• จุดจบวัฒนธรรมพิการ ศาลสั่งประหาร! “อั้ม-อนาวิน แก้วเก็บ” มือยิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด”

    ✍️ จากวัฒนธรรมรับน้องผิดเพี้ยน สู่บทสรุปคดีสะเทือนขวัญ วัยรุ่นไทยควรได้บทเรียนอะไร จากโศกนาฏกรรมนี้? ศาลสั่งประหาร “อั้ม-อนาวิน” คดียิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” สะเทือนใจทั้งประเทศ จุดจบวัฒนธรรมพิการต้องจบที่รุ่นเรา เหยื่อบริสุทธิ์จากวัฒนธรรมรับน้องผิดๆ จุดเริ่มต้นของการล้มล้างความรุนแรง แฝงในระบบการศึกษาไทย

    🔵 ความสูญเสียที่ต้องไม่สูญเปล่า วันที่ 28 มีนาคม 2568 กลายเป็นวันที่หลายคนจดจำ เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาชั้นต้นให้ “ประหารชีวิตนายอนาวิน แก้วเก็บ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อั้ม” มือยิงผู้บริสุทธิ์สองราย ได้แก่ “ครูเจี๊ยบ” และ “น้องหยอด” จากเหตุการณ์เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2566

    เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ “คดีฆาตกรรม” แต่สะท้อนปัญหาฝังลึกในสังคม คือ “วัฒนธรรมรับน้องอันรุนแรง” ที่ปลูกฝังความเชื่อผิดๆ และส่งต่อกันมาโดยไร้การตรวจสอบ ❌

    🔴 “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีวันกลับมา คดีเริ่มต้นจากความตั้งใจของกลุ่มอดีตเด็กช่าง ที่ต้องการ “สร้างผลงาน” เพื่อไปอวดในวันรับน้องของสถาบันแห่งหนึ่ง โดยนายอนาวิน วางแผนมาก่อนแล้วว่า จะก่อเหตุในวันที่ 11 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันก่อนวันรับน้อง 1 วัน

    📍 สถานที่เกิดเหตุ หน้าธนาคาร TTB สาขาคลองเตย ใจกลางกรุงเทพฯ

    🔫 เหยื่อ
    - นางสาวศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ อายุ 45 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนเวนต์
    - นายธนสรณ์ ห้องสวัสดิ์ หรือน้องหยอด อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย

    การยิงเกิดจาก “กระสุนพลาดเป้า” ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะยิงน้องหยอด แต่กลับทำให้ครูเจี๊ยบเสียชีวิตทันที 😢

    🟠 บทเรียนจากการล่า 24 ผู้ต้องหา ปฏิบัติการ “ปิดเมือง” หลังเกิดเหตุ ตำรวจเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ “ปิดเมืองล่ามือยิง” ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ใช้เวลากว่า 1 เดือน กว่าจะจับตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 24 คนจาก 26 หมายจับ 💣

    🔍 ตรวจสอบกล้องวงจรกว่า 1,000 ตัว
    🚔 ปิดล้อม 14 จุดทั่วกรุงและปริมณฑล
    🔫 ตรวจสอบกลุ่มแชตลับ 103 คน มีแผนฆ่า มีระบบดูแลคนใน
    📱 ใช้ไลน์กลุ่มลับ 84 คน วางแผนคล้าย "องค์กรอาชญากรรม"

    หนึ่งในตำรวจสืบสวนเล่าว่า การไล่ล่าครั้งนี้ “ยิ่งกว่านิยายไล่ล่าตี๋ใหญ่” เพราะผู้ต้องหาหนีอย่างแนบเนียน เปลี่ยนสีรถ, เปลี่ยนทะเบียน, เปลี่ยนเสื้อผ้า, วางจุดลวงสับสนเจ้าหน้าที่

    🟡 จุดแตกหัก จับกุม “อั้ม-อนาวิน” บนดอยปุย 🎯 หลังไล่ล่าจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ตำรวจไล่ติดตามจนกระทั่งพบตัว “อนาวิน” พร้อม “กฤติ” เพื่อนร่วมขบวนการ ที่กำลังนอนอยู่ในเต็นท์บนดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเช้าของวันที่ 19 ธันวาคม 2566

    👮‍♂️ ตำรวจคุกเข่าร้องไห้ด้วยความดีใจ หลังจากตามล่ามา 1 เดือนเต็ม 🥹

    🟢 ศาลตัดสิน “ประหารชีวิต” เพื่อยุติวัฏจักร วันที่ 28 มีนาคม 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา “ประหารชีวิตนายอนาวิน แก้วเก็บ” พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 ล้านบาท

    👉 ความผิดตามกฎหมาย
    - ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
    - มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ยิงปืนในที่ชุมชน
    - สมคบก่ออาชญากรรม

    🔵 วัฒนธรรมรับน้อง = จุดเริ่มของโศกนาฏกรรม จากการสอบปากคำ “อั้ม-อนาวิน” ยอมรับว่า ต้องการสร้าง “ผลงาน” เพื่อเอาไปโชว์ในวันรับน้อง ซึ่งมาจากการปลูกฝังของรุ่นพี่ 💣

    พร้อมมีการพูดคุยผ่านไลน์กลุ่มลับว่า “ใครฆ่าอริได้ จะเป็นฮีโร่ของกลุ่ม”

    “ขอแสดงความยินดีกับน้อง ช.ก... ที่พาน้องไปเกิดได้อย่างสมศักดิ์ศรีช่างกล” นี่คือคำพูดในแชตลับที่ชวนให้ขนลุก 😨
    มันไม่ใช่แค่ “การแกล้ง” หรือ “กิจกรรมรุ่นพี่-รุ่นน้อง” อีกต่อไป แต่เป็นการหล่อหลอมความรุนแรง

    🔴 จุดจบของ “วัฒนธรรมพิการ” ต้องจบที่รุ่นเรา คดีนี้เป็น ภาพสะท้อนของปัญหาสังคมไทย ที่สั่งสมมานาน
    วัฒนธรรมรับน้องที่ขาดจรรยาบรรณ สร้างเงื่อนไขของการยอมรับผ่านความรุนแรง อวดอำนาจเหนือผู้อื่น

    🧠 คำถามที่ต้องถามคือ...

    👉 วัฒนธรรมที่ต้องมีคนตาย ถึงจะได้รับการยอมรับ เราจะยังเรียกมันว่า “วัฒนธรรม” ได้อีกหรือ?

    🟣 บทสรุป ความยุติธรรม และภารกิจต่อไปของสังคม คดีนี้ไม่เพียงปิดฉากด้วย “คำสั่งประหารชีวิต” แต่มันคือเสียงร้องของสังคมที่ว่า…

    🔊 ถึงเวลา “ล้มล้างวัฒนธรรมพิการ”
    🔊 ถึงเวลาทบทวนระบบสถาบัน ที่หล่อหลอมความรุนแรงให้เป็นเรื่องปกติ
    🔊 ถึงเวลาสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281803 มี.ค. 2568

    📢 #จุดจบวัฒนธรรมพิการ #คดีครูเจี๊ยบ #น้องหยอดอุเทน #อนาวินแก้วเก็บ #ประหารชีวิต #อาชญากรรมไทย #ยิงกลางกรุง #รับน้องผิดๆ #ยุติธรรมไทย #ตำรวจไทยไล่ล่า
    จุดจบวัฒนธรรมพิการ ศาลสั่งประหาร! “อั้ม-อนาวิน แก้วเก็บ” มือยิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ✍️ จากวัฒนธรรมรับน้องผิดเพี้ยน สู่บทสรุปคดีสะเทือนขวัญ วัยรุ่นไทยควรได้บทเรียนอะไร จากโศกนาฏกรรมนี้? ศาลสั่งประหาร “อั้ม-อนาวิน” คดียิง “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” สะเทือนใจทั้งประเทศ จุดจบวัฒนธรรมพิการต้องจบที่รุ่นเรา เหยื่อบริสุทธิ์จากวัฒนธรรมรับน้องผิดๆ จุดเริ่มต้นของการล้มล้างความรุนแรง แฝงในระบบการศึกษาไทย 🔵 ความสูญเสียที่ต้องไม่สูญเปล่า วันที่ 28 มีนาคม 2568 กลายเป็นวันที่หลายคนจดจำ เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาชั้นต้นให้ “ประหารชีวิตนายอนาวิน แก้วเก็บ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อั้ม” มือยิงผู้บริสุทธิ์สองราย ได้แก่ “ครูเจี๊ยบ” และ “น้องหยอด” จากเหตุการณ์เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2566 เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ “คดีฆาตกรรม” แต่สะท้อนปัญหาฝังลึกในสังคม คือ “วัฒนธรรมรับน้องอันรุนแรง” ที่ปลูกฝังความเชื่อผิดๆ และส่งต่อกันมาโดยไร้การตรวจสอบ ❌ 🔴 “ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด” ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีวันกลับมา คดีเริ่มต้นจากความตั้งใจของกลุ่มอดีตเด็กช่าง ที่ต้องการ “สร้างผลงาน” เพื่อไปอวดในวันรับน้องของสถาบันแห่งหนึ่ง โดยนายอนาวิน วางแผนมาก่อนแล้วว่า จะก่อเหตุในวันที่ 11 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันก่อนวันรับน้อง 1 วัน 📍 สถานที่เกิดเหตุ หน้าธนาคาร TTB สาขาคลองเตย ใจกลางกรุงเทพฯ 🔫 เหยื่อ - นางสาวศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ อายุ 45 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนเวนต์ - นายธนสรณ์ ห้องสวัสดิ์ หรือน้องหยอด อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย การยิงเกิดจาก “กระสุนพลาดเป้า” ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะยิงน้องหยอด แต่กลับทำให้ครูเจี๊ยบเสียชีวิตทันที 😢 🟠 บทเรียนจากการล่า 24 ผู้ต้องหา ปฏิบัติการ “ปิดเมือง” หลังเกิดเหตุ ตำรวจเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ “ปิดเมืองล่ามือยิง” ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ใช้เวลากว่า 1 เดือน กว่าจะจับตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 24 คนจาก 26 หมายจับ 💣 🔍 ตรวจสอบกล้องวงจรกว่า 1,000 ตัว 🚔 ปิดล้อม 14 จุดทั่วกรุงและปริมณฑล 🔫 ตรวจสอบกลุ่มแชตลับ 103 คน มีแผนฆ่า มีระบบดูแลคนใน 📱 ใช้ไลน์กลุ่มลับ 84 คน วางแผนคล้าย "องค์กรอาชญากรรม" หนึ่งในตำรวจสืบสวนเล่าว่า การไล่ล่าครั้งนี้ “ยิ่งกว่านิยายไล่ล่าตี๋ใหญ่” เพราะผู้ต้องหาหนีอย่างแนบเนียน เปลี่ยนสีรถ, เปลี่ยนทะเบียน, เปลี่ยนเสื้อผ้า, วางจุดลวงสับสนเจ้าหน้าที่ 🟡 จุดแตกหัก จับกุม “อั้ม-อนาวิน” บนดอยปุย 🎯 หลังไล่ล่าจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ตำรวจไล่ติดตามจนกระทั่งพบตัว “อนาวิน” พร้อม “กฤติ” เพื่อนร่วมขบวนการ ที่กำลังนอนอยู่ในเต็นท์บนดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเช้าของวันที่ 19 ธันวาคม 2566 👮‍♂️ ตำรวจคุกเข่าร้องไห้ด้วยความดีใจ หลังจากตามล่ามา 1 เดือนเต็ม 🥹 🟢 ศาลตัดสิน “ประหารชีวิต” เพื่อยุติวัฏจักร วันที่ 28 มีนาคม 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา “ประหารชีวิตนายอนาวิน แก้วเก็บ” พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 ล้านบาท 👉 ความผิดตามกฎหมาย - ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน - มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต - ยิงปืนในที่ชุมชน - สมคบก่ออาชญากรรม 🔵 วัฒนธรรมรับน้อง = จุดเริ่มของโศกนาฏกรรม จากการสอบปากคำ “อั้ม-อนาวิน” ยอมรับว่า ต้องการสร้าง “ผลงาน” เพื่อเอาไปโชว์ในวันรับน้อง ซึ่งมาจากการปลูกฝังของรุ่นพี่ 💣 พร้อมมีการพูดคุยผ่านไลน์กลุ่มลับว่า “ใครฆ่าอริได้ จะเป็นฮีโร่ของกลุ่ม” “ขอแสดงความยินดีกับน้อง ช.ก... ที่พาน้องไปเกิดได้อย่างสมศักดิ์ศรีช่างกล” นี่คือคำพูดในแชตลับที่ชวนให้ขนลุก 😨 มันไม่ใช่แค่ “การแกล้ง” หรือ “กิจกรรมรุ่นพี่-รุ่นน้อง” อีกต่อไป แต่เป็นการหล่อหลอมความรุนแรง 🔴 จุดจบของ “วัฒนธรรมพิการ” ต้องจบที่รุ่นเรา คดีนี้เป็น ภาพสะท้อนของปัญหาสังคมไทย ที่สั่งสมมานาน วัฒนธรรมรับน้องที่ขาดจรรยาบรรณ สร้างเงื่อนไขของการยอมรับผ่านความรุนแรง อวดอำนาจเหนือผู้อื่น 🧠 คำถามที่ต้องถามคือ... 👉 วัฒนธรรมที่ต้องมีคนตาย ถึงจะได้รับการยอมรับ เราจะยังเรียกมันว่า “วัฒนธรรม” ได้อีกหรือ? 🟣 บทสรุป ความยุติธรรม และภารกิจต่อไปของสังคม คดีนี้ไม่เพียงปิดฉากด้วย “คำสั่งประหารชีวิต” แต่มันคือเสียงร้องของสังคมที่ว่า… 🔊 ถึงเวลา “ล้มล้างวัฒนธรรมพิการ” 🔊 ถึงเวลาทบทวนระบบสถาบัน ที่หล่อหลอมความรุนแรงให้เป็นเรื่องปกติ 🔊 ถึงเวลาสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281803 มี.ค. 2568 📢 #จุดจบวัฒนธรรมพิการ #คดีครูเจี๊ยบ #น้องหยอดอุเทน #อนาวินแก้วเก็บ #ประหารชีวิต #อาชญากรรมไทย #ยิงกลางกรุง #รับน้องผิดๆ #ยุติธรรมไทย #ตำรวจไทยไล่ล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระแก้ว กรุฮอด...เชียงใหม่ เป็นพระแกะจาก หิน (แร่) มีหลายสี..ใส เหลือง..และอื่นๆ หิน (แร่) ชนิดนี้มีมากใน จังหวัดทางภาคเหนือ...งานหินแกะ...มีหลายยุค (ในกรณีหินแท้แกะ) เคยถามผู้รู้รุ่นเก่า..เขาใช้คำว่า ให้ดู พุทธศิลป์ แบบเดียวกับ พระแก้วมรกต หรือ ศิลปะล้านช้าง ล้านนา...ถ้าผิดศิลปะ ก็คือ ผิดยุค...อีกกรณีคือ แก้ว หรือ เรซิ่นเลย...ซึ่งเก๊อีกแบบ...ส่องดูในเนื้อ...ถ้ามี ฟองอากาศ...ก็ไม่ใช่หิน.... (ในภาพยุคหลังของใหม่)
    พระแก้ว กรุฮอด...เชียงใหม่ เป็นพระแกะจาก หิน (แร่) มีหลายสี..ใส เหลือง..และอื่นๆ หิน (แร่) ชนิดนี้มีมากใน จังหวัดทางภาคเหนือ...งานหินแกะ...มีหลายยุค (ในกรณีหินแท้แกะ) เคยถามผู้รู้รุ่นเก่า..เขาใช้คำว่า ให้ดู พุทธศิลป์ แบบเดียวกับ พระแก้วมรกต หรือ ศิลปะล้านช้าง ล้านนา...ถ้าผิดศิลปะ ก็คือ ผิดยุค...อีกกรณีคือ แก้ว หรือ เรซิ่นเลย...ซึ่งเก๊อีกแบบ...ส่องดูในเนื้อ...ถ้ามี ฟองอากาศ...ก็ไม่ใช่หิน.... (ในภาพยุคหลังของใหม่)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนที่คอยยังคงคอยอยู่อย่างนั้น
    คนที่ฝันยังคงฝันคะนึงถึง
    คนที่เพ้อยังคงเพ้อยังรำพึง
    คนที่ซึ้งยังอยากซึ้งอีกสักครั้ง
    คนที่รักยังคงรักอยู่อย่างนั้น
    คนที่หวั่นยังคงหวั่นในความหวัง
    คนที่ท้อยังคงท้อทุกข์เสียจัง
    คนที่นั่งยังคงนั่งไม่ยอมนอน
    คนหลายคนคอยรักเธอคิดถึงเธอ
    คนหลายคนถึงคอยเก้อก็คอยก่อน
    คนหลายคนมาคอยเว้ามาคอยวอน
    คนหลายคนต้องรุ่มร้อนเพราะรักเธอ
    คนไม่จริงไม่เคยจริงไม่เคยจริง
    คนกลอกกลิ้งก็กลอกกลิ้งอยู่เสมอ
    คนหลอกลวงช่างหลอกลวงเสียจริงเออ
    คนแบบเธอนั่นแหละเธอคนแบบนั้น
    คนอะไรช่างกระไรช่างใจร้าย
    คนจะตายเจ็บจะตายก็คือฉัน
    หลงรักเธอเผลอใจห้ามไม่ทัน
    อยู่กับฝันลมลมอย่างตรมตรอม
    คนที่คอยยังคงคอยอยู่อย่างนั้น คนที่ฝันยังคงฝันคะนึงถึง คนที่เพ้อยังคงเพ้อยังรำพึง คนที่ซึ้งยังอยากซึ้งอีกสักครั้ง คนที่รักยังคงรักอยู่อย่างนั้น คนที่หวั่นยังคงหวั่นในความหวัง คนที่ท้อยังคงท้อทุกข์เสียจัง คนที่นั่งยังคงนั่งไม่ยอมนอน คนหลายคนคอยรักเธอคิดถึงเธอ คนหลายคนถึงคอยเก้อก็คอยก่อน คนหลายคนมาคอยเว้ามาคอยวอน คนหลายคนต้องรุ่มร้อนเพราะรักเธอ คนไม่จริงไม่เคยจริงไม่เคยจริง คนกลอกกลิ้งก็กลอกกลิ้งอยู่เสมอ คนหลอกลวงช่างหลอกลวงเสียจริงเออ คนแบบเธอนั่นแหละเธอคนแบบนั้น คนอะไรช่างกระไรช่างใจร้าย คนจะตายเจ็บจะตายก็คือฉัน หลงรักเธอเผลอใจห้ามไม่ทัน อยู่กับฝันลมลมอย่างตรมตรอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28/3/68

    เวนิส: เมืองที่ลอยอยู่บนป่าจมใต้น้ำ 🌊🌳

    ตั้งแต่ปี ค.ศ. 421 เวนิสได้ยืนหยัดอยู่บนเสาไม้หลายล้านต้นที่ปักลงไปในดินเหนียวของทะเลสาบ ไม่ใช่เหล็กหรือคอนกรีต แต่เป็นไม้แอลเดอร์เป็นส่วนใหญ่ และไม้โอ๊คบางส่วน ที่รองรับทั้งเมืองเอาไว้

    ในน้ำเค็ม เสาไม้เหล่านี้ค่อยๆ แข็งตัวจนกลายเป็นหิน หอระฆังเซนต์มาร์กเพียงแห่งเดียวใช้เสาไม้ถึง 100,000 ต้น

    ในขณะที่มหาวิหารซานตามาเรียเดลลา ซาลูเต ต้องใช้เสาไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้น

    ช่างสมัยโบราณได้ตอกเสาเหล่านี้ลงไปในพื้นดิน สร้างเป็นป่าจมใต้น้ำอย่างแท้จริง

    โครงสร้างพิเศษนี้มีความลึกถึง 3 เมตร โดยเสาแต่ละต้นถูกปักห่างกันเพียง ครึ่งเมตร ที่ระดับความลึก 1.6 เมตร ใต้แนวน้ำ

    ผลงานชิ้นเอกของวิศวกรรมยุคกลางนี้ยังคงรองรับหนึ่งในเมืองที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกมานานกว่า 1,500 ปี 🏛️⚒️
    28/3/68 เวนิส: เมืองที่ลอยอยู่บนป่าจมใต้น้ำ 🌊🌳 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 421 เวนิสได้ยืนหยัดอยู่บนเสาไม้หลายล้านต้นที่ปักลงไปในดินเหนียวของทะเลสาบ ไม่ใช่เหล็กหรือคอนกรีต แต่เป็นไม้แอลเดอร์เป็นส่วนใหญ่ และไม้โอ๊คบางส่วน ที่รองรับทั้งเมืองเอาไว้ ในน้ำเค็ม เสาไม้เหล่านี้ค่อยๆ แข็งตัวจนกลายเป็นหิน หอระฆังเซนต์มาร์กเพียงแห่งเดียวใช้เสาไม้ถึง 100,000 ต้น ในขณะที่มหาวิหารซานตามาเรียเดลลา ซาลูเต ต้องใช้เสาไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้น ช่างสมัยโบราณได้ตอกเสาเหล่านี้ลงไปในพื้นดิน สร้างเป็นป่าจมใต้น้ำอย่างแท้จริง โครงสร้างพิเศษนี้มีความลึกถึง 3 เมตร โดยเสาแต่ละต้นถูกปักห่างกันเพียง ครึ่งเมตร ที่ระดับความลึก 1.6 เมตร ใต้แนวน้ำ ผลงานชิ้นเอกของวิศวกรรมยุคกลางนี้ยังคงรองรับหนึ่งในเมืองที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกมานานกว่า 1,500 ปี 🏛️⚒️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27-03-68/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.95 ชื่อตอน "CHECK MATE GOD OF THAI HIA" ไอ้สัส! งานช้าง ล่อตำหนวดยกกรม ขยี้หน่วยงานต้นน้ำซะเละเทะไม่มีเหลือ แม่แต่อีเจ้าศาลเถื่อนนนท์ ยังไม่ถอย เล่นตามน้ำ ไปตามบท ไม่มีแตกแถว สำนวนทำให้อ่อน เปลี่ยนข้อหาไม่ได้ แต่เปิดช่องให้กระทุ้งใหญ่ ศาลเจ้าใหญ่สั่ง กูจะไม่ทนกับเหี้ยขายชาติอีกต่อไป สะเทือนทั้งวงการ สนั่นทั้งแผ่นดิน จากแค่ดาราตายห่า กำลังจะลากเหี้ยทั้งแผ่นดินตายคาคุกทั่วอโยธยา เชือดก่อน 3 จะมีตามมาอีกเป็นร้อย ช้าก่อน! เพิ่งจะเริ่ม จุดเปลี่ยนคดีผีอีโมคือ "อีตำหนวดแถลงการณ์ตอแหล" หลักฐานเท็จในศาล จะเป็นบรรทัดฐานต่อไป หากเจ้าหน้าที่รัฐกลายร่างเป็นเหี้ย ต่อไป ความยุติธรรมจะหาจากใครได้อีก? ศาลเจ้าเป็นงาน ไม่รีบเชือดก่อน เพราะต้องลากทั้งองคาพยพทั้งหมด ที่ส่งสำนวน ส่งอัยกวย ตีความแล้วส่งขึ้นศาลเจ้า มันบิดเบือน มันตอแหลกันมาตั้งแต่ต้น ฆ่าคนคนเดียว จัดใหญ่หนีคดี ที่มาของสวรรค์มีตา จุดเล็กแค่ไหน ก็ขยายให้ใหญ่มหาศาลไร้จุดจบได้ แค่ความเงี่ยนตัวเดียว ทำเหี้ยตายยกรัง ยิ่งอุ้ม ยิ่งตายคาคอก ยิ่งดิ้น ยิ่งมัดคาหนังคาเขา เทคโนโลยีเข้ามาเอี่ยวเต็มตรีน แถไม่ได้ ตอแหลไม่ออก สารภาพไปแล้ว 2 ที่เหลือจะหุบปากต่ออีกมั้ย? เพ่อัจซัดใหญ่ ออกสื่อลั่น "ผีอีโม ต้องได้ฟื้นคืนชีพ" อโยธยากำลังจะได้แสงสว่างในไม่ช้านี้ ทุกความชั่วบัดซบ จะถูกเปิดเผยหมดสิ้น หลังจบศาลเจ้านนท์ เพื่อปูทางสู่ ศาลใหญ่ของจริง องค์คณะระดับชาติจริง และงานนี้ แม้แต่ตัวที่ว่าใหญ่ที่สุด ยังต้องนั่งกุมไข่ ช่วยใครไม่ได้ เพราะใครแตะต้อง งานนี้ "เชือดไร้ความปราณี" แสบสันต์ดีจริง ดารา ไฮโซ คนดัง คนมีสี อวดรวยกันดีนัก สรรพากรตามสืบ เจาะไข่แดงทันที ขอบคุณ ที่ให้กูได้รีดภาษีมรึงเพิ่ม และขอบคุณ ทำให้รู้ที่มาของเงิน เส้นทางการเงินที่บัดซบ "นี่มัน รีดเลือดจากปูดำ..ของจริง" สุดทนแล้ว..อโยธยา ลุกขึ้นสู้

    นั่นแหละที่เค้ารอมรึงอยู่ "เผ่นสิจ๊ะ.. ใครมันจะอยู่" เพราะไพ่ในมือถูกหงายจนหมดเกลี้ยง ตัวพ่อ ตัวสั่งการ ตัวลงมือ DSI เค้ารู้หมดเกลี้ยง แค่รอพยาน หลักฐานชัด เอาให้มัดจนดิ้นๆไม่หลุด แพ็คกระเป๋ากันเพี๊ยบ ออกนอกตามสูตร ไม่ใช่แค่คดีผีอีโม เพราะมันโยงไปแล้วกว่า 400 ตัว เส้นทางการเงิน จะถูกเรียกสอบ ทั้งสรรพากร ทั้งปปง. ปปส. งานนี้ระดับชาติ กวาดล้างป่าช้า ยิ่งกว่าหนังการ์ตูนอีกมรึง พรรคพวกในกระทรวงแจ้งว่า "ทำ OT ทำผลงานกันใหญ่ หล้งเบื้องบนไฟเขียว เตรียมเปลี่ยนหัวแล้วจ๊ะ" รอดูอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ไม่ต้องไปเร่ง เหี้ยมันยิ่งดิ้น เวลามันก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เวลาแสงทำงานแล้วมรึงจะช็อค รวดเดียวจบ ล่าสุด หญิงเด็ด แฝงตัวมาแรมปีเข้าแจมขบวนการเครือข่ายทุจริตยารพ. แม้แต่หมอยังไม่รอด จรรยาบรรณเหรอ? ในกลียุคมันมีด้วยเหรอ? สวรรค์เค้าเปิดทางให้เหี้ยทำชั่วสะดวกโยธินบูรณะ แกก็ล่อกันเต็มเหนี่ยวทั้งแผ่นดิน เพื่อรอการผลัดใบใหม่ทั้งหมด ดอกนี้ สาธารณสุขตายยกรัง รมต.ตายคาลายเซ็นต์ ผอ.ตายคารับรอง มันส์จริง เด็ดจริง ช่วงนี้ สะเด็ดน้ำกันทุกวงการ ทุกหมู่เหล่า แตะตรงไหน "แดร๊กหมดไม่มีเหลือ" ประกาศศักดา เพ่อัจซัด หลังสงกรานต์ คนบนเรือเยี่ยวแตกแน่ ของขวัญที่มรึงไม่ต้องการกำลังจะมาหา อะไรน่ะ อีร่านตุ๊ดแซด ปากดี หายไปไหนฟ่ะ? กูกำลังตามหามรึงอยู่ อีกระต๊าก ชีวิตดี๊ดี เสพสุขบนศพเพื่อน ผู้มีพระคุณ พร้อมจะตื่นมารับความจริงยัง? ไอ้อี สารเลวทั้งหลาย

    อ้าว..ไหง หนังคนละม้วน เปิดตัววันแรก งานมอเตอร์โชว์ คนไทยจนฟ่ะ แห่กันไปท่วมงานตั้งแต่ชั่วโมงแรก ค่ายจีนรับออเดอร์ไม่ทัน ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ มาหมด BYD/ SAIC/ MG/ Great Wall Motor/ NIO/ ZEEKR ฯลฯ รถหรู ราคาไม่ถึงล้าน แล้วอียุ่นปี่ ขายเกินล้านเป็นแถว กูจะต้องหั่นลงอีกเท่าไหร่ ถึงจะตามมรึงทัน ผ่านมาได้ 5 ปีกว่าแล้ว หลังจีนยก EV เข้ามาบุกถล่มตลาดไทย ทำควายไทยตื่นทันที กูโดนหลอกมากว่าครึ่งศตวรรษนี่หว่า? แค่ 2 ปี แบตเตอร๊่พัฒนาไปไกลเกินจินตนาการ 10 นาที 1000 กม. เอาที่มรึงสบายใจเหอะ น้ำมันกลายเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้ว เชิญมรึงขึ้นราคาน้ำมันกันให้สะใจ จนคนแห่ไปใช้ EV กันหมดประเทศ แล้วอย่าร้อง สุดท้ายก็ต้องไปเอาน้ำมันจากอิหร่าน รัสเซีย เข้ามาใช้ ใครล่ะ ที่ห้ามมรึงนำเข้า เพราะมันแดร๊กไม่ดุ เหมือนที่ทำกันมาชิมิ? ขนออกอ่าวไทย แล้วกลับเข้ามาเติมใหม่ใช้ราคาตลาดโลก ไอ้สัด! ไม่ใช่แค่เหี้ย แต่บัดสบขั้นสูงสุด นี่ว่ายุคอนาคตแล้วน่ะ แต่จีนไปไกลกว่านั้น เค้าไม่ใช่ล้อกันแล้วจ๊ะ เค้าบินไปส่งกันถึงที่ โดรนจะเข้ามาแทนรถยนต์ในไม่ช้านี้ อยู่ดีดี อิหร่านก็เปิดคลังแสงใต้ดินให้ดูใหม่ คลังขีปนาวุธ สุดอลังการ ต้องการจะสื่ออะไรจ๊ะ? อะไรน่ะ ยิงมรึงได้ยันไปถึงชาติหน้าไงล่ะ อียิวขี้แตก มรึงมาแต่ละเที่ยว กูแทบไม่ต้องสกัดเลย เพราะมันไม่เหลือให้สกัดแล้ว อิหร่านรุกหนักช่วงนี้ เหตุเพราะกำลังจะเปิดศึกที่ราบสูงโกลาน เพราะนั่นคือสัญลักษณ์ด่านสุดท้าย ปลดแอกอิทธิพลอียิวในตะวันออกกลางให้โลกประจักษ์

    ถึงคราวซวยมรึงแล้ว อี 22 ตำหนวดที่ฟ้องหมิ่นเพ่อัจแล้วแพ้ยับ ถูกฟ้องกลับพ่วงข้อหาปั้นหลักฐาน พยานเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี คนละ 2 กระทง เด้งน่ะมันของแน่ แต่อาจลากยาวไปนอนคุกเป็นเพื่อนไอ้คนที่มรึงเพิ่งไปจับเค้ามาขังเนี่ยแหละ? งานนี้ ไม่ได้หวังแค่หางแถว ต้องล่อถึงหัวหน้าใหญ่ ต้นตอความเหี้ยอัปรีย์จัญไรของขบวนการต้นน้ำยุติธรรมไทย แม้แต่ในขบวนการของศาลเจ้าก็ไล่ล้างป่าช้าเช่นกัน ดั่งที่ 2 ผู้พิพากษาถูกเชือดล่าสุดก่อนหน้านั้น มาเป็นชุด เวลาแสงจัดใหญ่ ยิ่งกว่าคอนเสิร์ต LISA อีกมรึง? อะไรน่ะ อา ปา จือ ปา เจ๊ะ ยังไม่มันส์เท่านี้? ข้ามวิกแป๊บ ไม่พูดคงนอนไม่หลับสิน่ะ? แอร์โดกัน ส่งลูกเมีย บินไปหลบภัยมืดในอาร์เซอร์ไบจานก่อน งานนี้ม็อบเหี้ย C มากันเพี๊ยบ ผสมชาวบ้านที่โกรธแค้น แอร์โดกันมาช้านานในทุกเรื่องที่ดำรงตำแหน่งผู้นำทางการเมืองมากว่าเกือบ 20 ปี ทุกอย่างมันคือ บทละครหน้าฉาก ที่จะเกิด อ่านต่อ : www.minds.com/newsfeed/1...
    27-03-68/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.95 ชื่อตอน "CHECK MATE GOD OF THAI HIA" ไอ้สัส! งานช้าง ล่อตำหนวดยกกรม ขยี้หน่วยงานต้นน้ำซะเละเทะไม่มีเหลือ แม่แต่อีเจ้าศาลเถื่อนนนท์ ยังไม่ถอย เล่นตามน้ำ ไปตามบท ไม่มีแตกแถว สำนวนทำให้อ่อน เปลี่ยนข้อหาไม่ได้ แต่เปิดช่องให้กระทุ้งใหญ่ ศาลเจ้าใหญ่สั่ง กูจะไม่ทนกับเหี้ยขายชาติอีกต่อไป สะเทือนทั้งวงการ สนั่นทั้งแผ่นดิน จากแค่ดาราตายห่า กำลังจะลากเหี้ยทั้งแผ่นดินตายคาคุกทั่วอโยธยา เชือดก่อน 3 จะมีตามมาอีกเป็นร้อย ช้าก่อน! เพิ่งจะเริ่ม จุดเปลี่ยนคดีผีอีโมคือ "อีตำหนวดแถลงการณ์ตอแหล" หลักฐานเท็จในศาล จะเป็นบรรทัดฐานต่อไป หากเจ้าหน้าที่รัฐกลายร่างเป็นเหี้ย ต่อไป ความยุติธรรมจะหาจากใครได้อีก? ศาลเจ้าเป็นงาน ไม่รีบเชือดก่อน เพราะต้องลากทั้งองคาพยพทั้งหมด ที่ส่งสำนวน ส่งอัยกวย ตีความแล้วส่งขึ้นศาลเจ้า มันบิดเบือน มันตอแหลกันมาตั้งแต่ต้น ฆ่าคนคนเดียว จัดใหญ่หนีคดี ที่มาของสวรรค์มีตา จุดเล็กแค่ไหน ก็ขยายให้ใหญ่มหาศาลไร้จุดจบได้ แค่ความเงี่ยนตัวเดียว ทำเหี้ยตายยกรัง ยิ่งอุ้ม ยิ่งตายคาคอก ยิ่งดิ้น ยิ่งมัดคาหนังคาเขา เทคโนโลยีเข้ามาเอี่ยวเต็มตรีน แถไม่ได้ ตอแหลไม่ออก สารภาพไปแล้ว 2 ที่เหลือจะหุบปากต่ออีกมั้ย? เพ่อัจซัดใหญ่ ออกสื่อลั่น "ผีอีโม ต้องได้ฟื้นคืนชีพ" อโยธยากำลังจะได้แสงสว่างในไม่ช้านี้ ทุกความชั่วบัดซบ จะถูกเปิดเผยหมดสิ้น หลังจบศาลเจ้านนท์ เพื่อปูทางสู่ ศาลใหญ่ของจริง องค์คณะระดับชาติจริง และงานนี้ แม้แต่ตัวที่ว่าใหญ่ที่สุด ยังต้องนั่งกุมไข่ ช่วยใครไม่ได้ เพราะใครแตะต้อง งานนี้ "เชือดไร้ความปราณี" แสบสันต์ดีจริง ดารา ไฮโซ คนดัง คนมีสี อวดรวยกันดีนัก สรรพากรตามสืบ เจาะไข่แดงทันที ขอบคุณ ที่ให้กูได้รีดภาษีมรึงเพิ่ม และขอบคุณ ทำให้รู้ที่มาของเงิน เส้นทางการเงินที่บัดซบ "นี่มัน รีดเลือดจากปูดำ..ของจริง" สุดทนแล้ว..อโยธยา ลุกขึ้นสู้ นั่นแหละที่เค้ารอมรึงอยู่ "เผ่นสิจ๊ะ.. ใครมันจะอยู่" เพราะไพ่ในมือถูกหงายจนหมดเกลี้ยง ตัวพ่อ ตัวสั่งการ ตัวลงมือ DSI เค้ารู้หมดเกลี้ยง แค่รอพยาน หลักฐานชัด เอาให้มัดจนดิ้นๆไม่หลุด แพ็คกระเป๋ากันเพี๊ยบ ออกนอกตามสูตร ไม่ใช่แค่คดีผีอีโม เพราะมันโยงไปแล้วกว่า 400 ตัว เส้นทางการเงิน จะถูกเรียกสอบ ทั้งสรรพากร ทั้งปปง. ปปส. งานนี้ระดับชาติ กวาดล้างป่าช้า ยิ่งกว่าหนังการ์ตูนอีกมรึง พรรคพวกในกระทรวงแจ้งว่า "ทำ OT ทำผลงานกันใหญ่ หล้งเบื้องบนไฟเขียว เตรียมเปลี่ยนหัวแล้วจ๊ะ" รอดูอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ไม่ต้องไปเร่ง เหี้ยมันยิ่งดิ้น เวลามันก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เวลาแสงทำงานแล้วมรึงจะช็อค รวดเดียวจบ ล่าสุด หญิงเด็ด แฝงตัวมาแรมปีเข้าแจมขบวนการเครือข่ายทุจริตยารพ. แม้แต่หมอยังไม่รอด จรรยาบรรณเหรอ? ในกลียุคมันมีด้วยเหรอ? สวรรค์เค้าเปิดทางให้เหี้ยทำชั่วสะดวกโยธินบูรณะ แกก็ล่อกันเต็มเหนี่ยวทั้งแผ่นดิน เพื่อรอการผลัดใบใหม่ทั้งหมด ดอกนี้ สาธารณสุขตายยกรัง รมต.ตายคาลายเซ็นต์ ผอ.ตายคารับรอง มันส์จริง เด็ดจริง ช่วงนี้ สะเด็ดน้ำกันทุกวงการ ทุกหมู่เหล่า แตะตรงไหน "แดร๊กหมดไม่มีเหลือ" ประกาศศักดา เพ่อัจซัด หลังสงกรานต์ คนบนเรือเยี่ยวแตกแน่ ของขวัญที่มรึงไม่ต้องการกำลังจะมาหา อะไรน่ะ อีร่านตุ๊ดแซด ปากดี หายไปไหนฟ่ะ? กูกำลังตามหามรึงอยู่ อีกระต๊าก ชีวิตดี๊ดี เสพสุขบนศพเพื่อน ผู้มีพระคุณ พร้อมจะตื่นมารับความจริงยัง? ไอ้อี สารเลวทั้งหลาย อ้าว..ไหง หนังคนละม้วน เปิดตัววันแรก งานมอเตอร์โชว์ คนไทยจนฟ่ะ แห่กันไปท่วมงานตั้งแต่ชั่วโมงแรก ค่ายจีนรับออเดอร์ไม่ทัน ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ มาหมด BYD/ SAIC/ MG/ Great Wall Motor/ NIO/ ZEEKR ฯลฯ รถหรู ราคาไม่ถึงล้าน แล้วอียุ่นปี่ ขายเกินล้านเป็นแถว กูจะต้องหั่นลงอีกเท่าไหร่ ถึงจะตามมรึงทัน ผ่านมาได้ 5 ปีกว่าแล้ว หลังจีนยก EV เข้ามาบุกถล่มตลาดไทย ทำควายไทยตื่นทันที กูโดนหลอกมากว่าครึ่งศตวรรษนี่หว่า? แค่ 2 ปี แบตเตอร๊่พัฒนาไปไกลเกินจินตนาการ 10 นาที 1000 กม. เอาที่มรึงสบายใจเหอะ น้ำมันกลายเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้ว เชิญมรึงขึ้นราคาน้ำมันกันให้สะใจ จนคนแห่ไปใช้ EV กันหมดประเทศ แล้วอย่าร้อง สุดท้ายก็ต้องไปเอาน้ำมันจากอิหร่าน รัสเซีย เข้ามาใช้ ใครล่ะ ที่ห้ามมรึงนำเข้า เพราะมันแดร๊กไม่ดุ เหมือนที่ทำกันมาชิมิ? ขนออกอ่าวไทย แล้วกลับเข้ามาเติมใหม่ใช้ราคาตลาดโลก ไอ้สัด! ไม่ใช่แค่เหี้ย แต่บัดสบขั้นสูงสุด นี่ว่ายุคอนาคตแล้วน่ะ แต่จีนไปไกลกว่านั้น เค้าไม่ใช่ล้อกันแล้วจ๊ะ เค้าบินไปส่งกันถึงที่ โดรนจะเข้ามาแทนรถยนต์ในไม่ช้านี้ อยู่ดีดี อิหร่านก็เปิดคลังแสงใต้ดินให้ดูใหม่ คลังขีปนาวุธ สุดอลังการ ต้องการจะสื่ออะไรจ๊ะ? อะไรน่ะ ยิงมรึงได้ยันไปถึงชาติหน้าไงล่ะ อียิวขี้แตก มรึงมาแต่ละเที่ยว กูแทบไม่ต้องสกัดเลย เพราะมันไม่เหลือให้สกัดแล้ว อิหร่านรุกหนักช่วงนี้ เหตุเพราะกำลังจะเปิดศึกที่ราบสูงโกลาน เพราะนั่นคือสัญลักษณ์ด่านสุดท้าย ปลดแอกอิทธิพลอียิวในตะวันออกกลางให้โลกประจักษ์ ถึงคราวซวยมรึงแล้ว อี 22 ตำหนวดที่ฟ้องหมิ่นเพ่อัจแล้วแพ้ยับ ถูกฟ้องกลับพ่วงข้อหาปั้นหลักฐาน พยานเท็จ ใส่ร้ายป้ายสี คนละ 2 กระทง เด้งน่ะมันของแน่ แต่อาจลากยาวไปนอนคุกเป็นเพื่อนไอ้คนที่มรึงเพิ่งไปจับเค้ามาขังเนี่ยแหละ? งานนี้ ไม่ได้หวังแค่หางแถว ต้องล่อถึงหัวหน้าใหญ่ ต้นตอความเหี้ยอัปรีย์จัญไรของขบวนการต้นน้ำยุติธรรมไทย แม้แต่ในขบวนการของศาลเจ้าก็ไล่ล้างป่าช้าเช่นกัน ดั่งที่ 2 ผู้พิพากษาถูกเชือดล่าสุดก่อนหน้านั้น มาเป็นชุด เวลาแสงจัดใหญ่ ยิ่งกว่าคอนเสิร์ต LISA อีกมรึง? อะไรน่ะ อา ปา จือ ปา เจ๊ะ ยังไม่มันส์เท่านี้? ข้ามวิกแป๊บ ไม่พูดคงนอนไม่หลับสิน่ะ? แอร์โดกัน ส่งลูกเมีย บินไปหลบภัยมืดในอาร์เซอร์ไบจานก่อน งานนี้ม็อบเหี้ย C มากันเพี๊ยบ ผสมชาวบ้านที่โกรธแค้น แอร์โดกันมาช้านานในทุกเรื่องที่ดำรงตำแหน่งผู้นำทางการเมืองมากว่าเกือบ 20 ปี ทุกอย่างมันคือ บทละครหน้าฉาก ที่จะเกิด อ่านต่อ : www.minds.com/newsfeed/1...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG)

    เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต

    ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

    ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

    ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้

    ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

    ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค

    จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้ ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญ2อรหันต์ หลวงพ่อทวดวัดช้างให้หลังหลวงพ่อหนอนวัดดอนตะวันออก รุ่นพิเศษ53
    เหรียญ2อรหันต์ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้ ปัตตานี หลังหลวงพ่อหนอน เทพเจ้าเขามะรวด วัดดอนตะวันออก ปัตตานี รุ่นพิเศษ53 // พระดี พิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณสูง แคล้วคลาดเป็นเยี่ยม เมตตามหานิยม โชคลาภค้าขาย เลื่อนยศตำแหน่ง ความเจริญ รุ่นเรืองก้าวหน้า พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >>

    ** เหรียญรวมพระอรหันต์ทั้ง2 องค์ ไว้ในเหรียญเดียว ปลุกเสก พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านจวน วัดยางแดง หลวงพ่อแดง วัดบูรภาราม พ่อท่านพล วัดนาประดู่ และ มีเกจิสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ อีกหลายท่าน เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญ2อรหันต์ หลวงพ่อทวดวัดช้างให้หลังหลวงพ่อหนอนวัดดอนตะวันออก รุ่นพิเศษ53 เหรียญ2อรหันต์ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้ ปัตตานี หลังหลวงพ่อหนอน เทพเจ้าเขามะรวด วัดดอนตะวันออก ปัตตานี รุ่นพิเศษ53 // พระดี พิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณสูง แคล้วคลาดเป็นเยี่ยม เมตตามหานิยม โชคลาภค้าขาย เลื่อนยศตำแหน่ง ความเจริญ รุ่นเรืองก้าวหน้า พลิกชะตาร้ายให้กลายเป็นดี หนุนดวงเสริมชะตาให้เจริญรุ่งเรือง >> ** เหรียญรวมพระอรหันต์ทั้ง2 องค์ ไว้ในเหรียญเดียว ปลุกเสก พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านจวน วัดยางแดง หลวงพ่อแดง วัดบูรภาราม พ่อท่านพล วัดนาประดู่ และ มีเกจิสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ อีกหลายท่าน เมตตานั่งปรกอธิษฐานจิต >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้
    สัทธรรมลำดับที่ : 569
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=569
    ชื่อบทธรรม :- ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้
    --เมื่อเรายังไม่พบ ญาณ ก็ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสาร เป็นอเนกชาติ,
    แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน #คือตัณหาผู้สร้างภพ,
    http://etipitaka.com/read/pali/25/36/?keywords=ตณฺหา
    การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป.
    --นายช่างผู้ปลูกเรือนเอ๋ย ! ฉันรู้จักแกเสียแล้ว ;
    เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป.
    โครงเรือนทั้งหมดของเจ้า เราหักเสียแล้ว;
    ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว.
    จิตของเราถึงแล้ว ซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป
    เพราะถึงความสิ้นไป แห่งตัณหาเสียแล้ว.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/25/21.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/24/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/35/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=569
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37&id=569
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37
    ลำดับสาธยายธรรม : 37 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_37.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้ สัทธรรมลำดับที่ : 569 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=569 ชื่อบทธรรม :- ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้ เนื้อความทั้งหมด :- --ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้ --เมื่อเรายังไม่พบ ญาณ ก็ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสาร เป็นอเนกชาติ, แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน #คือตัณหาผู้สร้างภพ, http://etipitaka.com/read/pali/25/36/?keywords=ตณฺหา การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป. --นายช่างผู้ปลูกเรือนเอ๋ย ! ฉันรู้จักแกเสียแล้ว ; เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป. โครงเรือนทั้งหมดของเจ้า เราหักเสียแล้ว; ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว. จิตของเราถึงแล้ว ซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป เพราะถึงความสิ้นไป แห่งตัณหาเสียแล้ว.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/25/21. http://etipitaka.com/read/thai/25/24/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/25/35/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=569 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37&id=569 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=37 ลำดับสาธยายธรรม : 37 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_37.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้
    -ความรู้สึกในใจของผู้ชนะตัณหาได้ เมื่อเรายังไม่พบญาณ ก็ได้แล่นท่องเที่ยวไปในสงสาร เป็นอเนกชาติ, แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหา ผู้สร้างภพ, การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป. นายช่างผู้ปลูกเรือนเอ๋ย ! ฉันรู้จักแกเสียแล้ว ; เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป. โครงเรือนทั้งหมดของเจ้า เราหักเสียแล้ว; ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว. จิตของเราถึงแล้ว ซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป เพราะถึงความสิ้นไป แห่งตัณหาเสียแล้ว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อดำ วัดตุยง จ.ปัตตานี ปี2516
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อดำ วัดตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ปี2516 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง เป็นเหรียญสายเหนียว จ.ปัตตานี // พระสถาพผิวหิ้ง หายากก พระสถาพใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณทางด้าน มหาอุดอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา มีประสบการณ์มากมาย>>

    ** หลวงพ่อดำ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังเป็น พระกรรมวาจาจารย์ (เป็นพระคู่สวดของ อาจารย์ทิม วัดช้างให้) อีกทั้งท่านยังเป็นประธานในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดช้างให้มาโดยตลอดอีกด้วย>>

    ** พระสถาพผิวหิ้ง หายากก พระสถาพใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อดำ วัดตุยง จ.ปัตตานี ปี2516 เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อดำ วัดตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ปี2516 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง เป็นเหรียญสายเหนียว จ.ปัตตานี // พระสถาพผิวหิ้ง หายากก พระสถาพใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณทางด้าน มหาอุดอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา มีประสบการณ์มากมาย>> ** หลวงพ่อดำ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังเป็น พระกรรมวาจาจารย์ (เป็นพระคู่สวดของ อาจารย์ทิม วัดช้างให้) อีกทั้งท่านยังเป็นประธานในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดช้างให้มาโดยตลอดอีกด้วย>> ** พระสถาพผิวหิ้ง หายากก พระสถาพใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย

    ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ

    ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย

    "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ
    โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย?
    Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ?
    นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว

    ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย"

    ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร
    "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin

    Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin
    โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย? Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ? นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย" ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2513
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พระครูใบฎีกาขาว เนื้อดินเผาผสมผงว่านหลวงปูทวด ปี2497 ชุบรักเก่า วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2513 //พระดีพิธีใหญ่ เป็นพระเก่า พศ.ลึก อีกรุ่น ของวัดช้างให้ ผสมว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 จำนวนมาก !!! น่าใช้มากครับ // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร อุดมด้วยโภคทรัพย์ ค้าขายดี เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตามหานิยม และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>..

    ** พระเริ่มหายากแล้วครับ พระดี พิธีใหญ่ มวลสารผสมว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 จำนวนมาก !!! พระครูใบฎีกาขาว ท่านเป็นน้องแท้ๆของอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เป็นเจ้าอาจารย์ถัดจาก อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 - พ.ศ.2521 พระครูใบฎีกาขาวได้นำเอาผงว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 ที่อาจารย์ทิมเก็บไว้มาผสมด้วยจำนวนมาก พุทธคุณสูงส่ง ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมเริ่มเก็บสะสม สำหรับองค์นี้สวยสมบูรณ์มากครับ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2513 เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พระครูใบฎีกาขาว เนื้อดินเผาผสมผงว่านหลวงปูทวด ปี2497 ชุบรักเก่า วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2513 //พระดีพิธีใหญ่ เป็นพระเก่า พศ.ลึก อีกรุ่น ของวัดช้างให้ ผสมว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 จำนวนมาก !!! น่าใช้มากครับ // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เสนียดจัญไร อุดมด้วยโภคทรัพย์ ค้าขายดี เลื่อนยศเลื่อนตําแหน่ง มีความเจริญรุ่งเรือง มหาอุตย์ คงกระพัน เมตตามหานิยม และเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>.. ** พระเริ่มหายากแล้วครับ พระดี พิธีใหญ่ มวลสารผสมว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 จำนวนมาก !!! พระครูใบฎีกาขาว ท่านเป็นน้องแท้ๆของอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เป็นเจ้าอาจารย์ถัดจาก อาจารย์ทิม วัดช้างให้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 - พ.ศ.2521 พระครูใบฎีกาขาวได้นำเอาผงว่านหลวงปู่ทวด ปี2497 ที่อาจารย์ทิมเก็บไว้มาผสมด้วยจำนวนมาก พุทธคุณสูงส่ง ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมเริ่มเก็บสะสม สำหรับองค์นี้สวยสมบูรณ์มากครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 2
    .
    การครองชีวิตอย่างมีกิน มีใช้เสมอกันตลอดชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยทำงานหาเงินหรือวัยพ้นทำงานที่พลังในการหารายได้ลดน้อยลง หากใช้เงินในวัยทำงานอย่างไม่มีการวางแผนเพื่ออนาคตอย่างดีแล้ว ชีวิตในวัยบั้นปลายก็จะลำบาก
    .
    แผนการอดออมในช่วงวัยทำงาน เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ เพื่อความมั่นคงในอนาคต เปรียบเสทอนการ “ยอมจน (วันนี้) เพื่อรวย (วันข้างหน้า)” ในขณะที่หากไม่มีแผนอดออมเพื่ออนาคต มีเงินเท่าใดใช้ไปอย่างสนุกในวัยทำงาน จะเปรียบเสมือนกับการ ราย (วันนี้) เพื่อจน (วันข้างหน้า)
    .
    มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตนเองได้ว่าจะสนุกสนานในการใช้เงินในวันนี้แต่ไม่มีอนาคตที่มั่นคง หรือจะยอมทนลำบากด้านเงินทองในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงในวันข้างหน้า อย่าลืมว่าชีวิตเป็นเรื่องของการเลือก และการยอมรับผล จากการเลือกนั่น
    .
    อย่างไรที่เรียกว่า “รวย” รายได้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะของแหล่งที่มา อย่างแรกต้องออกแรงทำงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง อย่างที่ 2 ไม่ต้องออกแรงทำงาน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ฯลฯ เมื่อใดที่มาตราฐานการครองชีพอยู่ในระดับสุขสบาย มีปัจจัยสี่ และความสะดวกสบายอื่นๆ อย่างครบถ้วนในระดับหนึ่ง และมีรายได้จากการไม่ต้องทำงานสูงกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็เรียกได้ว่าเป็น “คนรวย” แล้ว
    .
    การทำงานก่อให้เกิดรายได้ และรายได้นั้นก็ต้องจ่ายออกไปเป็นค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าบันเทิงหย่อนใจ ฯลฯ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หากไม่ระวัง รายได้ทั้งเดือนจะหมดสิ้นไป หรืออาจต้องขอจากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เพิ่มเติม หรืออาจต้องกู้ยิมเพิ่มเติมจนเป็นหนี้เป็นสิน อย่างนี้เรียกว่าไม่มีเงินออม
    .
    The Richest Man in Babylon ซึ่งเขียนโดย G.S. Clason เมื่อ 100 ปีก่อน เป็นหนังสือที่มียอดขายรวมมากกว่า 1.5 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้สอนเรื่องการสร้างความร่ำรวยด้วยการออม และการลงทุนที่ชาญฉลาดในรูปแบบของนิทาน สถานที่คือ เมืองบาบิโลนของอณาจักรเมโสโปเตเมีย แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของโลกเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว
    .
    เรื่องมีอยู่ว่า... 2 หนุ่มช่างซ่อมล้อรถ และนักดนตรีของเมืองนี้มีภรรยาและลูกที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้เขาทั้ง 2 ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ทั้งสองหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะรวย จึงพากันไปถามอาร์กอด คนรวยที่สุดในบาบิโลน ทั้งคู่ถามว่าเขามีโชคอย่างไรจึงร่ำรวยเช่นนี้ได้ อาร์กอดตอบว่า การคิดว่าโชคคือตัวการสำคัญที่ทำให้คนร่ำรวยนั้นผิดถนัด เหตุที่ทั้ง 2 ยากจนก็เพราะไม่รู้กฏเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่ง ตัวเขาได้เรียนรู้ความลับของการเป็นคนรวย จากคนให้กู้เงินที่ว่า “ส่วนหนึ่งของเงินที่หามาได้จะต้องเก็บไว้ให้มันเป็นของเราเสมอ
    .
    ทั้งสองจึงถามต่อว่า “ก็เงินที่เราหามาได้ มันไม่ใช่ของเราทั้งหมดหรอกหรือ” อาร์กอดตอบว่า ไม่ใช่ เพราะเมื่อมีรายได้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพและหาความสุขก็จะกินมันไปหมด ตัวเราจะกลายเป็นทาสของงาน มีชีวิตและความสุขบ้างไปวัน ๆ เท่านั้น ถ้าจะให้รายได้บางส่วนเป็นของเราเองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องกันส่วนหนึ่งออกมาต่างหาก โดยไม่นำไปใช้จ่าย เงินที่กันออกไปนี้ ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้
    .
    เงินที่กันไว้นี้ เมื่อสะสมหลายปีเข้า ก็จะเป็นก้อนใหญ่และสร้างรายได้ให้เราได้ ( เช่น เอาไปให้คนกู้ หรือปลูกบ้านเช่า) โดยเราไม่ต้องทำงาน เมื่อเริ่มต้นอาจมีไม่มาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญต้องยึดกฏที่ว่า “ต้องจ่ายเงินให้ตัวเราเองก่อนเสมอ” กล่าวคือ ทำให้ส่วนหนึ่งของรายได้มาเป็นของเรา ทั้งนี้ไม่ว่าจะหามาได้มากหรือน้อยเพียงใด
    .
    สิ่งที่ อาร์กอด พูดถึงนี้ก็คือ “เงินออม” นั่นเอง ถ้าคนทำงานปล่อยให้เงินที่หามาได้ ถูกใช้จ่ายไปตามยถากรรมแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของเงินที่หามาได้เลย เพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินเป็นรางวัลให้ตัวเอง และเก็บไว้เป็นของเขาเอง. เงินออมเป็นรางวัลที่ผู้ทำงานต้องกันไว้ให้ตนเองเสมอ ปัจจุบันอัตราที่ควรกันไว้นี้เข้มข้นกว่าสมัย บาบิโลน อาร์กอดสมัยใหม่แนะนำว่า ให้กันเงินไว้อย่างต่ำร้อยละ 15 ของรายได้
    .
    ความสำคัญของการออมสรุปได้ดังนี้
    ประการแรก : การออมสม่ำเสมอเป็นการสะสมเงินรางวัลของผู้ทำงาน เพื่อให้เป็นเงินก้อนไปลงทุนในกิจกรรมซึ่งจะนำผลตอบแทนในรูปอื่นที่มิได้มาจากการตรากตรำออกแรงหาเงินมาให้เจ้าของ เช่น ดอกเบี้ยค่าเช่า
    ประการที่สอง : การออมเงินทำให้เกิดกระบวนการ “เงินทำงานรับใช้” ขึ้น โดยเจ้าของไม่ต้องออกแรงก็ได้ผลตอบแทนดังกล่าวแล้วในข้อแรก
    ประการที่สาม : การออมเป็นการสร้างนิสัยให้รู้จักประหยัด เพราะยิ่งใช้จ่ายน้อยเท่าใดก็สามารถออมได้มากเพียงนั้น
    ประการสุดท้าย : ถ้าไม่มีการออม ก็ไม่มีการลงทุนในอนาคต เพราะการขยายกิจการเดิมหรือลงทุนใหม่ล้วนต้องการเงินลงทุนเพิ่มทั้งสิ้น และเงินลงทุนนั้นต้องมาจากที่ใดสักแห่ง ถ้าไม่มาจากเงินออมที่เกิดจากการกันส่วนหนึ่งของรายได้ไว้ ก็ต้องมาจากเงินกู้ยืม ซึ่งเงินกู้ยืมนั้น วันหนึ่งก็ต้องใช้คืนเจ้าของพร้อมด้วยดอกเบี้ย การออมจึงเป็นแหล่งเงินของการลงทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืม
    .
    เศรษฐศาสตร์ให้คำจำกัดความว่า เงินออมคือส่วนของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของอาร์กอดที่ให้กันเงินออมไว้ร้อยละ 10 ของรายได้เลยนั้น มีความหมายว่าบังคับให้บริโภคเพียงร้อยละ 90 ของรายได้เท่านั้น
    .
    ตราบใดที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายจนมีเงินเหลือออมแล้ว อานุภาพอันเกิดจากการมีวินัยบังคับใจตนเองนี้จะทำให้เงินออมเติบโตขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อด้วย “ดีเอ็นเอ” ที่ฝังตัวอยู่ในเงินออมที่มีชื่อว่า “ดอกเบี้ยทบต้น”
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 2 . การครองชีวิตอย่างมีกิน มีใช้เสมอกันตลอดชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยทำงานหาเงินหรือวัยพ้นทำงานที่พลังในการหารายได้ลดน้อยลง หากใช้เงินในวัยทำงานอย่างไม่มีการวางแผนเพื่ออนาคตอย่างดีแล้ว ชีวิตในวัยบั้นปลายก็จะลำบาก . แผนการอดออมในช่วงวัยทำงาน เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ เพื่อความมั่นคงในอนาคต เปรียบเสทอนการ “ยอมจน (วันนี้) เพื่อรวย (วันข้างหน้า)” ในขณะที่หากไม่มีแผนอดออมเพื่ออนาคต มีเงินเท่าใดใช้ไปอย่างสนุกในวัยทำงาน จะเปรียบเสมือนกับการ ราย (วันนี้) เพื่อจน (วันข้างหน้า) . มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตนเองได้ว่าจะสนุกสนานในการใช้เงินในวันนี้แต่ไม่มีอนาคตที่มั่นคง หรือจะยอมทนลำบากด้านเงินทองในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงในวันข้างหน้า อย่าลืมว่าชีวิตเป็นเรื่องของการเลือก และการยอมรับผล จากการเลือกนั่น . อย่างไรที่เรียกว่า “รวย” รายได้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะของแหล่งที่มา อย่างแรกต้องออกแรงทำงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง อย่างที่ 2 ไม่ต้องออกแรงทำงาน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ฯลฯ เมื่อใดที่มาตราฐานการครองชีพอยู่ในระดับสุขสบาย มีปัจจัยสี่ และความสะดวกสบายอื่นๆ อย่างครบถ้วนในระดับหนึ่ง และมีรายได้จากการไม่ต้องทำงานสูงกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็เรียกได้ว่าเป็น “คนรวย” แล้ว . การทำงานก่อให้เกิดรายได้ และรายได้นั้นก็ต้องจ่ายออกไปเป็นค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าบันเทิงหย่อนใจ ฯลฯ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หากไม่ระวัง รายได้ทั้งเดือนจะหมดสิ้นไป หรืออาจต้องขอจากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เพิ่มเติม หรืออาจต้องกู้ยิมเพิ่มเติมจนเป็นหนี้เป็นสิน อย่างนี้เรียกว่าไม่มีเงินออม . The Richest Man in Babylon ซึ่งเขียนโดย G.S. Clason เมื่อ 100 ปีก่อน เป็นหนังสือที่มียอดขายรวมมากกว่า 1.5 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้สอนเรื่องการสร้างความร่ำรวยด้วยการออม และการลงทุนที่ชาญฉลาดในรูปแบบของนิทาน สถานที่คือ เมืองบาบิโลนของอณาจักรเมโสโปเตเมีย แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของโลกเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว . เรื่องมีอยู่ว่า... 2 หนุ่มช่างซ่อมล้อรถ และนักดนตรีของเมืองนี้มีภรรยาและลูกที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้เขาทั้ง 2 ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ทั้งสองหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะรวย จึงพากันไปถามอาร์กอด คนรวยที่สุดในบาบิโลน ทั้งคู่ถามว่าเขามีโชคอย่างไรจึงร่ำรวยเช่นนี้ได้ อาร์กอดตอบว่า การคิดว่าโชคคือตัวการสำคัญที่ทำให้คนร่ำรวยนั้นผิดถนัด เหตุที่ทั้ง 2 ยากจนก็เพราะไม่รู้กฏเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่ง ตัวเขาได้เรียนรู้ความลับของการเป็นคนรวย จากคนให้กู้เงินที่ว่า “ส่วนหนึ่งของเงินที่หามาได้จะต้องเก็บไว้ให้มันเป็นของเราเสมอ . ทั้งสองจึงถามต่อว่า “ก็เงินที่เราหามาได้ มันไม่ใช่ของเราทั้งหมดหรอกหรือ” อาร์กอดตอบว่า ไม่ใช่ เพราะเมื่อมีรายได้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพและหาความสุขก็จะกินมันไปหมด ตัวเราจะกลายเป็นทาสของงาน มีชีวิตและความสุขบ้างไปวัน ๆ เท่านั้น ถ้าจะให้รายได้บางส่วนเป็นของเราเองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องกันส่วนหนึ่งออกมาต่างหาก โดยไม่นำไปใช้จ่าย เงินที่กันออกไปนี้ ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ . เงินที่กันไว้นี้ เมื่อสะสมหลายปีเข้า ก็จะเป็นก้อนใหญ่และสร้างรายได้ให้เราได้ ( เช่น เอาไปให้คนกู้ หรือปลูกบ้านเช่า) โดยเราไม่ต้องทำงาน เมื่อเริ่มต้นอาจมีไม่มาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญต้องยึดกฏที่ว่า “ต้องจ่ายเงินให้ตัวเราเองก่อนเสมอ” กล่าวคือ ทำให้ส่วนหนึ่งของรายได้มาเป็นของเรา ทั้งนี้ไม่ว่าจะหามาได้มากหรือน้อยเพียงใด . สิ่งที่ อาร์กอด พูดถึงนี้ก็คือ “เงินออม” นั่นเอง ถ้าคนทำงานปล่อยให้เงินที่หามาได้ ถูกใช้จ่ายไปตามยถากรรมแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของเงินที่หามาได้เลย เพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินเป็นรางวัลให้ตัวเอง และเก็บไว้เป็นของเขาเอง. เงินออมเป็นรางวัลที่ผู้ทำงานต้องกันไว้ให้ตนเองเสมอ ปัจจุบันอัตราที่ควรกันไว้นี้เข้มข้นกว่าสมัย บาบิโลน อาร์กอดสมัยใหม่แนะนำว่า ให้กันเงินไว้อย่างต่ำร้อยละ 15 ของรายได้ . ความสำคัญของการออมสรุปได้ดังนี้ ประการแรก : การออมสม่ำเสมอเป็นการสะสมเงินรางวัลของผู้ทำงาน เพื่อให้เป็นเงินก้อนไปลงทุนในกิจกรรมซึ่งจะนำผลตอบแทนในรูปอื่นที่มิได้มาจากการตรากตรำออกแรงหาเงินมาให้เจ้าของ เช่น ดอกเบี้ยค่าเช่า ประการที่สอง : การออมเงินทำให้เกิดกระบวนการ “เงินทำงานรับใช้” ขึ้น โดยเจ้าของไม่ต้องออกแรงก็ได้ผลตอบแทนดังกล่าวแล้วในข้อแรก ประการที่สาม : การออมเป็นการสร้างนิสัยให้รู้จักประหยัด เพราะยิ่งใช้จ่ายน้อยเท่าใดก็สามารถออมได้มากเพียงนั้น ประการสุดท้าย : ถ้าไม่มีการออม ก็ไม่มีการลงทุนในอนาคต เพราะการขยายกิจการเดิมหรือลงทุนใหม่ล้วนต้องการเงินลงทุนเพิ่มทั้งสิ้น และเงินลงทุนนั้นต้องมาจากที่ใดสักแห่ง ถ้าไม่มาจากเงินออมที่เกิดจากการกันส่วนหนึ่งของรายได้ไว้ ก็ต้องมาจากเงินกู้ยืม ซึ่งเงินกู้ยืมนั้น วันหนึ่งก็ต้องใช้คืนเจ้าของพร้อมด้วยดอกเบี้ย การออมจึงเป็นแหล่งเงินของการลงทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืม . เศรษฐศาสตร์ให้คำจำกัดความว่า เงินออมคือส่วนของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของอาร์กอดที่ให้กันเงินออมไว้ร้อยละ 10 ของรายได้เลยนั้น มีความหมายว่าบังคับให้บริโภคเพียงร้อยละ 90 ของรายได้เท่านั้น . ตราบใดที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายจนมีเงินเหลือออมแล้ว อานุภาพอันเกิดจากการมีวินัยบังคับใจตนเองนี้จะทำให้เงินออมเติบโตขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อด้วย “ดีเอ็นเอ” ที่ฝังตัวอยู่ในเงินออมที่มีชื่อว่า “ดอกเบี้ยทบต้น”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะหักใจมิให้รักมันก็หักบ่ไหว
    เป็นเพราะว่าหัวใจมันแกร่งมันแข็งขืน
    มันต่อต้านค้านคัดมันยังคงหยัดยืน
    มันไม่คืนคำรักหากไปหักมันจะงอน
    คิดหักใจจะไม่รักมันก็หักบ่ได้
    ใจมิใช่เสาหลักประเดี๋ยวปักเดี๋ยวถอน
    ใจคือเนื้อคือใจมีเอนไหวโอนอ่อน
    มันมีผ่อนหนักเบาเพราะว่ามันเข้าใจ
    หักห้ามใจอย่าให้รักอย่าไปหักไปห้าม
    ไม่ปล่อยตามที่มันรักอาจจะถึงตักษัย
    การหักห้ามความรักมันจะหนักหัวใจ
    ปล่อยมันไปให้มันรักนั่นจึงจักว่าดี
    การหักใจจะไม่รักมันก็เหมือนหักเหลี่ยม
    ช่างโหดเหี้ยมกับหัวใจกระไรนี่
    ใจจะรักกลับหักหาญไปรอนรานฤดี
    ไม่ควรที่จะทำไปก่อกรรมกับใจ
    จะหักใจมิให้รักจงอย่าหักกันเลย
    อยู่เฉยเฉยซะดีกว่าเป็นไหนไหน
    จงอย่าคิดระรานความต้องการของใจ
    คอยลุ้นให้สมรักอย่าได้หักเลยเธอ
    จะหักใจมิให้รักมันก็หักบ่ไหว เป็นเพราะว่าหัวใจมันแกร่งมันแข็งขืน มันต่อต้านค้านคัดมันยังคงหยัดยืน มันไม่คืนคำรักหากไปหักมันจะงอน คิดหักใจจะไม่รักมันก็หักบ่ได้ ใจมิใช่เสาหลักประเดี๋ยวปักเดี๋ยวถอน ใจคือเนื้อคือใจมีเอนไหวโอนอ่อน มันมีผ่อนหนักเบาเพราะว่ามันเข้าใจ หักห้ามใจอย่าให้รักอย่าไปหักไปห้าม ไม่ปล่อยตามที่มันรักอาจจะถึงตักษัย การหักห้ามความรักมันจะหนักหัวใจ ปล่อยมันไปให้มันรักนั่นจึงจักว่าดี การหักใจจะไม่รักมันก็เหมือนหักเหลี่ยม ช่างโหดเหี้ยมกับหัวใจกระไรนี่ ใจจะรักกลับหักหาญไปรอนรานฤดี ไม่ควรที่จะทำไปก่อกรรมกับใจ จะหักใจมิให้รักจงอย่าหักกันเลย อยู่เฉยเฉยซะดีกว่าเป็นไหนไหน จงอย่าคิดระรานความต้องการของใจ คอยลุ้นให้สมรักอย่าได้หักเลยเธอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 มีนา เป็นวัน "ลูกหมาแห่งชาติ" ไม่รู้ว่าแห่งชาติไหน แต่เอาเหอะก็กูเกิลมันบอกอย่างนั้นว่าวันนี้เป็นวันลูกหมาแห่งชาติ ซึ่งเหมือนจะเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 จนถึงตอนนี้ 2025 แล้ว
    ....
    วันนี้มีเจตจำนงค์เพื่อหวังให้ผู้คนมีความเมตตาต่อลูกหมาผู้ใสสื่อและบริสุทธิ์ ไอ้สองตัวบาทของ lit nit ตัวหนึ่งหมาทรายในตำนาน lit nit ให้นมมาตั้งแต่แม่มันตายเมื่ออายุหนึ่งเดือน ตอนนั้นยังจำได้ lit nit พยายามไปปรึกษาหมอสูติแพทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ lit nit มีน้ำนม หมอบอกว่า
    "มึงก็หาเงินแล้วไปซื้อค่ะ !"
    ....
    ส่วนนังซอน้องอีทรายเป็นหมาหลงมาอยู่กับ lit nit เมื่อโตได้หลายเดือนหน่อยก็เลยไม่ต้องให้นม แต่ lit nit ก็ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อที่จะให้มาให้คำปรึกษากับไอ้สองตัว ว่าอยู่ร่วมกันอย่างไรจึงจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หมอจิตฯบอกว่า
    "ช่างหมามันก่อนค่ะ มึงอะควรต้องฟังหมอก่อนนะคะ การฝึกหมาต้องไปโรงเรียนสอนหมา ไม่ใช่จิตแพทย์ค่ะ !"
    ....
    จากลูกหมาในวันนั้น มันสองตัวก็ใช้ lit nit ทำนู่นนี่นั่นทุกวันนี้ พูดแล้วน้ำตามันก็ปริ่ม ๆ...ใช้กูเป็นลูกเลย โปรดเมตตากูบ้างเถอะ !
    #สวัสดีวันลูกหมาแห่งชาติ !
    23 มีนา เป็นวัน "ลูกหมาแห่งชาติ" ไม่รู้ว่าแห่งชาติไหน แต่เอาเหอะก็กูเกิลมันบอกอย่างนั้นว่าวันนี้เป็นวันลูกหมาแห่งชาติ ซึ่งเหมือนจะเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2006 จนถึงตอนนี้ 2025 แล้ว .... วันนี้มีเจตจำนงค์เพื่อหวังให้ผู้คนมีความเมตตาต่อลูกหมาผู้ใสสื่อและบริสุทธิ์ ไอ้สองตัวบาทของ lit nit ตัวหนึ่งหมาทรายในตำนาน lit nit ให้นมมาตั้งแต่แม่มันตายเมื่ออายุหนึ่งเดือน ตอนนั้นยังจำได้ lit nit พยายามไปปรึกษาหมอสูติแพทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ lit nit มีน้ำนม หมอบอกว่า "มึงก็หาเงินแล้วไปซื้อค่ะ !" .... ส่วนนังซอน้องอีทรายเป็นหมาหลงมาอยู่กับ lit nit เมื่อโตได้หลายเดือนหน่อยก็เลยไม่ต้องให้นม แต่ lit nit ก็ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อที่จะให้มาให้คำปรึกษากับไอ้สองตัว ว่าอยู่ร่วมกันอย่างไรจึงจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หมอจิตฯบอกว่า "ช่างหมามันก่อนค่ะ มึงอะควรต้องฟังหมอก่อนนะคะ การฝึกหมาต้องไปโรงเรียนสอนหมา ไม่ใช่จิตแพทย์ค่ะ !" .... จากลูกหมาในวันนั้น มันสองตัวก็ใช้ lit nit ทำนู่นนี่นั่นทุกวันนี้ พูดแล้วน้ำตามันก็ปริ่ม ๆ...ใช้กูเป็นลูกเลย โปรดเมตตากูบ้างเถอะ ! #สวัสดีวันลูกหมาแห่งชาติ !
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ได้เปิดเพจในไทยทามส์ ชื่อ เอื้อเสื้อสกรีนเด็กช่าง ช่วยติดตามด้วยน่ะ
    วันนี้ได้เปิดเพจในไทยทามส์ ชื่อ เอื้อเสื้อสกรีนเด็กช่าง ช่วยติดตามด้วยน่ะ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ

    ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2)

    นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น!

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู

    เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร

    แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s

    เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html
    https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424
    https://j.021east.com/p/1652758642049238
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html
    https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯
    https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725
    https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990
    https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s
    https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s
    https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html

    #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ผ้าไหมทอลายสูจิ่น เทคนิคการทออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรม** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราตามรอย <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ไปยังแหล่งผลิตของผ้าไหมสูจิ่น (蜀锦) หรือเมืองอี้โจวในเรื่องซึ่งก็คือเมืองเฉิงตูนั่นเอง Storyฯ ได้กล่าวไว้ว่าผ้าไหมสูจิ่นเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดผ้าไหมทอลายของจีน และเทคนิคการทอผ้าสูจิ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนเมื่อปี 2006 วันนี้มาคุยกันต่อค่ะ ประวัติการทอผ้าไหมจีนมีมายาวนานหลายพันปี แต่เทคนิคการทอผ้าสูจิ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนี้มีมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) โดยมีหลักฐานจากการขุดพบเครื่องทอโบราณจากหลุมฝังศพสมัยราชวงศ์ฮั่น และใช้เวลานานมากในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมัน เนื่องจากเอกสารข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับมันมีน้อยมากอันสืบเนื่องจากเมืองเฉิงตูและเขตพื้นที่ทอผ้าได้รับความเสียหายจากไฟสงครามเมื่อแมนจูเข้ายึด ปัจจุบันมีการจำลองขึ้นใหม่จนใช้การได้จริง จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู (Chengdu Shu Brocade And Embroidery Museum) (ดูรูปประกอบ 2) นอกจากนี้ยังมีการขุดพบผ้าไหมทอลายสูจิ่นในพื้นที่แถบซินเกียงที่สะท้อนถึงความสามารถในการทอผ้าลายซับซ้อนในสมัยฮั่น โดยผลงานที่โด่งดังมากที่สุดคือผ้าหุ้มข้อมือที่มีชื่อเรียกว่า ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่จงกั๋ว’ (五星出东方利中国/ Five Stars Rising in the East) ผ้าผืนนี้มีสีสันสดใสโดยเน้นสีที่เป็นตัวแทนของห้าดาว (ห้าธาตุ) มีลายสัตว์มงคลและตัวอักษร ‘อู่ซิงชูตงฟางลี่ตงกั๋ว’ และเนื่องด้วยมีการค้นพบเศษผ้าอื่นที่มีลายต่อเนื่องกัน ผู้เชี่ยวชาญจึงวิเคราะห์ไว้ว่าผ้าผืนเต็มประกอบด้วยตัวอักษรยี่สิบอักษร เป็นผ้าทอเนื้อละเอียดมาก ภายในผ้าหนึ่งตารางเซ็นติเมตรมีด้ายยืนทับซ้อนกันทั้งสิ้นกว่า 200 เส้น! ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เครื่องทอผ้าถูกพัฒนาให้ทอลายที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้นและมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น โดยมีการบรรยายลักษณะไว้ในบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 เพื่อบันทึกถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง (ดูรูปประกอบ 3) ปัจจุบันมีเครื่องโบราณจริงจากสมัยชิงแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าทอและงานปักสูจิ่นเมืองเฉิงตู เครื่องทอที่ว่านี้ต้องใช้ช่างทอสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งนั่งข้างบนบังคับกลุ่มเส้นไหมเพื่อจัดลายทอ อีกคนหนึ่งนั่งข้างล่างทำหน้าที่ทอและดูแลเรื่องเฉดสี รวมแล้วมีเส้นไหมกว่าหมื่นเส้นที่ต้องบังคับ มีขนาดเล็กคือ ‘เสี่ยวฮวาโหลว’ และขนาดใหญ่คือ ‘ต้าฮวาโหลว’ โดยต้าฮวาโหลวมีความสูงถึงห้าเมตร แม้แต่อาจารย์ผู้มีประสบการณ์มาหลายสิบปียังสามารถทอได้เพียงไม่เกินสิบเซ็นติเมตรต่อวันด้วยมันต้องใช้แรงและโฟกัสมาก และความยากที่สุดของการทอผ้าไหมสูจิ่นด้วยเครื่องอย่างนี้คือการเอาลายที่ดีไซน์บนภาพวาดแปลงออกมาเป็นการเรียงเส้นไหมนั่งเอง เล่าอย่างนี้อาจนึกภาพไม่ออก เพื่อนเพจลองดูคลิปสั้นนี้ก็จะพอเห็นภาพค่ะ https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M และหากใครพอมีเวลาก็ลองดูสาระคดียาวประมาณ 15 นาทีมีซับภาษาอังกฤษ ก็จะเห็นความซับซ้อนของการทอผ้าสูจิ่นอย่างเต็มรูปแบบ... https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s เอกลักษณ์ของผ้าสูจิ่นคือลายทอพื้นเมือง เทคนิคการทอลายทับซ้อนได้หลายชั้นและมีสีสันที่สดใส โดยมีชื่อเรียกจำแนกชนิดย่อยไปได้อีกตามลายทอ อธิบายเช่นนี้ก็คงจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ในรูปประกอบ 1 ก็พอจะเห็นบางส่วนของลายทอต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1732938607168793.html https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=1083381463798209&id=100063790956424 https://j.021east.com/p/1652758642049238 https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html https://www.ccmapp.cn/news/detail?id=bd8d36d9-2b59-4fa0-b8e9-7d8b65852db3&categoryid=&categoryname=最新资讯 https://www.chinasilkmuseum.com/cs/info_164.aspx?itemid=26725 https://www.researchgate.net/figure/Traditional-Chinese-drawbar-silk-loom-Roads-to-Zanadu_fig4_284551990 https://news.qq.com/rain/a/20241229A059DQ00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.youtube.com/shorts/fPzQzevjD2M https://www.youtube.com/watch?v=uYHbELbospQ&t=609s https://www.youtube.com/watch?v=1zNDpGNh_Z4&t=1197s https://sichuan.scol.com.cn/ggxw/202102/58058065.html #ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ #ผ้าไหมจีน #ผ้าไหมจิ่น #สูจิ่น #เฉิงตู #สามก๊ก #สี่สุดยอดผ้าไหมจีน #เครื่องทอผ้าจีนโบราณ #สาระจีน
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลั่งรักแหละ

    #ช้างเรื่องเยอะ #เฟรนบลูด๊อก
    คลั่งรักแหละ #ช้างเรื่องเยอะ #เฟรนบลูด๊อก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา

    ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป

    Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย

    งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน

    เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ

    เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร?

    เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา

    Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月
    https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html
    https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk
    http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/
    http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html
    https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html
    https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193
    #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร? เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月 https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/ http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193 #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านพ่อท่านแดง รุ่น 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538
    เนื้อว่านพ่อท่านแดงหลังยันต์เก้ายอด รุ่น 5 แชะ ( ตอกโค็ด ) วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นสุดยอดประสบการณ์ พิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเด่นทางคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย โด่งดังไปทั่วประเทศ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    ** เนื้อว่านพ่อท่านแดงหลังยันต์เก้ายอด รุ่น 5 แชะ ( ตอกโค็ด ) พระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2538 สร้างเป็นพิมพ์พิเศษ มีพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง

    ครั้งที่1 ที่วัดช้างให้โดยพ่อท่านแดงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก มีพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ฯลฯ ร่วมพิธีปลุกเสกด้วย

    ครั้งที่2 พ่อท่านแดงได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 9 วัน

    ครั้งที่ 3 มีพิธีใหญ่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ มีพระเกจิ ทั่วทุกสารทิศมาร่วมในพิธีมากมาย

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านพ่อท่านแดง รุ่น 5 แชะ วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 เนื้อว่านพ่อท่านแดงหลังยันต์เก้ายอด รุ่น 5 แชะ ( ตอกโค็ด ) วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นสุดยอดประสบการณ์ พิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นทางคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้า เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย โด่งดังไปทั่วประเทศ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> ** เนื้อว่านพ่อท่านแดงหลังยันต์เก้ายอด รุ่น 5 แชะ ( ตอกโค็ด ) พระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2538 สร้างเป็นพิมพ์พิเศษ มีพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง ครั้งที่1 ที่วัดช้างให้โดยพ่อท่านแดงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก มีพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ฯลฯ ร่วมพิธีปลุกเสกด้วย ครั้งที่2 พ่อท่านแดงได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 9 วัน ครั้งที่ 3 มีพิธีใหญ่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ มีพระเกจิ ทั่วทุกสารทิศมาร่วมในพิธีมากมาย ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”กิจจา บุรานนท์” อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ โพสต์วิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย และคณะรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบการแต่งกายของคณะรัฐมนตรีกับ "A Fashion Stupid" หรือแฟชั่นที่โง่เขลา

    จากกรณี กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง สำหรับนายกคนที่ 31 อย่าง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” กับ “แฟชั่นการแต่งตัว” ล่าสุด วันนี้ (20 มี.ค.) กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว วิจารณ์การการแต่งตัวของคณะรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบกับ "A Fashion Stupid" หรือแฟชั่นที่โง่เขลา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000026544

    #MGROnline #กางเกงช้าง #กางเกงลายอัตลักษณ์ #สงกรานต์
    ”กิจจา บุรานนท์” อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ โพสต์วิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย และคณะรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบการแต่งกายของคณะรัฐมนตรีกับ "A Fashion Stupid" หรือแฟชั่นที่โง่เขลา • จากกรณี กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง สำหรับนายกคนที่ 31 อย่าง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” กับ “แฟชั่นการแต่งตัว” ล่าสุด วันนี้ (20 มี.ค.) กิจจา บุรานนท์ อดีตคอลัมนิสต์ นิตยสาร ‘ดิฉัน’ ‘พลอยแกมเพชร’ ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว วิจารณ์การการแต่งตัวของคณะรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบกับ "A Fashion Stupid" หรือแฟชั่นที่โง่เขลา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000026544 • #MGROnline #กางเกงช้าง #กางเกงลายอัตลักษณ์ #สงกรานต์
    Haha
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอ้รักเอ๋ยรักของสาวช่างเร่าร้อน
    เปลี่ยนคู่นอนนับสิบคู่ยังสู้ไหว
    สลับชู้สลับชายหลากหลายใจ
    สลับใครขึ้นคร่อมโดยพร้อมเพรียง
    โอ้รักเอ๋ยรักของสาวช่างเข้าขั้น
    คนเขาลั่นเขาลือออกชื่อเสียง
    ตั้งแต่ท้องถนนยันบนเตียง
    ไม่สิ้นเสียงกระเส่าบรรเทาใจ
    รสสวาทหยาดย้อยอร่อยรัก
    คือกับดักดอกไม้นั้นใช่ไหม
    คือน้ำผึ้งผสมพิษชนิดใด
    จึงฆ่าใจของชายให้วายปราณ
    หลงเข้าไปติดกับพอรับรส
    แค่เพียงหยดมิอาจยั้งยื้อสังขาร
    ในคืนโลกหลับไหลบรรลัยลาญ
    เลยลมปราณหลุดปลิวละลิ่วลอย
    โอ้รักเอ๋ยรักของสาวน่าเศร้านัก
    ไยนำชักความอับโชคอันโศกสร้อย
    ทิ้งเรื่องราวข่าวร้ายเอาไว้คอย
    เป็นร่องรอยให้รับรู้หดหู่จัง
    โอ้รักเอ๋ยรักของสาวช่างเร่าร้อน เปลี่ยนคู่นอนนับสิบคู่ยังสู้ไหว สลับชู้สลับชายหลากหลายใจ สลับใครขึ้นคร่อมโดยพร้อมเพรียง โอ้รักเอ๋ยรักของสาวช่างเข้าขั้น คนเขาลั่นเขาลือออกชื่อเสียง ตั้งแต่ท้องถนนยันบนเตียง ไม่สิ้นเสียงกระเส่าบรรเทาใจ รสสวาทหยาดย้อยอร่อยรัก คือกับดักดอกไม้นั้นใช่ไหม คือน้ำผึ้งผสมพิษชนิดใด จึงฆ่าใจของชายให้วายปราณ หลงเข้าไปติดกับพอรับรส แค่เพียงหยดมิอาจยั้งยื้อสังขาร ในคืนโลกหลับไหลบรรลัยลาญ เลยลมปราณหลุดปลิวละลิ่วลอย โอ้รักเอ๋ยรักของสาวน่าเศร้านัก ไยนำชักความอับโชคอันโศกสร้อย ทิ้งเรื่องราวข่าวร้ายเอาไว้คอย เป็นร่องรอยให้รับรู้หดหู่จัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อทวด 5 แชะ พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538
    หลวงพ่อทวด 5 แชะ หลังฝังเพชรหน้าทั่ง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 // รุ่นสุดยอดประสบการณ์ นิยม // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเด่นทาง เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    ** หลวงปู่ทวดพ่อท่านแดงเนื้อว่านห้าแชะด้านหลังฝังเพชรหน้าทั่ง พระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2538 สร้างเป็นพิมพ์พิเศษ มีพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง

    ครั้งที่1 ที่วัดช้างให้โดยพ่อท่านแดงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก มีพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ฯลฯ ร่วมพิธีปลุกเสกด้วย

    ครั้งที่2 พ่อท่านแดงได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 9 วัน

    ครั้งที่ 3 มีพิธีใหญ่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ มีพระเกจิ ทั่วทุกสารทิศมาร่วมในพิธีมากมาย

    ** สาเหตุที่ทำให้เรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น ห้าแชะ ก็เนื่องมาจากเมื่อปี 2539 พนักงานธนาคารทหารไทย สาขายะลา ต้องนำเงินไปส่งให้ลูกค้าเป็นจำนวน 610,000 บาทซึ่งร้านที่ไปส่งนั้นห่างจากธนาคารเพียงแค่ 100เมตร ระหว่างทางได้มีโจร 2 คน มาดักปล้น ซึ่งนายธนาคารไม่ยอมให้เงินไปจึงขัดขืนโจรได้ชักปืนออกมายิง 4 นัดแต่กระสุนด้านโจรจึงเกิดอาการตกตะลึง จากนั้นจึงวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะหลบหนีแต่ก่อนจะขับหนีได้หันมายิงอีก 1 นัด แต่ยังยิงไม่ออกอยู่ดีซึ่งพนักงานธนาคารเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพระเครื่องที่พกติดตัวก็คือพระหลวงพ่อทวดพิมพ์พิเศษที่พ่อท่านแดงปลุกเสก ซึ่งขณะนี้พระเครื่องรุ่นนี้กำลังได้รับความนิยมจากในวงการเป็นอย่างมาก ต่อไปจะหาได้ยากยิ่งและราคาสูงขึ้นอีกด้วยอย่ามัวรอช้านะครับ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวด 5 แชะ พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 หลวงพ่อทวด 5 แชะ หลังฝังเพชรหน้าทั่ง พิมพ์ใหญ่ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี ปี2538 // รุ่นสุดยอดประสบการณ์ นิยม // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นทาง เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ดีนัก. เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> ** หลวงปู่ทวดพ่อท่านแดงเนื้อว่านห้าแชะด้านหลังฝังเพชรหน้าทั่ง พระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2538 สร้างเป็นพิมพ์พิเศษ มีพิธีพุทธาภิเษกถึง 3 ครั้ง ครั้งที่1 ที่วัดช้างให้โดยพ่อท่านแดงจุดเทียนชัยพุทธาภิเษก มีพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว หลวงพ่อเขียว วัดห้วยเงาะ ฯลฯ ร่วมพิธีปลุกเสกด้วย ครั้งที่2 พ่อท่านแดงได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 9 วัน ครั้งที่ 3 มีพิธีใหญ่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ มีพระเกจิ ทั่วทุกสารทิศมาร่วมในพิธีมากมาย ** สาเหตุที่ทำให้เรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น ห้าแชะ ก็เนื่องมาจากเมื่อปี 2539 พนักงานธนาคารทหารไทย สาขายะลา ต้องนำเงินไปส่งให้ลูกค้าเป็นจำนวน 610,000 บาทซึ่งร้านที่ไปส่งนั้นห่างจากธนาคารเพียงแค่ 100เมตร ระหว่างทางได้มีโจร 2 คน มาดักปล้น ซึ่งนายธนาคารไม่ยอมให้เงินไปจึงขัดขืนโจรได้ชักปืนออกมายิง 4 นัดแต่กระสุนด้านโจรจึงเกิดอาการตกตะลึง จากนั้นจึงวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะหลบหนีแต่ก่อนจะขับหนีได้หันมายิงอีก 1 นัด แต่ยังยิงไม่ออกอยู่ดีซึ่งพนักงานธนาคารเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพระเครื่องที่พกติดตัวก็คือพระหลวงพ่อทวดพิมพ์พิเศษที่พ่อท่านแดงปลุกเสก ซึ่งขณะนี้พระเครื่องรุ่นนี้กำลังได้รับความนิยมจากในวงการเป็นอย่างมาก ต่อไปจะหาได้ยากยิ่งและราคาสูงขึ้นอีกด้วยอย่ามัวรอช้านะครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา

    🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟

    📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️

    เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่?

    👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ธรรม์เป็นบุตรชายของ
    👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก
    ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง

    🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์"

    🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s

    📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น
    - กระโปรงบานขาสั้น
    - ม.6/2 ห้องครูวารี
    - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว
    - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว
    - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง

    📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫

    แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง

    ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)

    ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น...

    🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

    🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา

    👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย

    🕵️‍♂️ ปมปริศนา
    - อุบัติเหตุพลัดตก?
    - เมาสุราจนเสียการทรงตัว?
    - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา?

    ไม่มีใครรู้ความจริง!

    💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...”

    คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้

    👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม!

    🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม?
    1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ

    2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า

    3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?

    หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰

    🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆

    🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่
    🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี
    🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง

    ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้...

    🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

    ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย
    ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย

    “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️

    📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568

    📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา 🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟 📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️ เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่? 👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ธรรม์เป็นบุตรชายของ 👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง 🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์" 🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s 📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้ ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น - กระโปรงบานขาสั้น - ม.6/2 ห้องครูวารี - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง 📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫 แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น... 🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา 👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย 🕵️‍♂️ ปมปริศนา - อุบัติเหตุพลัดตก? - เมาสุราจนเสียการทรงตัว? - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา? ไม่มีใครรู้ความจริง! 💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...” คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้ 👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม! 🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม? 1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ 2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า 3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่? หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰 🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆 🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ 🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี 🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้... 🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️ 📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568 📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts