• โกโก้ป๋า

    วัตถุประสงค์

    เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป

    ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้

    ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม

    ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้

    ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท

    BELIEVE THE TRUTH

    ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ

    AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY

    หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ
    นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน"

    ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2

    การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล
    การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา

    เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์
    นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้

    ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ

    ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30
    การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส
    หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ

    Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง

    การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน "

    Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์"

    "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ "

    American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org

    และเพิ่งระลึกไว้ว่า

    เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย

    Cr. Santi Manadee
    โกโก้ป๋า วัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้ ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้ ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท BELIEVE THE TRUTH ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน" ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้ ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30 การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน " Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์" "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ " American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org และเพิ่งระลึกไว้ว่า เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment

    นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ

    บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น

    ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ

    ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลา "ทรัมป์ 2.0" ตัวป่วนอเมริกาและโลก
    .
    เมื่อวันจันทร์ที่20 มกราคม ผมได้นั่งฟังสุนทรพจน์เนื่องในพิธีสาบานตนของนายทรัมป์ ยาวประมาณ 30 นาที เขาบอกว่า“ยุคทองของอเมริกา”กำลังจะเริ่มต้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่โผงผาง นิสัยใจคอคล้ายๆผม สุนทรพจน์สนุก มีสีสัน แล้วผมก็ต้องยอมรับว่า นายคนนี้เป็นตัวป่วนโลกจริงๆ สื่ออเมริการ้ายกาจมากนับเลยว่านายทรัมป์พูดได้ 2,885 คำ หรือยาวเป็นสองเท่า มากกว่าสมัยแรกที่พูดพูด 1,433 คำ
    .
    พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีมหาเศรษฐีเข้าร่วมมากมายเลย หลายคนก็เข้ามาซบ เอาอกเอาใจนายทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon ซันดาร์ พิชัย คนอินเดีย ซีอีอีของ Google นายทิม คุก ซีอีโอของ Apple คนเหล่านี้เคยต่อต้านทรัมป์ และสนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างออกหน้าออกตา จนนายทรัมป์ ประกาศว่าจะเช็กบิลกับคนพวกนี้หลังจากเลือกตั้งชนะ พวกนี้ก็เลยกระโดดเข้ามาร่วมวงก่อน มาแสดงความยินดี เพราะจะต้องยอมสยบกับนายทรัมป์ มิหนำซ้ำ ยังบริจาคเงินก้อนโตให้กับนายทรัมป์ แลกกับความอยู่รอดทางธุรกิจ
    .
    พิธีสาบานตนรับตำแหน่งฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ระดมทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ8,500ล้านบาท เป็นสถิติใหม่ในการระดมทุนในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดี ก็มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Apple, Meta, Google, Amzaon, Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ ในสหรัฐฯ เมื่ออ่านเกมให้เป็น เงินบริจาคก็เหมือนเป็นค่าต๋ง ค่าคุ้มครอง ถ้าพูดในลักษณะเป็นมาเฟีย เป็นเครื่องบรรณาการซึ่งก็คือเงินสินบนนั่นเอง ใครบอกว่าอเมริกาไม่รับสินบน รับครับ แต่มาอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผมเล่าให้ฟังนี้คือ โฉมหน้าที่แท้จริงของการเมืองภายใต้ทุนนิยมของชาวอเมริกันอย่างแท้จริง
    .
    นายทรัมป์ประกาศจะสร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่นายทรัมป์กับนโยบายกลับไม่ยอมรับความหลากหลาย ปฏิเสธความร่วมมือ คิดเฉพาะผลประโยชน์ของตัว และทิ้งคุณค่าที่เป็นรากฐานของสังคมอเมริกัน นอกจากนี้ สหรัฐฯเคยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี แต่นายทรัมป์ กลับหวนกลับไปใช้ จมปลักกับอุตสาหกรรมดั้งเดิมและใช้มาตรการปิดล้อม กีดกันคู่แข่ง ไม่เคยคิดที่จะพัฒนาตัวเอง
    .
    ที่ย้อนแย้งที่สุด คือประชาชนอเมริกันเสียงข้างมาก ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและในวุฒิสภาเลือกคนอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นผู้นำประเทศ นี่คือภาวะกบเลือกนาย ที่สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับกรรมมากที่สุดก็คือชาวอเมริกันทั้งหลาย
    .
    ทรัมป์พูดบอกว่า เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติ จะเน้นที่คุณสมบัติ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อเมริกาจะมีนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง ยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ
    .
    วันที่ 20 มกราคมในวันรับตำแหน่ง ทรัมป์บ้าเลือดมาก ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารของไบเดน 78 ฉบับ เซ็นยกเลิกๆ เหมือนกับตบหน้านายไบเดน ว่านาทีแรกที่กูเข้ามาเป็นประธานาธิบดี สิ่งที่มึงทำมา กูจะเซ็นออกให้หมด เพราะว่ามันไร้สาระ นั่นคือการตอบโต้ทางการเมือง ในจำนวนนี้รวมถึงคำสั่งสิบกว่าฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเกย์และคนข้ามเพศ ปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมตอุดมการณ์ทางการเพศ
    .
    นี่ไงล่ะอเมริกาประเทศที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นประเทศต้นฉบับประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพ เป็นประเทศในฝัน ดินแดนในอุดมคติของเหล่าพรรคประชาชนและพวกสามกีบ NGO ฝรั่งทั้งหลาย รวมไปถึงพรรคเพื่อไทย ที่พยายามโปรโมตเหลือเกินเรื่อง LGBTQ+ จัด Pride Month สมรสเท่าเทียม ผมก็ฝากไปถึงพรรคประชาชนด้วย คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพวกคุณที่เทิดทูนอเมริกาเป็นพ่อ น่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องที่สถานทูตอเมริกานะ บอกว่านโยบายทรัมป์ เป็นการริดลอนสิทธิพลเมือง จำกัดสิทธิเสรีภาพ ล้าหลัง พวกคุณกล้าไหม ตอบผมหน่อยซิ ถ้าไม่กล้ามันก็เป็นข้อเท็จจริงว่าคุณเป็นแค่ทาสรับใช้นักการเมืองและทุนนิยมของตะวันตก
    .
    ผมจะฟันธงว่า อีกไม่นานอเมริกาจะเกิดความวุ่นวาย และกระจายมาทางประเทศต่างๆ แน่นอน บรรดาสามนิ้วที่เทิดทูนอเมริกาว่าเป็นพ่อ จะเอาอย่างไรต่อไป คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผลผลิตจากอเมริกาที่ชอบไปผลักดันเรื่องโน้นเรื่องนี้ ใส่เสื้อสีรุ้ง เอาใจแฟนคลับ จะเอาอย่างไรต่อไป ตอบผมหน่อยซิ
    ถึงเวลา "ทรัมป์ 2.0" ตัวป่วนอเมริกาและโลก . เมื่อวันจันทร์ที่20 มกราคม ผมได้นั่งฟังสุนทรพจน์เนื่องในพิธีสาบานตนของนายทรัมป์ ยาวประมาณ 30 นาที เขาบอกว่า“ยุคทองของอเมริกา”กำลังจะเริ่มต้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่โผงผาง นิสัยใจคอคล้ายๆผม สุนทรพจน์สนุก มีสีสัน แล้วผมก็ต้องยอมรับว่า นายคนนี้เป็นตัวป่วนโลกจริงๆ สื่ออเมริการ้ายกาจมากนับเลยว่านายทรัมป์พูดได้ 2,885 คำ หรือยาวเป็นสองเท่า มากกว่าสมัยแรกที่พูดพูด 1,433 คำ . พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีมหาเศรษฐีเข้าร่วมมากมายเลย หลายคนก็เข้ามาซบ เอาอกเอาใจนายทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon ซันดาร์ พิชัย คนอินเดีย ซีอีอีของ Google นายทิม คุก ซีอีโอของ Apple คนเหล่านี้เคยต่อต้านทรัมป์ และสนับสนุนพรรคเดโมแครตอย่างออกหน้าออกตา จนนายทรัมป์ ประกาศว่าจะเช็กบิลกับคนพวกนี้หลังจากเลือกตั้งชนะ พวกนี้ก็เลยกระโดดเข้ามาร่วมวงก่อน มาแสดงความยินดี เพราะจะต้องยอมสยบกับนายทรัมป์ มิหนำซ้ำ ยังบริจาคเงินก้อนโตให้กับนายทรัมป์ แลกกับความอยู่รอดทางธุรกิจ . พิธีสาบานตนรับตำแหน่งฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ระดมทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ8,500ล้านบาท เป็นสถิติใหม่ในการระดมทุนในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดี ก็มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น Apple, Meta, Google, Amzaon, Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ ในสหรัฐฯ เมื่ออ่านเกมให้เป็น เงินบริจาคก็เหมือนเป็นค่าต๋ง ค่าคุ้มครอง ถ้าพูดในลักษณะเป็นมาเฟีย เป็นเครื่องบรรณาการซึ่งก็คือเงินสินบนนั่นเอง ใครบอกว่าอเมริกาไม่รับสินบน รับครับ แต่มาอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผมเล่าให้ฟังนี้คือ โฉมหน้าที่แท้จริงของการเมืองภายใต้ทุนนิยมของชาวอเมริกันอย่างแท้จริง . นายทรัมป์ประกาศจะสร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่นายทรัมป์กับนโยบายกลับไม่ยอมรับความหลากหลาย ปฏิเสธความร่วมมือ คิดเฉพาะผลประโยชน์ของตัว และทิ้งคุณค่าที่เป็นรากฐานของสังคมอเมริกัน นอกจากนี้ สหรัฐฯเคยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี แต่นายทรัมป์ กลับหวนกลับไปใช้ จมปลักกับอุตสาหกรรมดั้งเดิมและใช้มาตรการปิดล้อม กีดกันคู่แข่ง ไม่เคยคิดที่จะพัฒนาตัวเอง . ที่ย้อนแย้งที่สุด คือประชาชนอเมริกันเสียงข้างมาก ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและในวุฒิสภาเลือกคนอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นผู้นำประเทศ นี่คือภาวะกบเลือกนาย ที่สุดท้ายแล้วคนที่ได้รับกรรมมากที่สุดก็คือชาวอเมริกันทั้งหลาย . ทรัมป์พูดบอกว่า เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติ จะเน้นที่คุณสมบัติ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อเมริกาจะมีนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง ยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ . วันที่ 20 มกราคมในวันรับตำแหน่ง ทรัมป์บ้าเลือดมาก ลงนามยกเลิกคำสั่งบริหารของไบเดน 78 ฉบับ เซ็นยกเลิกๆ เหมือนกับตบหน้านายไบเดน ว่านาทีแรกที่กูเข้ามาเป็นประธานาธิบดี สิ่งที่มึงทำมา กูจะเซ็นออกให้หมด เพราะว่ามันไร้สาระ นั่นคือการตอบโต้ทางการเมือง ในจำนวนนี้รวมถึงคำสั่งสิบกว่าฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเกย์และคนข้ามเพศ ปิดทางไม่ให้นำงบประมาณของรัฐไปใช้โปรโมตอุดมการณ์ทางการเพศ . นี่ไงล่ะอเมริกาประเทศที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นประเทศต้นฉบับประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพ เป็นประเทศในฝัน ดินแดนในอุดมคติของเหล่าพรรคประชาชนและพวกสามกีบ NGO ฝรั่งทั้งหลาย รวมไปถึงพรรคเพื่อไทย ที่พยายามโปรโมตเหลือเกินเรื่อง LGBTQ+ จัด Pride Month สมรสเท่าเทียม ผมก็ฝากไปถึงพรรคประชาชนด้วย คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์และพวกคุณที่เทิดทูนอเมริกาเป็นพ่อ น่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องที่สถานทูตอเมริกานะ บอกว่านโยบายทรัมป์ เป็นการริดลอนสิทธิพลเมือง จำกัดสิทธิเสรีภาพ ล้าหลัง พวกคุณกล้าไหม ตอบผมหน่อยซิ ถ้าไม่กล้ามันก็เป็นข้อเท็จจริงว่าคุณเป็นแค่ทาสรับใช้นักการเมืองและทุนนิยมของตะวันตก . ผมจะฟันธงว่า อีกไม่นานอเมริกาจะเกิดความวุ่นวาย และกระจายมาทางประเทศต่างๆ แน่นอน บรรดาสามนิ้วที่เทิดทูนอเมริกาว่าเป็นพ่อ จะเอาอย่างไรต่อไป คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผลผลิตจากอเมริกาที่ชอบไปผลักดันเรื่องโน้นเรื่องนี้ ใส่เสื้อสีรุ้ง เอาใจแฟนคลับ จะเอาอย่างไรต่อไป ตอบผมหน่อยซิ
    Like
    Love
    Haha
    29
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1177 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนที่รวยที่สุดในโลก จากการสำรวจและเก๋บสถิติ..
    75% ผู้ประการในธุรกิจต่างๆ..
    15% นักลงทุน ในตลาดการเงิน และทรัพย์สินอื่นๆ
    7% มรดกส่งต่อจากตระกูล..
    3% นักกีฬา นักร้อง นักแสดง..
    _____
    0% สำหรับ คนที่เก็บออม...และคาดหวังว่า สักวันนึง..เราจะรวย...
    0% สำหรับ คนเฝ้าฝันว่า ฉันจะรวย ฉันจะถูกหวย...
    #คุณล่ะอยากเป็นแบบไหน?
    🧑🤠🙆🙎🤹
    คนที่รวยที่สุดในโลก จากการสำรวจและเก๋บสถิติ.. 75% ผู้ประการในธุรกิจต่างๆ.. 15% นักลงทุน ในตลาดการเงิน และทรัพย์สินอื่นๆ 7% มรดกส่งต่อจากตระกูล.. 3% นักกีฬา นักร้อง นักแสดง.. _____ 0% สำหรับ คนที่เก็บออม...และคาดหวังว่า สักวันนึง..เราจะรวย... 0% สำหรับ คนเฝ้าฝันว่า ฉันจะรวย ฉันจะถูกหวย... #คุณล่ะอยากเป็นแบบไหน? 🧑🤠🙆🙎🤹
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • Canon ได้ประกาศเปิดตัวเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ที่มีความละเอียดสูงถึง 410 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. ความละเอียดนี้สูงกว่าความละเอียด Full HD ถึง 198 เท่า และสูงกว่า 8K ถึง 12 เท่า เซ็นเซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การเฝ้าระวัง, การถ่ายภาพอุตสาหกรรม, และการแพทย์

    เซ็นเซอร์นี้ใช้การจัดเรียงแบบ back-illuminated stacked formation ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลสัญญาณได้อย่างรวดเร็วถึง 3,280 ล้านพิกเซลต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการออกแบบวงจรใหม่ที่ช่วยให้การอ่านข้อมูลเร็วขึ้น เซ็นเซอร์นี้มีทั้งรุ่นสีเต็มและรุ่นขาวดำ โดยรุ่นขาวดำจะมีฟังก์ชันการรวมพิกเซลสี่พิกเซลเป็นหนึ่งพิกเซล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย

    Canon จะนำเซ็นเซอร์นี้ไปแสดงในงาน SPIE Photonics West ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 28-30 มกราคมนี้ การพัฒนาเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงขนาดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพมีความคมชัดและรายละเอียดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีขนาดเล็กลงในอนาคต

    น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการถ่ายภาพกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ Canon กำลังผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในด้านนี้ การที่สามารถใส่ความละเอียดสูงขนาดนี้ลงในเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/106479-canon-pushes-limits-35mm-record-breaking-410-megapixel.html
    Canon ได้ประกาศเปิดตัวเซ็นเซอร์ภาพ CMOS ที่มีความละเอียดสูงถึง 410 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. ความละเอียดนี้สูงกว่าความละเอียด Full HD ถึง 198 เท่า และสูงกว่า 8K ถึง 12 เท่า เซ็นเซอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การเฝ้าระวัง, การถ่ายภาพอุตสาหกรรม, และการแพทย์ เซ็นเซอร์นี้ใช้การจัดเรียงแบบ back-illuminated stacked formation ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลสัญญาณได้อย่างรวดเร็วถึง 3,280 ล้านพิกเซลต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีการออกแบบวงจรใหม่ที่ช่วยให้การอ่านข้อมูลเร็วขึ้น เซ็นเซอร์นี้มีทั้งรุ่นสีเต็มและรุ่นขาวดำ โดยรุ่นขาวดำจะมีฟังก์ชันการรวมพิกเซลสี่พิกเซลเป็นหนึ่งพิกเซล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย Canon จะนำเซ็นเซอร์นี้ไปแสดงในงาน SPIE Photonics West ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 28-30 มกราคมนี้ การพัฒนาเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงขนาดนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพมีความคมชัดและรายละเอียดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพที่มีขนาดเล็กลงในอนาคต น่าสนใจที่เห็นว่าเทคโนโลยีการถ่ายภาพกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และ Canon กำลังผลักดันขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ในด้านนี้ การที่สามารถใส่ความละเอียดสูงขนาดนี้ลงในเซ็นเซอร์ขนาด 35 มม. เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจมีผลกระทบต่อการพัฒนาอุปกรณ์ถ่ายภาพในอนาคต https://www.techspot.com/news/106479-canon-pushes-limits-35mm-record-breaking-410-megapixel.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Canon pushes the limits of 35mm with record 410-megapixel sensor
    The 410-megapixel (24,592 x 16,704 pixels) sensor boasts a resolution that is 198 times greater than Full HD, and 12 times higher than 8K. With it, users...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ
    .
    หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า
    .
    🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต
    การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
    .
    💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน
    แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า
    .
    🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน
    แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ
    .
    ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
    การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม
    .
    การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨
    .
    ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ . หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า . 🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น . 💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า . 🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ . ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม . การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨ . ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ของที่ไม่น่าจะ มงคล ที่ไม่ควรมีอยู่ในบ้าน...ออกตัวก่อน ไม่ได้ลอกต่อๆกันมาจากหนังสือ และ บทความท่านไหน..เป็นคำบอกเล่า จาก อ.ดูฮวงจุ้ย (ส่วนบุคคล) ที่ไม่ดังตามสื่อ...แต่ทำให้เฉพาะคนบอกต่อๆ..
    _ ตอไม้ ซากไม้ ผุๆ พังๆ แห้งตาย...เหตุผล ชื่อเรียก ก็ตามนั้น
    _ ชูชก คือ ผู้ขอ..ดันไปอ้างว่า ตามพระเวสสันดรชาดก คือ ขออะไรก็ได้..อย่าข้ามความจริงบางประการไป..ชูชก คือ ขอทาน...ท่านจะอยากชีวิตแบบต้องขอผู้อื่นตลอดหรือ?
    _ ของคน ตุย.. เศษเสี้ยวจากสรีระสังขารของเขา..ถ้าไม่ใช่ของบรรพบุรุษเรา..อย่าเอาเข้ามา.
    _ ครุฑ หรือ นาค นับถือได้ ถ้านับถืออย่างนึง..ไม่ควรมีอีกอย่างอยู่ร่วมกัน เพราะในตำนานมีความขัดแย้งกัน.. (ความเชื่อ)
    _ นอนขวาง นอนปลายเท้า ชี้ออกหน้าบ้านหลังบ้าน อะไร ไม่จริง..ที่จริงคือ อะไรก็ได้ แต่อย่าเอา ศรีษะหันไปทางทิศตะวันตก.. (ใช้เข็มทิศในโทรศัพท์ดูได้)
    🌳 เขียนจากคำบอกเล่าที่จดจำมา.และทั้งหมดเป็นสถิติ ที่เก็บต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี ของ อ. ท่านนี้...นึกอะไรได้ .จะมาเพิ่มเติมให้คร้บ.
    #ของที่ไม่น่าจะ มงคล ที่ไม่ควรมีอยู่ในบ้าน...ออกตัวก่อน ไม่ได้ลอกต่อๆกันมาจากหนังสือ และ บทความท่านไหน..เป็นคำบอกเล่า จาก อ.ดูฮวงจุ้ย (ส่วนบุคคล) ที่ไม่ดังตามสื่อ...แต่ทำให้เฉพาะคนบอกต่อๆ.. _ ตอไม้ ซากไม้ ผุๆ พังๆ แห้งตาย...เหตุผล ชื่อเรียก ก็ตามนั้น _ ชูชก คือ ผู้ขอ..ดันไปอ้างว่า ตามพระเวสสันดรชาดก คือ ขออะไรก็ได้..อย่าข้ามความจริงบางประการไป..ชูชก คือ ขอทาน...ท่านจะอยากชีวิตแบบต้องขอผู้อื่นตลอดหรือ? _ ของคน ตุย.. เศษเสี้ยวจากสรีระสังขารของเขา..ถ้าไม่ใช่ของบรรพบุรุษเรา..อย่าเอาเข้ามา. _ ครุฑ หรือ นาค นับถือได้ ถ้านับถืออย่างนึง..ไม่ควรมีอีกอย่างอยู่ร่วมกัน เพราะในตำนานมีความขัดแย้งกัน.. (ความเชื่อ) _ นอนขวาง นอนปลายเท้า ชี้ออกหน้าบ้านหลังบ้าน อะไร ไม่จริง..ที่จริงคือ อะไรก็ได้ แต่อย่าเอา ศรีษะหันไปทางทิศตะวันตก.. (ใช้เข็มทิศในโทรศัพท์ดูได้) 🌳 เขียนจากคำบอกเล่าที่จดจำมา.และทั้งหมดเป็นสถิติ ที่เก็บต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี ของ อ. ท่านนี้...นึกอะไรได้ .จะมาเพิ่มเติมให้คร้บ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 1)
    ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต
    การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย
    การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น
    และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
    แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง

    ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน

    การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง

    ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล
    อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์
    หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021

    วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ
    เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ

    กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ

    https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL

    ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย
    ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ

    อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA
    หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน

    https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

    ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด
    นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน

    แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง

    นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย

    และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน
    กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ
    เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน

    ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ
    กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย
    และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด

    ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้
    และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง

    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/

    ⭐️⭐️⭐️
    (ตอนที่ 2)

    ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
    สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย

    วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์
    5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์
    9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์

    สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา
    สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต

    หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน”
    ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย
    (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง)

    ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต
    Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว
    https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y
    โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้
    ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์
    ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง

    ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้

    การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว
    ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า
    มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น
    ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน
    และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง”
    ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม

    ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน

    เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี

    ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO

    สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า
    เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน

    สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่?

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    🙏🙏🙏
    กระบวนการบิดเบี้ยวของระบบสุขภาพ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 1) ความยั่งยืนของระบบสุขภาพนั้นประกอบไปด้วยความตระหนักของประชาชนในการดูแลตัวเองด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและเพาะบ่ม ตั้งแต่ในครอบครัวในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลต่อเนื่องไปทั้งชีวิต การละทิ้งการรักษาตัวเองจะก่อให้เกิดโรคทางสุขภาพมากมายทำให้คนไทย เปราะบางและพร้อมที่จะเกิดโรคต่างๆในระดับความรุนแรงมากกว่าปกติและแม้เมื่อกระทบกับโรคติดเชื้อกลับถึงกับเสียชีวิต อย่างง่ายดาย การโหมประโคม การรักษาฟรีได้ทุกโรคโดยไม่บอกความจริงถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และเพิ่มสิทธิประโยชน์โดยที่ประชาชนไม่ทราบว่าการรักษานั้นไม่ได้ถึงขีดสุดตามที่ควรจะเป็น และแม้ว่าจะสามารถรักษาโรคบางอย่างได้ดีเช่นหลอดเลือดหัวใจตันหรือภาวะไตวายซึ่งมีการต่อสู้กันอย่างเนิ่นนานให้เป็นการฟอกเลือดแทนการล้างไตในช่องท้องซึ่งประชาชนและครอบครัวยังไม่พร้อมก่อให้เกิดการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณจนแพทย์พยาบาลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญรับมือไม่ไหว อย่างเช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีการหยุดงานประท้วงของแพทย์ นักศึกษาแพทย์จนกระทั่งถึงลาออก ทั้งนี้เนื่องจากไม่เข้าใจว่าการให้บุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหล่านี้ยังอยู่ในระบบได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่เร่งผลิตแพทย์เอาแต่ปริมาณจำนวนและในที่สุดแล้วมีปัญหาเรื่องคุณภาพและผลกระทบก็คือตกอยู่ที่ประชาชนคนป่วยและขาดความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขรวมถึงการฟ้องร้องอย่างรุนแรง ประเด็นที่เกี่ยวโยงกัน คือการหาประโยชน์จากระบบสุขภาพกลายเป็นห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติ ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีอิทธิพลของบริษัทยา วัคซีนและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ โยงไปถึง หน่วยงานหลักของรัฐบาลในแต่ละประเทศ และจนกระทั่งองค์กรหลัก ของโลก และในประเทศตะวันตก ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยยึดถือตามเอาอย่างโดยไม่ผิดเพี้ยน การปล่อยออกตลาด ของวัคซีนโควิดในสภาวะฉุกเฉิน แต่กระนั้นก็ต้องมีการศึกษาความปลอดภัยในมนุษย์เป็นขั้นตอนที่หนึ่ง ครอบครัวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่เป็นอาสาสมัครเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ในการศึกษาในมนุษย์ระยะที่หนึ่งในเรื่องความปลอดภัย ปรากฏว่าหลังเข็มที่หนึ่งมีแต่ไข้เจ็บแขนและหายไป แต่หลังเข็มที่สองเกิดอาการมหาศาลตามต่อ 20 ถึง 30 อาการ ต้องเข้าโรงพยาบาล อาสาสมัครเหล่านี้นำไปรายงานใน วารสารนิวอิงแลนด์ วันที่ 27 พฤษภาคม 2021 และสรุปว่าอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนต่างมีอาการเล็กน้อยไม่รุนแรงและกล่าวถึงเด็กหญิงคนนี้ว่าอาการไม่น่าวิตกอะไรและเป็นเพียงปวดท้องเนื่องจากความเครียดทางอารมณ์ หลังจากนั้นอีกไม่นานข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนและนำไปสู่การศึกษาในมนุษย์อย่างรวดเร็วจนกระทั่งมีการใช้จริงในกลางปี 2021 วิดีโอนี้เป็นการบันทึกคำให้การของมารดาของเด็กหญิงที่ได้รับผลกระทบและขณะนี้ ยังต้องนั่งรถเข็นและใส่สายยางให้อาหาร เป็นคำให้การและหลักฐานต่อวุฒิสมาชิกและยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตีพิมพ์ในวารสาร ชั้นหนึ่งอันดับโลกมึความบิดเบี้ยว และในบทความตีพิมพ์นี้ นายแพทย์ที่เป็นชื่อแรกคือคนที่รับผิดชอบและดูแลผู้ป่วยรายนี้ด้วยซ้ำ กรุณาดูวิดีโอชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อใดๆ https://youtu.be/L2GKPYzL_JQ?si=VKECXgj_GwGoqKzL ยาที่ถูกแสนถูกหมดสิทธิบัตรแล้วและถูกห้ามใช้อย่างรุนแรงจากองค์กรสากลต่างๆ รวมทั้งในประเทศไทย ในที่สุด FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เมคติน ในการป้องกัน และรักษาโควิด และที่มีการดูถูกถากถาง และส่งผลให้แพทย์ถูกลงโทษ อีกตัวอย่างที่น่ากลัวคือ การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA หลักฐานจากการวิเคราะห์รก มารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI ประเด็นที่ร้ายแรงต่อตามมาก็คือ ผลผลิตของนวัตกรรมซึ่งสามารถเกิดขึ้น อย่างมหัศจรรย์ แบบผิดธรรมชาติ จากวัคซีนโควิด นวัตกรรมนี้สามารถสร้างความเสียหายโดยผ่านกลไกหลายระบบ แบบที่พบเห็นกันทั่วไปจากกลไกทางด้านภูมิคุ้มกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือความสามารถที่จะฝังตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ไปนานเป็นปี และสั่งให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนหนาม เป็นเป้าล่อให้กระบวนการภูมิคุ้มกันของมนุษย์เข้ามาทำลาย ซึ่งก็หมายความว่าทำร้ายตัวเอง นอกจากนั้นโปรตีนหนามนี้ เข้าไปสอดแทรกในเนื้อเยื่อที่ลึกลงไป ก่อให้เกิดการอักเสบมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำ และต่อมา ชิ้นของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายจะค่อยๆ ทะลักออกมาทางผิวเซลล์ที่ถูกทำลาย และในกรณีของหลอดเลือดจะทะลักออกมาในกระแสเลือดโดยโปรตีนนี้ จะเหนี่ยวนำ ให้เกิดโปรตีนบิดเกลียว misfolded protein ลักษณะเป็นอมิลอยด์ ซึ่งไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ และค่อยๆ สะสมขึ้นทีละน้อย ลักษณะอาจเป็นก้อนหรือเป็นแท่งหล่อ พบ ขณะมีชีวิตและเมื่อตายแล้ว และไม่จำเป็นต้องเกิดทุกคน กลไกจากนวัตกรรมนี้ จนได้ผลิตผล ขั้นสูงสุดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ และ “ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยอมรับว่าเกิดขึ้นได้นั้น” หมายความว่าแพลตฟอร์มของนวัตกรรมนี้ที่จะนำมาใช้สำหรับโรคอื่นทุกชนิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่างในโลกนี้ ต้องถูกระงับ เป็นคำอธิบายชัดเจนในการต่อต้าน ทั้งนี้ ได้สรุปเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศเยอรมันและเจ้าหน้าที่ในสหรัฐ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำไม่สามารถนำลงไปตีพิมพ์ในวารสารได้ เพราะได้รับการต่อต้านตั้งแต่ พบหลักฐานใน 15 รายแรกและได้แจ้งให้สมาคม ราชวิทยาลัยของประเทศให้จับตาและทำการศึกษาอย่างจริงจังแต่ได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เป็นการเสนองานทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดในที่ประชุมนานาชาติ จากการชันสูตรศพและวิเคราะห์เนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์และทางฟิสิกส์จากศพ 100 ราย และจากชิ้นเนื้อจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 ราย และข้อมูล ที่สำคัญที่มอบให้สื่อ ยังเป็นรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใน cath lab ที่ไม่ระบุชื่อ anonymous whistle blower ที่โรงพยาบาลในสหรัฐที่ทำการฉีดสีและดูด ลาก ตัด ก้อนที่ปะปนกับลิ่มเลือดตามปกติออกมา ซึ่งได้ทำการรายงานโรงพยาบาลทันทีแต่ได้รับคำสั่งห้ามพูดเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก เลยได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐซึ่งก็พบปรากฏการณ์เช่นนี้และทุกแห่งถูกสั่งห้ามพูด ทั้งนี้จะมีโรงพยาบาลหลักในสหรัฐซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ และสนับสนุนนวัตกรรมนี้ทำการปิดกั้นผลกระทบ เหล่านี้ อย่างสิ้นเชิง ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ ⭐️⭐️⭐️ (ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ที่กระทบมนุษย์นั้นเริ่มเห็นหนาตาขึ้น จนปิดไม่มิดและประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า สำหรับคนที่ยังไม่เกิดอาการและไม่เห็นความสำคัญ ของข้อมูลเหล่านี้ต้องไม่ลืมว่าต้องรอถึงอย่างน้อย 10 ปีจึงจะแน่ใจว่าอยู่รอดปลอดภัย วัคซีน นวัตกรรมอำมหิตนี้ 1- มันไม่ได้อยู่ที่ต้นแขนเท่านั้น 2- มันเลื้อยเข้ากระแสเลือด 3- มันซึมเข้าไปในเซลล์ทุกแห่งในเนื้อเยื่อและทุกอวัยวะ 4- มันบังคับให้เราสร้างโปรตีนหนามในเซลล์ 5- โปรตีนหนามเป็นพิษต่อเซลล์ 6-โปรตีนหนามยังเป็นเป้าล่อให้ร่างกายพยายามทำลายเลยเกิดการอักเสบในร่างกาย 7- สิ่งที่หลุดรั่วออกมาจากผนังเซลล์และเนื้อเยื่อมีปฏิกิริยาเหนียวนำทำให้เกิดโปรตีนชนิดใหม่เป็นอมิลอยด์โปรตีนเข้าไปในหลอดเลือด 8- มันยังมีสิ่งแปลกปลอมเพราะกระบวนการผลิตมีดีเอ็นเอปนเปื้อนและยังมียีนส์ที่ทำให้มันเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์ 9-คุณสมบัติของอนุภาคนาโนไขมันที่มีขยะอยู่มากและพร้อมที่จะเข้าไปเสียบในโครโมโซมของมนุษย์โดยเฉพาะที่พิสูจน์แล้วคือโครโมโซมที่เก้าและสิบสอง และ 10- สิ่งที่ควรทำและต้องทำคือต้องหยุดการฉีดมันเข้าร่างกายมนุษย์ สมควรแล้วหรือไม่ที่มีเทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในโรคชนิดต่างๆที่ทยอยกันออกมา สมควรหรือไม่ที่ต้องออกมารับผิดชอบเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและพิการตลอดชีวิต หยุด “มัน” เดี๋ยวนี้และเปิดโปงผู้ได้รับผลประโยชน์จาก “มัน” ขั้นตอนที่จะสู้คือการพัฒนาการตรวจจากเลือดเพื่อดูปริมาณของสารผิดปกตินี้ และใช้ยาถอนพิษซึ่งขณะนี้มีหลายตำรับด้วยกันโดยที่ต้องประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย (ไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ นวตกรรมอำมหิต ตอนหนึ่งและสอง) ประเด็นของ ขององค์การอนามัยโลก และยึดโยงลงเกี่ยวข้องกับประเทศไทยในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วลากมาปัจจุบันและที่คนไทยจะเจออะไรในอนาคต Tucker Carlson น่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบยก และคนเริ่มหันมาสนใจหลาย ล้านคนแล้ว https://youtu.be/4MIESbBnA2k?si=JV-UPUa9oHZkP25Y โดยที่ องค์การจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉินและสามารถกำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติตามทั้งในด้านยาผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ไม่สามารถคิดเองทำเองได้โดยเด็ดขาด และสามารถปิดกั้นข้อมูลที่ไม่สอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์ทั้งโลกเป็น เรียลไทม์ ไทยก็เป็นประเทศหนึ่งในภาคีเครือข่าย เนื้อหา บทกำหนดใหม่นั้น มีการตกแต่งต่อเติม อ่านแล้ว งงงวย สรุปคือ ถ้ายอมตามก็เป็นไปตามนั้น และองค์กรถ้าทำผิดพลาดจะไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งฟังดูคุ้นๆ ให้ประเทศรับผิดชอบกันเอง ควรหรือไม่ควรที่จะมีการถามจุดยืนของประเทศไทย หรือจะทำอย่างที่ทำมาตลอด ฝรั่งว่าดี ถึงจะทำ ถ้ามีคำแนะนำอะไร ของฝรั่งถือว่าดีที่สุด สมาคมราชวิทยาลัยต่างประเทศ ว่าอย่างไรต้องทำตาม ไม่มีใครเคยฉุกคิดว่า ข้อมูลที่ปรากฏผลที่ประมวลมีการตั้งใจที่จะตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งที่ทำให้สถิติออกมา ดูดีหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรวจสอบไม่ได้ การอ่านวารสารในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนที่ผลออกมาดีอย่างผิดธรรมชาติ หรือเลวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จำเป็นต้องหาข้อมูลรอบด้าน totality of evidence สิ่งที่เห็นรอบตัว ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย โดยทางการ แถลงทุกสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ประกาศว่า มีคนได้รับผลกระทบของวัคซีนโควิดอย่างรุนแรงทั้งประเทศ และเสียชีวิตมี จำนวนห้ารายเท่านั้น ดังนั้นอัตราส่วนคือหนึ่งต่อ 1,000,000 คน และข้อร้องเรียนอื่นๆนั้น เมื่อพิจารณา อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน รายงานในวารสารโดยจากคณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงของวัคซีนในประเทศไทย บอกว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีผลข้างเคียง“น้อยมาก” และ“ไม่รุนแรง” ในขณะที่สถาบันในประเทศไทยที่ไม่มีอคติทับซ้อนกลับรายงาน ตรงข้าม ประชาชนพยายามที่จะบอกว่าได้มีคำร้องไปแล้วครอบครัวมีคนตายไปแล้วแต่ไม่เข้าเกณฑ์ถูกปัดตกมากมาย หรือที่มีการชดเชย โดย สปสช ไปแล้วก็จะมีการสรุปว่าเป็นตัวเลขที่บรรเทาความเดือดร้อน เท่านั้น ยัง ไม่ได้ พิสูจน์ เกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื้อหาทางด้านล่างนี้เป็นคำบรรยายตามสูตรของกระทรวงสาธารณสุข อ่านแล้วพิจารณาให้ดี ……กองระบาด กรมการแพทย์ไม่ได้มีการปิดบังข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนมีการตรวจสอบถูกต้องตามระบบของ WHO สปสช จ่ายเงินเยียวยา โดยไม่ได้ใช้ฐานข้อมูลและผลสรุปของกองระบาดซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบผลข้างเคียงที่มีความถูกต้องกว่า เนื่องจากตอนนั้น รัฐบาลมีความกังวลว่าคนจะไม่ไปฉีดวัคซีน จึงยอมจ่ายค่าเยียวยา ซึ่งหลายๆครั้งไม่มีการตรวจสอบที่ถูกต้องครับ เพื่อให้การเยียวยาเบื้องต้นไปก่อน สรุปว่าเมื่อ ทางการ จะทำการอ้างอะไร จะเป็นไปตามเบื้องบนองค์กรสั่ง ใช้กรรมการที่ไม่ได้ประกาศชื่อว่ามีใครบ้าง และถ้าความเป็นจริงปรากฏตรงข้ามดังที่เห็นในปัจจุบัน จะต้องรับผิดชอบ ความผิดในการปกปิดบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ และจะถูกลงโทษประการใดหรือไม่? ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ ขอขอบคุณ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧧 สิ่งที่ท่านควรทราบ..ในแทบทุกวงการ..จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...และใช้คำว่า มาตรฐาน ขึ้นมากำหนด...ไม่ว่า วงการ พระ ดูดวง เลขทะเบียน เลขโทรศัพท์ ..หรือ สิ่งอื่น ที่ผูกพันธ์กับความเชื่อ...ถ้าท่านศึกษาและเข้าใจวัฏจักรของสิ่งเหล่านี้...ท่านจะทราบว่า มันอาจใช่หรือไม่ จริงหรือไม่จริง...คงยากที่จะพิสูจน์ทราบ...ที่เขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อนสนับสนุนแนวคิด ความเชื่อ ไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สิ่งเหล่านั้น...และ ตีกรอบ สิ่งที่ ไม่เหมือนที่เขาเล่นกันว่า ไม่ใช่...ในหลายศาสตร์ ท่านสามารถศึกษาเองได้...ตามวิธีคิดขอบท่าน ..สำหรับตัวผู้เขียนเอง...จะแยกกลุ่มกัน..เช่น พระเครื่องแบบที่เก็บไว้สร้างมูลค่าเพิ่มก็แบบนึง...พระที่แบบใช้แล้วมั่นใจ มีประสบการณ์จริง (ตามสถิติส่วนตัวที่เก็บมาตลอดหบายสิบปี) ก็อีกแบบนึง... ศาสตร์หมอดู ศาสตร์ตัวเลข ก็เช่นกัน...เอาความรู้ตำราจากทั่วโลก และไทยด้วย มาประมวลผล เข้ากับหลักสถิติ แล้วคัดแบบที่ ไม่ใช่ ออกไป....
    🧧 สิ่งที่ท่านควรทราบ..ในแทบทุกวงการ..จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน...และใช้คำว่า มาตรฐาน ขึ้นมากำหนด...ไม่ว่า วงการ พระ ดูดวง เลขทะเบียน เลขโทรศัพท์ ..หรือ สิ่งอื่น ที่ผูกพันธ์กับความเชื่อ...ถ้าท่านศึกษาและเข้าใจวัฏจักรของสิ่งเหล่านี้...ท่านจะทราบว่า มันอาจใช่หรือไม่ จริงหรือไม่จริง...คงยากที่จะพิสูจน์ทราบ...ที่เขารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อนสนับสนุนแนวคิด ความเชื่อ ไปถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สิ่งเหล่านั้น...และ ตีกรอบ สิ่งที่ ไม่เหมือนที่เขาเล่นกันว่า ไม่ใช่...ในหลายศาสตร์ ท่านสามารถศึกษาเองได้...ตามวิธีคิดขอบท่าน ..สำหรับตัวผู้เขียนเอง...จะแยกกลุ่มกัน..เช่น พระเครื่องแบบที่เก็บไว้สร้างมูลค่าเพิ่มก็แบบนึง...พระที่แบบใช้แล้วมั่นใจ มีประสบการณ์จริง (ตามสถิติส่วนตัวที่เก็บมาตลอดหบายสิบปี) ก็อีกแบบนึง... ศาสตร์หมอดู ศาสตร์ตัวเลข ก็เช่นกัน...เอาความรู้ตำราจากทั่วโลก และไทยด้วย มาประมวลผล เข้ากับหลักสถิติ แล้วคัดแบบที่ ไม่ใช่ ออกไป....
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือคือเพื่อนแท้
    ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย
    ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    หนังสือคือเพื่อนแท้ ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการทำลายสถิติการโอเวอร์คล็อก RAM DDR5 ด้วยการใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศธรรมดา! นักโอเวอร์คล็อกชาวแคนาดาที่ชื่อ "saltycroissant" ได้ใช้ RAM ของ G.Skill รุ่น Trident ZS DDR5-8000 48GB (2x24GB) CL38 เพื่อทำลายสถิติใหม่ที่ DDR5-12054 โดยไม่ต้องใช้การระบายความร้อนแบบพิเศษ เช่น ไนโตรเจนเหลวหรือดรายไอซ์

    นอกจากนี้ นักโอเวอร์คล็อกอีกคนที่ชื่อ "speed.fastest" ก็ทำสถิติได้ใกล้เคียงกันที่ DDR5-12052 โดยใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศธรรมดาเช่นกัน การโอเวอร์คล็อกนี้ทำให้ RAM ทำงานได้เร็วขึ้นกว่า 50% จากความเร็วที่โฆษณาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก!

    การทำลายสถิติครั้งนี้ใช้เมนบอร์ดระดับไฮเอนด์ เช่น ASRock Z890 Taichi OCF และ ASUS ROG Maximum Z890 Apex ซึ่งมีราคาประมาณ 525 ดอลลาร์สหรัฐและ 713 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ เมนบอร์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการโอเวอร์คล็อกและมีส่วนประกอบที่ดีที่สุดในตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/overclocker-hits-ddr5-12054-on-pure-air-cooling-ddr5-8000-ram-maxed-out-without-exotic-cooling
    มีการทำลายสถิติการโอเวอร์คล็อก RAM DDR5 ด้วยการใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศธรรมดา! นักโอเวอร์คล็อกชาวแคนาดาที่ชื่อ "saltycroissant" ได้ใช้ RAM ของ G.Skill รุ่น Trident ZS DDR5-8000 48GB (2x24GB) CL38 เพื่อทำลายสถิติใหม่ที่ DDR5-12054 โดยไม่ต้องใช้การระบายความร้อนแบบพิเศษ เช่น ไนโตรเจนเหลวหรือดรายไอซ์ นอกจากนี้ นักโอเวอร์คล็อกอีกคนที่ชื่อ "speed.fastest" ก็ทำสถิติได้ใกล้เคียงกันที่ DDR5-12052 โดยใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศธรรมดาเช่นกัน การโอเวอร์คล็อกนี้ทำให้ RAM ทำงานได้เร็วขึ้นกว่า 50% จากความเร็วที่โฆษณาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก! การทำลายสถิติครั้งนี้ใช้เมนบอร์ดระดับไฮเอนด์ เช่น ASRock Z890 Taichi OCF และ ASUS ROG Maximum Z890 Apex ซึ่งมีราคาประมาณ 525 ดอลลาร์สหรัฐและ 713 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ เมนบอร์ดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการโอเวอร์คล็อกและมีส่วนประกอบที่ดีที่สุดในตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/overclocker-hits-ddr5-12054-on-pure-air-cooling-ddr5-8000-ram-maxed-out-without-exotic-cooling
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Overclocker hits DDR5-12054 on pure air cooling — DDR5-8000 RAM maxed out without exotic cooling
    Impressive RAM overclocking records with the aid of liquid nitrogen or dry ice.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน ครับ !!!!

    เหรียญมีม $TRUMP กำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการคริปโต หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน เหรียญนี้ก็ทำลายสถิติการเปิดตัวเกือบทุกอย่าง และตอนนี้มีมูลค่าตลาดที่สูงถึง $70 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าเหรียญนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มันจะเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 190 ของโลกเลยทีเดียว

    นอกจากนี้ เหรียญ $TRUMP ยังสามารถใช้เป็นหลักประกันในการซื้อขายฟิวเจอร์สได้แล้วบนแพลตฟอร์ม BingX นี่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ค้าใช้เหรียญนี้ในการซื้อขายฟิวเจอร์สได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น

    เหรียญ $TRUMP ไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากการสร้างชุมชนของผู้ค้าและนักลงทุนที่มีความชื่นชอบในตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง ปัจจุบันมีเหรียญ $TRUMP จำนวน 200 ล้านเหรียญที่สามารถซื้อขายได้ และในอีกสามปีข้างหน้า จำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านเหรียญ

    https://wccftech.com/after-breaking-almost-every-coin-launch-record-the-trump-meme-coin-can-now-be-used-as-margin-for-futures-trading/
    ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน ครับ !!!! เหรียญมีม $TRUMP กำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการคริปโต หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน เหรียญนี้ก็ทำลายสถิติการเปิดตัวเกือบทุกอย่าง และตอนนี้มีมูลค่าตลาดที่สูงถึง $70 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าเหรียญนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มันจะเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 190 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ เหรียญ $TRUMP ยังสามารถใช้เป็นหลักประกันในการซื้อขายฟิวเจอร์สได้แล้วบนแพลตฟอร์ม BingX นี่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ค้าใช้เหรียญนี้ในการซื้อขายฟิวเจอร์สได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น เหรียญ $TRUMP ไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากการสร้างชุมชนของผู้ค้าและนักลงทุนที่มีความชื่นชอบในตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง ปัจจุบันมีเหรียญ $TRUMP จำนวน 200 ล้านเหรียญที่สามารถซื้อขายได้ และในอีกสามปีข้างหน้า จำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านเหรียญ https://wccftech.com/after-breaking-almost-every-coin-launch-record-the-trump-meme-coin-can-now-be-used-as-margin-for-futures-trading/
    WCCFTECH.COM
    After Breaking Almost Every Coin Launch Record, The $TRUMP Meme Coin Can Now Be Used As Margin For Futures Trading
    To say that the $TRUMP meme coin launch constituted one of the most influential financial events so far this year would be an understatement.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำลายสถิติสูงสุดอีกแล้วจ้า!! 😂😂
    แม้ว่าสหภาพยุโรปทำทีขึงขังคว่ำบาตรรัสเซีย แต่กลับซื้อก๊าซจากรัสเซียในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์!

    ในช่วง 15 วันแรกของปี 2025 สหภาพยุโรปนำเข้า LNG ของรัสเซีย 837,300 เมตริกตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะมีการประกาศคำตัดสัมพันธ์ด้านพลังงานกับรัสเซียไปแล้วก็ตาม

    และเกือบ 95% ที่ส่งไปให้ยุโรป มาจากโรงงาน Yamal (ท่อส่งก๊าซ Yamal ถูกปิดในโปแลนด์) โดยผ่านทางเรือบรรทุกจากท่าเรือของรัสเซีย

    "เซเลนสกีต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง!" หลังจากยูเครนยุติสัญญาท่อส่งก๊าซของรัสเซียที่ไปยุโรป ทำให้ยุโรปต้องหันไปพึ่งพา LNG ทางทะเลจากรัสเซียแทน และรัสเซียทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เช่นเคย
    ทำลายสถิติสูงสุดอีกแล้วจ้า!! 😂😂 แม้ว่าสหภาพยุโรปทำทีขึงขังคว่ำบาตรรัสเซีย แต่กลับซื้อก๊าซจากรัสเซียในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์! ในช่วง 15 วันแรกของปี 2025 สหภาพยุโรปนำเข้า LNG ของรัสเซีย 837,300 เมตริกตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะมีการประกาศคำตัดสัมพันธ์ด้านพลังงานกับรัสเซียไปแล้วก็ตาม และเกือบ 95% ที่ส่งไปให้ยุโรป มาจากโรงงาน Yamal (ท่อส่งก๊าซ Yamal ถูกปิดในโปแลนด์) โดยผ่านทางเรือบรรทุกจากท่าเรือของรัสเซีย "เซเลนสกีต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง!" หลังจากยูเครนยุติสัญญาท่อส่งก๊าซของรัสเซียที่ไปยุโรป ทำให้ยุโรปต้องหันไปพึ่งพา LNG ทางทะเลจากรัสเซียแทน และรัสเซียทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์เช่นเคย
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 ภาพนี้ คือ เลขเดียวกัน...แต่เช็คคนละ เวป...แล้วคุณจะเลือกเชื่ออันไหน..? ดีสุด กับแย่สุด... ฉะนั้น คุณต้องศึกษาด้วยตนเองด้วย ส่วนตัวผู้เขียน เชื้อสถิติ...10 กว่าปีที่ทดสอบ เก็บข้อมูลมา จากการเอาเบอร์คนรู้จัก..ไปเทียบ คำนวณ ..พบว่า ..มี ของจริง อยู่ ไม่กี่เวป ....ต้องเข้าใจก่อนว่า โปรแกรมพวกนี้ อาจะถูก set up ขึ้นมา..โดยผู้รู้ จริง และไม่มี และมีมุมธุรกิจอยู่ด้วย...คุณต้องเลือก....เอง.
    2 ภาพนี้ คือ เลขเดียวกัน...แต่เช็คคนละ เวป...แล้วคุณจะเลือกเชื่ออันไหน..? ดีสุด กับแย่สุด... ฉะนั้น คุณต้องศึกษาด้วยตนเองด้วย ส่วนตัวผู้เขียน เชื้อสถิติ...10 กว่าปีที่ทดสอบ เก็บข้อมูลมา จากการเอาเบอร์คนรู้จัก..ไปเทียบ คำนวณ ..พบว่า ..มี ของจริง อยู่ ไม่กี่เวป ....ต้องเข้าใจก่อนว่า โปรแกรมพวกนี้ อาจะถูก set up ขึ้นมา..โดยผู้รู้ จริง และไม่มี และมีมุมธุรกิจอยู่ด้วย...คุณต้องเลือก....เอง.
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว

    ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ

    ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่:
    - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์
    - การเปิดเผยข้อมูล
    - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย

    ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม

    การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่: - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ - การเปิดเผยข้อมูล - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    W3 Total Cache plugin flaw exposes 1 million WordPress sites to attacks
    A severe flaw in the W3 Total Cache plugin installed on more than one million WordPress sites could give attackers access to various information, including metadata on cloud-based apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง
    ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ

    1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง

    2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด

    3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย
    น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี

    4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

    5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้

    6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด

    7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก

    8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย

    9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า

    นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง

    โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป

    World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด
    https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT

    Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร


    17/1/68 ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ 1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง 2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด 3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี 4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้ 6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด 7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก 8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย 9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐขาดดุลพุ่ง 40% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ งบประมาณติดลบ 7 แสนล้านดอลลาร์ หนี้สาธารณะของประเทศพุ่ง 36 ล้านล้านดอลลาร์

    กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 พุ่งสูงขึ้นถึง 710,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตัวเลขในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดดุล 5.1 แสนล้านดอลลาร์

    "หนี้พุ่งสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์"
    หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รายจ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น และรายได้จากภาษีที่ลดลง ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณขยายตัวอย่างต่อเนื่อง "ทำให้หนี้พุ่งสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์"

    ขณะเดียวกัน รายจ่ายภาครัฐในไตรมาสแรกของปีนี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 11% ขณะที่รายรับกลับลดลง 2% สะท้อนภาระทางการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


    ขณะที่เมื่อสามวันก่อน มีรายงานข่าวจีนเกินดุลการค้าแตะ 7.85 แสนล้านดอลลาร์ อาจทะลุ 1 ล้านล้านสิ้นปีนี้

    สหรัฐขาดดุลพุ่ง 40% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ งบประมาณติดลบ 7 แสนล้านดอลลาร์ หนี้สาธารณะของประเทศพุ่ง 36 ล้านล้านดอลลาร์ กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 พุ่งสูงขึ้นถึง 710,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตัวเลขในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดดุล 5.1 แสนล้านดอลลาร์ "หนี้พุ่งสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์" หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รายจ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น และรายได้จากภาษีที่ลดลง ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณขยายตัวอย่างต่อเนื่อง "ทำให้หนี้พุ่งสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์" ขณะเดียวกัน รายจ่ายภาครัฐในไตรมาสแรกของปีนี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 11% ขณะที่รายรับกลับลดลง 2% สะท้อนภาระทางการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เมื่อสามวันก่อน มีรายงานข่าวจีนเกินดุลการค้าแตะ 7.85 แสนล้านดอลลาร์ อาจทะลุ 1 ล้านล้านสิ้นปีนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส

    รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ

    ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส

    สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326

    #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส • รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ • ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส • สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326 • #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ผมเฝ้าติดตามการเสียชีวิตโดยรวมจากทุกสาเหตุของคนไทย โดยเข้าไปที่ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หลังจากทบทวนข้อมูลย้อนหลังหลายปีที่ผ่านมา
    สิ่งที่ทำให้ผมข้องใจ และตั้งคำถามมาตลอดคือ เหตุใดคนไทยจึงเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่การระบาดของโควิดลดลง เพราะว่าถ้าเป็นการเสียชีวิตจากการระบาดของโควิด เมื่อการระบาดจบลงการเสียชีวิตย่อมต้องลดลงไปใกล้เคียงกับการเสียชีวิตก่อนการระบาด หรือถ้าจะโทษการปิดบ้านปิดเมืองว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
    เมื่อเปิดบ้านเปิดเมืองตามปกติ การเสียชีวิตก็ควรจะต้องลดลงมาใกล้เคียงกับก่อนปิดบ้านปิดเมือง แต่ตัวเลขสถิติที่เห็นไม่ได้เป็นเช่นนั้น
    🔸️ในปี 2562 (2019) ก่อนการระบาดของเชื้อโควิด (อย่าลืมว่าบ้านเราเริ่มระบาดปี 2563 หรือ ค.ศ. 2020) คนไทยเสียชีวิตโดยรวมทั้งปี 506,221 ราย ไม่มีเสียชีวิตจากโควิดเลย
    🔸️ในปี 2563 (2020) ปีเริ่มระบาด ปีที่ยังไม่มีวัคซีน คนไทยเสียชีวิตโดยรวม "ลดลง" เหลือ 501,438 ราย มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 61 ราย
    🔸️ปี 2564 (2021) การระบาดรุนแรง เสียชีวิตจากโควิดรวม 21,637 ราย เป็นปีที่มีการเสียชีวิตจากโควิดมากที่สุด ปีนั้นคนไทยเสียชีวิตโดยรวม 563,650 ราย ปีนี้เป็นปีที่มีการเริ่มต้นฉีดวัคซีน โดยเริ่มจากวันที่ 28 กพ เริ่มฉีด ชิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า วันที่ 25 มิย เริ่มฉีดชิโนฟาร์ม วันที่ 30 กค เริ่มฉีดไฟเซอร์ และวันที่ 9 พย เริ่มฉีดโมเดอร์นา
    🔸️ปี 2565 (2022) ปีนั้น การระบาดเริ่มสงบลง เชื้อกลายพันธุ์ ลดความรุนแรง คนไทยเสียชีวิตจากโควิดลดลงเหลือ 11,073 ราย แต่คนไทยเสียชีวิตโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 595,965 ราย ทั้งที่การระบาดยุติ เปิดบ้านเปิดเมืองตามปกติ และที่สำคัญคนไทยฉีดวัคซีนไปมากมาย
    🔸️ปี 2566 (2023) ปีนี้การระบาดยุติ การเสียชีวิตจากโควิดทั้งปี เหลือ 852 ราย แต่การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุรวมกันยังคงสูงถึง 565,992 ราย
    ปีล่าสุดที่พึ่งผ่านมา
    🔸️2567 (2024) โควิดเงียบสงบมาก ทั้งปีเสียชีวิตจากโควิดเพียง 220 ราย แต่การเสียชีวิตโดยรวมจากทุกสาเหตุ สูงถึง 571,646 ราย หรือสูงกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด 65,425 ราย มากกว่า การเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดรวมกันทั้งหมด

    Figure 1จำนวนผู้เสียชีวิตรวมทุกสาเหตุรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2567

    ❓คำถามคือ ทำไม คนไทยยังคงเสียชีวิตในอัตราที่สูงอยู่ทั้งที่การระบาดยุติลง และเป็นการเสียชีวิตในอัตราที่สูงต่อเนื่องกันสามปี ทั้งนี้มีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่เผชิญปัญหาเดียวกัน ทั้งที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีปัญหาฝุ่น pm 2.5 ไม่มีปัญหา คลื่นความร้อนเหมือนในไทย ปัจจัยเดียวที่พบร่วมกันคือ มีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนโควิด เหมือนกัน และอัตราการเสียชีวิตที่ผิดปกติเพิ่มขึ้นหลังการระดมฉีดเหมือนกัน ที่น่าสนใจ คือ ประเทศเหล่านั้น รวมทั้งประเทศไทย ไม่สนใจที่จะสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ผิดปกติ ไม่มีการนำเสนอข่าวสำคัญนี้ในสื่อกระแสหลัก หรือว่า เรื่องการเสียชีวิตที่ผิดปกตินี้ เป็นอีกเรื่องที่ ขัดกับ narrative ขัดกับความต้องการของบริษัทยา❗ ไม่ต่างจากการปิดบังเรื่องอื่นๆ ของโควิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ต้นกำเนิดของเชื้อโควิด จากห้องทดลอง เรื่องยาถูกดีปลอดภัยที่ใช้รักษาโควิดได้ เรื่องภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ดีกว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีน หรือเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควิด
    😰คำถาม คือ คนไทย หมอไทย จะรอดูคนใกล้ชิด ล้มตายก่อนวัยอันควร โดยไม่ทำอะไรกันเลยหรือ?ปัญหาใดๆ ก็ตาม ถ้ายอมรับและลงมือแก้ไข ย่อมมีทางแก้ปัญหาเสมอ แต่การวิ่งหนีปัญหา ไม่ยอมรับรังแต่จะทำให้ปัญหานั้นทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อรู้ตัว อาจจะสายไปแล้ว

    Figure 2 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่เริ่มการระบาด

    Figure 3 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565

    Figure 4 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566

    Figure 5 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567

    ไฟล์PDF
    https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drivesdk

    https://www.facebook.com/share/p/15vyAPBgac/
    นิลฉงน นลเฉลย

    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ✴ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ผมเฝ้าติดตามการเสียชีวิตโดยรวมจากทุกสาเหตุของคนไทย โดยเข้าไปที่ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หลังจากทบทวนข้อมูลย้อนหลังหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ผมข้องใจ และตั้งคำถามมาตลอดคือ เหตุใดคนไทยจึงเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่การระบาดของโควิดลดลง เพราะว่าถ้าเป็นการเสียชีวิตจากการระบาดของโควิด เมื่อการระบาดจบลงการเสียชีวิตย่อมต้องลดลงไปใกล้เคียงกับการเสียชีวิตก่อนการระบาด หรือถ้าจะโทษการปิดบ้านปิดเมืองว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เมื่อเปิดบ้านเปิดเมืองตามปกติ การเสียชีวิตก็ควรจะต้องลดลงมาใกล้เคียงกับก่อนปิดบ้านปิดเมือง แต่ตัวเลขสถิติที่เห็นไม่ได้เป็นเช่นนั้น 🔸️ในปี 2562 (2019) ก่อนการระบาดของเชื้อโควิด (อย่าลืมว่าบ้านเราเริ่มระบาดปี 2563 หรือ ค.ศ. 2020) คนไทยเสียชีวิตโดยรวมทั้งปี 506,221 ราย ไม่มีเสียชีวิตจากโควิดเลย 🔸️ในปี 2563 (2020) ปีเริ่มระบาด ปีที่ยังไม่มีวัคซีน คนไทยเสียชีวิตโดยรวม "ลดลง" เหลือ 501,438 ราย มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 61 ราย 🔸️ปี 2564 (2021) การระบาดรุนแรง เสียชีวิตจากโควิดรวม 21,637 ราย เป็นปีที่มีการเสียชีวิตจากโควิดมากที่สุด ปีนั้นคนไทยเสียชีวิตโดยรวม 563,650 ราย ปีนี้เป็นปีที่มีการเริ่มต้นฉีดวัคซีน โดยเริ่มจากวันที่ 28 กพ เริ่มฉีด ชิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้า วันที่ 25 มิย เริ่มฉีดชิโนฟาร์ม วันที่ 30 กค เริ่มฉีดไฟเซอร์ และวันที่ 9 พย เริ่มฉีดโมเดอร์นา 🔸️ปี 2565 (2022) ปีนั้น การระบาดเริ่มสงบลง เชื้อกลายพันธุ์ ลดความรุนแรง คนไทยเสียชีวิตจากโควิดลดลงเหลือ 11,073 ราย แต่คนไทยเสียชีวิตโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 595,965 ราย ทั้งที่การระบาดยุติ เปิดบ้านเปิดเมืองตามปกติ และที่สำคัญคนไทยฉีดวัคซีนไปมากมาย 🔸️ปี 2566 (2023) ปีนี้การระบาดยุติ การเสียชีวิตจากโควิดทั้งปี เหลือ 852 ราย แต่การเสียชีวิตจากทุกสาเหตุรวมกันยังคงสูงถึง 565,992 ราย ปีล่าสุดที่พึ่งผ่านมา 🔸️2567 (2024) โควิดเงียบสงบมาก ทั้งปีเสียชีวิตจากโควิดเพียง 220 ราย แต่การเสียชีวิตโดยรวมจากทุกสาเหตุ สูงถึง 571,646 ราย หรือสูงกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด 65,425 ราย มากกว่า การเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดรวมกันทั้งหมด Figure 1จำนวนผู้เสียชีวิตรวมทุกสาเหตุรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2567 ❓คำถามคือ ทำไม คนไทยยังคงเสียชีวิตในอัตราที่สูงอยู่ทั้งที่การระบาดยุติลง และเป็นการเสียชีวิตในอัตราที่สูงต่อเนื่องกันสามปี ทั้งนี้มีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่เผชิญปัญหาเดียวกัน ทั้งที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีปัญหาฝุ่น pm 2.5 ไม่มีปัญหา คลื่นความร้อนเหมือนในไทย ปัจจัยเดียวที่พบร่วมกันคือ มีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนโควิด เหมือนกัน และอัตราการเสียชีวิตที่ผิดปกติเพิ่มขึ้นหลังการระดมฉีดเหมือนกัน ที่น่าสนใจ คือ ประเทศเหล่านั้น รวมทั้งประเทศไทย ไม่สนใจที่จะสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ผิดปกติ ไม่มีการนำเสนอข่าวสำคัญนี้ในสื่อกระแสหลัก หรือว่า เรื่องการเสียชีวิตที่ผิดปกตินี้ เป็นอีกเรื่องที่ ขัดกับ narrative ขัดกับความต้องการของบริษัทยา❗ ไม่ต่างจากการปิดบังเรื่องอื่นๆ ของโควิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ต้นกำเนิดของเชื้อโควิด จากห้องทดลอง เรื่องยาถูกดีปลอดภัยที่ใช้รักษาโควิดได้ เรื่องภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ดีกว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีน หรือเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควิด 😰คำถาม คือ คนไทย หมอไทย จะรอดูคนใกล้ชิด ล้มตายก่อนวัยอันควร โดยไม่ทำอะไรกันเลยหรือ?ปัญหาใดๆ ก็ตาม ถ้ายอมรับและลงมือแก้ไข ย่อมมีทางแก้ปัญหาเสมอ แต่การวิ่งหนีปัญหา ไม่ยอมรับรังแต่จะทำให้ปัญหานั้นทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อรู้ตัว อาจจะสายไปแล้ว Figure 2 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่เริ่มการระบาด Figure 3 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 Figure 4 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 Figure 5 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ไฟล์PDF https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drivesdk https://www.facebook.com/share/p/15vyAPBgac/ นิลฉงน นลเฉลย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani)

    วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ

    โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย

    ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player

    โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด

    และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม.

    โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย

    เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว

    นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน

    สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก

    นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ

    หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility)
    สอง…..ความขยันหมั่นเพียร
    สาม…..ความมุ่งมั่น
    .
    .
    .
    โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ

    ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม

    พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว

    เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ”

    โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ

    เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ

    ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ

    เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ
    พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“

    “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.”

    นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ

    โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า

    ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“
    .
    .
    .
    การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น

    ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“

    โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ

    กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน

    กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก
    .
    .
    .
    จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น”

    โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา

    กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง

    แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน

    ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“

    ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด

    และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล

    สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด

    เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร

    วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล
    .
    .
    .
    ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์

    เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก

    ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น

    ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ….

    คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani) วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม. โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility) สอง…..ความขยันหมั่นเพียร สาม…..ความมุ่งมั่น . . . โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ” โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“ “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.” นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“ . . . การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“ โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก . . . จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น” โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“ ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล . . . ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ…. คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025 นักโอเวอร์คล็อกชาวจีนที่ใช้ชื่อว่า "wytiwx" ได้ทำลายสถิติโลกด้วยการโอเวอร์คล็อกโปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF ที่ความถี่ 9.12 GHz ซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมของ Elmor ที่เคยทำไว้ที่ 9.08 GHz

    การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้โปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF ที่มีการปิดการทำงานของ E-cores ทั้งหมดและปิดการทำงานของ Hyperthreading โดยใช้เมนบอร์ด Asus ROG Maximus Z790 Apex และหน่วยความจำ DDR5 ขนาด 16GB การทดสอบนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งเป็นการเลือกที่น่าสนใจ

    โปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF เป็นโปรเซสเซอร์ที่ไม่มี iGPU และมี 24 คอร์ (8 P-cores และ 16 E-cores) และ 32 เธรด โดยมีความถี่เทอร์โบสูงสุดที่ 6 GHz จากโรงงาน การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้แรงดันไฟฟ้า 1.387V และมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้การระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลวหรือฮีเลียมเหลว

    การทำลายสถิติโลกครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโอเวอร์คล็อกของโปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF และเป็นการท้าทายให้ Elmor กลับมาทำลายสถิติอีกครั้ง

    การโอเวอร์คล็อกที่ทำลายสถิติโลกนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโอเวอร์คล็อกของโปรเซสเซอร์ Intel และเป็นการท้าทายให้ชุมชนนักโอเวอร์คล็อกทั่วโลกพยายามทำลายสถิติใหม่ ๆ ต่อไป

    ลุงว่าที่เขาใช้ Win 7 เพราะมันเบากว่า Windows 10 หรือ 11 ทำให้สามารถลดความหน่วงของระบบและเพิ่มประสิทธิภาพในการโอเวอร์คล็อกได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-i9-14900kf-overclocker-clinches-cpu-frequency-world-record-at-9-12-ghz-wytiwx-joins-elmor-as-the-only-person-to-push-a-cpu-past-9-ghz
    เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025 นักโอเวอร์คล็อกชาวจีนที่ใช้ชื่อว่า "wytiwx" ได้ทำลายสถิติโลกด้วยการโอเวอร์คล็อกโปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF ที่ความถี่ 9.12 GHz ซึ่งเป็นการทำลายสถิติเดิมของ Elmor ที่เคยทำไว้ที่ 9.08 GHz การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้โปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF ที่มีการปิดการทำงานของ E-cores ทั้งหมดและปิดการทำงานของ Hyperthreading โดยใช้เมนบอร์ด Asus ROG Maximus Z790 Apex และหน่วยความจำ DDR5 ขนาด 16GB การทดสอบนี้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่งเป็นการเลือกที่น่าสนใจ โปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF เป็นโปรเซสเซอร์ที่ไม่มี iGPU และมี 24 คอร์ (8 P-cores และ 16 E-cores) และ 32 เธรด โดยมีความถี่เทอร์โบสูงสุดที่ 6 GHz จากโรงงาน การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้แรงดันไฟฟ้า 1.387V และมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้การระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลวหรือฮีเลียมเหลว การทำลายสถิติโลกครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโอเวอร์คล็อกของโปรเซสเซอร์ Intel i9-14900KF และเป็นการท้าทายให้ Elmor กลับมาทำลายสถิติอีกครั้ง การโอเวอร์คล็อกที่ทำลายสถิติโลกนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโอเวอร์คล็อกของโปรเซสเซอร์ Intel และเป็นการท้าทายให้ชุมชนนักโอเวอร์คล็อกทั่วโลกพยายามทำลายสถิติใหม่ ๆ ต่อไป ลุงว่าที่เขาใช้ Win 7 เพราะมันเบากว่า Windows 10 หรือ 11 ทำให้สามารถลดความหน่วงของระบบและเพิ่มประสิทธิภาพในการโอเวอร์คล็อกได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-i9-14900kf-overclocker-clinches-cpu-frequency-world-record-at-9-12-ghz-wytiwx-joins-elmor-as-the-only-person-to-push-a-cpu-past-9-ghz
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Overclocker grabs CPU frequency world record with 14900KF at 9.12 GHz
    Elmor finally gets dethroned, but the Core i9 remains the frequency king.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงการกระจายทางสถิติของรูปแบบสภาพอากาศเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นกินเวลานาน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเฉลี่ย หรือความแปรผันของเวลาของสภาพอากาศเกี่ยวกับภาวะเฉลี่ยที่กินเวลานาน ..
    คำอธิบาย
    หนาวสุดในรอบ 40 ปี เจาะลึกปี68 ไทยเสี่ยง
    ภัยพิบัติรุนแรง / TNN ข่าวเที่ยง / 12-1-68
    ไม่มี
    วิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศของ
    ไทยในปี 2568 มีอะไรที่เราต้องเตรี
    ยมรับมือที่อาจเสี่ยงเผชิญกับภัย
    พิบัติรุนแรง รวมถึงผลกระทบจากสภาพอากาศทั่วโลกกับ รอง
    ศาสตราจารย์ ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้
    อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิ
    อากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัย
    รังสิต
    cr:TNN
    https://youtu.be/DNdGfCGqozk?si=ck_7SuxZe9Aebcsi
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือ การเปลี่ยนแปลงการกระจายทางสถิติของรูปแบบสภาพอากาศเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นกินเวลานาน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเฉลี่ย หรือความแปรผันของเวลาของสภาพอากาศเกี่ยวกับภาวะเฉลี่ยที่กินเวลานาน .. คำอธิบาย หนาวสุดในรอบ 40 ปี เจาะลึกปี68 ไทยเสี่ยง ภัยพิบัติรุนแรง / TNN ข่าวเที่ยง / 12-1-68 ไม่มี วิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศของ ไทยในปี 2568 มีอะไรที่เราต้องเตรี ยมรับมือที่อาจเสี่ยงเผชิญกับภัย พิบัติรุนแรง รวมถึงผลกระทบจากสภาพอากาศทั่วโลกกับ รอง ศาสตราจารย์ ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้ อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิ อากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัย รังสิต cr:TNN https://youtu.be/DNdGfCGqozk?si=ck_7SuxZe9Aebcsi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทเปกำลังพิจารณาความเป็นไปได้จัดตั้งกองกำลังนักรบนานาชาติท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักทางการทหารจากจีนและเป็นการแก้ไขต่อปัญหาการขาดแคลนกำลังทหารประจำการเปิดช่องอาจใช้วิธีตามอย่างสหรัฐฯให้สิทธิ์ได้สัญชาติเป็นการตอบแทน
    .
    เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันพุธ(8 ม.ค)ว่า นักการเมืองไทเปและผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงทั้งหลายกำลังหารือถึงการเพิ่มจำนวนกำลังทหารกองทัพไต้หวัน และการสร้างกองกำลังนักรบต่างชาติเป็นหนึ่งในประเด็นที่พิจารณา
    .
    กองกำลังต่างชาติ(foreign legion)นี้โด่งดังเมื่อครั้งประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อช่วงต้นของสงครามยูเครนได้ประกาศรับสมัครจากทั่วโลกโดยประกาศมีค่าตอบแทนให้ในเวลานั้น
    .
    และเมื่อราวตุลาคมปีที่แล้วผู้นำยูเครนได้ลงนามในกฎหมายไฟเขียวให้ทหารต่างชาติรับจ้างเหล่านั้นสามารถขึ้นดำรงตำแหน่งระดับบัญชาการได้
    .
    ริชาร์ด เฉิน (Richard Chen) สมาชิกรัฐสภาไต้หวันกล่าวว่า สิ่งนี้อาจใช้รูปแบบของสหรัฐฯที่หากชาวต่างชาติรับใช้กองทัพนาน 2 ปีจะได้รับสิทธิ์ได้รับสัญชาติตอบแทน แต่เขาชี้ว่าแต่กระบวนการหารืออย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น
    .
    ข้อเสนอสุดโต่งในการเพิ่มกำลังพลเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในสภาเกิดขึ้นท่ามกลางการก้าวขึ้นสู่อำนาจรอบใหม่ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยยืนยันว่า ไต้หวันต้องจ่ายเพิ่มสำหรับการปกป้องทางการทหารจากสหรัฐฯ
    .
    เดลีเทเลกราฟชี้ว่า ทางเลือกในการเพิ่มกำลังพลคือการเสนอต่อผู้อพยพต่างชาติ และสร้างกองกำลังทหารต่างชาติขึ้นมา อเล็กซานเดอร์ หวง (Alexander Huang) ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยตั้นเจียง (Tamkang) ในกรุงไทเปให้สัมภาษณ์
    .
    ข้อมูลจากสถาบันระหว่างประเทศด้านการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ IISS (International Institute for Strategic Studies’) ระบุว่า รายงานงบประมาณการทหารประจำปี 2022 ชี้ว่า ไต้หวันมีกำลังทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ราว 169,000 นายและมีทหารกองหนุนราว 1.66 ล้านนาย
    .
    ขณะที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน PPL นั้นต่างกันมากจากการที่มีกำลังทหารประจำการสูงถึง 2 ล้านนายและทหารประจำการอีก 500,000 นาย
    .
    สื่ออังกฤษรายงานว่า ไต้หวันกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ของโลกที่มีประชากรเกิดต่ำที่สุดในโลกทำให้เป็นการคาดว่าจะเป็นปัญหาต่อการระดมกำลังพลในการเกณฑ์ส่งเข้าประจำการในอนาคต
    .
    อ้างอิงจากตัวเลขสถิติทางการไทเป ในขณะเดียวกันกลับพบว่า บนเกาะซึ่งมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกชั้นนำของโลกนี้กลับมีนักศึกษาต่างชาติสูงเกือบ 1 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002352
    ..............
    Sondhi X
    ไทเปกำลังพิจารณาความเป็นไปได้จัดตั้งกองกำลังนักรบนานาชาติท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักทางการทหารจากจีนและเป็นการแก้ไขต่อปัญหาการขาดแคลนกำลังทหารประจำการเปิดช่องอาจใช้วิธีตามอย่างสหรัฐฯให้สิทธิ์ได้สัญชาติเป็นการตอบแทน . เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวันพุธ(8 ม.ค)ว่า นักการเมืองไทเปและผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงทั้งหลายกำลังหารือถึงการเพิ่มจำนวนกำลังทหารกองทัพไต้หวัน และการสร้างกองกำลังนักรบต่างชาติเป็นหนึ่งในประเด็นที่พิจารณา . กองกำลังต่างชาติ(foreign legion)นี้โด่งดังเมื่อครั้งประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เมื่อช่วงต้นของสงครามยูเครนได้ประกาศรับสมัครจากทั่วโลกโดยประกาศมีค่าตอบแทนให้ในเวลานั้น . และเมื่อราวตุลาคมปีที่แล้วผู้นำยูเครนได้ลงนามในกฎหมายไฟเขียวให้ทหารต่างชาติรับจ้างเหล่านั้นสามารถขึ้นดำรงตำแหน่งระดับบัญชาการได้ . ริชาร์ด เฉิน (Richard Chen) สมาชิกรัฐสภาไต้หวันกล่าวว่า สิ่งนี้อาจใช้รูปแบบของสหรัฐฯที่หากชาวต่างชาติรับใช้กองทัพนาน 2 ปีจะได้รับสิทธิ์ได้รับสัญชาติตอบแทน แต่เขาชี้ว่าแต่กระบวนการหารืออย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น . ข้อเสนอสุดโต่งในการเพิ่มกำลังพลเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในสภาเกิดขึ้นท่ามกลางการก้าวขึ้นสู่อำนาจรอบใหม่ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยยืนยันว่า ไต้หวันต้องจ่ายเพิ่มสำหรับการปกป้องทางการทหารจากสหรัฐฯ . เดลีเทเลกราฟชี้ว่า ทางเลือกในการเพิ่มกำลังพลคือการเสนอต่อผู้อพยพต่างชาติ และสร้างกองกำลังทหารต่างชาติขึ้นมา อเล็กซานเดอร์ หวง (Alexander Huang) ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยตั้นเจียง (Tamkang) ในกรุงไทเปให้สัมภาษณ์ . ข้อมูลจากสถาบันระหว่างประเทศด้านการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ IISS (International Institute for Strategic Studies’) ระบุว่า รายงานงบประมาณการทหารประจำปี 2022 ชี้ว่า ไต้หวันมีกำลังทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ราว 169,000 นายและมีทหารกองหนุนราว 1.66 ล้านนาย . ขณะที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน PPL นั้นต่างกันมากจากการที่มีกำลังทหารประจำการสูงถึง 2 ล้านนายและทหารประจำการอีก 500,000 นาย . สื่ออังกฤษรายงานว่า ไต้หวันกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ของโลกที่มีประชากรเกิดต่ำที่สุดในโลกทำให้เป็นการคาดว่าจะเป็นปัญหาต่อการระดมกำลังพลในการเกณฑ์ส่งเข้าประจำการในอนาคต . อ้างอิงจากตัวเลขสถิติทางการไทเป ในขณะเดียวกันกลับพบว่า บนเกาะซึ่งมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกชั้นนำของโลกนี้กลับมีนักศึกษาต่างชาติสูงเกือบ 1 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002352 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทสลา ไชน่า (Tesla China) รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนปี 2567 ทะลุ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการในจีน ยอดขายเดือนธันวาคมแตะ 83,000 คัน ทำลายสถิติยอดขายรายเดือน เพิ่มขึ้น 12.8% จากเดือนพฤศจิกายน

    อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกของเทสลาในปี 2567 อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี แม้ว่าปีนี้เทสลาจะผลิตรถยนต์ได้ 1.77 ล้านคันทั่วโลก

    เทสลายังลงทุนเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ EV โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้งสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพิ่มกว่า 11,500 แห่งทั่วโลก เพิ่มขึ้น 19% ทำให้ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรวมกว่า 67,000 แห่ง เทสลายังวางแผนเปิดตัวสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่ V4 (V4 Supercharger) ในจีนตั้งแต่ปี 2568

    นอกจากนี้ โรงงานเมกะแฟกทอรี (Megafactory) ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมกะแพก” (Megapack) ได้เริ่มทดลองผลิตแล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยโรงงานคาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มกำลังได้ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2568

    #MGROnline #เทสลา #เทสลาไชน่า

    เทสลา ไชน่า (Tesla China) รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนปี 2567 ทะลุ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการในจีน ยอดขายเดือนธันวาคมแตะ 83,000 คัน ทำลายสถิติยอดขายรายเดือน เพิ่มขึ้น 12.8% จากเดือนพฤศจิกายน • อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกของเทสลาในปี 2567 อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี แม้ว่าปีนี้เทสลาจะผลิตรถยนต์ได้ 1.77 ล้านคันทั่วโลก • เทสลายังลงทุนเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ EV โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้งสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์เพิ่มกว่า 11,500 แห่งทั่วโลก เพิ่มขึ้น 19% ทำให้ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรวมกว่า 67,000 แห่ง เทสลายังวางแผนเปิดตัวสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่ V4 (V4 Supercharger) ในจีนตั้งแต่ปี 2568 • นอกจากนี้ โรงงานเมกะแฟกทอรี (Megafactory) ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมกะแพก” (Megapack) ได้เริ่มทดลองผลิตแล้วในช่วงปลายปี 2567 โดยโรงงานคาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มกำลังได้ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2568 • #MGROnline #เทสลา #เทสลาไชน่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts