• เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อต้นแบบมะเร็งถูกส่งขึ้นไปโคจรเพื่อช่วยรักษาคนบนโลก

    ในห้องทดลองที่ลอยอยู่เหนือโลกกว่า 400 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์กำลังทำสิ่งที่ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์—พวกเขากำลังปลูกเนื้อมะเร็งจริงจากผู้ป่วยในสภาวะไร้น้ำหนัก เพื่อศึกษาว่ามะเร็งตอบสนองต่อยาอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากโลก

    บริษัท Encapsulate ได้พัฒนาเทคโนโลยี “tumor-on-a-chip” ที่สามารถปลูกเนื้อมะเร็งขนาดเล็กจากตัวอย่างชีวภาพของผู้ป่วยให้เติบโตเป็นสามมิติในอวกาศ ซึ่งช่วยให้เห็นพฤติกรรมของเซลล์มะเร็งได้ชัดเจนขึ้นกว่าการทดลองบนโลก เพราะในอวกาศ เซลล์ไม่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงลง ทำให้สามารถรวมตัวกันได้เหมือนในร่างกายมนุษย์จริงๆ

    การทดลองนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีล้ำยุค แต่เป็นก้าวสำคัญของ “การรักษาแบบเฉพาะบุคคล” หรือ personalized medicine ที่จะช่วยให้แพทย์เลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก

    และไม่ใช่แค่ในอวกาศ—บนโลกก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน เช่น รัสเซียกำลังทดลองวัคซีนมะเร็งแบบ mRNA ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยใช้ AI หรือในเดนมาร์กที่ใช้ AI สร้างโปรตีนขนาดเล็กเพื่อฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้จำแนกและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ

    นักวิทยาศาสตร์ปลูกเนื้อมะเร็งในอวกาศเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อยา
    ใช้เทคโนโลยี tumor-on-a-chip จากบริษัท Encapsulate
    เติบโตในสภาพไร้น้ำหนักเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมในร่างกายมนุษย์

    การทดลองอยู่ภายใต้โครงการ In Space Production Applications ของ NASA
    ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.88 ล้านดอลลาร์จาก NASA และ NSF

    มีการทดลองร่วมกับศูนย์มะเร็งชั้นนำในสหรัฐฯ
    ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับอ่อนกว่า 200 ราย

    ระบบทดลองในอวกาศเป็นแบบอัตโนมัติ
    นักบินอวกาศเพียงแค่เสียบอุปกรณ์เหมือนเครื่องชงกาแฟ

    ผลการทดลองพบว่าเนื้อมะเร็งตอบสนองต่อยาแตกต่างจากบนโลก
    อาจช่วยระบุตัวบ่งชี้ใหม่ในการแพร่กระจายหรือดื้อยา

    https://www.techspot.com/news/108922-scientists-growing-tumors-space-study-how-personalize-cancer.html
    👨‍🚀 เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อต้นแบบมะเร็งถูกส่งขึ้นไปโคจรเพื่อช่วยรักษาคนบนโลก ในห้องทดลองที่ลอยอยู่เหนือโลกกว่า 400 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์กำลังทำสิ่งที่ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์—พวกเขากำลังปลูกเนื้อมะเร็งจริงจากผู้ป่วยในสภาวะไร้น้ำหนัก เพื่อศึกษาว่ามะเร็งตอบสนองต่อยาอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากโลก บริษัท Encapsulate ได้พัฒนาเทคโนโลยี “tumor-on-a-chip” ที่สามารถปลูกเนื้อมะเร็งขนาดเล็กจากตัวอย่างชีวภาพของผู้ป่วยให้เติบโตเป็นสามมิติในอวกาศ ซึ่งช่วยให้เห็นพฤติกรรมของเซลล์มะเร็งได้ชัดเจนขึ้นกว่าการทดลองบนโลก เพราะในอวกาศ เซลล์ไม่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงลง ทำให้สามารถรวมตัวกันได้เหมือนในร่างกายมนุษย์จริงๆ การทดลองนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีล้ำยุค แต่เป็นก้าวสำคัญของ “การรักษาแบบเฉพาะบุคคล” หรือ personalized medicine ที่จะช่วยให้แพทย์เลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก และไม่ใช่แค่ในอวกาศ—บนโลกก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน เช่น รัสเซียกำลังทดลองวัคซีนมะเร็งแบบ mRNA ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยใช้ AI หรือในเดนมาร์กที่ใช้ AI สร้างโปรตีนขนาดเล็กเพื่อฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้จำแนกและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ ✅ นักวิทยาศาสตร์ปลูกเนื้อมะเร็งในอวกาศเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อยา ➡️ ใช้เทคโนโลยี tumor-on-a-chip จากบริษัท Encapsulate ➡️ เติบโตในสภาพไร้น้ำหนักเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมในร่างกายมนุษย์ ✅ การทดลองอยู่ภายใต้โครงการ In Space Production Applications ของ NASA ➡️ ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.88 ล้านดอลลาร์จาก NASA และ NSF ✅ มีการทดลองร่วมกับศูนย์มะเร็งชั้นนำในสหรัฐฯ ➡️ ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับอ่อนกว่า 200 ราย ✅ ระบบทดลองในอวกาศเป็นแบบอัตโนมัติ ➡️ นักบินอวกาศเพียงแค่เสียบอุปกรณ์เหมือนเครื่องชงกาแฟ ✅ ผลการทดลองพบว่าเนื้อมะเร็งตอบสนองต่อยาแตกต่างจากบนโลก ➡️ อาจช่วยระบุตัวบ่งชี้ใหม่ในการแพร่กระจายหรือดื้อยา https://www.techspot.com/news/108922-scientists-growing-tumors-space-study-how-personalize-cancer.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists are growing tumors in space to study how to personalize cancer treatment
    In a laboratory more than 249 miles above Earth, a new generation of cancer research is unfolding. A biotech startup is harnessing the microgravity environment of the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    เทคโนโลยีโดรนก้าวหน้าไปอีกขั้น

    วิดีโอ 1 - ในประเทศจีนสามารถสร้างโดรนที่สามารถบินได้ในทุกสภาพภูมิประเทศทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ บินในอากาศ และบนบกได้

    วิดีโอ 2 - อันเดรย์ โคปาซี (Andrei Copaci) นักศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก ได้สร้างโดรนไฮบริดที่สามารถบินได้ทั้งใต้น้ำและบนอากาศ โคปาซีใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปในการเขียนโค้ดคำสั่ง ร่วมกับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เขาทำงานร่วมกับศาสตราจารย์เปตาร์ ดูร์เดวิช (Petar Durdevic) อาจารย์ที่ปรึกษา โดยกล่าวว่าแบบของโดรนจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายบางส่วนเสร็จสิ้นแล้ว
    2/ เทคโนโลยีโดรนก้าวหน้าไปอีกขั้น วิดีโอ 1 - ในประเทศจีนสามารถสร้างโดรนที่สามารถบินได้ในทุกสภาพภูมิประเทศทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ บินในอากาศ และบนบกได้ วิดีโอ 2 - อันเดรย์ โคปาซี (Andrei Copaci) นักศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก ได้สร้างโดรนไฮบริดที่สามารถบินได้ทั้งใต้น้ำและบนอากาศ โคปาซีใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปในการเขียนโค้ดคำสั่ง ร่วมกับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เขาทำงานร่วมกับศาสตราจารย์เปตาร์ ดูร์เดวิช (Petar Durdevic) อาจารย์ที่ปรึกษา โดยกล่าวว่าแบบของโดรนจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายบางส่วนเสร็จสิ้นแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 1/
    เทคโนโลยีโดรนก้าวหน้าไปอีกขั้น

    วิดีโอ 1 - ในประเทศจีนสามารถสร้างโดรนที่สามารถบินได้ในทุกสภาพภูมิประเทศทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ บินในอากาศ และบนบกได้

    วิดีโอ 2 - อันเดรย์ โคปาซี (Andrei Copaci) นักศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก ได้สร้างโดรนไฮบริดที่สามารถบินได้ทั้งใต้น้ำและบนอากาศ โคปาซีใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปในการเขียนโค้ดคำสั่ง ร่วมกับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เขาทำงานร่วมกับศาสตราจารย์เปตาร์ ดูร์เดวิช (Petar Durdevic) อาจารย์ที่ปรึกษา โดยกล่าวว่าแบบของโดรนจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายบางส่วนเสร็จสิ้นแล้ว
    1/ เทคโนโลยีโดรนก้าวหน้าไปอีกขั้น วิดีโอ 1 - ในประเทศจีนสามารถสร้างโดรนที่สามารถบินได้ในทุกสภาพภูมิประเทศทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ บินในอากาศ และบนบกได้ วิดีโอ 2 - อันเดรย์ โคปาซี (Andrei Copaci) นักศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก ได้สร้างโดรนไฮบริดที่สามารถบินได้ทั้งใต้น้ำและบนอากาศ โคปาซีใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปในการเขียนโค้ดคำสั่ง ร่วมกับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เขาทำงานร่วมกับศาสตราจารย์เปตาร์ ดูร์เดวิช (Petar Durdevic) อาจารย์ที่ปรึกษา โดยกล่าวว่าแบบของโดรนจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหลังจากรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายบางส่วนเสร็จสิ้นแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เยอรมนี นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ แคนาดา และฟินแลนด์ ตกลงตามแผนของทรัมป์ในการจัดหาอาวุธให้กับยูเครน

    -Wall Street Journal รายงาน
    เยอรมนี นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ แคนาดา และฟินแลนด์ ตกลงตามแผนของทรัมป์ในการจัดหาอาวุธให้กับยูเครน -Wall Street Journal รายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกควอนตัม: เดนมาร์กเตรียมสร้าง “Magne” คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก

    มูลนิธิ Novo Nordisk Foundation ร่วมกับกองทุนรัฐของเดนมาร์ก (EIFO) ประกาศลงทุน 80 ล้านยูโร (ประมาณ 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการ QuNorth เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการค้นพบใหม่ในด้านเภสัชกรรม เคมี และวัสดุศาสตร์

    คอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องนี้จะมีชื่อว่า “Magne” ตามชื่อบุตรของเทพธอร์ในตำนานนอร์ส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังมหาศาล โดยจะเริ่มก่อสร้างในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี 2026

    Microsoft ซึ่งมีห้องวิจัยควอนตัมใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก จะเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ส่วน Atom Computing จะรับหน้าที่สร้างฮาร์ดแวร์ โดยเริ่มต้นด้วย 50 logical qubits ซึ่งเป็นระดับที่เริ่มแสดง “quantum advantage” หรือความสามารถที่เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป

    Jason Zander รองประธานของ Microsoft ระบุว่า เมื่อถึงระดับ 100 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ได้ และเมื่อถึง 1,000 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางเคมีและฟิสิกส์ที่ซับซ้อนได้อย่างแท้จริง

    เดนมาร์กลงทุน 80 ล้านยูโรในโครงการ QuNorth
    เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก

    คอมพิวเตอร์จะมีชื่อว่า “Magne” ตามตำนานนอร์ส
    สื่อถึงพลังและความแข็งแกร่งของระบบ

    Microsoft จะพัฒนาซอฟต์แวร์ควอนตัม
    โดยใช้ประสบการณ์จากห้องวิจัยควอนตัมในเดนมาร์ก

    Atom Computing จะสร้างฮาร์ดแวร์ของระบบ
    เริ่มต้นด้วย 50 logical qubits

    50 qubits คือระดับที่เริ่มแสดง quantum advantage
    สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้

    เมื่อถึง 100–1,000 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และเคมีขั้นสูง
    เช่น การจำลองโมเลกุลหรือวัสดุใหม่ที่ซับซ้อน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/17/denmark-aims-to-host-worlds-most-powerful-quantum-computer
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกควอนตัม: เดนมาร์กเตรียมสร้าง “Magne” คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก มูลนิธิ Novo Nordisk Foundation ร่วมกับกองทุนรัฐของเดนมาร์ก (EIFO) ประกาศลงทุน 80 ล้านยูโร (ประมาณ 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการ QuNorth เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการค้นพบใหม่ในด้านเภสัชกรรม เคมี และวัสดุศาสตร์ คอมพิวเตอร์ควอนตัมเครื่องนี้จะมีชื่อว่า “Magne” ตามชื่อบุตรของเทพธอร์ในตำนานนอร์ส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังมหาศาล โดยจะเริ่มก่อสร้างในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี 2026 Microsoft ซึ่งมีห้องวิจัยควอนตัมใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก จะเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ส่วน Atom Computing จะรับหน้าที่สร้างฮาร์ดแวร์ โดยเริ่มต้นด้วย 50 logical qubits ซึ่งเป็นระดับที่เริ่มแสดง “quantum advantage” หรือความสามารถที่เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป Jason Zander รองประธานของ Microsoft ระบุว่า เมื่อถึงระดับ 100 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ได้ และเมื่อถึง 1,000 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางเคมีและฟิสิกส์ที่ซับซ้อนได้อย่างแท้จริง ✅ เดนมาร์กลงทุน 80 ล้านยูโรในโครงการ QuNorth ➡️ เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทรงพลังที่สุดในโลก ✅ คอมพิวเตอร์จะมีชื่อว่า “Magne” ตามตำนานนอร์ส ➡️ สื่อถึงพลังและความแข็งแกร่งของระบบ ✅ Microsoft จะพัฒนาซอฟต์แวร์ควอนตัม ➡️ โดยใช้ประสบการณ์จากห้องวิจัยควอนตัมในเดนมาร์ก ✅ Atom Computing จะสร้างฮาร์ดแวร์ของระบบ ➡️ เริ่มต้นด้วย 50 logical qubits ✅ 50 qubits คือระดับที่เริ่มแสดง quantum advantage ➡️ สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ ✅ เมื่อถึง 100–1,000 qubits จะสามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และเคมีขั้นสูง ➡️ เช่น การจำลองโมเลกุลหรือวัสดุใหม่ที่ซับซ้อน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/17/denmark-aims-to-host-worlds-most-powerful-quantum-computer
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Denmark aims to host world’s most powerful quantum computer
    STOCKHOLM/COPENHAGEN (Reuters) -The Novo Nordisk Foundation and Denmark's state-owned credit fund said on Thursday they will invest in what they say will be the world's most powerful quantum computer, aiming to revolutionize areas such as drug discovery and materials science.Quantum computing holds the promise of carrying out calculations that would take today's systems millions of years and could unlock discoveries in medicine, chemistry and many other fields where near-infinite seas of possible combinations of molecules confound classical computers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ถูกแบนในเช็ก – เพราะอาจส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน

    DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวแอปบน iOS และ Android ในเดือนมกราคม 2025 โดยสามารถแซง ChatGPT ขึ้นอันดับหนึ่งใน App Store ได้ในหลายประเทศ

    แต่ความนิยมนี้กลับมาพร้อมกับความกังวลด้านความมั่นคง เมื่อหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของเช็ก (NÚKIB) ออกรายงานเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ระบุว่า DeepSeek และบริษัทแม่ High-Flyer มี “ความเชื่อมโยงลึก” กับรัฐบาลจีน และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูล

    รายงานอ้างถึงกฎหมายจีนหลายฉบับ เช่น:
    - กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
    - กฎหมายข่าวกรองแห่งชาติ
    - กฎหมายต่อต้านการจารกรรม

    ซึ่งทั้งหมดบังคับให้บริษัทจีนต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล ไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะอยู่ประเทศใดก็ตาม

    ผลคือ Czechia ประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek ในเกือบทุกกรณี ยกเว้นสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท

    ประเทศอื่น ๆ ที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ (รวมถึงกองทัพเรือและ NASA), แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน

    NÚKIB ระบุว่า “ความกังวลต่อ DeepSeek ไม่ได้เกิดจากวัฒนธรรมร่วมกันหรือภูมิศาสตร์ แต่เป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นกลาง” และคาดว่าประเทศอื่น ๆ จะออกมาตรการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - รัฐบาลเช็กประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์
    - DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมในปี 2025
    - หน่วยงาน NÚKIB ระบุว่า DeepSeek มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน
    - อ้างถึงกฎหมายจีนที่บังคับให้บริษัทต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล
    - การแบนครอบคลุมทุกกรณี ยกเว้นนักวิจัยและการใช้งานแบบ self-host ที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    - ประเทศอื่นที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้ใช้ DeepSeek อาจเสี่ยงต่อการถูกเก็บข้อมูลและส่งต่อให้รัฐบาลจีนโดยไม่รู้ตัว
    - กฎหมายจีนมีอำนาจเหนือบริษัทจีนแม้จะให้บริการในต่างประเทศ
    - การใช้งานโมเดล AI ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์จีนอาจเปิดช่องให้เกิดการจารกรรมข้อมูล
    - องค์กรควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการจากบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลต่างชาติในงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญ
    - การใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สควรทำแบบ self-host เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลออกนอกองค์กร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/czechia-warns-that-deepseek-can-share-all-user-information-with-the-chinese-government
    DeepSeek ถูกแบนในเช็ก – เพราะอาจส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวแอปบน iOS และ Android ในเดือนมกราคม 2025 โดยสามารถแซง ChatGPT ขึ้นอันดับหนึ่งใน App Store ได้ในหลายประเทศ แต่ความนิยมนี้กลับมาพร้อมกับความกังวลด้านความมั่นคง เมื่อหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของเช็ก (NÚKIB) ออกรายงานเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ระบุว่า DeepSeek และบริษัทแม่ High-Flyer มี “ความเชื่อมโยงลึก” กับรัฐบาลจีน และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูล รายงานอ้างถึงกฎหมายจีนหลายฉบับ เช่น: - กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ - กฎหมายข่าวกรองแห่งชาติ - กฎหมายต่อต้านการจารกรรม ซึ่งทั้งหมดบังคับให้บริษัทจีนต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล ไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะอยู่ประเทศใดก็ตาม ผลคือ Czechia ประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek ในเกือบทุกกรณี ยกเว้นสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ประเทศอื่น ๆ ที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ (รวมถึงกองทัพเรือและ NASA), แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน NÚKIB ระบุว่า “ความกังวลต่อ DeepSeek ไม่ได้เกิดจากวัฒนธรรมร่วมกันหรือภูมิศาสตร์ แต่เป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นกลาง” และคาดว่าประเทศอื่น ๆ จะออกมาตรการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - รัฐบาลเช็กประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์ - DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมในปี 2025 - หน่วยงาน NÚKIB ระบุว่า DeepSeek มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน - อ้างถึงกฎหมายจีนที่บังคับให้บริษัทต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล - การแบนครอบคลุมทุกกรณี ยกเว้นนักวิจัยและการใช้งานแบบ self-host ที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท - ประเทศอื่นที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้ใช้ DeepSeek อาจเสี่ยงต่อการถูกเก็บข้อมูลและส่งต่อให้รัฐบาลจีนโดยไม่รู้ตัว - กฎหมายจีนมีอำนาจเหนือบริษัทจีนแม้จะให้บริการในต่างประเทศ - การใช้งานโมเดล AI ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์จีนอาจเปิดช่องให้เกิดการจารกรรมข้อมูล - องค์กรควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการจากบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลต่างชาติในงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญ - การใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สควรทำแบบ self-host เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลออกนอกองค์กร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/czechia-warns-that-deepseek-can-share-all-user-information-with-the-chinese-government
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Czechia warns that DeepSeek can share all user information with the Chinese government
    U.S. lawmakers issued similar warnings after the China-based AI company released its eponymous chatbot.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีประกาศเดนมาร์กทำข้อตกลงเกี่ยวกับการผลิตอาวุธเพื่อยูเครน ซึ่งจะเป็นไปในรูปแบบการผลิตร่วมกันระหว่างยูเครนและเดนมาร์ก โดยที่โรงงานจะตั้งอยู่ในยุโรป

    ในขณะที่ทางด้านเดนมาร์กประกาศจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ยูเครนเข้าร่วมสหภาพยุโรป
    เซเลนสกีประกาศเดนมาร์กทำข้อตกลงเกี่ยวกับการผลิตอาวุธเพื่อยูเครน ซึ่งจะเป็นไปในรูปแบบการผลิตร่วมกันระหว่างยูเครนและเดนมาร์ก โดยที่โรงงานจะตั้งอยู่ในยุโรป ในขณะที่ทางด้านเดนมาร์กประกาศจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ยูเครนเข้าร่วมสหภาพยุโรป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ AI ทำภาพปลอมเหมือนจริงจนแยกไม่ออก และมีคลิปเสียงปลอมที่เหมือนดาราหรือผู้มีชื่อเสียงพูดสิ่งที่ไม่เคยพูดจริง — รัฐบาลเดนมาร์กบอกว่า "ถึงเวลาแล้วที่เราต้องปกป้องสิทธิ์ของพลเมืองจากการถูก 'ทำซ้ำทางดิจิทัล' โดยไม่ได้ยินยอม"

    สิ่งที่เดนมาร์กกำลังจะทำไม่ใช่แค่ห้ามทำ deepfake เล่น ๆ แต่คือออกกฎหมายปรับแก้ลิขสิทธิ์ให้:
    - ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในใบหน้า เสียง และรูปลักษณ์ของตนเอง
    - ถ้ามีใครใช้ AI ทำล้อเลียน เสียหาย หรือเอาไปใช้ในโฆษณาโดยไม่ได้ขอ → สามารถฟ้องให้ “ลบออก” ได้ทันที
    - แพลตฟอร์มที่ไม่ลบ deepfake เหล่านี้จะถูกลงโทษ “ค่าปรับรุนแรง” เพื่อบังคับให้รับผิดชอบ

    รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม Jakob Engel-Schmidt บอกว่า “มนุษย์ไม่ควรถูกเอาไปใส่ใน ‘เครื่องถ่ายเอกสารดิจิทัล’ เพื่อสร้างภาพหลอกลวงใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม” — กฎหมายฉบับนี้ยังป้องกันไม่ให้ AI ลอกเลียนเสียง–ภาพศิลปินโดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกด้วย

    https://www.techspot.com/news/108485-landmark-deepfake-law-aims-give-danish-citizens-legal.html
    ในยุคที่ AI ทำภาพปลอมเหมือนจริงจนแยกไม่ออก และมีคลิปเสียงปลอมที่เหมือนดาราหรือผู้มีชื่อเสียงพูดสิ่งที่ไม่เคยพูดจริง — รัฐบาลเดนมาร์กบอกว่า "ถึงเวลาแล้วที่เราต้องปกป้องสิทธิ์ของพลเมืองจากการถูก 'ทำซ้ำทางดิจิทัล' โดยไม่ได้ยินยอม" สิ่งที่เดนมาร์กกำลังจะทำไม่ใช่แค่ห้ามทำ deepfake เล่น ๆ แต่คือออกกฎหมายปรับแก้ลิขสิทธิ์ให้: - ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในใบหน้า เสียง และรูปลักษณ์ของตนเอง - ถ้ามีใครใช้ AI ทำล้อเลียน เสียหาย หรือเอาไปใช้ในโฆษณาโดยไม่ได้ขอ → สามารถฟ้องให้ “ลบออก” ได้ทันที - แพลตฟอร์มที่ไม่ลบ deepfake เหล่านี้จะถูกลงโทษ “ค่าปรับรุนแรง” เพื่อบังคับให้รับผิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม Jakob Engel-Schmidt บอกว่า “มนุษย์ไม่ควรถูกเอาไปใส่ใน ‘เครื่องถ่ายเอกสารดิจิทัล’ เพื่อสร้างภาพหลอกลวงใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม” — กฎหมายฉบับนี้ยังป้องกันไม่ให้ AI ลอกเลียนเสียง–ภาพศิลปินโดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์อีกด้วย https://www.techspot.com/news/108485-landmark-deepfake-law-aims-give-danish-citizens-legal.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Landmark deepfake law aims to give Denmark's citizens rights over their image, voice, and likeness
    Denmark has proposed sweeping legislation to curb the rise of AI-generated deepfakes, positioning itself as a leader in European digital rights protection. The suggested amendment to Danish...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้เพิ่งประกาศยืนยันว่าเดนมาร์กจะเป็นประเทศแรกที่จะเริ่มการผลิตอาวุธป้องกันประเทศร่วมกับยูเครน
    เซเลนสกี้เพิ่งประกาศยืนยันว่าเดนมาร์กจะเป็นประเทศแรกที่จะเริ่มการผลิตอาวุธป้องกันประเทศร่วมกับยูเครน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • พระราชาเดนมาร์ก​ทรงลาออกจากราชบัลลังก์​
    เป็น​ข่าวใหญ่​ที่สุดของสหภาพยุโรป

    https://youtu.be/NzEvDeWVtcw
    พระราชาเดนมาร์ก​ทรงลาออกจากราชบัลลังก์​ เป็น​ข่าวใหญ่​ที่สุดของสหภาพยุโรป https://youtu.be/NzEvDeWVtcw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Data centre คือหัวใจของยุค AI เพราะใช้เก็บและประมวลผลข้อมูลจากทั้งแอปฯ แชต, รูป, โมเดลปัญญาประดิษฐ์ยักษ์ ๆ อย่าง GPT, Gemini และ Llama — และมันกินไฟมหาศาล!

    ทุกวันนี้ศูนย์ข้อมูลใหญ่ ๆ ของยุโรปกระจุกอยู่ใน 5 เมืองหลัก: แฟรงก์เฟิร์ต, ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส และดับลิน แต่ปัญหาคือ... จะเชื่อมศูนย์ข้อมูลใหม่เข้ากับระบบไฟฟ้าในเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 7–13 ปี! ทำให้ผู้พัฒนาจำนวนมากหันไปหาประเทศที่วางแผนโครงสร้างพื้นฐานได้เร็วกว่า เช่น อิตาลี เชื่อมไฟได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น

    รายงานเตือนว่า ถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภายในปี 2035 มีโอกาสสูงที่ศูนย์ข้อมูล ครึ่งหนึ่ง ของยุโรปจะย้ายไปอยู่นอกฮับหลักเดิมเลย — นี่หมายถึงการสูญเสียการลงทุนระดับพันล้านยูโรต่อประเทศ และตำแหน่งงานจำนวนมาก เช่นในเยอรมนี ปี 2024 ศูนย์ข้อมูลสร้าง GDP ได้กว่า €10.4B และคาดว่าจะมากกว่าสองเท่าในปี 2029 หากไม่มีอุปสรรค

    เฉพาะฝรั่งเศสเท่านั้นที่ยังรักษาเสถียรภาพได้ เพราะระบบสายส่งไฟยังไม่ติดคอขวดมากเท่าประเทศอื่น

    Ember ชี้การวางแผนระบบไฟฟ้าช้า กระทบการกระจายศูนย์ข้อมูลในยุโรป  
    • การเชื่อม Data Centre เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าใช้เวลานาน 7–13 ปีในฮับหลัก  
    • ทำให้นักลงทุนเบนเข็มไปยังประเทศที่เชื่อมได้เร็ว เช่น อิตาลี ใช้แค่ 3 ปี

    คาดว่าภายในปี 2035 ครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลยุโรปจะอยู่นอกฮับหลักเดิม  
    • อาจกระทบเศรษฐกิจในประเทศอย่างเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ

    ฝรั่งเศสอาจเป็นประเทศเดียวที่รักษาการลงทุนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง  
    • เพราะระบบไฟฟ้าไม่ติดปัญหาขัดข้องเหมือนชาติอื่นในกลุ่ม

    ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในยุโรปเหนือและตะวันออก  
    • เช่น สวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก: คาดว่า demand จะ เพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030  
    • ออสเตรีย, กรีซ, ฟินแลนด์, ฮังการี, อิตาลี, โปรตุเกส, สโลวาเกีย: คาดว่า ไฟที่ใช้กับ data centre จะเพิ่ม 3–5 เท่าในปี 2035

    Ember ระบุว่า “โครงข่ายไฟ” คือเครื่องมือดึงดูดการลงทุนระดับชาติในยุค AI  
    • ไม่ใช่แค่ data centre — อุตสาหกรรมทุกชนิดที่ต้องการใช้พลังงานสูงจะได้รับผล

    หากประเทศไม่เร่งลงทุนในโครงข่ายไฟและระบบอนุมัติ จะสูญเสียโอกาสหลายพันล้านยูโร  
    • ประเทศที่การเชื่อมไฟฟ้าช้า อาจถูกมองข้ามโดยผู้พัฒนา AI/data centre

    การกระจุกตัวของ data centre ในไม่กี่เมืองกำลังถึงทางตัน  
    • เกิดปัญหาคอขวด การใช้ไฟฟ้าเกินพิกัด และต้นทุนที่สูงขึ้น

    หากปล่อยให้ผู้พัฒนาเลือกที่ตั้งตามความสะดวกเรื่องไฟ โดยไม่มีแผนระดับภูมิภาค อาจเกิดการกระจายตัวแบบไม่สมดุล  
    • กระทบภาระด้านพลังงาน–สิ่งแวดล้อม และแผนเมืองในระยะยาว

    ศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าอย่างมั่นคง หากไม่มีแผนสำรองอาจกลายเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์  
    • โดยเฉพาะเมื่อระบบ cloud และ AI เข้าไปอยู่ในทุกธุรกิจภาครัฐและการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/poor-grid-planning-could-shift-europe039s-data-centre-geography-report-says
    Data centre คือหัวใจของยุค AI เพราะใช้เก็บและประมวลผลข้อมูลจากทั้งแอปฯ แชต, รูป, โมเดลปัญญาประดิษฐ์ยักษ์ ๆ อย่าง GPT, Gemini และ Llama — และมันกินไฟมหาศาล! ทุกวันนี้ศูนย์ข้อมูลใหญ่ ๆ ของยุโรปกระจุกอยู่ใน 5 เมืองหลัก: แฟรงก์เฟิร์ต, ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส และดับลิน แต่ปัญหาคือ... จะเชื่อมศูนย์ข้อมูลใหม่เข้ากับระบบไฟฟ้าในเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 7–13 ปี! ทำให้ผู้พัฒนาจำนวนมากหันไปหาประเทศที่วางแผนโครงสร้างพื้นฐานได้เร็วกว่า เช่น อิตาลี เชื่อมไฟได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น รายงานเตือนว่า ถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภายในปี 2035 มีโอกาสสูงที่ศูนย์ข้อมูล ครึ่งหนึ่ง ของยุโรปจะย้ายไปอยู่นอกฮับหลักเดิมเลย — นี่หมายถึงการสูญเสียการลงทุนระดับพันล้านยูโรต่อประเทศ และตำแหน่งงานจำนวนมาก เช่นในเยอรมนี ปี 2024 ศูนย์ข้อมูลสร้าง GDP ได้กว่า €10.4B และคาดว่าจะมากกว่าสองเท่าในปี 2029 หากไม่มีอุปสรรค เฉพาะฝรั่งเศสเท่านั้นที่ยังรักษาเสถียรภาพได้ เพราะระบบสายส่งไฟยังไม่ติดคอขวดมากเท่าประเทศอื่น ✅ Ember ชี้การวางแผนระบบไฟฟ้าช้า กระทบการกระจายศูนย์ข้อมูลในยุโรป   • การเชื่อม Data Centre เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าใช้เวลานาน 7–13 ปีในฮับหลัก   • ทำให้นักลงทุนเบนเข็มไปยังประเทศที่เชื่อมได้เร็ว เช่น อิตาลี ใช้แค่ 3 ปี ✅ คาดว่าภายในปี 2035 ครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลยุโรปจะอยู่นอกฮับหลักเดิม   • อาจกระทบเศรษฐกิจในประเทศอย่างเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ ✅ ฝรั่งเศสอาจเป็นประเทศเดียวที่รักษาการลงทุนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง   • เพราะระบบไฟฟ้าไม่ติดปัญหาขัดข้องเหมือนชาติอื่นในกลุ่ม ✅ ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในยุโรปเหนือและตะวันออก   • เช่น สวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก: คาดว่า demand จะ เพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030   • ออสเตรีย, กรีซ, ฟินแลนด์, ฮังการี, อิตาลี, โปรตุเกส, สโลวาเกีย: คาดว่า ไฟที่ใช้กับ data centre จะเพิ่ม 3–5 เท่าในปี 2035 ✅ Ember ระบุว่า “โครงข่ายไฟ” คือเครื่องมือดึงดูดการลงทุนระดับชาติในยุค AI   • ไม่ใช่แค่ data centre — อุตสาหกรรมทุกชนิดที่ต้องการใช้พลังงานสูงจะได้รับผล ‼️ หากประเทศไม่เร่งลงทุนในโครงข่ายไฟและระบบอนุมัติ จะสูญเสียโอกาสหลายพันล้านยูโร   • ประเทศที่การเชื่อมไฟฟ้าช้า อาจถูกมองข้ามโดยผู้พัฒนา AI/data centre ‼️ การกระจุกตัวของ data centre ในไม่กี่เมืองกำลังถึงทางตัน   • เกิดปัญหาคอขวด การใช้ไฟฟ้าเกินพิกัด และต้นทุนที่สูงขึ้น ‼️ หากปล่อยให้ผู้พัฒนาเลือกที่ตั้งตามความสะดวกเรื่องไฟ โดยไม่มีแผนระดับภูมิภาค อาจเกิดการกระจายตัวแบบไม่สมดุล   • กระทบภาระด้านพลังงาน–สิ่งแวดล้อม และแผนเมืองในระยะยาว ‼️ ศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าอย่างมั่นคง หากไม่มีแผนสำรองอาจกลายเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์   • โดยเฉพาะเมื่อระบบ cloud และ AI เข้าไปอยู่ในทุกธุรกิจภาครัฐและการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/poor-grid-planning-could-shift-europe039s-data-centre-geography-report-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Poor grid planning could shift Europe's data centre geography, report says
    PARIS (Reuters) -Europe's leading data centre hubs face a major shift as developers will go wherever connection times are shortest, unless there is more proactive electricity grid planning, a report on Thursday by energy think-tank Ember showed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเตรียมย้ายจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux
    รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังพิจารณาย้ายออกจากผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น Windows และ Office 365 ไปใช้ LibreOffice และระบบปฏิบัติการ Linux โดยมีเป้าหมาย ลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย

    Caroline Stage Olsen รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของเดนมาร์ก ระบุว่า กระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า และ หากพบปัญหา จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว

    ข้อมูลจากข่าว
    - รัฐบาลเดนมาร์กกำลังพิจารณาย้ายออกจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux และ LibreOffice
    - Caroline Stage Olsen ยืนยันว่ากระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า
    - หากพบปัญหาในการใช้งาน จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว
    - การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย
    - การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ถูกตัดบัญชี Microsoft หลังจากถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลทรัมป์

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
    การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกโอเพ่นซอร์สมากขึ้น และ ลดการพึ่งพา Microsoft ในภาครัฐ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice อาจมีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับไฟล์ของ Microsoft Office
    - Linux อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows
    - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของหน่วยงานรัฐหรือไม่
    - การลดการพึ่งพา Microsoft อาจทำให้เกิดความท้าทายด้านการสนับสนุนและการบำรุงรักษา

    อนาคตของ Linux และ LibreOffice ในภาครัฐ
    รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังทดสอบแนวทางใหม่ในการใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งอาจช่วยให้ ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกที่คล้ายกันในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/denmark-ditching-windows-and-office-for-linux-as-it-may-not-want-to-rely-on-microsoft-trump/
    🇩🇰 เดนมาร์กเตรียมย้ายจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังพิจารณาย้ายออกจากผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เช่น Windows และ Office 365 ไปใช้ LibreOffice และระบบปฏิบัติการ Linux โดยมีเป้าหมาย ลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย Caroline Stage Olsen รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลของเดนมาร์ก ระบุว่า กระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า และ หากพบปัญหา จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว ✅ ข้อมูลจากข่าว - รัฐบาลเดนมาร์กกำลังพิจารณาย้ายออกจาก Windows และ Office ไปใช้ Linux และ LibreOffice - Caroline Stage Olsen ยืนยันว่ากระทรวงของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice ในเดือนหน้า - หากพบปัญหาในการใช้งาน จะมีแผนสำรองในการกลับไปใช้ระบบเดิมชั่วคราว - การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางลดการพึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย - การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ถูกตัดบัญชี Microsoft หลังจากถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลทรัมป์ 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ อาจส่งผลให้ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกโอเพ่นซอร์สมากขึ้น และ ลดการพึ่งพา Microsoft ในภาครัฐ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice อาจมีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับไฟล์ของ Microsoft Office - Linux อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Windows - ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของหน่วยงานรัฐหรือไม่ - การลดการพึ่งพา Microsoft อาจทำให้เกิดความท้าทายด้านการสนับสนุนและการบำรุงรักษา 🚀 อนาคตของ Linux และ LibreOffice ในภาครัฐ รัฐบาลเดนมาร์ก กำลังทดสอบแนวทางใหม่ในการใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ซึ่งอาจช่วยให้ ประเทศอื่น ๆ พิจารณาทางเลือกที่คล้ายกันในอนาคต https://www.neowin.net/news/denmark-ditching-windows-and-office-for-linux-as-it-may-not-want-to-rely-on-microsoft-trump/
    WWW.NEOWIN.NET
    Denmark ditching Windows and Office for Linux as it may not want to rely on Microsoft, Trump
    Following Germany's move last year, Denmark is also trying to transition away from Windows and Office towards Linux.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรีนแลนด์และเดนมาร์ก เห็นพ้องกัน กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความกระเหี้ยนกระหือรือเข้ายึดครองเก้ายุทธศาสตร์ในแถบอาร์กติกแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039552

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรีนแลนด์และเดนมาร์ก เห็นพ้องกัน กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความกระเหี้ยนกระหือรือเข้ายึดครองเก้ายุทธศาสตร์ในแถบอาร์กติกแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000039552 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 996 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียประกาศพร้อมโจมตีกองกำลังทหารเดนมาร์กทันที เพราะถือว่าเป็นเป้าหมายทางทหาร หลังจากเดนมาร์กประกาศส่งทหารเข้าสู่ยูเครน โดยอ้างเหตุผลเพื่อเรียนรู้เทคนิคการทำสงครามด้วยโดรนในสถานการณ์จริง
    รัสเซียประกาศพร้อมโจมตีกองกำลังทหารเดนมาร์กทันที เพราะถือว่าเป็นเป้าหมายทางทหาร หลังจากเดนมาร์กประกาศส่งทหารเข้าสู่ยูเครน โดยอ้างเหตุผลเพื่อเรียนรู้เทคนิคการทำสงครามด้วยโดรนในสถานการณ์จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสอยากเป็นพี่ใหญ่ในยุโรป

    ฝรั่งเศสลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับเดนมาร์ก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของเดนมาร์กท่ามกลางการอ้างสิทธิ์เหนือกรีนแลนด์ของสหรัฐฯ

    ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะมีลักษณะเดียวกับการรับประกันความปลอดภัยที่เสนอให้กับยูเครน นั่นคือสามารถส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือได้ทันทีกรณีที่มีภัยคุกคาม
    ฝรั่งเศสอยากเป็นพี่ใหญ่ในยุโรป ฝรั่งเศสลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับเดนมาร์ก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของเดนมาร์กท่ามกลางการอ้างสิทธิ์เหนือกรีนแลนด์ของสหรัฐฯ ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะมีลักษณะเดียวกับการรับประกันความปลอดภัยที่เสนอให้กับยูเครน นั่นคือสามารถส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือได้ทันทีกรณีที่มีภัยคุกคาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่ออเมริกา ยึดรัสเซีย และจีนไม่ได้ อเมริกาจึงมาตั้งนานโต้ ตามสันดาน

    เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2492 (ค.ศ. 1949) สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอรเวย์ และโปรตุเกส ได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (the North Atlantic Treaty) ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2492
    วัตถุประสงค์เริ่มแรกก่อตั้ง คือ เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) และให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ
    เมื่ออเมริกา ยึดรัสเซีย และจีนไม่ได้ อเมริกาจึงมาตั้งนานโต้ ตามสันดาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2492 (ค.ศ. 1949) สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอรเวย์ และโปรตุเกส ได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (the North Atlantic Treaty) ก่อตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2492 วัตถุประสงค์เริ่มแรกก่อตั้ง คือ เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต) และให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคเปนเฮเกนโต้สหรัฐฯระบุสมควรมีความเคารพต่อเดนมาร์กที่เป็นชาติพันธมิตรนาโตใกล้ชิด ยันเสริมความมั่นคงปกป้องกรีนแลนด์เพิ่มหลังรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ และสุภาพสตรีหมายเลข 2 ต้องโดนจำกัดบินเข้าได้แต่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯบนกรีนแลนด์ส่วนทรัมป์ไม่ตัดความเป็นไปได้ใช้กำลังทหาร หลังแคนาดาหันไปจับมือออสเตรเลียลุยพัฒนาระบบเรดาร์ทหารป้องกันเขตอาร์กติกร่วมกับออสเตรเลีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030408
    โคเปนเฮเกนโต้สหรัฐฯระบุสมควรมีความเคารพต่อเดนมาร์กที่เป็นชาติพันธมิตรนาโตใกล้ชิด ยันเสริมความมั่นคงปกป้องกรีนแลนด์เพิ่มหลังรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ และสุภาพสตรีหมายเลข 2 ต้องโดนจำกัดบินเข้าได้แต่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯบนกรีนแลนด์ส่วนทรัมป์ไม่ตัดความเป็นไปได้ใช้กำลังทหาร หลังแคนาดาหันไปจับมือออสเตรเลียลุยพัฒนาระบบเรดาร์ทหารป้องกันเขตอาร์กติกร่วมกับออสเตรเลีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030408
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1342 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐแยกเขี้ยวใส่เดนมาร์กอีกครั้ง:

    "ข้อความของเราถึงเดนมาร์กนั้นเรียบง่ายมาก คุณไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีเพื่อประชาชนกรีนแลนด์ คุณยังลงทุนไม่เพียงพอกับประชาชน และโครงสร้างด้านความปลอดภัย ถึงเวลาที่มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง"
    เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐแยกเขี้ยวใส่เดนมาร์กอีกครั้ง: "ข้อความของเราถึงเดนมาร์กนั้นเรียบง่ายมาก คุณไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีเพื่อประชาชนกรีนแลนด์ คุณยังลงทุนไม่เพียงพอกับประชาชน และโครงสร้างด้านความปลอดภัย ถึงเวลาที่มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

    ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย

    มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก”
    “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้”
    พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก” “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้” พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scandinavia 12 วัน 9 คืน
    เดินทางโดย TG-การบินไทย
    09-20 ก.ค. 68

    ราคาปกติ 209,999 บาท
    ลด 10,000 บาท เหลือ 199,999 บาท
    จำนวนวัน: 12 วัน 9 คืน

    ท่องเที่ยว เดนมาร์ก, นอร์เวย์, ฟินแลนด์, สวีเดน
    รวมทุกอย่างไม่ต้องจ่ายหน้างาน!

    สนุกไปกับการสำรวจ 4 ประเทศในสแกนดิเนเวีย พร้อมเที่ยวเมืองหลวงและสถานที่สำคัญต่างๆ

    รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด!

    #Scandinavia #เที่ยวสแกนดิเนเวีย #ทัวร์เดนมาร์ก #ทัวร์นอร์เวย์ #ทัวร์ฟินแลนด์ #ทัวร์สวีเดน #การบินไทย #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์สแกนดิเนเวีย #เที่ยวยุโรป

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ea7247

    ดูทัวร์สแกนดิเนเวียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/c15f96

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395
    🇩🇰🇳🇴🇫🇮🇸🇪 Scandinavia 12 วัน 9 คืน 🇩🇰🇳🇴🇫🇮🇸🇪 เดินทางโดย TG-การบินไทย ✈️ 09-20 ก.ค. 68 💥 ราคาปกติ 209,999 บาท ลด 10,000 บาท เหลือ 199,999 บาท 💥 📅 จำนวนวัน: 12 วัน 9 คืน 🗓️ 🌍 ท่องเที่ยว เดนมาร์ก, นอร์เวย์, ฟินแลนด์, สวีเดน 🎉 รวมทุกอย่างไม่ต้องจ่ายหน้างาน! 💯 ✨ สนุกไปกับการสำรวจ 4 ประเทศในสแกนดิเนเวีย พร้อมเที่ยวเมืองหลวงและสถานที่สำคัญต่างๆ ✨ 📞 รีบจองด่วน! ที่นั่งมีจำนวนจำกัด! #Scandinavia #เที่ยวสแกนดิเนเวีย #ทัวร์เดนมาร์ก #ทัวร์นอร์เวย์ #ทัวร์ฟินแลนด์ #ทัวร์สวีเดน #การบินไทย #ทัวร์ราคาพิเศษ #ทัวร์สแกนดิเนเวีย #เที่ยวยุโรป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ea7247 ดูทัวร์สแกนดิเนเวียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/c15f96 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 0 รีวิว
  • SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังจากเยอรมนี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรปแทนที่ Novo Nordisk บริษัทด้านสุขภาพจากเดนมาร์ก โดยหุ้น SAP เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้มาจากการปรับกลยุทธ์เข้าสู่ บริการคลาวด์ และการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับโซลูชันทางธุรกิจ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างมาก

    การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจที่สำคัญ:
    - SAP เคยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการกระบวนการทางธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ได้เปลี่ยนจากการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบเดิมไปสู่โมเดลบริการคลาวด์ ซึ่งสร้างรายได้แบบคาดการณ์ได้ (predictable revenue) และเพิ่มความมั่นคงให้ธุรกิจ.

    การรวม AI เข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ:
    - SAP ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบวางแผนธุรกิจ เช่น SAP Business Technology Platform รวมถึงขยายฟีเจอร์ที่ใช้ AI ในโซลูชันธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน.

    การเติบโตในตลาดโลก:
    - SAP สร้างรายได้ในสหรัฐฯ กว่า €2.9 พันล้าน ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งคิดเป็น 31% ของรายได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ช่วยให้ SAP อยู่เหนือความท้าทายด้านเศรษฐกิจในยุโรป.

    ผลกระทบต่อตลาดหุ้น:
    - การเติบโตของ SAP ส่งผลให้ DAX index ในตลาดหุ้นเยอรมนีต้องปรับรูปแบบเป็นเวอร์ชันที่ไม่มีการจำกัดน้ำหนัก (uncapped index) เพื่อสะท้อนมูลค่าของ SAP ที่เพิ่มขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107276-sap-surpasses-novo-nordisk-europe-most-valuable-company.html
    SAP บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังจากเยอรมนี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรปแทนที่ Novo Nordisk บริษัทด้านสุขภาพจากเดนมาร์ก โดยหุ้น SAP เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้มาจากการปรับกลยุทธ์เข้าสู่ บริการคลาวด์ และการรวมเทคโนโลยี AI เข้ากับโซลูชันทางธุรกิจ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างมาก การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจที่สำคัญ: - SAP เคยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการกระบวนการทางธุรกิจแบบดั้งเดิม แต่ได้เปลี่ยนจากการขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบเดิมไปสู่โมเดลบริการคลาวด์ ซึ่งสร้างรายได้แบบคาดการณ์ได้ (predictable revenue) และเพิ่มความมั่นคงให้ธุรกิจ. การรวม AI เข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ: - SAP ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบวางแผนธุรกิจ เช่น SAP Business Technology Platform รวมถึงขยายฟีเจอร์ที่ใช้ AI ในโซลูชันธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน. การเติบโตในตลาดโลก: - SAP สร้างรายได้ในสหรัฐฯ กว่า €2.9 พันล้าน ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งคิดเป็น 31% ของรายได้ทั้งหมด ความแข็งแกร่งในตลาดสหรัฐฯ ช่วยให้ SAP อยู่เหนือความท้าทายด้านเศรษฐกิจในยุโรป. ผลกระทบต่อตลาดหุ้น: - การเติบโตของ SAP ส่งผลให้ DAX index ในตลาดหุ้นเยอรมนีต้องปรับรูปแบบเป็นเวอร์ชันที่ไม่มีการจำกัดน้ำหนัก (uncapped index) เพื่อสะท้อนมูลค่าของ SAP ที่เพิ่มขึ้น. https://www.techspot.com/news/107276-sap-surpasses-novo-nordisk-europe-most-valuable-company.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    SAP surpasses Novo Nordisk to become Europe's most valuable company
    SAP's journey began in 1972 when five former IBM employees founded the company in Germany. Initially focused on business process management software, SAP has continually evolved to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ จะเดินทางเยือนฐานทัพทหารแห่งหนึ่งของสหรัฐฯบนกาะกรีนแลนด์ เพิ่มแรงกดดันใส่ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กแห่งนี้ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยากได้เป็นของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028599
    รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ จะเดินทางเยือนฐานทัพทหารแห่งหนึ่งของสหรัฐฯบนกาะกรีนแลนด์ เพิ่มแรงกดดันใส่ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กแห่งนี้ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยากได้เป็นของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028599
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1821 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักการเมืองของเดนมาร์กรายหนึ่ง แสดงความหวั่นวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะใช้แผนตัดระบบอาวุธยุทโปกรณ์ที่พวกเขาซื้อจากอเมริกา ในนั้นรวมถึง F-35 เพื่อให้บรรลุเป้าประท้วงยึดครองเกาะกรีนแลนด์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028227
    นักการเมืองของเดนมาร์กรายหนึ่ง แสดงความหวั่นวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะใช้แผนตัดระบบอาวุธยุทโปกรณ์ที่พวกเขาซื้อจากอเมริกา ในนั้นรวมถึง F-35 เพื่อให้บรรลุเป้าประท้วงยึดครองเกาะกรีนแลนด์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028227
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1923 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตอบโต้ว่าการส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนกรีนแลนด์ "ไม่ได้เป็นการยั่วยุ" แต่เน้นย้ำความหวังซื้อเกาะในอาร์กติกแห่งนี้จากเดนมาร์ก ชาติพันธมิตรนาโต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028191
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตอบโต้ว่าการส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนกรีนแลนด์ "ไม่ได้เป็นการยั่วยุ" แต่เน้นย้ำความหวังซื้อเกาะในอาร์กติกแห่งนี้จากเดนมาร์ก ชาติพันธมิตรนาโต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028191
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1865 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts