• เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ส่งผลกระทบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โรงงานในไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญไม่ได้รับความเสียหาย บริษัทเทคโนโลยีรายงานว่าดำเนินงานตามปกติ และมีแนวโน้มขยายการผลิตในพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชน

    การดำเนินการหลังเหตุการณ์:
    - บริษัทในไทยหลายแห่ง เช่น Zhen Ding Tech และ Delta Electronics ทำการอพยพพนักงานชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและกลับมาดำเนินงานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

    ความสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรม:
    - ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับบริษัทอย่าง Intel, Seagate และ Western Digital และเหตุการณ์นี้เป็นการทดสอบความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้

    แนวโน้มการขยายการผลิต:
    - หลายบริษัทกำลังเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม

    ความมั่นคงของโรงงาน:
    - โรงงานในพื้นที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เช่น จังหวัดระยองและชลบุรี ไม่มีรายงานความเสียหาย และยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/can-earthquake-in-myanmar-disrupt-pc-hardware-production-manufacturers-are-checking-out
    เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ส่งผลกระทบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โรงงานในไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญไม่ได้รับความเสียหาย บริษัทเทคโนโลยีรายงานว่าดำเนินงานตามปกติ และมีแนวโน้มขยายการผลิตในพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชน การดำเนินการหลังเหตุการณ์: - บริษัทในไทยหลายแห่ง เช่น Zhen Ding Tech และ Delta Electronics ทำการอพยพพนักงานชั่วคราวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและกลับมาดำเนินงานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ความสำคัญของประเทศไทยในอุตสาหกรรม: - ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับบริษัทอย่าง Intel, Seagate และ Western Digital และเหตุการณ์นี้เป็นการทดสอบความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้ แนวโน้มการขยายการผลิต: - หลายบริษัทกำลังเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม ความมั่นคงของโรงงาน: - โรงงานในพื้นที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เช่น จังหวัดระยองและชลบุรี ไม่มีรายงานความเสียหาย และยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง https://www.tomshardware.com/tech-industry/can-earthquake-in-myanmar-disrupt-pc-hardware-production-manufacturers-are-checking-out
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • “สุริยะ” เผย “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” เปิดให้บริการได้แล้ววันนี้ (31 มี.ค. 68) เวลา 6 โมงเช้าเป็นต้นไป รวม 29 สถานี ตั้งแต่ “ศูนย์ราชการนนท์-ตลาดมีนบุรี” ส่วนอีก 1 สถานี “ตลาดมีนบุรี-มีนบุรี” เร่งแก้ไขแผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง ประสาน ขสมก. จัดชัตเติ้ลบัสวิ่งวนรับ-ส่ง อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร

    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า จากการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร (กม.) ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา พบว่า โครงสร้างทางวิ่งไม่มีปัญหา แต่จะต้องซ่อมแซมบริเวณแผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่งช่วงสถานีมีนบุรี-สถานีตลาดมีนบุรีเพิ่มเติม

    โดยรฟม. กรมการขนส่งทางราง (ขร.), และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (กลุ่มบีทีเอส) ในฐานะผู้สัมปทานเดินรถ ประเมินแล้วว่า สามารถเปิดให้บริการได้ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูในวันพรุ่งนี้ (31 มีนาคม 2568) เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งในเบื้องต้น จะเปิดให้บริการ จำนวน 29 สถานี คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-สถานีตลาดมีนบุรี เดินรถต่อเนื่องด้วยความถี่ 10 นาทีต่อขบวน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://m.mgronline.com/business/detail/9680000030449

    #MGROnline #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake #รถไฟฟ้าสายสีชมพู #เปิดให้บริการ #แผ่นดินไหว
    “สุริยะ” เผย “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” เปิดให้บริการได้แล้ววันนี้ (31 มี.ค. 68) เวลา 6 โมงเช้าเป็นต้นไป รวม 29 สถานี ตั้งแต่ “ศูนย์ราชการนนท์-ตลาดมีนบุรี” ส่วนอีก 1 สถานี “ตลาดมีนบุรี-มีนบุรี” เร่งแก้ไขแผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่ง ประสาน ขสมก. จัดชัตเติ้ลบัสวิ่งวนรับ-ส่ง อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า จากการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร (กม.) ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา พบว่า โครงสร้างทางวิ่งไม่มีปัญหา แต่จะต้องซ่อมแซมบริเวณแผ่นปิดรอยต่อคานทางวิ่งช่วงสถานีมีนบุรี-สถานีตลาดมีนบุรีเพิ่มเติม • โดยรฟม. กรมการขนส่งทางราง (ขร.), และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (กลุ่มบีทีเอส) ในฐานะผู้สัมปทานเดินรถ ประเมินแล้วว่า สามารถเปิดให้บริการได้ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูในวันพรุ่งนี้ (31 มีนาคม 2568) เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งในเบื้องต้น จะเปิดให้บริการ จำนวน 29 สถานี คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี-สถานีตลาดมีนบุรี เดินรถต่อเนื่องด้วยความถี่ 10 นาทีต่อขบวน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://m.mgronline.com/business/detail/9680000030449 • #MGROnline #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake #รถไฟฟ้าสายสีชมพู #เปิดให้บริการ #แผ่นดินไหว
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน"

    นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี:

    นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า
    “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ”


    “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี”

    👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา:

    “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”

    “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด”

    “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:”

    1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล)


    2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?”
    “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน”


    3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?”
    “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง”

    “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
    .

    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์:
    “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน”

    “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล”


    👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี:

    “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้”

    “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    "เราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน" นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี: นอจกากนี้ เนรทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า “แรงกดดันทางการทหารควบคู่ไปกับการเจรจาเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ได้ตัวประกันกลับมา นี่ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอยอย่างไร้สาระ” “เช้านี้ ผมอยากพูดถึง 3H: อันดับแรกคือฮามาส จากนั้นคือฮิซบอลเลาะห์ และสุดท้ายคือฮูตี” 👉เกี่ยวกับฮามาสในฉนวนกาซา: “แรงกดดันทางการทหารมันใช้ได้ผล เพราะมันทำลายศักยภาพทางการทหารและการปกครองของฮามาสไปพร้อมกัน และยังสร้างเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเรา นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” “นอกจากนี้ ที่ประชุมด้านความมั่นคงมีมติเพิ่มแรงกดดันทางทหารให้หนักหน่วงกว่าเดิมขุ้นไปอีกเพื่อทำลายฮามาสให้มากขึ้น และเพิ่มเงื่อนไขสำหรับการปล่อยตัวตัวประกันของเราให้มากที่สุด” “ผมขอโต้แย้งถึงคำหลอกลวง 3 ข้อที่มุ่งเป้าใส่ร้ายมาที่เรามาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันยังคงดำเนินอยู่:” 1. “เราไม่คิดจริงจังเรื่องการเจรจา?” “มันไม่จริเลยง เราแค่กำลังเจรจาภายใต้การโจมตีและกดดันทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเจรจาได้ผล ตอนนี้เรากำลังเริ่มเห็นความแตกแยกในฮามาสและกาซา” (หมายถึงชาวกาซาส่วนหนึ่งกำลังประท้วงให้ฮามาสออกนอกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริง ชาวกาซาประท้วงไม่เอาสงคราม ต้องการขับไล่ทั้งฮามาสและอิสราเอล) 2. “เราไม่จริงใจในการเจรจาขั้นต่อไป?” “นี่ไม่ใช่เรื่องจริงเช่นกัน เรายินดีเจรจา และเราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงแผนการของเรา ฮามาสจะต้องถูกปลดอาวุธ ผู้นำฮามาสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากฉนวนกาซาโดยไม่มีวันได้กลับมาอีก อิสราเอลจะรับประกันความปลอดภัยเหนือฉนวนกาซาทั้งหมดด้วยการเข้าควบคุมแทนที่ฮามาส และแผนอพยพของทรัมป์จะต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง(คือการอพยพชาวกาซาออกไปจากดินแดนทั้งหมด) นี่คือแผนของเรา เราไม่เคยปิดบังมัน” 3. “เราไม่สนใจตัวประกัน?” “ไม่จริงเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเพิ่งไปพบปะพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งกับครอบครัวสี่ครอบครัวของตัวประกัน เราไปรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเขา ซึ่งมันยิ่งใหญ่มาก การอ้างว่าเราไม่สนใจนั้นสะท้อนให้เห็นการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาสที่ตั้งใจแบ่งแยกเราและบิดเบือนความเป็นจริง” “เราให้คำมั่นที่จะนำตัวประกันกลับบ้านและกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง จนถึงขณะนี้ มีเพียงแรงกดดันทางการทหารและการทูตเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คำขวัญลมๆ แล้งๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ประกาศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ” . 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์: “ในเลบานอน คำสั่งจากผม รัฐมนตรีกลาโหม และคณะรัฐมนตรี และกองทัพอิสราเอล คือการบังคับใช้กฎของเราอย่างเข้มงวดและไม่มีการประนีประนอม เราไม่ยอมให้มีการ “แทรกแซง” ใดๆ และไม่มีการผ่อนปรน” “เราบอกไปถึงเลบานอน จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบในดินแดนของพวกเขา และต้องแน่ใจว่าจะไม่มีการปล่อยให้ใครโจมตีอิสราเอล” 👉เกี่ยวกับกลุ่มฮูตี: “ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อการกระทำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา พวกเขากำลังจัดการกับกลุ่มฮูตีด้วยกำลังที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่า เรายังดำเนินการเพื่อปกป้องตัวเองด้วย ดังที่เห็นเมื่อเร็วๆ นี้” “เราให้ความสำคัญกับพันธมิตรของเราเสมอ เรามีพันธมิตรกับมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสนับสนุนเราอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่นี่และในเวทีอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข ”
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ระดมตำรวจดูแลมิติจราจร งานอาชญากรรมป้องกันมิจฉาชีพซ้ำเติมประชาชนทุกรูปแบบ พร้อมส่งชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมค้นหาผู้รอดชีวิต เปิดหน่วยนิติเวช ตรวจ DNA เปรียบเทียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030340
    ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ระดมตำรวจดูแลมิติจราจร งานอาชญากรรมป้องกันมิจฉาชีพซ้ำเติมประชาชนทุกรูปแบบ พร้อมส่งชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมค้นหาผู้รอดชีวิต เปิดหน่วยนิติเวช ตรวจ DNA เปรียบเทียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030340
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 321 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงความก้าวหน้าของบริษัท DapuStor ผู้ผลิต SSD ประสิทธิภาพสูงจากจีน ที่เปิดตัว Roealsen6 R6101 7.68TB SSD ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุดยอดงานวิศวกรรม" ด้วยความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องถึง 14,600 MB/s และการเขียนที่ 11,000 MB/s SSD รุ่นนี้ใช้ตัวควบคุม DP800 และเทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่เหนือกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า

    ความโดดเด่นในการทดสอบ:
    - ผลทดสอบพบว่า SSD รุ่นนี้สามารถทำสถิติใหม่ในระดับ 4K random read IOPS ที่สูงถึง 3.62 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากรุ่นอื่น ๆ ในตลาด.

    ความสามารถในงานหลากหลาย:
    - SSD สามารถทำงานในลักษณะโหลดงานผสมได้ดีจนสามารถแข่งขันกับ SSD ระดับ 3-DWPD ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า.

    การออกแบบที่ตอบโจทย์:
    - SSD ใช้ 3D eTLC NAND Flash และโปรโตคอล NVMe 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน-เขียน และเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความเสถียร.

    ความคาดหวังในอนาคต:
    - SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในตลาดเซิร์ฟเวอร์.

    https://www.techradar.com/pro/an-engineering-masterpiece-reviewer-raves-about-fastest-large-capacity-ssd-ever-built-but-it-wont-be-cheap
    ข่าวนี้พูดถึงความก้าวหน้าของบริษัท DapuStor ผู้ผลิต SSD ประสิทธิภาพสูงจากจีน ที่เปิดตัว Roealsen6 R6101 7.68TB SSD ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุดยอดงานวิศวกรรม" ด้วยความเร็วในการอ่านแบบต่อเนื่องถึง 14,600 MB/s และการเขียนที่ 11,000 MB/s SSD รุ่นนี้ใช้ตัวควบคุม DP800 และเทคโนโลยี PCIe 5.0 ที่เหนือกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า ความโดดเด่นในการทดสอบ: - ผลทดสอบพบว่า SSD รุ่นนี้สามารถทำสถิติใหม่ในระดับ 4K random read IOPS ที่สูงถึง 3.62 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากรุ่นอื่น ๆ ในตลาด. ความสามารถในงานหลากหลาย: - SSD สามารถทำงานในลักษณะโหลดงานผสมได้ดีจนสามารถแข่งขันกับ SSD ระดับ 3-DWPD ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า. การออกแบบที่ตอบโจทย์: - SSD ใช้ 3D eTLC NAND Flash และโปรโตคอล NVMe 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน-เขียน และเหมาะกับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความเร็วและความเสถียร. ความคาดหวังในอนาคต: - SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงสำคัญในตลาดเซิร์ฟเวอร์. https://www.techradar.com/pro/an-engineering-masterpiece-reviewer-raves-about-fastest-large-capacity-ssd-ever-built-but-it-wont-be-cheap
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • การลงทุนในทองคำช่วงนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและแนวโน้มราคาทองคำ มาดูรายละเอียดกัน:

    ### **ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทองคำช่วงนี้**
    1. **ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน**
    - ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว วิกฤตการเงิน หรือความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลให้นักลงทุน转向ไปสู่ทองคำซึ่งเป็น Safe Haven Asset
    - หากตลาดหุ้นผันผวนหรือเกิดวิกฤต ทองคำมักได้รับความนิยมมากขึ้น

    2. **อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของ Fed**
    - หาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 2024-2025 เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำ (ซึ่งซื้อขายด้วย USD) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    - ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

    3. **ความต้องการทองคำจากประเทศกำลังพัฒนา**
    - ธนาคารกลางหลายประเทศ (เช่น จีน, รัสเซีย, อินเดีย) ยังคงสะสมทองคำเป็นทุนสำรอง สนับสนุนราคาทองในระยะยาว

    4. **เงินเฟ้อและค่าครองชีพ**
    - ทองคำมักทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกัน (Hedge) ต่อเงินเฟ้อ หากภาวะเงินเฟ้อยังสูง ทองคำอาจเป็นทางเลือกที่ดี

    ---

    ### **ปัจจัยที่ต้องระวัง**
    1. **เงินดอลลาร์แข็งค่า**
    - หาก USD แข็งตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหรือ Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ ราคาทองคำอาจถูกกดดัน

    2. **ตลาดหุ้นและความเสี่ยงอื่นๆ**
    - หากตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจลดการถือทองคำลง

    3. **ความผันผวนในระยะสั้น**
    - ราคาทองคำอาจปรับตัวลงชั่วคราวจากปัจจัยทางเทคนิคหรือข่าวเศรษฐกิจ

    ---

    ### **สรุป: ควรลงทุนทองคำตอนนี้ไหม?**
    - **ระยะยาว (Hold)** → **เหมาะ** เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน
    - **ระยะสั้น (เทรด)** → ต้องติดตามปัจจัยหลัก เช่น นโยบาย Fed, ดอลลาร์, และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

    **คำแนะนำเพิ่มเติม:**
    - **Diversify** ไม่ควรลงทุนทองคำ 100% ของพอร์ต แต่แบ่งสัดส่วน (เช่น 5-15%)
    - **รูปแบบการลงทุน**
    - **ทองคำรูปพรรณ** เหมาะสำหรับถือยาว แต่ต้องคำนึงถึงส่วนต่างราคา (Premium)
    - **ทองคำ ETF (เช่น GLD)** หรือ **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า** สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง
    - **เหมืองทองคำ (หุ้น)** ให้ความได้เปรียบจาก Leverage Effect แต่มีความเสี่ยงเพิ่ม

    หากคุณต้องการลงทุน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ! 📊🚀
    การลงทุนในทองคำช่วงนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและแนวโน้มราคาทองคำ มาดูรายละเอียดกัน: ### **ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทองคำช่วงนี้** 1. **ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน** - ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว วิกฤตการเงิน หรือความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลให้นักลงทุน转向ไปสู่ทองคำซึ่งเป็น Safe Haven Asset - หากตลาดหุ้นผันผวนหรือเกิดวิกฤต ทองคำมักได้รับความนิยมมากขึ้น 2. **อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของ Fed** - หาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 2024-2025 เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำ (ซึ่งซื้อขายด้วย USD) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น - ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ 3. **ความต้องการทองคำจากประเทศกำลังพัฒนา** - ธนาคารกลางหลายประเทศ (เช่น จีน, รัสเซีย, อินเดีย) ยังคงสะสมทองคำเป็นทุนสำรอง สนับสนุนราคาทองในระยะยาว 4. **เงินเฟ้อและค่าครองชีพ** - ทองคำมักทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกัน (Hedge) ต่อเงินเฟ้อ หากภาวะเงินเฟ้อยังสูง ทองคำอาจเป็นทางเลือกที่ดี --- ### **ปัจจัยที่ต้องระวัง** 1. **เงินดอลลาร์แข็งค่า** - หาก USD แข็งตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหรือ Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ ราคาทองคำอาจถูกกดดัน 2. **ตลาดหุ้นและความเสี่ยงอื่นๆ** - หากตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจลดการถือทองคำลง 3. **ความผันผวนในระยะสั้น** - ราคาทองคำอาจปรับตัวลงชั่วคราวจากปัจจัยทางเทคนิคหรือข่าวเศรษฐกิจ --- ### **สรุป: ควรลงทุนทองคำตอนนี้ไหม?** - **ระยะยาว (Hold)** → **เหมาะ** เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน - **ระยะสั้น (เทรด)** → ต้องติดตามปัจจัยหลัก เช่น นโยบาย Fed, ดอลลาร์, และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ **คำแนะนำเพิ่มเติม:** - **Diversify** ไม่ควรลงทุนทองคำ 100% ของพอร์ต แต่แบ่งสัดส่วน (เช่น 5-15%) - **รูปแบบการลงทุน** - **ทองคำรูปพรรณ** เหมาะสำหรับถือยาว แต่ต้องคำนึงถึงส่วนต่างราคา (Premium) - **ทองคำ ETF (เช่น GLD)** หรือ **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า** สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง - **เหมืองทองคำ (หุ้น)** ให้ความได้เปรียบจาก Leverage Effect แต่มีความเสี่ยงเพิ่ม หากคุณต้องการลงทุน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ! 📊🚀
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันคือ **ระบบ Earthquake Early Warning (EEW)** ของญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า **"ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (緊急地震速報, Kinkyū Jishin Sokuhō)"** ซึ่งดำเนินการโดย **Japan Meteorological Agency (JMA)**

    ### 🔍 **เหตุผลที่ญี่ปุ่นมีระบบที่ดีที่สุด**:
    1. **ความเร็วในการตรวจจับ**:
    - ญี่ปุ่นใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (Seismometers) จำนวนมากทั่วประเทศ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหว (คลื่น P) ได้ทันทีและส่งสัญญาณเตือนภายในเวลา **ไม่กี่วินาที** ก่อนที่คลื่นทำลายล้าง (คลื่น S) จะมาถึง
    - ในบางกรณี สามารถแจ้งเตือนได้ **5-30 วินาที** ก่อนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง

    2. **การบูรณาการกับระบบสาธารณะ**:
    - การแจ้งเตือนถูกส่งไปยัง **โทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง** ในพื้นที่เสี่ยงผ่านระบบ **J-Alert**
    - ระบบกระจายเสียงผ่าน **ทีวี วิทยุ และลำโพงฉุกเฉิน**
    - บางเมืองยังเชื่อมกับระบบขนส่ง เช่น **รถไฟชินคันเซน** ที่หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อได้รับสัญญาณเตือน

    3. **ความแม่นยำสูง**:
    - ญี่ปุ่นลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อลด **ผลบวกปลอม (False Alarms)** และปรับปรุงความแม่นยำ

    4. **ประสบการณ์กับแผ่นดินไหว**:
    - ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เช่น หลังเหตุการณ์ **แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน (1995)** และ **โทโฮกุ (2011)**

    ### 🌍 **ระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ**:
    - **สหรัฐอเมริกา (ShakeAlert)** – ใช้ในแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และวอชิงตัน
    - **เม็กซิโก (SASMEX)** – แจ้งเตือนในเม็กซิโกซิตี้
    - **ไต้หวัน** – มีระบบที่คล้ายญี่ปุ่น แต่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่า
    - **จีนและอินโดนีเซีย** – กำลังพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ### ⚠️ **ข้อจำกัดของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว**:
    - **เวลาเตือนสั้นมาก** (มักไม่เกิน 1 นาที)
    - **ไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า** แต่แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบคลื่นแรกเท่านั้น
    - **ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดศูนย์กลาง** (ถ้าอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ อาจได้รับแจ้งเตือนช้าหรือไม่ทัน)

    ### 🚨 **สรุป**:
    ญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้านระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ละประเทศก็พยายามปรับปรุงระบบของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัตินี้
    ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันคือ **ระบบ Earthquake Early Warning (EEW)** ของญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า **"ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (緊急地震速報, Kinkyū Jishin Sokuhō)"** ซึ่งดำเนินการโดย **Japan Meteorological Agency (JMA)** ### 🔍 **เหตุผลที่ญี่ปุ่นมีระบบที่ดีที่สุด**: 1. **ความเร็วในการตรวจจับ**: - ญี่ปุ่นใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์วัดแผ่นดินไหว (Seismometers) จำนวนมากทั่วประเทศ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหว (คลื่น P) ได้ทันทีและส่งสัญญาณเตือนภายในเวลา **ไม่กี่วินาที** ก่อนที่คลื่นทำลายล้าง (คลื่น S) จะมาถึง - ในบางกรณี สามารถแจ้งเตือนได้ **5-30 วินาที** ก่อนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง 2. **การบูรณาการกับระบบสาธารณะ**: - การแจ้งเตือนถูกส่งไปยัง **โทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง** ในพื้นที่เสี่ยงผ่านระบบ **J-Alert** - ระบบกระจายเสียงผ่าน **ทีวี วิทยุ และลำโพงฉุกเฉิน** - บางเมืองยังเชื่อมกับระบบขนส่ง เช่น **รถไฟชินคันเซน** ที่หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อได้รับสัญญาณเตือน 3. **ความแม่นยำสูง**: - ญี่ปุ่นลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อลด **ผลบวกปลอม (False Alarms)** และปรับปรุงความแม่นยำ 4. **ประสบการณ์กับแผ่นดินไหว**: - ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย จึงมีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เช่น หลังเหตุการณ์ **แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน (1995)** และ **โทโฮกุ (2011)** ### 🌍 **ระบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ**: - **สหรัฐอเมริกา (ShakeAlert)** – ใช้ในแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และวอชิงตัน - **เม็กซิโก (SASMEX)** – แจ้งเตือนในเม็กซิโกซิตี้ - **ไต้หวัน** – มีระบบที่คล้ายญี่ปุ่น แต่ครอบคลุมพื้นที่เล็กกว่า - **จีนและอินโดนีเซีย** – กำลังพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ### ⚠️ **ข้อจำกัดของระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว**: - **เวลาเตือนสั้นมาก** (มักไม่เกิน 1 นาที) - **ไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า** แต่แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบคลื่นแรกเท่านั้น - **ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดศูนย์กลาง** (ถ้าอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ อาจได้รับแจ้งเตือนช้าหรือไม่ทัน) ### 🚨 **สรุป**: ญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้านระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน แต่ละประเทศก็พยายามปรับปรุงระบบของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัตินี้
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • แบตเตอรี่รุ่นใหม่ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความจุ ความเร็วในการชาร์จ ความปลอดภัย และอายุการใช้งาน นี่คือความคืบหน้าล่าสุดและเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง:

    ### 1. **แบตเตอรี่ Solid-State**
    - **ความคืบหน้า**: หลายบริษัทเช่น Toyota, QuantumScape และ Samsung SDI กำลังเร่งพัฒนาสู่การผลิตมวลชน คาดว่าจะเริ่มใช้ในรถไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในปี 2025-2030
    - **จุดเด่น**:
    - ความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น (อาจถึง 2-3 เท่าของ Li-ion)
    - ชาร์จเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงการระเบิดหรือ overheating
    - อายุการใช้งานยาวนานกว่า

    ### 2. **แบตเตอรี่ Lithium-Sulfur (Li-S)**
    - **ความคืบหน้า**: บริษัทเช่น Oxis Energy และ Sion Power กำลังทดสอบในโดรนและอากาศยาน
    - **จุดเด่น**:
    - ความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียม-ไอออนถึง 5 เท่า
    - วัสดุราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า

    ### 3. **เทคโนโลยี Silicon Anode**
    - **ความคืบหน้า**: Tesla, Panasonic และ Sila Nanotechnologies เริ่มใช้ซิลิกอนแทนกราไฟต์ในแอโนด
    - **จุดเด่น**:
    - เพิ่มความจุพลังงาน 20-40%
    - ชาร์จเร็วขึ้นโดยไม่ลดอายุการใช้งาน

    ### 4. **แบตเตอรี่ Sodium-Ion (แทน Lithium)**
    - **ความคืบหน้า**: CATL (ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน) เริ่มผลิตแล้วในปี 2023
    - **จุดเด่น**:
    - ราคาถูกกว่าเพราะใช้โซเดียม (มีมากในธรรมชาติ)
    - ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำ

    ### 5. **นวัตกรรมการชาร์จ**
    - **Ultra-Fast Charging**: แบตเตอรี่รุ่นใหม่บางชนิดชาร์จได้ 80% ใน 15 นาที (เช่นในรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด)
    - **Wireless Charging**: เริ่มใช้ในสมาร์ทโฟนและรถไฟฟ้าแบบไร้สาย

    ### **สรุปการพัฒนา**
    - **ดีขึ้นชัดเจน** ในด้านความจุและความเร็ว แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและการผลิตมวลชน
    - **รถไฟฟ้าได้ประโยชน์มากสุด** จากแบตเตอรี่ความจุสูงและปลอดภัยขึ้น
    - **อุปกรณ์พกพา** เช่น สมาร์ทโฟนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เน้นการชาร์จเร็วและอายุการใช้งาน

    คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่รุ่นใหม่จะลดราคาและแพร่หลาย ส่งผลให้รถไฟฟ้าราคาถูกลงและเก็บพลังงานสะอาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!
    แบตเตอรี่รุ่นใหม่ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความจุ ความเร็วในการชาร์จ ความปลอดภัย และอายุการใช้งาน นี่คือความคืบหน้าล่าสุดและเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง: ### 1. **แบตเตอรี่ Solid-State** - **ความคืบหน้า**: หลายบริษัทเช่น Toyota, QuantumScape และ Samsung SDI กำลังเร่งพัฒนาสู่การผลิตมวลชน คาดว่าจะเริ่มใช้ในรถไฟฟ้า (EV) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในปี 2025-2030 - **จุดเด่น**: - ความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น (อาจถึง 2-3 เท่าของ Li-ion) - ชาร์จเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงการระเบิดหรือ overheating - อายุการใช้งานยาวนานกว่า ### 2. **แบตเตอรี่ Lithium-Sulfur (Li-S)** - **ความคืบหน้า**: บริษัทเช่น Oxis Energy และ Sion Power กำลังทดสอบในโดรนและอากาศยาน - **จุดเด่น**: - ความจุพลังงานสูงกว่าลิเธียม-ไอออนถึง 5 เท่า - วัสดุราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า ### 3. **เทคโนโลยี Silicon Anode** - **ความคืบหน้า**: Tesla, Panasonic และ Sila Nanotechnologies เริ่มใช้ซิลิกอนแทนกราไฟต์ในแอโนด - **จุดเด่น**: - เพิ่มความจุพลังงาน 20-40% - ชาร์จเร็วขึ้นโดยไม่ลดอายุการใช้งาน ### 4. **แบตเตอรี่ Sodium-Ion (แทน Lithium)** - **ความคืบหน้า**: CATL (ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน) เริ่มผลิตแล้วในปี 2023 - **จุดเด่น**: - ราคาถูกกว่าเพราะใช้โซเดียม (มีมากในธรรมชาติ) - ทำงานได้ดีในอุณหภูมิต่ำ ### 5. **นวัตกรรมการชาร์จ** - **Ultra-Fast Charging**: แบตเตอรี่รุ่นใหม่บางชนิดชาร์จได้ 80% ใน 15 นาที (เช่นในรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด) - **Wireless Charging**: เริ่มใช้ในสมาร์ทโฟนและรถไฟฟ้าแบบไร้สาย ### **สรุปการพัฒนา** - **ดีขึ้นชัดเจน** ในด้านความจุและความเร็ว แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและการผลิตมวลชน - **รถไฟฟ้าได้ประโยชน์มากสุด** จากแบตเตอรี่ความจุสูงและปลอดภัยขึ้น - **อุปกรณ์พกพา** เช่น สมาร์ทโฟนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เน้นการชาร์จเร็วและอายุการใช้งาน คาดการณ์ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่รุ่นใหม่จะลดราคาและแพร่หลาย ส่งผลให้รถไฟฟ้าราคาถูกลงและเก็บพลังงานสะอาดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย

    📌 เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ

    🏗️ แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ

    เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน 🇹🇭🇨🇳

    📌 เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 🌀

    จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน

    แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ

    ⛑️ ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ

    📉 ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต
    🚨 สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น.
    - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ
    - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ
    - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน
    - ผู้สูญหาย 47 คน
    - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน

    การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D
    📍โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย
    📍โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย
    📍โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย

    การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย

    💬 “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว

    🏢 โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร

    👉 อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ

    โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง

    🏗️ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น
    - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน”
    - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form)
    - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ
    - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว

    👷 ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น...

    🔍 ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน
    - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้

    - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง”

    - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น

    🧑‍💼 การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง
    – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

    – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

    – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก

    ✅ จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด

    หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา 🕯️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568

    🔖#ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย 📌 เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ 🏗️ แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน 🇹🇭🇨🇳 📌 เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 🌀 จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ ⛑️ ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ 📉 ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต 🚨 สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น. - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน - ผู้สูญหาย 47 คน - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D 📍โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย 📍โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย 📍โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย 💬 “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว 🏢 โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร 👉 อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง 🏗️ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form) - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว 👷 ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น... 🔍 ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้ - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง” - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น 🧑‍💼 การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก ✅ จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา 🕯️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568 🔖#ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • Elon Musk เผชิญกับคดีความที่กล่าวหาว่าเขาเปิดเผยการถือหุ้นใน Twitter ช้ากว่ากำหนด เพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น ข้อกล่าวหาเน้นถึงการที่อดีตผู้ถือหุ้นเสียโอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Musk ยังถูกมองว่าทวีตข้อความที่เพิ่มความคลุมเครือเกี่ยวกับแผนการของเขาในอนาคต ทำให้ศาลกำลังพิจารณาว่าข้อกล่าวหานี้มีน้ำหนักเพียงใด

    ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง:
    - Musk ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎของ SEC ที่กำหนดให้ผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ต้องรายงานการถือหุ้นเกิน 5% ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 แต่ Musk รายงานช้ากว่าเดิมถึง 11 วัน ซึ่งผู้ถือหุ้นอ้างว่า Musk ประหยัดเงินได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำ.

    ผลกระทบต่อราคาหุ้น:
    - เมื่อ Musk เปิดเผยการถือหุ้น 9.2% ในวันที่ 4 เมษายน 2022 ราคาหุ้นของ Twitter พุ่งขึ้น 27% ซึ่งทำให้อดีตผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้นก่อนหน้าต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไร.

    พฤติกรรมที่ทำให้เกิดข้อสงสัย:
    - ในวันที่ 26 มีนาคม 2022 Musk ทวีตเกี่ยวกับการสร้างโซเชียลมีเดียใหม่ หรืออาจซื้อ Twitter และเปลี่ยนโลโก้เป็นสุนัข Doge ข้อความเหล่านี้สร้างความคลุมเครือเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของเขา.

    คดีที่ต่อเนื่อง:
    - ศาลไม่ได้ตัดสินว่า Musk ผิดหรือไม่ แต่การร้องเรียนนี้ดำเนินการในนามของกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของความโปร่งใสในการถือหุ้นและการรายงานข้อมูล.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/elon-musk-must-face-fraud-lawsuit-over-disclosure-of-twitter-stake
    Elon Musk เผชิญกับคดีความที่กล่าวหาว่าเขาเปิดเผยการถือหุ้นใน Twitter ช้ากว่ากำหนด เพื่อซื้อหุ้นในราคาต่ำก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้น ข้อกล่าวหาเน้นถึงการที่อดีตผู้ถือหุ้นเสียโอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น Musk ยังถูกมองว่าทวีตข้อความที่เพิ่มความคลุมเครือเกี่ยวกับแผนการของเขาในอนาคต ทำให้ศาลกำลังพิจารณาว่าข้อกล่าวหานี้มีน้ำหนักเพียงใด ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง: - Musk ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎของ SEC ที่กำหนดให้ผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ต้องรายงานการถือหุ้นเกิน 5% ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2022 แต่ Musk รายงานช้ากว่าเดิมถึง 11 วัน ซึ่งผู้ถือหุ้นอ้างว่า Musk ประหยัดเงินได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำ. ผลกระทบต่อราคาหุ้น: - เมื่อ Musk เปิดเผยการถือหุ้น 9.2% ในวันที่ 4 เมษายน 2022 ราคาหุ้นของ Twitter พุ่งขึ้น 27% ซึ่งทำให้อดีตผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้นก่อนหน้าต้องเสียโอกาสในการรับผลกำไร. พฤติกรรมที่ทำให้เกิดข้อสงสัย: - ในวันที่ 26 มีนาคม 2022 Musk ทวีตเกี่ยวกับการสร้างโซเชียลมีเดียใหม่ หรืออาจซื้อ Twitter และเปลี่ยนโลโก้เป็นสุนัข Doge ข้อความเหล่านี้สร้างความคลุมเครือเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของเขา. คดีที่ต่อเนื่อง: - ศาลไม่ได้ตัดสินว่า Musk ผิดหรือไม่ แต่การร้องเรียนนี้ดำเนินการในนามของกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของความโปร่งใสในการถือหุ้นและการรายงานข้อมูล. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/elon-musk-must-face-fraud-lawsuit-over-disclosure-of-twitter-stake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Elon Musk must face fraud lawsuit over disclosure of Twitter stake
    NEW YORK (Reuters) -A U.S. judge on Friday rejected billionaire Elon Musk's bid to dismiss a lawsuit claiming he defrauded former Twitter shareholders by waiting too long to disclose his initial investment in the social media company, now known as X.
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • #อาฟเตอร์ช็อก ต่อเนื่องเกือบ 54 ครั้ง ล่าสุด 23.46 น. ขนาด 4.9

    อัปเดตอาฟเตอร์ช็อก เหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.20 น. ศูนย์กลางบริเวณเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา
    ครั้งที่ 1 เวลา 13.32 น. ขนาด 7.1
    ครั้งที่ 2 เวลา 13.45 น. ขนาด 5.5
    ครั้งที่ 3 เวลา 14.24 น. ขนาด 4.0
    ครั้งที่ 4 เวลา 14.37 น. ขนาด 5.2
    ครั้งที่ 5 เวลา 14.42 น. ขนาด 3.9
    ครั้งที่ 6 เวลา 14.50 น. ขนาด 3.5
    ครั้งที่ 7 เวลา 14.57 น. ขนาด 4.7
    ครั้งที่ 8 เวลา 15.21 น. ขนาด 4.0
    ครั้งที่ 9 เวลา 15.45 น. ขนาด 3.7
    ครั้งที่ 10 เวลา 15.52 น. ขนาด 3.8
    ครั้งที่ 11 เวลา 16.06 น. ขนาด 4.2
    ครั้งที่ 12 เวลา 16.11 น. ขนาด 3.8
    ครั้งที่ 13 เวลา 16.26 น. ขนาด 4.3
    ครั้งที่ 14 เวลา 16.30 น. ขนาด 4.5
    ครั้งที่ 15 เวลา 16.55 น. ขนาด 4.9
    ครั้งที่ 16 เวลา 17.28 น. ขนาด 3.1
    ครั้งที่ 17 เวลา 17.30 น. ขนาด 4.1
    ครั้งที่ 18 เวลา 17.50 น. ขนาด 3.0
    ครั้งที่ 19 เวลา 17.59 น. ขนาด 4.0
    ครั้งที่ 20 เวลา 18.10 น. ขนาด 3.3
    ครั้งที่ 21 เวลา 18.16 น. ขนาด 3.7
    ครั้งที่ 22 เวลา 18.30 น. ขนาด 4.2
    ครั้งที่ 23 เวลา 18.57 น. ขนาด 2.9
    ครั้งที่ 24 เวลา 19.02 น. ขนาด 4.1
    ครั้งที่ 25 เวลา 19.09 น. ขนาด 2.4
    ครั้งที่ 26 เวลา 19.13 น. ขนาด 2.9
    ครั้งที่ 27 เวลา 19.22 น. ขนาด 5.5
    ครั้งที่ 28 เวลา 19.33 น. ขนาด 4.0
    ครั้งที่ 29 เวลา 19.36 น. ขนาด 3.8
    ครั้งที่ 30 เวลา 19.51 น. ขนาด 4.0
    ครั้งที่ 31 เวลา 19.52 น. ขนาด 4.6
    ครั้งที่ 32 เวลา 20.11 น. ขนาด 2.7
    ครั้งที่ 33 เวลา 20.17 น. ขนาด 2.5
    ครั้งที่ 34 เวลา 20.18 น. ขนาด 3.4
    ครั้งที่ 35 เวลา 20.26 น. ขนาด 2.8
    ครั้งที่ 36 เวลา 20.49 น. ขนาด 2.6
    ครั้งที่ 37 เวลา 20.56 น. ขนาด 3.1
    ครั้งที่ 38 เวลา 21.11 น. ขนาด 2.8
    ครั้งที่ 39 เวลา 21.20 น. ขนาด 2.7
    ครั้งที่ 40 เวลา 21.24 น. ขนาด 2.4
    ครั้งที่ 41 เวลา 21.29 น. ขนาด 2.1
    ครั้งที่ 42 เวลา 21.36 น. ขนาด 2.3
    ครั้งที่ 43 เวลา 21.43 น. ขนาด 2.2
    ครั้งที่ 44 เวลา 21.49 น. ขนาด 4.4

    ข้อมูลจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา earthquake.tmd.go.th
    เวลา 21.58 น.
    #อาฟเตอร์ช็อก ต่อเนื่องเกือบ 54 ครั้ง ล่าสุด 23.46 น. ขนาด 4.9 อัปเดตอาฟเตอร์ช็อก เหตุการณ์แผ่นดินไหว ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.20 น. ศูนย์กลางบริเวณเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ครั้งที่ 1 เวลา 13.32 น. ขนาด 7.1 ครั้งที่ 2 เวลา 13.45 น. ขนาด 5.5 ครั้งที่ 3 เวลา 14.24 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 4 เวลา 14.37 น. ขนาด 5.2 ครั้งที่ 5 เวลา 14.42 น. ขนาด 3.9 ครั้งที่ 6 เวลา 14.50 น. ขนาด 3.5 ครั้งที่ 7 เวลา 14.57 น. ขนาด 4.7 ครั้งที่ 8 เวลา 15.21 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 9 เวลา 15.45 น. ขนาด 3.7 ครั้งที่ 10 เวลา 15.52 น. ขนาด 3.8 ครั้งที่ 11 เวลา 16.06 น. ขนาด 4.2 ครั้งที่ 12 เวลา 16.11 น. ขนาด 3.8 ครั้งที่ 13 เวลา 16.26 น. ขนาด 4.3 ครั้งที่ 14 เวลา 16.30 น. ขนาด 4.5 ครั้งที่ 15 เวลา 16.55 น. ขนาด 4.9 ครั้งที่ 16 เวลา 17.28 น. ขนาด 3.1 ครั้งที่ 17 เวลา 17.30 น. ขนาด 4.1 ครั้งที่ 18 เวลา 17.50 น. ขนาด 3.0 ครั้งที่ 19 เวลา 17.59 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 20 เวลา 18.10 น. ขนาด 3.3 ครั้งที่ 21 เวลา 18.16 น. ขนาด 3.7 ครั้งที่ 22 เวลา 18.30 น. ขนาด 4.2 ครั้งที่ 23 เวลา 18.57 น. ขนาด 2.9 ครั้งที่ 24 เวลา 19.02 น. ขนาด 4.1 ครั้งที่ 25 เวลา 19.09 น. ขนาด 2.4 ครั้งที่ 26 เวลา 19.13 น. ขนาด 2.9 ครั้งที่ 27 เวลา 19.22 น. ขนาด 5.5 ครั้งที่ 28 เวลา 19.33 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 29 เวลา 19.36 น. ขนาด 3.8 ครั้งที่ 30 เวลา 19.51 น. ขนาด 4.0 ครั้งที่ 31 เวลา 19.52 น. ขนาด 4.6 ครั้งที่ 32 เวลา 20.11 น. ขนาด 2.7 ครั้งที่ 33 เวลา 20.17 น. ขนาด 2.5 ครั้งที่ 34 เวลา 20.18 น. ขนาด 3.4 ครั้งที่ 35 เวลา 20.26 น. ขนาด 2.8 ครั้งที่ 36 เวลา 20.49 น. ขนาด 2.6 ครั้งที่ 37 เวลา 20.56 น. ขนาด 3.1 ครั้งที่ 38 เวลา 21.11 น. ขนาด 2.8 ครั้งที่ 39 เวลา 21.20 น. ขนาด 2.7 ครั้งที่ 40 เวลา 21.24 น. ขนาด 2.4 ครั้งที่ 41 เวลา 21.29 น. ขนาด 2.1 ครั้งที่ 42 เวลา 21.36 น. ขนาด 2.3 ครั้งที่ 43 เวลา 21.43 น. ขนาด 2.2 ครั้งที่ 44 เวลา 21.49 น. ขนาด 4.4 ข้อมูลจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา earthquake.tmd.go.th เวลา 21.58 น.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • 📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว
    วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป
    โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
    ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม

    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC:
    - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่.

    ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D):
    - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน.

    การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D:
    - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์:
    - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    TSMC ลงทุนครั้งใหญ่ในอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัย แต่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ชี้ว่า แม้จะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน แต่การขาด R&D ขั้นสูงในประเทศยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การลงทุนนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของการวิจัยในประเทศในการพัฒนานวัตกรรม ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงทุนของ TSMC: - TSMC มีแผนสร้างโรงงานผลิตชิป 6 แห่ง รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในรัฐแอริโซนา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยขั้นสูงจะถูกย้ายมายังสหรัฐฯ หรือไม่. ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนา (R&D): - Gelsinger ชี้ว่า การมี R&D ในประเทศเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อเมริกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ได้ เช่น กระบวนการผลิตแบบ N3X หรือ N4 ที่ TSMC พัฒนาอยู่ในไต้หวัน. การปฏิสัมพันธ์ระหว่างการผลิตและ R&D: - โรงงานผลิตชิปและศูนย์วิจัยมีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการผลิตที่ต้องมีการทดลองและปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TSMC ยังเน้นที่ไต้หวันเป็นหลัก. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์: - การลงทุนของ TSMC อาจช่วยให้โรงงานในสหรัฐฯ สามารถผลิตชิปแบบกระบวนการขั้นสูงได้เร็วขึ้น แต่การขาด R&D ภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตและการเป็นผู้นำในระยะยาว. https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-gelsinger-warns-tsmcs-usd165b-investment-will-not-restore-u-s-semiconductor-leadership
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • Google กำลังปรับวิธีการพัฒนา Android โดยเปลี่ยนเป็นงานภายในทั้งหมด เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดความผิดพลาดในกระบวนการ แม้ว่าชิ้นส่วนบางอย่างจะเผยแพร่ช้าลง แต่ Android ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาภายนอกสามารถมีส่วนร่วมได้ เป้าหมายหลักคือการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ยั่งยืนและตอบโจทย์ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

    เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง:
    - Google ระบุว่ากระบวนการพัฒนาแบบเดิมสร้างความล่าช้าในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่และแก้ไขปัญหาความปลอดภัย เนื่องจากการผสานโค้ดระหว่างสองส่วนมักก่อให้เกิดข้อผิดพลาด.

    ผลกระทบต่อชุมชนนักพัฒนา:
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้การเผยแพร่ซอร์สโค้ดบางส่วนล่าช้าลง แต่การพัฒนา Android โดยรวมไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตที่มีข้อตกลง GMS เช่น Samsung และ Xiaomi ยังคงสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง.

    ความคุ้มค่าในระยะยาว:
    - Google ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นการปิดกั้นนักพัฒนาภายนอก แต่เพื่อรักษาความเป็นโอเพ่นซอร์สของ Android พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการพัฒนา.

    https://www.techspot.com/news/107314-google-confirms-android-development-soon-become-fully-private.html
    Google กำลังปรับวิธีการพัฒนา Android โดยเปลี่ยนเป็นงานภายในทั้งหมด เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดความผิดพลาดในกระบวนการ แม้ว่าชิ้นส่วนบางอย่างจะเผยแพร่ช้าลง แต่ Android ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาภายนอกสามารถมีส่วนร่วมได้ เป้าหมายหลักคือการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ยั่งยืนและตอบโจทย์ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง: - Google ระบุว่ากระบวนการพัฒนาแบบเดิมสร้างความล่าช้าในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่และแก้ไขปัญหาความปลอดภัย เนื่องจากการผสานโค้ดระหว่างสองส่วนมักก่อให้เกิดข้อผิดพลาด. ผลกระทบต่อชุมชนนักพัฒนา: - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้การเผยแพร่ซอร์สโค้ดบางส่วนล่าช้าลง แต่การพัฒนา Android โดยรวมไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตที่มีข้อตกลง GMS เช่น Samsung และ Xiaomi ยังคงสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง. ความคุ้มค่าในระยะยาว: - Google ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นการปิดกั้นนักพัฒนาภายนอก แต่เพื่อรักษาความเป็นโอเพ่นซอร์สของ Android พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการพัฒนา. https://www.techspot.com/news/107314-google-confirms-android-development-soon-become-fully-private.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google confirms Android development will soon become fully private
    Google told Android Authority that it will move all Android development to its internal branches next week, marking a significant shift from the system that has been...
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • NASA และ Boeing เตรียมทดสอบยาน Starliner ใหม่หลังเกิดปัญหาระบบขับเคลื่อนในภารกิจแรกที่ใช้เวลานานถึง 9 เดือน ยานนี้ได้รับการปรับปรุงและเตรียมพร้อมสำหรับการบินที่มีเป้าหมายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเดินทางในอวกาศและเพิ่มตัวเลือกสำหรับภารกิจส่งมนุษย์ในอนาคต

    บทเรียนจากภารกิจแรก:
    - ภารกิจแรกที่ควรจะใช้เวลา 8 วัน กลับต้องยืดเวลาเป็น 9 เดือน เนื่องจากข้อบกพร่องของระบบขับเคลื่อน ทำให้นักบินอวกาศของ NASA อย่าง Butch Wilmore และ Suni Williams ต้องกลับมายังโลกด้วยยานของ SpaceX.

    แผนการทดสอบในปีนี้:
    - NASA และ Boeing กำลังพัฒนาตารางการทดสอบระบบขับเคลื่อนและวิเคราะห์ข้อมูลในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบินครั้งหน้า.

    ผลกระทบด้านการเงิน:
    - โครงการ Starliner เป็นหนึ่งในความท้าทายของ Boeing ที่ทำให้บริษัทต้องใช้งบประมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมอวกาศอย่างต่อเนื่อง.

    เป้าหมายการรับรอง:
    - NASA วางเป้าหมายการรับรองยาน CST-100 Starliner สำหรับภารกิจที่มีลูกเรือ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางไปยังสถานีอวกาศในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มตัวเลือกและประสิทธิภาพในการส่งมนุษย์ไปในอวกาศ.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/nasa-boeing-to-start-testing-starliner-for-next-flight-aimed-at-early-2026
    NASA และ Boeing เตรียมทดสอบยาน Starliner ใหม่หลังเกิดปัญหาระบบขับเคลื่อนในภารกิจแรกที่ใช้เวลานานถึง 9 เดือน ยานนี้ได้รับการปรับปรุงและเตรียมพร้อมสำหรับการบินที่มีเป้าหมายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเดินทางในอวกาศและเพิ่มตัวเลือกสำหรับภารกิจส่งมนุษย์ในอนาคต บทเรียนจากภารกิจแรก: - ภารกิจแรกที่ควรจะใช้เวลา 8 วัน กลับต้องยืดเวลาเป็น 9 เดือน เนื่องจากข้อบกพร่องของระบบขับเคลื่อน ทำให้นักบินอวกาศของ NASA อย่าง Butch Wilmore และ Suni Williams ต้องกลับมายังโลกด้วยยานของ SpaceX. แผนการทดสอบในปีนี้: - NASA และ Boeing กำลังพัฒนาตารางการทดสอบระบบขับเคลื่อนและวิเคราะห์ข้อมูลในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบินครั้งหน้า. ผลกระทบด้านการเงิน: - โครงการ Starliner เป็นหนึ่งในความท้าทายของ Boeing ที่ทำให้บริษัทต้องใช้งบประมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมอวกาศอย่างต่อเนื่อง. เป้าหมายการรับรอง: - NASA วางเป้าหมายการรับรองยาน CST-100 Starliner สำหรับภารกิจที่มีลูกเรือ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางไปยังสถานีอวกาศในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มตัวเลือกและประสิทธิภาพในการส่งมนุษย์ไปในอวกาศ. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/28/nasa-boeing-to-start-testing-starliner-for-next-flight-aimed-at-early-2026
    WWW.THESTAR.COM.MY
    NASA, Boeing to start testing Starliner for next flight aimed at early 2026
    (Reuters) - NASA said on Thursday it was moving toward certifying Boeing's CST-100 Starliner for crewed flights later this year or by early 2026 after its inaugural mission to the International Space Station was marred by a system fault, forcing an extended stay.
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • “อวี๋ซูซิน” นักแสดง-นักร้องสาวดาวดังชาวจีน โพสต์ IG เที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทย หลังเดินทางมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในเมืองไทย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป

    “อวี๋ซูซิน” หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม “เอสเธอร์ อวี๋” (Esther Yu) เป็นหนึ่งในนักแสดง นักร้อง ไอดอลสาวชาวจีนชื่อดัง เธอเปิดตัวจากการแสดงในละครเรื่อง Border Town Prodigal เมื่อปี 2016 และเธอได้รับการยอมรับจากบทบาทในละครฮิต Find Yourself (2020) Moonlight (2021) และ Love Between Fairy and Devil (2022) นอกจากนี้เธอยังเคยเดบิวต์เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุปจีน THE9 อีกด้วย

    ปัจจุบันอวี๋ซูซินมีผลงานการถ่ายทำซีรีส์อย่างต่อเนื่อง โดยซีรีส์ชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ เพลงรักใต้แสงจันทร์ ของรักของข้า เหนือเมฆาชะตาลิขิต เซียนกระบี่เปิดผนึกพิชิตชะตา ดารารักนิรันดร์ เป็นต้น

    นอกจากนี้ล่าสุดอวี๋ซูซินยังบินมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ IG บรรยากาศการเที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทยให้แฟน ๆ ได้ชมกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000029276

    #MGROnline #YuShuXin #EstherYu​​​ #อวี๋ซูซิน #虞书欣
    “อวี๋ซูซิน” นักแสดง-นักร้องสาวดาวดังชาวจีน โพสต์ IG เที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทย หลังเดินทางมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในเมืองไทย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป • “อวี๋ซูซิน” หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม “เอสเธอร์ อวี๋” (Esther Yu) เป็นหนึ่งในนักแสดง นักร้อง ไอดอลสาวชาวจีนชื่อดัง เธอเปิดตัวจากการแสดงในละครเรื่อง Border Town Prodigal เมื่อปี 2016 และเธอได้รับการยอมรับจากบทบาทในละครฮิต Find Yourself (2020) Moonlight (2021) และ Love Between Fairy and Devil (2022) นอกจากนี้เธอยังเคยเดบิวต์เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุปจีน THE9 อีกด้วย • ปัจจุบันอวี๋ซูซินมีผลงานการถ่ายทำซีรีส์อย่างต่อเนื่อง โดยซีรีส์ชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ เพลงรักใต้แสงจันทร์ ของรักของข้า เหนือเมฆาชะตาลิขิต เซียนกระบี่เปิดผนึกพิชิตชะตา ดารารักนิรันดร์ เป็นต้น • นอกจากนี้ล่าสุดอวี๋ซูซินยังบินมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ IG บรรยากาศการเที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทยให้แฟน ๆ ได้ชมกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000029276 • #MGROnline #YuShuXin #EstherYu​​​ #อวี๋ซูซิน #虞书欣
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • วันที่ 27 มีนาคม เวลา 13.30 น. ตามเวลาเกาหลี ทนายความ พูจีซอก จากสำนักงานกฎหมาย Buyou ได้จัดแถลงข่าว ณ Space Share ใกล้สถานีคังนัม ย่านซอโชดง กรุงโซล ในนามของครอบครัวผู้ล่วงลับ คิมแซรน นักแสดงสาวที่จากไปก่อนวัยอันควร โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขอความเห็นใจจากสังคม และชี้แจงข้อเท็จจริงที่ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส

    “ช่วงหลังมานี้ มีการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคิมแซรนอย่างไม่ยั้งคิดบนโลกออนไลน์แทบทุกวัน นำมาซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์และการคาดเดาอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจต่อครอบครัวของผู้ล่วงลับ” ทนายพูเปิดเผย

    เขาระบุว่าจุดประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเปิดเผยสาเหตุการตัดสินใจจบชีวิตของคิมแซรน แต่เพื่อขอให้สังคมหยุดโจมตีครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมย้ำว่าทางครอบครัวไม่ต้องการยืดเยื้อหรือโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงในสื่ออีกต่อไป

    ทนายพูยังเปิดเผยว่า ครอบครัวจำเป็นต้องเปิดเผยว่า คิมซูฮยอน นักแสดงหนุ่มชื่อดัง เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับคิมแซรนตั้งแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยเหตุที่จำต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เนื่องจากครอบครัวกำลังเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมายกับยูทูบเบอร์ อีจินโฮ ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเท็จและดูหมิ่นผู้ล่วงลับจนทำให้เธอทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างหนัก

    อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคิมซูฮยอนกลับปฏิเสธว่าไม่เคยคบหากับคิมแซรน ก่อนที่จะมีหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ และถึงแม้จะมีหลักฐานดังกล่าวแล้ว เขาก็ยังไม่เคยออกมาขอโทษใดๆ และยืนกรานว่าเริ่มคบกันหลังคิมแซรนเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    ทนายยังกล่าวหาร่วมว่าอีจินโฮและบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จงใจขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของคิมแซรน พร้อมใส่ความโดยไร้หลักฐานอย่างต่อเนื่อง

    ล่าสุดในงานแถลง ทนายพูได้เปิดเผยภาพข้อความแชต KakaoTalk ระหว่างคิมแซรนและคิมซูฮยอนลงวันที่ 24 มิถุนายน 2559 (ขณะคิมแซรนอายุเพียง 17 ปี) ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าความเป็นพี่น้องหรือเพื่อนร่วมงาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000029159

    #MGROnline #คิมซูฮยอน #คิมแซรน #คิมแซรอน #KimSooHyun #KimSaeron
    วันที่ 27 มีนาคม เวลา 13.30 น. ตามเวลาเกาหลี ทนายความ พูจีซอก จากสำนักงานกฎหมาย Buyou ได้จัดแถลงข่าว ณ Space Share ใกล้สถานีคังนัม ย่านซอโชดง กรุงโซล ในนามของครอบครัวผู้ล่วงลับ คิมแซรน นักแสดงสาวที่จากไปก่อนวัยอันควร โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขอความเห็นใจจากสังคม และชี้แจงข้อเท็จจริงที่ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส • “ช่วงหลังมานี้ มีการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของคิมแซรนอย่างไม่ยั้งคิดบนโลกออนไลน์แทบทุกวัน นำมาซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์และการคาดเดาอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจต่อครอบครัวของผู้ล่วงลับ” ทนายพูเปิดเผย • เขาระบุว่าจุดประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเปิดเผยสาเหตุการตัดสินใจจบชีวิตของคิมแซรน แต่เพื่อขอให้สังคมหยุดโจมตีครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมย้ำว่าทางครอบครัวไม่ต้องการยืดเยื้อหรือโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงในสื่ออีกต่อไป • ทนายพูยังเปิดเผยว่า ครอบครัวจำเป็นต้องเปิดเผยว่า คิมซูฮยอน นักแสดงหนุ่มชื่อดัง เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับคิมแซรนตั้งแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยเหตุที่จำต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เนื่องจากครอบครัวกำลังเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมายกับยูทูบเบอร์ อีจินโฮ ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเท็จและดูหมิ่นผู้ล่วงลับจนทำให้เธอทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างหนัก • อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคิมซูฮยอนกลับปฏิเสธว่าไม่เคยคบหากับคิมแซรน ก่อนที่จะมีหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ และถึงแม้จะมีหลักฐานดังกล่าวแล้ว เขาก็ยังไม่เคยออกมาขอโทษใดๆ และยืนกรานว่าเริ่มคบกันหลังคิมแซรนเป็นผู้ใหญ่แล้ว • ทนายยังกล่าวหาร่วมว่าอีจินโฮและบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จงใจขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของคิมแซรน พร้อมใส่ความโดยไร้หลักฐานอย่างต่อเนื่อง • ล่าสุดในงานแถลง ทนายพูได้เปิดเผยภาพข้อความแชต KakaoTalk ระหว่างคิมแซรนและคิมซูฮยอนลงวันที่ 24 มิถุนายน 2559 (ขณะคิมแซรนอายุเพียง 17 ปี) ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าความเป็นพี่น้องหรือเพื่อนร่วมงาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000029159 • #MGROnline #คิมซูฮยอน #คิมแซรน #คิมแซรอน #KimSooHyun #KimSaeron
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • Opera ได้แนะนำฟีเจอร์ใหม่ในเบราว์เซอร์ Opera One ที่ใช้ AI ชื่อ "AI Tab Commands" เพื่อจัดการแท็บต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่ง Aria ผู้ช่วย AI ให้ปิด จัดกลุ่ม หรือจัดระเบียบแท็บต่าง ๆ ได้ด้วยคำสั่งภาษาธรรมชาติ เช่น การสั่งให้ "ปิดแท็บ Wikipedia ทั้งหมด" หรือ "จัดกลุ่มแท็บ TechRadar" การอัปเดตครั้งนี้ทำให้ Aria ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยที่สามารถดำเนินงานเชิงปฏิบัติได้ แทนที่จะเป็นแค่การตอบคำถามเชิงข้อมูล

    การพัฒนาผู้ช่วย AI Aria:
    - Aria กำลังถูกปรับปรุงให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เบราว์เซอร์ เช่น การเพิ่มโหมด "Writing Mode" สำหรับการเขียนอีเมลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์.

    ความสะดวกในการใช้งาน:
    - ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์นี้ผ่านคำสั่ง Ctrl + / บน Windows หรือ Cmd + / บน Mac และเลือกจัดการแท็บผ่านคำสั่งที่ง่ายต่อการเข้าใจ.

    ความใส่ใจในความเป็นส่วนตัว:
    - แม้ฟีเจอร์นี้จะมีการส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Opera แต่ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รายการแท็บที่เปิดจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้น.

    ผลกระทบต่อตลาดเบราว์เซอร์:
    - Opera กำลังผลักดันการพัฒนาฟีเจอร์ AI อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่น การสร้างภาพด้วย AI และการเพิ่มผู้ช่วยในแอปบนมือถือ ซึ่งอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้งานใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์ม.

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/operas-new-ai-feature-brings-order-to-your-browser-tab-chaos
    Opera ได้แนะนำฟีเจอร์ใหม่ในเบราว์เซอร์ Opera One ที่ใช้ AI ชื่อ "AI Tab Commands" เพื่อจัดการแท็บต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่ง Aria ผู้ช่วย AI ให้ปิด จัดกลุ่ม หรือจัดระเบียบแท็บต่าง ๆ ได้ด้วยคำสั่งภาษาธรรมชาติ เช่น การสั่งให้ "ปิดแท็บ Wikipedia ทั้งหมด" หรือ "จัดกลุ่มแท็บ TechRadar" การอัปเดตครั้งนี้ทำให้ Aria ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยที่สามารถดำเนินงานเชิงปฏิบัติได้ แทนที่จะเป็นแค่การตอบคำถามเชิงข้อมูล การพัฒนาผู้ช่วย AI Aria: - Aria กำลังถูกปรับปรุงให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เบราว์เซอร์ เช่น การเพิ่มโหมด "Writing Mode" สำหรับการเขียนอีเมลโดยไม่ต้องออกจากเบราว์เซอร์. ความสะดวกในการใช้งาน: - ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์นี้ผ่านคำสั่ง Ctrl + / บน Windows หรือ Cmd + / บน Mac และเลือกจัดการแท็บผ่านคำสั่งที่ง่ายต่อการเข้าใจ. ความใส่ใจในความเป็นส่วนตัว: - แม้ฟีเจอร์นี้จะมีการส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Opera แต่ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รายการแท็บที่เปิดจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้น. ผลกระทบต่อตลาดเบราว์เซอร์: - Opera กำลังผลักดันการพัฒนาฟีเจอร์ AI อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่น การสร้างภาพด้วย AI และการเพิ่มผู้ช่วยในแอปบนมือถือ ซึ่งอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้งานใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์ม. https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/operas-new-ai-feature-brings-order-to-your-browser-tab-chaos
    WWW.TECHRADAR.COM
    Opera's new AI feature brings order to your browser tab chaos
    The AI Tab Commands can find and sort every tab you've forgotten why you opened but know is something you plan to get back to someday
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังพัฒนา RDNA 3.5 สำหรับหน่วยประมวลผล APU รุ่นใหม่ที่ชื่อ Medusa Point และ Gorgon Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 และ Zen 5 การเปิดตัวครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ AMD ในการขยายความสามารถของกราฟิกใน APU และการปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับงาน AI อย่างต่อเนื่อง

    การเปลี่ยนแปลงใน RDNA 3.5:
    - RDNA 3.5 เคยใช้ใน Ryzen AI เช่น Strix Halo และ Strix Point แต่ใน Medusa Point คาดว่าจะมีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับการประมวลผลกราฟิกที่เข้มข้นขึ้น.

    มุมมองต่ออนาคตของ RDNA 4:
    - RDNA 4 ดูเหมือนจะออกแบบมาสำหรับเดสก์ท็อปเป็นหลัก ทำให้ RDNA 3.5 กลายเป็นแกนสำคัญในชิป APU ของ AMD ในระยะเวลาอันใกล้.

    ประสิทธิภาพของ APU ในงาน AI:
    - RDNA 3.5 มีประสิทธิภาพสูงในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยรองรับการประมวลผลในระดับที่ครอบคลุมการใช้งานหลายรูปแบบ.

    บทบาทของ GFX1153 ในอนาคต:
    - ชิปที่ใช้ GFX1153 ถูกคาดหวังว่าจะเป็น GPU ในตัวสำหรับ Medusa Point ซึ่งถือเป็นการก้าวไปอีกขั้นในตลาดหน่วยประมวลผลแบบครบวงจร.

    https://www.techpowerup.com/334691/gfx1153-target-spotted-in-amdgpu-library-amendment-rdna-3-5-again-linked-to-medusa-point-apu
    AMD กำลังพัฒนา RDNA 3.5 สำหรับหน่วยประมวลผล APU รุ่นใหม่ที่ชื่อ Medusa Point และ Gorgon Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 และ Zen 5 การเปิดตัวครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ AMD ในการขยายความสามารถของกราฟิกใน APU และการปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับงาน AI อย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงใน RDNA 3.5: - RDNA 3.5 เคยใช้ใน Ryzen AI เช่น Strix Halo และ Strix Point แต่ใน Medusa Point คาดว่าจะมีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับการประมวลผลกราฟิกที่เข้มข้นขึ้น. มุมมองต่ออนาคตของ RDNA 4: - RDNA 4 ดูเหมือนจะออกแบบมาสำหรับเดสก์ท็อปเป็นหลัก ทำให้ RDNA 3.5 กลายเป็นแกนสำคัญในชิป APU ของ AMD ในระยะเวลาอันใกล้. ประสิทธิภาพของ APU ในงาน AI: - RDNA 3.5 มีประสิทธิภาพสูงในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยรองรับการประมวลผลในระดับที่ครอบคลุมการใช้งานหลายรูปแบบ. บทบาทของ GFX1153 ในอนาคต: - ชิปที่ใช้ GFX1153 ถูกคาดหวังว่าจะเป็น GPU ในตัวสำหรับ Medusa Point ซึ่งถือเป็นการก้าวไปอีกขั้นในตลาดหน่วยประมวลผลแบบครบวงจร. https://www.techpowerup.com/334691/gfx1153-target-spotted-in-amdgpu-library-amendment-rdna-3-5-again-linked-to-medusa-point-apu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    "GFX1153" Target Spotted in AMDGPU Library Amendment, RDNA 3.5 Again Linked to "Medusa Point" APU
    At the tail end of 2024, AMD technical staffers added the "GFX1153" target to their first-party GPU supported chip list. Almost three months later, PC hardware news outlets and online enthusiasts have just picked up on this development. "GFX1150" family IPs were previously linked to Team Red's RDNA ...
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังทดสอบ CPU ตัวอย่างที่เรียกว่า Q46W ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Meteor Lake-S แต่ไม่มี Hyper-Threading แม้จะไม่ถูกเปิดตัวในวงกว้าง แต่มีการขายในตลาดมือสองพร้อมรายงานว่าต้องการเมนบอร์ดเฉพาะ ทาง Intel ยังคงสำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีนี้เพื่อสร้าง CPU Desktop ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต

    ความพิเศษของ Q46W:
    - โปรเซสเซอร์นี้ไม่มี Hyper-Threading ซึ่งแตกต่างจากรุ่นทั่วไปของ Intel ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อเพิ่มการทำงานหลายหน้าพร้อมกัน.

    ข้อจำกัดของการใช้งาน:
    - ตัวอย่าง Q46W จำเป็นต้องใช้เมนบอร์ดพิเศษที่ยังไม่มีในท้องตลาด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ Intel ไม่ได้เปิดตัวในวงกว้าง.

    การขายในตลาดมือสอง:
    - มีรายงานว่าชิปตัวอย่างนี้ถูกขายใน Taobao โดยระบุว่าเป็น Intel Confidential ซึ่งยืนยันถึงความสนใจจากนักสะสมและผู้ที่สนใจเทคโนโลยีล้ำหน้า.

    สถานการณ์ของ Meteor Lake-S:
    - แม้จะมีข่าวลือว่า Intel ยกเลิกการพัฒนา Meteor Lake-S แต่ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง.

    https://www.techpowerup.com/334688/intel-q46w-engineering-sample-seems-to-be-meteor-lake-s-desktop-cpu-minus-hyper-threading
    Intel กำลังทดสอบ CPU ตัวอย่างที่เรียกว่า Q46W ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Meteor Lake-S แต่ไม่มี Hyper-Threading แม้จะไม่ถูกเปิดตัวในวงกว้าง แต่มีการขายในตลาดมือสองพร้อมรายงานว่าต้องการเมนบอร์ดเฉพาะ ทาง Intel ยังคงสำรวจศักยภาพของเทคโนโลยีนี้เพื่อสร้าง CPU Desktop ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต ความพิเศษของ Q46W: - โปรเซสเซอร์นี้ไม่มี Hyper-Threading ซึ่งแตกต่างจากรุ่นทั่วไปของ Intel ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อเพิ่มการทำงานหลายหน้าพร้อมกัน. ข้อจำกัดของการใช้งาน: - ตัวอย่าง Q46W จำเป็นต้องใช้เมนบอร์ดพิเศษที่ยังไม่มีในท้องตลาด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ Intel ไม่ได้เปิดตัวในวงกว้าง. การขายในตลาดมือสอง: - มีรายงานว่าชิปตัวอย่างนี้ถูกขายใน Taobao โดยระบุว่าเป็น Intel Confidential ซึ่งยืนยันถึงความสนใจจากนักสะสมและผู้ที่สนใจเทคโนโลยีล้ำหน้า. สถานการณ์ของ Meteor Lake-S: - แม้จะมีข่าวลือว่า Intel ยกเลิกการพัฒนา Meteor Lake-S แต่ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง. https://www.techpowerup.com/334688/intel-q46w-engineering-sample-seems-to-be-meteor-lake-s-desktop-cpu-minus-hyper-threading
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel "Q46W" Engineering Sample Seems to be "Meteor Lake-S" Desktop CPU minus Hyper-Threading
    The status of Intel "Meteor Lake-S" (MTL-S) desktop processors was the subject of much speculation throughout 2023—by September of that year, Team Blue leadership projected an upcoming launch in 2024. Technically, Meteor Lake was deployed to "sort-of desktops" platforms—albeit in mini-PCs that utili...
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • Twitch กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ โดย Kai Cenat สตรีมเมอร์อันดับหนึ่งมีรายได้สูงสุดพร้อมผู้ติดตามกว่า 16.8 ล้านคน หมวดหมู่ Just Chatting เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง สตรีมเมอร์อื่น ๆ เช่น Jynxzi และ Caseoh ก็ประสบความสำเร็จจากการผสมผสานระหว่างเกมและการพูดคุย

    การเติบโตของหมวดหมู่ Just Chatting:
    - หมวดหมู่ "Just Chatting" เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างจากจุดเดิมที่ Twitch มุ่งเน้นการสตรีมเกม

    สตรีมเมอร์อันดับรองลงมา:
    - Jynxzi อยู่ในอันดับสองด้วยรายได้ประมาณ 3.6 ล้านถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ติดตาม 7.1 ล้านคน โดยเขาโดดเด่นจากการเล่นเกม Tom Clancy's Rainbow Six Siege พร้อมได้รับรางวัล “Best FPS Streamer” ในปี 2024

    อันดับสามของ Caseoh:
    - สตรีมเมอร์ Caseoh มีผู้ติดตาม 6.8 ล้านคน โดยรายได้อยู่ที่ 2 ล้านถึง 2.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการผสมผสานการสตรีมเกมและพูดคุยสด

    รูปแบบรายได้บน Twitch:
    - ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถทำรายได้ผ่านการสนับสนุน "Bits" และการสมัครสมาชิกแบบรายเดือนที่มีค่าบริการตั้งแต่ 4.99 ถึง 24.99 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Twitch คืนรายได้ให้สตรีมเมอร์ 30%-50%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/who-are-the-highest-paid-twitch-streamers
    Twitch กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ โดย Kai Cenat สตรีมเมอร์อันดับหนึ่งมีรายได้สูงสุดพร้อมผู้ติดตามกว่า 16.8 ล้านคน หมวดหมู่ Just Chatting เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง สตรีมเมอร์อื่น ๆ เช่น Jynxzi และ Caseoh ก็ประสบความสำเร็จจากการผสมผสานระหว่างเกมและการพูดคุย การเติบโตของหมวดหมู่ Just Chatting: - หมวดหมู่ "Just Chatting" เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งต่างจากจุดเดิมที่ Twitch มุ่งเน้นการสตรีมเกม สตรีมเมอร์อันดับรองลงมา: - Jynxzi อยู่ในอันดับสองด้วยรายได้ประมาณ 3.6 ล้านถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ติดตาม 7.1 ล้านคน โดยเขาโดดเด่นจากการเล่นเกม Tom Clancy's Rainbow Six Siege พร้อมได้รับรางวัล “Best FPS Streamer” ในปี 2024 อันดับสามของ Caseoh: - สตรีมเมอร์ Caseoh มีผู้ติดตาม 6.8 ล้านคน โดยรายได้อยู่ที่ 2 ล้านถึง 2.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการผสมผสานการสตรีมเกมและพูดคุยสด รูปแบบรายได้บน Twitch: - ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถทำรายได้ผ่านการสนับสนุน "Bits" และการสมัครสมาชิกแบบรายเดือนที่มีค่าบริการตั้งแต่ 4.99 ถึง 24.99 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Twitch คืนรายได้ให้สตรีมเมอร์ 30%-50% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/27/who-are-the-highest-paid-twitch-streamers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Who are the highest-paid Twitch streamers?
    In just a few years, Twitch has become a veritable goldmine for video game enthusiasts. Thanks to an attractive monetisation system, content creators can rake in millions of dollars. So who are the platform's best-paid streamers?
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • AI ไม่ได้มาแทนที่พนักงานโดยตรง แต่มันช่วยให้พนักงานที่เก่งสามารถทำงานได้เร็วและดีขึ้น จนลดความจำเป็นของการจ้างพนักงานเพิ่มในบางตำแหน่ง ในยุคที่ AI ปรับเปลี่ยนมาตรฐานการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มทักษะและใช้งาน AI อย่างชาญฉลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากเราไม่พัฒนาตัวเอง เราอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้ง่าย ๆ

    ผลกระทบของ productivity inflation:
    - ด้วยการใช้ AI ช่วยงาน พนักงานระดับกลางสามารถทำงานที่เคยใช้เวลานาน 8 ชั่วโมงในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง ขณะที่ยังสามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น ทำให้โครงสร้างทีมงานในองค์กรเริ่มเปลี่ยนจากการจ้างคนเป็นลำดับขั้นไปสู่การจ้างพนักงานที่ต้องเชี่ยวชาญการใช้ AI เป็นหลัก.

    ความสำคัญของการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์:
    - การใช้ AI ไม่ได้หมายถึงการลดภาระงานทั้งหมด แต่กลับช่วยเสริมศักยภาพของพนักงาน เช่น การใช้ AI เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ ทำการวิจัยอย่างรวดเร็ว หรือปรับปรุงเนื้อหาการเขียนให้น่าสนใจ.

    ทักษะที่ต้องการในยุคใหม่:
    - ความสามารถในการใช้งานเครื่องมือ AI และการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องกลายเป็นทักษะสำคัญสำหรับ "A players" หรือผู้เล่นระดับท็อปในตลาดแรงงาน.

    ความเปลี่ยนแปลงในนิยามของ "การแข่งขัน":
    - ผู้ที่สามารถใช้งาน AI เป็นเครื่องมือในการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และผลิตผลจะมีโอกาสก้าวนำหน้าคู่แข่งได้ ในขณะที่การปล่อยให้งานขึ้นอยู่กับ AI อย่างเดียวอาจสร้างความล้าหลัง.

    https://www.zdnet.com/article/ai-wont-take-your-job-but-this-definitely-will/
    AI ไม่ได้มาแทนที่พนักงานโดยตรง แต่มันช่วยให้พนักงานที่เก่งสามารถทำงานได้เร็วและดีขึ้น จนลดความจำเป็นของการจ้างพนักงานเพิ่มในบางตำแหน่ง ในยุคที่ AI ปรับเปลี่ยนมาตรฐานการทำงานอย่างรวดเร็ว การเพิ่มทักษะและใช้งาน AI อย่างชาญฉลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากเราไม่พัฒนาตัวเอง เราอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลังได้ง่าย ๆ ผลกระทบของ productivity inflation: - ด้วยการใช้ AI ช่วยงาน พนักงานระดับกลางสามารถทำงานที่เคยใช้เวลานาน 8 ชั่วโมงในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง ขณะที่ยังสามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น ทำให้โครงสร้างทีมงานในองค์กรเริ่มเปลี่ยนจากการจ้างคนเป็นลำดับขั้นไปสู่การจ้างพนักงานที่ต้องเชี่ยวชาญการใช้ AI เป็นหลัก. ความสำคัญของการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์: - การใช้ AI ไม่ได้หมายถึงการลดภาระงานทั้งหมด แต่กลับช่วยเสริมศักยภาพของพนักงาน เช่น การใช้ AI เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ ทำการวิจัยอย่างรวดเร็ว หรือปรับปรุงเนื้อหาการเขียนให้น่าสนใจ. ทักษะที่ต้องการในยุคใหม่: - ความสามารถในการใช้งานเครื่องมือ AI และการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องกลายเป็นทักษะสำคัญสำหรับ "A players" หรือผู้เล่นระดับท็อปในตลาดแรงงาน. ความเปลี่ยนแปลงในนิยามของ "การแข่งขัน": - ผู้ที่สามารถใช้งาน AI เป็นเครื่องมือในการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และผลิตผลจะมีโอกาสก้าวนำหน้าคู่แข่งได้ ในขณะที่การปล่อยให้งานขึ้นอยู่กับ AI อย่างเดียวอาจสร้างความล้าหลัง. https://www.zdnet.com/article/ai-wont-take-your-job-but-this-definitely-will/
    WWW.ZDNET.COM
    AI won't take your job, but this definitely will
    Here's what's quietly reshaping the job market, and it's happening faster than you think.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • รายงานข่าวกรองอเมริกาฉบับปีล่าสุดระบุ จีนยังคงเป็นภัยคุกคามทางทหารและไซเบอร์อันดับหนึ่ง อีกทั้งมีแสนยานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ไม่สม่ำเสมอ ในเรื่องสมรรถนะสำหรับการเข้ายึดไต้หวัน โดยรวมถึงการป้องปราม หรือกระทั่งเอาชนะการแทรกแซงทางทหารของอเมริกาถ้าจำเป็น นอกจากนั้นปักกิ่งยังเล็งขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านเอไอแทนที่วอชิงตันภายในปี 2030
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028981
    รายงานข่าวกรองอเมริกาฉบับปีล่าสุดระบุ จีนยังคงเป็นภัยคุกคามทางทหารและไซเบอร์อันดับหนึ่ง อีกทั้งมีแสนยานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ไม่สม่ำเสมอ ในเรื่องสมรรถนะสำหรับการเข้ายึดไต้หวัน โดยรวมถึงการป้องปราม หรือกระทั่งเอาชนะการแทรกแซงทางทหารของอเมริกาถ้าจำเป็น นอกจากนั้นปักกิ่งยังเล็งขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านเอไอแทนที่วอชิงตันภายในปี 2030 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028981
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1463 Views 0 Reviews
  • TSMC เป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั้งโหนดใหม่และเก่าเพื่อสร้างกำไรสูงสุด โหนดเก่าที่หมดค่าเสื่อมราคากลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ในขณะที่โหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm แม้มีต้นทุนสูง แต่คาดว่าจะเริ่มทำกำไรเพิ่มขึ้นในปีหน้า

    การสร้างกำไรจากโหนดเก่า:
    - โหนดรุ่นเก่า เช่น 7nm มีอัตรากำไรสูงสุดถึง 27% เนื่องจากกระบวนการผลิตมีการชำระค่าเสื่อมราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับโหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm ที่ยังอยู่ในช่วงต้นและมีต้นทุนสูงจากค่าเสื่อมราคาและการวิจัย.

    กลยุทธ์ของ TSMC:
    - การรักษาโหนดเก่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม IoT.

    การแข่งขันกับ Intel:
    - Intel ที่เน้นพัฒนาโหนดใหม่เร่งเข้าสู่ตลาด Foundry ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการขาดโครงสร้างและโหนดผลิตรุ่นเก่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีศักยภาพในกระบวนการผลิตและการจัดการต้นทุนที่เหนือชั้นกว่า.

    มุมมองในอนาคต:
    - TSMC คาดว่าโหนดใหม่ เช่น 3nm และ 5nm จะเริ่มสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในปีหน้า หลังการปรับปรุงผลผลิตและลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง.

    https://www.techspot.com/news/107278-how-profitable-tsmc-nodes-crunching-numbers.html
    TSMC เป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั้งโหนดใหม่และเก่าเพื่อสร้างกำไรสูงสุด โหนดเก่าที่หมดค่าเสื่อมราคากลายเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง ในขณะที่โหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm แม้มีต้นทุนสูง แต่คาดว่าจะเริ่มทำกำไรเพิ่มขึ้นในปีหน้า การสร้างกำไรจากโหนดเก่า: - โหนดรุ่นเก่า เช่น 7nm มีอัตรากำไรสูงสุดถึง 27% เนื่องจากกระบวนการผลิตมีการชำระค่าเสื่อมราคาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเทียบกับโหนดใหม่อย่าง 3nm และ 5nm ที่ยังอยู่ในช่วงต้นและมีต้นทุนสูงจากค่าเสื่อมราคาและการวิจัย. กลยุทธ์ของ TSMC: - การรักษาโหนดเก่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม IoT. การแข่งขันกับ Intel: - Intel ที่เน้นพัฒนาโหนดใหม่เร่งเข้าสู่ตลาด Foundry ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการขาดโครงสร้างและโหนดผลิตรุ่นเก่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีศักยภาพในกระบวนการผลิตและการจัดการต้นทุนที่เหนือชั้นกว่า. มุมมองในอนาคต: - TSMC คาดว่าโหนดใหม่ เช่น 3nm และ 5nm จะเริ่มสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในปีหน้า หลังการปรับปรุงผลผลิตและลดต้นทุนลงอย่างต่อเนื่อง. https://www.techspot.com/news/107278-how-profitable-tsmc-nodes-crunching-numbers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    How profitable are TSMC's nodes: crunching the numbers
    By now, most of us are familiar with the fact that TSMC operates a significant amount of trailing edge manufacturing capacity. Long after they have moved on...
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
More Results