การสำรวจจิตเพื่อทำความเข้าใจอาการ "ยึด" และ "ไม่ยึด" เป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายปริศนาต่างๆ ในชีวิต เมื่อเรายึดถือสิ่งใดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือสิ่งที่ปรารถนา พอได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า จิตเกิดอาการหมดแรงในการตะกาย ยึดสิ่งนั้น และกลายเป็นความรู้สึกไม่พอใจหรือเบื่อหน่าย
ในทางกลับกัน บางครั้งเราไม่ได้พยายามมากนัก แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกยึดถือก็อ่อนแรงลง จิตก็เริ่มถอนตัว อยากปล่อยทิ้งสิ่งนั้นไป ความรู้สึกเหล่านี้เป็นธรรมชาติของจิตที่ยึดและปล่อย เมื่อจิตยึดจนเต็มที่แล้วก็จะมีแรงถอย หรือเบื่อหน่ายในที่สุด
การไม่เข้าใจจิตที่ยึดและไม่ยึด อาจทำให้เกิดความสับสนและเคว้งคว้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่สำคัญจริงหรือไม่ แต่ถ้าเราหยุดพิจารณาและเริ่มเจริญสติ เราจะเห็นว่าจิตที่ไม่ยึดและไม่ทิ้ง เช่น การหายใจเข้าออกที่เราไม่ยึดถือ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่สมดุล
การสังเกตจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย ทำให้เรามีสติรู้ทันว่า ความยึดถือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดแรงจับ เมื่อเราเห็นจิตในลักษณะนี้บ่อยๆ จิตจะเริ่มเกิดปัญญา รู้ทันว่าแรงยึดถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ความสงบและอิ่มเต็มคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ตลอดเวลา
เมื่อจิตสว่าง รู้จักธรรมชาติของการยึดและการปล่อย จิตจะหิวน้อยลงและกระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจความจริงว่า ความสงบระงับนั้นเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ในทางกลับกัน บางครั้งเราไม่ได้พยายามมากนัก แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกยึดถือก็อ่อนแรงลง จิตก็เริ่มถอนตัว อยากปล่อยทิ้งสิ่งนั้นไป ความรู้สึกเหล่านี้เป็นธรรมชาติของจิตที่ยึดและปล่อย เมื่อจิตยึดจนเต็มที่แล้วก็จะมีแรงถอย หรือเบื่อหน่ายในที่สุด
การไม่เข้าใจจิตที่ยึดและไม่ยึด อาจทำให้เกิดความสับสนและเคว้งคว้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่สำคัญจริงหรือไม่ แต่ถ้าเราหยุดพิจารณาและเริ่มเจริญสติ เราจะเห็นว่าจิตที่ไม่ยึดและไม่ทิ้ง เช่น การหายใจเข้าออกที่เราไม่ยึดถือ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่สมดุล
การสังเกตจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย ทำให้เรามีสติรู้ทันว่า ความยึดถือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดแรงจับ เมื่อเราเห็นจิตในลักษณะนี้บ่อยๆ จิตจะเริ่มเกิดปัญญา รู้ทันว่าแรงยึดถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ความสงบและอิ่มเต็มคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ตลอดเวลา
เมื่อจิตสว่าง รู้จักธรรมชาติของการยึดและการปล่อย จิตจะหิวน้อยลงและกระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจความจริงว่า ความสงบระงับนั้นเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การสำรวจจิตเพื่อทำความเข้าใจอาการ "ยึด" และ "ไม่ยึด" เป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายปริศนาต่างๆ ในชีวิต เมื่อเรายึดถือสิ่งใดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือสิ่งที่ปรารถนา พอได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า จิตเกิดอาการหมดแรงในการตะกาย ยึดสิ่งนั้น และกลายเป็นความรู้สึกไม่พอใจหรือเบื่อหน่าย
ในทางกลับกัน บางครั้งเราไม่ได้พยายามมากนัก แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกยึดถือก็อ่อนแรงลง จิตก็เริ่มถอนตัว อยากปล่อยทิ้งสิ่งนั้นไป ความรู้สึกเหล่านี้เป็นธรรมชาติของจิตที่ยึดและปล่อย เมื่อจิตยึดจนเต็มที่แล้วก็จะมีแรงถอย หรือเบื่อหน่ายในที่สุด
การไม่เข้าใจจิตที่ยึดและไม่ยึด อาจทำให้เกิดความสับสนและเคว้งคว้าง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร สิ่งที่ได้มาคือสิ่งที่สำคัญจริงหรือไม่ แต่ถ้าเราหยุดพิจารณาและเริ่มเจริญสติ เราจะเห็นว่าจิตที่ไม่ยึดและไม่ทิ้ง เช่น การหายใจเข้าออกที่เราไม่ยึดถือ แต่ก็ไม่สามารถทิ้งได้ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่สมดุล
การสังเกตจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย ทำให้เรามีสติรู้ทันว่า ความยึดถือเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะหมดแรงจับ เมื่อเราเห็นจิตในลักษณะนี้บ่อยๆ จิตจะเริ่มเกิดปัญญา รู้ทันว่าแรงยึดถือไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ความสงบและอิ่มเต็มคือความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ตลอดเวลา
เมื่อจิตสว่าง รู้จักธรรมชาติของการยึดและการปล่อย จิตจะหิวน้อยลงและกระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจความจริงว่า ความสงบระงับนั้นเป็นความสุขที่สมบูรณ์แบบที่สุด
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
119 มุมมอง
0 รีวิว