• ต่ำช้า และ เลวทราม!" "นิพิฏฐ์" ซัด "สส.พรรคประชาชน"...หลังอภิปรายดูหมิ่น "สังเวชนียสถาน" ด้วยคำว่า "กราบอะไรก็ไม่รู้"
    https://www.thai-tai.tv/news/20976/
    .
    #นิพิฏฐ์อินทรสมบัติ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #จองกฐิน #ไทยไท

    ต่ำช้า และ เลวทราม!" "นิพิฏฐ์" ซัด "สส.พรรคประชาชน"...หลังอภิปรายดูหมิ่น "สังเวชนียสถาน" ด้วยคำว่า "กราบอะไรก็ไม่รู้" https://www.thai-tai.tv/news/20976/ . #นิพิฏฐ์อินทรสมบัติ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #จองกฐิน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เจ้าอาวาสวัดไทยในลาสเวกัส" จี้หนัก! ซัด “สส.พรรคประชาชน” ขาดภูมิธรรม-ดูหมิ่นศาสนา...ลั่น “ควรยุบพรรคทิ้ง”
    https://www.thai-tai.tv/news/20975/
    .
    #พระมหานรินทร์ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #สังเวชนียสถาน #ไทยไท

    "เจ้าอาวาสวัดไทยในลาสเวกัส" จี้หนัก! ซัด “สส.พรรคประชาชน” ขาดภูมิธรรม-ดูหมิ่นศาสนา...ลั่น “ควรยุบพรรคทิ้ง” https://www.thai-tai.tv/news/20975/ . #พระมหานรินทร์ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #สังเวชนียสถาน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เป็นคำพูดที่ควายมาก!" "อมรัตน์" วิจารณ์ยับ! "สส.นนทบุรี" พรรคประชาชน ลั่นคำขอโทษยังไม่พอ...
    https://www.thai-tai.tv/news/20974/
    .
    #อมรัตน์โชคปมิตต์กุล #นนท์ไพศาลลิ้มเจริญกิจ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #ไทยไท
    "เป็นคำพูดที่ควายมาก!" "อมรัตน์" วิจารณ์ยับ! "สส.นนทบุรี" พรรคประชาชน ลั่นคำขอโทษยังไม่พอ... https://www.thai-tai.tv/news/20974/ . #อมรัตน์โชคปมิตต์กุล #นนท์ไพศาลลิ้มเจริญกิจ #พรรคประชาชน #ข่าวการเมือง #คำขอโทษ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องการ์ตูน เหยื่ออยุติธรรม

    การเสียชีวิตอย่างสงบของ น.ส.ภิญญารัศมี (นราศิริ) ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือน้องการ์ตูน อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง รักษาตัวด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บปวดอย่างทรมานเมื่ออายุ 5 ขวบ ยาวนานกว่า 11 ปี น้องการ์ตูนเป็นเหยื่อรถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ขณะนั้นตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 เป็นเหตุให้นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี บิดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    แม้ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาเมื่อปี 2558 จำคุก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม เป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวน้องการ์ตูน 6.3 ล้านบาท แต่ น.ส.น้ำผึ้งใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำทิพย์ ชื่นชัยแสงสุริยา และ วรรณธนันท์ ผิวเกลี้ยง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แถมโอนทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยง ขณะที่แม่น้องการ์ตูนยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายดูแลน้องการ์ตูนที่สูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่น้องการ์ตูนมีปัญหากระดูกสันหลังคดจากการติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มีผลกับการหายใจ กระทั่งเดือน เม.ย.2568 มีอาการปอดบวมอย่างหนัก สุดท้ายแม่ตัดสินใจปล่อยน้องการ์ตูนไปอย่างสงบ

    นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยไม่ทันได้บอกลา บอกลูกว่าเหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ โดยที่น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ ยืนยันว่าจะสู้คดีต่อไป เพราะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายคู่กรณีอย่างจริงใจ และที่ผ่านมาได้รับเงินค่าซ่อมแซมร้านเพียง 40,000 บาทเท่านั้น และไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือบังคับคดีหรือช่วยสืบทรัพย์ให้อย่างจริงจัง

    แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง ให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องแย่ๆ เพียงอย่างเดียว

    คดีน้องการ์ตูน สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ ที่ยังมีช่องให้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้ แม้ศาลจะพิพากษาชนะคดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายภาระตกอยู่กับฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมด

    #Newskit
    น้องการ์ตูน เหยื่ออยุติธรรม การเสียชีวิตอย่างสงบของ น.ส.ภิญญารัศมี (นราศิริ) ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือน้องการ์ตูน อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง รักษาตัวด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บปวดอย่างทรมานเมื่ออายุ 5 ขวบ ยาวนานกว่า 11 ปี น้องการ์ตูนเป็นเหยื่อรถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ขณะนั้นตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 เป็นเหตุให้นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี บิดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แม้ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาเมื่อปี 2558 จำคุก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม เป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวน้องการ์ตูน 6.3 ล้านบาท แต่ น.ส.น้ำผึ้งใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำทิพย์ ชื่นชัยแสงสุริยา และ วรรณธนันท์ ผิวเกลี้ยง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แถมโอนทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยง ขณะที่แม่น้องการ์ตูนยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายดูแลน้องการ์ตูนที่สูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่น้องการ์ตูนมีปัญหากระดูกสันหลังคดจากการติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มีผลกับการหายใจ กระทั่งเดือน เม.ย.2568 มีอาการปอดบวมอย่างหนัก สุดท้ายแม่ตัดสินใจปล่อยน้องการ์ตูนไปอย่างสงบ นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยไม่ทันได้บอกลา บอกลูกว่าเหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ โดยที่น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ ยืนยันว่าจะสู้คดีต่อไป เพราะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายคู่กรณีอย่างจริงใจ และที่ผ่านมาได้รับเงินค่าซ่อมแซมร้านเพียง 40,000 บาทเท่านั้น และไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือบังคับคดีหรือช่วยสืบทรัพย์ให้อย่างจริงจัง แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง ให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องแย่ๆ เพียงอย่างเดียว คดีน้องการ์ตูน สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ ที่ยังมีช่องให้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้ แม้ศาลจะพิพากษาชนะคดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายภาระตกอยู่กับฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมด #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่านมาเดือนกว่า เจ้าของตึกยังปากดี ไร้คำขอโทษ ปัดความรับผิดชอบ ส่วนคนไม่เกี่ยวกลับช่วยค้นหา รื้อถอน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ 3 รอบแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ผู้ว่าสตง
    #ตึกสตงถล่ม
    ผ่านมาเดือนกว่า เจ้าของตึกยังปากดี ไร้คำขอโทษ ปัดความรับผิดชอบ ส่วนคนไม่เกี่ยวกลับช่วยค้นหา รื้อถอน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ 3 รอบแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง #ผู้ว่าสตง #ตึกสตงถล่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อซื้อรองเท้าบูธไม่ถูกเวล่ำเวลามันจึงเกิดเหตุการณ์นี้
    ....
    เจ๊แม่ค้ากำลังบ่นปนด่าลูกน้องด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะลูกน้องหน้าบึ้งจนน่าตบกบาล ขณะนั้น lit nit เลือกรองเท้าบูธเสร็จก็มาวางบนเคาเตอร์ข้างหน้าเจ๊ ด้วยจิตวิญญาณของแม่ค้าผู้ให้บริการ เจ๊รีบปรับโทนเสียงให้อ่อนนุ่มอย่างกะทันหัน
    "พี่ลองสวมดูแล้วใช่ไหมคะพอดีกับหน้าหรือเปล่า ?"
    lit nit สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบเพื่อดึงสติเจ๊ให้อยู่กับร่องกับรอย
    "ลองดูแล้วครับรองเท้าบูธคู่นี้พอดีกับหน้าผมเปะเหมือนจับวางเลยครับ !"
    ....
    คราวนี้อีเจ๊รนไม่ได้สติเข้าไปใหญ่
    "สมาเต๊อะเจ้าน๊องไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นไม่ใช่รองเท้าพอดีกับหน้าพี่หรือเปล่าแต่หน้าพี่พอดีกับรองเท้าหรือเปล่า โอ๊ะไม่ใช่ ๆ !" อีเจ๊ตบหน้าผากฉาด สบัดหัวไปมา ก่อนจะหันไปตาเขียวใส่ลูกน้องพร้อมกับชี้มือเน้นเขี้ยวเน้นฟัน ประหนึ่งจะบอกว่าเพราะหน้ามึงนี่แหละทำให้กูรวนแบบนี้
    "ขอสมาอีกทีเถอะพี่ น้องไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ เดี๋ยวคู่นี้น้องลดราคาให้ข้างละยี่สิบนะถือซะว่าเป็นคำขอโทษนะพี่นะ !"
    แหมถ้ารู้ว่าหน้าเราพอดีกับสนเท้าแบบนี้แล้วได้ลดราคาตั้งสี่สิบบาท มีหรือ lit nit จะไม่ยอม
    #หน้าเรานี่มันนะหน้าทองแท้ ๆ ผับผ่าซิ !
    เมื่อซื้อรองเท้าบูธไม่ถูกเวล่ำเวลามันจึงเกิดเหตุการณ์นี้ .... เจ๊แม่ค้ากำลังบ่นปนด่าลูกน้องด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะลูกน้องหน้าบึ้งจนน่าตบกบาล ขณะนั้น lit nit เลือกรองเท้าบูธเสร็จก็มาวางบนเคาเตอร์ข้างหน้าเจ๊ ด้วยจิตวิญญาณของแม่ค้าผู้ให้บริการ เจ๊รีบปรับโทนเสียงให้อ่อนนุ่มอย่างกะทันหัน "พี่ลองสวมดูแล้วใช่ไหมคะพอดีกับหน้าหรือเปล่า ?" lit nit สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบเพื่อดึงสติเจ๊ให้อยู่กับร่องกับรอย "ลองดูแล้วครับรองเท้าบูธคู่นี้พอดีกับหน้าผมเปะเหมือนจับวางเลยครับ !" .... คราวนี้อีเจ๊รนไม่ได้สติเข้าไปใหญ่ "สมาเต๊อะเจ้าน๊องไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นไม่ใช่รองเท้าพอดีกับหน้าพี่หรือเปล่าแต่หน้าพี่พอดีกับรองเท้าหรือเปล่า โอ๊ะไม่ใช่ ๆ !" อีเจ๊ตบหน้าผากฉาด สบัดหัวไปมา ก่อนจะหันไปตาเขียวใส่ลูกน้องพร้อมกับชี้มือเน้นเขี้ยวเน้นฟัน ประหนึ่งจะบอกว่าเพราะหน้ามึงนี่แหละทำให้กูรวนแบบนี้ "ขอสมาอีกทีเถอะพี่ น้องไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ เดี๋ยวคู่นี้น้องลดราคาให้ข้างละยี่สิบนะถือซะว่าเป็นคำขอโทษนะพี่นะ !" แหมถ้ารู้ว่าหน้าเราพอดีกับสนเท้าแบบนี้แล้วได้ลดราคาตั้งสี่สิบบาท มีหรือ lit nit จะไม่ยอม #หน้าเรานี่มันนะหน้าทองแท้ ๆ ผับผ่าซิ !
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ชีวิตได้แค่คำขอโทษ
    กรมทางหลอนอ้างเหตุสุดวิสัย ตรวจสบแล้ว
    แต่ไม่คิดว่าปูนจะร่วง
    เงินเดือนเมิงมาจากคนที่เสี่ยงตราย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    1 ชีวิตได้แค่คำขอโทษ กรมทางหลอนอ้างเหตุสุดวิสัย ตรวจสบแล้ว แต่ไม่คิดว่าปูนจะร่วง เงินเดือนเมิงมาจากคนที่เสี่ยงตราย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต

    บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด

    ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ...

    วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร?

    ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด
    ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง

    ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป

    บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว...

    ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ?

    เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่

    มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป”

    ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้

    และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

    เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

    ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย

    ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ

    ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ

    บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ

    และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ

    บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่...

    เคยโทรหากันทุกคืน
    เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า
    เคยไปทุกที่ด้วยกัน
    เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร

    แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ

    “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก
    บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ
    และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง

    ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ

    แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร?

    ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน

    ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ

    เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต

    แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ

    เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป

    แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ...

    🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ
    เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
    และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป

    เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง?

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568

    #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ
    #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ... วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร? 🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง 📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว... ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ? เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่ 🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป” ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱 เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️ ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ 🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ 💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่... 📌 เคยโทรหากันทุกคืน 📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า 📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน 📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ 👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก 👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ 👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร? ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️ เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ... 🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ 📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568 📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว
  • **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*

    ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม
    **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว**
    **เวลา : 1632 ปีก่อน**

    หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ

    **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ...

    ---

    ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา**
    **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน**
    **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย**

    **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน**

    **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก
    เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"**

    บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba)
    *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต**
    **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต**
    **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว**

    **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ

    **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"**

    ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา!

    ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ :
    *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน**
    **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย**
    **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด**

    **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า

    **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์

    เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด :
    *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน**
    **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย**
    **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ**

    **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา :
    *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"*

    ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"*
    ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ

    ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ :
    *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร**
    **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้**
    **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง**

    **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม

    **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น
    แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"**

    จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ :
    *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์**
    **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย**
    **เวลา : งานสงกรานต์**

    **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ

    **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ
    เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น!

    พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา :
    *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม**
    **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง**
    **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง

    ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"**

    - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน
    - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน
    - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต
    - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด
    - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน

    เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี :
    *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที*

    ---

    ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย**
    **1 ปีต่อมา**
    - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย
    - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต
    - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง
    - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป
    - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย

    บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า :
    *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"*

    ---

    **Preview ตอนต่อไป :**
    - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล
    - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่
    - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass* ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว** **เวลา : 1632 ปีก่อน** หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ... --- ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา** **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน** **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย** **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน** **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"** บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba) *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"* --- ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต** **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต** **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว** **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"** ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา! ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ : *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"* --- ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน** **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย** **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด** **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์ เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด : *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"* --- ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน** **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย** **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ** **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา : *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"* ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"* ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ : *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"* --- ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร** **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้** **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง** **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"** จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ : *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"* --- ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์** **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย** **เวลา : งานสงกรานต์** **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น! พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา : *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"* --- ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม** **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง** **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"** - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี : *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที* --- ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย** **1 ปีต่อมา** - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า : *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"* --- **Preview ตอนต่อไป :** - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่ - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1197 มุมมอง 0 รีวิว

  • “จรยุทธ” ร่อนคำขอโทษ กรณีสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ทำประชาชนไม่สบายใจ ยันพร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ สร้างบรรทัดฐานที่ดี บอกเข้าใจ-ซาบซึ้งทุกความเห็นที่คาดหวัง

    วันนี้ (12 มี.ค.) นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ถึงกรณีสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ว่า จากกระแสข่าวที่มีการเผยแพร่ออกมา ผมทราบดีว่าทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวลและมีข้อสงสัย ผมจึงอยากขอโทษจากใจจริงที่ทำให้พี่น้องประชาชนไม่สบายใจ ผมเข้าใจถึงความคาดหวังที่พี่น้องประชาชนมีต่อตัวผมในฐานะผู้แทนและผมเองก็ซาบซึ้งกับทุกความคิดเห็นที่ส่งมา

    ผมให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของตัวเองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกัน ผมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากทางรัฐสภา เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีของการเป็นผู้แทนราษฎร

    สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชน และขอยืนยันว่า ผมยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023904

    #MGROnline #พรรคประชาชน #สูบบุหรี่ไฟฟ้า #อาคารรัฐสภา
    “จรยุทธ” ร่อนคำขอโทษ กรณีสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ทำประชาชนไม่สบายใจ ยันพร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ สร้างบรรทัดฐานที่ดี บอกเข้าใจ-ซาบซึ้งทุกความเห็นที่คาดหวัง • วันนี้ (12 มี.ค.) นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ถึงกรณีสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภา ว่า จากกระแสข่าวที่มีการเผยแพร่ออกมา ผมทราบดีว่าทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวลและมีข้อสงสัย ผมจึงอยากขอโทษจากใจจริงที่ทำให้พี่น้องประชาชนไม่สบายใจ ผมเข้าใจถึงความคาดหวังที่พี่น้องประชาชนมีต่อตัวผมในฐานะผู้แทนและผมเองก็ซาบซึ้งกับทุกความคิดเห็นที่ส่งมา • ผมให้ความสำคัญกับบทบาทหน้าที่ของตัวเองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกัน ผมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากทางรัฐสภา เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีของการเป็นผู้แทนราษฎร • สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชน และขอยืนยันว่า ผมยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000023904 • #MGROnline #พรรคประชาชน #สูบบุหรี่ไฟฟ้า #อาคารรัฐสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 632 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ
    .
    วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ
    .
    "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว
    .
    เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3"
    .
    ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น
    .
    ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง
    .
    แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน
    .
    มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ส่งหนังสือขอโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับศึกวิวาทะอื้อฉาวในทำเนียบขาว จากการเปิดเผยของ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำอเมริกาสั่งระงับความช่วยเหลือด้านการทหารและแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับเคียฟ . วิตคอฟฟ์ เปิดเผยในเรื่องนี้ในวันจันทร์(10มี.ค.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ก่อนหน้าการประชุมกันระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯกับคณะผู้แทนยูเครน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยวอชิงตันคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และหวังลงนามในข้อตกลงแร่อันสำคัญกับเคียฟ . "เซเลนสกี ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดี เขาขอโทษต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทำงานรูปไข่" วิตคอฟฟ์เน้นย้ำ "ผมคิดว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญและมีการพูดคุยหารือกันมากมายระหว่างคณะทำงานของเรากับคณะทำงานยูเครน รวมไปถึงจากยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหารือนี้เช่นกัน" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เผยว่าได้รับหนังสือที่สำคัญจากเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นว่าเคียฟแสดงถึงความพร้อม "ที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้พาดพิงว่าเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว มีถ้อยคำขอโทษเกี่ยวกับการโต้เถียงอันอื้อฉาวในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว . เซเลนสกี พูดเสียงดังแข่งกับ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ระหว่างพบปะพูดคุยกันที่ทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนขาดความเคารพ ไม่สำนึกบุญคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯในอดีตที่ผ่านมาและลังเลที่แสวงหาสันติภาพกับรัสเซีย ยิ่งไปกว่านั้นยัง "กำลังเดิมพันด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3" . ประธานาธิบดียูเครนถูกไล่ออกจากทำเนียบขาว ก่อนหน้าการประชุมแบบลับๆจะเริ่มขึ้น . ศึกโต้เถียงกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำให้ข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ต้องล่าช้าออกไป และกระตุ้นให้สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านการทหารที่มอบแก่เคียฟ ตามด้วยระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง . แม้ดูเหมือนจะเลือกขอโทษทรัมป์แบบลับๆ แต่ต่อหน้าสาธารณะแล้ว เซเลนสกี ยังคงแสดงท่าทีแข็งขืน บอกเพียงว่ารู้สึกเสียใจต่อความโกลาหลในทำเนียบขาว และเสียใจที่การพบปะพูดคุยที่ไม่เป็นไปตามแผน . มิคาอิล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ตอกย้ำท่าทีดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า "เซเลนสกี มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาสาระที่เขาพยายามสื่อสารถ่ายทอดถึงคู่หูอเมริกาของเขา เกี่ยวกับแนวคิดหลักๆ ที่ว่าจะไม่มีอะไรประสบผลสำเร็จหากปราศจากการบีบบังคับรัสเซีย" เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศสในวันศุกร์(7มี.ค.) "เราจะไม่ขอโทษ สำหรับการทึกทักเอาเองว่ามันเป็นความผิดพลาด ทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023258 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2311 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ ประกาศยุติความช่วยเหลือทุกทางต่อยูเครน

    วันนี้เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" ว่าพร้อมแล้วสำหรับการเจรจาเพื่อยุติสงคราม และยังบอกอีกว่า พร้อมจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐฯ "เมื่อใดก็ได้ และในรูปแบบใดก็ได้ที่สหรัฐสะดวก"

    ซึ่งไม่แน่ใจว่า นี่จะถือเป็นคำขอโทษตามที่ทรัมป์เรียกร้องให้เซเลนสกีออกมากล่าวอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณะหรือไม่!!

    นอกจากนี้ เขายังยื่นข้อเสนอว่า พร้อมที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเพื่อยุติสงคราม โดยที่ขั้นแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษ และการหยุดโจมตีทางอากศ โดยหยุดการใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล ในการโจมตีด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และต่อไปจะหยุดการโจมตีทสงทะเลทันที ซึ่งทางรัสเซียจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย
    .

    แถลงการณ์ฉบับเต็มของเซเลนสกี:

    ผมขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของยูเครนในความพยายามสร้างสันติภาพอีกครั้ง

    ไม่มีใครต้องการสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น ยูเครนพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนให้เข้ามาใกล้ที่สุด ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากกว่าชาวยูเครน ทีมงานของผมรวมทั้งตัวผม พร้อมที่จะทำงานภายใต้การนำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อให้ได้สันติภาพที่ยั่งยืน

    เราพร้อมที่จะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อยุติสงคราม ซึ่งขั้นตอนแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษและยุติการโจมตีทางอาหศ โดยห้ามใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล เพื่อโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และจะยุติการต่อสู้ในทะเลทันที หากรัสเซียจะทำเช่นเดียวกัน จากนั้นเราต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วผ่านขั้นตอนต่อไปทั้งหมดและทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อตกลงข้อตกลงสุดท้ายที่แข็งแกร่ง

    เราให้ความสำคัญอย่างที่สุดต่ออเมริกาซึ่งได้ทำสิ่งที่ช่วยให้ยูเครนรักษาอำนาจอธิปไตยและเอกราชของตนไว้ได้ เราซาบซึ้งในสิ่งนี้

    การประชุมของเราในกรุงวอชิงตันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องการให้ความร่วมมือและการสื่อสารในอนาคตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

    เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุและความมั่นคง ยูเครนพร้อมที่จะลงนามเมื่อใดก็ได้และในรูปแบบที่สะดวก เราเห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงที่มากขึ้นและการค้ำประกันด้านความมั่นคงที่มั่นคง และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับอย่างมีประสิทธิผล
    หลังจากทรัมป์ ประกาศยุติความช่วยเหลือทุกทางต่อยูเครน วันนี้เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" ว่าพร้อมแล้วสำหรับการเจรจาเพื่อยุติสงคราม และยังบอกอีกว่า พร้อมจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐฯ "เมื่อใดก็ได้ และในรูปแบบใดก็ได้ที่สหรัฐสะดวก" ซึ่งไม่แน่ใจว่า นี่จะถือเป็นคำขอโทษตามที่ทรัมป์เรียกร้องให้เซเลนสกีออกมากล่าวอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณะหรือไม่!! นอกจากนี้ เขายังยื่นข้อเสนอว่า พร้อมที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเพื่อยุติสงคราม โดยที่ขั้นแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษ และการหยุดโจมตีทางอากศ โดยหยุดการใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล ในการโจมตีด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และต่อไปจะหยุดการโจมตีทสงทะเลทันที ซึ่งทางรัสเซียจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย . 👉แถลงการณ์ฉบับเต็มของเซเลนสกี: ผมขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของยูเครนในความพยายามสร้างสันติภาพอีกครั้ง ไม่มีใครต้องการสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น ยูเครนพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนให้เข้ามาใกล้ที่สุด ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากกว่าชาวยูเครน ทีมงานของผมรวมทั้งตัวผม พร้อมที่จะทำงานภายใต้การนำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อให้ได้สันติภาพที่ยั่งยืน เราพร้อมที่จะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อยุติสงคราม ซึ่งขั้นตอนแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษและยุติการโจมตีทางอาหศ โดยห้ามใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล เพื่อโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และจะยุติการต่อสู้ในทะเลทันที หากรัสเซียจะทำเช่นเดียวกัน จากนั้นเราต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วผ่านขั้นตอนต่อไปทั้งหมดและทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อตกลงข้อตกลงสุดท้ายที่แข็งแกร่ง เราให้ความสำคัญอย่างที่สุดต่ออเมริกาซึ่งได้ทำสิ่งที่ช่วยให้ยูเครนรักษาอำนาจอธิปไตยและเอกราชของตนไว้ได้ เราซาบซึ้งในสิ่งนี้ การประชุมของเราในกรุงวอชิงตันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องการให้ความร่วมมือและการสื่อสารในอนาคตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุและความมั่นคง ยูเครนพร้อมที่จะลงนามเมื่อใดก็ได้และในรูปแบบที่สะดวก เราเห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงที่มากขึ้นและการค้ำประกันด้านความมั่นคงที่มั่นคง และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับอย่างมีประสิทธิผล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะไม่มีข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุจนกว่าเซเลนสกีจะออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณะสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่ทำเนียบขาว
    ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำขอโทษจากเซเลนสกีหรือเจ้าหน้าที่ของยูเครนคนใดเลย

    การระงับความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครนอาจมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ในคำปราศรัยของทรัมป์ต่อรัฐสภา

    สหรัฐจะปล่อยให้ยุโรปตอบสนองความต้องการของเซเลนสกี

    รัฐบาลทรัมป์กำลังวางแผนลดขนาดการกองกำลังสหรัฐในยุโรปลง ซึ่งจะมีการหารือในการประชุมวันนี้

    ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม จะเข้าร่วมในการหารือในครั้งนี้ด้วย
    จะไม่มีข้อตกลงเรื่องแร่ธาตุจนกว่าเซเลนสกีจะออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณะสำหรับเรื่องอื้อฉาวที่ทำเนียบขาว ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคำขอโทษจากเซเลนสกีหรือเจ้าหน้าที่ของยูเครนคนใดเลย การระงับความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครนอาจมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ในคำปราศรัยของทรัมป์ต่อรัฐสภา สหรัฐจะปล่อยให้ยุโรปตอบสนองความต้องการของเซเลนสกี รัฐบาลทรัมป์กำลังวางแผนลดขนาดการกองกำลังสหรัฐในยุโรปลง ซึ่งจะมีการหารือในการประชุมวันนี้ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม จะเข้าร่วมในการหารือในครั้งนี้ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ทรัมป์ต้องการให้เซเลนสกีเอ่ยคำขอโทษต่อสาธารณะเพื่อ "ฟื้นฟูความสัมพันธ์"

    -Bloomberg
    ทรัมป์ต้องการให้เซเลนสกีเอ่ยคำขอโทษต่อสาธารณะเพื่อ "ฟื้นฟูความสัมพันธ์" -Bloomberg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้ย้ำลั่นว่าเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษทรัมป์

    ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับเบร็ต ไบเออร์ แห่งฟ็อกซ์นิวส์เมื่อคืนวันศุกร์ เซเลนสกีปฏิเสธเอ่ยคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว หลังจากการสนทนาอย่างดุเดือดกับโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน

    ไบเออร์ถามเซเลนสกีว่า เขาติดค้างคำขอโทษจากประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งเซเลนสกีตอบสวนกลับมาทันทีว่า "ไม่" เขายังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เขาพูดคือการเปิดใจและซื่อสัตย์ และเขาไม่คิดว่าตนเองทำอะไรที่แย่ๆ

    แต่เซเลนสกีก็ยอมรับว่าบางที การพูดคุยกันอาจะต้องอยู่นอกกล้อง หรือไม่มีสื่อมวลชนเข้ามาเกี่ยวข้อง
    เซเลนสกี้ย้ำลั่นว่าเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษทรัมป์ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับเบร็ต ไบเออร์ แห่งฟ็อกซ์นิวส์เมื่อคืนวันศุกร์ เซเลนสกีปฏิเสธเอ่ยคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว หลังจากการสนทนาอย่างดุเดือดกับโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน ไบเออร์ถามเซเลนสกีว่า เขาติดค้างคำขอโทษจากประธานาธิบดีหรือไม่ ซึ่งเซเลนสกีตอบสวนกลับมาทันทีว่า "ไม่" เขายังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เขาพูดคือการเปิดใจและซื่อสัตย์ และเขาไม่คิดว่าตนเองทำอะไรที่แย่ๆ แต่เซเลนสกีก็ยอมรับว่าบางที การพูดคุยกันอาจะต้องอยู่นอกกล้อง หรือไม่มีสื่อมวลชนเข้ามาเกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • "สว.ไชยยงค์" ชี้ดับไฟใต้ภายใน 1 ปี เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ คำขอโทษของ “ทักษิณ” เชื่อว่า บีอาร์เอ็นและผู้สูญเสียกรณีตากใบไม่รับฟัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018319

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "สว.ไชยยงค์" ชี้ดับไฟใต้ภายใน 1 ปี เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ คำขอโทษของ “ทักษิณ” เชื่อว่า บีอาร์เอ็นและผู้สูญเสียกรณีตากใบไม่รับฟัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018319 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1006 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด

    นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

    ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย"

    สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก

    สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว

    #Newskit
    ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย" สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชาแจงคู่กรณี สแตมป์ พอใจคำขอโทษ ปัดข่มขู่ยัดคดี ม.112 (20/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #หมิ่นสถาบัน
    ทนายเดชาแจงคู่กรณี สแตมป์ พอใจคำขอโทษ ปัดข่มขู่ยัดคดี ม.112 (20/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #หมิ่นสถาบัน
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • เครมลินรับทราบข้อเรียกร้องของอาเซอร์ไบจานที่ต้องการคำขอโทษ แต่ระบุว่าทางรัสเซียจะยังไม่แสดงความคิดเห็นหรือประเมินผลใดๆ จนกว่ารัสเซียจะได้เข้าร่วมการสอบสวนกรณีเครื่องบินตกที่อักเตาจนเสร็จสิ้น ตามคำกล่าวของดมิทรี เปสคอฟ
    เครมลินรับทราบข้อเรียกร้องของอาเซอร์ไบจานที่ต้องการคำขอโทษ แต่ระบุว่าทางรัสเซียจะยังไม่แสดงความคิดเห็นหรือประเมินผลใดๆ จนกว่ารัสเซียจะได้เข้าร่วมการสอบสวนกรณีเครื่องบินตกที่อักเตาจนเสร็จสิ้น ตามคำกล่าวของดมิทรี เปสคอฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา
    เมื่อไม่นานมานี้เกิดกรณีดราม่าที่มีละครซีรี่ย์เรื่อง “แม่หยัว” ของช่อง ONE 31 ได้ถ่ายทำฉากใน EP.5 ที่มี "แมวดำ" กินน้ำผสมยาพิษ หลังจากนั้นแมวตัวดังกล่าว มีอาการชักกระตุกหลายครั้ง ขย้อนอาหารออกจากปาก ตาเบิกโพลง มีลักษณะเกร็งตัวและนอนแน่นิ่งไป
    โดยการถ่ายทำฉากดังกล่าว เป็นการใช้แมวจริงที่ถูกวางยาสลบ โดยนาย สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดง ได้ออกมาชี้แจงใน Facebook ของตนในภายหลังว่า เป็นการถ่ายทำที่มีผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลอย่างดีในทุกขั้นตอน แต่ทว่าภาพที่สื่อออกมากลับสะท้อนถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ ซึ่งเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์อย่างชัดเจน กรณีนี้ก่อให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์เรียกร้องให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง รวมไปถึงสถานีโทรทัศน์แสดงความรับผิดชอบ และเกิดการเคลื่อนไหวให้ "แบน" ละครดังกล่าวในวงกว้าง
    การนำสัตว์เข้าฉากเพื่อแสดงความเจ็บปวดหรือการวางยาสลบจริง ๆ ไม่เพียงแต่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบทางศีลธรรมและความเห็นใจต่อสัตว์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของสังคมในด้านการปฏิบัติต่อสัตว์ในวงการบันเทิง กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนถึงความละเลยและขาดมาตรฐานด้านจริยธรรมและการดูแลสัตว์ในกระบวนการผลิตของสื่อบันเทิงไทย โดยเฉพาะเมื่อละครดังกล่าวออกอากาศในวงกว้างและมีผู้ชมหลายกลุ่มอายุรวมไปถึงเยาวชน ย่อมส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อวงการบันเทิงไทยโดยรวม และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบในหมู่เยาวชน
    ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำที่ถือเป็นการทารุณสัตว์ทุกประเภท โดยเฉพาะกรณีการทำร้ายสัตว์จนเกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ. นี้ ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร" การทำให้สัตว์ทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดจนเสียชีวิตหรือได้รับความเสียหาย “อย่างไม่จำเป็น” ถือว่าเข้าข่ายการทารุณกรรม กรณีของการวางยาสลบสัตว์จริงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงถือเป็นความไม่จำเป็นและอาจเข้าข่ายเป็นการการละเมิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำของนายสันต์ ผู้กำกับการแสดง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าคือใคร ใช่สัตว์แพทย์หรือไม่ และเจ้าของที่ว่าคือเจ้าของจริงที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมและเลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นไว้เพียงเพื่อประโยชน์ทางการค้า และแมวตัวที่นำมากล่าวอ้างว่าปัจจุบันสุขกายสบายดีนั้น แท้จริงแล้วใช่แมวตัวเดียวกันกับที่ถ่ายทำหรือไม่ จะพิสูจน์อย่างไร และกรณีแมวดำเป็นกรณีแรกหรือไม่ หรือว่ามีกรณีอื่นๆก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถูกตรวจสอบ และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมา มีการทารุณกรรมสัตว์ในการถ่ายทำ จนกลายเป็นปกติประเพณีไปแล้ว ประชาชนตั้งคำถามและประชาชน.......ต้องการคำตอบ
    แม้ตัวบทกฎหมายจะกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้ใดกล่าวหา ผู้นั้นพิสูจน์” แต่ในกรณีนี้ คงไม่ใช่การเดินหมากที่ฉลาดนักของผู้บริหารช่องฯรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีส่วนร่วม และควรต้องรีบชี้แจ้งข้อเท็จจริงโดยละเอียดให้เร็วที่สุด เพื่อแสดงความโปร่งใส และควรบอกแต่ความจริงเท่านั้น
    ดังนั้น การชี้แจ้งและกล่าวเพียงคำขอโทษผ่าน Instragram ของช่อง one31thailand เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา จึงไม่แสดงถึงความจริงใจ ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนต่อสิ่งที่ได้กระทำขึ้น
    คำถามสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันคบคิดต่อไปก็คือ แม้เราจะมีกฎหมาย แต่กฎหมายกลับไม่ได้กำหนดมาตรการการควบคุมที่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่มีการใช้สัตว์ในงานบันเทิง เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายและบทลงโทษในต่างประเทศ พบว่าในต่างประเทศมีกฎหมายที่คุ้มครองสัตว์เข้มงวดกว่าประเทศไทยมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมาย Animal Welfare Act (AWA) ที่มีการกำหนดมาตรฐานสูงในการใช้สัตว์ในงานบันเทิง โดยกำหนดให้ต้องมีการขอใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงการมีองค์กรอย่าง American Humane Association (AHA) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้สัตว์ในวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะ หากพบว่ามีการละเมิด อาจถูกปรับเป็นเงินจำนวนมากและอาจถูกห้ามไม่ให้ใช้สัตว์ในสื่อบันเทิงอีกต่อไป
    หรืออย่างในประเทษอังกฤษ มี The Animal Welfare Act 2006 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมการดูแลสัตว์ในวงการบันเทิง โดยห้ามการใช้วิธีการที่ทำให้สัตว์เจ็บปวดโดยไม่จำเป็น และหากพบการกระทำที่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี รวมถึงปรับเงินตามความร้ายแรงของกรณี ดังนั้น เมื่อเทียบกับบทลงโทษของไทย ยังถือว่าเบากว่าต่างประเทศหลายเท่านัก
    สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์และป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ดังนั้น ในการแก้ปัญหาการใช้สัตว์อย่างไม่เหมาะสม กรมปศุสัตว์ควรพิจารณามาตรการ เช่น การจัดทำมาตรฐานแนวทางการใช้สัตว์ในสื่อบันเทิง ควรจัดทำคู่มือและข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการใช้สัตว์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร และสื่อบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสวัสดิภาพสัตว์ การตรวจสอบสุขภาพสัตว์ก่อนและหลัง และการปฏิบัติต่อสัตว์ที่ปลอดภัยตลอดกระบวนการถ่ายทำ โดยอาจนำตัวอย่างแนวทางจากต่างประเทศ เช่น American Humane Association ของสหรัฐอเมริกามาปรับใช้
    กรมปศุสัตว์ควรเสนอให้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการทารุณกรรมสัตว์ โดยเพิ่มค่าปรับหรือโทษจำคุกที่หนักขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตสื่อเกิดความยับยั้งชั่งใจและมีความรับผิดชอบในการใช้สัตว์ อีกทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและติดตามผลหลังจากที่มีการลงโทษเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ และควรร่วมมือกับองค์กรที่มีประสบการณ์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ เช่น มูลนิธิต่างๆ และหน่วยงานอื่น ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการใช้สัตว์ในวงการบันเทิง
    จากใจแม่ที่มีลูกเป็นหมาสองตัว อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง........ต้องไปให้สุดซอย ! ส่วนเราในฐานะภาคประชาชน ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบในแบบที่เราถนัดต่อไป คือ การค้นหาความจริง และ การจับโกหก
    เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (อ.สนธิ และ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กล่าวไว้)


    นักศึกษากฎหมายระบายทุกข์

    ที่มา :
    Thai PBS
    Instagram : one31thailand
    The Animal Welfare Act (AWA) 1966
    The Animal Welfare Act 2006
    The American Humane Association
    พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20
    อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไม่นานมานี้เกิดกรณีดราม่าที่มีละครซีรี่ย์เรื่อง “แม่หยัว” ของช่อง ONE 31 ได้ถ่ายทำฉากใน EP.5 ที่มี "แมวดำ" กินน้ำผสมยาพิษ หลังจากนั้นแมวตัวดังกล่าว มีอาการชักกระตุกหลายครั้ง ขย้อนอาหารออกจากปาก ตาเบิกโพลง มีลักษณะเกร็งตัวและนอนแน่นิ่งไป โดยการถ่ายทำฉากดังกล่าว เป็นการใช้แมวจริงที่ถูกวางยาสลบ โดยนาย สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับการแสดง ได้ออกมาชี้แจงใน Facebook ของตนในภายหลังว่า เป็นการถ่ายทำที่มีผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลอย่างดีในทุกขั้นตอน แต่ทว่าภาพที่สื่อออกมากลับสะท้อนถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ ซึ่งเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์อย่างชัดเจน กรณีนี้ก่อให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์เรียกร้องให้บุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง รวมไปถึงสถานีโทรทัศน์แสดงความรับผิดชอบ และเกิดการเคลื่อนไหวให้ "แบน" ละครดังกล่าวในวงกว้าง การนำสัตว์เข้าฉากเพื่อแสดงความเจ็บปวดหรือการวางยาสลบจริง ๆ ไม่เพียงแต่แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบทางศีลธรรมและความเห็นใจต่อสัตว์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของสังคมในด้านการปฏิบัติต่อสัตว์ในวงการบันเทิง กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนถึงความละเลยและขาดมาตรฐานด้านจริยธรรมและการดูแลสัตว์ในกระบวนการผลิตของสื่อบันเทิงไทย โดยเฉพาะเมื่อละครดังกล่าวออกอากาศในวงกว้างและมีผู้ชมหลายกลุ่มอายุรวมไปถึงเยาวชน ย่อมส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อวงการบันเทิงไทยโดยรวม และอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบในหมู่เยาวชน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งครอบคลุมถึงการกระทำที่ถือเป็นการทารุณสัตว์ทุกประเภท โดยเฉพาะกรณีการทำร้ายสัตว์จนเกิดความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ. นี้ ระบุว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร" การทำให้สัตว์ทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดจนเสียชีวิตหรือได้รับความเสียหาย “อย่างไม่จำเป็น” ถือว่าเข้าข่ายการทารุณกรรม กรณีของการวางยาสลบสัตว์จริงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ จึงถือเป็นความไม่จำเป็นและอาจเข้าข่ายเป็นการการละเมิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อพิจารณาจากถ้อยคำของนายสันต์ ผู้กำกับการแสดง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าคือใคร ใช่สัตว์แพทย์หรือไม่ และเจ้าของที่ว่าคือเจ้าของจริงที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมและเลี้ยงดูสัตว์เหล่านั้นไว้เพียงเพื่อประโยชน์ทางการค้า และแมวตัวที่นำมากล่าวอ้างว่าปัจจุบันสุขกายสบายดีนั้น แท้จริงแล้วใช่แมวตัวเดียวกันกับที่ถ่ายทำหรือไม่ จะพิสูจน์อย่างไร และกรณีแมวดำเป็นกรณีแรกหรือไม่ หรือว่ามีกรณีอื่นๆก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยถูกตรวจสอบ และจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมา มีการทารุณกรรมสัตว์ในการถ่ายทำ จนกลายเป็นปกติประเพณีไปแล้ว ประชาชนตั้งคำถามและประชาชน.......ต้องการคำตอบ แม้ตัวบทกฎหมายจะกล่าวเอาไว้ว่า “ผู้ใดกล่าวหา ผู้นั้นพิสูจน์” แต่ในกรณีนี้ คงไม่ใช่การเดินหมากที่ฉลาดนักของผู้บริหารช่องฯรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีส่วนร่วม และควรต้องรีบชี้แจ้งข้อเท็จจริงโดยละเอียดให้เร็วที่สุด เพื่อแสดงความโปร่งใส และควรบอกแต่ความจริงเท่านั้น ดังนั้น การชี้แจ้งและกล่าวเพียงคำขอโทษผ่าน Instragram ของช่อง one31thailand เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา จึงไม่แสดงถึงความจริงใจ ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนต่อสิ่งที่ได้กระทำขึ้น คำถามสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันคบคิดต่อไปก็คือ แม้เราจะมีกฎหมาย แต่กฎหมายกลับไม่ได้กำหนดมาตรการการควบคุมที่เฉพาะเจาะจงในกรณีที่มีการใช้สัตว์ในงานบันเทิง เมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายและบทลงโทษในต่างประเทศ พบว่าในต่างประเทศมีกฎหมายที่คุ้มครองสัตว์เข้มงวดกว่าประเทศไทยมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น ในสหรัฐอเมริกา มีกฎหมาย Animal Welfare Act (AWA) ที่มีการกำหนดมาตรฐานสูงในการใช้สัตว์ในงานบันเทิง โดยกำหนดให้ต้องมีการขอใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดทุกขั้นตอน รวมถึงการมีองค์กรอย่าง American Humane Association (AHA) ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้สัตว์ในวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะ หากพบว่ามีการละเมิด อาจถูกปรับเป็นเงินจำนวนมากและอาจถูกห้ามไม่ให้ใช้สัตว์ในสื่อบันเทิงอีกต่อไป หรืออย่างในประเทษอังกฤษ มี The Animal Welfare Act 2006 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมการดูแลสัตว์ในวงการบันเทิง โดยห้ามการใช้วิธีการที่ทำให้สัตว์เจ็บปวดโดยไม่จำเป็น และหากพบการกระทำที่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี รวมถึงปรับเงินตามความร้ายแรงของกรณี ดังนั้น เมื่อเทียบกับบทลงโทษของไทย ยังถือว่าเบากว่าต่างประเทศหลายเท่านัก สำหรับประเทศไทย กรมปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์และป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ดังนั้น ในการแก้ปัญหาการใช้สัตว์อย่างไม่เหมาะสม กรมปศุสัตว์ควรพิจารณามาตรการ เช่น การจัดทำมาตรฐานแนวทางการใช้สัตว์ในสื่อบันเทิง ควรจัดทำคู่มือและข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการใช้สัตว์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร และสื่อบันเทิงต่าง ๆ รวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสวัสดิภาพสัตว์ การตรวจสอบสุขภาพสัตว์ก่อนและหลัง และการปฏิบัติต่อสัตว์ที่ปลอดภัยตลอดกระบวนการถ่ายทำ โดยอาจนำตัวอย่างแนวทางจากต่างประเทศ เช่น American Humane Association ของสหรัฐอเมริกามาปรับใช้ กรมปศุสัตว์ควรเสนอให้เพิ่มบทลงโทษสำหรับการทารุณกรรมสัตว์ โดยเพิ่มค่าปรับหรือโทษจำคุกที่หนักขึ้น เพื่อให้ผู้ผลิตสื่อเกิดความยับยั้งชั่งใจและมีความรับผิดชอบในการใช้สัตว์ อีกทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและติดตามผลหลังจากที่มีการลงโทษเพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ และควรร่วมมือกับองค์กรที่มีประสบการณ์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ เช่น มูลนิธิต่างๆ และหน่วยงานอื่น ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการใช้สัตว์ในวงการบันเทิง จากใจแม่ที่มีลูกเป็นหมาสองตัว อย่าปล่อยให้การทารุณสัตว์ในสื่อบันเทิงไทย....กลายเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง........ต้องไปให้สุดซอย ! ส่วนเราในฐานะภาคประชาชน ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบในแบบที่เราถนัดต่อไป คือ การค้นหาความจริง และ การจับโกหก เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (อ.สนธิ และ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กล่าวไว้) นักศึกษากฎหมายระบายทุกข์ ที่มา : Thai PBS Instagram : one31thailand The Animal Welfare Act (AWA) 1966 The Animal Welfare Act 2006 The American Humane Association พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1758 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้อภัยว่ายาก เเต่ลืมยากกว่า : สนธิเล่าเรื่อง

    คุณชูวิทย์ ได้ฝากคำขอโทษผ่านคุณสันธนะมา คุณสนธิให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

    ฟังเต็มๆ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ&list=PLclDnVIZqIObN-mepecyEkNnVpHzLuqAI&ab_channel=sondhitalk
    ให้อภัยว่ายาก เเต่ลืมยากกว่า : สนธิเล่าเรื่อง คุณชูวิทย์ ได้ฝากคำขอโทษผ่านคุณสันธนะมา คุณสนธิให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ฟังเต็มๆ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ&list=PLclDnVIZqIObN-mepecyEkNnVpHzLuqAI&ab_channel=sondhitalk
    Like
    Love
    Yay
    64
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 5079 มุมมอง 1943 0 รีวิว
  • 16-10-67/02 : หมี CNN / จริงดิ? มรึงคิดว่ามันจะยอมจ่ายให้โง่เหรอ? แผ่นดินใกล้จะแตกซะขนาดนี้! ผ่านไป 200 ปี ยังตามเช็คบิล เหี้ยสิงโตตอแหล ผีซ้ำด้ามพลอย ฉิบหายไม่เลิก! โลกมหาสมุทรแคริบเบียน ดาหน้าฟ้องยับ "ค้าทาส" เป้าหมายไม่ได้แค่ฟ้อง แต่จะดึงทั้งโลกที่เคยถูกมรึงล่าอาณานิคม เข้าร่วมทวงความยุติธรรมคืน สู้ยังไงก็แพ้ แต่เหี้ยมันไม่สู้ดอก เพราะมันไม่จ่าย แล้วจะทำไม? สุดท้าย "วัดรอยตรีน" ใครใหญ่กว่าก็เอาแผ่นดินไปสิ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน่ะ มันคือน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะหันมาเล่น อีอังกฤษ อีสเปน อีฮอลันดา อีฝรั่งเศส ในยุคล่าอาณานิคม กูล่ะชอบ แสงทำงานจุงเบย ทุกอย่างที่เห็น มันส่งสัญญานชัด แสงเข้าทุกพื้นที่โลกแล้ว! 20 ปีก่อน มีใครกล้าหือ กล้าฟ้อง กล้างัดข้อเหี้ยมั้ยล่ะ? แปลว่าอะไร? "เวลาของมรึงหมดแล้วไงล่ะ ดีออก" อัพเดทล่าสุด ประเทศในหมู่เกาะแคริบเบี้ยนตอนนี้ รัสเซีย อิหร่าน จีน เข้าไปวางไข่หมดแล้ว ฐานลับอยู่ไหนเอ่ย? ซ่อนกันถี่ปุยมุย? ถึงเวลาเปิดหน้าใส่เหี้ย มรึงได้เห็นผุกดกันมาเป็นดอกเห็ดชัวร์! จุดจบของชาติล่าอาณานิคมคือ "ขาลง มรึงจะเป็นฝ่ายถูกล่ากลับ" กงกรรม กงเกวียน ไม่เลิก อย่าว่า 2 แสนล้านเลย ปอนด์เดียวมันก็ไม่จ่ายชัวร์ แล้วต้องทำยังไง? กระทืบไงจ๊ะ? จับแยกชิ้นส่วน แบ่งขายแดร๊ก แบบที่มันเคยทำกับชาติอื่นเอาไว้ในอดีต โมเดลไม่ต้องร้องขอ เดี๋ยวขั้วใหม่เค้าจัดให้เอง แค่ตามมาก็พอ องค์กรสากลโลกเริ่มเปลี่ยนข้าง เพราะดอลล่าร์ขายไม่ออก จะหันไปพึ่งใครมาจ่ายเงินเดือนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ จีน รัสเซีย ที่รวยเละเทะ รายวัน รอดูความวินาศฉิบหายของเหี้ยโลก เหี้ยไทยได้ ในไม่ช้า เพราะถึงเวลาตายโหงเป็นหมู่คณะแล้วจ๊ะ ยุโรปต้องแตก อเมริกาต้องแตก อิสราเอลต้องคืน ไม่มีทางอื่นให้เลือก นอกจาก "ตายโหง กับ ตายห่า" เพราะขั้วใหม่ เค้าไม่เก็บมรึงไว้ให้หนักแผ่นดินโลกชัวร์ ทุกวันนี้ ยังมีทาสอยู่มั้ย? ตอบเลยว่า "มีเกลื่อน" ประเทศกูมี พกทาสควายไว้เพี๊ยบ มันจะตายไปพร้อมกับนายมันทั้งคอก เพราะนรกได้กาหัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว ทุกไอ้อี สวรรค์ไร้เมตตา!

    Britain May Face a Reparations Bill Worth £200bn For Role in Colonial Slave Trade อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส

    พันธมิตรที่เกิดขึ้นจากสหภาพแอฟริกา และประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนเมื่อปีที่แล้วเพื่อนำเสนอ “แนวหน้าที่เป็นหนึ่งเดียว” ที่ต้องการใหัอังกฤษชดใช้ค่าเสียหายจาก “อาชญากรรมทางประวัติศาสตร์”

    สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่า ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนทั้ง 15 ประเทศต้องการเงินชดใช้อย่างน้อย 206 พันล้านปอนด์ (270 พันล้านดอลลาร์) จากอังกฤษที่เคยทำการค้าทาส

    ประเด็นเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายจะมีการเจรจาในที่ประชุม Commonwealth Heads of Government Meeting (CHOGM) ที่เมือง Samoa ในวันที่ 21-25 ตุลาคม สำนักข่าวเตือนว่า จำนวนเงินดังกล่าวอาจ “ทำให้อังกฤษล้มละลาย”

    สำนักข่าวประเมินความสามารถของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Keir Starmer ว่าจะ “ปฏิเสธกลุ่มประเทศดังกล่าว” ได้หรือไม่ นอกจากนั้นยังโจมตีการประเมิน “ที่ทำให้เกิดคำถาม” จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Brattle Group ที่อ้างว่า เงินจำนวน 206 พันล้านปอนด์จะเป็น “ทางเลือกราคาถูก” ต่ออังกฤษ

    รายงาน Reparations for Transatlantic Chattel Slavery in the Americas and the Caribbean ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2023 ระบุว่า มากกว่า 30 ประเทศอาจคาดหวังให้ประเทศตะวันตกจ่ายเงินชดใช้จากกรณีการค้าทาส

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนแสดงความต้องการที่จะให้อังกฤษชดใช้เรื่องการค้าทาสซึ่งอังกฤษสนับสนุนในศตวรรษที่ 17 และ 18

    จากการประชุมสุดยอด Commonwealth ที่ประเทศรวันดาเมื่อปี 2022 เจ้าฟ้าชายชาร์ล (Prince Charles) แสดง “ความเสียใจ” ต่อ “ช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ” แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษอย่างชัดเจนต่อผู้ที่เคยอยู่ในประเทศอาณานิคม

    https://sputnikglobe.com/20241013/britain-may-face-a-reparations-bill-worth-200bn-forrole-in-colonial-slave-trade-1120534825.html

    https://linevoom.line.me/post/1172905604657017111
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    16-10-67/02 : หมี CNN / จริงดิ? มรึงคิดว่ามันจะยอมจ่ายให้โง่เหรอ? แผ่นดินใกล้จะแตกซะขนาดนี้! ผ่านไป 200 ปี ยังตามเช็คบิล เหี้ยสิงโตตอแหล ผีซ้ำด้ามพลอย ฉิบหายไม่เลิก! โลกมหาสมุทรแคริบเบียน ดาหน้าฟ้องยับ "ค้าทาส" เป้าหมายไม่ได้แค่ฟ้อง แต่จะดึงทั้งโลกที่เคยถูกมรึงล่าอาณานิคม เข้าร่วมทวงความยุติธรรมคืน สู้ยังไงก็แพ้ แต่เหี้ยมันไม่สู้ดอก เพราะมันไม่จ่าย แล้วจะทำไม? สุดท้าย "วัดรอยตรีน" ใครใหญ่กว่าก็เอาแผ่นดินไปสิ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน่ะ มันคือน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะหันมาเล่น อีอังกฤษ อีสเปน อีฮอลันดา อีฝรั่งเศส ในยุคล่าอาณานิคม กูล่ะชอบ แสงทำงานจุงเบย ทุกอย่างที่เห็น มันส่งสัญญานชัด แสงเข้าทุกพื้นที่โลกแล้ว! 20 ปีก่อน มีใครกล้าหือ กล้าฟ้อง กล้างัดข้อเหี้ยมั้ยล่ะ? แปลว่าอะไร? "เวลาของมรึงหมดแล้วไงล่ะ ดีออก" อัพเดทล่าสุด ประเทศในหมู่เกาะแคริบเบี้ยนตอนนี้ รัสเซีย อิหร่าน จีน เข้าไปวางไข่หมดแล้ว ฐานลับอยู่ไหนเอ่ย? ซ่อนกันถี่ปุยมุย? ถึงเวลาเปิดหน้าใส่เหี้ย มรึงได้เห็นผุกดกันมาเป็นดอกเห็ดชัวร์! จุดจบของชาติล่าอาณานิคมคือ "ขาลง มรึงจะเป็นฝ่ายถูกล่ากลับ" กงกรรม กงเกวียน ไม่เลิก อย่าว่า 2 แสนล้านเลย ปอนด์เดียวมันก็ไม่จ่ายชัวร์ แล้วต้องทำยังไง? กระทืบไงจ๊ะ? จับแยกชิ้นส่วน แบ่งขายแดร๊ก แบบที่มันเคยทำกับชาติอื่นเอาไว้ในอดีต โมเดลไม่ต้องร้องขอ เดี๋ยวขั้วใหม่เค้าจัดให้เอง แค่ตามมาก็พอ องค์กรสากลโลกเริ่มเปลี่ยนข้าง เพราะดอลล่าร์ขายไม่ออก จะหันไปพึ่งใครมาจ่ายเงินเดือนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ จีน รัสเซีย ที่รวยเละเทะ รายวัน รอดูความวินาศฉิบหายของเหี้ยโลก เหี้ยไทยได้ ในไม่ช้า เพราะถึงเวลาตายโหงเป็นหมู่คณะแล้วจ๊ะ ยุโรปต้องแตก อเมริกาต้องแตก อิสราเอลต้องคืน ไม่มีทางอื่นให้เลือก นอกจาก "ตายโหง กับ ตายห่า" เพราะขั้วใหม่ เค้าไม่เก็บมรึงไว้ให้หนักแผ่นดินโลกชัวร์ ทุกวันนี้ ยังมีทาสอยู่มั้ย? ตอบเลยว่า "มีเกลื่อน" ประเทศกูมี พกทาสควายไว้เพี๊ยบ มันจะตายไปพร้อมกับนายมันทั้งคอก เพราะนรกได้กาหัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว ทุกไอ้อี สวรรค์ไร้เมตตา! Britain May Face a Reparations Bill Worth £200bn For Role in Colonial Slave Trade อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : อังกฤษอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายถึง 200 พันล้านปอนด์จากบทบาทการค้าทาส พันธมิตรที่เกิดขึ้นจากสหภาพแอฟริกา และประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนเมื่อปีที่แล้วเพื่อนำเสนอ “แนวหน้าที่เป็นหนึ่งเดียว” ที่ต้องการใหัอังกฤษชดใช้ค่าเสียหายจาก “อาชญากรรมทางประวัติศาสตร์” สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่า ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนทั้ง 15 ประเทศต้องการเงินชดใช้อย่างน้อย 206 พันล้านปอนด์ (270 พันล้านดอลลาร์) จากอังกฤษที่เคยทำการค้าทาส ประเด็นเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายจะมีการเจรจาในที่ประชุม Commonwealth Heads of Government Meeting (CHOGM) ที่เมือง Samoa ในวันที่ 21-25 ตุลาคม สำนักข่าวเตือนว่า จำนวนเงินดังกล่าวอาจ “ทำให้อังกฤษล้มละลาย” สำนักข่าวประเมินความสามารถของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Keir Starmer ว่าจะ “ปฏิเสธกลุ่มประเทศดังกล่าว” ได้หรือไม่ นอกจากนั้นยังโจมตีการประเมิน “ที่ทำให้เกิดคำถาม” จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Brattle Group ที่อ้างว่า เงินจำนวน 206 พันล้านปอนด์จะเป็น “ทางเลือกราคาถูก” ต่ออังกฤษ รายงาน Reparations for Transatlantic Chattel Slavery in the Americas and the Caribbean ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2023 ระบุว่า มากกว่า 30 ประเทศอาจคาดหวังให้ประเทศตะวันตกจ่ายเงินชดใช้จากกรณีการค้าทาส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศในมหาสมุทรแคริบเบียนแสดงความต้องการที่จะให้อังกฤษชดใช้เรื่องการค้าทาสซึ่งอังกฤษสนับสนุนในศตวรรษที่ 17 และ 18 จากการประชุมสุดยอด Commonwealth ที่ประเทศรวันดาเมื่อปี 2022 เจ้าฟ้าชายชาร์ล (Prince Charles) แสดง “ความเสียใจ” ต่อ “ช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ” แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษอย่างชัดเจนต่อผู้ที่เคยอยู่ในประเทศอาณานิคม https://sputnikglobe.com/20241013/britain-may-face-a-reparations-bill-worth-200bn-forrole-in-colonial-slave-trade-1120534825.html https://linevoom.line.me/post/1172905604657017111 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • .. อ่านแล้วชอบประโยคนี้จัง ”เราต่างพบกันชั่วคราว
    เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง“ 🥹

    .. เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว ..

    วันหนึ่งความ ต า ย จะมาเยือนเราทุกคน
    ลองมองไปที่คนรอบตัว คนที่เรารัก คนที่รักเรา

    เขาเหล่านี้จะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น
    แต่ในวันที่ยังมีกันและกัน เรามักหลงลืม
    ความจริงข้อนี้ไปหมดสิ้น คิดเข้าข้างตัวเองเสมอ
    ว่าวันพรุ่งนี้ยังเป็นของเราเสมอ

    แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว
    เราจะไม่มีวันได้ยินเสียง ไม่มีวันได้สัมผัส
    ไม่มีวันได้แก้ตัว กล่าวคำขอโทษใดๆ

    ถึงตอนนั้นเราจะรู้ได้เอง
    คำว่า "หมดเวลา" มีอยู่จริง

    จงรักกันให้มาก ดูแลกันให้ดี ให้อภัย
    รักษาน้ำใจ ไม่ถือโทษโกรธเคือง
    เพราะท้ายที่สุด ทุกสิ่งที่เราได้กระทำต่อกันไว้
    จะกลายเป็นความทรงจำในใจ
    เป็นบาดแผล เป็นก้อนหิน เป็นดอกไม้
    เวลาไม่ได้มีมากเท่าที่เราคิด

    เชื่อเถอะว่า ชีวิตไม่ได้ยั่งยืนยาวนานขนาดนั้น
    และความจริงในความจริง “เราต่างพบกันชั่วคราว
    เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”
    💬 .. อ่านแล้วชอบประโยคนี้จัง ”เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง“ 🥹🤍 .. เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว .. วันหนึ่งความ ต า ย จะมาเยือนเราทุกคน ลองมองไปที่คนรอบตัว คนที่เรารัก คนที่รักเรา เขาเหล่านี้จะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ในวันที่ยังมีกันและกัน เรามักหลงลืม ความจริงข้อนี้ไปหมดสิ้น คิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่าวันพรุ่งนี้ยังเป็นของเราเสมอ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว เราจะไม่มีวันได้ยินเสียง ไม่มีวันได้สัมผัส ไม่มีวันได้แก้ตัว กล่าวคำขอโทษใดๆ ถึงตอนนั้นเราจะรู้ได้เอง คำว่า "หมดเวลา" มีอยู่จริง จงรักกันให้มาก ดูแลกันให้ดี ให้อภัย รักษาน้ำใจ ไม่ถือโทษโกรธเคือง เพราะท้ายที่สุด ทุกสิ่งที่เราได้กระทำต่อกันไว้ จะกลายเป็นความทรงจำในใจ เป็นบาดแผล เป็นก้อนหิน เป็นดอกไม้ เวลาไม่ได้มีมากเท่าที่เราคิด เชื่อเถอะว่า ชีวิตไม่ได้ยั่งยืนยาวนานขนาดนั้น และความจริงในความจริง “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts