• บทความนี้กล่าวถึงการที่ภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกฝังอยู่ในบล็อกเชนของบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยบริษัท Marathon Digital Holdings (MARA) ซึ่งเป็นผู้ขุดบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดในวอลล์สตรีท ได้ฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกที่ 879613 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่กำลังจะมาถึง

    การฝังภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนคริปโตเคอเรนซีอยู่ในบรรยากาศที่คึกคัก เนื่องจากทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอย่างเปิดเผยคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะใช้บิตคอยน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมาได้เพื่อสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    นอกจากนี้ ทีมงานของทรัมป์ยังพิจารณาการสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์แบบ "America-first" ที่จะให้ความสำคัญกับเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ เช่น Solana, USD Coin และ Ripple

    ในขณะเดียวกัน เดวิด แซคส์ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ในรัฐบาลทรัมป์ จะจัดงาน Crypto Ball ครั้งแรกในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยบัตร VIP สำหรับงานนี้มีราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ และผู้เข้าร่วมสามารถรับประทานอาหารค่ำส่วนตัวกับทรัมป์ได้ในราคา 1 ล้านดอลลาร์

    การฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกเชนของบิตคอยน์เป็นการแสดงความเคารพและการสนับสนุนจากชุมชนคริปโตเคอเรนซี ซึ่งคาดหวังว่าทรัมป์จะสามารถทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการคริปโตเคอเรนซีได้

    https://wccftech.com/trump-immortalized-within-bitcoin-blockchain/
    บทความนี้กล่าวถึงการที่ภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกฝังอยู่ในบล็อกเชนของบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยบริษัท Marathon Digital Holdings (MARA) ซึ่งเป็นผู้ขุดบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดในวอลล์สตรีท ได้ฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกที่ 879613 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่กำลังจะมาถึง การฝังภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนคริปโตเคอเรนซีอยู่ในบรรยากาศที่คึกคัก เนื่องจากทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอย่างเปิดเผยคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะใช้บิตคอยน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมาได้เพื่อสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ทีมงานของทรัมป์ยังพิจารณาการสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์แบบ "America-first" ที่จะให้ความสำคัญกับเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ เช่น Solana, USD Coin และ Ripple ในขณะเดียวกัน เดวิด แซคส์ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ในรัฐบาลทรัมป์ จะจัดงาน Crypto Ball ครั้งแรกในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยบัตร VIP สำหรับงานนี้มีราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ และผู้เข้าร่วมสามารถรับประทานอาหารค่ำส่วนตัวกับทรัมป์ได้ในราคา 1 ล้านดอลลาร์ การฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกเชนของบิตคอยน์เป็นการแสดงความเคารพและการสนับสนุนจากชุมชนคริปโตเคอเรนซี ซึ่งคาดหวังว่าทรัมป์จะสามารถทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการคริปโตเคอเรนซีได้ https://wccftech.com/trump-immortalized-within-bitcoin-blockchain/
    WCCFTECH.COM
    Trump Immortalized Within Bitcoin Blockchain
    As a token of appreciation, a major Bitcoin miner has encoded Trump's portrait within the cryptocurrency's blockchain.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่นอะไรกัน!?!
    ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล

    หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา

    กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที

    ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้


    และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง:

    “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน”

    "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น

    จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น:

    TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้

    เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    เล่นอะไรกัน!?! ไบเดนออกกฎหมายแบน TikTok หากไม่ขายให้ชาวอเมริกัน ศาลฎีกาเห็นด้วยตามกฎหมายของไบเดน ล่าสุดไบเดนออกแถลงการณ์ต้องการให้ TikTok ยังคงมีอยู่ต่อไปในอเมริกา แต่ให้รัฐบาลถัดไปซึ่งก็คือทรัมป์ เป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมีคำตัดสินของศาล หลังจากศาลฎีกามีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ให้ยืนยันกฎหมายอนุญาตให้กฎหมายแบน Tiktok มีผลบังคับใช้ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน หลังจากผ่านการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐสภา กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ TikTok ต้องขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันภายในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 นี้ มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาทันที ทางด้านฝ่ายบริหาร TikTok ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า คำตัดสินของศาลฎีกาจะส่งผลให้ต้องปิดการเข้าถึงแอป TikTok ที่ให้บริการชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคนในวันอาทิตย์นี้ เว้นแต่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ถูกแบนตามที่กฎหมายระบุไว้ และนี่เป็นที่มาของแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการตัดสินใจของศาลฎีกาเกี่ยวกับคำตัดสินเห็นด้วยในการแบน TikTok ซึ่งเป็นกฎหมายของไบเดนเอง: “TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกัน” "ฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ กำลังรอการตัดสินใจของศาลฎีกาสหรัฐเกี่ยวกับกรณี TikTok ที่เพิ่งมีขึ้น จุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนเกี่ยวกับ TikTok นั้นชัดเจนมาหลายเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่รัฐสภาส่งร่างกฎหมายไปยังโต๊ะของประธานาธิบดีด้วยวิธีการแบบสองพรรคการเมืองอย่างท่วมท้น: TikTok ควรยังคงให้บริการแก่ชาวอเมริกันได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การเป็นเจ้าของของชาวอเมริกันหรือเจ้าของรายอื่นที่แก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติที่รัฐสภาระบุไว้ในการพัฒนากฎหมายนี้ เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาอันสั้น ฝ่ายบริหารนี้จึงยอมรับว่าการดำเนินการเพื่อนำกฎหมายนี้ไปปฏิบัติจะต้องตกเป็นของฝ่ายบริหารชุดต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์นี้"
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    ศาลฎีกาสหรัฐฯ ตัดสินให้ TikTok ต้องยุติการให้บริการทั่วประเทศตามกฎหมายของไบเดน

    แอปดังกล่าวจะไม่สามารถดาวโหลดเพื่อใช้งานได้อีกในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม เว้นแต่ทรัมป์จะสั่งไปยังกระทรวงยุติธรรมไม่ให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว
    ด่วน! ศาลฎีกาสหรัฐฯ ตัดสินให้ TikTok ต้องยุติการให้บริการทั่วประเทศตามกฎหมายของไบเดน แอปดังกล่าวจะไม่สามารถดาวโหลดเพื่อใช้งานได้อีกในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม เว้นแต่ทรัมป์จะสั่งไปยังกระทรวงยุติธรรมไม่ให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่ายังไม่มีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการ แต่เริ่มมีรถขุดของชาวปาเลสไตน์เข้าทำงานเพื่อเคลียร์ถนนที่มุ่งไปยังโรงพยาบาลอัลอาวดา (Al-Awda Hospital) ในฉนวนกาซาทางตอนเหนือ

    ทางด้านกลุ่มฮามาสออกมาระบุว่า หากไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์ ข้อตกลงนี้คงยังไม่บรรลุผล บ่งบอกได้เป็นอย่างดีตามกระแสข่าวที่มีมาตลอดเวลาว่าคณะของโจ ไบเดน ไม่มีความจริงใจในการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม
    แม้ว่ายังไม่มีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการ แต่เริ่มมีรถขุดของชาวปาเลสไตน์เข้าทำงานเพื่อเคลียร์ถนนที่มุ่งไปยังโรงพยาบาลอัลอาวดา (Al-Awda Hospital) ในฉนวนกาซาทางตอนเหนือ ทางด้านกลุ่มฮามาสออกมาระบุว่า หากไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์ ข้อตกลงนี้คงยังไม่บรรลุผล บ่งบอกได้เป็นอย่างดีตามกระแสข่าวที่มีมาตลอดเวลาว่าคณะของโจ ไบเดน ไม่มีความจริงใจในการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนจะส่งรองประธานาธิบดีหาน เจิ้ง ไปร่วมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม 2568
    จีนจะส่งรองประธานาธิบดีหาน เจิ้ง ไปร่วมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว
    รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี
    ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
    รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4%

    เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี

    อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี)

    ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9%

    ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง

    จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า


    เงินเฟ้อและการจ้างงาน
    ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^
    core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน

    การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน
    .......................................
    เพิ่มเติม
    1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง
    2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง)
    3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
    4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ
    5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน
    6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน
    #เศรษฐกิจ


    ศก.จีนปี 2024 โตที่ 5% ท่ามกลางปัญหาอสังหาฯ เงินฝืด ระดับการว่างงานพุ่งสูงในคนหนุ่มสาว รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นศก.กชุดใหญ่ในช่วงปลายปีเพื่อดูแลสภาพเศรษฐกิจ สร้างเสถียรภาพ แม้ภายในจะเจอปัญหา แต่ภาคการส่งออกยังคงแข็งแกร่งมีการเติบโตที่ดี ทั้งปี 2024 GDP โตแตะ 134,908.4 พันล้านหยวน โต5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รายไตรมาส >> Q1/24 โต 5.3%, Q2/24 โต 4.7%, Q3/24 โต 4.6%, Q4/24 โต 5.4% เกินดุลการค้า 7.06 ล้านล้านหยวน (~$990 bn.) แต่เมื่อทรัมป์กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ จีนจะเจอกับความท้าทายจากนโยบายกำแพงภาษี อุตฯกลุ่มไฮเทคฯ ของจีนสามารถทำกำไรได้ถึง 6.6 พันล้านหยวนในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2024 (ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี) ภาคบริการโต 5% เทียบรายปี บริการด้าน IT โต 10.9% ตลาดค้าปลีกฟื้นตัวต่อเนื่อง ยอดขายแตะ 48,789.5 พันล้านหยวน เพิ่ม 3.5% ยอดขายส่วนใหญ่กระจุกตัวในเมืองมากกว่าชนบท ยอดขายปลีกสินค้าออนไลน์โตแกร่งที่ 7.2% นับเป็น 26.8% ของยอดค้าปลีกรวม สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จำนวนประชากร 1,408.28 ล้านคน ลดลง 1.39 ล้านคน จำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 16-59 ปี) เป็นประชากรที่มีสัดส่วนสูงสุด แต่ประเด็นสังสคมสูงวัยยังคงเป็นประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ นอกจากนี้ 67% ของประชากรอาศัยในเขตเมือง เพิ่มขึ้น 0.84% จากปีก่อนหน้า เงินเฟ้อและการจ้างงาน ดัชนีที่ใช้วัดเงินเฟ้อ --consumer price index (CPI)-- เพิ่ม 0.2% ในปี 2024 << บอกว่า จีนเอาอยู่ ^^ core CPI, excluding food and energy prices, เพิ่ม 0.5% << ธนาคารกลางทั่วไปมักใช้ core cpi ในการกำหนดนโยบายการเงิน การจ้างงาน ภาพรวมทรงตัว อัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จำนวนแรงงานที่อพยพจากชนบทเข้าเมืองเพิ่ม 0.7% หรือ 299.73 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.2 ล้านคน ....................................... เพิ่มเติม 1. คนจีนมีค่านิยมสร้างความมั่งคั่งจาก อสังหาฯ (บ้าน ที่ดิน) ทองคำ ตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อตลาดไหนมีปัญหา เงินจะย้ายไปหาตลาดที่เหลือ เช่น ปีที่ผ่านมา อสังหาฯ มีปัญหา เงินลงทุนย้ายเข้าตลาดทองคำ ส่วนตลาดหุ้นเป็นการรอมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลกลาง 2. ผู้พัฒนาอสังหาฯของจีน ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ บริษัทเมื่อได้รับเงินจอง เงินดาวน์จากผู้ซื้อ จะยังไม่เข้าก่อสร้างโครงการ (ต่างจากประเทศไทย) แต่จะนำเงินจอง เงินดาวน์ไปไล่ซื้อที่ดินแปลงอื่นต่อ (ที่ดินจะมีราคาดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง) 3. จีนได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง เวียดนาม เม็กซิโก (ซึ่งเม็กซิโก ก็ติดอันดับประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐอันดับต้น ๆ และทรัมป์ก็มีนโยบายที่จะจัดการประเด็นนี้เช่นกัน) ส่วนเวียดนามที่มีฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอิเล็คฯ อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 4. จีนเป็นประเทศมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และ มีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย (ในราคา discount) นำมากลั่น ใช้ ขายต่อ 5. สี จิ้นผิง ระบุ ยังมุ่งหมายที่จะควบรวมไต้หวันเข้ามาเป็นประเทศเดียวกัน 6. PBoC (ธนาคารกลางจีน) อาจจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีหลายตัวให้เหลือตัวเดียวคือ ดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจน #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scott Bessent มานั่งแทน เจเน็ต เยเลน , treasury secretary, นวค.มอง สิ่งที่เบสเซนจะเดินหน้า
    1. ขยายเวลามาตราการลดภาษีให้กับบริษัทสหรัฐ

    2. การคว่ำบาตรอุตฯน้ำมัน (อันนี้อาจจะขัดกับมุมมองที่เราเห็นความสัมพันธ์ของทรัมป์กับปูตินว่าไม่ได้เป็นเชิงตึง ต้องการจัดหนัก) แต่การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกับราคาน้ำมันรัสเซีย จะวนมาเป็นประโยชน์กับการส่งออกน้ำมันของสหรัฐ (ช่วยสถานะการคลังสหรัฐในที่สุด) ตอนนี้สหรัฐเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ของโลก ในขณะที่จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลก การดันราคาน้ำมันทำให้สหรัฐมีรายได้เพิ่ม จีนมีภาระค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันสูงขึ้น บั่นทอนสถานะการคลังจีน (แม้ส่วนหนึ่งจีนจะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียมากลั่นและส่งออกขายอีกทอดก็ตาม)

    3. รักษาสถานะ ดอลลาร์สหรัฐ ให้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อไปอย่างแข็งแกร่ง (ช่วงที่ผานมา ค่อนข้างจะถดถอย สังเกตุได้จากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ เข้าถือทองคำกันมากขึ้น)

    4. ประเด็นคาร์บอน เครดิต จะถูกดันขึ้นมา
    * เบสเซน เป็นคนที่ชาวคริปโตฯ ชื่นชม มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาคริปโต โดยเฉพาะ BTC นอกจากนี้ยังคาดว่า ทรัมป์จะดัน คริปโตฯ เป็นวาระแห่งชาติ << ในพอร์ต bessent มี BTC ETF มูลค่า ~5 แสนเหรียญสหรัฐ
    ** เบสเซน เป็นอดีตมือขวา จอร์จ โซรอส มีประสบการณ์ร่วมช่วงโซรอสเข้าทำกำไรค่าเงินปอนด์ ฯลฯ
    #เศรษฐกิจ
    Scott Bessent มานั่งแทน เจเน็ต เยเลน , treasury secretary, นวค.มอง สิ่งที่เบสเซนจะเดินหน้า 1. ขยายเวลามาตราการลดภาษีให้กับบริษัทสหรัฐ 2. การคว่ำบาตรอุตฯน้ำมัน (อันนี้อาจจะขัดกับมุมมองที่เราเห็นความสัมพันธ์ของทรัมป์กับปูตินว่าไม่ได้เป็นเชิงตึง ต้องการจัดหนัก) แต่การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกับราคาน้ำมันรัสเซีย จะวนมาเป็นประโยชน์กับการส่งออกน้ำมันของสหรัฐ (ช่วยสถานะการคลังสหรัฐในที่สุด) ตอนนี้สหรัฐเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ของโลก ในขณะที่จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลก การดันราคาน้ำมันทำให้สหรัฐมีรายได้เพิ่ม จีนมีภาระค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันสูงขึ้น บั่นทอนสถานะการคลังจีน (แม้ส่วนหนึ่งจีนจะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียมากลั่นและส่งออกขายอีกทอดก็ตาม) 3. รักษาสถานะ ดอลลาร์สหรัฐ ให้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อไปอย่างแข็งแกร่ง (ช่วงที่ผานมา ค่อนข้างจะถดถอย สังเกตุได้จากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ เข้าถือทองคำกันมากขึ้น) 4. ประเด็นคาร์บอน เครดิต จะถูกดันขึ้นมา * เบสเซน เป็นคนที่ชาวคริปโตฯ ชื่นชม มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาคริปโต โดยเฉพาะ BTC นอกจากนี้ยังคาดว่า ทรัมป์จะดัน คริปโตฯ เป็นวาระแห่งชาติ << ในพอร์ต bessent มี BTC ETF มูลค่า ~5 แสนเหรียญสหรัฐ ** เบสเซน เป็นอดีตมือขวา จอร์จ โซรอส มีประสบการณ์ร่วมช่วงโซรอสเข้าทำกำไรค่าเงินปอนด์ ฯลฯ #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ!

    หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่

    หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ! หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่ หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพอย่างเป็นทางการของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา
    ภาพอย่างเป็นทางการของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action

    วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ

    ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา

    ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ

    คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน

    นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู

    คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน

    ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100%

    ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น

    นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1%

    ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20%

    ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน
    .
    .
    .
    ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

    นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ

    และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด

    คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่

    ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย

    การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก

    (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ)

    แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ

    และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา
    .
    .
    .
    เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ

    ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง

    แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม

    คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน

    ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ

    ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ

    เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท

    ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม
    .
    .
    .
    ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ

    คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

    จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง

    เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู

    อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย

    และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล

    คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด

    เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์

    ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ”
    .
    .
    .
    ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง

    คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย

    ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง

    หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์”

    ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary"

    "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“

    ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ

    เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“

    …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ…

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100% ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1% ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20% ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน . . . ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่ ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ) แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา . . . เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม . . . ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์ ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ” . . . ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์” ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary" "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“ ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“ …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ… ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉 นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล

    เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น

    แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา

    เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน


    'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่'
    หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้"

    ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย




    อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน 'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่' หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้" ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ในรัฐบาลของทรัมป์ กล่าวว่า ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี จีนจะปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง:

    “หากเราเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางที่เรากำลังดำเนินอยู่ ในเวลาไม่ถึง 10 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญในชีวิตของเราจะขึ้นอยู่กับว่าจีนอนุญาตให้เรามีมันหรือไม่”

    “ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ยาลดความดันโลหิตไปจนถึงภาพยนตร์ที่เราได้ชม และทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างนั้น จีนครอบงำอุตสาหกรรมแร่ธาตุที่สำคัญ แม้แต่ผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แบตเตอรี่เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับจีน”

    “หากเราไม่เปลี่ยนแปลงเส้นทาง เราจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่สิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันมากมาย ตั้งแต่ความปลอดภัยไปจนถึงสุขภาพของเรา จะขึ้นอยู่กับว่าจีนอนุญาตให้เรามีมันหรือไม่”
    มาร์โก รูบิโอ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ในรัฐบาลของทรัมป์ กล่าวว่า ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี จีนจะปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง: “หากเราเดินหน้าต่อไปตามเส้นทางที่เรากำลังดำเนินอยู่ ในเวลาไม่ถึง 10 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญในชีวิตของเราจะขึ้นอยู่กับว่าจีนอนุญาตให้เรามีมันหรือไม่” “ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ยาลดความดันโลหิตไปจนถึงภาพยนตร์ที่เราได้ชม และทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างนั้น จีนครอบงำอุตสาหกรรมแร่ธาตุที่สำคัญ แม้แต่ผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แบตเตอรี่เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับจีน” “หากเราไม่เปลี่ยนแปลงเส้นทาง เราจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่สิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันมากมาย ตั้งแต่ความปลอดภัยไปจนถึงสุขภาพของเรา จะขึ้นอยู่กับว่าจีนอนุญาตให้เรามีมันหรือไม่”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม"
    .
    วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ
    .
    ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน
    .
    อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป
    .
    จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนยกระดับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกาที่ป้อนแก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดกับจีน ซึ่งกล่าวอ้างว่าเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จากคำยืนยันของ ไมค์ วอลต์ซ ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ระหว่างกล่าว ณ สถาบันสันติภาพในวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร(14ม.ค.) วอลต์ซ สมาชิกสภาคองเกรสจากฟลอริดา เน้นย้ำว่า "เรามีสินค้าคงค้างกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ที่พวกเขาจ่ายเงินมา และเราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขายอมควักเงินเพื่อสิ่งนี้ ที่เรียกว่ามาตรการป้องปราม" . วอลต์ซ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะเดินหน้าแสวงหานโยบายครอบคลุมในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ยุทธศาสตร์นี้รวมไปถึงการติดตั้งแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ อาทิระบบขีปนาวุธเคลื่อนที่ โดรนและเทคโนโลยีสอดแนมล้ำสมัย ที่จะทำให้จีนแผ่นดินใหญ่อาจต้องทุ่มทุนมากกว่าเดิม หากคิดใช้กำลังเข้าควบคุมไต้หวัน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงกลาโหมของไต้หวัน แถลงว่ามีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี โดยเผยว่าพวกเขาจะติดตั้งระบบอาวุธ NASAMS ที่ผลิตโดยนอร์เวย์ ในตำแหน่งต่างๆที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทางเหนือของเกาะ . ปักกิ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" และยืนยันว่าท้ายที่สุดจะมีการรวมชาติ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้กำลังถ้าจำเป็น นอกจากนี้แล้ว จีน ยังส่งเสียงคัดค้านซ้ำๆต่อการแทรกแซงใดๆของต่างชาติในประเด็นนี้ ในนั้นรวมถึงการที่สหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวัน โดยปักกิ่งมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขาและคุกคามเสถียรภาพในภูมิภาค . ไต้หวัน ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 ครั้งกองกำลังชาตินิยมล่าถอยไปยังเกาะแห่งนี้ หลังจากพ่ายแพ้ในสงคามกลางเมืองของจีน ปัจจุบันเหลือไม่กี่ประเทศที่ให้การยอมรับอธิปไตยของเกาะ และเกือบทั่วโลก ยึดถือจุดยืนของจีน ที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน . อย่างไรก็ตามในส่วนของสหรัฐฯ แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยืดถือนโยบายจีนเดียว แต่ยังคงป้อนอาวุธให้แก่เกาะแห่งนี้ และประสานความร่วมมือทางทหารกับรัฐบาลในไทเป . จีน ประณามซ้ำๆต่อกรณีสหรัฐฯขายอาวุธให้ไต้หวัน ว่าบั่นทอนเสถียรภาพและยั่วยุ และทำการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศถี่ๆรอบๆเกาะ เป็นการตอบโต้ . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทกลาโหม 7 แห่งของสหรัฐฯ และสั่งแบนส่งออกสินค้าที่สามารถใช้ในทั้งทางพาณิยช์และด้านการทหาร ไปยังบรรดาบริษัทอเมริกา ในนั้นรวมถึงโบอิ้ง, เจเนรัล ไดนามิกส์, ล็อคฮีด มาร์ติน และ เรย์เธียน ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง อนุมัติจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมแก่ไต้หวัน อีก 571 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004692 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 904 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้แทนเจรจา บรรลุข้อตกลงแบบเป็นขั้นเป็นตอน สำหรับหยุดสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในกาซา จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ และกาตาร์ หลังฉนวนแห่งนี้ต้องเผชิญกับการนองเลือดที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน เข่นฆ่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปหลายหมื่นคนและโหมกระพือไฟในตะวันออกกลาง
    .
    ข้อตกลงนี้วางกรอบสำหรับการหยุดยิงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปในเบื้องต้น 6 สัปดาห์ และในนั้นยังรวมถึงการที่กองกำลังอิสราเอลค่อยๆ ถอยทหารออกจากฉนวนกาซา และปล่อยตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวโดยฮามาส แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล
    .
    ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโดฮา นายกรัฐมนตรี เชคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี ของกาตาร์ กล่าวว่า ข้อตลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (19 ม.ค.) และเวลานี้คณะผู้แทนเจรจากำลังทำงานร่วมกับอิสราเอลและฮามาส สำหรับก้าวย่างต่างๆ ในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ
    .
    "ข้อตกลงนี้จะหยุดการสู้รบในกาซา เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นป้อนสู่พลเมืองชาวปาเลสไตน์ และนำพาตัวประกันกลับสู่ครอบครัว หลังถูกคุมขังนานกว่า 15 เดือน" ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวในวอชิงตัน
    .
    ชาวปาเลสไตน์พากันออกมาฉลองบนท้องถนนในกาซา ดินแดนที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรง ขาดแคลนอาหาร น้ำและเชื้อเพลิงอย่างหนัก
    .
    ข้อตกลงนี้มีขึ้นตามหลังการเจรจานานหลายเดือน ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค วกไปวนมา ชักเข้าชักออก ที่ดำเนินการโดยคนกลางอย่างอียิปต์และกาตาร์ ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ และมันมีขึ้นไม่นาน ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ในวันที่ 20 มกราคม
    .
    อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน
    .
    ถ้ามันประสบความสำเร็จ แผนข้อตกลงหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้ จะหยุดการสู้รบที่ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซาเหลือแต่ซากปรักหักพัง และประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ในฉนวนเล็กๆ แห่งนี้ต้องไร้ถิ่นฐาน ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดในแต่ละวัน
    .
    ขั้นหนึ่งของข้อตกลงคือการนำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน ประกอบด้วยผู้หญิงทั้งหมด เด็กๆ และชายที่มีอายุเกิน 50 ปี
    .
    ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ฮามาส เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้แทนของพวกเขาได้อนุมัติผ่านคนกลาง สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน
    .
    ในอิสราเอล ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า ฮามาส ถอนข้อเรียกร้องในนาทีสุดท้าย แต่ยังมีข้อแม้จำนวนหนึ่งที่ยังไม่คลี่คลายในข้อตกลงดังกล่าว "เราหวังว่าจะสามารถปิดรายละเอียดกันได้ในคืนนี้" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปยังฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่กลุ่มมือปืนที่นำโดยฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดน เล่นงานชุมชนต่างๆ ตามแนวชายแดนของอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 สังหารทหารและพลเมืองไป 1,200 ราย และจับชาวต่างชาติและชาวอิสราเอล ไปเป็นตัวประกัน 250 คน
    .
    นับตั้งแต่นั้น สงครามทางอากาศและทางภาคพื้นของอิสราเอลในฉนวนกาซา ได้ปลิดชีพผู้คนไปกว่า 46,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และอีกหลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งเวลานี้กำลังดิ้นรนฟันผ่าอากาศหนาวเหน็บตามเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004672
    ..............
    Sondhi X
    คณะผู้แทนเจรจา บรรลุข้อตกลงแบบเป็นขั้นเป็นตอน สำหรับหยุดสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในกาซา จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ และกาตาร์ หลังฉนวนแห่งนี้ต้องเผชิญกับการนองเลือดที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน เข่นฆ่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปหลายหมื่นคนและโหมกระพือไฟในตะวันออกกลาง . ข้อตกลงนี้วางกรอบสำหรับการหยุดยิงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปในเบื้องต้น 6 สัปดาห์ และในนั้นยังรวมถึงการที่กองกำลังอิสราเอลค่อยๆ ถอยทหารออกจากฉนวนกาซา และปล่อยตัวประกันที่ถูกควบคุมตัวโดยฮามาส แลกกับนักโทษปาเลสไตน์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอล . ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโดฮา นายกรัฐมนตรี เชคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี ของกาตาร์ กล่าวว่า ข้อตลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (19 ม.ค.) และเวลานี้คณะผู้แทนเจรจากำลังทำงานร่วมกับอิสราเอลและฮามาส สำหรับก้าวย่างต่างๆ ในการนำข้อตกลงไปปฏิบัติ . "ข้อตกลงนี้จะหยุดการสู้รบในกาซา เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นป้อนสู่พลเมืองชาวปาเลสไตน์ และนำพาตัวประกันกลับสู่ครอบครัว หลังถูกคุมขังนานกว่า 15 เดือน" ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวในวอชิงตัน . ชาวปาเลสไตน์พากันออกมาฉลองบนท้องถนนในกาซา ดินแดนที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรง ขาดแคลนอาหาร น้ำและเชื้อเพลิงอย่างหนัก . ข้อตกลงนี้มีขึ้นตามหลังการเจรจานานหลายเดือน ที่เต็มไปด้วยอุปสรรค วกไปวนมา ชักเข้าชักออก ที่ดำเนินการโดยคนกลางอย่างอียิปต์และกาตาร์ ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ และมันมีขึ้นไม่นาน ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ในวันที่ 20 มกราคม . อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน . ถ้ามันประสบความสำเร็จ แผนข้อตกลงหยุดยิงอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้ จะหยุดการสู้รบที่ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกาซาเหลือแต่ซากปรักหักพัง และประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคน ในฉนวนเล็กๆ แห่งนี้ต้องไร้ถิ่นฐาน ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดในแต่ละวัน . ขั้นหนึ่งของข้อตกลงคือการนำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน ประกอบด้วยผู้หญิงทั้งหมด เด็กๆ และชายที่มีอายุเกิน 50 ปี . ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ฮามาส เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า คณะผู้แทนของพวกเขาได้อนุมัติผ่านคนกลาง สำหรับข้อตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน . ในอิสราเอล ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า ฮามาส ถอนข้อเรียกร้องในนาทีสุดท้าย แต่ยังมีข้อแม้จำนวนหนึ่งที่ยังไม่คลี่คลายในข้อตกลงดังกล่าว "เราหวังว่าจะสามารถปิดรายละเอียดกันได้ในคืนนี้" ถ้อยแถลงระบุ . กองทัพอิสราเอลบุกเข้าไปยังฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่กลุ่มมือปืนที่นำโดยฮามาส บุกจู่โจมข้ามชายแดน เล่นงานชุมชนต่างๆ ตามแนวชายแดนของอิสราเอล ในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 สังหารทหารและพลเมืองไป 1,200 ราย และจับชาวต่างชาติและชาวอิสราเอล ไปเป็นตัวประกัน 250 คน . นับตั้งแต่นั้น สงครามทางอากาศและทางภาคพื้นของอิสราเอลในฉนวนกาซา ได้ปลิดชีพผู้คนไปกว่า 46,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และอีกหลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งเวลานี้กำลังดิ้นรนฟันผ่าอากาศหนาวเหน็บตามเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004672 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูเหมือนความตั้งใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ จะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนชาวอเมริกาสักเท่าไหร่ จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่จัดทำโดยยูเอสเอทูเดย์ และเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์
    .
    เกาะในอาร์กติกแห่งนี้เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ทรัมป์เคยนำเสนอความคิดที่จะซื้อกรีนแลนด์มาแล้ว ครั้งดำรงตำแหน่งประธนาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และคืนชีพความประสงค์ดังกล่าวขึ้นมาเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ระบุในวันพุธ (15 ม.ค.) ว่าความคิดดังกล่าวของทรัมป์ ได้ก่อความรู้สึกช็อกเป็นวงกว้าง อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นที่สื่อมวลชนแห่งนี้จัดทำให้กับมหาวิทยาลัยซัฟฟอล์ค
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถาม 1,000 คน และจัดทำระหว่างวันที่ 7 ถึง 11 มกราคม พบว่ามีแค่ 11% ที่บอกว่า ว่าที่รัฐบาลของทรัมป์ ควรทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ ส่วน 29% บอกว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มองสภาพความเป็นจริง และมีถึง 53% ที่ไม่สนับสนุนให้ซื้อเกาะกรีนแลนด์
    .
    ในรายละเอียดของโพล พบว่ามีชาวเดโมแครตถึง 86% ที่คัดค้านแผนของทรัมป์ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ และมีชาวรีพับลิกันเพียง 23% ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ส่วน 21% มองว่าไม่ใช่เรื่องดี และอีก 48% คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มีความเป็นไปได้จริง
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ผลสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทวิจัย Patriot Polling พบว่ามีชาวกรีนแลนด์มากถึง 57% ที่อยากให้เกาะแห่งนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯ ส่วนที่คัดค้านมี 37.4%
    .
    เกาะกรีนแลนด์ มีประชากรราว 57,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนเผ่าอินูอิต การปกครองเกาะแห่งนี้ของเดนมาร์ก ได้รับการรับรองจากนานาชาติมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1800 แต่กรีนแลนด์ ได้สิทธิปกครองตนเองในปี 2009
    .
    ในพื้นที่ 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร เกาะกรีนแลนด์อุดมไปด้วยทรัยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองมหาศาลในน่านน้ำของพวกเขา อย่างไรก็ตามราว 80% ของพื้นผิวของดินแดนแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
    .
    ทรัมป์ อ้างว่าการควบคุมของสหรัฐฯ เหนือเกาะกรีนแลนด์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ ในขณะที่สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส ได้ร่างกฎหมาย "ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันจะเปิดทางให้ ทรัมป์ เจรจากับเดนมาร์ก เพื่อของซื้อเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004673
    ..............
    Sondhi X
    ดูเหมือนความตั้งใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ จะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนชาวอเมริกาสักเท่าไหร่ จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่จัดทำโดยยูเอสเอทูเดย์ และเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ . เกาะในอาร์กติกแห่งนี้เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ทรัมป์เคยนำเสนอความคิดที่จะซื้อกรีนแลนด์มาแล้ว ครั้งดำรงตำแหน่งประธนาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และคืนชีพความประสงค์ดังกล่าวขึ้นมาเมื่อเดือนที่แล้ว . อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ระบุในวันพุธ (15 ม.ค.) ว่าความคิดดังกล่าวของทรัมป์ ได้ก่อความรู้สึกช็อกเป็นวงกว้าง อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นที่สื่อมวลชนแห่งนี้จัดทำให้กับมหาวิทยาลัยซัฟฟอล์ค . ผลสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถาม 1,000 คน และจัดทำระหว่างวันที่ 7 ถึง 11 มกราคม พบว่ามีแค่ 11% ที่บอกว่า ว่าที่รัฐบาลของทรัมป์ ควรทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ ส่วน 29% บอกว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มองสภาพความเป็นจริง และมีถึง 53% ที่ไม่สนับสนุนให้ซื้อเกาะกรีนแลนด์ . ในรายละเอียดของโพล พบว่ามีชาวเดโมแครตถึง 86% ที่คัดค้านแผนของทรัมป์ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ และมีชาวรีพับลิกันเพียง 23% ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ส่วน 21% มองว่าไม่ใช่เรื่องดี และอีก 48% คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มีความเป็นไปได้จริง . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ผลสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทวิจัย Patriot Polling พบว่ามีชาวกรีนแลนด์มากถึง 57% ที่อยากให้เกาะแห่งนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯ ส่วนที่คัดค้านมี 37.4% . เกาะกรีนแลนด์ มีประชากรราว 57,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนเผ่าอินูอิต การปกครองเกาะแห่งนี้ของเดนมาร์ก ได้รับการรับรองจากนานาชาติมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1800 แต่กรีนแลนด์ ได้สิทธิปกครองตนเองในปี 2009 . ในพื้นที่ 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร เกาะกรีนแลนด์อุดมไปด้วยทรัยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองมหาศาลในน่านน้ำของพวกเขา อย่างไรก็ตามราว 80% ของพื้นผิวของดินแดนแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง . ทรัมป์ อ้างว่าการควบคุมของสหรัฐฯ เหนือเกาะกรีนแลนด์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ ในขณะที่สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส ได้ร่างกฎหมาย "ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันจะเปิดทางให้ ทรัมป์ เจรจากับเดนมาร์ก เพื่อของซื้อเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004673 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 904 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok ที่ให้บริการผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านบัญชี อาจต้องยุติการดำเนินงานในสหรัฐตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามของรัฐบาลกลางมีผลบังคับใช้

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมกฎหมายของ TikTok ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเกี่ยวกับกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามเมื่อเดือนเมษายนนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

    กฎหมายของไบเดนกำหนดให้ TikTok ต้องถอนการลงทุนจากบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance และขายให้กับนิติบุคคลในสหรัฐเท่านั้น และหากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ TikTok จะต้องยุติให้บริการในวันที่ 19 มกราคม หนึ่งวันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง

    หากการตัดสินของศาลเป็นผลดีต่อ TikTok จะทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถกลับมาให้บริการชาวอเมริกันต่อไปได้

    มีการคาดเดากันว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของ TikTok ดีขึ้น เนื่องจากคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะใช้จุดยืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับปักกิ่งนั่นเอง

    ขณะเดียวกัน ในบันทึกภายในขององค์กร มีการแจ้งพนักงานกว่า 7,000 คนในสหรัฐว่าความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาคือ "สิ่งสำคัญที่สุด" และจะยังคงจ่ายเงินให้พวกเขาต่อไป

    "เราขอย้ำว่า ความเป็นอยู่ของพนักงานคือสิ่งสำคัญที่สุด การจ้างงาน เงินเดือน และสวัสดิการของคุณยังมีความปลอดภัย และสำนักงานของเราจะยังคงเปิดทำการ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไขก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 19 มกราคมก็ตาม" บางส่วนของบันทึกที่ส่งถึงพนักงาน TikTok

    อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ TikTok ต้องปิดตัวลงทันที เมื่อมีผลบังคับใช้วันที่ 19 มกราคมนี้ เพียงแต่ห้ามการติดตั้ง TikTok ใหม่ และถอดแอปออกจาก App Store ของ Apple หรือ Google เท่านั้น

    ผู้ใช้ปัจจุบันยังคงใช้แอปได้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่การถอดออกจาก App Store จะทำให้แอปไม่ได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยอีกต่อไป

    TikTok ยังระบุถึงการรายงานข่าวเกี่ยวกับการขาย TikTok ให้กับ Elon Musk ว่าเป็น "เรื่องแต่งล้วนๆ"

    นอกจากนี้ ความโกรธแค้นของชาวอเมริกันที่มีต่อรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ ผู้ใช้ TikTok หันไปใช้แอปจีนอื่นๆ และขณะนี้มากกว่าครึ่งล้านคนหันมาใช้แอป RedNote ของจีน

    บน RedNote ซึ่งในจีนเรียกว่า Xiaohongshu มีผู้ใช้ชาวอเมริกันและจีนเข้าร่วมห้องที่ชื่อว่า "ผู้ลี้ภัย TikTok" (TikTok Refugees) เฉพาะห้องนี้ห้องเดียวมีมากกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

    Lemon8 แอปโซเชียลมีเดียอีกแอปหนึ่งที่ ByteDance เป็นเจ้าของ ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในรายชื่อ App Store ของ Apple เมื่อวันอังคาร โดยพบการเพิ่มขึ้นที่คล้ายคลึงกันในเดือนที่แล้ว โดยมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 190% ในเดือนธันวาคม เป็นประมาณ 3.4 ล้านครั้ง
    แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย TikTok ที่ให้บริการผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านบัญชี อาจต้องยุติการดำเนินงานในสหรัฐตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งห้ามของรัฐบาลกลางมีผลบังคับใช้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมกฎหมายของ TikTok ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเกี่ยวกับกฎหมายที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามเมื่อเดือนเมษายนนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กฎหมายของไบเดนกำหนดให้ TikTok ต้องถอนการลงทุนจากบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance และขายให้กับนิติบุคคลในสหรัฐเท่านั้น และหากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ TikTok จะต้องยุติให้บริการในวันที่ 19 มกราคม หนึ่งวันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง หากการตัดสินของศาลเป็นผลดีต่อ TikTok จะทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถกลับมาให้บริการชาวอเมริกันต่อไปได้ มีการคาดเดากันว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของ TikTok ดีขึ้น เนื่องจากคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะใช้จุดยืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับปักกิ่งนั่นเอง ขณะเดียวกัน ในบันทึกภายในขององค์กร มีการแจ้งพนักงานกว่า 7,000 คนในสหรัฐว่าความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาคือ "สิ่งสำคัญที่สุด" และจะยังคงจ่ายเงินให้พวกเขาต่อไป "เราขอย้ำว่า ความเป็นอยู่ของพนักงานคือสิ่งสำคัญที่สุด การจ้างงาน เงินเดือน และสวัสดิการของคุณยังมีความปลอดภัย และสำนักงานของเราจะยังคงเปิดทำการ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะยังไม่ได้รับการแก้ไขก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 19 มกราคมก็ตาม" บางส่วนของบันทึกที่ส่งถึงพนักงาน TikTok อย่างไรก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ TikTok ต้องปิดตัวลงทันที เมื่อมีผลบังคับใช้วันที่ 19 มกราคมนี้ เพียงแต่ห้ามการติดตั้ง TikTok ใหม่ และถอดแอปออกจาก App Store ของ Apple หรือ Google เท่านั้น ผู้ใช้ปัจจุบันยังคงใช้แอปได้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่การถอดออกจาก App Store จะทำให้แอปไม่ได้รับการอัปเดตเกี่ยวกับจุดบกพร่องหรือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยอีกต่อไป TikTok ยังระบุถึงการรายงานข่าวเกี่ยวกับการขาย TikTok ให้กับ Elon Musk ว่าเป็น "เรื่องแต่งล้วนๆ" นอกจากนี้ ความโกรธแค้นของชาวอเมริกันที่มีต่อรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ ผู้ใช้ TikTok หันไปใช้แอปจีนอื่นๆ และขณะนี้มากกว่าครึ่งล้านคนหันมาใช้แอป RedNote ของจีน บน RedNote ซึ่งในจีนเรียกว่า Xiaohongshu มีผู้ใช้ชาวอเมริกันและจีนเข้าร่วมห้องที่ชื่อว่า "ผู้ลี้ภัย TikTok" (TikTok Refugees) เฉพาะห้องนี้ห้องเดียวมีมากกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Lemon8 แอปโซเชียลมีเดียอีกแอปหนึ่งที่ ByteDance เป็นเจ้าของ ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในรายชื่อ App Store ของ Apple เมื่อวันอังคาร โดยพบการเพิ่มขึ้นที่คล้ายคลึงกันในเดือนที่แล้ว โดยมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 190% ในเดือนธันวาคม เป็นประมาณ 3.4 ล้านครั้ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pete Hegseth ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลทรัมป์ แยกไม่ออกระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน! (ASEAN - Association of Southeast Asian Nations) กับเอเซีย (ASIA)

    Duckworth: มีกี่ประเทศในอาเซียน?

    Hegseth: เรามีพันธมิตรในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

    Duckworth: ประเทศเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในอาเซียน
    Pete Hegseth ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลทรัมป์ แยกไม่ออกระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน! (ASEAN - Association of Southeast Asian Nations) กับเอเซีย (ASIA) Duckworth: มีกี่ประเทศในอาเซียน? Hegseth: เรามีพันธมิตรในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย Duckworth: ประเทศเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในอาเซียน
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • ไทยกับ 3 ความเสี่ยงของนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ : คนเคาะข่าว 14-01-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    ไทยกับ 3 ความเสี่ยงของนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ : คนเคาะข่าว 14-01-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 10 1 รีวิว
  • พันธมิตรรีพับลิกันของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำเสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายให้อำนาจการเจรจา กรณีที่อเมริกาจะซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำโปรเอกราชของเกาะแบะท่าพร้อมเจรจา หลัง ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึด
    .
    ร่างกฎหมายดังกล่าวที่ส่งต่อในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดย แอนดี ออกเลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกนับสิบคน จะเปิดทางให้ ทรัมป์ สามารถเริ่มเจรจากับเดนมาร์ก ได้ทันทีที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    "ด้วยเหตุนี้ คองเกรสให้อำนาจประธานาธิบดี เริ่มตั้งแต่ 00.01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ของวันที่ 20 มกราคม 2025 ในการหาทางเข้าสู่การเจรจากับประเทศเดนมาร์ก เกี่ยวกับการซื้อเกาะกรีนแลนด์" ร่างกฎหมายระบุ
    .
    ข้อเสนอนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ รื้อฟื้นความสนใจในการดึงเกาะกรีนแลนด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ อ้างว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว "ประชาชนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เดนมาร์ก มีสิทธิโดยชอบธรรมทางกฎหมายใดๆ เหนือเกาะกรีนแลนด์หรือไม่ แต่ถ้าพวกเขามี พวกเขาควรปล่อยมือ เพราะเราต้องการมัน" ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้มีความทะเทอทะยานอยากเป็นเอกราชแยกออกจากเดนมาร์ก พร้อมระบุประชาชนชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นทั้งคนเดนมาร์กหรืออเมริกันชน นอกจากนี้ เขายังแสดงถึงความพร้อมที่จะพูดคุยกับทรัมป์ และยอมรับว่าการที่ ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการบีบบังคับขอซื้อเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งที่ "น่าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง"
    .
    กรีนแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและอาร์กติก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1950 มันเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเดนมาร์กโดยสมบูรณ์ แต่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะแห่งนี้ถูกยึดครองโดยสหรัฐฯ หลังจากเดนมาร์ก ถูกยึดโดยนาซีเยอรมนี ปัจจุบันเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพทหารอเมริกาแห่งหนึ่ง และมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยคุกคามจากขีปนาวุธ
    .
    เกาะแห่งนี้เป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 พร้อมได้รับสิทธิในปี 2009 ในการประกาศเอกราช หากว่าประชามติผ่านความเห็นชอบ "ความปรารถนาเป็นเอกราช ความปรารถนาที่จะมีบ้านของตนเอง คงได้รับความเข้าใจจากประชาชนทั่วโลก" เอเกเด กล่าว พร้อมระบุว่าการลงประชามติประกาศเอกราช "จะมีขึ้นเร็วๆ นี้"
    .
    กรีนแลนด์ เป็นถิ่นพำนักของประชาชนไม่ถึง 57,000 คน และ 80% ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่มันอุดมไปด้วยทรัพยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามันมีแหล่งสำรองน้ำมันมหาศาลอยู่ในเขตน่านน้ำ
    .
    ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของ Patriot Polling สถาบันวิจัยสหรัฐฯ พบว่ามีพลเมืองเกาะกรีนแลนด์ 57% สนับสนุนข้อเสนอของทรัมป์ โดยโพลดังกล่าวเป็นการสอบถามผู้ตอบแบบสอบถาม 416 คน และจัดทำเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนเกาะกรีนแลนด์ ในทริปส่วนตัวพอดี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004284
    ..............
    Sondhi X
    พันธมิตรรีพับลิกันของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำเสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายให้อำนาจการเจรจา กรณีที่อเมริกาจะซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำโปรเอกราชของเกาะแบะท่าพร้อมเจรจา หลัง ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึด . ร่างกฎหมายดังกล่าวที่ส่งต่อในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดย แอนดี ออกเลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกนับสิบคน จะเปิดทางให้ ทรัมป์ สามารถเริ่มเจรจากับเดนมาร์ก ได้ทันทีที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . "ด้วยเหตุนี้ คองเกรสให้อำนาจประธานาธิบดี เริ่มตั้งแต่ 00.01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ของวันที่ 20 มกราคม 2025 ในการหาทางเข้าสู่การเจรจากับประเทศเดนมาร์ก เกี่ยวกับการซื้อเกาะกรีนแลนด์" ร่างกฎหมายระบุ . ข้อเสนอนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ รื้อฟื้นความสนใจในการดึงเกาะกรีนแลนด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ อ้างว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว "ประชาชนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เดนมาร์ก มีสิทธิโดยชอบธรรมทางกฎหมายใดๆ เหนือเกาะกรีนแลนด์หรือไม่ แต่ถ้าพวกเขามี พวกเขาควรปล่อยมือ เพราะเราต้องการมัน" ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้มีความทะเทอทะยานอยากเป็นเอกราชแยกออกจากเดนมาร์ก พร้อมระบุประชาชนชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นทั้งคนเดนมาร์กหรืออเมริกันชน นอกจากนี้ เขายังแสดงถึงความพร้อมที่จะพูดคุยกับทรัมป์ และยอมรับว่าการที่ ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการบีบบังคับขอซื้อเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งที่ "น่าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง" . กรีนแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและอาร์กติก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1950 มันเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเดนมาร์กโดยสมบูรณ์ แต่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะแห่งนี้ถูกยึดครองโดยสหรัฐฯ หลังจากเดนมาร์ก ถูกยึดโดยนาซีเยอรมนี ปัจจุบันเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพทหารอเมริกาแห่งหนึ่ง และมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยคุกคามจากขีปนาวุธ . เกาะแห่งนี้เป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 พร้อมได้รับสิทธิในปี 2009 ในการประกาศเอกราช หากว่าประชามติผ่านความเห็นชอบ "ความปรารถนาเป็นเอกราช ความปรารถนาที่จะมีบ้านของตนเอง คงได้รับความเข้าใจจากประชาชนทั่วโลก" เอเกเด กล่าว พร้อมระบุว่าการลงประชามติประกาศเอกราช "จะมีขึ้นเร็วๆ นี้" . กรีนแลนด์ เป็นถิ่นพำนักของประชาชนไม่ถึง 57,000 คน และ 80% ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่มันอุดมไปด้วยทรัพยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามันมีแหล่งสำรองน้ำมันมหาศาลอยู่ในเขตน่านน้ำ . ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของ Patriot Polling สถาบันวิจัยสหรัฐฯ พบว่ามีพลเมืองเกาะกรีนแลนด์ 57% สนับสนุนข้อเสนอของทรัมป์ โดยโพลดังกล่าวเป็นการสอบถามผู้ตอบแบบสอบถาม 416 คน และจัดทำเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนเกาะกรีนแลนด์ ในทริปส่วนตัวพอดี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004284 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ
    .
    เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14)
    .
    เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า
    .
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
    .
    “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ”
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น
    .
    ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ . เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์ . เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14) . เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า . สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว . การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ . “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ” . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ . ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น . ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง . เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว . KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 974 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะบริหารไบเดนเสนอกรอบโครงใหม่จำกัดการส่งออกชิปเอไอ หวังสกัดจีน คู่แข่งตัวกลั่นในสงครามไฮเทค แต่กลับกลายเป็นการสร้างความกังวลในหมู่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ ตลอดจนถึงอียู
    .
    ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเจ้าหน้าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุชัดเจนว่า กฎใหม่หล่านี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน ดังนั้นจึงทำให้คณะบริหารของทรัมป์ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะสานต่อหรือยกเลิกกรอบโครงเหล่านี้ที่จะส่งผลกระทบต่อ 120 ประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเตือนว่า การระงับการใช้กฎนี้อาจเท่ากับเปิดโอกาสให้จีนมีเวลาสะสมมากขึ้นในการสะสมฮาร์ดแวร์ที่มาจากอเมริกา
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวอ้างเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) ว่า เดิมพันจะสูงมาก หากจีนกลายเป็นผู้กำหนดอนาคตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
    .
    จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ขานรับว่า สิ่งสำคัญคือการรักษาความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านเอไอและการพัฒนาชิปเกี่ยวกับเอไอ และเสริมว่า กรอบโครงนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องเทคโนโลยีเอไอขั้นสูงสุด และให้ความมั่นใจว่า เทคโนโลยีนี้จะไม่ตกอยู่ในมือศัตรูต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันจะสามารถเผยแพร่และแบ่งปันประโยชน์กับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของอเมริกา
    .
    แม้คณะบริหารชุดนี้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกกับศัตรู เช่น จีนและรัสเซียไปแล้ว แต่พวกเขาอ้างว่าบางมาตรการยังมีช่องโหว่ และกฎล่าสุดมุ่งจะตั้งข้อจำกัดกับประเทศต่างๆ ในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น
    .
    ด้าน เอ็ด มิลส์ นักวิเคราะห์ของ เรย์มอนด์ เจมส์ ชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศูนย์ข้อมูลในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัทจีนใช้ศูนย์เหล่านั้นในการสร้างโมเดลเอไอด้วยเทคโนโลยีที่ตนเองไม่สามารถนำเข้าสู่จีนได้โดยตรง
    .
    อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้ว สภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอเมริกาเตือนไรมอนโดว่า การเร่งรีบใช้กฎใหม่ของคณะบริหารเดโมแครต อาจกลายเป็นการบ่อนทำลายห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้บริษัทอเมริกันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกา (เอสไอเอ) แสดงความเห็นว่า ผิดหวังที่มีการเร่งรัดผลักดันนโยบายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านคณะบริหาร
    .
    จอห์น นิวเฟอร์ ประธานและซีอีโอเอสไอเอ เตือนว่า กฎใหม่เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายยาวนานโดยไม่ตั้งใจกับเศรษฐกิจและขีดความสามารถแข่งขันระดับโลกของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และเอไอของอเมริกา เนื่องจากการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการยกตลาดสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่พวกคู่แข่ง
    .
    เอ็นวิเดีย บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ โพสต์บนบล็อก สำทับว่า แม้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านจีน แต่มาตรการนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงของอเมริกาแต่อย่างใด
    .
    กฎใหม่นี้เนื้อหาสำคัญคือยกระดับการควบคุมการส่งออกชิป ด้วยการกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาตสำหรับการส่งออก รวมทั้งการส่งออกต่อ และการถ่ายโอนภายในประเทศ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลเอไอต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นหากต้องการนำเข้าชิป รวมทั้งมีการเพิ่มความเข้มงวดในการแชร์โมเดลเอไอล้ำสมัย
    .
    กฎใหม่เหล่านี้มีข้อยกเว้นหลายอย่างสำหรับพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญราว 20 ชาติ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอังกฤษ
    .
    อย่างไรก็ดี การตั้งข้อจำกัดกับบางประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้เจ้าหน้าที่บรัสเซลส์ออกมาคัดค้านโดยระบุว่า การขายชิปเอไอขั้นสูงให้สมาชิกอียูถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับอเมริกา ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    .
    ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีนโยบายใหม่ของไบเดนว่า ละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ พร้อมประกาศปกป้องผลประโยชน์ของชาติเต็มที่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004280
    ..............
    Sondhi X
    คณะบริหารไบเดนเสนอกรอบโครงใหม่จำกัดการส่งออกชิปเอไอ หวังสกัดจีน คู่แข่งตัวกลั่นในสงครามไฮเทค แต่กลับกลายเป็นการสร้างความกังวลในหมู่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ ตลอดจนถึงอียู . ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเจ้าหน้าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุชัดเจนว่า กฎใหม่หล่านี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน ดังนั้นจึงทำให้คณะบริหารของทรัมป์ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะสานต่อหรือยกเลิกกรอบโครงเหล่านี้ที่จะส่งผลกระทบต่อ 120 ประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเตือนว่า การระงับการใช้กฎนี้อาจเท่ากับเปิดโอกาสให้จีนมีเวลาสะสมมากขึ้นในการสะสมฮาร์ดแวร์ที่มาจากอเมริกา . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวอ้างเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) ว่า เดิมพันจะสูงมาก หากจีนกลายเป็นผู้กำหนดอนาคตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) . จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ขานรับว่า สิ่งสำคัญคือการรักษาความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านเอไอและการพัฒนาชิปเกี่ยวกับเอไอ และเสริมว่า กรอบโครงนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องเทคโนโลยีเอไอขั้นสูงสุด และให้ความมั่นใจว่า เทคโนโลยีนี้จะไม่ตกอยู่ในมือศัตรูต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันจะสามารถเผยแพร่และแบ่งปันประโยชน์กับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของอเมริกา . แม้คณะบริหารชุดนี้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกกับศัตรู เช่น จีนและรัสเซียไปแล้ว แต่พวกเขาอ้างว่าบางมาตรการยังมีช่องโหว่ และกฎล่าสุดมุ่งจะตั้งข้อจำกัดกับประเทศต่างๆ ในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น . ด้าน เอ็ด มิลส์ นักวิเคราะห์ของ เรย์มอนด์ เจมส์ ชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศูนย์ข้อมูลในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัทจีนใช้ศูนย์เหล่านั้นในการสร้างโมเดลเอไอด้วยเทคโนโลยีที่ตนเองไม่สามารถนำเข้าสู่จีนได้โดยตรง . อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้ว สภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอเมริกาเตือนไรมอนโดว่า การเร่งรีบใช้กฎใหม่ของคณะบริหารเดโมแครต อาจกลายเป็นการบ่อนทำลายห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้บริษัทอเมริกันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ . ต่อมาในวันจันทร์ สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกา (เอสไอเอ) แสดงความเห็นว่า ผิดหวังที่มีการเร่งรัดผลักดันนโยบายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านคณะบริหาร . จอห์น นิวเฟอร์ ประธานและซีอีโอเอสไอเอ เตือนว่า กฎใหม่เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายยาวนานโดยไม่ตั้งใจกับเศรษฐกิจและขีดความสามารถแข่งขันระดับโลกของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และเอไอของอเมริกา เนื่องจากการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการยกตลาดสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่พวกคู่แข่ง . เอ็นวิเดีย บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ โพสต์บนบล็อก สำทับว่า แม้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านจีน แต่มาตรการนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงของอเมริกาแต่อย่างใด . กฎใหม่นี้เนื้อหาสำคัญคือยกระดับการควบคุมการส่งออกชิป ด้วยการกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาตสำหรับการส่งออก รวมทั้งการส่งออกต่อ และการถ่ายโอนภายในประเทศ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลเอไอต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นหากต้องการนำเข้าชิป รวมทั้งมีการเพิ่มความเข้มงวดในการแชร์โมเดลเอไอล้ำสมัย . กฎใหม่เหล่านี้มีข้อยกเว้นหลายอย่างสำหรับพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญราว 20 ชาติ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอังกฤษ . อย่างไรก็ดี การตั้งข้อจำกัดกับบางประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้เจ้าหน้าที่บรัสเซลส์ออกมาคัดค้านโดยระบุว่า การขายชิปเอไอขั้นสูงให้สมาชิกอียูถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับอเมริกา ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านความมั่นคง . ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีนโยบายใหม่ของไบเดนว่า ละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ พร้อมประกาศปกป้องผลประโยชน์ของชาติเต็มที่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004280 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 972 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนที่รายชื่อใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
    😂😂
    แผนที่รายชื่อใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ 😂😂
    Like
    Haha
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การลงทุนที่คุ้มค่าของทรัมป์"

    ไม่ว่าอเมริกาต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ในการได้เกาะกรีนแลนด์ที่มีประชากรเพียง 57,000 คนมาครอบครอง แต่คงไม่มากไปกว่างบประมาณด้านกองทัพที่อเมริกาต้องจ่ายอยู่ทุกวันนี้

    แลกกับจุดยุทธศาสตร์ ทรัพยากร และเส้นทางเดินเรือในอาร์กติกที่สหรัฐฯ จะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก

    นอกจากนี้ จำนวนเงินที่ใส่ลงไป คนที่รับเงินก็คือชาวกรีนแลนด์ที่อาจได้สัญชาติอเมริกันต่ออีกด้วย และเงินเหล่านี้จะยังอยู่ในวงจรเศรษฐกิจของอเมริกาต่อไป
    "การลงทุนที่คุ้มค่าของทรัมป์" ไม่ว่าอเมริกาต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ในการได้เกาะกรีนแลนด์ที่มีประชากรเพียง 57,000 คนมาครอบครอง แต่คงไม่มากไปกว่างบประมาณด้านกองทัพที่อเมริกาต้องจ่ายอยู่ทุกวันนี้ แลกกับจุดยุทธศาสตร์ ทรัพยากร และเส้นทางเดินเรือในอาร์กติกที่สหรัฐฯ จะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก นอกจากนี้ จำนวนเงินที่ใส่ลงไป คนที่รับเงินก็คือชาวกรีนแลนด์ที่อาจได้สัญชาติอเมริกันต่ออีกด้วย และเงินเหล่านี้จะยังอยู่ในวงจรเศรษฐกิจของอเมริกาต่อไป
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด
    .
    ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย
    .
    "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน"
    .
    จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.)
    .
    ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร"
    .
    จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง"
    .
    จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน
    .
    แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919
    ..............
    Sondhi X
    สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด . ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย . "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน" . จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.) . ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร" . จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" . จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์ . หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ . เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน . แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1049 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง
    .
    หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021
    .
    “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ
    .
    ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?”
    .
    และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก
    .
    อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้
    .
    ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย”
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา”
    .
    ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง
    .
    ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก
    .
    ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้
    .
    มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
    .
    ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด
    .
    รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง
    .
    แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง
    .
    เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง
    .
    และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้
    .
    ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน
    .
    ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni)
    .
    ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
    .
    เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน”
    .
    เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.
    .
    สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน
    .
    เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916
    ..............
    Sondhi X
    เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง . หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021 . “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ . ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?” . และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก . อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้ . ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย” . ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา” . ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง . ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก . ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้ . มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ . ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด . รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง . แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง . เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง . และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ . ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน . ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) . ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ . เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน” . เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. . สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน . เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts