• “Paint บน Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI สร้างแอนิเมชันและแก้ไขภาพแบบ Nano Banana” — เมื่อแอปวาดภาพพื้นฐานกลายเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ที่ใช้ AI ช่วยสร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่ง และแก้ไขภาพด้วยคำสั่งข้อความแบบเดียวกับฟีเจอร์ “Generative Fill” ของ Photoshop หรือ “Nano Banana” ของ Google

    ฟีเจอร์แรกชื่อว่า “Animate” ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเปลี่ยนภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ให้กลายเป็นแอนิเมชันสั้น ๆ โดยไม่ต้องใส่ prompt ใด ๆ AI จะตัดสินใจสร้างภาพเคลื่อนไหวให้เอง ซึ่งแม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นก้าวแรกของการนำ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานศิลป์

    ฟีเจอร์ที่สองคือ “Generative Edit” ซึ่งให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่ง เช่น “เปลี่ยนพื้นหลังเป็นป่าผลไม้” แล้ว AI จะปรับภาพให้ตามคำสั่งทันที ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนภาพกล้วยเดี่ยวให้กลายเป็นฉาก “fruit jungle” ได้อย่างน่าทึ่ง

    ทั้งสองฟีเจอร์นี้อยู่ในโครงการ Windows AI Labs ซึ่งเปิดให้เฉพาะผู้ใช้ Windows Insider ที่ได้รับเชิญเท่านั้น โดย Microsoft ใช้โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเอง ไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีจากภายนอก

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ AI ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11
    อยู่ในโครงการ Windows AI Labs สำหรับผู้ใช้ Windows Insider

    ฟีเจอร์ “Animate” สร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่งหรือสเก็ตช์
    ไม่ต้องใส่ prompt, AI ตัดสินใจเอง

    ฟีเจอร์ “Generative Edit” แก้ไขภาพตามคำสั่งข้อความ
    ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนพื้นหลังเป็น “fruit jungle”

    ใช้โมเดล AI ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นเอง
    ไม่พึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทภายนอก

    Paint กำลังกลายเป็นแอปสร้างภาพที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
    เดิมเป็นแอปวาดภาพพื้นฐานใน Windows

    ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจยังไม่เสถียร
    ตัวอย่างแอนิเมชันที่สร้างอาจมีความผิดเพี้ยน

    ต้องเป็นสมาชิก Windows Insider และได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะใช้งานได้
    ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้

    ไม่มีการควบคุมผลลัพธ์ของแอนิเมชันในเวอร์ชันทดสอบ
    ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือรูปแบบของแอนิเมชันได้

    ยังไม่มีกำหนดการเปิดตัวฟีเจอร์เหล่านี้อย่างเป็นทางการ
    อาจใช้เวลานานกว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-paint-app-could-soon-create-animations-for-you-with-ai-and-boast-a-nano-banana-style-generative-edit
    🎨 “Paint บน Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI สร้างแอนิเมชันและแก้ไขภาพแบบ Nano Banana” — เมื่อแอปวาดภาพพื้นฐานกลายเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ที่ใช้ AI ช่วยสร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่ง และแก้ไขภาพด้วยคำสั่งข้อความแบบเดียวกับฟีเจอร์ “Generative Fill” ของ Photoshop หรือ “Nano Banana” ของ Google ฟีเจอร์แรกชื่อว่า “Animate” ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเปลี่ยนภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ให้กลายเป็นแอนิเมชันสั้น ๆ โดยไม่ต้องใส่ prompt ใด ๆ AI จะตัดสินใจสร้างภาพเคลื่อนไหวให้เอง ซึ่งแม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นก้าวแรกของการนำ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานศิลป์ ฟีเจอร์ที่สองคือ “Generative Edit” ซึ่งให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่ง เช่น “เปลี่ยนพื้นหลังเป็นป่าผลไม้” แล้ว AI จะปรับภาพให้ตามคำสั่งทันที ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนภาพกล้วยเดี่ยวให้กลายเป็นฉาก “fruit jungle” ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งสองฟีเจอร์นี้อยู่ในโครงการ Windows AI Labs ซึ่งเปิดให้เฉพาะผู้ใช้ Windows Insider ที่ได้รับเชิญเท่านั้น โดย Microsoft ใช้โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเอง ไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีจากภายนอก ✅ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ AI ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ➡️ อยู่ในโครงการ Windows AI Labs สำหรับผู้ใช้ Windows Insider ✅ ฟีเจอร์ “Animate” สร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ ➡️ ไม่ต้องใส่ prompt, AI ตัดสินใจเอง ✅ ฟีเจอร์ “Generative Edit” แก้ไขภาพตามคำสั่งข้อความ ➡️ ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนพื้นหลังเป็น “fruit jungle” ✅ ใช้โมเดล AI ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นเอง ➡️ ไม่พึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทภายนอก ✅ Paint กำลังกลายเป็นแอปสร้างภาพที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ➡️ เดิมเป็นแอปวาดภาพพื้นฐานใน Windows ‼️ ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจยังไม่เสถียร ⛔ ตัวอย่างแอนิเมชันที่สร้างอาจมีความผิดเพี้ยน ‼️ ต้องเป็นสมาชิก Windows Insider และได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะใช้งานได้ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ ‼️ ไม่มีการควบคุมผลลัพธ์ของแอนิเมชันในเวอร์ชันทดสอบ ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือรูปแบบของแอนิเมชันได้ ‼️ ยังไม่มีกำหนดการเปิดตัวฟีเจอร์เหล่านี้อย่างเป็นทางการ ⛔ อาจใช้เวลานานกว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-paint-app-could-soon-create-animations-for-you-with-ai-and-boast-a-nano-banana-style-generative-edit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: เมื่อระบบปิดกลายเป็นกรงขังความคิดสร้างสรรค์ – 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนมาใช้โอเพ่นซอร์ส

    คุณเคยรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่กำลังควบคุมวิธีทำงานของคุณมากกว่าที่คุณควบคุมมันไหม? บทความนี้ชี้ให้เห็นถึง 5 สัญญาณที่บอกว่าระบบปิด (Proprietary Workflow) กำลังบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของคุณ และเสนอทางออกด้วย Free and Open Source Software (FOSS) ที่ให้คุณกลับมาควบคุมงานของตัวเองได้อีกครั้ง

    ตั้งแต่การถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ไปจนถึงการไม่สามารถปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับสไตล์การทำงานของตัวเอง ระบบปิดเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพในการสร้างสรรค์งาน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนที่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเดียวในการเปิดต้นฉบับ หรือศิลปินที่ต้อง “flatten” งานศิลป์เพื่อส่งออกไฟล์

    FOSS เสนอทางเลือกที่เปิดกว้างกว่า เช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender และ Emacs ที่ไม่เพียงแต่ฟรี แต่ยังให้คุณปรับแต่งเครื่องมือได้ตามใจ แชร์ไฟล์ได้ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าฟีเจอร์ที่คุณรักจะหายไปหลังอัปเดต

    นอกจากนี้ยังมีชุมชนผู้ใช้ที่พร้อมช่วยเหลือและพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    คุณถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน
    เสี่ยงต่อการสูญเสียการเข้าถึงไฟล์เมื่อหมดอายุ
    การเปลี่ยนแปลงราคาและฟีเจอร์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    ไฟล์ของคุณถูกขังในรูปแบบเฉพาะ
    ไม่สามารถเปิดในโปรแกรมอื่นได้
    การส่งออกทำให้สูญเสียเลเยอร์หรือความสามารถในการแก้ไข

    คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มฟีเจอร์ให้เครื่องมือ
    ไม่มีระบบปลั๊กอินหรือสคริปต์
    ต้องทำงานซ้ำ ๆ โดยไม่มีทางลัด

    การทำงานร่วมกับผู้อื่นถูกจำกัด
    ต้องใช้โปรแกรมเดียวกันเพื่อเปิดไฟล์
    การส่งออกไฟล์ทำให้คุณภาพลดลง

    ฟีเจอร์ที่คุณใช้อาจหายไปเมื่อมีการอัปเดต
    ไม่มีสิทธิ์ควบคุมการเปลี่ยนแปลง
    ต้องปรับตัวกับระบบใหม่โดยไม่เต็มใจ

    ทางออกด้วย FOSS
    โปรแกรมเช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender, Emacs
    รองรับไฟล์เปิด (ODT, SVG, PNG, EXR)
    มีชุมชนช่วยเหลือและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ระบบปิด
    เสี่ยงต่อการสูญเสียไฟล์หรือการเข้าถึงเมื่อเลิกจ่าย
    ไม่สามารถควบคุมหรือปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับงาน
    การทำงานร่วมกับผู้อื่นอาจติดขัดจากข้อจำกัดของไฟล์

    https://news.itsfoss.com/proprietary-workflow-stifling-creativity/
    📰 หัวข้อข่าว: เมื่อระบบปิดกลายเป็นกรงขังความคิดสร้างสรรค์ – 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนมาใช้โอเพ่นซอร์ส คุณเคยรู้สึกว่าซอฟต์แวร์ที่คุณใช้อยู่กำลังควบคุมวิธีทำงานของคุณมากกว่าที่คุณควบคุมมันไหม? บทความนี้ชี้ให้เห็นถึง 5 สัญญาณที่บอกว่าระบบปิด (Proprietary Workflow) กำลังบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ของคุณ และเสนอทางออกด้วย Free and Open Source Software (FOSS) ที่ให้คุณกลับมาควบคุมงานของตัวเองได้อีกครั้ง ตั้งแต่การถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ไปจนถึงการไม่สามารถปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับสไตล์การทำงานของตัวเอง ระบบปิดเหล่านี้อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกจำกัดเสรีภาพในการสร้างสรรค์งาน ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนที่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเดียวในการเปิดต้นฉบับ หรือศิลปินที่ต้อง “flatten” งานศิลป์เพื่อส่งออกไฟล์ FOSS เสนอทางเลือกที่เปิดกว้างกว่า เช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender และ Emacs ที่ไม่เพียงแต่ฟรี แต่ยังให้คุณปรับแต่งเครื่องมือได้ตามใจ แชร์ไฟล์ได้ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าฟีเจอร์ที่คุณรักจะหายไปหลังอัปเดต นอกจากนี้ยังมีชุมชนผู้ใช้ที่พร้อมช่วยเหลือและพัฒนาเครื่องมือให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ✅ คุณถูกล็อกให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบจ่ายรายเดือน ➡️ เสี่ยงต่อการสูญเสียการเข้าถึงไฟล์เมื่อหมดอายุ ➡️ การเปลี่ยนแปลงราคาและฟีเจอร์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ✅ ไฟล์ของคุณถูกขังในรูปแบบเฉพาะ ➡️ ไม่สามารถเปิดในโปรแกรมอื่นได้ ➡️ การส่งออกทำให้สูญเสียเลเยอร์หรือความสามารถในการแก้ไข ✅ คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มฟีเจอร์ให้เครื่องมือ ➡️ ไม่มีระบบปลั๊กอินหรือสคริปต์ ➡️ ต้องทำงานซ้ำ ๆ โดยไม่มีทางลัด ✅ การทำงานร่วมกับผู้อื่นถูกจำกัด ➡️ ต้องใช้โปรแกรมเดียวกันเพื่อเปิดไฟล์ ➡️ การส่งออกไฟล์ทำให้คุณภาพลดลง ✅ ฟีเจอร์ที่คุณใช้อาจหายไปเมื่อมีการอัปเดต ➡️ ไม่มีสิทธิ์ควบคุมการเปลี่ยนแปลง ➡️ ต้องปรับตัวกับระบบใหม่โดยไม่เต็มใจ ✅ ทางออกด้วย FOSS ➡️ โปรแกรมเช่น LibreOffice, Krita, Inkscape, Blender, Emacs ➡️ รองรับไฟล์เปิด (ODT, SVG, PNG, EXR) ➡️ มีชุมชนช่วยเหลือและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ระบบปิด ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสียไฟล์หรือการเข้าถึงเมื่อเลิกจ่าย ⛔ ไม่สามารถควบคุมหรือปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับงาน ⛔ การทำงานร่วมกับผู้อื่นอาจติดขัดจากข้อจำกัดของไฟล์ https://news.itsfoss.com/proprietary-workflow-stifling-creativity/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    5 Signs Your Proprietary Workflow Is Stifling Your Creativity (And What You Can Do About It)
    If these signs feel familiar, your creativity may be stifled by proprietary constraints.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • “Crunchyroll ปรับลดคุณภาพซับไตเติล — จากงานศิลป์สู่ข้อความขาวเรียบที่แฟน ๆ ผิดหวัง”

    ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 ผู้ใช้ Crunchyroll หลายคนเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ในคุณภาพของซับไตเติล โดยเฉพาะในแอนิเมะใหม่ ๆ ที่ออกฉายช่วงนี้ ซับที่เคยมีการจัดวางอย่างประณีต แปลข้อความบนหน้าจออย่างกลมกลืน และแสดงบทสนทนาแบบแยกตำแหน่งผู้พูด กลับถูกแทนที่ด้วยข้อความขาวเรียบที่วางทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ

    เดิมที Crunchyroll ใช้ฟอร์แมต .ASS ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้แปลสามารถจัดวางซับได้อย่างสร้างสรรค์ เช่น การแปลป้ายบนฉากให้กลมกลืนกับภาพ หรือการแสดงข้อความแชตในโทรศัพท์ให้ดูเหมือนจริง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาใช้ .SRT ซึ่งจำกัดการจัดวางและรูปแบบ ทำให้ซับกลายเป็นเพียงข้อความธรรมดา

    แฟน ๆ บางคนถึงกับต้องใช้ Google Lens สแกนข้อความบนหน้าจอเพื่อแปลเอง เพราะซับไม่แสดงเนื้อหานั้นอีกต่อไป โดยเฉพาะในแอนิเมะแนว isekai ที่มี UI เกมและหน้าจอสถิติต่าง ๆ ซึ่งเคยแปลได้ครบถ้วน ตอนนี้กลับกลายเป็นข้อความทับกันที่อ่านแทบไม่ออก

    มีการตั้งข้อสังเกตว่า Crunchyroll อาจเริ่มใช้ระบบแปลอัตโนมัติหรือ AI เช่น ChatGPT ในการสร้างซับ โดยมีหลักฐานจากซับภาษาเยอรมันที่หลุดข้อความ “ChatGPT said…” ในแอนิเมะเรื่องหนึ่ง และซับภาษาอังกฤษที่มีข้อความ placeholder อย่าง “Translated by: Translator’s name” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการใช้ระบบอัตโนมัติโดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์

    แม้ Crunchyroll จะยังไม่ออกแถลงการณ์ชัดเจน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังอย่างมาก เพราะซับไตเติลเคยเป็นจุดแข็งที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crunchyroll ปรับลดคุณภาพซับไตเติลในฤดูใบไม้ร่วง 2025
    เปลี่ยนจากฟอร์แมต .ASS เป็น .SRT ที่มีข้อจำกัดด้านการจัดวาง
    ซับกลายเป็นข้อความขาวเรียบที่วางทับกัน ไม่แยกตำแหน่งผู้พูด
    ข้อความบนหน้าจอ เช่น ป้ายหรือแชต ไม่ถูกแปลหรือจัดวางอย่างเหมาะสม
    แฟน ๆ ต้องใช้ Google Lens เพื่อแปลข้อความบนหน้าจอเอง
    แอนิเมะแนว isekai ได้รับผลกระทบหนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้
    พบหลักฐานว่าซับบางตอนมีข้อความ “ChatGPT said…” และ placeholder
    ซับภาษาอังกฤษบางตอนมีข้อความ “Translated by: Translator’s name”
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า Crunchyroll อาจใช้ AI ในการสร้างซับ
    แฟน ๆ แสดงความผิดหวังและตั้งคำถามถึงคุณภาพที่ลดลง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฟอร์แมต .ASS รองรับการจัดวางซับแบบซับซ้อน เช่น การแสดงหลายบรรทัดพร้อมกัน
    .SRT เป็นฟอร์แมตพื้นฐานที่ใช้ในแพลตฟอร์มทั่วไป เช่น YouTube
    การใช้ AI แปลซับอาจช่วยลดต้นทุน แต่เสี่ยงต่อความผิดพลาดและความไม่แม่นยำ
    Crunchyroll เคยถูกวิจารณ์เรื่องซับผิดพลาดใน Re:Zero ซีซัน 3 เมื่อปี 2024
    การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อคุณภาพซับในไฟล์ที่ถูก rip ไปยังแพลตฟอร์มอื่น

    https://animebythenumbers.substack.com/p/worse-crunchyroll-subtitles
    📉 “Crunchyroll ปรับลดคุณภาพซับไตเติล — จากงานศิลป์สู่ข้อความขาวเรียบที่แฟน ๆ ผิดหวัง” ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 ผู้ใช้ Crunchyroll หลายคนเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ในคุณภาพของซับไตเติล โดยเฉพาะในแอนิเมะใหม่ ๆ ที่ออกฉายช่วงนี้ ซับที่เคยมีการจัดวางอย่างประณีต แปลข้อความบนหน้าจออย่างกลมกลืน และแสดงบทสนทนาแบบแยกตำแหน่งผู้พูด กลับถูกแทนที่ด้วยข้อความขาวเรียบที่วางทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ เดิมที Crunchyroll ใช้ฟอร์แมต .ASS ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้แปลสามารถจัดวางซับได้อย่างสร้างสรรค์ เช่น การแปลป้ายบนฉากให้กลมกลืนกับภาพ หรือการแสดงข้อความแชตในโทรศัพท์ให้ดูเหมือนจริง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาใช้ .SRT ซึ่งจำกัดการจัดวางและรูปแบบ ทำให้ซับกลายเป็นเพียงข้อความธรรมดา แฟน ๆ บางคนถึงกับต้องใช้ Google Lens สแกนข้อความบนหน้าจอเพื่อแปลเอง เพราะซับไม่แสดงเนื้อหานั้นอีกต่อไป โดยเฉพาะในแอนิเมะแนว isekai ที่มี UI เกมและหน้าจอสถิติต่าง ๆ ซึ่งเคยแปลได้ครบถ้วน ตอนนี้กลับกลายเป็นข้อความทับกันที่อ่านแทบไม่ออก มีการตั้งข้อสังเกตว่า Crunchyroll อาจเริ่มใช้ระบบแปลอัตโนมัติหรือ AI เช่น ChatGPT ในการสร้างซับ โดยมีหลักฐานจากซับภาษาเยอรมันที่หลุดข้อความ “ChatGPT said…” ในแอนิเมะเรื่องหนึ่ง และซับภาษาอังกฤษที่มีข้อความ placeholder อย่าง “Translated by: Translator’s name” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการใช้ระบบอัตโนมัติโดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์ แม้ Crunchyroll จะยังไม่ออกแถลงการณ์ชัดเจน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังอย่างมาก เพราะซับไตเติลเคยเป็นจุดแข็งที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crunchyroll ปรับลดคุณภาพซับไตเติลในฤดูใบไม้ร่วง 2025 ➡️ เปลี่ยนจากฟอร์แมต .ASS เป็น .SRT ที่มีข้อจำกัดด้านการจัดวาง ➡️ ซับกลายเป็นข้อความขาวเรียบที่วางทับกัน ไม่แยกตำแหน่งผู้พูด ➡️ ข้อความบนหน้าจอ เช่น ป้ายหรือแชต ไม่ถูกแปลหรือจัดวางอย่างเหมาะสม ➡️ แฟน ๆ ต้องใช้ Google Lens เพื่อแปลข้อความบนหน้าจอเอง ➡️ แอนิเมะแนว isekai ได้รับผลกระทบหนักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ➡️ พบหลักฐานว่าซับบางตอนมีข้อความ “ChatGPT said…” และ placeholder ➡️ ซับภาษาอังกฤษบางตอนมีข้อความ “Translated by: Translator’s name” ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า Crunchyroll อาจใช้ AI ในการสร้างซับ ➡️ แฟน ๆ แสดงความผิดหวังและตั้งคำถามถึงคุณภาพที่ลดลง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฟอร์แมต .ASS รองรับการจัดวางซับแบบซับซ้อน เช่น การแสดงหลายบรรทัดพร้อมกัน ➡️ .SRT เป็นฟอร์แมตพื้นฐานที่ใช้ในแพลตฟอร์มทั่วไป เช่น YouTube ➡️ การใช้ AI แปลซับอาจช่วยลดต้นทุน แต่เสี่ยงต่อความผิดพลาดและความไม่แม่นยำ ➡️ Crunchyroll เคยถูกวิจารณ์เรื่องซับผิดพลาดใน Re:Zero ซีซัน 3 เมื่อปี 2024 ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อคุณภาพซับในไฟล์ที่ถูก rip ไปยังแพลตฟอร์มอื่น https://animebythenumbers.substack.com/p/worse-crunchyroll-subtitles
    ANIMEBYTHENUMBERS.SUBSTACK.COM
    Why did Crunchyroll’s subtitles just get worse?
    A small change to operations may undermine a key differentiator for the anime streamer.
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี”

    Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ

    จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา

    Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว

    แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C

    โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง
    ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้
    มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว
    จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight
    ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ
    แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C
    ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป
    มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว
    ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
    Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง
    การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี
    Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
    การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    🖼️ “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี” Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง ➡️ ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้ ➡️ มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ➡️ จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight ➡️ ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ ➡️ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C ➡️ ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป ➡️ มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์ ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว ➡️ ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง ➡️ การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี ➡️ Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ➡️ การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • “เมื่อความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย — เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม?”

    บทความ “Our efforts, in part, define us” จากเว็บไซต์ Weakty ได้ตั้งคำถามที่สะเทือนใจคนทำงานยุค AI อย่างลึกซึ้ง: เมื่อสิ่งที่เคยต้องใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่หรือไม่?

    ผู้เขียนเล่าถึงความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ กลับถูกแทนที่ด้วย AI ที่สามารถสร้างโค้ดได้ในพริบตา แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่า “ความพยายาม” ที่เคยเป็นแก่นของงาน กลับถูกลดทอนลงอย่างน่าหดหู่

    เขายกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งที่เคยถ่ายภาพฟิล์มด้วยความรักและพิถีพิถัน แต่เมื่อสมาร์ตโฟนทำให้การถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องง่าย ความหมายของงานนั้นก็เริ่มจางหายไป ความพยายามที่เคยเป็นรากฐานของตัวตน กลับถูกแทนที่ด้วยความสะดวก และนั่นทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” เมื่อสิ่งที่เคยนิยามเรากลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้

    บทความยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในองค์กร ที่เริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนที่เคยใช้ทักษะและประสบการณ์เป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้คนรู้สึกสูญเสียคุณค่าในสิ่งที่เคยเป็น “งานของตน”

    แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่า AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และไม่ต้องการให้คนถูกกีดกันจากความสะดวก แต่เขาก็ยังรู้สึกถึง “ความเศร้าแปลก ๆ” ที่เกิดจากการที่ความพยายามกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    ผู้เขียนตั้งคำถามว่า เมื่อสิ่งที่เคยใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม
    ยกตัวอย่างการถ่ายภาพฟิล์มที่เคยเป็นงานศิลป์ แต่ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ตโฟน
    การเขียนโค้ดที่เคยเป็นงานหลักของผู้เขียน ถูกแทนที่ด้วย AI ที่สร้างโค้ดได้อย่างรวดเร็ว
    ความพยายามเคยเป็นสิ่งที่นิยามตัวตน แต่เมื่อมันหายไป ความหมายของงานก็เปลี่ยนไป
    องค์กรเริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจ
    ผู้เขียนรู้สึกว่าการใช้ความสามารถเพื่อแลกเงินเคยมีคุณค่า เพราะมันต้องใช้ความพยายาม
    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    งานวิจัยจาก Wharton และ McKinsey ระบุว่า AI ไม่ได้แทนที่งาน แต่เปลี่ยนรูปแบบของงานและคุณค่าที่คนได้รับจากงานนั้น
    คนมักยอมรับการใช้ AI ในงานที่น่าเบื่อ แต่ต่อต้านเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ทักษะที่นิยามตัวตนของพวกเขา
    การใช้ AI อย่างมีสติควรเน้นการเสริมทักษะ ไม่ใช่แทนที่ความสามารถของมนุษย์
    องค์กรที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพมักลงทุนในการฝึกอบรมและปรับโครงสร้างงานใหม่เพื่อรักษาคุณค่าของพนักงาน
    ความพยายามยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการสร้างความหมาย ไม่ว่าจะในงานหรือชีวิตส่วนตัว



    https://weakty.com/posts/efforts/
    🧠 “เมื่อความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย — เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม?” บทความ “Our efforts, in part, define us” จากเว็บไซต์ Weakty ได้ตั้งคำถามที่สะเทือนใจคนทำงานยุค AI อย่างลึกซึ้ง: เมื่อสิ่งที่เคยต้องใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่หรือไม่? ผู้เขียนเล่าถึงความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ กลับถูกแทนที่ด้วย AI ที่สามารถสร้างโค้ดได้ในพริบตา แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่า “ความพยายาม” ที่เคยเป็นแก่นของงาน กลับถูกลดทอนลงอย่างน่าหดหู่ เขายกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งที่เคยถ่ายภาพฟิล์มด้วยความรักและพิถีพิถัน แต่เมื่อสมาร์ตโฟนทำให้การถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องง่าย ความหมายของงานนั้นก็เริ่มจางหายไป ความพยายามที่เคยเป็นรากฐานของตัวตน กลับถูกแทนที่ด้วยความสะดวก และนั่นทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” เมื่อสิ่งที่เคยนิยามเรากลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ บทความยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในองค์กร ที่เริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนที่เคยใช้ทักษะและประสบการณ์เป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้คนรู้สึกสูญเสียคุณค่าในสิ่งที่เคยเป็น “งานของตน” แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่า AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และไม่ต้องการให้คนถูกกีดกันจากความสะดวก แต่เขาก็ยังรู้สึกถึง “ความเศร้าแปลก ๆ” ที่เกิดจากการที่ความพยายามกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ ผู้เขียนตั้งคำถามว่า เมื่อสิ่งที่เคยใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม ➡️ ยกตัวอย่างการถ่ายภาพฟิล์มที่เคยเป็นงานศิลป์ แต่ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ตโฟน ➡️ การเขียนโค้ดที่เคยเป็นงานหลักของผู้เขียน ถูกแทนที่ด้วย AI ที่สร้างโค้ดได้อย่างรวดเร็ว ➡️ ความพยายามเคยเป็นสิ่งที่นิยามตัวตน แต่เมื่อมันหายไป ความหมายของงานก็เปลี่ยนไป ➡️ องค์กรเริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจ ➡️ ผู้เขียนรู้สึกว่าการใช้ความสามารถเพื่อแลกเงินเคยมีคุณค่า เพราะมันต้องใช้ความพยายาม ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ งานวิจัยจาก Wharton และ McKinsey ระบุว่า AI ไม่ได้แทนที่งาน แต่เปลี่ยนรูปแบบของงานและคุณค่าที่คนได้รับจากงานนั้น ➡️ คนมักยอมรับการใช้ AI ในงานที่น่าเบื่อ แต่ต่อต้านเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ทักษะที่นิยามตัวตนของพวกเขา ➡️ การใช้ AI อย่างมีสติควรเน้นการเสริมทักษะ ไม่ใช่แทนที่ความสามารถของมนุษย์ ➡️ องค์กรที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพมักลงทุนในการฝึกอบรมและปรับโครงสร้างงานใหม่เพื่อรักษาคุณค่าของพนักงาน ➡️ ความพยายามยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการสร้างความหมาย ไม่ว่าจะในงานหรือชีวิตส่วนตัว https://weakty.com/posts/efforts/
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • เมื่อเมาส์ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นงานศิลป์ที่ปรับแต่งได้

    ลองจินตนาการว่าเมาส์ที่คุณใช้ทุกวันสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับตัวคุณได้ทุกมิติ ตั้งแต่พอร์ตชาร์จที่เปลี่ยนเป็น USB-C ไปจนถึงสวิตช์คลิกที่เงียบสนิท และยังมีซอฟต์แวร์ทางเลือกที่ให้คุณควบคุมได้มากกว่าที่ Logitech เคยให้มา

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Logitech MX Ergo S — รุ่นอัปเกรดที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-C, สวิตช์แบบ silent และรองรับ Bolt receiver ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของ Logitech สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่ปลอดภัยและเสถียรยิ่งขึ้น

    แต่สำหรับผู้ใช้รุ่นก่อนหน้าอย่าง MX Ergo รุ่นดั้งเดิมที่ยังใช้พอร์ต Micro-USB หลายคนไม่ยอมแพ้ พวกเขาเลือกที่จะ “โมดิฟาย” ด้วยตัวเอง โดยมีการออกแบบแผงวงจรใหม่ให้รองรับ USB-C และแชร์ไฟล์ Gerber สำหรับการผลิตผ่าน PCBWay

    นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้งานที่ประสบปัญหาสวิตช์คลิกเสียหลังใช้งานไป 2 ปี และเลือกเปลี่ยนเป็น Kailh Square Silent Switch ซึ่งให้สัมผัสที่เงียบและนุ่มนวลกว่าเดิม

    และถ้าคุณไม่ชอบ Logitech Options+ ก็มีซอฟต์แวร์ทางเลือกอย่าง LogiOps หรือ Piper ที่ให้คุณปรับแต่งปุ่มและ DPI ได้อย่างอิสระมากขึ้น

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Logitech MX Ergo S เป็นรุ่นใหม่ที่มาพร้อม USB-C, สวิตช์เงียบ และรองรับ Bolt receiver
    ผู้ใช้งานสามารถโมดิฟาย MX Ergo รุ่นเก่าให้รองรับ USB-C ได้โดยเปลี่ยนแผงวงจรภายใน2
    มีการแชร์ไฟล์ Gerber สำหรับผลิตแผงวงจรผ่าน PCBWay เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสั่งผลิตได้เอง
    สวิตช์คลิกของ MX Ergo มีแนวโน้มเสียหลังใช้งานประมาณ 2 ปี โดยเฉพาะปุ่มซ้าย3
    Kailh Square Silent Switch เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการเปลี่ยนสวิตช์ให้เงียบและทนทาน
    มีซอฟต์แวร์ทางเลือกสำหรับปรับแต่งเมาส์ เช่น LogiOps และ Piper ที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า Logitech Options+

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bolt receiver ของ Logitech ใช้เทคโนโลยี Bluetooth Low Energy ที่ปลอดภัยและลด latency
    USB-C เป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ความสะดวกในการชาร์จและลดจำนวนสายที่ต้องพก
    การเปลี่ยนสวิตช์เมาส์ต้องใช้ทักษะการบัดกรีและเครื่องมือเฉพาะ เช่น T6 torx และ PH00 screwdriver
    Piper เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่รองรับเมาส์หลายรุ่นและสามารถปรับแต่ง DPI, polling rate และปุ่มได้ละเอียด

    https://samwilkinson.io/posts/2025-08-24-mx-ergo-mods
    🎙️ เมื่อเมาส์ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นงานศิลป์ที่ปรับแต่งได้ ลองจินตนาการว่าเมาส์ที่คุณใช้ทุกวันสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับตัวคุณได้ทุกมิติ ตั้งแต่พอร์ตชาร์จที่เปลี่ยนเป็น USB-C ไปจนถึงสวิตช์คลิกที่เงียบสนิท และยังมีซอฟต์แวร์ทางเลือกที่ให้คุณควบคุมได้มากกว่าที่ Logitech เคยให้มา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Logitech MX Ergo S — รุ่นอัปเกรดที่มาพร้อมกับพอร์ต USB-C, สวิตช์แบบ silent และรองรับ Bolt receiver ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของ Logitech สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่ปลอดภัยและเสถียรยิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้ใช้รุ่นก่อนหน้าอย่าง MX Ergo รุ่นดั้งเดิมที่ยังใช้พอร์ต Micro-USB หลายคนไม่ยอมแพ้ พวกเขาเลือกที่จะ “โมดิฟาย” ด้วยตัวเอง โดยมีการออกแบบแผงวงจรใหม่ให้รองรับ USB-C และแชร์ไฟล์ Gerber สำหรับการผลิตผ่าน PCBWay นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้งานที่ประสบปัญหาสวิตช์คลิกเสียหลังใช้งานไป 2 ปี และเลือกเปลี่ยนเป็น Kailh Square Silent Switch ซึ่งให้สัมผัสที่เงียบและนุ่มนวลกว่าเดิม และถ้าคุณไม่ชอบ Logitech Options+ ก็มีซอฟต์แวร์ทางเลือกอย่าง LogiOps หรือ Piper ที่ให้คุณปรับแต่งปุ่มและ DPI ได้อย่างอิสระมากขึ้น 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Logitech MX Ergo S เป็นรุ่นใหม่ที่มาพร้อม USB-C, สวิตช์เงียบ และรองรับ Bolt receiver ➡️ ผู้ใช้งานสามารถโมดิฟาย MX Ergo รุ่นเก่าให้รองรับ USB-C ได้โดยเปลี่ยนแผงวงจรภายใน2 ➡️ มีการแชร์ไฟล์ Gerber สำหรับผลิตแผงวงจรผ่าน PCBWay เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสั่งผลิตได้เอง ➡️ สวิตช์คลิกของ MX Ergo มีแนวโน้มเสียหลังใช้งานประมาณ 2 ปี โดยเฉพาะปุ่มซ้าย3 ➡️ Kailh Square Silent Switch เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการเปลี่ยนสวิตช์ให้เงียบและทนทาน ➡️ มีซอฟต์แวร์ทางเลือกสำหรับปรับแต่งเมาส์ เช่น LogiOps และ Piper ที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า Logitech Options+ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bolt receiver ของ Logitech ใช้เทคโนโลยี Bluetooth Low Energy ที่ปลอดภัยและลด latency ➡️ USB-C เป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ความสะดวกในการชาร์จและลดจำนวนสายที่ต้องพก ➡️ การเปลี่ยนสวิตช์เมาส์ต้องใช้ทักษะการบัดกรีและเครื่องมือเฉพาะ เช่น T6 torx และ PH00 screwdriver ➡️ Piper เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่รองรับเมาส์หลายรุ่นและสามารถปรับแต่ง DPI, polling rate และปุ่มได้ละเอียด https://samwilkinson.io/posts/2025-08-24-mx-ergo-mods
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเกมเก่าที่เปล่งแสงใหม่: เมื่อ RTX Remix เปลี่ยนเกมยุค 2000 ให้กลายเป็นงานศิลป์

    Nvidia เปิดตัวชุดเครื่องมือ RTX Remix อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยให้ modder เข้าถึง SDK ที่สามารถเพิ่ม path tracing เข้าไปในเกมเก่า — ซึ่งต่างจาก ray tracing ทั่วไป เพราะ path tracing จำลองแสงแบบเต็มระบบ รวมถึงแสงสะท้อน, เงา, และแสงกระจายจากพื้นผิวต่าง ๆ

    การแข่งขันครั้งนี้มีเงินรางวัลรวม $50,000 โดยรางวัลสูงสุดคือ $20,000 ซึ่งจะประกาศผลในวันที่ 5 สิงหาคมนี้

    ตัวอย่างเกมที่ถูกปรับปรุงแล้ว:
    - Vampire: The Masquerade – Bloodlines: ใช้ Source Engine และได้รับการปรับแสงใหม่ทั้งหมด พร้อมรักษาบรรยากาศเดิม
    - Painkiller: เพิ่มแสงแบบ hand-placed, เปลี่ยน texture เป็นแบบ PBR, และเพิ่มเอฟเฟกต์ใหม่
    - Need for Speed: Underground และ Colin McRae Rally 3: ปรับแสง, เพิ่มโมเดลใหม่, และใส่ volumetric lighting
    - Sonic Adventure, Portal 2, Black Mesa, Republic Commando และ Jedi Outcast: อยู่ระหว่างการปรับปรุง

    แม้ path tracing จะใช้ในเกมใหม่อย่าง Cyberpunk 2077 และ Alan Wake 2 แต่ในเกมเก่าที่มี geometry ง่าย ๆ ผลลัพธ์กลับยิ่งน่าทึ่ง เพราะแสงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของเกมได้อย่างสิ้นเชิง

    Nvidia จัดการแข่งขัน RTX Remix Mod Contest เพื่อปรับปรุงเกมเก่าด้วย path tracing
    เงินรางวัลรวม $50,000 โดยรางวัลสูงสุดคือ $20,000

    RTX Remix เป็นเครื่องมือสำหรับเพิ่ม path tracing ในเกม DirectX 8 และ 9
    จำลองแสงแบบเต็มระบบ รวมถึงเงา, แสงสะท้อน, และแสงกระจาย

    เกมที่ถูกปรับปรุงแล้ว ได้แก่ Vampire: Bloodlines, Painkiller, NFS Underground, Colin McRae Rally 3
    มีการเปลี่ยน texture, เพิ่มแสง, และปรับโมเดลใหม่

    Path tracing มีผลชัดเจนในเกมเก่าที่มี geometry ง่าย
    เพราะแสงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของเกมได้อย่างสิ้นเชิง

    Modder ต้องปรับ texture และ material ใหม่เพื่อให้แสงทำงานได้ถูกต้อง
    ไม่ใช่แค่เปิดฟีเจอร์ แต่ต้องปรับโครงสร้างภาพทั้งหมด

    เกมอื่นที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ได้แก่ Portal 2, Sonic Adventure, Black Mesa, Jedi Outcast
    บางเกมสามารถเล่นได้แล้วในเวอร์ชัน mod

    https://www.techspot.com/news/108768-nvidia-rtx-remix-contest-shows-how-ray-tracing.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเกมเก่าที่เปล่งแสงใหม่: เมื่อ RTX Remix เปลี่ยนเกมยุค 2000 ให้กลายเป็นงานศิลป์ Nvidia เปิดตัวชุดเครื่องมือ RTX Remix อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยให้ modder เข้าถึง SDK ที่สามารถเพิ่ม path tracing เข้าไปในเกมเก่า — ซึ่งต่างจาก ray tracing ทั่วไป เพราะ path tracing จำลองแสงแบบเต็มระบบ รวมถึงแสงสะท้อน, เงา, และแสงกระจายจากพื้นผิวต่าง ๆ การแข่งขันครั้งนี้มีเงินรางวัลรวม $50,000 โดยรางวัลสูงสุดคือ $20,000 ซึ่งจะประกาศผลในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ ตัวอย่างเกมที่ถูกปรับปรุงแล้ว: - Vampire: The Masquerade – Bloodlines: ใช้ Source Engine และได้รับการปรับแสงใหม่ทั้งหมด พร้อมรักษาบรรยากาศเดิม - Painkiller: เพิ่มแสงแบบ hand-placed, เปลี่ยน texture เป็นแบบ PBR, และเพิ่มเอฟเฟกต์ใหม่ - Need for Speed: Underground และ Colin McRae Rally 3: ปรับแสง, เพิ่มโมเดลใหม่, และใส่ volumetric lighting - Sonic Adventure, Portal 2, Black Mesa, Republic Commando และ Jedi Outcast: อยู่ระหว่างการปรับปรุง แม้ path tracing จะใช้ในเกมใหม่อย่าง Cyberpunk 2077 และ Alan Wake 2 แต่ในเกมเก่าที่มี geometry ง่าย ๆ ผลลัพธ์กลับยิ่งน่าทึ่ง เพราะแสงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของเกมได้อย่างสิ้นเชิง ✅ Nvidia จัดการแข่งขัน RTX Remix Mod Contest เพื่อปรับปรุงเกมเก่าด้วย path tracing ➡️ เงินรางวัลรวม $50,000 โดยรางวัลสูงสุดคือ $20,000 ✅ RTX Remix เป็นเครื่องมือสำหรับเพิ่ม path tracing ในเกม DirectX 8 และ 9 ➡️ จำลองแสงแบบเต็มระบบ รวมถึงเงา, แสงสะท้อน, และแสงกระจาย ✅ เกมที่ถูกปรับปรุงแล้ว ได้แก่ Vampire: Bloodlines, Painkiller, NFS Underground, Colin McRae Rally 3 ➡️ มีการเปลี่ยน texture, เพิ่มแสง, และปรับโมเดลใหม่ ✅ Path tracing มีผลชัดเจนในเกมเก่าที่มี geometry ง่าย ➡️ เพราะแสงสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของเกมได้อย่างสิ้นเชิง ✅ Modder ต้องปรับ texture และ material ใหม่เพื่อให้แสงทำงานได้ถูกต้อง ➡️ ไม่ใช่แค่เปิดฟีเจอร์ แต่ต้องปรับโครงสร้างภาพทั้งหมด ✅ เกมอื่นที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง ได้แก่ Portal 2, Sonic Adventure, Black Mesa, Jedi Outcast ➡️ บางเกมสามารถเล่นได้แล้วในเวอร์ชัน mod https://www.techspot.com/news/108768-nvidia-rtx-remix-contest-shows-how-ray-tracing.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia's RTX Remix contest shows how ray tracing can transform classic games, more mods become available
    Nvidia's $50,000 RTX Remix mod contest ends early next month, and around two dozen projects have taken up the challenge to demonstrate how the company's ray tracing...
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์

    Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025

    สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้

    ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป

    Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn
    ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ

    Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox
    ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง

    ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น:
    โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า

    ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์
    บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ

    Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์
    โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก

    การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร
    โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก

    การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ
    โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์

    การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์
    เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด

    แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่
    ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์ Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025 สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้ ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป ✅ Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn ➡️ ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ ✅ Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox ➡️ ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง ✅ ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น: ➡️ โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า ✅ ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ ➡️ บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ ✅ Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์ ➡️ โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ‼️ การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร ⛔ โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก ‼️ การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ‼️ การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ⛔ เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด ‼️ แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่ ⛔ ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • AI ของ OpenAI สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นศิลปะสไตล์ Studio Ghibli ที่สวยงามและแปลกใหม่ ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องลิขสิทธิ์และข้อผิดพลาดทางเทคนิค เหตุการณ์นี้แสดงถึงศักยภาพของ AI ในการสร้างสรรค์งานศิลป์ แต่ก็ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความถูกต้องและผลกระทบทางกฎหมายที่ต้องพิจารณา

    ความเห็นจาก Hayao Miyazaki:
    - ผู้กำกับ Studio Ghibli อย่าง Hayao Miyazaki เคยแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับอนิเมชั่นที่สร้างจาก AI โดยกล่าวในปี 2016 ว่าการสร้างภาพเหล่านี้เป็นการ “ดูถูกชีวิต” อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นนี้เกิดขึ้นก่อนที่ AI จะพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถสร้างภาพได้ใกล้เคียงผลงานของ Ghibli อย่างมากในปัจจุบัน.

    ปฏิกิริยาในสังคมออนไลน์:
    - ผู้คนในโลกออนไลน์แสดงความทึ่งในภาพที่ AI สร้างขึ้น และมีการแชร์ภาพเหล่านี้อย่างกว้างขวาง หลายคนยังขอคำแนะนำว่าพวกเขาจะสร้างภาพเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ AI ของ OpenAI ถูกจำกัดด้วยนโยบายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ จึงไม่สามารถสร้างภาพบางประเภทได้.

    ข้อจำกัดและความผิดพลาดของ AI:
    - แม้ว่าภาพจะดูน่าทึ่ง แต่ยังพบข้อผิดพลาด เช่น การสร้างภาพที่มีมือสองข้างเหมือนกันในภาพบุคคล ทำให้แสดงถึงความจำกัดของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน.

    ประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์:
    - แม้ภาพส่วนใหญ่จะถูกสร้างในลักษณะที่อยู่ในขอบเขต “fair use” แต่คาดว่าการแชร์ภาพเหล่านี้อาจทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์บางคนเริ่มออกคำสั่งลบภาพในเร็ว ๆ นี้.

    https://www.techspot.com/news/107306-people-turning-iconic-photos-art-style-studio-ghibli.html
    AI ของ OpenAI สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นศิลปะสไตล์ Studio Ghibli ที่สวยงามและแปลกใหม่ ซึ่งสร้างกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องลิขสิทธิ์และข้อผิดพลาดทางเทคนิค เหตุการณ์นี้แสดงถึงศักยภาพของ AI ในการสร้างสรรค์งานศิลป์ แต่ก็ยังมีประเด็นเกี่ยวกับความถูกต้องและผลกระทบทางกฎหมายที่ต้องพิจารณา ความเห็นจาก Hayao Miyazaki: - ผู้กำกับ Studio Ghibli อย่าง Hayao Miyazaki เคยแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับอนิเมชั่นที่สร้างจาก AI โดยกล่าวในปี 2016 ว่าการสร้างภาพเหล่านี้เป็นการ “ดูถูกชีวิต” อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นนี้เกิดขึ้นก่อนที่ AI จะพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถสร้างภาพได้ใกล้เคียงผลงานของ Ghibli อย่างมากในปัจจุบัน. ปฏิกิริยาในสังคมออนไลน์: - ผู้คนในโลกออนไลน์แสดงความทึ่งในภาพที่ AI สร้างขึ้น และมีการแชร์ภาพเหล่านี้อย่างกว้างขวาง หลายคนยังขอคำแนะนำว่าพวกเขาจะสร้างภาพเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ AI ของ OpenAI ถูกจำกัดด้วยนโยบายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ จึงไม่สามารถสร้างภาพบางประเภทได้. ข้อจำกัดและความผิดพลาดของ AI: - แม้ว่าภาพจะดูน่าทึ่ง แต่ยังพบข้อผิดพลาด เช่น การสร้างภาพที่มีมือสองข้างเหมือนกันในภาพบุคคล ทำให้แสดงถึงความจำกัดของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน. ประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์: - แม้ภาพส่วนใหญ่จะถูกสร้างในลักษณะที่อยู่ในขอบเขต “fair use” แต่คาดว่าการแชร์ภาพเหล่านี้อาจทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์บางคนเริ่มออกคำสั่งลบภาพในเร็ว ๆ นี้. https://www.techspot.com/news/107306-people-turning-iconic-photos-art-style-studio-ghibli.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    People are turning iconic photos into art in the style of Studio Ghibli after ChatGPT update
    OpenAI just updated ChatGPT's image generator, and users have begun flooding social media with famous pictures reproduced in the anime style of Studio Ghibli. The results are...
    0 Comments 0 Shares 441 Views 0 Reviews
  • เหลาจื่อกล่าวว่า "ความสงบยังใต้หล้าเที่ยง (清靜為天下正)"
    ความสงบยังใต้หล้าเที่ยงได้อย่างไร

    เพราะเบื้องหลังแห่งคมดาบอันแข็งแกร่ง ย่อมต้องมีสันดาบที่อ่อนนุ่มคอยประคองมิใช่หรือ
    หาไม่แล้ว คมดาบที่แข็งแกร่งย่อมหักสะบั้นในไม่ช้า

    เพราะเบื้องหลังแห่งเสียงกัมปนาทอันกึกก้อง ย่อมต้องมีความเงียบเป็นฉากหลังมิใช่หรือ
    หาไม่แล้ว เสียงกัมปนาทนี้มิอาจได้กังวาน

    เพราะเบื้องหลังแห่งศิลปะที่มีสีสันอันสวยสด ย่อมต้องมีความขาวเป็นพื้นหลังมิใช่หรือ
    หาไม่แล้ว สีสันแห่งงานศิลป์จะมิสามารถได้เฉิดฉาย

    เพราะเบื้องหลังแห่งปัญญาอันแหลมคม ย่อมต้องมีความว่างเปล่าคอยผลักดันมิใช่หรือ
    หาไม่แล้ว ปัญญาญาณจะไม่สามารถหลั่งไหลไม่ขาดสาย
    เหลาจื่อกล่าวว่า "ความสงบยังใต้หล้าเที่ยง (清靜為天下正)" ความสงบยังใต้หล้าเที่ยงได้อย่างไร เพราะเบื้องหลังแห่งคมดาบอันแข็งแกร่ง ย่อมต้องมีสันดาบที่อ่อนนุ่มคอยประคองมิใช่หรือ หาไม่แล้ว คมดาบที่แข็งแกร่งย่อมหักสะบั้นในไม่ช้า เพราะเบื้องหลังแห่งเสียงกัมปนาทอันกึกก้อง ย่อมต้องมีความเงียบเป็นฉากหลังมิใช่หรือ หาไม่แล้ว เสียงกัมปนาทนี้มิอาจได้กังวาน เพราะเบื้องหลังแห่งศิลปะที่มีสีสันอันสวยสด ย่อมต้องมีความขาวเป็นพื้นหลังมิใช่หรือ หาไม่แล้ว สีสันแห่งงานศิลป์จะมิสามารถได้เฉิดฉาย เพราะเบื้องหลังแห่งปัญญาอันแหลมคม ย่อมต้องมีความว่างเปล่าคอยผลักดันมิใช่หรือ หาไม่แล้ว ปัญญาญาณจะไม่สามารถหลั่งไหลไม่ขาดสาย
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน

    และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

    วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน?

    วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม
    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน? วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    0 Comments 0 Shares 1440 Views 0 Reviews
  • 'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง
    .
    แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน
    .
    "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ
    .
    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน
    .
    กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
    .
    โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน
    .
    'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย
    .
    อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง
    .
    หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    'เจ๊ไฝ‘ มิชลิน 1 ดาว เขย่า 'ซอฟต์พาวเวอร์' ถึงเวลารัฐบาลต้องตาสว่าง . แม้'ภิญญา จุนสุตะ' หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เจ๊ไฝ' จะยืนยันว่ายังไม่คิดรีไทร์จากวงการอาหารในปี 2568 ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่ในถ้อยคำหนึ่งของการสัมภาษณ์จากเจ๊ไฝนั้นก็ยอมรับส่วนหนึ่งว่ามีความคิดที่ว่านั้นเช่นกัน . "เรื่องราวเกิดจากไปช่วยยูเอ็นหาเงินช่วยผู้ลี้ภัย ซึ่งเป็นงานใหญ่และมีทูตมาเยอะ โดยสิ่งแรกที่เขามาถามว่าอายุ 80 ปี แล้วยังไม่เลิกอีกเหรอ ก็ตอบไปแค่ว่า มันก็มีโครงการอยู่ในใจ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องบานปลาย ที่บอกว่าจะเลิกนี่เลิกไม่ได้หรอก ยังมีงานที่ต่างประเทศรออยู่อีกเยอะ อย่างที่ฝรั่งเศสก็ยังต้องไป แล้วจะเลิกได้ยังไง มันยังติดพันกันอยู่" คำยืนยันจากเจ๊ไฝ . อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ๊ไฝจะยืนหน้าเตาทำอาหารต่อไป หรือหันหลังบอกลาวงการ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยพอสมควร ถึงขนาดที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่แฝงอยู่ในตัวของเจ๊ไฝนั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน . กรณีของเจ๊ไฝนั้นถึงตอนนี้จะยังไม่รีไทร์ แต่ด้วยวัยเลยหลัก 80 ปีเข้าไปแล้ว หากจะประกาศวางมือก็คงไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด และอาจดูเป็นเรื่องตลกกับคำถามที่ว่ารัฐบาลมีแผนรองรับในอนาคตอย่างไรหากเจ๊ไฝเจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันประกาศวางมือในอนาคต . ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ๊ไฝเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เป็นแรงดึงดูดระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวและคนดังระดับโลกเดินทางมายังประเทศไทย ความนิยมในร้านเจ๊ไฝนั้นทำให้วงการอุตสาหกรรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านอาหารไทยหลายร้านที่ไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับเจ๊ไฝล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก . โดยนอกเหนือไปจากต้นทุนการผลิตอาหารที่สูงขึ้นแล้ว พบว่าอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ ทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งกรณีเจ๊ไฝก็เช่นเดียวกันที่ธุรกิจไม่ได้ส่งต่อไปยังทายาท ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนานหลายร้านกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หากคนรุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่ไม่สามารถแบกภาระทั้งด้านต้นทุนและสังขารต่อไป ตำนานก็คงต้องปิดตัวลงเช่นกัน . 'ร้านอาหาร' เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแล้ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับบำบัดความหิวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเสพงานศิลป์และเรื่องราวเบื้องหลังของจานอาหารเหล่านั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องนามธรรมที่สร้างสามารถมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เหมือนกับที่ทุกวันนี้ได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างศาสนาต่อแถวเข้าชมพุทธสถานหลายแห่งในประเทศไทยปีละหลายล้านคน ตรงนี้เองที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ อันเป็นแรงดึงดูดให้หลายคนอยากเข้ามาประเทศไทย . อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจร้านอาหาร ถือเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่การรักษาธุรกิจให้ตลอดรอดฝั่งนั้นทำได้ยาก หลายกิจการที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางนี้ได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ขณะที่ ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีแนวทางที่ชัดเจนในจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง . หรือสติปัญญาของรัฐบาลต่อนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะมีแค่เพียงการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดล่าสุด คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมารับตำแหน่งเดิมที่นางสาวแพทองธารเคยทำงานในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    11
    1 Comments 0 Shares 2055 Views 0 Reviews
  • อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันศุกร์แรกของเดือนตุลาคม

    ภาพวาดสีน้ำบ้านในย่านชุมชนชาวจีน ผลงานศิลปิน Huangyouwei

    #thaitimes
    #สีน้ำ
    #ภาพวาด
    #ภาพเขียนสีน้ำ
    #งานศิลป์
    #ศิลปะ
    #ยามเช้า
    #หมู่บ้าน
    #ชุมชนจีนโบราณ
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันศุกร์แรกของเดือนตุลาคม ภาพวาดสีน้ำบ้านในย่านชุมชนชาวจีน ผลงานศิลปิน Huangyouwei #thaitimes #สีน้ำ #ภาพวาด #ภาพเขียนสีน้ำ #งานศิลป์ #ศิลปะ #ยามเช้า #หมู่บ้าน #ชุมชนจีนโบราณ
    0 Comments 0 Shares 1112 Views 0 Reviews
  • พฤหัสบดีศรีไสว
    ชวนทำใจใสสะอาดหาดสวรรค์
    กินเจแล้วผ่องแผ้วแววชีวัน
    งดเนื้อกันนั้นดีฉะนี้เอง

    ภาพวาดงดงามผลงานศิลปิน Steve Hanks

    #บทกวี
    #กลอน
    #ศิลปะ
    #ภาพวาด
    #ภาพเขียน
    #งานศิลป์
    #thaitimes


    พฤหัสบดีศรีไสว ชวนทำใจใสสะอาดหาดสวรรค์ กินเจแล้วผ่องแผ้วแววชีวัน งดเนื้อกันนั้นดีฉะนี้เอง ภาพวาดงดงามผลงานศิลปิน Steve Hanks #บทกวี #กลอน #ศิลปะ #ภาพวาด #ภาพเขียน #งานศิลป์ #thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 710 Views 0 Reviews
  • อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันพฤหัสบดี

    ภาพวาดสีน้ำบ้านในย่านชุมชนชาวจีน ผลงานศิลปิน Huangyouwei

    #ภาพสีน้ำ
    #งานศิลป์
    #ภาพเขียน
    #ภาพวาด
    #ยามเช้า
    #ศิลปะ
    #บ้านคนจีนโบราณ
    #thaitimes
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้าวันพฤหัสบดี ภาพวาดสีน้ำบ้านในย่านชุมชนชาวจีน ผลงานศิลปิน Huangyouwei #ภาพสีน้ำ #งานศิลป์ #ภาพเขียน #ภาพวาด #ยามเช้า #ศิลปะ #บ้านคนจีนโบราณ #thaitimes
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 1140 Views 0 Reviews
  • สีเขียวสบายตา ทำจากเนยแท้เท่านั้น #perfectgiftbyguitar#คัพเค้กสัตหีบ#งานศิลป์ที่กินได้
    สีเขียวสบายตา ทำจากเนยแท้เท่านั้น #perfectgiftbyguitar#คัพเค้กสัตหีบ#งานศิลป์ที่กินได้ 😍
    0 Comments 0 Shares 497 Views 0 Reviews
  • เช้าเริ่มต้นงานวันแรกของสัปดาห์

    แมวตัวนั้นมันมองไปที่ไหนกันนะ?
    ภาพวาดงดงามในการใช้สี แสง และแสดงเงาสะท้อนอันน่าประทับใจ

    ผลงานศิลปินชื่อ Steve Hanks

    #thaitimes
    #ภาพเขียน
    #ภาพวาด
    #ศิลปะ
    #งานศิลป์
    #แมว
    #ยามเช้า
    #กาแฟ
    #วันจันทร์
    เช้าเริ่มต้นงานวันแรกของสัปดาห์ แมวตัวนั้นมันมองไปที่ไหนกันนะ? ภาพวาดงดงามในการใช้สี แสง และแสดงเงาสะท้อนอันน่าประทับใจ ผลงานศิลปินชื่อ Steve Hanks #thaitimes #ภาพเขียน #ภาพวาด #ศิลปะ #งานศิลป์ #แมว #ยามเช้า #กาแฟ #วันจันทร์
    0 Comments 0 Shares 862 Views 0 Reviews
  • Breguet (เบรเกต์) เผยโฉมเรือนเวลาระดับ
    มาสเตอร์พีซ ที่ผสมผสานสุดยอดงานศิลป์และ
    เทคนิคอันแสนประณีตซับซ้อนเข้าไว้ด้วยกัน
    Breguet (เบรเกต์) เผยโฉมเรือนเวลาระดับ มาสเตอร์พีซ ที่ผสมผสานสุดยอดงานศิลป์และ เทคนิคอันแสนประณีตซับซ้อนเข้าไว้ด้วยกัน
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • ภาพวาดและลงสีผลงานของศิลปินที่มีชื่อว่า Steve Hanks เหมาะกับเช้าวันที่เพิ่งมีฝนตกเมื่อคืนทีเดียว

    #อ้างว้าง
    #เหงา
    #ภาพเขียน
    #งานศิลป์
    #ศิลปะ
    #ภาพวาด
    #วันฝนตก
    #thaitimes

    ภาพวาดและลงสีผลงานของศิลปินที่มีชื่อว่า Steve Hanks เหมาะกับเช้าวันที่เพิ่งมีฝนตกเมื่อคืนทีเดียว #อ้างว้าง #เหงา #ภาพเขียน #งานศิลป์ #ศิลปะ #ภาพวาด #วันฝนตก #thaitimes
    Like
    Yay
    5
    0 Comments 0 Shares 1186 Views 0 Reviews
  • งานสืบสานงานศิลป์ถิ่นโนรา
    พิธีกรรมโนราโรงครูท่าแค
    ประจำปี 2566
    จัดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 3-6 พฤษภาคมแต่ละวันจะมีพิธีกรรม และการแสดงโนราทุกวัน

    #โนราโรงครูท่าแค#วัดท่าแค#พัทลุง#มะนาวก้าวเดิน#manowjourney#thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน
    งานสืบสานงานศิลป์ถิ่นโนรา พิธีกรรมโนราโรงครูท่าแค ประจำปี 2566 จัดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 3-6 พฤษภาคมแต่ละวันจะมีพิธีกรรม และการแสดงโนราทุกวัน #โนราโรงครูท่าแค​ #วัดท่าแค​ #พัทลุง​ #มะนาวก้าวเดิน​ #manowjourney​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 2014 Views 496 0 Reviews
  • สร้างสรรค์งานศิลปะด้วย AI: สร้างภาพอนิเมะง่าย ๆ ด้วย ChatGPT

    เพื่อน ๆ เคยคิดมั้ยครับว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยให้เราสร้างภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะได้ยังไง? แต่ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป! วันนี้ผมขอมาแชร์เทคนิคการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพสวยๆ ในสไตล์อนิเมะและงานศิลปะดิจิทัลอื่น ๆ

    1️⃣ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการใส่คำอธิบายเกี่ยวกับภาพที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น “เด็กชายในชุดเขียวบนบันไดเลื่อน ยิ้มพร้อมมองกลับมาด้วยความมั่นใจ” จากนั้น AI จะทำการประมวลผลเพื่อสร้างภาพตามคำสั่งของเรา

    2️⃣ เพิ่มสไตล์ที่คุณชอบ อยากได้ภาพในสไตล์อนิเมะ หรือภาพแบบการ์ตูนญี่ปุ่น? แค่ใส่รายละเอียดในคำสั่ง เช่น “สไตล์อนิเมะ” ChatGPT ก็จะสร้างภาพที่ตรงกับความต้องการของเราได้เลย!

    3️⃣ สร้างภาพได้ไม่จำกัด จะเป็นภาพสำหรับโปรไฟล์ รูปภาพประกอบบล็อก หรือแม้กระทั่งโพสต์โซเชียลมีเดีย ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้โปรแกรมออกแบบใด ๆ อีกต่อไป

    อย่ารอช้า! มาสนุกกับการสร้างงานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ด้วย AI วันนี้ เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ แบบครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็นนักวาดมืออาชีพ หรือผู้เริ่มต้น ก็สามารถใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพที่น่าทึ่งได้ง่ายๆ

    #สร้างภาพด้วยAI #AIArt #ศิลปะดิจิทัล #สร้างสรรค์ด้วยAI #AnimeArt #DigitalArt #ChatGPTสร้างภาพ #สร้างภาพอนิเมะ #AIสร้างสรรค์ #AIสไตล์อนิเมะ #AIImageGeneration #CreateWithChatGPT

    ลองใช้เลย แล้วมาดูกันว่าคุณจะสร้างอะไรได้บ้าง!
    ✨🌟 สร้างสรรค์งานศิลปะด้วย AI: สร้างภาพอนิเมะง่าย ๆ ด้วย ChatGPT 🌟✨ เพื่อน ๆ เคยคิดมั้ยครับว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยให้เราสร้างภาพที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะได้ยังไง? 🤔 แต่ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป! วันนี้ผมขอมาแชร์เทคนิคการใช้ ChatGPT 🧠 เพื่อสร้างภาพสวยๆ ในสไตล์อนิเมะและงานศิลปะดิจิทัลอื่น ๆ 🎨 1️⃣ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการใส่คำอธิบายเกี่ยวกับภาพที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น “เด็กชายในชุดเขียวบนบันไดเลื่อน ยิ้มพร้อมมองกลับมาด้วยความมั่นใจ” จากนั้น AI จะทำการประมวลผลเพื่อสร้างภาพตามคำสั่งของเรา 📸 2️⃣ เพิ่มสไตล์ที่คุณชอบ อยากได้ภาพในสไตล์อนิเมะ หรือภาพแบบการ์ตูนญี่ปุ่น? แค่ใส่รายละเอียดในคำสั่ง เช่น “สไตล์อนิเมะ” ChatGPT ก็จะสร้างภาพที่ตรงกับความต้องการของเราได้เลย! 💥 3️⃣ สร้างภาพได้ไม่จำกัด จะเป็นภาพสำหรับโปรไฟล์ รูปภาพประกอบบล็อก หรือแม้กระทั่งโพสต์โซเชียลมีเดีย ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้โปรแกรมออกแบบใด ๆ อีกต่อไป 🖌️ 🌐 อย่ารอช้า! มาสนุกกับการสร้างงานศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ด้วย AI วันนี้ ✨ เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ แบบครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็นนักวาดมืออาชีพ หรือผู้เริ่มต้น ก็สามารถใช้ ChatGPT เพื่อสร้างภาพที่น่าทึ่งได้ง่ายๆ 🔥 #สร้างภาพด้วยAI #AIArt #ศิลปะดิจิทัล #สร้างสรรค์ด้วยAI #AnimeArt #DigitalArt #ChatGPTสร้างภาพ #สร้างภาพอนิเมะ #AIสร้างสรรค์ #AIสไตล์อนิเมะ #AIImageGeneration #CreateWithChatGPT 🚀 ลองใช้เลย แล้วมาดูกันว่าคุณจะสร้างอะไรได้บ้าง! 🎉💡
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1964 Views 0 Reviews