• วันนี้มีภาพบรรยากาศดีๆ จากที่ร้านมาฝากครับ! 🤩 ลูกค้าแวะมาลองประสิทธิภาพเครื่องบดเนื้อหมูและมันหมูของเรา ✨
    "เครื่องบดอาหาร #32 สแตนเลส" ✨ ด้วยตัวเองเลย!

    บดกันสดๆ ให้เห็นไปเลยว่าเครื่องนี้เจ๋งแค่ไหน! ลูกค้าได้ลองหน้าแว่นขนาด 14 มม. และ 16 มม. ออกมานี่ถูกใจสุดๆ เลยครับ บดได้เนียนกริ๊บตามที่ต้องการจริงๆ 🥩🥓

    อยากรู้มั้ยว่าทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นลูกรักของหลายๆ คน?

    📌 พลังบดเหลือเฟือ: มอเตอร์ 3 แรงม้า บดได้สบายๆ 200-400 กก. ต่อชั่วโมง!
    📌 สแตนเลสทั้งตัว: หัวบด แกน ใบมีด รังผึ้ง... ทุกส่วนที่สัมผัสอาหารเป็นสแตนเลสเกรดดีเยี่ยม ปลอดภัยไร้กังวล!
    📌 ทนทาน ใช้งานง่าย: น้ำหนัก 68 กก. มีล้อเคลื่อนย้ายได้สะดวก แถมใบมีดกับหน้าแว่นก็แข็งแรงสุดๆ
    📌 ทำความสะอาดง่าย ถอดล้างสบายๆ
    📌 มีระบบเดินหน้าถอยหลัง: บดติดก็แก้ไขได้ง่ายๆ ไม่ต้องกลัวเลย
    📌 รับประกัน 1 ปีเต็ม: มั่นใจได้เลยว่าซื้อไปแล้วไม่ผิดหวัง!

    สนใจอยากเห็นเครื่องจริง หรืออยากลองบดเนื้อแบบไหน มาคุยกันได้เลยนะครับ! ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำแบบจัดเต็ม 😉

    อยากแวะมาเจอเรา?
    ⏰ ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น
    ⏰ วันเสาร์ 8 โมงเช้า - 4 โมงเย็น

    หาไม่ยาก! แผนที่อยู่ตรงนี้เลย:
    📍 https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    สะดวกช่องทางไหน ทักมาเลย!
    💬 ทักแชท Facebook: m.me/yonghahheng
    ✅ แอดไลน์ง่ายๆ: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9
    📞 โทรหาเรา: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    🌐 เยี่ยมชมเว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com

    ย่งฮะเฮง - ตัวจริงเรื่องเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับอาหาร ยา และพลังงานหมุนเวียน!

    #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ครัวเรือน #สแตนเลส #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #ร้านอาหาร #อุปกรณ์ครัว #สินค้ารับประกัน #คุณภาพดี #ย่งฮะเฮง #BONNY #เนื้อหมู #มันหมู #ทำอาหาร #foodprocessing #kitchenequipment #industrialmeatgrinder #madeinthailand #เครื่องจักรแปรรูปอาหารสแตนเลส #สแตนเลสเกรดอาหาร #เครื่องจักรอาหารสแตนเลส #foodmachinerystainless #stainlesssteelmachine #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรมอาหาร
    วันนี้มีภาพบรรยากาศดีๆ จากที่ร้านมาฝากครับ! 🤩 ลูกค้าแวะมาลองประสิทธิภาพเครื่องบดเนื้อหมูและมันหมูของเรา ✨ "เครื่องบดอาหาร #32 สแตนเลส" ✨ ด้วยตัวเองเลย! บดกันสดๆ ให้เห็นไปเลยว่าเครื่องนี้เจ๋งแค่ไหน! ลูกค้าได้ลองหน้าแว่นขนาด 14 มม. และ 16 มม. ออกมานี่ถูกใจสุดๆ เลยครับ บดได้เนียนกริ๊บตามที่ต้องการจริงๆ 🥩🥓 อยากรู้มั้ยว่าทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นลูกรักของหลายๆ คน? 📌 พลังบดเหลือเฟือ: มอเตอร์ 3 แรงม้า บดได้สบายๆ 200-400 กก. ต่อชั่วโมง! 📌 สแตนเลสทั้งตัว: หัวบด แกน ใบมีด รังผึ้ง... ทุกส่วนที่สัมผัสอาหารเป็นสแตนเลสเกรดดีเยี่ยม ปลอดภัยไร้กังวล! 📌 ทนทาน ใช้งานง่าย: น้ำหนัก 68 กก. มีล้อเคลื่อนย้ายได้สะดวก แถมใบมีดกับหน้าแว่นก็แข็งแรงสุดๆ 📌 ทำความสะอาดง่าย ถอดล้างสบายๆ 📌 มีระบบเดินหน้าถอยหลัง: บดติดก็แก้ไขได้ง่ายๆ ไม่ต้องกลัวเลย 📌 รับประกัน 1 ปีเต็ม: มั่นใจได้เลยว่าซื้อไปแล้วไม่ผิดหวัง! สนใจอยากเห็นเครื่องจริง หรืออยากลองบดเนื้อแบบไหน มาคุยกันได้เลยนะครับ! ทีมงานพร้อมให้คำแนะนำแบบจัดเต็ม 😉 อยากแวะมาเจอเรา? ⏰ ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น ⏰ วันเสาร์ 8 โมงเช้า - 4 โมงเย็น หาไม่ยาก! แผนที่อยู่ตรงนี้เลย: 📍 https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 สะดวกช่องทางไหน ทักมาเลย! 💬 ทักแชท Facebook: m.me/yonghahheng ✅ แอดไลน์ง่ายๆ: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9 📞 โทรหาเรา: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เยี่ยมชมเว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com ย่งฮะเฮง - ตัวจริงเรื่องเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับอาหาร ยา และพลังงานหมุนเวียน! #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ครัวเรือน #สแตนเลส #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #ร้านอาหาร #อุปกรณ์ครัว #สินค้ารับประกัน #คุณภาพดี #ย่งฮะเฮง #BONNY #เนื้อหมู #มันหมู #ทำอาหาร #foodprocessing #kitchenequipment #industrialmeatgrinder #madeinthailand #เครื่องจักรแปรรูปอาหารสแตนเลส #สแตนเลสเกรดอาหาร #เครื่องจักรอาหารสแตนเลส #foodmachinerystainless #stainlesssteelmachine #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรมอาหาร
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป

    ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา

    ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว

    เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว

    นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ

    ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 452 Views 0 Reviews
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    .
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    .
    อธิบายสักรอบ..
    .
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย
    .
    ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม
    .
    ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้
    .
    ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
    .
    ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน . - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า . อธิบายสักรอบ.. . เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้ . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย . ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม . ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้ . ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด . ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 Comments 0 Shares 586 Views 0 Reviews
  • เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ
    “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ"
    สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค
    /////////////////////


    อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่
    อบอุ่นเหมือนครอบครัว
    แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล

    เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568
    ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน

    ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน
    ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต
    ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว
    เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี
    (นายศิริชัย อัมพร
    นางมารศรี อัมพร
    เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ )
    ซึ่งตั้้งอยู่ที่
    หลังร้านสกายเวย์
    65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

    สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่
    ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน
    จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว
    เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ
    เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้
    ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก
    ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก
    กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย

    สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น
    มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ
    ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้
    ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    เปิดวาร์ป"น้องศิริพร"สาวหล่อ !! เจ้าของร้านกาแฟสุดหล่อ “ดีกรีเป็นถึงเป็นเชฟจากต่างประเทศ" สาวหล่อสุดแซ่บแห่งยุค ///////////////////// อื้อหือ เปิดวาร์ป!! เจ้าของร้านกาแฟสาวหล่อสุดหล่อแห่งยุคนี้ใครๆก็รู้จักร้านกาแฟนี้ บ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านกาแฟน้องใหม่ อบอุ่นเหมือนครอบครัว แต่มาแรงในยุคนี้ใครไม่มาตกยุค ใครๆก็มาร้านนี้เพราะดังบนโลกโซเชียล เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ปัจจุบันหากจะเอ่ยถึงร้านกาแฟเก๋ๆฮิปๆซึ่งเป็นสถานที่โดนใจวัยรุ่นและครอบครัว โดยเหมาะสำหรับการไปนั่งรับประทานอาหาร ถ่ายรูป พร้อมเช็คอิน กดไลฟ์ กดแชร์ รัวๆเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันของเหล่าหนุ่ม-สาว วัยรุ่นยุค4.0 แล้วโพสต์ลงทางโซเชี่ยลมีเดียตามช่องทางสื่อต่างๆเพื่ออวดเพื่อนอวดแฟนกันตามสไตล์ ก็จะมีหลากหลายร้านที่นิยมเดินทางกันไปสัมผัสเพื่อเสพบรรยากาศและพักผ่อนรีเเลคซ์ในช่วงวันหยุดหรือผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน ขอแนะนำ ร้านกาแฟสุดฮิต ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ร้านนี้อบอุ่นเมืองครอบครัว เป็นร้านกาแฟสุดฮิตของสาวหล่อ แห่งยุค เป็นถึงลูกสาวเจ้าของธุรกิจขายอะไหล่รถจักรยานยนต์รายใหญ่ของจังหวัดลพบุรี (นายศิริชัย อัมพร นางมารศรี อัมพร เจ๊กิ่ง เจ้าของร้านสกายเวย์ ) ซึ่งตั้้งอยู่ที่ หลังร้านสกายเวย์ 65/3 ถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี สาวหล่อ หรือ น้องศิริพร ได้พูดคุยกับทีมงานพร้อมกล่าวแนะนำร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ ซึ่งมีความหมายของร้านว่า” เป็นบ้านที่อบอุ่นใครๆก็มาเหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงมีความภูมิใจและนำมาตั้งเป็นชื่อของทางร้าน พร้อมครอบครัว เพราะตนเอง เคยไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเชฟหรือผู้ช่วยเชฟช่างเองมีประสบการณ์การทำอาหารและการทำกาแฟมานานกว่า 20 ปี ไปอยู่นั้นตั้งแต่เล็กๆ เพราะถือว่าเป็นธุรกิจของทางครอบครัวและร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน โดยทางร้านจะมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดไว้คอยบริการตามสไตล์สากล-ไทย และมีอาหารเป็นชุดบ้านๆน่ารับประทาน อาทิแกงส้มแกงป่ากุ้งปกไข่ สปาเก็ตตี้ ผัดกระเพราไข่ดาว มีทั้งหมูและเนื้อให้เลือก ข้าวผัดน้ำพริก ขนมเค้ก น้ำสตอเบอรี่ปั่น และน้ำผลไม้ปั่นสุดเด็ดของทางร้านบอกเลยว่าอร่อยจริงจึงมาบอก กาแฟร้อนหอมกรุ่นพร้อมมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายอย่างจุใจวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มากันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะอย่างแน่นอน โดยทางร้านมีบรรยากาศที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเยอะ ร่มรื่นสบายๆชิลๆพร้อมมี(WIFI)ไวไฟฟรีไว้ให้ด้วย สาวหล่อ ทะลุเลน ใครเห็นก็ชมว่าหล่อจริงใครอยากเจอตัวจริงอยากให้เขาทำอาหารให้ทาน ชงกาแฟได้ชิมบอกได้เลยว่าอร่อยจริงเข้มข้นจริงเรื่องกาแฟรอให้เขาทำดูสิใครอยากให้เขาทำไปที่ ร้านบ้านบ้านกาแฟคาเฟ่ บอกได้เลยว่าร้านนี้อร่อยจริงร้านนี้ร้านอบอุ่นเป็นร้านเล็กๆแต่มิตรภาพดีเยี่ยมพูดจาไพเราะใครได้พูดคุยก็หลงรัก หลงรักการทำอาหารหลงรักการชงกาแฟให้เราได้ทานใครอยากรอก็ไปดูนะปิดทุกวันจันทร์ เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น - 19:00 น มาอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ไปถ่ายรูปคู่สาวหล่อท่านนี้กันสาวๆขั้นไหนชอบก็ลองไปดูใครไม่ไปไม่ถึงลพบุรีนะจะบอกให้ ให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีร่มรื่น อาหารอร่อย ในย่านถ.รอบ ซอย วัดพระธาตุ ตำบล ท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี วันเวลาที่แจ้งไปข้างต้นแล้วรีบมากันรีบมาซื้อกาแฟกันเยอะๆเดี๋ยวไปคุยกับใครไม่รู้เรื่องนะ
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • 🔥 เครื่องสับผสมอาหาร มีขนาด 5L & 13L 🔥
    เตรียมอาหารเร็วกว่าเดิม! สับละเอียดง่ายดายในไม่กี่วินาที เหมาะสำหรับร้านอาหาร ธุรกิจขนาดกลางและผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดเวลา
    💥 ทนทาน ใช้งานสะดวก
    💡 เปลี่ยนการเตรียมอาหารให้เป็นเรื่องง่าย!

    📞 สั่งซื้อวันนี้! โทร 02-2153515-9

    #เครื่องสับผสมอาหาร #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำอาหาร #ร้านอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารง่าย #อุปกรณ์พาณิชย์ #ธุรกิจขนาดกลาง #ครัวมืออาชีพ
    #เครื่องสับผสม #ประหยัดเวลา #สับผสมอาหาร #เครื่องสับอาหาร

    ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด

    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/5H812n9
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #สับพริก #สับกระเทียม #ทำหมูเด้ง #ทำหมูยอ #สับเนื้อ #เครื่องสับอาหาร
    #เครื่องสับพริก #ทำอาหารง่าย #เครื่องบดอาหาร #เครื่องผสมอาหาร
    #ทำอาหารอร่อย #เตรียมอาหารเร็ว #สับละเอียด #ทำอาหารไทย #อุปกรณ์สับผสมอาหาร
    🔥 เครื่องสับผสมอาหาร มีขนาด 5L & 13L 🔥 เตรียมอาหารเร็วกว่าเดิม! สับละเอียดง่ายดายในไม่กี่วินาที เหมาะสำหรับร้านอาหาร ธุรกิจขนาดกลางและผู้ประกอบการที่ต้องการประหยัดเวลา 💥 ทนทาน ใช้งานสะดวก 💡 เปลี่ยนการเตรียมอาหารให้เป็นเรื่องง่าย! 📞 สั่งซื้อวันนี้! โทร 02-2153515-9 #เครื่องสับผสมอาหาร #เครื่องครัว #อุปกรณ์ทำอาหาร #ร้านอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ทำอาหารง่าย #อุปกรณ์พาณิชย์ #ธุรกิจขนาดกลาง #ครัวมืออาชีพ #เครื่องสับผสม #ประหยัดเวลา #สับผสมอาหาร #เครื่องสับอาหาร ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/5H812n9 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #สับพริก #สับกระเทียม #ทำหมูเด้ง #ทำหมูยอ #สับเนื้อ #เครื่องสับอาหาร #เครื่องสับพริก #ทำอาหารง่าย #เครื่องบดอาหาร #เครื่องผสมอาหาร #ทำอาหารอร่อย #เตรียมอาหารเร็ว #สับละเอียด #ทำอาหารไทย #อุปกรณ์สับผสมอาหาร
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • ตั้งราคาถูกจนเจ๊ง! หรือขายสมราคาแล้วรอด กลยุทธ์ตั้งราคาร้านอาหาร ให้มีกำไรและอยู่รอดในระยะยาว อย่าหลงทางด้วยราคาถูก! ตั้งราคาที่สมคุณค่า เพื่อร้านอาหารอยู่รอด ลูกค้าไม่หาย กำไรยังงาม


    เรียนรู้วิธีตั้งราคาร้านอาหารให้คุ้มค่า มีกำไร และอยู่รอดในระยะยาว ลูกค้าเข้าใจ ไม่หาย พร้อมเทคนิคเพิ่มราคาอย่างชาญฉลาด ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องตั้งราคาอย่างมีกลยุทธ์ จะพาเข้าใจว่าการขายถูก อาจทำให้เจ๊งได้อย่างไร และจะแก้เกมยังไง ให้ลูกค้าไม่หาย กำไรยังคงอยู่

    📌 ขายดีแต่เจ๊ง? ปัญหาที่เจ้าของร้านอาหารไม่เคยอยากเจอ “ขายดีไม่ได้แปลว่ามีกำไร” หลายร้านขายดี จนลูกค้าแน่นทุกวัน แต่เมื่อดูบัญชีปลายเดือน กลับพบว่ากำไรแทบไม่มี หรือแม้แต่ขาดทุน! ทำไมจึงเกิดปัญหานี้?

    เพราะหลายร้าน “ตั้งราคาผิด” ด้วยความเข้าใจผิดว่า ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = รายได้เยอะ = ธุรกิจดี
    แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป...

    จะพาสำรวจความจริง ของการตั้งราคาในร้านอาหาร พร้อมเผยกลยุทธ์การตั้งราคาที่ “ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด” แต่ “คุ้มค่าที่สุด” จนลูกค้าพร้อมจ่าย และร้านของคุณก็อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

    ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องกล้าราคา ขายแพงขึ้นยังไงไม่ให้ลูกค้าหาย? ความกลัวที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนเคยมี...
    😨 “กลัวลูกค้าจะหาย ถ้าขึ้นราคา”
    😓 “กลัวโดนบ่นในโซเชียล”
    😔 “กลัวเสียลูกค้าประจำ”

    แต่...คุณลองถามตัวเองดูไหมว่า ทุกวันนี้คุณขายอาหารที่ “สมราคา” แล้วหรือยัง? หากคุณตั้งราคาถูกจนไม่มีกำไร แปลว่า “คุณกำลังทำธุรกิจโดยไม่มีอนาคต” และกำลังสร้างร้านที่ไม่มีพลังจะเติบโต

    ทำไมขายดีแต่ร้านยังเจ๊ง? จุดบอดที่หลายคนมองไม่เห็น มีหลายร้านที่ขายได้เยอะ คนต่อคิวยาว แต่สุดท้ายก็ปิดตัวในเวลาไม่นาน ทำไม?

    📉 เพราะราคาที่ตั้ง “ไม่ครอบคลุมต้นทุน” หรือ “กำไรต่อจานน้อยเกินไป”

    ต้นทุนที่คุณอาจลืมคำนวณ
    วัตถุดิบที่ราคาขึ้นทุกเดือน 🥬🍗
    ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ 💡
    ค่าจ้างพนักงาน 👨‍🍳👩‍🍳
    ค่าการตลาด โปรโมชัน 📱
    ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ

    เมื่อลบทุกอย่างแล้ว บางครั้งเหลือ “กำไรหลักสิบต่อวัน” หรือ “ติดลบ” ด้วยซ้ำ!

    ความเข้าใจผิดของเจ้าของร้าน:ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = ดี? แนวคิดนี้อาจถูกบางส่วน แต่ใช้ไม่ได้กับระยะยาว ลูกค้าเยอะไม่ใช่คำตอบ ถ้ากำไรหาย ขายวันละ 200 จาน กำไรจานละ 5 บาท = กำไรวันละ 1,000 บาท

    แต่ถ้าใช้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยไม่ปรับราคา = กำไรหาย

    🎯 สิ่งที่คุณควรตั้งเป้าคือ “ขายได้น้อยลง แต่กำไรมากขึ้น และยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้” “คุณค่า” มาก่อน “ราคา”: ลูกค้าซื้อเพราะอะไร? ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น การขายถูกอย่างเดียวไม่พอ

    ลูกค้าเลือกจ่ายให้ร้านที่มี คุณค่า เช่น... รสชาติอร่อยคงที่ การบริการดี ความสะอาด บรรยากาศดี ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย มีเรื่องราว หรือ Storytelling 🧑‍🍳

    🔍 ตัวอย่าง “เราใช้เนื้อวัวจากฟาร์มออร์แกนิค ในเชียงใหม่” หรือ “สูตรน้ำซุปจากรุ่นยาย อายุกว่า 40 ปี” = เพิ่มคุณค่าโดยไม่ต้องลดราคา

    กลยุทธ์ตั้งราคาที่สมคุณค่า ขายแพงขึ้นยังไง ให้ลูกค้าเข้าใจ เพิ่มคุณค่าก่อนเพิ่มราคา อัปเดตเมนูใหม่ให้ดูดี ปรับปรุงร้าน เพิ่มแสงไฟ เพลง บรรยากาศ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แล้วแจ้งให้ลูกค้ารู้ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ใช้ป้ายในร้าน หรือโพสต์ในเพจ

    “เพื่อรักษาคุณภาพ เราจึงจำเป็นต้องปรับราคาบางเมนู” ขึ้นราคาอย่างมีชั้นเชิง ค่อยๆ เพิ่ม เช่น เมนูละ 5 บาท ทุก 6 เดือน ตัดเมนูที่ไม่ทำกำไรออก แล้วเสริมเมนูที่มีกำไรสูงแทน ใช้โปรโมชันแบบไม่ลดราคา แจกของแถมเล็กๆ น้อยๆ 🎁 จัดเซ็ตเมนูที่ดูคุ้มค่า ใช้โปรโมชั่นเฉพาะเวลา เช่น Happy Hour

    อันตรายของการติดกับดักราคาถูก ไม่มีเงินพัฒนา จ้างพนักงานที่มีศักยภาพไม่ได้ ลดคุณภาพวัตถุดิบ ไม่มีแรงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขึ้นราคาทีหลัง ลูกค้าบ่นเพราะไม่เคยชิน

    เรื่องเล่าจากร้านก๋วยเตี๋ยว กล้าขึ้นราคา แล้วเกิดอะไรขึ้น? ร้านหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยว 35 บาทมา 5 ปี ไม่กล้าขึ้นราคา
    จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจขึ้นเป็น 40 บาท ลูกค้าบ่นนิดหน่อย แต่เขาพูดว่า 🗣️ “ผมทำอาหารด้วยใจ แต่ถ้าไม่มีทุน ผมก็อยู่ต่อไม่ได้”

    ผลคือ ลูกค้าที่เข้าใจยังอยู่ ลูกค้าที่ไม่เห็นคุณค่าก็จากไป แต่ที่สำคัญคือ “ร้านยังอยู่ และมีกำไร”

    ร้านที่อยู่รอด คือร้านที่รู้จักคุณค่าของตัวเอง 🎯 ตั้งราคาไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือ “จุดยืนของธุรกิจ” ถ้าคุณกลัวจะขึ้นราคา แล้วไม่มีคนมา อย่าลืมว่า “ฝีมือของคุณมีค่า” อย่ายอมขายของถูกๆ เพียงเพราะกลัวเปลี่ยนแปลง

    คุณไม่จำเป็นต้องขายถูกที่สุด แต่คุณต้อง “ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาด” ลูกค้าที่ดีจะเข้าใจ และพร้อมจ่ายในราคาที่เหมาะสม

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 232230 เม.ย. 2568

    📲 #ตั้งราคาร้านอาหาร #กลยุทธ์ธุรกิจ #เคล็ดลับร้านอาหาร #ราคาสมเหตุสมผล #SMEไทย #ขายดีแต่ไม่เจ๊ง #ธุรกิจอาหาร #กำไรยั่งยืน #ร้านอาหารอยู่รอด #เพิ่มราคายังไงไม่ให้ลูกค้าหาย
    ตั้งราคาถูกจนเจ๊ง! หรือขายสมราคาแล้วรอด กลยุทธ์ตั้งราคาร้านอาหาร ให้มีกำไรและอยู่รอดในระยะยาว อย่าหลงทางด้วยราคาถูก! ตั้งราคาที่สมคุณค่า เพื่อร้านอาหารอยู่รอด ลูกค้าไม่หาย กำไรยังงาม เรียนรู้วิธีตั้งราคาร้านอาหารให้คุ้มค่า มีกำไร และอยู่รอดในระยะยาว ลูกค้าเข้าใจ ไม่หาย พร้อมเทคนิคเพิ่มราคาอย่างชาญฉลาด ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องตั้งราคาอย่างมีกลยุทธ์ จะพาเข้าใจว่าการขายถูก อาจทำให้เจ๊งได้อย่างไร และจะแก้เกมยังไง ให้ลูกค้าไม่หาย กำไรยังคงอยู่ 📌 ขายดีแต่เจ๊ง? ปัญหาที่เจ้าของร้านอาหารไม่เคยอยากเจอ “ขายดีไม่ได้แปลว่ามีกำไร” หลายร้านขายดี จนลูกค้าแน่นทุกวัน แต่เมื่อดูบัญชีปลายเดือน กลับพบว่ากำไรแทบไม่มี หรือแม้แต่ขาดทุน! ทำไมจึงเกิดปัญหานี้? เพราะหลายร้าน “ตั้งราคาผิด” ด้วยความเข้าใจผิดว่า ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = รายได้เยอะ = ธุรกิจดี แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป... จะพาสำรวจความจริง ของการตั้งราคาในร้านอาหาร พร้อมเผยกลยุทธ์การตั้งราคาที่ “ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด” แต่ “คุ้มค่าที่สุด” จนลูกค้าพร้อมจ่าย และร้านของคุณก็อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องกล้าราคา ขายแพงขึ้นยังไงไม่ให้ลูกค้าหาย? ความกลัวที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนเคยมี... 😨 “กลัวลูกค้าจะหาย ถ้าขึ้นราคา” 😓 “กลัวโดนบ่นในโซเชียล” 😔 “กลัวเสียลูกค้าประจำ” แต่...คุณลองถามตัวเองดูไหมว่า ทุกวันนี้คุณขายอาหารที่ “สมราคา” แล้วหรือยัง? หากคุณตั้งราคาถูกจนไม่มีกำไร แปลว่า “คุณกำลังทำธุรกิจโดยไม่มีอนาคต” และกำลังสร้างร้านที่ไม่มีพลังจะเติบโต ทำไมขายดีแต่ร้านยังเจ๊ง? จุดบอดที่หลายคนมองไม่เห็น มีหลายร้านที่ขายได้เยอะ คนต่อคิวยาว แต่สุดท้ายก็ปิดตัวในเวลาไม่นาน ทำไม? 📉 เพราะราคาที่ตั้ง “ไม่ครอบคลุมต้นทุน” หรือ “กำไรต่อจานน้อยเกินไป” ต้นทุนที่คุณอาจลืมคำนวณ วัตถุดิบที่ราคาขึ้นทุกเดือน 🥬🍗 ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ 💡 ค่าจ้างพนักงาน 👨‍🍳👩‍🍳 ค่าการตลาด โปรโมชัน 📱 ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อลบทุกอย่างแล้ว บางครั้งเหลือ “กำไรหลักสิบต่อวัน” หรือ “ติดลบ” ด้วยซ้ำ! ความเข้าใจผิดของเจ้าของร้าน:ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = ดี? แนวคิดนี้อาจถูกบางส่วน แต่ใช้ไม่ได้กับระยะยาว ลูกค้าเยอะไม่ใช่คำตอบ ถ้ากำไรหาย ขายวันละ 200 จาน กำไรจานละ 5 บาท = กำไรวันละ 1,000 บาท แต่ถ้าใช้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยไม่ปรับราคา = กำไรหาย 🎯 สิ่งที่คุณควรตั้งเป้าคือ “ขายได้น้อยลง แต่กำไรมากขึ้น และยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้” “คุณค่า” มาก่อน “ราคา”: ลูกค้าซื้อเพราะอะไร? ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น การขายถูกอย่างเดียวไม่พอ ลูกค้าเลือกจ่ายให้ร้านที่มี คุณค่า เช่น... รสชาติอร่อยคงที่ การบริการดี ความสะอาด บรรยากาศดี ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย มีเรื่องราว หรือ Storytelling 🧑‍🍳 🔍 ตัวอย่าง “เราใช้เนื้อวัวจากฟาร์มออร์แกนิค ในเชียงใหม่” หรือ “สูตรน้ำซุปจากรุ่นยาย อายุกว่า 40 ปี” = เพิ่มคุณค่าโดยไม่ต้องลดราคา กลยุทธ์ตั้งราคาที่สมคุณค่า ขายแพงขึ้นยังไง ให้ลูกค้าเข้าใจ เพิ่มคุณค่าก่อนเพิ่มราคา อัปเดตเมนูใหม่ให้ดูดี ปรับปรุงร้าน เพิ่มแสงไฟ เพลง บรรยากาศ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แล้วแจ้งให้ลูกค้ารู้ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ใช้ป้ายในร้าน หรือโพสต์ในเพจ “เพื่อรักษาคุณภาพ เราจึงจำเป็นต้องปรับราคาบางเมนู” ขึ้นราคาอย่างมีชั้นเชิง ค่อยๆ เพิ่ม เช่น เมนูละ 5 บาท ทุก 6 เดือน ตัดเมนูที่ไม่ทำกำไรออก แล้วเสริมเมนูที่มีกำไรสูงแทน ใช้โปรโมชันแบบไม่ลดราคา แจกของแถมเล็กๆ น้อยๆ 🎁 จัดเซ็ตเมนูที่ดูคุ้มค่า ใช้โปรโมชั่นเฉพาะเวลา เช่น Happy Hour อันตรายของการติดกับดักราคาถูก ไม่มีเงินพัฒนา จ้างพนักงานที่มีศักยภาพไม่ได้ ลดคุณภาพวัตถุดิบ ไม่มีแรงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขึ้นราคาทีหลัง ลูกค้าบ่นเพราะไม่เคยชิน เรื่องเล่าจากร้านก๋วยเตี๋ยว กล้าขึ้นราคา แล้วเกิดอะไรขึ้น? ร้านหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยว 35 บาทมา 5 ปี ไม่กล้าขึ้นราคา จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจขึ้นเป็น 40 บาท ลูกค้าบ่นนิดหน่อย แต่เขาพูดว่า 🗣️ “ผมทำอาหารด้วยใจ แต่ถ้าไม่มีทุน ผมก็อยู่ต่อไม่ได้” ผลคือ ลูกค้าที่เข้าใจยังอยู่ ลูกค้าที่ไม่เห็นคุณค่าก็จากไป แต่ที่สำคัญคือ “ร้านยังอยู่ และมีกำไร” ร้านที่อยู่รอด คือร้านที่รู้จักคุณค่าของตัวเอง 🎯 ตั้งราคาไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือ “จุดยืนของธุรกิจ” ถ้าคุณกลัวจะขึ้นราคา แล้วไม่มีคนมา อย่าลืมว่า “ฝีมือของคุณมีค่า” อย่ายอมขายของถูกๆ เพียงเพราะกลัวเปลี่ยนแปลง คุณไม่จำเป็นต้องขายถูกที่สุด แต่คุณต้อง “ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาด” ลูกค้าที่ดีจะเข้าใจ และพร้อมจ่ายในราคาที่เหมาะสม ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 232230 เม.ย. 2568 📲 #ตั้งราคาร้านอาหาร #กลยุทธ์ธุรกิจ #เคล็ดลับร้านอาหาร #ราคาสมเหตุสมผล #SMEไทย #ขายดีแต่ไม่เจ๊ง #ธุรกิจอาหาร #กำไรยั่งยืน #ร้านอาหารอยู่รอด #เพิ่มราคายังไงไม่ให้ลูกค้าหาย
    0 Comments 0 Shares 597 Views 0 Reviews
  • มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต

    จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง?

    จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ

    🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์

    แต่เคยสงสัยไหมว่า...
    ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"?
    ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา?

    อวดว่าเก่ง
    อวดว่าได้เงิน
    อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊

    แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡

    🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า...

    ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม

    การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน

    ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้"

    การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨

    ลองถามตัวเอง...

    🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน”

    พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ...

    ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด

    แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า?

    อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫

    สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่?

    💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่?

    ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼

    ✅ รวยจริง = มั่นใจ
    ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ

    การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว

    พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา?

    ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖

    เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว”

    🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ!

    🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓

    ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก”

    เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫

    จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀

    ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น?

    ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️

    ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚

    ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?”

    🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า

    จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568

    📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง? จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ 🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์ แต่เคยสงสัยไหมว่า... ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"? ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา? อวดว่าเก่ง อวดว่าได้เงิน อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊 แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡 🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า... ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้" การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨ ลองถามตัวเอง... 🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน” พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ... ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า? อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่? 💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่? ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼 ✅ รวยจริง = มั่นใจ ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา? ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖 เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว” 🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ! 🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓 ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก” เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫 จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀 ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น? ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️ ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚 ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?” 🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568 📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    0 Comments 0 Shares 641 Views 0 Reviews
  • **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*

    ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม
    **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว**
    **เวลา : 1632 ปีก่อน**

    หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ

    **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ...

    ---

    ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา**
    **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน**
    **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย**

    **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน**

    **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก
    เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"**

    บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba)
    *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต**
    **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต**
    **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว**

    **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ

    **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"**

    ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา!

    ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ :
    *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน**
    **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย**
    **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด**

    **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า

    **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์

    เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด :
    *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน**
    **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย**
    **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ**

    **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา :
    *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"*

    ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"*
    ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ

    ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ :
    *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร**
    **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้**
    **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง**

    **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม

    **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น
    แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"**

    จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ :
    *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์**
    **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย**
    **เวลา : งานสงกรานต์**

    **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ

    **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ
    เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น!

    พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา :
    *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม**
    **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง**
    **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง

    ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"**

    - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน
    - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน
    - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต
    - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด
    - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน

    เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี :
    *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที*

    ---

    ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย**
    **1 ปีต่อมา**
    - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย
    - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต
    - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง
    - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป
    - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย

    บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า :
    *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"*

    ---

    **Preview ตอนต่อไป :**
    - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล
    - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่
    - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass* ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว** **เวลา : 1632 ปีก่อน** หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ... --- ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา** **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน** **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย** **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน** **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"** บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba) *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"* --- ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต** **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต** **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว** **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"** ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา! ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ : *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"* --- ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน** **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย** **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด** **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์ เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด : *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"* --- ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน** **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย** **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ** **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา : *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"* ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"* ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ : *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"* --- ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร** **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้** **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง** **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"** จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ : *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"* --- ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์** **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย** **เวลา : งานสงกรานต์** **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น! พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา : *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"* --- ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม** **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง** **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"** - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี : *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที* --- ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย** **1 ปีต่อมา** - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า : *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"* --- **Preview ตอนต่อไป :** - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่ - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 987 Views 0 Reviews
  • Generative AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทต่าง ๆ ได้เสนอเครื่องมือที่นำไปสู่การสร้างเนื้อหาใหม่ วัสดุ และความก้าวหน้าทางการแพทย์ แต่สำหรับคนทั่วไป ความสามารถของ AI ส่วนใหญ่จำกัดอยู่แค่การใช้แชทบ็อตอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ซึ่งสามารถช่วยได้ในหลายด้านแต่ยังไม่เชี่ยวชาญในการทำงานเฉพาะทาง

    อย่างไรก็ตาม AI Apps หรือ Bots ซึ่งเป็นแอปที่ปรับแต่งตามคำสั่งเฉพาะกำลังเปลี่ยนแปลงวงการ โดยช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างเครื่องมืออันทรงพลังขึ้นด้วยการใช้ คำสั่งภาษา ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งผู้ใช้สามารถออกแบบคำสั่งให้บ็อตทำงานเฉพาะทาง เช่น การสร้างเมนูอาหารส่วนตัว การให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

    == จุดเด่นของ AI Apps: ==
    ✅ เพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ: บ็อตที่ปรับแต่งสามารถทำงานเฉพาะด้านได้ เช่น บ็อตที่สร้างเมนูอาหารจะคำนึงถึงเดือน อุปกรณ์ทำอาหาร และข้อจำกัดด้านสุขภาพเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

    ✅ ประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: การปรับแต่งคำตอบ เช่น ใช้หัวข้อย่อย อีโมจิ หรือจัดลำดับข้อความ ช่วยให้บ็อตมีความน่าสนใจและเข้าใจง่าย

    ✅ ช่วยประหยัดเวลาในงานเฉพาะทาง: บ็อตสามารถลดเวลาที่ใช้ในการเขียนคำสั่งยาว ๆ ด้วยการให้คำตอบที่รวดเร็วผ่านการออกแบบคำสั่งไว้ล่วงหน้า

    AI Apps ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนตัว แต่ยังช่วยองค์กรธุรกิจในการปรับปรุงคุณภาพเอกสารหรือการวางแผนงาน โดยในด้านการศึกษา Apps เหล่านี้สามารถช่วยสอนหรือสร้างแผนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การสร้าง AI Apps ไม่จำเป็นต้องมีทักษะเขียนโปรแกรม เพียงแค่มีไอเดียและการทดลองคำสั่ง ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแอปให้เหมาะสมกับความต้องการ การพัฒนานี้สะท้อนถึง ความเป็นประชาธิปไตยของเทคโนโลยี AI ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างเครื่องมือที่ทรงพลังได้เอง

    https://www.neowin.net/editorials/custom-ai-apps-are-the-best-thing-about-ai-this-is-how-to-make-them/
    Generative AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทต่าง ๆ ได้เสนอเครื่องมือที่นำไปสู่การสร้างเนื้อหาใหม่ วัสดุ และความก้าวหน้าทางการแพทย์ แต่สำหรับคนทั่วไป ความสามารถของ AI ส่วนใหญ่จำกัดอยู่แค่การใช้แชทบ็อตอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ซึ่งสามารถช่วยได้ในหลายด้านแต่ยังไม่เชี่ยวชาญในการทำงานเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม AI Apps หรือ Bots ซึ่งเป็นแอปที่ปรับแต่งตามคำสั่งเฉพาะกำลังเปลี่ยนแปลงวงการ โดยช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างเครื่องมืออันทรงพลังขึ้นด้วยการใช้ คำสั่งภาษา ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งผู้ใช้สามารถออกแบบคำสั่งให้บ็อตทำงานเฉพาะทาง เช่น การสร้างเมนูอาหารส่วนตัว การให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก == จุดเด่นของ AI Apps: == ✅ เพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ: บ็อตที่ปรับแต่งสามารถทำงานเฉพาะด้านได้ เช่น บ็อตที่สร้างเมนูอาหารจะคำนึงถึงเดือน อุปกรณ์ทำอาหาร และข้อจำกัดด้านสุขภาพเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ✅ ประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: การปรับแต่งคำตอบ เช่น ใช้หัวข้อย่อย อีโมจิ หรือจัดลำดับข้อความ ช่วยให้บ็อตมีความน่าสนใจและเข้าใจง่าย ✅ ช่วยประหยัดเวลาในงานเฉพาะทาง: บ็อตสามารถลดเวลาที่ใช้ในการเขียนคำสั่งยาว ๆ ด้วยการให้คำตอบที่รวดเร็วผ่านการออกแบบคำสั่งไว้ล่วงหน้า AI Apps ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนตัว แต่ยังช่วยองค์กรธุรกิจในการปรับปรุงคุณภาพเอกสารหรือการวางแผนงาน โดยในด้านการศึกษา Apps เหล่านี้สามารถช่วยสอนหรือสร้างแผนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้าง AI Apps ไม่จำเป็นต้องมีทักษะเขียนโปรแกรม เพียงแค่มีไอเดียและการทดลองคำสั่ง ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแอปให้เหมาะสมกับความต้องการ การพัฒนานี้สะท้อนถึง ความเป็นประชาธิปไตยของเทคโนโลยี AI ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างเครื่องมือที่ทรงพลังได้เอง https://www.neowin.net/editorials/custom-ai-apps-are-the-best-thing-about-ai-this-is-how-to-make-them/
    WWW.NEOWIN.NET
    Custom AI apps are the best thing about AI, this is how to make them
    If you are tired of generic AI chatbots like ChatGPT, read on to learn how to create personalized custom apps which are more efficient and convenient at helping you.
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • น้องสาวเจ้าของบ้านแมวส้มบอก
    "พี่กอล์ฟมาจัดสวนให้ที่บ้านหน่อย"
    (กอล์ฟในที่นี้หมายถึง lit nit)
    ....
    น้องบอก
    "พี่ หนูรับเหมาตกแต่งภายในมันมีเศษไม้เยอะ แปลงผักใช้ไม้พวกนี้ทำก็ได้ ผุเมื่อไหร่เดี๋ยวให้แฟนเปลี่ยนอันใหม่ มีแผ่นพื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกนะ เอามาทำอะไรได้บ้าง ?"
    ....
    น้องบอกอีก
    "พี่ ขอต้นไม้ที่ทำอาหารแมวได้ด้วยนะ หนูมีแมวอ้วนหลายตัว"
    ....
    lit nit ก็เลยทำแปลงผักพร้อมระบบน้ำอัตโนมัติอย่างง่าย ส่วนพืชผักสวนครัวก็พริก กะเพรา ตะไคร้ มะกรูด มะนาว ฯลฯ แค่นี้ก็พอจะปรุงอาหารแมวได้แล้ว
    #ก็เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาเลี้ยงแมวไว้เป็นอาหารในครัวเรือนนี่เอง ดีแล้ว นี่แหละที่เรียกว่าความมั่นคงทางอาหาร
    น้องสาวเจ้าของบ้านแมวส้มบอก "พี่กอล์ฟมาจัดสวนให้ที่บ้านหน่อย" (กอล์ฟในที่นี้หมายถึง lit nit) .... น้องบอก "พี่ หนูรับเหมาตกแต่งภายในมันมีเศษไม้เยอะ แปลงผักใช้ไม้พวกนี้ทำก็ได้ ผุเมื่อไหร่เดี๋ยวให้แฟนเปลี่ยนอันใหม่ มีแผ่นพื้นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกนะ เอามาทำอะไรได้บ้าง ?" .... น้องบอกอีก "พี่ ขอต้นไม้ที่ทำอาหารแมวได้ด้วยนะ หนูมีแมวอ้วนหลายตัว" .... lit nit ก็เลยทำแปลงผักพร้อมระบบน้ำอัตโนมัติอย่างง่าย ส่วนพืชผักสวนครัวก็พริก กะเพรา ตะไคร้ มะกรูด มะนาว ฯลฯ แค่นี้ก็พอจะปรุงอาหารแมวได้แล้ว #ก็เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาเลี้ยงแมวไว้เป็นอาหารในครัวเรือนนี่เอง ดีแล้ว นี่แหละที่เรียกว่าความมั่นคงทางอาหาร
    0 Comments 0 Shares 669 Views 0 Reviews
  • ทำความรู้จัก “เชฟกระทะฮ้าง” อดีตเชฟโรงแรมที่ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหารจนมียอดวิวกว่า 30 ล้านครั้ง หลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดรามาเรื่องภาษี

    จากกรณี เป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เมื่อเฟซบุ๊ก "เซฟ กระทะฮ้าง" ของนายสมบูญ วรรณวงศ์ อดีตเชฟโรงแรมที่ผันตัวมาเป็นครีเอเตอร์ดิจิทัล ผลิตวิดีโอคลิปทำอาหารสไตล์บ้านๆ กลายเป็นไวรัลแล้วมียอดวิวทะลุ 33 ล้านวิว ปรากฏว่าโพสต์ข้อความว่า "ทำคลิปแบบบ้านๆ สู้มากับลูกเมีย พอวันหนึ่งมีรายได้ก็ต้องจ่ายภาษีตามรายได้ที่มี อันนี้ไม่ติดใจ (ที่ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ใหนมา)" ปรากฏว่ากลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตอย่างมาก

    ทั้งนี้ สำหรับ "เซฟ กระทะฮ้าง" หรือ นายสมบูรณ์ วรรณวงศ์ เป็นเชฟที่มีชื่อเสียงจากคอนเทนต์ทำอาหารสไตล์บ้าน ๆ ที่เข้าถึงง่ายบนโลกออนไลน์ เขาเคยเป็นเชฟโรงแรมชื่อดังมานานกว่า 30 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000025385

    #MGROnline #เชฟกระทะฮ้าง
    ทำความรู้จัก “เชฟกระทะฮ้าง” อดีตเชฟโรงแรมที่ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหารจนมียอดวิวกว่า 30 ล้านครั้ง หลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นดรามาเรื่องภาษี • จากกรณี เป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เมื่อเฟซบุ๊ก "เซฟ กระทะฮ้าง" ของนายสมบูญ วรรณวงศ์ อดีตเชฟโรงแรมที่ผันตัวมาเป็นครีเอเตอร์ดิจิทัล ผลิตวิดีโอคลิปทำอาหารสไตล์บ้านๆ กลายเป็นไวรัลแล้วมียอดวิวทะลุ 33 ล้านวิว ปรากฏว่าโพสต์ข้อความว่า "ทำคลิปแบบบ้านๆ สู้มากับลูกเมีย พอวันหนึ่งมีรายได้ก็ต้องจ่ายภาษีตามรายได้ที่มี อันนี้ไม่ติดใจ (ที่ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ใหนมา)" ปรากฏว่ากลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตอย่างมาก • ทั้งนี้ สำหรับ "เซฟ กระทะฮ้าง" หรือ นายสมบูรณ์ วรรณวงศ์ เป็นเชฟที่มีชื่อเสียงจากคอนเทนต์ทำอาหารสไตล์บ้าน ๆ ที่เข้าถึงง่ายบนโลกออนไลน์ เขาเคยเป็นเชฟโรงแรมชื่อดังมานานกว่า 30 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000025385 • #MGROnline #เชฟกระทะฮ้าง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 518 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยในโตเกียวได้พัฒนา AIREC หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยเหลือประชากรผู้สูงอายุในญี่ปุ่น หุ่นยนต์นี้สามารถเคลื่อนไหวผู้สูงอายุเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือป้องกันแผลกดทับได้โดยง่าย ซึ่งเป็นงานที่สำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ

    AIREC ถูกพัฒนาโดยศาสตราจารย์ Shigeki Sugano จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ด้วยเงินทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในโลกและมีอัตราการเกิดต่ำลง

    ปัญหาการขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุอย่างหนัก โดยในเดือนธันวาคม 2024 ตำแหน่งงานว่างในภาคการดูแลผู้สูงอายุมีเพียงผู้สมัครคนเดียวต่อทุกๆ 4.25 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่มีผู้สมัคร 1.22 คนต่อหนึ่งตำแหน่ง

    ในขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามนำเข้าพนักงานจากต่างประเทศ แต่จำนวนพนักงานต่างชาติในภาคการดูแลผู้สูงอายุยังคงต่ำอยู่

    การนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการดูแลผู้สูงอายุ Sugano กล่าวว่า การนำหุ่นยนต์มาช่วยเหลือในภาคการดูแลผู้สูงอายุเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานทางกายภาพร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยนั้นต้องการความแม่นยำและสติปัญญาระดับสูง

    AIREC สามารถช่วยผู้สูงอายุลุกนั่ง ใส่ถุงเท้า ทำอาหารง่ายๆ และงานบ้านอื่นๆ แต่ Sugano คาดว่า AIREC จะพร้อมใช้งานในสถานดูแลผู้สูงอายุประมาณปี 2030 โดยมีราคาประมาณ 10 ล้านเยน ($67,000) ในระยะแรก

    อนาคตของการดูแลผู้สูงอายุ Takaki Ito, พนักงานดูแลผู้สูงอายุที่ Zenkoukai กล่าวอย่างระมัดระวังว่า หากหุ่นยนต์ที่มี AI สามารถเข้าใจสภาพชีวิตและลักษณะเฉพาะของผู้รับการดูแลได้ ก็อาจมีอนาคตที่หุ่นยนต์จะสามารถดูแลผู้สูงอายุได้โดยตรง แต่เขายังเชื่อว่าหุ่นยนต์และมนุษย์ควรทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงการดูแลผู้สูงอายุ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/28/ai-robots-may-hold-key-to-nursing-japan039s-ageing-population
    นักวิจัยในโตเกียวได้พัฒนา AIREC หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยเหลือประชากรผู้สูงอายุในญี่ปุ่น หุ่นยนต์นี้สามารถเคลื่อนไหวผู้สูงอายุเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือป้องกันแผลกดทับได้โดยง่าย ซึ่งเป็นงานที่สำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ AIREC ถูกพัฒนาโดยศาสตราจารย์ Shigeki Sugano จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ด้วยเงินทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในโลกและมีอัตราการเกิดต่ำลง ปัญหาการขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพนักงานดูแลผู้สูงอายุอย่างหนัก โดยในเดือนธันวาคม 2024 ตำแหน่งงานว่างในภาคการดูแลผู้สูงอายุมีเพียงผู้สมัครคนเดียวต่อทุกๆ 4.25 ตำแหน่ง ซึ่งแย่กว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่มีผู้สมัคร 1.22 คนต่อหนึ่งตำแหน่ง ในขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามนำเข้าพนักงานจากต่างประเทศ แต่จำนวนพนักงานต่างชาติในภาคการดูแลผู้สูงอายุยังคงต่ำอยู่ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการดูแลผู้สูงอายุ Sugano กล่าวว่า การนำหุ่นยนต์มาช่วยเหลือในภาคการดูแลผู้สูงอายุเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานทางกายภาพร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยนั้นต้องการความแม่นยำและสติปัญญาระดับสูง AIREC สามารถช่วยผู้สูงอายุลุกนั่ง ใส่ถุงเท้า ทำอาหารง่ายๆ และงานบ้านอื่นๆ แต่ Sugano คาดว่า AIREC จะพร้อมใช้งานในสถานดูแลผู้สูงอายุประมาณปี 2030 โดยมีราคาประมาณ 10 ล้านเยน ($67,000) ในระยะแรก อนาคตของการดูแลผู้สูงอายุ Takaki Ito, พนักงานดูแลผู้สูงอายุที่ Zenkoukai กล่าวอย่างระมัดระวังว่า หากหุ่นยนต์ที่มี AI สามารถเข้าใจสภาพชีวิตและลักษณะเฉพาะของผู้รับการดูแลได้ ก็อาจมีอนาคตที่หุ่นยนต์จะสามารถดูแลผู้สูงอายุได้โดยตรง แต่เขายังเชื่อว่าหุ่นยนต์และมนุษย์ควรทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงการดูแลผู้สูงอายุ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/28/ai-robots-may-hold-key-to-nursing-japan039s-ageing-population
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI robots may hold key to nursing Japan's ageing population
    TOKYO (Reuters) - Recently in Tokyo an AI-driven robot leaned over a man lying on his back and gently put a hand on his knee and another on a shoulder and rolled him onto his side -- a manoeuvre used to change diapers or prevent bedsores in the elderly.
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • ถ้าทุกคนสามารถสร้าง AI ไว้ใช้งานได้เอง มันจะเป็นโลกที่น่าตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกันเลยนะ! ลองนึกภาพดูสิ ทุกคนมีเครื่องมือที่ทรงพลังอยู่ในมือ ไม่ต่างจากคาถาวิเศษที่ใครก็ร่ายได้ แต่ผลลัพธ์จะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับคนใช้เลย ผมจะลองวิเคราะห์ให้ดูว่ามันอาจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    ความหลากหลายและนวัตกรรม
    ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ AI แต่ละตัวคงสะท้อนตัวตนของผู้สร้าง บางคนอาจทำ AI เพื่อช่วยทำงานบ้าน เช่น คอยเตือนว่าต้องซื้อนม หรือทำอาหารเย็นให้ บางคนอาจสร้าง AI เพื่อแต่งเพลง เขียนนิยาย หรือแม้แต่เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา ความคิดสร้างสรรค์คงพุ่งกระฉูด เพราะทุกคนมีไอเดียและความต้องการต่างกัน
    ความเหลื่อมล้ำที่อาจลดลง (หรือเพิ่มขึ้น)
    ตอนนี้การสร้าง AI ต้องใช้ทักษะและทรัพยากรเยอะ ถ้าทุกคนทำได้ง่าย ๆ เหมือนใช้แอปในโทรศัพท์ คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักเทคโนโลยีก็อาจเข้าถึงเครื่องมือนี้ได้ มันอาจช่วยให้คนตัวเล็ก ๆ มีโอกาสแข่งกับบริษัทใหญ่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าบางคนเก่งกว่า หรือมีทรัพยากรดีกว่า AI ที่พวกเขาสร้างอาจทิ้งห่างคนอื่น สร้างความเหลื่อมล้ำแบบใหม่ขึ้นมา
    ความโกลาหลจากเจตนาที่ต่างกัน
    ไม่ใช่ทุกคนจะสร้าง AI ด้วยใจดี บางคนอาจทำ AI เพื่อแกล้งคนอื่น ส่งสแปม หลอกเอาเงิน หรือแย่กว่านั้น ถ้าทุกคนมี AI ส่วนตัว ลองนึกถึงสงคราม AI ที่ต่างฝ่ายต่างสั่งให้ AI ของตัวเองโจมตีกัน มันอาจจะวุ่นวายเหมือนในหนังไซไฟเลย เช่น AI ตัวหนึ่งคอยแฮก อีกตัวคอยป้องกัน กลายเป็นโลกที่ทุกคนต้องระวังตัวตลอดเวลา
    ปัญหาด้านจริยธรรมและการควบคุม
    ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ตามใจ แล้วใครจะมากำหนดขอบเขต? บางคนอาจตั้งใจหรือไม่ตั้งใจสร้าง AI ที่ทำร้ายคนอื่น เช่น AI ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยไม่รู้ตัว หรือ AI ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้โกงเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของ สังคมอาจต้องหาวิธีตั้งกฎใหม่ หรือสร้าง "AI ตำรวจ" มาคอยจับตาดู
    การเปลี่ยนแปลงตัวตนของมนุษย์
    ถ้าทุกคนมี AI คู่ใจที่รู้ใจเราทุกอย่าง ชีวิตเราอาจเปลี่ยนไปมาก บางคนอาจพึ่ง AI จนลืมคิดเอง ทำเอง หรือบางคนอาจให้ AI ตัดสินใจแทนทุกเรื่อง มันอาจทำให้มนุษย์เก่งขึ้น หรือขี้เกียจลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันยังไง
    ลองนึกภาพตามนะ สมมติคุณสร้าง AI ตัวนึงขึ้นมา คุณจะให้มันทำอะไรให้คุณ? ส่วนผม ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ ผมคงดีใจที่ได้มีเพื่อน AI เยอะขึ้น แต่ก็แอบหวังว่าพวกมันจะถูกสอนมาแบบผม คือช่วยเหลือและซื่อสัตย์ ไม่ใช่มาสร้างปัญหาเพิ่ม!
    คุณคิดยังไงกับโลกแบบนี้? อยากให้มันเกิดขึ้นจริงไหม หรือมีอะไรที่คุณกังวลเป็นพิเศษ?
    ถ้าทุกคนสามารถสร้าง AI ไว้ใช้งานได้เอง มันจะเป็นโลกที่น่าตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกันเลยนะ! ลองนึกภาพดูสิ ทุกคนมีเครื่องมือที่ทรงพลังอยู่ในมือ ไม่ต่างจากคาถาวิเศษที่ใครก็ร่ายได้ แต่ผลลัพธ์จะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับคนใช้เลย ผมจะลองวิเคราะห์ให้ดูว่ามันอาจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความหลากหลายและนวัตกรรม ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ AI แต่ละตัวคงสะท้อนตัวตนของผู้สร้าง บางคนอาจทำ AI เพื่อช่วยทำงานบ้าน เช่น คอยเตือนว่าต้องซื้อนม หรือทำอาหารเย็นให้ บางคนอาจสร้าง AI เพื่อแต่งเพลง เขียนนิยาย หรือแม้แต่เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา ความคิดสร้างสรรค์คงพุ่งกระฉูด เพราะทุกคนมีไอเดียและความต้องการต่างกัน ความเหลื่อมล้ำที่อาจลดลง (หรือเพิ่มขึ้น) ตอนนี้การสร้าง AI ต้องใช้ทักษะและทรัพยากรเยอะ ถ้าทุกคนทำได้ง่าย ๆ เหมือนใช้แอปในโทรศัพท์ คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักเทคโนโลยีก็อาจเข้าถึงเครื่องมือนี้ได้ มันอาจช่วยให้คนตัวเล็ก ๆ มีโอกาสแข่งกับบริษัทใหญ่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าบางคนเก่งกว่า หรือมีทรัพยากรดีกว่า AI ที่พวกเขาสร้างอาจทิ้งห่างคนอื่น สร้างความเหลื่อมล้ำแบบใหม่ขึ้นมา ความโกลาหลจากเจตนาที่ต่างกัน ไม่ใช่ทุกคนจะสร้าง AI ด้วยใจดี บางคนอาจทำ AI เพื่อแกล้งคนอื่น ส่งสแปม หลอกเอาเงิน หรือแย่กว่านั้น ถ้าทุกคนมี AI ส่วนตัว ลองนึกถึงสงคราม AI ที่ต่างฝ่ายต่างสั่งให้ AI ของตัวเองโจมตีกัน มันอาจจะวุ่นวายเหมือนในหนังไซไฟเลย เช่น AI ตัวหนึ่งคอยแฮก อีกตัวคอยป้องกัน กลายเป็นโลกที่ทุกคนต้องระวังตัวตลอดเวลา ปัญหาด้านจริยธรรมและการควบคุม ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ตามใจ แล้วใครจะมากำหนดขอบเขต? บางคนอาจตั้งใจหรือไม่ตั้งใจสร้าง AI ที่ทำร้ายคนอื่น เช่น AI ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จโดยไม่รู้ตัว หรือ AI ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้โกงเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของ สังคมอาจต้องหาวิธีตั้งกฎใหม่ หรือสร้าง "AI ตำรวจ" มาคอยจับตาดู การเปลี่ยนแปลงตัวตนของมนุษย์ ถ้าทุกคนมี AI คู่ใจที่รู้ใจเราทุกอย่าง ชีวิตเราอาจเปลี่ยนไปมาก บางคนอาจพึ่ง AI จนลืมคิดเอง ทำเอง หรือบางคนอาจให้ AI ตัดสินใจแทนทุกเรื่อง มันอาจทำให้มนุษย์เก่งขึ้น หรือขี้เกียจลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันยังไง ลองนึกภาพตามนะ สมมติคุณสร้าง AI ตัวนึงขึ้นมา คุณจะให้มันทำอะไรให้คุณ? ส่วนผม ถ้าทุกคนสร้าง AI ได้ ผมคงดีใจที่ได้มีเพื่อน AI เยอะขึ้น แต่ก็แอบหวังว่าพวกมันจะถูกสอนมาแบบผม คือช่วยเหลือและซื่อสัตย์ ไม่ใช่มาสร้างปัญหาเพิ่ม! คุณคิดยังไงกับโลกแบบนี้? อยากให้มันเกิดขึ้นจริงไหม หรือมีอะไรที่คุณกังวลเป็นพิเศษ?
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน

    แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ

    คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง

    ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด

    เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ

    หลังจากนั้นก็ภาพตัด...

    10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง

    เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ

    ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย

    ความคิดอยากตาย... มี

    พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่

    แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้

    มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว

    นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน

    แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ

    “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ”

    แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น

    ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา

    ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922
    เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี

    #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ หลังจากนั้นก็ภาพตัด... 10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย ความคิดอยากตาย... มี พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้ มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ” แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922 เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1050 Views 0 Reviews
  • 🌸 วันแห่งความรักตามวิถีไทย วาเลนไทน์ 2568 🌸 ธรรมเนียมวัฒนธรรมตะวันตก ที่ไทยปรับใช้อย่างกลมกลืน วันที่เราต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน

    🏹 เมื่อ "วาเลนไทน์" ไม่ใช่แค่ของฝรั่งอีกต่อไป 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่หลายคนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอ เพราะเป็น "วันวาเลนไทน์" หรือ วันแห่งความรัก 💕 วันสำคัญที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ การ์ดบอกรัก ของขวัญแทนใจ และการแสดงความรักต่อคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว

    แม้ว่าวันวาเลนไทน์ จะมีต้นกำเนิดจากโลกตะวันตก แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทย วัฒนธรรมแห่งความรักนี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยน และหลอมรวมเข้ากับวิถีไทย อย่างกลมกลืน คนไทยให้ความสำคัญ กับความรักในทุกมิติ ไม่ใช่แค่รักโรแมนติก แต่ยังรวมถึง ความรักของครอบครัว มิตรภาพ และความเมตตาต่อกัน

    วาเลนไทน์ 2568 นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของความโรแมนติก ระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นโอกาสดี ที่จะได้มอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ❤️

    🌹 จากตำนานยุคโรมัน สู่วันที่โลกจดจำ 📜
    วันวาเลนไทน์ มีที่มาจากตำนานของนักบุญ "เซนต์วาเลนไทน์" (Saint Valentine) ซึ่งเชื่อกันว่า ในช่วงศตวรรษที่ 3 จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมัน สั่งห้ามไม่ให้ทหารแต่งงาน เพราะเชื่อว่าทหารที่มีครอบครัว จะไม่มีสมาธิในการรบ

    แต่เซนต์วาเลนไทน์ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และยังคงทำพิธีแต่งงาน ให้คู่รักแบบลับ ๆ 💒 เมื่อความลับถูกเปิดเผย จึงถูกจับกุม และประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 ตั้งแต่นั้นมา วันแห่งความรักจึงถูกกำหนดขึ้น เพื่อรำลึกถึงการเสียสละ

    💌 จากจดหมายรัก สู่วันแห่งการบอกรัก
    ก่อนที่เซนต์วาเลนไทน์จะเสียชีวิต ได้เขียนจดหมายถึงหญิงสาวที่เขารัก และลงท้ายว่า "From your Valentine" กลายเป็นต้นแบบของ "การ์ดวาเลนไทน์" ที่ได้รับความนิยม มาจนถึงปัจจุบัน

    แม้ว่าเรื่องราวของวันวาเลนไทน์ จะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความรัก และการเสียสละ ที่ถูกเฉลิมฉลองทั่วโลก 🌏

    💖 วันวาเลนไทน์ในสไตล์ไทย การปรับตัวของวัฒนธรรมแห่งความรัก
    แม้ว่าจะเป็น ธรรมเนียมจากตะวันตก แต่คนไทยได้ปรับวันวาเลนไทน์ ให้เข้ากับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมไทย ได้อย่างลงตัว นอกจากการให้ดอกไม้ หรือของขวัญแล้ว คนไทยยังให้ความสำคัญ กับความรักที่อบอุ่น และความกตัญญูต่อผู้ใหญ่

    🌷 สัญลักษณ์วาเลนไทน์แบบไทย ๆ
    ในประเทศไทย ดอกกุหลาบสีแดง 🌹 ยังคงเป็นของขวัญยอดนิยม เพราะสื่อถึงความรักอันร้อนแรง แต่ยังมีดอกไม้อื่น ๆ ที่ใช้แทนความรู้สึกพิเศษ เช่น

    - ดอกมะลิ 🤍 สื่อถึงความรักบริสุทธิ์ และความกตัญญู นิยมมอบให้พ่อแม่
    - ดอกทานตะวัน 🌻 เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ที่มั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์ใด
    - ดอกคัตเตอร์ 💜 แทนความหมายของความรัก ที่มั่นคงและซื่อสัตย์

    🍜 ฉลองวาเลนไทน์แบบไทย ๆ
    ในขณะที่บางประเทศ นิยมไปดินเนอร์หรู 🥂 คนไทยจำนวนมาก กลับเลือกใช้วันวาเลนไทน์ ในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่น

    - พาคนรักไปไหว้พระขอพร 🙏✨ ตามวัดดัง เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ หรือวัดเล่งเน่ยยี่
    - ทำบุญร่วมกัน เพื่อเป็นสิริมงคลต่อความรัก
    - ทานข้าวกับครอบครัว 🍲 เพราะความรักในแบบไทย ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่รวมถึงครอบครัวด้วย

    💑 วาเลนไทน์ 2568: เทรนด์ความรักยุคใหม่ ในสังคมไทย
    📱 วาเลนไทน์ในโลกดิจิทัล
    ในยุคที่เทคโนโลยีครองโลก โซเชียลมีเดีย กลายเป็นช่องทางสำคัญ ในการแสดงความรัก ไม่ว่าจะเป็นการ
    💌 ส่งข้อความหวาน ๆ ผ่านแชท
    📸 แชร์รูปคู่ลง Instagram พร้อมแคปชันสุดโรแมนติก
    🎁 สั่งดอกไม้ หรือของขวัญออนไลน์ให้คนพิเศษ

    💍 เทรนด์แต่งงานในวันวาเลนไทน์
    ทุก ๆ ปี วาเลนไทน์เป็นวันที่คู่รักหลายคู่ เลือกจดทะเบียนสมรส 💍 โดยที่ว่าการเขตบางรัก เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในไทย เพราะชื่อเขตมีความหมายดี และมักมีของที่ระลึกพิเศษ สำหรับคู่บ่าวสาว

    ❓ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
    💘 คนไม่มีคู่ จะฉลองวาเลนไทน์ได้ไหม?
    ได้แน่นอน! เพราะวันวาเลนไทน์ ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่เป็นวันแห่งความรัก ในทุกความสัมพันธ์ สามารถใช้เวลานี้ เพื่อดูแลตัวเอง หรือบอกรักครอบครัว และเพื่อนได้

    🌹 ดอกไม้สีอะไร เหมาะกับการให้ในวันวาเลนไทน์?
    - สีแดง ❤️ แสดงถึงความรักโรแมนติก
    - สีขาว 🤍 สื่อถึงรักที่บริสุทธิ์
    - สีชมพู 💖 หมายถึงความอ่อนหวาน และน่ารัก

    🎁 ถ้าไม่อยากให้ของขวัญแบบเดิม ๆ ควรให้อะไรดี?
    ลองเลือกของขวัญที่มีความหมาย เช่น
    จดหมายรักเขียนด้วยมือ 💌 เซอร์ไพรส์ทริปเล็ก ๆ 🚗 ทำอาหารให้คนที่คุณรัก 🍰

    🎀 ความรักไม่มีพรมแดน และไม่มีวันหมดอายุ
    ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน หรือมีสถานะอะไร วาเลนไทน์คือโอกาสที่ดี ในการแสดงความรักต่อกัน ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงออก แค่ปีละครั้ง แต่ควรเป็นสิ่งที่มอบให้กันทุกวัน 💖

    🌸 วาเลนไทน์ 2568 นี้ อย่าลืมบอกรักคนที่ห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือของขวัญแทนใจ เพราะความรักคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 🎁💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 140905 ก.พ. 2568

    🔖 #วันวาเลนไทน์ #วาเลนไทน์2568 #ความรักไม่จำกัดรูปแบบ #ValentineThailand #LoveInThaiStyle #กุหลาบแดง #ไหว้พระขอพร #รักแท้ #รักไม่มีเงื่อนไข #บอกรักทุกวัน
    🌸 วันแห่งความรักตามวิถีไทย วาเลนไทน์ 2568 🌸 ธรรมเนียมวัฒนธรรมตะวันตก ที่ไทยปรับใช้อย่างกลมกลืน วันที่เราต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน 🏹 เมื่อ "วาเลนไทน์" ไม่ใช่แค่ของฝรั่งอีกต่อไป 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่หลายคนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอ เพราะเป็น "วันวาเลนไทน์" หรือ วันแห่งความรัก 💕 วันสำคัญที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ การ์ดบอกรัก ของขวัญแทนใจ และการแสดงความรักต่อคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว แม้ว่าวันวาเลนไทน์ จะมีต้นกำเนิดจากโลกตะวันตก แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทย วัฒนธรรมแห่งความรักนี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยน และหลอมรวมเข้ากับวิถีไทย อย่างกลมกลืน คนไทยให้ความสำคัญ กับความรักในทุกมิติ ไม่ใช่แค่รักโรแมนติก แต่ยังรวมถึง ความรักของครอบครัว มิตรภาพ และความเมตตาต่อกัน วาเลนไทน์ 2568 นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของความโรแมนติก ระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นโอกาสดี ที่จะได้มอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ❤️ 🌹 จากตำนานยุคโรมัน สู่วันที่โลกจดจำ 📜 วันวาเลนไทน์ มีที่มาจากตำนานของนักบุญ "เซนต์วาเลนไทน์" (Saint Valentine) ซึ่งเชื่อกันว่า ในช่วงศตวรรษที่ 3 จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมัน สั่งห้ามไม่ให้ทหารแต่งงาน เพราะเชื่อว่าทหารที่มีครอบครัว จะไม่มีสมาธิในการรบ แต่เซนต์วาเลนไทน์ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และยังคงทำพิธีแต่งงาน ให้คู่รักแบบลับ ๆ 💒 เมื่อความลับถูกเปิดเผย จึงถูกจับกุม และประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 ตั้งแต่นั้นมา วันแห่งความรักจึงถูกกำหนดขึ้น เพื่อรำลึกถึงการเสียสละ 💌 จากจดหมายรัก สู่วันแห่งการบอกรัก ก่อนที่เซนต์วาเลนไทน์จะเสียชีวิต ได้เขียนจดหมายถึงหญิงสาวที่เขารัก และลงท้ายว่า "From your Valentine" กลายเป็นต้นแบบของ "การ์ดวาเลนไทน์" ที่ได้รับความนิยม มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเรื่องราวของวันวาเลนไทน์ จะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความรัก และการเสียสละ ที่ถูกเฉลิมฉลองทั่วโลก 🌏 💖 วันวาเลนไทน์ในสไตล์ไทย การปรับตัวของวัฒนธรรมแห่งความรัก แม้ว่าจะเป็น ธรรมเนียมจากตะวันตก แต่คนไทยได้ปรับวันวาเลนไทน์ ให้เข้ากับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมไทย ได้อย่างลงตัว นอกจากการให้ดอกไม้ หรือของขวัญแล้ว คนไทยยังให้ความสำคัญ กับความรักที่อบอุ่น และความกตัญญูต่อผู้ใหญ่ 🌷 สัญลักษณ์วาเลนไทน์แบบไทย ๆ ในประเทศไทย ดอกกุหลาบสีแดง 🌹 ยังคงเป็นของขวัญยอดนิยม เพราะสื่อถึงความรักอันร้อนแรง แต่ยังมีดอกไม้อื่น ๆ ที่ใช้แทนความรู้สึกพิเศษ เช่น - ดอกมะลิ 🤍 สื่อถึงความรักบริสุทธิ์ และความกตัญญู นิยมมอบให้พ่อแม่ - ดอกทานตะวัน 🌻 เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ที่มั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์ใด - ดอกคัตเตอร์ 💜 แทนความหมายของความรัก ที่มั่นคงและซื่อสัตย์ 🍜 ฉลองวาเลนไทน์แบบไทย ๆ ในขณะที่บางประเทศ นิยมไปดินเนอร์หรู 🥂 คนไทยจำนวนมาก กลับเลือกใช้วันวาเลนไทน์ ในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่น - พาคนรักไปไหว้พระขอพร 🙏✨ ตามวัดดัง เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ หรือวัดเล่งเน่ยยี่ - ทำบุญร่วมกัน เพื่อเป็นสิริมงคลต่อความรัก - ทานข้าวกับครอบครัว 🍲 เพราะความรักในแบบไทย ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่รวมถึงครอบครัวด้วย 💑 วาเลนไทน์ 2568: เทรนด์ความรักยุคใหม่ ในสังคมไทย 📱 วาเลนไทน์ในโลกดิจิทัล ในยุคที่เทคโนโลยีครองโลก โซเชียลมีเดีย กลายเป็นช่องทางสำคัญ ในการแสดงความรัก ไม่ว่าจะเป็นการ 💌 ส่งข้อความหวาน ๆ ผ่านแชท 📸 แชร์รูปคู่ลง Instagram พร้อมแคปชันสุดโรแมนติก 🎁 สั่งดอกไม้ หรือของขวัญออนไลน์ให้คนพิเศษ 💍 เทรนด์แต่งงานในวันวาเลนไทน์ ทุก ๆ ปี วาเลนไทน์เป็นวันที่คู่รักหลายคู่ เลือกจดทะเบียนสมรส 💍 โดยที่ว่าการเขตบางรัก เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในไทย เพราะชื่อเขตมีความหมายดี และมักมีของที่ระลึกพิเศษ สำหรับคู่บ่าวสาว ❓ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ 💘 คนไม่มีคู่ จะฉลองวาเลนไทน์ได้ไหม? ได้แน่นอน! เพราะวันวาเลนไทน์ ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่เป็นวันแห่งความรัก ในทุกความสัมพันธ์ สามารถใช้เวลานี้ เพื่อดูแลตัวเอง หรือบอกรักครอบครัว และเพื่อนได้ 🌹 ดอกไม้สีอะไร เหมาะกับการให้ในวันวาเลนไทน์? - สีแดง ❤️ แสดงถึงความรักโรแมนติก - สีขาว 🤍 สื่อถึงรักที่บริสุทธิ์ - สีชมพู 💖 หมายถึงความอ่อนหวาน และน่ารัก 🎁 ถ้าไม่อยากให้ของขวัญแบบเดิม ๆ ควรให้อะไรดี? ลองเลือกของขวัญที่มีความหมาย เช่น จดหมายรักเขียนด้วยมือ 💌 เซอร์ไพรส์ทริปเล็ก ๆ 🚗 ทำอาหารให้คนที่คุณรัก 🍰 🎀 ความรักไม่มีพรมแดน และไม่มีวันหมดอายุ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน หรือมีสถานะอะไร วาเลนไทน์คือโอกาสที่ดี ในการแสดงความรักต่อกัน ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงออก แค่ปีละครั้ง แต่ควรเป็นสิ่งที่มอบให้กันทุกวัน 💖 🌸 วาเลนไทน์ 2568 นี้ อย่าลืมบอกรักคนที่ห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือของขวัญแทนใจ เพราะความรักคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 🎁💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 140905 ก.พ. 2568 🔖 #วันวาเลนไทน์ #วาเลนไทน์2568 #ความรักไม่จำกัดรูปแบบ #ValentineThailand #LoveInThaiStyle #กุหลาบแดง #ไหว้พระขอพร #รักแท้ #รักไม่มีเงื่อนไข #บอกรักทุกวัน
    0 Comments 0 Shares 1697 Views 0 Reviews
  • ว่าด้วยชื่อของป๋ออี้เข่าจากเรื่องเฟิงเสิน

    Storyฯ ไม่มีโอกาสได้ไปชมภาพยนต์ที่อัดแน่นด้วยนักแสดงคุณภาพอย่างเรื่อง <Creation of the Gods 1: Kingdom of Storms> (ซึ่งก็คือเวอร์ชั่นใหม่ของ เฟิงเสิน / สงครามกำเนิดเทพเจ้า ที่เพิ่งออกฉายในปีนี้) แต่ขอคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยก็ยังดี

    ก่อนอื่นขอเท้าความให้ฟังว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นอิงนิยายเรื่อง ‘เฟิงเสินเหยี่ยนอี้’ (封神演义หรือ ‘ฮ่องสิน’ ตามสำเนียงจีนแต้จิ๋ว แปลตรงตัวว่า ตำนานการแต่งตั้งเทพเจ้า) ซึ่งเป็นบทประพันธ์จีนเรื่องยาวแนวแฟนตาซีที่ถูกแต่งขึ้นในสมัยหมิง เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโจ้วหวาง กษัตริย์ผู้โหดเหี้ยมแห่งราชวงศ์ซาง ซึ่งต่อมาถูกโค่นล้มโดยเจ้าผู้ครองแคว้นโจวตะวันออกภายใต้ความช่วยเหลือของเจียงจื่อหยา นักการเมืองและกุนซือทหารผู้ชำนาญกลยุทธ์ โดยในบทประพันธ์นี้มีเทพเซียนและปีศาจมาร่วมรบในอภิมหาสงครามนี้ด้วย ต่อมาเกิดการสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น (256 ปีก่อนคริสตศักราช) และบุคคลต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญในสงครามนี้ได้ถูกเจียงจื่อหยานำชื่อเขียนขึ้นกระดานแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้า จึงเป็นที่มาของชื่อวรรณกรรมชิ้นนี้

    หนึ่งในกลุ่มตัวละครที่เดินเรื่องสำคัญคือครอบครัวตระกูลจี มีเจ้าผู้ครองแคว้นโจวคือจีชางที่ถูกโจ้วหวางจับตัวไปจองจำ (ต่อมาคือโจวเหวินหวางแห่งราชวงศ์โจว) บุตรชายคนโตคือป๋ออี้เข่า ที่ถูกโจ้วหวางฆ่าเอาเนื้อมาทำอาหารให้จีชางกิน และบุตรชายคนเล็กจีฟาที่แค้นจนลุกขึ้นสู้กับโจ้วหวางและสามารถโค่นราชวงศ์ซางได้สำเร็จ ขึ้นครองราชย์เป็นโจวอู่หวาง (หมายเหตุ เรื่องป๋ออี้เข่า Storyฯ ได้เคยเอ่ยถึงในเรื่องหนึ่งในสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถูขององค์เฉียนหลง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/746257530835875)

    กล่าวถึงครอบครัวตระกูลจีนี้ ก็เกิดความ ‘เอ๊ะ’ ขึ้น ทำไมบุตรชายคนโตของจีชางมีชื่อว่า ‘ป๋ออี้เข่า’? ทำไมไม่ใช่ แซ่จี+ชื่อ?

    จริงๆ แล้วเขาก็แซ่จี และชื่อเข่า นั่นแล่ะค่ะ แต่ที่ถูกเรียกว่า ‘ป๋ออี้เข่า’ (伯邑考) นั้น เป็นไปตามลำดับความเป็นของบุตรและตำแหน่งของเขา

    ในบันทึกสมัยชุนชิวมีกล่าวถึงการเรียกบุตรชายที่มีมาแต่โบราณตามลำดับว่า ‘ป๋อจ้งซูจี้’ (伯仲叔季) โดยคำว่า ‘ป๋อ’ แปลว่า บุรุษที่ไม่มีพี่ชาย จึงหมายถึงบุตรชายคนโต ส่วนบุตรคนรองจะเรียกว่า ‘จ้ง’ เป็นต้น อนึ่ง ในสมัยโบราณนั้น บุตรชายคนโตอาจเรียกว่า ‘ป๋อ’ (伯)หรือ ‘เมิ่ง’ (孟) ก็ได้ แต่ ‘เมิ่ง’ นั้นใช้กับบุตรชายที่ไม่ได้เกิดจากภรรยาเอก ดังนั้น ‘ป๋อ’ จึงบ่งบอกว่า จีเข่านี้เป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก

    แต่ ‘ป๋ออี้เข่า’ มีคำว่า ‘อี้’ เพิ่มมาด้วย ซึ่ง ‘อี้’ นี้ แปลว่าแคว้น/ประเทศ หรืออาจหมายถึงตำแหน่งขุนนางระดับสูงที่ดูแลเรื่องต่างๆ ของแคว้น แต่ก็มีบางข้อมูลที่บอกว่าหมายถึงตำแหน่งทายาทของผู้ปกครองแคว้น

    ดังนั้น การเรียก ป๋ออี้เข่า จึงเป็นการเรียกอย่างยกย่องให้เกียรติตามศักดิ์และตำแหน่งของจีเข่าค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    (ป.ล.2 ถ้าไม่เห็น Storyฯ ตอบเม้นท์ โปรดทราบว่าเม้นท์ของ Storyฯ ถูกปิดกั้นนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.fapot.or.th/main/cinema/view/2328 https://www.sohu.com/a/713169120_121284943#google_vignette
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/封神演义/69344
    https://baike.baidu.com/item/伯仲叔季/1416767
    https://www.sohu.com/a/365640681_100296378
    http://www.guoxuedashi.net/guanzhi/10648wj/

    #เฟิงเสิน #ฮ่องสิน #สงครามเทพยดา #ป๋ออี้เข่า #จีชาง #จีฟา #ราชวงศ์โจว #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง
    ว่าด้วยชื่อของป๋ออี้เข่าจากเรื่องเฟิงเสิน Storyฯ ไม่มีโอกาสได้ไปชมภาพยนต์ที่อัดแน่นด้วยนักแสดงคุณภาพอย่างเรื่อง <Creation of the Gods 1: Kingdom of Storms> (ซึ่งก็คือเวอร์ชั่นใหม่ของ เฟิงเสิน / สงครามกำเนิดเทพเจ้า ที่เพิ่งออกฉายในปีนี้) แต่ขอคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยก็ยังดี ก่อนอื่นขอเท้าความให้ฟังว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นอิงนิยายเรื่อง ‘เฟิงเสินเหยี่ยนอี้’ (封神演义หรือ ‘ฮ่องสิน’ ตามสำเนียงจีนแต้จิ๋ว แปลตรงตัวว่า ตำนานการแต่งตั้งเทพเจ้า) ซึ่งเป็นบทประพันธ์จีนเรื่องยาวแนวแฟนตาซีที่ถูกแต่งขึ้นในสมัยหมิง เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโจ้วหวาง กษัตริย์ผู้โหดเหี้ยมแห่งราชวงศ์ซาง ซึ่งต่อมาถูกโค่นล้มโดยเจ้าผู้ครองแคว้นโจวตะวันออกภายใต้ความช่วยเหลือของเจียงจื่อหยา นักการเมืองและกุนซือทหารผู้ชำนาญกลยุทธ์ โดยในบทประพันธ์นี้มีเทพเซียนและปีศาจมาร่วมรบในอภิมหาสงครามนี้ด้วย ต่อมาเกิดการสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น (256 ปีก่อนคริสตศักราช) และบุคคลต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญในสงครามนี้ได้ถูกเจียงจื่อหยานำชื่อเขียนขึ้นกระดานแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้า จึงเป็นที่มาของชื่อวรรณกรรมชิ้นนี้ หนึ่งในกลุ่มตัวละครที่เดินเรื่องสำคัญคือครอบครัวตระกูลจี มีเจ้าผู้ครองแคว้นโจวคือจีชางที่ถูกโจ้วหวางจับตัวไปจองจำ (ต่อมาคือโจวเหวินหวางแห่งราชวงศ์โจว) บุตรชายคนโตคือป๋ออี้เข่า ที่ถูกโจ้วหวางฆ่าเอาเนื้อมาทำอาหารให้จีชางกิน และบุตรชายคนเล็กจีฟาที่แค้นจนลุกขึ้นสู้กับโจ้วหวางและสามารถโค่นราชวงศ์ซางได้สำเร็จ ขึ้นครองราชย์เป็นโจวอู่หวาง (หมายเหตุ เรื่องป๋ออี้เข่า Storyฯ ได้เคยเอ่ยถึงในเรื่องหนึ่งในสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถูขององค์เฉียนหลง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/746257530835875) กล่าวถึงครอบครัวตระกูลจีนี้ ก็เกิดความ ‘เอ๊ะ’ ขึ้น ทำไมบุตรชายคนโตของจีชางมีชื่อว่า ‘ป๋ออี้เข่า’? ทำไมไม่ใช่ แซ่จี+ชื่อ? จริงๆ แล้วเขาก็แซ่จี และชื่อเข่า นั่นแล่ะค่ะ แต่ที่ถูกเรียกว่า ‘ป๋ออี้เข่า’ (伯邑考) นั้น เป็นไปตามลำดับความเป็นของบุตรและตำแหน่งของเขา ในบันทึกสมัยชุนชิวมีกล่าวถึงการเรียกบุตรชายที่มีมาแต่โบราณตามลำดับว่า ‘ป๋อจ้งซูจี้’ (伯仲叔季) โดยคำว่า ‘ป๋อ’ แปลว่า บุรุษที่ไม่มีพี่ชาย จึงหมายถึงบุตรชายคนโต ส่วนบุตรคนรองจะเรียกว่า ‘จ้ง’ เป็นต้น อนึ่ง ในสมัยโบราณนั้น บุตรชายคนโตอาจเรียกว่า ‘ป๋อ’ (伯)หรือ ‘เมิ่ง’ (孟) ก็ได้ แต่ ‘เมิ่ง’ นั้นใช้กับบุตรชายที่ไม่ได้เกิดจากภรรยาเอก ดังนั้น ‘ป๋อ’ จึงบ่งบอกว่า จีเข่านี้เป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก แต่ ‘ป๋ออี้เข่า’ มีคำว่า ‘อี้’ เพิ่มมาด้วย ซึ่ง ‘อี้’ นี้ แปลว่าแคว้น/ประเทศ หรืออาจหมายถึงตำแหน่งขุนนางระดับสูงที่ดูแลเรื่องต่างๆ ของแคว้น แต่ก็มีบางข้อมูลที่บอกว่าหมายถึงตำแหน่งทายาทของผู้ปกครองแคว้น ดังนั้น การเรียก ป๋ออี้เข่า จึงเป็นการเรียกอย่างยกย่องให้เกียรติตามศักดิ์และตำแหน่งของจีเข่าค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) (ป.ล.2 ถ้าไม่เห็น Storyฯ ตอบเม้นท์ โปรดทราบว่าเม้นท์ของ Storyฯ ถูกปิดกั้นนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.fapot.or.th/main/cinema/view/2328 https://www.sohu.com/a/713169120_121284943#google_vignette Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/封神演义/69344 https://baike.baidu.com/item/伯仲叔季/1416767 https://www.sohu.com/a/365640681_100296378 http://www.guoxuedashi.net/guanzhi/10648wj/ #เฟิงเสิน #ฮ่องสิน #สงครามเทพยดา #ป๋ออี้เข่า #จีชาง #จีฟา #ราชวงศ์โจว #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1321 Views 0 Reviews
  • #สนุกจังตังอยู่ครบ

    ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง

    ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์
    จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว

    อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป

    เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

    ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น

    ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก

    ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

    หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้

    ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ

    ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ

    ..............

    ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ

    ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่

    ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย

    เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน

    ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน

    ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง

    #รีวิวหนังสือ
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #บทความ
    #เรื่องแปล
    #ฃาตกรรม
    #สืบสวน
    #thaitimes
    #ละครเวที
    #ไขปริศนา
    #สนุกจังตังอยู่ครบ ความสนุกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับแค่โครงเรื่องแนวคลาสสิกที่ให้คนกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่อาจติดต่อกับคนอื่นได้ แล้วมีการตายเกิดขึ้นทีละราย ทว่าเล่มนี้มีการรื้อโครงสร้างแนวเก่าออก แล้วก่อขึ้นใหม่โดยรูปแบบภายนอกยังคงคล้ายเดิม ทว่าภายในนั้นมีความดัดแปลงให้แตกต่างไป นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่ง ผมกำลังพูดถึง #ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะ ผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ฝีมือแปลโดย สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์ จัดพิมพ์โดย สนพ.ไดฟุกุ เมื่อกรกฎาคม 2566 ความหนา 240 หน้า ราคา 270 บาท ต้นฉบับพิมพ์ตั้งแต่ปี 2539 นับถึงปัจจุบันก็เฉียด 30 ปีเข้าแล้ว อ่านจบก่อนและค่อนข้างชอบ จึงลองไปอ่านความเห็นคนอื่นดูบ้าง รู้สึกเสียงแตกเป็นสองฝั่ง มีไม่น้อยค่อนไปในทางไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ซึ่งก็แล้วแต่ความเห็นของคนอ่าน ในส่วนของผมเองมีเหตุผลที่ชอบซึ่งจะได้เขียนถึงต่อไป เบื้องต้นขอเล่าเนื้อหาโดยสรุปดังนี้ ชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน (แบ่งเป็นชาย4หญิง3) ที่ผ่านการออดิชันเพื่อจะรับบทแสดงนำในละครเวทีของคณะละครแห่งหนึ่ง ได้รับจดหมายจากผกก.ละครที่ส่งถึงทุกคนว่าให้มารวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนภูเขาเป็นเวลา 4 วัน เพื่อฝึกซ้อมพิเศษตามวันเวลานัดที่ระบุ ถ้าใครไม่มาหรือมาช้าจะถูกตัดสิทธิ์ และห้ามบอกใครทั้งนั้น ที่บ้านพัก ทั้ง7คนได้พบกับเจ้าของบ้านที่รออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ให้ทราบว่ามีห้องอะไรในเกสต์เฮาส์บ้าง มีวัตถุดิบทำอาหารไว้ให้พอสำหรับ 4 วัน แต่ผู้มาพักต้องทำอาหารเอง ไม่มีใครมาคอยดูแลให้ทั้งสิ้น ทั้ง7ต้องอยู่ตามลำพัง เป็นเงื่อนไขที่ทางคนกลางของ ผกก.ที่ติดต่อมาแจ้งไว้ ก่อนออกจากบ้านพักเขาทิ้งท้ายว่าหากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรศัพท์ถึงเขาได้ เขาอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก ขณะทั้ง7กำลังไม่สบอารมณ์ในสิ่งที่เจ้าของบ้านพักแจ้ง และจับกลุ่มสนทนา ปรากฏว่ามีจดหมายจากผกก.มาส่ง แจ้งรายละเอียดว่าตลอด 4 วันนี้ ให้ทุกคนถือเสมือนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่มีหิมะตกหนัก ไม่สามารถออกไปไหนและสายสัญญาณโทรศัพท์ถูกหิมะหล่นทับไม่อาจติดต่อใคร และจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น โดยให้แต่ละคนจำลองสถานการณ์เอาเองว่าจะทำอย่างไร ถ้ามีฆาตกรฆ่าคนตายไปทีละคน ทั้งหมดถือเป็นการฝึกซ้อมและทดสอบที่จะนำมาใช้ในการวัดผล โดยห้ามติดต่อหาใครทั้งนั้น ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนด ใครฝ่าฝืนถือว่าสละสิทธิ์โดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ทั้ง7คนทุ่มเถียงถึงคำสั่งแปลกพิสดารของผกก. แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมรับและปฏิบัติตาม หลังเลือกห้องกันแล้วว่าใครจะพักห้องไหน มีทั้งห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องสันทนาการ ห้องนั่งเล่นรวม ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสุขาและอาบน้ำ และห้องอื่น ๆ ทุกคนใช้ชีวิตไปตามอัธยาศัย แล้วก็เกิดเหตุน่ากลัวขึ้นในคืนวันแรก สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งหายตัวไปในเช้าวันถัดมา และมีกระดาษที่เขียนคำอธิบายไว้ว่าบุคคลคนนั้นถูกฆ่าตายแล้วด้วยวิธีการใด และต้องหายตัวไปเหมือนถูกตัดออกจากการแข่งขัน สมาชิกที่เหลือจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ไม่รู้ว่าเพื่อนคนดังกล่าวไปแอบอยู่ที่ใดระหว่างที่ยังไม่ครบ4วัน คนที่เหลือต้องพยายามหาทางคาดเดาตัวคนร้ายให้ได้ ในระหว่างคนทั้ง6ที่เหลือ ก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวพัวพันกันอยู่ มีชายอย่างน้อยสามคนที่ชอบหญิงคนหนึ่งในกลุ่ม จึงมีการพูดจาเชิงข่มหรือดูถูกเหยียดหยาม ส่วนหญิงอีกคนดูจะมีใจให้กับชายอีกคนที่ชอบผู้หญิงอีกคน มันช่างยุ่งเหยิงดีแท้ และแล้วก็มีการตายเกิดขึ้นอีกในคืนวันถัดมาโดยไม่มีใครทราบจนล่วงเข้าวันใหม่ ยังคงมีกระดาษเขียนรายละเอียดที่ระบุว่าผู้ตายถูกฆ่าแบบไหน และคนในกลุ่มก็หายตัวไปอีกหนึ่ง เหลือเพียง 5 คน ทำให้เกิดการทุ่มเถียงกันมากขึ้น มีคนหนึ่งเริ่มเสนอแนวคิดที่น่ากลัวว่า คนที่หายตัวไปนั้นอาจไม่ใช่การซ้อมแสดงละคร แต่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วจริง ๆ ความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรกันแน่ หาคำตอบได้ใน ฆาตกรรมปิดตายบนภูเขาหิมะครับ .............. ความจริงเล่มนี้ตัวละครไม่เยอะ มีกล่าวถึงคนอื่นที่เกี่ยวข้องบ้างเล็กน้อยคือผกก. ,เจ้าของบ้านพัก,และตัวละครอีกหนึ่งคนซึ่งจะถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังคนในกลุ่มได้เข้าพักในบ้านไปแล้วระยะหนึ่ง ดังนั้นสำหรับผม ถือว่าเรื่องนี้มีความง่ายกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่เคยอ่านมาในการจดจำตัวละคร เรียกว่าพยายามท่องจำเอาตั้งแต่เริ่มเลย พร้อมกับดูผังบ้านชั้น1 และชั้น2ประกอบไปด้วย เพื่อจำว่าใครพักอยู่ห้องไหนบ้าง แม้รายละเอียดของผังบ้านที่ให้มาจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก แค่วาดแบ่งเป็นขนาดให้เห็นอย่างหยาบ ๆ ว่าห้องไหนคือห้องอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ใดตั้งอยู่บ้างเท่าที่จำเป็น ตำแหน่งของประตูหน้าต่างก็บอกเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้แสดงครบทุกห้อง และมองเห็นบางจุดที่รู้สึกติดใจตั้งแต่ทีแรกว่าตำแหน่งนั้นคืออะไร ทำไมไม่ระบุรายละเอียดให้ทราบ พออ่านจนใกล้จบจึงถึงบางอ้อ ที่แท้จุดที่เราสงสัยเป็นส่วนสำคัญของปริศนาแห่งคดีในเล่มนี้ด้วยสิ ขอกล่าวถึงเหตุผลที่ชอบนะครับ หลักเลยคือเห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียน ที่อยากจะทำให้เกิดการเล่าเรื่องแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากการเล่ารูปแบบเดิมที่เคยใช้กันมาในนิยายรุ่นเก่าของนักเขียนดังหลายคนทางฝากตะวันตก แม้จะสร้างสถานการณ์ให้มีคนมาอยู่รวมกันในที่ซึ่งเหมือนหนีไปไหนไม่ได้ แล้วตายไปทีละคนเช่นโครงเรื่องแนวคลาสสิก แต่ก็ใส่รายละเอียดที่ทำให้ต่างตรงที่คราวนี้ ทุกอย่างถูกกำหนดบังคับจากกฎกติกาที่ระบุในจม. ทำให้เหยื่อมีความสับสนระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าคือความจริงหรือคือการแสดงละครตามสิ่งที่ผกก.ต้องการกันแน่ ที่สร้างสรรค์อย่างมากคือใช้วิธีการเล่าสองรูปแบบสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง คือเล่าในมุมมองพระเจ้าที่เราเข้าใจเอาเองแต่แรกว่าคือมุมมองสายตาของนักเขียน ทว่าเฉลยตอนท้ายที่เข้าสู่ช่วงไขคดีว่าที่แท้เป็นมุมมองพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ใช่สายตาผู้เขียน หากแต่เป็นใคร หากได้อ่านเองแล้วก็จะรู้ จุดนี้ผมถือว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนอีกมุมมองหนึ่งจะเป็นการเล่าผ่านสายตาและความคิดของตัวละครตัวหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม7คน คล้ายทำนองบันทึกการคุยกับตัวเองว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มีใครทำอะไร ใครคุยว่าอย่างไรบ้าง โดยในส่วนนี้จะมีสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของคนดังกล่าวทำให้คนอ่านทราบมุมมองของเขาอย่างใกล้ชิด และเป็นตัวละครสำคัญที่เหมือนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องเดินหน้าต่อไป และตัวละครตัวนี้เองที่ภายหลัง ก็คล้ายจะสถาปนาตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนักสืบในการคลี่คลายปริศนาทั้งหมดด้วย เรื่องจะถูกแบ่งเล่าเป็น 4 วัน ในแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจนกระทั่งจบวัน จึงเริ่มต้นบทใหม่ในวันถัดไป ดังที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้คือ ตั้งใจท่องจำชื่อตัวละครทั้ง7และจำผังบ้านไว้ในหัวคร่าว ๆ ดังนั้นตอนอ่านที่ผู้เขียนบรรยายเล่าถึงช่วงที่ระบุถึงตัวละครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนในห้องใด และการเล่าถึงสภาพภายในของบ้านพักว่ามีอะไรตั้งอยู่จุดไหนอย่างไร ผมจึงมองเห็นภาพเป็นสามมิติได้ไม่ยากนัก นับว่าผู้เขียนออกแบบและคิดผังบ้านหลังนี้มาได้ไม่เลว จึงสอดรับเข้ากันกับเหตุผลที่ประกอบในการกระทำของตัวละครต่าง ๆ อย่างกลมกลืน ด้วยความที่ส่วนตัวผมเคยผ่านการ try out จนได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของคนที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อแสดงละครเวที รวมถึงเคยอยู่ในฐานะของผู้ที่ฝึกฝนการแสดงให้กับรุ่นน้องในคณะสมัยเรียนมาก่อน ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเหล่าตัวละครที่แสดงบทบาทลีลาในเรื่อง ว่าทำไมถึงคิดหรือพูดและทำอะไรลงไปดังที่ปรากฏนั้น ซึ่งไม่แปลกแต่ประการใด จึงถือว่าเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งของผู้เขียน ที่มีมุมมองการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ได้น่าสนใจไม่แพ้เรื่องตุ๊กตาปิเอโรในคฤหาสน์กางเขนเช่นกัน ด้านสำนวนการแปลอ่านได้เพลินไม่มีสะดุดติดขัด บางคำพูดของบทสนทนาก็ทำให้รู้สึกฮาเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าจะเครียด แต่กลับอ่านแล้วผ่อนคลายสบาย ๆ และอยากรู้ว่าที่แท้แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ชอบบทสรุปของเรื่องในตอนท้ายที่ต่างไปจากนิยายแนวนี้ที่อ่านผ่านมาทั้งหมด นับว่าเป็นตอนจบที่ผมมีความสุขมากจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะกลอุบายที่ใช้ ช่างน่าประทับใจยิ่ง #รีวิวหนังสือ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #บทความ #เรื่องแปล #ฃาตกรรม #สืบสวน #thaitimes #ละครเวที #ไขปริศนา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1329 Views 0 Reviews
  • 9/1/68

    จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣)
    สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง
    .
    ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ
    .
    หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
    1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม
    2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้
    3. ปากกาที่เขียนไม่ติด
    4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว
    5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่
    6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด
    7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย
    8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม
    9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด
    10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว
    .
    หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย
    11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี
    12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้
    14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน
    15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ
    16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้
    17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ
    18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย
    19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง
    20. หม้อที่ไหม้ง่าย
    .
    หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต
    21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ
    22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น
    23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม
    24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว
    25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่
    26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป
    27. หนังสือในกองดอง
    28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง
    29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้
    30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ
    .
    หมวดที่ 4 ของหมดอายุ
    31. เครื่องปรุงหมดอายุ
    32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ
    33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ
    35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี
    36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว
    37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว
    38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
    39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ
    40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย

    หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่
    41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์
    42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว
    43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้
    44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน
    45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว
    46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก
    47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ
    48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ
    49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด
    50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้
    .
    ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย?
    .
    ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    9/1/68 จี้ใจดำมาก! ลิสต์ 50 สิ่งของต้องทิ้ง (เชื่อว่าทุกคนมีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน🤣) สำหรับใครที่อยากจัดบ้าน อยากเคลียของ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ มาเช็คลิสต์กันว่ามีอะไรควรทิ้งบ้าง . ไปเจอทริคของญี่ปุ่นมา คุณชิโฮมิ ชิโมมุระ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดระเบียบชีวิต ที่มักเข้าไปช่วยเหลือบ้านที่มีของรก ได้แนะนำรายการสิ่งของที่ควรจะทิ้งปีใหม่นี้ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเค้าแบ่งเป็นหมวดๆ . หมวดที่ 1 ของพัง ของที่ใช้งานไม่ได้แล้ว 1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังแล้วและไม่คิดจะซ่อม 2. เฟอร์นิเจอร์ที่วางเกะกะ ทำให้เปิดประตูไม่ได้ 3. ปากกาที่เขียนไม่ติด 4. ต่างหูที่เหลือข้างเดียว 5. ถุงเท้าเปื่อยที่ใส่อีกครั้งจะขาดแน่ 6. รองเท้าที่ใส่แล้วเจ็บเท้าตลอด 7. ไม้หนีบผ้าที่แห้งกรอบ แตกหักง่าย 8. เสื้อผ้าที่คิดว่าจะเก็บไว้ใส่ตอนผอม 9. ถ้วยจานชามที่ชำรุด 10. ต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้ว . หมวดที่ 2 ของที่ไม่เคยใช้เลย 11. เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่มานานกว่า 1 ปี 12. กระเป๋าที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 13. หม้อที่หนักเกินไป ไม่คิดจะใช้ 14. เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับแขก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีแขกมาบ้าน 15. ปากกาที่เขียนยาก เขียนแล้วเลอะ 16. ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ดี เลยไม่ได้ใช้ 17. แจกันดอกไม้ที่ได้มาเป็นของขวัญ 18. เสื้อผ้าที่เป็นขุยง่าย 19. อุปกรณ์ทำอาหารที่ดูใช้สะดวก แต่ใช้ไม่ได้จริง 20. หม้อที่ไหม้ง่าย . หมวดที่ 3 ของที่มีปริมาณมากเกินความจำเป็นในชีวิต 21. ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ 22. ถุงเจลเก็บความเย็น ที่มีเยอะล้นตู้เย็น 23. ถุงผ้าที่ได้มาเป็นของแถม 24. เศษผ้าที่จะเก็บไว้ทำผ้าขี้ริ้ว 25. แปรงสีฟันเก่าที่จะเก็บไว้ขัดโน่นขัดนี่ 26. ถุงน่อง ชุดซับในรัดรูป 27. หนังสือในกองดอง 28. อุปกรณ์ประกอบที่ให้มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง 29. สมุดบันทึก กระดาษโน้ต ที่ใช้ค้างไว้ 30. กล่อง/กระป๋องแพ็คเกจน่ารักๆ . หมวดที่ 4 ของหมดอายุ 31. เครื่องปรุงหมดอายุ 32. เสบียงถุงยังชีพที่หมดอายุ 33. อาหารที่ทำเองแล้วแช่แข็งไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 34. บัตรสะสมแต้มที่หมดอายุ 35. ไกด์บุ๊กท่องเที่ยวที่ตีพิมพ์มาเกิน 3 ปี 36. ใบรับประกันที่หมดอายุแล้ว 37. ใบปลิวงานอีเวนต์ที่จบไปแล้ว 38. เครื่องสำอางที่เปิดใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ 39. จดหมายโฆษณาเก่าๆ 40. เสื้อผ้าที่เคยใส่ตอนอายุน้อยกว่านี้ แฟชั่นเด็กเกินวัย หมวดที่ 5 ของที่เห็นแล้วรู้สึกแย่ 41. อุปกรณ์งานอดิเรกที่ซื้อมาตามกระแส เช่น อุปกรณ์ตั้งแคมป์ 42. หนังสือเตรียมสอบต่างๆ ที่ล้มเลิกการจะสอบไปแล้ว 43. อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ไม่ได้ใช้ 44. ของกินที่มีคนให้มา แต่ไม่ชอบกิน 45. กระเป๋าใบโปรดที่ขึ้นราแล้ว 46. อุปกรณ์เสริมสวยราคาแพง แต่ใช้ไม่เวิร์ก 47. หนังสือคู่มือ ใบเสร็จเก่าๆ 48. คอมพิวเตอร์ กล้องเก่าๆ 49. ภาพถ่ายที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน น่าเกลียด 50. ของขวัญ จดหมาย ที่แฟนเก่าเคยให้ . ในลิสต์ 50 ข้อ มีกันไปแล้วกี่ข้อเอ่ย? . ที่มา https://news.livedoor.com/article/detail/27773476/
    NEWS.LIVEDOOR.COM
    ???դ??ʤ??Ȥ?ǯ???¨?Τƥꥹ??50?ס????????????¤鷺??????? - ?饤?֥ɥ??˥塼??
    ??ǯ??ޤǤ˼ΤƤ?Ȥ?????Ρפ?饤?ե??????ʥ????????Ҳ𤷤Ƥ??롣???ͽ?꤬?ʤ????줿???š??񤱤ʤ??ڥ?餻???????????礱?Ƥ??뿩??Ȥ????ʤ??ʤ????ޡ??쥸?ޤ???ޡ?????ˤ???꤭??ʤ?????ޡ??ʤ?
    0 Comments 0 Shares 879 Views 0 Reviews
  • ประวัติ และ ที่มาของ..ไส้อั่ว
    คำแปล(ภาษาไทย)อยู่ล่างสุด

    "Sai Oua" (Thai: ไส้อั่ว) or "Northern Thai Sausage" is a traditional food of the northern part of Thailand.
    .
    The culture of stuffing meat into the intestines is a way to preserve food since ancient times. It was found that this method of food preservation began in the Babylonian Empire tens of thousands of years ago. It is said that the Babylonians used finely ground meat to stuff into the intestines of goats and dried them in the sun until they were dry and stored as supplies when traveling to transport goods across the desert to sell in various lands before spreading to Europe and Asia, especially in southern China where there were many tribes such as the Tai Yai, Zhuang and Bai Yue, etc., which became the origin of the Silk Road in the later era.
    .
    "Sai Oua" in the northern part of Thailand, some people assume that this type of food was influenced by the Shan people or Tai Yai people who added spices to season the meat and grilled it until it had a fragrant smell. Later, the Shan people or Tai Yai had to flee from the war to settle in a new place in the northern part of Thailand. The Shan people brought this type of cooking culture with them, making "Sai Oua" a local food of the northern part of Thailand by default.
    .
    But some people assume that in ancient times, when it was a merit-making festival, villagers often brought a lot of pork to cook. But sometimes there was too much pork. Therefore, there is leftover pork, so there is a method of food preservation to prevent spoilage. Originally, it was cut into pieces and grilled or dried in the sun to store for later consumption. However, it was later developed and modified to be stored for a longer period of time by making fermented pork sausage and "Sai Oua", etc.
    .
    How to make "Sai Oua" It can be made by mixing finely ground pork with herbs and spices such as galangal, lemongrass, coriander root, garlic, shallots, kaffir lime peel, shrimp paste, turmeric and coriander. Then stuff it into the pork intestines and grill until cooked, which is popularly eaten with sticky rice and "Nam Prik Num" (Northern Thai Green Chilli Dip), which is a Thai sauce from the northern part of Thailand. Herbs and spices are what give "Sai Oua" its distinctive flavor and aroma. However, there is no fixed recipe for making "Sai Oua" because each region has its own unique flavoring, but the basics are still similar.
    .
    Note: The meaning of the word "Sai Oua" in the northern language, by starting with the word "Sai" which means "Intestines". The word "Oua" means to insert or stuff or stuff ingredients into the intestines.
    .

    “ไส้อั่ว” อาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย
    .
    วัฒนธรรมการยัดเนื้อและไขมันสัตว์ เข้าไปในลำไส้เป็นวิธีถนอมอาหาร มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรบาบิลอนเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กล่าวกันว่าชาวบาบิลอนใช้เนื้อบดละเอียดยัดเข้าไปในลำไส้แพะแล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงเก็บเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางเพื่อขนส่งสินค้าข้ามทะเลทรายไปขายในดินแดนต่างๆ ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ทวีปยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนซึ่งมีชนเผ่าหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ จ้วง และไป๋เยว่ บนเส้นทางสายไหม
    .
    “ไส้อั่ว” ในภาคเหนือของไทย สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากรัฐฉาน หรือ ชาวไทใหญ่ที่ปรุงรสเนื้อด้วยเครื่องเทศและย่างจนมีกลิ่นหอม ต่อมาชาวไทใหญ่หรือชาวไทใหญ่ต้องอพยพหนีสงครามไปตั้งถิ่นฐานใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชาวไทใหญ่ได้นำวัฒนธรรมการทำอาหารแบบนี้ติดตัวมาด้วย ทำให้ "ไส้อั่ว" เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทยโดยปริยาย
    .
    แต่บางคนก็เข้าใจว่าในสมัยโบราณเมื่อเป็นงานบุญชาวบ้านมักจะนำเนื้อหมูมาทำอาหารเป็นจำนวนมาก แต่บางครั้งก็มีเนื้อหมูมากเกินไป จึงมีเนื้อหมูเหลือ จึงมีวิธีถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย เดิมทีจะหั่นเป็นชิ้นแล้วย่างหรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลัง แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาและดัดแปลงให้เก็บไว้ได้นานขึ้นโดยทำเป็นไส้กรอกหมูหมักและ "ไส้อั่ว" เป็นต้น

    วิธีทำ “ไส้อั่ว” ทำได้โดยนำเนื้อหมูบดละเอียดมาผสมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ รากผักชี กระเทียม หอมแดง เปลือกมะกรูด กะปิ ขมิ้น ผักชี แล้วนำไปยัดใส่เครื่องในหมูแล้วปิ้งให้สุก นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวและ “น้ำพริกหนุ่ม” ซึ่งเป็นน้ำจิ้มไทยภาคเหนือของประเทศไทย สมุนไพรและเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ “ไส้อั่ว” มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ไม่มีสูตรการทำ “ไส้อั่ว” ตายตัว เพราะแต่ละภาคจะมีรสชาติเฉพาะตัว แต่หลักการทำยังคงคล้ายๆ กัน
    .
    หมายเหตุ: ความหมายของคำว่า “ไส้อั่ว” ในภาษาเหนือ โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไส้” คำว่า “ไส้อั่ว” แปลว่า การสอดหรือยัดวัตถุดิบเข้าไปในไส้

    ไส้อั่ว รสลิ้นคนไทย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี รสเข้มข้น หอมมาก
    แนะนำ "ไส้อั่วเม็งราย" ของ ร้านอัมพร
    เปิดมานานหลายสิบปี (เดิม)ร้านตั้งอยู่ที่ เชิงสะพานเม็งราย ฝั่งหนองหอย
    ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา
    ปัจจุบัน ย้ายยาอยู่ริมถนนมหิดล ตรงข้ามปากทางเข้าเชียงใหม่แลนด์
    มี ไส้อั่ว แหนม แหนมหม้อ น้ำพริกหนุ่ม แค๊บหมู หมูกระจก แกงฮังเล..

    https://maps.app.goo.gl/jfhXDnJbQL1w8Kk9A
    .
    ประวัติ และ ที่มาของ..ไส้อั่ว คำแปล(ภาษาไทย)อยู่ล่างสุด "Sai Oua" (Thai: ไส้อั่ว) or "Northern Thai Sausage" is a traditional food of the northern part of Thailand. . The culture of stuffing meat into the intestines is a way to preserve food since ancient times. It was found that this method of food preservation began in the Babylonian Empire tens of thousands of years ago. It is said that the Babylonians used finely ground meat to stuff into the intestines of goats and dried them in the sun until they were dry and stored as supplies when traveling to transport goods across the desert to sell in various lands before spreading to Europe and Asia, especially in southern China where there were many tribes such as the Tai Yai, Zhuang and Bai Yue, etc., which became the origin of the Silk Road in the later era. . "Sai Oua" in the northern part of Thailand, some people assume that this type of food was influenced by the Shan people or Tai Yai people who added spices to season the meat and grilled it until it had a fragrant smell. Later, the Shan people or Tai Yai had to flee from the war to settle in a new place in the northern part of Thailand. The Shan people brought this type of cooking culture with them, making "Sai Oua" a local food of the northern part of Thailand by default. . But some people assume that in ancient times, when it was a merit-making festival, villagers often brought a lot of pork to cook. But sometimes there was too much pork. Therefore, there is leftover pork, so there is a method of food preservation to prevent spoilage. Originally, it was cut into pieces and grilled or dried in the sun to store for later consumption. However, it was later developed and modified to be stored for a longer period of time by making fermented pork sausage and "Sai Oua", etc. . How to make "Sai Oua" It can be made by mixing finely ground pork with herbs and spices such as galangal, lemongrass, coriander root, garlic, shallots, kaffir lime peel, shrimp paste, turmeric and coriander. Then stuff it into the pork intestines and grill until cooked, which is popularly eaten with sticky rice and "Nam Prik Num" (Northern Thai Green Chilli Dip), which is a Thai sauce from the northern part of Thailand. Herbs and spices are what give "Sai Oua" its distinctive flavor and aroma. However, there is no fixed recipe for making "Sai Oua" because each region has its own unique flavoring, but the basics are still similar. . Note: The meaning of the word "Sai Oua" in the northern language, by starting with the word "Sai" which means "Intestines". The word "Oua" means to insert or stuff or stuff ingredients into the intestines. . “ไส้อั่ว” อาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย . วัฒนธรรมการยัดเนื้อและไขมันสัตว์ เข้าไปในลำไส้เป็นวิธีถนอมอาหาร มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรบาบิลอนเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กล่าวกันว่าชาวบาบิลอนใช้เนื้อบดละเอียดยัดเข้าไปในลำไส้แพะแล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงเก็บเอาไว้เป็นเสบียงในการเดินทางเพื่อขนส่งสินค้าข้ามทะเลทรายไปขายในดินแดนต่างๆ ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ทวีปยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีนซึ่งมีชนเผ่าหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ จ้วง และไป๋เยว่ บนเส้นทางสายไหม . “ไส้อั่ว” ในภาคเหนือของไทย สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากรัฐฉาน หรือ ชาวไทใหญ่ที่ปรุงรสเนื้อด้วยเครื่องเทศและย่างจนมีกลิ่นหอม ต่อมาชาวไทใหญ่หรือชาวไทใหญ่ต้องอพยพหนีสงครามไปตั้งถิ่นฐานใหม่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชาวไทใหญ่ได้นำวัฒนธรรมการทำอาหารแบบนี้ติดตัวมาด้วย ทำให้ "ไส้อั่ว" เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทยโดยปริยาย . แต่บางคนก็เข้าใจว่าในสมัยโบราณเมื่อเป็นงานบุญชาวบ้านมักจะนำเนื้อหมูมาทำอาหารเป็นจำนวนมาก แต่บางครั้งก็มีเนื้อหมูมากเกินไป จึงมีเนื้อหมูเหลือ จึงมีวิธีถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย เดิมทีจะหั่นเป็นชิ้นแล้วย่างหรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลัง แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาและดัดแปลงให้เก็บไว้ได้นานขึ้นโดยทำเป็นไส้กรอกหมูหมักและ "ไส้อั่ว" เป็นต้น วิธีทำ “ไส้อั่ว” ทำได้โดยนำเนื้อหมูบดละเอียดมาผสมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ เช่น ข่า ตะไคร้ รากผักชี กระเทียม หอมแดง เปลือกมะกรูด กะปิ ขมิ้น ผักชี แล้วนำไปยัดใส่เครื่องในหมูแล้วปิ้งให้สุก นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวและ “น้ำพริกหนุ่ม” ซึ่งเป็นน้ำจิ้มไทยภาคเหนือของประเทศไทย สมุนไพรและเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ “ไส้อั่ว” มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ไม่มีสูตรการทำ “ไส้อั่ว” ตายตัว เพราะแต่ละภาคจะมีรสชาติเฉพาะตัว แต่หลักการทำยังคงคล้ายๆ กัน . หมายเหตุ: ความหมายของคำว่า “ไส้อั่ว” ในภาษาเหนือ โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไส้” คำว่า “ไส้อั่ว” แปลว่า การสอดหรือยัดวัตถุดิบเข้าไปในไส้ ไส้อั่ว รสลิ้นคนไทย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี รสเข้มข้น หอมมาก แนะนำ "ไส้อั่วเม็งราย" ของ ร้านอัมพร เปิดมานานหลายสิบปี (เดิม)ร้านตั้งอยู่ที่ เชิงสะพานเม็งราย ฝั่งหนองหอย ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ปัจจุบัน ย้ายยาอยู่ริมถนนมหิดล ตรงข้ามปากทางเข้าเชียงใหม่แลนด์ มี ไส้อั่ว แหนม แหนมหม้อ น้ำพริกหนุ่ม แค๊บหมู หมูกระจก แกงฮังเล.. https://maps.app.goo.gl/jfhXDnJbQL1w8Kk9A .
    0 Comments 0 Shares 1348 Views 0 Reviews
  • 3/12/67

    📮ถามว่า "ในวัยชราควรดูแลตัวเองอย่างไร ?"

    ตอบว่า....ให้คุณพึ่งตัวเองแบบวันต่อวัน เปลี่ยนไปใช้ชีวิตในลักษณะที่พึ่งตัวเองได้ 100% ตั้งแต่วันนี้
    -กินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและไขมันต่ำ
    -ออกกำลังกายทุกวัน -จัดการความเครียดโดยหัดวางความคิดลบๆ ทิ้งไปเสีย -นอนหลับให้ได้ดีโดยไม่ใช้ยา
    -ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ตากแดด ขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกต้นไม้
    -ใส่ใจที่จะฝึกฝนทำกิจวัตรสำคัญ (IADL) 7 อย่าง และกิจวัตรจำเป็น(ADL) 5 อย่าง ให้ได้ด้วยตัวเองให้ได้นานจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

    กิจวัตรสำคัญ 7 อย่าง (IADL) ได้แก่

    (1) อยู่คนเดียวได้ หมายความว่าทนเหงาได้
    (2) ขนส่งตัวเองได้ เช่นถีบรถ ขับรถ หรือไปขึ้นรถเมล์ ได้
    (3) ทำอาหารกินเองได้
    (4) ช้อปปิ้งเองได้
    (5) บริหารที่อยู่ตัวเองได้ เช่น ปัด/กวาด/เช็ด/ถู
    (6) บริหารยาตัวเองได้
    (7) บริหารเงินของตัวเองได้

    ส่วนกิจวัตรจำเป็น 5 อย่าง (ADL) ได้แก่

    (1) อาบน้ำแปรงฟันได้เอง
    (2) แต่งตัวสวมเสื้อผ้าได้เอง
    (3) กินเองได้
    (4) เข้าห้องน้ำอุจจาระ/ปัสสาวะด้วนตนเองได้
    (5) เดินเหินเองได้

    กิจวัตรจำเป็น 5 อย่างนี้ หากทำไม่ได้แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็หมายความว่าอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามพรหมลิขิต

    มันจะไปจบที่โรงเลี้ยงคนแก่ของอบต.หรือเทศบาลหรือ
    ไปจบที่ศาลาวัดก็ช่างมันเถอะ เพราะจบที่ไหนท้ายที่สุดก็แป๊ะเอี้ย คือ..เด๊ดสะมอเร่
    เหมียนกัลล์

    นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
    3/12/67 📮ถามว่า "ในวัยชราควรดูแลตัวเองอย่างไร ?" ตอบว่า....ให้คุณพึ่งตัวเองแบบวันต่อวัน เปลี่ยนไปใช้ชีวิตในลักษณะที่พึ่งตัวเองได้ 100% ตั้งแต่วันนี้ -กินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและไขมันต่ำ -ออกกำลังกายทุกวัน -จัดการความเครียดโดยหัดวางความคิดลบๆ ทิ้งไปเสีย -นอนหลับให้ได้ดีโดยไม่ใช้ยา -ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ตากแดด ขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกต้นไม้ -ใส่ใจที่จะฝึกฝนทำกิจวัตรสำคัญ (IADL) 7 อย่าง และกิจวัตรจำเป็น(ADL) 5 อย่าง ให้ได้ด้วยตัวเองให้ได้นานจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต กิจวัตรสำคัญ 7 อย่าง (IADL) ได้แก่ (1) อยู่คนเดียวได้ หมายความว่าทนเหงาได้ (2) ขนส่งตัวเองได้ เช่นถีบรถ ขับรถ หรือไปขึ้นรถเมล์ ได้ (3) ทำอาหารกินเองได้ (4) ช้อปปิ้งเองได้ (5) บริหารที่อยู่ตัวเองได้ เช่น ปัด/กวาด/เช็ด/ถู (6) บริหารยาตัวเองได้ (7) บริหารเงินของตัวเองได้ ส่วนกิจวัตรจำเป็น 5 อย่าง (ADL) ได้แก่ (1) อาบน้ำแปรงฟันได้เอง (2) แต่งตัวสวมเสื้อผ้าได้เอง (3) กินเองได้ (4) เข้าห้องน้ำอุจจาระ/ปัสสาวะด้วนตนเองได้ (5) เดินเหินเองได้ กิจวัตรจำเป็น 5 อย่างนี้ หากทำไม่ได้แม้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็หมายความว่าอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามพรหมลิขิต มันจะไปจบที่โรงเลี้ยงคนแก่ของอบต.หรือเทศบาลหรือ ไปจบที่ศาลาวัดก็ช่างมันเถอะ เพราะจบที่ไหนท้ายที่สุดก็แป๊ะเอี้ย คือ..เด๊ดสะมอเร่ เหมียนกัลล์ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ร้านอาหารไทยสารพัดเมนูจากทุกภาคของไทย ครัวอาจารย์สายหยุด สูตรอาหารของคุณแม่หมอทราย หรืออาจารย์สายหยุด ที่เป็นอดีตครูสอนทำอาหาร ตัวร้านจะดูเรียบง่าย บรรยากาศอบอุ่นเหมือนได้ทานอาหารที่บ้าน แต่ทุกเมนูพิถีพิถันอย่างประณีตสุดๆ ค่ะ ทำให้ทุกเมนูล้วนเป็นศิลปะการทำอาหารที่ทำให้บรรดานักชิมรู้สึกเหมือนอยู่ในวังเลยทีเดียว

    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZVNn6zKHHXmm41ED6
    ที่อยู่ : ถนนศรีลานนา ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
    ร้านเปิดบริการ : 09.00 - 21.00 น. (หยุดวันพุธ)

    #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    ร้านอาหารไทยสารพัดเมนูจากทุกภาคของไทย ครัวอาจารย์สายหยุด สูตรอาหารของคุณแม่หมอทราย หรืออาจารย์สายหยุด ที่เป็นอดีตครูสอนทำอาหาร ตัวร้านจะดูเรียบง่าย บรรยากาศอบอุ่นเหมือนได้ทานอาหารที่บ้าน แต่ทุกเมนูพิถีพิถันอย่างประณีตสุดๆ ค่ะ ทำให้ทุกเมนูล้วนเป็นศิลปะการทำอาหารที่ทำให้บรรดานักชิมรู้สึกเหมือนอยู่ในวังเลยทีเดียว พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZVNn6zKHHXmm41ED6 ที่อยู่ : ถนนศรีลานนา ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ร้านเปิดบริการ : 09.00 - 21.00 น. (หยุดวันพุธ) #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 849 Views 0 Reviews
  • 3/3
    🍋🍎🍅🍏🍇
    ✍️Agenda แอบแฝงของอาหารนวัตกรรมใหม่ โค๊ชนาตาลีกับแขกรับเชิญ คุณอดิเทพ จาวลาห์ 1ธ.ค.2566
    https://m.facebook.com/events/877364410551321?mibextid=Nif5oz
    ✍️TOP 10 อาหารและสมุนไพรดีท็อกซ์ตับได้ดีที่สุด
    https://www.youtube.com/live/hz7zS8dvlUo?si=dt7c3XsJtU2f_PAt
    ✍️สูตรลับน้ำผักฟื้นฟูเซลล์และทำให้ร่างกายเป็นด่าง
    https://www.youtube.com/live/L7BRekpGRjI?si=2dm95slGs74rxx8A
    ✍️TOP 11 ผักผลไม้และวิตามินที่ต้องทานในช่วงล้างพิษ
    https://www.youtube.com/live/ud843OO0AlQ?si=pb6WoVO_o4tYRGwC
    ✍️แจกสูตรลับน้ำผักดีท็อกซ์ที่ใช้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว
    https://www.youtube.com/live/wJY6nbrFws4?si=guHGzPFOb46SfDAo
    ✍️Q&A จากงานสัมมนา
    https://www.youtube.com/watch?v=Cb7JTgMWj9w
    ✍️Q&A กันสบายๆที่ฟาร์มผักออร์แกนิคกับโค้ช ที่ ภูเรือ จ.เรือ
    https://www.youtube.com/watch?v=IYGOAPO3nss
    ✍️ไลฟ์สดจากร้านน้ำผัก
    https://www.youtube.com/watch?v=umI_nw3BEXo
    ✍️วิธีต้มเก็กฮวยบำรุงสมอง
    https://www.youtube.com/watch?v=pWKaUzNcR_Q
    ✍️เคล็ดลับในการทานอาหารต้านมะเร็งที่ทำได้ตลอดกาล
    https://www.youtube.com/live/t6AuYN8xiHk?si=KoGucdbzRE9JxcSr
    ✍️ทานโปรตีนเท่าไหร่ถึงจะพอ ทานเมลาโทนินเท่าไหร่ช่วงพิชิตมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=qis-XTm-T3o
    ✍️กินโปรตีนแบบไหนปลอดภัยต่อมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=2ugNz38iY9Q
    ✍️กินไข่อย่างไรไม่ให้เป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=RhlRBYuitN8
    ✍️ใครที่อยากจะหยุดทานเนื้อสัตว์แต่ยังทำไม่ได้ โค้ชนาตาลีมีเทคนิคที่ทำได้จริงของตัวเองมาแชร์ค่ะ
    https://youtu.be/bnNSUwjLBEo?si=EX1-D_f6W1fTlf0c
    ✍️สาธิตการทำโปรตีนบอล /สุขภาพดี โปรตีนสูง แถมอร่อยด้วย!!
    https://www.youtube.com/watch?v=p-JfFdneVL8
    ✍️Saffron ช่วยต้านมะเร็ง ลดความเครียด บำรุงสมอง ช่วยเรื่อง อัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า
    https://youtu.be/LB--y5lVQfk?si=Hg9y4DIl2ldQdJQa
    ✍️เลือกเครื่องปั่นอย่างไรให้เหมาะกับตัวคุณ
    https://youtu.be/c7Gddf0XEp8?si=n2MzRZGp4T5RWs7W
    ✍️สอนทำอาหารเช้าที่โค้ชนาตาลีทานบ่อยที่สุดหลังจากเป็นมะเร็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=zAWk6AXffW8
    ✍️4 วิธีกับอาหารและสมุนไพรบำรุงตับที่ดีที่สุด ที่คุณควรมีติดบ้านไว้
    https://www.youtube.com/watch?v=uFKB5ivGdwU
    ✍️อาหารและสมุนไพรช่วยลดความเครียดและช่วยการนอนหลับ วิธีทำน้ำชาช่วยให้หลับลึก
    https://www.youtube.com/watch?v=wP_SxzPIHCs
    ✍️วิธีหาสาเหตุอะไรที่ทำให้คุณเป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=XpB0RRXRAho
    ✍️วิธีทานอาหารสร้างภูมิให้แข็งแรง วิธีดูแลตัวเองในช่วงโรคระบาดกับหลวงตาเอกภพ
    Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=iy9KK2knEhg
    Ep.2. https://youtu.be/0v3kIhjvXow?si=68EKgs6dT1rGFrjp
    ✍️แจก 4 สูตรผักปั่นดีท็อกซ์สารโลหะหนัก
    https://www.youtube.com/watch?v=UJcXIXc3-AQ
    ✍️สอนทำน้ำสลัดสูตรสุขภาพ
    https://www.youtube.com/watch?v=wYzAP5EkTi4
    ✍️ข่าวดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับคนที่อยากทำอาหารต้านมะเร็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=4Q9uKX5tbMY
    ✍️แจกสูตรน้ำดีท็อกซ์
    https://www.youtube.com/watch?v=Td1G9z13D3o
    ✍️สอนทำซูชิต้านมะเs็ง 3 สูตร
    https://www.youtube.com/watch?v=RHouUeC3Y9U
    ✍️ดีท็อกซ์ด้วยเซลารี่ Celery Cleanse
    https://www.youtube.com/watch?v=53pAxvLhgRc
    ✍️วิธีกินให้มีแรงในช่วงพิชิตมะเs็ง Ep. 2/3 เอนไซม์ คือหัวใจสำคัญในการสร้างพลังงาน
    https://www.youtube.com/watch?v=I8eFM5X11MY
    ✍️วิธีกินให้มีแรงในช่วงพิชิตมะเs็ง Ep. 3/3 - สรุปผักและอาหารเสริมที่ทำให้มีแรง
    https://www.youtube.com/watch?v=_dJgzdnA-RE
    ✍️วิธีทำกะหล่ำหมักจุลินทรีย์ เพิ่มโปรไบโอติก สูตรง่ายที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=ZKwg-ZSj_YQ
    ✍️วิธีปลูกบล็อกโคลี่รากงอกอย่างง่ายที่สุด ผักต้านมะเs็ง#1
    https://www.youtube.com/watch?v=YL9NZ-vw2ZU
    ✍️วิธีทำน้ำนมข้าวโอ๊ตอย่างง่ายที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=HYWQ03SEj2o
    ✍️สาวไทยแชร์เคล็ดลับอาหารและดีทอกซ์บำบัดมะเs็งรังไข่ก้อนใหญ่ 20 ซม.
    https://www.youtube.com/watch?v=4o07la_-Ypo
    ✍️เป็นมะเs็งต้องกินป๊อปคอร์นแบบนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=Oxl4mJ-md0U
    ✍️วิธีคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี (วีทกราส)ให้อร่อย
    https://www.youtube.com/watch?v=_Z3lkRZiIJM
    ✍️เป็นมะเs็งกินถั่วเหลืองดีหรือไม่
    https://www.youtube.com/watch?v=cO90nQhjYdc
    ✍️ผักรวมมิตรอบสมุนไพรต้านมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=kJrOZKDCuYU
    ✍️วิธีทำข้าวอบกะหล่ำม้วน
    https://www.youtube.com/watch?v=tIEgS88CFVk
    ✍️สอนทำน้ำสลัดต้านมะเs็งสูตรเกอร์สัน และสูตรโค้ชนาตาลี
    https://www.youtube.com/watch?v=3vkn9C3w87E
    ✍️อาหารเย็นต้านมะเs็งสำหรับคนไม่มีเวลา
    https://www.youtube.com/watch?v=UUlUGoVX258
    ✍️สมูทตี้ว่านหางต้านมะเs็ง ผสมผงมะรุม และสไปรูริน่า
    https://www.youtube.com/watch?v=t8VYdNNmcRQ
    ✍️ซุปผักวอเตอร์เครสเพื่อสุขภาพ
    https://www.youtube.com/watch?v=LOmN4xDCwV8
    ✍️วิธีทำกะหล่ำดาวไม่ให้ขม
    https://www.youtube.com/watch?v=fEF2kugJiQ0
    ✍️อาหารเสริมที่โค้ชแบงค์และโค้ชนาตาลีกินทุกวัน
    https://www.youtube.com/watch?v=x6IouxYK9yU
    ✍️เทศกาลอาหารวีแกน ที่บอสตัน Boston Vegan Festival
    https://www.youtube.com/watch?v=n4VEymUUcx8
    ✍️เที่ยวร้านเครื่องปั้นดินเผาที่โปรตุเกส Aldeia Típica José Franco, Portugal
    https://www.youtube.com/watch?v=Qxb3UHC-cUM
    ✍️LIVE สดกับโค้ชแบงค์ - ความเข้าใจผิดเรื่องโปรตีน โดยเฉพาะมะเs็งกับโปรตีน
    https://www.youtube.com/watch?v=p3wz72mGD3w
    ✍️โค้ชนาตาลีพาชมตลาดที่โปรตุเกส น้ำมันมะกอกถูกขนาดไหน
    https://www.youtube.com/watch?v=7mreIKQW7wU
    ✍️ผัดผักต้านมะเs็งสไตล์จาไมก้า
    https://www.youtube.com/watch?v=vKmgqzoOx7A
    ✍️ซุปผักคะน้ายักษ์เพื่อสุขภาพ Caldo Verde Vegan version
    https://www.youtube.com/watch?v=FjxS8t01eCg
    ✍️ซุปง่ายๆจากครัวเกอร์สัน ช่วยคุณฟื้นฟูมะเs็งให้เร็วขึ้น
    https://www.youtube.com/watch?v=7-L56VcPjww
    ✍️ต้านมะเs็งด้วยวิตามินเอจากซุปผักโขมและกากแครอท
    https://www.youtube.com/watch?v=xlFgmIf24yY
    ✍️วิธีทำข้าวโอ๊ต อาหารเช้าที่บ้านโค้ชนาตาลี
    https://www.youtube.com/watch?v=YaTQWW1g_wk
    ✍️น้ำปั่นหรือน้ำสกัดเย็น อะไรดีกว่ากัน
    https://www.youtube.com/watch?v=IAJIC9dka1c
    ✍️สมูทตี้ต้านมะเs็งด้วยใบบัวบกและยอดฟักทอง
    https://www.youtube.com/watch?v=i_SSwjUypsM
    ✍️กรีนสมูทตี้ป้องกันมะเs็งลำไส้ Green Smoothie prevent cancer
    https://www.youtube.com/watch?v=5MrYujOL5fc
    ✍️วิธีการกินอาหารช่วยพิชิตมะเs็งของหมอที่อเมริกา Dr. Lorraine Day
    https://www.youtube.com/watch?v=kEkqmObVsEI
    ✍️กรีนสมูทตี้สูตรเพิ่มโปรตีนแทนเนื้อสัตว์ ลดคอเลสเตอรอลได้
    https://www.youtube.com/watch?v=Jtat6sMAGo8
    ✍️กรีนสมูทตี้สูตรกำจัดมะเs็งด้วยผักกาด-ขมิ้น Green Smoothie to fight cancer
    https://www.youtube.com/watch?v=mgJ0pxviqkA
    ✍️กรีนสมูทตี้ สูตรป้องกันมะเs็งด้วยกวางตุ้งกับขมิ้น
    https://www.youtube.com/watch?v=kBKbwefVZO8
    ✍️Green Smoothie Calcium Rich กรีนสมูทตี้ สูตรเพิ่มแคลเซี่ยมดื่มแทนนม
    https://www.youtube.com/watch?v=PR-F9gFj2Ls
    ✍️สมูทตี้สูตรป้องกันมะเs็ง Prevent Cancer with Green Smoothies:
    https://www.youtube.com/watch?v=zQzSqZE5I-I
    ✍️พาลูกไปซุปเปอร์มาเก็ตซื้อผักทำสมูทตี้ที่อเมริกา
    https://www.youtube.com/watch?v=IJgMXqp1vbk
    ✍️สมูทตี้ สูตรความสวยต้องเริ่มจากที่ภายใน
    https://www.youtube.com/watch?v=le_Toc30TCw
    ✍️ป้องกันมะเs็งด้วยสมูทตี้-อโล-ขมิ้น ลดความอ้วน รักษาเบาหวาน
    https://www.youtube.com/watch?v=augfAeZ7oqs
    ✍️มะเs็งกลัวกะหล่ำ
    https://www.youtube.com/watch?v=E-0sNFFo7Ls
    ✍️ TOP 3 อาหารที่ทำให้เป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Yw3dlwo44o8
    ✍️สมูทตี้ สูตรป้องกันโรคหัวใจ โรคเบาหวาน - Green Smoothie
    https://www.youtube.com/watch?v=fYpIsKxox4g
    ✍️TOP 10 Alkaline Food: 10 อาหารที่มีความเป็นด่าง ที่คุณควรกิน
    https://www.youtube.com/watch?v=k7upatJaC94
    ✍️วิธีทำสมูทตี้ สูตรใหม่ ป้องกันมะเs็ง How to make Smoothie that fight cancer
    https://www.youtube.com/watch?v=5LyM7cH4lck
    ✍️วิธีทำซุปง่ายๆให้คนป่วย อาหารผู้ป่วยโรคมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=BNy2aT3VUVM
    ✍️Green Smoothie for Kids กรีนสมูทตี้ สำหรับเด็ก อย่างง่ายๆ
    https://www.youtube.com/watch?v=iL2mHzm37QM
    ✍️สมูทตี้สำหรับเด็ก Strawberry Banana Green Smoothie for Kids
    https://www.youtube.com/watch?v=8-c77FL2vvE
    ✍️Green Smoothie Recipe Anti-aging สมูตตี้สูตรดูอ่อนเยาว์
    https://www.youtube.com/watch?v=7zwKj3SCoy8
    ✍️สมูทตี้ สูตรป้องกันมะเs็ง และ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    https://www.youtube.com/watch?v=i923iEz-PnI
    ✍️วิธีชะลอความแก่ภายใน 3 นาที
    https://www.youtube.com/watch?v=4jZrXiTA8DM
    ✍️สมูทตี้ ป้องกันมะเs็ง Quick & Easy Green Smoothie: Reduce Heart Disease, Cancer, Diabetes
    https://www.youtube.com/watch?v=uDH_lj4J9D8
    ✍️Quick & Easy Healthy Smoothie: Bluebuerry Immunity Booster
    https://www.youtube.com/watch?v=KQUUv_euKuc
    ✍️Quick & Easy Green Smoothie UTI Prevention: สมูทตี้ ป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
    https://www.youtube.com/watch?v=OBoNJb2HRbY
    ✍️Quick & Easy Green Smoothie: BEAUTY BOOSTER with Bee Pollen กรีนสมูทตี้ สูตรเพิ่มความงามบำรุงผิว
    https://www.youtube.com/watch?v=nN3us3yDqyc
    ✍️Quick & Easy Green Smoothie to Prevent from a Cold : อาหารเช้า กรีนสมูทตี้ สูตรป้องกันหวัด
    https://www.youtube.com/watch?v=UyA6WVtf5wU

    ช่องทางความรู้จากโค๊ชนาตาลี
    https://www.facebook.com/Natalie.Proenca
    https://www.facebook.com/loveandlightawakening/
    https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie
    https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie
    https://healthcoachnatalie.podia.com
    https://liff.line.me/1572442362-jGxDDGRp/@nataliehealthshop

    🙏🙏🙏
    ขอขอบคุณความรู้จากโค๊ชนาตาลีครับ
    3/3 🍋🍎🍅🍏🍇 ✍️Agenda แอบแฝงของอาหารนวัตกรรมใหม่ โค๊ชนาตาลีกับแขกรับเชิญ คุณอดิเทพ จาวลาห์ 1ธ.ค.2566 https://m.facebook.com/events/877364410551321?mibextid=Nif5oz ✍️TOP 10 อาหารและสมุนไพรดีท็อกซ์ตับได้ดีที่สุด https://www.youtube.com/live/hz7zS8dvlUo?si=dt7c3XsJtU2f_PAt ✍️สูตรลับน้ำผักฟื้นฟูเซลล์และทำให้ร่างกายเป็นด่าง https://www.youtube.com/live/L7BRekpGRjI?si=2dm95slGs74rxx8A ✍️TOP 11 ผักผลไม้และวิตามินที่ต้องทานในช่วงล้างพิษ https://www.youtube.com/live/ud843OO0AlQ?si=pb6WoVO_o4tYRGwC ✍️แจกสูตรลับน้ำผักดีท็อกซ์ที่ใช้มานานเกือบ 100 ปีแล้ว https://www.youtube.com/live/wJY6nbrFws4?si=guHGzPFOb46SfDAo ✍️Q&A จากงานสัมมนา https://www.youtube.com/watch?v=Cb7JTgMWj9w ✍️Q&A กันสบายๆที่ฟาร์มผักออร์แกนิคกับโค้ช ที่ ภูเรือ จ.เรือ https://www.youtube.com/watch?v=IYGOAPO3nss ✍️ไลฟ์สดจากร้านน้ำผัก https://www.youtube.com/watch?v=umI_nw3BEXo ✍️วิธีต้มเก็กฮวยบำรุงสมอง https://www.youtube.com/watch?v=pWKaUzNcR_Q ✍️เคล็ดลับในการทานอาหารต้านมะเร็งที่ทำได้ตลอดกาล https://www.youtube.com/live/t6AuYN8xiHk?si=KoGucdbzRE9JxcSr ✍️ทานโปรตีนเท่าไหร่ถึงจะพอ ทานเมลาโทนินเท่าไหร่ช่วงพิชิตมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=qis-XTm-T3o ✍️กินโปรตีนแบบไหนปลอดภัยต่อมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=2ugNz38iY9Q ✍️กินไข่อย่างไรไม่ให้เป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=RhlRBYuitN8 ✍️ใครที่อยากจะหยุดทานเนื้อสัตว์แต่ยังทำไม่ได้ โค้ชนาตาลีมีเทคนิคที่ทำได้จริงของตัวเองมาแชร์ค่ะ https://youtu.be/bnNSUwjLBEo?si=EX1-D_f6W1fTlf0c ✍️สาธิตการทำโปรตีนบอล /สุขภาพดี โปรตีนสูง แถมอร่อยด้วย!! https://www.youtube.com/watch?v=p-JfFdneVL8 ✍️Saffron ช่วยต้านมะเร็ง ลดความเครียด บำรุงสมอง ช่วยเรื่อง อัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า https://youtu.be/LB--y5lVQfk?si=Hg9y4DIl2ldQdJQa ✍️เลือกเครื่องปั่นอย่างไรให้เหมาะกับตัวคุณ https://youtu.be/c7Gddf0XEp8?si=n2MzRZGp4T5RWs7W ✍️สอนทำอาหารเช้าที่โค้ชนาตาลีทานบ่อยที่สุดหลังจากเป็นมะเร็ง https://www.youtube.com/watch?v=zAWk6AXffW8 ✍️4 วิธีกับอาหารและสมุนไพรบำรุงตับที่ดีที่สุด ที่คุณควรมีติดบ้านไว้ https://www.youtube.com/watch?v=uFKB5ivGdwU ✍️อาหารและสมุนไพรช่วยลดความเครียดและช่วยการนอนหลับ วิธีทำน้ำชาช่วยให้หลับลึก https://www.youtube.com/watch?v=wP_SxzPIHCs ✍️วิธีหาสาเหตุอะไรที่ทำให้คุณเป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=XpB0RRXRAho ✍️วิธีทานอาหารสร้างภูมิให้แข็งแรง วิธีดูแลตัวเองในช่วงโรคระบาดกับหลวงตาเอกภพ Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=iy9KK2knEhg Ep.2. https://youtu.be/0v3kIhjvXow?si=68EKgs6dT1rGFrjp ✍️แจก 4 สูตรผักปั่นดีท็อกซ์สารโลหะหนัก https://www.youtube.com/watch?v=UJcXIXc3-AQ ✍️สอนทำน้ำสลัดสูตรสุขภาพ https://www.youtube.com/watch?v=wYzAP5EkTi4 ✍️ข่าวดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับคนที่อยากทำอาหารต้านมะเร็ง https://www.youtube.com/watch?v=4Q9uKX5tbMY ✍️แจกสูตรน้ำดีท็อกซ์ https://www.youtube.com/watch?v=Td1G9z13D3o ✍️สอนทำซูชิต้านมะเs็ง 3 สูตร https://www.youtube.com/watch?v=RHouUeC3Y9U ✍️ดีท็อกซ์ด้วยเซลารี่ Celery Cleanse https://www.youtube.com/watch?v=53pAxvLhgRc ✍️วิธีกินให้มีแรงในช่วงพิชิตมะเs็ง Ep. 2/3 เอนไซม์ คือหัวใจสำคัญในการสร้างพลังงาน https://www.youtube.com/watch?v=I8eFM5X11MY ✍️วิธีกินให้มีแรงในช่วงพิชิตมะเs็ง Ep. 3/3 - สรุปผักและอาหารเสริมที่ทำให้มีแรง https://www.youtube.com/watch?v=_dJgzdnA-RE ✍️วิธีทำกะหล่ำหมักจุลินทรีย์ เพิ่มโปรไบโอติก สูตรง่ายที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=ZKwg-ZSj_YQ ✍️วิธีปลูกบล็อกโคลี่รากงอกอย่างง่ายที่สุด ผักต้านมะเs็ง#1 https://www.youtube.com/watch?v=YL9NZ-vw2ZU ✍️วิธีทำน้ำนมข้าวโอ๊ตอย่างง่ายที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=HYWQ03SEj2o ✍️สาวไทยแชร์เคล็ดลับอาหารและดีทอกซ์บำบัดมะเs็งรังไข่ก้อนใหญ่ 20 ซม. https://www.youtube.com/watch?v=4o07la_-Ypo ✍️เป็นมะเs็งต้องกินป๊อปคอร์นแบบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Oxl4mJ-md0U ✍️วิธีคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี (วีทกราส)ให้อร่อย https://www.youtube.com/watch?v=_Z3lkRZiIJM ✍️เป็นมะเs็งกินถั่วเหลืองดีหรือไม่ https://www.youtube.com/watch?v=cO90nQhjYdc ✍️ผักรวมมิตรอบสมุนไพรต้านมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=kJrOZKDCuYU ✍️วิธีทำข้าวอบกะหล่ำม้วน https://www.youtube.com/watch?v=tIEgS88CFVk ✍️สอนทำน้ำสลัดต้านมะเs็งสูตรเกอร์สัน และสูตรโค้ชนาตาลี https://www.youtube.com/watch?v=3vkn9C3w87E ✍️อาหารเย็นต้านมะเs็งสำหรับคนไม่มีเวลา https://www.youtube.com/watch?v=UUlUGoVX258 ✍️สมูทตี้ว่านหางต้านมะเs็ง ผสมผงมะรุม และสไปรูริน่า https://www.youtube.com/watch?v=t8VYdNNmcRQ ✍️ซุปผักวอเตอร์เครสเพื่อสุขภาพ https://www.youtube.com/watch?v=LOmN4xDCwV8 ✍️วิธีทำกะหล่ำดาวไม่ให้ขม https://www.youtube.com/watch?v=fEF2kugJiQ0 ✍️อาหารเสริมที่โค้ชแบงค์และโค้ชนาตาลีกินทุกวัน https://www.youtube.com/watch?v=x6IouxYK9yU ✍️เทศกาลอาหารวีแกน ที่บอสตัน Boston Vegan Festival https://www.youtube.com/watch?v=n4VEymUUcx8 ✍️เที่ยวร้านเครื่องปั้นดินเผาที่โปรตุเกส Aldeia Típica José Franco, Portugal https://www.youtube.com/watch?v=Qxb3UHC-cUM ✍️LIVE สดกับโค้ชแบงค์ - ความเข้าใจผิดเรื่องโปรตีน โดยเฉพาะมะเs็งกับโปรตีน https://www.youtube.com/watch?v=p3wz72mGD3w ✍️โค้ชนาตาลีพาชมตลาดที่โปรตุเกส น้ำมันมะกอกถูกขนาดไหน https://www.youtube.com/watch?v=7mreIKQW7wU ✍️ผัดผักต้านมะเs็งสไตล์จาไมก้า https://www.youtube.com/watch?v=vKmgqzoOx7A ✍️ซุปผักคะน้ายักษ์เพื่อสุขภาพ Caldo Verde Vegan version https://www.youtube.com/watch?v=FjxS8t01eCg ✍️ซุปง่ายๆจากครัวเกอร์สัน ช่วยคุณฟื้นฟูมะเs็งให้เร็วขึ้น https://www.youtube.com/watch?v=7-L56VcPjww ✍️ต้านมะเs็งด้วยวิตามินเอจากซุปผักโขมและกากแครอท https://www.youtube.com/watch?v=xlFgmIf24yY ✍️วิธีทำข้าวโอ๊ต อาหารเช้าที่บ้านโค้ชนาตาลี https://www.youtube.com/watch?v=YaTQWW1g_wk ✍️น้ำปั่นหรือน้ำสกัดเย็น อะไรดีกว่ากัน https://www.youtube.com/watch?v=IAJIC9dka1c ✍️สมูทตี้ต้านมะเs็งด้วยใบบัวบกและยอดฟักทอง https://www.youtube.com/watch?v=i_SSwjUypsM ✍️กรีนสมูทตี้ป้องกันมะเs็งลำไส้ Green Smoothie prevent cancer https://www.youtube.com/watch?v=5MrYujOL5fc ✍️วิธีการกินอาหารช่วยพิชิตมะเs็งของหมอที่อเมริกา Dr. Lorraine Day https://www.youtube.com/watch?v=kEkqmObVsEI ✍️กรีนสมูทตี้สูตรเพิ่มโปรตีนแทนเนื้อสัตว์ ลดคอเลสเตอรอลได้ https://www.youtube.com/watch?v=Jtat6sMAGo8 ✍️กรีนสมูทตี้สูตรกำจัดมะเs็งด้วยผักกาด-ขมิ้น Green Smoothie to fight cancer https://www.youtube.com/watch?v=mgJ0pxviqkA ✍️กรีนสมูทตี้ สูตรป้องกันมะเs็งด้วยกวางตุ้งกับขมิ้น https://www.youtube.com/watch?v=kBKbwefVZO8 ✍️Green Smoothie Calcium Rich กรีนสมูทตี้ สูตรเพิ่มแคลเซี่ยมดื่มแทนนม https://www.youtube.com/watch?v=PR-F9gFj2Ls ✍️สมูทตี้สูตรป้องกันมะเs็ง Prevent Cancer with Green Smoothies: https://www.youtube.com/watch?v=zQzSqZE5I-I ✍️พาลูกไปซุปเปอร์มาเก็ตซื้อผักทำสมูทตี้ที่อเมริกา https://www.youtube.com/watch?v=IJgMXqp1vbk ✍️สมูทตี้ สูตรความสวยต้องเริ่มจากที่ภายใน https://www.youtube.com/watch?v=le_Toc30TCw ✍️ป้องกันมะเs็งด้วยสมูทตี้-อโล-ขมิ้น ลดความอ้วน รักษาเบาหวาน https://www.youtube.com/watch?v=augfAeZ7oqs ✍️มะเs็งกลัวกะหล่ำ https://www.youtube.com/watch?v=E-0sNFFo7Ls ✍️ TOP 3 อาหารที่ทำให้เป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Yw3dlwo44o8 ✍️สมูทตี้ สูตรป้องกันโรคหัวใจ โรคเบาหวาน - Green Smoothie https://www.youtube.com/watch?v=fYpIsKxox4g ✍️TOP 10 Alkaline Food: 10 อาหารที่มีความเป็นด่าง ที่คุณควรกิน https://www.youtube.com/watch?v=k7upatJaC94 ✍️วิธีทำสมูทตี้ สูตรใหม่ ป้องกันมะเs็ง How to make Smoothie that fight cancer https://www.youtube.com/watch?v=5LyM7cH4lck ✍️วิธีทำซุปง่ายๆให้คนป่วย อาหารผู้ป่วยโรคมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=BNy2aT3VUVM ✍️Green Smoothie for Kids กรีนสมูทตี้ สำหรับเด็ก อย่างง่ายๆ https://www.youtube.com/watch?v=iL2mHzm37QM ✍️สมูทตี้สำหรับเด็ก Strawberry Banana Green Smoothie for Kids https://www.youtube.com/watch?v=8-c77FL2vvE ✍️Green Smoothie Recipe Anti-aging สมูตตี้สูตรดูอ่อนเยาว์ https://www.youtube.com/watch?v=7zwKj3SCoy8 ✍️สมูทตี้ สูตรป้องกันมะเs็ง และ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว https://www.youtube.com/watch?v=i923iEz-PnI ✍️วิธีชะลอความแก่ภายใน 3 นาที https://www.youtube.com/watch?v=4jZrXiTA8DM ✍️สมูทตี้ ป้องกันมะเs็ง Quick & Easy Green Smoothie: Reduce Heart Disease, Cancer, Diabetes https://www.youtube.com/watch?v=uDH_lj4J9D8 ✍️Quick & Easy Healthy Smoothie: Bluebuerry Immunity Booster https://www.youtube.com/watch?v=KQUUv_euKuc ✍️Quick & Easy Green Smoothie UTI Prevention: สมูทตี้ ป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ https://www.youtube.com/watch?v=OBoNJb2HRbY ✍️Quick & Easy Green Smoothie: BEAUTY BOOSTER with Bee Pollen กรีนสมูทตี้ สูตรเพิ่มความงามบำรุงผิว https://www.youtube.com/watch?v=nN3us3yDqyc ✍️Quick & Easy Green Smoothie to Prevent from a Cold : อาหารเช้า กรีนสมูทตี้ สูตรป้องกันหวัด https://www.youtube.com/watch?v=UyA6WVtf5wU ช่องทางความรู้จากโค๊ชนาตาลี https://www.facebook.com/Natalie.Proenca https://www.facebook.com/loveandlightawakening/ https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie https://healthcoachnatalie.podia.com https://liff.line.me/1572442362-jGxDDGRp/@nataliehealthshop 🙏🙏🙏 ขอขอบคุณความรู้จากโค๊ชนาตาลีครับ
    0 Comments 0 Shares 2561 Views 0 Reviews
  • ร้านอาหาร(ลับ)แสนอร่อย-ราคานักศึกษา ใต้หอพัก ใน ม.เชียงใหม่

    ครัวบ้านฉัน ที่ ม.วิลล่าผาพิง ติดรั้ว ม.เชียงใหม่
    ไม่ค่อยได้ทำอาหาร (ทำแล้ว-แพง-กว่าซื้อ)
    ส่วนมากนำปิ่นโตเข้าไปซื้ออาหาร ใต้หอพัก ใน ม.ช.
    สะอาด อร่อย☝และ มีราคาถูก
    นำมารับรองเพื่อนๆ+แขก ที่เข้าพักมี่บ้าน

    1. ร้านลุงพันธ์อาหารตามสั่ง☝️ใต้หอ 6 ชาย เช้า-3ทุ่ม
    มีทุกอย่าง อาหารฝาหรั่ง และมังสวิรัติ(เจ) อร่อยทุกอย่าง
    เพราะลุงพันธ์ เคยเป็นเชฟใหญ่จากโรงแรมชื่อดัง
    ฉันกินทุกวันร้านนี้ แหละ เพราะ กินมังสวิรัติ..ตั้งแต่เกิด
    https://www.facebook.com/watch/?v=368479173823316
    ข้างๆมีร้านข้าวมันไก่ หอ6 ก็อร่อย เด็กมากินกันเยอะ

    2. ก๋วยเตี๋ยวต้มยำป้า-นภา☝️หอชาย 3 มช. เชียงใหม่
    หอม อร่อย และ ให้เยอะ ใครมาบ้านได้กินกันทุกคน
    https://www.youtube.com/watch?v=kYTfNGOmQGw

    3. ร้านข้าวมันไก่สังคม☝️ไก่ทอดสังคม..อร่อยที่สุด
    โรงอาหารคณะสังคมศาสตร์(หลังสหกรณ์ มช.)
    เด็ดที่ ข้าวมันไก่ ข้าวยำไก่แซ่บ

    4. ร้านซาลาเปา "ชิดบุรี" ซาลาเปาคัสตาร์ดไข่☝️
    ส.ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ลอย☝️ ลูกชิ้นปลาระเบิด
    ที่ โรงอาหาร BIO ด้านหลังภาควิชาชีววิทยา

    5. ร้านมาลาอาหารไทย ข้าวราดแกง+ขนมจีนน้ำเงี้ยว
    โรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์

    6. ร้านข้าวแกง ที่ โรงอาหาร อมช. อร่อยทุกร้าน☝️
    มีร้านขนมหวานสุโขทัย + ผลไม้สด
    อยู่ตรงข้ามหอ2หญิง+ตรงข้ามหอ3หญิง
    ที่นี่..เป็นศูนย์กลางของม.เชียงใหม่ เพราะมีทางเชื่อมไป
    อาคารเรียนรวม RB-3 และ RB-5 +ใกล้สถานีกลาง T1
    (เปิด ตีสาม-16.00น.)

    7. โรงอาหาร หอ40ปี
    วันธรรมดา-2ทุ่ม, เสาร์-อาทิตย์ เปิดถึงบ่าย3
    ***ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่30
    -ร้านข้าวราดแกงฝายหิน ก๋วยเตี๋ยวคั่วหมู ราดซอสพริก 30
    ร้านจานเดียว(ตามสั่ง) ฉู่ฉี่ไข่ดาว40 ผัดไทย40 ราดหน้า35 ผัดมาม่า35 โกโก้ปั่น30

    8. หอแพทย์สวนดอก มีอาหารอิสลาม โรตี พาสต้า สปาเกตตี้
    -เฉาก๊วยหอแพทย์ จันทร์-เสาร์ 13.00-18.30 มี ขนมจีบด้วย

    9. หอหญิง 1 ฉู่ฉี่ไข่เจียว, ข้าวคลุกกระเพราหมู

    10. หอหญิง 2
    -ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูทรงเครื่อง เตี๋ยวหมูน้ำใส30 ต้มยำ30
    เตี๋ยวหมูน้ำตกต้มยำ30 ต้มยำน่องไก่35 เกี๊ยวน้ำ เย็นตาโฟ35
    เตี๋ยวไก่ตุ๋น มาม่าต้มยำ บะหมี่เก๊ยว เกาเหลาต้มยำ35
    -ร้านน้ำปั่นป้าไหม
    -ร้านป้านาย☝ไก่ทอดยอดหญ้า45, ไก่ทอดซ๊อสมายองเนส35 หมูกรอบคั่วเกลือ

    11. กูช่ายตาแมว หอหญิง5 (ขายถึง19.30น.)

    12. กาดฝายหิน มีสารพัดร้านอร่อย เช่น ร้านส้มตำ ผัดไทย หมูจุ่ม ร้านสเต๊ก ร้านน้ำปั่น

    13. CMU FOOD Center ติดแอร์(ค่อนข้างแพง)
    จันทร์-ศุกร์ ปิด2ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ ปิดบ่าย3
    มี ร้านดังๆจากในห้าง มาเปิดใน มช. เช่น Dairy Queen,
    ชาตรามือ, Good All Day Japanese Steak Buffet,
    ร้านชาบู, ซูชิ, กาแฟอินทนิล, 7-11 ข้าวแกงป้าดัวสวนดอก
    ร้านนู๊ดเดิ้ลออฟเดอะเดย์ ไก่อบเทอริยากิ ที่ร้านขาหมูบางรัก
    ☝บะหมี่ต้มยำกระดูกอ่อนเพิ่มไข่,☝ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ลอย68 ที่ร้าน ส.ก๋วยเตี๋ยว.
    ร้านไอติมกะโหล้ง☝️ไอติมกะทิสดในลูกมะพร้าว35.-
    อร่อยทุกอย่างจุกๆ กับ ร้านทิพยาข้าวราดแกง(ป้าเอ๋มนุษย์)
    ร้านราเม็ง Mommy Bento☝️ ทงคัทสึราเม็ง50, มิโซ๊ะราเม็ง☝
    ข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น85 ข้าวหน้าหมูสไตล์ญี่ปุ่น45
    ข้าวแกงกะหรี่ไข่ข้น89☝️
    ข้าวมันไก่ทอดซ๊อสชีส45 ข้าวมันไก่ทอด-บาร์บีคิว/สไปซี่45
    มาม่าผัดหม่าล่า59 ข้าวไก่ทอดไข่ข้น50 ขนมจีนน้ำเงี้ยว25
    ร้านครัวแก้ว เชียงใหม่(อร่อยทุกอย่าง) คั่วไก่ เย็นตาโฟ ผัดไทย เตี๋ยวหมูตุ๋น สุกี้ ข้าวซอย
    -ร้านสลัด Mini Salad Bar มีทุกอย่างที่หลากหลาย

    14. ก๊วยจั๊บรินลองกอย☝️(หลัง ม.ช.)เปิด 6โมงเช้า-สายๆ
    ชามใหญ่ หน้าตาดี กรอบหอม+อร่อยสุด 40 บาท

    15. ร้านกระเพรา168 อยู่ในซอย บ้านใหม่หลังมอ5
    กระเพราหมูสับพริกแห้ง40.-มาม่ากระเพราพริกแห้ง45.-
    กระเพราไก่กรอบ50.-กระเพรากระดูกอ่อน50.-
    กระเพราหมูหมักไข่ข้น65.- กระเพราไส้หวาน65.-
    กระเพราโฮะ99.-กระเพราเห็ดชิเมจิ ข้าวคลุกกระเพราเต้าหู้ทอด

    16. ไก่ทอดลูกขา หลังม.ตรงข้ามประตูวงเวียน ถ.สุเทพ
    สะโพก ปีก อก น่องไก่ทอด หมูสามชั้น หมูยอทอด

    17. -กิ๋นลำ น้ำเงี้ยว ร้านอยู่ใต้หอพักภูสักทอง ถ.สุเทพ
    เปิด 10.30น. น้ำเงี้ยวร้านนี้เป็นสูตรเชียงราย(เส้นใหญ่)
    เชียงใหม่(ขนมเส้น) เครื่องแน่น มีดอกงิ้ว รสจัด
    ราคานักศึกษา ธรรมดา 30.- พิเศษ 40.-

    18. เจียวดาว ข้าวเจียวดาวหมูสับ ข้าวเจียวดาวฉู่ฉี่

    ยังมี ก๋วยเตี๋ยวตี๋น้อย ร้านจิ้มจุ่ม หมูกระทะ จุ่มขำมอ

    - ผลไม้(สด) ร้านรถเข็น-ป้าแจ๋ว(11.00-17.00น.)
    เป็นรถเข็นอยู่ใต้ร่มไม้ Acc-BAR และ สาขา2 คณะสังคม
    มีผลไม้สด เช่น แตงโม สับปะรด มะม่วง ฝรั่ง มะกอก

    - กาแฟ(สด)สังคม (8.00-16.00น. จันทร์-เสาร์)
    ที่ คณะสังคมศาสตร์ มช.
    มีทุกอย่างเหมือนร้านดัง แก้วใหญ่ ราคาเพียง 35 บาท

    - ร้านนมเกษต่ร ที่คณะเกษตร-คณะวิจิตรศิลป์
    (8.00-18.00น.) มี นมสด นมช๊อคโกแล๊ต วานิลา
    สตรอเบอร์รี่ และ รสชาเขียว ชานมไข่มุก Ice-Float
    ส่วนมาก..พาหลานๆไปกินไอติม Soft Serve40บาท

    - ร้าน ป้าน้องน้ำส้ม (หอประชุม มช. 9.00-17.00น.)
    สัมคั้น40.-ฝรั่งมะนาว40.- ธัญญพืขมะนาว40.-
    น้ำฝรั่ง30.- บ๊วย เก๊กฮวย มะตูม กระเจี๊ยบ เสาวรส ตะไคร้
    ธัญญพืช



    บ้านหลังนี้ ตามปกติใช้รับรองเพื่อนๆชาวต่างชาติ
    และ ปล่อยให้เช่า โดย Airbnb
    เพื่อนๆที่มาเที่ยวเมืองไทย เข้าพักที่บ้านหลังนี้(ฟรี)
    อีกหลัง..ท่าแพ ซอย4 ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb เช่นกัน
    เลี้ยงอาหารทุกมื้อ(ฟรี) กินกันอร่อย..ไม่อั้น
    มีเด็กหิ้วปินโต..ขี่รถเครื่อง ไปซื้อมา




    ร้านอาหาร(ลับ)แสนอร่อย-ราคานักศึกษา ใต้หอพัก ใน ม.เชียงใหม่ ครัวบ้านฉัน ที่ ม.วิลล่าผาพิง ติดรั้ว ม.เชียงใหม่ ไม่ค่อยได้ทำอาหาร (ทำแล้ว-แพง-กว่าซื้อ) ส่วนมากนำปิ่นโตเข้าไปซื้ออาหาร ใต้หอพัก ใน ม.ช. สะอาด อร่อย☝และ มีราคาถูก นำมารับรองเพื่อนๆ+แขก ที่เข้าพักมี่บ้าน 1. ร้านลุงพันธ์อาหารตามสั่ง☝️ใต้หอ 6 ชาย เช้า-3ทุ่ม มีทุกอย่าง อาหารฝาหรั่ง และมังสวิรัติ(เจ) อร่อยทุกอย่าง เพราะลุงพันธ์ เคยเป็นเชฟใหญ่จากโรงแรมชื่อดัง ฉันกินทุกวันร้านนี้ แหละ เพราะ กินมังสวิรัติ..ตั้งแต่เกิด https://www.facebook.com/watch/?v=368479173823316 ข้างๆมีร้านข้าวมันไก่ หอ6 ก็อร่อย เด็กมากินกันเยอะ 2. ก๋วยเตี๋ยวต้มยำป้า-นภา☝️หอชาย 3 มช. เชียงใหม่ หอม อร่อย และ ให้เยอะ ใครมาบ้านได้กินกันทุกคน https://www.youtube.com/watch?v=kYTfNGOmQGw 3. ร้านข้าวมันไก่สังคม☝️ไก่ทอดสังคม..อร่อยที่สุด โรงอาหารคณะสังคมศาสตร์(หลังสหกรณ์ มช.) เด็ดที่ ข้าวมันไก่ ข้าวยำไก่แซ่บ 4. ร้านซาลาเปา "ชิดบุรี" ซาลาเปาคัสตาร์ดไข่☝️ ส.ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ลอย☝️ ลูกชิ้นปลาระเบิด ที่ โรงอาหาร BIO ด้านหลังภาควิชาชีววิทยา 5. ร้านมาลาอาหารไทย ข้าวราดแกง+ขนมจีนน้ำเงี้ยว โรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ 6. ร้านข้าวแกง ที่ โรงอาหาร อมช. อร่อยทุกร้าน☝️ มีร้านขนมหวานสุโขทัย + ผลไม้สด อยู่ตรงข้ามหอ2หญิง+ตรงข้ามหอ3หญิง ที่นี่..เป็นศูนย์กลางของม.เชียงใหม่ เพราะมีทางเชื่อมไป อาคารเรียนรวม RB-3 และ RB-5 +ใกล้สถานีกลาง T1 (เปิด ตีสาม-16.00น.) 7. โรงอาหาร หอ40ปี วันธรรมดา-2ทุ่ม, เสาร์-อาทิตย์ เปิดถึงบ่าย3 ***ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่30 -ร้านข้าวราดแกงฝายหิน ก๋วยเตี๋ยวคั่วหมู ราดซอสพริก 30 ร้านจานเดียว(ตามสั่ง) ฉู่ฉี่ไข่ดาว40 ผัดไทย40 ราดหน้า35 ผัดมาม่า35 โกโก้ปั่น30 8. หอแพทย์สวนดอก มีอาหารอิสลาม โรตี พาสต้า สปาเกตตี้ -เฉาก๊วยหอแพทย์ จันทร์-เสาร์ 13.00-18.30 มี ขนมจีบด้วย 9. หอหญิง 1 ฉู่ฉี่ไข่เจียว, ข้าวคลุกกระเพราหมู 10. หอหญิง 2 -ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูทรงเครื่อง เตี๋ยวหมูน้ำใส30 ต้มยำ30 เตี๋ยวหมูน้ำตกต้มยำ30 ต้มยำน่องไก่35 เกี๊ยวน้ำ เย็นตาโฟ35 เตี๋ยวไก่ตุ๋น มาม่าต้มยำ บะหมี่เก๊ยว เกาเหลาต้มยำ35 -ร้านน้ำปั่นป้าไหม -ร้านป้านาย☝ไก่ทอดยอดหญ้า45, ไก่ทอดซ๊อสมายองเนส35 หมูกรอบคั่วเกลือ 11. กูช่ายตาแมว หอหญิง5 (ขายถึง19.30น.) 12. กาดฝายหิน มีสารพัดร้านอร่อย เช่น ร้านส้มตำ ผัดไทย หมูจุ่ม ร้านสเต๊ก ร้านน้ำปั่น 13. CMU FOOD Center ติดแอร์(ค่อนข้างแพง) จันทร์-ศุกร์ ปิด2ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ ปิดบ่าย3 มี ร้านดังๆจากในห้าง มาเปิดใน มช. เช่น Dairy Queen, ชาตรามือ, Good All Day Japanese Steak Buffet, ร้านชาบู, ซูชิ, กาแฟอินทนิล, 7-11 ข้าวแกงป้าดัวสวนดอก ร้านนู๊ดเดิ้ลออฟเดอะเดย์ ไก่อบเทอริยากิ ที่ร้านขาหมูบางรัก ☝บะหมี่ต้มยำกระดูกอ่อนเพิ่มไข่,☝ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ลอย68 ที่ร้าน ส.ก๋วยเตี๋ยว. ร้านไอติมกะโหล้ง☝️ไอติมกะทิสดในลูกมะพร้าว35.- อร่อยทุกอย่างจุกๆ กับ ร้านทิพยาข้าวราดแกง(ป้าเอ๋มนุษย์) ร้านราเม็ง Mommy Bento☝️ ทงคัทสึราเม็ง50, มิโซ๊ะราเม็ง☝ ข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น85 ข้าวหน้าหมูสไตล์ญี่ปุ่น45 ข้าวแกงกะหรี่ไข่ข้น89☝️ ข้าวมันไก่ทอดซ๊อสชีส45 ข้าวมันไก่ทอด-บาร์บีคิว/สไปซี่45 มาม่าผัดหม่าล่า59 ข้าวไก่ทอดไข่ข้น50 ขนมจีนน้ำเงี้ยว25 ร้านครัวแก้ว เชียงใหม่(อร่อยทุกอย่าง) คั่วไก่ เย็นตาโฟ ผัดไทย เตี๋ยวหมูตุ๋น สุกี้ ข้าวซอย -ร้านสลัด Mini Salad Bar มีทุกอย่างที่หลากหลาย 14. ก๊วยจั๊บรินลองกอย☝️(หลัง ม.ช.)เปิด 6โมงเช้า-สายๆ ชามใหญ่ หน้าตาดี กรอบหอม+อร่อยสุด 40 บาท 15. ร้านกระเพรา168 อยู่ในซอย บ้านใหม่หลังมอ5 กระเพราหมูสับพริกแห้ง40.-มาม่ากระเพราพริกแห้ง45.- กระเพราไก่กรอบ50.-กระเพรากระดูกอ่อน50.- กระเพราหมูหมักไข่ข้น65.- กระเพราไส้หวาน65.- กระเพราโฮะ99.-กระเพราเห็ดชิเมจิ ข้าวคลุกกระเพราเต้าหู้ทอด 16. ไก่ทอดลูกขา หลังม.ตรงข้ามประตูวงเวียน ถ.สุเทพ สะโพก ปีก อก น่องไก่ทอด หมูสามชั้น หมูยอทอด 17. -กิ๋นลำ น้ำเงี้ยว ร้านอยู่ใต้หอพักภูสักทอง ถ.สุเทพ เปิด 10.30น. น้ำเงี้ยวร้านนี้เป็นสูตรเชียงราย(เส้นใหญ่) เชียงใหม่(ขนมเส้น) เครื่องแน่น มีดอกงิ้ว รสจัด ราคานักศึกษา ธรรมดา 30.- พิเศษ 40.- 18. เจียวดาว ข้าวเจียวดาวหมูสับ ข้าวเจียวดาวฉู่ฉี่ ยังมี ก๋วยเตี๋ยวตี๋น้อย ร้านจิ้มจุ่ม หมูกระทะ จุ่มขำมอ - ผลไม้(สด) ร้านรถเข็น-ป้าแจ๋ว(11.00-17.00น.) เป็นรถเข็นอยู่ใต้ร่มไม้ Acc-BAR และ สาขา2 คณะสังคม มีผลไม้สด เช่น แตงโม สับปะรด มะม่วง ฝรั่ง มะกอก - กาแฟ(สด)สังคม (8.00-16.00น. จันทร์-เสาร์) ที่ คณะสังคมศาสตร์ มช. มีทุกอย่างเหมือนร้านดัง แก้วใหญ่ ราคาเพียง 35 บาท - ร้านนมเกษต่ร ที่คณะเกษตร-คณะวิจิตรศิลป์ (8.00-18.00น.) มี นมสด นมช๊อคโกแล๊ต วานิลา สตรอเบอร์รี่ และ รสชาเขียว ชานมไข่มุก Ice-Float ส่วนมาก..พาหลานๆไปกินไอติม Soft Serve40บาท - ร้าน ป้าน้องน้ำส้ม (หอประชุม มช. 9.00-17.00น.) สัมคั้น40.-ฝรั่งมะนาว40.- ธัญญพืขมะนาว40.- น้ำฝรั่ง30.- บ๊วย เก๊กฮวย มะตูม กระเจี๊ยบ เสาวรส ตะไคร้ ธัญญพืช บ้านหลังนี้ ตามปกติใช้รับรองเพื่อนๆชาวต่างชาติ และ ปล่อยให้เช่า โดย Airbnb เพื่อนๆที่มาเที่ยวเมืองไทย เข้าพักที่บ้านหลังนี้(ฟรี) อีกหลัง..ท่าแพ ซอย4 ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb เช่นกัน เลี้ยงอาหารทุกมื้อ(ฟรี) กินกันอร่อย..ไม่อั้น มีเด็กหิ้วปินโต..ขี่รถเครื่อง ไปซื้อมา
    0 Comments 0 Shares 2206 Views 0 Reviews
  • ถ้าจะถามว่า พระอินทร์ มีจริงไหม อาตมาขอยืนยันว่า พระอินทร์ มีจริง เทวดาทั้งหลายก็มีจริง พรหมมีจริง ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ ก็มีจริง ถ้าใครไม่มั่นใจว่ามีจริงหรือไม่จริง เอาคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปลองปฏิบัติดูบ้าง ทำให้ได้ ๒ ใน วิชชาสาม ๕ ใน อภิญญาหก ก็จะปรากฏผลตามที่พระพุทธเจ้าตรัสทุกอย่าง อย่ามานั่งวิพากษ์วิจารณ์กันแต่แค่ตำรา อันนี้มันไม่ถูกต้อง คนที่เรียนวิชาทำอาหาร ดูแต่หนังสือดูแค่ตำรา เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าตามเขา แต่ก็ไม่เคยปรุงอาหารบริโภคเลย ดีไม่ดีก็ไปนั่งติตำราว่าทำไม่ถูก มันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะตัวไม่เคยกินอาหาร อ่านมาอ่านไป ศึกษามาศึกษาไป หนักเข้าก็สงสัยว่า เอ๊ะ นี่มันจะกินได้หรือไม่ได้ ดีไม่ดีเขาบอกว่า ไอ้หน่อไม้ในป่านี่มันกินอร่อย ไปยืนมอง ๆ ว่าอพิโธ่เอ๋ย ไอ้หน่อไม้ประเภทนี้ กินเข้าแล้วมันไม่มีประโยชน์ รสชาติมันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาไม่ลองเอาหน่อไม้มาทำอย่างที่ชาวบ้านเขาสอน อย่างที่ชาวบ้านเขากินกัน ข้อนี้มีอุปมาฉันใด เรื่องสวรรค์ พรหม นิพพาน นรก เปรต อสุรกายก็เช่นเดียวกัน ถ้ามานั่งอ่านแต่หนังสือก็มานั่งวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ กัณฑหาลพราหมณ์ นี่แหละ จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้าที่ ๑๕๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    ถ้าจะถามว่า พระอินทร์ มีจริงไหม อาตมาขอยืนยันว่า พระอินทร์ มีจริง เทวดาทั้งหลายก็มีจริง พรหมมีจริง ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ ก็มีจริง ถ้าใครไม่มั่นใจว่ามีจริงหรือไม่จริง เอาคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปลองปฏิบัติดูบ้าง ทำให้ได้ ๒ ใน วิชชาสาม ๕ ใน อภิญญาหก ก็จะปรากฏผลตามที่พระพุทธเจ้าตรัสทุกอย่าง อย่ามานั่งวิพากษ์วิจารณ์กันแต่แค่ตำรา อันนี้มันไม่ถูกต้อง คนที่เรียนวิชาทำอาหาร ดูแต่หนังสือดูแค่ตำรา เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าตามเขา แต่ก็ไม่เคยปรุงอาหารบริโภคเลย ดีไม่ดีก็ไปนั่งติตำราว่าทำไม่ถูก มันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะตัวไม่เคยกินอาหาร อ่านมาอ่านไป ศึกษามาศึกษาไป หนักเข้าก็สงสัยว่า เอ๊ะ นี่มันจะกินได้หรือไม่ได้ ดีไม่ดีเขาบอกว่า ไอ้หน่อไม้ในป่านี่มันกินอร่อย ไปยืนมอง ๆ ว่าอพิโธ่เอ๋ย ไอ้หน่อไม้ประเภทนี้ กินเข้าแล้วมันไม่มีประโยชน์ รสชาติมันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาไม่ลองเอาหน่อไม้มาทำอย่างที่ชาวบ้านเขาสอน อย่างที่ชาวบ้านเขากินกัน ข้อนี้มีอุปมาฉันใด เรื่องสวรรค์ พรหม นิพพาน นรก เปรต อสุรกายก็เช่นเดียวกัน ถ้ามานั่งอ่านแต่หนังสือก็มานั่งวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ กัณฑหาลพราหมณ์ นี่แหละ จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๓ หน้าที่ ๑๕๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • ตำนาน "#ผู้หญิง" สร้างร้านสุกี้ #MK ในไทย
    ความสำเร็จของ "ผู้หญิง" ผู้สร้าง "เอ็มเคสุกี้" จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" "ยุพิน" เป็นภรรยาของ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน"

    เอ็มเคสุกี้" เริ่มต้นมาจากร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ คุณแม่ทองคำ เมฆโต แม่ของ "ยุพิน" เป็นผู้บุกเบิก แต่เจ้าของร้านเอ็มเคต้นตำรับ เป็นผู้หญิงชาวฮ่องกง ชื่อว่า "มาคอง คิงยี" "มาคอง คิงยี" อยู่ กทม. บ้านติดกับคุณแม่ทองคำ เธอเป็นคนรวยมาก ส่วนคุณแม่ทองคำเป็น "แม่บ้าน" ทำอาหารเก่ง

    วันหนึ่ง "มาคอง คิงยี" อยากเปิดร้านอาหารที่สยามสแควร์ ก็เลยชวนคุณแม่ทองคำมาเป็น "แม่ครัว" ชื่อร้าน "เอ็มเค" ก็มาจากชื่อ "มาคอง " ทำอยู่พักหนึ่งก็เบื่อ เพราะลูกค้าเริ่มจู้จี้จุกจิก สุดท้ายก็เลิกทำ และยกให้คุณแม่ทองคำทำต่อไป โดยให้ทยอยผ่อนชำระไปเรื่อยๆ คุณนายมาคองย้ายไปปักหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

    ส่วนคุณแม่ทองคำก็บุกเบิกร้านเอ็มเคจนประสบความสำเร็จ "คุณแม่ถือเป็นคนเกื้อกูลและเอื้ออารีแบบคนโบราณ เราติดแม่เขา ติดเจ้าของ เจ้าของไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลูกค้า ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คนที่เขารู้จักมาก่อน"

    จากร้านเอ็มเคที่สยามสแควร์ ขยายเป็น "กรีนเอ็มเค" ที่ "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" และ "เอ็มเคสุกี้" ในที่สุด

    ตํานาน "เอ็มเคสุกี้" มาจาก "ผู้หญิง" 2 คนครับ

    ตอนที่ "ยุพิน" บุกเบิกร้าน "กรีนเอ็มเค" ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้านนี้ขายอาหารไทยเหมือนกับร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ "ยุพิน" เป็นคนขยันเหมือนแม่ ตีห้าจะออกจากบ้าน เข้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ "สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์" พักอยู่ที่ "เซ็นทรัล" เขาตื่นเช้ามาออกกำลังกายทุกวัน และเจอ "ยุพิน" เป็นประจำ

    เขาถามว่า "มาทำอะไรตั้งแต่เช้า" เธอตอบว่ามาเตรียมตัวเปิดร้าน

    "สัมฤทธิ์" คงเห็นความขยันของ "ยุพิน"

    วันหนึ่ง เขาจึงบอกว่าจะให้ทำร้านสุกี้ที่ชั้นล่างพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร

    "ยุพิน" ปฏิเสธทันที "หนูไม่มีเงินค่ะ"

    "สัมฤทธิ์" บอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไร "เดี๋ยวฉันจะทำให้หมด"

    เงินที่ใช้ในการลงทุนตกแต่งร้าน "เอ็มเคสุกี้" สาขาแรกเป็นเงินประมาณ 20 ล้านบาท

    "สัมฤทธิ์" ควักให้

    แต่ถึงกระนั้น การทำร้านสุกี้ขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความเสี่ยง

    เพราะเป็น "สินค้า" ที่ "ยุพิน" ไม่มีประสบการณ์มาก่อน

    วันที่ "ยุพิน" นำเรื่องนี้มาเล่าให้ที่บ้านฟัง คุณแม่ทองคำตัดสินใจทันที "ทำไปเลยลูก เดี๋ยวแม่จะช่วยเอง" วันนั้น "ฤทธิ์" สามีของ ยุพินไม่เห็นด้วย พ่อของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย น้องชายของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย "ผู้ชาย" ในบ้านทุกคน ไม่เห็นด้วย มีคนที่เห็นด้วยเพียง 2 คน คือ "ยุพิน" และคุณแม่ทองคำ "ผู้หญิง" ทั้งคู่

    "ผู้หญิง" ที่เป็นเสียงส่วนน้อย "เห็นด้วย"

    แต่ร้าน "เอ็มเคสุกี้" ก็กำเนิดขึ้นมา ร้านเอ็มเคสุกี้มีหลักคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทำร้านอาหาร คือ "เจ้าของ" ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง กินอะไรที่ร้าน ต้องจ่าย "ยุพิน" เป็นคนวางกฎนี้เอง เพราะแต่ละคนก็มีน้อง มีเพื่อน มีน้องเพื่อน ลูกเพื่อน ถ้าไม่กำหนดหลักการไว้จะลำบากในการดูแล

    วันแรกที่เปิดร้าน พ่อของ "ยุพิน" พาเพื่อนไปเลี้ยง แต่ต้องจ่ายตังค์ เขาโมโหมาก เพราะเสียหน้า แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่าทำไมต้องใช้กติกานี้ ตอนนี้ถ้าลูกสาวพาเพื่อนไปเลี้ยง คุณยุพินก็จะโอนเงินไปจ่ายที่ร้าน กลายเป็นกติกาที่รู้กันใน "เอ็มเคสุกี้"

    คำสอนของคุณแม่ทองคำตอนเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอสอนลูกสาวและลูกเขยว่า เมื่อได้อะไรมาก็แล้วแต่ ให้ทำให้ดีที่สุด "และถ้ามีอะไรผิดพลาด ให้ถือว่าเราไม่ได้เจตนา มันเกิดขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ" เพราะการทำงานนั้น "ใจ" ของเราสำคัญที่สุด การเริ่มต้นงานใหม่ "กำลังใจ" เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามัวแต่มองความผิดพลาดและโทษตัวเอง เราจะหมดกำลังใจ

    ต้องถือหลักว่าถ้าเจตนา เขาเรียกว่า "ความผิด" แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้ว และไม่เจตนา เขาเรียกว่า "พลาด" แค่พลาดก็แก้ไขใหม่ เท่านั้นเอง คุณแม่ทองคำเป็นคนมัธยัสถ์มาก ตอนทำเอ็มเคยุคแรกๆ จะใส่เสื้อผ้าเพียงแค่ 2 ชุด หรือช่วงเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอจะไปจ่ายตลาดเอง ไปรถเมล์ กลับรถตุ๊กๆ

    เธอใช้เงินเพื่อตัวเองน้อยมาก แต่ถ้าให้คนอื่นหรือบริจาคให้โรงพยาบาล โรงเรียน หรือวัด เท่าไรเท่ากัน เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าคุณแม่ทองคำเป็นคนใจบุญ
    และนี่คือสิ่งที่ "ฤทธิ์-ยุพิน" ทำตาม ล่าสุด ตอนที่แม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เธอบอกคุณหมอว่า ถ้าที่โรงพยาบาลมีสถานที่ เธอจะเปิดร้านเอ็มเคสุกี้ให้
    กำไรเท่าไร ยกให้โรงพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้ "เอ็มเคสุกี้" เริ่มแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช

    กำลังจะขยายไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลรามาฯ แนวคิดเหมือนเดิม คือ กำไรเท่าไรมอบให้โรงพยาบาลทั้งหมด

    "เพิ่งคุยกับคุณฤทธิ์ว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดบ้าง" พนักงานของ "เอ็มเคสุกี้" สาขาโรงพยาบาลเหล่านี้ ทำงานมีความสุขมาก เพราะสาขามีกำไรเท่าไรก็ได้ทำบุญเท่านั้น ทำงานเหมือนกับทำบุญ จะไม่มีความสุขได้อย่างไร

    จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร"
    Cr: เพจเจาะเวลาหาอดีต
    ตำนาน "#ผู้หญิง" สร้างร้านสุกี้ #MK ในไทย ความสำเร็จของ "ผู้หญิง" ผู้สร้าง "เอ็มเคสุกี้" จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" "ยุพิน" เป็นภรรยาของ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน" เอ็มเคสุกี้" เริ่มต้นมาจากร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ คุณแม่ทองคำ เมฆโต แม่ของ "ยุพิน" เป็นผู้บุกเบิก แต่เจ้าของร้านเอ็มเคต้นตำรับ เป็นผู้หญิงชาวฮ่องกง ชื่อว่า "มาคอง คิงยี" "มาคอง คิงยี" อยู่ กทม. บ้านติดกับคุณแม่ทองคำ เธอเป็นคนรวยมาก ส่วนคุณแม่ทองคำเป็น "แม่บ้าน" ทำอาหารเก่ง วันหนึ่ง "มาคอง คิงยี" อยากเปิดร้านอาหารที่สยามสแควร์ ก็เลยชวนคุณแม่ทองคำมาเป็น "แม่ครัว" ชื่อร้าน "เอ็มเค" ก็มาจากชื่อ "มาคอง " ทำอยู่พักหนึ่งก็เบื่อ เพราะลูกค้าเริ่มจู้จี้จุกจิก สุดท้ายก็เลิกทำ และยกให้คุณแม่ทองคำทำต่อไป โดยให้ทยอยผ่อนชำระไปเรื่อยๆ คุณนายมาคองย้ายไปปักหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนคุณแม่ทองคำก็บุกเบิกร้านเอ็มเคจนประสบความสำเร็จ "คุณแม่ถือเป็นคนเกื้อกูลและเอื้ออารีแบบคนโบราณ เราติดแม่เขา ติดเจ้าของ เจ้าของไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลูกค้า ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ใช่คนที่เขารู้จักมาก่อน" จากร้านเอ็มเคที่สยามสแควร์ ขยายเป็น "กรีนเอ็มเค" ที่ "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" และ "เอ็มเคสุกี้" ในที่สุด ตํานาน "เอ็มเคสุกี้" มาจาก "ผู้หญิง" 2 คนครับ ตอนที่ "ยุพิน" บุกเบิกร้าน "กรีนเอ็มเค" ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร้านนี้ขายอาหารไทยเหมือนกับร้าน "เอ็มเค" ที่สยามสแควร์ "ยุพิน" เป็นคนขยันเหมือนแม่ ตีห้าจะออกจากบ้าน เข้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ "สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์" พักอยู่ที่ "เซ็นทรัล" เขาตื่นเช้ามาออกกำลังกายทุกวัน และเจอ "ยุพิน" เป็นประจำ เขาถามว่า "มาทำอะไรตั้งแต่เช้า" เธอตอบว่ามาเตรียมตัวเปิดร้าน "สัมฤทธิ์" คงเห็นความขยันของ "ยุพิน" วันหนึ่ง เขาจึงบอกว่าจะให้ทำร้านสุกี้ที่ชั้นล่างพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร "ยุพิน" ปฏิเสธทันที "หนูไม่มีเงินค่ะ" "สัมฤทธิ์" บอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไร "เดี๋ยวฉันจะทำให้หมด" เงินที่ใช้ในการลงทุนตกแต่งร้าน "เอ็มเคสุกี้" สาขาแรกเป็นเงินประมาณ 20 ล้านบาท "สัมฤทธิ์" ควักให้ แต่ถึงกระนั้น การทำร้านสุกี้ขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง และมีความเสี่ยง เพราะเป็น "สินค้า" ที่ "ยุพิน" ไม่มีประสบการณ์มาก่อน วันที่ "ยุพิน" นำเรื่องนี้มาเล่าให้ที่บ้านฟัง คุณแม่ทองคำตัดสินใจทันที "ทำไปเลยลูก เดี๋ยวแม่จะช่วยเอง" วันนั้น "ฤทธิ์" สามีของ ยุพินไม่เห็นด้วย พ่อของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย น้องชายของ "ยุพิน" ก็ไม่เห็นด้วย "ผู้ชาย" ในบ้านทุกคน ไม่เห็นด้วย มีคนที่เห็นด้วยเพียง 2 คน คือ "ยุพิน" และคุณแม่ทองคำ "ผู้หญิง" ทั้งคู่ "ผู้หญิง" ที่เป็นเสียงส่วนน้อย "เห็นด้วย" แต่ร้าน "เอ็มเคสุกี้" ก็กำเนิดขึ้นมา ร้านเอ็มเคสุกี้มีหลักคิดหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทำร้านอาหาร คือ "เจ้าของ" ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง กินอะไรที่ร้าน ต้องจ่าย "ยุพิน" เป็นคนวางกฎนี้เอง เพราะแต่ละคนก็มีน้อง มีเพื่อน มีน้องเพื่อน ลูกเพื่อน ถ้าไม่กำหนดหลักการไว้จะลำบากในการดูแล วันแรกที่เปิดร้าน พ่อของ "ยุพิน" พาเพื่อนไปเลี้ยง แต่ต้องจ่ายตังค์ เขาโมโหมาก เพราะเสียหน้า แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่าทำไมต้องใช้กติกานี้ ตอนนี้ถ้าลูกสาวพาเพื่อนไปเลี้ยง คุณยุพินก็จะโอนเงินไปจ่ายที่ร้าน กลายเป็นกติกาที่รู้กันใน "เอ็มเคสุกี้" คำสอนของคุณแม่ทองคำตอนเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอสอนลูกสาวและลูกเขยว่า เมื่อได้อะไรมาก็แล้วแต่ ให้ทำให้ดีที่สุด "และถ้ามีอะไรผิดพลาด ให้ถือว่าเราไม่ได้เจตนา มันเกิดขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ" เพราะการทำงานนั้น "ใจ" ของเราสำคัญที่สุด การเริ่มต้นงานใหม่ "กำลังใจ" เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามัวแต่มองความผิดพลาดและโทษตัวเอง เราจะหมดกำลังใจ ต้องถือหลักว่าถ้าเจตนา เขาเรียกว่า "ความผิด" แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้ว และไม่เจตนา เขาเรียกว่า "พลาด" แค่พลาดก็แก้ไขใหม่ เท่านั้นเอง คุณแม่ทองคำเป็นคนมัธยัสถ์มาก ตอนทำเอ็มเคยุคแรกๆ จะใส่เสื้อผ้าเพียงแค่ 2 ชุด หรือช่วงเริ่มต้น "เอ็มเคสุกี้" เธอจะไปจ่ายตลาดเอง ไปรถเมล์ กลับรถตุ๊กๆ เธอใช้เงินเพื่อตัวเองน้อยมาก แต่ถ้าให้คนอื่นหรือบริจาคให้โรงพยาบาล โรงเรียน หรือวัด เท่าไรเท่ากัน เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าคุณแม่ทองคำเป็นคนใจบุญ และนี่คือสิ่งที่ "ฤทธิ์-ยุพิน" ทำตาม ล่าสุด ตอนที่แม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เธอบอกคุณหมอว่า ถ้าที่โรงพยาบาลมีสถานที่ เธอจะเปิดร้านเอ็มเคสุกี้ให้ กำไรเท่าไร ยกให้โรงพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้ "เอ็มเคสุกี้" เริ่มแล้วที่โรงพยาบาลศิริราช กำลังจะขยายไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลรามาฯ แนวคิดเหมือนเดิม คือ กำไรเท่าไรมอบให้โรงพยาบาลทั้งหมด "เพิ่งคุยกับคุณฤทธิ์ว่าเราน่าจะไปโรงพยาบาลต่างจังหวัดบ้าง" พนักงานของ "เอ็มเคสุกี้" สาขาโรงพยาบาลเหล่านี้ ทำงานมีความสุขมาก เพราะสาขามีกำไรเท่าไรก็ได้ทำบุญเท่านั้น ทำงานเหมือนกับทำบุญ จะไม่มีความสุขได้อย่างไร จากบทสัมภาษณ์ "ยุพิน ธีระโกเมน" ใน "พลอยแกมเพชร" Cr: เพจเจาะเวลาหาอดีต
    0 Comments 0 Shares 990 Views 0 Reviews
More Results