• ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    ลองยิงวัตถุมงคล คุณลุงผู้เขียนเบ่าให้ฟังว่า สมัยย้อนหลังไป 50 ปี ..คือ เสกเสร็จได้รับปุ๊ป ลองยิงกันหลังวัดนั่นเลย...มีทั้งแบบ ออก ไม่ออก และออก แต่ไม่โดน แม้จะยิงระยะ แค่ 2 ฟุต. นัยว่าดีทาง แคล้วคลาด..และการลองยิงก็มีต่อเนื่องมาตลอด..แต่ส่วนใหญ่ กระจาย...ทีนี้ พอมีรูปแบบธุรกิจมามากเข้า...กลุ่มสายตรงเขาเสียหาย..วิธีนี้เลยค่อยหายไป...น้าชายผู้เขียน เคยโดนยิง 3 นัด ไม่เข้า 2 เป็นรอยไหม้ เสื้อขาด ที่ลำตัว และเข้า 1 นัด ที่ขา...ห้อยองค์เดียวเลย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี..อ๋อ ย้อนนิด ที่จ่อยิงแล้วไม่โดน คือ เหรียญหลวงปู่สีมั่น วัดห้วยลาด สงขลา ปี 09 เป็นพระเข้าทรงแบบหลวงปู่ทวด คณะลุงของผู้เขียนเป็นผู้ลองด้วยตนเอง.เพราะอยู่ร่วมพิธี.ด้วย.มีเรื่องเบ่าเยอะเลย พุทธคุณ ประสบการณ์ ...แต่เรื่องที่ฟังต่อๆกันมา โดยนิสัยส่วนตัว ไม่ค่อยนำข้อมูลนั้นมาถ่ายทอดต่อ เพราะไม่รู้ว่า มันคือ การตลาดไหม ต้องเอาแบบจากคนที่ประสบมาจริงๆ ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้:

    - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ
    - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว
    - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด
    - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ
    - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว

    เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้!

    #Thaitimes #Update
    21-11-2024 แจ้งอัปเดตเวอร์ชัน 3.2.1 (เฉพาะ Android) ThaiTimes ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันเป็นเวอร์ชัน 3.2.1 ซึ่งมีการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาดังนี้: - แก้ไขปัญหาวิดีโอที่ถูกบีบในบางขนาดหน้าจอ - แก้ปัญหาการโพสต์ซ้ำ กดโพสต์สำเร็จในครั้งเดียว - ปรับปรุงการดูวิดีโอแบบเต็มจอให้เล่นต่อเนื่องได้ไม่มีสะดุด - ช่องค้นหาสามารถใช้งานได้ดีขึ้น คลิกดูผลลัพธ์ได้ตามปกติ - ปัญหาเสียงซ้อนในวิดีโอได้รับการแก้ไขแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด อย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน ThaiTimes บน Android ของคุณวันนี้! #Thaitimes #Update
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต": ความแตกต่างที่เปลี่ยนชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยคำสอนและคำแนะนำมากมาย หลายคนอาจเคยได้ยินหรือจดจำธรรมะไว้ในใจ แต่ความเข้าใจและการนำไปใช้จริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนจดจำธรรมะได้มากมาย แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความสงบสุขหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะเหตุใด? เรามาหาคำตอบกัน---จำธรรมะเข้าหัว: รู้เยอะแต่ไม่เปลี่ยนแปลงการ "จำธรรมะเข้าหัว" เปรียบเสมือนการเก็บข้อมูลในสมอง เป็นการสะสมคำสอน ข้อคิด เพื่อให้พูดหรืออ้างอิงได้ในสถานการณ์ต่างๆข้อดี: สามารถแบ่งปันคำสอนหรือให้คำแนะนำกับผู้อื่นได้ข้อเสีย: เป็นเพียงการรู้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ที่จำธรรมะเข้าหัวมักมีความรู้ แต่ยังขาดการนำธรรมะมาใช้แก้ปัญหาชีวิตจริง ผลที่ตามมาคือ การจมอยู่กับทุกข์เดิมๆ เพราะธรรมะที่แท้จริงยังไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ---นำธรรมะเข้าจิต: ฝึกปฏิบัติ สู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงการ "นำธรรมะเข้าจิต" คือการฝึกปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจัง จนเกิดความเปลี่ยนแปลงในจิตใจเริ่มต้นที่การทำ: เช่น การให้ทาน การรักษาศีลฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: เช่น การอดทนต่ออารมณ์หรือสิ่งยั่วยุผลลัพธ์ที่ได้: ความสงบ ความสุข และความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ธรรมะที่เข้าสู่จิตจริงๆ จะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ กระจ่างขึ้น เช่น การเข้าใจความไม่เที่ยง ความทุกข์ และการไม่ยึดมั่นในตัวตน---เปรียบเทียบ "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต"---ทำอย่างไรให้ธรรมะเข้าสู่จิต?1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: เลือกข้อธรรมะง่ายๆ เช่น การให้ทาน หรือการมีสติ2. ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: อย่าท้อเมื่อเจออุปสรรค จงมองว่าเป็นบททดสอบ3. ทบทวนตนเอง: ถามตัวเองว่า "วันนี้เราได้นำธรรมะมาใช้ในชีวิตหรือยัง?"---บทสรุปการจดจำธรรมะเป็นเพียงก้าวแรก แต่การนำธรรมะเข้าจิตคือหัวใจของการปฏิบัติที่แท้จริง เพราะธรรมะไม่ใช่แค่คำพูดหรือความรู้ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราก้าวข้ามทุกข์ และสร้างความสงบสุขในชีวิต"ธรรมะที่แท้ เป็นของผู้ฝึกฝน ผู้ลงมือทำ และผู้ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแท้จริง"ดังนั้น หากอยากให้ธรรมะช่วยพาเราข้ามพ้นทุกข์ อย่าหยุดแค่การจำ แต่จงเดินหน้าฝึกปฏิบัติ แล้วคุณจะค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงในใจ!
    "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต": ความแตกต่างที่เปลี่ยนชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยคำสอนและคำแนะนำมากมาย หลายคนอาจเคยได้ยินหรือจดจำธรรมะไว้ในใจ แต่ความเข้าใจและการนำไปใช้จริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนจดจำธรรมะได้มากมาย แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความสงบสุขหรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะเหตุใด? เรามาหาคำตอบกัน---จำธรรมะเข้าหัว: รู้เยอะแต่ไม่เปลี่ยนแปลงการ "จำธรรมะเข้าหัว" เปรียบเสมือนการเก็บข้อมูลในสมอง เป็นการสะสมคำสอน ข้อคิด เพื่อให้พูดหรืออ้างอิงได้ในสถานการณ์ต่างๆข้อดี: สามารถแบ่งปันคำสอนหรือให้คำแนะนำกับผู้อื่นได้ข้อเสีย: เป็นเพียงการรู้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ที่จำธรรมะเข้าหัวมักมีความรู้ แต่ยังขาดการนำธรรมะมาใช้แก้ปัญหาชีวิตจริง ผลที่ตามมาคือ การจมอยู่กับทุกข์เดิมๆ เพราะธรรมะที่แท้จริงยังไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ---นำธรรมะเข้าจิต: ฝึกปฏิบัติ สู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงการ "นำธรรมะเข้าจิต" คือการฝึกปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจัง จนเกิดความเปลี่ยนแปลงในจิตใจเริ่มต้นที่การทำ: เช่น การให้ทาน การรักษาศีลฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: เช่น การอดทนต่ออารมณ์หรือสิ่งยั่วยุผลลัพธ์ที่ได้: ความสงบ ความสุข และความเข้าใจในธรรมชาติของทุกข์ธรรมะที่เข้าสู่จิตจริงๆ จะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ กระจ่างขึ้น เช่น การเข้าใจความไม่เที่ยง ความทุกข์ และการไม่ยึดมั่นในตัวตน---เปรียบเทียบ "จำธรรมะเข้าหัว" กับ "นำธรรมะเข้าจิต"---ทำอย่างไรให้ธรรมะเข้าสู่จิต?1. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: เลือกข้อธรรมะง่ายๆ เช่น การให้ทาน หรือการมีสติ2. ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: อย่าท้อเมื่อเจออุปสรรค จงมองว่าเป็นบททดสอบ3. ทบทวนตนเอง: ถามตัวเองว่า "วันนี้เราได้นำธรรมะมาใช้ในชีวิตหรือยัง?"---บทสรุปการจดจำธรรมะเป็นเพียงก้าวแรก แต่การนำธรรมะเข้าจิตคือหัวใจของการปฏิบัติที่แท้จริง เพราะธรรมะไม่ใช่แค่คำพูดหรือความรู้ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราก้าวข้ามทุกข์ และสร้างความสงบสุขในชีวิต"ธรรมะที่แท้ เป็นของผู้ฝึกฝน ผู้ลงมือทำ และผู้ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแท้จริง"ดังนั้น หากอยากให้ธรรมะช่วยพาเราข้ามพ้นทุกข์ อย่าหยุดแค่การจำ แต่จงเดินหน้าฝึกปฏิบัติ แล้วคุณจะค้นพบความสงบสุขที่แท้จริงในใจ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าเชื่อใครก็ตาม...100 % ฟัง และเอาหลักคิด กับความรู้ของเราผสมเข้าไป แล้วเลือกเชื่อ...แบบไหนก็ได้ เพราะมันคือชีวิตเรา...เราคือผู้รับผลของความคิดและการตัดสินใจนั้น....อ่อ อ้างพระพุทธเจ้า พระไตรปิฏก ขอโทษนิดนึง ...ก่อนอื่นบอกก่อน ผมนับถือพระพุทธเจ้า เชื่อในเรื่องบาปบุญ กรรม การเวียนว่ายตายเกิด....แต่...นิดนึง อะไรคือข้อยืนยีนว่า เป็นพุทธวจนะ จริง....ถามกลับ พระไตรปิฎก สังคายนากี่ครั้ง 9 หรือ 10 ..ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน..จะทราบความจริงที่ว่า...ผู้มีอำนาจ เป็นผู้ชี้นำ.. อะไรก็ตามให้คนเดินตาม...ดังนั้น เราจะรู้ไหม ว่ามีเรื่อง การเมือง ชนชั้น หรือมีนัยยะอื่นมาเกี่ยว...ไม่นับ คณะ ผู้สังคายนาอีก...ตีความแบบใด..ถูกต้องตามเจตนาไหม...แปลภาษาถูกไหม......ฉะนั้น...ไม่ว่าใครอ้างอะไร...คำตอบสุดท้าย ของตัวเราว่าจะเชื่อใครหรืออะไร อยู่ที่ความรู้และวิธีคิดแต่ละคน.....นิดนึง ความเห็นส่วนตัว ว่า หลายคนอยากแจ้งเกิดด้วยกระแส ทฤษฎีแมวขาวแมวดำ..จับหนูได้เหมือนกัน...ก็ออกมา ไขว้กับคนมีแสง..ถ้ามาตามน้ำก็คงจะธรรมดาไปหน่อย..ไม่ตัดสินอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่มีประโยชน์แก่ตนหรือสังคมส่วนรวมในการเข้าข้างใด...ข้างนึง..ขอเป็นผู้ชมละกัน..นึกถึงรายการนึง ที่นั่งต่อกัน 4_5 คน แล้วคนที่ 1 วาดภาพส่งต่อให้คนที่ 2 คนที่ 2 ก็วาดส่งต่อไปเรื่อยๆ...ถึงคนสุดท้าย....แต่ละคน..ได้ภาพอะไร...เหมือนต้นฉบับไหม? #แค่คิด...
    อย่าเชื่อใครก็ตาม...100 % ฟัง และเอาหลักคิด กับความรู้ของเราผสมเข้าไป แล้วเลือกเชื่อ...แบบไหนก็ได้ เพราะมันคือชีวิตเรา...เราคือผู้รับผลของความคิดและการตัดสินใจนั้น....อ่อ อ้างพระพุทธเจ้า พระไตรปิฏก ขอโทษนิดนึง ...ก่อนอื่นบอกก่อน ผมนับถือพระพุทธเจ้า เชื่อในเรื่องบาปบุญ กรรม การเวียนว่ายตายเกิด....แต่...นิดนึง อะไรคือข้อยืนยีนว่า เป็นพุทธวจนะ จริง....ถามกลับ พระไตรปิฎก สังคายนากี่ครั้ง 9 หรือ 10 ..ถ้าใครศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน..จะทราบความจริงที่ว่า...ผู้มีอำนาจ เป็นผู้ชี้นำ.. อะไรก็ตามให้คนเดินตาม...ดังนั้น เราจะรู้ไหม ว่ามีเรื่อง การเมือง ชนชั้น หรือมีนัยยะอื่นมาเกี่ยว...ไม่นับ คณะ ผู้สังคายนาอีก...ตีความแบบใด..ถูกต้องตามเจตนาไหม...แปลภาษาถูกไหม......ฉะนั้น...ไม่ว่าใครอ้างอะไร...คำตอบสุดท้าย ของตัวเราว่าจะเชื่อใครหรืออะไร อยู่ที่ความรู้และวิธีคิดแต่ละคน.....นิดนึง ความเห็นส่วนตัว ว่า หลายคนอยากแจ้งเกิดด้วยกระแส ทฤษฎีแมวขาวแมวดำ..จับหนูได้เหมือนกัน...ก็ออกมา ไขว้กับคนมีแสง..ถ้ามาตามน้ำก็คงจะธรรมดาไปหน่อย..ไม่ตัดสินอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่มีประโยชน์แก่ตนหรือสังคมส่วนรวมในการเข้าข้างใด...ข้างนึง..ขอเป็นผู้ชมละกัน..นึกถึงรายการนึง ที่นั่งต่อกัน 4_5 คน แล้วคนที่ 1 วาดภาพส่งต่อให้คนที่ 2 คนที่ 2 ก็วาดส่งต่อไปเรื่อยๆ...ถึงคนสุดท้าย....แต่ละคน..ได้ภาพอะไร...เหมือนต้นฉบับไหม? #แค่คิด...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธ Storm Shadow ในภูมิภาคเคิร์ส จำนวนถึง 12 ลูก เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันนี้ โดยขีปนาวุธทั้งหมดถูกยิงตก

    มีการพบเศษซากชิ้นส่วนขีปนาวุธ Storm Shadow ใกล้หมู่บ้าน Marino ต่อเนื่องไป Rylsk-Lgov-Kurchatov บนถนน E38 ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เคิร์ส (Kursk NPP)

    ก่อนหน้านี้ The Times เพิ่งรายงานว่ากองทัพยูเครนได้รับอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow เหล่านี้ในดินแดนของรัสเซียได้แล้ว
    มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธ Storm Shadow ในภูมิภาคเคิร์ส จำนวนถึง 12 ลูก เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันนี้ โดยขีปนาวุธทั้งหมดถูกยิงตก มีการพบเศษซากชิ้นส่วนขีปนาวุธ Storm Shadow ใกล้หมู่บ้าน Marino ต่อเนื่องไป Rylsk-Lgov-Kurchatov บนถนน E38 ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เคิร์ส (Kursk NPP) ก่อนหน้านี้ The Times เพิ่งรายงานว่ากองทัพยูเครนได้รับอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธ Storm Shadow เหล่านี้ในดินแดนของรัสเซียได้แล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ประชุม ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ “รอง ผบ.ตร.- ผู้ช่วย ผบ.ตร.- ผู้บัญชาการ” รวม 25 ตำแหน่ง กำชับพิจารณาให้รอบคอบ-ตรงกรอบกฎหมาย

    วันนี้ (20 พ.ย.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2567 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

    โดยวันนี้มีวาระที่น่าใจ คือ การพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และจเรตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) ยศ พล.ต.อ.- พล.ต.ท. วาระประจำปี 2567

    โดยก่อนเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมข้าราชการตำรวจในวันนี้ มีเรื่องพิจารณาหลายเรื่อง ตามกรอบของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ เรื่องของการพิจารณาให้ความเห็นชอบ คัดเลือกแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง ระดับผู้บัญชาการขึ้นไป ที่มีความจำเป็นที่ต้องได้บุคลากรที่มีความสามารถ บริหารจัดการ รับผิดชอบ และตอบสนองต่อการบริการประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยให้พิจารณาให้ตรงตามที่กรอบกฎหมายกำหนด จึงขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา ให้รอบคอบ เพื่อให้การ บริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ

    ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่า ในการประชุมครั้งนี้ จะสามารถเคาะรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ เนื่องจากมีหลายกระแสว่ามีการปรับเปลี่ยน

    #MGROnline #แต่งตั้ง #นายพลสีกากี
    นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ประชุม ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ “รอง ผบ.ตร.- ผู้ช่วย ผบ.ตร.- ผู้บัญชาการ” รวม 25 ตำแหน่ง กำชับพิจารณาให้รอบคอบ-ตรงกรอบกฎหมาย • วันนี้ (20 พ.ย.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2567 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ • โดยวันนี้มีวาระที่น่าใจ คือ การพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และจเรตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) ยศ พล.ต.อ.- พล.ต.ท. วาระประจำปี 2567 • โดยก่อนเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมข้าราชการตำรวจในวันนี้ มีเรื่องพิจารณาหลายเรื่อง ตามกรอบของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ เรื่องของการพิจารณาให้ความเห็นชอบ คัดเลือกแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง ระดับผู้บัญชาการขึ้นไป ที่มีความจำเป็นที่ต้องได้บุคลากรที่มีความสามารถ บริหารจัดการ รับผิดชอบ และตอบสนองต่อการบริการประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยให้พิจารณาให้ตรงตามที่กรอบกฎหมายกำหนด จึงขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา ให้รอบคอบ เพื่อให้การ บริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ • ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่า ในการประชุมครั้งนี้ จะสามารถเคาะรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ เนื่องจากมีหลายกระแสว่ามีการปรับเปลี่ยน • #MGROnline #แต่งตั้ง #นายพลสีกากี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดรามาต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่การประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2024 ถือกำเนิดระบบใหม่ “ควีนทวีป (Miss Universe Continental Queens)”อ้างเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย โดยระบบดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนๆ เพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อควีนทวีปได้รับการประกาศชื่อและมอบสายสะพาย ทำหน้าที่แทนทูตประจำทวีป แต่กลับไม่มีการให้ความสำคัญกับผู้ชนะตำแหน่ง TOP 5 อย่างชัดเจน

    ล่าสุด “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของเวทีการประกวด โพสต์รูปควีนทวีปบน X (Twitter) และเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยไม่โพสต์รูป TOP5 หรือมีซีนถ่ายรูปบนเวทีร่วมกับผู้ชนะ ทำให้หลายคนมองว่าการกระทำนี้ไม่ให้เกียรติกับผู้ที่ได้ตำแหน่ง สร้างความไม่พอใจกับแฟนนางงาม เข้าไปวิจารณ์กันยับ อาทิ

    อยากให้ความสำคัญกับรองทั้ง 4 ค่ะ มิสแกรนด์คือตัวอย่างที่ดีให้เกียรตินางงาม เวที MU แบบนี้ไม่โอเคนับวันยิ่งแย่ ประเทศไทยควรหยุดส่ง MUได้ละ โดนแกงทุกปี แม้แต่เจ้าของเป็นคนไทยก็ยังแกงกันเอง, สายสะพายครบ เหมือน TOP5 ส่วน TOP5 ของจริง ไม่มีสายสะพาย เสียความรู้สึกแฟนๆ นางงามนะคุณแอน แต่คุณบอกไปแล้วว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู!,ให้ค่ากับคนที่ไม่ได้เข้า TOP5 กูล่ะงงกับเจ้าของเวย์ ยิ่งทำยิ่ง...,

    หยามเกียรติ TOP5 เกินค่ะคุณแม่ สงสารจัง, ให้เกียรติควีนทวีน มากกว่ารองอีก ทั้งที่สามคนควรให้เกียรติเขาไม่ต่างกัน ไม่แม้แต่ลงรูปถ่ายคู่กับสามคนนั้น ใน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ปล่อยให้คนอื่นด้อยค่าโอปอลว่าเข้า 5 เพราะเจ้าของเวทีเป็นไทย เม็กซิโกได้เพราะเป็นเจ้าภาพ รองสามคนควรถูกกระทำแบบนี้เหรอคะ เสียความงามของเวทีไปหมด ฯลฯ

    #MGROnline #มิสยูนิเวิร์ส2024 #ควีนทวีป #MissUniverseContinentalQueens
    ดรามาต่อเนื่อง สำหรับกรณีที่การประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2024 ถือกำเนิดระบบใหม่ “ควีนทวีป (Miss Universe Continental Queens)”อ้างเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย โดยระบบดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจจากแฟนๆ เพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อควีนทวีปได้รับการประกาศชื่อและมอบสายสะพาย ทำหน้าที่แทนทูตประจำทวีป แต่กลับไม่มีการให้ความสำคัญกับผู้ชนะตำแหน่ง TOP 5 อย่างชัดเจน • ล่าสุด “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของเวทีการประกวด โพสต์รูปควีนทวีปบน X (Twitter) และเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยไม่โพสต์รูป TOP5 หรือมีซีนถ่ายรูปบนเวทีร่วมกับผู้ชนะ ทำให้หลายคนมองว่าการกระทำนี้ไม่ให้เกียรติกับผู้ที่ได้ตำแหน่ง สร้างความไม่พอใจกับแฟนนางงาม เข้าไปวิจารณ์กันยับ อาทิ • อยากให้ความสำคัญกับรองทั้ง 4 ค่ะ มิสแกรนด์คือตัวอย่างที่ดีให้เกียรตินางงาม เวที MU แบบนี้ไม่โอเคนับวันยิ่งแย่ ประเทศไทยควรหยุดส่ง MUได้ละ โดนแกงทุกปี แม้แต่เจ้าของเป็นคนไทยก็ยังแกงกันเอง, สายสะพายครบ เหมือน TOP5 ส่วน TOP5 ของจริง ไม่มีสายสะพาย เสียความรู้สึกแฟนๆ นางงามนะคุณแอน แต่คุณบอกไปแล้วว่า ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู!,ให้ค่ากับคนที่ไม่ได้เข้า TOP5 กูล่ะงงกับเจ้าของเวย์ ยิ่งทำยิ่ง..., • หยามเกียรติ TOP5 เกินค่ะคุณแม่ สงสารจัง, ให้เกียรติควีนทวีน มากกว่ารองอีก ทั้งที่สามคนควรให้เกียรติเขาไม่ต่างกัน ไม่แม้แต่ลงรูปถ่ายคู่กับสามคนนั้น ใน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ปล่อยให้คนอื่นด้อยค่าโอปอลว่าเข้า 5 เพราะเจ้าของเวทีเป็นไทย เม็กซิโกได้เพราะเป็นเจ้าภาพ รองสามคนควรถูกกระทำแบบนี้เหรอคะ เสียความงามของเวทีไปหมด ฯลฯ • #MGROnline #มิสยูนิเวิร์ส2024 #ควีนทวีป #MissUniverseContinentalQueens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ซาอุดีอาระเบีย และ #อิหร่าน ย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อเงื่อนไขทั้งหมดของข้อตกลงปักกิ่ง และจะยังคงเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างทั้งสองฝ่ายต่อไปโดยยึดมั่นตามกฎบัตรสหประชาชาติ, กฎบัตรขององค์การความร่วมมืออิสลาม, และกฎหมายระหว่างประเทศ, รวมถึงการเคารพอำนาจอธิปไตย, เอกราช, และความมั่นคงของชาติ, ในการประชุมไตรภาคีที่จัดขึ้นในกรุงริยาดเมื่อวันอังคาร ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านยินดีกับบทบาทเชิงบวกอย่างต่อเนื่องของจีน และเชื่อว่าการสนับสนุนและการติดตามของจีนในการปฏิบัติตามข้อตกลงปักกิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง
    .
    #Saudi Arabia and #Iran reiterated their commitment to all the terms of the Beijing agreement and will continue to strengthen the friendly relations between the two sides by adhering to the United Nations Charter, the Charter of the Organization of Islamic Cooperation, and international law, including respect for national sovereignty, independence, and security, in a trilateral meeting held in Riyadh on Tuesday. Saudi Arabia and Iran welcome China's continued positive role and believes that China's support and follow-up in implementing the Beijing agreement are crucial.
    .
    7:47 AM · Nov 20, 2024 · 647 Views
    https://x.com/globaltimesnews/status/1859035800794792192
    #ซาอุดีอาระเบีย และ #อิหร่าน ย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อเงื่อนไขทั้งหมดของข้อตกลงปักกิ่ง และจะยังคงเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างทั้งสองฝ่ายต่อไปโดยยึดมั่นตามกฎบัตรสหประชาชาติ, กฎบัตรขององค์การความร่วมมืออิสลาม, และกฎหมายระหว่างประเทศ, รวมถึงการเคารพอำนาจอธิปไตย, เอกราช, และความมั่นคงของชาติ, ในการประชุมไตรภาคีที่จัดขึ้นในกรุงริยาดเมื่อวันอังคาร ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านยินดีกับบทบาทเชิงบวกอย่างต่อเนื่องของจีน และเชื่อว่าการสนับสนุนและการติดตามของจีนในการปฏิบัติตามข้อตกลงปักกิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง . #Saudi Arabia and #Iran reiterated their commitment to all the terms of the Beijing agreement and will continue to strengthen the friendly relations between the two sides by adhering to the United Nations Charter, the Charter of the Organization of Islamic Cooperation, and international law, including respect for national sovereignty, independence, and security, in a trilateral meeting held in Riyadh on Tuesday. Saudi Arabia and Iran welcome China's continued positive role and believes that China's support and follow-up in implementing the Beijing agreement are crucial. . 7:47 AM · Nov 20, 2024 · 647 Views https://x.com/globaltimesnews/status/1859035800794792192
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! กองทัพรัสเซีย เริ่มดำเนินการติดตั้งโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ โครงสร้างดังกล่าวสามารถรองรับพลเรือนได้มากกว่า 50 คน ที่บริเวณชานกรุงมอสโก
    .
    สำหรับโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันพลเมืองจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงสงครามรังสี ชีวะ เคมี จากการระเบิดนิวเคลียร์และการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี รวมถึงสงครามชีวภาพ
    .
    นอกจากนี้ สำนักงานข่าว RT News รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังสั่งเร่งผลิตโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M เป็นจำนวนมาก เพื่อรับมือกับสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    .
    “การผลิตแบบต่อเนื่องของโครงสร้างป้องกันโมดูลนวัตกรรม "KUB-M" ได้เริ่มขึ้นในสหพันธรัฐรัสเซีย เหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการวิจัยและความพยายามหลายปีของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซีย ในด้านการปกป้องประชาชนจากสถานการณ์ฉุกเฉิน” กระทรวงฯ กล่าว.

    .
    https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/371771209295525/
    ด่วน! กองทัพรัสเซีย เริ่มดำเนินการติดตั้งโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ โครงสร้างดังกล่าวสามารถรองรับพลเรือนได้มากกว่า 50 คน ที่บริเวณชานกรุงมอสโก . สำหรับโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันพลเมืองจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงสงครามรังสี ชีวะ เคมี จากการระเบิดนิวเคลียร์และการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี รวมถึงสงครามชีวภาพ . นอกจากนี้ สำนักงานข่าว RT News รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังสั่งเร่งผลิตโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M เป็นจำนวนมาก เพื่อรับมือกับสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น . “การผลิตแบบต่อเนื่องของโครงสร้างป้องกันโมดูลนวัตกรรม "KUB-M" ได้เริ่มขึ้นในสหพันธรัฐรัสเซีย เหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการวิจัยและความพยายามหลายปีของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซีย ในด้านการปกป้องประชาชนจากสถานการณ์ฉุกเฉิน” กระทรวงฯ กล่าว. . https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/371771209295525/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้ยูเครนมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เครื่องจากทั้งหมด 9 เครื่อง ที่ยังคงทำงาน 100% ส่วนที่เหลืออีก 7 เครื่อง อยู่ภายใต้การควบคุมการทำงานที่ระดับ 40-90% สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างหนักเมื่อคืนที่้ผ่านมา

    ยูเครนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 แห่ง มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 15 เครื่อง โดยที่ 6 เครื่องอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye NPP และมีจำนวน 9 เครื่องเท่านั้นที่สามารถเดินเครื่องได้

    ขณะนี้การผลิตไฟ้าจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 9 เครื่อง มีเพียง 2 เครื่องเท่านั้นที่ผลิต 100% ส่วนที่เหลืออีก 7 เครื่อง การผลิตไฟฟ้าลดลงอยู่ระหว่าง 40% ถึง 90%

    เจ้าหน้าที่ประจำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Khmelnytskyy รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณสถานีไฟฟ้าย่อยในพื้นที่โรงไฟฟ้าระหว่างการโจมตีของรัสเซียวันนี้

    ขณะที่ทีมงานที่ประจำการอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Rivne รายงานว่า ระบบสายไฟฟ้าแรงสูงไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากถูกโจมตีที่สถานีไฟฟ้าย่อย(Substation) ขนาด 330 kV.

    สถานีไฟฟ้าย่อย(Substation) จะทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของระบบแรงดันไฟฟ้า โดยควบคุมการส่งไฟฟ้าแรงสูงบนโครงข่ายไฟฟ้า และการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องการกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและคงที่เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัย หากไม่มีการจ่ายไฟฟ้า (ผลิตอย่างเดียว) เชื้อเพลิงภายในแกนของเครื่องปฏิกรณ์อาจเสี่ยงต่อความร้อนสูงเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายได้ และนั่นทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องเข้าสู่สถานะ cool down ซึ่งขณะนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดของยูเครนจำเป็นต้องรับไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยรักษาระดับให้คงที่

    "ยูเครนมีสถานีไฟฟ้าหลายพันแห่ง แต่สิ่งที่เสี่ยงคือสถานีไฟฟ้าที่0สำคัญ 10 แห่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การทำลายสถานีไฟฟ้าเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตกอยู่ในความมืดมิดและก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านกัมมันตภาพรังสีได้" German Galushchenko รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครนกล่าวในวันนี้

    ขณะนี้ยูเครนมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เครื่องจากทั้งหมด 9 เครื่อง ที่ยังคงทำงาน 100% ส่วนที่เหลืออีก 7 เครื่อง อยู่ภายใต้การควบคุมการทำงานที่ระดับ 40-90% สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนอย่างหนักเมื่อคืนที่้ผ่านมา ยูเครนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 แห่ง มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 15 เครื่อง โดยที่ 6 เครื่องอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporozhye NPP และมีจำนวน 9 เครื่องเท่านั้นที่สามารถเดินเครื่องได้ ขณะนี้การผลิตไฟ้าจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 9 เครื่อง มีเพียง 2 เครื่องเท่านั้นที่ผลิต 100% ส่วนที่เหลืออีก 7 เครื่อง การผลิตไฟฟ้าลดลงอยู่ระหว่าง 40% ถึง 90% เจ้าหน้าที่ประจำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Khmelnytskyy รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณสถานีไฟฟ้าย่อยในพื้นที่โรงไฟฟ้าระหว่างการโจมตีของรัสเซียวันนี้ ขณะที่ทีมงานที่ประจำการอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Rivne รายงานว่า ระบบสายไฟฟ้าแรงสูงไม่สามารถใช้งานได้ หลังจากถูกโจมตีที่สถานีไฟฟ้าย่อย(Substation) ขนาด 330 kV. สถานีไฟฟ้าย่อย(Substation) จะทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของระบบแรงดันไฟฟ้า โดยควบคุมการส่งไฟฟ้าแรงสูงบนโครงข่ายไฟฟ้า และการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องการกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและคงที่เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัย หากไม่มีการจ่ายไฟฟ้า (ผลิตอย่างเดียว) เชื้อเพลิงภายในแกนของเครื่องปฏิกรณ์อาจเสี่ยงต่อความร้อนสูงเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายได้ และนั่นทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องเข้าสู่สถานะ cool down ซึ่งขณะนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดของยูเครนจำเป็นต้องรับไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยรักษาระดับให้คงที่ "ยูเครนมีสถานีไฟฟ้าหลายพันแห่ง แต่สิ่งที่เสี่ยงคือสถานีไฟฟ้าที่0สำคัญ 10 แห่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การทำลายสถานีไฟฟ้าเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตกอยู่ในความมืดมิดและก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านกัมมันตภาพรังสีได้" German Galushchenko รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครนกล่าวในวันนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔸️นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของปริมาณทั้งหมด
    ในขณะเดียวกัน การวินิจฉัยโรคออทิซึมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 27,000%
    https://thepeoplesvoice.tv/aluminum-levels-in-childhood.../
    ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอะลูมิเนียมในวัคซีนมักเกี่ยวข้องกับบทบาทของอะลูมิเนียมในฐานะสารเสริมภูมิคุ้มกัน—ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น—การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบของวัคซีนและอัตราการเกิดออทิซึมที่เพิ่มมากขึ้น
    อัตราการเกิดโรคออทิซึมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งนั้น อัตราการวินิจฉัยโรคออทิซึมโดยประมาณอยู่ที่ 1 ใน 10,000 เด็ก ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 150 และข้อมูลล่าสุดจากปี 2023 ระบุว่าอัตราดังกล่าวอยู่ที่ 1 ใน 36 เด็ก
    ดร. คริส เอ็กซ์ลีย์ จากมหาวิทยาลัยคีลในอังกฤษและเพื่อนร่วมงานได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิสติกเป็นครั้งแรก เพื่อตรวจสอบระดับอะลูมิเนียม (หมายเหตุ: ในสหราชอาณาจักรผู้ป่วยสะกดคำว่า “อะลูมิเนียม” เป็น “อะลูมิเนียม”) ที่พบในเนื้อเยื่อสมอง
    สำหรับใครก็ตามที่พยายามจะโน้มน้าวโลกให้เชื่อว่า “วิทยาศาสตร์ได้รับการพิสูจน์แล้วและวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดโรคออทิซึม” ผลการศึกษานี้ขัดแย้งกับคำกล่าวนี้อย่างมาก
    ในโพสต์บล็อกที่เขียนโดยศาสตราจารย์เอ็กซ์ลีย์ในวันที่ผลการศึกษาของเขาได้รับการตีพิมพ์
    เขาได้อธิบายผลลัพธ์อันล้ำสมัยดังต่อไปนี้:
    “…ในขณะที่ปริมาณอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิสติกทั้ง 5 รายนั้นสูงอย่างน่าตกใจ แต่ตำแหน่งในเนื้อเยื่อสมองต่างหากที่เป็นจุดสังเกตที่โดดเด่น…หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะลูมิเนียมเข้าสู่สมองของผู้ป่วย ASD [กลุ่มอาการออทิสติก] ผ่านทางเซลล์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบซึ่งมีอะลูมิเนียมสะสมอยู่ในเลือดและ/หรือน้ำเหลือง ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในโมโนไซต์ที่บริเวณที่ฉีดวัคซีนรวมถึงสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียม”
    คำพูดของดร. เอ็กซ์ลีย์รวมถึงการอ้างถึง “โมโนไซต์ที่บริเวณฉีด” และความจริงที่ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมโนไซต์เหล่านี้กับอะลูมิเนียมได้รับการพิสูจน์แล้วในวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้
    ฉันรู้ว่ามันฟังดูเป็นเทคนิคมาก แต่ลองฟังฉันก่อน
    “โมโนไซต์” คือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งโมโนไซต์ชนิดหนึ่งคือ “แมคโครฟาจ” แมคโครฟาจอาจเปรียบได้กับมนุษย์ขยะในระบบภูมิคุ้มกันที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอม เศษเซลล์ ฯลฯ
    อย่างที่คุณจะสังเกตเห็นในอีกไม่ช้านี้ ดูเหมือนว่าแมคโครฟาจจะมีบทบาทสำคัญและร้ายแรงในการกระตุ้นให้เกิดออทิซึม โดยทำหน้าที่นำอะลูมิเนียมที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งฉีดจากวัคซีนโดยตรงเข้าไปในสมอง ซึ่งสามารถขัดขวางการพัฒนาของสมองและกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้
    การศึกษาวิจัยของดร. เอ็กซ์ลีย์เรื่อง “ อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองและออทิซึม ” ถือได้ว่าเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนาที่เริ่มประกอบเข้าด้วยกันในปี 2004 และได้รับความสนใจมากขึ้นหลังปี 2010 ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์อย่างมากว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้อย่างไร
    ไทม์ไลน์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก เนื่องจากศาลวัคซีนในสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องสมมติฐานเกี่ยวกับวัคซีน-ออทิซึมในปี 2009 นานก่อนที่สิ่งที่ฉันจะอธิบายต่อไปนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก
    วิทยาศาสตร์คือความต่อเนื่อง ความจริงที่ปรากฏผ่านการศึกษาหลาย ๆ อย่างซึ่งมักต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันก่อนจึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน และบางครั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อาจดำเนินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ความจริงที่ปรากฏปรากฏขึ้นในลักษณะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป
    ในความเห็นของฉัน การศึกษาของดร. เอ็กซ์ลีย์ให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่ขาดหายไปจากคำอธิบายที่รัดกุมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของฉันและเด็กอีกหลายๆ คน และได้ให้ "ความน่าจะเป็นทางชีววิทยา" แก่ผู้ที่ไม่เชื่อทั้งหมดว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าที่ไหล่ของทารกสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคออทิซึมได้อย่างไร
    สำหรับชาวอเมริกัน การแข่งขันเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคออทิซึมทั้งหมดนั้นน่าจะชนะได้ในต่างแดน ดังที่คุณจะเห็นในไม่ช้านี้ วิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่อธิบายสาเหตุของโรคออทิซึมมาจากต่างประเทศ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จาก Caltech จะเป็นคนผลักโดมิโนตัวแรกไปเมื่อปี 2549 ก็ตาม
    ทำไมถึงมีอะลูมิเนียมอยู่ในวัคซีน?
    อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัคซีนส่วนใหญ่ที่ให้กับเด็ก อะลูมิเนียมทำหน้าที่เป็น “สารเสริมภูมิคุ้มกัน” ซึ่งหมายความว่าอะลูมิเนียมทำหน้าที่ “ปลุก” ระบบภูมิคุ้มกันให้ตื่นขึ้น กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำ “แอนติเจน” ในวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่วัคซีนทำหน้าที่ป้องกันโรค
    ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนที่ให้กับเด็ก ๆพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ด้วยสาเหตุสองประการ: 1) มีการเพิ่มวัคซีนเข้าไปในตารางวัคซีนสำหรับเด็กมากขึ้น และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนสำหรับวัคซีนทุกชนิดที่ให้กับเด็กเพิ่มขึ้น (จาก 50–60% ของเด็ก ๆ ที่ได้รับวัคซีนในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เป็นมากกว่า 90% ในปัจจุบัน)
    ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เด็กจะได้รับอะลูมิเนียมจากวัคซีน 1,250 ไมโครกรัมภายในอายุ 18 เดือนหากได้รับวัคซีนครบถ้วน ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 4,925 ไมโครกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าจากปริมาณอะลูมิเนียมทั้งหมด
    คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในผลการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตีพิมพ์โดย Neil Miller
    ที่น่าประหลาดใจก็คือ อะลูมิเนียมไม่เคยผ่านการทดสอบทางชีวภาพเพื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยในการฉีดเข้าไปในทารก เนื่องจากอะลูมิเนียมได้รับการ "ยกเว้น" ไว้ในมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ของเรา นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดา ดร. คริส ชอว์ และ ดร. ลูซิจา ทอมเยโนวิช ได้กล่าวถึงการละเว้นนี้ในการศึกษาวิจัยเชิงวิจารณ์ที่พวกเขาตีพิมพ์ในปี 2011 ในวารสารCurrent Medicinal Chemistryชื่อว่า “ สารเสริมฤทธิ์วัคซีนอะลูมิเนียม: ปลอดภัยหรือไม่ ” พวกเขาเขียนว่า:
    “อะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการทดลองและเป็นสารเสริมฤทธิ์วัคซีนที่ใช้กันทั่วไป แม้ว่าจะมีการใช้สารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมอย่างแพร่หลายมานานเกือบ 90 ปีแล้ว แต่ความเข้าใจของวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมยังคงต่ำอย่างน่าตกใจนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิทยาและเภสัชจลนศาสตร์ของสารประกอบเหล่านี้อย่างขาดแคลน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แม้จะเป็นเช่นนั้น แนวคิดที่ว่าอะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นปลอดภัยก็ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางอย่างไรก็ตาม การวิจัยเชิงทดลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมมีศักยภาพในการทำให้เกิดความผิดปกติทางภูมิคุ้มกันที่ร้ายแรงในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะลูมิเนียมในรูปแบบสารเสริมฤทธิ์มีความเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันตนเอง การอักเสบของสมองในระยะยาว และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างกว้างขวางและรุนแรง”
    ICANตัดสินใจทดสอบความสามารถของ CDC และ NIH ในการผลิตงานวิจัยใดๆ เพื่อแสดงให้เห็นความปลอดภัยของสารเสริมฤทธิ์วัคซีนผ่านการฟ้องร้องภายใต้ FOIA ตอนนี้ฉันเดาว่าคุณคงรู้ว่าคดีจบลงอย่างไร... อ่านบทความฉบับสมบูรณ์
    “คำตอบของ CDC และ NIH ต่อคำร้องขอภายใต้พระราชบัญญัติเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล (FOIA) ของ ICAN เกี่ยวกับสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมเผยให้เห็นการยอมรับที่น่าตกตะลึง นั่นคือ พวกเขาไม่มีการศึกษาแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะสนับสนุนความปลอดภัยในการแนะนำให้ฉีดสารพิษต่อเซลล์และระบบประสาทนี้ซ้ำๆ เป็นส่วนหนึ่งของตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กของ CDC”
    🔸️นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าของปริมาณทั้งหมด ในขณะเดียวกัน การวินิจฉัยโรคออทิซึมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 27,000% https://thepeoplesvoice.tv/aluminum-levels-in-childhood.../ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอะลูมิเนียมในวัคซีนมักเกี่ยวข้องกับบทบาทของอะลูมิเนียมในฐานะสารเสริมภูมิคุ้มกัน—ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น—การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบของวัคซีนและอัตราการเกิดออทิซึมที่เพิ่มมากขึ้น อัตราการเกิดโรคออทิซึมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 เมื่อครั้งนั้น อัตราการวินิจฉัยโรคออทิซึมโดยประมาณอยู่ที่ 1 ใน 10,000 เด็ก ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 150 และข้อมูลล่าสุดจากปี 2023 ระบุว่าอัตราดังกล่าวอยู่ที่ 1 ใน 36 เด็ก ดร. คริส เอ็กซ์ลีย์ จากมหาวิทยาลัยคีลในอังกฤษและเพื่อนร่วมงานได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ทำการศึกษาเนื้อเยื่อสมองของผู้ป่วยออทิสติกเป็นครั้งแรก เพื่อตรวจสอบระดับอะลูมิเนียม (หมายเหตุ: ในสหราชอาณาจักรผู้ป่วยสะกดคำว่า “อะลูมิเนียม” เป็น “อะลูมิเนียม”) ที่พบในเนื้อเยื่อสมอง สำหรับใครก็ตามที่พยายามจะโน้มน้าวโลกให้เชื่อว่า “วิทยาศาสตร์ได้รับการพิสูจน์แล้วและวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดโรคออทิซึม” ผลการศึกษานี้ขัดแย้งกับคำกล่าวนี้อย่างมาก ในโพสต์บล็อกที่เขียนโดยศาสตราจารย์เอ็กซ์ลีย์ในวันที่ผลการศึกษาของเขาได้รับการตีพิมพ์ เขาได้อธิบายผลลัพธ์อันล้ำสมัยดังต่อไปนี้: “…ในขณะที่ปริมาณอะลูมิเนียมในสมองของผู้ป่วยออทิสติกทั้ง 5 รายนั้นสูงอย่างน่าตกใจ แต่ตำแหน่งในเนื้อเยื่อสมองต่างหากที่เป็นจุดสังเกตที่โดดเด่น…หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะลูมิเนียมเข้าสู่สมองของผู้ป่วย ASD [กลุ่มอาการออทิสติก] ผ่านทางเซลล์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบซึ่งมีอะลูมิเนียมสะสมอยู่ในเลือดและ/หรือน้ำเหลือง ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในโมโนไซต์ที่บริเวณที่ฉีดวัคซีนรวมถึงสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียม” คำพูดของดร. เอ็กซ์ลีย์รวมถึงการอ้างถึง “โมโนไซต์ที่บริเวณฉีด” และความจริงที่ว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมโนไซต์เหล่านี้กับอะลูมิเนียมได้รับการพิสูจน์แล้วในวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้ ฉันรู้ว่ามันฟังดูเป็นเทคนิคมาก แต่ลองฟังฉันก่อน “โมโนไซต์” คือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งโมโนไซต์ชนิดหนึ่งคือ “แมคโครฟาจ” แมคโครฟาจอาจเปรียบได้กับมนุษย์ขยะในระบบภูมิคุ้มกันที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอม เศษเซลล์ ฯลฯ อย่างที่คุณจะสังเกตเห็นในอีกไม่ช้านี้ ดูเหมือนว่าแมคโครฟาจจะมีบทบาทสำคัญและร้ายแรงในการกระตุ้นให้เกิดออทิซึม โดยทำหน้าที่นำอะลูมิเนียมที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งฉีดจากวัคซีนโดยตรงเข้าไปในสมอง ซึ่งสามารถขัดขวางการพัฒนาของสมองและกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้ การศึกษาวิจัยของดร. เอ็กซ์ลีย์เรื่อง “ อะลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองและออทิซึม ” ถือได้ว่าเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของปริศนาที่เริ่มประกอบเข้าด้วยกันในปี 2004 และได้รับความสนใจมากขึ้นหลังปี 2010 ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์อย่างมากว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นให้เกิดออทิซึมได้อย่างไร ไทม์ไลน์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก เนื่องจากศาลวัคซีนในสหรัฐฯ ได้ยกฟ้องสมมติฐานเกี่ยวกับวัคซีน-ออทิซึมในปี 2009 นานก่อนที่สิ่งที่ฉันจะอธิบายต่อไปนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก วิทยาศาสตร์คือความต่อเนื่อง ความจริงที่ปรากฏผ่านการศึกษาหลาย ๆ อย่างซึ่งมักต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันก่อนจึงจะมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน และบางครั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อาจดำเนินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ความจริงที่ปรากฏปรากฏขึ้นในลักษณะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป ในความเห็นของฉัน การศึกษาของดร. เอ็กซ์ลีย์ให้ข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่ขาดหายไปจากคำอธิบายที่รัดกุมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของฉันและเด็กอีกหลายๆ คน และได้ให้ "ความน่าจะเป็นทางชีววิทยา" แก่ผู้ที่ไม่เชื่อทั้งหมดว่าวัคซีนที่ฉีดเข้าที่ไหล่ของทารกสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคออทิซึมได้อย่างไร สำหรับชาวอเมริกัน การแข่งขันเพื่อค้นหาสาเหตุของโรคออทิซึมทั้งหมดนั้นน่าจะชนะได้ในต่างแดน ดังที่คุณจะเห็นในไม่ช้านี้ วิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่อธิบายสาเหตุของโรคออทิซึมมาจากต่างประเทศ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จาก Caltech จะเป็นคนผลักโดมิโนตัวแรกไปเมื่อปี 2549 ก็ตาม ทำไมถึงมีอะลูมิเนียมอยู่ในวัคซีน? อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของวัคซีนส่วนใหญ่ที่ให้กับเด็ก อะลูมิเนียมทำหน้าที่เป็น “สารเสริมภูมิคุ้มกัน” ซึ่งหมายความว่าอะลูมิเนียมทำหน้าที่ “ปลุก” ระบบภูมิคุ้มกันให้ตื่นขึ้น กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำ “แอนติเจน” ในวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่วัคซีนทำหน้าที่ป้องกันโรค ปริมาณอะลูมิเนียมในวัคซีนที่ให้กับเด็ก ๆพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ด้วยสาเหตุสองประการ: 1) มีการเพิ่มวัคซีนเข้าไปในตารางวัคซีนสำหรับเด็กมากขึ้น และ 2) อัตราการฉีดวัคซีนสำหรับวัคซีนทุกชนิดที่ให้กับเด็กเพิ่มขึ้น (จาก 50–60% ของเด็ก ๆ ที่ได้รับวัคซีนในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เป็นมากกว่า 90% ในปัจจุบัน) ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เด็กจะได้รับอะลูมิเนียมจากวัคซีน 1,250 ไมโครกรัมภายในอายุ 18 เดือนหากได้รับวัคซีนครบถ้วน ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 4,925 ไมโครกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าจากปริมาณอะลูมิเนียมทั้งหมด คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในผลการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตีพิมพ์โดย Neil Miller ที่น่าประหลาดใจก็คือ อะลูมิเนียมไม่เคยผ่านการทดสอบทางชีวภาพเพื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยในการฉีดเข้าไปในทารก เนื่องจากอะลูมิเนียมได้รับการ "ยกเว้น" ไว้ในมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ของเรา นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดา ดร. คริส ชอว์ และ ดร. ลูซิจา ทอมเยโนวิช ได้กล่าวถึงการละเว้นนี้ในการศึกษาวิจัยเชิงวิจารณ์ที่พวกเขาตีพิมพ์ในปี 2011 ในวารสารCurrent Medicinal Chemistryชื่อว่า “ สารเสริมฤทธิ์วัคซีนอะลูมิเนียม: ปลอดภัยหรือไม่ ” พวกเขาเขียนว่า: “อะลูมิเนียมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการทดลองและเป็นสารเสริมฤทธิ์วัคซีนที่ใช้กันทั่วไป แม้ว่าจะมีการใช้สารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมอย่างแพร่หลายมานานเกือบ 90 ปีแล้ว แต่ความเข้าใจของวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมยังคงต่ำอย่างน่าตกใจนอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิทยาและเภสัชจลนศาสตร์ของสารประกอบเหล่านี้อย่างขาดแคลน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล แม้จะเป็นเช่นนั้น แนวคิดที่ว่าอะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นปลอดภัยก็ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางอย่างไรก็ตาม การวิจัยเชิงทดลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมมีศักยภาพในการทำให้เกิดความผิดปกติทางภูมิคุ้มกันที่ร้ายแรงในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะลูมิเนียมในรูปแบบสารเสริมฤทธิ์มีความเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันตนเอง การอักเสบของสมองในระยะยาว และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างกว้างขวางและรุนแรง” ICANตัดสินใจทดสอบความสามารถของ CDC และ NIH ในการผลิตงานวิจัยใดๆ เพื่อแสดงให้เห็นความปลอดภัยของสารเสริมฤทธิ์วัคซีนผ่านการฟ้องร้องภายใต้ FOIA ตอนนี้ฉันเดาว่าคุณคงรู้ว่าคดีจบลงอย่างไร... อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ “คำตอบของ CDC และ NIH ต่อคำร้องขอภายใต้พระราชบัญญัติเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล (FOIA) ของ ICAN เกี่ยวกับสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมเผยให้เห็นการยอมรับที่น่าตกตะลึง นั่นคือ พวกเขาไม่มีการศึกษาแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะสนับสนุนความปลอดภัยในการแนะนำให้ฉีดสารพิษต่อเซลล์และระบบประสาทนี้ซ้ำๆ เป็นส่วนหนึ่งของตารางการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กของ CDC”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิศทาง Kupyansk ภูมิภาค Kharkiv
    สถานการณ์ล่าสุด กองกำลังรัสเซียได้ขยายเขตควบคุมของตนในเมืองคูเปียนสค์ฝั่งตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากมีกองหนุนเข้ามาช่วยสนับสนุน

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานระบุว่ากองกำลังรัสเซียได้รุกคืบเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมและเสริมกำลังตำแหน่งของตนให้มั่นคง เพื่อเปลี่ยนเป็นแนวป้อมปราการ

    การสู้รบที่รุนแรงอย่างยิ่งยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
    ทิศทาง Kupyansk ภูมิภาค Kharkiv สถานการณ์ล่าสุด กองกำลังรัสเซียได้ขยายเขตควบคุมของตนในเมืองคูเปียนสค์ฝั่งตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากมีกองหนุนเข้ามาช่วยสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมีรายงานระบุว่ากองกำลังรัสเซียได้รุกคืบเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมและเสริมกำลังตำแหน่งของตนให้มั่นคง เพื่อเปลี่ยนเป็นแนวป้อมปราการ การสู้รบที่รุนแรงอย่างยิ่งยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล
    .
    ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
    .
    วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112
    .
    "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว
    .
    นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา
    .
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ
    ..............
    Sondhi X
    ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล . ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา . วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112 . "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว . นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน . ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา . ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 873 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในอีก ๒ เดือนข้างหน้า ฝ่ายบริหารของไบเดนจะขอทรัพยากรเพิ่มเติมจากรัฐสภาสำหรับยูเครน - ซัลลิแวน

    ฝ่ายบริหารของไบเดนจะขอทรัพยากรเพิ่มเติมจากรัฐสภาสำหรับยูเครนในอีก ๒ เดือนข้างหน้า, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน กล่าวเมื่อวันพุธ

    “ดังนั้น จึงเป็นเหตุเป็นผลที่ฝ่ายบริหารจะส่งสัญญาณไปยังรัฐสภาในอีก ๒ เดือนข้างหน้า, ว่าเราต้องการเห็นเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับยูเครนสำหรับปี ๒๐๒๕,” ซัลลิแวนกล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ประเทศตะวันตกได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ รัสเซียได้เตือนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนอย่างต่อเนื่องโดยฝ่ายตะวันตก, โดยกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวจะยืดเยื้อความขัดแย้งออกไป
    .
    BIDEN ADMIN IN NEXT 2 MONTHS TO REQUEST MORE RESOURCES FOR UKRAINE FROM CONGRESS - SULLIVAN

    The Biden administration will ask Congress for additional resources for Ukraine during the next two months, US National Security Advisor Jake Sullivan said on Wednesday.

    "Therefore it only stands to reason that in the next two months, the administration will signal to Congress that we would like to see additional funds for Ukraine for 2025," Sullivan told reporters.

    Western countries have provided hundreds of billions of dollars’ worth of aid to Ukraine since the start of Russia's special military operation in February 2022. Russia has consistently warned against the West's continued arms deliveries to Ukraine, saying that they only prolong the conflict.
    .
    3:55 AM · Nov 14, 2024 · 3,264 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856802988695675382
    ในอีก ๒ เดือนข้างหน้า ฝ่ายบริหารของไบเดนจะขอทรัพยากรเพิ่มเติมจากรัฐสภาสำหรับยูเครน - ซัลลิแวน ฝ่ายบริหารของไบเดนจะขอทรัพยากรเพิ่มเติมจากรัฐสภาสำหรับยูเครนในอีก ๒ เดือนข้างหน้า, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน กล่าวเมื่อวันพุธ “ดังนั้น จึงเป็นเหตุเป็นผลที่ฝ่ายบริหารจะส่งสัญญาณไปยังรัฐสภาในอีก ๒ เดือนข้างหน้า, ว่าเราต้องการเห็นเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับยูเครนสำหรับปี ๒๐๒๕,” ซัลลิแวนกล่าวกับผู้สื่อข่าว ประเทศตะวันตกได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๒ รัสเซียได้เตือนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนอย่างต่อเนื่องโดยฝ่ายตะวันตก, โดยกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวจะยืดเยื้อความขัดแย้งออกไป . BIDEN ADMIN IN NEXT 2 MONTHS TO REQUEST MORE RESOURCES FOR UKRAINE FROM CONGRESS - SULLIVAN The Biden administration will ask Congress for additional resources for Ukraine during the next two months, US National Security Advisor Jake Sullivan said on Wednesday. "Therefore it only stands to reason that in the next two months, the administration will signal to Congress that we would like to see additional funds for Ukraine for 2025," Sullivan told reporters. Western countries have provided hundreds of billions of dollars’ worth of aid to Ukraine since the start of Russia's special military operation in February 2022. Russia has consistently warned against the West's continued arms deliveries to Ukraine, saying that they only prolong the conflict. . 3:55 AM · Nov 14, 2024 · 3,264 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856802988695675382
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ## นักเศรษฐศาสตร์ฮาร์วาร์ด เปิดเผยความลับที่น่าตกตะลึงเกี่ยวกับ ประเทศจีน ในปี 2025 ##
    ..
    ..
    1. เศรษฐกิจของจีนในอนาคต

    การเติบโตทางเศรษฐกิจ : จีนคาดว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2025 โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายภาคส่วน

    เทคโนโลยีและนวัตกรรม : การลงทุนในเทคโนโลยีและการพัฒนา AI จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ
    .
    2. บทบาทในเวทีโลก

    การขยายอิทธิพล : จีนกำลังขยายอิทธิพลทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองในเวทีโลก ผ่านการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ

    ความท้าทายทางการทูต : การเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง
    .
    3. ความท้าทายภายในประเทศ

    ความไม่เท่าเทียม : ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศยังคงเป็นปัญหาที่รัฐบาลจีนต้องจัดการ

    สิ่งแวดล้อม : ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษยังคงเป็นความท้าทายที่จีนต้องเร่งแก้ไข

    4. นโยบายและการปฏิรูป

    การปฏิรูปเศรษฐกิจ : จีนจะต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาการเติบโตและความยั่งยืน

    นโยบายภายในประเทศ : รัฐบาลจีนต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=9O6a62Qqzwg
    ## นักเศรษฐศาสตร์ฮาร์วาร์ด เปิดเผยความลับที่น่าตกตะลึงเกี่ยวกับ ประเทศจีน ในปี 2025 ## .. .. 1. เศรษฐกิจของจีนในอนาคต การเติบโตทางเศรษฐกิจ : จีนคาดว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2025 โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายภาคส่วน เทคโนโลยีและนวัตกรรม : การลงทุนในเทคโนโลยีและการพัฒนา AI จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ . 2. บทบาทในเวทีโลก การขยายอิทธิพล : จีนกำลังขยายอิทธิพลทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองในเวทีโลก ผ่านการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ ความท้าทายทางการทูต : การเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง . 3. ความท้าทายภายในประเทศ ความไม่เท่าเทียม : ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศยังคงเป็นปัญหาที่รัฐบาลจีนต้องจัดการ สิ่งแวดล้อม : ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษยังคงเป็นความท้าทายที่จีนต้องเร่งแก้ไข 4. นโยบายและการปฏิรูป การปฏิรูปเศรษฐกิจ : จีนจะต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาการเติบโตและความยั่งยืน นโยบายภายในประเทศ : รัฐบาลจีนต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ . https://www.youtube.com/watch?v=9O6a62Qqzwg
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😲หยุด❗ดูคลิปนี้❗ถ้าคุณเป็นตาพร่ามัว มองไม่ชัด ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา
    😲หยุด❗ดูคลิปนี้❗ถ้าคุณเป็นตาพร่ามัว มองไม่ชัด ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 🤓มีปัญหา❗ #ตาพร่ามัว #มองไม่ชัด #ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา #คุณอ้อดีคอนแทค #ดีคอนแทคคุณอ้อ #ดีคอนแทคสำนักงานใหญ่ #ดีคอนแทคราคาโปรโมชั่น
    🤓มีปัญหา❗ #ตาพร่ามัว #มองไม่ชัด #ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา #คุณอ้อดีคอนแทค #ดีคอนแทคคุณอ้อ #ดีคอนแทคสำนักงานใหญ่ #ดีคอนแทคราคาโปรโมชั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 675 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 🤓มีปัญหา❗ #ตาพร่ามัว #มองไม่ชัด #ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา #คุณอ้อดีคอนแทค #ดีคอนแทคคุณอ้อ #ดีคอนแทคสำนักงานใหญ่ #ดีคอนแทคราคาโปรโมชั่น
    🤓มีปัญหา❗ #ตาพร่ามัว #มองไม่ชัด #ต้อกระจก น้ำตาไหล อย่าปล่อยไว้ มีทางแก้ ดูคลิปวิดีโอนี้...✅ต้อลม ✅ต้อเนื้อ✅ต้อกระจก✅ต้อหิน ✅เคืองตา แสบตา ✅ระคายเคือง ✅แพ้แสง ✅แพ้ลม ✅ตาแห้ง ✅ตาพร่ามัว ✅เบาหวานขึ้นตา ✅วุ้นในตาเสื่อม ✅เห็นหมอกควัน ✅เห็นภาพซ้อน ✅เห็นจุดดำๆเส้นใยลอยไปมาบังสายตา ✅มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา แนะนำดีคอนแทคนะคะ🌟ต้องดีคอนแทคที่ทุกคน..มั่นใจใช้แล้วดีให้บอกต่อ👉สั่งซื้อดีคอนแทค D-contact x ได้เลยจ้า📣ติดต่อสอบถามใต้โพสต์ได้เลยค่ะหรือทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ได้นะคะ 👇👇สั่งซื้อ โทร..☎️ 081-755-5329 (คุณอ้อ) #ตาแห้ง #ตามัว #จอประสาทตาเสื่อม #ตาอักเสบ #Dcontact #ตาแพ้แสง #เห็นจุดดำเส้นใยลอยไปมา #เห็นภาพซ้อน #เห็นหยากไย่ #ตาแดง #มองไม่ชัด #ตาพร่ามัว #วุ้นในตาเสื่อม #ต้อกระจก #ต้อลม #ต้อเนื้อ #ต้อหิน #น้ำตาไหล #เบาหวานขึ้นตา #คุณอ้อดีคอนแทค #ดีคอนแทคคุณอ้อ #ดีคอนแทคสำนักงานใหญ่ #ดีคอนแทคราคาโปรโมชั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาเอาสีข้างเข้าถู ยันอิสราเอลไม่ได้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยระดับความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซา แม้หน่วยงานบรรเทาทุกข์มากมายยืนยันว่า ไม่เพียงพอ และยูเอ็นระบุว่า อิสราเอลยังคงปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาก็ตาม
    .
    ในวันอังคาร (12 พ.ย.) อิสราเอลประกาศเปิดจุดผ่านแดนคิสซูฟิม เพื่อเพิ่มช่องทางการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดให้รัฐยิวต้องปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษธรรมในดินแดนดังกล่าว ไม่เช่นนั้นอาจถูกลดความช่วยเหลือทางทหาร
    .
    ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน และ รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของอเมริกา ได้ส่งจดหมายถึงอิสราเอล โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 13 พ.ย. ให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายอนุญาตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอเมริกา
    .
    ในวันอังคาร (12) เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อิสราเอลปฏิบัติตามที่ข้อเรียกร้องของอเมริกาแล้วหรือยัง เวแดนต์ ปาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบว่า แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของจดหมาย อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด
    .
    คำตอบนี้มีขึ้นแม้เห็นกันอยู่ว่าการดำเนินการของอิสราเอลต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุในจดหมายอย่างชัดเจน เช่น การอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาวันละอย่างน้อย 350 คัน
    .
    ในวันอังคาร (12) กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารดินแดนกาซา ออกมากล่าวหาวอชิงตันว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอิสราเอลในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา
    .
    ด้านสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ) และองค์กรมนุษยธรรม 8 แห่ง ซึ่งรวมถึงองค์การออกซ์แฟม และ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า การดำเนินการของอิสราเอลยังไม่เพียงพอ และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาขณะนี้เลวร้ายที่สุดนับจากที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม 2023
    .
    จอยซ์ มาซูยา ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ว่า โลกกำลังเป็นประจักษ์พยานการกระทำที่เตือนความจำถึงอาชญากรรมระหว่างประเทศที่รุนแรงที่สุด และสำทับว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาที่ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่อง ขณะที่อาหารและน้ำสำหรับประชาชนราว 75,000 คนลดลงเรื่อยๆ
    .
    หลุยส์ วอเตอริดจ์ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ สำทับว่า การจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาลดลงต่ำสุดต่อเนื่องมาหลายเดือน
    .
    ด้าน ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวย้ำเพียงว่า อิสราเอลจะต้องไม่บังคับย้ายถิ่นฐานหรือใช้นโยบายเพื่อทำให้เกิดความอดอยากในกาซา ซึ่งจะถือว่าละเมิดกฎหมายของอเมริกาและกฎหมายระหว่างประเทศ และเสริมว่า อิสราเอลต้องระงับการห้ามการทำงานของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอโดยเร็ว ทว่าไม่มีมาตรการรูปธรรมใดๆ
    .
    การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงคราวนี้ จัดขึ้นภายหลังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกระบุว่า มีแนวโน้มสูงที่กำลังจะเกิดภาวะอดอยากขึ้นทางตอนเหนือของกาซา ขณะที่อิสราเอลยังคงระดมโจมตีนักรบฮามาสในบริเวณดังกล่าว
    .
    ในส่วนของ แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ปฏิเสธเสียงแข็งต่อรายงานของพวกผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ที่ประชุมต้องตระหนักถึงความพยายามและความเสี่ยงของทหารอิสราเอลในการยืนหยัดปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาท่ามกลางภัยคุกคามจากการถูกโจมตี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109486
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาเอาสีข้างเข้าถู ยันอิสราเอลไม่ได้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยระดับความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซา แม้หน่วยงานบรรเทาทุกข์มากมายยืนยันว่า ไม่เพียงพอ และยูเอ็นระบุว่า อิสราเอลยังคงปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาก็ตาม . ในวันอังคาร (12 พ.ย.) อิสราเอลประกาศเปิดจุดผ่านแดนคิสซูฟิม เพื่อเพิ่มช่องทางการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดให้รัฐยิวต้องปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษธรรมในดินแดนดังกล่าว ไม่เช่นนั้นอาจถูกลดความช่วยเหลือทางทหาร . ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน และ รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของอเมริกา ได้ส่งจดหมายถึงอิสราเอล โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 13 พ.ย. ให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายอนุญาตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอเมริกา . ในวันอังคาร (12) เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อิสราเอลปฏิบัติตามที่ข้อเรียกร้องของอเมริกาแล้วหรือยัง เวแดนต์ ปาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบว่า แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของจดหมาย อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด . คำตอบนี้มีขึ้นแม้เห็นกันอยู่ว่าการดำเนินการของอิสราเอลต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุในจดหมายอย่างชัดเจน เช่น การอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาวันละอย่างน้อย 350 คัน . ในวันอังคาร (12) กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารดินแดนกาซา ออกมากล่าวหาวอชิงตันว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอิสราเอลในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา . ด้านสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ) และองค์กรมนุษยธรรม 8 แห่ง ซึ่งรวมถึงองค์การออกซ์แฟม และ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า การดำเนินการของอิสราเอลยังไม่เพียงพอ และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาขณะนี้เลวร้ายที่สุดนับจากที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 . จอยซ์ มาซูยา ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ว่า โลกกำลังเป็นประจักษ์พยานการกระทำที่เตือนความจำถึงอาชญากรรมระหว่างประเทศที่รุนแรงที่สุด และสำทับว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาที่ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่อง ขณะที่อาหารและน้ำสำหรับประชาชนราว 75,000 คนลดลงเรื่อยๆ . หลุยส์ วอเตอริดจ์ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ สำทับว่า การจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาลดลงต่ำสุดต่อเนื่องมาหลายเดือน . ด้าน ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวย้ำเพียงว่า อิสราเอลจะต้องไม่บังคับย้ายถิ่นฐานหรือใช้นโยบายเพื่อทำให้เกิดความอดอยากในกาซา ซึ่งจะถือว่าละเมิดกฎหมายของอเมริกาและกฎหมายระหว่างประเทศ และเสริมว่า อิสราเอลต้องระงับการห้ามการทำงานของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอโดยเร็ว ทว่าไม่มีมาตรการรูปธรรมใดๆ . การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงคราวนี้ จัดขึ้นภายหลังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกระบุว่า มีแนวโน้มสูงที่กำลังจะเกิดภาวะอดอยากขึ้นทางตอนเหนือของกาซา ขณะที่อิสราเอลยังคงระดมโจมตีนักรบฮามาสในบริเวณดังกล่าว . ในส่วนของ แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ปฏิเสธเสียงแข็งต่อรายงานของพวกผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ที่ประชุมต้องตระหนักถึงความพยายามและความเสี่ยงของทหารอิสราเอลในการยืนหยัดปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาท่ามกลางภัยคุกคามจากการถูกโจมตี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109486 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ##
    ..
    ..
    เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊...
    .
    วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!!
    ...
    ...
    ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ
    .
    เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง...
    .
    ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ
    .
    1.รัฐธรรมนูญ
    2.พระราชบัญญัติ
    3.พระราชกําหนด
    4.พระราชกฎษฎีกา
    5.กฎกระทรวง
    6.ข้อบัญญัติ
    .
    พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
    .
    และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ
    .
    หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้...
    .
    ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น...
    .
    "ใช้บังคับไม่ได้...!!!"
    .
    เช่นเดียวกัน...!!!
    .
    เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516
    .
    มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า...
    .
    "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958"
    .
    ซึ่งหมายความว่า...
    .
    การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!!
    .
    เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ
    .
    โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย...
    .
    เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย"
    .
    ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!!
    .
    มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!!
    ....
    ....
    แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ...
    .
    จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว...
    .
    ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!!
    .
    ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ
    .
    https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    ## มหาเทพ ชี้ MOU44 เป็นโมฆะ ## .. .. เจาะเด็ด เผ็ดลึก แสบสัน ทะลุกึ๋น ทะลวงเซี่ยงจี๊... . วันอังคาร ที่ 12/11/2567 อาจารย์ ปานเทพ ชี้ ไม่ต้องยกเลิก MOU44 เพราะ เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ต้น...!!! ... ... ผมเดาว่าผมเข้าใจความหมายของ ทนายนกเขา และ อาจารย์ ปานเทพ นะครับ . เดี๋ยวผมจะ อธิบายเพิ่มเติมเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่าง... . ศักดิ์ของกฎหมายในประเทศไทย ไล่เรียงลำดับลงไปนะครับ คือ . 1.รัฐธรรมนูญ 2.พระราชบัญญัติ 3.พระราชกําหนด 4.พระราชกฎษฎีกา 5.กฎกระทรวง 6.ข้อบัญญัติ . พระราชบัญญัติ จะมีศักดิ์ต่ำกว่า รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ . และ พระราชกําหนด จะมีศักดิ์ต่ำกว่า พระราชบัญญัติ . หลักการคือ กฎหมาย ที่มีศักดิ์ต่ำกว่า จะบัญญัติขึ้น โดยมีเนื้อหา ขัด หรือ แย้ง กับ กฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า ไม่ได้... . ซึ่งจะมีผลให้ กฎหมายที่บัญญัติขึ้นนั้น... . "ใช้บังคับไม่ได้...!!!" . เช่นเดียวกัน...!!! . เมื่อมี ประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ซึ่งประกาศจริง ในวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2516 และ ประกาศ ไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2516 . มีสถานะเป็น พระบรมราชโองการ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า... . "สำหรับสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียง อันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขต และ เขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.1958" . ซึ่งหมายความว่า... . การเจรจาต่างๆ เกี่ยวสิทธิอธิปไตยที่เป็นทะเลอาณาเขต ต้องเจรจาอยู่บน บทบัญญัติว่าด้วย "อนุสัญญาว่าด้วยทะเล กรุงเจนีวา" ซึ่งเป็นการยึดตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศ เท่านั้น...!!! . เพราะฉะนั้น MOU44 ซึ่งเป็นเพียง หนังสือบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ที่ยังไม่ได้ผ่านสภาด้วยซ้ำ . โดยมีนัยยะว่า รับรู้ถึง การขีดเส้นเขตแดนของ กัมพูชา ซึ่งไม่ได้ยึดหลักกฎหมายสากลอะไรเลย... . เท่ากับว่า มีเนื้อหา ขัด และ แย้ง กับประกาศ พระบรมราชโองการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 "กำหนดเขตไหล่ทวีป ของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย" . ดังนั้น MOU44 จึงจะ "ใช้บังคับไม่ได้" เพราะ เป็น "โมฆะ" มาตั้งแต่ต้น...!!! . มีผลเสมือน ไม่เคยมี MOU44 เกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลยตั้งแต่แรก...!!! .... .... แต่ในการนี้เราคงจะต้อง Action ให้ใหญ่โตครับ ต้องการทำการให้เป็นประเด็นผ่านหน่วยงานของประเทศ ให้เป็นกิจลักษณะ... . จะได้ไม่โดนกฎหมายปิดปากเหมือนครั้ง ปราสาทเขาพระวิหาร อีก เพราะ กัมพูชาเขาวางเกมส์มาเป็น 10 ปีแล้ว... . ประเด็นนี้ เผ็ดร้อน ระดับ พริก 1 ล้าน เม็ด...!!! . ผมเองก็จะคอยติดตาม ข้อมูล หรือ แนวทางของ "สำนักบ้านพระอาทิตย์" ต่อไป ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ครับ . https://youtu.be/3ke7aL9gKi8?si=0iOYA_b8tW80bhBK
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นโพสแบบนี้ ต่อเนื่องมาตลอด ..วันนี้ก็เห็น...และ คน 90 กว่า % เห็นด้วย กับสิ่งนี้...จริงค่ะ ใช่ค่ะ เห็นด้วยครับ...และอื่นๆ...
    🪵 มาดูความจริงกัน.
    ...เศรษฐีที่มีทรัพย์สิน ระดับแสนล้านของไทย...เขากก็มีหนี้สินระดับแสนล้านควบคู่ไปด้วย......
    ...อธิบายง่ายๆ....เขามองจุดคุ้มทุนในเรื่องดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทั้งหมด...คือ ถ้ามัน cover และมีกำไร ก็น่าลงทุน....
    ...แต่จะไม่ลงทุนด้วยเงินสด หรือเงินตัวเอง ...จะมีบริษัทลูกเกิดขึ้นใหม่....และกู้ โดยมีหลักทรัพย์ของธุรกิจนี้น...เป็นสิ่งค้ำประกัน.....
    ...เพื่ออะไร....สมมุติ มันผิดพลาดพลั้งไป....สถาบันการเงินก็ยึดสิ่งค้ำประกันไป...เขาจะเสียหายไม่มาก...ความเป็นเศรษฐีแสนล้านของเขา..ก็ยังคงอยู่.....
    ...ถ้ามีแสนล้าน และไม่่อยากเป็นหนี้ ลงทุน 7 หมื่นล้าน มี cash flow. สัก 3 หมื่นล้าน..ถามว่า ถ้า cash flow ขาดสภาพคล่อง..ไปยังไงต่อ.
    🌳 ขอไม่สรุปละกัน ท่านเชื่อแบบไหน? ก็ตามสะดวก.
    เห็นโพสแบบนี้ ต่อเนื่องมาตลอด ..วันนี้ก็เห็น...และ คน 90 กว่า % เห็นด้วย กับสิ่งนี้...จริงค่ะ ใช่ค่ะ เห็นด้วยครับ...และอื่นๆ... 🪵 มาดูความจริงกัน. ...เศรษฐีที่มีทรัพย์สิน ระดับแสนล้านของไทย...เขากก็มีหนี้สินระดับแสนล้านควบคู่ไปด้วย...... ...อธิบายง่ายๆ....เขามองจุดคุ้มทุนในเรื่องดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทั้งหมด...คือ ถ้ามัน cover และมีกำไร ก็น่าลงทุน.... ...แต่จะไม่ลงทุนด้วยเงินสด หรือเงินตัวเอง ...จะมีบริษัทลูกเกิดขึ้นใหม่....และกู้ โดยมีหลักทรัพย์ของธุรกิจนี้น...เป็นสิ่งค้ำประกัน..... ...เพื่ออะไร....สมมุติ มันผิดพลาดพลั้งไป....สถาบันการเงินก็ยึดสิ่งค้ำประกันไป...เขาจะเสียหายไม่มาก...ความเป็นเศรษฐีแสนล้านของเขา..ก็ยังคงอยู่..... ...ถ้ามีแสนล้าน และไม่่อยากเป็นหนี้ ลงทุน 7 หมื่นล้าน มี cash flow. สัก 3 หมื่นล้าน..ถามว่า ถ้า cash flow ขาดสภาพคล่อง..ไปยังไงต่อ. 🌳 ขอไม่สรุปละกัน ท่านเชื่อแบบไหน? ก็ตามสะดวก.
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่ยังฮอต นักท่องเที่ยวต่างชาติค้นหาที่พัก Airbnb เพิ่ม 30% รับเทศกาลลอยกระทงนักท่องเที่ยวชาวจีน แห่เที่ยวเชียงใหม่มากที่สุดในปี 67 ยอดจองที่พัก Airbnb พุ่งเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 คนไทยแรงไม่แผ่วจองที่พักในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ด้านนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลี เติบโตต่อเนื่อง ช่วงครึ่งปีแรกของปี 67

    ข้อมูลล่าสุดจาก Airbnb พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการเดินทางไปเชียงใหม่สูงอย่างต่อเนื่องหลังเหตุการณ์น้ำท่วมล่าสุดในภาคเหนือของไทย คนในท้องถิ่นและโฮสต์ Airbnb ต่างพร้อมต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกด้วยการบริการที่อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ของไทย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000109170

    #MGROnline #เชียงใหม่ #นักท่องเที่ยวต่างชาติ #ที่พัก #Airbnb
    เชียงใหม่ยังฮอต นักท่องเที่ยวต่างชาติค้นหาที่พัก Airbnb เพิ่ม 30% รับเทศกาลลอยกระทงนักท่องเที่ยวชาวจีน แห่เที่ยวเชียงใหม่มากที่สุดในปี 67 ยอดจองที่พัก Airbnb พุ่งเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 คนไทยแรงไม่แผ่วจองที่พักในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ด้านนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลี เติบโตต่อเนื่อง ช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 • ข้อมูลล่าสุดจาก Airbnb พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการเดินทางไปเชียงใหม่สูงอย่างต่อเนื่องหลังเหตุการณ์น้ำท่วมล่าสุดในภาคเหนือของไทย คนในท้องถิ่นและโฮสต์ Airbnb ต่างพร้อมต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกด้วยการบริการที่อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ของไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000109170 • #MGROnline #เชียงใหม่ #นักท่องเที่ยวต่างชาติ #ที่พัก #Airbnb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • คืออะไร?
    ...คือ คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มายาวนาน เกียรติประวัติมากมากมาย ซื้อขายพระแพงมานับครั้งไม่ถ้วน..ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง....เป็นกรรมการตัดสิน เป็นอะไรอีกมากมาย.
    ...ถามว่า แล้วเหนือเซียน อย่างไร...
    คือ คนได้ของจากคนประเภทนี้ไป...หนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว...แม้คนจะตีเก๊กี่สิบกี่ร้อย...คน.......ก็ไม่สน ก็ยังคงซื้อต่อไป เพราะเชื่อเครดิตและเกียรติประวัติส่วนตัวกัน.....ซึ่งหาได้ยากมาก..ในประเทศนี้ มีไม่กี่คนหรอก......
    คืออะไร? ...คือ คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มายาวนาน เกียรติประวัติมากมากมาย ซื้อขายพระแพงมานับครั้งไม่ถ้วน..ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง....เป็นกรรมการตัดสิน เป็นอะไรอีกมากมาย. ...ถามว่า แล้วเหนือเซียน อย่างไร... คือ คนได้ของจากคนประเภทนี้ไป...หนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว...แม้คนจะตีเก๊กี่สิบกี่ร้อย...คน.......ก็ไม่สน ก็ยังคงซื้อต่อไป เพราะเชื่อเครดิตและเกียรติประวัติส่วนตัวกัน.....ซึ่งหาได้ยากมาก..ในประเทศนี้ มีไม่กี่คนหรอก......
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts