• นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้พัฒนาเทคนิคการระบายความร้อนแบบใหม่ที่ใช้ การเปลี่ยนสถานะของน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน โดยเทคนิคนี้สามารถระบายความร้อนได้มากกว่าเทคนิคมาตรฐานถึง 7 เท่า การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอช่วยให้สามารถดูดซับและกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ การเปลี่ยนสถานะของน้ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน
    - น้ำสามารถดูดซับพลังงานได้มากขึ้นเมื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอ
    - เทคนิคนี้ช่วยแก้ปัญหาการไหลของไอในช่องแคบที่มักเกิดในระบบระบายความร้อนแบบเดิม

    ✅ การออกแบบช่องทางไมโครฟลูอิดิก 3D ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
    - ช่องทางไมโครฟลูอิดิกแบบ 3D มีโครงสร้างที่ช่วยให้การไหลของน้ำและไอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
    - ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูงถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบน้ำ

    ✅ เทคนิคนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย
    - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิปประมวลผล, เลเซอร์, และระบบเรดาร์
    - สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอวกาศ

    ✅ ระบบนี้สามารถทำงานแบบพาสซีฟได้
    - การเปลี่ยนสถานะของน้ำช่วยให้ระบบสามารถระบายความร้อนผ่านการพาความร้อนโดยไม่ต้องใช้ปั๊ม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/researchers-develop-two-phase-cooling-technique-that-dissipates-7x-more-heat
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้พัฒนาเทคนิคการระบายความร้อนแบบใหม่ที่ใช้ การเปลี่ยนสถานะของน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน โดยเทคนิคนี้สามารถระบายความร้อนได้มากกว่าเทคนิคมาตรฐานถึง 7 เท่า การเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอช่วยให้สามารถดูดซับและกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การเปลี่ยนสถานะของน้ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน - น้ำสามารถดูดซับพลังงานได้มากขึ้นเมื่อเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอ - เทคนิคนี้ช่วยแก้ปัญหาการไหลของไอในช่องแคบที่มักเกิดในระบบระบายความร้อนแบบเดิม ✅ การออกแบบช่องทางไมโครฟลูอิดิก 3D ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ - ช่องทางไมโครฟลูอิดิกแบบ 3D มีโครงสร้างที่ช่วยให้การไหลของน้ำและไอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง - ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูงถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบน้ำ ✅ เทคนิคนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิปประมวลผล, เลเซอร์, และระบบเรดาร์ - สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอวกาศ ✅ ระบบนี้สามารถทำงานแบบพาสซีฟได้ - การเปลี่ยนสถานะของน้ำช่วยให้ระบบสามารถระบายความร้อนผ่านการพาความร้อนโดยไม่ต้องใช้ปั๊ม https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/researchers-develop-two-phase-cooling-technique-that-dissipates-7x-more-heat
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • 🌿 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก

    จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด?

    🔍 หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day" 🗓️

    ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น 📢

    แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ?

    🧠 จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน 🕓

    แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 🌍

    📅 วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา ✊

    🌿 ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท 🧪

    ✅ ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 🤢 บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ 🤕 ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น 💤 ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี 😟➡️🙂

    📌 ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

    ❌ ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก 🔄 ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น 🧠 อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน 😵 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย 🧨

    🇹🇭 "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน 👩‍⚕️🏠

    แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป 👦👧 โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ 💻 และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย 🚬

    📈 ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี 💸

    🧩 เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ...

    “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?”

    แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน 😰

    🔒 ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง

    👶 เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC 🧠 เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน 😨 พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น 🔗

    แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน 🏫 ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด 🔞 จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา 🚫

    ✈️ ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว” 🌍💚

    โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น 🇯🇵 ญี่ปุ่น 🇰🇷 เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก

    📢 กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา!

    💼 เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น 🇨🇦 แคนาดา 🇺🇾 อุรุกวัย 🇲🇹 มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ

    📉 หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้

    🧑‍⚕️ แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า...

    “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป”

    กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม

    อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม 🔍

    📚 ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง 🎉

    สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ

    ✅ สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ

    ❌ ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม

    ⚖️ สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน

    "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส" 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568

    📌 #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์
    #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน
    #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    🌿 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด? 🔍 หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day" 🗓️ ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น 📢 แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ? 🧠 จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน 🕓 แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 🌍 📅 วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา ✊ 🌿 ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท 🧪 ✅ ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 🤢 บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ 🤕 ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น 💤 ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี 😟➡️🙂 📌 ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ❌ ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก 🔄 ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น 🧠 อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน 😵 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย 🧨 🇹🇭 "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน 👩‍⚕️🏠 แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป 👦👧 โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ 💻 และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย 🚬 📈 ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี 💸 🧩 เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ... “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?” แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน 😰 🔒 ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง 👶 เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC 🧠 เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน 😨 พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น 🔗 แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน 🏫 ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด 🔞 จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา 🚫 ✈️ ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว” 🌍💚 โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น 🇯🇵 ญี่ปุ่น 🇰🇷 เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก 📢 กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา! 💼 เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น 🇨🇦 แคนาดา 🇺🇾 อุรุกวัย 🇲🇹 มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ 📉 หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้ 🧑‍⚕️ แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า... “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป” กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม 🔍 📚 ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง 🎉 สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ ✅ สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ❌ ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม ⚖️ สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส" 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568 📌 #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์ #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H

    ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้
    - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้
    - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน

    ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก
    - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H
    - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+

    ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม
    - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB
    - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4

    ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม
    - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ
    - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO

    https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy XCover7 Pro ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยมีจุดเด่นที่ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งหาได้ยากในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนาม เช่น ความสามารถในการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และการป้องกันการตกกระแทกตามมาตรฐาน MIL-STD-810H ✅ แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ - มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,350mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ - เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งานต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งพลังงาน ✅ ออกแบบมาเพื่อความทนทานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก - ได้รับการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD-810H - หน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว FHD+ TFT LCD พร้อมกระจก Gorilla Glass Victus+ ✅ ประสิทธิภาพระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาคสนาม - ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 พร้อม RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB - รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6E, และ Bluetooth 5.4 ✅ ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในภาคสนาม - มีปุ่มฮาร์ดแวร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่สำคัญ - รองรับการใช้งานร่วมกับถุงมือและการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ POGO https://www.techradar.com/pro/samsungs-latest-smartphone-has-a-very-simple-feature-that-no-other-samsung-phone-offers-right-now
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • ทีมงานการพนันลับในเท็กซัสได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัล แจ็กพอตลอตเตอรี่เท็กซัสมูลค่า $95 ล้าน โดยการซื้อ ทุกความเป็นไปได้ของหมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชนะครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ความถูกต้องทางกฎหมายและความเหมาะสมทางจริยธรรม และยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบลอตเตอรี่ในเท็กซัสเพื่อลดความเป็นไปได้ของวิธีการดังกล่าวในอนาคต

    ✅ ทีมงานซื้อทุกความเป็นไปได้ของหมายเลขเพื่อรับประกันชัยชนะ
    - แผนการนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Bernard Marantelli และ Zeljko Ranogajec ซึ่งเป็นนักพนันที่มีชื่อเสียง
    - พวกเขาใช้ เครื่องพิมพ์ตั๋วลอตเตอรี่แบบพิเศษ ในการพิมพ์ตั๋วทุกชุดหมายเลขอย่างต่อเนื่อง

    ✅ พวกเขาประสบความสำเร็จในการซื้อ 99.3% ของชุดหมายเลขทั้งหมด
    - หมายเลขที่ชนะเป็น หมายเลขเดียวที่ถูกรางวัล ทำให้ทีมได้รับกำไรประมาณ $20 ล้าน หลังหักค่าใช้จ่าย

    ✅ การซื้อจำนวนมากนำไปสู่การสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัส
    - การสอบสวนเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อจำกัดใหม่สำหรับระบบลอตเตอรี่ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อลดจำนวนตั๋วที่สามารถพิมพ์ได้ในหนึ่งวัน

    ✅ การกระทำนี้ถูกกฎหมาย แต่ถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรม
    - ผู้ว่าการรัฐและสมาชิกสภาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบลอตเตอรี่ควรมีมาตรการเพื่อปกป้องผู้เล่นทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/107606-how-secret-gambling-syndicate-won-95-million-texas.html
    ทีมงานการพนันลับในเท็กซัสได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัล แจ็กพอตลอตเตอรี่เท็กซัสมูลค่า $95 ล้าน โดยการซื้อ ทุกความเป็นไปได้ของหมายเลข ซึ่งเป็นแนวทางที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชนะครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ความถูกต้องทางกฎหมายและความเหมาะสมทางจริยธรรม และยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบลอตเตอรี่ในเท็กซัสเพื่อลดความเป็นไปได้ของวิธีการดังกล่าวในอนาคต ✅ ทีมงานซื้อทุกความเป็นไปได้ของหมายเลขเพื่อรับประกันชัยชนะ - แผนการนี้เริ่มต้นในปี 2023 โดย Bernard Marantelli และ Zeljko Ranogajec ซึ่งเป็นนักพนันที่มีชื่อเสียง - พวกเขาใช้ เครื่องพิมพ์ตั๋วลอตเตอรี่แบบพิเศษ ในการพิมพ์ตั๋วทุกชุดหมายเลขอย่างต่อเนื่อง ✅ พวกเขาประสบความสำเร็จในการซื้อ 99.3% ของชุดหมายเลขทั้งหมด - หมายเลขที่ชนะเป็น หมายเลขเดียวที่ถูกรางวัล ทำให้ทีมได้รับกำไรประมาณ $20 ล้าน หลังหักค่าใช้จ่าย ✅ การซื้อจำนวนมากนำไปสู่การสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัส - การสอบสวนเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อจำกัดใหม่สำหรับระบบลอตเตอรี่ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อลดจำนวนตั๋วที่สามารถพิมพ์ได้ในหนึ่งวัน ✅ การกระทำนี้ถูกกฎหมาย แต่ถูกตั้งคำถามด้านจริยธรรม - ผู้ว่าการรัฐและสมาชิกสภาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบลอตเตอรี่ควรมีมาตรการเพื่อปกป้องผู้เล่นทั่วไป https://www.techspot.com/news/107606-how-secret-gambling-syndicate-won-95-million-texas.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    How a secret gambling syndicate won a $95 million Texas lottery by buying every number combination
    The story started in the spring of 2023, when London banker-turned-bookmaker Bernard Marantelli wanted to buy every ticket combination in an upcoming Texas lottery to guarantee the...
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด)

    #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)**
    - **รับซื้อ**: 52,350 บาท
    - **ขายออก**: 52,450 บาท
    - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน

    #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%**
    - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท
    - **ขายออก**: 53,250 บาท
    - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม)

    #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)**
    - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์
    - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ)
    - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

    #### 4. **แนวโน้มราคาทอง**
    - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน
    - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม**
    - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ**
    - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท)
    - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท)
    - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD)

    ---

    ### ปัจจัยกระทบราคาทอง
    - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
    - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ
    - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด) #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)** - **รับซื้อ**: 52,350 บาท - **ขายออก**: 52,450 บาท - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%** - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท - **ขายออก**: 53,250 บาท - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม) #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)** - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ) - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน #### 4. **แนวโน้มราคาทอง** - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม** - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ** - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท) - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท) - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD) --- ### ปัจจัยกระทบราคาทอง - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • 18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • ฮามาส “ไม่ตกลง” กับข้อเสนอหยุดยิงของอิสราเอล

    อิสราเอลเสนอจะหยุดการโจมตีเป็นเวลา 6 สัปดาห์ แต่จะต้องให้ฮามาสยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด และปล่อยตัวตัวประกันที่อีก 24 คน

    ฮามาสปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากข้อตกลงไม่ได้รวมถึงการยุติสงครามหรือการถอนทหารอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็น 2 สิ่งที่ฮามาสบอกว่าไม่สามารถต่อรองได้

    นอกจากนี้ ฮามาสต้องการข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวรจากที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อิสราเอลมาทำลายไปเสียก่อน

    ในขณะที่อิสราเอลยังคงปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น อาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรคไม่ให้เข้าสู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก และโรงพยาบาลต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
    ฮามาส “ไม่ตกลง” กับข้อเสนอหยุดยิงของอิสราเอล อิสราเอลเสนอจะหยุดการโจมตีเป็นเวลา 6 สัปดาห์ แต่จะต้องให้ฮามาสยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด และปล่อยตัวตัวประกันที่อีก 24 คน ฮามาสปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากข้อตกลงไม่ได้รวมถึงการยุติสงครามหรือการถอนทหารอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็น 2 สิ่งที่ฮามาสบอกว่าไม่สามารถต่อรองได้ นอกจากนี้ ฮามาสต้องการข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวรจากที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อิสราเอลมาทำลายไปเสียก่อน ในขณะที่อิสราเอลยังคงปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น อาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรคไม่ให้เข้าสู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก และโรงพยาบาลต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • อุปสรรครื้อซากตึก สตง. แพเหล็กเส้นมหาศาล : [NEWS UPDATE]

    นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เผยความคืบหน้ากู้ซากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลดระดับซากตึกเหลือ 13 เมตร พบปัญหาคือเมื่อนำปูนออกก็มีเหล็กเส้นจำนวนมากร้อยกันเป็นแพ ต้องใช้ทีมช่างของทหาร และ กทม. นำเครื่องมือตัดแก๊สตัดเหล็กออก หากใช้แค่เครื่องจักรหนักจะใช้เวลานานกว่าจะตัดเหล็กเส้นออกจากกันได้ ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ เป็นการค้นหาร่างผู้สูญหาย ด้านเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นโซนซี ไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้หลักฐานครบถ้วน

    -พยาน 3 กลุ่มสืบคดีนอมินี

    -ค้านประกันโบรกคดีหมอบุญ

    -สภาไม่เคย"หวิดวางมวย"

    -ปลุกครอบครัวเอเชียสู้อิทธิพล
    อุปสรรครื้อซากตึก สตง. แพเหล็กเส้นมหาศาล : [NEWS UPDATE] นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เผยความคืบหน้ากู้ซากตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ลดระดับซากตึกเหลือ 13 เมตร พบปัญหาคือเมื่อนำปูนออกก็มีเหล็กเส้นจำนวนมากร้อยกันเป็นแพ ต้องใช้ทีมช่างของทหาร และ กทม. นำเครื่องมือตัดแก๊สตัดเหล็กออก หากใช้แค่เครื่องจักรหนักจะใช้เวลานานกว่าจะตัดเหล็กเส้นออกจากกันได้ ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณชีพ เป็นการค้นหาร่างผู้สูญหาย ด้านเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นโซนซี ไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้หลักฐานครบถ้วน -พยาน 3 กลุ่มสืบคดีนอมินี -ค้านประกันโบรกคดีหมอบุญ -สภาไม่เคย"หวิดวางมวย" -ปลุกครอบครัวเอเชียสู้อิทธิพล
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 744 Views 21 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2)
    .
    1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
    2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ
    .
    3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
    .
    กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก
    .
    (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป
    .
    4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี
    .
    ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี
    .
    อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้
    .
    LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย
    .
    6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด
    .
    7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 9 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (2) . 1.ฝากเงินกับธนาคาร มีความเสี่ยงน้อยที่สุด 2.ซื้อตราสารหนี้ ซางหมายถึงสัญญาที่ออกโดยกิจการหนึ่งเพื่อกู้เงินจากผู้อื่น ถ้ารัฐบาลเป็นผู้กู้ ตราสารหรือสัญญานี้เรียกว่าตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเอกชน จะเรียกว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หรือหุ้นกู้ การลงทุนซื้อตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเปรียบเทียบ เพราะผลตอบแทนอยู่ในรูปของดอกเบี้ยที่จ่ายให้เงินกู้ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการประกอบการ . 3.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวม หมายถึงการร่วมทุนกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ เพื่อลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดตราสารหนี้ โดยมีบริษัทจัดการกองทุนตามกฏหมายเป็นผู้รับผิดชอบเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีความรอบรู้เป็นพิเศษในเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้ . กองทุนแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ (1) กองทุนปิด ซึ่งมีมูลค่ากองทุน (เงินลงทุนร่วมกันครั้งแรก) แน่นอน มีอายุเวลาไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดเวลาลงทุนชัดเจน หากผู้บริหารกองทุนมีความสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีเงินปันผลดี หน่วยลงทุนนั้นก็จะมีราคาสูงกว่าตอนซื้อครั้งแรก . (2) กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่แน่นอน หากผู้ซื้อหน่วยลงทุนต้องการถอนการลงทุนเมื่อใดก็สามารถขายคืนให้บริษัทผู้จัดการกองทุนได้ โดยจะคำนวนราคาซื้อคืนตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนในขณะนั้น ทางการกำหนดให้บริษัทผู้จัดการกองทุนรายงานตัวเลขแสดงสินทรัพย์สุทธิของกองทุนที่เรียกว่า NAV ( Net Asset Value ) เป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานว่ามูลค่าสุทธิของแต่ละหน่วยลงทุนนั้นมัมูลค่าเท่าใด เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นกองทุนรวมกองหนึ่งกองใด สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือถือไว้ต่อไป . 4.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่เรียกว่า กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ( Retirement Mutual Fund ) เป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษ เพื่อส่งเสริมการออมเพื่อวัยเกษียณ เงินที่ซื้อกองทุนนี้สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 300,000 บาท ผู้ซื้อต้องซื้อติดต่อจนถึงอายุ 55 ปี หรือซื้อต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี ในกรณีที่มีอายุ 55 ปี ขึ่นไปจึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . 5.ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนที่เรียกว่า LTF ( Long Term Equity Fund ) หรือกองทุนหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดพิเศษอีกกองทุนหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการลงทุนตลาดหุ้นระยะยาว มีเงื่อนไขคล้ายกับ RMF กล่าวคือ ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เงินที่ซื้อกองทุนสามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนต้องซื้อติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะสามารถถอนเงินที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไว้ทั้งหมดออกไปได้โดยไม่เสียภาษี . ผู้มีรายได้สามารถใช้สิทธิทางภาษีในการลดหย่อนภาษีของทั้ง RMF และ LMF กล่าวคือ ลดหย่อนได้สูงสุดด้วยการซื้อกองทุน RMF และ LMF อย่างละร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี โดยไม่เกินกองทุนละ 300,000 บาท รวมแล้วเป็นค่าลดหย่อนสูงสุด 600,000 บาทต่อปี . อนึ่ง ยอดเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท ของ RMF ต้องรวมเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลูกจ้างและนายจ้างจ่ายรวมกันในแต่ละปีด้วย ผู้ซื้อกองทุน RMF สามารถเลือกกองทุนรวมประเภทซื้อหุ้นอย่างเดียว (เสี่ยงที่สุด) หรือซื้อตราสารหนี้อย่างเดียว (เสี่ยงน้อยที่สุด) หรือซื้อปนกันทั้งหั้นและตราสารหนี้ (ความเสี่ยงอยู่ระหว่างสองประเภทกองทุนข้างต้น) ก็ได้ . LTF โดยทั่วไปมีความเสี่ยงสูงกว่า RMF (ยกเว้นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ซื้อหุ้นอย่างเดียว การลงทุนใน RMF และ LTF น่าสนใจเพราะเงินที่ซื้อกองทุนเป็นค่าลดหย่อนภาษี และยอดเงินนี้ก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ผู้รู้ช่วยเลือกลงทุนให้ นอกจากนี้เมื่อครบกำหนด ก็ยังสามารถถอนออกมาได้โดยไม่เสียภาษีอีกด้วย . 6.ซื้อหุ้นโดยตรง ซึงหมายถึงการเข้าร่วมลงทุนหรือร่วมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ หากบริษัทประสบผลสำเร็จก็ได้ส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล และมีโอกาสได้ส่วนต่างของราคาหุ้น ทั้งจากหุ้นที่ซื้อไปและหุ้นออกใหม่ที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาต่ำกว่าตลาด . 7.ซื้อที่อยู่อาศัยไว้สำหรับเช่า ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ตั้งอยู่ในทำเลดี มีผู้เช่าแน่นอน โดยใช้เงินออมเป็นเงินดาวน์ และใช้ค่าเช่าและบางส่วนของรายได้ประจำเป็นเงินผ่อนชำระเงินกู้นั้น การให้เช่าข้ามช่วงเวลาที่ยาวจนครบกำหนดเวลากู้ ก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาเป็นสมบัติของครอบครัว ในอนาคตลูกก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากค่าเช่าและมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก

    ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024
    - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง
    - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)

    ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก
    - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
    - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน

    ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI
    - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI
    - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%)

    ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต
    - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

    ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ
    - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น

    https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024 - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%) ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • กรมรางเปิดยอด 5 วัน”สงกรานต์”ผู้โดยสาร”รถไฟ-รถไฟฟ้า”ช่วง 11-15 เม.ย. 2568 สะสม 5 วันรวมทั้งสิ้น 5,653,260 คน เฉพาะวันที่15 เม.ย. วันที่ห้าของเทศกาล ผู้ใช้บริการราง รวม 946,682 คน-เที่ยว มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟ 2 ครั้ง

    นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (วันที่ 15 เมษายน 68) ซึ่งเป็นวันที่ห้าของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 946,682 คน-เที่ยว แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 77,953 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟฟ้าชานเมือง จำนวน 868,729 คน-เที่ยว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000035988

    #MGROnline #กรมราง #รถไฟ #รถไฟฟ้า
    กรมรางเปิดยอด 5 วัน”สงกรานต์”ผู้โดยสาร”รถไฟ-รถไฟฟ้า”ช่วง 11-15 เม.ย. 2568 สะสม 5 วันรวมทั้งสิ้น 5,653,260 คน เฉพาะวันที่15 เม.ย. วันที่ห้าของเทศกาล ผู้ใช้บริการราง รวม 946,682 คน-เที่ยว มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟ 2 ครั้ง • นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (วันที่ 15 เมษายน 68) ซึ่งเป็นวันที่ห้าของวันหยุดต่อเนื่องของเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 946,682 คน-เที่ยว แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 77,953 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟฟ้าชานเมือง จำนวน 868,729 คน-เที่ยว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000035988 • #MGROnline #กรมราง #รถไฟ #รถไฟฟ้า
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • ปราจีนบุรี - เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานลงน้ำตกเหวนรกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถล่ม หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ พร้อมประกาศปิดการท่องเที่ยวน้ำตกเหวนรกชั่วคราว

    วันนี้ ( 16 เม.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานทางลงสู่น้ำตกเหวนรกถล่มลงมา โดยขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้หญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือและลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล

    และขณะนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้สั่งปิดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกเหวนรกแล้ว และจะทำการประเมินเสถียรภาพของพื้นที่ก่อนเปิดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย

    ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้ว 5 วัน ทำให้ดินอุ้มน้ำและเกิดการถล่มของหน้าผาดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000035945

    #MGROnline #น้ำตกเหวนรก #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    ปราจีนบุรี - เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานลงน้ำตกเหวนรกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถล่ม หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง 5 วัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ พร้อมประกาศปิดการท่องเที่ยวน้ำตกเหวนรกชั่วคราว • วันนี้ ( 16 เม.ย.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่าเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ได้เกิดเหตุหน้าผาบริเวณสะพานทางลงสู่น้ำตกเหวนรกถล่มลงมา โดยขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้หญิงชาวฟิลิปปินส์ 2 รายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือและลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล • และขณะนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้สั่งปิดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกเหวนรกแล้ว และจะทำการประเมินเสถียรภาพของพื้นที่ก่อนเปิดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย • ทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่รายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันมาแล้ว 5 วัน ทำให้ดินอุ้มน้ำและเกิดการถล่มของหน้าผาดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000035945 • #MGROnline #น้ำตกเหวนรก #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • ต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 เมษายน โดยเปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการโพสต์เนื้อหาใส่ร้าย ปล่อยข้อมูลเท็จ และคอมเมนต์โจมตีอย่างรุนแรงต่อศิลปินในสังกัดอย่างต่อเนื่อง

    “เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความและข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีมูลความจริง และเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายต่อศิลปินของเรา ‘คิมซูฮยอน’ แพร่กระจายอยู่บนโลกออนไลน์” ตัวแทนของ Gold Medalist บอก “สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของศิลปินอย่างรุนแรง”

    Gold Medalist ยังได้กล่าวถึง กลุ่มผู้ที่สร้างคอนเทนต์ปลอมที่หวังยอดวิวและกระแส โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า “บุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสจากความเป็นนิรนาม สร้างข่าวปลอมและปลุกปั่นการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035894

    #MGROnline #คิมซูฮยอน
    ต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มชื่อดัง คิมซูฮยอน อย่าง Gold Medalist ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 เมษายน โดยเปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องร้องทางอาญาต่อผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการโพสต์เนื้อหาใส่ร้าย ปล่อยข้อมูลเท็จ และคอมเมนต์โจมตีอย่างรุนแรงต่อศิลปินในสังกัดอย่างต่อเนื่อง • “เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความและข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีมูลความจริง และเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายต่อศิลปินของเรา ‘คิมซูฮยอน’ แพร่กระจายอยู่บนโลกออนไลน์” ตัวแทนของ Gold Medalist บอก “สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของศิลปินอย่างรุนแรง” • Gold Medalist ยังได้กล่าวถึง กลุ่มผู้ที่สร้างคอนเทนต์ปลอมที่หวังยอดวิวและกระแส โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า “บุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสจากความเป็นนิรนาม สร้างข่าวปลอมและปลุกปั่นการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035894 • #MGROnline #คิมซูฮยอน
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • ดาหน้ามาแฉอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ทั้งเพื่อนของ “แพท ณปภา ตันตระกูล” ที่ออกมาเล่านิทาน "นางพญาเด็กแว๊น" กับ "ดารา-นักร้องชาย" ที่เลิกจิ้นกัน แต่ฝ่ายนักร้องขอให้จิ้นต่อ เพื่อโกยเงินโกยทอง ด้านเพื่อนของ "แตงโม นิดา" ก็ออกมาแฉ พฤติกรรมของ "ไอ้ขี้เก๊ก" สมัยที่ยังเป็นสามีภรรยากับแตงโม

    ยังโดนแฉอย่างต่อเนื่องสำหรับ ”โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์“ “หมอของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์“ ก็โพสต์ข้อความ เล่าเรื่องราว เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่เคยจ้าง "แพท ณปภา" และมาออกงานคู่กัน ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่จิ้นกันอยู่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035753

    #MGROnline #โตโน่ภาคิน #ณิชา #โตโน่
    ดาหน้ามาแฉอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ทั้งเพื่อนของ “แพท ณปภา ตันตระกูล” ที่ออกมาเล่านิทาน "นางพญาเด็กแว๊น" กับ "ดารา-นักร้องชาย" ที่เลิกจิ้นกัน แต่ฝ่ายนักร้องขอให้จิ้นต่อ เพื่อโกยเงินโกยทอง ด้านเพื่อนของ "แตงโม นิดา" ก็ออกมาแฉ พฤติกรรมของ "ไอ้ขี้เก๊ก" สมัยที่ยังเป็นสามีภรรยากับแตงโม • ยังโดนแฉอย่างต่อเนื่องสำหรับ ”โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์“ “หมอของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์“ ก็โพสต์ข้อความ เล่าเรื่องราว เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่เคยจ้าง "แพท ณปภา" และมาออกงานคู่กัน ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่จิ้นกันอยู่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035753 • #MGROnline #โตโน่ภาคิน #ณิชา #โตโน่
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์

    ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO

    รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส

    รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ

    ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน
    "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่"

    ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น


    ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ


    รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    ไนเจอร์ (Niger) ประเทศในทวีปแอฟริกามีคำสั่งขับผู้บริหารจีนของบริษัทน้ำมันจีนสามแห่งในไนเจอร์ออกจากประเทศ สาเหตุเพราะละเมิดกฎระเบียบภายในของไนเจอร์ ผู้บริหารบริษัทน้ำมันของจีน 3 แห่ง ที่ถูกให้ออกจากประเทศ ได้แก่บริษัท SORAZ (Société de Raffinage de Zinder), CNPC (China National Petroleum Corporation) และ WAPCO รัฐบาลไนเจอร์ต้องการให้บริษัทที่เข้ามาทำกิจการในประเทศ รวมทั้งบริษัทน้ำมันจากจีนทั้งสามแห่งนี้ ต้องกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม โดยจ่ายค่าแรงคนงานจีนและไนเจอร์อย่างเท่าเทียม ปฎิบัติตามกฎหมายแรงงานของไนเจอร์ และต้องการเข้าถึงบัญชีของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีอย่างโปร่งใส รัฐบาลไนเจอร์กำหนดเงื่อนไขเหล่านี้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมด หากจีนต้องการให้บริษัทน้ำมันของพวกเขาดำเนินการต่อในประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎและพันธกรณีของประเทศ ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมของไนเจอร์ ดร. ซาฮาบี โอมารู ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไนเจอร์และจีน - ไม่มีการแตกหัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น "นี่ไม่ใช่การแตกหักด้านความร่วมมือทางเทคนิคระหว่างรัฐบาลไนเจอร์และรัฐบาลจีน หรือเป็นการประณามสัญญาที่ทำกับบริษัทของจีน" แต่เป็นความพยายามแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึงทั้งประชาชนไนเจอร์และบริษัทรับเหมาขุดเจาะน้ำมัน ของจีน "ความแข็งแกร่งของความร่วมมืออยู่ที่การเคารพกฎหมายและคำมั่นสัญญาของทั้งสองฝ่ายเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ต้องการกระจายความมั่งคั่งของบริษัทจีนทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเงินเดือนของชาวไนเจอร์เมื่อเทียบกับพนักงานของจีน ตำแหน่งสำคัญบางอย่างควรเป็นชาวไนเจอร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่วนแบ่งการตลาดที่จัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่" ที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้ความสำคัญประเทศในแอฟริกามาตลอดหลายสิบปี มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบให้เปล่าหลายแห่งในประเทศแอฟริกา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ บางกรณีก็ไม่มีดอกเบี้ย บางครั้งยกหนี้ให้ประเทศเหล่านั้น ผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงหลังหลายปี บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ทวีปแอฟริกามีความคิดแง่บวกกับจีนมากกว่าสหรัฐ รัฐบาลจีนอาจต้องเร่งมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมมือปราบปรามผู้บริหาร เจ้าของวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านเอกชนที่เอาเปรียบและมุ่งหาผลประโยชน์ ก่อนที่ภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีนจะตกต่ำลงไป ซึ่งจะทำให้สิ่งที่จีนลงทุนไว้สูญเปล่า
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • Qualcomm กำลังพัฒนา Snapdragon X รุ่นที่สอง สำหรับ PC ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 18-22% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงด้าน ความเร็วสัญญาณนาฬิกา และ สถาปัตยกรรมภายใน

    ✅ Snapdragon X รุ่นที่สองจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 18-22%
    - ข้อมูลนี้มาจาก บล็อกเกอร์ชาวจีน ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.2 ล้านคน
    - ความเร็วสูงสุดของซีพียูอาจเริ่มต้นที่ 4.40 GHz

    ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon และกระบวนการผลิต 4nm
    - Snapdragon X ใช้ Oryon cores ที่พัฒนาโดยทีม Nuvia
    - ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC N4P (4nm-class)

    ✅ เปรียบเทียบกับรุ่นปัจจุบัน
    - Snapdragon X รุ่นแรกมีความเร็ว 3.0 GHz ถึง 3.80 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.30 GHz
    - รุ่นใหม่อาจมีการปรับปรุงทั้ง ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและสถาปัตยกรรม

    ✅ การเปิดตัวและการแข่งขันในตลาด
    - Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X Elite รุ่นแรก (SC8380XP) ในปี 2024
    - รุ่นที่สอง (SC8480XP) เริ่มทดสอบภายในตั้งแต่เดือนกันยายน 2024

    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด PC
    - หาก Snapdragon X รุ่นที่สองเปิดตัวในปี 2025 อาจต้องแข่งขันกับ Intel และ AMD ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    ℹ️ ความท้าทายในการเพิ่มประสิทธิภาพ
    - ต้องติดตามว่า การเพิ่มประสิทธิภาพ 20% มาจากการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาหรือการปรับปรุงสถาปัตยกรรม

    ℹ️ แนวโน้มของ Snapdragon X ในอนาคต
    - หาก Qualcomm วางแผนเปิดตัวในปี 2026 อาจต้องเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า 20% เพื่อให้สามารถแข่งขันได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/second-gen-snapdragon-x-pc-chips-may-boost-performance-up-to-22-percent
    Qualcomm กำลังพัฒนา Snapdragon X รุ่นที่สอง สำหรับ PC ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 18-22% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงด้าน ความเร็วสัญญาณนาฬิกา และ สถาปัตยกรรมภายใน ✅ Snapdragon X รุ่นที่สองจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 18-22% - ข้อมูลนี้มาจาก บล็อกเกอร์ชาวจีน ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.2 ล้านคน - ความเร็วสูงสุดของซีพียูอาจเริ่มต้นที่ 4.40 GHz ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon และกระบวนการผลิต 4nm - Snapdragon X ใช้ Oryon cores ที่พัฒนาโดยทีม Nuvia - ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC N4P (4nm-class) ✅ เปรียบเทียบกับรุ่นปัจจุบัน - Snapdragon X รุ่นแรกมีความเร็ว 3.0 GHz ถึง 3.80 GHz และบูสต์ได้ถึง 4.30 GHz - รุ่นใหม่อาจมีการปรับปรุงทั้ง ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและสถาปัตยกรรม ✅ การเปิดตัวและการแข่งขันในตลาด - Qualcomm เปิดตัว Snapdragon X Elite รุ่นแรก (SC8380XP) ในปี 2024 - รุ่นที่สอง (SC8480XP) เริ่มทดสอบภายในตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด PC - หาก Snapdragon X รุ่นที่สองเปิดตัวในปี 2025 อาจต้องแข่งขันกับ Intel และ AMD ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ℹ️ ความท้าทายในการเพิ่มประสิทธิภาพ - ต้องติดตามว่า การเพิ่มประสิทธิภาพ 20% มาจากการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาหรือการปรับปรุงสถาปัตยกรรม ℹ️ แนวโน้มของ Snapdragon X ในอนาคต - หาก Qualcomm วางแผนเปิดตัวในปี 2026 อาจต้องเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า 20% เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/second-gen-snapdragon-x-pc-chips-may-boost-performance-up-to-22-percent
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 16-4-68
    .
    รายการเช้าวันนี้ กลับมาในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะมาเล่าถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเน้นหนักไปในเรื่องของ การทุจริตในการจัดจ้างก่อสร้าง ตึก สตง. รวมไปถึงประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องในสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจาก "สงครามภาษีตอบโต้-สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐฯ และจีน คุณสนธิจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ โปรดติดตามโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=m48RVoO4-Ts
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามการค้า #สงครามภาษี
    สนธิเล่าเรื่อง 16-4-68 . รายการเช้าวันนี้ กลับมาในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ หลังทานข้าวเช้าคุณสนธิจะมาเล่าถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเน้นหนักไปในเรื่องของ การทุจริตในการจัดจ้างก่อสร้าง ตึก สตง. รวมไปถึงประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องในสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจาก "สงครามภาษีตอบโต้-สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐฯ และจีน คุณสนธิจะมีความเห็นอย่างไรในเรื่องเหล่านี้ โปรดติดตามโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=m48RVoO4-Ts . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #สงครามการค้า #สงครามภาษี
    Love
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 278 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1)
    .
    ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน
    .
    ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
    .
    อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย
    .
    ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า
    .
    ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด
    .
    สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น.
    .
    ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1) . ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน . ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย . อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย . ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า . ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน . นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด . สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น. . ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 Comments 0 Shares 516 Views 0 Reviews
  • Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้

    ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา
    - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini

    ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน

    ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา
    - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี
    - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ
    - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้

    ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่
    - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI
    - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ
    - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว
    - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ
    - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม
    - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    Grok ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ xAI กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเพิ่มฟีเจอร์ "Personalise with Memories" ซึ่งช่วยให้สามารถจดจำบทสนทนาและอ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยก่อนหน้าได้ ✅ Grok เพิ่มระบบความจำสำหรับการสนทนา - ระบบความจำช่วยให้ Grok สามารถ อ้างอิงบทสนทนาเก่า เช่น การวางแผนท่องเที่ยวหรือการเขียนบทภาพยนตร์ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Grok มีความสามารถใกล้เคียงกับ ChatGPT และ Google Gemini ✅ การควบคุมความจำของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถ จัดการข้อมูลที่ Grok จำได้ และลบความจำเฉพาะรายการหรือทั้งหมดได้ - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน ✅ การพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังจะมา - Grok 3.5 คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และ Grok 4 จะเปิดตัวช่วงปลายปี - มีการพัฒนา โหมดเสียง ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องมือถือ - ฟีเจอร์ แก้ไขภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและปรับแต่งสไตล์ได้ ✅ Grok Workspaces: ระบบไวท์บอร์ดดิจิทัล - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานร่วมกับ Grok ในโครงการขนาดใหญ่ - ออกแบบมาเพื่อให้ Grok เป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ความท้าทายของระบบความจำ AI - แม้ Grok จะสามารถจดจำข้อมูลได้ แต่ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ระบบความจำต้องมีการควบคุมเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ℹ️ การแข่งขันกับ AI อื่นๆ - ChatGPT และ Gemini ต่างก็มีระบบความจำที่พัฒนาไปไกลแล้ว - ต้องติดตามว่า Grok จะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่มีความสามารถด้านความจำ - AI ที่สามารถจดจำข้อมูลและบริหารจัดการความจำได้ดีขึ้น อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถ จดจำข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/grok-will-start-remembering-everything-you-ask-it-to-do
    WWW.TECHRADAR.COM
    Grok may start remembering everything you ask it to do, according to new reports
    xAI doesn't want ChatGPT or Gemini to be ahead on any AI feature
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการขยายการรองรับ Windows on Arm runners ใน GitHub Actions สำหรับ ทุก public repository ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ Microsoft ในการสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม Arm

    ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2022 Microsoft เปิดตัว self-hosted runners สำหรับ Windows on Arm ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดสอบและสร้างซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ที่ใช้ Arm-based Windows ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานเอง จากนั้นในปี 2024 GitHub ได้เปิดตัว public beta สำหรับ Arm-based Linux และ Windows runners และในเดือนกันยายน 2024 ฟีเจอร์นี้ก็ได้รับการเปิดให้ใช้งานทั่วไป

    ล่าสุด Microsoft ได้ประกาศขยายการรองรับ Windows on Arm runners ไปยัง ทุก public repository รวมถึงบัญชีที่ใช้ GitHub Free tier ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ Arm runners ได้โดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

    Windows on Arm กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะจากนักพัฒนา เนื่องจาก Microsoft ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงเครื่องมือสำหรับ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Qualcomm

    ✅ การขยายการรองรับ Windows on Arm runners
    - Microsoft เปิดให้ใช้งาน Windows on Arm runners ในทุก public repository
    - รวมถึงบัญชีที่ใช้ GitHub Free tier

    ✅ ประโยชน์ของการใช้ Arm runners
    - ช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดสอบและสร้างซอฟต์แวร์บน Arm-based Windows ได้ง่ายขึ้น
    - ไม่ต้องตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานเอง

    ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน Windows on Arm
    - Microsoft ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Qualcomm
    - Windows on Arm ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักพัฒนา

    ℹ️ ข้อจำกัดของ Windows on Arm runners
    - นักพัฒนาอาจต้องปรับแต่ง workflow เพื่อรองรับ Arm architecture
    - การใช้งานบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์เท่ากับแพลตฟอร์ม x86

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
    - การขยายการรองรับ Arm อาจช่วยให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น
    - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสถาปัตยกรรม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-brings-windows-on-arm-runner-support-to-github-actions-for-all-public-repositories/
    ข่าวนี้เล่าถึงการขยายการรองรับ Windows on Arm runners ใน GitHub Actions สำหรับ ทุก public repository ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของ Microsoft ในการสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม Arm ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2022 Microsoft เปิดตัว self-hosted runners สำหรับ Windows on Arm ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดสอบและสร้างซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ที่ใช้ Arm-based Windows ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานเอง จากนั้นในปี 2024 GitHub ได้เปิดตัว public beta สำหรับ Arm-based Linux และ Windows runners และในเดือนกันยายน 2024 ฟีเจอร์นี้ก็ได้รับการเปิดให้ใช้งานทั่วไป ล่าสุด Microsoft ได้ประกาศขยายการรองรับ Windows on Arm runners ไปยัง ทุก public repository รวมถึงบัญชีที่ใช้ GitHub Free tier ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ Arm runners ได้โดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม Windows on Arm กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะจากนักพัฒนา เนื่องจาก Microsoft ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงเครื่องมือสำหรับ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Qualcomm ✅ การขยายการรองรับ Windows on Arm runners - Microsoft เปิดให้ใช้งาน Windows on Arm runners ในทุก public repository - รวมถึงบัญชีที่ใช้ GitHub Free tier ✅ ประโยชน์ของการใช้ Arm runners - ช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดสอบและสร้างซอฟต์แวร์บน Arm-based Windows ได้ง่ายขึ้น - ไม่ต้องตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานเอง ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน Windows on Arm - Microsoft ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับ Copilot+ PCs ที่ใช้ชิป Qualcomm - Windows on Arm ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักพัฒนา ℹ️ ข้อจำกัดของ Windows on Arm runners - นักพัฒนาอาจต้องปรับแต่ง workflow เพื่อรองรับ Arm architecture - การใช้งานบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์เท่ากับแพลตฟอร์ม x86 ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ - การขยายการรองรับ Arm อาจช่วยให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น - นักพัฒนาอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสถาปัตยกรรม https://www.neowin.net/news/microsoft-brings-windows-on-arm-runner-support-to-github-actions-for-all-public-repositories/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft brings Windows on Arm runner support to GitHub Actions for all public repositories
    Developers can now finally integrate Windows on Arm runners into their CI workflows across all public GitHub repositories.
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1
    .
    ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ
    .
    Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร
    .
    หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย”
    .
    เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า
    .
    ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน
    .
    Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน
    .
    ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง
    .
    เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน
    .
    ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ
    .
    ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์
    .
    ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ
    .
    หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ
    .
    จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA)
    .
    ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด
    .
    ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์
    .
    ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป
    .
    หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม

    อ้างอิง :
    • มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/
    • วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140
    • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/
    • ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/
    • Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers
    By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=42108
    Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนที่ 1 . ฉากทัศน์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ต่างมากนักกับหนังเรื่อง Blood Diamond ที่สร้างจากเรื่องจริงที่ที่แอฟริกา ว่าด้วยการด้านมืดของทำเหมืองเพชร ฉายในปีค.ศ. 2006 ดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ แสดงคู่กับ โซโลมอน แวนดี้ ชาวประมงผู้ถูกจับตัวไปเป็นแรงงานในเหมืองเพชรของกลุ่มกบฏ . Blood Diamond ในเรื่องถือเป็นขุมทรัพย์ของกลุ่มกบฏ กระบวนการคือการกดขี่แรงงาน สังหารชาวบ้าน ที่ต่อต้าน ล้างสมองใช้แรงงานเด็กถืออาวุธเคี่ยวเข่น ฟอกเงินจากขายเพชรไปซื้ออาวุธ เสริมสร้างกองทัพ การค้าอาวุธและของเถื่อน เรียกว่าเถื่อนครบวงจร . หลังจากน้ำท่วมแม่สายอย่างสาหัส ด้วยมวลขุ่นชี้โคลนมหาศาลโถมทับพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สาย ท่าขี้เหล็ก ทางมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (Shan Human Rights Foundation ; SHRF) ได้เปิดผลการศึกษา ว่าด้วย “การขยายตัวของเหมืองแร่ในรัฐฉาน เมียนมา กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในเมียนมาและไทย” . เสียงสะท้อนจากเรื่องนี้ดังมาจากฝั่งเมียนมาร์ถือเป็นครั้งแรกห้วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากโคลนคือการได้รับของแถมคือ สารหนู นิเกิลและสังกะสีปนเปื้อนในระดับสูง โดยระดับปนเปื้อนของสังกะสีในแม่น้ำสายสูงงกว่าระดับปลอดภัยถึง 18 เท่า . ประเด็นชี้เป้าไปที่ 4 พื้นที่หลักภายใต้การคือ การขยายตัวของเหมืองทองคำด้านตะวันออกของเมืองสาด รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ริมฝั่งแม่น้ำกก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำรวก รัฐฉาน การทำเหมืองแร่ตามริมฝั่งน้ำเลน รัฐฉาน . Deep State ที่ตัวแสดงหลักคือกองทัพสหรัฐว้า United Wa State Army ทำขอตกลงกับรัฐบาลเมียนมาคือ เขตปกครองพิเศษที่ 2 มีพื้นที่อิทธิพลในเขตเปกครองตนเองว้า ภาคเหนือติดชายแดนจีน และทางภาคใต้-ตะวันออกของรัฐฉาน ติดกับประเทศไทย และการพันลึกกับจีน . ปมปัญหามลพิษทางน้ำข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาร์ ประเด็นร้อนล่าสุดที่ผลกระทบได้ขยายวงแผ่ไปตามกระแสน้ำที่มีมลพิษจากการทำเหมืองทองคำเป็นต้นเหตุหลักในพื้นที่รัฐฉาน ที่ไหลลงแม่น้ำลัดเลาะลงอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดเชียงราย ลงแม่น้ำโขง . เรื่องนี้มีความน่าสนใจเชิงทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีทุนจีนเข้ามาโอบล้อมภาคเหนือของไทยสูบแร่ ที่คิดว่าไม่ใช่เฉพาะทองคำ แต่จะกินไปถึงถ่านหิน และแมงกานีส เป็นอุตสาหกรรมที่มีความลึกลับซับซ้อนเป็นทองคำสีเลือดที่สร้างผลกระทบชีวิตคนลุ่มแม่น้ำโขง สุขภาพตายผ่อนส่ง ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ยังไม่รวมเรื่องฝุ่นควันข้ามแดนจากการบายพาสสินค้าไปตลาดจีน คาสิโน บ่อนที่ประชิดชายแดนไทย ทั้งพม่าและคิงส์โรมัน . ทั้งหมดล้วนพัวพันเป็นเนื้อเดียวที่ส่งสัญญาณอนาคตประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มนํ้าสาละวิน กก สาย และอิง ไม่รวมแม่น้ำสาขา น้ำแม่ฝาง น้ำแม่ลาว และน้ำแม่สรวย กำลังเผชิญวิกฤติที่ลุกลามเป็นกินพื้นที่ภาคเหนือ . ต้องยอมรับว่าการ Reaction ของรัฐไทยช้า และไม่มีพลังที่จะชน Deep State ประเทศเพื่อนบ้าน ภาพปรากฎเป็นการตั้งรับเกือบ 100% และไม่ทันการณ์ . ความอ่อนแอเชิงพื้นที่ที่ได้ถูกกัดกร่อน ทำให้พลังการแสดงออกของพื้นที่เชียงรายอ่อนแรง ทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน มิได้ส่งเสียงส่งพลังให้เกิดการมีปฏิกิริยาเชิงรุกกับรัฐบาลไทยเพื่อปกป้องผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของภาคเหนือ . หากประมวลมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของไทย นอกจากการเกาะติดของสื่อ ก็จะมีข้อเรียกร้องทางให้เปิดโต๊ะเจรจาจีน-เมียนมา-ว้า ประสานพี่ใหญ่จีนด้วยที่มีบริษัทจีนส่วนใหญ่เข้าไปสัมปทาน ทั้งรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ร่วมกันหาทางออกทั้งการยุติการทำเหมืองทอง หรือการควบคุมการปล่อยสารพิษลงแม่น้ำ . จังหวัดเชียงรายต้องทำฉากทัศน์ (Scenarios) หลายระดับ 1.ในช่วง 5 ปี หน้าดินที่เสื่อมสลายไป จะทำอย่างไรในเรื่องตะกอน น้ำท่วม และสารพิษในแม่น้ำ 2.ในช่วง 10 ปีข้างหน้า หากเหมืองทองขยายตัวมากกว่านี้ ขยายเหมือนไร่ข้าวโพดในเมียนมา จะมีการบริหารจัดการอย่างไร 3.ประเด็นการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) . ก่อนหน้านี้กลางเดือนมีนาคมมีการรวมตัวของชุมชน 700 คน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ปกป้องแม่น้ำกก ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำบนต้นน้ำกกที่ห่างจากชายแดนไทยไป 30 กิโลเมตรทางทิศใต้ของเมืองสาด ที่ดำเนินขุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่าตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา การขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด . ในแถลงการณ์ระบุว่ามีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง มีซับคอนแทรกอีก 20 ราย มีพนักงานมากกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน บริษัทเหล่านี้ทำเหมืองบนเนินเขาและริมฝั่งแม่น้ำกก รวมถึงการใช้เรือขุดทองและสกัดบนแม่น้ำกกโดยตรง ทำให้ชาวบ้านไม่มั่นใจการบริโภคในครัวเรือน และทำให้ปลาแทบสูญพันธุ์ . ล่าสุดมีการขยับของ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกหนังสือไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Committee Secretariat: MRCS) เสนอจัดตั้ง “กลไกความร่วมมือทวิภาคี” สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยมี MRCS ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งต้องติดตามต่อไป . หลังจากการเปิดฉากเรื่อง Blood Gold เหมืองทองคำสีเลือดแห่งลุ่มน้ำโขง ตอนต่อไปคือการเจาะลึกการขยายอุตสาหกรรมเหมืองทองคำในลุ่มแม่น้ำโขงในเงื้อมมือทุนจีน การเล่นแร่แปรธาตุสู่อาวุธ บ่อน และสงคราม ไปจนทางถึง Supply Chain การเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเหมืองในลุ่มแม่น้ำโขง ผลประโยชน์ขนาดไหน ความสูญเสียของคนลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคตภายใต้ความเสี่ยงของมลพิษข้ามแดนจะวิกฤติอย่างไร มีทางออกอย่างไรโปรดติดตาม อ้างอิง : • มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ https://shanhumanrights.org/ • วิกฤตสารหนู ‘แม่น้ำกก’ จี้รัฐถก 3 ชาติ ป้องเศรษฐกิจเชียงรายพัง https://www.prachachat.net/local-economy/news-1792140 • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 https://www.facebook.com/share/p/1D8ZwWYsN1/ • ไทยกับว้าแดง https://www.facebook.com/share/p/15KvYRaDH1/ • Toxic Waters, Dysfunctional States The Destruction of the Kok and Sai Rivers By Paskorn Jumlongrach https://transbordernews.in.th/home/?p=42108
    0 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้

    Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR

    นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้

    ✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse
    - Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
    - สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024

    ✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์
    - การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR
    - ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์

    ✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs
    - รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
    - ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ
    - การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
    - ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง
    - Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด
    - การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.html
    ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายของ Meta ในการพัฒนาโครงการ Metaverse ซึ่งใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ Meta ซึ่งนำโดย Mark Zuckerberg ได้เปลี่ยนชื่อจาก Facebook เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนา Metaverse แต่โครงการนี้กลับกลายเป็นปัญหาทางการเงินที่ใหญ่หลวง โดยมีการสูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการบริหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR นอกจากนี้ รายได้ประจำปีของ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ Metaverse ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอและการไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ✅ การลงทุนในโครงการ Metaverse - Meta ใช้เงินลงทุนกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา - สูญเสียเงินถึง 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และอีก 3.8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 ✅ ปัญหาด้านการบริหารและกลยุทธ์ - การแต่งตั้งผู้บริหารที่ไม่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR - ขาดความชัดเจนในกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ✅ ผลกระทบต่อรายได้ของ Reality Labs - รายได้ประจำปีลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021 - ยอดขายอ่อนแอและไม่สามารถเข้าถึงตลาดหลักได้ ℹ️ ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนของโครงการ - การสูญเสียเงินจำนวนมากอาจทำให้โครงการ Metaverse ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ - ความล้มเหลวในการเข้าถึงตลาดหลักอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับปรุง - Meta ควรพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนและตอบสนองความต้องการของตลาด - การแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในด้าน AR และ VR เป็นสิ่งสำคัญ https://www.techspot.com/news/107530-four-years-meta-has-burned-through-45-billion.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Four years in, Meta has burned through $45 billion chasing its metaverse dream
    Insiders say the metaverse project has become a financial sinkhole, consuming $45 billion by early 2025. That's nearly equal to the combined market caps of social media...
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ” ย้ำไม่มีอุปสรรค แม้กู้ภัยภาคเอกชนบางส่วนเริ่มถอนตัว ชี้ทีมรัฐยังเดินหน้าค้นหาผู้ประสบภัยเต็มกำลัง พบหลักฐานบ่งชี้มีแรงงานจำนวนมากติดค้างอยู่บริเวณชั้น 24-29 ของซากอาคาร สตง. เร่งใช้เครื่องจักรหนัก-โดรนค้นหาต่อเนื่อง หวังเจอผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมใน 1-2 วันนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000035444

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    ผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ” ย้ำไม่มีอุปสรรค แม้กู้ภัยภาคเอกชนบางส่วนเริ่มถอนตัว ชี้ทีมรัฐยังเดินหน้าค้นหาผู้ประสบภัยเต็มกำลัง พบหลักฐานบ่งชี้มีแรงงานจำนวนมากติดค้างอยู่บริเวณชั้น 24-29 ของซากอาคาร สตง. เร่งใช้เครื่องจักรหนัก-โดรนค้นหาต่อเนื่อง หวังเจอผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมใน 1-2 วันนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000035444 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
More Results