• ประชาชนจีนเริ่มตื่นรู้มากขึ้นกันเองเรื่อยๆแล้ว,อนาคตจะเห็นประเทศจีนแบ่งแยกประเทศเร็วๆนี้แน่ๆ,ประชาชนจีนเขาไม่ทนในเผด็จการในยุคใหม่แน่ๆยิ่งคนรุ่นใหม่ๆอีก,คำทำนายที่ว่าจีนจะแยกเป็นประเทศต่างๆจากมลฑลต่างๆเป็นแต่ละประเทศคงเร็วๆนี้แน่นอน,สังคมโซเชียลรับรู้ทั่วโลกอีก,ปิดระบบเน็ตไม่ได้หรอก,ยิ่งถ้าแบบฝรั่งอเมริกาสอดไส้แทรกแซงปลุกปั่นอีกแบบตามน้ำ เอาคุณค่าเสรีด้านความเป็นมนุษย์มากล่าวอ้างอีกมิใช่บังคับข่มขืนการกระทำต่างๆต่อประชาชนคนในประเทศจีนแบบนี้อีก,ยิ่งจะมีการประท้วงของประชาชนทั่วทุกๆมลฑลของจีน,สงครามพันทางภายในประเทศจีนตนนั้นล่ะ,สุดท้ายแต่ละมลฑลร่วมกันแยกเป็นประเทศปกครองแบบโลกเสรีที่เขาเห็นคุณค่าความเป็นคนกันเองในหมู่ประชาชนเขา,มิใชเพื่อเป็นเครื่องมือทรัพย์สินเพื่อค้าประโยชน์กำไรจากสถานะคนๆจีนก็ว่า,เราคงได้เห็นในยุคผู้นำจีนคนใหม่ก็ได้,ประชากรจีนยิ่งมากมาย การเปลี่ยนแปลงด้วยมือคนจีนที่มากมายหลายมือก็ง่ายดายมากเช่นกัน.
    ..อนาคตยุคสมัยหน้า ระบบเผด็จการจะอยู่บนโลกนี้ลำบาก และทั่วทั้งโลกเขาจะมองตัวอย่างแบบไทยเราคือต้นแบบการดำรงสัมมาชีวิตของชาวโลกยุคใหม่แน่ๆ,เราแค่กำจัดผู้นำผู้ปกครองกากๆเหี้ยๆทิ้งก็จบแล้ว,พวกนี้แค่ถ่วงความเจริญของวิถีปกครองไทยอันดีงามไม่กี่ปีหรอก นับจากคณะกบฎ2475มาถึงปัจจุบันคงใกล้จบแล้ว,ยุคร.10เราคือยุคเปลี่ยนสมัยดินแดนไทยสู่ผาสุกจริงๆตลอดสิ้น5,000ปีพุทธกาลก็ว่า,หรือบวกลบไม่เกินปีพ.ศ.2600ไทยเราจึงเริ่มเสื่อมลงก็ว่า,ส่วนชาติอื่นๆทั่วโลกหากวิถีปกครองไม่ลอกเลียนแบบไทยเราไป,อนาถและสิ้นประเทศทั้งหมดก่อนไทยเราแต่ต้นๆยุคเปลี่ยนถ่ายนี้ล่ะ.
    ..จีนและอเมริกา หากเริ่มแบ่งแยกตัวเป็นประเทศใครมันจริงในแต่ละรัฐในแต่ละมลฑล นั้นแสดงว่าสิ่งดีๆกำลังมาเยือนโลกเราแล้ว,ระดับจิตวิญญาณดีของผู้คนชาวโลกจะตื่นรู้ค่าจริงนั้นเอง,เช่นรับรู้ว่าตนชาวจีนถูกกดขี่ข่มเหงไร้ความยุติธรรมในคุณค่าชีวิตตนคนจีนเป็นต้น แล้วออกมาทวงคืนสัมมาชีวิตวิถีตนคืนก็ว่า,ทำลายระบบคอมมิวนิสต์หรือระบบปกครองที่เหี้ยๆตนลงในแต่ละประเทศทั่วโลกลงก็ว่าหรือโลกปรับสมดุลวิถีปกครองนั้นเอง,โลกคัดระบบปกครองที่ดีไว้,ลบทำลายระบบปกครองที่กากๆถ่วงความเจริญของการยกระดับจิตของโลกหรือจิตวิญญาณของโลก,แม่ของโลกที่เป็นเชิงลบทิ้งไปนั้นเอง,แม่ของโลกคัดกรองระบบปกครองที่ส่งเสริมสนับสนุนจิตวิญญาณชาวโลกที่ดีไว้,อัพเรเวลจิตวิญญาณคนชาวโลกได้นั้นเองของวิถีปกครองที่ดีๆนั้นก็ว่า.

    .https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN

    ..https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN
    ประชาชนจีนเริ่มตื่นรู้มากขึ้นกันเองเรื่อยๆแล้ว,อนาคตจะเห็นประเทศจีนแบ่งแยกประเทศเร็วๆนี้แน่ๆ,ประชาชนจีนเขาไม่ทนในเผด็จการในยุคใหม่แน่ๆยิ่งคนรุ่นใหม่ๆอีก,คำทำนายที่ว่าจีนจะแยกเป็นประเทศต่างๆจากมลฑลต่างๆเป็นแต่ละประเทศคงเร็วๆนี้แน่นอน,สังคมโซเชียลรับรู้ทั่วโลกอีก,ปิดระบบเน็ตไม่ได้หรอก,ยิ่งถ้าแบบฝรั่งอเมริกาสอดไส้แทรกแซงปลุกปั่นอีกแบบตามน้ำ เอาคุณค่าเสรีด้านความเป็นมนุษย์มากล่าวอ้างอีกมิใช่บังคับข่มขืนการกระทำต่างๆต่อประชาชนคนในประเทศจีนแบบนี้อีก,ยิ่งจะมีการประท้วงของประชาชนทั่วทุกๆมลฑลของจีน,สงครามพันทางภายในประเทศจีนตนนั้นล่ะ,สุดท้ายแต่ละมลฑลร่วมกันแยกเป็นประเทศปกครองแบบโลกเสรีที่เขาเห็นคุณค่าความเป็นคนกันเองในหมู่ประชาชนเขา,มิใชเพื่อเป็นเครื่องมือทรัพย์สินเพื่อค้าประโยชน์กำไรจากสถานะคนๆจีนก็ว่า,เราคงได้เห็นในยุคผู้นำจีนคนใหม่ก็ได้,ประชากรจีนยิ่งมากมาย การเปลี่ยนแปลงด้วยมือคนจีนที่มากมายหลายมือก็ง่ายดายมากเช่นกัน. ..อนาคตยุคสมัยหน้า ระบบเผด็จการจะอยู่บนโลกนี้ลำบาก และทั่วทั้งโลกเขาจะมองตัวอย่างแบบไทยเราคือต้นแบบการดำรงสัมมาชีวิตของชาวโลกยุคใหม่แน่ๆ,เราแค่กำจัดผู้นำผู้ปกครองกากๆเหี้ยๆทิ้งก็จบแล้ว,พวกนี้แค่ถ่วงความเจริญของวิถีปกครองไทยอันดีงามไม่กี่ปีหรอก นับจากคณะกบฎ2475มาถึงปัจจุบันคงใกล้จบแล้ว,ยุคร.10เราคือยุคเปลี่ยนสมัยดินแดนไทยสู่ผาสุกจริงๆตลอดสิ้น5,000ปีพุทธกาลก็ว่า,หรือบวกลบไม่เกินปีพ.ศ.2600ไทยเราจึงเริ่มเสื่อมลงก็ว่า,ส่วนชาติอื่นๆทั่วโลกหากวิถีปกครองไม่ลอกเลียนแบบไทยเราไป,อนาถและสิ้นประเทศทั้งหมดก่อนไทยเราแต่ต้นๆยุคเปลี่ยนถ่ายนี้ล่ะ. ..จีนและอเมริกา หากเริ่มแบ่งแยกตัวเป็นประเทศใครมันจริงในแต่ละรัฐในแต่ละมลฑล นั้นแสดงว่าสิ่งดีๆกำลังมาเยือนโลกเราแล้ว,ระดับจิตวิญญาณดีของผู้คนชาวโลกจะตื่นรู้ค่าจริงนั้นเอง,เช่นรับรู้ว่าตนชาวจีนถูกกดขี่ข่มเหงไร้ความยุติธรรมในคุณค่าชีวิตตนคนจีนเป็นต้น แล้วออกมาทวงคืนสัมมาชีวิตวิถีตนคืนก็ว่า,ทำลายระบบคอมมิวนิสต์หรือระบบปกครองที่เหี้ยๆตนลงในแต่ละประเทศทั่วโลกลงก็ว่าหรือโลกปรับสมดุลวิถีปกครองนั้นเอง,โลกคัดระบบปกครองที่ดีไว้,ลบทำลายระบบปกครองที่กากๆถ่วงความเจริญของการยกระดับจิตของโลกหรือจิตวิญญาณของโลก,แม่ของโลกที่เป็นเชิงลบทิ้งไปนั้นเอง,แม่ของโลกคัดกรองระบบปกครองที่ส่งเสริมสนับสนุนจิตวิญญาณชาวโลกที่ดีไว้,อัพเรเวลจิตวิญญาณคนชาวโลกได้นั้นเองของวิถีปกครองที่ดีๆนั้นก็ว่า. .https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN ..https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า
    “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย
    แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า”
    .
    ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร
    [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665]
    แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้
    ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา
    พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้
    .
    .
    เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน
    .
    อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง
    .
    ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่
    .
    ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ
    .
    อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร
    .
    เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ
    .
    ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้
    .
    คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา
    .
    บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด
    .
    กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้
    .
    คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า” . ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665] แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้ ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้ . . เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน . อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง . ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่ . ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ . อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร . เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ . ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้ . คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา . บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด . กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทั่วโลกไม่ทํา(เว้นไทย) ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศขอเปิดบัญชี มีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี ซึ่งใน 15 บัญชีของผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ขยายผลเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานจีนออกหมายจับชาวจีนที่หนี ประสานธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา

    -บัญชีวัดไร่ขิงพิรุธเพียบ

    -ทำไมต้องเอาเป็นเอาตาย

    -ส.อ.ท.หนุนชะลอแจกเงินหมื่น

    -ทีมสุดซอยค้นฟรีโซน
    ทั่วโลกไม่ทํา(เว้นไทย) ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [NEWS UPDATE] พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศขอเปิดบัญชี มีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี ซึ่งใน 15 บัญชีของผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ขยายผลเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท พบเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานจีนออกหมายจับชาวจีนที่หนี ประสานธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา -บัญชีวัดไร่ขิงพิรุธเพียบ -ทำไมต้องเอาเป็นเอาตาย -ส.อ.ท.หนุนชะลอแจกเงินหมื่น -ทีมสุดซอยค้นฟรีโซน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • ทั้งโลกมีที่ไทย Only! ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [THE MESSAGE]
    ล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคารสนับสนุนขบวนการคอลเซ็นเตอร์เปิดบัญชีธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศเพื่อขอเปิดบัญชี โดยมีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี
    ซึ่งใน 15 บัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ถอนไปแล้ว 91 ล้านบาท ที่เหลืออายัดเอาไว้ได้ มีผู้เสียหาย 106 คดี ขยายผลต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล
    ประสานทางการจีนออกหมายจับ
    ชาวจีนที่หลบหนีออกนอกประเทศ และประสานธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา
    ทั้งโลกมีที่ไทย Only! ใช้วีซ่าเปิดบัญชีม้า : [THE MESSAGE] ล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยถึงการจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคารสนับสนุนขบวนการคอลเซ็นเตอร์เปิดบัญชีธนาคาร และจับกลุ่มผู้ต้องหาอํานวยความสะดวกให้ผู้ต้องหาชาวจีน โดยพาไปติดต่อธนาคารทั่วประเทศเพื่อขอเปิดบัญชี โดยมีผู้จัดการธนาคารและพนักงานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เปิดบัญชีได้ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว โดยได้ส่วนแบ่งจากการเปิดบัญชี ซึ่งใน 15 บัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนมีเงินเข้า 118 ล้านบาท ถอนไปแล้ว 91 ล้านบาท ที่เหลืออายัดเอาไว้ได้ มีผู้เสียหาย 106 คดี ขยายผลต่อเนื่องเกี่ยวข้องกับ 462 บัญชี มีผู้เสียหาย 2,084 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,200 ล้านบาท อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล ประสานทางการจีนออกหมายจับ ชาวจีนที่หลบหนีออกนอกประเทศ และประสานธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่เปิดบัญชีธนาคารด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวว่ามีช่องโหว่หรือไม่ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกไม่มีใครทํา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • Xu Yang นักศึกษาจีนทำลายสถิติโลกด้านความเร็วของไมโครโดรน

    Xu Yang นักศึกษาชาวจีน สร้างสถิติโลกใหม่สำหรับไมโครโดรน โดยโดรนของเขา สามารถบินด้วยความเร็วสูงถึง 340.78 กม./ชม. (211.75 ไมล์/ชม.) ซึ่งเทียบเท่ากับความเร็วของรถไฟความเร็วสูง

    ✅ Xu Yang ใช้ใบพัดที่ออกแบบเองผ่านการพิมพ์ 3 มิติ
    - ช่วยให้ โดรนของเขามีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำลายสถิติ

    ✅ ไมโครโดรนของเขามีน้ำหนักต่ำกว่า 250 กรัม
    - ทำให้ สามารถบินได้เร็วขึ้นโดยลดแรงต้านอากาศ

    ✅ สถิตินี้ได้รับการรับรองจาก Guinness World Records
    - เป็น สถิติใหม่สำหรับโดรนควอดคอปเตอร์ขนาดเล็กที่ควบคุมจากระยะไกล

    ✅ Xu Yang ได้รับความช่วยเหลือจากนักแข่งโดรนมืออาชีพในการพัฒนาเทคโนโลยี
    - ทำให้ สามารถปรับปรุงการออกแบบให้เหมาะสมกับการแข่งขัน

    ✅ ไมโครโดรนกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากขึ้น
    - อาจมีการนำไปใช้ใน การแข่งขันกีฬาและการพัฒนาเทคโนโลยีการบิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/chinese-student-xu-yang-breaks-impossible-microdrone-world-speed-record
    Xu Yang นักศึกษาจีนทำลายสถิติโลกด้านความเร็วของไมโครโดรน Xu Yang นักศึกษาชาวจีน สร้างสถิติโลกใหม่สำหรับไมโครโดรน โดยโดรนของเขา สามารถบินด้วยความเร็วสูงถึง 340.78 กม./ชม. (211.75 ไมล์/ชม.) ซึ่งเทียบเท่ากับความเร็วของรถไฟความเร็วสูง ✅ Xu Yang ใช้ใบพัดที่ออกแบบเองผ่านการพิมพ์ 3 มิติ - ช่วยให้ โดรนของเขามีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำลายสถิติ ✅ ไมโครโดรนของเขามีน้ำหนักต่ำกว่า 250 กรัม - ทำให้ สามารถบินได้เร็วขึ้นโดยลดแรงต้านอากาศ ✅ สถิตินี้ได้รับการรับรองจาก Guinness World Records - เป็น สถิติใหม่สำหรับโดรนควอดคอปเตอร์ขนาดเล็กที่ควบคุมจากระยะไกล ✅ Xu Yang ได้รับความช่วยเหลือจากนักแข่งโดรนมืออาชีพในการพัฒนาเทคโนโลยี - ทำให้ สามารถปรับปรุงการออกแบบให้เหมาะสมกับการแข่งขัน ✅ ไมโครโดรนกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากขึ้น - อาจมีการนำไปใช้ใน การแข่งขันกีฬาและการพัฒนาเทคโนโลยีการบิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/chinese-student-xu-yang-breaks-impossible-microdrone-world-speed-record
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese student Xu Yang breaks ‘impossible’ microdrone world speed record
    With help from other drone speedsters, Xu comes up with his own 3D-printed propellers for his superfast small quadcopter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า

    มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025
    - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY)
    - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์
    - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)
    - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY)

    ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน
    - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน

    ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025
    - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด

    ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน
    - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า

    ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย
    - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    การนำเข้า GPU ไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้น 3,400% ในปี 2025: สัญญาณเตือนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้า มาเลเซียกำลังเผชิญกับ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของการนำเข้า GPU โดยในเดือนเมษายน 2025 มีการนำเข้า มูลค่ารวม 2.74 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3,400% จากปี 2023 ข้อมูลนี้มาจาก Taiwan’s International Trade Administration และถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้ X @kakashiii111 ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปี 2025 - มกราคม: 1.12 พันล้านดอลลาร์ (+700% YoY) - กุมภาพันธ์: 627 ล้านดอลลาร์ - มีนาคม: 1.96 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) - เมษายน: 2.74 พันล้านดอลลาร์ (+3,400% YoY) ✅ การนำเข้า GPU ในมาเลเซียอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าสู่จีน - สหรัฐฯ ได้ขอให้มาเลเซีย เพิ่มมาตรการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ✅ AI Diffusion Rule จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 - อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็น ช่องทางลับสำหรับการนำเข้าเทคโนโลยีที่ถูกจำกัด ✅ Nvidia อาจไม่เปิดเผยปริมาณการส่งออก GPU ไปยังมาเลเซียอย่างชัดเจน - เนื่องจาก ใช้ระบบรายงานรายได้ตามสถานที่เรียกเก็บเงินของลูกค้าแทนที่จะเป็นปลายทางจริงของสินค้า ✅ การนำเข้า GPU และอุปกรณ์ AI อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของมาเลเซีย - หรืออาจเป็น ช่องทางสำหรับผู้ซื้อชาวจีนในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpu-imports-to-malaysia-surge-by-3-400-percent-in-2025-raising-alarm-amid-smuggling-investigations
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนยังคงตะแบงอย่างข้างๆ คูๆ และดูเหมือนคำอธิบายที่ผมพยายามเขียนอยู่หลายครั้งก็ดูจะไม่ค่อยไปถึงไหนไกล นี่คือวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้ง และมีแต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะพ้องกับวิทยาศาสตร์นี้อย่างลงตัว
    .
    หนึ่งในเรื่องราวที่มีคนรู้น้อยมาก อันที่จริงต้องพูดว่าคนส่วนใหญ่ไม่แยแสสนใจ เป็นเรื่องของชาวเล หรือที่มีชื่อว่าโอรังลาโว้ย (บ้างเรียก อูรักลาโว้ย) เป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่เรียกว่า "โอรังอัสลิ" ที่ซึ่งอันที่จริงเป็นญาติข้างพี่จากสายพันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของผู้คนในอุษาคเนย์และเกาะแก่งในอุษาสมุทรแทบทั้งหมด.
    .
    Orang หรือ โอรัง มาจากภาษามาเลย์ แปลว่า คน / Asli หรือ อัสลิ แปลว่า เก่าแก่ ดั้งเดิม. โอรังอัสลิ หมายถึง คนดั้งเดิม มีความหมายตามคำเช่นนั้นตามความเป็นจริง ในอุษาคเนย์ตอนกลางจนจรดคาบสมุทรมาเลย์และเกาะในอุษาสมุทร นอกจากพวกปาปัวและออสโตรอะบอริจิ้นแล้ว ไม่มีใครมีดีเอ็นเอเก่าแก่ไปกว่าพวกโอรังอัสลิ พวกที่มี time stamp ในดีเอ็นเอเก่าที่สุดเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในซาบาห์ เกาะบอร์เนียว
    .
    โอรังอัสลิประกอบด้วยชนเผ่ามากมาย ในประเทศไทยมีพวก โอรังลาโว้ย เซมัง มานิ.. อาศัยอยู่ในภาคใต้ ในประเทศมาเลเซีย มีพวกโอรังกัวลา โอรังคานาค จาคุน เตมูน เซเมไล...ฯ ชนพื้นเมืองหลายเผ่าปรับตัวเป็นคนเมืองเรียกรวมๆ ว่าเซนอย ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นประชากรชาวมาเลย์ทั่วไป มีพวก เตมีอาร์ เชไม เซมัคบารี จาห์ฮัท มะห์เมรี...ฯ ในประเทศอินโดนีเซียมีพวก ดยัค...ฯ ในประเทศฟิลิปปินส์มีพวก บอนทอค อิฟูเกา...ฯ ในฟอร์โมซาหรือไต้หวันมีพวก อตายาล พูยูมะ...ฯ และที่คาดไม่ถึงคือบางส่วนบนเกาะโอกินาวา
    .
    ชนพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศไทยหลายพวกก็เป็นเชื้อสายอัสเลียน เช่น พวกมอญ พวกลั๊วะ (ข่าว้า, ละว้า) พวกข่าหลายเผ่าที่มีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น กัมมุ มลาบรี..
    .
    ชนเผ่าพวกนี้ถือเป็นบรรพบุรุษของคนเอเชียที่อาศัยในเมนแลนด์อุษาคเนย์อย่างเรา
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่บรรพบุรุษพวกนี้มาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน มีมนุษย์ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้ว คือพวกอะบอริจิ้นิสท์ พวกนี้มาถึงซุนดาตั้งแต่เมื่อห้าหมื่นปีก่อน ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบผู้หญิงอะบอริจิ้นเลือกบรรพบุรุษอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ บีบให้ผู้ชายอะบอริจิ้นกระจายออกจากเมนแลนด์ซุนดาไปสู่เกาะแก่งโดยรอบในอุษาสมุทร ด้วยเหตุที่คนเอเชียมีแม่พันธ์ใหญ่ถึงสี่สาแหรก ทำให้ประชากรชาวเอเชียขยายตัวไปมากกว่าสาแหรกครอบครัวใดในโลก เฉพาะมนุษย์ผู้ชาย มีจำนวนมากกว่า 75% ของชายชาวเอเชียในปัจจุบัน ใน 75% นี้ รวมถึงผู้ชายชาวจีนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกจำนวน 1400 ล้านคน ลองคิดดูว่าคนเอเชียจะมีจำนวนเท่าไหร่ในโลกนี้?
    .
    ที่อธิบายนี่ ต้องการให้เห็นภาพว่า
    ผู้คนในอุษาคเนย์ส่วนใหญ่ มีเชื้อทางพ่อเป็นโอรังอัสลิ และมีเชื้อทางแม่เป็นอะบอริจินิสท์ ดังนั้นหากมีคนใดก็ตามที่ดูถูกเหยียดหยามข่มเหงรังแกคนพื้นเมืองพวกนี้ ให้รู้ไว้เถอะว่า พวกแกกำลังรังแกโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแก
    .
    ผมยกเอาภาพจากหนังสือของอาจารย์ประทีป ชุมพล เรื่อง "เสียงเพรียกจากท้องน้ำ" มาโพสตรงนี้ ก็เพราะโศกนาฏกรรมที่มีต่อชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นบรรพบุรุษเราพวกนี้ถูกรังแกและเหยียดหยามเรื่อยมาจนทุกวันนี้ และคนที่เรียกตนเองว่ามาเลย์นี่แหละ มีไม่น้อยที่มีส่วนในการข่มเหงนี้ อ.ประทีป เขียนหนังสือเล่มนี้ในลักษณะนิยายที่สะท้อนความจริงที่น่าเศร้าซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป
    .
    ตั้งแต่ราวรัชกาลที่หกมาถึงรัชกาลที่เจ็ดได้มีการจัดสรรที่ทำกินให้ชนเผ่าพวกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่จะต้องร่อนเร่อยู่กลางทะเล แต่ "คนเมือง" ที่ซึ่งผมได้เกริ่นไปแต่ต้นว่าที่จริงเป็นพี่น้องลูกหลานมาแต่ชนเผ่าเหล่านี้ทั้งนั้น กลับใช้เล่ห์กลเอาเปรียบและแย่งชิงที่ดินของพวกเขาไป ซึ่งมันได้นำพาไปสู่โศกนาฏกรรมในที่สุด เมื่อชนพื้นเมืองพวกนี้กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต้องคับแค้นใจจนพากันออกไปฆ่าตัวตายกลางทะเล อ.ประทีปได้กลั่นกรองความรู้สึกจากเรื่องราวเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือชื่อ เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    .
    นี่คือเหตุที่ทำไมผมตั้งคำถามกับพวกโจรแยกดินแดนที่ซึ่งล้วนเป็นเซนอยที่มาจากโอรังอัสลิทั้งสิ้นว่า.. แทนที่จะมาทำตัวเป็นอาหรับพลัดถิ่นหรือคนมาเลเซียพลัดถิ่น ถามว่าพวกแกปฏิบัติเช่นไรกับโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแกเหล่านี้? พวกแกได้ดูถูกกดขี่เหยียดหยามแย่งที่ทำกินพวกเขาหรือไม่ เคยเป็นห่วงต่อสู้สิทธิในความเป็นมนุษย์และสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ดั้งเดิมของพวกเขาหรือไม่? ทำไมไม่เรียกร้อง..."คืนแผ่นดินให้เซมัง....คืนแผ่นดินให้มอเกน????"
    .
    ยังมีไอ้พวกโง่ตอแหลจากสำนักอีซิ่มพร พวกไอ้เฒ่าจิตตก ออกมาตีสำนวนอีกว่า ชาวมลายูอยู่มาก่อนสยาม โพสนี้ตอบคำถามทุกอย่างตามที่เล่า จงถอยกลับไปก่อนการมีประเทศมาเลเซียหรือแม้แต่เมืองท่ามะละกา เมืองท่าปัตตานี... บรรพบุรุษมนุษย์พวกหนึ่งที่จะพัฒนาเป็นคนในเมนแลนด์อุษาคเนย์และเกาะในอุษาสมุทร คนพวกนี้พูดภาษาอัสเลียน ผสมพันธุ์กับพวกออสโตรอะบอริจิ้น ทำให้แตกเป็นภาษาออสโตรนีเชียน และเป็นมาลาโยโพลีนีเชียนตามเกาะแก่ง.. ผสมพันธุ์กับชนเผ่าอื่นๆ ในเมนแลนด์ตอนบนแตกแขนงเป็นออสโตเอเชียติกหรือมอญ-เขมร.. เป็นกรอบเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์ที่เรียกว่าคนมาเลย์หรือคนมาลายูเลย ฝรั่งเป็นคนตั้งชื่อดินแดนแถบนี้ว่ามาลายาเมื่อเดินทางมาถึง ในห้วงเวลานั้นดินแดนแถบนั้นไม่มีชื่อหรอก เมื่อเขียนบนแผนที่ก็เลยเป็นที่มาให้เรียกพวกชนชาติแถบนี้รวมๆ ว่าคนมาลายา [แม้แต่จักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ในอดีตก็ไม่ได้เรียกอาณาจักรของตนว่า "จีน" พวกเขาเรียกดินแดนพวกเขาว่า จงกั๋ว (จงหยวน) แต่ฝรั่งเอาแซ่ราชวงศ์จิ๋น (ฉิน) ของจิ๋นซีหวงตี้มาเรียกเป็นชื่อว่าอาณาจักรจิ๋น แล้วเขียนบนแผนที่ทำให้ชาวโลกเรียกอาณาจักรจีนว่า China มาจนทุกวันนี้.. ที่จริงจีนใช้ตัวละตินเขียนว่า Qin แต่ออกเสียง ฉิน] โดยข้อเท็จจริงแล้วประวัติศาสตร์ไม่เคยมีประชาชนมาลายา-มาลายู หรือประเทศมาลายา-มาลายู ไปค้นประวัติศาสตร์ของทุกชาติในเอเชียได้ เช่น บันทึกจีนโบราณ เป็นต้น จะไม่มีบันทึกของชาติใดปรากฏชื่อที่มีสถานะเป็นอาณาจักรหรือประชาชนในชื่อมาลายา-มาลายูอยู่เลย (ใครเจอลองเอามาให้ดูหน่อย) นอกจากหัวเมืองชายแดนอันแยกกันเป็นเอกเทศหลายเมืองที่ล้วนเคยเป็นหัวเมืองประเทศราชของสยามมาก่อน ประเทศมาเลเซียเองเพิ่งปรากฏขึ้นในโลกหลังจากได้เอกราชจากการเป็นอิสระจากอาณานิคมอังกฤษ คนในพื้นที่คาบสมุทรนี้ในยุคก่อนมีราชอาณาจักรสยาม เรียกตัวเองว่า โอรังทั้งนั้น เช่นโอรังบูกิต โอรังเชไม โอรังจาฮัท ฯ... ฝรั่งมันไม่จำหรอก เยอะ.. มันเรียกง่ายๆ ว่าคนมาลายู (ดูแผนที่โบราณที่ผมโพสในคอมเม้นท์ข้างล่างแล้วอ่านคำอธิบาย) เพราะฉนั้น ไม่ใช่แค่คนในอินโด-มาเลเซียที่เป็นพวกอัสเลียน พวกที่เคยเป็นอาณาจักรศรีโพธิ์ อาณาจักรศรีวิชัย พวกศรีธรรมโศกราช พวกพริบพรี พวกละโว้ พวกทวารวดี (ซึ่งต่อมาเป็นพวกสยาม..) พวกมอญ พวกขอม พวกเขมร พวกจาม... ล้วนสืบเชื้อโอรังอัสลิและแม่อะบอริจิ้นมาทั้งนั้น คลานออกมาจากมดลูกเดียวกันทั้งคาบสมุทร!! (เบื่ออธิบายกับพวกแกจริงๆ)
    .
    จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ในอุษาคเนย์ มีชนพื้นเมืองพวกหนึ่งคือพวกข่าว้าหรือพวกลั๊วะ (บางทีเรียก ว้า ละว้า ล้า) จากผลตรวจดีเอ็นเอทุกชนเผ่าในมณฑลหยุนหนานโดยโปรเฟสเซอร์จินลี (นักวิทยาศาสตร์จีน) พวกข่าว้านี้มียีนเก่าที่สุด พอๆ กับพวกปู้ยี (จ้วงเหนือ). มีคำปรำปราอันหนึ่งของชนเผ่าไทกล่าวว่า "สางสร้างฟ้า ล้าสร้างเมือง" แปลว่า "เทวดาสร้างสวรรค์ พวกละว้าสร้างเมือง" ชนเผ่าไทยกย่องอย่างนี้ว่า ล้าสร้างเมือง... ตำนานน้ำเต้าปุงเล่าว่า สางบันดาลน้ำเต้าลูกมหึมาลงมา ปู่ลางเซิงเอาเหล็กแหลมแทงน้ำเต้าแล้วผู้คนก็ไหลกรูกันออกมา ข่าออกมาก่อน แล้วก็ลาว แล้วก็ไท นี่..ไทก็นับว่าข่าเป็นพี่ลาวเป็นพี่... มีตำนานไทอีกอันเรื่องข้าสี่แสนหมอนม้า ชนเผ่าไทโบราณรบกับพวกละว้าแล้วก็ยึดเมืองจากพวกละว้าได้ ทำให้มีประเพณีที่เมื่อจ้าวไททำพิธีขึ้นกินเมืองจะให้พวกละว้าขึ้นนั่งพระแท่นก่อน แล้วเจ้าไทจึงมาไล่ลง เสร็จแล้วค่อยนั่งครองพระแท่นแทน ธรรมเนียมนี้แสดงว่าคนไทยอมรับว่าล้าสร้างเมืองและเป็นใหญ่มาก่อน แต่เกือบพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีพวกละว้าขอแบ่งแยกดินแดนจากไท-ไทยเลยสักสมัย มีแต่พวกละว้าในพม่าที่เจรจาขอแยกจากการเป็นส่วนหนึ่งของพม่าตอนที่ทำสนธิสัญญาปางโหลงกับนายพลอองซาน. เรื่องของเรื่องก็คือ... ถอยไปอีก พวกนี้ก็มาจากโอรังอัสลิเช่นเดียวกับพวกเซนอยมาลายู แต่เก่ากว่าเป็นพันปี
    .
    เดินไปโรงพยาบาลแล้วขอตรวจดีเอ็นเอ ไอ้พวกโง่ แล้วแกจะได้เห็นว่าแกมีเชื้อเดียวกับเซมัง มอเกน. ในดีเอ็นเอมนุษย์มี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า genetic marker มันบอกอายุของดีเอ็นเอได้ว่าใครเก่ากว่ากัน และจะโยงพวกแกไปยังบรรพบุรุษเดียวกันในแอฟริกา ถึงตอนนั้นพวกแกจะแปลกใจว่าแกไม่ใช่คนมาลายูแล้ว แต่พวกแกเป็นคน "กอยซาน!!" เข้าใจไหม? คนอย่างไอ้เฒ่าจิตตกนั่นมันไม่รู้สี่รู้แปดอะไรหรอก เคยไปเล่าให้มันฟังแม่งนั่งอ้าปากหวอ
    .
    อย่างที่กล่าว
    คำว่า โอรังอัสลิ เป็นคำในภาษามาเลย์ของพวกแก แปลว่า คนดั้งเดิม
    พวกแกทำไมไม่สู้เพื่อพวกเขาบ้าง? นี่ต่างหาก คนดั้งเดิม
    แต่ไปที่ไหนก็ยังเห็นพวกแกดูถูกพวกเขาอยู่เสมอ
    หรือว่าลืมกำพืด อยากเป็นสุลต่านกัน?
    ถ้าพวกแกมีจิตวิญญาณของนักรบจริง
    ที่กาซ่า พี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยพวกยิว
    ในฐานะมุสลิมด้วยกัน ไปสิ จับอาวุธแล้วไปต่อสู้เพื่อพวกเขา กล้าพอไหม?
    ไปชวนพี่น้องแกในมาเลเซียด้วย ถ้าที่นั่นยังมีนักรบนะ
    จิตสำนึกมุสลิมอันยิ่งใหญ่มีอยู่ไหมในมาเลเซีย
    พระเจ้าจะสรรเสริญพวกแกและรับพวกแกไปสู่ญันนะฮฺเมื่อได้สละชีพ
    คงไม่หรอก เพราะพวกแกฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่บริสุทธิ์
    ไม่ต่างอะไรกับพวกยิวอิสราเอล

    อัลลาฮฺอักบัร
    .
    #ปาตานี #แบ่งแยกดินแดน #คนมลายูอยู่มาก่อนสยาม #โอรังอัสลิ #โอรังลาโว้ย #เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนยังคงตะแบงอย่างข้างๆ คูๆ และดูเหมือนคำอธิบายที่ผมพยายามเขียนอยู่หลายครั้งก็ดูจะไม่ค่อยไปถึงไหนไกล นี่คือวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้ง และมีแต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะพ้องกับวิทยาศาสตร์นี้อย่างลงตัว . หนึ่งในเรื่องราวที่มีคนรู้น้อยมาก อันที่จริงต้องพูดว่าคนส่วนใหญ่ไม่แยแสสนใจ เป็นเรื่องของชาวเล หรือที่มีชื่อว่าโอรังลาโว้ย (บ้างเรียก อูรักลาโว้ย) เป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่เรียกว่า "โอรังอัสลิ" ที่ซึ่งอันที่จริงเป็นญาติข้างพี่จากสายพันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของผู้คนในอุษาคเนย์และเกาะแก่งในอุษาสมุทรแทบทั้งหมด. . Orang หรือ โอรัง มาจากภาษามาเลย์ แปลว่า คน / Asli หรือ อัสลิ แปลว่า เก่าแก่ ดั้งเดิม. โอรังอัสลิ หมายถึง คนดั้งเดิม มีความหมายตามคำเช่นนั้นตามความเป็นจริง ในอุษาคเนย์ตอนกลางจนจรดคาบสมุทรมาเลย์และเกาะในอุษาสมุทร นอกจากพวกปาปัวและออสโตรอะบอริจิ้นแล้ว ไม่มีใครมีดีเอ็นเอเก่าแก่ไปกว่าพวกโอรังอัสลิ พวกที่มี time stamp ในดีเอ็นเอเก่าที่สุดเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในซาบาห์ เกาะบอร์เนียว . โอรังอัสลิประกอบด้วยชนเผ่ามากมาย ในประเทศไทยมีพวก โอรังลาโว้ย เซมัง มานิ.. อาศัยอยู่ในภาคใต้ ในประเทศมาเลเซีย มีพวกโอรังกัวลา โอรังคานาค จาคุน เตมูน เซเมไล...ฯ ชนพื้นเมืองหลายเผ่าปรับตัวเป็นคนเมืองเรียกรวมๆ ว่าเซนอย ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นประชากรชาวมาเลย์ทั่วไป มีพวก เตมีอาร์ เชไม เซมัคบารี จาห์ฮัท มะห์เมรี...ฯ ในประเทศอินโดนีเซียมีพวก ดยัค...ฯ ในประเทศฟิลิปปินส์มีพวก บอนทอค อิฟูเกา...ฯ ในฟอร์โมซาหรือไต้หวันมีพวก อตายาล พูยูมะ...ฯ และที่คาดไม่ถึงคือบางส่วนบนเกาะโอกินาวา . ชนพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศไทยหลายพวกก็เป็นเชื้อสายอัสเลียน เช่น พวกมอญ พวกลั๊วะ (ข่าว้า, ละว้า) พวกข่าหลายเผ่าที่มีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น กัมมุ มลาบรี.. . ชนเผ่าพวกนี้ถือเป็นบรรพบุรุษของคนเอเชียที่อาศัยในเมนแลนด์อุษาคเนย์อย่างเรา . ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่บรรพบุรุษพวกนี้มาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน มีมนุษย์ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้ว คือพวกอะบอริจิ้นิสท์ พวกนี้มาถึงซุนดาตั้งแต่เมื่อห้าหมื่นปีก่อน ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบผู้หญิงอะบอริจิ้นเลือกบรรพบุรุษอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ บีบให้ผู้ชายอะบอริจิ้นกระจายออกจากเมนแลนด์ซุนดาไปสู่เกาะแก่งโดยรอบในอุษาสมุทร ด้วยเหตุที่คนเอเชียมีแม่พันธ์ใหญ่ถึงสี่สาแหรก ทำให้ประชากรชาวเอเชียขยายตัวไปมากกว่าสาแหรกครอบครัวใดในโลก เฉพาะมนุษย์ผู้ชาย มีจำนวนมากกว่า 75% ของชายชาวเอเชียในปัจจุบัน ใน 75% นี้ รวมถึงผู้ชายชาวจีนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกจำนวน 1400 ล้านคน ลองคิดดูว่าคนเอเชียจะมีจำนวนเท่าไหร่ในโลกนี้? . ที่อธิบายนี่ ต้องการให้เห็นภาพว่า ผู้คนในอุษาคเนย์ส่วนใหญ่ มีเชื้อทางพ่อเป็นโอรังอัสลิ และมีเชื้อทางแม่เป็นอะบอริจินิสท์ ดังนั้นหากมีคนใดก็ตามที่ดูถูกเหยียดหยามข่มเหงรังแกคนพื้นเมืองพวกนี้ ให้รู้ไว้เถอะว่า พวกแกกำลังรังแกโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแก . ผมยกเอาภาพจากหนังสือของอาจารย์ประทีป ชุมพล เรื่อง "เสียงเพรียกจากท้องน้ำ" มาโพสตรงนี้ ก็เพราะโศกนาฏกรรมที่มีต่อชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นบรรพบุรุษเราพวกนี้ถูกรังแกและเหยียดหยามเรื่อยมาจนทุกวันนี้ และคนที่เรียกตนเองว่ามาเลย์นี่แหละ มีไม่น้อยที่มีส่วนในการข่มเหงนี้ อ.ประทีป เขียนหนังสือเล่มนี้ในลักษณะนิยายที่สะท้อนความจริงที่น่าเศร้าซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป . ตั้งแต่ราวรัชกาลที่หกมาถึงรัชกาลที่เจ็ดได้มีการจัดสรรที่ทำกินให้ชนเผ่าพวกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่จะต้องร่อนเร่อยู่กลางทะเล แต่ "คนเมือง" ที่ซึ่งผมได้เกริ่นไปแต่ต้นว่าที่จริงเป็นพี่น้องลูกหลานมาแต่ชนเผ่าเหล่านี้ทั้งนั้น กลับใช้เล่ห์กลเอาเปรียบและแย่งชิงที่ดินของพวกเขาไป ซึ่งมันได้นำพาไปสู่โศกนาฏกรรมในที่สุด เมื่อชนพื้นเมืองพวกนี้กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต้องคับแค้นใจจนพากันออกไปฆ่าตัวตายกลางทะเล อ.ประทีปได้กลั่นกรองความรู้สึกจากเรื่องราวเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือชื่อ เสียงเพรียกจากท้องน้ำ . นี่คือเหตุที่ทำไมผมตั้งคำถามกับพวกโจรแยกดินแดนที่ซึ่งล้วนเป็นเซนอยที่มาจากโอรังอัสลิทั้งสิ้นว่า.. แทนที่จะมาทำตัวเป็นอาหรับพลัดถิ่นหรือคนมาเลเซียพลัดถิ่น ถามว่าพวกแกปฏิบัติเช่นไรกับโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแกเหล่านี้? พวกแกได้ดูถูกกดขี่เหยียดหยามแย่งที่ทำกินพวกเขาหรือไม่ เคยเป็นห่วงต่อสู้สิทธิในความเป็นมนุษย์และสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ดั้งเดิมของพวกเขาหรือไม่? ทำไมไม่เรียกร้อง..."คืนแผ่นดินให้เซมัง....คืนแผ่นดินให้มอเกน????" . ยังมีไอ้พวกโง่ตอแหลจากสำนักอีซิ่มพร พวกไอ้เฒ่าจิตตก ออกมาตีสำนวนอีกว่า ชาวมลายูอยู่มาก่อนสยาม โพสนี้ตอบคำถามทุกอย่างตามที่เล่า จงถอยกลับไปก่อนการมีประเทศมาเลเซียหรือแม้แต่เมืองท่ามะละกา เมืองท่าปัตตานี... บรรพบุรุษมนุษย์พวกหนึ่งที่จะพัฒนาเป็นคนในเมนแลนด์อุษาคเนย์และเกาะในอุษาสมุทร คนพวกนี้พูดภาษาอัสเลียน ผสมพันธุ์กับพวกออสโตรอะบอริจิ้น ทำให้แตกเป็นภาษาออสโตรนีเชียน และเป็นมาลาโยโพลีนีเชียนตามเกาะแก่ง.. ผสมพันธุ์กับชนเผ่าอื่นๆ ในเมนแลนด์ตอนบนแตกแขนงเป็นออสโตเอเชียติกหรือมอญ-เขมร.. เป็นกรอบเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์ที่เรียกว่าคนมาเลย์หรือคนมาลายูเลย ฝรั่งเป็นคนตั้งชื่อดินแดนแถบนี้ว่ามาลายาเมื่อเดินทางมาถึง ในห้วงเวลานั้นดินแดนแถบนั้นไม่มีชื่อหรอก เมื่อเขียนบนแผนที่ก็เลยเป็นที่มาให้เรียกพวกชนชาติแถบนี้รวมๆ ว่าคนมาลายา [แม้แต่จักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ในอดีตก็ไม่ได้เรียกอาณาจักรของตนว่า "จีน" พวกเขาเรียกดินแดนพวกเขาว่า จงกั๋ว (จงหยวน) แต่ฝรั่งเอาแซ่ราชวงศ์จิ๋น (ฉิน) ของจิ๋นซีหวงตี้มาเรียกเป็นชื่อว่าอาณาจักรจิ๋น แล้วเขียนบนแผนที่ทำให้ชาวโลกเรียกอาณาจักรจีนว่า China มาจนทุกวันนี้.. ที่จริงจีนใช้ตัวละตินเขียนว่า Qin แต่ออกเสียง ฉิน] โดยข้อเท็จจริงแล้วประวัติศาสตร์ไม่เคยมีประชาชนมาลายา-มาลายู หรือประเทศมาลายา-มาลายู ไปค้นประวัติศาสตร์ของทุกชาติในเอเชียได้ เช่น บันทึกจีนโบราณ เป็นต้น จะไม่มีบันทึกของชาติใดปรากฏชื่อที่มีสถานะเป็นอาณาจักรหรือประชาชนในชื่อมาลายา-มาลายูอยู่เลย (ใครเจอลองเอามาให้ดูหน่อย) นอกจากหัวเมืองชายแดนอันแยกกันเป็นเอกเทศหลายเมืองที่ล้วนเคยเป็นหัวเมืองประเทศราชของสยามมาก่อน ประเทศมาเลเซียเองเพิ่งปรากฏขึ้นในโลกหลังจากได้เอกราชจากการเป็นอิสระจากอาณานิคมอังกฤษ คนในพื้นที่คาบสมุทรนี้ในยุคก่อนมีราชอาณาจักรสยาม เรียกตัวเองว่า โอรังทั้งนั้น เช่นโอรังบูกิต โอรังเชไม โอรังจาฮัท ฯ... ฝรั่งมันไม่จำหรอก เยอะ.. มันเรียกง่ายๆ ว่าคนมาลายู (ดูแผนที่โบราณที่ผมโพสในคอมเม้นท์ข้างล่างแล้วอ่านคำอธิบาย) เพราะฉนั้น ไม่ใช่แค่คนในอินโด-มาเลเซียที่เป็นพวกอัสเลียน พวกที่เคยเป็นอาณาจักรศรีโพธิ์ อาณาจักรศรีวิชัย พวกศรีธรรมโศกราช พวกพริบพรี พวกละโว้ พวกทวารวดี (ซึ่งต่อมาเป็นพวกสยาม..) พวกมอญ พวกขอม พวกเขมร พวกจาม... ล้วนสืบเชื้อโอรังอัสลิและแม่อะบอริจิ้นมาทั้งนั้น คลานออกมาจากมดลูกเดียวกันทั้งคาบสมุทร!! (เบื่ออธิบายกับพวกแกจริงๆ) . จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ในอุษาคเนย์ มีชนพื้นเมืองพวกหนึ่งคือพวกข่าว้าหรือพวกลั๊วะ (บางทีเรียก ว้า ละว้า ล้า) จากผลตรวจดีเอ็นเอทุกชนเผ่าในมณฑลหยุนหนานโดยโปรเฟสเซอร์จินลี (นักวิทยาศาสตร์จีน) พวกข่าว้านี้มียีนเก่าที่สุด พอๆ กับพวกปู้ยี (จ้วงเหนือ). มีคำปรำปราอันหนึ่งของชนเผ่าไทกล่าวว่า "สางสร้างฟ้า ล้าสร้างเมือง" แปลว่า "เทวดาสร้างสวรรค์ พวกละว้าสร้างเมือง" ชนเผ่าไทยกย่องอย่างนี้ว่า ล้าสร้างเมือง... ตำนานน้ำเต้าปุงเล่าว่า สางบันดาลน้ำเต้าลูกมหึมาลงมา ปู่ลางเซิงเอาเหล็กแหลมแทงน้ำเต้าแล้วผู้คนก็ไหลกรูกันออกมา ข่าออกมาก่อน แล้วก็ลาว แล้วก็ไท นี่..ไทก็นับว่าข่าเป็นพี่ลาวเป็นพี่... มีตำนานไทอีกอันเรื่องข้าสี่แสนหมอนม้า ชนเผ่าไทโบราณรบกับพวกละว้าแล้วก็ยึดเมืองจากพวกละว้าได้ ทำให้มีประเพณีที่เมื่อจ้าวไททำพิธีขึ้นกินเมืองจะให้พวกละว้าขึ้นนั่งพระแท่นก่อน แล้วเจ้าไทจึงมาไล่ลง เสร็จแล้วค่อยนั่งครองพระแท่นแทน ธรรมเนียมนี้แสดงว่าคนไทยอมรับว่าล้าสร้างเมืองและเป็นใหญ่มาก่อน แต่เกือบพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีพวกละว้าขอแบ่งแยกดินแดนจากไท-ไทยเลยสักสมัย มีแต่พวกละว้าในพม่าที่เจรจาขอแยกจากการเป็นส่วนหนึ่งของพม่าตอนที่ทำสนธิสัญญาปางโหลงกับนายพลอองซาน. เรื่องของเรื่องก็คือ... ถอยไปอีก พวกนี้ก็มาจากโอรังอัสลิเช่นเดียวกับพวกเซนอยมาลายู แต่เก่ากว่าเป็นพันปี . เดินไปโรงพยาบาลแล้วขอตรวจดีเอ็นเอ ไอ้พวกโง่ แล้วแกจะได้เห็นว่าแกมีเชื้อเดียวกับเซมัง มอเกน. ในดีเอ็นเอมนุษย์มี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า genetic marker มันบอกอายุของดีเอ็นเอได้ว่าใครเก่ากว่ากัน และจะโยงพวกแกไปยังบรรพบุรุษเดียวกันในแอฟริกา ถึงตอนนั้นพวกแกจะแปลกใจว่าแกไม่ใช่คนมาลายูแล้ว แต่พวกแกเป็นคน "กอยซาน!!" เข้าใจไหม? คนอย่างไอ้เฒ่าจิตตกนั่นมันไม่รู้สี่รู้แปดอะไรหรอก เคยไปเล่าให้มันฟังแม่งนั่งอ้าปากหวอ . อย่างที่กล่าว คำว่า โอรังอัสลิ เป็นคำในภาษามาเลย์ของพวกแก แปลว่า คนดั้งเดิม พวกแกทำไมไม่สู้เพื่อพวกเขาบ้าง? นี่ต่างหาก คนดั้งเดิม แต่ไปที่ไหนก็ยังเห็นพวกแกดูถูกพวกเขาอยู่เสมอ หรือว่าลืมกำพืด อยากเป็นสุลต่านกัน? ถ้าพวกแกมีจิตวิญญาณของนักรบจริง ที่กาซ่า พี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยพวกยิว ในฐานะมุสลิมด้วยกัน ไปสิ จับอาวุธแล้วไปต่อสู้เพื่อพวกเขา กล้าพอไหม? ไปชวนพี่น้องแกในมาเลเซียด้วย ถ้าที่นั่นยังมีนักรบนะ จิตสำนึกมุสลิมอันยิ่งใหญ่มีอยู่ไหมในมาเลเซีย พระเจ้าจะสรรเสริญพวกแกและรับพวกแกไปสู่ญันนะฮฺเมื่อได้สละชีพ คงไม่หรอก เพราะพวกแกฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่บริสุทธิ์ ไม่ต่างอะไรกับพวกยิวอิสราเอล อัลลาฮฺอักบัร . #ปาตานี #แบ่งแยกดินแดน #คนมลายูอยู่มาก่อนสยาม #โอรังอัสลิ #โอรังลาโว้ย #เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กริมฯได้ตามสามีไปดูงานเทศกาลดาราศาตร์ที่เมือง Essen เยอรมนี จากเบลเยียม ระหว่างทางผ่านจะไป Essen ต้องขับผ่านเมืองชายแดนทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ ได้เห็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งโดดเด่นอยู่ริมทาง จากหนังสือ Sapiens กริมฯ ได้รู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบช่วงระหว่างเวลาที่นักเล่นแร่แปรธาตชาวจีน (Alchemists)ค้นพบดินปืนกับชาวเติร์กใช้ลูกปืนใหญ่ยิงทำลายกำแพงเมืองคอนแสตนติโนเบิลนั้น กินเวลาถึง 600 ปี แต่ช่วงเวลาจากที่ไอน์สไตน์ค้นพบว่ามวลใดก็ตามอาจเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ตามสมการ E=mc2 และข่วงเวลาที่ระเบิดนิวเคลียร์ทำลายฮิโรชิมาและนางาซากิจนสิ้นซากรวมไปถึงเกิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ผุดเป็นดอกเห็ดไปทั่วโลกนั้นกินเวลาเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้น กริมฯขอเก็บภาพและความคิดจากหนังสือมาฝากทุกท่านในวันหยุดยาว
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กริมฯได้ตามสามีไปดูงานเทศกาลดาราศาตร์ที่เมือง Essen เยอรมนี จากเบลเยียม ระหว่างทางผ่านจะไป Essen ต้องขับผ่านเมืองชายแดนทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ ได้เห็นโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งโดดเด่นอยู่ริมทาง จากหนังสือ Sapiens กริมฯ ได้รู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบช่วงระหว่างเวลาที่นักเล่นแร่แปรธาตชาวจีน (Alchemists)ค้นพบดินปืนกับชาวเติร์กใช้ลูกปืนใหญ่ยิงทำลายกำแพงเมืองคอนแสตนติโนเบิลนั้น กินเวลาถึง 600 ปี แต่ช่วงเวลาจากที่ไอน์สไตน์ค้นพบว่ามวลใดก็ตามอาจเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ตามสมการ E=mc2 และข่วงเวลาที่ระเบิดนิวเคลียร์ทำลายฮิโรชิมาและนางาซากิจนสิ้นซากรวมไปถึงเกิดโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ผุดเป็นดอกเห็ดไปทั่วโลกนั้นกินเวลาเพียงแค่ 40 ปีเท่านั้น กริมฯขอเก็บภาพและความคิดจากหนังสือมาฝากทุกท่านในวันหยุดยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • โซเชียลชาวจีนทำภาพให้เห็นถึง J10-C เทียบกับบรรดาเครื่องบินขับไล่รุ่นอื่นของจีน

    J-10 เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นเก่าของจีนที่มักถูกมองข้าม ซึ่งต้องอดทนต่อความยากลำบากเพื่อสร้างชาติ
    พวกเขาเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบๆ และเมื่อถึงเวลาถูกเรียกให้ปฏิบัติหน้าที่ พวกเขาก็ปรากฏตัวและทำหน้าที่เพื่อชัยชนะ!

    สำหรับรุ่นอื่นๆของกองทัพอากาศจีน:
    👉J-10 Raptor
    👉J-15 Flying Shark
    👉J-16 Diving Dragon/Bomb Truck
    👉J-20 Mighty Dragon
    👉J-35 Blue Shark
    โซเชียลชาวจีนทำภาพให้เห็นถึง J10-C เทียบกับบรรดาเครื่องบินขับไล่รุ่นอื่นของจีน J-10 เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นเก่าของจีนที่มักถูกมองข้าม ซึ่งต้องอดทนต่อความยากลำบากเพื่อสร้างชาติ พวกเขาเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบๆ และเมื่อถึงเวลาถูกเรียกให้ปฏิบัติหน้าที่ พวกเขาก็ปรากฏตัวและทำหน้าที่เพื่อชัยชนะ! สำหรับรุ่นอื่นๆของกองทัพอากาศจีน: 👉J-10 Raptor 👉J-15 Flying Shark 👉J-16 Diving Dragon/Bomb Truck 👉J-20 Mighty Dragon 👉J-35 Blue Shark
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยชาวจีนได้สร้าง ระบบส่งข้อมูลที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูงถึง 1 Tbps ผ่าน สายไฟเบอร์ออปติกระยะทาง 1,200 กิโลเมตร โดยใช้ เทคนิคการเข้ารหัสที่ฝังอยู่ในสัญญาณแสงโดยตรง ซึ่งช่วยให้ การสื่อสารมีความปลอดภัยระดับสูงโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เข้ารหัสเพิ่มเติม

    เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Integrated Encryption and Communication (IEAC) ซึ่งพัฒนาโดย ศาสตราจารย์ Lilin Yi จากมหาวิทยาลัย Shanghai Jiao Tong โดยใช้ Geometric Constellation Shaping (GCS) และตัวสร้างตัวเลขสุ่มความเร็วสูง เพื่อสร้าง รูปแบบแสงที่ไม่สามารถถอดรหัสได้โดยง่าย

    ✅ IEAC เป็นระบบเข้ารหัสที่ฝังอยู่ในสัญญาณแสงโดยตรง
    - ไม่ต้องใช้ ซอฟต์แวร์เข้ารหัสเพิ่มเติม เช่น TLS หรือ IPsec
    - ทำให้ การดักฟังข้อมูลแทบเป็นไปไม่ได้

    ✅ ใช้เทคนิค Geometric Constellation Shaping (GCS) และตัวสร้างตัวเลขสุ่มความเร็วสูง
    - สร้าง รูปแบบแสงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    - ทำให้ ข้อมูลดูเหมือนสัญญาณรบกวนสำหรับผู้ดักฟัง

    ✅ สามารถส่งข้อมูลที่ความเร็ว 1 Tbps ผ่านระยะทาง 1,200 กิโลเมตร
    - ทดสอบผ่าน สายไฟเบอร์ออปติกที่มี 26 ช่องสัญญาณบนคลื่น C-band ขนาด 3.9 THz
    - มี อัตราความผิดพลาดของข้อมูลต่ำกว่า 2×10⁻²

    ✅ IEAC สามารถใช้งานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้
    - ไม่ต้องใช้ อุปกรณ์พิเศษเหมือน Quantum Key Distribution (QKD)
    - สามารถ ติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์

    ✅ เทคโนโลยีนี้อาจมีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูล, คลาวด์แพลตฟอร์ม และเครือข่าย 6G
    - ช่วยให้ การสื่อสารมีความปลอดภัยและรองรับความต้องการของ AI ได้ดีขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107833-chinese-researchers-achieve-1-tbps-secure-data-transmission.html
    นักวิจัยชาวจีนได้สร้าง ระบบส่งข้อมูลที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูงถึง 1 Tbps ผ่าน สายไฟเบอร์ออปติกระยะทาง 1,200 กิโลเมตร โดยใช้ เทคนิคการเข้ารหัสที่ฝังอยู่ในสัญญาณแสงโดยตรง ซึ่งช่วยให้ การสื่อสารมีความปลอดภัยระดับสูงโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เข้ารหัสเพิ่มเติม เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Integrated Encryption and Communication (IEAC) ซึ่งพัฒนาโดย ศาสตราจารย์ Lilin Yi จากมหาวิทยาลัย Shanghai Jiao Tong โดยใช้ Geometric Constellation Shaping (GCS) และตัวสร้างตัวเลขสุ่มความเร็วสูง เพื่อสร้าง รูปแบบแสงที่ไม่สามารถถอดรหัสได้โดยง่าย ✅ IEAC เป็นระบบเข้ารหัสที่ฝังอยู่ในสัญญาณแสงโดยตรง - ไม่ต้องใช้ ซอฟต์แวร์เข้ารหัสเพิ่มเติม เช่น TLS หรือ IPsec - ทำให้ การดักฟังข้อมูลแทบเป็นไปไม่ได้ ✅ ใช้เทคนิค Geometric Constellation Shaping (GCS) และตัวสร้างตัวเลขสุ่มความเร็วสูง - สร้าง รูปแบบแสงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา - ทำให้ ข้อมูลดูเหมือนสัญญาณรบกวนสำหรับผู้ดักฟัง ✅ สามารถส่งข้อมูลที่ความเร็ว 1 Tbps ผ่านระยะทาง 1,200 กิโลเมตร - ทดสอบผ่าน สายไฟเบอร์ออปติกที่มี 26 ช่องสัญญาณบนคลื่น C-band ขนาด 3.9 THz - มี อัตราความผิดพลาดของข้อมูลต่ำกว่า 2×10⁻² ✅ IEAC สามารถใช้งานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้ - ไม่ต้องใช้ อุปกรณ์พิเศษเหมือน Quantum Key Distribution (QKD) - สามารถ ติดตั้งผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ ✅ เทคโนโลยีนี้อาจมีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูล, คลาวด์แพลตฟอร์ม และเครือข่าย 6G - ช่วยให้ การสื่อสารมีความปลอดภัยและรองรับความต้องการของ AI ได้ดีขึ้น https://www.techspot.com/news/107833-chinese-researchers-achieve-1-tbps-secure-data-transmission.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers achieve 1 Tbps secure data transmission over 1,200 km
    The breakthrough – developed by Professor Lilin Yi at Shanghai Jiao Tong University – is called the Integrated Encryption and Communication (IEAC) system. Unlike traditional methods such...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสดูละครเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ซึ่งเป็นเรื่องราวสมัยราชวงศ์หมิง สิ่งที่สะดุดตามากคือท่าทำความเคารพ รู้สึกว่าทำออกมาได้ดีมากในหลายฉาก วันนี้เลยมาคุยให้ฟังกันสั้นๆ

    ฉากที่สะดุดตา Storyฯ มากคือฉากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของพระเอกนางเอก ลักษณะการคำนับคือยกมือขึ้นประสานทับกันระดับหน้าอกโดยฝ่ามือหันเข้าหาตัว จากนั้นดันมือออกไปให้ห่างตัวพร้อมกับค้อมตัวลง (ดูรูปประกอบ)

    การโค้งคำนับแบบนี้มีชื่อเรียกค่ะ คือ ‘จั๊วอี๊’ (作揖)

    จั๊วอี๊เป็นการคำนับอย่างเป็นทางการโดยไม่คุกเข่าลง ด้วยการยกมือขึ้นแบบที่กล่าวมาข้างต้น (อาจวางมือทาบซ้อนกันหรือกุมมือก็ได้) หากเป็นชายจะเป็นมือซ้ายทับมือขวา และหากเป็นหญิงจะเป็นขวาทับซ้าย (สังเกตเปรียบเทียบได้จากรูป) จากนั้นก้มหลังตรงจากเอวลงมาพร้อมกับดันมือออกไปข้างหน้าเล็กน้อย

    ในบันทึกทางพิธีการสมัยราชวงศ์โจว (1050-256 ปีก่อนคริสตกาล) มีการจำแนกจั๊วอี๊ออกเป็นอีกหลายลักษณะ คือ
    - ‘ถู่อี๊’ (土揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) แล้วมือโน้มลงต่ำเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าหรือศักดิ์ด้อยกว่า;
    - ‘สืออี๊’(時揖) คือการโค้งต่ำ (ประมาณ 60 องศา) โดยที่ระดับมือยังอยู่ที่หน้าอก เป็นการเคารพคนที่อาวุโสกว่า;
    - ‘เทียนอี๊’(天揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) และมือยกขึ้นสูงเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่เสมอศักดิ์;
    - ‘เท่ออี๊’ (特揖) คือคำนับอีกฝ่ายทีละคนแทนที่จะคำนับครั้งเดียวต่อคนทั้งกลุ่ม;
    - ‘หลี่ว์อี๊’(旅揖) คือคำนับในแบบที่แตกต่างกันตามศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม;
    - ‘ผางซานอี๊’(旁三揖) คือการคำนับสามครั้งต่อคนทั้งกลุ่ม; และ
    - ‘ฉางอี๊’ (长揖) คือการคำนับแบบโค้งตัวลงต่ำมาก มือยืดออกไปมากขึ้นและยกขึ้นสูง เป็นการเคารพแบบสูงสุดของการทำจั๊วอี๊ แต่ยังเทียบไม่ได้กับการคุกเข่าคำนับ จึงมีวลีที่ว่า ‘ฉางอี๊ปู๋ไป้’ (长揖不拜) อันหมายถึงการแสดงความทะนงตนด้วยการเคารพนอบน้อมแต่ไม่ยอมคุกเข่าให้

    แต่ในกรณีที่เป็นการทำความเคารพในงานศพจะสลับมือกัน คือเป็นขวาทับซ้ายสำหรับชาย และซ้ายทับขวาสำหรับหญิงแทน

    จริงๆ แล้วตามบันทึกและภาพวาดทางประวัติศาสตร์กลับไม่ค่อยปรากฏสตรีมีการทำจั๊วอี๊สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังลงมา แล้วผู้หญิงเขาทำความเคารพอย่างไร? ในละครเรื่องเดียวกันจะเห็นผู้หญิงกำมือวางซ้อนกัน (ขวาบนซ้ายล่าง) อยู่ระดับเอวแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย (ดูรูปประกอบ) ท่านี้เรียกว่า ‘ว่านฝู’ (万福) ซึ่งใช้ปกติทั่วไปในยุคสมัยหมิงยกเว้นกรณีที่เป็นทางการอย่างยิ่ง อย่างเช่นในเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ที่นางเอกทำจั๊วอี๊ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

    ทั้งจั๊วอี๊และว่านฝูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการทำความเคารพแบบของชาวจีนเชื้อสายฮั่น ไม่ใช่แมนจู ดังนั้นเพื่อนเพจที่ดูละครสมัยราชวงศ์ชิงจะไม่เห็นท่าทำความเคารพแบบนี้แม้ว่าในสมัยชิงจะมีท่าทำความเคารพที่เรียกว่าว่านฝูเหมือนกัน

    เขียนเพิ่มเมื่อวันที่ 11/6: ท่าทำความเคารพของจั๊วอี๊ที่ถูกต้องคือประสานมือก่อนแล้วค่อยดันมือออกไป (เหมือนที่ Storyฯ ได้บรรยายภาพที่เห็นในละครนะคะ ไม่ใช่กางแขนออกแล้วประสานไว้ไกลๆ เป็นวงใหญ่) อันนี้เป็นนัยว่าเรากำลังยื่นมือออกไปเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเปิดใจกับเราและเรากำลังเปิดใจให้กับเขา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/l5nNxB
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.hk/item/%E4%BD%9C%E6%8F%96/6203317
    https://kknews.cc/history/4lyoojx.html
    https://new.qq.com/omn/20190803/20190803A08S2B00.html
    https://www.newton.com.tw/wiki/%E4%BD%9C%E6%8F%96

    #จั๊วอี๊ #จัวอี #การคำนับแบบจีน #ว่านฝู #ราชวงศ์หมิง
    Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสดูละครเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ซึ่งเป็นเรื่องราวสมัยราชวงศ์หมิง สิ่งที่สะดุดตามากคือท่าทำความเคารพ รู้สึกว่าทำออกมาได้ดีมากในหลายฉาก วันนี้เลยมาคุยให้ฟังกันสั้นๆ ฉากที่สะดุดตา Storyฯ มากคือฉากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของพระเอกนางเอก ลักษณะการคำนับคือยกมือขึ้นประสานทับกันระดับหน้าอกโดยฝ่ามือหันเข้าหาตัว จากนั้นดันมือออกไปให้ห่างตัวพร้อมกับค้อมตัวลง (ดูรูปประกอบ) การโค้งคำนับแบบนี้มีชื่อเรียกค่ะ คือ ‘จั๊วอี๊’ (作揖) จั๊วอี๊เป็นการคำนับอย่างเป็นทางการโดยไม่คุกเข่าลง ด้วยการยกมือขึ้นแบบที่กล่าวมาข้างต้น (อาจวางมือทาบซ้อนกันหรือกุมมือก็ได้) หากเป็นชายจะเป็นมือซ้ายทับมือขวา และหากเป็นหญิงจะเป็นขวาทับซ้าย (สังเกตเปรียบเทียบได้จากรูป) จากนั้นก้มหลังตรงจากเอวลงมาพร้อมกับดันมือออกไปข้างหน้าเล็กน้อย ในบันทึกทางพิธีการสมัยราชวงศ์โจว (1050-256 ปีก่อนคริสตกาล) มีการจำแนกจั๊วอี๊ออกเป็นอีกหลายลักษณะ คือ - ‘ถู่อี๊’ (土揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) แล้วมือโน้มลงต่ำเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่มีอาวุโสน้อยกว่าหรือศักดิ์ด้อยกว่า; - ‘สืออี๊’(時揖) คือการโค้งต่ำ (ประมาณ 60 องศา) โดยที่ระดับมือยังอยู่ที่หน้าอก เป็นการเคารพคนที่อาวุโสกว่า; - ‘เทียนอี๊’(天揖) คือการโค้งเล็กน้อย (ประมาณ 30 องศา) และมือยกขึ้นสูงเล็กน้อย เป็นการเคารพคนที่เสมอศักดิ์; - ‘เท่ออี๊’ (特揖) คือคำนับอีกฝ่ายทีละคนแทนที่จะคำนับครั้งเดียวต่อคนทั้งกลุ่ม; - ‘หลี่ว์อี๊’(旅揖) คือคำนับในแบบที่แตกต่างกันตามศักดิ์ของฝ่ายตรงข้าม; - ‘ผางซานอี๊’(旁三揖) คือการคำนับสามครั้งต่อคนทั้งกลุ่ม; และ - ‘ฉางอี๊’ (长揖) คือการคำนับแบบโค้งตัวลงต่ำมาก มือยืดออกไปมากขึ้นและยกขึ้นสูง เป็นการเคารพแบบสูงสุดของการทำจั๊วอี๊ แต่ยังเทียบไม่ได้กับการคุกเข่าคำนับ จึงมีวลีที่ว่า ‘ฉางอี๊ปู๋ไป้’ (长揖不拜) อันหมายถึงการแสดงความทะนงตนด้วยการเคารพนอบน้อมแต่ไม่ยอมคุกเข่าให้ แต่ในกรณีที่เป็นการทำความเคารพในงานศพจะสลับมือกัน คือเป็นขวาทับซ้ายสำหรับชาย และซ้ายทับขวาสำหรับหญิงแทน จริงๆ แล้วตามบันทึกและภาพวาดทางประวัติศาสตร์กลับไม่ค่อยปรากฏสตรีมีการทำจั๊วอี๊สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังลงมา แล้วผู้หญิงเขาทำความเคารพอย่างไร? ในละครเรื่องเดียวกันจะเห็นผู้หญิงกำมือวางซ้อนกัน (ขวาบนซ้ายล่าง) อยู่ระดับเอวแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย (ดูรูปประกอบ) ท่านี้เรียกว่า ‘ว่านฝู’ (万福) ซึ่งใช้ปกติทั่วไปในยุคสมัยหมิงยกเว้นกรณีที่เป็นทางการอย่างยิ่ง อย่างเช่นในเรื่อง <ร้อยรักปักดวงใจ> ที่นางเอกทำจั๊วอี๊ในพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งจั๊วอี๊และว่านฝูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการทำความเคารพแบบของชาวจีนเชื้อสายฮั่น ไม่ใช่แมนจู ดังนั้นเพื่อนเพจที่ดูละครสมัยราชวงศ์ชิงจะไม่เห็นท่าทำความเคารพแบบนี้แม้ว่าในสมัยชิงจะมีท่าทำความเคารพที่เรียกว่าว่านฝูเหมือนกัน เขียนเพิ่มเมื่อวันที่ 11/6: ท่าทำความเคารพของจั๊วอี๊ที่ถูกต้องคือประสานมือก่อนแล้วค่อยดันมือออกไป (เหมือนที่ Storyฯ ได้บรรยายภาพที่เห็นในละครนะคะ ไม่ใช่กางแขนออกแล้วประสานไว้ไกลๆ เป็นวงใหญ่) อันนี้เป็นนัยว่าเรากำลังยื่นมือออกไปเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเปิดใจกับเราและเรากำลังเปิดใจให้กับเขา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://today.line.me/tw/v2/article/l5nNxB Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.hk/item/%E4%BD%9C%E6%8F%96/6203317 https://kknews.cc/history/4lyoojx.html https://new.qq.com/omn/20190803/20190803A08S2B00.html https://www.newton.com.tw/wiki/%E4%BD%9C%E6%8F%96 #จั๊วอี๊ #จัวอี #การคำนับแบบจีน #ว่านฝู #ราชวงศ์หมิง
    TODAY.LINE.ME
    鍾漢良、譚松韻《錦心似玉》開播倒數,「庶女逆襲」超勵志,老夫少妻寵溺甜炸! | Bella儂儂 | LINE TODAY
    2020年許多陸劇都已就定位,目前正被排在待播的佇列,最近由鍾漢良、譚松韻主演的《錦心似玉》就已經邁入開播倒數,不過男主角從原本的宋威龍換角成鍾漢良,與女主角譚松韻配對卻被大家吐槽沒有CP感?大家就來看看這部戲還有什麼精彩亮點吧! 延伸閱讀:2020網友熱議6部陸劇推薦!甜寵神劇、懸疑推理、都市溫馨,每部讓人想一看再看 「庶女逆襲」劇情設定 source:#锦心似玉#-weibo 《錦心似玉》改編自紅遍中國網路的吱吱小說《庶女攻略》,「庶女逆襲」的安排,與唐嫣主演的《錦繡未央》、趙麗穎的《知否知否應是綠肥紅瘦》,劇情設定相同,女主角不再是天真無害的甜白傻,而是一步一步晉級打怪的「庶女逆襲」
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวของผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีกับที่ปรึกษาชาวจีน อาจถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับตุ่มสิว เมื่อเทียบกับเรื่องราวของอุตสาหกรรมโดยทุนจีนที่ปักหลักอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี.จากที่มูลนิธิบูรณะนิเวศเราติดตามประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมและปัญหามลพิษที่ จ.ปราจีนบุรีมาหลายปี เราพูดกันเล่นๆ แบบอิงความจริงว่า อีกไม่นาน จังหวัดนี้อาจไม่เหลือ “ปรา” และกลายเป็น “จีนบุรี” อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วในบางจุดบางพื้นที่.ยกตัวอย่างที่ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศเคยนำเสนอไปแล้วก็คือกรณีของนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .นิคมฯ ดังกล่าวมีความเป็นจีนเต็มเปี่ยม บางโรงงานไม่มีภาษาไทยในป้ายชื่อด้วยซ้ำไป ไม่นับองค์ประกอบความเป็นจีนอื่นๆ อีกมากมาย.ที่สำคัญคือ นิคมฯ แห่งนี้เสมือนจะได้รับการวางรากฐานให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการให้สิทธิประโยชน์หลากหลายมิติแก่นักลงทุน นอกจากการลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ยังได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือวัสดุจำเป็นต่างๆ รวมทั้งเปิดให้นักลงทุนสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินถาวร 100% นำส่งเงินตราต่างประเทศได้ อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและสมาชิกในครอบครัวทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย และอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยในประเทศไทย ฯลฯ.อย่างไรก็ตาม ในโลกของการลงทุนอุตสาหกรรมโดยทุนจีนนั้น สำหรับมูลนิธิบูรณะนิเวศแล้ว เราคิดว่าศัพท์คำว่า “ศูนย์เหรียญ” ยังไม่สามารถอธิบายความเป็นจริงได้ครบถ้วน เพราะประเทศไทยจะไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของทุนจีนลักษณะนี้ แต่ยังจะต้องแบกรับภาระด้านมลพิษและผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทิ้งไว้อีกด้วย จึงมิใช่เพียงเป็นศูนย์หรือเสมอตัว หากแต่เป็นระดับติดลบเลยทีเดียว .อีกประการหนึ่ง จีนในปราจีนฯ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็น “จีนเทา” หรือไม่ ยังไม่ชัดเจนเท่ากับความเป็น “จีนกร่าง”.เห็นได้ชัดเจนจากกรณีอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลของทุนจีน ณ บ้านหนองหอย หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่แม้ถูกหน่วยงานราชการตรวจพบแล้วว่ากระทำผิด แต่ก็ยังดื้อแพ่งฝ่าฝืนคำสั่งปิดโรงงานและคำสั่งอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งแน่นอนว่า ทางเพจเรานำเสนอเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน.นอกจากนั้น ในเชิงภาพรวม ทางเพจยังได้นำเสนอเนื้อหาภายใต้หัวข้อ “จับตามลพิษปราจีนฯ” โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 และแน่นอนว่าเราอยากชวนให้ช่วยกันจับตาต่อไป เผื่อจะสามารถรักษา “ปรา” เอาไว้ได้......เรื่องโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ .อ่านเรื่องราวมลพิษปราจีนบุรีเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่าง.บริษัททีแอนด์ทีเวสท์ฯ รีไซเคิลครอบจักรวาลของทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0grDtaaYztvhuL73ojoDUvYw9CDNPTLZtqzhDQKSbwiki3eDcdnSNuGVJzzkKbjmql.เปิด “ระบบละลายโลหะด้วยกรด” ของบริษัทรีไซเคิลทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0sMBK6exKVCbs9gfhRqGDcHNWPFJe3y7vDF5P7DaPVSBfPrQptLvkpTYrFq2n1bsHl.ย้อนดูผลงานรีไซเคิลทุนจีน บจ.ทีแอนด์ทีเวสท์ฯ: ทำในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสิ่งที่ต้องทำตามเงื่อนไขการอนุญาต-ไม่ทำhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02LaaHnQHsj8DAxusYpQjyHPNNZWA8qv7fFWEYkK5smy4fdQ6J3CBLx96BTPzPbk7pl.ทำความรู้จักนิคมอุตสาหกรรมจีนแท้ “บ่อทอง 33” https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0pv5YWoqW2twUGomN3u5sBe4H98Gm43k7MTDHXmeRbyoz65xKF4EetLT1Rn2CHkLJl.ชวนเอาปากกามาวง ตรงไหนบ้างที่ไม่ใช่ “ของนำเข้า”?https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02wwDL98b9ZaK4NnPaiUbdbzicHzQgrx1H3DTPAYcpZzK4fxSRSfc1xcHiV7ZqMQWCl.ชวนดู “ความเป็นจีน” ทั้งที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดและที่แฝงเร้น ภายในอาณาจักรอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่ตั้งอยู่ ม.10 บ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0AvSJr99yYvzSoc3yoB3Jhgvuv8Qw2UudYXJKcaAMZSJBTeZzZkfp24EwHh464K5Fl.เปิดภาพบ่อรองรับกากอุตสาหกรรมจากโรงงานรีไซเคิล ณ หนองหอย ผลพวงการลงทุนของทุนจีนที่ฝากไว้ในแผ่นดินไทยแบบนิรันดร์กาลhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid032raXyU59Z4EByprUuaDgDYPCcp7Mvw2YyrDZfzLdHU93JKwQ4gjoq1bc45F9xeB6l
    เรื่องราวของผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีกับที่ปรึกษาชาวจีน อาจถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับตุ่มสิว เมื่อเทียบกับเรื่องราวของอุตสาหกรรมโดยทุนจีนที่ปักหลักอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี.จากที่มูลนิธิบูรณะนิเวศเราติดตามประเด็นการพัฒนาอุตสาหกรรมและปัญหามลพิษที่ จ.ปราจีนบุรีมาหลายปี เราพูดกันเล่นๆ แบบอิงความจริงว่า อีกไม่นาน จังหวัดนี้อาจไม่เหลือ “ปรา” และกลายเป็น “จีนบุรี” อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วในบางจุดบางพื้นที่.ยกตัวอย่างที่ทางเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศเคยนำเสนอไปแล้วก็คือกรณีของนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง 33 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .นิคมฯ ดังกล่าวมีความเป็นจีนเต็มเปี่ยม บางโรงงานไม่มีภาษาไทยในป้ายชื่อด้วยซ้ำไป ไม่นับองค์ประกอบความเป็นจีนอื่นๆ อีกมากมาย.ที่สำคัญคือ นิคมฯ แห่งนี้เสมือนจะได้รับการวางรากฐานให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีการให้สิทธิประโยชน์หลากหลายมิติแก่นักลงทุน นอกจากการลดหย่อนและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี ยังได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนอากรการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ หรือวัสดุจำเป็นต่างๆ รวมทั้งเปิดให้นักลงทุนสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินถาวร 100% นำส่งเงินตราต่างประเทศได้ อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและสมาชิกในครอบครัวทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย และอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยในประเทศไทย ฯลฯ.อย่างไรก็ตาม ในโลกของการลงทุนอุตสาหกรรมโดยทุนจีนนั้น สำหรับมูลนิธิบูรณะนิเวศแล้ว เราคิดว่าศัพท์คำว่า “ศูนย์เหรียญ” ยังไม่สามารถอธิบายความเป็นจริงได้ครบถ้วน เพราะประเทศไทยจะไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของทุนจีนลักษณะนี้ แต่ยังจะต้องแบกรับภาระด้านมลพิษและผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทิ้งไว้อีกด้วย จึงมิใช่เพียงเป็นศูนย์หรือเสมอตัว หากแต่เป็นระดับติดลบเลยทีเดียว .อีกประการหนึ่ง จีนในปราจีนฯ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็น “จีนเทา” หรือไม่ ยังไม่ชัดเจนเท่ากับความเป็น “จีนกร่าง”.เห็นได้ชัดเจนจากกรณีอาณาจักรโรงงานรีไซเคิลของทุนจีน ณ บ้านหนองหอย หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่แม้ถูกหน่วยงานราชการตรวจพบแล้วว่ากระทำผิด แต่ก็ยังดื้อแพ่งฝ่าฝืนคำสั่งปิดโรงงานและคำสั่งอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งแน่นอนว่า ทางเพจเรานำเสนอเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน.นอกจากนั้น ในเชิงภาพรวม ทางเพจยังได้นำเสนอเนื้อหาภายใต้หัวข้อ “จับตามลพิษปราจีนฯ” โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 และแน่นอนว่าเราอยากชวนให้ช่วยกันจับตาต่อไป เผื่อจะสามารถรักษา “ปรา” เอาไว้ได้......เรื่องโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ .อ่านเรื่องราวมลพิษปราจีนบุรีเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่าง.บริษัททีแอนด์ทีเวสท์ฯ รีไซเคิลครอบจักรวาลของทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0grDtaaYztvhuL73ojoDUvYw9CDNPTLZtqzhDQKSbwiki3eDcdnSNuGVJzzkKbjmql.เปิด “ระบบละลายโลหะด้วยกรด” ของบริษัทรีไซเคิลทุนจีนhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0sMBK6exKVCbs9gfhRqGDcHNWPFJe3y7vDF5P7DaPVSBfPrQptLvkpTYrFq2n1bsHl.ย้อนดูผลงานรีไซเคิลทุนจีน บจ.ทีแอนด์ทีเวสท์ฯ: ทำในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสิ่งที่ต้องทำตามเงื่อนไขการอนุญาต-ไม่ทำhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02LaaHnQHsj8DAxusYpQjyHPNNZWA8qv7fFWEYkK5smy4fdQ6J3CBLx96BTPzPbk7pl.ทำความรู้จักนิคมอุตสาหกรรมจีนแท้ “บ่อทอง 33” https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0pv5YWoqW2twUGomN3u5sBe4H98Gm43k7MTDHXmeRbyoz65xKF4EetLT1Rn2CHkLJl.ชวนเอาปากกามาวง ตรงไหนบ้างที่ไม่ใช่ “ของนำเข้า”?https://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid02wwDL98b9ZaK4NnPaiUbdbzicHzQgrx1H3DTPAYcpZzK4fxSRSfc1xcHiV7ZqMQWCl.ชวนดู “ความเป็นจีน” ทั้งที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดและที่แฝงเร้น ภายในอาณาจักรอุตสาหกรรมรีไซเคิลที่ตั้งอยู่ ม.10 บ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid0AvSJr99yYvzSoc3yoB3Jhgvuv8Qw2UudYXJKcaAMZSJBTeZzZkfp24EwHh464K5Fl.เปิดภาพบ่อรองรับกากอุตสาหกรรมจากโรงงานรีไซเคิล ณ หนองหอย ผลพวงการลงทุนของทุนจีนที่ฝากไว้ในแผ่นดินไทยแบบนิรันดร์กาลhttps://www.facebook.com/EarthEcoAlert/posts/pfbid032raXyU59Z4EByprUuaDgDYPCcp7Mvw2YyrDZfzLdHU93JKwQ4gjoq1bc45F9xeB6l
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี’ เข้ากระทรวงมหาดไทย ไหว้ขอโทษ ‘อนุทิน’ ปมแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนทำสังคมวิจารณ์สนั่น
    https://www.thai-tai.tv/news/18464/
    ‘ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี’ เข้ากระทรวงมหาดไทย ไหว้ขอโทษ ‘อนุทิน’ ปมแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนทำสังคมวิจารณ์สนั่น https://www.thai-tai.tv/news/18464/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงกรานต์ปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยลดลง

    สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เปิดเผยสถิติการเดินทางเข้าออกประเทศ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 เทียบกับปี 2567 โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยลดลงกว่าปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงกว่า 43% อีกด้านหนึ่ง คนไทยเดินทางออกนอกประเทศมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 2.1 ล้านคน ลดลง 4.5% จากปี 2567 สัญชาติที่เข้าประเทศไทยมากที่สุด คือ มาเลเซีย ประมาณ 306,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.53% อันดับสอง จีน ประมาณ 225,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 43.06% อันดับสาม ลาว ประมาณ 189,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 7.02% อันดับสี่ อินเดีย ประมาณ 141,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23.43% และอันดับห้า รัสเซีย ประมาณ 118,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15.43%

    ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด อันดับ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 897,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 3.18% อันดับสอง ท่าอากาศยานภูเก็ต ประมาณ 299,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.73% อันดับสาม ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 224,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 18.63% อันดับสี่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ประมาณ 122,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.43% และอันดับห้า จุดตรวจสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 จ.หนองคาย ประมาณ 74,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11.27% ส่วนเที่ยวบินขาเข้าจากต่างประเทศ มีประมาณ 12,000 เที่ยวบิน ลดลงจากปีที่แล้ว 5.24%

    ส่วนคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ มีประมาณ 702,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.92% โดยพบว่าผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด ประมาณ 196,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 0.67% จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ประมาณ 97,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20.02% ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 82,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58.62% ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ประมาณ 57,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 64.15% และ จุดตรวจสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประมาณ 54,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19.37%

    ก่อนหน้านี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 20 เม.ย. 2568 พบว่ามีจำนวน 11,272,379 คน จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,524,697 คน มาเลเซีย 1,401,169 คน รัสเซีย 835,385 คน อินเดีย 677,793 คน และเกาหลีใต้ 549,982 คน

    #Newskit
    สงกรานต์ปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทยลดลง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เปิดเผยสถิติการเดินทางเข้าออกประเทศ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 เทียบกับปี 2567 โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระหว่างวันที่ 1-20 เม.ย. พบว่าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยลดลงกว่าปีก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงกว่า 43% อีกด้านหนึ่ง คนไทยเดินทางออกนอกประเทศมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 2.1 ล้านคน ลดลง 4.5% จากปี 2567 สัญชาติที่เข้าประเทศไทยมากที่สุด คือ มาเลเซีย ประมาณ 306,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.53% อันดับสอง จีน ประมาณ 225,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 43.06% อันดับสาม ลาว ประมาณ 189,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 7.02% อันดับสี่ อินเดีย ประมาณ 141,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23.43% และอันดับห้า รัสเซีย ประมาณ 118,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15.43% ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด อันดับ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 897,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 3.18% อันดับสอง ท่าอากาศยานภูเก็ต ประมาณ 299,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.73% อันดับสาม ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 224,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 18.63% อันดับสี่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา ประมาณ 122,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.43% และอันดับห้า จุดตรวจสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 จ.หนองคาย ประมาณ 74,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11.27% ส่วนเที่ยวบินขาเข้าจากต่างประเทศ มีประมาณ 12,000 เที่ยวบิน ลดลงจากปีที่แล้ว 5.24% ส่วนคนไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ มีประมาณ 702,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.92% โดยพบว่าผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมากที่สุด ประมาณ 196,000 คน ลดลงจากปีที่แล้ว 0.67% จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ประมาณ 97,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20.02% ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ประมาณ 82,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58.62% ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ประมาณ 57,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 64.15% และ จุดตรวจสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ประมาณ 54,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19.37% ก่อนหน้านี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 20 เม.ย. 2568 พบว่ามีจำนวน 11,272,379 คน จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 1,524,697 คน มาเลเซีย 1,401,169 คน รัสเซีย 835,385 คน อินเดีย 677,793 คน และเกาหลีใต้ 549,982 คน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชี้เป้าเส้นทางเงิน รู้แน่ใครนอมินี-ฮั้ว : [NEWS UPDATE]

    นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใครมาในฐานะอะไร หรือสมอ้างมาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่เอะใจว่าคนพวกนี้มายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง การออกแบบเกิดขึ้นปี 2561-2562 ทำสัญญาปี 2563-2564 ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง 3-4 ปีแล้ว

    -ผู้ว่า สตง. ต้องพูดความจริง

    -วิศวกรทยอยให้ปากคำ

    -จ่ายเยียวยาไม่มีผลทางคดี

    -นัด"ทักษิณ"ไต่สวนติดคุกจริง?
    ชี้เป้าเส้นทางเงิน รู้แน่ใครนอมินี-ฮั้ว : [NEWS UPDATE] นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใครมาในฐานะอะไร หรือสมอ้างมาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่เอะใจว่าคนพวกนี้มายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง การออกแบบเกิดขึ้นปี 2561-2562 ทำสัญญาปี 2563-2564 ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง 3-4 ปีแล้ว -ผู้ว่า สตง. ต้องพูดความจริง -วิศวกรทยอยให้ปากคำ -จ่ายเยียวยาไม่มีผลทางคดี -นัด"ทักษิณ"ไต่สวนติดคุกจริง?
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ยอมรับหาที่ดินสร้างตึก สตง.ไม่เกี่ยวข้องการก่อสร้าง : [THE MESSAGE]

    นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังจากมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใคร มาในฐานะอะไร หรือสมอ้างเข้ามาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่ได้เอะใจว่าคนพวกนี้จะมายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
    ยอมรับหาที่ดินสร้างตึก สตง.ไม่เกี่ยวข้องการก่อสร้าง : [THE MESSAGE] นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังจากมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใคร มาในฐานะอะไร หรือสมอ้างเข้ามาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่ได้เอะใจว่าคนพวกนี้จะมายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 817 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • กองทัพบกออกแถลงหลังภาพชายแต่งกายคล้ายสารวัตรทหารอารักขาหญิงชาวจีนในงานเปิดตัวสินค้าโผล่โซเชียล ยืนยันหน่วยพัน.สห.11 ไม่ได้ส่งกำลังพลร่วมงาน และอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นทหารจริงหรือไม่ หากพบกระทำผิดจริง เตรียมสอบวินัยทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040409

    #MGROnline #สารวัตรทหาร
    กองทัพบกออกแถลงหลังภาพชายแต่งกายคล้ายสารวัตรทหารอารักขาหญิงชาวจีนในงานเปิดตัวสินค้าโผล่โซเชียล ยืนยันหน่วยพัน.สห.11 ไม่ได้ส่งกำลังพลร่วมงาน และอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นทหารจริงหรือไม่ หากพบกระทำผิดจริง เตรียมสอบวินัยทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000040409 • #MGROnline #สารวัตรทหาร
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน ! "ผู้ว่าฯปราจีน" เซ็นยกเลิกคำสั่ง ตั้ง"ชาวจีน" นั่งที่ปรึกษาแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/18417/
    ด่วน ! "ผู้ว่าฯปราจีน" เซ็นยกเลิกคำสั่ง ตั้ง"ชาวจีน" นั่งที่ปรึกษาแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/18417/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ AI รุ่นใหม่ Ascend 910D ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ GPU รุ่น Blackwell และ Rubin ของ Nvidia โดย Ascend 910D ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia H100 ในการประมวลผล AI แม้ว่าในระดับชิปเดี่ยวจะยังช้ากว่า Blackwell B200 และ B300 รวมถึง Rubin GPUs ที่จะเปิดตัวในปีหน้า

    Huawei ใช้กลยุทธ์การสร้างระบบที่มีโปรเซสเซอร์หลายร้อยตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระดับระบบ โดย Ascend 910D จะเริ่มการทดสอบในเดือนพฤษภาคม และมีแผนการจัดส่งโปรเซสเซอร์ Ascend 910C แบบสองชิปให้กับลูกค้าชาวจีนในเดือนหน้า

    อย่างไรก็ตาม Huawei ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาชิปที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ในระดับประสิทธิภาพต่อวัตต์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตที่เกิดจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

    ✅ การเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Ascend 910D
    - Ascend 910D ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia H100
    - ใช้กลยุทธ์การสร้างระบบที่มีโปรเซสเซอร์หลายร้อยตัว

    ✅ การทดสอบและการจัดส่ง
    - Ascend 910D จะเริ่มการทดสอบในเดือนพฤษภาคม
    - Ascend 910C แบบสองชิปจะเริ่มจัดส่งในเดือนหน้า

    ✅ ความสำคัญของ Ascend 910D
    - เป็นโปรเซสเซอร์ AI ที่มีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดจีน
    - มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ในประเทศจีน

    ✅ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิต
    - Huawei เผชิญกับข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-ascend-ai-910d-processor-designed-to-take-on-nvidias-blackwell-and-rubin-gpus
    Huawei ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ AI รุ่นใหม่ Ascend 910D ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ GPU รุ่น Blackwell และ Rubin ของ Nvidia โดย Ascend 910D ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia H100 ในการประมวลผล AI แม้ว่าในระดับชิปเดี่ยวจะยังช้ากว่า Blackwell B200 และ B300 รวมถึง Rubin GPUs ที่จะเปิดตัวในปีหน้า Huawei ใช้กลยุทธ์การสร้างระบบที่มีโปรเซสเซอร์หลายร้อยตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระดับระบบ โดย Ascend 910D จะเริ่มการทดสอบในเดือนพฤษภาคม และมีแผนการจัดส่งโปรเซสเซอร์ Ascend 910C แบบสองชิปให้กับลูกค้าชาวจีนในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม Huawei ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาชิปที่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ในระดับประสิทธิภาพต่อวัตต์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตที่เกิดจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ✅ การเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Ascend 910D - Ascend 910D ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia H100 - ใช้กลยุทธ์การสร้างระบบที่มีโปรเซสเซอร์หลายร้อยตัว ✅ การทดสอบและการจัดส่ง - Ascend 910D จะเริ่มการทดสอบในเดือนพฤษภาคม - Ascend 910C แบบสองชิปจะเริ่มจัดส่งในเดือนหน้า ✅ ความสำคัญของ Ascend 910D - เป็นโปรเซสเซอร์ AI ที่มีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดจีน - มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ในประเทศจีน ✅ ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิต - Huawei เผชิญกับข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huawei-ascend-ai-910d-processor-designed-to-take-on-nvidias-blackwell-and-rubin-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงรวบเครือข่ายลักลอบขนชาวจีน แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าไทยไปประเทศที่ 3 ด้าน สตม.ยันวิศวกรชาวจีนคุมงานสร้างตึก สตง.ไม่ได้ถือวีซ่านักเรียน แต่เป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวที่ยังไม่หมดอายุ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040131

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงรวบเครือข่ายลักลอบขนชาวจีน แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าไทยไปประเทศที่ 3 ด้าน สตม.ยันวิศวกรชาวจีนคุมงานสร้างตึก สตง.ไม่ได้ถือวีซ่านักเรียน แต่เป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวที่ยังไม่หมดอายุ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040131 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE]
    ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE] ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 60 0 รีวิว
  • มีการดัดแปลง Integrated Heat Spreader (IHS) ของ CPU Intel Core i9-14900KS ให้กลายเป็น water block สำหรับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดย YouTuber ชาวจีนชื่อ octppus ได้ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำที่เชื่อมต่อกัน พร้อมติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก และปิดผนึกด้วยปะเก็นเพื่อป้องกันการรั่วซึม

    การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าการดัดแปลง IHS ช่วยลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่ผิวสัมผัสที่เล็กลงและการกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ

    แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ การออกแบบและการดัดแปลง
    - ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำ
    - ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก พร้อมปิดผนึกด้วยปะเก็น

    ✅ ผลการทดลอง
    - ลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า
    - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์

    ✅ ข้อจำกัดของการออกแบบ
    - พื้นที่ผิวสัมผัสเล็กลงและการกระจายความร้อนไม่สม่ำเสมอ
    - อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อความเร็วปั๊มน้ำลดลง

    ✅ ความน่าสนใจของการทดลอง
    - เป็นตัวอย่างของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900ks-heatspreader-transformed-into-cpu-water-block-clever-machining-yields-a-functioning-water-block
    มีการดัดแปลง Integrated Heat Spreader (IHS) ของ CPU Intel Core i9-14900KS ให้กลายเป็น water block สำหรับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดย YouTuber ชาวจีนชื่อ octppus ได้ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำที่เชื่อมต่อกัน พร้อมติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก และปิดผนึกด้วยปะเก็นเพื่อป้องกันการรั่วซึม การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าการดัดแปลง IHS ช่วยลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม การออกแบบนี้ยังมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่ผิวสัมผัสที่เล็กลงและการกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ แม้ว่าการดัดแปลงนี้จะไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การออกแบบและการดัดแปลง - ใช้เครื่อง CNC ในการแกะสลัก IHS เพื่อสร้างช่องทางน้ำ - ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสำหรับน้ำเข้าและออก พร้อมปิดผนึกด้วยปะเก็น ✅ ผลการทดลอง - ลดระยะทางจาก die ของ CPU ไปยังน้ำหล่อเย็นถึง 4 เท่า - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนในบางสถานการณ์ ✅ ข้อจำกัดของการออกแบบ - พื้นที่ผิวสัมผัสเล็กลงและการกระจายความร้อนไม่สม่ำเสมอ - อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อความเร็วปั๊มน้ำลดลง ✅ ความน่าสนใจของการทดลอง - เป็นตัวอย่างของการปรับแต่งฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/core-i9-14900ks-heatspreader-transformed-into-cpu-water-block-clever-machining-yields-a-functioning-water-block
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก MG และ Zeekr ในงาน Shanghai Motor Show โดย MG ได้เปิดตัว Cyber X ซึ่งเป็น SUV ที่มีดีไซน์โดดเด่นพร้อมไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน ส่วน Zeekr ได้เปิดตัว 9X ซึ่งเป็น SUV ไฮบริดที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดรถยนต์หรูระดับสูง โดยมีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga

    ✅ MG Cyber X: SUV ดีไซน์โดดเด่น
    - มีไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน
    - ออกแบบโดย Jozef Kaban อดีตนักออกแบบของ VW และ Bugatti Veyron

    ✅ Zeekr 9X: SUV ไฮบริดระดับหรู
    - มีราคาประมาณ $70,000 ซึ่งถูกกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga
    - มาพร้อมหน้าจอขนาด 43 นิ้วในห้องโดยสารหลัง และเทคโนโลยี G-Pilot สำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3

    ✅ แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
    - ความต้องการรถยนต์หรูจากแบรนด์ตะวันตกลดลงในจีน
    - ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจแบรนด์ในประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า

    ✅ การขยายตลาดของ MG และ Zeekr
    - MG และ Zeekr กำลังขยายตลาดไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/mg-and-zeekr-show-us-the-future-of-electric-suvs-and-it-includes-the-return-of-pop-up-headlights
    ข่าวนี้กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก MG และ Zeekr ในงาน Shanghai Motor Show โดย MG ได้เปิดตัว Cyber X ซึ่งเป็น SUV ที่มีดีไซน์โดดเด่นพร้อมไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน ส่วน Zeekr ได้เปิดตัว 9X ซึ่งเป็น SUV ไฮบริดที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดรถยนต์หรูระดับสูง โดยมีราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga ✅ MG Cyber X: SUV ดีไซน์โดดเด่น - มีไฟหน้าแบบ pop-up ที่หายไปจากตลาดมานาน - ออกแบบโดย Jozef Kaban อดีตนักออกแบบของ VW และ Bugatti Veyron ✅ Zeekr 9X: SUV ไฮบริดระดับหรู - มีราคาประมาณ $70,000 ซึ่งถูกกว่า Rolls-Royce Cullinan และ Bentley Bentayga - มาพร้อมหน้าจอขนาด 43 นิ้วในห้องโดยสารหลัง และเทคโนโลยี G-Pilot สำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 ✅ แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน - ความต้องการรถยนต์หรูจากแบรนด์ตะวันตกลดลงในจีน - ผู้บริโภคชาวจีนหันมาสนใจแบรนด์ในประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ✅ การขยายตลาดของ MG และ Zeekr - MG และ Zeekr กำลังขยายตลาดไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/mg-and-zeekr-show-us-the-future-of-electric-suvs-and-it-includes-the-return-of-pop-up-headlights
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ่อเต็น เมืองจีนในแดนลาว

    ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่นำพาตัวเองมายังหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศลาว เฉกเช่นเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ผ่านทางรถไฟกว่า 400 กิโลเมตร ตรงข้ามกับด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เราเดินทางด้วยรถไฟขบวน C82 เวียงจันทน์-บ่อเต็น ออกจากสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ 13.30 น. ตามกำหนดต้องถึงสถานีบ่อเต็น 17.25 น. แต่ถึงจริง 18.26 น. รวมระยะเวลา 5 ชั่วโมง เหตุต้องรอรถหลีกช่วงวังเวียงถึงหลวงพระบาง เมื่อออกจากสถานีจะมีรถรับจ้างหน้าสถานี เสียเงินคนละ 50,000 กีบ คนขับรถจะส่งชาวจีนไปยังด่านบ่อเต็นก่อน แล้วค่อยไปส่งที่โรงแรม

    ตลอดเส้นทางจะพบรถบรรทุกขนส่งสินค้าจำนวนมาก ระหว่างทางจะพบเห็นการตั้งสวนอุตสาหรรม รองรับโรงงานที่จะเข้ามาในอนาคต ถึงที่พักของเราเป็นคอนโดมิเนียม มีชาวจีนเป็นเจ้าของ นำห้องชุดมาทำเป็นโรงแรม ต้องขึ้นไปที่ชั้น 9 เพื่อลงทะเบียนและรับคีย์การ์ด ก่อนลงมาที่ห้องพักชั้น 8 ราคาที่ได้ผ่าน OTA เจ้าดังประมาณ 500 บาทเศษต่อคืน มีบริการรถส่งถึงสถานีรถไฟ ด้านข้างจะเป็นไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ทิ้งร้าง รู้สึกวังเวงไปบ้าง แต่ด้านหลังยังมีคอนโดมิเนียมที่มีผู้อาศัยอยู่

    เมื่อปี 2546 รัฐบาลลาวให้สัมปทานแก่บริษัท ฟุกฮิง ทราเวล จากฮ่องกงเพื่อก่อตั้งเขตเศรษฐกิจเฉพาะบ่อเต็นแดนคำ ประกอบด้วยพื้นที่โรงงาน สำนักงาน ร้านค้าปลอดภาษี และอื่นๆ หนึ่งในนั้นมีกาสิโนแต่นักเสี่ยงโชคชาวจีนถูกยิงเสียชีวิต สุดท้ายต้องปิดตัวลง ต่อมาปี 2555 เปลี่ยนผู้ถือสัมปทานเป็นกลุ่มบริษัท ไห่เฉิงยูนนาน และเปลี่ยนชื่อเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็นแดนงาม

    ที่นี่ช่วงเย็นถึงกลางคืนจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านนวดที่มีสาวสวยนั่งรอให้บริการ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน ร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีน บางส่วนมาจากไทย ราคาสินค้าติดป้ายสกุลเงินหยวน แนะนำให้แลกเงินหยวนจะใช้จ่ายง่ายขึ้น แต่เงินกีบก็ใช้ได้ในบางร้าน ส่วนอี-เพย์เมนต์นิยมใช้ WeChat Pay หรือ Weixin Pay โดยมีคิวอาร์โค้ดแสดงอยู่ นอกนั้นจะมีคิวอาร์โค้ดธนาคารลาว อากาศที่นี่เย็นสบาย ยามค่ำคืนอุณหภูมิเหลือ 19 องศาฯ

    สอบถามชาวลาวที่ทำงานในบ่อเต็น ระบุว่า คนที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มาจากมณฑลต่างๆ ส่วนหนึ่งมีธุรกิจอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ก็มาพักค้างที่บ่อเต็น นอกจากนี้ ยังมีคนที่อยู่เมืองไทยมาทำธุรกิจที่บ่อเต็นก็มาพักค้างที่นี่เช่นกัน สำหรับค่าครองชีพถ้าเป็นอาหารจีนราคาจะสูง แต่อาหารลาวและอาหารพื้นถิ่นจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ราคาถูกกว่า

    #Newskit
    บ่อเต็น เมืองจีนในแดนลาว ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่นำพาตัวเองมายังหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศลาว เฉกเช่นเมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ผ่านทางรถไฟกว่า 400 กิโลเมตร ตรงข้ามกับด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เราเดินทางด้วยรถไฟขบวน C82 เวียงจันทน์-บ่อเต็น ออกจากสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ 13.30 น. ตามกำหนดต้องถึงสถานีบ่อเต็น 17.25 น. แต่ถึงจริง 18.26 น. รวมระยะเวลา 5 ชั่วโมง เหตุต้องรอรถหลีกช่วงวังเวียงถึงหลวงพระบาง เมื่อออกจากสถานีจะมีรถรับจ้างหน้าสถานี เสียเงินคนละ 50,000 กีบ คนขับรถจะส่งชาวจีนไปยังด่านบ่อเต็นก่อน แล้วค่อยไปส่งที่โรงแรม ตลอดเส้นทางจะพบรถบรรทุกขนส่งสินค้าจำนวนมาก ระหว่างทางจะพบเห็นการตั้งสวนอุตสาหรรม รองรับโรงงานที่จะเข้ามาในอนาคต ถึงที่พักของเราเป็นคอนโดมิเนียม มีชาวจีนเป็นเจ้าของ นำห้องชุดมาทำเป็นโรงแรม ต้องขึ้นไปที่ชั้น 9 เพื่อลงทะเบียนและรับคีย์การ์ด ก่อนลงมาที่ห้องพักชั้น 8 ราคาที่ได้ผ่าน OTA เจ้าดังประมาณ 500 บาทเศษต่อคืน มีบริการรถส่งถึงสถานีรถไฟ ด้านข้างจะเป็นไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ทิ้งร้าง รู้สึกวังเวงไปบ้าง แต่ด้านหลังยังมีคอนโดมิเนียมที่มีผู้อาศัยอยู่ เมื่อปี 2546 รัฐบาลลาวให้สัมปทานแก่บริษัท ฟุกฮิง ทราเวล จากฮ่องกงเพื่อก่อตั้งเขตเศรษฐกิจเฉพาะบ่อเต็นแดนคำ ประกอบด้วยพื้นที่โรงงาน สำนักงาน ร้านค้าปลอดภาษี และอื่นๆ หนึ่งในนั้นมีกาสิโนแต่นักเสี่ยงโชคชาวจีนถูกยิงเสียชีวิต สุดท้ายต้องปิดตัวลง ต่อมาปี 2555 เปลี่ยนผู้ถือสัมปทานเป็นกลุ่มบริษัท ไห่เฉิงยูนนาน และเปลี่ยนชื่อเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็นแดนงาม ที่นี่ช่วงเย็นถึงกลางคืนจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านนวดที่มีสาวสวยนั่งรอให้บริการ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน ร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีน บางส่วนมาจากไทย ราคาสินค้าติดป้ายสกุลเงินหยวน แนะนำให้แลกเงินหยวนจะใช้จ่ายง่ายขึ้น แต่เงินกีบก็ใช้ได้ในบางร้าน ส่วนอี-เพย์เมนต์นิยมใช้ WeChat Pay หรือ Weixin Pay โดยมีคิวอาร์โค้ดแสดงอยู่ นอกนั้นจะมีคิวอาร์โค้ดธนาคารลาว อากาศที่นี่เย็นสบาย ยามค่ำคืนอุณหภูมิเหลือ 19 องศาฯ สอบถามชาวลาวที่ทำงานในบ่อเต็น ระบุว่า คนที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนที่มาจากมณฑลต่างๆ ส่วนหนึ่งมีธุรกิจอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ก็มาพักค้างที่บ่อเต็น นอกจากนี้ ยังมีคนที่อยู่เมืองไทยมาทำธุรกิจที่บ่อเต็นก็มาพักค้างที่นี่เช่นกัน สำหรับค่าครองชีพถ้าเป็นอาหารจีนราคาจะสูง แต่อาหารลาวและอาหารพื้นถิ่นจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ราคาถูกกว่า #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts