• ศาลโลก
    รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19
    ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง...
    **************
    โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์
    มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!!
    นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้
    นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

    - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก
    - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ
    ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า
    - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ?

    **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า

    - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล
    ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก

    ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม

    ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย
    - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก
    ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด
    ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่

    มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม
    ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น
    *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้
    - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า
    ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น.
    >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง
    **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi"
    >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK
    *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19
    ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว
    หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา"
    ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา
    เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ

    >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า”
    >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด
    ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น
    ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร
    *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015
    - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป
    อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!!
    - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก
    ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว
    - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19
    >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก***
    >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!!

    **Ny Ny*
    ขอบคุณข้อมูลจาก

    นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ศาลโลก รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น. >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19 >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! **Ny Ny* ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

    “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ

    แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย

    ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก

    เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด

    ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้

    ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง

    เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว”

    แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

    ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี

    ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก

    สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว

    จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้

    แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม

    ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture

    ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media

    เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก

    พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง

    ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้

    จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”

    https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/

    #Thaitimes
    บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/ #Thaitimes
    WWW.SALIKA.CO
    UGC เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”
    User-Generated Content (UGC) หมายถึง Story ที่ผู้บริโภค หรือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย สร้างขึ้นมาเอง โดยผู้คนเหล่านั้น จะพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาประทับใจ หรือให้ความสนใจ โดยที่ต้นเรื่องไม่ต้องเสียเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Nat MJ
    “ น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ หนักกว่า 54 คิดเป็นระดับน้ำท่วมที่รอบ 200 ปี เลยทีเดียว แต่ทำไมคลื่นน้ำท่วม 54 มากกว่า ปี 67 นี้ ??

    จากฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดคลื่นน้ำท่วมลงมาที่เชียงใหม่ติดๆ กัน 2 ครั้ง และในครั้งหลังซึ่งกำลังไหลเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ เหมือนอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนนั้น หลายคนบอกว่าหนักกว่าปี 54 อีก ซึ่งมาจากปริมาณฝนที่มากรวมกับสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นในดินสูงและอิ่มตัวด้วยน้ำ ทำให้ฝนที่ตกลงมาเกิดเป็นน้ำท่าจำนวนมาก

    ซึ่งตรงนี้เป็นที่น่าสนใจคือ จากรูปที่ 1 (ล่าง) ถ้าเทียบอัตราการไหลของปี 2567 กับ ปี 2554 พบกว่า ปีนี้ 2567 อัตราการไหลสูงสุด คือ 656 ลบ.ม./วิ. ซึ่ง "น้อยกว่า" ปี 2554 ซึ่งมีมากถึง 816.8 ลบ.ม./วิ. แต่เมื่อเทียบระดับน้ำสูงสุด พบกว่า ปี 2567 อยู่ที่ 305.80 ม.รทก. ซึ่ง "มากกว่า" ปี 2554 ที่ 305.44 ม.รทก.

    ตรงนี้เองที่ทำให้หลายคนบอกว่าปีนี้ 2567 ท่วมหนักกว่า 2554 เพราะระดับน้ำนั้นสูงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงว่า ความสามารถในการไหลของน้ำของแม่น้ำปิงที่ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่นั้นลดลงอย่างมาก คือ ที่ระดับน้ำเดียวกันมีความสามารถในการไหลผ่านน้อยกว่ามาก ซึ่งตรงนี้เป็นไปได้ทั้งในแง่ของทางน้ำที่ถูกบีบแคบลงเนื่องจากการรุกล้ำทางน้ำ หรือการตกทับถมของตะกอนตามท้องลำน้ำ หรือมีสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำตามจุดต่างๆ รวมทั้งสิ่งอื่นๆ ที่กระทบต่อการระบายน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์มีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นด้วย

    ถ้ามาดูรูปที่ 2 (ภาพบน) ระดับน้ำสูงสุดชั่วขณะรายปีนั้นมีค่าแตกต่างเพิ่มขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มความแตกต่างที่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ รูปที่ 2 (ภาพล่าง) อัตราการไหลสูงสุดรายปีที่แตกต่างกันจากอดีตเพิ่มขึ้นมา และเริ่มคงที่ในช่วงท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง ลักษณะทางกายภาพของลำน้ำปิงที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้นจากเดิมโดยที่ฝนหรือน้ำท่วมที่ไหลลงมาอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมได้

    และสุดท้าย รูปที่ 3 เมื่อเอาค่าอัตราการไหลสูงสุดและระดับน้ำสูงสุดของปี 2554 และ 2567 ที่กำลังเกิดขึ้นมาคำนวณเป็นรอบปีการเกิดซ้ำ จะได้ว่า

    - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2567 = 305.8 ม.รทก. ที่รอบปี 200 ปี !!
    - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2554 = 305.44 ม.รทก. ที่รอบปี 46 ปี

    แต่อัตราการไหลจะสลับกัน คือ

    - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2567 = 656.0 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 17 ปี เท่านั้น !!
    - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2554 = 816.8 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 62 ปี เท่านั้น !!

    ซึ่งแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่โดยตรง”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Er32UGx7FbUzZGtb/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Nat MJ “ น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ หนักกว่า 54 คิดเป็นระดับน้ำท่วมที่รอบ 200 ปี เลยทีเดียว แต่ทำไมคลื่นน้ำท่วม 54 มากกว่า ปี 67 นี้ ?? จากฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดคลื่นน้ำท่วมลงมาที่เชียงใหม่ติดๆ กัน 2 ครั้ง และในครั้งหลังซึ่งกำลังไหลเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ เหมือนอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนนั้น หลายคนบอกว่าหนักกว่าปี 54 อีก ซึ่งมาจากปริมาณฝนที่มากรวมกับสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นในดินสูงและอิ่มตัวด้วยน้ำ ทำให้ฝนที่ตกลงมาเกิดเป็นน้ำท่าจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้เป็นที่น่าสนใจคือ จากรูปที่ 1 (ล่าง) ถ้าเทียบอัตราการไหลของปี 2567 กับ ปี 2554 พบกว่า ปีนี้ 2567 อัตราการไหลสูงสุด คือ 656 ลบ.ม./วิ. ซึ่ง "น้อยกว่า" ปี 2554 ซึ่งมีมากถึง 816.8 ลบ.ม./วิ. แต่เมื่อเทียบระดับน้ำสูงสุด พบกว่า ปี 2567 อยู่ที่ 305.80 ม.รทก. ซึ่ง "มากกว่า" ปี 2554 ที่ 305.44 ม.รทก. ตรงนี้เองที่ทำให้หลายคนบอกว่าปีนี้ 2567 ท่วมหนักกว่า 2554 เพราะระดับน้ำนั้นสูงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงว่า ความสามารถในการไหลของน้ำของแม่น้ำปิงที่ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่นั้นลดลงอย่างมาก คือ ที่ระดับน้ำเดียวกันมีความสามารถในการไหลผ่านน้อยกว่ามาก ซึ่งตรงนี้เป็นไปได้ทั้งในแง่ของทางน้ำที่ถูกบีบแคบลงเนื่องจากการรุกล้ำทางน้ำ หรือการตกทับถมของตะกอนตามท้องลำน้ำ หรือมีสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำตามจุดต่างๆ รวมทั้งสิ่งอื่นๆ ที่กระทบต่อการระบายน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์มีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นด้วย ถ้ามาดูรูปที่ 2 (ภาพบน) ระดับน้ำสูงสุดชั่วขณะรายปีนั้นมีค่าแตกต่างเพิ่มขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มความแตกต่างที่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ รูปที่ 2 (ภาพล่าง) อัตราการไหลสูงสุดรายปีที่แตกต่างกันจากอดีตเพิ่มขึ้นมา และเริ่มคงที่ในช่วงท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง ลักษณะทางกายภาพของลำน้ำปิงที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้นจากเดิมโดยที่ฝนหรือน้ำท่วมที่ไหลลงมาอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมได้ และสุดท้าย รูปที่ 3 เมื่อเอาค่าอัตราการไหลสูงสุดและระดับน้ำสูงสุดของปี 2554 และ 2567 ที่กำลังเกิดขึ้นมาคำนวณเป็นรอบปีการเกิดซ้ำ จะได้ว่า - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2567 = 305.8 ม.รทก. ที่รอบปี 200 ปี !! - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2554 = 305.44 ม.รทก. ที่รอบปี 46 ปี แต่อัตราการไหลจะสลับกัน คือ - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2567 = 656.0 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 17 ปี เท่านั้น !! - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2554 = 816.8 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 62 ปี เท่านั้น !! ซึ่งแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่โดยตรง” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Er32UGx7FbUzZGtb/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์"
    .
    ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น
    .
    ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี
    .
    ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย
    .
    -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป
    .
    เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก
    .
    ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ
    .
    แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย
    .
    แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์" . ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น . ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี . ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย . -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป . เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก . ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ . แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย . แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตจะมีคู่หรือเป็นโสดนั้น ไม่มีคำตอบตายตัวว่าดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเป้าหมายของแต่ละคน บางคนในวัยหนุ่มสาวอาจโหยหาคู่ชีวิตเพื่อเติมเต็มความเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับรู้สึกว่าการมีคู่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นตามที่คาดหวัง ในขณะที่บางคนอาจไม่เคยคิดอยากมีคู่ แต่เมื่ออายุล่วงเลยไปก็พบความสุขและความสมดุลในชีวิตคู่

    สิ่งสำคัญไม่ใช่การถกเถียงว่าเป็นโสดหรือมีคู่ดีกว่ากัน แต่เป็นการเข้าใจว่าแต่ละคนมีเหตุปัจจัยและเส้นทางชีวิตต่างกัน การจะมีความสุขหรือไม่ขึ้นอยู่กับการสร้างเหตุปัจจัยที่เหมาะสมกับตัวเองและการร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักหรือชีวิตเดี่ยว การพัฒนาตัวเองและตั้งคำถามกับตัวเองถึงสิ่งที่ต้องการจากชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ

    คู่รักที่มีความสุขไม่ใช่เพียงอยู่ร่วมกันไปวันๆ แต่พวกเขาร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ หมั่นพูดคุยและหาวิธีสร้างความสุข ลดความทุกข์ในชีวิตประจำวัน การเงยหน้ามองกันแทนการจ้องมือถือ คุยกันถึงสิ่งดีๆ ที่จะทำร่วมกัน เป็นการสร้างความสุขที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด

    ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเราสร้างเหตุปัจจัยอะไรให้กับชีวิตของตัวเอง และเราเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ของเราเองบ้าง
    ชีวิตจะมีคู่หรือเป็นโสดนั้น ไม่มีคำตอบตายตัวว่าดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเป้าหมายของแต่ละคน บางคนในวัยหนุ่มสาวอาจโหยหาคู่ชีวิตเพื่อเติมเต็มความเหงา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับรู้สึกว่าการมีคู่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นตามที่คาดหวัง ในขณะที่บางคนอาจไม่เคยคิดอยากมีคู่ แต่เมื่ออายุล่วงเลยไปก็พบความสุขและความสมดุลในชีวิตคู่ สิ่งสำคัญไม่ใช่การถกเถียงว่าเป็นโสดหรือมีคู่ดีกว่ากัน แต่เป็นการเข้าใจว่าแต่ละคนมีเหตุปัจจัยและเส้นทางชีวิตต่างกัน การจะมีความสุขหรือไม่ขึ้นอยู่กับการสร้างเหตุปัจจัยที่เหมาะสมกับตัวเองและการร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักหรือชีวิตเดี่ยว การพัฒนาตัวเองและตั้งคำถามกับตัวเองถึงสิ่งที่ต้องการจากชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ คู่รักที่มีความสุขไม่ใช่เพียงอยู่ร่วมกันไปวันๆ แต่พวกเขาร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ หมั่นพูดคุยและหาวิธีสร้างความสุข ลดความทุกข์ในชีวิตประจำวัน การเงยหน้ามองกันแทนการจ้องมือถือ คุยกันถึงสิ่งดีๆ ที่จะทำร่วมกัน เป็นการสร้างความสุขที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเราสร้างเหตุปัจจัยอะไรให้กับชีวิตของตัวเอง และเราเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ของเราเองบ้าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ

    ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย

    การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ

    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

    โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน

    ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙

    เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน

    วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

    การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป

    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร
    #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน

    ที่มา : @พระลาน
    https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน ที่มา : @พระลาน https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว
    .
    ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์
    .
    เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก
    .
    ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง
    .
    ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย
    .
    ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก
    .
    สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก
    .
    ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า
    .
    ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม
    .
    คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว . ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์ . เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก . ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง . ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย . ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก . สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก . ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า . ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม . คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    Like
    Sad
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!!

    ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!!

    การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น……
    วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์
    ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย
    ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน)
    สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน

    ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า……
    “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……”
    แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว
    สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน……

    ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก
    เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้
    ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย……

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น
    ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ
    ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น……
    แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง

    ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน
    ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก……

    กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น
    Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์
    ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน……
    หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva
    ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ
    เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย
    หลายคนเริ่มตำหนิปูติน….
    แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า……
    “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน……
    ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร
    พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี
    เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?”

    คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน
    ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ
    เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ
    เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที
    พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น

    เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย
    ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!!
    ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน……

    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ
    แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ
    (มืออาชีพจริงๆ……)

    การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
    เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส
    ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน
    ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล

    หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน
    ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น……
    ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……??
    ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก
    แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน)

    แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้……
    ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต
    และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน
    ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน

    ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26)

    ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!! ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!! การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น…… วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์ ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน) สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า…… “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……” แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน…… ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้ ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย…… ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น…… แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก…… กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน…… หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย หลายคนเริ่มตำหนิปูติน…. แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า…… “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน…… ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?” คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!! ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน…… วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ (มืออาชีพจริงๆ……) การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น…… ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……?? ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน) แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้…… ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26) ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมสร้างแรงจูงใจ Failure: ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
    คำคมสร้างแรงจูงใจ Failure: ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ใครช่วยจัดการที่เถอะค่ะ เห็นภาพท่านนายกเปิดไอแพดอ่านตอนท่านประชุมกับผู้น้ำอิหราน ไรสาระมาก แถมอ่านยังไม่คล่องอีกด้วย เค้าก็ไม่ใช้อังกฤษคุยกับท่าน ทำไมไม่ใช้ล่าม

    นายกคนนี้ไม่ต้องดูดวงชะตา เลย มีแต่ต้องเชิญให้ลงจากตำแหน่งเพราะความรู้ ความสามารถไม่พอจริงๆ เห็นแล้วอายคนต่างชาติ

    และสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันให้ชาติที่ต้องการแทรกแทรงทางการเมืองยิ่งทวีความอยาก อาจจะช่วยกันเข้ามารุมกินโต๊ะ ประเทศเรา เพราะว่าผู้นำทั้งโง่ และ แถมไม่มีความเป็นผู้นำ มีการเหวี่ยงอารมณ์ใส่คนอื่น เวลาจะแถลงอะไรทีจะต้องมีทีมมายืน หกเจ็ดคนด้านหลังคอยสะกิดตลอด

    บอกตรงๆว่าคงไม่รอด
    ใครช่วยจัดการที่เถอะค่ะ เห็นภาพท่านนายกเปิดไอแพดอ่านตอนท่านประชุมกับผู้น้ำอิหราน ไรสาระมาก แถมอ่านยังไม่คล่องอีกด้วย เค้าก็ไม่ใช้อังกฤษคุยกับท่าน ทำไมไม่ใช้ล่าม นายกคนนี้ไม่ต้องดูดวงชะตา เลย มีแต่ต้องเชิญให้ลงจากตำแหน่งเพราะความรู้ ความสามารถไม่พอจริงๆ เห็นแล้วอายคนต่างชาติ และสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันให้ชาติที่ต้องการแทรกแทรงทางการเมืองยิ่งทวีความอยาก อาจจะช่วยกันเข้ามารุมกินโต๊ะ ประเทศเรา เพราะว่าผู้นำทั้งโง่ และ แถมไม่มีความเป็นผู้นำ มีการเหวี่ยงอารมณ์ใส่คนอื่น เวลาจะแถลงอะไรทีจะต้องมีทีมมายืน หกเจ็ดคนด้านหลังคอยสะกิดตลอด บอกตรงๆว่าคงไม่รอด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠

    ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา

    ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公)

    🥳หนึ่ง🥳

    เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927

    ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา

    เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน

    ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน"

    หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋)

    ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า:

    “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง”

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ

    ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)"

    ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)"

    เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย

    ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้

    🥳สอง🥳

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ

    หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้

    หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

    ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

    แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛)

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ:

    เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง

    สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公)

    ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด

    ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10%

    นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

    🥳สาม🥳

    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว:

    ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ

    ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨)

    ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ

    หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ

    ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า:

    ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน”

    หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร

    ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย

    หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป"

    เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠 ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) 🥳หนึ่ง🥳 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927 ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน" หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋) ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า: “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)" ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)" เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ 🥳สอง🥳 หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้ หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛) หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ: เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公) ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10% นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น 🥳สาม🥳 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว: ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า: ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป" เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากยุคสมัยที่เต็มไปด้วยวิกฤตรุ่มร้อนที่สุดด้วยไฟสงครามเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้วถึงยุคปัจจุบันที่กำลังรุ่มร้อนที่สุดด้วยไฟสงครามเช่นกัน “จวงจื่อ” นับเป็นเพื่อนสนทนาที่ดี ผู้กระตุกความคิดให้เข้าใจถึงความสุขที่แท้ของมนุษย์ ปลดเปลื้องพันธนาการโลกโลกย์ และโบยบินไปในวิถีอิสรจรเยี่ยงพญานกเผิง และพำนักอย่างเบาใจในท่ามกลางโลกมนุษย์อันวุ่นวาย

    ความโดดเด่นในการสอนปรัชญาชีวิตของคัมภีร์เต๋าของจวงจื่อ คือการกระตุกความคิดด้วยนิทานสาธก เรื่องเล่าสั้นๆ บทสนทนา ที่ล้วนเฉียบคม ลึกซึ้ง เสียดแทง ทั้งสนุกเพราะจวงจื่อใช้อารมณ์ขันเป็นแก่นหลักในลีลาการเขียน ดูเหมือนท่านจะรู้ซึ้งว่าการได้หัวเราะดังๆสักครั้งย่อมมีค่ายิ่งกว่าถ้อยคำก่นด่านับสิบหน้า

    ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9670000094735?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR17YxjshzpgOmlULMx-IqPJvq-GvtBin3ZK27k8UldDEjRcf2HfdndKVO0_aem_1SSz4eqHwdNJkmR-4q6JOQ#m1xc53kueiio8qnntcd

    #Thaitimes
    จากยุคสมัยที่เต็มไปด้วยวิกฤตรุ่มร้อนที่สุดด้วยไฟสงครามเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้วถึงยุคปัจจุบันที่กำลังรุ่มร้อนที่สุดด้วยไฟสงครามเช่นกัน “จวงจื่อ” นับเป็นเพื่อนสนทนาที่ดี ผู้กระตุกความคิดให้เข้าใจถึงความสุขที่แท้ของมนุษย์ ปลดเปลื้องพันธนาการโลกโลกย์ และโบยบินไปในวิถีอิสรจรเยี่ยงพญานกเผิง และพำนักอย่างเบาใจในท่ามกลางโลกมนุษย์อันวุ่นวาย ความโดดเด่นในการสอนปรัชญาชีวิตของคัมภีร์เต๋าของจวงจื่อ คือการกระตุกความคิดด้วยนิทานสาธก เรื่องเล่าสั้นๆ บทสนทนา ที่ล้วนเฉียบคม ลึกซึ้ง เสียดแทง ทั้งสนุกเพราะจวงจื่อใช้อารมณ์ขันเป็นแก่นหลักในลีลาการเขียน ดูเหมือนท่านจะรู้ซึ้งว่าการได้หัวเราะดังๆสักครั้งย่อมมีค่ายิ่งกว่าถ้อยคำก่นด่านับสิบหน้า ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9670000094735?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR17YxjshzpgOmlULMx-IqPJvq-GvtBin3ZK27k8UldDEjRcf2HfdndKVO0_aem_1SSz4eqHwdNJkmR-4q6JOQ#m1xc53kueiio8qnntcd #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น .
    ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที.
    ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น.
    ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง.
    ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น . ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที. ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น. ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง. ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูประกาศจะเอาชนะ "กลุ่มตัวแทนอิหร่าน" โดยไม่ต้องให้ประเทศต่างๆเข้ามาช่วยเหลือ

    🤣"ในขณะที่อิสราเอลกำลังต่อสู้กับกองกำลังป่าเถื่อนที่นำโดยอิหร่าน, ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศต้องยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม, ประธานาธิบดี [เอ็มมานูเอล] มาครง [ฝรั่งเศส] และผู้นำชาติตะวันตกคนอื่นๆ เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอาวุธต่ออิสราเอล พวกเขาน่าอับอายมาก... อิสราเอลจะชนะไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่ก็ตาม,"🤣 นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวในการปราศรัยต่อประเทศชาติ

    ก่อนหน้านี้, มาครงกล่าวว่าเขาสนับสนุนการระงับการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล, ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา, และเรียกร้องให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นลำดับความสำคัญในการแก้ไขความตึงเครียดในภูมิภาค
    .
    NETANYAHU VOWS TO DEFEAT 'IRANIAN PROXIES' WITHOUT HELP OF NATIONS MULLING ARMS EMBARGO

    "While Israel is fighting the forces of barbarism led by Iran, all civilized nations must stand firmly by Israel's side. However, [French] President [Emmanuel] Macron and other Western leaders are calling for an arms embargo on Israel. Shame on them ... Israel will win with or without their support," Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu said in his address to the nation.

    Earlier, Macron said he stood in favor of suspending arms supplies to Israel, which is used for military operations in the Gaza Strip, and called such a move a priority for resolving tensions in the region.
    .
    12:55 PM · Oct 6, 2024 · 1,594 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1842805941391008183
    เนทันยาฮูประกาศจะเอาชนะ "กลุ่มตัวแทนอิหร่าน" โดยไม่ต้องให้ประเทศต่างๆเข้ามาช่วยเหลือ 🤣"ในขณะที่อิสราเอลกำลังต่อสู้กับกองกำลังป่าเถื่อนที่นำโดยอิหร่าน, ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศต้องยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม, ประธานาธิบดี [เอ็มมานูเอล] มาครง [ฝรั่งเศส] และผู้นำชาติตะวันตกคนอื่นๆ เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอาวุธต่ออิสราเอล พวกเขาน่าอับอายมาก... อิสราเอลจะชนะไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่ก็ตาม,"🤣 นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวในการปราศรัยต่อประเทศชาติ ก่อนหน้านี้, มาครงกล่าวว่าเขาสนับสนุนการระงับการส่งอาวุธให้กับอิสราเอล, ซึ่งใช้สำหรับปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา, และเรียกร้องให้การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นลำดับความสำคัญในการแก้ไขความตึงเครียดในภูมิภาค . NETANYAHU VOWS TO DEFEAT 'IRANIAN PROXIES' WITHOUT HELP OF NATIONS MULLING ARMS EMBARGO "While Israel is fighting the forces of barbarism led by Iran, all civilized nations must stand firmly by Israel's side. However, [French] President [Emmanuel] Macron and other Western leaders are calling for an arms embargo on Israel. Shame on them ... Israel will win with or without their support," Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu said in his address to the nation. Earlier, Macron said he stood in favor of suspending arms supplies to Israel, which is used for military operations in the Gaza Strip, and called such a move a priority for resolving tensions in the region. . 12:55 PM · Oct 6, 2024 · 1,594 Views https://x.com/SputnikInt/status/1842805941391008183
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาของโลกใบนี้คือ
    คนฉลาดมักจะเต็มไปด้วย
    “ ความสงสัย”
    ในขณะที่คนโง่ มักจะเต็มไปด้วย
    “ ความมั่นใจ”

    สะท้อนถึงความย้อนแย้งในพฤติกรรมและทัศนคติของคนที่ฉลาดและคนที่โง่ โดยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีปัญญาหรือความรู้มาก มักจะมีความสงสัยอยู่เสมอ ซึ่งความสงสัยนั้นเกิดจากการที่พวกเขาเข้าใจว่าโลกซับซ้อน มีหลายแง่มุมที่ยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด คนฉลาดรู้ว่าไม่มีใครรู้ทุกอย่าง ดังนั้นพวกเขามักจะตรวจสอบและตั้งคำถามกับสิ่ง
    ต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบหรือมุมมอง
    ที่ถูกต้องกว่า

    ในทางกลับกัน คนโง่หรือคนที่ขาดความรู้ มักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจในความคิดหรือทัศนคติของตนเอง พวกเขาไม่ค่อยตั้งคำถามกับความเชื่อหรือความคิดเห็นของตัวเอง เพราะพวกเขาอาจไม่เห็นความซับซ้อนของโลก หรือไม่ได้รับรู้ถึงข้อจำกัดของความรู้ที่ตนเองมี ความมั่นใจที่เกิดจากการไม่รู้ หรือการ
    ไม่เข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าจึงเป็นสิ่ง
    ที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจ
    อย่างเกินเหตุ

    ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ คนที่มีความมั่นใจเกินไปอาจก่อให้เกิดการตัดสินใจหรือการกระทำที่ผิดพลาด ในขณะที่คนฉลาดที่มีความสงสัยอาจลังเลที่จะลงมือหรือมีการคิดพิจารณาที่ซับซ้อนเกินไป ผลที่ตามมาคือโลกอาจถูกขับเคลื่อนโดยคนที่มีความมั่นใจแต่ขาดความเข้าใจในเชิงลึก ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนความไม่สมดุลในวิธีคิดและการกระทำของคนในสังคม
    ปัญหาของโลกใบนี้คือ คนฉลาดมักจะเต็มไปด้วย “ ความสงสัย” ในขณะที่คนโง่ มักจะเต็มไปด้วย “ ความมั่นใจ” สะท้อนถึงความย้อนแย้งในพฤติกรรมและทัศนคติของคนที่ฉลาดและคนที่โง่ โดยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีปัญญาหรือความรู้มาก มักจะมีความสงสัยอยู่เสมอ ซึ่งความสงสัยนั้นเกิดจากการที่พวกเขาเข้าใจว่าโลกซับซ้อน มีหลายแง่มุมที่ยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด คนฉลาดรู้ว่าไม่มีใครรู้ทุกอย่าง ดังนั้นพวกเขามักจะตรวจสอบและตั้งคำถามกับสิ่ง ต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบหรือมุมมอง ที่ถูกต้องกว่า ในทางกลับกัน คนโง่หรือคนที่ขาดความรู้ มักจะเต็มไปด้วยความมั่นใจในความคิดหรือทัศนคติของตนเอง พวกเขาไม่ค่อยตั้งคำถามกับความเชื่อหรือความคิดเห็นของตัวเอง เพราะพวกเขาอาจไม่เห็นความซับซ้อนของโลก หรือไม่ได้รับรู้ถึงข้อจำกัดของความรู้ที่ตนเองมี ความมั่นใจที่เกิดจากการไม่รู้ หรือการ ไม่เข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าจึงเป็นสิ่ง ที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจ อย่างเกินเหตุ ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ คนที่มีความมั่นใจเกินไปอาจก่อให้เกิดการตัดสินใจหรือการกระทำที่ผิดพลาด ในขณะที่คนฉลาดที่มีความสงสัยอาจลังเลที่จะลงมือหรือมีการคิดพิจารณาที่ซับซ้อนเกินไป ผลที่ตามมาคือโลกอาจถูกขับเคลื่อนโดยคนที่มีความมั่นใจแต่ขาดความเข้าใจในเชิงลึก ซึ่งเป็นปัญหาที่สะท้อนความไม่สมดุลในวิธีคิดและการกระทำของคนในสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เป็นอีกครั้งที่ออกมาประกาศจะตอบโต้อิหร่านที่รัวยิงขีปนาวุธแก้แค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา อ้างว่าประเทศของเขามีสิทธิทำเช่นนั้น และในความเคลื่อนไหวสอดรับกัน ทางกองทัพอิสราเอลเผยว่าพวกเขาอยู่ระหว่างเตรียมการแก้แค้น
    .
    ระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (5 ต.ค.) เนทันยาฮู เน้นย้ำว่าอิสราเอลจะตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน "อิหร่านยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกเข้าใส่ดินแดนและเมืองต่างๆ ของเราถึง 2 รอบ มันเป็นหนึ่งในการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" เขากล่าว อ้างถึงเหตุโจมตีในสัปดาห์นี้ และเหตุโจมตีก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน
    .
    เขากล่าวต่อว่า "อิสราเอลมีหน้าที่และมีสิทธิปกป้องตนเอง และตอบโต้เหตุโจมตีเหล่านี้ และเราจะทำเช่นนั้น"
    .
    คำประกาศของเนทันยาฮู ในขึ้นพร้อมๆ กับที่ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอิสราเอลบอกกับเอเอฟพีในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่ากองทัพกำลังเตรียมพร้อมตอบโต้ กรณีอิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเล็งเป้าเล่นงานอิสราเอลเมื่อช่วงต้นสัปดาห์
    .
    "กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลกำลังเตรียมการตอบโต้ต่อเหตุโจมตีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและไม่ชอบธรรมของอิหร่าน ใส่พลเมืองอิสราเอล และอิสราเอล" เจ้าหน้าที่กองทัพระบุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รายนี้ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะ
    .
    เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะหรือกรอบเวลาในการตอบโต้ แต่หนังสือพิมพ์เอียงซ้าย Haaretz อ้างแหล่งข่าวกองทัพรายงานว่าการตอบโต้ของกองทัพเป็นไปอย่างหนักหน่วง
    .
    "กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีหนักหน่วงในอิหร่าน ตามหลังอิหร่านโจมตีด้วยห่าขีปนาวุธในสัปดาห์นี้" หนังสือพิมพ์แห่งนี้รายงาน "กองทัพไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจยิงขีปนาวุธเข้าใส่ดินแดนของอิสราเอลอีกรอบ หลังอิสราเอลโจมตีแก้แค้น"
    .
    เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล มันถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 6 เดือน ที่เตหะรานยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล
    .
    ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล แต่บางส่วนเล็ดลอดไปโดยฐานทัพทหาร แต่ไม่ก่อความเสียหายร้ายแรงหรือความสูญเสียใดๆ
    .
    อิหร่านบอกว่ายิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล เพื่อแก้แค้นเหตุลอบสังหาร นัสซัน ฮัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ที่เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล เล่นงานกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน
    .
    นอกจากนี้ การรัวขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอลของอิหร่านยังเป็นการแก้แค้นเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ซึ่งเสียชีวิตในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม
    .
    ทั้งอิหร่านและฮามาส ต่างกล่าวโทษอิสราเอล สำหรับเหตุลอบสังหารฮานิเยห์ แต่อิสราเอลไม่แสดงความคิดเห็นต่อการตายของเขา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094765
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เป็นอีกครั้งที่ออกมาประกาศจะตอบโต้อิหร่านที่รัวยิงขีปนาวุธแก้แค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา อ้างว่าประเทศของเขามีสิทธิทำเช่นนั้น และในความเคลื่อนไหวสอดรับกัน ทางกองทัพอิสราเอลเผยว่าพวกเขาอยู่ระหว่างเตรียมการแก้แค้น . ระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (5 ต.ค.) เนทันยาฮู เน้นย้ำว่าอิสราเอลจะตอบโต้การโจมตีของอิหร่าน "อิหร่านยิงขีปนาวุธหลายร้อยลูกเข้าใส่ดินแดนและเมืองต่างๆ ของเราถึง 2 รอบ มันเป็นหนึ่งในการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" เขากล่าว อ้างถึงเหตุโจมตีในสัปดาห์นี้ และเหตุโจมตีก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน . เขากล่าวต่อว่า "อิสราเอลมีหน้าที่และมีสิทธิปกป้องตนเอง และตอบโต้เหตุโจมตีเหล่านี้ และเราจะทำเช่นนั้น" . คำประกาศของเนทันยาฮู ในขึ้นพร้อมๆ กับที่ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอิสราเอลบอกกับเอเอฟพีในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่ากองทัพกำลังเตรียมพร้อมตอบโต้ กรณีอิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเล็งเป้าเล่นงานอิสราเอลเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ . "กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลกำลังเตรียมการตอบโต้ต่อเหตุโจมตีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและไม่ชอบธรรมของอิหร่าน ใส่พลเมืองอิสราเอล และอิสราเอล" เจ้าหน้าที่กองทัพระบุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รายนี้ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณะ . เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะหรือกรอบเวลาในการตอบโต้ แต่หนังสือพิมพ์เอียงซ้าย Haaretz อ้างแหล่งข่าวกองทัพรายงานว่าการตอบโต้ของกองทัพเป็นไปอย่างหนักหน่วง . "กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอลกำลังเตรียมการโจมตีหนักหน่วงในอิหร่าน ตามหลังอิหร่านโจมตีด้วยห่าขีปนาวุธในสัปดาห์นี้" หนังสือพิมพ์แห่งนี้รายงาน "กองทัพไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจยิงขีปนาวุธเข้าใส่ดินแดนของอิสราเอลอีกรอบ หลังอิสราเอลโจมตีแก้แค้น" . เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล มันถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 6 เดือน ที่เตหะรานยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล . ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล แต่บางส่วนเล็ดลอดไปโดยฐานทัพทหาร แต่ไม่ก่อความเสียหายร้ายแรงหรือความสูญเสียใดๆ . อิหร่านบอกว่ายิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล เพื่อแก้แค้นเหตุลอบสังหาร นัสซัน ฮัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ที่เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล เล่นงานกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน . นอกจากนี้ การรัวขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอลของอิหร่านยังเป็นการแก้แค้นเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ซึ่งเสียชีวิตในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม . ทั้งอิหร่านและฮามาส ต่างกล่าวโทษอิสราเอล สำหรับเหตุลอบสังหารฮานิเยห์ แต่อิสราเอลไม่แสดงความคิดเห็นต่อการตายของเขา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094765 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
    .
    นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ"
    .
    มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง
    .
    ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู"
    .
    อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ
    .
    ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล"
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน"
    .
    สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค
    .
    ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758
    ..................
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล . นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ" . มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง . ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู" . อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ . ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล" . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน" . สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค . ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758 .................. Sondhi X
    Like
    Yay
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง หามุมสงบๆอยู่กับตัวเองบ้างคิดถึงตัวเองบ้าง ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่า เราทำอะไรไปบ้าง ผิดพลาดตรงไหน และจะแก้ไขมันอย่างไร ... วันนี้ผมพาพี่ๆมาที่ " เขาพระยาเดินธง " ลพบุรี เป็นอีกสถานที่ สำหรับคนที่อยากออกมาเที่ยวแล้วต้องการความสงบ วิวสวย มีวัดให้ทำบุญอยู่ด้านล่าง ที่สำคัญมี ถนนลอยฟ้าด้วยนะครับ
    ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง หามุมสงบๆอยู่กับตัวเองบ้างคิดถึงตัวเองบ้าง ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่า เราทำอะไรไปบ้าง ผิดพลาดตรงไหน และจะแก้ไขมันอย่างไร ... วันนี้ผมพาพี่ๆมาที่ " เขาพระยาเดินธง " ลพบุรี เป็นอีกสถานที่ สำหรับคนที่อยากออกมาเที่ยวแล้วต้องการความสงบ วิวสวย มีวัดให้ทำบุญอยู่ด้านล่าง ที่สำคัญมี ถนนลอยฟ้าด้วยนะครับ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 234 0 รีวิว
  • ชีวิตที่อยู่เพื่อเงิน..
    คุณจะต้องทุกข์มาก
    ชีวิตที่อยู่เพื่อลูก
    คุณจะต้องเหนื่อยมาก
    ชีวิตที่อยู่เพื่อความรัก
    คุณจะต้องเจ็บปวดมาก
    ชีวิตที่ต้องเปรียบเทียบแข่งขัน
    คุณจะรู้สึกยิ่งต้อยต่ำ
    ชีวิตที่อยู่ด้วยความดี...
    คุณจะอยู่อย่างไม่เห็นแก่ตัว
    ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะ
    คุณจะอยู่อย่างโปร่งเบาสบาย
    ชีวิตที่อยู่อย่างใจกว้างให้อภัย
    คุณจะอยู่อย่างมีความสุข
    ชีวิตที่อยู่ด้วยความเมตตา
    คุณจะอยู่อย่างเบิกบานแจ่มใส
    ชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง
    คุณจะอยู่อย่างคนมั่งมีร่ำรวย..🌼
    Cr : PAG Design
    ชีวิตที่อยู่เพื่อเงิน.. คุณจะต้องทุกข์มาก ชีวิตที่อยู่เพื่อลูก คุณจะต้องเหนื่อยมาก ชีวิตที่อยู่เพื่อความรัก คุณจะต้องเจ็บปวดมาก ชีวิตที่ต้องเปรียบเทียบแข่งขัน คุณจะรู้สึกยิ่งต้อยต่ำ ชีวิตที่อยู่ด้วยความดี... คุณจะอยู่อย่างไม่เห็นแก่ตัว ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบันขณะ คุณจะอยู่อย่างโปร่งเบาสบาย ชีวิตที่อยู่อย่างใจกว้างให้อภัย คุณจะอยู่อย่างมีความสุข ชีวิตที่อยู่ด้วยความเมตตา คุณจะอยู่อย่างเบิกบานแจ่มใส ชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง คุณจะอยู่อย่างคนมั่งมีร่ำรวย..🌼 Cr : PAG Design
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสุขคือ ความพอใจกับสิ่งที่มี 🌿
    ความสุขคือ ความพอใจกับสิ่งที่มี 🌿
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย

    หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป

    ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส

    ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร

    ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า

    เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง

    เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum

    โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

    เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

    ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988)

    ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม
    ................

    อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม

    อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน

    ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด

    ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น

    “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World)

    ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน

    เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา

    หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ)

    วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต

    จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29
    สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น

    แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน

    จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29
    -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame)
    -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise)
    -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum
    -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต
    -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug

    โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface)

    ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต

    ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model

    ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง

    ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน

    ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า

    ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์

    ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ

    โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ

    วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model)

    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629”
    ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง

    ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ
    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้

    โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980

    ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

    ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น

    ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน

    ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ

    ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน

    โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น

    ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน

    ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย

    บทวิพากย์….
    ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ

    แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ

    คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?”

    ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า

    แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย

    ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ

    ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver)

    นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์

    ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ

    ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น

    แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน

    ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?”

    ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต)

    ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา

    ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?”

    ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย

    ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง

    ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?”

    ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย

    ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?”

    ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต

    กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต

    ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

    ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?”

    ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน

    ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?”

    ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot)

    จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร

    ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20%

    ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?”

    ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก

    ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย

    ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย

    ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย

    ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว

    ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ

    สรุปท้ายเรื่อง...

    สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ

    แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่

    “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป”
    ขอบคุณครับ...

    Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988) ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม ................ อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World) ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม” โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ) วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29 สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม” 56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame) -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise) -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface) ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์ ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model) สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้ โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980 ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย บทวิพากย์…. ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?” ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver) นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์ ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?” ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต) ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?” ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?” ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?” ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?” ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?” ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot) จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20% ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?” ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ สรุปท้ายเรื่อง... สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่ “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป” ขอบคุณครับ...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรถไฟฯ แจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง ขบวนรถสายเหนือ 12 ขบวนเป็นการชั่วคราว หลังน้ำท่วมเชียงใหม่อีกระลอก พร้อมจัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกรับส่งประชาชนจากสถานีนครลำปางถึงจังหวัดเชียงใหม่
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094494

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    การรถไฟฯ แจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง ขบวนรถสายเหนือ 12 ขบวนเป็นการชั่วคราว หลังน้ำท่วมเชียงใหม่อีกระลอก พร้อมจัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกรับส่งประชาชนจากสถานีนครลำปางถึงจังหวัดเชียงใหม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094494 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    Angry
    22
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1652 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • จัดทำเอกสารวัดผลออนไลน์ ปพ.6
    ส่งเกรด ส่งคะแนนออนไลน์ นักเรียนดูเกรดออนไลน์
    ขอบคุณคุณครูที่ใช้ความสนใจ และใช้งานโปรแกรม
    อบรม ทบทวนการใช้งาน
    โปรแกรมวัดผลออนไลน์ PMschool.Net
    #โปรแกรมวัดผลออนไลน์ #PMschoolNet
    #บริหารงานวิชาการ #บริหารงานโรงเรียน #ปพ5 #ปพ6 #ปพ7 #ปพ8 #ใบรายชื่อ #โปรแกรมสำหรับครู #งานวัดผล #ประกาศเกรด #โปรแกรมใช้งานง่าย #เพื่อหาวิธีที่ง่ายและถูกต้อง #สำหรับครู #งานทะเบียน #BEMIS #SchoolMIS #สถิตินักเรียน #สถิติ #สถิติรายวัน #ระบบวัดผล #ระบบวัดผลออนไลน์
    จัดทำเอกสารวัดผลออนไลน์ ปพ.6 ส่งเกรด ส่งคะแนนออนไลน์ นักเรียนดูเกรดออนไลน์ ขอบคุณคุณครูที่ใช้ความสนใจ และใช้งานโปรแกรม อบรม ทบทวนการใช้งาน โปรแกรมวัดผลออนไลน์ PMschool.Net #โปรแกรมวัดผลออนไลน์ #PMschoolNet #บริหารงานวิชาการ #บริหารงานโรงเรียน #ปพ5 #ปพ6 #ปพ7 #ปพ8 #ใบรายชื่อ #โปรแกรมสำหรับครู #งานวัดผล #ประกาศเกรด #โปรแกรมใช้งานง่าย #เพื่อหาวิธีที่ง่ายและถูกต้อง #สำหรับครู #งานทะเบียน #BEMIS #SchoolMIS #สถิตินักเรียน #สถิติ #สถิติรายวัน #ระบบวัดผล #ระบบวัดผลออนไลน์
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาทำเทมเป้กันค่ะ
    การล้างแช่ถั่ว ep1
    ✅️ถั่วที่ใช้จะเน้นถั่วที่ไม่มีเปลือกเช่นถั่วเหลืองผ่าซีก ไม่มีเปลือกเป็นหลักๆนะคะ ถ้าเราจะผสมถั่วแดงถั่วดำถั่วมีเปลือกก็ได้แต่ใช้เปอร์เซ็นต์ที่น้อยกว่า
    ✅️วิธีการล้าง ให้ล้างทำความสะอาด หลายๆครั้ง
    ✅️ส่วนการแช่ถั่วให้ใช้น้ำสะอาดที่ดื่มได้
    ในการแช่ถั่วเท่านั้นค่ะ
    ✅️ใช้ปริมาณน้ำให้มากกว่าปริมาณถั่วประมาณ 1.5 เท่าถึง 2 เท่าจะดีที่สุดค่ะเพราะถั่วจะไม่แตก และน้ำจะไม่มีกลิ่น ในการหมักมากค่ะ
    ✅️ให้ใช้ภาชนะเช่นฝาชีผ้าขาวบางที่มีรูระบายอากาศได้ในการครอบปิดเพื่อป้องกันมดแมลงที่จะมารบกวน
    ✅️ทำการแช่ประมาณ 40-48 ชั่วโมงจะเป็นการดีที่สุดเพราะทำให้ถั่วเกิดกรดอ่อนๆเหมาะสำหรับการเดินของเชื้อเทมเป้โดย
    ไม่ต้องผสมน้ำส้มสายชูค่ะ
    #เทมเป้ #tempeh #เทมเป้โปรตีน #โปรตีน #protein #อาหารเจ #เจ #อาหารเพื่อสุขภาพ #มังสวิรัติ #วีแกน #วีแกนVegan#thaitimes
    มาทำเทมเป้กันค่ะ การล้างแช่ถั่ว ep1 ✅️ถั่วที่ใช้จะเน้นถั่วที่ไม่มีเปลือกเช่นถั่วเหลืองผ่าซีก ไม่มีเปลือกเป็นหลักๆนะคะ ถ้าเราจะผสมถั่วแดงถั่วดำถั่วมีเปลือกก็ได้แต่ใช้เปอร์เซ็นต์ที่น้อยกว่า ✅️วิธีการล้าง ให้ล้างทำความสะอาด หลายๆครั้ง ✅️ส่วนการแช่ถั่วให้ใช้น้ำสะอาดที่ดื่มได้ ในการแช่ถั่วเท่านั้นค่ะ ✅️ใช้ปริมาณน้ำให้มากกว่าปริมาณถั่วประมาณ 1.5 เท่าถึง 2 เท่าจะดีที่สุดค่ะเพราะถั่วจะไม่แตก และน้ำจะไม่มีกลิ่น ในการหมักมากค่ะ ✅️ให้ใช้ภาชนะเช่นฝาชีผ้าขาวบางที่มีรูระบายอากาศได้ในการครอบปิดเพื่อป้องกันมดแมลงที่จะมารบกวน ✅️ทำการแช่ประมาณ 40-48 ชั่วโมงจะเป็นการดีที่สุดเพราะทำให้ถั่วเกิดกรดอ่อนๆเหมาะสำหรับการเดินของเชื้อเทมเป้โดย ไม่ต้องผสมน้ำส้มสายชูค่ะ #เทมเป้ #tempeh #เทมเป้โปรตีน #โปรตีน #protein #อาหารเจ #เจ #อาหารเพื่อสุขภาพ #มังสวิรัติ #วีแกน #วีแกนVegan#thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 630 มุมมอง 187 0 รีวิว
  • จีนใหญ่ - จีนไต้หวัน (เบื้องหลัง) ก็คือ พี่น้องกัน..นั่นเอง

    สรุป..ความสำเร็จของการรวมชาติของจีน และ กำเนิดประเทศไต้หวัน (เบื้องหลัง)เกิดจากอิทธิพลของ..
    #สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง宋 ( เก่ง สวย และ รวยมาก )

    สาว สาว สาว จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง清朝 ได้นำพาประเทศจีน เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สู่สังคม จีนยุคใหม่
    ----------------------------------------

    (พี่ใหญ่ ) #ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับ อภิมหาเศรษฐี "ขงเสียงซี" 孔祥熙 (ทายาทเจ้าลัทธิรุ่น75 ของ ขงจื๊อ)

    พี่ใหญ่..เปรียบเสมือนตู้ATM(เคลื่อนที่) ชนิดไม่ฝากก็ถอนได้ ออกทุนให้น้องเขย คือ ดร.ซุนยัดเซ็น孫文 / 孫逸仙 หัวหน้าพรรค"ก๊กมินตั๋ง"国民党 ไปก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ฝึกทหาร ติดอาวุธส่งเข้าไปในการต่อสู้ปฎิวัติประเทศจีน โดยมี(เขยเล็ก) เจียงไคเช็ค(蒋介石) เรียนจบการทหารจากญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแล

    รบกันไป-รบกันมา หลายฝ่าย วุ่นวาย เหมือน..สามก๊ก (ไปหาอ่านกันเอง นะคะ)

    (น้องกลาง) #ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄 หลังจากการอสัญกรรมของ ดร.ซุนยัดเซ็น ไปท่องยุโรปและรัสเซีย เปลี่ยนอุดมการณ์จากทุนนิยมเสรี เป็น คอมมิวนิสต์ ได้รับการสนับสนุนจากพี่สาว ให้เจรจากับ โจเซฟ สตาลิน ช่วยสนับสนุนกำลังอาวุธที่ยึดจากญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2ให้กองทัพคอมมิวนิสต์จีน และเข้าร่วมปฎิวัติวัฒนธรรมจีน กับภริยาท่านประธานเหมา ก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ( PRC=People Republic of China)

    (น้องเล็ก) #ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ยึดมั่นในประชาธิปไตยแบบตะวันตก หลังปราบญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่2 จบลง นางได้จิกให้สามี คือ จอมพลเจียงไคเชค แยกประชาชนจีนร่วมอุดมการณ์ ออกมาตั้งเป็น "ประเทศไต้หวัน"Republic of China(TAIWAN)

    ส่วนมาก..พวกผู้ชาย เค้าก็เล่า ตัวเอกเป็น ดร.ซุนยัดเซ็น เหมาเจ๋อตุง毛泽东 โจวเอินไล周恩來 เจียงไคเช็ค 蒋介石

    แต่ #กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการเจรจาต่อรอง และให้ทุนสนับสนุน(อยู่เบื้องหลัง) จ๊ะ
    .
    .

    Pachäree Wõng
    October5, 2024
    Sausalito, CA94965
    จีนใหญ่ - จีนไต้หวัน (เบื้องหลัง) ก็คือ พี่น้องกัน..นั่นเอง สรุป..ความสำเร็จของการรวมชาติของจีน และ กำเนิดประเทศไต้หวัน (เบื้องหลัง)เกิดจากอิทธิพลของ.. #สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง宋 ( เก่ง สวย และ รวยมาก ) สาว สาว สาว จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง清朝 ได้นำพาประเทศจีน เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สู่สังคม จีนยุคใหม่ ---------------------------------------- (พี่ใหญ่ ) #ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับ อภิมหาเศรษฐี "ขงเสียงซี" 孔祥熙 (ทายาทเจ้าลัทธิรุ่น75 ของ ขงจื๊อ) พี่ใหญ่..เปรียบเสมือนตู้ATM(เคลื่อนที่) ชนิดไม่ฝากก็ถอนได้ ออกทุนให้น้องเขย คือ ดร.ซุนยัดเซ็น孫文 / 孫逸仙 หัวหน้าพรรค"ก๊กมินตั๋ง"国民党 ไปก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ฝึกทหาร ติดอาวุธส่งเข้าไปในการต่อสู้ปฎิวัติประเทศจีน โดยมี(เขยเล็ก) เจียงไคเช็ค(蒋介石) เรียนจบการทหารจากญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแล รบกันไป-รบกันมา หลายฝ่าย วุ่นวาย เหมือน..สามก๊ก (ไปหาอ่านกันเอง นะคะ) (น้องกลาง) #ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄 หลังจากการอสัญกรรมของ ดร.ซุนยัดเซ็น ไปท่องยุโรปและรัสเซีย เปลี่ยนอุดมการณ์จากทุนนิยมเสรี เป็น คอมมิวนิสต์ ได้รับการสนับสนุนจากพี่สาว ให้เจรจากับ โจเซฟ สตาลิน ช่วยสนับสนุนกำลังอาวุธที่ยึดจากญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2ให้กองทัพคอมมิวนิสต์จีน และเข้าร่วมปฎิวัติวัฒนธรรมจีน กับภริยาท่านประธานเหมา ก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ( PRC=People Republic of China) (น้องเล็ก) #ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ยึดมั่นในประชาธิปไตยแบบตะวันตก หลังปราบญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่2 จบลง นางได้จิกให้สามี คือ จอมพลเจียงไคเชค แยกประชาชนจีนร่วมอุดมการณ์ ออกมาตั้งเป็น "ประเทศไต้หวัน"Republic of China(TAIWAN) ส่วนมาก..พวกผู้ชาย เค้าก็เล่า ตัวเอกเป็น ดร.ซุนยัดเซ็น เหมาเจ๋อตุง毛泽东 โจวเอินไล周恩來 เจียงไคเช็ค 蒋介石 แต่ #กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการเจรจาต่อรอง และให้ทุนสนับสนุน(อยู่เบื้องหลัง) จ๊ะ . . Pachäree Wõng October5, 2024 Sausalito, CA94965
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♪ ♫ ♩ 🎶 ♬ "After the Love Has Gone" (1979)

    เป็นเพลงหวานๆประพันธ์เพลงและเรียบเรียงเสียงประสานโดย ฝีมือของ ปรมาจารย์ Davld Foster และ คณะ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องและวงดนตรีระดับโลก.

    เพลงนี้ขับร้องให้ไพเราะได้ยากมาก ต้องบีบเสียง(แหลม)ในแนว Falcetto ซึ่งผู้ร้องจะเหนื่อยแสนสาหัส เพราะการร้องแบบนี้ลมออกเยอะ แสดงออกถึงความรู้สึกได้ตรงกับเนื้อหาของเพลง เข้ากับเสียงประสานที่ร้องด้วยโทนเสียงสูงของผู้ชาย แบบTenor ซึ่งหาผู้ชายร้องเสียงสูงหวานๆ(หาได้..ยากมาก).

    ลูกเล่นการร้องแบบStep ไล่เสียงขั้นบันไดที่ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ เท่ห์ และไพเราะอย่างประหลาด เพลง "After the Love Has Gone" จึงถูกบรรจุในหัวใจของคนในยุคนั้นถึงปัจจุบัน มีหลายวงที่นำไปร้องใหม่ได้อารมณ์ เช่นเดียวกับ Earth, Wind & Fire เช่น

    วง GENTE STELAR (Spain) ประสานเสียงด้วยนักร้องหญิง เพราะหา #Tenorเสียงหวานๆที่เป็นผู้ชายไม่ได้(หาได้..ยากมาก)
    https://www.youtube.com/watch?v=pvgwwPGfXJQ

    และ วง #พรีม่าแบนด์(วงไทย) เล่นดนตรี ขับร้องFalcetto และร้องTenorประสานในคนๆเดียว สังเกตว่า การอัดเสียงทำได้ยอดเยี่ยม เสียงกุ๊ง กริ๊ง รายละเอียด ดีมากๆ
    https://www.youtube.com/watch?v=1kKZgU5at0g
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    October5, 2024
    Sausalito, CA94965
    ♪ ♫ ♩ 🎶 ♬ "After the Love Has Gone" (1979) เป็นเพลงหวานๆประพันธ์เพลงและเรียบเรียงเสียงประสานโดย ฝีมือของ ปรมาจารย์ Davld Foster และ คณะ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องและวงดนตรีระดับโลก. เพลงนี้ขับร้องให้ไพเราะได้ยากมาก ต้องบีบเสียง(แหลม)ในแนว Falcetto ซึ่งผู้ร้องจะเหนื่อยแสนสาหัส เพราะการร้องแบบนี้ลมออกเยอะ แสดงออกถึงความรู้สึกได้ตรงกับเนื้อหาของเพลง เข้ากับเสียงประสานที่ร้องด้วยโทนเสียงสูงของผู้ชาย แบบTenor ซึ่งหาผู้ชายร้องเสียงสูงหวานๆ(หาได้..ยากมาก). ลูกเล่นการร้องแบบStep ไล่เสียงขั้นบันไดที่ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ เท่ห์ และไพเราะอย่างประหลาด เพลง "After the Love Has Gone" จึงถูกบรรจุในหัวใจของคนในยุคนั้นถึงปัจจุบัน มีหลายวงที่นำไปร้องใหม่ได้อารมณ์ เช่นเดียวกับ Earth, Wind & Fire เช่น วง GENTE STELAR (Spain) ประสานเสียงด้วยนักร้องหญิง เพราะหา #Tenorเสียงหวานๆที่เป็นผู้ชายไม่ได้(หาได้..ยากมาก) https://www.youtube.com/watch?v=pvgwwPGfXJQ และ วง #พรีม่าแบนด์(วงไทย) เล่นดนตรี ขับร้องFalcetto และร้องTenorประสานในคนๆเดียว สังเกตว่า การอัดเสียงทำได้ยอดเยี่ยม เสียงกุ๊ง กริ๊ง รายละเอียด ดีมากๆ https://www.youtube.com/watch?v=1kKZgU5at0g . . พัชรี ว่องไววิทย์ October5, 2024 Sausalito, CA94965
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสำรวจจิตเพื่อทำความเข้าใจอาการ "ยึด" และ "ไม่ยึด" เป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายปริศนาต่างๆ ในชีวิต เมื่อเรายึดถือสิ่งใดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือสิ่งที่ปรารถนา พอได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า จิตเกิดอาการหมดแรงในการตะกาย ยึดสิ่งนั้น และกลายเป็นความรู้สึกไม่พอใจหรือเบื่อหน่าย

    ในทางกลับกัน บางครั้งเราไม่ได้พยายามมากนัก แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกยึดถือก็อ่อนแรงลง จิตก็เริ่มถอนตัว อยากปล่อยทิ้งสิ่งนั้นไป ความรู้สึกเหล่านี้เป็นธรรมชาติของจิตที่ยึดและปล่อย เมื่อจิตยึดจนเต็มที่แล้วก็จะมีแรงถอย หรือเบื่อหน่ายในที่สุด

    การไม่เข้าใจจิตที่ยึดและไม่ยึด อาจทำให้เกิดความสับสนและเคว้งคว้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่สำคัญจริงหรือไม่ แต่ถ้าเราหยุดพิจารณาและเริ่มเจริญสติ เราจะเห็นว่าจิตที่ไม่ยึดและไม่ทิ้ง เช่น การหายใจเข้าออกที่เราไม่ยึดถือ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่สมดุล

    การสังเกตจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย ทำให้เรามีสติรู้ทันว่า ความยึดถือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดแรงจับ เมื่อเราเห็นจิตในลักษณะนี้บ่อยๆ จิตจะเริ่มเกิดปัญญา รู้ทันว่าแรงยึดถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ความสงบและอิ่มเต็มคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ตลอดเวลา

    เมื่อจิตสว่าง รู้จักธรรมชาติของการยึดและการปล่อย จิตจะหิวน้อยลงและกระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจความจริงว่า ความสงบระงับนั้นเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุด
    การสำรวจจิตเพื่อทำความเข้าใจอาการ "ยึด" และ "ไม่ยึด" เป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายปริศนาต่างๆ ในชีวิต เมื่อเรายึดถือสิ่งใดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือสิ่งที่ปรารถนา พอได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า จิตเกิดอาการหมดแรงในการตะกาย ยึดสิ่งนั้น และกลายเป็นความรู้สึกไม่พอใจหรือเบื่อหน่าย ในทางกลับกัน บางครั้งเราไม่ได้พยายามมากนัก แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกยึดถือก็อ่อนแรงลง จิตก็เริ่มถอนตัว อยากปล่อยทิ้งสิ่งนั้นไป ความรู้สึกเหล่านี้เป็นธรรมชาติของจิตที่ยึดและปล่อย เมื่อจิตยึดจนเต็มที่แล้วก็จะมีแรงถอย หรือเบื่อหน่ายในที่สุด การไม่เข้าใจจิตที่ยึดและไม่ยึด อาจทำให้เกิดความสับสนและเคว้งคว้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่สำคัญจริงหรือไม่ แต่ถ้าเราหยุดพิจารณาและเริ่มเจริญสติ เราจะเห็นว่าจิตที่ไม่ยึดและไม่ทิ้ง เช่น การหายใจเข้าออกที่เราไม่ยึดถือ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่สมดุล การสังเกตจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย ทำให้เรามีสติรู้ทันว่า ความยึดถือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดแรงจับ เมื่อเราเห็นจิตในลักษณะนี้บ่อยๆ จิตจะเริ่มเกิดปัญญา รู้ทันว่าแรงยึดถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ความสงบและอิ่มเต็มคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ตลอดเวลา เมื่อจิตสว่าง รู้จักธรรมชาติของการยึดและการปล่อย จิตจะหิวน้อยลงและกระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจความจริงว่า ความสงบระงับนั้นเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • #รอความสามารถของ ท่าน รมต.คมนาคม#ฝ่ายค้านนี้คืองานของคุณไม่ใช่แก้ con.

    ตรอ. ที่ไหนครับ

    https://youtu.be/icW0sbJ4R8g?si=BQu3De33H3HSApPx
    #รอความสามารถของ ท่าน รมต.คมนาคม#ฝ่ายค้านนี้คืองานของคุณไม่ใช่แก้ con. ตรอ. ที่ไหนครับ https://youtu.be/icW0sbJ4R8g?si=BQu3De33H3HSApPx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♥️✅ความสุข​น้อย✅🥰
    ♥️✅ความสุข​น้อย✅🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 7 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • UGG
    CHESTER CAPRA SLIPPER
    Size. US 11 /UK 10 /EUR 44 /29 cm

    🔥 Price : 690฿

    UGG แบรนด์แฟชั่นจากรองเท้าชาวเลมาสู่แฟชั่นระดับโลก มีที่มาจากรองเท้าขนแกะของชาวเลในออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันเป็นของบริษัท Deckers Outdoor ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน และได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากความสบายและความอบอุ่นของรองเท้า

    👉 รายละเอียด :-
    UGG : CHESTER CAPRA SLIPPER คือนวัตกรรมใหม่ที่ใช้บนท้องถนนในรูปทรงที่เรียบง่ายผสมผสานความสบายของรองเท้าแตะและการใช้งานของรองเท้าลำลองเข้าด้วยกัน หนังแกะนุ่มๆและพื้นรองเท้าด้านนอกยางวัลคาไนซ์ เป็นสิ่งยืนยันถึงประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันของ Chester Capra Slipper
    🔹ส่วนบนทำจากหนังแกะที่หนานุ่ม
    🔹ตะเข็บตกแต่งให้ดูโดดเด่น
    🔹เชือกผูกหนังแบบตายตัว
    🔹ซับในทำจากหนังแกะ
    🔹พื้นรองเท้าชั้นกลางทำจาก EVA Foam
    🔹พื้นรองเท้าด้านนอกทำจาก Vulcanized Rubber แบบฉีดขึ้นรูป
    🔹โลโก้ UGG® ประทับด้วยความร้อนบนพื้นรองเท้า

    👉 เรื่องราว :-
    แบรนด์ UGG โดยบริษัท Deckers Outdoor ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีรากฐานมาจากรองเท้าที่ทำจากขนแกะของชาวเลในออสเตรเลียสู่แฟชั่นระดับโลก ซึ่งสวมใส่เพื่อความอบอุ่นในสภาพอากาศหนาวเย็น

    แบรนด์ UGG ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มนักเล่นเซิร์ฟและนักสกี เนื่องจากความนุ่มสบายและความอบอุ่นของรองเท้า จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในสหรัฐอเมริกา และก็ขยายตลาดไปทั่วโลก กลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย
    UGG CHESTER CAPRA SLIPPER Size. US 11 /UK 10 /EUR 44 /29 cm 🔥 Price : 690฿ UGG แบรนด์แฟชั่นจากรองเท้าชาวเลมาสู่แฟชั่นระดับโลก มีที่มาจากรองเท้าขนแกะของชาวเลในออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันเป็นของบริษัท Deckers Outdoor ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน และได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากความสบายและความอบอุ่นของรองเท้า 👉 รายละเอียด :- UGG : CHESTER CAPRA SLIPPER คือนวัตกรรมใหม่ที่ใช้บนท้องถนนในรูปทรงที่เรียบง่ายผสมผสานความสบายของรองเท้าแตะและการใช้งานของรองเท้าลำลองเข้าด้วยกัน หนังแกะนุ่มๆและพื้นรองเท้าด้านนอกยางวัลคาไนซ์ เป็นสิ่งยืนยันถึงประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันของ Chester Capra Slipper 🔹ส่วนบนทำจากหนังแกะที่หนานุ่ม 🔹ตะเข็บตกแต่งให้ดูโดดเด่น 🔹เชือกผูกหนังแบบตายตัว 🔹ซับในทำจากหนังแกะ 🔹พื้นรองเท้าชั้นกลางทำจาก EVA Foam 🔹พื้นรองเท้าด้านนอกทำจาก Vulcanized Rubber แบบฉีดขึ้นรูป 🔹โลโก้ UGG® ประทับด้วยความร้อนบนพื้นรองเท้า 👉 เรื่องราว :- แบรนด์ UGG โดยบริษัท Deckers Outdoor ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีรากฐานมาจากรองเท้าที่ทำจากขนแกะของชาวเลในออสเตรเลียสู่แฟชั่นระดับโลก ซึ่งสวมใส่เพื่อความอบอุ่นในสภาพอากาศหนาวเย็น แบรนด์ UGG ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มนักเล่นเซิร์ฟและนักสกี เนื่องจากความนุ่มสบายและความอบอุ่นของรองเท้า จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในสหรัฐอเมริกา และก็ขยายตลาดไปทั่วโลก กลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • PME LEGEND
    Men’s American Classic Low Crafter Sneakers
    (ART : PBO2302080-906)
    “ ปี 2022 “
    Size. EUR 45 /28.5 cm
    ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition

    🔥 Price : 590฿

    PME LEGEND
    เป็นไอเท็มที่จะทำให้การแต่งกายของคุณสมบูรณ์แบบ รองเท้าทำจากวัสดุคุณภาพสูงและได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด รองเท้าแบรนด์นี้สวมใส่สบายและเข้ากันได้ดีกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน ในคอลเลกชั่น Low Crafter นี้มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ PME Legend เป็นรองเท้าที่เท่ สวมใส่สบาย และเหนือสิ่งอื่นใดคือใช้งานได้หลากหลาย มีดีไซน์โดดเด่น

    👉 เรื่องราว :-
    PME LEGEND AMERICAN CLASSIC
    PME Legend คือแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพ ความเป็นชาย และการผจญภัย โดยใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าขับเคลื่อนด้วยใบพัดแบบคลาสสิกเป็นสัญลักษณ์แทน แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกของนักบินขนส่งสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินโปรพeller-driven ที่เน้นความแข็งแรงทนทานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ✅ จุดเด่นของแบรนด์ PME Legend :-
    🔹การออกแบบ : เน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย คลาสสิก แต่ทันสมัย ผสมผสานความแข็งแรงทนทานเข้ากับความสบายในการสวมใส่
    🔹วัสดุ : เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ
    🔹ความหลากหลาย : มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ

    👉 ข้อมูลเพิ่มเติม
    https://www.pme-legend.com/
    PME LEGEND Men’s American Classic Low Crafter Sneakers (ART : PBO2302080-906) “ ปี 2022 “ Size. EUR 45 /28.5 cm ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition 🔥 Price : 590฿ PME LEGEND เป็นไอเท็มที่จะทำให้การแต่งกายของคุณสมบูรณ์แบบ รองเท้าทำจากวัสดุคุณภาพสูงและได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด รองเท้าแบรนด์นี้สวมใส่สบายและเข้ากันได้ดีกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน ในคอลเลกชั่น Low Crafter นี้มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ PME Legend เป็นรองเท้าที่เท่ สวมใส่สบาย และเหนือสิ่งอื่นใดคือใช้งานได้หลากหลาย มีดีไซน์โดดเด่น 👉 เรื่องราว :- PME LEGEND AMERICAN CLASSIC PME Legend คือแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพ ความเป็นชาย และการผจญภัย โดยใช้เครื่องบินขนส่งสินค้าขับเคลื่อนด้วยใบพัดแบบคลาสสิกเป็นสัญลักษณ์แทน แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกของนักบินขนส่งสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินโปรพeller-driven ที่เน้นความแข็งแรงทนทานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ✅ จุดเด่นของแบรนด์ PME Legend :- 🔹การออกแบบ : เน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย คลาสสิก แต่ทันสมัย ผสมผสานความแข็งแรงทนทานเข้ากับความสบายในการสวมใส่ 🔹วัสดุ : เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ 🔹ความหลากหลาย : มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ 👉 ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.pme-legend.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 2 ‘เยวี่ย’

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึง ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะที่สุภาพบุรุษในตระกูลสูงศักดิ์พึงมี (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งในบันทึกพิธีการโจวหลี่ระบุไว้ว่าคือ 1. ห้าพิธีการ (หลี่/礼) 2. หกดนตรี (เยวี่ย/乐) 3. ห้าการยิงธนู (เซ่อ/射) 4. ห้าการขับขี่ (อวี้/御) 5. หกอักษร (ซู/书) และ 6. เก้าคำนวณ (ซู่/数)

    สัปดาห์ที่แล้วคุยกันเรื่องทักษะแรกคือห้าพิธีการ วันนี้คุยกันต่อถึงทักษะที่สองคือ ‘เยวี่ย’ เรียกรวมกว่าหกดนตรี ซึ่ง Storyฯ มั่นใจว่าเพื่อนเพจหลายคนคงเข้าใจผิดเหมือน Storyฯ ว่ามันหมายถึงการเล่นดนตรี และภาพที่ลอยมาในหัวคือคุณชายดีดพิณหรือเป่าขลุ่ย

    แต่จริงๆ แล้ว ‘เยวี่ย’ ในบริบทของหกทักษะของสุภาพบุรุษนี้หมายถึงการเต้นรำ

    ใช่ค่ะ สุภาพบุรุษโบราณต้องเรียนรู้ที่จะเต้นรำ แต่มันไม่ใช่การเต้นรำทั่วไป หากแต่หมายถึงการเต้นรำหมู่ของบุรุษประกอบการบวงสรวงหรืองานสำคัญ ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นในซีรีส์

    ‘ลิ่วเยวี่ย’ หรือหกดนตรี คือคำเรียกย่อของระบำหกยุคสมัย ‘ลิ่วไต้เยวี่ยอู่’ (六代乐舞) ซึ่งมีมาแต่หกยุคสมัยจีนโบราณบรรพกาล ประกอบด้วย
    (1) ‘อวิ๋นเหมินต้าเจวี้ยน’ (云门大卷/ระบำประตูเมฆ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘อวิ๋นเหมิน’ เป็นการงานเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนในสมัยของจักรพรรดิเหลือง (หวงตี้ ประมาณสองพันหกร้อยปีก่อนคริสตกาล) เพื่อเป็นการแซ่ซ้องคุณงามความดีและความเรืองรองของรัชสมัย จากรูปวาดโบราณจะเห็นว่าเป็นการเล่นเครื่องดนตรีบางชนิดไปพร้อมกับเดินเต้นไปด้วย ระบำนี้ในยุคสมัยโจวถูกใช้เป็นระบำหลักในการบวงสรวงฟ้าและเทพยดา
    (2) ‘เสียนฉือ’ (咸池) หรือ ‘ต้าเสียน’ (大咸) เป็นระบำจากยุคสมัยจักรพรรดิเหยา (ประมาณสองพันสามร้อยปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งคำว่าเสียนฉือเป็นชื่อเรียกเดิมของทิศพยัคฆ์ขาวหรือทิศตะวันตก ระบำเสียนฉือจึงถูกนำมาใช้เป็นระบำสักการะดินและเทพเจ้าแห่งผืนดิน
    (3) ‘ต้าสาว’ (大韶) เป็นระบำจากยุคสมัยจักรพรรดิซุ่น (ประมาณสองพันสองร้อยปีก่อนคริสตกาล) เป็นระบำที่เชิดชูความงดงามของธรรมชาติรอบกาย ผสมผสานบทกลอน ดนตรี และระบำเข้าด้วยกัน กล่าวคือมีคนอ่านกลอนเป็นท่วงทำนอง มีเสียงเครื่องดนตรีนับสิบชนิดบรรเลงประกอบโดยเน้นเสียงขลุ่ยเซียวเป็นหลัก และมีคนสวมหน้ากากแสดงเป็นเหล่าปักษาและนกเฟิ่งหวงฟ้อนรำ ถูกใช้เป็นระบำบวงสรวงสี่ทิศ
    (4) ‘ต้าเซี่ย’ (大夏) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์เซี่ย (ประมาณสองพันปีก่อนคริสตกาล) เป็นระบำที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต้าสู่แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ถูกใช้เป็นระบำสักการะขุนเขาและสายน้ำ เป็นระบำโบราณเดียวที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันแม้ว่าจะผ่านการเปลี่ยนแปลงมาไม่น้อย(ดูรูปประกอบ)
    (5) ‘ต้าฮู่’ (大濩) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณหนึ่งพันหกร้อยปีก่อนคริสตกาล) เพื่อเฉลิมฉลองการล้มราชวงศ์เซี่ยสำเร็จ ใช้เป็นระบำสักการะบรรพบุรุษ
    (6) ‘ต้าอู่’ (大武) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์โจว เพื่อเฉลิมฉลองการล้มราชวงศ์ซางสำเร็จ ถูกใช้เป็นระบำสักการะบรรพบุรุษเช่นกัน

    ทั้งนี้ ระบำสี่แบบแรกเป็นแบบที่เรียกว่า ‘เหวิน’ (หรือบุ๋น) แต่ระบำสองแบบสุดท้ายเป็นแบบที่เรียกว่า ‘อู่’ (หรือบู๊) ซึ่งเป็นการแสดงออกแนวฮึกเหิม นักแสดงถือโล่และอาวุธเช่นขวาน (แต่ไม่ได้ถอดเสื้อเหมือนใน <กำเนิดเทพเจ้า 1 อาณาจักรแห่งพายุ> นะ) ทั้งหมดนี้มีการกำหนดจัดเรียงแถวอย่างชัดเจน รวมแปดแถว แต่ละแถวแปดคน รวมหกสิบสี่คน และในงานใหญ่อาจมีการจัดการรำหลายแบบพร้อมกันบนลานกว้าง

    นอกจากนี้ ในงานใหญ่ยังมีการรำเสริมโดยเหล่าราชนิกุลชาย โดยกำหนดเป็นการรำอีกหกรูปแบบเรียกเป็น ‘รำเล็ก’ เพราะเป็นการรำเดี่ยวหรือกลุ่มเล็ก แต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียดในชนิดของระบำ ทั้งนี้ ราชนิกุลชายในยุคราชวงศ์โจวเมื่ออายุสิบสามปีก็จะเริ่มเรียน ‘รำเล็ก’ อายุสิบห้าเรียนรำอาวุธ และเมื่ออายุได้ยี่สิบก็เรียน ‘รำใหญ่’ สำหรับพิธีบวงสรวงซึ่งก็คือหกระบำที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง และเมื่อสำเร็จการเรียนรู้ระบำต่างๆ เหล่านี้แล้วจึงเข้ารับราชการบรรจุเป็นขุนนางได้

    ทักษะด้านการรำนี้ ถูกใช้สอนในเรื่องของความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และช่วยปรับท่าทางการเดินเหินให้สง่าผึ่งผาย รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับงานสักการะต่างๆ แน่นอนว่าสุภาพบุรุษต้องเรียนรู้การเล่นดนตรี เพียงแต่มันได้ถูกระบุเป็นหกทักษะของสุภาพบุรุษเท่านั้นเอง

    สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://app.xinhuanet.com/news/article.html?articleId=1e283da99d5077df8508b27c88bfaeae
    https://chinakongzi.org/zt/2021jikong/yange/202109/t20210922_521023.htm https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/六艺/238715
    https://m.jiemian.com/article/1154435.html
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083
    https://h.bkzx.cn/knowledge/1733

    #กำเนิดเทพเจ้า #เฟิงเสิน #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
    หกทักษะของสุภาพบุรุษ ตอน 2 ‘เยวี่ย’ สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันถึง ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะที่สุภาพบุรุษในตระกูลสูงศักดิ์พึงมี (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) ซึ่งในบันทึกพิธีการโจวหลี่ระบุไว้ว่าคือ 1. ห้าพิธีการ (หลี่/礼) 2. หกดนตรี (เยวี่ย/乐) 3. ห้าการยิงธนู (เซ่อ/射) 4. ห้าการขับขี่ (อวี้/御) 5. หกอักษร (ซู/书) และ 6. เก้าคำนวณ (ซู่/数) สัปดาห์ที่แล้วคุยกันเรื่องทักษะแรกคือห้าพิธีการ วันนี้คุยกันต่อถึงทักษะที่สองคือ ‘เยวี่ย’ เรียกรวมกว่าหกดนตรี ซึ่ง Storyฯ มั่นใจว่าเพื่อนเพจหลายคนคงเข้าใจผิดเหมือน Storyฯ ว่ามันหมายถึงการเล่นดนตรี และภาพที่ลอยมาในหัวคือคุณชายดีดพิณหรือเป่าขลุ่ย แต่จริงๆ แล้ว ‘เยวี่ย’ ในบริบทของหกทักษะของสุภาพบุรุษนี้หมายถึงการเต้นรำ ใช่ค่ะ สุภาพบุรุษโบราณต้องเรียนรู้ที่จะเต้นรำ แต่มันไม่ใช่การเต้นรำทั่วไป หากแต่หมายถึงการเต้นรำหมู่ของบุรุษประกอบการบวงสรวงหรืองานสำคัญ ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นในซีรีส์ ‘ลิ่วเยวี่ย’ หรือหกดนตรี คือคำเรียกย่อของระบำหกยุคสมัย ‘ลิ่วไต้เยวี่ยอู่’ (六代乐舞) ซึ่งมีมาแต่หกยุคสมัยจีนโบราณบรรพกาล ประกอบด้วย (1) ‘อวิ๋นเหมินต้าเจวี้ยน’ (云门大卷/ระบำประตูเมฆ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘อวิ๋นเหมิน’ เป็นการงานเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนในสมัยของจักรพรรดิเหลือง (หวงตี้ ประมาณสองพันหกร้อยปีก่อนคริสตกาล) เพื่อเป็นการแซ่ซ้องคุณงามความดีและความเรืองรองของรัชสมัย จากรูปวาดโบราณจะเห็นว่าเป็นการเล่นเครื่องดนตรีบางชนิดไปพร้อมกับเดินเต้นไปด้วย ระบำนี้ในยุคสมัยโจวถูกใช้เป็นระบำหลักในการบวงสรวงฟ้าและเทพยดา (2) ‘เสียนฉือ’ (咸池) หรือ ‘ต้าเสียน’ (大咸) เป็นระบำจากยุคสมัยจักรพรรดิเหยา (ประมาณสองพันสามร้อยปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งคำว่าเสียนฉือเป็นชื่อเรียกเดิมของทิศพยัคฆ์ขาวหรือทิศตะวันตก ระบำเสียนฉือจึงถูกนำมาใช้เป็นระบำสักการะดินและเทพเจ้าแห่งผืนดิน (3) ‘ต้าสาว’ (大韶) เป็นระบำจากยุคสมัยจักรพรรดิซุ่น (ประมาณสองพันสองร้อยปีก่อนคริสตกาล) เป็นระบำที่เชิดชูความงดงามของธรรมชาติรอบกาย ผสมผสานบทกลอน ดนตรี และระบำเข้าด้วยกัน กล่าวคือมีคนอ่านกลอนเป็นท่วงทำนอง มีเสียงเครื่องดนตรีนับสิบชนิดบรรเลงประกอบโดยเน้นเสียงขลุ่ยเซียวเป็นหลัก และมีคนสวมหน้ากากแสดงเป็นเหล่าปักษาและนกเฟิ่งหวงฟ้อนรำ ถูกใช้เป็นระบำบวงสรวงสี่ทิศ (4) ‘ต้าเซี่ย’ (大夏) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์เซี่ย (ประมาณสองพันปีก่อนคริสตกาล) เป็นระบำที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต้าสู่แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ถูกใช้เป็นระบำสักการะขุนเขาและสายน้ำ เป็นระบำโบราณเดียวที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันแม้ว่าจะผ่านการเปลี่ยนแปลงมาไม่น้อย(ดูรูปประกอบ) (5) ‘ต้าฮู่’ (大濩) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณหนึ่งพันหกร้อยปีก่อนคริสตกาล) เพื่อเฉลิมฉลองการล้มราชวงศ์เซี่ยสำเร็จ ใช้เป็นระบำสักการะบรรพบุรุษ (6) ‘ต้าอู่’ (大武) เป็นระบำยุคสมัยราชวงศ์โจว เพื่อเฉลิมฉลองการล้มราชวงศ์ซางสำเร็จ ถูกใช้เป็นระบำสักการะบรรพบุรุษเช่นกัน ทั้งนี้ ระบำสี่แบบแรกเป็นแบบที่เรียกว่า ‘เหวิน’ (หรือบุ๋น) แต่ระบำสองแบบสุดท้ายเป็นแบบที่เรียกว่า ‘อู่’ (หรือบู๊) ซึ่งเป็นการแสดงออกแนวฮึกเหิม นักแสดงถือโล่และอาวุธเช่นขวาน (แต่ไม่ได้ถอดเสื้อเหมือนใน <กำเนิดเทพเจ้า 1 อาณาจักรแห่งพายุ> นะ) ทั้งหมดนี้มีการกำหนดจัดเรียงแถวอย่างชัดเจน รวมแปดแถว แต่ละแถวแปดคน รวมหกสิบสี่คน และในงานใหญ่อาจมีการจัดการรำหลายแบบพร้อมกันบนลานกว้าง นอกจากนี้ ในงานใหญ่ยังมีการรำเสริมโดยเหล่าราชนิกุลชาย โดยกำหนดเป็นการรำอีกหกรูปแบบเรียกเป็น ‘รำเล็ก’ เพราะเป็นการรำเดี่ยวหรือกลุ่มเล็ก แต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียดในชนิดของระบำ ทั้งนี้ ราชนิกุลชายในยุคราชวงศ์โจวเมื่ออายุสิบสามปีก็จะเริ่มเรียน ‘รำเล็ก’ อายุสิบห้าเรียนรำอาวุธ และเมื่ออายุได้ยี่สิบก็เรียน ‘รำใหญ่’ สำหรับพิธีบวงสรวงซึ่งก็คือหกระบำที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง และเมื่อสำเร็จการเรียนรู้ระบำต่างๆ เหล่านี้แล้วจึงเข้ารับราชการบรรจุเป็นขุนนางได้ ทักษะด้านการรำนี้ ถูกใช้สอนในเรื่องของความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และช่วยปรับท่าทางการเดินเหินให้สง่าผึ่งผาย รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับงานสักการะต่างๆ แน่นอนว่าสุภาพบุรุษต้องเรียนรู้การเล่นดนตรี เพียงแต่มันได้ถูกระบุเป็นหกทักษะของสุภาพบุรุษเท่านั้นเอง สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://app.xinhuanet.com/news/article.html?articleId=1e283da99d5077df8508b27c88bfaeae https://chinakongzi.org/zt/2021jikong/yange/202109/t20210922_521023.htm https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/六艺/238715 https://m.jiemian.com/article/1154435.html https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083 https://h.bkzx.cn/knowledge/1733 #กำเนิดเทพเจ้า #เฟิงเสิน #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!!

    ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!!

    2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น
    ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา……
    โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013
    ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย
    เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
    สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
    เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post
    และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น……
    จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว

    แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ……

    ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง
    รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น……
    ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน
    ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน

    การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ
    SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว

    เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ
    โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20
    แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ,
    การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง
    แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น…
    ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!!

    ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ
    ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน
    สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ
    แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก
    บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015
    เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน

    สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้
    เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้……
    และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร……
    ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง)
    ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด
    มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก……
    ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น
    ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS)
    แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น……
    แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา
    โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012)
    “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……”

    ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป
    ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988

    ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่)
    ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า
    เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด……
    เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า
    ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย
    สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย

    แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู
    แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน
    ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว
    ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู
    อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม…
    ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง
    แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม

    ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
    และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268
    ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ………

    เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้

    ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี
    โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม ***** Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ
    สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว……
    ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..”
    นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร?
    คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!!
    แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน

    สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี
    ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง
    สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!! ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!! 2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา…… โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013 ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น…… จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ…… ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น…… ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20 แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ, การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น… ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!! ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015 เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้…… และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร…… ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง) ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก…… ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS) แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น…… แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012) “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……” ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988 ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่) ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด…… เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม… ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268 ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ……… เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม Pussy Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว…… ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..” นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร? คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!! แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • รพ.ธรรมศาสตร์ฯแถลงผลการรักษาเด็กนักเรียนหญิงสองรายอายุ 7 ขวบและ9 ขวบได้รับบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้รับการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 ราย ล่าสุด(13:00น.) แพทย์ได้ประเมินอาการ ดังนี้
    .
    รายที่ 1 เด็กหญิงอายุ 7 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า และลำตัว แผลไหม้ ระดับ ที่ 2 ทั้งหมดประมาณ 13% สัญญาณชีพปกติ หยุดการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง ปัสสาวะออกปกติ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ได้รับการประเมินทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้องทางเดินหายใจโดยกุมารแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจ พบทางเดินหายใจบวมลดลง ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน แผลดี ปากบวมลดลง ไม่พบการติดเชื้อของแผล และยังคงต้องทำความสะอาดแผลและป้ายยาต้านจุลชีพวันละครั้ง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม และมีแผนใส่อุปกรณ์รัดลดแผลเป็นในลำดับถัดไป เปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตาลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้ง 2 ข้าง
    .
    รายที่ 2 เด็กหญิงอายุ 9 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า คอ แขน และมือ ทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง ทั้งหมดประมาณ 30% สัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง สามารถลดการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนเข้าทางหลอดเลือดดำได้ โดยประเมินสารน้ำในร่างกายมีภาวะน้ำเกิน เริ่มให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำ บาดแผลบริเวณใบหน้ายุบบวมลง ความดันบริเวณแขนทั้ง 2 ข้างลดลง เนื้อเยื่อผิวหนังดีขึ้น กระบวนการอักเสบลดลง มีการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม ในส่วนของเปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตา ลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้ง 2 ข้าง

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/8eyigjYBqXrF5ePG/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รพ.ธรรมศาสตร์ฯแถลงผลการรักษาเด็กนักเรียนหญิงสองรายอายุ 7 ขวบและ9 ขวบได้รับบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้รับการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 ราย ล่าสุด(13:00น.) แพทย์ได้ประเมินอาการ ดังนี้ . รายที่ 1 เด็กหญิงอายุ 7 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า และลำตัว แผลไหม้ ระดับ ที่ 2 ทั้งหมดประมาณ 13% สัญญาณชีพปกติ หยุดการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง ปัสสาวะออกปกติ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ได้รับการประเมินทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้องทางเดินหายใจโดยกุมารแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจ พบทางเดินหายใจบวมลดลง ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน แผลดี ปากบวมลดลง ไม่พบการติดเชื้อของแผล และยังคงต้องทำความสะอาดแผลและป้ายยาต้านจุลชีพวันละครั้ง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม และมีแผนใส่อุปกรณ์รัดลดแผลเป็นในลำดับถัดไป เปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตาลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้ง 2 ข้าง . รายที่ 2 เด็กหญิงอายุ 9 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า คอ แขน และมือ ทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง ทั้งหมดประมาณ 30% สัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง สามารถลดการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนเข้าทางหลอดเลือดดำได้ โดยประเมินสารน้ำในร่างกายมีภาวะน้ำเกิน เริ่มให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำ บาดแผลบริเวณใบหน้ายุบบวมลง ความดันบริเวณแขนทั้ง 2 ข้างลดลง เนื้อเยื่อผิวหนังดีขึ้น กระบวนการอักเสบลดลง มีการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม ในส่วนของเปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตา ลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้ง 2 ข้าง ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/8eyigjYBqXrF5ePG/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด
    ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่

    🚩1. การมองระยะยาว
    การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม
    ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร
    จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน
    ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว
    ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า
    ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้
    จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้

    🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้
    ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ
    อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด
    กับการลงทุนได้

    🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์
    ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์
    โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ
    จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ
    อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ
    ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป

    🚩4. การกระจายความเสี่ยง
    ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน
    กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น
    ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง
    หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้

    🚩5. การมีวินัย
    ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย
    และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว
    เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้
    หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น
    และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน
    ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป
    ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น

    💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน
    เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้
    จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ
    และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา
    มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง
    ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่ 🚩1. การมองระยะยาว การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้ จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้ 🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้ ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด กับการลงทุนได้ 🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์ ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์ โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป 🚩4. การกระจายความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้ 🚩5. การมีวินัย ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้ หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น 💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี #thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 333 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด
    ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่

    🚩1. การมองระยะยาว
    การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม
    ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร
    จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน
    ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว
    ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า
    ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้
    จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้

    🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้
    ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ
    อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด
    กับการลงทุนได้

    🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์
    ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์
    โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ
    จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ
    อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ
    ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป

    🚩4. การกระจายความเสี่ยง
    ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน
    กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น
    ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง
    หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้

    🚩5. การมีวินัย
    ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย
    และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว
    เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้
    หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น
    และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน
    ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป
    ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น

    💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน
    เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้
    จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ
    และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา
    มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง
    ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่ 🚩1. การมองระยะยาว การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้ จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้ 🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้ ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด กับการลงทุนได้ 🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์ ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์ โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป 🚩4. การกระจายความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้ 🚩5. การมีวินัย ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้ หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น 💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี #thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • นุด..รู้ใช่มะว่าเราต่างมีหน้าที่ เพราะงั้นนุด อาหาร ทราย อย่าได้ขาด ความสะอาด อย่าได้ตก ส่วนเหมียวจะกินนอนอย่างสงบ ต่างทำหน้าที่ของตนเข้าใจนะ..นุด🐱👌 #เป็นทาสก็ยอม #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    นุด..รู้ใช่มะว่าเราต่างมีหน้าที่ เพราะงั้นนุด อาหาร ทราย อย่าได้ขาด ความสะอาด อย่าได้ตก ส่วนเหมียวจะกินนอนอย่างสงบ ต่างทำหน้าที่ของตนเข้าใจนะ..นุด🐱👌 #เป็นทาสก็ยอม #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    Haha
    Like
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 669 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในแต่ละวันเราเจอเรื่องที่ไม่พึงประสงค์เยอะมาก เรื่องไหนไม่ดีจะละทิ้งไปเรื่องไหนดีก็เก็บเอาไว้ เครื่องไหนที่คุมไม่ได้ก็ปล่อยมันไป แต่เราสามารถที่จะฝึกฝนตัวเราเพื่อที่จะได้รับความสุขในแต่ละวันได้

    วิธีคิดอย่างมีความสุข | ช้างเรื่องเยอะ! #ช้างเรื่องเยอะ #วิธีคิดอย่างมีความสุข #เรื่องน่ารู้ ฝึกจิตคิดสุข #pixels @uncle Changyai #CapCut
    ในแต่ละวันเราเจอเรื่องที่ไม่พึงประสงค์เยอะมาก เรื่องไหนไม่ดีจะละทิ้งไปเรื่องไหนดีก็เก็บเอาไว้ เครื่องไหนที่คุมไม่ได้ก็ปล่อยมันไป แต่เราสามารถที่จะฝึกฝนตัวเราเพื่อที่จะได้รับความสุขในแต่ละวันได้ วิธีคิดอย่างมีความสุข | ช้างเรื่องเยอะ! #ช้างเรื่องเยอะ #วิธีคิดอย่างมีความสุข #เรื่องน่ารู้ ฝึกจิตคิดสุข #pixels @uncle Changyai #CapCut
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่รักยิ่ง
    #เช้านี้ตื่นมาก็มีแฟนเพจส่งข้อความเข้ามาและแคปตามภาพ
    #คุณWeerayut นะ
    โดยมีเนื้อความว่า
    “คิงส์ หยุดพอได้แล้ว ผมกับคุณก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน ผมกับคุณไม่รู้จักกัน ผมแค่มาแชร์กระจายข่าวถึงร้อนตัวเอาผมไปโพสเลย ถ้าคิดว่าข้อมูลคิงส์เป็นเรื่องเท็จ ไม่เท็จ ในสิ่งที่คิงส์ทำผมเอาความผิดแจ้งความได้เลยที่เอาข้อมูลชื่อมาโพสไม่ได้รับอนุญาติ อย่าเอาผมไปเล่นกับเกมพวกคุณเลย ผมก็อยู่ของผมมันผิดใช่ไหมที่การที่คนเราเป็นคนดีการปกป้องคนที่ถุกกระทำหลายอย่าง ในสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง
    #ถ้ายังไม่ลบโพสทางผมจะขอดำเนินการแจ้งความทางตำหนวดเหมือนกัน
    -------------------------------------------------------------------------
    ต้องอธิบายแบบนี้นะ คุณ Weerayut
    1. ที่ผมโพสพร้อมภาพที่คุณพิมพ์แคปชั่น สาเหตุเพราะคุณพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง คุณไม่ได้แค่แชร์ แล้วพอเราพาดพิงถึงคุณบ้างทำไมถึงต้องร้อนตัว
    2. สิ่งที่คิงส์โพธิ์แดงพิมพ์ถึงคุณ คือการกล่าวชมเชย ว่าคุณยืนยันว่าเพจของเรา ตอบโต้ ด้วยข้อเท็จจริง ไม่เกิดความเสียหายกับคุณเลยนะ เพราะถ้าคุณใช้คำว่าแขบวน หมายถึง การนำข้อความคุณขึ้นและมีการตำหนิ ไปอ่านทั้งสองโพสที่มีคุณในนั้น ว่าเราได้ไปต่อว่าตำหนิคุณหรือไม่
    3. คุณดันไปแชร์ข้อความ ของคนที่เฉบติดความดราม่า และอยู่เบื้องหลักเพจกาก ที่มีแอดมินเป็นลุงตันหากลับ มายั่วยุเพจคิงส์ตลอด จนทำให้เกิดความหยะแหย๋งมาก
    4. อันนี้ ขอเปิดตาคุณWeerayut นะ โพสต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จริงๆ มาจากคำท้าทายของโจมณฑนีเอง ทั้งๆที่เมื่อวาน เพจเรานิ่ง เพราะตั้งใจจะพักซักวัน แต่โจใช้คำว่า “เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย” จึงเป็นที่มาของการขุดอีกชุดใหญ่
    ก่อนที่คุณจะเห็นใจโจมณฑนี คุณต้องรู้ด้วยว่า เช้าโจมณฑนีท้าทาย แต่ตอนบ่าย โจมณฑนีก็ไปแสดงดราม่าในเพจตัวเอง
    ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. พี่คิงส์ของย้ำตรงนี้ไว้เลย
    ผมอ่านภาษาที่คุณพิมพ์ ผมก็รู้เลยว่าคุณมีการศึกษา แต่ก็รู้สึกสงสัยว่า คุณไปหลงคารมคนอย่างโจมณฑนีได้อย่างไร
    คุณ นั่นแค่อดีตสก็อยใจแตก เรียนวุฒิแค่ม.ต้น ไม่ได้ ผู้เชียวชาญศาสตราจารย์ ดร.อะไรเลย แค่เป็นคำจำเก่งทะเยอทะยาน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่ง เอาพื้นฐาน อายุปูนนี้แล้ว ผมหงอกเต็มหัว สามี ลูก ยังไม่มี ทำธุรกิจก็พัง แต่หาเหตุผลเริศหรูมาอธิบาย เหมือนเรื่องไม่จบม.ปลายนั่นแหละ ขอพ่อลาออกหรือโรงเรียนไล่ออกไม่รู้ อ้างว่าตัวเองจำตัวเลขไม่ได้ จำไม่ได้เรียนมาได้ยังไงยันม.6 เทอมต้น ยังไม่พอ ไม่สงสารแม่และพ่อเลี้ยงเลย พ่อเลี้ยงก็อุตส่าห พาไปเรียนปวช เรียนยังไม่ทันจบปี 1 ปวช ก็ออกอีก โจใช้คำว่า ข้อมูลคิงส์ไม่มีหลักฐาน คุณ Weerayut ดูให้ดี โพสคิงส์โพธิ์แดง จะมีหลักฐานบนภาพในโพสแทบทุกโพส หรือแปะไว้ใต้โพส อะไร ที่ไม่จริง มีแต่วาทะกรรมของโจ
    ขนาดโพสถึงคุณอันนี้ยังแปะหลักฐานให้ดูครบหมดให้เห็นที่มาที่ไป
    ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. ทำไมรู้มั๊ยคณ Werayut
    พอพี่คิงส์พักการโพสเมื่อไหร่ โจมณฑนีก็รวมหัวกับเฒ่าชื่อนุ เพจกากนั้น โพสยั่วยุคิงส์ให้ขุดต่ออีก ทำแบบนี้ทุกวันตลอดเวลา จึงได้ข้อมูลที่ลึก เปิดขบก ฟอก และทุนดาร์ค จึงรู้ว่า ในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ต่างมีการกวาดเรื่องนี้ คือ การฟอกผ่านตต ผ่านพีเค ผ่านบิ๊กแม๊ต คุณ Weerayut จะไปค้นข้อมูลเอง หรือเลื่อนดูข้อมูลจากเพจเราได้
    และนี่แหละ โจมณฑนี ทำให้พี่คิงส์ต้องขุดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอย่าโทษพี่คิงส์ อยากโทษให้โทษที่คุณเองดันไปแชร์คนอย่างโจมณฑนี รวมถึงใส่ความคิดเห็นลงไปพาดพิง
    และส่วนสำคัญ คุณ Weerayut ใช้วิธีการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่ผ่านมา มีหลายคน แม้กระทั่งระดับหัวๆ ที่เคยออกตัวปกป้องนังกากี ขอให้ลบโพสบางโพส เค้าใช้คำอธิบาย และการขอร้อง พี่คิงส์ให้โอกาสปรับตัว แก้ไขข้อผิดพลาด และลบไปหลายโพส
    แต่สิ่งที่คุณทำคือ การท้า และข๋มขุ่ ว่าจะฟ๊อง
    สิ่งที่คุณ Weerayut ไม่รู้ก็คือว่า คิงส์โพธิ์แดง ไม่ชอบการถูกท้าทาย และจะขึ้นมาก กับการถูกข๋มขุ่
    มันจะยิ่งทำให้เกิดพลังในการขุด เหมือนที่โจ ทำให้ทุกอย่างพังถึงทุกวันนี้ ทั้งเอเจนซี่ กามิจ กลุ่มฟอก ทุกอย่าง พังเพราะโจท้าทาย และข๋มขุ่ อย่างที่คุณกำลังทำพลาดนี่แหละ
    ชัดเจนนะ Weerayut
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่รักยิ่ง #เช้านี้ตื่นมาก็มีแฟนเพจส่งข้อความเข้ามาและแคปตามภาพ #คุณWeerayut นะ โดยมีเนื้อความว่า “คิงส์ หยุดพอได้แล้ว ผมกับคุณก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน ผมกับคุณไม่รู้จักกัน ผมแค่มาแชร์กระจายข่าวถึงร้อนตัวเอาผมไปโพสเลย ถ้าคิดว่าข้อมูลคิงส์เป็นเรื่องเท็จ ไม่เท็จ ในสิ่งที่คิงส์ทำผมเอาความผิดแจ้งความได้เลยที่เอาข้อมูลชื่อมาโพสไม่ได้รับอนุญาติ อย่าเอาผมไปเล่นกับเกมพวกคุณเลย ผมก็อยู่ของผมมันผิดใช่ไหมที่การที่คนเราเป็นคนดีการปกป้องคนที่ถุกกระทำหลายอย่าง ในสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง #ถ้ายังไม่ลบโพสทางผมจะขอดำเนินการแจ้งความทางตำหนวดเหมือนกัน ------------------------------------------------------------------------- ต้องอธิบายแบบนี้นะ คุณ Weerayut 1. ที่ผมโพสพร้อมภาพที่คุณพิมพ์แคปชั่น สาเหตุเพราะคุณพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง คุณไม่ได้แค่แชร์ แล้วพอเราพาดพิงถึงคุณบ้างทำไมถึงต้องร้อนตัว 2. สิ่งที่คิงส์โพธิ์แดงพิมพ์ถึงคุณ คือการกล่าวชมเชย ว่าคุณยืนยันว่าเพจของเรา ตอบโต้ ด้วยข้อเท็จจริง ไม่เกิดความเสียหายกับคุณเลยนะ เพราะถ้าคุณใช้คำว่าแขบวน หมายถึง การนำข้อความคุณขึ้นและมีการตำหนิ ไปอ่านทั้งสองโพสที่มีคุณในนั้น ว่าเราได้ไปต่อว่าตำหนิคุณหรือไม่ 3. คุณดันไปแชร์ข้อความ ของคนที่เฉบติดความดราม่า และอยู่เบื้องหลักเพจกาก ที่มีแอดมินเป็นลุงตันหากลับ มายั่วยุเพจคิงส์ตลอด จนทำให้เกิดความหยะแหย๋งมาก 4. อันนี้ ขอเปิดตาคุณWeerayut นะ โพสต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จริงๆ มาจากคำท้าทายของโจมณฑนีเอง ทั้งๆที่เมื่อวาน เพจเรานิ่ง เพราะตั้งใจจะพักซักวัน แต่โจใช้คำว่า “เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย” จึงเป็นที่มาของการขุดอีกชุดใหญ่ ก่อนที่คุณจะเห็นใจโจมณฑนี คุณต้องรู้ด้วยว่า เช้าโจมณฑนีท้าทาย แต่ตอนบ่าย โจมณฑนีก็ไปแสดงดราม่าในเพจตัวเอง ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. พี่คิงส์ของย้ำตรงนี้ไว้เลย ผมอ่านภาษาที่คุณพิมพ์ ผมก็รู้เลยว่าคุณมีการศึกษา แต่ก็รู้สึกสงสัยว่า คุณไปหลงคารมคนอย่างโจมณฑนีได้อย่างไร คุณ นั่นแค่อดีตสก็อยใจแตก เรียนวุฒิแค่ม.ต้น ไม่ได้ ผู้เชียวชาญศาสตราจารย์ ดร.อะไรเลย แค่เป็นคำจำเก่งทะเยอทะยาน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่ง เอาพื้นฐาน อายุปูนนี้แล้ว ผมหงอกเต็มหัว สามี ลูก ยังไม่มี ทำธุรกิจก็พัง แต่หาเหตุผลเริศหรูมาอธิบาย เหมือนเรื่องไม่จบม.ปลายนั่นแหละ ขอพ่อลาออกหรือโรงเรียนไล่ออกไม่รู้ อ้างว่าตัวเองจำตัวเลขไม่ได้ จำไม่ได้เรียนมาได้ยังไงยันม.6 เทอมต้น ยังไม่พอ ไม่สงสารแม่และพ่อเลี้ยงเลย พ่อเลี้ยงก็อุตส่าห พาไปเรียนปวช เรียนยังไม่ทันจบปี 1 ปวช ก็ออกอีก โจใช้คำว่า ข้อมูลคิงส์ไม่มีหลักฐาน คุณ Weerayut ดูให้ดี โพสคิงส์โพธิ์แดง จะมีหลักฐานบนภาพในโพสแทบทุกโพส หรือแปะไว้ใต้โพส อะไร ที่ไม่จริง มีแต่วาทะกรรมของโจ ขนาดโพสถึงคุณอันนี้ยังแปะหลักฐานให้ดูครบหมดให้เห็นที่มาที่ไป ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. ทำไมรู้มั๊ยคณ Werayut พอพี่คิงส์พักการโพสเมื่อไหร่ โจมณฑนีก็รวมหัวกับเฒ่าชื่อนุ เพจกากนั้น โพสยั่วยุคิงส์ให้ขุดต่ออีก ทำแบบนี้ทุกวันตลอดเวลา จึงได้ข้อมูลที่ลึก เปิดขบก ฟอก และทุนดาร์ค จึงรู้ว่า ในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ต่างมีการกวาดเรื่องนี้ คือ การฟอกผ่านตต ผ่านพีเค ผ่านบิ๊กแม๊ต คุณ Weerayut จะไปค้นข้อมูลเอง หรือเลื่อนดูข้อมูลจากเพจเราได้ และนี่แหละ โจมณฑนี ทำให้พี่คิงส์ต้องขุดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอย่าโทษพี่คิงส์ อยากโทษให้โทษที่คุณเองดันไปแชร์คนอย่างโจมณฑนี รวมถึงใส่ความคิดเห็นลงไปพาดพิง และส่วนสำคัญ คุณ Weerayut ใช้วิธีการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่ผ่านมา มีหลายคน แม้กระทั่งระดับหัวๆ ที่เคยออกตัวปกป้องนังกากี ขอให้ลบโพสบางโพส เค้าใช้คำอธิบาย และการขอร้อง พี่คิงส์ให้โอกาสปรับตัว แก้ไขข้อผิดพลาด และลบไปหลายโพส แต่สิ่งที่คุณทำคือ การท้า และข๋มขุ่ ว่าจะฟ๊อง สิ่งที่คุณ Weerayut ไม่รู้ก็คือว่า คิงส์โพธิ์แดง ไม่ชอบการถูกท้าทาย และจะขึ้นมาก กับการถูกข๋มขุ่ มันจะยิ่งทำให้เกิดพลังในการขุด เหมือนที่โจ ทำให้ทุกอย่างพังถึงทุกวันนี้ ทั้งเอเจนซี่ กามิจ กลุ่มฟอก ทุกอย่าง พังเพราะโจท้าทาย และข๋มขุ่ อย่างที่คุณกำลังทำพลาดนี่แหละ ชัดเจนนะ Weerayut #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โจมณทนีแอ๊บแตกออกหน้าเชียร์เพจกาก
    #เริ่มสงสัยความสัมพันธ์
    แฟนเพจทุกท่าน จากที่พี่คิงส์ได้โพสไปแล้วว่า
    เพจกากนี้พี่คิงส์บล็อคเป็นอย่างแรกที่ทำวันนี้
    เพราะอะไรก็อธิบายไปเยอะย้อนกลับไปอ่าน
    และคิดว่าจะไม่โพสถึงไอ่เฒ่าตันหากลับคนนี้อีก
    ทั้งๆที่นั่งเฉยๆพี่คิงส์ไม่ต้องทำอะไรเลย
    นังโจ ถึงกันโดดเด้ง เพราะปั๊นตาลุงมากับมือ
    เอาความรู้แค่วุฒม.ต้น มาสอนไอ่เฒ่าตันหากลับ
    สอนซื้อแอด ไว้ให้คนเห็นโพสเยอะๆ แต่มันโพสแต่ละอย่าง
    น่าสะอิดสะเอียน เลยรู้สึกเป็นอัปมงคลลูกกะตา
    ไอ่เฒ่าบอกมีคนสั่ง จะสั่งอะไร เมิงสำคัญตัวเองอะไรนักหนา
    อิโจเลือกคนรู้ใจโคตะระศีลเสมอจริงๆ
    กล้าออกตัว ลุ้นไปกับไอ่เฒ่าที่โพสแต่ละวัน
    ไม่เคยมีสะระ ทักษณะแซะคุณภาพเตี้ยเรี่ยดิน
    เหมือนเกรียนคีบอร์ดระดับประถม เวิ่นไปวันๆ
    ตลกดี กะให้ไอ่เฒ่าเป็นเป้าให้เสียเวลาตอบโต้
    โจ กรรูอะบอกแล้วว่า กรรูไม่ชอบคนท้า
    ไอ่ลุงกากตันหากลับเนี่ย กรรูไม่ยุ่งแล้ว
    บอกแล้วว่าอ่านโพสมันแล้วหยะแหย๋งที่สุด
    แต่เมิงอะ อีกยาววววว
    อิฉัดโจ ตกขาว นั่นน่ะพากันไปรักฉานะ
    เอาไอ่ลุงไปทำฟัน แม่มเหลือแต่เหงือก
    เวลาดูดดื่มโจคงชอบแหละ ไม่มีกำแพงกั้น
    ส่วนโจ ก็ไปรักษานาซิซิสนะ กับเฉบติดดราม่า
    ชอบอะ โจมากระตุ้นให้เล่นโจหนักๆ
    แบบไม่ต้องมีไอ่ลุงมาทำให้เสียเวลา
    ยาวเลยโจ ศ.ดร.มโนของทุย ที่จบแค่ม.ต้น
    ทุ๊ยยยย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #โจมณทนีแอ๊บแตกออกหน้าเชียร์เพจกาก #เริ่มสงสัยความสัมพันธ์ แฟนเพจทุกท่าน จากที่พี่คิงส์ได้โพสไปแล้วว่า เพจกากนี้พี่คิงส์บล็อคเป็นอย่างแรกที่ทำวันนี้ เพราะอะไรก็อธิบายไปเยอะย้อนกลับไปอ่าน และคิดว่าจะไม่โพสถึงไอ่เฒ่าตันหากลับคนนี้อีก ทั้งๆที่นั่งเฉยๆพี่คิงส์ไม่ต้องทำอะไรเลย นังโจ ถึงกันโดดเด้ง เพราะปั๊นตาลุงมากับมือ เอาความรู้แค่วุฒม.ต้น มาสอนไอ่เฒ่าตันหากลับ สอนซื้อแอด ไว้ให้คนเห็นโพสเยอะๆ แต่มันโพสแต่ละอย่าง น่าสะอิดสะเอียน เลยรู้สึกเป็นอัปมงคลลูกกะตา ไอ่เฒ่าบอกมีคนสั่ง จะสั่งอะไร เมิงสำคัญตัวเองอะไรนักหนา อิโจเลือกคนรู้ใจโคตะระศีลเสมอจริงๆ กล้าออกตัว ลุ้นไปกับไอ่เฒ่าที่โพสแต่ละวัน ไม่เคยมีสะระ ทักษณะแซะคุณภาพเตี้ยเรี่ยดิน เหมือนเกรียนคีบอร์ดระดับประถม เวิ่นไปวันๆ ตลกดี กะให้ไอ่เฒ่าเป็นเป้าให้เสียเวลาตอบโต้ โจ กรรูอะบอกแล้วว่า กรรูไม่ชอบคนท้า ไอ่ลุงกากตันหากลับเนี่ย กรรูไม่ยุ่งแล้ว บอกแล้วว่าอ่านโพสมันแล้วหยะแหย๋งที่สุด แต่เมิงอะ อีกยาววววว อิฉัดโจ ตกขาว นั่นน่ะพากันไปรักฉานะ เอาไอ่ลุงไปทำฟัน แม่มเหลือแต่เหงือก เวลาดูดดื่มโจคงชอบแหละ ไม่มีกำแพงกั้น ส่วนโจ ก็ไปรักษานาซิซิสนะ กับเฉบติดดราม่า ชอบอะ โจมากระตุ้นให้เล่นโจหนักๆ แบบไม่ต้องมีไอ่ลุงมาทำให้เสียเวลา ยาวเลยโจ ศ.ดร.มโนของทุย ที่จบแค่ม.ต้น ทุ๊ยยยย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถโดยสารไฟไหม้
    'เด็กตาย' เพราะสภาพรถอันตรายแต่ถูกนำมาใช้
    และยังมีวิ่งอยู่ตามถนนอีกมากมาย
    เพราะระบบงานรักษากฎหมายไทย
    ไร้ประสิทธิภาพ!

    'พ.ต.อ.วิรุตม์' ชี้ กรณี รถโดยสารไฟไหม้ทำให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมากนั้น ปัญหาสำคัญคือ 'สภาพรถ' ที่ไม่สมบูรณ์และอันตรายในการนำ
    มาใช้ ยางน่าจะหมดสภาพหรืออาจเกิดจากเหตุอื่นเกิดการเสียดสีไฟลุกไหม้จากถังแก๊สลามไปทั้งคันในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นความประมาททั้งของ
    คนขับและเจ้าของรถผู้รับจ้างที่ไม่ดูแลยางรถให้อยู่ในสภาพดีมีความปลอดภัย มีความผิดทางอาญา

    ปัญหาไม่ใช่เรื่องครูพาเด็กไปทัศนศึกษา เพราะว่าเด็กทุกวัยควรมีโอกาสได้เรียนรู้ดูของจริงต่างๆ นอกสถานศึกษาบ้าง

    ประเด็นคือ รัฐจะจัดการอย่างไรให้ระบบงาน รักษากฏหมายเป็นไปด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
    ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนต้องใช้ชีวิตกันอยู่บนความเสี่ยงสารพัดที่รัฐ
    ไม่ควบคุมดูแลตามหน้าที่เช่นทุกวันนี้ และการแก้ปัญหาไม่ควรเน้นไปที่คำแนะนำในการเอาชีวิตรอดจากรถเกิดไฟไหม้
    จะเปิดประตูจะทุบกระจกอย่างไร?
    เพราะในเหตุการณ์จริงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้โดยสารจำนวนมากจะปีนป่ายออกมาได้ในเวลาอันรวดเร็วขณะไฟกำลังลุกไหม้

    หัวใจคือ แม้รถโดยสารสาธารณะจะเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าลักษณะใด ไฟก็ไม่ควรลุกไหม้ได้ง่ายๆ ต่างหาก

    พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
    เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
    4 ตุลาคม 2567

    ที่มา : @สืบจากข่าว

    https://www.facebook.com/share/v/Xzc3tJQkbnR5wrAB/
    รถโดยสารไฟไหม้ 'เด็กตาย' เพราะสภาพรถอันตรายแต่ถูกนำมาใช้ และยังมีวิ่งอยู่ตามถนนอีกมากมาย เพราะระบบงานรักษากฎหมายไทย ไร้ประสิทธิภาพ! 'พ.ต.อ.วิรุตม์' ชี้ กรณี รถโดยสารไฟไหม้ทำให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมากนั้น ปัญหาสำคัญคือ 'สภาพรถ' ที่ไม่สมบูรณ์และอันตรายในการนำ มาใช้ ยางน่าจะหมดสภาพหรืออาจเกิดจากเหตุอื่นเกิดการเสียดสีไฟลุกไหม้จากถังแก๊สลามไปทั้งคันในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นความประมาททั้งของ คนขับและเจ้าของรถผู้รับจ้างที่ไม่ดูแลยางรถให้อยู่ในสภาพดีมีความปลอดภัย มีความผิดทางอาญา ปัญหาไม่ใช่เรื่องครูพาเด็กไปทัศนศึกษา เพราะว่าเด็กทุกวัยควรมีโอกาสได้เรียนรู้ดูของจริงต่างๆ นอกสถานศึกษาบ้าง ประเด็นคือ รัฐจะจัดการอย่างไรให้ระบบงาน รักษากฏหมายเป็นไปด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนต้องใช้ชีวิตกันอยู่บนความเสี่ยงสารพัดที่รัฐ ไม่ควบคุมดูแลตามหน้าที่เช่นทุกวันนี้ และการแก้ปัญหาไม่ควรเน้นไปที่คำแนะนำในการเอาชีวิตรอดจากรถเกิดไฟไหม้ จะเปิดประตูจะทุบกระจกอย่างไร? เพราะในเหตุการณ์จริงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้โดยสารจำนวนมากจะปีนป่ายออกมาได้ในเวลาอันรวดเร็วขณะไฟกำลังลุกไหม้ หัวใจคือ แม้รถโดยสารสาธารณะจะเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าลักษณะใด ไฟก็ไม่ควรลุกไหม้ได้ง่ายๆ ต่างหาก พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 4 ตุลาคม 2567 ที่มา : @สืบจากข่าว https://www.facebook.com/share/v/Xzc3tJQkbnR5wrAB/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • 04-10-67/02 : หมี CNN / เหี้ยฝากมาบอก! มรึงจะมายินดีเหี้ยอะไรตอนนี้จ๊ะ? กูรู้ พวกมรึงคิดจะล่อกูมาลงแขก เหมือนที่ทำกับลวกเพ่ยิวมายเลิฟกู! รัสเซีย-จีน ไม่พูดเยอะ 1.รัสเซียลุย จีนเติมให้ไม่อั้น 2.BRICS นำ โลกตาม 3.ท่อแก็สเชื่อมต่อรัสเซีย-จีน-อิหร่าน ถึงกันหมดแล้ว โลกอยู่ในมือ 4.เทดอลล่าร์กันหมดโลก แล้วไอ้ราคาที่เห็นอยู่ มีแต่ควายใช้ไงล่ะ 5.ผนึกโลกลงแขกยิวสำเร็จ อาร์คติคมาแน่ แปซิฟิคมั่นคง สรุปคือ รัสเซียเล่นบทเพชรฆาต จีนเล่นบทพ่อพระ อิหร่านเล่นบทสงครามครูเสด โสมแดงรอดักตีท้ายครัววอชิงตัน สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ยที่ดีที่สุดคือ "ฆ่าล้างโคตรยิว ทุกอย่างจบ" WAGNER กระจายไปทั่วโลก ภาพที่เห็นการต่อสู้ ไม่ว่าสมรภูมิไหนในโลก สอดมี WAGNER สอดไส้คาราเมลไปทั่ว ในอิรัก ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสถาน เยเมน ไนจีเรีย ไนเจอร์ โปแลนด์ ยูเครน โดยมีผีน้อยคิวทาโร่ กำกับการแสดง กลายร่างเป็นเงา เหี้ยยังหาไม่เจอ? อุโมงค์ใต้ดินฮามาส ลับสุดยอด ซับซ้อน เขาวงกต แม้แต่เหี้ยใช้เทคโนโลยีอะไร ก็หาแผนที่ใต้ดินไม่พบ เพราะคนที่เข้าไปวางกับดักให้ วางแผนให้ มิใช่ใครอื่น WAGNER ที่รัก สรุปคือแผนการรบในยูเครน รวมทั้งเยรูซาเล็ม พิมพ์เขียวฉบับเดียวกัน ทำพร้อมกัน เพื่อสอดประสานตามแผนการโจมตีภาพใหญ่ ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาติดบ่วงสงคราม แล้วหลังบ้านจะยวบทันที การที่มันยังเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้เพราะกังวลเลือกตั้งใหญ่ กว่ามรึงจะเลือกกันเสร็จ รับรองกันเสร็จ สงครามกลางเมืองมาแน่ ตอนนั้น อียิวเหลือแต่ซากแล้ว! แผนกั๊กขั้วใหม่เค้า ห่วงหน้าพะวงหลัง สู้ไม่สุด ไปไม่สุด มรึงมีแต่แพ้ยับ ต้องเทหมดหน้าตัก ถึงพอจะยังกู้สถานการณ์ได้จริง แต่เหี้ยวอชิงตัน อาจจะเสียบ้านแทนอียิว มรึงเลือกเอาน่ะ? ไอ้เหี้ย! ไม่ว่าทางไหน ก็ไม่พ้นกองตรีนกองทัพมหาเทพชัวร์! ปล.ยิ่งรัสเซียแนบแน่นกับจีนมากเท่าไหร่ ขั้วใหม่ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโลก มีใครจะไม่เอา? ปูติน สีจิ้นผิง จะมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์โลกอีก 100 ปี HALL OF FLAME จดจำชัวร์! ไม่ใช่อีลูกสาวร่าน แถวเหี้ยส่องหล้า ที่อยากจะเข้า HALL OF FLAME พ่วงคดีความยาวเป็นหางว่าว อีพ่อเหลี่ยมชั่วฆ่าลูกตัวเอง อีกะบังลม น้ำตาร่วง!

    Putin congratulates Xi on diplomatic anniversary นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ

    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินกล่าวในจดหมายต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในโอกาสครบรอบการทูตกับจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียดีที่สุดในประวัติการณ์หลังความสัมพันธ์ทางการทูต 75 ปี

    รัสเซียและจีนพึงพอใจกับความร่วมมือทางการเมือง การค้า และเศรษฐกิจตามที่ได้เปิดเผยในเว็บไซต์ของรัสเซีย นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ ยังได้ผลประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น

    นายปูตินมั่นใจว่า ข้อตกลงต่างๆที่เจรจากับนายสีจะช่วย “สร้างความมั่นคงและความปลอดภัย” ในยุโรปและเอเชียรวมถึง “ทั่วโลก”

    ทั้งสองคนประชุมกันในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมปีนี้ จีนเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อการแก้ปัญหาทางการทูตต่อความขัดแย้งกับยูเครนเหมือนกับบราซิลที่เสนอแผนการเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

    จีนเรียกร้องให้มีการตั้งฐานทัพอย่างสันติต่อวิกฤติและอ้างว่า การปฏิบัติการของสหรัฐและการขยายตัวของนาโต ทำให้เกิดการต่อสู้ การค้าระหว่างสองประเทศดีขึ้นตั้งแต่ปี 2022

    แถลงการจากรัฐบาลจีนระบุว่า “ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เห็นในรอบศตวรรษ รัสเซียและจีน ”มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันและบรรลุผลจากความร่วมมือ“ และ ”เสียสละ“ เพื่อสนับสนุน ”โลกหลายขั้ว“ และ ”โลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคน“

    ข้อความจากนายปูตินแก่นายสีระบุว่า สหภาพโซเวียต เป็นประเทศแรกที่ยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นาย ปูตินแสดงความยินดีกับนายสีในโอกาสครบรอบ 75 ปีของก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC)

    https://www.rt.com/news/605107-putin-congratulates-xi-diplomatic/

    https://linevoom.line.me/post/1172801695419295999

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    04-10-67/02 : หมี CNN / เหี้ยฝากมาบอก! มรึงจะมายินดีเหี้ยอะไรตอนนี้จ๊ะ? กูรู้ พวกมรึงคิดจะล่อกูมาลงแขก เหมือนที่ทำกับลวกเพ่ยิวมายเลิฟกู! รัสเซีย-จีน ไม่พูดเยอะ 1.รัสเซียลุย จีนเติมให้ไม่อั้น 2.BRICS นำ โลกตาม 3.ท่อแก็สเชื่อมต่อรัสเซีย-จีน-อิหร่าน ถึงกันหมดแล้ว โลกอยู่ในมือ 4.เทดอลล่าร์กันหมดโลก แล้วไอ้ราคาที่เห็นอยู่ มีแต่ควายใช้ไงล่ะ 5.ผนึกโลกลงแขกยิวสำเร็จ อาร์คติคมาแน่ แปซิฟิคมั่นคง สรุปคือ รัสเซียเล่นบทเพชรฆาต จีนเล่นบทพ่อพระ อิหร่านเล่นบทสงครามครูเสด โสมแดงรอดักตีท้ายครัววอชิงตัน สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ยที่ดีที่สุดคือ "ฆ่าล้างโคตรยิว ทุกอย่างจบ" WAGNER กระจายไปทั่วโลก ภาพที่เห็นการต่อสู้ ไม่ว่าสมรภูมิไหนในโลก สอดมี WAGNER สอดไส้คาราเมลไปทั่ว ในอิรัก ซีเรีย เลบานอน อัฟกานิสถาน เยเมน ไนจีเรีย ไนเจอร์ โปแลนด์ ยูเครน โดยมีผีน้อยคิวทาโร่ กำกับการแสดง กลายร่างเป็นเงา เหี้ยยังหาไม่เจอ? อุโมงค์ใต้ดินฮามาส ลับสุดยอด ซับซ้อน เขาวงกต แม้แต่เหี้ยใช้เทคโนโลยีอะไร ก็หาแผนที่ใต้ดินไม่พบ เพราะคนที่เข้าไปวางกับดักให้ วางแผนให้ มิใช่ใครอื่น WAGNER ที่รัก สรุปคือแผนการรบในยูเครน รวมทั้งเยรูซาเล็ม พิมพ์เขียวฉบับเดียวกัน ทำพร้อมกัน เพื่อสอดประสานตามแผนการโจมตีภาพใหญ่ ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาติดบ่วงสงคราม แล้วหลังบ้านจะยวบทันที การที่มันยังเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้เพราะกังวลเลือกตั้งใหญ่ กว่ามรึงจะเลือกกันเสร็จ รับรองกันเสร็จ สงครามกลางเมืองมาแน่ ตอนนั้น อียิวเหลือแต่ซากแล้ว! แผนกั๊กขั้วใหม่เค้า ห่วงหน้าพะวงหลัง สู้ไม่สุด ไปไม่สุด มรึงมีแต่แพ้ยับ ต้องเทหมดหน้าตัก ถึงพอจะยังกู้สถานการณ์ได้จริง แต่เหี้ยวอชิงตัน อาจจะเสียบ้านแทนอียิว มรึงเลือกเอาน่ะ? ไอ้เหี้ย! ไม่ว่าทางไหน ก็ไม่พ้นกองตรีนกองทัพมหาเทพชัวร์! ปล.ยิ่งรัสเซียแนบแน่นกับจีนมากเท่าไหร่ ขั้วใหม่ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งโลก มีใครจะไม่เอา? ปูติน สีจิ้นผิง จะมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์โลกอีก 100 ปี HALL OF FLAME จดจำชัวร์! ไม่ใช่อีลูกสาวร่าน แถวเหี้ยส่องหล้า ที่อยากจะเข้า HALL OF FLAME พ่วงคดีความยาวเป็นหางว่าว อีพ่อเหลี่ยมชั่วฆ่าลูกตัวเอง อีกะบังลม น้ำตาร่วง! Putin congratulates Xi on diplomatic anniversary นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : นายปูตินแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสีเนื่องในโอกาสครบรอบการทูตระหว่างประเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินกล่าวในจดหมายต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในโอกาสครบรอบการทูตกับจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียดีที่สุดในประวัติการณ์หลังความสัมพันธ์ทางการทูต 75 ปี รัสเซียและจีนพึงพอใจกับความร่วมมือทางการเมือง การค้า และเศรษฐกิจตามที่ได้เปิดเผยในเว็บไซต์ของรัสเซีย นอกจากนั้นประเทศอื่น ๆ ยังได้ผลประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น นายปูตินมั่นใจว่า ข้อตกลงต่างๆที่เจรจากับนายสีจะช่วย “สร้างความมั่นคงและความปลอดภัย” ในยุโรปและเอเชียรวมถึง “ทั่วโลก” ทั้งสองคนประชุมกันในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมปีนี้ จีนเป็นผู้สนับสนุนหลักต่อการแก้ปัญหาทางการทูตต่อความขัดแย้งกับยูเครนเหมือนกับบราซิลที่เสนอแผนการเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จีนเรียกร้องให้มีการตั้งฐานทัพอย่างสันติต่อวิกฤติและอ้างว่า การปฏิบัติการของสหรัฐและการขยายตัวของนาโต ทำให้เกิดการต่อสู้ การค้าระหว่างสองประเทศดีขึ้นตั้งแต่ปี 2022 แถลงการจากรัฐบาลจีนระบุว่า “ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เห็นในรอบศตวรรษ รัสเซียและจีน ”มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันและบรรลุผลจากความร่วมมือ“ และ ”เสียสละ“ เพื่อสนับสนุน ”โลกหลายขั้ว“ และ ”โลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคน“ ข้อความจากนายปูตินแก่นายสีระบุว่า สหภาพโซเวียต เป็นประเทศแรกที่ยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นาย ปูตินแสดงความยินดีกับนายสีในโอกาสครบรอบ 75 ปีของก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) https://www.rt.com/news/605107-putin-congratulates-xi-diplomatic/ https://linevoom.line.me/post/1172801695419295999 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 1 รีวิว
  • "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈

    วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱

    👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย:
    1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง
    2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา
    3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล

    💪 #ผลลัพธ์ที่ได้:
    • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่
    • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน
    • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม

    🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ:
    พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก

    🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์:
    • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้
    ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย!

    🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ:
    • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง
    • ธาตุอาหารบำรุงต้น
    • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง
    • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก!

    📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691
    💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ

    #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈 วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱 👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย: 1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง 2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา 3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล 💪 #ผลลัพธ์ที่ได้: • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่ • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม 🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ: พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก 🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์: • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้ ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย! 🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ: • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง • ธาตุอาหารบำรุงต้น • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก! 📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691 💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิจกรรม: รวมพลคนบางพลัด

    วันและเวลา: 14 -ตุลาคม 2024
    สถานที่: [ระบุสถานที่จัดงาน]
    เวลา: [ระบุเวลาเริ่มและสิ้นสุด]

    วัตถุประสงค์ของกิจกรรม:

    เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัยด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน
    เพื่อบำบัดความไม่สบายตัวด้วยการใช้จอบตุ่มและฟังคลื่นเสียงขันธิเบต
    เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
    กิจกรรมในวันงาน:

    การบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพสูงวัย:

    เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
    เทคนิคการจัดการความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน
    การทำจอบตุ่ม:

    สอนวิธีการทำจอบตุ่มเพื่อใช้ในการบำบัด
    แจกจอบตุ่มให้ผู้เข้าร่วมที่สนใจนำไปใช้ที่บ้าน
    การบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต:

    ฟังการบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต โดยมีผู้เชี่ยวชาญมานำการบำบัด
    เสียงขันธิเบตจะช่วยในการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด
    การเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์:

    ให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัย
    กิจกรรมสันทนาการ:

    จัดกิจกรรมสันทนาการ เช่น การร้องเพลง การเต้นรำ หรือการทำสมาธิเพื่อสร้างความสุข
    ปิดท้ายกิจกรรม:

    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรม
    ให้ผู้เข้าร่วมกลับไปพร้อมกับความรู้ใหม่ ๆ และแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพสูงวัยในชุมชน
    หมายเหตุ:

    ผู้เข้าร่วมสามารถนำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาได้
    ขอแนะนำให้แต่งกายสบาย ๆ เพื่อความสะดวกในกิจกรรม
    กิจกรรม: รวมพลคนบางพลัด วันและเวลา: 14 -ตุลาคม 2024 สถานที่: [ระบุสถานที่จัดงาน] เวลา: [ระบุเวลาเริ่มและสิ้นสุด] วัตถุประสงค์ของกิจกรรม: เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัยด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อบำบัดความไม่สบายตัวด้วยการใช้จอบตุ่มและฟังคลื่นเสียงขันธิเบต เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ กิจกรรมในวันงาน: การบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพสูงวัย: เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ เทคนิคการจัดการความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน การทำจอบตุ่ม: สอนวิธีการทำจอบตุ่มเพื่อใช้ในการบำบัด แจกจอบตุ่มให้ผู้เข้าร่วมที่สนใจนำไปใช้ที่บ้าน การบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต: ฟังการบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต โดยมีผู้เชี่ยวชาญมานำการบำบัด เสียงขันธิเบตจะช่วยในการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด การเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์: ให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัย กิจกรรมสันทนาการ: จัดกิจกรรมสันทนาการ เช่น การร้องเพลง การเต้นรำ หรือการทำสมาธิเพื่อสร้างความสุข ปิดท้ายกิจกรรม: แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรม ให้ผู้เข้าร่วมกลับไปพร้อมกับความรู้ใหม่ ๆ และแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพสูงวัยในชุมชน หมายเหตุ: ผู้เข้าร่วมสามารถนำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาได้ ขอแนะนำให้แต่งกายสบาย ๆ เพื่อความสะดวกในกิจกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเถอะ ถึงเวลาแล้ว พี่น้องไทย วิญญาณ ไทย ในดินน้ำฟ้า ป่า อากาศ ธรรมชาติ เทวธาตุ อวกาศ ธาตุ​​
    แต่นี้ ป่าจะล้อมเมือง อวกาศ จะครอบงำ ทุกดวงดาว อวกาศ คือพ่อแม่ พ่อแม่จะทวงคืนความยุติธรรม
    ​​ประชาธิปไตย ทางตรง อำนาจ ปชช ทางตรงเท่ากัน เปลี่ยนเกมส์ ใหม่ เกมส์ ของ ทุกคน ไม่ใช่ 500 ตระกูล
    โลกใหม่พึ่งเริ่ม ทุกคน มีส่วนเป้นพระผู้สร้างร่วม มาๆๆๆ
    ของๆ คนไทย ไม่ดี เหมือน ฝรั่ง แต่ ปลอดภัยกว่ามากๆๆ
    ตึ้งๆ ตึ้งๆ ตึ้งๆ​​
    ตึ่งๆ ตึ่งๆ ตึ่งๆ
    ประชาธิปไตยทางตรง อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข + ระบบ ศีลธรรมคุณธรรม เป็น ธรรมนูญ ปชช เกินครึงใช้อำนาจทั้ง 3 การเงิน นโยบาย การควบคุม ทางตรง ด้วยเสียงเกิน กึ่ง โหวดผ่าน ควอนตั้งอินเตอร์เน็ต ตัดอำนาจคนกลางและอำนาจการเงิน พวกเขาโดยสิ้นเชิง แต่ จ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ และให้โบนัส ในถานะผู้อาสารับใน ปชช อย่างแท้ จริง Civil servants. โลกใหม่ จะเปลี่ยนไป นักการเมือง ทุกประเทศ จะหมดอำนาจ ปชช ชาวโลก สันติสุข จะเป็นใหญ่ นักการเมือง ไม่ต้องแย่งชิง เราเอา ส้วมออก หมาจะไม่แย่งอึ๊ อีกต่อไป😊 ไทยจะเป็นตัวอย่างดีๆ ของดลกใหม่ เขาจะมา สนใจงานของเรา งานมีสเน่ห์ แบบ น้องหมูเด้ง ที่ฝรั่งต้องเขามาเรียนมาสนใจมาดู ที่ไหนๆ ที่ให้ความสงบของใจ เขาทำได้อย่างไร สันติสุขความดี ศีลธรรม ความถูกต้อง ความยุติธรรม เริ่มได้อย่าไร อนุโมทนา พ่อแม่พี่น้อง ลุกหลานหลวงตา ผู้มีส่วนร่วม สร้างโลกใหม่ ของ ทุกคน ที่จะมาเกิดใหม่ นะครับ😊
    😊
    มาเถอะ ถึงเวลาแล้ว พี่น้องไทย วิญญาณ ไทย ในดินน้ำฟ้า ป่า อากาศ ธรรมชาติ เทวธาตุ อวกาศ ธาตุ​​ แต่นี้ ป่าจะล้อมเมือง อวกาศ จะครอบงำ ทุกดวงดาว อวกาศ คือพ่อแม่ พ่อแม่จะทวงคืนความยุติธรรม ​​ประชาธิปไตย ทางตรง อำนาจ ปชช ทางตรงเท่ากัน เปลี่ยนเกมส์ ใหม่ เกมส์ ของ ทุกคน ไม่ใช่ 500 ตระกูล โลกใหม่พึ่งเริ่ม ทุกคน มีส่วนเป้นพระผู้สร้างร่วม มาๆๆๆ ของๆ คนไทย ไม่ดี เหมือน ฝรั่ง แต่ ปลอดภัยกว่ามากๆๆ ตึ้งๆ ตึ้งๆ ตึ้งๆ​​ ตึ่งๆ ตึ่งๆ ตึ่งๆ ประชาธิปไตยทางตรง อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข + ระบบ ศีลธรรมคุณธรรม เป็น ธรรมนูญ ปชช เกินครึงใช้อำนาจทั้ง 3 การเงิน นโยบาย การควบคุม ทางตรง ด้วยเสียงเกิน กึ่ง โหวดผ่าน ควอนตั้งอินเตอร์เน็ต ตัดอำนาจคนกลางและอำนาจการเงิน พวกเขาโดยสิ้นเชิง แต่ จ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ และให้โบนัส ในถานะผู้อาสารับใน ปชช อย่างแท้ จริง Civil servants. โลกใหม่ จะเปลี่ยนไป นักการเมือง ทุกประเทศ จะหมดอำนาจ ปชช ชาวโลก สันติสุข จะเป็นใหญ่ นักการเมือง ไม่ต้องแย่งชิง เราเอา ส้วมออก หมาจะไม่แย่งอึ๊ อีกต่อไป😊 ไทยจะเป็นตัวอย่างดีๆ ของดลกใหม่ เขาจะมา สนใจงานของเรา งานมีสเน่ห์ แบบ น้องหมูเด้ง ที่ฝรั่งต้องเขามาเรียนมาสนใจมาดู ที่ไหนๆ ที่ให้ความสงบของใจ เขาทำได้อย่างไร สันติสุขความดี ศีลธรรม ความถูกต้อง ความยุติธรรม เริ่มได้อย่าไร อนุโมทนา พ่อแม่พี่น้อง ลุกหลานหลวงตา ผู้มีส่วนร่วม สร้างโลกใหม่ ของ ทุกคน ที่จะมาเกิดใหม่ นะครับ😊 😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย
    .
    ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ
    .
    แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก
    .
    ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้
    .
    “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว
    .
    การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
    ................
    Sondhi X
    อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย . ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ . แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก . ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้ . “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว . การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ................ Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts