• บทความกฎหมาย EP.39

    คำว่า "บิดา" ในบริบททางกฎหมายนั้นมีความสำคัญและมีความหมายที่เจาะจงอย่างยิ่ง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" ซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับการรับรองและกำหนดสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทยบัญญัติไว้เป็นสำคัญ การจะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ชัดเจนซึ่งมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบุตรเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการรับมรดก การใช้อำนาจปกครอง และการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู การเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับบุตรที่เกิดจากการสมรส ถือว่าง่ายที่สุด เพราะกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าสามีของผู้เป็นมารดาย่อมเป็นบิดาของบุตรที่เกิดในระหว่างการสมรสหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นหลักการที่เรียกว่าการสันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่สำหรับบุตรที่เกิดนอกสมรส กฎหมายไทยไม่ได้สันนิษฐานให้ผู้ให้กำเนิดเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอัตโนมัติ การที่บิดาผู้ให้กำเนิดจะได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายเป็น "บิดา" ของบุตรนอกสมรสได้นั้น จะต้องดำเนินการตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งได้แก่ การจดทะเบียนสมรสกับมารดาภายหลังการเกิดของบุตร การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือการที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบิดา การจดทะเบียนรับรองบุตรถือเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งและเป็นทางออกหลักสำหรับกรณีนี้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากบุตรและมารดาหากบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือมารดาและผู้มีอำนาจปกครองในกรณีที่บุตรยังเป็นผู้เยาว์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ หรือการรับรองบุตรโดยไม่สุจริต ขณะเดียวกัน บทบาทของศาลก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาคดีพิสูจน์ความเป็นบิดา เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ใดเป็นบิดาของบุตร คำพิพากษานั้นย่อมมีผลให้บุคคลนั้นเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนับตั้งแต่วันที่บุตรเกิด และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางกฎหมายในทันทีทันใด ทั้งสิทธิและหน้าที่ผูกพันระหว่างกันและกันโดยสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ อำนาจปกครองบุตรเป็นอีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึง เมื่อบุคคลใดได้รับการรับรองสถานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิในการใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดาตามหลักที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอื่นที่ศาลสั่งเป็นอย่างอื่น อำนาจปกครองนี้ครอบคลุมถึงการกำหนดที่อยู่ของบุตร การดูแลสุขภาพและการศึกษาของบุตร รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของบุตรภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้น ความหมายของ "บิดา" จึงเป็นยิ่งกว่าคำเรียกทางเครือญาติ แต่เป็นสถานะที่มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งสิทธิ หน้าที่ และความมั่นคงของสถาบันครอบครัวตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

    ดังนั้น สถานะ "บิดา" ในความหมายทางกฎหมายจึงเป็นสถานะที่มิได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในทุกกรณี แต่ต้องเกิดจากการยอมรับหรือการรับรองตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสันนิษฐานจากผลของการสมรส หรือการดำเนินการตามขั้นตอนที่เข้มงวดสำหรับการรับรองบุตรนอกสมรส สถานะดังกล่าวนี้เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สร้างความชัดเจนและมั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ทำให้เกิดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อกันและกันอย่างสมบูรณ์ เช่น สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู รวมถึงการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองบุตร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีเป้าหมายหลักในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของบุตรในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของสังคม โดยเน้นย้ำว่าความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงในทางกฎหมายนั้นคือการมีภาระผูกพันและความรับผิดชอบตามกรอบของกฎหมายที่ชัดเจน

    สรุปได้ว่า คำว่า "บิดา" คือ "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" นั้นไม่ใช่เพียงคำนิยามสั้น ๆ แต่เป็นบทสรุปของกระบวนการทางกฎหมายอันซับซ้อนที่มุ่งมั่นในการสร้างความผูกพันทางกฎหมายระหว่างผู้ให้กำเนิดกับบุตรอย่างเป็นทางการ โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่แตกต่างกันไปตามสถานะการสมรสของบิดาและมารดา ซึ่งไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใด เป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้บุตรได้รับความคุ้มครอง สิทธิ และความมั่นคงในชีวิตจากบุคคลที่กฎหมายรับรองว่าเป็นบิดาอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อสงสัยในทางนิตินัย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบัญญัติกฎหมายครอบครัวในประเด็นนี้.
    บทความกฎหมาย EP.39 คำว่า "บิดา" ในบริบททางกฎหมายนั้นมีความสำคัญและมีความหมายที่เจาะจงอย่างยิ่ง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" ซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับการรับรองและกำหนดสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทยบัญญัติไว้เป็นสำคัญ การจะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ชัดเจนซึ่งมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบุตรเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการรับมรดก การใช้อำนาจปกครอง และการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู การเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับบุตรที่เกิดจากการสมรส ถือว่าง่ายที่สุด เพราะกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าสามีของผู้เป็นมารดาย่อมเป็นบิดาของบุตรที่เกิดในระหว่างการสมรสหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นหลักการที่เรียกว่าการสันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่สำหรับบุตรที่เกิดนอกสมรส กฎหมายไทยไม่ได้สันนิษฐานให้ผู้ให้กำเนิดเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอัตโนมัติ การที่บิดาผู้ให้กำเนิดจะได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายเป็น "บิดา" ของบุตรนอกสมรสได้นั้น จะต้องดำเนินการตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งได้แก่ การจดทะเบียนสมรสกับมารดาภายหลังการเกิดของบุตร การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือการที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบิดา การจดทะเบียนรับรองบุตรถือเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งและเป็นทางออกหลักสำหรับกรณีนี้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากบุตรและมารดาหากบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือมารดาและผู้มีอำนาจปกครองในกรณีที่บุตรยังเป็นผู้เยาว์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ หรือการรับรองบุตรโดยไม่สุจริต ขณะเดียวกัน บทบาทของศาลก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาคดีพิสูจน์ความเป็นบิดา เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ใดเป็นบิดาของบุตร คำพิพากษานั้นย่อมมีผลให้บุคคลนั้นเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนับตั้งแต่วันที่บุตรเกิด และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางกฎหมายในทันทีทันใด ทั้งสิทธิและหน้าที่ผูกพันระหว่างกันและกันโดยสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ อำนาจปกครองบุตรเป็นอีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึง เมื่อบุคคลใดได้รับการรับรองสถานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิในการใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดาตามหลักที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอื่นที่ศาลสั่งเป็นอย่างอื่น อำนาจปกครองนี้ครอบคลุมถึงการกำหนดที่อยู่ของบุตร การดูแลสุขภาพและการศึกษาของบุตร รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของบุตรภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้น ความหมายของ "บิดา" จึงเป็นยิ่งกว่าคำเรียกทางเครือญาติ แต่เป็นสถานะที่มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งสิทธิ หน้าที่ และความมั่นคงของสถาบันครอบครัวตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น สถานะ "บิดา" ในความหมายทางกฎหมายจึงเป็นสถานะที่มิได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในทุกกรณี แต่ต้องเกิดจากการยอมรับหรือการรับรองตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสันนิษฐานจากผลของการสมรส หรือการดำเนินการตามขั้นตอนที่เข้มงวดสำหรับการรับรองบุตรนอกสมรส สถานะดังกล่าวนี้เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สร้างความชัดเจนและมั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ทำให้เกิดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อกันและกันอย่างสมบูรณ์ เช่น สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู รวมถึงการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองบุตร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีเป้าหมายหลักในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของบุตรในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของสังคม โดยเน้นย้ำว่าความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงในทางกฎหมายนั้นคือการมีภาระผูกพันและความรับผิดชอบตามกรอบของกฎหมายที่ชัดเจน สรุปได้ว่า คำว่า "บิดา" คือ "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" นั้นไม่ใช่เพียงคำนิยามสั้น ๆ แต่เป็นบทสรุปของกระบวนการทางกฎหมายอันซับซ้อนที่มุ่งมั่นในการสร้างความผูกพันทางกฎหมายระหว่างผู้ให้กำเนิดกับบุตรอย่างเป็นทางการ โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่แตกต่างกันไปตามสถานะการสมรสของบิดาและมารดา ซึ่งไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใด เป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้บุตรได้รับความคุ้มครอง สิทธิ และความมั่นคงในชีวิตจากบุคคลที่กฎหมายรับรองว่าเป็นบิดาอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อสงสัยในทางนิตินัย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบัญญัติกฎหมายครอบครัวในประเด็นนี้.
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • ศาลแขวงพระนครใต้ออกหมายจับ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หลังไม่มาศาลตามนัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกง โดยถูกฟ้องว่าหลอก “หมอระวีวัฒน์” ให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกู้มูลค่า 30 ล้านบาท ทั้งที่บริษัทไม่สามารถชำระคืนได้ ศาลชี้มีพฤติการณ์จงใจหลบหนี พร้อมนัดฟังคำพิพากษาใหม่ 26 ธ.ค.นี้

    อ่านต่อ... https://news1live.com/detail/9680000112835

    #แอนจักรพงษ์ #คดีฉ้อโกง #หุ้นกู้ #ศาลแขวงพระนครใต้ #News1live
    ศาลแขวงพระนครใต้ออกหมายจับ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หลังไม่มาศาลตามนัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกง โดยถูกฟ้องว่าหลอก “หมอระวีวัฒน์” ให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกู้มูลค่า 30 ล้านบาท ทั้งที่บริษัทไม่สามารถชำระคืนได้ ศาลชี้มีพฤติการณ์จงใจหลบหนี พร้อมนัดฟังคำพิพากษาใหม่ 26 ธ.ค.นี้ • อ่านต่อ... https://news1live.com/detail/9680000112835 • #แอนจักรพงษ์ #คดีฉ้อโกง #หุ้นกู้ #ศาลแขวงพระนครใต้ #News1live
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
  • ศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษาจำคุก “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีฉ้อโกงหลอกร่วมลงทุน หลังคู่กรณีฟ้องร้องจากเหตุการณ์ที่สร้างกระแสใหญ่ในโซเชียลและสื่อมวลชนตั้งแต่ปี 2567
    - ทนายความเตรียมหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว ขณะนี้ศาลกำลังพิจารณา
    - คดีนี้ถูกจับตาอย่างหนัก เพราะเริ่มต้นจากข้อกล่าวหาเรื่อง “กู้ยืมเงิน” ก่อนเปลี่ยนรูปคดีเป็น “ฉ้อโกงร่วมลงทุน”
    - ฝ่ายจำเลยยืนยันเคยได้รับผลกระทบจากการนำเสนอในรายการโทรทัศน์ชื่อดัง จนเกิดความเข้าใจผิดในสังคม

    ศึกคดีดังที่หลายสำนักข่าวเกาะติด รอดูทิศทางหลังศาลมีคำพิพากษาในวันนี้

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112666

    #ปูมัณฑนา #คดีฉ้อโกง #ศาลแขวงพระนครใต้ #โหนกระแส #ดารา #ข่าวบันเทิง #คดีดัง #News1live #News1
    ศาลแขวงพระนครใต้มีคำพิพากษาจำคุก “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีฉ้อโกงหลอกร่วมลงทุน หลังคู่กรณีฟ้องร้องจากเหตุการณ์ที่สร้างกระแสใหญ่ในโซเชียลและสื่อมวลชนตั้งแต่ปี 2567 - ทนายความเตรียมหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัว ขณะนี้ศาลกำลังพิจารณา - คดีนี้ถูกจับตาอย่างหนัก เพราะเริ่มต้นจากข้อกล่าวหาเรื่อง “กู้ยืมเงิน” ก่อนเปลี่ยนรูปคดีเป็น “ฉ้อโกงร่วมลงทุน” - ฝ่ายจำเลยยืนยันเคยได้รับผลกระทบจากการนำเสนอในรายการโทรทัศน์ชื่อดัง จนเกิดความเข้าใจผิดในสังคม • ศึกคดีดังที่หลายสำนักข่าวเกาะติด รอดูทิศทางหลังศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112666 • #ปูมัณฑนา #คดีฉ้อโกง #ศาลแขวงพระนครใต้ #โหนกระแส #ดารา #ข่าวบันเทิง #คดีดัง #News1live #News1
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566
    - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน
    - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง

    คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642

    #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566 - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง • คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642 • #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.29

    การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป

    โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ

    ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    บทความกฎหมาย EP.29 การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • ปลัดคลังยืนยัน กรมสรรพากรเดินหน้าเก็บภาษี "ทักษิณ" 1.76 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา แม้ทรัพย์สินจะอยู่ในต่างประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/22429/
    .
    #ไทยไท #ภาษี1.76หมื่นล้านบาท #ทักษิณชินวัตร #กรมสรรพากร #สืบทรัพย์ #ศาลฎีกา

    ปลัดคลังยืนยัน กรมสรรพากรเดินหน้าเก็บภาษี "ทักษิณ" 1.76 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา แม้ทรัพย์สินจะอยู่ในต่างประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/22429/ . #ไทยไท #ภาษี1.76หมื่นล้านบาท #ทักษิณชินวัตร #กรมสรรพากร #สืบทรัพย์ #ศาลฎีกา
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง
    .
    คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม
    .
    ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น
    .
    คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท
    .
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ
    .
    คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ
    .
    ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    .
    #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง . คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม . ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น . คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท . ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ . คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ . ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด . #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 688 Views 0 Reviews
  • เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก”
    ตอน 1
    อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต
    ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง
    เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง
    ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ
    เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ…
    นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน
    นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน
    มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด..
    นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า
    แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา
    ##############
    ตอน 2
    นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย
    สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน
    นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย
    เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…”
    ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก
    เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด
    นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ
    หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้
    นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ
    ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย
    แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท
    ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko
    “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มิ.ย. 2558
    เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก” ตอน 1 อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ… นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด.. นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา ############## ตอน 2 นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…” ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้ นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 902 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.23

    ในทางกฎหมาย สถานะของ "จำเลย" ถือเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการยุติธรรม เพราะจำเลยคือบุคคลผู้ซึ่งถูกยื่นฟ้องหรือถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการในศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายอาญา หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตามกฎหมายแพ่ง การเป็นจำเลยจึงมิใช่คำตัดสินว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดแล้ว แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียดรอบด้านตามหลักการที่ว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์เป็นอย่างอื่น บทบาทของจำเลยภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความ คือการใช้สิทธิในการแก้ต่างและนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับประกันความยุติธรรมและเสมอภาคในชั้นศาล การทำความเข้าใจสถานะนี้อย่างลึกซึ้งจึงเป็นการทำความเข้าใจรากฐานของความเที่ยงธรรมในสังคมไทย

    ความแตกต่างระหว่างจำเลยในคดีอาญาและคดีแพ่งนั้นมีความสำคัญยิ่งในทางปฏิบัติ ในคดีอาญา จำเลยต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่รัฐเป็นผู้ฟ้องร้องแทนประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและลงโทษผู้กระทำความผิด ผลลัพธ์ของการพิจารณาคดีอาญาอาจนำไปสู่โทษทางร่างกายหรือการจำกัดอิสรภาพ เช่น การจำคุกหรือโทษปรับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตจำเลยโดยตรง ดังนั้น กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองสิทธิจำเลยในคดีอาญาอย่างเข้มงวด เช่น สิทธิในการมีทนายความ สิทธิที่จะไม่ให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง และภาระการพิสูจน์ที่ตกอยู่แก่โจทก์อย่างหนักแน่น ขณะที่จำเลยในคดีแพ่งนั้นต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องหรือคำขอให้ปฏิบัติการตามกฎหมายจากบุคคลอื่นหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ความรับผิดตามสัญญา หรือการชดใช้ค่าเสียหาย ผลลัพธ์ของคดีแพ่งจึงเป็นเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ทางกฎหมายและภาระทางการเงินเป็นหลัก แม้ว่าทั้งสองกรณีจะเป็นสถานะ "จำเลย" เหมือนกัน แต่ลักษณะของข้อกล่าวหาและผลทางกฎหมายที่ตามมานั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดวิธีการต่อสู้คดีและระดับความคุ้มครองทางกฎหมายที่จำเลยจะได้รับ

    ในท้ายที่สุด สถานะของ "จำเลย" ไม่ว่าในคดีใดก็ตาม เป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นได้เข้าสู่สนามของการพิสูจน์ความจริงภายใต้ระบบกฎหมายแล้ว การที่กฎหมายกำหนดให้ทุกคนมีสิทธิในการต่อสู้คดีและมีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดของหลักนิติธรรม การรับรู้และเคารพต่อสถานะของจำเลย รวมถึงการให้เกียรติในสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมายโดยรวม
    บทความกฎหมาย EP.23 ในทางกฎหมาย สถานะของ "จำเลย" ถือเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการยุติธรรม เพราะจำเลยคือบุคคลผู้ซึ่งถูกยื่นฟ้องหรือถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการในศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายอาญา หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตามกฎหมายแพ่ง การเป็นจำเลยจึงมิใช่คำตัดสินว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดแล้ว แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียดรอบด้านตามหลักการที่ว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์เป็นอย่างอื่น บทบาทของจำเลยภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความ คือการใช้สิทธิในการแก้ต่างและนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับประกันความยุติธรรมและเสมอภาคในชั้นศาล การทำความเข้าใจสถานะนี้อย่างลึกซึ้งจึงเป็นการทำความเข้าใจรากฐานของความเที่ยงธรรมในสังคมไทย ความแตกต่างระหว่างจำเลยในคดีอาญาและคดีแพ่งนั้นมีความสำคัญยิ่งในทางปฏิบัติ ในคดีอาญา จำเลยต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่รัฐเป็นผู้ฟ้องร้องแทนประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและลงโทษผู้กระทำความผิด ผลลัพธ์ของการพิจารณาคดีอาญาอาจนำไปสู่โทษทางร่างกายหรือการจำกัดอิสรภาพ เช่น การจำคุกหรือโทษปรับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตจำเลยโดยตรง ดังนั้น กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองสิทธิจำเลยในคดีอาญาอย่างเข้มงวด เช่น สิทธิในการมีทนายความ สิทธิที่จะไม่ให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง และภาระการพิสูจน์ที่ตกอยู่แก่โจทก์อย่างหนักแน่น ขณะที่จำเลยในคดีแพ่งนั้นต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องหรือคำขอให้ปฏิบัติการตามกฎหมายจากบุคคลอื่นหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ความรับผิดตามสัญญา หรือการชดใช้ค่าเสียหาย ผลลัพธ์ของคดีแพ่งจึงเป็นเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ทางกฎหมายและภาระทางการเงินเป็นหลัก แม้ว่าทั้งสองกรณีจะเป็นสถานะ "จำเลย" เหมือนกัน แต่ลักษณะของข้อกล่าวหาและผลทางกฎหมายที่ตามมานั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดวิธีการต่อสู้คดีและระดับความคุ้มครองทางกฎหมายที่จำเลยจะได้รับ ในท้ายที่สุด สถานะของ "จำเลย" ไม่ว่าในคดีใดก็ตาม เป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นได้เข้าสู่สนามของการพิสูจน์ความจริงภายใต้ระบบกฎหมายแล้ว การที่กฎหมายกำหนดให้ทุกคนมีสิทธิในการต่อสู้คดีและมีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดของหลักนิติธรรม การรับรู้และเคารพต่อสถานะของจำเลย รวมถึงการให้เกียรติในสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมายโดยรวม
    0 Comments 0 Shares 575 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายขัง "นิสิต สินธุไพร" อดีตแกนนำ นปช. คดีนำม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 ส่งตัวไปเรือนจำพิเศษพัทยา รับโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 200 บาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106830

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายขัง "นิสิต สินธุไพร" อดีตแกนนำ นปช. คดีนำม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 ส่งตัวไปเรือนจำพิเศษพัทยา รับโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 200 บาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106830 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 653 Views 0 Reviews
  • นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยกรณีนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ได้อธิบายเหตุผลข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้าทุกอย่างอยู่ในขอบเขต พร้อมชี้แจงทุกเวที
    ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ
    แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่า ศาลไม่เคยมีคำพิพากษาและเรียกร้องให้นำหลักฐานมาแสดง ขอให้ไปฟังคำพูดตนเองคำต่อคำ ตรวจสอบข้อมูลสาธารณะที่มีก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้มองเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เขาถามเราก็ชี้แจง คนเป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้ ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยกรณีนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ได้อธิบายเหตุผลข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้าทุกอย่างอยู่ในขอบเขต พร้อมชี้แจงทุกเวที ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่า ศาลไม่เคยมีคำพิพากษาและเรียกร้องให้นำหลักฐานมาแสดง ขอให้ไปฟังคำพูดตนเองคำต่อคำ ตรวจสอบข้อมูลสาธารณะที่มีก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้มองเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เขาถามเราก็ชี้แจง คนเป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้ ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 500 Views 0 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.17

    คำพิพากษาเป็นมากกว่าเพียงการตัดสินของศาล แต่คือจุดสิ้นสุดของกระบวนการยุติธรรมที่ยาวนาน เป็นคำวินิจฉัยสุดท้ายที่ศาลใช้ดุลยพินิจจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างคู่ความทั้งหมด โดยมีอำนาจผูกพันคู่ความเหล่านั้นให้ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ศาลได้ตัดสินไป คำตัดสินนี้จึงเป็นหลักประกันความสงบเรียบร้อยในสังคม และเป็นเครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดีนั้นๆ การเข้าใจถึงความหมายและอำนาจของคำพิพากษาจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด

    แก่นแท้ของคำพิพากษานั้นอยู่ที่การสร้างความแน่นอนทางกฎหมาย และการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น คำตัดสินของศาลไม่ใช่แค่การประกาศว่าใครถูกใครผิด แต่คือการกำหนดสิทธิและหน้าที่ใหม่ของคู่ความภายหลังจากการต่อสู้คดีเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ชดใช้ค่าเสียหาย การยกฟ้อง หรือการกำหนดโทษทางอาญา ทุกถ้อยคำในคำพิพากษามีความหมายทางกฎหมายอย่างลึกซึ้ง และถูกเขียนขึ้นด้วยความรอบคอบภายใต้หลักการที่ว่า "ทุกคนเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย" ซึ่งหมายความว่าแม้การตัดสินจะยุติข้อพิพาทในคดีนั้นๆ แต่ก็เป็นการวางบรรทัดฐานสำหรับคดีที่คล้ายคลึงกันในอนาคตด้วย จึงถือได้ว่าเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้สังคมสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยมีขื่อมีแปและมีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

    ดังนั้น คำพิพากษาจึงเป็นเสมือนหัวใจของระบบกฎหมาย เป็นการแสดงออกถึงอำนาจตุลาการในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรม คำตัดสินที่มีผลผูกพันคู่ความนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และเป็นสิ่งสุดท้ายที่นำความสงบกลับคืนมาสู่ผู้ที่มีข้อพิพาทกัน การเคารพและปฏิบัติตามคำพิพากษาจึงไม่ใช่แค่การทำตามคำสั่งศาล แต่คือการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศชาติ เพื่อให้สังคมดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อยตลอดไป
    บทความกฎหมาย EP.17 คำพิพากษาเป็นมากกว่าเพียงการตัดสินของศาล แต่คือจุดสิ้นสุดของกระบวนการยุติธรรมที่ยาวนาน เป็นคำวินิจฉัยสุดท้ายที่ศาลใช้ดุลยพินิจจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างคู่ความทั้งหมด โดยมีอำนาจผูกพันคู่ความเหล่านั้นให้ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ศาลได้ตัดสินไป คำตัดสินนี้จึงเป็นหลักประกันความสงบเรียบร้อยในสังคม และเป็นเครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดีนั้นๆ การเข้าใจถึงความหมายและอำนาจของคำพิพากษาจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการตระหนักถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แก่นแท้ของคำพิพากษานั้นอยู่ที่การสร้างความแน่นอนทางกฎหมาย และการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น คำตัดสินของศาลไม่ใช่แค่การประกาศว่าใครถูกใครผิด แต่คือการกำหนดสิทธิและหน้าที่ใหม่ของคู่ความภายหลังจากการต่อสู้คดีเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ชดใช้ค่าเสียหาย การยกฟ้อง หรือการกำหนดโทษทางอาญา ทุกถ้อยคำในคำพิพากษามีความหมายทางกฎหมายอย่างลึกซึ้ง และถูกเขียนขึ้นด้วยความรอบคอบภายใต้หลักการที่ว่า "ทุกคนเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย" ซึ่งหมายความว่าแม้การตัดสินจะยุติข้อพิพาทในคดีนั้นๆ แต่ก็เป็นการวางบรรทัดฐานสำหรับคดีที่คล้ายคลึงกันในอนาคตด้วย จึงถือได้ว่าเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้สังคมสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยมีขื่อมีแปและมีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ดังนั้น คำพิพากษาจึงเป็นเสมือนหัวใจของระบบกฎหมาย เป็นการแสดงออกถึงอำนาจตุลาการในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรม คำตัดสินที่มีผลผูกพันคู่ความนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และเป็นสิ่งสุดท้ายที่นำความสงบกลับคืนมาสู่ผู้ที่มีข้อพิพาทกัน การเคารพและปฏิบัติตามคำพิพากษาจึงไม่ใช่แค่การทำตามคำสั่งศาล แต่คือการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศชาติ เพื่อให้สังคมดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อยตลอดไป
    0 Comments 0 Shares 428 Views 0 Reviews
  • ศาลปกครองยกฟ้องคดี IO กองทัพบก ชี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของกองทัพ
    https://www.thai-tai.tv/news/22119/
    .
    #ไทยไท #ศาลปกครอง #ปฏิบัติการIO #กองทัพบก #สฤณีอาชวานันทกุล #ยิ่งชีพ #คำพิพากษายกฟ้อง

    ศาลปกครองยกฟ้องคดี IO กองทัพบก ชี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของกองทัพ https://www.thai-tai.tv/news/22119/ . #ไทยไท #ศาลปกครอง #ปฏิบัติการIO #กองทัพบก #สฤณีอาชวานันทกุล #ยิ่งชีพ #คำพิพากษายกฟ้อง
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • รอง ปธ.วุฒิฯเขมร ใช้เวทีสมัชชา IPU ซัดไทย ละเมิดชายแดน เปิดเสียงหลอนกลางดึก ละเมิดสิทธิฯ ยกสนธิสัญญาฝรั่งเศส–คำพิพากษาศาลโลก–MOU 43 หนุนสิทธิกัมพูชาเหนือพื้นที่พิพาท ยันเคารพข้อตกลงหยุดยิง 28 ก.ค. ร่ายพูดยาวเกินเวลาโดน ปธ. IPU ตำหนิ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100631

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รอง ปธ.วุฒิฯเขมร ใช้เวทีสมัชชา IPU ซัดไทย ละเมิดชายแดน เปิดเสียงหลอนกลางดึก ละเมิดสิทธิฯ ยกสนธิสัญญาฝรั่งเศส–คำพิพากษาศาลโลก–MOU 43 หนุนสิทธิกัมพูชาเหนือพื้นที่พิพาท ยันเคารพข้อตกลงหยุดยิง 28 ก.ค. ร่ายพูดยาวเกินเวลาโดน ปธ. IPU ตำหนิ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000100631 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • ศาลฎีกาพิพากษาแก้ สั่งปรับ "บริษัทฟิลิป มอร์ริส" เลี่ยงภาษีบุหรี่มาร์ลโบโร ลดเหลือ 20 ล้านบาท ส่วนอดีตพนักงานยกฟ้อง ด้านกรรมการบริษัทน้อมรับผลคำพิพากษา ยันทำตามขั้นตอนของศุลกากรของไทยมาตลอด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096617

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลฎีกาพิพากษาแก้ สั่งปรับ "บริษัทฟิลิป มอร์ริส" เลี่ยงภาษีบุหรี่มาร์ลโบโร ลดเหลือ 20 ล้านบาท ส่วนอดีตพนักงานยกฟ้อง ด้านกรรมการบริษัทน้อมรับผลคำพิพากษา ยันทำตามขั้นตอนของศุลกากรของไทยมาตลอด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096617 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 430 Views 0 Reviews
  • อดีต สส. 3 ราย ยื่นจดหมายถึง “อนุทิน” ขอเร่งตรวจสอบคำสั่งนายกฯ ที่ 143/2562 สมัย “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ หวั่นใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังพบข้อเท็จจริงขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชี้คล้ายกรณี “เขากระโดง” ที่ยังไม่บังคับคดีตามคำพิพากษา จ่อร้องถึงประธานศาลฎีกาและองค์กรอิสระทุกฝ่าย ฟื้นความเชื่อมั่นระบบนิติรัฐ–นิติธรรมไทย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096131

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อดีต สส. 3 ราย ยื่นจดหมายถึง “อนุทิน” ขอเร่งตรวจสอบคำสั่งนายกฯ ที่ 143/2562 สมัย “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งคณะทำงานคดีโฮปเวลล์ หวั่นใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หลังพบข้อเท็จจริงขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชี้คล้ายกรณี “เขากระโดง” ที่ยังไม่บังคับคดีตามคำพิพากษา จ่อร้องถึงประธานศาลฎีกาและองค์กรอิสระทุกฝ่าย ฟื้นความเชื่อมั่นระบบนิติรัฐ–นิติธรรมไทย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096131 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 598 Views 0 Reviews
  • ชิดชอบอ่านข่าวมติชนออนไลน์หรือยัง เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ตัดสินคดีตามที่การรถไฟฟ้อง โดยศาลสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน พร้อมสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกจากที่ดิน และส่งมอบที่ดินให้กับ รฟท. รวมทั้งให้ชำระค่าเสียหายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย เดือนละ 3,268 บาท นับถัดจากวันที่มีคำพิพากษา จนกว่าจะรื้อถอนและย้ายออกจากที่ดิน
    #7ดอกจิก
    ♣️ชิดชอบอ่านข่าวมติชนออนไลน์หรือยัง เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ตัดสินคดีตามที่การรถไฟฟ้อง โดยศาลสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน พร้อมสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ขนย้ายทรัพย์สินกับบริวารออกจากที่ดิน และส่งมอบที่ดินให้กับ รฟท. รวมทั้งให้ชำระค่าเสียหายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย เดือนละ 3,268 บาท นับถัดจากวันที่มีคำพิพากษา จนกว่าจะรื้อถอนและย้ายออกจากที่ดิน #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 374 Views 0 Reviews
  • สิ้นเสียงคำพิพากษา “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต้องโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท คดีรุกป่าสงวนกว่า 1,700 ไร่ ศาลไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ คดีสะเทือนวงการการเมือง ถูกมองเป็นบทพิสูจน์ “กฎหมายไม่เลือกชนชั้น”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095574

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สิ้นเสียงคำพิพากษา “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต้องโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท คดีรุกป่าสงวนกว่า 1,700 ไร่ ศาลไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ คดีสะเทือนวงการการเมือง ถูกมองเป็นบทพิสูจน์ “กฎหมายไม่เลือกชนชั้น” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095574 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 612 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ในคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนและที่ดินในเขต ส.ป.ก. รวมกว่า 1,706 ไร่ ที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095404

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ในคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนและที่ดินในเขต ส.ป.ก. รวมกว่า 1,706 ไร่ ที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095404 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 505 Views 0 Reviews
  • "ทวี" ซัดคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ทำสส.ภท.ดาหน้าประท้วงวุ่นบอกไม่เกี่ยวนโยบาย พท.ตะเพิด ”มงคล“ ลงบัลลังก์อ้างเพื่อเป็นกลาง "ทรงศักดิ์" ยันกรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาครบทุกคดี ไม่เคยตัดสินเป็นของรฟท. เจอสวนศาลปค.วินิจฉัยชัด 5,083 ไร่ เป็นที่รถไฟ ห้ามทำคำพิพากษาเป็นแค่ “กระดาษทิชชู”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093093

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "ทวี" ซัดคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ทำสส.ภท.ดาหน้าประท้วงวุ่นบอกไม่เกี่ยวนโยบาย พท.ตะเพิด ”มงคล“ ลงบัลลังก์อ้างเพื่อเป็นกลาง "ทรงศักดิ์" ยันกรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาครบทุกคดี ไม่เคยตัดสินเป็นของรฟท. เจอสวนศาลปค.วินิจฉัยชัด 5,083 ไร่ เป็นที่รถไฟ ห้ามทำคำพิพากษาเป็นแค่ “กระดาษทิชชู” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093093 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 454 Views 0 Reviews
  • อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091705

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091705 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
  • อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091690

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อดีต สส.ยื่น "วันนอร์" สอบ กมธ.กฎหมาย บิดเบือนรายงานผลศึกษา "โฮปเวลล์" อ้างขัดคำพิพากษาศาลแพ่ง ชี้จดทะเบียนถูกต้อง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000091690 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 590 Views 0 Reviews
  • ‘ทักษิณ’ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ พร้อมน้อมรับคำพิพากษาของศาล ยันพร้อมรับใช้ชาติในทุกสถานะ
    https://www.thai-tai.tv/news/21382/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คำพิพากษา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    ‘ทักษิณ’ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ พร้อมน้อมรับคำพิพากษาของศาล ยันพร้อมรับใช้ชาติในทุกสถานะ https://www.thai-tai.tv/news/21382/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คำพิพากษา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • เปิดคำพิพากษา "ศาลฎีกา" ฉบับเต็ม! สั่ง "ทักษิณ" กลับไปจำคุกที่เรือนจำ 1 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/21381/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #ศาลฎีกา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    เปิดคำพิพากษา "ศาลฎีกา" ฉบับเต็ม! สั่ง "ทักษิณ" กลับไปจำคุกที่เรือนจำ 1 ปี https://www.thai-tai.tv/news/21381/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #ศาลฎีกา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน

    ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้

    ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา

    อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ

    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท

    #Newskit
    ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้ ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 1009 Views 0 Reviews
More Results