• ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅ศาสตร์ผสมผสาน
    ตัวอย่างช่องยูทูปที่น่าสนใจ
    ท่านใดมีช่องยูทูปสุขภาพที่น่าสนใจนำเสนอเพิ่ม คัดลอกและเติมนะครับ
    1. นิดดา หงส์วิวัฒน์ (ป้านิด)
    https://m.youtube.com/@user-qc9dj6de4g
    (แสงแดด! คลิปนี้ พลาดไม่ได้ครับ)
    https://youtu.be/bImsCTxZlSw
    2. . เพจหยุดมะเร็งกับโค๊ชนาตาลี Health Coach Natalie https://www.facebook.com/StopCancerWithNatalie https://m.youtube.com/@HealthCoachNatalie และยูทูป
    https://m.youtube.com/@HealthCoachNatalie
    3. บ้านแสงธรรม (หมอเขียว)
    https://youtube.com/@user-wu2rf6bp4j
    4. อาชัย ล้างพิษ ปรับสมดุล
    https://youtube.com/@user-rq9tg1dy6i
    5. Beat your limit (ญาดา)
    https://youtube.com/@BeatYourLimitTH
    6. โชคดีที่ไม่ไปหาหมอ
    (อ. ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์)
    https://youtu.be/DHGPSl2dpPc
    7. นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์
    https://youtube.com/@BEANHEALTHY
    8. นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
    https://youtube.com/@WELLNESSWECARE100

    หนังสือ Online เรื่องอาหารเป็นยา
    SAVE ลิงค์เก็บไว้เลย เป็นประโยชน์มาก
    เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ที่สนใจการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
    คนที่มีผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน
    https://online.flipbuilder.com/wbvf/lizu/

    ✍️ยาที่แพทย์ไทย 30 ท่าน ร่วมลงชื่อแนะนำให้คนไทยใช้ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
    https://t.me/Covidtreatment_th/14
    ✍️สมุนไพร ยาไทยและยาแพทย์ปัจจุบันที่แนะนำ โดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://t.me/Covidtreatment_th/102
    ✍️ยาฟาวิพิลาเวียร์ไร้ประโยชน์และอันตราย (โมโนพิลาเวียร์ เรมเดซิเวียร์ แพคโลวิด ก็เช่นกัน)
    https://t.me/Covidtreatment_th/277
    ✍️PREVENTION & TREATMENT PROTOCOLS FOR COVID-19
    https://coachtestprep.s3.amazonaws.com/direct-uploads/user-84424/22a5271a-54d6-46bd-88b6-9b3decaeb246/PREVENTION%20and%20TREATMENT%20PROTOCOLS%20FOR%20COVID-19.pdf
    https://t.me/naturalhealthknowledge
    ✍️ยาไอเวอร์เมคติน
    https://t.me/Covidtreatment_th/15
    https://t.me/Covidtreatment_th/40
    https://t.me/Covidtreatment_th/785
    https://www.youtube.com/watch?v=XTTuUa6Di-c
    ไอเวอเมคตินทำงานอย่างไร
    https://youtu.be/XTTuUa6Di-c
    โปรโตคอลการใช้ยาไอเวอร์เมคติน
    https://t.me/Covidtreatment_th/63
    ประสบการณ์คุณลุงโฉลก ในการใช้ยาไอเวอร์เมคตินและโฮมีโอพาธีย์
    https://play.rookon.com/v/KGqKAH
    https://youtu.be/7anX4Uv1hPk
    บทบาทของยาไอเวอร์เม็กติน ต่อไวรัส SARS-Cov-2
    https://t.me/Covidtreatment_th/82
    ไอเวอร์เมคติน : ความเป็นมา
    https://t.me/Covidtreatment_th/83
    งานวิจัยการใช้ Ivermectin รักษาโควิด
    https://c19ivermectin.com
    ✍️การล้างพิษต่างๆ โดย ดร.สมบัติ ประสบเงิน
    https://t.me/Covidtreatment_th/36
    ✍️บอแร็กซ์
    https://t.me/Covidtreatment_th/24
    https://www.365wecare.com/knowledge_detail.php?ntr_id=72
    เอกสาร pdf
    https://t.me/Covidtreatment_th/69
    https://t.me/Covidtreatment_th/859
    วิธีใช้บอแรกซ์
    https://t.me/Covidtreatment_th/872
    ✍️เมทิลีนบลู (Methylene Blue) https://t.me/Covidtreatment_th/1557
    ✍️ กลูตาไธโอน
    https://t.me/Covidtreatment_th/273
    ✍️การล้างพิษ โดยการใช้เอ็นไซม์และการปฏิบัติตัว โดย อ.ไฟบิน ชาวหินฟ้า
    https://t.me/Covidtreatment_th/152
    ✍️สรุปรวมการใช้สมุนไพร ตำรับยาไทย ยาแผนปัจจุบันและการสูดหายใจละออง​ Nano ของ​ BLISS​ ( Bio Lactobacilli & Ionic Silver Solution )​ โดย หมอต่อ เฟสบุ๊ก PeeTor​ Krirkpong​ Pongtridhram
    https://t.me/Covidtreatment_th/41
    ✍️HCQ ไฮดรอกซีคลอโรควีน https://rumble.com/vrs7x3-how-to-make-hydroxychloroquine-hcq-at-home-quinine-version.html
    ✍️คุณหมอ อรรถพล ได้แถลงการว่า ที่มีคนได้นำคลิปของคุณหมอเอาไปลงตามสื่อขาย CDS ตามเว็บต่างๆคุณหมอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่ได้มีส่วนได้หรือส่วนเสีย ตามที่อยู่ในสื่อร้านค้าในเว็บต่างๆเหล่านั้นคุณหมอพูดแค่ในเชิงความรู้ในหลักวิชาการเท่านั้น และได้กล่าวว่า CDS ใช้ได้จริง https://youtu.be/5e_qs-3Ij90
    ✍️นัตโตะไคเนส https://t.me/Covidtreatment_th/797
    ✍️โบรมิเลน (อาหารเสริม) มีผลงานวิจัยชัดเจนในการช่วยเรื่องขจัดสไปรส์โปรตีนที่เกิดจากยาฉีดโควิด
    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7523097/?fbclid=IwAR0lSwrVMmJGkBx-tz-XQORdBt6z2OquFjJfHS2kjMrbpbu8u5P7xOQWXUU
    https://palexander.substack.com/p/bromelain-covid-19-mrna-vaccine-injury
    ✍️สรุปงานวิจัยของยา43ชนิด Analysis of 43 COVID early treatments
    c19early.com
    ✍️การใช้ดอกเกลือร่วมกับ CDS
    https://www.facebook.com/share/p/1Da3QfQe2K/
    ✍️Colloidal Silver (ซิลเวอร์คอลลอยด์)
    https://t.me/Covidtreatment_th/64
    https://www.chaloke.com/forums/topic/cdc-d2210/
    CDC-D2210 Colloidal Silver เพื่อการดูแลสุขภาพ งานวิจัย Silver
    https://scholar.google.co.th/scholar?start=10&q=related:ZV7deZG4n3q35M:scholar.google.com/&hl=en&as_sdt=0,5
    https://t.me/Covidtreatment_th/179
    https://t.me/Covidtreatment_th/295
    กลุ่มไลน์ "แจกฟรีน้ำ ซิลเวอร์ นาโน."
    https://line.me/ti/g2/h9jrbKfMu9VrtwcwXVLSRZZG9vbhm120RrDVRQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

    ข้อมูลจากโค๊ชนาตาลี
    ✍️การล้างพิษต่างๆ โดย โค๊ชนาตาลี
    https://play.rookon.com/v/2QNgfW
    ✍️เปิดเผยความลับของต่อมไพเนียล และวิธีเปิดตาที่สามเพื่อบำบัดตัวเอง
    https://fb.watch/jkaYQOSfO6/
    ✍️https://healthcoachnatalie.podia.com/view/courses/ce6ae42e-4da8-451f-9808-0702bfe64236/1093880-ep-2/3307737
    ✍️เอกสารเกี่ยวกับวัคซีนและไวรัส (ภาษาไทย รวบรวมโดยโค้ชนาตาลี)
    เอกสารนี้ไม่ใช่เอกสารประการทางการแพทย์ใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงแค่ข้อมูลที่โค้ชนาตาลี (Natwalee Proenca) ได้รวบรวมจากการอ่านและค้นคว้าข้อมูลของตนเอง เอกสารเกี่ยวกับวัคซีนและไวรัส https://docs.google.com/document/d/1AK68kQYCV8GPTz9KMtLYZPqC0JvvKt_2fwk7bEN9oRU/mobilebasic
    https://t.me/Covidtreatment_th/176
    Detox https://t.me/c/1585233417/283
    ✍️ไลฟ์สด การใช้ไอโอดีนดีท็อกซ์สารอะลูมิเนียมและล้างพิษวัคซีน
    https://www.youtube.com/live/54P3wpqp40U?si=oietvXlFz7d40gK1
    ✍️40 วิธีดีท็อกซ์ ถ้าคุณไม่อยากแก่เร็ว ห้ามพลาด
    https://www.youtube.com/live/TXQIPnmuZCs?si=bYh7DZVpT7jI2Z5A
    ✍️คลิปดีท็อกซ์ปลิวอีกแล้ว! ห้ามพลาดไลฟ์นี้จะเอามาเล่าใหม่
    https://www.youtube.com/live/6eI1jiYjJZ8?si=tpxkIrxPf_f2jBAv
    ✍️ดีท็อกซ์แบบไหนดีที่สุด และผลข้างเคียงที่คุณอาจจะต้องเจอ
    https://www.youtube.com/live/CTrDtjNb4oA?si=v8-3WTko-q3_8qV3
    ✍️ถาม-ตอบเรื่องดีท็อกซ์และการบำบัดมะเร็ง
    https://www.youtube.com/live/bXF18zTQB6w?si=JJrbrw-bW_24uPhz
    ✍️ดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลงอาจเป็นเพราะเหตุนี้
    https://www.youtube.com/live/ToCiFmRYnkU?si=PYBJaK9ufUyRZJM_
    ✍️ดีท็อกซ์ด้วย ซีโอไลต์ vs. ดินเคล อะไรดีกว่ากัน? Zeolite vs. Bentonite Clay
    https://www.youtube.com/watch?v=I7pOU3k1uks
    ✍️11สิ่งดีท็อกซ์สารพิษที่ธรรมชาติให้มา
    https://www.youtube.com/live/xcLYydbGdkQ?si=BZKfdkKfMMl9onca
    ✍️ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรดีทอกซ์ก่อนที่จะสายเกินไป
    https://www.youtube.com/watch?v=zJld9mAWGrg
    ✍️การใช้ไอโอดีนดีท็อกซ์สารอะลูมิเนียมและล้างพิษวัคซีน
    https://www.youtube.com/live/54P3wpqp40U?si=oietvXlFz7d40gK1
    ✍️วิธีดีท็อกซ์สารอลูมินัม -คนเป็นมะเร็ง & อัลไซเมอร์ ต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=5HZ5NlVKaZQ
    ✍️เวิร์คช็อป #ดีท็อกซ์#ล้างพิษ พิชิตโรคแบบองค์รวม” กับโค้ชนาตาลีและทีมแพทย์จาก NOVAVIDA INTEGRATIVE MEDICAL CENTER
    https://youtu.be/tCZW6L6Xyuw?si=yppE4dPOk6IZ1mYD
    ✍️วิธีเตรียมกาแฟแบบเข้มข้นเพื่อทำดีทอกซ์หลายๆครั้ง
    https://www.youtube.com/watch?v=8gchTUO28b0
    ✍️รีวิวอุปกรณ์ทำดีทอกซ์ Aussie Health Co.
    https://www.youtube.com/watch?v=ghTekpuSWGY
    ✍️วิธีเลือกกาแฟทำดีทอกซ์ให้เหมาะกับตัวคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=0kvhG0n__k8
    ✍️ความเป็นกรดและด่างในร่างกาย
    EP1 : ร่างงกายเราเป็นกรดได้อย่างไร และตอนท้ายสรุปด้วย 5 วิธีง่ายๆ ทำร่างกายให้เป็นด่างด้วยตัวคุณเอง
    https://youtu.be/mEw95s-2oRo?si=-7D8OVrKCKL2S-c4
    EP2 : การตรวจความเป็น กรด และด่าง
    https://youtu.be/hk1WrDffDPc?si=lHUsiXRR5huganWt
    ✍️วิธีตรวจความเป็นกรด-ด่างของร่างกายอย่างง่ายๆและเร็วที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=MqQZ3807Fb4
    ✍️คุณเคยสังเกตตัวเองมั้ยคะว่าคุณหายใจอย่างไร และมันสำคัญมากขนาดไหน ถ้าคุณหายใจผิดวิธีเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคได้หลายโรคค่ะ วิดีโอนี้เป็นการแนะนำวิธีปฏิบัติการหายใจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอ้างอิงจากหนังสือ “BREATH” เขียนโดย James Nestor https://youtu.be/wg01GqrPAsI?si=VyacPESRGh3f-z3S
    ✍️สังคมใหม่ไม่ใช้เงิน ตลาดนัดออนไลน์ให้แลกเปลี่ยนสิ่งของโดยไม่ใช้เงิน
    https://youtu.be/iyXat83u7lA?si=ayC45Nu98XYKlHgc
    https://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=sharehttps://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=share&exp=93fa
    ✍️สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เราป่วยที่หมอไม่บอกคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=WKC2OxtnjVw
    ✍️ความเข้าใจผิดเรื่องเมลาโทนิน โรคนอนไม่หลับ เครียด โรคมะเร็งต้องฟัง
    https://www.youtube.com/watch?v=-6damJnUPk8&t=2224s
    ✍️3 สิ่งสำคัญในการรักษาตัวเอง Q&A ตอบคำถามเรื่องมะเร็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=4omOwLb8X4c&t=39s
    ✍️อย่ารอให้ตับพัง 4 วิธีบำรุงตับ สรุปจากหนังสือ 4 เล่ม
    https://www.youtube.com/watch?v=qYPxLsQg6wM
    ✍️Vitamin-C ทานเท่าไหร่จะให้โทษ เจาะลึกเรื่องวิตามินซี
    https://www.youtube.com/watch?v=Fw7Mjo9HDBI
    ✍️วิตามินที่ควรพกไปทานช่วงเดินทาง
    https://www.youtube.com/live/Robzgp_IbPM?si=xk6hdNAQ-YMqB_x-
    ✍️วิธีแก้ หาน้ำผักดื่มไม่ได้ในช่วงเดินทาง
    https://www.youtube.com/watch?v=zxAq1Wsapn8
    ✍️10 วิธีป้องกันไข้หวัด
    https://www.youtube.com/watch?v=Tn0fVD1AEFA&t=2233s
    ✍️Blue Zones 8เคล็ดลับของคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
    https://www.youtube.com/watch?v=cpxXfxohaZQ

    ✍️รายการ On the way With Chom EP.11 คุณชมพู่ อารยา สัมภาษณ์ โค้ชนาตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีท็อกซ์ต้านมะเร็ง มาคุยเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ร่างกาย
    https://www.facebook.com/watch/?v=884245786743330
    https://youtu.be/19y5ZYGuKtA
    ✍️คำถามเกี่ยวกับมะเร็ง ตอบโดย พญ.ณัฐณิชา Nanovida
    EP1 : การรักษามะเร็งทางเลือกใหม่ https://youtu.be/xLqEVY2YGak?si=ubuB14AdLQea1RT3
    EP2 : ใช้สมุนไพรและดื่มน้ำผักช่วงรับคีโมได้หรือไม่ https://youtu.be/9SJzxNwYaGU?si=FqYgHWb3FFvIQC1D
    ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้
    https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0
    ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง?
    https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU
    ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks
    ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน
    https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0
    ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw
    ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์
    https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE
    ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้
    https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o
    ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง
    https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi
    ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม
    https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM
    ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส
    https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8
    ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI
    Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i-
    ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI
    ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน
    https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk
    ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ
    ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3
    Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3
    Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา
    https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM
    ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี...
    https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg
    ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0
    ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI
    ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g
    ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw
    ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8
    ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019
    https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4
    ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw
    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE
    ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้!
    https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI
    ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w
    ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s
    ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A
    ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU
    ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk
    ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ
    ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA
    ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง
    EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M
    EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC
    ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ
    https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg
    ✍️มะเs็งต่อมไทมัสระยะสุดท้าย ต้องดูเรื่องเหลือเชื่อของคุณพิมพ์
    https://www.youtube.com/watch?v=75qroESAK8M
    ✍️คุณมดแดงพิชิตมะเs็งเต้านมมา 10 ปี บำบัดมะเs็งแบบผสมผสาน
    https://www.youtube.com/watch?v=W1dhZjKb040
    ✍️หญิงไทยในฝรั่งเศสเอาชนะมะเs็งเต้านมโดยไม่ใช้ยาคี...
    https://www.youtube.com/watch?v=plLnJMBe2qg
    ✍️เรื่องเหลือเชื่อ NDE ตายแล้วฟื้นขึ้นมา แล้วพิชิตโรคมะเs็งต่อมน้ำเหลืองได้
    https://www.youtube.com/watch?v=IHwTNCv694Y
    ✍️แชร์ประสบการณ์มะเs็งรังไข่ เอาชนะได้จริง
    https://www.youtube.com/watch?v=9O6egstdF9s
    ✍️คุณเหรียญพิชิตมะเs็งไทรอยด์โดยไม่ตัด ไม่กลืนแร่
    https://www.youtube.com/watch?v=Wo6j2fZnM_E
    ✍️แชร์เคล็ดลับวิธีชนะมะเs็งเต้านมแพร่กระจายไปกระดูก ตับ ปอด ต่อมน้ำเหลือง
    https://www.youtube.com/watch?v=Cgp4dFYnnf4
    ✍️คุณเพชรพิชิตโรคมะเs็งไทรอยด์ได้ เธอทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=7vPGGVqXRx8
    ✍️แผลไหม้จากการฉายแสง แก้ได้ด้วยครีมมะกอกสกัด มะเs็งเต้านมต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=j5GVb_3Eu14
    ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง
    https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz
    ✍️เส้นเลือดในสมองแตกหายเป็นปกติได้เร็วมากด้วยเครื่อง PEMF - ฉีดวัคซีนโควิดมาด้วย
    https://www.youtube.com/live/yUqA4VHGC8E?si=0-RWY8nXyybj6rUE
    ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้
    https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0
    ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง?
    https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU
    ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks
    ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน
    https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0
    ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw
    ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์
    https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE
    ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้
    https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o
    ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง
    https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi
    ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม
    https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM
    ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส
    https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8
    ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI
    Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i-
    ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI
    ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน
    https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk
    ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ
    ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3
    Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3
    Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา
    https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM
    ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี...
    https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg
    ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0
    ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI
    ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g
    ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw
    ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8
    ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019
    https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4
    ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw
    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE
    ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้!
    https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI
    ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w
    ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s
    ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A
    ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU
    ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk
    ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ
    ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA
    ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง
    EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M
    EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC
    ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ
    https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg
    ✍️มะเs็งต่อมไทมัสระยะสุดท้าย ต้องดูเรื่องเหลือเชื่อของคุณพิมพ์
    https://www.youtube.com/watch?v=75qroESAK8M
    ✍️คุณมดแดงพิชิตมะเs็งเต้านมมา 10 ปี บำบัดมะเs็งแบบผสมผสาน
    https://www.youtube.com/watch?v=W1dhZjKb040
    ✍️หญิงไทยในฝรั่งเศสเอาชนะมะเs็งเต้านมโดยไม่ใช้ยาคี...
    https://www.youtube.com/watch?v=plLnJMBe2qg
    ✍️เรื่องเหลือเชื่อ NDE ตายแล้วฟื้นขึ้นมา แล้วพิชิตโรคมะเs็งต่อมน้ำเหลืองได้
    https://www.youtube.com/watch?v=IHwTNCv694Y
    ✍️แชร์ประสบการณ์มะเs็งรังไข่ เอาชนะได้จริง
    https://www.youtube.com/watch?v=9O6egstdF9s
    ✍️คุณเหรียญพิชิตมะเs็งไทรอยด์โดยไม่ตัด ไม่กลืนแร่
    https://www.youtube.com/watch?v=Wo6j2fZnM_E
    ✍️แชร์เคล็ดลับวิธีชนะมะเs็งเต้านมแพร่กระจายไปกระดูก ตับ ปอด ต่อมน้ำเหลือง
    https://www.youtube.com/watch?v=Cgp4dFYnnf4
    ✍️คุณเพชรพิชิตโรคมะเs็งไทรอยด์ได้ เธอทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=7vPGGVqXRx8
    ✍️แผลไหม้จากการฉายแสง แก้ได้ด้วยครีมมะกอกสกัด มะเs็งเต้านมต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=j5GVb_3Eu14
    ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง
    https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz
    ✍️เส้นเลือดในสมองแตกหายเป็นปกติได้เร็วมากด้วยเครื่อง PEMF - ฉีดวัคซีนโควิดมาด้วย
    https://www.youtube.com/live/yUqA4VHGC8E?si=0-RWY8nXyybj6rUE
    ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้
    https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0
    ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง?
    https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU
    ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks
    ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน
    https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0
    ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw
    ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์
    https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE
    ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้
    https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o
    ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง
    https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi
    ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม
    https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM
    ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส
    https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8
    ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI
    Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i-
    ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI
    ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน
    https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk
    ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน
    https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ
    ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3
    Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3
    Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา
    https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM
    ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี...
    https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg
    ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0
    ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI
    ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g
    ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw
    ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8
    ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019
    https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4
    ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw
    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE
    ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้!
    https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู
    https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI
    ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด
    https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w
    ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s
    ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A
    ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU
    ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้
    https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk
    ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ
    ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง
    https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA
    ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง
    EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M
    EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC
    ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ
    https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg
    ✍️Agenda แอบแฝงของอาหารนวัตกรรมใหม่ โค๊ชนาตาลีกับแขกรับเชิญ คุณอดิเทพ จาวลาห์ 1ธ.ค.2566
    https://m.facebook.com/events/877364410551321?mibextid=Nif5oz
    ✍️TOP 10 อาหารและสมุนไพรดีท็อกซ์ตับได้ดีที่สุด
    https://www.youtube.com/live/hz7zS8dvlUo?si=dt7c3XsJtU2f_PAt
    ✍️ช่องทางความรู้จากโค๊ชนาตาลี
    https://www.facebook.com/Natalie.Proenca
    https://www.facebook.com/loveandlightawakening/
    https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie
    https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie
    https://healthcoachnatalie.podia.com
    https://liff.line.me/1572442362-jGxDDGRp/@nataliehealthshop
    ***

    ✍️ช่องเทเลแกรม ป้องกันรักษาโรค ทางสายกลาง (ยาแผนปัจจุบันและการกรอกเลือด)
    https://t.me/MiddlewayResistance
    การลดและล้างพิษจาก product
    https://t.me/MiddlewayResistance/813
    https://t.me/roong_channel/372
    ✍️ช่องเทเลแกรม ป้องกันรักษาโรค ทางสายกลาง (ยาแผนปัจจุบันและการกรอกเลือด)
    https://t.me/MiddlewayResistance
    การลดและล้างพิษจาก product
    https://t.me/MiddlewayResistance/813
    https://t.me/roong_channel/372
    ✍️แนะนำเพิ่มเติมห้องนี้ครับ เกี่ยวกับการรักษาโรคทั้งหลาย แนวทางเลือก
    อยากรู้ข้อมูลอะไร เช่น CDS, MMS, DMSO, Colloidal silver ลอง search หาดูได้เลยครับ ข้อมูลดีๆ เยอะมาก
    https://t.me/naturalhealthknowledge
    ✍️แหล่งเรียนรู้ คลอรีนไดออกไซด์โซลูชั่น (cds) สำหรับคนไทย
    1. เทเลแกรม “CDS คลอรีนไดออกไซด์โซลูชั่น” https://t.me/CDS4UData
    2. เทเลแกรม “CDS ทำเองได้ ใช้เองเป็น”
    https://t.me/CDS_School
    3. ข้อมูลโดย คุณอดิเทพ จาวลาห์ (บางลิงค์รอการปรับปรุงนะครับ)
    https://cds.rookon.com
    https://linktr.ee/chawlaadithep
    ✍️เทเลแกรม "การป้องกันและรักษาโควิด" https://t.me/Covidtreatment_th

    เวชหนุ่ม
    ✅ศาสตร์ผสมผสาน ตัวอย่างช่องยูทูปที่น่าสนใจ ท่านใดมีช่องยูทูปสุขภาพที่น่าสนใจนำเสนอเพิ่ม คัดลอกและเติมนะครับ 1. นิดดา หงส์วิวัฒน์ (ป้านิด) https://m.youtube.com/@user-qc9dj6de4g (แสงแดด! คลิปนี้ พลาดไม่ได้ครับ) https://youtu.be/bImsCTxZlSw 2. . เพจหยุดมะเร็งกับโค๊ชนาตาลี Health Coach Natalie https://www.facebook.com/StopCancerWithNatalie https://m.youtube.com/@HealthCoachNatalie และยูทูป https://m.youtube.com/@HealthCoachNatalie 3. บ้านแสงธรรม (หมอเขียว) https://youtube.com/@user-wu2rf6bp4j 4. อาชัย ล้างพิษ ปรับสมดุล https://youtube.com/@user-rq9tg1dy6i 5. Beat your limit (ญาดา) https://youtube.com/@BeatYourLimitTH 6. โชคดีที่ไม่ไปหาหมอ (อ. ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์) https://youtu.be/DHGPSl2dpPc 7. นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ https://youtube.com/@BEANHEALTHY 8. นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ https://youtube.com/@WELLNESSWECARE100 หนังสือ Online เรื่องอาหารเป็นยา SAVE ลิงค์เก็บไว้เลย เป็นประโยชน์มาก เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ที่สนใจการกินอาหารเพื่อสุขภาพ คนที่มีผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน https://online.flipbuilder.com/wbvf/lizu/ ✍️ยาที่แพทย์ไทย 30 ท่าน ร่วมลงชื่อแนะนำให้คนไทยใช้ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย https://t.me/Covidtreatment_th/14 ✍️สมุนไพร ยาไทยและยาแพทย์ปัจจุบันที่แนะนำ โดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://t.me/Covidtreatment_th/102 ✍️ยาฟาวิพิลาเวียร์ไร้ประโยชน์และอันตราย (โมโนพิลาเวียร์ เรมเดซิเวียร์ แพคโลวิด ก็เช่นกัน) https://t.me/Covidtreatment_th/277 ✍️PREVENTION & TREATMENT PROTOCOLS FOR COVID-19 https://coachtestprep.s3.amazonaws.com/direct-uploads/user-84424/22a5271a-54d6-46bd-88b6-9b3decaeb246/PREVENTION%20and%20TREATMENT%20PROTOCOLS%20FOR%20COVID-19.pdf https://t.me/naturalhealthknowledge ✍️ยาไอเวอร์เมคติน https://t.me/Covidtreatment_th/15 https://t.me/Covidtreatment_th/40 https://t.me/Covidtreatment_th/785 https://www.youtube.com/watch?v=XTTuUa6Di-c ไอเวอเมคตินทำงานอย่างไร https://youtu.be/XTTuUa6Di-c โปรโตคอลการใช้ยาไอเวอร์เมคติน https://t.me/Covidtreatment_th/63 ประสบการณ์คุณลุงโฉลก ในการใช้ยาไอเวอร์เมคตินและโฮมีโอพาธีย์ https://play.rookon.com/v/KGqKAH https://youtu.be/7anX4Uv1hPk บทบาทของยาไอเวอร์เม็กติน ต่อไวรัส SARS-Cov-2 https://t.me/Covidtreatment_th/82 ไอเวอร์เมคติน : ความเป็นมา https://t.me/Covidtreatment_th/83 งานวิจัยการใช้ Ivermectin รักษาโควิด https://c19ivermectin.com ✍️การล้างพิษต่างๆ โดย ดร.สมบัติ ประสบเงิน https://t.me/Covidtreatment_th/36 ✍️บอแร็กซ์ https://t.me/Covidtreatment_th/24 https://www.365wecare.com/knowledge_detail.php?ntr_id=72 เอกสาร pdf https://t.me/Covidtreatment_th/69 https://t.me/Covidtreatment_th/859 วิธีใช้บอแรกซ์ https://t.me/Covidtreatment_th/872 ✍️เมทิลีนบลู (Methylene Blue) https://t.me/Covidtreatment_th/1557 ✍️ กลูตาไธโอน https://t.me/Covidtreatment_th/273 ✍️การล้างพิษ โดยการใช้เอ็นไซม์และการปฏิบัติตัว โดย อ.ไฟบิน ชาวหินฟ้า https://t.me/Covidtreatment_th/152 ✍️สรุปรวมการใช้สมุนไพร ตำรับยาไทย ยาแผนปัจจุบันและการสูดหายใจละออง​ Nano ของ​ BLISS​ ( Bio Lactobacilli & Ionic Silver Solution )​ โดย หมอต่อ เฟสบุ๊ก PeeTor​ Krirkpong​ Pongtridhram https://t.me/Covidtreatment_th/41 ✍️HCQ ไฮดรอกซีคลอโรควีน https://rumble.com/vrs7x3-how-to-make-hydroxychloroquine-hcq-at-home-quinine-version.html ✍️คุณหมอ อรรถพล ได้แถลงการว่า ที่มีคนได้นำคลิปของคุณหมอเอาไปลงตามสื่อขาย CDS ตามเว็บต่างๆคุณหมอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่ได้มีส่วนได้หรือส่วนเสีย ตามที่อยู่ในสื่อร้านค้าในเว็บต่างๆเหล่านั้นคุณหมอพูดแค่ในเชิงความรู้ในหลักวิชาการเท่านั้น และได้กล่าวว่า CDS ใช้ได้จริง https://youtu.be/5e_qs-3Ij90 ✍️นัตโตะไคเนส https://t.me/Covidtreatment_th/797 ✍️โบรมิเลน (อาหารเสริม) มีผลงานวิจัยชัดเจนในการช่วยเรื่องขจัดสไปรส์โปรตีนที่เกิดจากยาฉีดโควิด https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7523097/?fbclid=IwAR0lSwrVMmJGkBx-tz-XQORdBt6z2OquFjJfHS2kjMrbpbu8u5P7xOQWXUU https://palexander.substack.com/p/bromelain-covid-19-mrna-vaccine-injury ✍️สรุปงานวิจัยของยา43ชนิด Analysis of 43 COVID early treatments c19early.com ✍️การใช้ดอกเกลือร่วมกับ CDS https://www.facebook.com/share/p/1Da3QfQe2K/ ✍️Colloidal Silver (ซิลเวอร์คอลลอยด์) https://t.me/Covidtreatment_th/64 https://www.chaloke.com/forums/topic/cdc-d2210/ CDC-D2210 Colloidal Silver เพื่อการดูแลสุขภาพ งานวิจัย Silver https://scholar.google.co.th/scholar?start=10&q=related:ZV7deZG4n3q35M:scholar.google.com/&hl=en&as_sdt=0,5 https://t.me/Covidtreatment_th/179 https://t.me/Covidtreatment_th/295 กลุ่มไลน์ "แจกฟรีน้ำ ซิลเวอร์ นาโน." https://line.me/ti/g2/h9jrbKfMu9VrtwcwXVLSRZZG9vbhm120RrDVRQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default ข้อมูลจากโค๊ชนาตาลี ✍️การล้างพิษต่างๆ โดย โค๊ชนาตาลี https://play.rookon.com/v/2QNgfW ✍️เปิดเผยความลับของต่อมไพเนียล และวิธีเปิดตาที่สามเพื่อบำบัดตัวเอง https://fb.watch/jkaYQOSfO6/ ✍️https://healthcoachnatalie.podia.com/view/courses/ce6ae42e-4da8-451f-9808-0702bfe64236/1093880-ep-2/3307737 ✍️เอกสารเกี่ยวกับวัคซีนและไวรัส (ภาษาไทย รวบรวมโดยโค้ชนาตาลี) เอกสารนี้ไม่ใช่เอกสารประการทางการแพทย์ใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงแค่ข้อมูลที่โค้ชนาตาลี (Natwalee Proenca) ได้รวบรวมจากการอ่านและค้นคว้าข้อมูลของตนเอง เอกสารเกี่ยวกับวัคซีนและไวรัส https://docs.google.com/document/d/1AK68kQYCV8GPTz9KMtLYZPqC0JvvKt_2fwk7bEN9oRU/mobilebasic https://t.me/Covidtreatment_th/176 Detox https://t.me/c/1585233417/283 ✍️ไลฟ์สด การใช้ไอโอดีนดีท็อกซ์สารอะลูมิเนียมและล้างพิษวัคซีน https://www.youtube.com/live/54P3wpqp40U?si=oietvXlFz7d40gK1 ✍️40 วิธีดีท็อกซ์ ถ้าคุณไม่อยากแก่เร็ว ห้ามพลาด https://www.youtube.com/live/TXQIPnmuZCs?si=bYh7DZVpT7jI2Z5A ✍️คลิปดีท็อกซ์ปลิวอีกแล้ว! ห้ามพลาดไลฟ์นี้จะเอามาเล่าใหม่ https://www.youtube.com/live/6eI1jiYjJZ8?si=tpxkIrxPf_f2jBAv ✍️ดีท็อกซ์แบบไหนดีที่สุด และผลข้างเคียงที่คุณอาจจะต้องเจอ https://www.youtube.com/live/CTrDtjNb4oA?si=v8-3WTko-q3_8qV3 ✍️ถาม-ตอบเรื่องดีท็อกซ์และการบำบัดมะเร็ง https://www.youtube.com/live/bXF18zTQB6w?si=JJrbrw-bW_24uPhz ✍️ดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลงอาจเป็นเพราะเหตุนี้ https://www.youtube.com/live/ToCiFmRYnkU?si=PYBJaK9ufUyRZJM_ ✍️ดีท็อกซ์ด้วย ซีโอไลต์ vs. ดินเคล อะไรดีกว่ากัน? Zeolite vs. Bentonite Clay https://www.youtube.com/watch?v=I7pOU3k1uks ✍️11สิ่งดีท็อกซ์สารพิษที่ธรรมชาติให้มา https://www.youtube.com/live/xcLYydbGdkQ?si=BZKfdkKfMMl9onca ✍️ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรดีทอกซ์ก่อนที่จะสายเกินไป https://www.youtube.com/watch?v=zJld9mAWGrg ✍️การใช้ไอโอดีนดีท็อกซ์สารอะลูมิเนียมและล้างพิษวัคซีน https://www.youtube.com/live/54P3wpqp40U?si=oietvXlFz7d40gK1 ✍️วิธีดีท็อกซ์สารอลูมินัม -คนเป็นมะเร็ง & อัลไซเมอร์ ต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=5HZ5NlVKaZQ ✍️เวิร์คช็อป #ดีท็อกซ์ “ #ล้างพิษ พิชิตโรคแบบองค์รวม” กับโค้ชนาตาลีและทีมแพทย์จาก NOVAVIDA INTEGRATIVE MEDICAL CENTER https://youtu.be/tCZW6L6Xyuw?si=yppE4dPOk6IZ1mYD ✍️วิธีเตรียมกาแฟแบบเข้มข้นเพื่อทำดีทอกซ์หลายๆครั้ง https://www.youtube.com/watch?v=8gchTUO28b0 ✍️รีวิวอุปกรณ์ทำดีทอกซ์ Aussie Health Co. https://www.youtube.com/watch?v=ghTekpuSWGY ✍️วิธีเลือกกาแฟทำดีทอกซ์ให้เหมาะกับตัวคุณ https://www.youtube.com/watch?v=0kvhG0n__k8 ✍️ความเป็นกรดและด่างในร่างกาย EP1 : ร่างงกายเราเป็นกรดได้อย่างไร และตอนท้ายสรุปด้วย 5 วิธีง่ายๆ ทำร่างกายให้เป็นด่างด้วยตัวคุณเอง https://youtu.be/mEw95s-2oRo?si=-7D8OVrKCKL2S-c4 EP2 : การตรวจความเป็น กรด และด่าง https://youtu.be/hk1WrDffDPc?si=lHUsiXRR5huganWt ✍️วิธีตรวจความเป็นกรด-ด่างของร่างกายอย่างง่ายๆและเร็วที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=MqQZ3807Fb4 ✍️คุณเคยสังเกตตัวเองมั้ยคะว่าคุณหายใจอย่างไร และมันสำคัญมากขนาดไหน ถ้าคุณหายใจผิดวิธีเป็นเวลานานๆ อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคได้หลายโรคค่ะ วิดีโอนี้เป็นการแนะนำวิธีปฏิบัติการหายใจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอ้างอิงจากหนังสือ “BREATH” เขียนโดย James Nestor https://youtu.be/wg01GqrPAsI?si=VyacPESRGh3f-z3S ✍️สังคมใหม่ไม่ใช้เงิน ตลาดนัดออนไลน์ให้แลกเปลี่ยนสิ่งของโดยไม่ใช้เงิน https://youtu.be/iyXat83u7lA?si=ayC45Nu98XYKlHgc https://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=sharehttps://m.facebook.com/groups/1076808563215591/?ref=share&exp=93fa ✍️สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เราป่วยที่หมอไม่บอกคุณ https://www.youtube.com/watch?v=WKC2OxtnjVw ✍️ความเข้าใจผิดเรื่องเมลาโทนิน โรคนอนไม่หลับ เครียด โรคมะเร็งต้องฟัง https://www.youtube.com/watch?v=-6damJnUPk8&t=2224s ✍️3 สิ่งสำคัญในการรักษาตัวเอง Q&A ตอบคำถามเรื่องมะเร็ง https://www.youtube.com/watch?v=4omOwLb8X4c&t=39s ✍️อย่ารอให้ตับพัง 4 วิธีบำรุงตับ สรุปจากหนังสือ 4 เล่ม https://www.youtube.com/watch?v=qYPxLsQg6wM ✍️Vitamin-C ทานเท่าไหร่จะให้โทษ เจาะลึกเรื่องวิตามินซี https://www.youtube.com/watch?v=Fw7Mjo9HDBI ✍️วิตามินที่ควรพกไปทานช่วงเดินทาง https://www.youtube.com/live/Robzgp_IbPM?si=xk6hdNAQ-YMqB_x- ✍️วิธีแก้ หาน้ำผักดื่มไม่ได้ในช่วงเดินทาง https://www.youtube.com/watch?v=zxAq1Wsapn8 ✍️10 วิธีป้องกันไข้หวัด https://www.youtube.com/watch?v=Tn0fVD1AEFA&t=2233s ✍️Blue Zones 8เคล็ดลับของคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลก https://www.youtube.com/watch?v=cpxXfxohaZQ ✍️รายการ On the way With Chom EP.11 คุณชมพู่ อารยา สัมภาษณ์ โค้ชนาตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีท็อกซ์ต้านมะเร็ง มาคุยเกี่ยวกับการดีท็อกซ์ร่างกาย https://www.facebook.com/watch/?v=884245786743330 https://youtu.be/19y5ZYGuKtA ✍️คำถามเกี่ยวกับมะเร็ง ตอบโดย พญ.ณัฐณิชา Nanovida EP1 : การรักษามะเร็งทางเลือกใหม่ https://youtu.be/xLqEVY2YGak?si=ubuB14AdLQea1RT3 EP2 : ใช้สมุนไพรและดื่มน้ำผักช่วงรับคีโมได้หรือไม่ https://youtu.be/9SJzxNwYaGU?si=FqYgHWb3FFvIQC1D ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0 ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง? https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0 ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์ https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้ https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8 ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i- ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3 Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3 Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4 ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี... https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0 ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8 ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019 https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4 ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้! https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg ✍️มะเs็งต่อมไทมัสระยะสุดท้าย ต้องดูเรื่องเหลือเชื่อของคุณพิมพ์ https://www.youtube.com/watch?v=75qroESAK8M ✍️คุณมดแดงพิชิตมะเs็งเต้านมมา 10 ปี บำบัดมะเs็งแบบผสมผสาน https://www.youtube.com/watch?v=W1dhZjKb040 ✍️หญิงไทยในฝรั่งเศสเอาชนะมะเs็งเต้านมโดยไม่ใช้ยาคี... https://www.youtube.com/watch?v=plLnJMBe2qg ✍️เรื่องเหลือเชื่อ NDE ตายแล้วฟื้นขึ้นมา แล้วพิชิตโรคมะเs็งต่อมน้ำเหลืองได้ https://www.youtube.com/watch?v=IHwTNCv694Y ✍️แชร์ประสบการณ์มะเs็งรังไข่ เอาชนะได้จริง https://www.youtube.com/watch?v=9O6egstdF9s ✍️คุณเหรียญพิชิตมะเs็งไทรอยด์โดยไม่ตัด ไม่กลืนแร่ https://www.youtube.com/watch?v=Wo6j2fZnM_E ✍️แชร์เคล็ดลับวิธีชนะมะเs็งเต้านมแพร่กระจายไปกระดูก ตับ ปอด ต่อมน้ำเหลือง https://www.youtube.com/watch?v=Cgp4dFYnnf4 ✍️คุณเพชรพิชิตโรคมะเs็งไทรอยด์ได้ เธอทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน https://www.youtube.com/watch?v=7vPGGVqXRx8 ✍️แผลไหม้จากการฉายแสง แก้ได้ด้วยครีมมะกอกสกัด มะเs็งเต้านมต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=j5GVb_3Eu14 ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz ✍️เส้นเลือดในสมองแตกหายเป็นปกติได้เร็วมากด้วยเครื่อง PEMF - ฉีดวัคซีนโควิดมาด้วย https://www.youtube.com/live/yUqA4VHGC8E?si=0-RWY8nXyybj6rUE ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0 ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง? https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0 ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์ https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้ https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8 ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i- ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3 Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3 Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4 ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี... https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0 ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8 ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019 https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4 ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้! https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg ✍️มะเs็งต่อมไทมัสระยะสุดท้าย ต้องดูเรื่องเหลือเชื่อของคุณพิมพ์ https://www.youtube.com/watch?v=75qroESAK8M ✍️คุณมดแดงพิชิตมะเs็งเต้านมมา 10 ปี บำบัดมะเs็งแบบผสมผสาน https://www.youtube.com/watch?v=W1dhZjKb040 ✍️หญิงไทยในฝรั่งเศสเอาชนะมะเs็งเต้านมโดยไม่ใช้ยาคี... https://www.youtube.com/watch?v=plLnJMBe2qg ✍️เรื่องเหลือเชื่อ NDE ตายแล้วฟื้นขึ้นมา แล้วพิชิตโรคมะเs็งต่อมน้ำเหลืองได้ https://www.youtube.com/watch?v=IHwTNCv694Y ✍️แชร์ประสบการณ์มะเs็งรังไข่ เอาชนะได้จริง https://www.youtube.com/watch?v=9O6egstdF9s ✍️คุณเหรียญพิชิตมะเs็งไทรอยด์โดยไม่ตัด ไม่กลืนแร่ https://www.youtube.com/watch?v=Wo6j2fZnM_E ✍️แชร์เคล็ดลับวิธีชนะมะเs็งเต้านมแพร่กระจายไปกระดูก ตับ ปอด ต่อมน้ำเหลือง https://www.youtube.com/watch?v=Cgp4dFYnnf4 ✍️คุณเพชรพิชิตโรคมะเs็งไทรอยด์ได้ เธอทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน https://www.youtube.com/watch?v=7vPGGVqXRx8 ✍️แผลไหม้จากการฉายแสง แก้ได้ด้วยครีมมะกอกสกัด มะเs็งเต้านมต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=j5GVb_3Eu14 ✍️ชาวไทยใหญ่ท่านหนึ่งกำจัดโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s palsy ก้อนที่คอและอีกหลายโรคด้วยตัวเอง https://youtu.be/dVsPMkbCu_M?si=guwpxCqiSTBQP-oz ✍️เส้นเลือดในสมองแตกหายเป็นปกติได้เร็วมากด้วยเครื่อง PEMF - ฉีดวัคซีนโควิดมาด้วย https://www.youtube.com/live/yUqA4VHGC8E?si=0-RWY8nXyybj6rUE ✍️ตุลาต้านภัยมะเร็งเต้านม โค้ชนาตาลีแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองที่คุณนำไปใช้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=3BWfR3FZxO0 ✍️คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง? https://www.youtube.com/watch?v=TlzxFlBXXJU ✍️10 อย่างที่คนชนะมะเร็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=-4FmE1djNks ✍️สุดยอดวิธีบำบัดมะเร็งที่อินเดียจากหมอ 5 ท่าน https://www.youtube.com/watch?v=7uoixBh_Dy0 ✍️คุณเป็นมะเร็งได้อย่างไร Q&A เปิดใจคุยกัน https://www.youtube.com/watch?v=8BDuvowAGDw ✍️4 วิธีบำบัดมะเร็งที่สิงคโปร์ https://www.youtube.com/watch?v=yBFvfuOMuLE ✍️ทำไมบางคนถึงพ่ายแพ้มะเร็ง แล้วทำอย่างไรถึงจะพิชิตมะเร็งได้ https://www.youtube.com/watch?v=byB2opMLL3o ✍️การสัมภาษณ์พญ.ณัฐณิชา การลพ จาก Novavida Integrative Medical Center มาให้ความรู้เรื่องการตรวจหามะเร็ง https://youtu.be/DS_ptQiSR-c?si=vVijM6ntBAoDzTQi ✍️วิธีเสริมภูมิคุ้มกันก่อนรับคีโม https://www.youtube.com/watch?v=aBzPwqAVHnM ✍️4 หลักคิดพิชิตมะเs็งกับโค้ชอลิส https://www.youtube.com/watch?v=dUO-cJVI_U8 ✍️วิตามินที่จำเป็นที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง Ep.1. https://www.youtube.com/watch?v=pZEop-sievI Ep.2. https://youtu.be/i0TPHklSFWE?si=vbKrw1KJD56OO4i- ✍️7 ขั้นตอนช่วยพิชิตมะเs็งเต้านม กับ 5 วิตามินอาหารเสริมจู่โจมเซลล์มะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Ed3lZR0kGUI ✍️ESTROGEN ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำให้เราเป็นมะเs็งมาจากไหน https://www.youtube.com/watch?v=kNqiJHx7NSk ✍️3 สิ่งที่คนพิชิตมะเs็งมีเหมือนๆกัน https://www.youtube.com/watch?v=k3G9SuRVvuQ ✍️วิธีสร้างกำลังใจในช่วงบำบัดมะเs็ง -เคสมะเs็งรังไข่ระยะ 3 Ep.1. https://youtu.be/8IHWylOo7GI?si=1W6DzWFSsUVd5ev3 Ep.2. https://www.youtube.com/watch?v=X_cjOtjdho4 ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม 5FU (Fluorouracil) ที่เราต้องรู้ก่อนรับยา https://www.youtube.com/watch?v=2usnlZo_lvM ✍️Greg Anderson พิชิตมะเs็งปอด ไม่ใช้ยาคี... https://www.youtube.com/watch?v=bXAF28lQtAg ✍️สิ่งสำคัญที่สุดในการบำบัดมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=h_RiaBE8Ci0 ✍️อย่ารับคีโม ถ้าไม่รู้ 7 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tcAjLMBx6wI ✍️5 เหตุผลที่คนไม่หายจากมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=BijPFppeo5g ✍️2เหตุผลที่มะเs็งกลับมาอีก คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ https://www.youtube.com/watch?v=gyYqywA37Pw ✍️กฎ80/20 กฎที่สำคัญที่สุดในการช่วยพิชิตมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=Eh_vn66hly8 ✍️ไฮไลท์สัมภาษณ์และลูกศิษย์ที่พิชิตมะเs็งของปี 2019 https://www.youtube.com/watch?v=DJtn3A35so4 ✍️LIVEสดกับโค้ชแบงค์: 48ของใช้ก่อมะเs็งรอบบ้านคุณ https://www.youtube.com/watch?v=-6ut77f-AHw ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเs็งต้องเริ่มที่ 5 ข้อนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tWShP19jeUE ✍️มะเs็งระยะสุดท้ายต้องรู้เรื่องนี้! https://www.youtube.com/watch?v=gtzAMhplupA ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโม - เป็นมะเs็งต้องรู้ ต้องดู https://www.youtube.com/watch?v=RHEY3BZZ-fI ✍️เจอแล้ว วิธีช่วยพิชิตมะเs็งที่ดีที่สุด https://www.youtube.com/watch?v=vLH6OnrhE6w ✍️มะเs็งไม่หายถ้าไม่เลิก2อย่างนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Ak32KSrb3tM&t=51s ✍️2 สิ่งคุณต้องทำถ้าไม่อยากเป็นมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=lsVoEZLte-A ✍️วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=E5FzCkXoWSU ✍️ออกกำลังกายได้สำเร็จ ต้องมี 1 สิ่งนี้ https://www.youtube.com/watch?v=tBOlpDfLCNk ✍️สาเหตุแท้จริงของโรคมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=4aWwMMjzVmQ ✍️3ขั้นตอนป้องกันมะเs็ง https://www.youtube.com/watch?v=bgAzowehanA ✍️วิธีเปลี่ยนโรคร้าย ให้กลายเป็นความแข็งแกร่ง EP1. https://www.youtube.com/watch?v=pmwMGavWz6M EP2. https://youtu.be/W9vt5-NINXI?si=P6HGqBiCryeQfJcC ✍️รายละเอียดคอร์สพิชิตมะเs็งด้วยธรรมชาติ https://www.youtube.com/watch?v=oz0hJXTOecg ✍️Agenda แอบแฝงของอาหารนวัตกรรมใหม่ โค๊ชนาตาลีกับแขกรับเชิญ คุณอดิเทพ จาวลาห์ 1ธ.ค.2566 https://m.facebook.com/events/877364410551321?mibextid=Nif5oz ✍️TOP 10 อาหารและสมุนไพรดีท็อกซ์ตับได้ดีที่สุด https://www.youtube.com/live/hz7zS8dvlUo?si=dt7c3XsJtU2f_PAt ✍️ช่องทางความรู้จากโค๊ชนาตาลี https://www.facebook.com/Natalie.Proenca https://www.facebook.com/loveandlightawakening/ https://www.youtube.com/@HealthCoachNatalie https://www.youtube.com/@awakenwithnatalie https://healthcoachnatalie.podia.com https://liff.line.me/1572442362-jGxDDGRp/@nataliehealthshop *** ✍️ช่องเทเลแกรม ป้องกันรักษาโรค ทางสายกลาง (ยาแผนปัจจุบันและการกรอกเลือด) https://t.me/MiddlewayResistance การลดและล้างพิษจาก product https://t.me/MiddlewayResistance/813 https://t.me/roong_channel/372 ✍️ช่องเทเลแกรม ป้องกันรักษาโรค ทางสายกลาง (ยาแผนปัจจุบันและการกรอกเลือด) https://t.me/MiddlewayResistance การลดและล้างพิษจาก product https://t.me/MiddlewayResistance/813 https://t.me/roong_channel/372 ✍️แนะนำเพิ่มเติมห้องนี้ครับ เกี่ยวกับการรักษาโรคทั้งหลาย แนวทางเลือก อยากรู้ข้อมูลอะไร เช่น CDS, MMS, DMSO, Colloidal silver ลอง search หาดูได้เลยครับ ข้อมูลดีๆ เยอะมาก https://t.me/naturalhealthknowledge ✍️แหล่งเรียนรู้ คลอรีนไดออกไซด์โซลูชั่น (cds) สำหรับคนไทย 1. เทเลแกรม “CDS คลอรีนไดออกไซด์โซลูชั่น” https://t.me/CDS4UData 2. เทเลแกรม “CDS ทำเองได้ ใช้เองเป็น” https://t.me/CDS_School 3. ข้อมูลโดย คุณอดิเทพ จาวลาห์ (บางลิงค์รอการปรับปรุงนะครับ) https://cds.rookon.com https://linktr.ee/chawlaadithep ✍️เทเลแกรม "การป้องกันและรักษาโควิด" https://t.me/Covidtreatment_th เวชหนุ่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีนพืช Wellmed Plant-Based Protein จากแบรนด์ Medis เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติและส่วนผสมที่น่าสนใจดังนี้:

    ---

    ✅ คุณสมบัติเด่นของ Wellmed Plant-Based Protein

    โปรตีนจากพืช 100%: ประกอบด้วยโปรตีนจากพืชหลากหลายชนิด เช่น ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง และฟักทอง ซึ่งให้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน

    ผักและผลไม้ 13 ชนิด: อุดมด้วยไฟโตนิวเทรียนท์จากผักและผลไม้หลากสี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกาย

    แคลเซียมจากสาหร่ายทะเล 1,000 มก.: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

    ไม่มีน้ำตาลและคอเลสเตอรอล: เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด

    ใยอาหารสูง: ช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย

    ---

    🌿 ส่วนประกอบหลัก

    โปรตีนจากพืช: ถั่วลันเตา, ถั่วเหลือง, ข้าวกล้อง, ฟักทอง

    ผักและผลไม้หลากสี: เช่น แครอท, บีทรูท, ผักโขม, บลูเบอร์รี, ส้ม, แอปเปิล

    แคลเซียมจากสาหร่ายทะเล: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน

    ---

    💪 ประโยชน์ต่อร่างกาย

    เสริมสร้างกล้ามเนื้อ: โปรตีนจากพืชช่วยในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย

    ควบคุมน้ำหนัก: ใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

    เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ไฟโตนิวเทรียนท์จากผักและผลไม้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

    บำรุงกระดูกและฟัน: แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

    เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือแลคโตส: เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของนมวัวหรือแลคโตส

    ---

    🛒 ข้อมูลผลิตภัณฑ์

    ขนาดบรรจุ: 1 กล่อง มี 7 ซอง (ซองละ 30 กรัม)

    ราคากล่อง​ละ : 690 บาท

    วิธีรับประทาน: ชงกับน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ วันละ 1-2 ซอง ตามความต้องการของร่างกาย
    โปรตีนพืช Wellmed Plant-Based Protein จากแบรนด์ Medis เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติและส่วนผสมที่น่าสนใจดังนี้: --- ✅ คุณสมบัติเด่นของ Wellmed Plant-Based Protein โปรตีนจากพืช 100%: ประกอบด้วยโปรตีนจากพืชหลากหลายชนิด เช่น ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง และฟักทอง ซึ่งให้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ผักและผลไม้ 13 ชนิด: อุดมด้วยไฟโตนิวเทรียนท์จากผักและผลไม้หลากสี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกาย แคลเซียมจากสาหร่ายทะเล 1,000 มก.: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ไม่มีน้ำตาลและคอเลสเตอรอล: เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด ใยอาหารสูง: ช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย --- 🌿 ส่วนประกอบหลัก โปรตีนจากพืช: ถั่วลันเตา, ถั่วเหลือง, ข้าวกล้อง, ฟักทอง ผักและผลไม้หลากสี: เช่น แครอท, บีทรูท, ผักโขม, บลูเบอร์รี, ส้ม, แอปเปิล แคลเซียมจากสาหร่ายทะเล: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน --- 💪 ประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ: โปรตีนจากพืชช่วยในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก: ใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ไฟโตนิวเทรียนท์จากผักและผลไม้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ บำรุงกระดูกและฟัน: แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือแลคโตส: เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของนมวัวหรือแลคโตส --- 🛒 ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ขนาดบรรจุ: 1 กล่อง มี 7 ซอง (ซองละ 30 กรัม) ราคากล่อง​ละ : 690 บาท วิธีรับประทาน: ชงกับน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ วันละ 1-2 ซอง ตามความต้องการของร่างกาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด
    ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน
    https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87
    ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4
    ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI
    ✍️แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/?
    ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    ✍️เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม
    https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/
    ✍️ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย
    https://www.facebook.com/share/p/1DB8koNsQR/
    ✍️การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์
    https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/
    ✍️กราฟข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทยหลังระดมการฉีดวัคซีนโควิด | อ.หมออรรถพล
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114164082647289/?

    รวบรวมข้อมูลโดย
    แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4 ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI ✍️แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/? ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/ ✍️ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย https://www.facebook.com/share/p/1DB8koNsQR/ ✍️การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์ https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/ ✍️กราฟข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทยหลังระดมการฉีดวัคซีนโควิด | อ.หมออรรถพล https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114164082647289/? รวบรวมข้อมูลโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุผลในการใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-5-25 เป็นสูตรที่เหมาะสมสำหรับการขยายขนาดผลทุเรียน, มังคุด เนื่องจากมีสัดส่วนธาตุอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการทางสรีรวิทยาในช่วงดังกล่าว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้:องค์ประกอบหลักและบทบาททางสรีรวิทยา:✳️1. โพแทสเซียม (K) สูง (20% ในสูตร 15-5-20 และ 25% ในสูตร 15-5-25): * การขนส่งน้ำตาลและแป้ง: #โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลและแป้ง (ผลิตภัณฑ์จากการสังเคราะห์แสง) จากใบไปยังผล ซึ่งเป็นปัจจัยโดยตรงที่ทำให้ผลทุเรียนขยายขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสะสมเนื้อได้มากขึ้น * การทำงานของเอนไซม์: โพแทสเซียมเป็นตัวกระตุ้น (activator) ของเอนไซม์หลายชนิดในพืช ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อกระบวนการทางชีวเคมีต่างๆ รวมถึงการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผล * การควบคุมสมดุลน้ำในเซลล์: โพแทสเซียมช่วยควบคุมแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) และแรงดันเต่ง (turgor pressure) ภายในเซลล์พืช #ทำให้เซลล์สามารถขยายขนาดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อขนาดของผล * การสังเคราะห์แสง: แม้ไนโตรเจนจะเป็นองค์ประกอบหลักของคลอโรฟิลล์ แต่โพแทสเซียมก็มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ * คุณภาพเนื้อผล: นอกจากขนาดแล้ว โพแทสเซียมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพเนื้อผล เช่น ความหนา ความแน่น การสร้างกลิ่น และรสชาติที่ดี (ความหวาน)✳️2. ไนโตรเจน (N ) ปานกลาง (15%): * การบำรุงใบเพื่อการสังเคราะห์แสง: ไนโตรเจนยังคงมีความจำเป็นในช่วงขยายผลเพื่อรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของใบในการสังเคราะห์แสง ใบที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างอาหารได้เพียงพอเพื่อส่งไปเลี้ยงผล * องค์ประกอบของโปรตีนและเซลล์: ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน และกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ในผล * ไม่สูงจนเกินไป: #ปริมาณไนโตรเจนที่ไม่สูงมากเกินไป (เช่น 15%) จะช่วย #ป้องกันไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนมากเกินไปในช่วงที่กำลังขยายผล เพราะการแตกใบอ่อนจะไปดึงดูดและแย่งอาหารจากผล ทำให้ผลเติบโตได้ไม่เต็มที่ หรืออาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพ✳️3. ฟอสฟอรัส (P) ต่ำ (5%): * การถ่ายทอดพลังงาน: ฟอสฟอรัสมีความสำคัญในการสร้างสารพลังงานสูง (ATP) ซึ่งพืชใช้ในทุกกิจกรรมการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนาของผล * การพัฒนาเมล็ด: ฟอสฟอรัสมีบทบาทในการพัฒนาของเมล็ด * ความต้องการลดลง: ในช่วงขยายขนาดผล #ความต้องการฟอสฟอรัสของทุเรียนจะน้อยกว่าช่วงการออกดอกและติดผลในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอสฟอรัสมีบทบาทสำคัญในการสร้างดอก การผสมเกสร และการแบ่งเซลล์ในช่วงต้นของการพัฒนาผล ดังนั้น ปริมาณ 5% #จึงถือว่าเพียงพอต่อความต้องการในระยะขยายผล♻️สรุปเหตุผลเชิงสรีรวิทยา:ทั้งสูตร 15-5-20 และ 15-5-25 มีความคล้ายคลึงกันคือ #เน้นโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่ทุเรียนต้องการมากที่สุดในช่วงขยายขนาดผล เพื่อใช้ในการสะสมแป้งและน้ำตาล เพิ่มขนาดและน้ำหนักของผล ควบคู่ไปกับการมีไนโตรเจนในระดับปานกลางเพื่อสนับสนุนการทำงานของใบ และฟอสฟอรัสในระดับต่ำตามความต้องการที่ลดลงในระยะนี้ สัดส่วนเช่นนี้ช่วยให้ทุเรียน มังคุด สามารถนำธาตุอาหารไปใช้ในการพัฒนาผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีขนาดใหญ่และมีคุณภาพดีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณโพแทสเซียม (20% กับ 25%) อาจปรับใช้ตามสภาพความสมบูรณ์ของต้น ปริมาณผลผลิตที่ติดบนต้น หรือการประเมินความต้องการของสวนนั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ก็ยิ่งส่งเสริมการสร้างเนื้อและเพิ่มความหวานได้ดีขึ้น
    เหตุผลในการใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-5-25 เป็นสูตรที่เหมาะสมสำหรับการขยายขนาดผลทุเรียน, มังคุด เนื่องจากมีสัดส่วนธาตุอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการทางสรีรวิทยาในช่วงดังกล่าว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้:องค์ประกอบหลักและบทบาททางสรีรวิทยา:✳️1. โพแทสเซียม (K) สูง (20% ในสูตร 15-5-20 และ 25% ในสูตร 15-5-25): * การขนส่งน้ำตาลและแป้ง: #โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลและแป้ง (ผลิตภัณฑ์จากการสังเคราะห์แสง) จากใบไปยังผล ซึ่งเป็นปัจจัยโดยตรงที่ทำให้ผลทุเรียนขยายขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสะสมเนื้อได้มากขึ้น * การทำงานของเอนไซม์: โพแทสเซียมเป็นตัวกระตุ้น (activator) ของเอนไซม์หลายชนิดในพืช ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้มีความจำเป็นต่อกระบวนการทางชีวเคมีต่างๆ รวมถึงการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผล * การควบคุมสมดุลน้ำในเซลล์: โพแทสเซียมช่วยควบคุมแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) และแรงดันเต่ง (turgor pressure) ภายในเซลล์พืช #ทำให้เซลล์สามารถขยายขนาดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อขนาดของผล * การสังเคราะห์แสง: แม้ไนโตรเจนจะเป็นองค์ประกอบหลักของคลอโรฟิลล์ แต่โพแทสเซียมก็มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ * คุณภาพเนื้อผล: นอกจากขนาดแล้ว โพแทสเซียมยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพเนื้อผล เช่น ความหนา ความแน่น การสร้างกลิ่น และรสชาติที่ดี (ความหวาน)✳️2. ไนโตรเจน (N ) ปานกลาง (15%): * การบำรุงใบเพื่อการสังเคราะห์แสง: ไนโตรเจนยังคงมีความจำเป็นในช่วงขยายผลเพื่อรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของใบในการสังเคราะห์แสง ใบที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างอาหารได้เพียงพอเพื่อส่งไปเลี้ยงผล * องค์ประกอบของโปรตีนและเซลล์: ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน และกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ในผล * ไม่สูงจนเกินไป: #ปริมาณไนโตรเจนที่ไม่สูงมากเกินไป (เช่น 15%) จะช่วย #ป้องกันไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนมากเกินไปในช่วงที่กำลังขยายผล เพราะการแตกใบอ่อนจะไปดึงดูดและแย่งอาหารจากผล ทำให้ผลเติบโตได้ไม่เต็มที่ หรืออาจมีปัญหาเรื่องคุณภาพ✳️3. ฟอสฟอรัส (P) ต่ำ (5%): * การถ่ายทอดพลังงาน: ฟอสฟอรัสมีความสำคัญในการสร้างสารพลังงานสูง (ATP) ซึ่งพืชใช้ในทุกกิจกรรมการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนาของผล * การพัฒนาเมล็ด: ฟอสฟอรัสมีบทบาทในการพัฒนาของเมล็ด * ความต้องการลดลง: ในช่วงขยายขนาดผล #ความต้องการฟอสฟอรัสของทุเรียนจะน้อยกว่าช่วงการออกดอกและติดผลในระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอสฟอรัสมีบทบาทสำคัญในการสร้างดอก การผสมเกสร และการแบ่งเซลล์ในช่วงต้นของการพัฒนาผล ดังนั้น ปริมาณ 5% #จึงถือว่าเพียงพอต่อความต้องการในระยะขยายผล♻️สรุปเหตุผลเชิงสรีรวิทยา:ทั้งสูตร 15-5-20 และ 15-5-25 มีความคล้ายคลึงกันคือ #เน้นโพแทสเซียมสูง ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่ทุเรียนต้องการมากที่สุดในช่วงขยายขนาดผล เพื่อใช้ในการสะสมแป้งและน้ำตาล เพิ่มขนาดและน้ำหนักของผล ควบคู่ไปกับการมีไนโตรเจนในระดับปานกลางเพื่อสนับสนุนการทำงานของใบ และฟอสฟอรัสในระดับต่ำตามความต้องการที่ลดลงในระยะนี้ สัดส่วนเช่นนี้ช่วยให้ทุเรียน มังคุด สามารถนำธาตุอาหารไปใช้ในการพัฒนาผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีขนาดใหญ่และมีคุณภาพดีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณโพแทสเซียม (20% กับ 25%) อาจปรับใช้ตามสภาพความสมบูรณ์ของต้น ปริมาณผลผลิตที่ติดบนต้น หรือการประเมินความต้องการของสวนนั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ก็ยิ่งส่งเสริมการสร้างเนื้อและเพิ่มความหวานได้ดีขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กราฟิน อยู่ใน วัคซีน
    กราฟิน ออกไชด์ คือ ผงเหล็ก สังเคราะห์
    กราฟิน ออกไชด์ขัดขวาง การไหลเวียน ของเลือด
    กราฟิน ออกไชด์เมื่อมันพบ สัญญาณ 3G -5G มันจะจับตัวเป็นเส้นด้าย คมเหมือน มีดโกน วิ่งไปมา ทำลาย อวัยวะ ทุกอย่าง ภายในร่างกาย
    กราฟิน ออกไชด์เมื่อฝ่ายมืดกดปุ่มสังหาร กราฟิน จะวิ่งเข้าสู่ หัวใจ เป็นเหตุให้ หัวใจ หยุดเต้น หยุดทำงาน ทันที

    จากข้อมูลขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา กราฟีน กราฟีนออกไซด์ และกราฟีนออกไซด์ที่ลดลงทำให้เกิดผลที่เป็นพิษทั้งในหลอดทดลองและในร่างกาย
    วัสดุนาโนในตระกูลกราฟีน (GFN) ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาสำหรับการบริโภคของมนุษย์

    Dr. Mylo Canderian มันได้บอกใบ้ให้อีกว่า " นักโลหิตวิทยาทุกคนสามารถเห็นมันได้ภายในไม่กี่วินาทีภายใต้กล้องจุลทรรศน์
    และยิ่งกว่านั้น ภายใต้การมองด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน "เปอร์เซ็นต์ของเลือดที่ได้รับผลกระทบ [หรือปนเปื้อน] ด้วยกราฟีนออกไซด์ คืออัตราของการคำนวณ เวลาจุดสิ้นสุดของอายุ ของบุคคลผู้นั้น
    -คนที่ฉีดวัคซีนที่มีสาร กราฟีนออกไซด์ 20% เลือดของคนผู้นั้น จะเสื่อมสภาพ ด้วยการทำลาย จากสารกราฟีนออกไซด์ เขาผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีก เป็นเวลา 8 ปี ยกเว้นเกณฑ์การป้อนข้อมูลอื่น ๆ
    -คนที่ฉีดวัคซีนที่มีสาร กราฟีนออกไซด์ 70% จะมีอายุไม่เกิน 3 ปี

    Dr. Jane Ruby ได้รับการสัมภาษณ์โดย Stew Peters เกี่ยวกับพอดคาสต์ของเขาและได้แสดงตัวอย่างเลือดที่เสื่อมโทรมเมื่อสัมผัสกับกราฟีนออกไซด์
    กราฟีนออกไซด์สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตัว เป็นส่วนประกอบของโปรตีนขัดขวางและพรีออนของ Messenger RNA ซึ่งทำสงครามกับหัวใจ ปอด สมอง และเลือดเพื่อหาออกซิเจน
    กราฟีนออกไซด์เป็นฟองน้ำออกซิเจนซึ่งกีดกันร่างกายของออกซิเจนที่จำเป็นและทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงภาวะช็อก

    Dr. Jane Ruby ได้รับการสัมภาษณ์โดย Stew Peters เกี่ยวกับพอดคาสต์ของเขาและได้แสดงตัวอย่างเลือดที่เสื่อมโทรมเมื่อสัมผัสกับกราฟีนออกไซด์
    กราฟีนออกไซด์สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตัว เป็นส่วนประกอบของโปรตีนขัดขวางและพรีออนของ Messenger RNA ซึ่งทำสงครามกับหัวใจ ปอด สมอง และเลือดเพื่อหาออกซิเจน
    กราฟีนออกไซด์เป็นฟองน้ำออกซิเจนซึ่งกีดกันร่างกายของออกซิเจนที่จำเป็นและทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงภาวะช็อกจากภูมิแพ้ การแข็งตัวของเลือดที่เป็นพิษ ปอดอัมพาตที่ร้ายแรง มะเร็งไมโตคอนเดรีย และมะเร็งเยื่อบุผนังหลอดเลือด"

    มุมมองของ Dr. Mylo Canderian เหมือนกับ Klaus Schwab, Bill Gates และ Big Pharma CEO's: ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ กำจัดประชากรที่มีอยู่เยอะมากๆ จำนวนของประชากร ณ ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 7,753 ล้านคน
    ให้ลดจำนวนลง สักครึ่งหนึ่ง
    -จากการฉีดวัคซีนสัก 10-20%
    -จากลูกหลงของสงครามโลก อีกสัก 20-50%
    ใครรอดจากเชื้อโรค จากการฉีดวัคซีน และจากภัยสงคราม บุคคลผู้นั้น คือ ประชากรของโลกใหม่ ที่รอดพ้นจากการถูกเบิร์น นั่นเอง



    กราฟิน อยู่ใน วัคซีน กราฟิน ออกไชด์ คือ ผงเหล็ก สังเคราะห์ กราฟิน ออกไชด์ขัดขวาง การไหลเวียน ของเลือด กราฟิน ออกไชด์เมื่อมันพบ สัญญาณ 3G -5G มันจะจับตัวเป็นเส้นด้าย คมเหมือน มีดโกน วิ่งไปมา ทำลาย อวัยวะ ทุกอย่าง ภายในร่างกาย กราฟิน ออกไชด์เมื่อฝ่ายมืดกดปุ่มสังหาร กราฟิน จะวิ่งเข้าสู่ หัวใจ เป็นเหตุให้ หัวใจ หยุดเต้น หยุดทำงาน ทันที จากข้อมูลขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา กราฟีน กราฟีนออกไซด์ และกราฟีนออกไซด์ที่ลดลงทำให้เกิดผลที่เป็นพิษทั้งในหลอดทดลองและในร่างกาย วัสดุนาโนในตระกูลกราฟีน (GFN) ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาสำหรับการบริโภคของมนุษย์ Dr. Mylo Canderian มันได้บอกใบ้ให้อีกว่า " นักโลหิตวิทยาทุกคนสามารถเห็นมันได้ภายในไม่กี่วินาทีภายใต้กล้องจุลทรรศน์ และยิ่งกว่านั้น ภายใต้การมองด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน "เปอร์เซ็นต์ของเลือดที่ได้รับผลกระทบ [หรือปนเปื้อน] ด้วยกราฟีนออกไซด์ คืออัตราของการคำนวณ เวลาจุดสิ้นสุดของอายุ ของบุคคลผู้นั้น -คนที่ฉีดวัคซีนที่มีสาร กราฟีนออกไซด์ 20% เลือดของคนผู้นั้น จะเสื่อมสภาพ ด้วยการทำลาย จากสารกราฟีนออกไซด์ เขาผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีก เป็นเวลา 8 ปี ยกเว้นเกณฑ์การป้อนข้อมูลอื่น ๆ -คนที่ฉีดวัคซีนที่มีสาร กราฟีนออกไซด์ 70% จะมีอายุไม่เกิน 3 ปี Dr. Jane Ruby ได้รับการสัมภาษณ์โดย Stew Peters เกี่ยวกับพอดคาสต์ของเขาและได้แสดงตัวอย่างเลือดที่เสื่อมโทรมเมื่อสัมผัสกับกราฟีนออกไซด์ กราฟีนออกไซด์สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตัว เป็นส่วนประกอบของโปรตีนขัดขวางและพรีออนของ Messenger RNA ซึ่งทำสงครามกับหัวใจ ปอด สมอง และเลือดเพื่อหาออกซิเจน กราฟีนออกไซด์เป็นฟองน้ำออกซิเจนซึ่งกีดกันร่างกายของออกซิเจนที่จำเป็นและทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงภาวะช็อก Dr. Jane Ruby ได้รับการสัมภาษณ์โดย Stew Peters เกี่ยวกับพอดคาสต์ของเขาและได้แสดงตัวอย่างเลือดที่เสื่อมโทรมเมื่อสัมผัสกับกราฟีนออกไซด์ กราฟีนออกไซด์สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตัว เป็นส่วนประกอบของโปรตีนขัดขวางและพรีออนของ Messenger RNA ซึ่งทำสงครามกับหัวใจ ปอด สมอง และเลือดเพื่อหาออกซิเจน กราฟีนออกไซด์เป็นฟองน้ำออกซิเจนซึ่งกีดกันร่างกายของออกซิเจนที่จำเป็นและทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงภาวะช็อกจากภูมิแพ้ การแข็งตัวของเลือดที่เป็นพิษ ปอดอัมพาตที่ร้ายแรง มะเร็งไมโตคอนเดรีย และมะเร็งเยื่อบุผนังหลอดเลือด" มุมมองของ Dr. Mylo Canderian เหมือนกับ Klaus Schwab, Bill Gates และ Big Pharma CEO's: ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ กำจัดประชากรที่มีอยู่เยอะมากๆ จำนวนของประชากร ณ ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 7,753 ล้านคน ให้ลดจำนวนลง สักครึ่งหนึ่ง -จากการฉีดวัคซีนสัก 10-20% -จากลูกหลงของสงครามโลก อีกสัก 20-50% ใครรอดจากเชื้อโรค จากการฉีดวัคซีน และจากภัยสงคราม บุคคลผู้นั้น คือ ประชากรของโลกใหม่ ที่รอดพ้นจากการถูกเบิร์น นั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • งูสวัดมีเรื่อง อันตรายอีกเยอะนอกจากผื่น.

    • ไนตำแหน่งหน้า ศีรษะ คอ บ่าไหล่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เป็นภูมิคุ้มกันปกติก็ตาม
    เป็นเรื่องต้องให้การรักษาทันที โอกาศไวรัสลามเข้าสมองผ่านทางเส้นเลือดสูงมาก

    ถ้ามาช้า และเริ่มผิดปกติมากกว่านอกจากที่ผิวหนัง มีไข้ ปวดหัว ไม่ต้องรอให้โคม่า หรือตาบอด หรือเส้นเลือดอักเสบตัน ให้เป็น IV acyclovir 10 mg/kg ทุก 8 ชั่วโมงทันที ไป 14 วัน

    ในขณะที่ตำแหน่งอื่นอาจใช้เป็นยากินแทน
    และ acyclovir กิน แม้ว่าต้องกินวันละห้าครั้งทุก 4 ชั่วโมงไปเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันและอาจถึง 14 วัน ประสิทธิภาพดีกว่า ยาที่ทาน วันละสองครั้ง เพราะสามารถควบคุมไม่ให้ไวรัสวิ่งย้อนกลับเข้าไปตามเส้นประสาทเข้าในไขสันหลัง หรือสมอง

    ยกเว้นการมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องเป็นยาฉีดทั้งหมด

    • และงูสวัดไม่ว่าอยู่ตำแหน่งใดของร่างกายมีความเสี่ยงอัมพฤกษ์ เส้นเลือดหัวใจตัน ถึง 6 เดือน จนถึงหลายปี

    ประการสำคัญ การรักษาไม่ใช่พอใจที่ทายาพอกที่ผื่น แม้ว่าทาแล้วหายเร็ว ก็ตาม
    อยู่ที่การป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่ปมประสาท และจะเจ็บปวดไปหลายเดือน ปี หรือไม่หาย
    และเพื่อต้องกันไม่ให้ไวรัสย้อนกลับตามเส้นประสาทเข้าไปที่ไขสันหลัง เกิตขาอัมพาต เข้าสมอง ติดเกิดเส้นเลือดอักเสบ และไวรัสทะลักเข้าไปติดเชื้อในสมอง

    • ย้ำๆๆๆ ไม่ว่างูสวัดขึ้นที่ใดต้องรักษาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อผื่นหายอย่างเดียวเท่านั้นเช่นจาก ยาทา พอก หรือกินยาสมุนไพร ต้องกันที่ร้ายแรงกว่านั้นอีกเยอะ

    • ในปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงที่เป็นโปรตีนสับยูนิต และสามารถใช้ได้กับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างจากวัคซีนยุคแรกที่เป็นเชื้ออ่อนกำลัง แต่อย่างไรก็ตามสารที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันดีมาก จนอาจทำให้มีปฏิกิริยาข้างเคียง ระดับน้อยจนรุนแรงแต่ไม่ได้เกิดทุกคน และในบางกรณีเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบได้
    • ดังนั้นการได้วัคซีน ควรต้องให้แพทย์ ให้คำแนะนำ และถ้าเกิดมีปฏิกิริยาข้างเคียงจะได้รีบรักษาได้ทัน

    ลักษณะอาการของงูสวัดและผลแทรกซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในระยะนั้นอย่างเดียว จะเกิดขึ้นตามหลังได้อย่างน้อยหกเดือนและอาจเป็นปีโดยเฉพาะออกอาการเป็นเส้นเลือดในสมองและเส้นเลือดในหัวใจตัน

    เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีอาการของเส้นเลือดหัวใจเจ็บหน้าอก หรือเส้นเลือดสมองอัมพฤกษ์ ต้องบอกคุณหมอว่าเคยเป็นงูสวัดในช่วงก่อนหน้า ซึ่งต้องพิจารณาว่าควรต้องรักษางูสวัดควบคู่กันไปด้วย ให้ทางเส้นเลือด ร่วมกับการรักษาสมองหรือหัวใจที่ผิดปกติ
    ทั้งนี้เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสยังไม่ได้สงบเสงี่ยมนิ่งอยู่กับที่ แต่ ยังมีการกระตุ้นการอักเสบอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    งูสวัดมีเรื่อง อันตรายอีกเยอะนอกจากผื่น. • ไนตำแหน่งหน้า ศีรษะ คอ บ่าไหล่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เป็นภูมิคุ้มกันปกติก็ตาม เป็นเรื่องต้องให้การรักษาทันที โอกาศไวรัสลามเข้าสมองผ่านทางเส้นเลือดสูงมาก ถ้ามาช้า และเริ่มผิดปกติมากกว่านอกจากที่ผิวหนัง มีไข้ ปวดหัว ไม่ต้องรอให้โคม่า หรือตาบอด หรือเส้นเลือดอักเสบตัน ให้เป็น IV acyclovir 10 mg/kg ทุก 8 ชั่วโมงทันที ไป 14 วัน ในขณะที่ตำแหน่งอื่นอาจใช้เป็นยากินแทน และ acyclovir กิน แม้ว่าต้องกินวันละห้าครั้งทุก 4 ชั่วโมงไปเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันและอาจถึง 14 วัน ประสิทธิภาพดีกว่า ยาที่ทาน วันละสองครั้ง เพราะสามารถควบคุมไม่ให้ไวรัสวิ่งย้อนกลับเข้าไปตามเส้นประสาทเข้าในไขสันหลัง หรือสมอง ยกเว้นการมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องเป็นยาฉีดทั้งหมด • และงูสวัดไม่ว่าอยู่ตำแหน่งใดของร่างกายมีความเสี่ยงอัมพฤกษ์ เส้นเลือดหัวใจตัน ถึง 6 เดือน จนถึงหลายปี ประการสำคัญ การรักษาไม่ใช่พอใจที่ทายาพอกที่ผื่น แม้ว่าทาแล้วหายเร็ว ก็ตาม อยู่ที่การป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่ปมประสาท และจะเจ็บปวดไปหลายเดือน ปี หรือไม่หาย และเพื่อต้องกันไม่ให้ไวรัสย้อนกลับตามเส้นประสาทเข้าไปที่ไขสันหลัง เกิตขาอัมพาต เข้าสมอง ติดเกิดเส้นเลือดอักเสบ และไวรัสทะลักเข้าไปติดเชื้อในสมอง • ย้ำๆๆๆ ไม่ว่างูสวัดขึ้นที่ใดต้องรักษาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อผื่นหายอย่างเดียวเท่านั้นเช่นจาก ยาทา พอก หรือกินยาสมุนไพร ต้องกันที่ร้ายแรงกว่านั้นอีกเยอะ • ในปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงที่เป็นโปรตีนสับยูนิต และสามารถใช้ได้กับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างจากวัคซีนยุคแรกที่เป็นเชื้ออ่อนกำลัง แต่อย่างไรก็ตามสารที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันดีมาก จนอาจทำให้มีปฏิกิริยาข้างเคียง ระดับน้อยจนรุนแรงแต่ไม่ได้เกิดทุกคน และในบางกรณีเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบได้ • ดังนั้นการได้วัคซีน ควรต้องให้แพทย์ ให้คำแนะนำ และถ้าเกิดมีปฏิกิริยาข้างเคียงจะได้รีบรักษาได้ทัน ลักษณะอาการของงูสวัดและผลแทรกซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในระยะนั้นอย่างเดียว จะเกิดขึ้นตามหลังได้อย่างน้อยหกเดือนและอาจเป็นปีโดยเฉพาะออกอาการเป็นเส้นเลือดในสมองและเส้นเลือดในหัวใจตัน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีอาการของเส้นเลือดหัวใจเจ็บหน้าอก หรือเส้นเลือดสมองอัมพฤกษ์ ต้องบอกคุณหมอว่าเคยเป็นงูสวัดในช่วงก่อนหน้า ซึ่งต้องพิจารณาว่าควรต้องรักษางูสวัดควบคู่กันไปด้วย ให้ทางเส้นเลือด ร่วมกับการรักษาสมองหรือหัวใจที่ผิดปกติ ทั้งนี้เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสยังไม่ได้สงบเสงี่ยมนิ่งอยู่กับที่ แต่ ยังมีการกระตุ้นการอักเสบอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยค้นพบยาปฏิชีวนะใหม่จากแบคทีเรียในสวนหลังบ้านชื่อ Lariocidin ที่มีโครงสร้างเหมือนปมเชือก ทำให้มีความทนทานและฆ่าแบคทีเรียดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพระดับโลก

    ✅ โครงสร้างที่ทนทานของ Lasso Peptide
    - Lasso Peptide มีโครงสร้างเหมือน ปมเชือก ทำให้มีความทนทานต่อการสลายและยังคงประสิทธิภาพได้นาน
    - Lariocidin จึงสามารถทำงานได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะแบบทั่วไป

    ✅ กลไกการกำจัดแบคทีเรียที่ไม่เหมือนใคร
    - ariocidin โจมตีส่วนที่เรียกว่า Ribosome ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย
    - ด้วยวิธีการหยุดการทำงานของ Ribosome และสร้างความผิดพลาดในการผลิตโปรตีน Lariocidin สามารถฆ่าแบคทีเรียที่ดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ดิน—แหล่งทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ
    - การค้นพบนี้เน้นให้เห็นว่า ดินเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนายาใหม่ เพราะจุลินทรีย์ในดินมีวิธีป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียชนิดอื่นในธรรมชาติ

    ✅ ความสำคัญในระดับโลกของการค้นพบ
    - การดื้อยาปฏิชีวนะ เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่ทำให้ผู้เสียชีวิตหลายล้านคนต่อปี
    - องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้การดื้อยาปฏิชีวนะอยู่ใน สิบอันดับแรกของภัยคุกคามต่อสุขภาพ

    แม้ว่า Lariocidin จะมีศักยภาพสูง แต่ยังอยู่ใน ระยะเริ่มต้นของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในมนุษย์ รวมถึงพัฒนาวิธีการผลิตในปริมาณมากสำหรับการใช้งานทางการแพทย์

    https://www.neowin.net/news/drug-that-kills-antibiotic-resistant-bacteria-was-unknowingly-growing-in-a-garden/
    นักวิจัยค้นพบยาปฏิชีวนะใหม่จากแบคทีเรียในสวนหลังบ้านชื่อ Lariocidin ที่มีโครงสร้างเหมือนปมเชือก ทำให้มีความทนทานและฆ่าแบคทีเรียดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่การค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพระดับโลก ✅ โครงสร้างที่ทนทานของ Lasso Peptide - Lasso Peptide มีโครงสร้างเหมือน ปมเชือก ทำให้มีความทนทานต่อการสลายและยังคงประสิทธิภาพได้นาน - Lariocidin จึงสามารถทำงานได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะแบบทั่วไป ✅ กลไกการกำจัดแบคทีเรียที่ไม่เหมือนใคร - ariocidin โจมตีส่วนที่เรียกว่า Ribosome ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย - ด้วยวิธีการหยุดการทำงานของ Ribosome และสร้างความผิดพลาดในการผลิตโปรตีน Lariocidin สามารถฆ่าแบคทีเรียที่ดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ดิน—แหล่งทรัพยากรที่ไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ - การค้นพบนี้เน้นให้เห็นว่า ดินเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการพัฒนายาใหม่ เพราะจุลินทรีย์ในดินมีวิธีป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียชนิดอื่นในธรรมชาติ ✅ ความสำคัญในระดับโลกของการค้นพบ - การดื้อยาปฏิชีวนะ เป็นปัญหาสุขภาพระดับโลกที่ทำให้ผู้เสียชีวิตหลายล้านคนต่อปี - องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้การดื้อยาปฏิชีวนะอยู่ใน สิบอันดับแรกของภัยคุกคามต่อสุขภาพ แม้ว่า Lariocidin จะมีศักยภาพสูง แต่ยังอยู่ใน ระยะเริ่มต้นของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในมนุษย์ รวมถึงพัฒนาวิธีการผลิตในปริมาณมากสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ https://www.neowin.net/news/drug-that-kills-antibiotic-resistant-bacteria-was-unknowingly-growing-in-a-garden/
    WWW.NEOWIN.NET
    Drug that kills antibiotic-resistant bacteria was unknowingly growing in a garden
    A new antibiotic that can kill antibiotic-resistant bacteria has been discovered, and it was found in a garden.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง

    👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ
    “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน”
    บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย”
    แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ

    เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
    ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย



    งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า…

    ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】

    เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย
    • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย
    • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท
    • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง

    หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง”
    อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต
    • เพลียทั้งวัน
    • น้ำหนักเพิ่มง่าย
    • ขี้หงุดหงิด
    • สมองเบลอ
    • และ “ภูมิต้านทานลดลง”



    แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา

    ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ

    1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว
    • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
    • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด)
    • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง
    • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎

    2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่
    • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน
    • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ
    • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง

    3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า
    • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน
    • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ



    อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก

    เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง
    แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ
    คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ

    และผมเชื่อเสมอว่า
    คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป

    ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง 👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน” บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย” แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย ⸻ งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า… ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】 เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง” อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต • เพลียทั้งวัน • น้ำหนักเพิ่มง่าย • ขี้หงุดหงิด • สมองเบลอ • และ “ภูมิต้านทานลดลง” ⸻ แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ 1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎 2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่ • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง 3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ ⸻ อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ และผมเชื่อเสมอว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿พบสารใน "โรสแมรี่" ช่วยฟื้นฟูความจำ อาจรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้
    .
    🧠 นักวิจัยสหรัฐฯ ค้นพบสารจากสมุนไพรครัวเรือน ที่อาจช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้ในอนาคต สาร diAcCA ที่สังเคราะห์จากโรสแมรี่และเสจ แสดงผลดีในหนูทดลอง ช่วยเพิ่มไซแนปส์ในสมอง และลดการสะสมของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
    .
    📌 กรดคาร์โนซิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ แต่มีอายุการเก็บรักษาสั้นมาก ในขณะที่ diAcCA สามารถรับประทานทางปากก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดคาร์โนซิกในกระเพาะอาหารและเข้าสู่กระแสเลือด
    .
    📍 สำหรับโรคอัลไซเมอร์คิดเป็น 70% ของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม และสร้างภาระที่สำคัญและเพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากประชากรที่มีอายุมากขึ้น

    ..ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ..
    #โรสแมรี่ #อัลไซเมอร์ #thaitime
    🌿พบสารใน "โรสแมรี่" ช่วยฟื้นฟูความจำ อาจรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้ . 🧠 นักวิจัยสหรัฐฯ ค้นพบสารจากสมุนไพรครัวเรือน ที่อาจช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้ในอนาคต สาร diAcCA ที่สังเคราะห์จากโรสแมรี่และเสจ แสดงผลดีในหนูทดลอง ช่วยเพิ่มไซแนปส์ในสมอง และลดการสะสมของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ . 📌 กรดคาร์โนซิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ แต่มีอายุการเก็บรักษาสั้นมาก ในขณะที่ diAcCA สามารถรับประทานทางปากก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดคาร์โนซิกในกระเพาะอาหารและเข้าสู่กระแสเลือด . 📍 สำหรับโรคอัลไซเมอร์คิดเป็น 70% ของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม และสร้างภาระที่สำคัญและเพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากประชากรที่มีอายุมากขึ้น ..ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ.. #โรสแมรี่ #อัลไซเมอร์ #thaitime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ

    มันเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งนำพาผู้คนและบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่หายนะแห่งสุขภาพ

    มันเริ่มต้นด้วยคำว่า “แคลเซียมจำเป็นมากสำหรับกระดูกที่แข็งแรง”

    แพทย์เกือบจะทุกคนและผู้คนส่วนใหญ่ถูกฝังรากลึกจากความฉ้อฉลนี้ เราทุกคนเลยต้องดำดิ่งไปกับความเชื่อที่ว่า..ถ้าเราขาดแคลเซียมกระดูกของเราจะกลายเป็นผุยผง.. นี่เป็นการหลอกลวงและไม่เคยเป็นความจริง

    ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้บอกเราถึงความผิดพลาดของระบบความเชื่อ

    แต่ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ผมอยากให้คุณรับรู้ว่า แคลเซียมเป็นเพียงแค่ 1ใน12แร่ธาตุที่ทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่อใครสักคนได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดกพรุน ( Osteoporosis) นั่นหมายถึงการสูญเสียแร่ธาตุของกระดูก ไม่ใช่เพียงแค่ขาดแคลเซียมและถ้าคุณได้รับการแนะนำให้เสริมเพียงแค่แคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกจนเกินขนาดไม่ว่าจะได้มาในรูปแบบของ..นม..ตามคำแนะนำแพทย์หรือในรูปแบบอาหารเสริม..นั่นหมายถึงคุณกำลังได้รับสัญญาณแห่ง”ความตาย” เหตุเพราะแคลเซียมทำให้”แข็งตัว”....แม่จ้าว...แล้วมันจะทำให้ส่วนใดของร่างกายแข็งตัวได้บ้าง และถ้ามันเกินขนาดจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา

    -นิ่วกรวยไต
    -นิ่วถุงน้ำดี
    -หินปูนเกาะในหลอดเลือด
    -หินปูนเกาะกระดูก
    -หินปูนเกาะเต้านม
    -การฝากของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ
    -เซลล์สมองผิดปกติ
    -เนื้อสมองหดตัว
    -สมองเสื่อม
    ........................................................
    อะไรนำไปสู่สิ่งโกหกที่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเพราะมัน
    ..........................................................

    ความรู้ที่ผิดพลาดที่ถูกฝังรากลึกจากทุกวงการและต่อไปนี้คือความจริงที่ได้เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น

    -แคลเซียมกับการทำงานของต่อมหมวกไต

    แคลเซียมที่มากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตในวัตถุประสงค์เพื่อให้ไตกักเก็บแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ผลของการทำเช่นนี้ก็คือ โซเดียมและโพแทสเซียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อแร่ธาตุสองชนิดนี้ในเซลล์เป็นอย่างมาก

    !! ในความเป็นจริง :

    -โซเดียมมีความจำเป็นในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร การย่อยโปรตีน การขนส่งน้ำตาลกลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อ(ยกเว้น เซลล์ไขมัน)

    -โพแทสเซียมจำเป็นสำหรับการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์และช่วยรักษาไว้ซึ่งประจุของผนังเซลล์

    แร่ธาตุเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจ มันเป็นตัวกำหนดให้กล้ามเนื้อและใยประสาทสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต้องการแร่ธาตุสองตัวนี้ นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยรักษาความคงที่ของความดันโลหิตอีกด้วย ความไม่สมดุลหรือการขาดแร่ธาตุเหล่านี้นำไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่เซลล์ของหัวใจ

    !! ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อร่างกายขาดโซเดียมและโพแทสเซียมแล้วจะเกิดอะไรตามมา...กรดอะมิโนถูกจำกัดและเมื่อเซลล์ขาดกรดอะมิโน ร่างกายก็ไม่สามารถเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้และเมื่อเซลล์ขาดกลูโคส เซลล์ก็ขาดซึ่งพลังงาน ความอ่อนล้าหมดแรงของร่างกายโดยรวมก็ตามมา

    !! ในความเป็นจริง ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการบริจาคประจุลบจากแร่ธาตุในทุกปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์ ดังนั้นการขาดซึ่งแร่ธาตุจึงสามารถนำไปสู่หลายอาการของร่างกายได้
    ............................................................................................
    เมื่อคุณอ่านจบ...คุณคิดถึงใคร !!
    …………………………………………………
    ในขณะที่แทบทุกจะโรงเรียนได้มอบ"นม"ที่บอกว่าเพิ่มแคลเซียมให้แก่เด็กเพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สูงใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงสมดุลของแร่ธาตุ นั่นหมายถึงกำลังทำให้สมองเด็กฝ่อลงหรือไม่ สอนยากสอนเย็น ขาดสมาธิและนำไปสู่โรคอื่นในอนาคตหรือไม่

    นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อเขียนบทความจบ

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    สวัสดี

    ขอบคุณ Dr.Robert Thompson,MD. และ Kathleen Barnes.

    Cr. Santi Manadee
    ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ มันเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งนำพาผู้คนและบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่หายนะแห่งสุขภาพ มันเริ่มต้นด้วยคำว่า “แคลเซียมจำเป็นมากสำหรับกระดูกที่แข็งแรง” แพทย์เกือบจะทุกคนและผู้คนส่วนใหญ่ถูกฝังรากลึกจากความฉ้อฉลนี้ เราทุกคนเลยต้องดำดิ่งไปกับความเชื่อที่ว่า..ถ้าเราขาดแคลเซียมกระดูกของเราจะกลายเป็นผุยผง.. นี่เป็นการหลอกลวงและไม่เคยเป็นความจริง ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้บอกเราถึงความผิดพลาดของระบบความเชื่อ แต่ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ผมอยากให้คุณรับรู้ว่า แคลเซียมเป็นเพียงแค่ 1ใน12แร่ธาตุที่ทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่อใครสักคนได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดกพรุน ( Osteoporosis) นั่นหมายถึงการสูญเสียแร่ธาตุของกระดูก ไม่ใช่เพียงแค่ขาดแคลเซียมและถ้าคุณได้รับการแนะนำให้เสริมเพียงแค่แคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกจนเกินขนาดไม่ว่าจะได้มาในรูปแบบของ..นม..ตามคำแนะนำแพทย์หรือในรูปแบบอาหารเสริม..นั่นหมายถึงคุณกำลังได้รับสัญญาณแห่ง”ความตาย” เหตุเพราะแคลเซียมทำให้”แข็งตัว”....แม่จ้าว...แล้วมันจะทำให้ส่วนใดของร่างกายแข็งตัวได้บ้าง และถ้ามันเกินขนาดจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา -นิ่วกรวยไต -นิ่วถุงน้ำดี -หินปูนเกาะในหลอดเลือด -หินปูนเกาะกระดูก -หินปูนเกาะเต้านม -การฝากของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ -เซลล์สมองผิดปกติ -เนื้อสมองหดตัว -สมองเสื่อม ........................................................ อะไรนำไปสู่สิ่งโกหกที่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเพราะมัน .......................................................... ความรู้ที่ผิดพลาดที่ถูกฝังรากลึกจากทุกวงการและต่อไปนี้คือความจริงที่ได้เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น -แคลเซียมกับการทำงานของต่อมหมวกไต แคลเซียมที่มากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตในวัตถุประสงค์เพื่อให้ไตกักเก็บแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ผลของการทำเช่นนี้ก็คือ โซเดียมและโพแทสเซียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อแร่ธาตุสองชนิดนี้ในเซลล์เป็นอย่างมาก !! ในความเป็นจริง : -โซเดียมมีความจำเป็นในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร การย่อยโปรตีน การขนส่งน้ำตาลกลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อ(ยกเว้น เซลล์ไขมัน) -โพแทสเซียมจำเป็นสำหรับการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์และช่วยรักษาไว้ซึ่งประจุของผนังเซลล์ แร่ธาตุเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจ มันเป็นตัวกำหนดให้กล้ามเนื้อและใยประสาทสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต้องการแร่ธาตุสองตัวนี้ นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยรักษาความคงที่ของความดันโลหิตอีกด้วย ความไม่สมดุลหรือการขาดแร่ธาตุเหล่านี้นำไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่เซลล์ของหัวใจ !! ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อร่างกายขาดโซเดียมและโพแทสเซียมแล้วจะเกิดอะไรตามมา...กรดอะมิโนถูกจำกัดและเมื่อเซลล์ขาดกรดอะมิโน ร่างกายก็ไม่สามารถเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้และเมื่อเซลล์ขาดกลูโคส เซลล์ก็ขาดซึ่งพลังงาน ความอ่อนล้าหมดแรงของร่างกายโดยรวมก็ตามมา !! ในความเป็นจริง ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการบริจาคประจุลบจากแร่ธาตุในทุกปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์ ดังนั้นการขาดซึ่งแร่ธาตุจึงสามารถนำไปสู่หลายอาการของร่างกายได้ ............................................................................................ เมื่อคุณอ่านจบ...คุณคิดถึงใคร !! ………………………………………………… ในขณะที่แทบทุกจะโรงเรียนได้มอบ"นม"ที่บอกว่าเพิ่มแคลเซียมให้แก่เด็กเพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สูงใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงสมดุลของแร่ธาตุ นั่นหมายถึงกำลังทำให้สมองเด็กฝ่อลงหรือไม่ สอนยากสอนเย็น ขาดสมาธิและนำไปสู่โรคอื่นในอนาคตหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อเขียนบทความจบ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี ขอบคุณ Dr.Robert Thompson,MD. และ Kathleen Barnes. Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 851 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีวันจันทร์ทุ๊กกคน!หลายคนคงเคยรู้สึกแน่นท้องและย่อยอาหารไม่ได้ เมื่อกินอะไรก็รู้สึกว่าไม่ย่อย ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก มีกลไกหลายอย่างที่เราอาจไม่เข้าใจ เมื่อเรากินอาหารที่ไม่เข้ากับร่างกาย อาจทำให้กระเพาะขาดเอ็นไซน์ที่จำเป็นในการย่อยอาหาร ซึ่งทำให้การย่อยไม่เต็มที่ เพิ่มภาระให้กับลำไส้เมื่อกระบวนการย่อยอาหารไม่ทำงานได้ดี ร่างกายก็จะนำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายและเติมเอ็นไซน์ที่จำเป็น จะช่วยให้ระบบการย่อยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถย่อยทั้งแป้ง ไขมัน น้ำตาล และโปรตีนได้อย่างเต็มที่#Fyzme#เอ็นไซน์ช่วยย่อย
    สวัสดีวันจันทร์ทุ๊กกคน!หลายคนคงเคยรู้สึกแน่นท้องและย่อยอาหารไม่ได้ เมื่อกินอะไรก็รู้สึกว่าไม่ย่อย ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก มีกลไกหลายอย่างที่เราอาจไม่เข้าใจ เมื่อเรากินอาหารที่ไม่เข้ากับร่างกาย อาจทำให้กระเพาะขาดเอ็นไซน์ที่จำเป็นในการย่อยอาหาร ซึ่งทำให้การย่อยไม่เต็มที่ เพิ่มภาระให้กับลำไส้เมื่อกระบวนการย่อยอาหารไม่ทำงานได้ดี ร่างกายก็จะนำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายและเติมเอ็นไซน์ที่จำเป็น จะช่วยให้ระบบการย่อยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถย่อยทั้งแป้ง ไขมัน น้ำตาล และโปรตีนได้อย่างเต็มที่#Fyzme#เอ็นไซน์ช่วยย่อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️
    ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️

    ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม
    ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด

    คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ
    ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด
    ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
    ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ

    🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย

    ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน

    ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด:
    ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
    ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว

    🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม

    ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม

    💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น
    ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก.
    ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม

    ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน

    5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป

    10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว

    ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด

    ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด?

    👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย

    👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง

    👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง

    ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน

    ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
    ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว
    ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน

    ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

    ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร)
    ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน)
    ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)

    ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว

    ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์
    ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน
    ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม
    ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์
    ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ

    📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️ ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️ ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ 🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว 🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม 💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก. ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน 5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป 10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด? 👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย 👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง 👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร) ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน) ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์ ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ 📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3/68

    กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย!

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง?

    3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร!

    1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ
    คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน

    ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้

    นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม

    2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น
    ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

    ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
    โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
    มะเร็งปอด
    และมะเร็งกระเพาะอาหาร,
    ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย

    ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า

    3.กล้วยที่มีจุดดำ:
    ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน
    ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ

    จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง

    ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น,
    มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก
    ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ,
    ช่วยในการย่อยอาหาร
    ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า

    ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง!
    cr:sanook
    2/3/68 กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย! จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง? 3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร! 1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม 2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร, ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า 3.กล้วยที่มีจุดดำ: ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น, มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ, ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง! cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1172 มุมมอง 0 รีวิว
  • พืชน้ำสุดยอดโปรตีนของเมืองไทย ไข่ผำ หรือไข่น้ำ พืชน้ำขนาดเล็กฉายาคาเวียร์เขียวเมืองไทย ไข่น้ำมีชื่อภาษาไทยอีกหลายชื่อ โดยเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาคเช่น ไข่ผำ ไข่น้ำ ไข่แหน หรือ ลูกผำ ไข่น้ำมีลักษณะเป็นเม็ดกลมรี ขนาดประมาณ 0.1-0.2 มม. ถือเป็นพืชน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
    #ผำ #ไข่น้ำ #dgreen
    พืชน้ำสุดยอดโปรตีนของเมืองไทย ไข่ผำ หรือไข่น้ำ พืชน้ำขนาดเล็กฉายาคาเวียร์เขียวเมืองไทย ไข่น้ำมีชื่อภาษาไทยอีกหลายชื่อ โดยเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาคเช่น ไข่ผำ ไข่น้ำ ไข่แหน หรือ ลูกผำ ไข่น้ำมีลักษณะเป็นเม็ดกลมรี ขนาดประมาณ 0.1-0.2 มม. ถือเป็นพืชน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก #ผำ #ไข่น้ำ #dgreen
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • พืชน้ำสุดยอดโปรตีนของเมืองไทย ไข่ผำ หรือไข่น้ำ พืชน้ำขนาดเล็กฉายาคาเวียร์เขียวเมืองไทย ไข่น้ำมีชื่อภาษาไทยอีกหลายชื่อ โดยเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาคเช่น ไข่ผำ ไข่น้ำ ไข่แหน หรือ ลูกผำ ไข่น้ำมีลักษณะเป็นเม็ดกลมรี ขนาดประมาณ 0.1-0.2 มม. ถือเป็นพืชน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
    #ผำ #ไข่น้ำ #dgreen
    พืชน้ำสุดยอดโปรตีนของเมืองไทย ไข่ผำ หรือไข่น้ำ พืชน้ำขนาดเล็กฉายาคาเวียร์เขียวเมืองไทย ไข่น้ำมีชื่อภาษาไทยอีกหลายชื่อ โดยเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาคเช่น ไข่ผำ ไข่น้ำ ไข่แหน หรือ ลูกผำ ไข่น้ำมีลักษณะเป็นเม็ดกลมรี ขนาดประมาณ 0.1-0.2 มม. ถือเป็นพืชน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก #ผำ #ไข่น้ำ #dgreen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • #การย่อยและลำดับ

    สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ

    เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่

    โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม

    การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร

    การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น

    เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป

    ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ

    ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ

    โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย

    ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย

    อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน

    เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา

    การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน

    หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย

    เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน

    หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส

    สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    เกี่ยวกับการย่อยผลไม้

    แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที

    หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน

    การย่อยผัก

    ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที

    และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที

    การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย

    การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง

    การย่อยเนื้อสัตว์

    ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด

    ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที

    เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่

    การย่อยนม

    โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม

    ย่อยไข่นานแค่ไหน

    ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที

    เมล็ดพืชและถั่ว

    เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย

    ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง

    เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น

    อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง

    อาหารที่ย่อยยาก

    อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม

    ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

    โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว

    น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส

    น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน

    ถั่ว

    ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น

    ผักตระกูลกะหล่ำ

    ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น

    อาหารรสเผ็ด

    สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก

    ผลิตภัณฑ์นม

    ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น

    เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา

    และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย

    หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น:

    • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง

    • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย

    • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย

    • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง

    • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย

    ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร

    หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

    นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ:

    แพ้แลคโตส

    ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด

    โรค Celiac

    กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก

    หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก

    กรดไหลย้อน

    กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ

    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS)

    ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้

    บทสรุป

    จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ

    วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย

    วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การย่อยและลำดับ สุขภาพทางเดินอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของเรา การย่อยอาหารและกระบวนการย่อยอาหารทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการทำงานตามปกติ เนื่องจากการย่อยอาหารเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน บางครั้งผู้คนจึงสงสัยว่าพวกเขาแปรรูปอาหารด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ ใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยทั่วไป กระบวนการย่อยอาหารจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่ ระยะเวลาการเดินทางในระบบทางเดินอาหารทั้งหมด อาจใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง แม้ว่าเวลาที่แท้จริงอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ก็ตาม การเดินทางของอาหารผ่านระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากของคุณ เมื่อคุณเคี้ยวอาหาร น้ำลายจะย่อยแป้งในแต่ละคำด้วยเอนไซม์ ทำให้คุณกลืนสิ่งที่คุณกินได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณกลืนอาหารเข้าไป อาหารจะไหลผ่านหลอดอาหาร จากนั้นกล้ามเนื้อที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัวและปล่อยให้เข้าสู่กระเพาะอาหารของคุณ ซึ่งกล้ามเนื้อดังกล่าวจะปิดลงทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะไม่เดินทางกลับเข้าไปในปากของคุณ จำได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามเนื้อนี้กระตือรือร้นที่จะผ่อนคลายมากเกินไป ในกระเพาะของคุณ อาหารและเชื้อแบคทีเรียต่างๆจะถูกทำลายเนื่องจากกรดในกระเพาะ และส่วนผสมของอาหารที่ย่อยได้บางส่วนจะเข้าไปในลำไส้เล็กของคุณ ในลำไส้เล็ก ตับอ่อนและตับจะเพิ่มน้ำย่อยที่ช่วยเร่งกระบวนการทั้งหมด ผนังของมันดูดซึมสารอาหารและน้ำและทำให้ร่างกายได้รับสิ่งดีๆ (สารอาหาร) จากอาหารที่คุณบริโภค (หวังว่าสิ่งที่คุณกิน จะเป็นสิ่งที่ดี) ส่วนอาหารที่เหลือที่ไม่ได้ย่อยจะดำเนินต่อไปยังลำไส้ใหญ่ของคุณ โดยปกติจะใช้เวลา 6 ถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่อาหารจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ อาหารนั้นจะคงอยู่นานกว่าหนึ่งวันและสลายตัวมากยิ่งขึ้น น้ำและสารอาหารที่เหลือซึ่งร่างกายของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการดูดซึมและต่อมาส่วนที่เหลือคืออุจจาระที่จะออกจากร่างกายของคุณเมื่อคุณพร้อมที่จะขับถ่าย ในเวลาประมาณสามวัน อาหารที่คุณกินควรจะเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารไปยังสถานีสุดท้าย อาหารใช้เวลาย่อยนานแค่ไหน เวลาที่ใช้ในการย่อยอาหารยังขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ระบบการเผาผลาญ และเหนือสิ่งอื่นใด ประเภทและปริมาณของอาหารที่เป็นปัญหา การย่อยน้ำเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน หากดื่มน้ำในขณะท้องว่าง น้ำจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ทันที นี่คือสาเหตุว่าทำไมการดื่มน้ำตอนตื่นนอนจึงเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และว่าด้วยวิชา วงจรชีวิต (Circadian rhythm) ในช่วงเวลาระหว่าง 5:00 น ถึง 7:00 น ร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะปล่อยน้ำทั้งหมดลงไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยในการขับถ่าย เราสามารถย่อยของเหลวอื่นๆ ได้เร็วแค่ไหน หากคุณดื่มน้ำผลไม้บ่อยกว่าน้ำเปล่า น้ำผลไม้นั้นจะถูกย่อยและถูกขับออกจากร่างกายในเวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลฟรักโตส สมูทตี้ต่างจากน้ำผลไม้ โดยคงเส้นใยจากผักและผลไม้ที่ผสมเข้าด้วยกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงทำให้คุณอิ่มมากขึ้นและกระบวนการย่อยอาหารก็ใช้เวลานานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) อาหารที่มีเส้นใยสูงอาจจะดีต่อระบบย่อยอาหารเนื่องจากช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้ามีน้ำตาลฟรักโตสร่วมด้วย ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เกี่ยวกับการย่อยผลไม้ แตงโมเป็นผลไม้ที่เร็วที่สุดในการย่อยผลไม้ เนื่องจากแตงโมใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการออกจากกระเพาะอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของมัน เช่น แตง ส้ม เกรฟฟรุต กล้วย และองุ่น จะออกจากท้องคุณในเวลาประมาณ 30 นาที หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร ไม่ควรผสมผลไม้กับกับผักเหตุเพราะเวลาในการย่อยอาหารที่แตกต่างกัน การย่อยผัก ผักใช้เวลาย่อยนานกว่าผลไม้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผักกาดหอม แตงกวา พริก มะเขือเทศ และผักอื่นๆ ที่มีน้ำปริมาณมากจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักเคล กะหล่ำดอก บรอกโคลี ฯลฯ มักจะย่อยภายใน 40 นาที และแบบช้าๆ ได้แก่ แครอท บีทรูท และผักที่มีรากอื่นๆ จะถูกย่อยภายในเวลาประมาณ 50 นาที ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผักที่มีรากที่เป็นแป้ง เช่น มันฝรั่ง ซึ่งร่วมกับสควอชบัตเตอร์นัท อาร์ติโชค มันเทศ ข้าวโพด ฯลฯ ใช้เวลาในการย่อยถึง 60 นาที การย่อยเมล็ดพืชจะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย การย่อยธัญพืชและคาร์โบไฮเดรตต่างๆ จะใช้เวลานานกว่าการแปรรูปผักและผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง บักวีต และข้าวโอ๊ตอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการออกจากท้อง ในขณะที่พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วชิกพี ถั่วเลนทิล ถั่วต่างๆ ฯลฯ ใช้เวลามากกว่านั้น – ประมาณสองชั่วโมง การย่อยเนื้อสัตว์ ถ้ากำลังมองหาเนื้อสัตว์ที่ใช้เวลาย่อยน้อยที่สุด ..ปลาที่ไม่มีน้ำมัน (เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล อาหารทะเล ฯลฯ) ซึ่งจะออกจากกระเพาะในเวลาประมาณ 30 นาที ในขณะที่ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาโอ ปลาสวาย แซลมอน ฯลฯ) จะย่อยในเวลาประมาณ 50 นาที เนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ใช้เวลาย่อยนานกว่าเนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานถึงสองวัน ไก่และไก่งวงเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุด ในขณะที่เนื้อวัว เนื้อแกะ และโดยเฉพาะเนื้อหมูต้องใช้เวลานานกว่ามากในการย่อยให้เต็มที่ การย่อยนม โดยเฉลี่ยแล้ว นมพร่องมันเนยและชีสไขมันต่ำ (เช่น คอทเทจชีสไขมันต่ำหรือริคอตต้า) จะใช้เวลาย่อย 1.5 ชั่วโมง ในขณะที่คอตเทจชีสจากนมทั้งตัวและซอฟต์ชีสจะออกจากกระเพาะภายใน 2 ชั่วโมง ชีสแข็งจากนมเต็มตัวอาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการย่อยอย่างเหมาะสม ย่อยไข่นานแค่ไหน ไข่แดงจะใช้เวลาย่อย 30 นาที ในขณะที่การย่อยไข่ทั้งฟองจะใช้เวลา 45 นาที เมล็ดพืชและถั่ว เมล็ดพืชที่มีไขมันสูง (เช่น งา ทานตะวัน รวมถึงเมล็ดฟักทอง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการย่อย ถั่วต่างๆ (ถั่วลิสงดิบ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ฯลฯ) ต้องใช้เวลาในการย่อยประมาณ 2.5 ถึง 3 ชั่วโมง เวลาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเป็นเวลาโดยประมาณ พวกเขาอธิบายว่าโดยปกติแล้วอาหารบางประเภทจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตระหนกหากประสบการณ์ของคุณแตกต่างไปจากคำอธิบายข้างต้น อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าระบบย่อยอาหารของคุณค่อนข้างเชื่องช้า และหากคุณต้องการป้องกันไม่ให้การย่อยอาหารของคุณช้าลงกว่าที่เป็นอยู่ ให้ค้นหาว่าอาหารชนิดใดที่คุณควรหลีกเลี่ยง อาหารที่ย่อยยาก อาหารทอดที่มีไขมันสูงและมีเส้นใยต่ำ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการย่อยอาหารของคุณและสุขภาพโดยทั่วไป มีสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารทอด ซึ่งอาจเคลื่อนตัวไปทั่วร่างกายเร็วเกินไปและส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียหรืออยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานจน ส่งผลให้ท้องอืดและรู้สึกอิ่ม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวนั้นดีต่อการย่อยอาหารเนื่องจากมีไฟเบอร์สูง อย่างไรก็ตาม บางคนอาจประสบปัญหาทางเดินอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นอย่ารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวมากเกินไปในคราวเดียว น้ำตาลเทียมและฟรุกโตส น้ำตาลเทียมนั้นย่อยยากและมักจะเดินทางผ่านระบบโดยไม่ได้รับการย่อย ดังนั้นจึงไม่ให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก นอกจากนี้ พวกมันยังส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ที่พบในระบบทางเดินอาหารของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายได้ เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป คุณอาจมีอาการตะคริวและท้องร่วงได้ และเพิ่มน้ำหนักแน่นอน ถั่ว ถั่วเป็นแหล่งอาหารที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่อาจย่อยยากและมักทำให้เกิดแก๊สรวมถึงเป็นตะคริวเนื่องจากร่างกายของคุณขาดเอนไซม์ที่จำเป็นในการสลายน้ำตาลในนั้น ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และอื่นๆ มีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พบในถั่ว ดังนั้นจึงย่อยได้ยาก พยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบเพราะจะช่วยให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น อาหารรสเผ็ด สำหรับบางคนการย่อยอาหารช้าและอาการเสียดท้องเป็นเรื่องปกติหลังจากรับประทานอาหารรสเผ็ด ซึ่งมีสาเหตุมาจากแคปไซซินที่พบในพริก ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์จากนมย่อยยากและช้า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและสามารถก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย สำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส หากคุณไม่สามารถกำจัดอาหารดังกล่าวออกจากอาหารได้ คุณก็ต้องหาเอนไซม์จากภายนอกเพื่อย่อยนมนั้น เนื่องจากเราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณพบผู้ร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร และวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรลุภารกิจนี้คือการจดบันทึกอาหาร กำจัดอาหารบางชนิดที่คุณสงสัยว่าจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เมื่อคุณจับฝ่ายที่มีความผิดได้แล้ว ให้หลีกเลี่ยงหรือค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหา และอาหารชนิดใดที่ย่อยง่าย หากคุณสงสัยว่าจะย่อยอาหารอย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงการย่อยช้า ได้อย่างไร ให้เน้นไปที่อาหารที่ย่อยเร็ว เช่น: • ข้าวขาว : หากคุณพยายามหาธัญพืชที่ย่อยง่าย ให้เลือกข้าวขาวและหลีกเลี่ยงข้าวกล้อง สีดำ หรือสีแดง • ไข่ : ไข่ไม่เพียงแต่ปรุงง่าย แต่ยังย่อยง่ายอีกด้วย • มันเทศ : มันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งย่อยได้ง่ายกว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ และยังเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณด้วย • ไก่ : หากคุณต้องการเก็บเนื้อสัตว์ไว้ในอาหาร ให้เลือกไก่เพราะเป็นแหล่งโปรตีนไร้ไขมันที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองและใช้เวลาย่อยน้อยลง • ปลา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าใช้เวลาในการย่อยน้อย ปัญหาและเงื่อนไขทางเดินอาหาร หากคุณเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหารของคุณแต่ยังคงมีอาการอาหารไม่ย่อยอยู่บ้าง คุณอาจมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภทหรือแม้กระทั่งต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประจำตัว หากปัญหาของคุณมีเพียงกรดไหลย้อน ท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูกมีลมในท้อง ท้องร่วง และอื่นๆ เป็นครั้งคราว ก็มักจะไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นค่อนข้างสม่ำเสมอหรือกลายเป็นโรคเรื้อรัง ควรแน่ใจว่าคุณติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเพียงเงื่อนไขบางประการที่อาจทำให้เกิดอาการของคุณ: แพ้แลคโตส ผลิตภัณฑ์นมอาจย่อยยากสำหรับผู้ที่ขาดเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยน้ำตาลที่พบในนมและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง มีแก๊สในท้อง และท้องอืด โรค Celiac กลูเตนในอาหารที่มีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์เป็นสาเหตุของปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซลิแอก ร่างกายของพวกเขาระบุว่ากลูเตนเป็นสิ่งแปลกปลอมและตอบสนองโดยการโจมตีโปรตีนนี้และทำลายลำไส้ทันทีที่กลูเตนไปถึงลำไส้เล็ก หากคุณมีอาการต่างๆ เช่น เหนื่อยล้า ท้องอืดและปวดท้อง ท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุจจาระมีกลิ่นเหม็นหรือดูเป็นไขมัน และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ คุณอาจเป็นโรคเซลิแอก กรดไหลย้อน กรดไหลย้อนเป็นอาการทางการแพทย์ทั่วไปที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนเข้าไปในปาก หากกรดไหลย้อนปรากฏในรูปแบบเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้น คุณมีอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างปิดไม่สนิท แต่ถ้าหูรูดคุณทำงานได้ดีแต่ในระบบคุณมีแก๊ส แก๊สเหล่านี้ก็จะหาทางไปที่อื่น ซึ่ง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่าไหล่ ชามือ อาการนี้อาจสร้างความรำคาญแต่ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ หากเป็นกรณีนี้ โปรดติดต่อ ผู้เชี่ยวชาญของคุณเนื่องจากคุณอาจได้รับผลกระทบจากโรคกรดไหลย้อนจริงๆ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ภาวะนี้ทำให้ลำไส้ระคายเคืองและมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น ตะคริว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และมีแก๊สในช่องท้อง เช่นเดียวกับโรค Celiac การเปลี่ยนแปลงอาหารสามารถช่วยให้คุณรักษาอาการให้สมดุลได้ บทสรุป จะเห็นได้ว่าอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรกินอาหารตามลำดับ วิธีการที่ดี ให้เริ่มต้นที่ผักร้อยละ 40 ตามด้วยข้าวหรือแป้งขัดขาว ไม่ว่าจะเป็นเส้นขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นต่างๆ แล้วค่อยตามด้วยโปรตีน จากนั้นปล่อยให้ไขมันเป็นลำดับสุดท้าย วิธีการนี้ร่างกายคุณจะย่อยตามลำดับและสิ่งที่คุณกินเข้าไปจะไม่ถูกหมักหมมจนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลัง..อายุ 30 ปีขึ้นไป
    นอกจากการ(ลดลง)ของ-มวลกล้ามเนื้อ
    ความสามารถในการจัดการน้ำตาล..ย่อม (ลดลง)..ตามไปด้วย
    --------------------------------------------
    วิธีแก้ไข คือ งดแป้ง งดหวาน เปลี่ยนเป็น โปรตีน+ไขมันดี
    เล่นเวท ฝึกกล้ามเนื้อไม่ให้ (ลดลง) ตากแดด ไม่เครียด หลับลึก
    หลัง..อายุ 30 ปีขึ้นไป นอกจากการ(ลดลง)ของ-มวลกล้ามเนื้อ ความสามารถในการจัดการน้ำตาล..ย่อม (ลดลง)..ตามไปด้วย -------------------------------------------- วิธีแก้ไข คือ งดแป้ง งดหวาน เปลี่ยนเป็น โปรตีน+ไขมันดี เล่นเวท ฝึกกล้ามเนื้อไม่ให้ (ลดลง) ตากแดด ไม่เครียด หลับลึก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • 💪✨ **โปรตีน: พลังงานและการสร้างกล้ามเนื้อ!** ✨💪

    โปรตีนคือสารอาหารพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกาย มีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อต่าง ๆ 🌱

    นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยในกระบวนการสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ และแอนติบอดี้ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔬💚 การรับประทานโปรตีนที่เพียงพอในแต่ละวันสามารถลดความรู้สึกหิว ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก 💚🍽️

    อย่าลืมเพิ่มโปรตีนในมื้ออาหารของคุณเช่น ไข่, เนื้อสัตว์, ปลา, ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม เพื่อสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง! 🥚🐟🍗

    #Millionlsland
    #MI4
    #REBORN
    #REBORNNEWBEGIN
    #พลังZeeds

    #โปรตีน #สุขภาพดี #พลังงานจากธรรมชาติ
    💪✨ **โปรตีน: พลังงานและการสร้างกล้ามเนื้อ!** ✨💪 โปรตีนคือสารอาหารพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกาย มีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อต่าง ๆ 🌱 นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยในกระบวนการสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ และแอนติบอดี้ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔬💚 การรับประทานโปรตีนที่เพียงพอในแต่ละวันสามารถลดความรู้สึกหิว ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก 💚🍽️ อย่าลืมเพิ่มโปรตีนในมื้ออาหารของคุณเช่น ไข่, เนื้อสัตว์, ปลา, ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม เพื่อสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง! 🥚🐟🍗 #Millionlsland #MI4 #REBORN #REBORNNEWBEGIN #พลังZeeds #โปรตีน #สุขภาพดี #พลังงานจากธรรมชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดท้าย...มังสวิรัต หรือ โปรตีนจากพืช ก็คือ คำตอบ
    สุดท้าย...มังสวิรัต หรือ โปรตีนจากพืช ก็คือ คำตอบ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • โปรตีนจากนมพืชดีอย่างไร ?

    โปรตีนจากนมพืช (Plant-based milk protein) เป็นโปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต และเมล็ดเจีย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคนมสัตว์หรือแพ้นมวัว นี่คือประโยชน์หลักๆ ของโปรตีนจากนมพืช:

    ### 1. **เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว**
    - ผู้ที่แพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัวสามารถบริโภคโปรตีนจากนมพืชได้โดยไม่มีปัญหา เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของนมสัตว์

    ### 2. **ดีต่อสุขภาพหัวใจ**
    - นมพืชส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
    - นมถั่วเหลืองมีไขมันดี (HDL) และกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจ

    ### 3. **อุดมด้วยสารอาหาร**
    - นมถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับนมวัว และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
    - นมพืชบางชนิดเสริมแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 12 เพื่อให้ได้สารอาหารใกล้เคียงนมวัว

    ### 4. **ช่วยควบคุมน้ำหนัก**
    - นมพืชมักมีแคลอรีต่ำกว่านมวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
    - มีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะนมข้าวโอ๊ตและนมอัลมอนด์ ช่วยให้อิ่มนานขึ้น

    ### 5. **ดีต่อระบบย่อยอาหาร**
    - นมพืชย่อยง่ายกว่านมวัว และไม่มีแลคโตสที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียในบางคน

    ### 6. **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม**
    - การผลิตนมพืชใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการผลิตนมวัว

    ### 7. **เหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติ**
    - โปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน

    ### ข้อควรระวัง
    - ควรเลือกนมพืชที่ไม่เติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่งมากเกินไป
    - ตรวจสอบให้แน่ใจว่านมพืชที่เลือกมีโปรตีนเพียงพอ โดยเฉพาะนมถั่วเหลืองที่มีโปรตีนสูงสุด

    สรุปว่าโปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงนมสัตว์หรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร
    โปรตีนจากนมพืชดีอย่างไร ? โปรตีนจากนมพืช (Plant-based milk protein) เป็นโปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต และเมล็ดเจีย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคนมสัตว์หรือแพ้นมวัว นี่คือประโยชน์หลักๆ ของโปรตีนจากนมพืช: ### 1. **เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว** - ผู้ที่แพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัวสามารถบริโภคโปรตีนจากนมพืชได้โดยไม่มีปัญหา เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของนมสัตว์ ### 2. **ดีต่อสุขภาพหัวใจ** - นมพืชส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด - นมถั่วเหลืองมีไขมันดี (HDL) และกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจ ### 3. **อุดมด้วยสารอาหาร** - นมถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับนมวัว และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน - นมพืชบางชนิดเสริมแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 12 เพื่อให้ได้สารอาหารใกล้เคียงนมวัว ### 4. **ช่วยควบคุมน้ำหนัก** - นมพืชมักมีแคลอรีต่ำกว่านมวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก - มีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะนมข้าวโอ๊ตและนมอัลมอนด์ ช่วยให้อิ่มนานขึ้น ### 5. **ดีต่อระบบย่อยอาหาร** - นมพืชย่อยง่ายกว่านมวัว และไม่มีแลคโตสที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียในบางคน ### 6. **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม** - การผลิตนมพืชใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการผลิตนมวัว ### 7. **เหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติ** - โปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน ### ข้อควรระวัง - ควรเลือกนมพืชที่ไม่เติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่งมากเกินไป - ตรวจสอบให้แน่ใจว่านมพืชที่เลือกมีโปรตีนเพียงพอ โดยเฉพาะนมถั่วเหลืองที่มีโปรตีนสูงสุด สรุปว่าโปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงนมสัตว์หรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผำหรือไข่น้ำ Superfood ของเมืองไทยที่มีคุณประโยชน์สูงมาก
    https://youtu.be/irWeY86VDnU?si=AVdxgYQ6-xA9YFWD
    สนใจผลิตภัณฑ์โปรตีนจากผำ 👉Line: @t1herb
    #dgreen #โปรตีนผำ
    ผำหรือไข่น้ำ Superfood ของเมืองไทยที่มีคุณประโยชน์สูงมาก https://youtu.be/irWeY86VDnU?si=AVdxgYQ6-xA9YFWD สนใจผลิตภัณฑ์โปรตีนจากผำ 👉Line: @t1herb #dgreen #โปรตีนผำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หลอดเลือดหัวใจตีบ

    ในความเป็นจริงมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากมายและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานจากจีน

    การศึกษาวิจัยเชื่อมโยงกรดไหลย้อน(GERD)กับปัจจัยเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary artery disease)

    การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Translational Internal Medicine ( https://doi.org/10.1515/jtim-2024-0017 ) เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับผลกระทบที่กว้างขึ้นของโรคกรดไหลย้อน (GERD) ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยใช้แนวทางการสุ่มแบบเมนเดเลียน (MR) แบบสองทิศทางที่เข้มงวด การวิจัยนี้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า GERD ซึ่งเป็นภาวะที่โดยทั่วไปถือว่าเป็นโรคของระบบย่อยอาหารซึ่งมีลักษณะคือกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้อง อาจส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิต โปรไฟล์ไขมัน และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

    ผลการศึกษาที่ก้าวล้ำครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบของกรดไหลย้อนอาจขยายออกไปนอกระบบย่อยอาหาร และอาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจ "การวิจัยของเราเน้นย้ำว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยงต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลของกรดไหลย้อน" Qiang Wu จากแผนกอาวุโสด้านโรคหัวใจที่ศูนย์การแพทย์ที่ 6 ของโรงพยาบาล PLA General Hospital ของจีนในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าว

    การใช้การสุ่มแบบเมนเดเลียนสองทิศทางให้ข้อได้เปรียบเหนือการศึกษาแบบเดิมในการควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดความสับสนและจัดการกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุย้อนกลับ แนวทางนี้ซึ่งใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อทำการอนุมานเชิงสาเหตุนั้นให้พื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ทางหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างไร ตัวแปรทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนถูกใช้เป็นตัวแปรเครื่องมือ ทำให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบบทบาทเชิงสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นของกรดไหลย้อนในภาวะหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตามที่ Qiang Su จากแผนกโรคหัวใจที่โรงพยาบาล Jiangbin ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกล่าว การศึกษานี้ใช้แนวทาง MR สองตัวอย่าง โดยดึงข้อมูลจากการศึกษาความสัมพันธ์ทั่วทั้งจีโนม (GWAS) ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600,000 คน รวมถึงผู้ป่วยกรดไหลย้อนที่ได้รับการวินิจฉัย 129,000 ราย ในขณะที่ข้อมูลหลอดเลือดและหัวใจได้มาจากกลุ่มตัวอย่างในยุโรปที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน นักวิจัยเน้นที่ตัวชี้วัดความดันโลหิตที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ความดันชีพจร (PP) และความดันโลหิตแดงเฉลี่ย (MAP)

    การศึกษานี้ใช้เทคนิค MR ขั้นสูงหลายวิธี รวมถึงการวิเคราะห์ Inverse Variance Weighted (IVW) การถดถอย MR Egger และแนวทาง Weighted Median วิธีการเหล่านี้ควบคุมผลกระทบแบบ pleiotropic ซึ่งยีนหนึ่งมีผลต่อลักษณะหลายอย่าง จึงทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แนวทางที่เข้มงวดนี้ทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่า GERD อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด

    ผลการศึกษาวิจัยที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งคือ GERD มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับความดันโลหิตสูง นักวิจัยพบว่า GERD ที่คาดการณ์ไว้ทางพันธุกรรมมีความเชื่อมโยงกับความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.053, P = 0.036) และความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.100, P < 0.001) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GERD อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

    จากการศึกษาพบว่ากรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์กับระดับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ (LDL) ที่เพิ่มขึ้น (β = 0.093, P < 0.001) และไตรกลีเซอไรด์ (β = 0.153, P < 0.001) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน กรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) (β = -0.115, P = 0.002) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคอเลสเตอรอล "ดี" ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่ากรดไหลย้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หัวใจวาย) และความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราส่วนความน่าจะเป็นของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอยู่ที่ 1.272 (95% CI: 1.040 ถึง 1.557, P = 0.019) และสำหรับความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 1.357 (95% CI: 1.222 ถึง 1.507, P < 0.001) อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างกรดไหลย้อนและภาวะหัวใจล้มเหลว

    ผลการศึกษานี้บ่งชี้ว่ากรดไหลย้อนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ การศึกษาของเราได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวินิจฉัย แต่เนิ่นๆ และกลยุทธ์การป้องกันสำหรับโรคกรดไหลย้อนและโรคหลอดเลือดหัวใจ

    Cr. Santi Manadee
    #หลอดเลือดหัวใจตีบ ในความเป็นจริงมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากมายและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานจากจีน การศึกษาวิจัยเชื่อมโยงกรดไหลย้อน(GERD)กับปัจจัยเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary artery disease) การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Translational Internal Medicine ( https://doi.org/10.1515/jtim-2024-0017 ) เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับผลกระทบที่กว้างขึ้นของโรคกรดไหลย้อน (GERD) ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยใช้แนวทางการสุ่มแบบเมนเดเลียน (MR) แบบสองทิศทางที่เข้มงวด การวิจัยนี้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า GERD ซึ่งเป็นภาวะที่โดยทั่วไปถือว่าเป็นโรคของระบบย่อยอาหารซึ่งมีลักษณะคือกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้อง อาจส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิต โปรไฟล์ไขมัน และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ผลการศึกษาที่ก้าวล้ำครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบของกรดไหลย้อนอาจขยายออกไปนอกระบบย่อยอาหาร และอาจมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจ "การวิจัยของเราเน้นย้ำว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเสี่ยงต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลของกรดไหลย้อน" Qiang Wu จากแผนกอาวุโสด้านโรคหัวใจที่ศูนย์การแพทย์ที่ 6 ของโรงพยาบาล PLA General Hospital ของจีนในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าว การใช้การสุ่มแบบเมนเดเลียนสองทิศทางให้ข้อได้เปรียบเหนือการศึกษาแบบเดิมในการควบคุมปัจจัยที่ทำให้เกิดความสับสนและจัดการกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุย้อนกลับ แนวทางนี้ซึ่งใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อทำการอนุมานเชิงสาเหตุนั้นให้พื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจว่ากรดไหลย้อนอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ทางหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างไร ตัวแปรทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนถูกใช้เป็นตัวแปรเครื่องมือ ทำให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบบทบาทเชิงสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นของกรดไหลย้อนในภาวะหลอดเลือดและหัวใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ตามที่ Qiang Su จากแผนกโรคหัวใจที่โรงพยาบาล Jiangbin ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกล่าว การศึกษานี้ใช้แนวทาง MR สองตัวอย่าง โดยดึงข้อมูลจากการศึกษาความสัมพันธ์ทั่วทั้งจีโนม (GWAS) ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600,000 คน รวมถึงผู้ป่วยกรดไหลย้อนที่ได้รับการวินิจฉัย 129,000 ราย ในขณะที่ข้อมูลหลอดเลือดและหัวใจได้มาจากกลุ่มตัวอย่างในยุโรปที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน นักวิจัยเน้นที่ตัวชี้วัดความดันโลหิตที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ความดันชีพจร (PP) และความดันโลหิตแดงเฉลี่ย (MAP) การศึกษานี้ใช้เทคนิค MR ขั้นสูงหลายวิธี รวมถึงการวิเคราะห์ Inverse Variance Weighted (IVW) การถดถอย MR Egger และแนวทาง Weighted Median วิธีการเหล่านี้ควบคุมผลกระทบแบบ pleiotropic ซึ่งยีนหนึ่งมีผลต่อลักษณะหลายอย่าง จึงทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น แนวทางที่เข้มงวดนี้ทำให้ผู้วิจัยสรุปได้ว่า GERD อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อปัจจัยเสี่ยงต่อหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด ผลการศึกษาวิจัยที่น่าสนใจที่สุดประการหนึ่งคือ GERD มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับความดันโลหิตสูง นักวิจัยพบว่า GERD ที่คาดการณ์ไว้ทางพันธุกรรมมีความเชื่อมโยงกับความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.053, P = 0.036) และความดันโลหิตไดแอสโตลิก (DBP) ที่สูงขึ้น (β = 0.100, P < 0.001) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า GERD อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง จากการศึกษาพบว่ากรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์กับระดับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ (LDL) ที่เพิ่มขึ้น (β = 0.093, P < 0.001) และไตรกลีเซอไรด์ (β = 0.153, P < 0.001) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน กรดไหลย้อนมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับคอเลสเตอรอลไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) (β = -0.115, P = 0.002) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคอเลสเตอรอล "ดี" ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่ากรดไหลย้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (หัวใจวาย) และความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราส่วนความน่าจะเป็นของกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอยู่ที่ 1.272 (95% CI: 1.040 ถึง 1.557, P = 0.019) และสำหรับความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 1.357 (95% CI: 1.222 ถึง 1.507, P < 0.001) อย่างไรก็ตาม ไม่พบความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างกรดไหลย้อนและภาวะหัวใจล้มเหลว ผลการศึกษานี้บ่งชี้ว่ากรดไหลย้อนอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ การศึกษาของเราได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวินิจฉัย แต่เนิ่นๆ และกลยุทธ์การป้องกันสำหรับโรคกรดไหลย้อนและโรคหลอดเลือดหัวใจ Cr. Santi Manadee
    DOI.ORG
    Gastroesophageal reflux disease influences blood pressure components, lipid profile and cardiovascular diseases: Evidence from a Mendelian randomization study
    Background Gastroesophageal reflux disease (GERD) is a prevalent gastrointestinal disorder associated with a range of cardiovascular and metabolic complications. However, the relationship between GERD and blood pressure components, lipid profile, and cardiovascular diseases remains unclear. Methods Leveraging genetic variants associated with GERD as instrumental variables, we performed this Mendelian randomization (MR) analyses. Blood pressure components, lipid profile parameters, as well as cardiovascular diseases were considered as outcomes. Furthermore, we conducted reverse MR analysis to explore the association of these factors with the risk of GERD. Results Our MR analysis discovered a potential causal influence of GERD on blood pressure components, with genetically predicted GERD positively associated with systolic blood pressure (β = 0.053, P = 0.036), diastolic blood pressure (β = 0.100, P < 0.001), and mean arterial pressure (β = 0.106, P < 0.001). Additionally, genetically predicted GERD showed a significant impact on lipid profile, leading to increased genetically predicted levels of low-density lipoprotein (LDL) cholesterol (β = 0.093, P < 0.001), and triglycerides (β = 0.153, P < 0.001), while having a negative effect on high-density lipoprotein (HDL) cholesterol (β = -0.115, P = 0.002). Furthermore, our study indicated a noteworthy causal association between genetically predicted GERD and increased risk of myocardial infarction [odds ratio (OR) = 1.272, P = 0.019)] and hypertension (OR = 1.357, P < 0.001). No significant association was found between GERD and pulse pressure, total cholesterol, heart failure, and atrial fibrillation ( P > 0.05). Reverse MR analysis indicates that blood pressure components, lipid profile, and cardiovascular diseases do not lead to an increased risk of GERD (all P > 0.05). Furthermore, mediation MR analysis reveals that LDL cholesterol (proportion mediated: 19.99%, 95% CI: 4.49% to 35.50%), HDL cholesterol (proportion mediated: 11.71%, 95% CI: 5.23% to 18.19%), and hypertension (proportion mediated: 35.09%, 95% CI: 24.66% to 45.53%) mediated the effect of GERD on myocardial infarction, while other factors did not participate in this pathway. Conclusions This MR study provides evidence supporting a causal relationship between GERD and alterations in blood pressure components, lipid profile, and increased risk of cardiovascular diseases.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 979 มุมมอง 0 รีวิว
  • #การอักเสบ

    ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร

    การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง

    น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ

    มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค

    การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด

    ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด.....

    ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน

    ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ

    จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS)

    เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย

    ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่

    มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ

    การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ

    การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก

    รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ

    โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ

    อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง

    โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin

    Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ

    หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ

    ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา

    โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial

    Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท

    Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้

    โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้

    หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ

    กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3

    Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง

    โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ

    โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้

    โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน

    โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน

    Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน

    หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ

    ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต

    โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin

    โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท

    ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน

    โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ

    ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ

    โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

    โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน

    ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา

    ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป

    วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน

    ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ

    การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ

    คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ

    จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้

    แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น

    ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป

    วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ

    เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ

    มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ :

    อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน

    ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ )

    การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต

    ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines
    ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน

    ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม

    เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน

    ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น

    Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน

    มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป

    ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ

    อาหารต้านการอักเสบที่ดี

    อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่:

    • เบอร์รี่

    • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    • บรอกโคลี

    • อะโวคาโด

    • ชาเขียว

    • พริก

    • ขมิ้น

    • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    • ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    • มะเขือเทศ

    • เชอร์รี่

    เบอร์รี่

    เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ

    มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่:

    • สตรอว์เบอร์รี่

    • บลูเบอร์รี่

    • ราสเบอร์รี

    • แบล็กเบอร์รี่

    เบอร์รี่

    มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้

    บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด

    ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง

    ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน
    สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน

    ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3

    ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA)
    แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด:

    • ปลาแซลมอน

    • ปลาซาร์ดีน

    • ปลาแมกเคอเรล

    • ปลาสวาย

    EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น :

    • กลุ่มอาการเมตาบอลิก

    • โรคหัวใจ

    • โรคเบาหวาน

    • โรคไต

    ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

    จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง

    อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก

    บร็อคโคลี

    บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง
    ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น

    บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ

    อะโวคาโด

    มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง
    นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้

    ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง

    ชาเขียว

    งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ

    ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG)

    EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ

    พริก

    พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง

    พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน

    พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น

    ขมิ้น

    ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ

    ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ

    จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก

    อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000%

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้

    น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

    การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้

    การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก

    ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน

    โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

    ช็อกโกแลตดำและโกโก้

    ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ

    นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น

    ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง

    มะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ

    ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด

    การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น

    นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร

    เชอร์รี่

    เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ

    แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน

    การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal
    ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc
    ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h
    ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c
    ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น
    ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap
    ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #การอักเสบ ส่งผลกระทบต่อทุกแง่มุมด้านสุขภาพของคุณได้อย่างไร การอักเสบควบคุมชีวิตของเรา ถ้าคุณหรือคนที่คุณรักกำลังต่อสู้กับอาการปวด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไมเกรน ปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาทางทันตกรรมหรือโรคมะเร็ง น่าเศร้าที่คนส่วนใหญ่กำลังทุกข์ทรมานจากหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งของความผิดปกติเหล่านี้ แต่ไม่มีแนวความคิดหรือวิธีการที่จะกำจัดการอักเสบ แพทย์ส่วนใหญ่ใช้ยาแทนการมุ่งเป้าไปที่ต้นตอของสาเหตุ มันมักจะดูเหมือนว่า..มันเป็นเรื่องแปลกเป็นอย่างยิ่งเมื่อตระหนักว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการอักเสบเริ่มต้นในลำไส้จากปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันซึ่งจะดำเนินการอักเสบไปยังระบบต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างแท้จริงและหวังว่าจะเอาชนะโรค การมองให้ลึกถึงขั้นตอนแห่งการเริ่มต้นเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุด ....การอักเสบเริ่มต้นที่ใด..... ลำไส้ของคุณประกอบขึ้นด้วยเยื่อบุกึ่งซึมผ่านที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นที่ผิวของลำไส้ของคุณสามารถครอบคลุมพื้นที่เท่ากับสนามเทนนิส 2 สนามเมื่อแผ่ออกให้แบน ระดับของการซึมผ่านผันผวนตามการตอบสนองต่อความหลากหลายของสภาพสารเคมี... ตัวอย่างเช่นเมื่อฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเนื่องจากความเครียดจากการโต้แย้งหรือระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเผาผลาญน้ำมันในตอนเที่ยงคืน เยื่อบุลำไส้ของคุณจะซึมผ่านได้มากขึ้น ณ เวลานั้น ๆ จากนั้นเมื่อกินอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้บางส่วน อาหารที่มีสารพิษ... ไวรัส ยีสต์และแบคทีเรียก็มีโอกาสที่จะผ่านลำไส้และการเข้าไปยังกระแสเลือด..สิ่งนี้รู้จักกันว่าเป็นกลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่วหรือ leaky gut syndrome (LGS) เมื่อเยื่อบุลำไส้ได้รับความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซลล์ที่เสียหายเรียกกันว่า microvilli จะไม่สามารถทำงานของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่สามารถดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสารอาหารและเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการย่อยอาหารที่เหมาะสม ในท้ายที่สุดการย่อยอาหารและการดูดซึมของสารอาหารจะลดลง นี่คือผลกระทบในเชิงลบ เมื่อเยื่อบุลำไส้ของคุณสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวมามากขึ้น..ร่างกายของคุณก็เริ่มต้นการถูกโจมตีจากผู้รุกรานเหล่านี้ และร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบที่ก่อให้เกิด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิ และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอีกมากมาย ดังนั้นคุณอาจจะถามว่า : การอักเสบเป็นอันตรายได้อย่างไรและเกิดอาการแพ้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ มันอาจฟังดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่อันตรายสักเท่าไหร่..แต่สถานการณ์นี้สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงและบั่นทอนได้อีกมากมาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะมีภาระมากเกินไป การอักเสบเหล่านี้จะเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องผ่านทางเลือดของคุณที่พวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท อวัยวะ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ข้อต่อและกล้ามเนื้อ การอักเสบก่ออาการของโรคอื่นๆ การปรากฏตัวของการอักเสบเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคส่วนใหญ่ มันมักจะเกิดขึ้นมานานหลายปีก่อนที่มันจะอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนหรือมีนัยสำคัญทางคลินิก รายการต่อไปนี้มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบเสมอ โรคภูมิแพ้----ภูมิคุ้มกัน 4 ประเภท + ความไว..ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการอักเสบ อัลไซม์เมอร์----การอักเสบเรื้อรังทำลายเซลล์สมอง โรคโลหิตจาง---- cytokinesที่กระตุ้นการอักเสบโจมตีการผลิต erythropoietin Ankylosing Spondylitis (โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด)----cytokines ที่กระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองในข้อต่างๆ หอบหืด---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานให้ตอบสนองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ออทิสติก---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยาของภูมิต้านทานที่ผิดปกติเข้าไปควบคุมการพัฒนาสมองซีกขวา โรคข้ออักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำลายกระดูกอ่อนและของเหลว synovial Carpal Tunnel Syndrome (โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังในความเครียดของกล้ามเนื้อที่มากเกินไปทำให้เส้นเอ็นแขนหดตัวและข้อมือบีบอัดเส้นประสาท Celiac Chronic (โรคแพ้กลูเตน)----ภูมิคุ้มกันจัดการกับความเสียหายและก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุลำไส้ โรค Crohn ----โรคเรื้อรังจากระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเสียหายและเกิดการอักเสบเยื่อบุลำไส้ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดการเสียหายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ กลาก สิวเอ็กซิม่า----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดีและมักจะเกิดจากแอนติบอดีต่อสู้กับ Transglutaminase-3 Fibromyalgia (ปวดทั่วสรรพางค์กาย)---- เนื้อเยื่อเกี่ยวพันอักเสบ เกิดจากความเป็นกรดของร่างกายที่ยินยอมให้จุลชีพฝั่งเลวเข้าเล่นงานเนื้อเยื่ออ่อนและมาจากความไม่สมดุลทางโภชนาการและระบบประสาทรอง โรคปอดอักเสบ---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่บอบช้ำ โรคถุงน้ำดี----การอักเสบของท่อน้ำดีหรือคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองต่อการอักเสบในลำไส้ โรคกรดไหลย้อน----การอักเสบของหลอดอาหารและระบบทางเดินอาหารเกือบตลอดเวลา ความไวต่ออาหารและค่า pH เป็นตัวขับเคลื่อน โรคจีบีเอส โรคกิลแลงบาร์เร GBS Guillain-Barre syndrome ภูมิคุ้มกันอัตโนมัติเข้าโจมตีระบบประสาทมักจะเกิดโดยการตอบสนองของ autoimmune ต่อความเครียดภายนอกเช่นการฉีดวัคซีน Hashimoto's Thyroiditis (ต่อมไทรอยด์อักเสบ)----ภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาในลำไส้โดยเรียกแอนติบอดีมาต่อต้านเอนไซม์และของต่อมไทรอยด์และโปรตีน หัวใจวาย----การอักเสบเรื้อรังก่อให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย----cytokines ที่ก่อการอักเสบจำกัด การไหลเวียนและก่อความเสียหายต่อ nephrons และท่อไต โรคลูปัส พุ่มพวง SLE---- cytokines ที่ก่ออักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง Multiple Sclerosis ----cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลิน myelin โรคระบบประสาท---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับไมอีลินและหลอดเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งทำให้ระคายเคืองเส้นประสาท ตับอ่อนอักเสบ---- cytokinesที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ตับอ่อน โรคสะเก็ดเงิน Psoriasis ----การอักเสบเรื้อรังของลำไส้และตับล้างพิษได้ไม่เต็มความสามารถ ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนเหตุอักเสบเรื้อรัง Polymyalgia rheumatic PMR ----cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์---- cytokines ที่ก่อการอักเสบทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองกับข้อต่อ โรคหนังแข็ง scleroderma---- cytokines ที่ก่อการอักเสบเหนี่ยวนำให้ autoimmune เกิดการโจมตีกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน โรคหลอดเลือดสมอง----การอักเสบเรื้อรังส่งเสริมให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำไมการอักเสบจะต้องอยู่ที่รากเหง้าของปัญหา ความจริงที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณขับเคลื่อนกระบวนการอักเสบในโรคต่างๆเป็นที่ยอมรับกันมานาน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ตะวันตกมีคำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการจัดการหรือการเอาชนะกระบวนการของภูมิต้านทานน้อยเกินไป วิธีการโดยทั่วไปในการรักษาคือการปราบปรามการตอบสนองของภูมิคุ้มกันด้วยยาปราบภูมิคุ้มกันหรือบางครั้งก็สเตียรอยด์ วิธีการทั้งสองได้รับการออกแบบเพื่อลดการอักเสบ แต่ไม่ได้หยุดกระบวนการของโรคประจำตัวหรือช่วยให้เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการกู้คืน ถ้าคุณปิดกั้นสาเหตุที่แท้จริงของการก่อโรค (การอักเสบ) ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการหยุดการทำลายเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายและปล่อยให้ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่ไม่ก่อการอักเสบ การเชื่อมโยงระหว่างการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้และโรคทั้งหลายที่มาจากการอักเสบ คำว่าการอักเสบมักจะไม่ค่อยทำให้ใครหลายคนนึกเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแท้จริงในใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะประสบกับมันจริงๆ จากนั้นก็จะเริ่มทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ จะเห็นได้ว่าหลายโรคที่เกิดจากการอักเสบและสร้างความทุกข์ทรมาน มันมาจากลำไส้ แต่การรักษาทั่วไปไม่นำเสนอประเด็นนี้.. Dr. Maios Hadjivassiliou แห่งอังกฤษ- ผู้ค้นพบกลูแตน-ได้รายงานใน The Lancet ว่า"ความไวต่อกลูแตนสามารถเป็นหลักในการวินิจฉัยเบื้องต้นและในบางครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางระบบประสาท" ซึ่งหมายความว่าคนที่ไวต่อกลูแตนจะมีปัญหากับการทำงานของสมองแม้จะไม่มีปัญหาระบบทางเดินอาหารแต่อย่างใด ดร. Hadjivassiliou แสดงให้เห็นว่าแอนติบอดี้จะเกิดขึ้นในร่างกายเมื่อพวกเขามีความไวต่อกลูแตนและสามารถส่งความเป็นพิษเข้าสู่สมองได้โดยตรง สำหรับสิ่งนี้การทดสอบพิเศษจึงถูกพัฒนาขึ้น ผู้เขียนอีกคนที่ตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Pediatrics กล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนของความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดขึ้นในโรคแพ้กลูแตนขยายวงกว้างกว่ารายงานที่มีก่อนหน้านี้และรวมถึงความผิดปกติของระบบประสาทรวมทั้งอาการปวดหัวเรื้อรัง พัฒนาการล่าช้า hypotonia(ความตึงตัวของกล้ามเนื้อต่ำ) และความผิดปกติของการเรียนรู้หรือ ADHD " เห็นได้ชัดว่าเราควรจะขยายเกณฑ์การประเมินของเราและบางทีความหมายของโรคเมื่อผู้ป่วยมีอาการไม่เหมาะสมกับการวินิจฉัยตามกรอบทางคลินิกทั่วไป วิธีการประเมินโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เนื่องจากการอักเสบโดยทั่วไปผ่านมาจากลำไส้ซึ่งมันควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของตรรกะในขั้นตอนการประเมินผู้ป่วยใด ๆ มี 7 พื้นที่ที่ควรพิจารณาเพื่อมองไปที่ปัจจัยอันก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมสำหรับการอักเสบเรื้อรัง รายการด้านล่างนี้เป็นส่วนสำคัญในหมวดหมู่ของของอาหารและการประเมินอื่น ๆ : อาหาร: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลูแตน เคซีน อาหารแปรรูป น้ำตาล นม เห็ด ผลไม้หวานไขมันโอเมก้า 6 ไขมันทรานส์ อาหารจานด่วน ยา: Corticosteroids ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด สารแปลกปลอม(ผงปรุสรส สารให้ความหวานเทียม และอื่น ๆ ) การติดเชื้อ: เช่น H-Pylori ยีสต์ หรือแบคทีเรียมากเกินขนาด ไวรัสหรือการติดเชื้อปรสิต ความเครียด :เพิ่มฮอร์โมน Cortisol และ catecholamines ฮอร์โมน : ไทรอยด์ โพรเจสเตอโรน เอสโตรเจน เทสโทสเทอโรน ระบบประสาท : สมองบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดสมอง ประสาทเสื่อม เมตาบอลิก: Glycosylated End Products (ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ก่อการอักเสบจากการเผาผลาญน้ำตาล) ลำไส้อักเสบ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคจากการอักเสบและโรคภูมิต้านทาน ความจริงของสถานการณ์นี้ล้วนมาจากอาหาร-การซึมผ่านในลำไส้ที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงว่าคุณจะสามารถจะรู้สึกได้หรือไม่มักจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเติบโตของเงื่อนไขที่ก่อโรคต่าง ๆ รายการที่กล่าวมาด้านบน (อาหาร ยา การติดเชื้อ ความเครียดฮอร์โมน ระบบประสาทหรือการเผาผลาญ) สามารถทำลายการซึมผ่านของลำไส้ ก่อการอักเสบและสุดท้ายช่วยให้กลไกของลำไส้รั่วเริ่มต้น Autoimmunity (การไม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อแอนติเจนของตนเอง) สามารถปรับเปลี่ยนได้และจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งรวมทั้งให้ชีวิตที่ดีขึ้นถ้าวิถีชีวิตเปลี่ยน มันเคยเชื่อกันว่า "รักษาไม่หาย" แต่มันไม่จริงด้วยความรู้ที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ถ้าใครกำลังทนทุกข์ทรมานจากโรคที่กล่าวมาแล้ว แนะนำให้ระงับเหตุ ก่อนที่สารเคมีหรือยาใด ๆ ซึ่งไม่ใช่ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่เริ่มต้นจะเล่นงานคุณ อาหารต้านการอักเสบที่ดี อาหาร เช่น ผลไม้ ผัก และเครื่องเทศ มีสารต้านการอักเสบและอาจช่วยลดการอักเสบได้ อาหารต้านการอักเสบที่ดีที่สุด ได้แก่: • เบอร์รี่ • ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 • บรอกโคลี • อะโวคาโด • ชาเขียว • พริก • ขมิ้น • น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ • ช็อกโกแลตดำและโกโก้ • มะเขือเทศ • เชอร์รี่ เบอร์รี่ เบอร์รี่เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ มีมากมายหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากที่สุด ได้แก่: • สตรอว์เบอร์รี่ • บลูเบอร์รี่ • ราสเบอร์รี • แบล็กเบอร์รี่ เบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแอนโธไซยานิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ บทวิจารณ์การวิจัยในปี 2018 แสดงให้เห็นว่าไฟโตเคมีคัลที่พบในผลเบอร์รี่อาจช่วยชะลอการพัฒนาและการลุกลามของมะเร็ง แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ไฟโตเคมีคัลอาจเป็นประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันบำบัด ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ NK ตามธรรมชาติ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างถูกต้อง ในการศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่ง พบว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินซึ่งกิน สตรอเบอร์รี่มีระดับของเครื่องหมายการอักเสบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน ปลาที่มีไขมันโอเมก้า3 ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 สายยาว เช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) แม้ว่าปลาทุกชนิดจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อยู่บ้าง แต่ปลาที่มีไขมันเหล่านี้ก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุด: • ปลาแซลมอน • ปลาซาร์ดีน • ปลาแมกเคอเรล • ปลาสวาย EPA และ DHA ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น : • กลุ่มอาการเมตาบอลิก • โรคหัวใจ • โรคเบาหวาน • โรคไต ร่างกายของคุณเผาผลาญกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารประกอบที่เรียกว่าเรโซลวินและโปรเทกติน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนหรืออาหารเสริม EPA และ DHA มีปริมาณโปรตีนซีรีแอคทีฟ (CRP) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลง อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งรับประทาน EPA และ DHA ทุกวันไม่พบความแตกต่างในตัวบ่งชี้การอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก บร็อคโคลี บร็อคโคลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นผักตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ และคะน้า การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งที่ลดลง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลต้านการอักเสบของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักเหล่านั้น บร็อคโคลีอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดการอักเสบโดยลดระดับไซโตไคน์และแฟกเตอร์นิวเคลียร์แคปปาบี (NF-κB) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกายของคุณ อะโวคาโด มีโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ยังมีแคโรทีนอยด์และโทโคฟีรอล ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจที่ลดลง นอกจากนี้ สารประกอบชนิดหนึ่งในอะโวคาโดอาจช่วยลดการอักเสบในเซลล์ผิวหนังที่เพิ่งก่อตัวได้ ในการศึกษาคุณภาพสูงครั้งหนึ่งซึ่งทำการศึกษากับผู้ใหญ่ 51 คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่รับประทานอะโวคาโดเป็นเวลา 12 สัปดาห์มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบอย่างอินเตอร์ลิวคิน 1 เบตา (IL-1β) และซีอาร์พี ลดลง ชาเขียว งานวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน และโรคอื่นๆ ประโยชน์หลายประการของชาเขียวมาจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate (EGCG) EGCG ยับยั้งการอักเสบโดยลดการผลิตไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อกรดไขมันในเซลล์ของคุณ พริก พริกหยวกและพริกชี้ฟ้าอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างทรงพลัง พริกหยวกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิตินซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน พริกมีกรดซินาปิกและกรดเฟอรูลิกซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น ขมิ้น ขมิ้นเป็นเครื่องเทศที่มีรสชาติอบอุ่นและมีกลิ่นดิน มักใช้ในแกงและอาหารอื่นๆ ขมิ้นได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคอื่นๆ จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมรับประทานเคอร์คูมิน 1 กรัมต่อวันร่วมกับไพเพอรีนจากพริกไทยดำ พบว่าระดับซีอาร์พี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อาการอักเสบลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การได้รับเคอร์คูมินจากขมิ้นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผลชัดเจน การรับประทานอาหารเสริมที่มีเคอร์คูมินแยกเดี่ยวอาจมีประสิทธิภาพมากกว่ามาก อาหารเสริมเคอร์คูมินมักประกอบด้วยไพเพอรีน ซึ่งสามารถกระตุ้นการดูดซึมเคอร์คูมินได้ถึง 2,000% น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งที่คุณสามารถรับประทานได้ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเป็นอาหารหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การศึกษาวิจัยแนะนำว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็งสมอง โรคอ้วน และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้ การวิจัยแนะนำว่าการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนและการเสริมด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างมาก ผลของโอเลโอแคนธัล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำมันมะกอก ได้รับการเปรียบเทียบกับยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน โปรดจำไว้ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษมีประโยชน์ในการต้านการอักเสบมากกว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ช็อกโกแลตดำและโกโก้ ช็อกโกแลตดำมีรสชาติอร่อย เข้มข้น และน่าพอใจ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคและนำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น ฟลาโวนอลเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของช็อกโกแลต และช่วยให้เซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือดแดงแข็งแรง มะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มะเขือเทศมีวิตามินซี โพแทสเซียม และไลโคปีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่น่าประทับใจ ไลโคปีนอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งในการลดสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด การปรุงมะเขือเทศในน้ำมันมะกอกสามารถช่วยให้คุณดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ดีกว่าในแหล่งของไขมันและโปรดควักไส้มะเขือเทศทิ้งเมื่อประกอบอาหาร เชอร์รี่ เชอร์รี่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไซยานินและคาเทชิน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพของเชอร์รี่เปรี้ยวมากกว่าพันธุ์อื่น แต่เชอร์รี่หวานก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน การศึกษาวิจัยในปี 2019 ที่ทำการศึกษาผู้สูงอายุ 37 คน พบว่าผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ต 16 ออนซ์ (480 มล.) ทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีระดับของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยอีกกรณีหนึ่งพบว่าน้ำเชอร์รี่ทาร์ตไม่มีผลต่อการอักเสบในผู้ใหญ่ที่อายุน้อยที่มีสุขภาพแข็งแรง หลังจากที่พวกเขาดื่มน้ำเชอร์รี่ทาร์ตทุกวันเป็นเวลา 30 วัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ ถ้าอักเสบจากน้ำตาลและผลไม้หรือแอลกอฮอล์: K cal ถ้าอักเสบในลำไส้จากการกินเห็ดและยีสต์: Paa vill,Synbc ถ้าอักเสบจากการกินของปิ้งย่างหรือน้ำมันโอเมก้า 6:Paa super h ถ้าเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ:Glube,Whole c ถ้าอักเสบจากการใช้งานร่างกายหรืออวัยวะมากเกินไป:ชาขิงขมิ้น ถ้าอักเสบในดวงตาและระบบสืบพันธุ์:Glap ถ้าอักเสบในหลอดเลือด: โกโก้ป๋า ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2194 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts