• งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ

    ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾

    พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾 พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ

    ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾

    พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾 พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ

    ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾

    พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    งานบุญไขประตูเล้าเผ่าภูไท เป็นการทำพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพ เพราะมีความเชื่อว่า พระแม่โพสพ รวมถึงผีสางเทวดา ผีบรรพบุรุษ เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อแต่โบราณ ถือเป็นการตอบแทนคุณที่ได้ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวบ้าน ได้ทำไร่ ทำนา มีข้าวกิน 🌾 พร้อมทำพิธีบูชาถือฤกษ์ชัยเปิดประตูเล้าหรือยุ้งฉาง เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือน ซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาข้าวไว้กินตลอดชีวิต 🙏🏼✨
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำความรู้จักกับตัวละครใน
    The Last Dance - เดอะ ลาสต์ แดนซ์
    เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์

    🎞ไมเคิล ฮุย รับบทเป็น ซินแสหมั่น

    ซินแสหมั่นผู้เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมและอุทิศชีวิตให้การทำพิธีศพแบบลัทธิเต๋า และไม่เชื่อมั่นในตัวของ โต่วซัง เพราะคิดว่ามือใหม่ไม่เคร่งในพิธีกรรมเท่ากับมืออาชีพที่ทำงานนี้มาอย่างช้านาน

    🎞ดาโย หว่อง รับบทเป็น โต่วซัง

    จากนักจัดงานแต่งตัวท็อป สู่นักจัดงานศพผู้ทำหน้าที่ส่งคนตาย เพื่อให้คนเป็นไว้อาลัย ทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง

    🎬มิเชล ไหว่ รับบทเป็น หมั่นหยู

    หนึ่งในลูกสาวของ ซินแสหมั่น เธอเชื่อมั่นและชื่นชมในอาชีพของพ่อมาโดยตลอด แต่ด้วยความเชื่อของบรรพบุรุษ ที่สั่งสอนกันต่อมาชั่วลูกชั่วหลานว่า ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับมลทินที่เรียกว่าประจำเดือน ทำให้ไม่สามารถประกอบพิธีกรรมได้ และจะทำให้พิธีกรรไม่ศักสิทธิ์ แต่เธอก็ยังแสดงเจตจำนงอยากสืบทอดหน้าที่ต่อจากพ่อมาโดยตลอด

    🎞ทอมมี จู รับบทเป็น หมั่นปิน

    หมั่นปิน ลูกชายเพียงคนเดียวของ ซินแสหมั่น ผู้ได้รับการไว้วางใจและถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดการทำพิธีส่งวิญญาณในงานศพต่อจาก ซินแสหมั่น แต่เขาไม่ได้อยากทำเพราะเขาอยากทุ่มเทเวาทังหมดให้กับครอบครัวของเขามากกว่า

    🎞แคทเธอรีน เชา รับบท เจด

    เจด เป็นคนรักของ โต่วซัง ที่เข้าใจความต้องการ โตว่ซัง และยังช่วยบอกปัดความต้องการของพ่อแม่เธอที่เร่งให้ทั้งสองแต่งงานกัน พวกเขาเป็นคู่ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี

    📽The Last Dance - เดอะ ลาสต์ แดนซ์
    เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์

    ชมตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=9KA870tDFMA
    #TheLastDance #เดอะลาสต์แดนซ์
    ทำความรู้จักกับตัวละครใน The Last Dance - เดอะ ลาสต์ แดนซ์ เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์ 🎞ไมเคิล ฮุย รับบทเป็น ซินแสหมั่น ซินแสหมั่นผู้เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมและอุทิศชีวิตให้การทำพิธีศพแบบลัทธิเต๋า และไม่เชื่อมั่นในตัวของ โต่วซัง เพราะคิดว่ามือใหม่ไม่เคร่งในพิธีกรรมเท่ากับมืออาชีพที่ทำงานนี้มาอย่างช้านาน 🎞ดาโย หว่อง รับบทเป็น โต่วซัง จากนักจัดงานแต่งตัวท็อป สู่นักจัดงานศพผู้ทำหน้าที่ส่งคนตาย เพื่อให้คนเป็นไว้อาลัย ทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง 🎬มิเชล ไหว่ รับบทเป็น หมั่นหยู หนึ่งในลูกสาวของ ซินแสหมั่น เธอเชื่อมั่นและชื่นชมในอาชีพของพ่อมาโดยตลอด แต่ด้วยความเชื่อของบรรพบุรุษ ที่สั่งสอนกันต่อมาชั่วลูกชั่วหลานว่า ผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับมลทินที่เรียกว่าประจำเดือน ทำให้ไม่สามารถประกอบพิธีกรรมได้ และจะทำให้พิธีกรรไม่ศักสิทธิ์ แต่เธอก็ยังแสดงเจตจำนงอยากสืบทอดหน้าที่ต่อจากพ่อมาโดยตลอด 🎞ทอมมี จู รับบทเป็น หมั่นปิน หมั่นปิน ลูกชายเพียงคนเดียวของ ซินแสหมั่น ผู้ได้รับการไว้วางใจและถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดการทำพิธีส่งวิญญาณในงานศพต่อจาก ซินแสหมั่น แต่เขาไม่ได้อยากทำเพราะเขาอยากทุ่มเทเวาทังหมดให้กับครอบครัวของเขามากกว่า 🎞แคทเธอรีน เชา รับบท เจด เจด เป็นคนรักของ โต่วซัง ที่เข้าใจความต้องการ โตว่ซัง และยังช่วยบอกปัดความต้องการของพ่อแม่เธอที่เร่งให้ทั้งสองแต่งงานกัน พวกเขาเป็นคู่ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี 📽The Last Dance - เดอะ ลาสต์ แดนซ์ เข้าฉาย 6 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์ ชมตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=9KA870tDFMA #TheLastDance #เดอะลาสต์แดนซ์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเพณี ที่สืบเนื่องกันมาหลายพันปี...กับ ความเชื่อ ของคนที่เพิ่งเกิด "เมื่อวาน" คุณเลือกได้..ว่าจะยึดสิ่งไหน..
    🙆 เฮงๆ รวยๆ ทุกท่าน.
    ประเพณี ที่สืบเนื่องกันมาหลายพันปี...กับ ความเชื่อ ของคนที่เพิ่งเกิด "เมื่อวาน" คุณเลือกได้..ว่าจะยึดสิ่งไหน.. 🙆 เฮงๆ รวยๆ ทุกท่าน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้ทำให้รู้สึกตกใจและผิดหวังมากที่ Alexander Beckman และภรรยาของเขา Valerie Lau Beckman ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI และภรรยาของเขาถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารและหลอกลวงนักลงทุนเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง

    การฉ้อโกงนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียเงินทุน แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นในวงการสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีอีกด้วย การที่บริษัทที่เคยมีชื่อเสียงและลูกค้าชื่อดังหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการฉ้อโกงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าผิดหวัง

    หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการในการตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต. การรักษาความซื่อสัตย์และความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีครับ

    https://www.techspot.com/news/106525-san-francisco-ai-startup-founder-wife-indicted-60.html
    ข่าวนี้ทำให้รู้สึกตกใจและผิดหวังมากที่ Alexander Beckman และภรรยาของเขา Valerie Lau Beckman ถูกฟ้องในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI และภรรยาของเขาถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารและหลอกลวงนักลงทุนเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง การฉ้อโกงนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียเงินทุน แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นในวงการสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีอีกด้วย การที่บริษัทที่เคยมีชื่อเสียงและลูกค้าชื่อดังหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการฉ้อโกงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าผิดหวัง หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการในการตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกงในอนาคต. การรักษาความซื่อสัตย์และความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีครับ https://www.techspot.com/news/106525-san-francisco-ai-startup-founder-wife-indicted-60.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    San Francisco AI startup founder and wife indicted in $60 million fraud scheme
    Alexander Beckman, founder of the AI startup GameOn Technology (now ON Platform), and his wife, attorney Valerie Lau Beckman, were indicted on 25 charges, including conspiracy, wire...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • Dario Amoedi ซีอีโอของ Anthropic ได้กล่าวในงาน World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า AI อาจช่วยเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปี เขาเชื่อว่าเทคโนโลยี AI จะสามารถเร่งการพัฒนาในด้านชีววิทยาและการแพทย์ได้อย่างมาก

    Amoedi กล่าวว่าหากเราคิดถึงสิ่งที่มนุษย์อาจทำได้ในด้านชีววิทยาในระยะเวลา 100 ปี การเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขายังเสริมว่า AI อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้ในระยะเวลาเพียง 5 ถึง 10 ปี

    นอกจากนี้ Amoedi ยังเชื่อว่าในปี 2026 หรือ 2027 เราจะมีระบบ AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน ความเชื่อนี้ไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ซีอีโอของ Nvidia และ SoftBank ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า AI จะมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในอนาคตอันใกล้

    https://www.techspot.com/news/106515-anthropic-ceo-ai-could-double-human-lifespan-within.html
    Dario Amoedi ซีอีโอของ Anthropic ได้กล่าวในงาน World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า AI อาจช่วยเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปี เขาเชื่อว่าเทคโนโลยี AI จะสามารถเร่งการพัฒนาในด้านชีววิทยาและการแพทย์ได้อย่างมาก Amoedi กล่าวว่าหากเราคิดถึงสิ่งที่มนุษย์อาจทำได้ในด้านชีววิทยาในระยะเวลา 100 ปี การเพิ่มอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขายังเสริมว่า AI อาจช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้ในระยะเวลาเพียง 5 ถึง 10 ปี นอกจากนี้ Amoedi ยังเชื่อว่าในปี 2026 หรือ 2027 เราจะมีระบบ AI ที่สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน ความเชื่อนี้ไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ซีอีโอของ Nvidia และ SoftBank ก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า AI จะมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในอนาคตอันใกล้ https://www.techspot.com/news/106515-anthropic-ceo-ai-could-double-human-lifespan-within.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Anthropic CEO says AI could double human lifespan within a decade
    Speaking during a panel titled "Technology in the World" at the 2025 World Economic Forum in Davos, Switzerland, Anthropic's Dario Amoedi said, "If you think about what...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า

    "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง"

    #silenttokyoandsothisisxmas
    สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก)
    ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน
    เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล
    248 หน้า 280 บาท
    พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564

    คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง?

    เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม!

    🧨

    จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด

    🧨

    ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น

    🧨

    ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย

    🧨

    ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด

    🧨

    ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น

    🧨

    มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้

    🧨

    ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน

    สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว

    🧨

    เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..

    ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม ..

    สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป..

    หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่..

    ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่..

    หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป..

    หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ...

    ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ

    .......

    ภาควิเคราะห์✒️

    ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย

    ✒️

    ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย

    ✒️

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ✒️

    อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ

    แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่

    ✒️

    พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว

    หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย

    ✒️

    กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า

    "อยากตายนักหรือไง"

    เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว

    ✒️

    ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า

    อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย

    พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ

    ✒️

    เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ)

    ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร

    ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่

    ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน

    คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต

    ✒️

    มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่

    ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี

    แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด

    ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา

    สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด

    ..........

    อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย

    แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี

    ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ

    สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King

    "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น"

    #หนังญี่ปุ่น
    #หนังน่าดู
    #หนังสือน่าอ่าน
    #บทความ
    #รีววิหนังสือ
    #thaitimes
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ระเบิดกลางกรุง
    #โตเกียว
    #สงคราม
    #แง่คิด
    #ระทึกขวัญ
    #สืบสวน
    #ก่อการร้าย
    ช่วงนี้อ่านเล่มไหนก็รู้สึกชอบและสนุกไปหมดเลยครับ อาจเพราะเป็นคนเลือกที่อยากอ่านเองจริง ๆ และก็มักไม่พบความผิดหวังกับเล่มที่เลือกนั้น ล่าสุดก็เรื่องนี้ที่สะดุดตาตั้งแต่ปกหน้า พอเจอในแอป hibrary ที่คนจองคิวไม่มาก และระบุว่าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญกลางกรุงโตเกียว คิดว่าน่าสนใจจึงต่อคิวจอง และเมื่อวันก่อนครบกำหนดต้องคืน จึงรีบอ่านแบบติดเทอร์โบรวดเดียวจนจบทันก่อนเวลาเส้นตายแบบเฉียดฉิว เมื่ออ่านจบก็พบว่า "ดีจริงที่ตัดสินใจที่จะลองอ่าน ถ้าไม่งั้นคงน่าเสียดายยิ่ง" #silenttokyoandsothisisxmas สนพ.ไดฟุกุ (อ่านหนังสือของไดฟุกุติดกันหลายเล่ม เป็นสนพ.หนึ่งที่ผลิตหนังสือค่อนข้างคุณภาพทีเดียว แต่ผมอ่านแบบอีบุ๊ก) ฮาตะ ทาเคฮิโตะ เขียน เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ แปล 248 หน้า 280 บาท พิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรก 2559 ในไทยพิมพ์ครั้งแรกปี 2564 คุณจะทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าเมืองที่ตนอาศัยอยู่กำลังจะเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางกรุง? เริ่มเรื่องก็ระทึกขวัญแต่ต้น ด้วยการที่แม่บ้านวัยสี่สิบกว่ารายหนึ่งตั้งใจจะออกไปซื้อของขวัญให้สามี เพราะใกล้จะถึงคริสต์มาส เธอจึงออกจากบ้านไปยังย่านกลางเมือง หลังซื้อของแล้วจึงมานั่งรับแดดกะจะกินแซนด์วิช บนม้านั่งตัวหนึ่งที่ลานสาธารณะหน้าสถานีรถไฟเอบิสุ ครู่หนึ่งชายที่ไหนไม่รู้ เข้ามาคุยกับเธอพูดจาแปลก ๆ บอกว่าใต้ม้านั่งมีระเบิด ห้ามเธอลุกขึ้นไม่งั้นระเบิดจะทำงาน เพราะเมื่อมีน้ำหนักมากกว่า30กิโลกรัมกดทับ วงจรจะเริ่มเตรียมพร้อม ทางเดียวที่จะรอด เธอต้องนั่งรอจนกว่าจะมีคนจากสถานทีโทรทัศน์แห่งหนึ่งมาที่นี่ แล้วให้เขานั่งลงข้าง ๆ จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นได้ แต่ให้บอกสิ่งที่เธอได้ยินนี้กับเขาด้วยเพื่อจะได้ไม่ตายเพราะระเบิด และสุดท้ายให้บอกเขาว่า นี่คือสงคราม! 🧨 จากจุดเริ่มนั้นเอง ที่สถานีโทรทัศน์แห่งนั้น มีสายโทรแจ้งว่าจะมีการระเบิดขึ้นที่...หนุ่มทำงานพาร์ตไทม์ในสถานีที่ได้รับงานเป็นเบ๊ทั่วไป ถูกสั่งให้ไปยังจุดดังกล่าวพร้อมจนท.อีกคนที่ติดอุปกรณ์การถ่ายทำไปด้วย ทั้งสองจำใจไปแต่เชื่อว่าคงเป็นการล้อกันเล่น เมื่อไปถึงพบหญิงที่นั่งอยู่ข้างม้านั่งที่คนในสายแจ้ง ทั้งสองเข้าไปใกล้กะจะไปนั่งม้านั่งใกล้กันเพื่อสังเกต แต่เธอกลับเรียกให้ชายที่ถือกล้องนั่งลงถามว่ามาจากสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม เขาแปลกใจจึงนั่งลงจะสอบถาม เธอรีบกระโดดขึ้นทันทีพลางบอกรายละเอียดทั้งหมด 🧨 ชายที่นั่งไม่เชื่อจะลุก เธอรีบกดไหล่และหว่านล้อมว่าวิธีเดียวที่จะรอดคือต้องทำตามคำบอกของชายคนที่แจ้งรายละเอียดกับเธอไว้ในตอนแรก นั่นคือให้เขาใช้กล้องบันทึกสิ่งที่ตัวเองประสบแล้วเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอเอาของที่คล้ายนาฬิกาข้อมือดิจิทัลมาคล้องกับข้อมือของหนุ่มพาร์ตไทม์โดยเขาไม่ทันตั้งตัว พลางเธอชูให้ดูว่าที่ข้อมือตัวเองก็มี บอกว่านี่เป็นระเบิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของชายแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอ เขาจะสั่งงานระยะไกลให้นาฬิการะเบิด แล้วรีบบอกกับเด็กหนุ่มว่าต้องไปต่อที่แห่งหนึ่งตามคำสั่ง จากนั้นทิ้งชายที่น่าสงสารไว้ตามลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวมากจึงรีบทำตามที่เธอบอก ในที่สุดเรื่องก็ทราบถึงตำรวจ จนแห่กันมากู้ระเบิดด้วยการใช้ไนโตรเจนเหลวกะให้หยุดการทำงานของระบบ ปรากฏว่าเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น 🧨 ที่แท้เป็นการข่มขู่ แค่ระเบิดเสียงแต่ยังไม่มีอำนาจทำลายล้าง ทว่าด้วยเหตุนี้ทางตำรวจสืบสวนกลางจึงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดูแลและสืบเรื่องนี้ขึ้น จากการวิเคราะห์ทำให้ตำรวจทราบว่า ระเบิดนั้นถูกติดตั้งตัวจับอุณหภูมิไว้ด้วย แสดงว่าคนที่ประกอบระเบิดเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ด้านนี้และคาดเดาได้ว่าตำรวจจะใช้ไนโตรเจนเหลว จึงดักทางด้วยการติดตั้งระบบให้ไม่อาจกู้ด้วยวิธีที่ตำรวจใช้ ในทีมสืบสวน มีการจับคู่ของนายตำรวจมากประสบการณ์วัยสี่สิบกว่ากับตำรวจหนุ่มไฟแรงคู่หนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดครั้งนี้อย่างกัดติด ด้วยตำรวจวัยกลางคนนั้นเคยแต่งงานกับลูกสาวของระดับสูงของหัวหน้าที่ตั้งทีมครั้งนี้ ทว่ามีเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ต้องหย่ากันไป อย่างไรเขาคือผู้มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนเกี่ยวกับสถานการณ์อันตราย 🧨 ด้านหญิงกลางคนกับหนุ่มพาร์ตไทม์ เดินทางไปยังอาคารหลังหนึ่งเป็นห้องเช่า ที่ภายในมีทีวีและอุปกรณ์กล้อง พร้อมซองสีขาวที่เขียนรายละเอียดบอกไว้ให้เด็กหนุ่มต้องอ่านข้อความตามที่มีบทพูดไว้ให้ โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำหน้าที่บันทึกภาพ จากนั้นให้นำโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นในยูทูปเห็น เนื้อหาสรุปคือให้บอกว่าผมคือผู้ที่วางระเบิดนั้นเอง และยื่นข้อเสนอขอคุยกับนายกถ่ายทอดออกทางสถานีโทรทัศน์ ถ้าไม่ทำตาม จะมีการวางระเบิดในย่านใจกลางชิบูย่า หน้ารูปปั้นหมาฮาจิโกะ เส้นตายคือ18.30น. ปรากฏว่านายกฯออกข่าวตอบโต้ว่าไม่ต้องการเจรจาใดกับผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น และจะทำสงครามกับคนไม่หวังดีอย่างถึงที่สุด 🧨 ด้านหนุ่มพาร์ตไทม์ได้รับคำสั่งต่อไปให้ไปทำคนเดียว จึงต้องแยกกับหญิงกลางคนที่ถูกให้เฝ้ารอคำสั่งอยู่ในห้องแห่งนั้น ส่วนตำรวจก็วิ่งขาขวิด ล้อมรั้วด้วยแถบเหลืองรอบรูปปั้นฮาจิโกะด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง และให้หน่วยกอบกู้ระเบิดพยายามเร่งค้นหาวัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ แต่คนโตเกียวและชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เข้าใจว่าคลิปที่เผยแพร่ น่าจะเป็นการหลอกลวงเหมือนเช่นระเบิดก่อนหน้าที่สถานีเอบิสุ จึงไม่รู้สึกกลัวแถมยังแห่มายังบริเวณลานอันเป็นสถานที่ถูกระบุ ด้วยต้องการมาเซลฟี่ตนเอง บ้างมาเป็นกลุ่ม เพื่ออัปโหลดเผยแพร่ให้คนอื่นเห็น 🧨 มีหญิงสาวพนักงานบริษัทธรรมดาสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งเป็นชู้กับสามีของคนอื่นและคะยั้นคะยอชวนเพื่อนไปนัดบอดก่อนหน้านี้ ซึ่งเพื่อนของเธอเพิ่งอกหักจากแฟนที่รักกันมากว่าสิบปี แล้วทิ้งไปอยู่กับกิ๊กที่ตั้งท้องไม่กี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้กำลังคิดจะเริ่มต้นใหม่และรู้สึกดีกับหนุ่มคนหนึ่งในงานนัดบอด โดยเขาคนนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างแอปพลิเคชันที่เปิดตัวดีและมีคนใช้เยอะ ธุรกิจไปได้สวยทั้งที่ยังอายุไม่มาก แต่ค่อนข้างเย็นชาไม่สนใจคนรอบข้าง สองสาวตั้งใจจะมากินอาหารฉลองก่อนคริสต์มาส แล้วเห็นหนุ่มคนที่ตนสนใจเข้าพอดีในสถานที่ใกล้รูปปั้นฮาจิโกะ เพื่อนคนที่ใจกล้าจึงชวนอีกคนว่าให้ลองตามไปดูเขาว่าทำไมถึงมาอยู่แถวชิบูย่า ทั้งที่ก่อนหน้าตอนเธอชวนมากินข้าวด้วยกัน ปฏิเสธว่ามีนัดสำคัญที่อื่น เธอไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนลากไปจนได้ 🧨 ด้านตำรวจยังคงพยายามตามหาว่าระเบิดถูกซ่อนตรงไหน เวลากระชั้นสั้นเข้าใกล้ถึงกำหนดที่ถูกประกาศว่าจะมีการระเบิด แต่ผู้คนยิ่งมาออกันอย่างเนืองแน่นด้วยความสนุกสนาน สุดท้ายจึงเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เพราะมีการระเบิดขึ้นจริง ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เรื่องราวไม่จบเท่านี้ เพราะหลังเหตุร้ายแรง นายกฯยังคงยืนยันคำพูดแข็งกร้าวเช่นเดิม ดังนั้นจึงมีข้อความต่อมาของคนร้ายที่แจ้งให้ทราบว่า ถ้านายกยังไม่ทำตามข้อเสนอ ระเบิดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คราวนี้บอกแค่เวลา แต่ไม่ระบุจุดที่จะระเบิด บอกเพียงว่าในกรุงโตเกียว 🧨 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.. ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอไหม .. สถานที่ใดจะเกิดระเบิดครั้งต่อไป.. หญิงสาวสองคนที่อยู่ตรงบริเวณย่านชิบูย่าตายหรือไม่.. ชายคนที่หญิงสาวรู้สึกสนใจ ทำไมโกหกเธอ แล้วเขามาทำอะไร รอดตายหรือไม่.. หญิงวัยกลางคนที่ประสบเหตุคนแรกเล่า ที่ข้อมือยังมีนาฬิกาที่พร้อมระเบิดถ้าขัดคำสั่งคนร้าย เธอถูกให้ทำเรื่องใดต่อไป.. หนุ่มพาร์ตไทม์ที่ได้รับมอบหมายงานไปทำตามลำพัง จะรอดหรือไม่ ใคร ๆ ต่างเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายไปหมดแล้ว ... ยังมีอีกหลายตัวละครที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่อง ที่ผมเล่าได้ไม่หมด ต้องไปหาอ่านกันต่อแล้วล่ะ ....... ภาควิเคราะห์✒️ ตัวละครเยอะ และโผล่มาเรื่อย ๆ เฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักก็เกือบสิบคน ยังมีประเภทโผล่มาประปรายเพราะมีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เกี่ยวข้องอีกพอสมควร แต่เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดที่ต้องอ่านให้จบทันก่อนหนังสือจะคืนเข้าระบบตามกำหนด จึงไม่สามารถค่อย ๆ เสพอ่านอย่างละเมียดบรรจง แต่ใช้วิธีอ่านแบบกวาดตาโดยไว ซึ่งปกติจะไม่อยากอ่านแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น เนื่องจากจะจดจำชื่อตัวละคร หรือดื่มด่ำกับสำนวนและการบรรยายของผู้เขียนได้น้อย ✒️ ดีที่เล่มนี้ไม่เน้นการบรรยายเยอะ แต่สนทนามากกว่า มีบรรยายบ้างแต่ไม่ยาวเป็นหน้า ค่อนข้างเดินเรื่องกระชับฉับไว ให้รายละเอียดเท่าที่จำเป็น ตัวละครคุยกันเยอะ ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังครับ ยิ่งอ่านประวัติคนเขียนด้วยจึงเข้าใจ เพราะเป็นทั้งนักเขียนหนังสือ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ มิน่าล่ะจึงสะท้อนความเชี่ยวชาญและแนวคิดการทำงานในการผลิตหนัง มาใช้ในงานเขียนด้วย ✒️ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง pulp fiction เมื่อปี 2537 ครับ ลักษณะการเล่ามีความเดินเรื่องคล้ายอย่างในหนัง คือไม่ได้เล่าไปทีละลำดับ แต่สลับระหว่างตัวละครหลักกลับไปกลับมา ฉากโน้นฉากนี้ แล้วพอตัวละครเยอะ ก็จะเข้าใจยากหน่อย แต่พอนำมาร้อยเรียงกันเองในหัวแล้วจะเริ่มมองภาพใหญ่ออก เพียงแค่ผู้เขียนเลือกหยิบเล่าในบริเวณจำกัดของ jigsaw บางส่วนในภาพทั้งหมด แล้วกระโดดไปเล่ามุมอื่นของชีวิตตัวละครตัวอื่น วนไปวนมาแบบนี้ จนค่อย ๆ กลายเป็นภาพที่ต่อสำเร็จเป็นรูปร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ✒️ อ่านไปเหมือนจะงง แล้วพาลทำให้ไม่เข้าใจและไม่ชอบ หมดสนุกได้หากเราไม่คุ้นเคยกับการเล่าแบบนี้ ผมนึกถึงตัวเองตอนได้ดู pulp fiction ในโรงหนังลิโด้ครั้งแรกสมัยก่อน ถึงกับอุทานในใจ แหม..หนังอะไรวะเนี่ย ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวละครต่าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีต้น ไม่มีปลาย มาทำบ้าอะไรของมันเดี๋ยวเดียวก็ตัดไป กลายเป็นตัวอื่นโผล่มาแล้วก็ลักษณะเดียวกันคือไม่มีรายละเอียดให้รู้ งงไปจนแทบเลยกลางเรื่องไปพอสมควรแล้วนั่นแหละ แบบดูไปด่าไปในใจ แต่ก็ทนดูต่อไปเพราะอยากรู้ว่าตกลงเรื่องราวมันยังไงกันแน่ ✒️ พอดูจบถึงกับแทบโห่ร้องออกมาแบบไม่มีเสียง นี่มันหนังโคตรดี สุดยอดอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คิดได้ยังไง ถ้าดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาก่อนหลังที่ควรจะเป็น เราก็เข้าใจง่ายตั้งแต่ต้นละ แต่นี่ดันตัดเอาแค่บางช่วงสลับไปมาจนงงไปหมด ให้ไปต่อเอาเองในหัว หนังสือเล่มนี้ก็มีความคล้ายในการเล่าแบบหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ได้มากเท่าและไม่ได้ชัดเจนเท่า ยังมีความเล่าตามลำดับในโครงสร้างใหญ่ไปตามวันที่เริ่มตั้งแต่ 22 ธันวาคม จนถึงก่อนวันคริสต์มาส แต่ทว่าจะมีช่วงที่เล่าให้ทราบถึงความเป็นไปในตัวละครบางตัวในอดีต เป็นเชิงภาคขยายจากในคราวแรกที่ไม่ได้ให้รายละเอียดตัวละครอะไรมากมาย ✒️ กลางเล่มไปแล้วที่หลังเกิดเหตุระเบิดใหญ่อันน่าตกใจและมีการสูญเสียทำได้ดีทีเดียว ฉากกลางย่านชิบูย่าในภาพก่อนหน้าที่กำลังวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเอะอะของเหล่าผู้คน ที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายใดแล้วไม่สนใจคำเตือนตำรวจ กับภายหลังเหตุระเบิด รวมถึงความไต่ระดับของการเดินเรื่องที่บางตัวละครพยายามตามหาความจริง จิกกัดไม่ปล่อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ตำรวจและยังเป็นผู้หญิง มีฉากหนึ่งที่อ่านแล้วอดนึกไม่ได้ว่า "อยากตายนักหรือไง" เพราะเธอไปจี้ถาม คุ้ยแคะแกะแผลจะคาดคั้นเอาคำตอบกับคนที่น่าสงสัยให้ได้ ช่วงบทสนทนาตอนนั้นคือลุ้นมาก นางปากดีคนนี้จะถูกหมกตายไหมเนี่ย ช่างปากกล้า ปากเก่งในเวลาที่ไม่ควรจริง ๆ แล้วเหตุการณ์ต่อจากฉากนั้น ก็ทำเอาแทบกลั้นลมหายใจอ่านทีเดียว ✒️ ผู้เขียนฉลาดในการหลอกล่อคนอ่านมาตั้งแต่ต้นเริ่มเรื่องทีเดียว เรียกว่าเอาอยู่ หัวปั่นเพราะเบาะแสที่ให้มาทีละนิด เราก็คิดว่าเออ คนนี้หรือคนนั้นมีแววนะว่าอาจจะใช่คนร้ายที่เจ้าแผนการทั้งหมด เพียงเพื่อสุดท้ายจะพบกับความพลิกเหมือนลูกรูบิกที่บิดที สีที่เหมือนจะเรียงกันได้ครบ แต่ทำเอาแทบสลบเพราะนอกจากไม่เรียงสำเร็จทุกสี ยังเหมือนวิ่งหนีออกไปไกลกว่าเก่า อ้าว..ที่แท้คนนี้เองเหรอ..เราหมุนไปผิดทางตั้งแต่แรกเลยเหรอเนี่ย พอย้อนไปเก็บรายละเอียดหลังอ่านจบ โดยทวนเนื้อหาใหม่ในบางช่วงบางบทสนทนา การบรรยายรายละเอียดที่ผู้เขียนใส่ไว้ใหม่ จึงเกิดความรู้สึกเหมือน อะไรที่มันขัดกันในหัว หมุนเคลื่อนตัวลงล็อกดัง "กริ๊ก" ในตำแหน่งที่ถูกต้องเป๊ะ ✒️ เราอ่านไม่ดีเองตั้งแต่แรก ละเลยส่วนสำคัญไปเพราะไม่ละเอียดและไม่คิดตามมากพอ แท้จริงร่องรอยของความจริงได้วางไว้ให้เห็นอยู่แล้ว ช่างสุดยอดจริง ๆ สมกับที่เล่มนี้ขายดีในญี่ปุ่น รวมถึงตอนสร้างเป็นหนังก็มีผลตอบรับดีด้วย (ตามที่ในหนังสือระบุไว้ในช่วงคำนำสำนักพิมพ์ หรือความในใจของผู้แปลก็ไม่แน่ใจ) ชอบที่ตอนจบ บทสรุปที่ให้คนอ่านได้เก็บไปคิดทบทวนถึงสิ่งที่คนเขียนต้องการสื่อไปถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ หรือที่จริงชาวโลกก็ว่าได้ เกี่ยวกับสงครามว่าคือสิ่งที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจ และพลเมืองที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ควรจะปฏิบัติเช่นไร หรือไม่ควรปฏิบัติเช่นไร ✒️บทสรุปของคนร้ายจะตายหรือไม่ ตอนที่เรื่องเฉลยโดยให้คนร้ายบอกเล่าความจริงในใจกับใครคนหนึ่งนั้น รู้สึกชอบวิธีเฉลยที่ผู้เขียนเลือกใช้ครับ รูปแบบเรียบง่ายแต่เข้ากับนิสัยของตัวละครตัวนี้ดี บ่งบอกตัวตนของคนคนนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน คนอ่านหลายคนอาจไม่ชอบเหตุผลและแรงจูงใจของคนร้าย และไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ผมคิดว่าพอจะเข้าใจนะ แต่ไม่ใช่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนร้ายเลือกกระทำ คนเราเมื่อยึดติดในสิ่งใด สัตว์ใด คนใด ความเชื่อใดมากจนฝังแน่นไปถึงจิต ✒️ มันยากเหลือเกินที่จะลบล้างเอาเจ้าความคิดนั้นให้หลุดออกไปได้ ในแง่นี้ผมจึงคิดว่าเข้าใจและเห็นใจสงสารคนร้ายพอสมควร ส่วนประชาชนคนที่ตายไปมากมายนั้น หากพูดกันอย่างไม่อคติ จะไปโทษคนร้ายทั้งหมดก็ไม่ได้ แท้จริงเหล่าคนที่ตายไป จะมากน้อยเพราะเขาทำตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่อันตราย ทั้งที่ทางตำรวจก็แจ้งเตือน ห้ามปราม แต่ก็ไม่สนใจ รวมถึงพวกสื่อต่าง ๆ ที่เอาแต่อยากทำข่าวโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมหรือเป็นอันตรายต่อสังคม ประชาชนและประเทศชาติหรือไม่ ผมว่าเล่มนี้สะท้อนมุมมองเรื่องเหล่านี้ได้ดี แต่เหนืออื่นใดคือฉากจบที่ตัวละครหนึ่งที่น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก แต่กลับเป็นฝ่ายพูดและให้กำลังใจกับตัวละครอีกตัวที่บาดเจ็บทางใจอย่างร้ายแรงได้อย่างเข้าถึงจิตใจภายใน ราวกับคำพูดนั้นไปสัมผัสและลูบไล้ที่หัวใจด้วยความแผ่วเบาที่สุด ช่างอบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ประสบมา สำนวนแปลอ่านได้อย่างไม่รู้สึกสะดุด .......... อ่านจบ ไปลองค้นข้อมูลที่มีการสร้างเป็นหนังต่อ พอเห็นภาพโปสเตอร์ยิ่งอยากดูมาก เพราะมีนักแสดงคนโปรดเล่นด้วยนั่นคือ อิชิดะ ยูริโกะ และคนอื่น ๆ ก็ต่างเป็นนักแสดงคุณภาพทั้งนั้น สุดท้ายเจอที่มีคนทำซับบรรยายไทย จึงโหลดมาชม แต่ดูจบแล้วพบว่า ฉบับหนังสือดีกว่าพอสมควร คือหนังสร้างออกมาได้โอเคอยู่ นักแสดงก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่มันมีอยู่หลายช่วงที่รู้สึกว่าน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ อาจเพราะเวลาจำกัด รายละเอียดมากมายจึงใส่มาได้ไม่หมด จึงทำให้ลดความสนุกลงไปจากฉบับหนังสือเยอะเลย แต่ฉากสำคัญที่เกิดระเบิดกลางย่านชิบูย่าทำออกมาได้ดี ใครสนใจลองไปหาชมดูครับ สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ตัวละครสองตัวในเรื่องเอ่ยไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยระบุว่าเป็นคำกล่าวของนักเขียนนิยายที่มีชื่อว่า Stephen King "ผู้ชนะในการแข่งขันปาขี้คือคนที่มือเปื้อนน้อยที่สุด คนมีคุณภาพคือคนที่ไม่ทำให้มือตัวเองเปื้อนจากอะไรไร้สาระอย่างการขว้างปาเจตนาร้ายใส่คนอื่น" #หนังญี่ปุ่น #หนังน่าดู #หนังสือน่าอ่าน #บทความ #รีววิหนังสือ #thaitimes #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ระเบิดกลางกรุง #โตเกียว #สงคราม #แง่คิด #ระทึกขวัญ #สืบสวน #ก่อการร้าย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสริมเฮง...สร้างรวย...
    ด้วยการไหว้ขอพรต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่สิ่งเอี๊ย"

    ในหมู่ชนเชื้อสายจีนตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงระดับชั้นผู้นำต่างล้วนมีความเชื่อที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานับพันปียังคงซึ่งรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีประกอบพิธีอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เข้าสู่เคหสถานบ้านเรือนหรือร้านค้าในเทศกาลตรุษจีน เพื่อความโชคดีมากมีด้วยทรัพย์สินเงินทองหรือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในการประกอบธุรกิจการค้าให้บังเกิดขึ้นในปีนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความเป็นสากลที่คงถาวรเป็นอย่างยิ่ง

    ตามปฏิทินจันทรคติจีนวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีนจะตรงกับวัน 正月初一日(เจียหงวยชิวอิกยิ๊ก) ของทุกๆปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 จะตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ โดยมีกิ่งฟ้า/ราศีบนเป็นวัน 戊(โบ้ว) ธาตุดิน ส่วนก้านดิน/ราศีล่างเป็นวันจอ 戌 (สุก) จากหลักวิชาการคำนวนหาทิศทางการเสด็จขององค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ตามแบบฉบับโหราศาสตร์จีนแล้ว พระองค์ฯจะเสด็จมายังบ้านของผู้ที่เคารพบูชาจึงควรน้อมต้อนรับด้วยการตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าทางทิศเหนือ เวลา 00.01-00.59 น.เป็นฤกษ์เบิกฟ้าและเป็นยามแรกเริ่มศักราชใหม่ที่ดีที่สุด

    โดยมีเครื่องสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ดังนี้

    1. ธูปหอม 3 ดอก
    2. แจกัน 1 คู่
    3. ดอกไม้สด 2 กำ
    4. เทียนแดง 1 คู่
    5. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย
    6. ข้าวสวย 5 ชาม
    7. ผลไม้ 5 อย่าง
    8. ขนมบัวลอยแดง 紅丸(อั่งอี๊) 5 ถ้วย
    9. ขนมจันอับ 什錦(จับกิ้ม) 1 จาน
    10. ผักเจ 齋荼(เจไฉ่) 5 อย่าง
    11. ขนมถ้วยฟู 發粿(ฮวกก้วย) 1 ก้อน
    12. 添頭銭(เทียงเถ่าจี้) 1 ชุด
    13. 金銀斗(กิมหงิ่งเต้า) 1 คู่
    14. 銀紙銭(หงิ่งเตี๋ย) 13 ชุด
    15. 大銭(ตั่วกิม) 13 ก้อน
    16. เทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ) 1 ชุด
    17. เทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) 1 ชุด
    18. กระเป๋าใส่เงิน

    หมายเหตุ หากไม่มีภาพหรือรูปองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ก็ให้กล่าวคำอธิษฐานถึงพระองค์เทพท่านก็เป็นอันใช้ได้

    การประกอบพิธีสักการะบูชาองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ควรจัดเตรียมโต๊ะพร้อมเครื่องสักการะบูชาหันหน้าไปสู่ทางทิศเหนือ (กรณีที่ไม่สามารถจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาแต่มีศรัทธาอันแรงกล้าเพียงแค่จุดธูปเทียนบูชาก็ได้) เพื่อต้อนรับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่จะเสด็จมาทางทิศข้างต้นนี้ โดยเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)ให้เขียนคำเชิญ“迎接財神” (เหง็งจิกไฉ่ซิ้ง) เพื่อมารับเครื่องสักการะบูชา ส่วนเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ให้เขียน ที่อยู่ ชื่อสกุล และวัน เดือน ปีเกิดของสมาชิกในบ้านทุกคน พร้อมทั้งคำขอต่างๆที่ต้องการให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ประทานพรมาให้

    โดยกล่าวคำอธิษฐานอัญเชิญด้วยการเปล่งวาจาออกมาว่า

    “บัดนี้เป็นเวลาฤกษ์ยามอันเป็นมงคล ข้าพเจ้า........................................................... ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ“財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอกราบอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จมารับเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาอันประกอบด้วย (กล่าวถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งหมด อีกทั้งรายละเอียดที่เขียนไว้ในเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) พร้อมทั้งดลบันดาลประทานพรผ่านสื่อข้าวสาร (ข้าวสารที่ตั้งรอไว้ในวันส่งองค์เทพเจ้าสู่สรวงสรรค์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา) ให้ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนๆในครอบครัวจงพบกับโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง พร้อมกับประสบผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังตั้งใจไว้ทุกๆประการเทอญ” (หากประสงค์นอกเหนือจากคำกล่าวอธิษฐานข้างต้นแล้วก็สามารถกล่าวคำขอเพิ่มเติมต่อไปได้อีก)
    จากนั้นนำเงินในกระเป๋าที่โต๊ะบูชามานับ (โดยสมมติว่า ธนบัตร 1 ใบจะเป็นจำนวนหมื่น หรือแสน หรือล้านก็ได้เพื่อให้นับไม่รู้จบรู้สิ้น) ต่อจากนั้นนำเครื่องบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมทั้งเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)และเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อหน้าองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ และหลังจากบูชาไฟเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กล่าวคำอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จเข้าบ้าน พร้อมทั้งนำกระถางธูปเข้าผ่านประตูบ้านเพื่อให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จประทับ ณ ที่บ้านของท่าน อีกทั้งนำข้าวสารที่ผ่านการประกอบพิธีกรรมนำมาผสมกับข้าวสารที่เก็บไว้เพื่อหุงรับประทานในเช้าวันนั้นจะได้เกิดความสิริมงคลต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว เป็นอันสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนกระบวนความ
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    เสริมเฮง...สร้างรวย... ด้วยการไหว้ขอพรต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่สิ่งเอี๊ย" ในหมู่ชนเชื้อสายจีนตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไปจนถึงระดับชั้นผู้นำต่างล้วนมีความเชื่อที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานับพันปียังคงซึ่งรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีประกอบพิธีอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เข้าสู่เคหสถานบ้านเรือนหรือร้านค้าในเทศกาลตรุษจีน เพื่อความโชคดีมากมีด้วยทรัพย์สินเงินทองหรือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในการประกอบธุรกิจการค้าให้บังเกิดขึ้นในปีนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความเป็นสากลที่คงถาวรเป็นอย่างยิ่ง ตามปฏิทินจันทรคติจีนวันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีนจะตรงกับวัน 正月初一日(เจียหงวยชิวอิกยิ๊ก) ของทุกๆปี ซึ่งในปีพ.ศ.2568 จะตรงกับวันพุธที่ 29 มกราคมนี้ โดยมีกิ่งฟ้า/ราศีบนเป็นวัน 戊(โบ้ว) ธาตุดิน ส่วนก้านดิน/ราศีล่างเป็นวันจอ 戌 (สุก) จากหลักวิชาการคำนวนหาทิศทางการเสด็จขององค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ตามแบบฉบับโหราศาสตร์จีนแล้ว พระองค์ฯจะเสด็จมายังบ้านของผู้ที่เคารพบูชาจึงควรน้อมต้อนรับด้วยการตั้งโต๊ะบูชาหันหน้าทางทิศเหนือ เวลา 00.01-00.59 น.เป็นฤกษ์เบิกฟ้าและเป็นยามแรกเริ่มศักราชใหม่ที่ดีที่สุด โดยมีเครื่องสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ดังนี้ 1. ธูปหอม 3 ดอก 2. แจกัน 1 คู่ 3. ดอกไม้สด 2 กำ 4. เทียนแดง 1 คู่ 5. น้ำชา 茶(แต๊) 5 ถ้วย 6. ข้าวสวย 5 ชาม 7. ผลไม้ 5 อย่าง 8. ขนมบัวลอยแดง 紅丸(อั่งอี๊) 5 ถ้วย 9. ขนมจันอับ 什錦(จับกิ้ม) 1 จาน 10. ผักเจ 齋荼(เจไฉ่) 5 อย่าง 11. ขนมถ้วยฟู 發粿(ฮวกก้วย) 1 ก้อน 12. 添頭銭(เทียงเถ่าจี้) 1 ชุด 13. 金銀斗(กิมหงิ่งเต้า) 1 คู่ 14. 銀紙銭(หงิ่งเตี๋ย) 13 ชุด 15. 大銭(ตั่วกิม) 13 ก้อน 16. เทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ) 1 ชุด 17. เทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) 1 ชุด 18. กระเป๋าใส่เงิน หมายเหตุ หากไม่มีภาพหรือรูปองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ก็ให้กล่าวคำอธิษฐานถึงพระองค์เทพท่านก็เป็นอันใช้ได้ การประกอบพิธีสักการะบูชาองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ควรจัดเตรียมโต๊ะพร้อมเครื่องสักการะบูชาหันหน้าไปสู่ทางทิศเหนือ (กรณีที่ไม่สามารถจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาแต่มีศรัทธาอันแรงกล้าเพียงแค่จุดธูปเทียนบูชาก็ได้) เพื่อต้อนรับองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ที่จะเสด็จมาทางทิศข้างต้นนี้ โดยเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)ให้เขียนคำเชิญ“迎接財神” (เหง็งจิกไฉ่ซิ้ง) เพื่อมารับเครื่องสักการะบูชา ส่วนเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ให้เขียน ที่อยู่ ชื่อสกุล และวัน เดือน ปีเกิดของสมาชิกในบ้านทุกคน พร้อมทั้งคำขอต่างๆที่ต้องการให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) ประทานพรมาให้ โดยกล่าวคำอธิษฐานอัญเชิญด้วยการเปล่งวาจาออกมาว่า “บัดนี้เป็นเวลาฤกษ์ยามอันเป็นมงคล ข้าพเจ้า........................................................... ด้วยความเคารพและศรัทธาต่อองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ“財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าขอกราบอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺”(ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จมารับเครื่องบวงสรวงสักการะบูชาอันประกอบด้วย (กล่าวถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งหมด อีกทั้งรายละเอียดที่เขียนไว้ในเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) พร้อมทั้งดลบันดาลประทานพรผ่านสื่อข้าวสาร (ข้าวสารที่ตั้งรอไว้ในวันส่งองค์เทพเจ้าสู่สรวงสรรค์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 เดือนมกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา) ให้ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนๆในครอบครัวจงพบกับโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง พร้อมกับประสบผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังตั้งใจไว้ทุกๆประการเทอญ” (หากประสงค์นอกเหนือจากคำกล่าวอธิษฐานข้างต้นแล้วก็สามารถกล่าวคำขอเพิ่มเติมต่อไปได้อีก) จากนั้นนำเงินในกระเป๋าที่โต๊ะบูชามานับ (โดยสมมติว่า ธนบัตร 1 ใบจะเป็นจำนวนหมื่น หรือแสน หรือล้านก็ได้เพื่อให้นับไม่รู้จบรู้สิ้น) ต่อจากนั้นนำเครื่องบวงสรวงที่เป็นกระดาษทั้งหมด รวมทั้งเทียบแดง 紅帖(อั่งเถียบ)และเทียบเขียว 青帖(แชเถียบ) ที่ได้จัดเตรียมไว้ลาต่อหน้าองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เพื่อนำไปบูชาไฟถวายแด่พระองค์ท่านฯ และหลังจากบูชาไฟเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กล่าวคำอัญเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จเข้าบ้าน พร้อมทั้งนำกระถางธูปเข้าผ่านประตูบ้านเพื่อให้องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “財神爺” (ไฉ่สิ่งเอี๊ย) เสด็จประทับ ณ ที่บ้านของท่าน อีกทั้งนำข้าวสารที่ผ่านการประกอบพิธีกรรมนำมาผสมกับข้าวสารที่เก็บไว้เพื่อหุงรับประทานในเช้าวันนั้นจะได้เกิดความสิริมงคลต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว เป็นอันสำเร็จเสร็จสิ้นพิธีการบวงสรวงครบถ้วนกระบวนความ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ

    'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว

    'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา

    ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์

    สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน)

    หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ 'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว 'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์ สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน) หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รุ่งอรุณแห่งคำสั่ง"

    เช้าตรู่สวนผึ้ง อรุณยังกรุ่นไอ เนินเขาเงียบสงบ กลับพลันกลายเป็นไฟ สองชายยืนโบกรถ ด้วยแววตาที่เยือกเย็น บทเริ่มต้นที่แฝงความเป็นชะตากรรม

    บนถนนสายเดิมที่คุ้นเคย รถบัสลัดเลี้ยว สู่เส้นทางที่คาดไม่ถึง เสียงปืนกระหน่ำ จุดชนวนความจริง ราชบุรี...กลายเป็นภาพจำอันเจ็บปวด

    * นี่คือคำสั่งจากพม่า "ก๊อด'ส อาร์มี่" เงาร้ายของความเชื่อ ศรัทธาและบาปหนา โรงพยาบาลศูนย์ กลายเป็นสมรภูมิ โลกหยุดหมุน เมื่อชีวิตต้องวางเดิมพัน

    แปดร้อยตัวประกันในห้องแคบ เสียงร้องไห้ที่สะท้อนก้องตึกอำนวยการ เด็กน้อย ผู้อาวุโส และคนไข้ที่หวังเยียวยา กลายเป็นหมากในเกมของอุดมการณ์

    อรินทะราดสองหก นเรศวรสองหกหนึ่ง ซุ่มเงียบในมุมมืด เจรจาที่อึมครึม เติมไฟในหัวใจ เสี้ยววินาที คำสั่งหนึ่งเดียวในยามเช้า “ปฏิบัติการเริ่ม…ทุกชีวิตต้องปลอดภัย!”

    ซ้ำ *

    เมื่อเสียงปืนไทยสะท้อนกลับ เสียงตะโกนดังก้องฟ้า สิบศพที่ล้มลง บางสิ่งยังหลงเหลือ คือศรัทธา หรือความหวาดกลัวในแสงไฟ? ความยุติธรรม ต้องใช้เลือดเป็นบทพิสูจน์

    รุ่งอรุณใหม่จะมาถึงอีกครั้ง แต่รอยแผลในใจ ยังไม่มีวันหาย ก๊อด'ส อาร์มี่ แฝดนรกล่มสลายดั่งเถ้าถ่าน ราชบุรี…จะจดจำ ในประวัติศาสตร์ชาติไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241347 ม.ค. 2568

    #ก๊อดอาร์มี่ #ราชบุรี2543 #เรื่องเล่าจากโรงพยาบาลศูนย์ #สงครามในเงาแสง #ตัวประกันและความหวัง
    "รุ่งอรุณแห่งคำสั่ง" เช้าตรู่สวนผึ้ง อรุณยังกรุ่นไอ เนินเขาเงียบสงบ กลับพลันกลายเป็นไฟ สองชายยืนโบกรถ ด้วยแววตาที่เยือกเย็น บทเริ่มต้นที่แฝงความเป็นชะตากรรม บนถนนสายเดิมที่คุ้นเคย รถบัสลัดเลี้ยว สู่เส้นทางที่คาดไม่ถึง เสียงปืนกระหน่ำ จุดชนวนความจริง ราชบุรี...กลายเป็นภาพจำอันเจ็บปวด * นี่คือคำสั่งจากพม่า "ก๊อด'ส อาร์มี่" เงาร้ายของความเชื่อ ศรัทธาและบาปหนา โรงพยาบาลศูนย์ กลายเป็นสมรภูมิ โลกหยุดหมุน เมื่อชีวิตต้องวางเดิมพัน แปดร้อยตัวประกันในห้องแคบ เสียงร้องไห้ที่สะท้อนก้องตึกอำนวยการ เด็กน้อย ผู้อาวุโส และคนไข้ที่หวังเยียวยา กลายเป็นหมากในเกมของอุดมการณ์ อรินทะราดสองหก นเรศวรสองหกหนึ่ง ซุ่มเงียบในมุมมืด เจรจาที่อึมครึม เติมไฟในหัวใจ เสี้ยววินาที คำสั่งหนึ่งเดียวในยามเช้า “ปฏิบัติการเริ่ม…ทุกชีวิตต้องปลอดภัย!” ซ้ำ * เมื่อเสียงปืนไทยสะท้อนกลับ เสียงตะโกนดังก้องฟ้า สิบศพที่ล้มลง บางสิ่งยังหลงเหลือ คือศรัทธา หรือความหวาดกลัวในแสงไฟ? ความยุติธรรม ต้องใช้เลือดเป็นบทพิสูจน์ รุ่งอรุณใหม่จะมาถึงอีกครั้ง แต่รอยแผลในใจ ยังไม่มีวันหาย ก๊อด'ส อาร์มี่ แฝดนรกล่มสลายดั่งเถ้าถ่าน ราชบุรี…จะจดจำ ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241347 ม.ค. 2568 #ก๊อดอาร์มี่ #ราชบุรี2543 #เรื่องเล่าจากโรงพยาบาลศูนย์ #สงครามในเงาแสง #ตัวประกันและความหวัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 153 0 รีวิว
  • คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม

    ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง

    วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566

    โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก

    ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109
    .........
    Sondhi X
    คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1479 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ
    ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่
    ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา

    Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้)

    เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก)
    *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่

    ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า

    ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก
    ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว

    น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ

    อัตราผลตอบแทน
    ...................................
    วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน
    .........................................................
    จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ.
    ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก

    1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo)
    2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย
    3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม
    4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน
    5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ
    การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม

    PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2%
    ................................
    ไทย
    คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้
    สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566)
    - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่,
    เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป
    #เศรษฐกิจ

    สหรัฐ ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่ ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้) เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก) *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่ ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ อัตราผลตอบแทน ................................... วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน ......................................................... จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ. ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก 1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo) 2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย 3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม 4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน 5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2% ................................ ไทย คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566) - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่, เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ของที่ไม่น่าจะ มงคล ที่ไม่ควรมีอยู่ในบ้าน...ออกตัวก่อน ไม่ได้ลอกต่อๆกันมาจากหนังสือ และ บทความท่านไหน..เป็นคำบอกเล่า จาก อ.ดูฮวงจุ้ย (ส่วนบุคคล) ที่ไม่ดังตามสื่อ...แต่ทำให้เฉพาะคนบอกต่อๆ..
    _ ตอไม้ ซากไม้ ผุๆ พังๆ แห้งตาย...เหตุผล ชื่อเรียก ก็ตามนั้น
    _ ชูชก คือ ผู้ขอ..ดันไปอ้างว่า ตามพระเวสสันดรชาดก คือ ขออะไรก็ได้..อย่าข้ามความจริงบางประการไป..ชูชก คือ ขอทาน...ท่านจะอยากชีวิตแบบต้องขอผู้อื่นตลอดหรือ?
    _ ของคน ตุย.. เศษเสี้ยวจากสรีระสังขารของเขา..ถ้าไม่ใช่ของบรรพบุรุษเรา..อย่าเอาเข้ามา.
    _ ครุฑ หรือ นาค นับถือได้ ถ้านับถืออย่างนึง..ไม่ควรมีอีกอย่างอยู่ร่วมกัน เพราะในตำนานมีความขัดแย้งกัน.. (ความเชื่อ)
    _ นอนขวาง นอนปลายเท้า ชี้ออกหน้าบ้านหลังบ้าน อะไร ไม่จริง..ที่จริงคือ อะไรก็ได้ แต่อย่าเอา ศรีษะหันไปทางทิศตะวันตก.. (ใช้เข็มทิศในโทรศัพท์ดูได้)
    🌳 เขียนจากคำบอกเล่าที่จดจำมา.และทั้งหมดเป็นสถิติ ที่เก็บต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี ของ อ. ท่านนี้...นึกอะไรได้ .จะมาเพิ่มเติมให้คร้บ.
    #ของที่ไม่น่าจะ มงคล ที่ไม่ควรมีอยู่ในบ้าน...ออกตัวก่อน ไม่ได้ลอกต่อๆกันมาจากหนังสือ และ บทความท่านไหน..เป็นคำบอกเล่า จาก อ.ดูฮวงจุ้ย (ส่วนบุคคล) ที่ไม่ดังตามสื่อ...แต่ทำให้เฉพาะคนบอกต่อๆ.. _ ตอไม้ ซากไม้ ผุๆ พังๆ แห้งตาย...เหตุผล ชื่อเรียก ก็ตามนั้น _ ชูชก คือ ผู้ขอ..ดันไปอ้างว่า ตามพระเวสสันดรชาดก คือ ขออะไรก็ได้..อย่าข้ามความจริงบางประการไป..ชูชก คือ ขอทาน...ท่านจะอยากชีวิตแบบต้องขอผู้อื่นตลอดหรือ? _ ของคน ตุย.. เศษเสี้ยวจากสรีระสังขารของเขา..ถ้าไม่ใช่ของบรรพบุรุษเรา..อย่าเอาเข้ามา. _ ครุฑ หรือ นาค นับถือได้ ถ้านับถืออย่างนึง..ไม่ควรมีอีกอย่างอยู่ร่วมกัน เพราะในตำนานมีความขัดแย้งกัน.. (ความเชื่อ) _ นอนขวาง นอนปลายเท้า ชี้ออกหน้าบ้านหลังบ้าน อะไร ไม่จริง..ที่จริงคือ อะไรก็ได้ แต่อย่าเอา ศรีษะหันไปทางทิศตะวันตก.. (ใช้เข็มทิศในโทรศัพท์ดูได้) 🌳 เขียนจากคำบอกเล่าที่จดจำมา.และทั้งหมดเป็นสถิติ ที่เก็บต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี ของ อ. ท่านนี้...นึกอะไรได้ .จะมาเพิ่มเติมให้คร้บ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น
    .
    หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ
    .
    โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป"
    .
    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง
    .
    เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
    .
    สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส
    .
    บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา
    .
    ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ
    .
    ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา
    .
    ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน
    .
    ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003
    ..............
    Sondhi X
    ปานามาร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ ต่อคำขู่ "ที่น่ากังวล" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการยึดคลองปานามา แต่ขณะเดียวก็ได้ลงมือตรวจสอบบัญชี "บริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับฮ่องกง" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมท่าเรือ 2 แห่งในน่านน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแห่งนี้ ตอบสนองต่อเสียงโวยวายของผู้นำอเมริกา . ในหนังสือที่ส่งถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทางรัฐบาลปานามาอ้างถึงมาตราหนึ่งของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ห้ามสมาชิกรายใดก็ตามจากการข่มขู่หรือใช้กำลังกับบูรณภาพแห่งดินแดนหรือความเป็นอิสระทางการเมืองของประเทศอื่น . หนังสือที่แจกจ่ายไปยังพวกผู้สื่อข่าวด้วยในวันอังคาร(21ม.ค.) เรียกร้องให้ กูเตอร์เรส หยิบยกประเด็นนี้เข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้ร้องขอให้มีการเรียกประชุมใดๆ . ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์(20ม.ค.) เน้นย้ำว่า จีน เสมือนเป็นผู้ปฏิบัติการคลองปานามา ผ่านการปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆแถวๆน่านน้ำแห่งนี้ ที่ทางสหรัฐฯส่งมอบให้แก่ปานามา ในช่วงปลายปี 1999 "เราไม่ได้มอบมันให้จีน เรามอบมันให้ปานามา และเรากำลังทวงคืน" ทรัมป์ระบุ . โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ตอบโต้กลับระหว่างร่วมประชุม ณ เวทีสัมมนาเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศกร้าวว่าคลองแห่งนี้ไม่ได้เป็นของขวัญจากสหรัฐฯ "เราปฏิเสธทุกอย่างทั้งหมดที่ทรัมป์พูด ลำดับแรกเลยมันเป็นเท็จ และลำดับที่ 2 เพราะว่าคลองปานามาเป็นของปานามา และจะยังคงเป็นของปานามาต่อไป" . ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปานามา เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่มีประเทศอื่นกำลังแทรกแซงคลองปานามา ที่เขาบอกว่าปฏิบัติการภายใต้หลักการของความเป็นกลาง . เมื่อพวกผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับประเด็นถกเถียงนี้ในวันพุธ(22ม.ค.) ทางจีนยืนกรานว่าไม่เคยแทรกแซงใดๆในคลองแห่งนี้ "จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองปานามา มาตลอด และยอมรับคลองแห่งนี้ ในฐานะน่านน้ำระหว่างประเทศที่เป็นกลางอย่างถาวร" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ . สำนักงานการควบคุมแห่งปานามา ซึ่งกำกับดูแลองค์กรรัฐทั้งหลาย แถลงว่าจะเริ่มตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดถี่ถ้วนกับบริษัทปานามา พอร์ทส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับประกันการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพแลความโปร่งใส . บริษัทแห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ฮัตชิสัน พอร์ทส์ เป็นบริษัทลูกของ ซีเค ฮัตชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และเป็นผู้ดูแลท่าเรือบัลเบาและคริสโตบาล ที่ตั้งอยู่บริเวณทั้ง 2 ด้านของคลองปานามา . ทางสำนักงานการควบคุมแห่งปานามา บอกว่าการตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสรุปว่าทางบริษัทปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆตามสัมปทานหรือไม่ ในนั้นรวมถึงรายงานเกี่ยวกับรายได้ การจ่ายเงินและการเกี่ยวข้องกับภาครัฐ . ฮัตชิสัน พอร์ทส์ พีพีซี ระบุในถ้อยแถลงว่า พวกเขาธำรงไว้ซึ่งและจะเดินหน้าคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่โปร่งใสและเต็มไปด้วยความร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ปานามา . ทรัมป์ ยกระดับกดดันเกี่ยวกับคลองปานามา มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารยึดคืนมัน . ทั้งนี้ข้อตกลงสัมปทานของปานามา พอร์ทส์ เพิ่งถูกขยายออกไปเมื่อปี 2021 มีอายุถึง 25 ปี คลองแห่งนี้เป็นเส้นทางการสัญจรของตู้สินค้าของสหรัฐฯราวๆ 40% ทำให้สหรัฐฯเป็นผู้ใช้รายหลักของคลองปานามา ตามมาด้วยจีน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007003 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1487 มุมมอง 0 รีวิว
  • SK Hynix ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้รายงานผลกำไรไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเกินกว่าผลกำไรของ Samsung เนื่องจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น

    SK Hynix คาดการณ์ว่ายอดขายชิปเซ็ต AI จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้ หลังจากรายงานผลกำไรไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเกินกว่าผลกำไรของ Samsung. อย่างไรก็ตาม หุ้นของ SK Hynix ลดลง 4% เนื่องจากบริษัทเตือนถึงการลดลงของราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในจีน

    ก่อนหน้านี้ หุ้นของ SK Hynix เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ในปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Nvidia ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของชิป AI ของบริษัท. ในขณะที่หุ้นของ Samsung เพิ่มขึ้นเพียง 2% ในช่วงเวลาเดียวกัน

    SK Hynix รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สี่ที่ 8.1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 5.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเกินกว่าผลกำไรจากการดำเนินงานของ Samsung ที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.5 ล้านล้านวอน. นี่เป็นครั้งแรกที่ผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสของ SK Hynix เกินกว่าผลกำไรรวมของ Samsung

    บริษัทกล่าวว่าชิป HBM (High Bandwidth Memory) คิดเป็น 40% ของรายได้จาก DRAM ทั้งหมดในไตรมาสที่สี่. รายได้รวมของบริษัทในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็น 19.8 ล้านล้านวอน

    SK Hynix ได้เริ่มส่งมอบชิป HBM3E ที่มี 12 ชั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบชิป HBM4 ที่มี 16 ชั้นในครึ่งหลังของปี 2026. บริษัทคาดว่าคู่แข่งในจีนจะเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนาชิปที่ทันสมัยเนื่องจากข้อจำกัดของสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/23/nvidia-supplier-sk-hynix-posts-record-quarterly-profit
    SK Hynix ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ได้รายงานผลกำไรไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเกินกว่าผลกำไรของ Samsung เนื่องจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้น SK Hynix คาดการณ์ว่ายอดขายชิปเซ็ต AI จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้ หลังจากรายงานผลกำไรไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเกินกว่าผลกำไรของ Samsung. อย่างไรก็ตาม หุ้นของ SK Hynix ลดลง 4% เนื่องจากบริษัทเตือนถึงการลดลงของราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในจีน ก่อนหน้านี้ หุ้นของ SK Hynix เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ในปีนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Nvidia ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของชิป AI ของบริษัท. ในขณะที่หุ้นของ Samsung เพิ่มขึ้นเพียง 2% ในช่วงเวลาเดียวกัน SK Hynix รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สี่ที่ 8.1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 5.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเกินกว่าผลกำไรจากการดำเนินงานของ Samsung ที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.5 ล้านล้านวอน. นี่เป็นครั้งแรกที่ผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสของ SK Hynix เกินกว่าผลกำไรรวมของ Samsung บริษัทกล่าวว่าชิป HBM (High Bandwidth Memory) คิดเป็น 40% ของรายได้จาก DRAM ทั้งหมดในไตรมาสที่สี่. รายได้รวมของบริษัทในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็น 19.8 ล้านล้านวอน SK Hynix ได้เริ่มส่งมอบชิป HBM3E ที่มี 12 ชั้น ซึ่งเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบชิป HBM4 ที่มี 16 ชั้นในครึ่งหลังของปี 2026. บริษัทคาดว่าคู่แข่งในจีนจะเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนาชิปที่ทันสมัยเนื่องจากข้อจำกัดของสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/23/nvidia-supplier-sk-hynix-posts-record-quarterly-profit
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SK Hynix posts record quarterly profit surpassing Samsung on AI boom
    SEOUL (Reuters) -South Korea's SK Hynix forecast sales of its high-end semiconductors used in generative artificial intelligence chipsets would double this year after reporting a record quarterly profit that surpassed its bigger rival Samsung.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา
    .
    ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย
    .
    ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป
    .
    โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ
    .
    ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา
    .
    ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย
    .
    โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก
    .
    เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย
    .
    ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา
    .
    ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย
    .
    ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้
    .
    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่
    .
    ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน
    .
    นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในอเมริกา ที่นำโดยซอฟต์แบงก์ ออราเคิล และโอเพนเอไอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก้าวนำทิ้งห่างพวกประเทศคู่แข่งในเทคโนโลยีเอไอที่กำลังมีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อธุรกิจ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า โครงการลงทุนดังกล่าวที่มีชื่อว่า “สตาร์เกต” เป็นสักขีพยานความเชื่อมั่นที่มีต่อศักยภาพของอเมริกา . ขณะที่ แซม อัลต์แมน ประธานบริหารโอเพนเอไอ มาซาโยชิ ซัน หัวเรือใหญ่ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น และแลร์รี เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ที่จัดขึ้นที่ทำเนียบขาวด้วย . ซันเผยว่า ทั้งสามบริษัทตกลงลงทุนเริ่มต้น 100,000 ล้านดอลลาร์ และสูงสุด 500,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ไป . โครงการร่วมทุนนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาบิ๊กเทคพยายามอย่างหนักในการตอบสนองความต้องการท่วมท้นมหาศาลที่มีต่อการประยุกต์ใช้งานจากการคำนวณของเทคโนโลยีเอไอ . ทรัมป์กล่าวว่า สตาร์เกตจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งรวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์หลายๆ แห่งที่จะนำไปสู่การสร้างงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในอเมริกา . ในเวลาต่อมา โอเพนเอไอ ผู้พัฒนาแชตจีพีที โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า โปรเจกต์นี้ไม่เพียงสนับสนุนการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมใหม่ของอเมริกาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรอีกด้วย . โพสต์ดังกล่าวเสริมว่า ซอฟต์แบงก์และโอเพนเอไอจะเป็นหุ้นส่วนหลักของสตาร์เกต โดยซอฟต์แบงก์รับผิดชอบด้านการเงิน และโอเพนเอไอรับผิดชอบด้านปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังมีเอ็มจีเอ็กซ์ กองทุนเทคโนโลยีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นนักลงทุนรายที่ 4 ขณะที่อาร์ม ไมโครซอฟท์ เอ็นวีเดีย ออราเคิล และโอเพนเอไอเป็นหุ้นส่วนเทคโนโลยีหลัก . เอลลิสันจากออราเคิล บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของอเมริกา กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของสตาร์เกตอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่รัฐเทกซัส โดยจะมีการสร้างศูนย์ข้อมูล 20 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่ 500,000 ตารางฟุต และเสริมว่า โครงการนี้อาจสนับสนุนเอไอที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยแพทย์ดูแลผู้ป่วย . ทั้งนี้ในปัจจุบัน เทกซัสกำลังกลายเป็นตัวเลือกใหม่มาแรงแทนที่แคลิฟอร์เนียสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอเมริกา . ขณะที่โอเพนเอไอสำทับว่า กำลังประเมินสถานที่ที่เป็นไปได้ในการตั้งแคมปัสขึ้นทั่วอเมริกา ควบคู่ไปกับการดำเนินการข้อตกลงขั้นสุดท้าย . ผู้บริหารบิ๊กเทคทั้งสามกล่าวขอบคุณทรัมป์ โดยอัลต์แมนบอกว่า โครงการนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าไม่มีประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกาผู้นี้ . อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า การประกาศข่าวล่าสุดนี้เป็นโครงการเดียวกับที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี ดิ อินฟอร์เมชัน รายงานตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วว่า โอเพนเอไอและไมโครซอฟท์กำลังร่วมมือกันในโครงการศูนย์ข้อมูลมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่จะครอบคลุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอไอ อีกทั้งยังมีชื่อว่า “สตาร์เกต” ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2028 หรือไม่ . ข่าวนี้ออกมาหลังจากในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้บริหารบริษัทไฮเทคชื่อดังมากมาย เช่น ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอกูเกิล มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเมตา และเจฟฟ์ เบโซส นายใหญ่แอมะซอน . นอกจากนั้น ในวันจันทร์ ทรัมป์ยังยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงจากเอไอที่มีต่อผู้บริโภค พนักงาน และความมั่นคงของชาติ เท่ากับว่า ขณะนี้อเมริกาไม่มีแนวทางในการพัฒนาเอไอระดับประเทศ แม้แต่ละรัฐกำลังพยายามกำหนดมาตรการของตนเองก็ตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006997 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1386 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปข่าวนางนิดา นามสกุลคุ๊กกี้ไลฟ์ล่าสุด มีความเชื่อเต็มร้อย ว่าพี่คิงส์ คือ เคพาหุง อืมมมม คิดได้ไง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    สรุปข่าวนางนิดา นามสกุลคุ๊กกี้ไลฟ์ล่าสุด มีความเชื่อเต็มร้อย ว่าพี่คิงส์ คือ เคพาหุง อืมมมม คิดได้ไง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลข 8 มักเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของนักเลง มาเฟีย มิจฉาชีพ โจร คนเจ้าเล่ห์ และผู้หลอกลวง ซึ่งแสดงถึงพลังงานที่ดึงดูดผู้คนหลากหลาย ทั้งในแง่ดีและไม่ดี..ในทาง จีน เลข 8 คือ เลขรวย เลขเงิน คุณคงได้เห็นหลายธุรกิจ เอาเลข 8 ไปรวมอยู่ในชื่อมากมาย..เช่น เวปพนัน นี่เยอะเลย..เพราะด้วยความที่หมายถึง เงิน..และในบรรดาเลข 0-9 สำหรับคนจีน เลขนี้ ดีที่สุด..ส่วนคนไทย ก็ต้องเลข 9 ดังนั้น ถ้ากลุ่มเลข รวมพวก 6-8-9 ..จะดี..เช่น สมัยก่อนผู้เขียนได้ไป ธ.กรุงเทพ สนง.ใหญ่ พบว่า รถผู้บริหารหลายคัน ใช้ทะเบียน 6868 ...อย่างที่เคยเขียน 6 คือ การเดินทาง 8 คือ เงิน...
    ..ในทางความเชื่อไทย ว่า เป็นเลขราหู ..ส่วนตัวเฉยๆ กับแนวคิดนี้...แต่ขอขยายคำว่า ราหูนิดนึง..ราหูไม่่ใช่ไม่ดี....ในตำราโบราณ อธิบายความไว้ว่า ราห เปรียบดัง โจร ู ถ้าเราสักการะท่าน ท่านจะปล้นจากคนอื่นมาให้เรา..แต่ถ้าเราลบหลู่ ดูถูก ท่านจะปล้นเรา..ไปให้คนอื่น..แทน...

    ข้อดีของเลข 8
    การใช้เลข 8 มีศักยภาพในการดึงดูดโอกาสและผู้คนจำนวนมากเข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจส่งเสริมความมั่งคั่งและความสำเร็จ โดยเฉพาะในเชิงธุรกิจหรือการสร้างเครือข่าย เพราะเลขนี้มักเชื่อมโยงกับโชคลาภและการเติบโตทางการเงิน
    ..หละกฐานเขิงประจักษ์ ผู้เขียน เอาเบอร์ 0** 89888*8 ไปให้ลูกสาวใช้...เงินทั้งนั้น งานทั้งนั้น..แต่แบบที่เขียนด้านบนเลย ข้อเสียก็มี...ต้องมีสติ คิดดีๆ อาจถูกชักจูงโดยง่าย.


    เลข 8 มักเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของนักเลง มาเฟีย มิจฉาชีพ โจร คนเจ้าเล่ห์ และผู้หลอกลวง ซึ่งแสดงถึงพลังงานที่ดึงดูดผู้คนหลากหลาย ทั้งในแง่ดีและไม่ดี..ในทาง จีน เลข 8 คือ เลขรวย เลขเงิน คุณคงได้เห็นหลายธุรกิจ เอาเลข 8 ไปรวมอยู่ในชื่อมากมาย..เช่น เวปพนัน นี่เยอะเลย..เพราะด้วยความที่หมายถึง เงิน..และในบรรดาเลข 0-9 สำหรับคนจีน เลขนี้ ดีที่สุด..ส่วนคนไทย ก็ต้องเลข 9 ดังนั้น ถ้ากลุ่มเลข รวมพวก 6-8-9 ..จะดี..เช่น สมัยก่อนผู้เขียนได้ไป ธ.กรุงเทพ สนง.ใหญ่ พบว่า รถผู้บริหารหลายคัน ใช้ทะเบียน 6868 ...อย่างที่เคยเขียน 6 คือ การเดินทาง 8 คือ เงิน... ..ในทางความเชื่อไทย ว่า เป็นเลขราหู ..ส่วนตัวเฉยๆ กับแนวคิดนี้...แต่ขอขยายคำว่า ราหูนิดนึง..ราหูไม่่ใช่ไม่ดี....ในตำราโบราณ อธิบายความไว้ว่า ราห เปรียบดัง โจร ู ถ้าเราสักการะท่าน ท่านจะปล้นจากคนอื่นมาให้เรา..แต่ถ้าเราลบหลู่ ดูถูก ท่านจะปล้นเรา..ไปให้คนอื่น..แทน... ข้อดีของเลข 8 การใช้เลข 8 มีศักยภาพในการดึงดูดโอกาสและผู้คนจำนวนมากเข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจส่งเสริมความมั่งคั่งและความสำเร็จ โดยเฉพาะในเชิงธุรกิจหรือการสร้างเครือข่าย เพราะเลขนี้มักเชื่อมโยงกับโชคลาภและการเติบโตทางการเงิน ..หละกฐานเขิงประจักษ์ ผู้เขียน เอาเบอร์ 0** 89888*8 ไปให้ลูกสาวใช้...เงินทั้งนั้น งานทั้งนั้น..แต่แบบที่เขียนด้านบนเลย ข้อเสียก็มี...ต้องมีสติ คิดดีๆ อาจถูกชักจูงโดยง่าย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧧 สิ่งที่ท่านควรทราบ..ในแทบทุกวงการ..จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...และใช้คำว่า มาตรฐาน ขึ้นมากำหนด...ไม่ว่า วงการ พระ ดูดวง เลขทะเบียน เลขโทรศัพท์ ..หรือ สิ่งอื่น ที่ผูกพันธ์กับความเชื่อ...ถ้าท่านศึกษาและเข้าใจวัฏจักรของสิ่งเหล่านี้...ท่านจะทราบว่า มันอาจใช่หรือไม่ จริงหรือไม่จริง...คงยากที่จะพิสูจน์ทราบ...ที่เขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อนสนับสนุนแนวคิด ความเชื่อ ไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สิ่งเหล่านั้น...และ ตีกรอบ สิ่งที่ ไม่เหมือนที่เขาเล่นกันว่า ไม่ใช่...ในหลายศาสตร์ ท่านสามารถศึกษาเองได้...ตามวิธีคิดขอบท่าน ..สำหรับตัวผู้เขียนเอง...จะแยกกลุ่มกัน..เช่น พระเครื่องแบบที่เก็บไว้สร้างมูลค่าเพิ่มก็แบบนึง...พระที่แบบใช้แล้วมั่นใจ มีประสบการณ์จริง (ตามสถิติส่วนตัวที่เก็บมาตลอดหบายสิบปี) ก็อีกแบบนึง... ศาสตร์หมอดู ศาสตร์ตัวเลข ก็เช่นกัน...เอาความรู้ตำราจากทั่วโลก และไทยด้วย มาประมวลผล เข้ากับหลักสถิติ แล้วคัดแบบที่ ไม่ใช่ ออกไป....
    🧧 สิ่งที่ท่านควรทราบ..ในแทบทุกวงการ..จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...และใช้คำว่า มาตรฐาน ขึ้นมากำหนด...ไม่ว่า วงการ พระ ดูดวง เลขทะเบียน เลขโทรศัพท์ ..หรือ สิ่งอื่น ที่ผูกพันธ์กับความเชื่อ...ถ้าท่านศึกษาและเข้าใจวัฏจักรของสิ่งเหล่านี้...ท่านจะทราบว่า มันอาจใช่หรือไม่ จริงหรือไม่จริง...คงยากที่จะพิสูจน์ทราบ...ที่เขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อนสนับสนุนแนวคิด ความเชื่อ ไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สิ่งเหล่านั้น...และ ตีกรอบ สิ่งที่ ไม่เหมือนที่เขาเล่นกันว่า ไม่ใช่...ในหลายศาสตร์ ท่านสามารถศึกษาเองได้...ตามวิธีคิดขอบท่าน ..สำหรับตัวผู้เขียนเอง...จะแยกกลุ่มกัน..เช่น พระเครื่องแบบที่เก็บไว้สร้างมูลค่าเพิ่มก็แบบนึง...พระที่แบบใช้แล้วมั่นใจ มีประสบการณ์จริง (ตามสถิติส่วนตัวที่เก็บมาตลอดหบายสิบปี) ก็อีกแบบนึง... ศาสตร์หมอดู ศาสตร์ตัวเลข ก็เช่นกัน...เอาความรู้ตำราจากทั่วโลก และไทยด้วย มาประมวลผล เข้ากับหลักสถิติ แล้วคัดแบบที่ ไม่ใช่ ออกไป....
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลิขิตแห่งฟ้า ชะตาแห่งดิน
    ผู้คนทั่วไปมักมองว่าโชคชะตาของเรานั้นล้วนลิขิตเองได้ แต่สำหรับผมแล้วนั้นมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ไม่มีใครฝืนชะตาแห่งฟ้าที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สึกว่าชีวิตเราทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำและต้องการที่จะให้มันเป็นไปอย่างนี้อย่างนั้นเลย แต่สุดท้ายแล้วในท้ายที่สุดแล้วมันก็มักจะมาลงเอยในแบบที่เราไม่อยากให้เป็น ทุกชีวิตทุกจิตวิญญาณล้วนถูกฟ้าเบื้องบนลิขิตเอาไว้แล้วทั้งนั้น ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆได้เลย
    ชะตากรรมแห่งดินของเราๆสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ หมายถึงเราสามารถที่จะเลือกได้ เลือกได้ว่าจะไปในทิศทางใด จะไปดีหรือไปร้าย เราเลือกเดินได้และเลือกเดินด้วยตนเองทั้งนั้น เราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ว่าอนาคตของเราที่เราคาดหวังไว้นั้นจะเป็นไปอย่างไรในชั่วชีวิตนี้ชาติหนึ่งของเรา และทุกบททดสอบ ทุกการทดสอบจากเบื้องบนนั้น เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการเลือก และในการเลือกแต่ละครั้งนั้นหมายถึงอนาคตของเรานั่นเอง
    ลุงตั๊บ(ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล)มักจะบอกอยู่เสมอๆว่า “คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต” ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง และมันไม่สามารถที่จะคำนวณเองได้ด้วยตรรกะของคนธรรมดาๆได้เลย
    นักปราชญ์อย่างท่านเทพขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง มักจะบอกอยู่เสมอๆว่า “ฝืนฟ้ามิอาจอยู่ได้ ต้องปล่อยไปตามฟ้า” ซึ่งคนเราไม่อาจสามารถที่จะฝืนฟ้าหรือเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองได้เลย
    ส่วนผมนั้นได้คิดคำๆนี้ขึ้นมาก็คือ “ลิขิตแห่งฟ้า ชะตาแห่งดิน” ลิขิตแห่งฟ้านั้นฝืนไม่ได้ แต่โชคชะตาแห่งดินนั้นเราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ โดยการเลือกของเรา การเลือกเส้นทางเดินของเรา หากเราเลือกถูกก็ดีไป หากเราเลือกผิดก็แย่ไป
    หลวงปู่ญาณฯ(สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก)ประมุขสงฆ์ไทยและโลก ได้เคยสอนไว้ว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น จงคิดให้ดี แล้วจึงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด”
    สุดท้ายนี้นี่ก็เป็นแค่ทฤษฎีของผมเอง ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความเชื่อเป็นเช่นไร ซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่ประสบการณ์ของคุณเอง
    ลิขิตแห่งฟ้า ชะตาแห่งดิน ผู้คนทั่วไปมักมองว่าโชคชะตาของเรานั้นล้วนลิขิตเองได้ แต่สำหรับผมแล้วนั้นมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ไม่มีใครฝืนชะตาแห่งฟ้าที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สึกว่าชีวิตเราทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำและต้องการที่จะให้มันเป็นไปอย่างนี้อย่างนั้นเลย แต่สุดท้ายแล้วในท้ายที่สุดแล้วมันก็มักจะมาลงเอยในแบบที่เราไม่อยากให้เป็น ทุกชีวิตทุกจิตวิญญาณล้วนถูกฟ้าเบื้องบนลิขิตเอาไว้แล้วทั้งนั้น ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆได้เลย ชะตากรรมแห่งดินของเราๆสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ หมายถึงเราสามารถที่จะเลือกได้ เลือกได้ว่าจะไปในทิศทางใด จะไปดีหรือไปร้าย เราเลือกเดินได้และเลือกเดินด้วยตนเองทั้งนั้น เราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ว่าอนาคตของเราที่เราคาดหวังไว้นั้นจะเป็นไปอย่างไรในชั่วชีวิตนี้ชาติหนึ่งของเรา และทุกบททดสอบ ทุกการทดสอบจากเบื้องบนนั้น เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการเลือก และในการเลือกแต่ละครั้งนั้นหมายถึงอนาคตของเรานั่นเอง ลุงตั๊บ(ลุงสนธิ ลิ้มทองกุล)มักจะบอกอยู่เสมอๆว่า “คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต” ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง และมันไม่สามารถที่จะคำนวณเองได้ด้วยตรรกะของคนธรรมดาๆได้เลย นักปราชญ์อย่างท่านเทพขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง มักจะบอกอยู่เสมอๆว่า “ฝืนฟ้ามิอาจอยู่ได้ ต้องปล่อยไปตามฟ้า” ซึ่งคนเราไม่อาจสามารถที่จะฝืนฟ้าหรือเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเองได้เลย ส่วนผมนั้นได้คิดคำๆนี้ขึ้นมาก็คือ “ลิขิตแห่งฟ้า ชะตาแห่งดิน” ลิขิตแห่งฟ้านั้นฝืนไม่ได้ แต่โชคชะตาแห่งดินนั้นเราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ โดยการเลือกของเรา การเลือกเส้นทางเดินของเรา หากเราเลือกถูกก็ดีไป หากเราเลือกผิดก็แย่ไป หลวงปู่ญาณฯ(สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก)ประมุขสงฆ์ไทยและโลก ได้เคยสอนไว้ว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น จงคิดให้ดี แล้วจึงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด” สุดท้ายนี้นี่ก็เป็นแค่ทฤษฎีของผมเอง ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความเชื่อเป็นเช่นไร ซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่ประสบการณ์ของคุณเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts