัวของไทยแลนด์ เข้าสู่การพัฒนาตาม Pax Americana ให้บรรลุผลสำเร็จ พี่เบิ้มต้องรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดปาก น้ำลายมันไหลเยิ้มไม่หยุด อู้ย! หมูกำลังเต๊าะแต๊ะๆ เข้าอวยแล้ว รายงานของ CIA ยังบอกอีกว่า ได้ส่งกำลังมาอารักขาครอบครัวของคณะท่าน ซันนิ่ง เดล โดยส่งครอบครัวไปซ่อนในที่ปลอดภัยที่หัวหิน มาแล้วไง ค่ายนเรศวร บอกแล้วว่าให้จำไว้ อย่าลืมๆ โดยมีขบวนรถของอเมริกาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพื่อนำครอบครัวของคณะซันนิ่ง เผ่นลงใต้ หากแผนล่ม! 19 ต.ค. พ.ศ.2502 คุณป๋าและคณะเดินทางกลับประเทศไทย 20 ต.ค. พ.ศ.2502 น้าหนอมยื่นใบลาออกจากการเป็นนายกฯ วันเดียวกันนั้น คุณป๋าก็ปฏิบัติการยึดอำนาจ โดยคณะทหารที่เรียกตัวเองว่า “คณะปฎิวัติ” แล้วคุณป๋าก็ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติ และให้น้าหนอมเป็นรองหัวหน้าคณะฯ CIA รายงานว่าการรัฐประหารครั้งนี้มุ่งลดอำนาจลุงตุ๊ และทำให้คุณป๋ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ Pax Americanaเดินหน้าอย่างไม่มีอุปสรรคแล้ว ดื่ม Coke แก้กระหายด่วน (โฆษณาให้ฟรี จะส่งเงินมาสม ทบก็ไม่ขัดข้อง) คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 713 Views 0 Reviews
  • ช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอาเซอร์ไบจานควบคุมตัวพนักงานของสำนักข่าวสปุตนิก 2 คน ในกรุงบากู เมืองหลวงาเซอร์ไบจาน

    ทางด้าน ซาคาโรวา โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาแสดงความกังวลว่าเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงที่นักการทูตรัสเซียไม่สามารถติดต่อนักข่าวของสปุตนิกได้

    ดมิทรี คิลิซอฟ หัวหน้าสถานีข่าวสปุตนิก กล่าวว่าสปุตนิกปฏิบัติการอย่างถูกกฎหมายในอาเซอร์ไบจาน แต่การกักขังดูเหมือน “เจตนาเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแย่ลง”
    ช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอาเซอร์ไบจานควบคุมตัวพนักงานของสำนักข่าวสปุตนิก 2 คน ในกรุงบากู เมืองหลวงาเซอร์ไบจาน ทางด้าน ซาคาโรวา โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาแสดงความกังวลว่าเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงที่นักการทูตรัสเซียไม่สามารถติดต่อนักข่าวของสปุตนิกได้ ดมิทรี คิลิซอฟ หัวหน้าสถานีข่าวสปุตนิก กล่าวว่าสปุตนิกปฏิบัติการอย่างถูกกฎหมายในอาเซอร์ไบจาน แต่การกักขังดูเหมือน “เจตนาเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแย่ลง”
    0 Comments 0 Shares 284 Views 0 Reviews
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 594 Views 0 Reviews
  • นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล

    ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

    "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง"

    ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง

    นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน

    #Newskit
    นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง" ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน #Newskit
    0 Comments 0 Shares 725 Views 0 Reviews
  • อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลที่ทำให้การเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ล้มเหลว

    อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวกับนักการทูตในกรุงเตหะรานว่า อิหร่านมี "ความตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ และทำให้เห็นมาตลอดที่จะไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์" นอกจากนี้อิหร่านยังพร้อมที่จะให้คำมั่นในการเจรจากับสหรัฐฯในเรื่องเหล่านี้

    น่าเสียดายที่การเจรจาถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอิสราเอลเป็นผู้บ่อนทำลายการทูตนั้น

    อาราฆชียังเรียกร้องให้วอชิงตันประณามการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ซึ่งพวกเราจะไม่มีวันได้เห็นการประณามนั้นอย่างแน่นอน)

    อาราฆชียังกล่าวอีกว่า อิหร่านไม่ยอมรับถึงคำปฏิเสธของสหรัฐว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่สำคัญของอิหร่าน

    ที่มา: Al Jazeera

    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    อิหร่าน เป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons หรือเรียกทั่วไปว่า Non-Proliferation Treaty หรือ NPT) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกระจายของอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอาวุธ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ

    แต่อิสราเอลไม่ยอมเข้าร่วมในสนธิสัญญา NPT นี้!!! และไม่ยอมรับมาตรการป้องกันของ IAEA สำหรับกิจกรรมนิวเคลียร์หลักบางประการของประเทศ นอกจากนี้อิสราเอลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลนิวเคลียร์ของอิสราเอลโดยที่ไม่มีประเทศใดคว่ำบาตรหรือกดดันอิสราเอลแม้แต่นิดเดียว!
    อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลที่ทำให้การเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ล้มเหลว อับบาส อาราฆชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวกับนักการทูตในกรุงเตหะรานว่า อิหร่านมี "ความตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ และทำให้เห็นมาตลอดที่จะไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์" นอกจากนี้อิหร่านยังพร้อมที่จะให้คำมั่นในการเจรจากับสหรัฐฯในเรื่องเหล่านี้ น่าเสียดายที่การเจรจาถูกยกเลิกไปแล้ว โดยอิสราเอลเป็นผู้บ่อนทำลายการทูตนั้น อาราฆชียังเรียกร้องให้วอชิงตันประณามการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ซึ่งพวกเราจะไม่มีวันได้เห็นการประณามนั้นอย่างแน่นอน) อาราฆชียังกล่าวอีกว่า อิหร่านไม่ยอมรับถึงคำปฏิเสธของสหรัฐว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ ซึ่งเป็นโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่สำคัญของอิหร่าน ที่มา: Al Jazeera ข้อมูลเพิ่มเติม: 👉อิหร่าน เป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons หรือเรียกทั่วไปว่า Non-Proliferation Treaty หรือ NPT) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกระจายของอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอาวุธ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ 👉แต่อิสราเอลไม่ยอมเข้าร่วมในสนธิสัญญา NPT นี้!!! และไม่ยอมรับมาตรการป้องกันของ IAEA สำหรับกิจกรรมนิวเคลียร์หลักบางประการของประเทศ นอกจากนี้อิสราเอลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลนิวเคลียร์ของอิสราเอลโดยที่ไม่มีประเทศใดคว่ำบาตรหรือกดดันอิสราเอลแม้แต่นิดเดียว!
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

    เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้

    อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน • เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้ • อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 474 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลยิงเตือนใส่กลุ่มนักการทูต จุดชนวนประณามท่ามกลางแรงกดดันในฉนวนกาซา
    https://www.thai-tai.tv/news/18836/
    อิสราเอลยิงเตือนใส่กลุ่มนักการทูต จุดชนวนประณามท่ามกลางแรงกดดันในฉนวนกาซา https://www.thai-tai.tv/news/18836/
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • กลุ่ม APT29 ซึ่งเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) ได้เปิดตัว มัลแวร์ตัวใหม่ GRAPELOADER เพื่อใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ นักการทูตยุโรป โดยใช้เทคนิค ฟิชชิงผ่านคำเชิญงานชิมไวน์

    APT29 ใช้ GRAPELOADER เพื่อเจาะระบบของนักการทูตยุโรป
    - กลุ่มแฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น กระทรวงการต่างประเทศยุโรป และส่งคำเชิญงานชิมไวน์
    - เมื่อเป้าหมายคลิกลิงก์ จะถูกนำไปสู่การติดตั้ง GRAPELOADER ซึ่งเป็นมัลแวร์ใหม่

    GRAPELOADER ใช้เทคนิค DLL side-loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    - มัลแวร์ถูกซ่อนอยู่ในไฟล์ wine.zip ซึ่งมีไฟล์ wine.exe และ DLL ที่ถูกดัดแปลง
    - เมื่อถูกโหลดเข้าสู่ระบบ GRAPELOADER จะ ตั้งค่าความคงอยู่และส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม

    APT29 เคยใช้มัลแวร์ WINELOADER ในการโจมตีมาก่อน
    - WINELOADER ถูกใช้ในปี 2024 เพื่อโจมตี พรรคการเมืองเยอรมัน
    - ในการโจมตีครั้งนี้ WINELOADER อาจถูกใช้เป็น payload ขั้นสุดท้าย

    เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับของ GRAPELOADER
    - ใช้ การเข้ารหัส HTTPS เพื่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    - ใช้ เทคนิคป้องกันการวิเคราะห์ เพื่อทำให้การตรวจสอบโค้ดยากขึ้น

    Check Point เผยแพร่ Indicators of Compromise (IoC) เพื่อช่วยป้องกันการโจมตี
    - รายงานประกอบด้วย ชื่อไฟล์, ค่าแฮช และ URL ของเซิร์ฟเวอร์ควบคุม
    - องค์กรสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อ สร้างระบบตรวจจับและป้องกันภัยคุกคาม

    https://www.csoonline.com/article/3964203/russia-linked-apt29-targets-european-diplomats-with-new-malware.html
    กลุ่ม APT29 ซึ่งเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย (SVR) ได้เปิดตัว มัลแวร์ตัวใหม่ GRAPELOADER เพื่อใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์ต่อ นักการทูตยุโรป โดยใช้เทคนิค ฟิชชิงผ่านคำเชิญงานชิมไวน์ ✅ APT29 ใช้ GRAPELOADER เพื่อเจาะระบบของนักการทูตยุโรป - กลุ่มแฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น กระทรวงการต่างประเทศยุโรป และส่งคำเชิญงานชิมไวน์ - เมื่อเป้าหมายคลิกลิงก์ จะถูกนำไปสู่การติดตั้ง GRAPELOADER ซึ่งเป็นมัลแวร์ใหม่ ✅ GRAPELOADER ใช้เทคนิค DLL side-loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ - มัลแวร์ถูกซ่อนอยู่ในไฟล์ wine.zip ซึ่งมีไฟล์ wine.exe และ DLL ที่ถูกดัดแปลง - เมื่อถูกโหลดเข้าสู่ระบบ GRAPELOADER จะ ตั้งค่าความคงอยู่และส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ✅ APT29 เคยใช้มัลแวร์ WINELOADER ในการโจมตีมาก่อน - WINELOADER ถูกใช้ในปี 2024 เพื่อโจมตี พรรคการเมืองเยอรมัน - ในการโจมตีครั้งนี้ WINELOADER อาจถูกใช้เป็น payload ขั้นสุดท้าย ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับของ GRAPELOADER - ใช้ การเข้ารหัส HTTPS เพื่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม - ใช้ เทคนิคป้องกันการวิเคราะห์ เพื่อทำให้การตรวจสอบโค้ดยากขึ้น ✅ Check Point เผยแพร่ Indicators of Compromise (IoC) เพื่อช่วยป้องกันการโจมตี - รายงานประกอบด้วย ชื่อไฟล์, ค่าแฮช และ URL ของเซิร์ฟเวอร์ควบคุม - องค์กรสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อ สร้างระบบตรวจจับและป้องกันภัยคุกคาม https://www.csoonline.com/article/3964203/russia-linked-apt29-targets-european-diplomats-with-new-malware.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Russia-linked APT29 targets European diplomats with new malware
    The phishing campaign impersonates ambassadors by sending out invitations to wine tastings.
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
  • บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ

    -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน

    นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้

    ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih

    “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X


    การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    0 Comments 0 Shares 669 Views 0 Reviews
  • รัสเซียไม่อาจยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ สำหรับยุติสงครามในยูเครน ในรูปแบบปัจจุบัน สืบเนื่องจากเงื่อนไขต่างๆเหล่านั้นไม่จัดการกับปัญหาทั้งหลายที่มอสโกมองว่าเป็นรากเหง้าของความขัดแย้ง จากการเปิดเผยของนักการทูตระดับสูงรายหนึ่งของรัสซีย บ่งชี้ว่าการเจรจาระหว่างวอชิงตันกับมอสโกต้องประสบกับภาวะชะงักงัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031232
    รัสเซียไม่อาจยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ สำหรับยุติสงครามในยูเครน ในรูปแบบปัจจุบัน สืบเนื่องจากเงื่อนไขต่างๆเหล่านั้นไม่จัดการกับปัญหาทั้งหลายที่มอสโกมองว่าเป็นรากเหง้าของความขัดแย้ง จากการเปิดเผยของนักการทูตระดับสูงรายหนึ่งของรัสซีย บ่งชี้ว่าการเจรจาระหว่างวอชิงตันกับมอสโกต้องประสบกับภาวะชะงักงัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031232
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1510 Views 0 Reviews
  • สหรัฐและรัสเซียจะพบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี
    - ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยรัสเซีย

    การประชุมครั้งนี้ จะเกี่ยวกับการทำงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศโดยมีนักการทูตรัสเซียและอเมริกา รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุม
    สหรัฐและรัสเซียจะพบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี - ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยรัสเซีย การประชุมครั้งนี้ จะเกี่ยวกับการทำงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศโดยมีนักการทูตรัสเซียและอเมริกา รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมประชุม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ทิ้งบอมบ์รอบใหม่ ขู่รีดภาษีศุลกากรรถนำเข้า 25% และจัดเก็บในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ด้านจีนประณามมาตรการภาษีและการข่มขู่ของทรัมป์ระหว่างการประชุมองค์การการค้าโลกว่า เป็นการคุกคามระบบการค้าและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย
    .
    นับจากเข้ารับตำแหน่งปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดบางแห่งโดยอ้างว่า เพื่อตอบโต้กับแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ นอกจากนั้น ในหลายกรณีก็ระบุเหตุผลว่าเพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของอเมริกา อย่างเช่นการปราบปรามการอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศรีดภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทุกรายการจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% และปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกันในขนาดขอบเขตที่แคบกว่า จากนั้นทรัมป์ยังสั่งขึ้นภาษีที่เก็บจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 25%
    .
    ล่าสุดในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในอัตราประมาณ 25% โดยจะบังคับใช้ในราววันที่ 2 เมษายน
    .
    สำหรับสินค้าพวกยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทรัมป์เคยบอกไว้ว่าจะพิจารณาเพิ่มภาษีในช่วงเวลาเดียวกับรถยนต์นั้น ทรัมป์ขยายความในคราวนี้ว่า จะเก็บสูงขึ้นในอัตรา 25% หรือสูงกว่านั้น แล้วจากนั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายใน 1 ปี แต่เขายังไม่ระบุว่าจะเริ่มเมื่อใด
    .
    เขายังบอกว่า ต้องการให้เวลาพวกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้กลับลำมาทำธุรกิจในอเมริกา และเสริมด้วยว่า ประเทศคู่ค้าของวอชิงตันก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มได้ด้วยการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญย้ำคำเตือนที่ได้ให้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ที่ว่ามาตรการเพิ่มภาษีศุลกาการจากสินค้านำเข้านั้น คนอเมริกันเองมีแนวโน้มต้องแบกรับมากกว่าพวกผู้ส่งออกต่างชาติ เนื่องจากคนที่ต้องควักเงินจ่ายภาษีจริงๆ ก็คือผู้นำเข้าในอเมริกา และพวกเขาก็มักแบ่งเบาภาระนี้ด้วยการขึ้นราคาสินค้าที่จำหน่ายในสหรัฐฯ
    .
    เฉพาะรถยนต์นั้น ปัจจุบันรถยนต์ราว 50% ที่ขายในอเมริกาเป็นรถที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่รถนำเข้าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแบรนด์ระดับอินเตอร์ไปตั้งโรงงานประกอบกันที่นั่น นอกจากนั้นยังมีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีที่เป็นซัปพลายเออร์รายสำคัญ
    .
    เอเชียจับตามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อย่างระมัดระวังมาก เนื่องจากมีซัปพลายเออร์หลักบางแห่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาตั้งอยู่
    .
    โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นได้หยิบยกประเด็นภาษีศุลกากรรถยนต์หารือกับอเมริกาแล้ว และรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมควบคู่กับการตรวจสอบรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงของมาตรการภาษีดังกล่าว
    .
    ทางด้านไต้หวันที่เป็นฮับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกและถูกทรัมป์กล่าวหาว่า ปล้นอุตสาหกรรมชิปไปจากอเมริกานั้น ก็แสดงท่าทีตื่นตัวเฝ้าระวัง ถึงแม้กระทรวงเศรษฐกิจแถลงว่า ขอบเขตผลิตภัณฑ์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษียังไม่มีความชัดเจน และรัฐบาลจะติดตามทิศทางนโยบายของอเมริกาต่อไป รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือแก่อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อน
    .
    ก่อนหน้านี้ไทเปประกาศแล้วว่า จะเพิ่มการลงทุนในอเมริกาเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของทรัมป์
    .
    ผู้นำอเมริกายังแสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป ลดภาษีศุลกากรรถยนต์จาก 10% เหลือ 2.5% เท่ากับอเมริกา และบอกว่า ถ้าทุกประเทศทำแบบนี้ การค้าทั่วโลกจะแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง หลี่ เฉิงกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้ประณามมาตรการภาษีศุลกากรและการข่มขู่ของทรัมป์ ในระหว่างการประชุมคณะมนตรีใหญ่ดับเบิลยูทีโอในวันอังคารโดยระบุว่า การขึ้นภาษีอย่างแรงและการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์เช่นนี้ ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อระบบการค้าโลก ทำให้เศรษฐกิจไร้ความแน่นอนมากขึ้น การค้าโลกสะดุด เสี่ยงเกิดภาวะเฟ้อในอเมริกา บิดเบือนตลาด หรือแม้กระทั่งทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
    .
    ทว่า เดวิด บิสบี นักการทูตของอเมริกาตอบโต้ว่า เศรษฐกิจจีนเป็นระบบเศรษฐกิจนักล่าที่ไม่ได้อิงกับตลาด และเสริมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เข้าเป็นสมาชิก จีนละเมิด เพิกเฉย และหลบเลี่ยงกฎของดับเบิลยูทีโอมาหลายครั้ง
    .
    ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในดับเบิลยูทีโอเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันละเมิดกฎ ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ปักกิ่งไม่สมควรได้รับสถานะประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งได้รับการปฏิบัติพิเศษภายใต้กฎของดับเบิลยูทีโอ
    .
    นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของทรัมป์ประกาศแผนถอนตัวจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ยังเท่ากับว่า ดับเบิลยูทีโอไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำเนียบขาวคำนึงถึงมากนัก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016777
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ทิ้งบอมบ์รอบใหม่ ขู่รีดภาษีศุลกากรรถนำเข้า 25% และจัดเก็บในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ด้านจีนประณามมาตรการภาษีและการข่มขู่ของทรัมป์ระหว่างการประชุมองค์การการค้าโลกว่า เป็นการคุกคามระบบการค้าและทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย . นับจากเข้ารับตำแหน่งปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดบางแห่งโดยอ้างว่า เพื่อตอบโต้กับแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ นอกจากนั้น ในหลายกรณีก็ระบุเหตุผลว่าเพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของอเมริกา อย่างเช่นการปราบปรามการอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย . ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศรีดภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าทุกรายการจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% และปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกันในขนาดขอบเขตที่แคบกว่า จากนั้นทรัมป์ยังสั่งขึ้นภาษีที่เก็บจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้าจากทุกประเทศในอัตรา 25% . ล่าสุดในวันอังคาร (18 ก.พ.) ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในอัตราประมาณ 25% โดยจะบังคับใช้ในราววันที่ 2 เมษายน . สำหรับสินค้าพวกยาและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทรัมป์เคยบอกไว้ว่าจะพิจารณาเพิ่มภาษีในช่วงเวลาเดียวกับรถยนต์นั้น ทรัมป์ขยายความในคราวนี้ว่า จะเก็บสูงขึ้นในอัตรา 25% หรือสูงกว่านั้น แล้วจากนั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายใน 1 ปี แต่เขายังไม่ระบุว่าจะเริ่มเมื่อใด . เขายังบอกว่า ต้องการให้เวลาพวกบริษัทที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจะได้กลับลำมาทำธุรกิจในอเมริกา และเสริมด้วยว่า ประเทศคู่ค้าของวอชิงตันก็สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มได้ด้วยการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานในอเมริกา . อย่างไรก็ตาม พวกผู้เชี่ยวชาญย้ำคำเตือนที่ได้ให้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ที่ว่ามาตรการเพิ่มภาษีศุลกาการจากสินค้านำเข้านั้น คนอเมริกันเองมีแนวโน้มต้องแบกรับมากกว่าพวกผู้ส่งออกต่างชาติ เนื่องจากคนที่ต้องควักเงินจ่ายภาษีจริงๆ ก็คือผู้นำเข้าในอเมริกา และพวกเขาก็มักแบ่งเบาภาระนี้ด้วยการขึ้นราคาสินค้าที่จำหน่ายในสหรัฐฯ . เฉพาะรถยนต์นั้น ปัจจุบันรถยนต์ราว 50% ที่ขายในอเมริกาเป็นรถที่ผลิตภายในประเทศ ขณะที่รถนำเข้าประมาณครึ่งหนึ่งเป็นรถจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแบรนด์ระดับอินเตอร์ไปตั้งโรงงานประกอบกันที่นั่น นอกจากนั้นยังมีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนีที่เป็นซัปพลายเออร์รายสำคัญ . เอเชียจับตามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์อย่างระมัดระวังมาก เนื่องจากมีซัปพลายเออร์หลักบางแห่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาตั้งอยู่ . โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพุธว่า ญี่ปุ่นได้หยิบยกประเด็นภาษีศุลกากรรถยนต์หารือกับอเมริกาแล้ว และรัฐบาลจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมควบคู่กับการตรวจสอบรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงของมาตรการภาษีดังกล่าว . ทางด้านไต้หวันที่เป็นฮับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของโลกและถูกทรัมป์กล่าวหาว่า ปล้นอุตสาหกรรมชิปไปจากอเมริกานั้น ก็แสดงท่าทีตื่นตัวเฝ้าระวัง ถึงแม้กระทรวงเศรษฐกิจแถลงว่า ขอบเขตผลิตภัณฑ์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษียังไม่มีความชัดเจน และรัฐบาลจะติดตามทิศทางนโยบายของอเมริกาต่อไป รวมทั้งจะให้ความช่วยเหลือแก่อุตสาหกรรมท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อน . ก่อนหน้านี้ไทเปประกาศแล้วว่า จะเพิ่มการลงทุนในอเมริกาเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีของทรัมป์ . ผู้นำอเมริกายังแสดงความยินดีที่สหภาพยุโรป ลดภาษีศุลกากรรถยนต์จาก 10% เหลือ 2.5% เท่ากับอเมริกา และบอกว่า ถ้าทุกประเทศทำแบบนี้ การค้าทั่วโลกจะแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม . ในอีกด้านหนึ่ง หลี่ เฉิงกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้ประณามมาตรการภาษีศุลกากรและการข่มขู่ของทรัมป์ ในระหว่างการประชุมคณะมนตรีใหญ่ดับเบิลยูทีโอในวันอังคารโดยระบุว่า การขึ้นภาษีอย่างแรงและการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์เช่นนี้ ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อระบบการค้าโลก ทำให้เศรษฐกิจไร้ความแน่นอนมากขึ้น การค้าโลกสะดุด เสี่ยงเกิดภาวะเฟ้อในอเมริกา บิดเบือนตลาด หรือแม้กระทั่งทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย . ทว่า เดวิด บิสบี นักการทูตของอเมริกาตอบโต้ว่า เศรษฐกิจจีนเป็นระบบเศรษฐกิจนักล่าที่ไม่ได้อิงกับตลาด และเสริมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่เข้าเป็นสมาชิก จีนละเมิด เพิกเฉย และหลบเลี่ยงกฎของดับเบิลยูทีโอมาหลายครั้ง . ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในดับเบิลยูทีโอเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันละเมิดกฎ ขณะที่วอชิงตันระบุว่า ปักกิ่งไม่สมควรได้รับสถานะประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งได้รับการปฏิบัติพิเศษภายใต้กฎของดับเบิลยูทีโอ . นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของทรัมป์ประกาศแผนถอนตัวจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง ยังเท่ากับว่า ดับเบิลยูทีโอไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำเนียบขาวคำนึงถึงมากนัก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016777 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    12
    0 Comments 0 Shares 3024 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย
    .
    ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก
    .
    ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย
    .
    รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว
    .
    การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า
    .
    ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา
    .
    “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน”
    .
    ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง
    .
    ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่
    .
    บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย
    .
    การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย
    .
    การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา
    .
    เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ
    .
    โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น
    .
    รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ
    .
    คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน
    .
    ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น
    .
    บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง
    .
    ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย . ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น . อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก . ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย . รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว . การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า . ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา . “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน” . ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง . ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่ . บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย . การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน . รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย . การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา . เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ . โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น . รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ . คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน . ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น . บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง . ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 Comments 0 Shares 2916 Views 0 Reviews
  • เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้:
    - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก

    - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต

    - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง

    - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง

    - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ

    - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน

    - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

    - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา

    - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้: - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 745 Views 0 Reviews
  • รายงานข่าวจากMGR Chinaระบุว่าหลายคนงง! ทำไมจีนส่ง “นักรบหมาป่า” ประจำด่านยุโรป

    ข่าวจีนแต่งตั้งนายหลู ซาแหย่ อดีตเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส วัย 60 ปี เป็น #ผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรป ทำเอานักการทูตรู้สึกประหลาดใจไปตามๆ กัน เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งในช่วงที่ #ความสัมพันธ์จีน-ยุโรปมาถึงจุดเปลี่ยน แต่ด้วยสไตล์บู๊มากกว่าบุ๋นของนายหลู เขาจึงไม่น่าจะใช่กับช่วงเวลาที่มีความละเอียดอ่อนเช่นนี้

    นายหลูขึ้นชื่อในเรื่องการออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างดุดัน จนได้รับฉายานักการทูต “นักรบหมาป่า” ( #Wolf Warrior) ตัวฉกาจ ฉายานี้ใช้เรียกบุคคลที่ออกมาตอบโต้นักวิจารณ์ซึ่งถูกมองว่าเป็นศัตรูกับจีนได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

    ท่านทูตผู้นี้เอ่ยวาทะเด็ด แต่ไม่เข้าหูชาติในสหภาพยุโรป (อียู) บ่อยครั้ง เช่น เมื่อปี 2566 ขณะประจำอยู่ที่ฝรั่งเศส นายหลูตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของรัฐอดีตสหภาพโซเวียต เขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ว่า รัฐเหล่านี้ไม่มีสถานะที่มีผลบังคับใช้ในกฎหมายระหว่างประเทศ นายหลูมีนัยถึง #กลุ่มรัฐบอลติกคือ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนียซึ่งเคยเป็นสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันเป็นสมาชิกอียูและองค์การนาโต

    “เรายังจำคำพูดเกี่ยวกับรัฐบอลติกนี้ได้ดี” นักการทูตยุโรปในกรุงปักกิ่งคนหนึ่งระบุ

    มีอยู่คราวหนึ่งนาย อังตวน บงดาซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนของมูลนิธิเพื่อการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (FRS) ซึ่งเป็นสถาบันนักคิด บ่นจีนว่ากดดันไม่ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติฝรั่งเศสไปเยือนไต้หวัน ท่านทูตหลูก็เลยจัดให้ชุดใหญ่ไฟกะพริบ ประณามนายบงดาซ์ว่า เป็น “อันธพาลตัวกะเปี๊ยก” “หมาไนบ้า” และ “ตัวป่วนอุดมการณ์” ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านจีน กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสออถแถลงการณ์ประณาม รับไม่ได้กับความคิดเห็นของนายหลู รวมถึง "การดูถูกและข่มขู่ต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักวิจัยชาวฝรั่งเศส" เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2564

    ต่อมาในปี 2565 นายหลูให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ แนะให้ชาวไต้หวันเข้ารับการปรับทัศนติเมื่อจีนผนวกไต้หวัน ฝ่ายสนับสนุนเอกราชไต้หวันถึงกับเต้น

    นายหลูดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศสจนครบวาระ 5 ปีในเดือนธันวาคมปี 2567

    ก่อนหน้านั้น สมัยเป็นเอกอัครราชทูตประจำแคนาดา เขาเคยกล่าวหารัฐบาลแคนาดาเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 ว่าเป็นคนผิวขาวที่วางอำนาจยิ่งใหญ่เหนือผู้อื่น จากกรณีที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวแคนาดา 2 คนซึ่งถูกจีนควบคุมตัว การจับกุมชาวแคนาดาเกิดขึ้น หลังจาก “เมิ่ง หวั่นโจว” ซีอีโอบริษัทหัวเว่ยถูกแคนาดาจับกุมตัวตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงข่าวการแต่งตั้งเมื่อวันพฤหัสฯ (6 ก.พ.) ว่า นายหลูจะช่วยเหลือและประสานงานการจัดการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอียู โดยเขาเป็นนักการทูตระดับสูงผู้รอบรู้สถานการณ์ในยุโรปเป็นอย่างดี

    ที่ว่าความสัมพันธ์จีน-ยุโรปเดินมาถึงจุดเปลี่ยนนั่นก็คือ พวกสายเหยี่ยวต้านจีนในอียู เช่น นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยนประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ส่งสัญญาณว่ายินดีที่จะทบทวนความสัมพันธ์จีน-อียู ที่กำลังย่ำแย่ อันเนื่องมาจากปัญหาขัดแย้งทางการค้าและความไม่พอใจที่จีนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย

    อียูเริ่มเปลี่ยนท่าทีท่ามกลางความตึงเครียดที่ส่อเค้าระหว่างอียู-สหรัฐฯ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% และขู่ขึ้นภาษีกับยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรปเป็นตำแหน่งที่จีนตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 โดยนายหลูรับตำแหน่งสืบต่อจากนายอู๋ หงปั๋ว วัย 72 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งคนแรก

    ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์
    ภาพประกอบข่าว
    นายหลู ซาแหย่ อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำฝรั่งเศสและผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรปคนใหม่ - ภาพ : ซินหัว
    รายงานข่าวจากMGR Chinaระบุว่าหลายคนงง! ทำไมจีนส่ง “นักรบหมาป่า” ประจำด่านยุโรป ข่าวจีนแต่งตั้งนายหลู ซาแหย่ อดีตเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส วัย 60 ปี เป็น #ผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรป ทำเอานักการทูตรู้สึกประหลาดใจไปตามๆ กัน เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งในช่วงที่ #ความสัมพันธ์จีน-ยุโรปมาถึงจุดเปลี่ยน แต่ด้วยสไตล์บู๊มากกว่าบุ๋นของนายหลู เขาจึงไม่น่าจะใช่กับช่วงเวลาที่มีความละเอียดอ่อนเช่นนี้ นายหลูขึ้นชื่อในเรื่องการออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างดุดัน จนได้รับฉายานักการทูต “นักรบหมาป่า” ( #Wolf Warrior) ตัวฉกาจ ฉายานี้ใช้เรียกบุคคลที่ออกมาตอบโต้นักวิจารณ์ซึ่งถูกมองว่าเป็นศัตรูกับจีนได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ท่านทูตผู้นี้เอ่ยวาทะเด็ด แต่ไม่เข้าหูชาติในสหภาพยุโรป (อียู) บ่อยครั้ง เช่น เมื่อปี 2566 ขณะประจำอยู่ที่ฝรั่งเศส นายหลูตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของรัฐอดีตสหภาพโซเวียต เขากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ว่า รัฐเหล่านี้ไม่มีสถานะที่มีผลบังคับใช้ในกฎหมายระหว่างประเทศ นายหลูมีนัยถึง #กลุ่มรัฐบอลติกคือ เอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนียซึ่งเคยเป็นสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันเป็นสมาชิกอียูและองค์การนาโต “เรายังจำคำพูดเกี่ยวกับรัฐบอลติกนี้ได้ดี” นักการทูตยุโรปในกรุงปักกิ่งคนหนึ่งระบุ มีอยู่คราวหนึ่งนาย อังตวน บงดาซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนของมูลนิธิเพื่อการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (FRS) ซึ่งเป็นสถาบันนักคิด บ่นจีนว่ากดดันไม่ให้สมาชิกสภานิติบัญญัติฝรั่งเศสไปเยือนไต้หวัน ท่านทูตหลูก็เลยจัดให้ชุดใหญ่ไฟกะพริบ ประณามนายบงดาซ์ว่า เป็น “อันธพาลตัวกะเปี๊ยก” “หมาไนบ้า” และ “ตัวป่วนอุดมการณ์” ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านจีน กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสออถแถลงการณ์ประณาม รับไม่ได้กับความคิดเห็นของนายหลู รวมถึง "การดูถูกและข่มขู่ต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักวิจัยชาวฝรั่งเศส" เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 ต่อมาในปี 2565 นายหลูให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ แนะให้ชาวไต้หวันเข้ารับการปรับทัศนติเมื่อจีนผนวกไต้หวัน ฝ่ายสนับสนุนเอกราชไต้หวันถึงกับเต้น นายหลูดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำฝรั่งเศสจนครบวาระ 5 ปีในเดือนธันวาคมปี 2567 ก่อนหน้านั้น สมัยเป็นเอกอัครราชทูตประจำแคนาดา เขาเคยกล่าวหารัฐบาลแคนาดาเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 ว่าเป็นคนผิวขาวที่วางอำนาจยิ่งใหญ่เหนือผู้อื่น จากกรณีที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวแคนาดา 2 คนซึ่งถูกจีนควบคุมตัว การจับกุมชาวแคนาดาเกิดขึ้น หลังจาก “เมิ่ง หวั่นโจว” ซีอีโอบริษัทหัวเว่ยถูกแคนาดาจับกุมตัวตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงข่าวการแต่งตั้งเมื่อวันพฤหัสฯ (6 ก.พ.) ว่า นายหลูจะช่วยเหลือและประสานงานการจัดการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอียู โดยเขาเป็นนักการทูตระดับสูงผู้รอบรู้สถานการณ์ในยุโรปเป็นอย่างดี ที่ว่าความสัมพันธ์จีน-ยุโรปเดินมาถึงจุดเปลี่ยนนั่นก็คือ พวกสายเหยี่ยวต้านจีนในอียู เช่น นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยนประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ส่งสัญญาณว่ายินดีที่จะทบทวนความสัมพันธ์จีน-อียู ที่กำลังย่ำแย่ อันเนื่องมาจากปัญหาขัดแย้งทางการค้าและความไม่พอใจที่จีนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย อียูเริ่มเปลี่ยนท่าทีท่ามกลางความตึงเครียดที่ส่อเค้าระหว่างอียู-สหรัฐฯ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% และขู่ขึ้นภาษีกับยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรปเป็นตำแหน่งที่จีนตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 โดยนายหลูรับตำแหน่งสืบต่อจากนายอู๋ หงปั๋ว วัย 72 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งคนแรก ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์ ภาพประกอบข่าว นายหลู ซาแหย่ อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำฝรั่งเศสและผู้แทนพิเศษฝ่ายกิจการยุโรปคนใหม่ - ภาพ : ซินหัว
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1158 Views 0 Reviews
  • อิตาลีจะมีการควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นกับ Starlink ของ Elon Musk สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ปลอดภัย ตัวแทนของบริษัทอวกาศของ Musk ในอิตาลีกล่าวว่า โรมกำลังพิจารณาใช้ระบบโทรคมนาคมของ Musk เพื่อให้การสื่อสารที่เข้ารหัสระหว่างรัฐบาล นักการทูตอิตาลี และเจ้าหน้าที่กลาโหมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง

    โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามว่าการจัดการการสื่อสารดังกล่าวควรจะมอบหมายให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยีสหรัฐหรือไม่ Starlink ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอวกาศ SpaceX ของ Musk มีดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ 6,700 ดวงในวงโคจรต่ำของโลก และเป็นกำลังสำคัญในภาคส่วนนี้ อิตาลีกำลังพิจารณาข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี มูลค่ารวม 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้งานของกิจการภายในของรัฐบาล

    Andrea Stroppa ที่ปรึกษาของ Elon Musk กล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิตาลี RAI ว่า "ข้อมูลจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มที่ของสถาบันอิตาลี ซึ่งจะสามารถใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลี ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านเกี่ยวกับการเจรจาเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับ Musk ได้ปฏิเสธข้อกังวลที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการประเมินโครงการ

    การควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ของอิตาลีในข้อตกลงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ข้อตกลงนี้ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการสื่อสารที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง

    ในความคิดลุงคือ เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ อิตาลีไม่ควรจะใช้หรือพึ่งพิงดาวเทียมของอเมริกากับ กิจการภายในและภายนอกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความลับ ไม่ว่าจะเกิดการสอดส่อง copy ข้อมูลโดยคำสั่งของอเมีริกาเอง หรือ อเมริกาสั่งให้ตัดการสื่อสาร จะทำให้หน่วยงานความมั่นคงของอิตาลีทำงา่นไม่ได้เต็ม 100%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/10/italy-will-fully-control-data-in-any-starlink-deal-musk-adviser-says
    อิตาลีจะมีการควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นกับ Starlink ของ Elon Musk สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ปลอดภัย ตัวแทนของบริษัทอวกาศของ Musk ในอิตาลีกล่าวว่า โรมกำลังพิจารณาใช้ระบบโทรคมนาคมของ Musk เพื่อให้การสื่อสารที่เข้ารหัสระหว่างรัฐบาล นักการทูตอิตาลี และเจ้าหน้าที่กลาโหมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามว่าการจัดการการสื่อสารดังกล่าวควรจะมอบหมายให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยีสหรัฐหรือไม่ Starlink ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอวกาศ SpaceX ของ Musk มีดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ 6,700 ดวงในวงโคจรต่ำของโลก และเป็นกำลังสำคัญในภาคส่วนนี้ อิตาลีกำลังพิจารณาข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี มูลค่ารวม 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้งานของกิจการภายในของรัฐบาล Andrea Stroppa ที่ปรึกษาของ Elon Musk กล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิตาลี RAI ว่า "ข้อมูลจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มที่ของสถาบันอิตาลี ซึ่งจะสามารถใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลี ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านเกี่ยวกับการเจรจาเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับ Musk ได้ปฏิเสธข้อกังวลที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการประเมินโครงการ การควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ของอิตาลีในข้อตกลงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ข้อตกลงนี้ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการสื่อสารที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ในความคิดลุงคือ เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ อิตาลีไม่ควรจะใช้หรือพึ่งพิงดาวเทียมของอเมริกากับ กิจการภายในและภายนอกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความลับ ไม่ว่าจะเกิดการสอดส่อง copy ข้อมูลโดยคำสั่งของอเมีริกาเอง หรือ อเมริกาสั่งให้ตัดการสื่อสาร จะทำให้หน่วยงานความมั่นคงของอิตาลีทำงา่นไม่ได้เต็ม 100% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/10/italy-will-fully-control-data-in-any-starlink-deal-musk-adviser-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy will fully control data in any Starlink deal, Musk adviser says
    MILAN (Reuters) - Italy would have full control of its data under any potential deal struck with Elon Musk's Starlink for secure satellite communications, an Italian representative for the billionaire's aerospace businesses said.
    0 Comments 0 Shares 911 Views 0 Reviews
  • มีรายงานที่ยืนยันแล้วว่า ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นางฟอน เดอร์ เลเยน ไม่ได้รับคำเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม

    แม้แต่สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนยังได้รับคำเชิญ แต่คาดว่าสีจะส่งนักการทูตเข้าร่วมพิธีแทน

    แต่การที่ฟอน เดอร์ เลเยนไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกรับเชิญนั้น ทำให้หลายฝ่ายจับตามองความสัมพันธ์ในยุคทรัมป์กับยุโรปจะดำเนินไปในรูปแบบไหน
    มีรายงานที่ยืนยันแล้วว่า ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นางฟอน เดอร์ เลเยน ไม่ได้รับคำเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม แม้แต่สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนยังได้รับคำเชิญ แต่คาดว่าสีจะส่งนักการทูตเข้าร่วมพิธีแทน แต่การที่ฟอน เดอร์ เลเยนไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกรับเชิญนั้น ทำให้หลายฝ่ายจับตามองความสัมพันธ์ในยุคทรัมป์กับยุโรปจะดำเนินไปในรูปแบบไหน
    Like
    Haha
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 586 Views 0 Reviews
More Results