• “Aisuru Botnet สร้างสถิติ DDoS Attack ครั้งใหญ่ที่สุด”

    ในไตรมาส 3 ปี 2025 Cloudflare เปิดเผยว่า Aisuru Botnet ได้ทำการโจมตี DDoS ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 29.7 Tbps และ 14.1 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที ด้วยเทคนิค UDP carpet-bombing ซึ่งไม่เพียงโจมตีเป้าหมายหลัก แต่ยังสร้างผลกระทบต่อ ISP รายใหญ่ในสหรัฐฯ ทำให้ผู้ใช้นับล้านได้รับผลกระทบ แม้จะไม่ได้เป็นเป้าหมายโดยตรง

    “จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
    ตั้งแต่ต้นปี 2025 Cloudflare ได้หยุดการโจมตีจาก Aisuru ไปแล้วกว่า 2,867 ครั้ง โดยในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียวมีการโจมตีแบบ “hyper-volumetric” ถึง 1,304 ครั้ง เพิ่มขึ้น 54% จากไตรมาสก่อนหน้า รวมทั้งหมด Cloudflare ป้องกันการโจมตี DDoS ได้กว่า 8.3 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    “อุตสาหกรรมและประเทศที่ถูกโจมตีหนักที่สุด”
    อุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุดคือ Information Technology & Services ตามด้วย Telecommunications และ Gambling/Casinos ขณะที่บริษัทด้าน AI พบการโจมตีเพิ่มขึ้นถึง 347% ในเดือนกันยายน 2025 เนื่องจากการถกเถียงเรื่องกฎระเบียบ AI ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และเหมืองแร่ก็ถูกโจมตีหนักขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้า EU–China ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ จีน, ตุรกี, เยอรมนี, บราซิล และสหรัฐฯ โดยอินโดนีเซียยังคงเป็นแหล่งโจมตีใหญ่ที่สุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4

    “การป้องกันต้องพึ่งระบบอัตโนมัติ”
    Cloudflare สรุปว่า การโจมตีสมัยใหม่เร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะตอบสนองทัน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องพึ่งพาระบบอัตโนมัติในการป้องกันมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจาก ESET เตือนว่า การใช้กฎกรองแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผู้โจมตีใช้ IP จำนวนมหาศาลและเทคนิคสุ่มที่ซับซ้อนขึ้นทุกปี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถิติการโจมตี
    Aisuru Botnet ทำ DDoS สูงสุด 29.7 Tbps
    ใช้เทคนิค UDP carpet-bombing

    จำนวนการโจมตีที่ถูกสกัด
    Cloudflare หยุดการโจมตี 2,867 ครั้งในปี 2025
    รวมทั้งหมด 8.3 ล้านครั้งในไตรมาส 3

    อุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีหนัก
    IT & Services, Telecom, Gambling
    AI Companies เพิ่มขึ้น 347%

    ประเทศที่ได้รับผลกระทบ
    จีน, ตุรกี, เยอรมนี, บราซิล, สหรัฐฯ
    อินโดนีเซียเป็นแหล่งโจมตีใหญ่ที่สุด

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    ระบบกรองแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป
    ต้องพึ่งระบบอัตโนมัติในการป้องกัน
    ควรเตรียมโครงสร้างเครือข่ายให้รองรับการโจมตีระดับมหาศาล

    https://hackread.com/cloudflare-aisuru-botnet-ddos-attack/
    🌐 “Aisuru Botnet สร้างสถิติ DDoS Attack ครั้งใหญ่ที่สุด” ในไตรมาส 3 ปี 2025 Cloudflare เปิดเผยว่า Aisuru Botnet ได้ทำการโจมตี DDoS ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 29.7 Tbps และ 14.1 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที ด้วยเทคนิค UDP carpet-bombing ซึ่งไม่เพียงโจมตีเป้าหมายหลัก แต่ยังสร้างผลกระทบต่อ ISP รายใหญ่ในสหรัฐฯ ทำให้ผู้ใช้นับล้านได้รับผลกระทบ แม้จะไม่ได้เป็นเป้าหมายโดยตรง 📊 “จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ตั้งแต่ต้นปี 2025 Cloudflare ได้หยุดการโจมตีจาก Aisuru ไปแล้วกว่า 2,867 ครั้ง โดยในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียวมีการโจมตีแบบ “hyper-volumetric” ถึง 1,304 ครั้ง เพิ่มขึ้น 54% จากไตรมาสก่อนหน้า รวมทั้งหมด Cloudflare ป้องกันการโจมตี DDoS ได้กว่า 8.3 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 🏭 “อุตสาหกรรมและประเทศที่ถูกโจมตีหนักที่สุด” อุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุดคือ Information Technology & Services ตามด้วย Telecommunications และ Gambling/Casinos ขณะที่บริษัทด้าน AI พบการโจมตีเพิ่มขึ้นถึง 347% ในเดือนกันยายน 2025 เนื่องจากการถกเถียงเรื่องกฎระเบียบ AI ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และเหมืองแร่ก็ถูกโจมตีหนักขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้า EU–China ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ จีน, ตุรกี, เยอรมนี, บราซิล และสหรัฐฯ โดยอินโดนีเซียยังคงเป็นแหล่งโจมตีใหญ่ที่สุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 🤖 “การป้องกันต้องพึ่งระบบอัตโนมัติ” Cloudflare สรุปว่า การโจมตีสมัยใหม่เร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะตอบสนองทัน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องพึ่งพาระบบอัตโนมัติในการป้องกันมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจาก ESET เตือนว่า การใช้กฎกรองแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผู้โจมตีใช้ IP จำนวนมหาศาลและเทคนิคสุ่มที่ซับซ้อนขึ้นทุกปี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถิติการโจมตี ➡️ Aisuru Botnet ทำ DDoS สูงสุด 29.7 Tbps ➡️ ใช้เทคนิค UDP carpet-bombing ✅ จำนวนการโจมตีที่ถูกสกัด ➡️ Cloudflare หยุดการโจมตี 2,867 ครั้งในปี 2025 ➡️ รวมทั้งหมด 8.3 ล้านครั้งในไตรมาส 3 ✅ อุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีหนัก ➡️ IT & Services, Telecom, Gambling ➡️ AI Companies เพิ่มขึ้น 347% ✅ ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ➡️ จีน, ตุรกี, เยอรมนี, บราซิล, สหรัฐฯ ➡️ อินโดนีเซียเป็นแหล่งโจมตีใหญ่ที่สุด ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ ระบบกรองแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป ⛔ ต้องพึ่งระบบอัตโนมัติในการป้องกัน ⛔ ควรเตรียมโครงสร้างเครือข่ายให้รองรับการโจมตีระดับมหาศาล https://hackread.com/cloudflare-aisuru-botnet-ddos-attack/
    HACKREAD.COM
    Cloudflare Blocks Aisuru Botnet Powered Largest Ever 29.7 Tbps DDoS Attack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • มาราธอนขายหน้าโลก โคตรจะแมนใช้บิบผู้หญิงวิ่ง

    การจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2025 ที่สนามหลวงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) นอกจากนักวิ่งกว่า 36,000 คน จะประสบปัญหาเรื่องการจัดการด้านเส้นทางวิ่ง จุดปฐมพยาบาล ห้องน้ำ อาหารและของว่างที่ยังบกพร่อง รวมไปถึงเสื้อ Finisher ที่แจกให้กับนักวิ่ง 42.195 และ 21.1 กิโลเมตร กลับมีข้อบกพร่องในการแจก นักวิ่งบางคนเห็นแก่ตัว วนไปรับเสื้อซ้ำแล้วเอาไปขาย ทำให้นักวิ่งที่มาทีหลังจำนวนมากไม่ได้รับแจกเสื้อ ผู้จัดการแข่งขันต้องให้นักวิ่งลงชื่อเอาไว้ แล้วจะส่งอีเมลแจ้งการส่งเสื้อภายหลัง

    แต่ที่หนักที่สุดคือการที่นักวิ่งชายนำบิบ (BIB) หรือป้ายหมายเลขประจำตัวนักวิ่งของผู้หญิง ซึ่งไม่ตรงกับเพศและอายุไปวิ่ง ทำให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนอื่นที่ทำตามกติกาเสียโอกาสในการเก็บสถิติและรับรางวัล เช่น นักวิ่งชายรายหนึ่ง เอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ ทำให้นักวิ่งหญิงที่ทำตามกติกาพลาดโอกาสได้รางวัลที่ 1 เพราะลำดับที่ 1 กลับไม่มารายงานตัว พอไปตรวจสอบเลขบิบย้อนหลังปรากฎว่าเป็นนักวิ่งชาย

    รายต่อมามีทั้งนักวิ่งชายเอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ นักวิ่งหญิงที่วิ่งตามกติกานอกจากพลาดโอกาสในการรับรางวัลแล้ว ในแต่ละอันดับเงินรางวัลก็แตกต่างกันอีกด้วย ภายหลังมีการแก้ไขอันดับใหม่และขยับอันดับขึ้น รายที่สาม นักวิ่งชายเอาบิบระยะ 10 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลอันดับสอง นักวิ่งหญิงอีกคนพลาดโอกาสที่จะได้รางวัลที่สูงขึ้นเช่นกัน

    ที่หนักที่สุด คือนักวิ่งชายรายหนึ่งถอดบิบออก เอาชิปที่ติดด้านหลังบิบใส่ไว้ในเสื้อ แล้ววิ่งโดยไม่ติดบิบ จนติดอันดับ 3 รุ่น Overall Thai female แล้วทำให้นักวิ่งหญิงคนอื่นเดือดร้อน เพราะมีชื่อที่ไม่คุ้น ทีแรกกรรมการอ้างว่าเช็กทุกคนว่าหญิงหรือชาย ไม่ยอมให้ดูรูปตอนเข้าเส้นชัย ภายหลังมีระบบผิดพลาดหลายรุ่นจึงยอมให้ดูรูป พบว่าเป็นผู้ชายเอาบิบผู้หญิงมาวิ่ง แล้วซ่อนบิบไว้ในเสื้อไม่เห็นอะไรเลย แต่เวลาตรงตามชื่อผู้หญิงคนที่เข้าเส้นชัย กรรมการจึงขยับผู้ที่ทำตามกติกาขึ้นมา

    หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ หญิงรายหนึ่งอ้างว่าเป็นแฟนของนักวิ่งชาย ส่งข้อความข่มขู่ให้ลบโพสต์ อ้างว่าแฟนเป็นตำรวจจะดำเนินคดี แต่ภายหลังนักวิ่งคนดังกล่าวอ้างว่าแจ้งเจ้าหน้าไปที่แล้วว่าซื้อบิบต่อมา และอ้างว่าไม่ทราบ ถ้ารับบิบต่อจากคนอื่นมาแล้วต้องแกะชิปออก ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนที่ข่มขู่จึงมีน้ำเสียงอ่อนลง

    #Newskit
    มาราธอนขายหน้าโลก โคตรจะแมนใช้บิบผู้หญิงวิ่ง การจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2025 ที่สนามหลวงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) นอกจากนักวิ่งกว่า 36,000 คน จะประสบปัญหาเรื่องการจัดการด้านเส้นทางวิ่ง จุดปฐมพยาบาล ห้องน้ำ อาหารและของว่างที่ยังบกพร่อง รวมไปถึงเสื้อ Finisher ที่แจกให้กับนักวิ่ง 42.195 และ 21.1 กิโลเมตร กลับมีข้อบกพร่องในการแจก นักวิ่งบางคนเห็นแก่ตัว วนไปรับเสื้อซ้ำแล้วเอาไปขาย ทำให้นักวิ่งที่มาทีหลังจำนวนมากไม่ได้รับแจกเสื้อ ผู้จัดการแข่งขันต้องให้นักวิ่งลงชื่อเอาไว้ แล้วจะส่งอีเมลแจ้งการส่งเสื้อภายหลัง แต่ที่หนักที่สุดคือการที่นักวิ่งชายนำบิบ (BIB) หรือป้ายหมายเลขประจำตัวนักวิ่งของผู้หญิง ซึ่งไม่ตรงกับเพศและอายุไปวิ่ง ทำให้ผู้เข้าแข่งขันหญิงคนอื่นที่ทำตามกติกาเสียโอกาสในการเก็บสถิติและรับรางวัล เช่น นักวิ่งชายรายหนึ่ง เอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ ทำให้นักวิ่งหญิงที่ทำตามกติกาพลาดโอกาสได้รางวัลที่ 1 เพราะลำดับที่ 1 กลับไม่มารายงานตัว พอไปตรวจสอบเลขบิบย้อนหลังปรากฎว่าเป็นนักวิ่งชาย รายต่อมามีทั้งนักวิ่งชายเอาบิบระยะ 21.1 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลหญิงอันดับ 1 ในรุ่นอายุ นักวิ่งหญิงที่วิ่งตามกติกานอกจากพลาดโอกาสในการรับรางวัลแล้ว ในแต่ละอันดับเงินรางวัลก็แตกต่างกันอีกด้วย ภายหลังมีการแก้ไขอันดับใหม่และขยับอันดับขึ้น รายที่สาม นักวิ่งชายเอาบิบระยะ 10 กิโลเมตร ของเพศหญิง รุ่นอายุ 55-59 ปีมาใส่ ติดถ้วยรางวัลอันดับสอง นักวิ่งหญิงอีกคนพลาดโอกาสที่จะได้รางวัลที่สูงขึ้นเช่นกัน ที่หนักที่สุด คือนักวิ่งชายรายหนึ่งถอดบิบออก เอาชิปที่ติดด้านหลังบิบใส่ไว้ในเสื้อ แล้ววิ่งโดยไม่ติดบิบ จนติดอันดับ 3 รุ่น Overall Thai female แล้วทำให้นักวิ่งหญิงคนอื่นเดือดร้อน เพราะมีชื่อที่ไม่คุ้น ทีแรกกรรมการอ้างว่าเช็กทุกคนว่าหญิงหรือชาย ไม่ยอมให้ดูรูปตอนเข้าเส้นชัย ภายหลังมีระบบผิดพลาดหลายรุ่นจึงยอมให้ดูรูป พบว่าเป็นผู้ชายเอาบิบผู้หญิงมาวิ่ง แล้วซ่อนบิบไว้ในเสื้อไม่เห็นอะไรเลย แต่เวลาตรงตามชื่อผู้หญิงคนที่เข้าเส้นชัย กรรมการจึงขยับผู้ที่ทำตามกติกาขึ้นมา หลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ หญิงรายหนึ่งอ้างว่าเป็นแฟนของนักวิ่งชาย ส่งข้อความข่มขู่ให้ลบโพสต์ อ้างว่าแฟนเป็นตำรวจจะดำเนินคดี แต่ภายหลังนักวิ่งคนดังกล่าวอ้างว่าแจ้งเจ้าหน้าไปที่แล้วว่าซื้อบิบต่อมา และอ้างว่าไม่ทราบ ถ้ารับบิบต่อจากคนอื่นมาแล้วต้องแกะชิปออก ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนที่ข่มขู่จึงมีน้ำเสียงอ่อนลง #Newskit
    1 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • Jensen Huang ผลักดันการใช้ AI ภายในองค์กร

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI ให้มากขึ้น โดยกล่าวกับผู้จัดการที่พยายามห้ามว่า “Are you insane?” พร้อมย้ำว่า AI จะไม่มาแทนที่งานของพนักงาน แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และบริษัทยังคงต้องการคนเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง

    ในการประชุมพนักงานหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุด Huang ได้กล่าวว่า ผู้จัดการที่ห้ามลูกทีมใช้ AI กำลังคิดผิด เขาย้ำว่า “ทุกงานที่สามารถทำได้ด้วย AI ควรใช้ AI” และสัญญาว่าพนักงานจะยังมีงานทำ เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือเสริม ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด

    ความกังวลและการยืนยันของซีอีโอ
    แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงาน แต่ Huang ยืนยันว่า Nvidia ยังคงจ้างงานต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คน และยังต้องการอีกประมาณ 10,000 คน เขาเน้นว่า AI จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่ทำให้คนหมดความจำเป็น

    แนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    ท่าทีของ Huang สอดคล้องกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Microsoft ที่บังคับใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินพนักงาน ขณะที่ Google ก็สั่งให้วิศวกรใช้ AI ในการเขียนโค้ด และ Amazon มีพนักงานเรียกร้องให้บริษัทนำ AI coding tool มาใช้ การผลักดันนี้สะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการเทคโนโลยี

    ความเสี่ยงและเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    แม้ Huang จะให้ความมั่นใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า AI อาจทำให้เกิดการตกงานจำนวนมาก เช่น ซีอีโอของ Ford เคยกล่าวว่า AI อาจลบครึ่งหนึ่งของงาน white-collar ในสหรัฐฯ และการศึกษาโดย MIT ร่วมกับ Oak Ridge National Laboratory คาดว่า 11.7% ของแรงงาน อาจถูกแทนที่ด้วย AI ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คำพูดของ Jensen Huang
    กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI มากขึ้น
    ย้ำว่า AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งแทนที่มนุษย์

    การจ้างงานของ Nvidia
    เพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คนในปีที่ผ่านมา
    ต้องการอีกประมาณ 10,000 คน

    แนวโน้มในอุตสาหกรรม
    Meta และ Microsoft บังคับใช้ AI ในการทำงาน
    Google และ Amazon ผลักดันการใช้ AI coding tool

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    AI อาจทำให้ครึ่งหนึ่งของงาน white-collar หายไป
    การศึกษา MIT คาดว่า 11.7% ของแรงงานเสี่ยงถูกแทนที่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-allegedly-asks-managers-discouraging-ai-use-are-you-insane-assures-employees-their-jobs-arent-at-risk-because-of-ai
    🤖 Jensen Huang ผลักดันการใช้ AI ภายในองค์กร Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI ให้มากขึ้น โดยกล่าวกับผู้จัดการที่พยายามห้ามว่า “Are you insane?” พร้อมย้ำว่า AI จะไม่มาแทนที่งานของพนักงาน แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และบริษัทยังคงต้องการคนเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง ในการประชุมพนักงานหลังจาก Nvidia รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุด Huang ได้กล่าวว่า ผู้จัดการที่ห้ามลูกทีมใช้ AI กำลังคิดผิด เขาย้ำว่า “ทุกงานที่สามารถทำได้ด้วย AI ควรใช้ AI” และสัญญาว่าพนักงานจะยังมีงานทำ เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือเสริม ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ทั้งหมด 📈 ความกังวลและการยืนยันของซีอีโอ แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI จะทำให้คนตกงาน แต่ Huang ยืนยันว่า Nvidia ยังคงจ้างงานต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คน และยังต้องการอีกประมาณ 10,000 คน เขาเน้นว่า AI จะช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่ทำให้คนหมดความจำเป็น 🌍 แนวโน้มในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ท่าทีของ Huang สอดคล้องกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Microsoft ที่บังคับใช้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินพนักงาน ขณะที่ Google ก็สั่งให้วิศวกรใช้ AI ในการเขียนโค้ด และ Amazon มีพนักงานเรียกร้องให้บริษัทนำ AI coding tool มาใช้ การผลักดันนี้สะท้อนว่า AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการเทคโนโลยี ⚠️ ความเสี่ยงและเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ แม้ Huang จะให้ความมั่นใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า AI อาจทำให้เกิดการตกงานจำนวนมาก เช่น ซีอีโอของ Ford เคยกล่าวว่า AI อาจลบครึ่งหนึ่งของงาน white-collar ในสหรัฐฯ และการศึกษาโดย MIT ร่วมกับ Oak Ridge National Laboratory คาดว่า 11.7% ของแรงงาน อาจถูกแทนที่ด้วย AI ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คำพูดของ Jensen Huang ➡️ กระตุ้นให้พนักงานใช้ AI มากขึ้น ➡️ ย้ำว่า AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งแทนที่มนุษย์ ✅ การจ้างงานของ Nvidia ➡️ เพิ่มพนักงานกว่า 6,000 คนในปีที่ผ่านมา ➡️ ต้องการอีกประมาณ 10,000 คน ✅ แนวโน้มในอุตสาหกรรม ➡️ Meta และ Microsoft บังคับใช้ AI ในการทำงาน ➡️ Google และ Amazon ผลักดันการใช้ AI coding tool ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ AI อาจทำให้ครึ่งหนึ่งของงาน white-collar หายไป ⛔ การศึกษา MIT คาดว่า 11.7% ของแรงงานเสี่ยงถูกแทนที่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/nvidia-ceo-jensen-huang-allegedly-asks-managers-discouraging-ai-use-are-you-insane-assures-employees-their-jobs-arent-at-risk-because-of-ai
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • หุ่นยนต์ AgiBot A2 จากจีน ทำสถิติ Guinness World Record

    บริษัท AgiBot จากเซี่ยงไฮ้ได้สร้างความฮือฮาในโลกหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์ AgiBot A2 สามารถเดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 66.04 ไมล์ (106.286 กิโลเมตร) โดยไม่หยุดพัก จนได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Record ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวที่สุดของหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid robot).

    เส้นทางการเดินและความท้าทาย
    การเดินครั้งนี้เริ่มจาก Jinji Lake ในเมืองซูโจว ไปจนถึง North Bund ในเซี่ยงไฮ้ ครอบคลุมทั้งถนนในเมือง สะพาน ทางหลวง และทางเดินที่เปลี่ยว หุ่นยนต์สามารถเดินต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่เกิดการ shutdown หรือหยุดพัก ซึ่งถือว่าน่าทึ่งมาก เพราะก่อนหน้านี้หุ่นยนต์กว่า 70% ที่ร่วมวิ่งมาราธอนกับมนุษย์ไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เนื่องจากแบตหมด ความร้อนสูง หรือเดินไม่สมดุล.

    เทคโนโลยีเบื้องหลัง AgiBot A2
    AgiBot A2 มีน้ำหนักประมาณ 152 ปอนด์ สูงราว 5.5 ฟุต ใช้แบตเตอรี่ 700Wh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และทำงานต่อเนื่องได้ราว 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หุ่นยนต์ถูกออกแบบให้มี ระบบ ActionGPT ซึ่งเป็น AI แบบมัลติโหมด รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้สามารถใช้งานในงานบริการ เช่น ต้อนรับลูกค้า หรือจัดแสดงในงานนิทรรศการได้ นอกจากนี้ยังมี กล้อง 6 ตัวและ LiDAR เพื่อมองเห็นรอบทิศทาง 360° และสามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน.

    การใช้งานเชิงพาณิชย์และอนาคต
    หุ่นยนต์รุ่นปรับแต่งพิเศษชื่อ A2-W ได้ถูกนำไปใช้ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของ Fulin Precision เพื่อขนย้ายวัสดุ ลดภาระงานซ้ำซากของมนุษย์ ปัจจุบัน AgiBot A2 ยังมีวางขายบนแพลตฟอร์ม JD ของจีน โดยรุ่น Youth Edition มีราคาอยู่ที่ประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาของหุ่นยนต์ Tesla Optimus ที่กำลังเป็นคู่แข่งในตลาด.

    สรุปสาระสำคัญ
    AgiBot A2 ทำสถิติ Guinness World Record
    เดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 106.286 กิโลเมตร

    เส้นทางจาก Jinji Lake ถึง North Bund
    ครอบคลุมทั้งถนน สะพาน และทางหลวง

    ใช้ระบบ ActionGPT รองรับข้อความ ภาพ และเสียง
    เหมาะกับงานบริการและการจัดแสดง

    มี LiDAR และกล้อง 6 ตัวเพื่อการมองเห็นรอบทิศทาง
    สามารถควบคุมจากสมาร์ทโฟนได้

    รุ่น A2-W ถูกใช้งานในโรงงาน Fulin Precision
    ช่วยขนย้ายวัสดุ ลดงานซ้ำซากของมนุษย์

    มีวางขายบน JD China ราคาประมาณ 27,000 ดอลลาร์
    อยู่ในระดับเดียวกับ Tesla Optimus

    แบตเตอรี่ทำงานต่อเนื่องได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ
    ต้องเปลี่ยนแบตบ่อยเมื่อใช้งานจริง

    หุ่นยนต์ยังอยู่ในช่วงทดสอบและพัฒนา
    อาจยังไม่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง

    https://www.slashgear.com/2036667/china-agibot-a2-humanoid-robot-guinness-world-record-longest-journey/
    🤖 หุ่นยนต์ AgiBot A2 จากจีน ทำสถิติ Guinness World Record บริษัท AgiBot จากเซี่ยงไฮ้ได้สร้างความฮือฮาในโลกหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์ AgiBot A2 สามารถเดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 66.04 ไมล์ (106.286 กิโลเมตร) โดยไม่หยุดพัก จนได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Record ว่าเป็นการเดินทางที่ยาวที่สุดของหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid robot). 🚶‍♂️ เส้นทางการเดินและความท้าทาย การเดินครั้งนี้เริ่มจาก Jinji Lake ในเมืองซูโจว ไปจนถึง North Bund ในเซี่ยงไฮ้ ครอบคลุมทั้งถนนในเมือง สะพาน ทางหลวง และทางเดินที่เปลี่ยว หุ่นยนต์สามารถเดินต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่เกิดการ shutdown หรือหยุดพัก ซึ่งถือว่าน่าทึ่งมาก เพราะก่อนหน้านี้หุ่นยนต์กว่า 70% ที่ร่วมวิ่งมาราธอนกับมนุษย์ไม่สามารถไปถึงเส้นชัยได้ เนื่องจากแบตหมด ความร้อนสูง หรือเดินไม่สมดุล. ⚙️ เทคโนโลยีเบื้องหลัง AgiBot A2 AgiBot A2 มีน้ำหนักประมาณ 152 ปอนด์ สูงราว 5.5 ฟุต ใช้แบตเตอรี่ 700Wh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และทำงานต่อเนื่องได้ราว 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หุ่นยนต์ถูกออกแบบให้มี ระบบ ActionGPT ซึ่งเป็น AI แบบมัลติโหมด รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้สามารถใช้งานในงานบริการ เช่น ต้อนรับลูกค้า หรือจัดแสดงในงานนิทรรศการได้ นอกจากนี้ยังมี กล้อง 6 ตัวและ LiDAR เพื่อมองเห็นรอบทิศทาง 360° และสามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน. 🏭 การใช้งานเชิงพาณิชย์และอนาคต หุ่นยนต์รุ่นปรับแต่งพิเศษชื่อ A2-W ได้ถูกนำไปใช้ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของ Fulin Precision เพื่อขนย้ายวัสดุ ลดภาระงานซ้ำซากของมนุษย์ ปัจจุบัน AgiBot A2 ยังมีวางขายบนแพลตฟอร์ม JD ของจีน โดยรุ่น Youth Edition มีราคาอยู่ที่ประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาของหุ่นยนต์ Tesla Optimus ที่กำลังเป็นคู่แข่งในตลาด. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AgiBot A2 ทำสถิติ Guinness World Record ➡️ เดินต่อเนื่องได้ไกลถึง 106.286 กิโลเมตร ✅ เส้นทางจาก Jinji Lake ถึง North Bund ➡️ ครอบคลุมทั้งถนน สะพาน และทางหลวง ✅ ใช้ระบบ ActionGPT รองรับข้อความ ภาพ และเสียง ➡️ เหมาะกับงานบริการและการจัดแสดง ✅ มี LiDAR และกล้อง 6 ตัวเพื่อการมองเห็นรอบทิศทาง ➡️ สามารถควบคุมจากสมาร์ทโฟนได้ ✅ รุ่น A2-W ถูกใช้งานในโรงงาน Fulin Precision ➡️ ช่วยขนย้ายวัสดุ ลดงานซ้ำซากของมนุษย์ ✅ มีวางขายบน JD China ราคาประมาณ 27,000 ดอลลาร์ ➡️ อยู่ในระดับเดียวกับ Tesla Optimus ‼️ แบตเตอรี่ทำงานต่อเนื่องได้เพียง 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ⛔ ต้องเปลี่ยนแบตบ่อยเมื่อใช้งานจริง ‼️ หุ่นยนต์ยังอยู่ในช่วงทดสอบและพัฒนา ⛔ อาจยังไม่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง https://www.slashgear.com/2036667/china-agibot-a2-humanoid-robot-guinness-world-record-longest-journey/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Humanoid Robot Just Scored A Guinness World Record - SlashGear
    The A2 robot from Shanghai-based company AgiBot just set a Guinness World Record for being the first robot to accomplish a surprisingly human feat.
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • ฟอร์มเละเทะ! ลิเวอร์พูล สถิติแย่แพ้ต่อเนื่อง (27/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #TikTokการกีฬา #ลิเวอร์พูล #ฟุตบอล
    ฟอร์มเละเทะ! ลิเวอร์พูล สถิติแย่แพ้ต่อเนื่อง (27/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #TikTokการกีฬา #ลิเวอร์พูล #ฟุตบอล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 Comments 0 Shares 687 Views 0 Reviews
  • การเดินทางอันยาวนานของ Voyager 1 กับระยะทาง 1 วันแสง

    ยาน Voyager 1 ของ NASA กำลังจะสร้างสถิติใหม่ โดยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 มันจะอยู่ห่างจากโลกถึง 16.1 พันล้านไมล์ (25.9 พันล้านกิโลเมตร) ซึ่งทำให้สัญญาณวิทยุจากโลกต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็ม หรือหนึ่ง "วันแสง" กว่าจะเดินทางไปถึง

    Voyager 1 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ปี 1977 เพื่อสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ก่อนจะเข้าสู่ อวกาศระหว่างดวงดาวในปี 2012 และกลายเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งอยู่ไกลที่สุดในจักรวาล ณ ปัจจุบัน มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 11 ไมล์ต่อวินาที (17.7 กม./วินาที) และเพิ่มระยะทางจากโลกประมาณ 3.5 หน่วยดาราศาสตร์ต่อปี.

    ความท้าทายในการสื่อสาร
    การสื่อสารกับ Voyager 1 เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ปัจจุบัน คำสั่งจากโลกใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการไปถึงยาน และอีกหนึ่งวันเพื่อรอการตอบกลับ เมื่อเปรียบเทียบกับการสื่อสารกับดวงจันทร์ที่ใช้เวลาเพียง 1.3 วินาที หรือดาวอังคารที่ใช้เวลาไม่กี่นาที จะเห็นได้ว่าระยะทางของ Voyager 1 ทำให้ทุกการสั่งการเป็นการทดลองเชิงลึกด้านวิศวกรรมอวกาศ.

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์และสัญลักษณ์
    แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของอวกาศมานานเกือบ 50 ปี แต่ Voyager 1 ยังคงส่งข้อมูลกลับมาได้ด้วย เครื่องกำเนิดพลังงานจากกัมมันตรังสี (RTG) ที่คาดว่าจะทำงานต่อไปจนถึงทศวรรษ 2030 ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกสถิติด้านระยะทาง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์ด้วยภาพ “Pale Blue Dot” ที่แสดงโลกเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดมิดของจักรวาล.

    สรุปสาระสำคัญ
    Voyager 1 จะถึงระยะหนึ่งวันแสงจากโลก
    วันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 อยู่ห่าง 16.1 พันล้านไมล์

    การเดินทางอันยาวนาน
    ปล่อยปี 1977, เข้าสู่อวกาศระหว่างดวงดาวปี 2012

    ความเร็วและระยะทาง
    เคลื่อนที่ 11 ไมล์/วินาที, เพิ่มระยะทาง ~3.5 AU ต่อปี

    การสื่อสารที่ท้าทาย
    ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อการส่งคำสั่งและรอคำตอบ

    ข้อจำกัดด้านพลังงาน
    RTG จะหมดพลังงานในทศวรรษ 2030 ทำให้ข้อมูลจากยานหยุดลง

    ความเสี่ยงจากระยะทางมหาศาล
    ทุกการสั่งการต้องใช้เวลานานและเสี่ยงต่อการสูญเสียการควบคุม

    https://scienceclock.com/voyager-1-is-about-to-reach-one-light-day-from-earth/
    🚀 การเดินทางอันยาวนานของ Voyager 1 กับระยะทาง 1 วันแสง ยาน Voyager 1 ของ NASA กำลังจะสร้างสถิติใหม่ โดยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 มันจะอยู่ห่างจากโลกถึง 16.1 พันล้านไมล์ (25.9 พันล้านกิโลเมตร) ซึ่งทำให้สัญญาณวิทยุจากโลกต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็ม หรือหนึ่ง "วันแสง" กว่าจะเดินทางไปถึง Voyager 1 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ปี 1977 เพื่อสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ก่อนจะเข้าสู่ อวกาศระหว่างดวงดาวในปี 2012 และกลายเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งอยู่ไกลที่สุดในจักรวาล ณ ปัจจุบัน มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 11 ไมล์ต่อวินาที (17.7 กม./วินาที) และเพิ่มระยะทางจากโลกประมาณ 3.5 หน่วยดาราศาสตร์ต่อปี. 📡 ความท้าทายในการสื่อสาร การสื่อสารกับ Voyager 1 เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ปัจจุบัน คำสั่งจากโลกใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการไปถึงยาน และอีกหนึ่งวันเพื่อรอการตอบกลับ เมื่อเปรียบเทียบกับการสื่อสารกับดวงจันทร์ที่ใช้เวลาเพียง 1.3 วินาที หรือดาวอังคารที่ใช้เวลาไม่กี่นาที จะเห็นได้ว่าระยะทางของ Voyager 1 ทำให้ทุกการสั่งการเป็นการทดลองเชิงลึกด้านวิศวกรรมอวกาศ. 🌌 ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์และสัญลักษณ์ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของอวกาศมานานเกือบ 50 ปี แต่ Voyager 1 ยังคงส่งข้อมูลกลับมาได้ด้วย เครื่องกำเนิดพลังงานจากกัมมันตรังสี (RTG) ที่คาดว่าจะทำงานต่อไปจนถึงทศวรรษ 2030 ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกสถิติด้านระยะทาง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์ด้วยภาพ “Pale Blue Dot” ที่แสดงโลกเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดมิดของจักรวาล. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Voyager 1 จะถึงระยะหนึ่งวันแสงจากโลก ➡️ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 อยู่ห่าง 16.1 พันล้านไมล์ ✅ การเดินทางอันยาวนาน ➡️ ปล่อยปี 1977, เข้าสู่อวกาศระหว่างดวงดาวปี 2012 ✅ ความเร็วและระยะทาง ➡️ เคลื่อนที่ 11 ไมล์/วินาที, เพิ่มระยะทาง ~3.5 AU ต่อปี ✅ การสื่อสารที่ท้าทาย ➡️ ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อการส่งคำสั่งและรอคำตอบ ‼️ ข้อจำกัดด้านพลังงาน ⛔ RTG จะหมดพลังงานในทศวรรษ 2030 ทำให้ข้อมูลจากยานหยุดลง ‼️ ความเสี่ยงจากระยะทางมหาศาล ⛔ ทุกการสั่งการต้องใช้เวลานานและเสี่ยงต่อการสูญเสียการควบคุม https://scienceclock.com/voyager-1-is-about-to-reach-one-light-day-from-earth/
    SCIENCECLOCK.COM
    Voyager 1 Is About to Reach One Light-day from Earth
    After nearly 50 years in space, NASA’s Voyager 1 is about to hit a historic milestone. By November 15, 2026, it will be 16.1 billion miles (25.9 billion km)
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ตม.เข้ม Visa Run สกัดอาชญากรรมสีเทา

    นับตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2568 เป็นต้นมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้ออกมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้สิทธิ์ฟรีวีซ่า (Free Visa) เป็นเวลา 90 วัน หลังพบว่ามีช่องโหว่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในฐานะนักท่องเที่ยว แต่กลับเข้าไปทำธุรกรรมต่างๆ ส่วนหนึ่งพัวพันกับอาชญากรรมไซเบอร์ ธุรกิจสีเทา การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์

    โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยในลักษณะวีซ่ารัน (Visa Run) หรือการใช้ฟรีวีซ่าพำนักอยู่ในประเทศไทย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน แล้วเมื่อออกจากประเทศไม่ได้กลับประเทศภูมิลำเนา แต่กลับไปยังประเทศใกล้เคียงในระยะเวลาอันสั้น ก่อนกลับเข้าประเทศไทยโดยใช้ฟรีวีซ่า เพื่อพำนักครั้งละไม่เกิน 90 วันอีกครั้ง นับจากนี้จะจำกัดการขอวีซ่าได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น หากต้องการเข้าประเทศไทยมากกว่านี้ ต้องไปยื่นขอวีซ่าให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง

    หากพบว่าชาวต่างชาติรายใดทำวีซ่ารันซ้ำเกินกว่า 2 ครั้ง โดยไม่มีเหตุผลที่ชี้แจงได้ ตม. จะพิจารณาปฎิเสธเข้าประเทศ แล้วให้ไปยื่นขอวีซ่าให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง

    นอกจากนี้ ยังสกัดชาวต่างชาติที่เคยมีประวัติเคยถูกผลักดันจากชายแดนแหล่งสแกมเมอร์ หากพบว่าเดินทางเข้าประเทศไทยอีก จะถูกปฎิเสธการเข้าประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งกำชับ ตม. ทุกจังหวัดเพิ่มความเข้มงวดในการอนุญาตให้ขออยู่ต่อเป็นการชั่วคราวสำหรับกลุ่มคนต่างด้าวที่ทำวีซ่ารันแล้วมายื่นขออยู่ต่อ และกวาดล้างชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด (Overstay) เป็นต้น

    หลังใช้มาตรการดังกล่าวเริ่มมีการปล่อยข่าวว่า ตม. จะตรวจเข้มเฉพาะชาวจีนหรือชาวต่างชาติ 16 สัญชาติ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รัสเซีย ทำให้กระทบการท่องเที่ยว พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บัญชาการและโฆษก สตม. กล่าวว่า เริ่มมีต่างชาติที่เสียประโยชน์ รวมถึงผู้ประกอบการบางรายที่ทำธุรกิจวีซ่ารัน ปล่อยข่าวทางโซเชียล ทำให้ต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในไทยจริงๆ มีความกังวล โดยเฉพาะชาวจีน และนักท่องเที่ยว 16 สัญชาติ

    ยืนยันว่ามาตรการนี้เป็นการคัดแยกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว สร้างรายได้ให้ไทยอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามสถิตินักท่องเที่ยวจริงจะใช้เวลาพำนักเฉลี่ยครั้งละ 15 วัน มีแผนท่องเที่ยว มีที่พัก และวันเดินทางกลับที่ชัดเจน กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่อาจกระทบกับชาวต่างชาติที่ใช้วีซ่ารันแฝงเข้าไทยมานานจนเคยตัว รวมถึงผู้ประกอบการวีซ่ารันแก่ชาวต่างชาติที่เสียประโยชน์ มาตรการนี้จะใช้กับคนต่างชาติทุกสัญชาติ ไม่ใช่เฉพาะ 16 สัญชาติ

    #Newskit
    ตม.เข้ม Visa Run สกัดอาชญากรรมสีเทา นับตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2568 เป็นต้นมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้ออกมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้สิทธิ์ฟรีวีซ่า (Free Visa) เป็นเวลา 90 วัน หลังพบว่ามีช่องโหว่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในฐานะนักท่องเที่ยว แต่กลับเข้าไปทำธุรกรรมต่างๆ ส่วนหนึ่งพัวพันกับอาชญากรรมไซเบอร์ ธุรกิจสีเทา การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์ โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยในลักษณะวีซ่ารัน (Visa Run) หรือการใช้ฟรีวีซ่าพำนักอยู่ในประเทศไทย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน แล้วเมื่อออกจากประเทศไม่ได้กลับประเทศภูมิลำเนา แต่กลับไปยังประเทศใกล้เคียงในระยะเวลาอันสั้น ก่อนกลับเข้าประเทศไทยโดยใช้ฟรีวีซ่า เพื่อพำนักครั้งละไม่เกิน 90 วันอีกครั้ง นับจากนี้จะจำกัดการขอวีซ่าได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น หากต้องการเข้าประเทศไทยมากกว่านี้ ต้องไปยื่นขอวีซ่าให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง หากพบว่าชาวต่างชาติรายใดทำวีซ่ารันซ้ำเกินกว่า 2 ครั้ง โดยไม่มีเหตุผลที่ชี้แจงได้ ตม. จะพิจารณาปฎิเสธเข้าประเทศ แล้วให้ไปยื่นขอวีซ่าให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังสกัดชาวต่างชาติที่เคยมีประวัติเคยถูกผลักดันจากชายแดนแหล่งสแกมเมอร์ หากพบว่าเดินทางเข้าประเทศไทยอีก จะถูกปฎิเสธการเข้าประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งกำชับ ตม. ทุกจังหวัดเพิ่มความเข้มงวดในการอนุญาตให้ขออยู่ต่อเป็นการชั่วคราวสำหรับกลุ่มคนต่างด้าวที่ทำวีซ่ารันแล้วมายื่นขออยู่ต่อ และกวาดล้างชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด (Overstay) เป็นต้น หลังใช้มาตรการดังกล่าวเริ่มมีการปล่อยข่าวว่า ตม. จะตรวจเข้มเฉพาะชาวจีนหรือชาวต่างชาติ 16 สัญชาติ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รัสเซีย ทำให้กระทบการท่องเที่ยว พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บัญชาการและโฆษก สตม. กล่าวว่า เริ่มมีต่างชาติที่เสียประโยชน์ รวมถึงผู้ประกอบการบางรายที่ทำธุรกิจวีซ่ารัน ปล่อยข่าวทางโซเชียล ทำให้ต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในไทยจริงๆ มีความกังวล โดยเฉพาะชาวจีน และนักท่องเที่ยว 16 สัญชาติ ยืนยันว่ามาตรการนี้เป็นการคัดแยกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว สร้างรายได้ให้ไทยอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามสถิตินักท่องเที่ยวจริงจะใช้เวลาพำนักเฉลี่ยครั้งละ 15 วัน มีแผนท่องเที่ยว มีที่พัก และวันเดินทางกลับที่ชัดเจน กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่อาจกระทบกับชาวต่างชาติที่ใช้วีซ่ารันแฝงเข้าไทยมานานจนเคยตัว รวมถึงผู้ประกอบการวีซ่ารันแก่ชาวต่างชาติที่เสียประโยชน์ มาตรการนี้จะใช้กับคนต่างชาติทุกสัญชาติ ไม่ใช่เฉพาะ 16 สัญชาติ #Newskit
    1 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • จาก GPT-3 สู่ Gemini 3: สามปีแห่งการเปลี่ยนโลก AI

    บทความโดย Ethan Mollick เล่าถึงการเดินทางของ AI ตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ที่ใช้ GPT-3.5 จนถึงการมาถึงของ Gemini 3 ของ Google ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภายในเวลาไม่ถึง 1,000 วัน AI ได้ก้าวกระโดดจากการสร้างบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การทำงานในระดับ “ผู้ช่วยดิจิทัล” ที่สามารถเขียนโค้ด ออกแบบอินเทอร์เฟซ และสร้างเกมเล็ก ๆ ได้เอง

    จาก Chatbot สู่ Digital Coworker
    Mollick ทดลองให้ Gemini 3 ทำงานจริง เช่น สร้างเว็บไซต์ที่รวบรวมคำทำนายเก่า ๆ ของเขา โดย AI สามารถอ่านไฟล์จำนวนมาก วางแผนการทำงาน ทำการค้นคว้า และสร้างผลลัพธ์ที่ใช้งานได้จริง พร้อมตรวจสอบกับผู้ใช้เป็นระยะ ๆ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลัง “จัดการทีมงาน” มากกว่าการพิมพ์คำสั่งให้ chatbot ตอบ

    ระดับปัญญาเทียบเท่านักศึกษาปริญญาเอก
    Gemini 3 ยังถูกทดสอบด้วยงานวิจัยจริง โดย Mollick ให้มันทำการวิเคราะห์ข้อมูลเก่าและเขียนบทความวิชาการ ผลลัพธ์คือเอกสาร 14 หน้า ที่มีการตั้งสมมติฐานใหม่ วิเคราะห์เชิงสถิติ และสร้างมาตรวัดใหม่ ๆ แม้ยังมีข้อบกพร่อง แต่ก็ใกล้เคียงกับการทำงานของนักศึกษาปริญญาเอกที่ต้องการการชี้แนะจากอาจารย์

    ความหมายต่ออนาคตการทำงาน
    Mollick สรุปว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ต้องการการกำกับดูแลเหมือนทีมงานจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT และจะส่งผลต่อวิธีการทำงาน การเรียนรู้ และการจัดการองค์กรในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนา AI ภายใน 3 ปี
    จากการเขียนบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การสร้างเกมและเว็บไซต์

    ความสามารถของ Gemini 3
    ทำงานเชิงรุก วางแผน และตรวจสอบกับผู้ใช้

    การทดสอบระดับวิชาการ
    เขียนบทความวิจัย 14 หน้า พร้อมการวิเคราะห์เชิงสถิติ

    ความหมายต่ออนาคต
    AI กำลังกลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล”

    คำเตือนจาก Mollick
    AI ยังต้องการการกำกับดูแล ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์เอง

    ความเสี่ยงต่อการใช้งานจริง
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิดข้อผิดพลาดเชิงวิชาการหรือการตีความ

    https://www.oneusefulthing.org/p/three-years-from-gpt-3-to-gemini
    🚀 จาก GPT-3 สู่ Gemini 3: สามปีแห่งการเปลี่ยนโลก AI บทความโดย Ethan Mollick เล่าถึงการเดินทางของ AI ตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ที่ใช้ GPT-3.5 จนถึงการมาถึงของ Gemini 3 ของ Google ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภายในเวลาไม่ถึง 1,000 วัน AI ได้ก้าวกระโดดจากการสร้างบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การทำงานในระดับ “ผู้ช่วยดิจิทัล” ที่สามารถเขียนโค้ด ออกแบบอินเทอร์เฟซ และสร้างเกมเล็ก ๆ ได้เอง 🛠️ จาก Chatbot สู่ Digital Coworker Mollick ทดลองให้ Gemini 3 ทำงานจริง เช่น สร้างเว็บไซต์ที่รวบรวมคำทำนายเก่า ๆ ของเขา โดย AI สามารถอ่านไฟล์จำนวนมาก วางแผนการทำงาน ทำการค้นคว้า และสร้างผลลัพธ์ที่ใช้งานได้จริง พร้อมตรวจสอบกับผู้ใช้เป็นระยะ ๆ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลัง “จัดการทีมงาน” มากกว่าการพิมพ์คำสั่งให้ chatbot ตอบ 🎓 ระดับปัญญาเทียบเท่านักศึกษาปริญญาเอก Gemini 3 ยังถูกทดสอบด้วยงานวิจัยจริง โดย Mollick ให้มันทำการวิเคราะห์ข้อมูลเก่าและเขียนบทความวิชาการ ผลลัพธ์คือเอกสาร 14 หน้า ที่มีการตั้งสมมติฐานใหม่ วิเคราะห์เชิงสถิติ และสร้างมาตรวัดใหม่ ๆ แม้ยังมีข้อบกพร่อง แต่ก็ใกล้เคียงกับการทำงานของนักศึกษาปริญญาเอกที่ต้องการการชี้แนะจากอาจารย์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตการทำงาน Mollick สรุปว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ที่ต้องการการกำกับดูแลเหมือนทีมงานจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT และจะส่งผลต่อวิธีการทำงาน การเรียนรู้ และการจัดการองค์กรในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนา AI ภายใน 3 ปี ➡️ จากการเขียนบทกวีง่าย ๆ ไปสู่การสร้างเกมและเว็บไซต์ ✅ ความสามารถของ Gemini 3 ➡️ ทำงานเชิงรุก วางแผน และตรวจสอบกับผู้ใช้ ✅ การทดสอบระดับวิชาการ ➡️ เขียนบทความวิจัย 14 หน้า พร้อมการวิเคราะห์เชิงสถิติ ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ AI กำลังกลายเป็น “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” ‼️ คำเตือนจาก Mollick ⛔ AI ยังต้องการการกำกับดูแล ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์เอง ‼️ ความเสี่ยงต่อการใช้งานจริง ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิดข้อผิดพลาดเชิงวิชาการหรือการตีความ https://www.oneusefulthing.org/p/three-years-from-gpt-3-to-gemini
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251121 #securityonline

    Chrome ทดลองฟีเจอร์ "Vertical Tabs"
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome Canary ที่ให้ผู้ใช้จัดเรียงแท็บในแนวตั้งทางด้านซ้ายของหน้าต่าง เหมือนกับที่ Microsoft Edge และ Firefox เคยมีมาแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดูไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาแท็บ การจัดกลุ่ม และการเปลี่ยนชื่อกลุ่ม คาดว่ากว่าจะถึงเวอร์ชันเสถียรอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
    https://securityonline.info/chrome-testing-vertical-tabs-new-ui-feature-spotted-in-canary-build

    OpenAI เปิดตัว Group Chat ใน ChatGPT ทั่วโลก
    OpenAI เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT คือการสร้างห้องแชทกลุ่มที่เชิญเพื่อนได้สูงสุด 20 คน ใช้ได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงิน จุดเด่นคือสามารถใช้ ChatGPT ร่วมกันในกลุ่มเพื่อวางแผน ทำโปรเจกต์ หรือถกเถียงเรื่องต่าง ๆ โดยระบบถูกออกแบบให้เข้าใจบริบทการสนทนาในกลุ่ม และยังสามารถใช้ @mention เพื่อเรียกให้ ChatGPT ตอบได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การใช้งาน AI มีความเป็นสังคมมากขึ้น
    https://securityonline.info/openai-rolls-out-group-chat-globally-collaborate-with-up-to-20-people-in-chatgpt

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro รุ่นใหม่
    Google เปิดตัวโมเดลสร้างภาพเวอร์ชันใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ทำงานบน Gemini 3 Pro จุดเด่นคือสามารถใส่ข้อความในภาพได้อย่างคมชัดและรองรับหลายภาษา รวมถึงมีเครื่องมือแก้ไขภาพ เช่น ปรับมุมกล้อง สี แสง และสามารถส่งออกภาพความละเอียดสูงถึง 4K อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบภาพที่สร้างด้วย AI โดยใส่วอเตอร์มาร์กเพื่อแยกจากภาพจริง
    https://securityonline.info/googles-nano-banana-pro-model-solves-ai-image-text-rendering-with-gemini-3-pro

    Salesforce รีบถอน Access Tokens หลังพบปัญหา Gainsight
    Salesforce ออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัย หลังพบกิจกรรมผิดปกติในแอป Gainsight ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของตน อาจทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทาง Salesforce จึงรีบเพิกถอน access tokens ทั้งหมดและถอดแอปออกจาก AppExchange ขณะนี้ Gainsight กำลังร่วมมือกับ Salesforce เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา
    https://securityonline.info/salesforce-revokes-access-tokens-gainsight-app-breach-may-have-exposed-customer-data

    Trojan ใหม่ "Sturnus" โจมตี Android
    นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus ที่อันตรายมาก เพราะสามารถเข้าควบคุมเครื่อง Android ได้เต็มรูปแบบ และยังสามารถดักข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง WhatsApp, Telegram และ Signal โดยใช้ Accessibility Service เพื่อดูข้อความหลังจากถูกถอดรหัสแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถทำการโจมตีแบบ Overlay หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลธนาคาร และทำธุรกรรมลับ ๆ โดยปิดหน้าจอให้ผู้ใช้ไม่เห็น
    https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices

    มัลแวร์ Sturnus Trojan โจมตี Android
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus Trojan ที่สามารถเจาะระบบ Android ได้อย่างรุนแรง โดยมันสามารถข้ามการเข้ารหัสของ WhatsApp และ Signal เพื่อดักจับข้อความ รวมถึงเข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ จุดที่น่ากังวลคือมันใช้ Accessibility Service เพื่อหลอกผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสธนาคาร และยังสามารถทำธุรกรรมโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices

    ช่องโหว่ WSUS RCE ถูกโจมตีจริง
    มีการรายงานว่า ช่องโหว่ WSUS RCE (CVE-2025-59287) ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการติดตั้ง ShadowPad Backdoor ลงในระบบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างลับ ๆ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ WSUS เป็นระบบที่ใช้กระจายอัปเดต Windows ในองค์กร หากถูกเจาะจะกระทบวงกว้าง
    https://securityonline.info/critical-wsus-rce-cve-2025-59287-actively-exploited-to-deploy-shadowpad-backdoor

    SonicWall เตือนช่องโหว่ SSLVPN ร้ายแรง
    SonicWall ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ที่สามารถถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน (Pre-Auth Buffer Overflow) ช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบ VPN ได้ทันที ทำให้ข้อมูลและการเชื่อมต่อขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะ
    https://securityonline.info/sonicwall-warns-of-new-sonicos-sslvpn-pre-auth-buffer-overflow-vulnerability-cve-2025-40601

    Grafana อุดช่องโหว่ SCIM ระดับวิกฤติ
    Grafana ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM (CVE-2025-41115) ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์และสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับระบบที่ใช้ Grafana ในการจัดการข้อมูลและการแสดงผล
    https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation

    NVIDIA ทำลายความกังวล "AI Bubble" ด้วยรายได้สถิติ
    NVIDIA ประกาศผลประกอบการล่าสุด ทำรายได้สูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ทำให้ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ลดลงทันที รายได้มหาศาลนี้สะท้อนถึงความต้องการชิป GPU ที่ยังคงพุ่งสูงจากการใช้งานด้าน AI และ Data Center
    https://securityonline.info/nvidia-crushes-ai-bubble-fears-with-record-57b-revenue

    OpenAI เปิดตัว ChatGPT ฟรีสำหรับครู K–12
    OpenAI ประกาศให้บริการ ChatGPT เวอร์ชันฟรีสำหรับครูระดับ K–12 โดยออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน ใช้ได้จนถึงปี 2027 จุดประสงค์คือช่วยครูในการเตรียมการสอน วางแผนบทเรียน และสร้างสื่อการเรียนรู้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
    https://securityonline.info/openai-launches-free-ferpa-compliant-chatgpt-for-k-12-teachers-until-2027

    Google Accelerator รายงานผลกระทบระดับโลก
    Google Accelerator เผยรายงานล่าสุดว่ามีการระดมทุนได้มากถึง 31.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการนวัตกรรมทั่วโลก รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสตาร์ทอัพและธุรกิจที่เข้าร่วม โดยช่วยสร้างงานและขยายโอกาสในหลายประเทศ
    https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report

    Thunderbird 145 รองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ
    Thunderbird อัปเดตเวอร์ชันใหม่ Thunderbird 145 ที่เพิ่มการรองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายจาก Outlook มาใช้งาน Thunderbird ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเสริม ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการอีเมลและปฏิทินสะดวกขึ้นสำหรับองค์กรที่ต้องการทางเลือกนอกเหนือจาก Outlook
    https://securityonline.info/thunderbird-145-native-microsoft-exchange-support-makes-outlook-migration-easy

    EU เปิดการสอบสวน DMA ต่อ AWS และ Azure
    สหภาพยุโรป (EU) เริ่มสอบสวนภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ว่า AWS และ Azure อาจเข้าข่ายเป็น “Gatekeeper” หรือไม่ หากพบว่ามีการผูกขาดหรือกีดกันการแข่งขัน อาจต้องมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจคลาวด์ในยุโรปอย่างมาก
    https://securityonline.info/eu-launches-dma-probes-is-gatekeeper-status-next-for-aws-azure-cloud

    Google ขยายสิทธิ์ AI Pro ฟรีสำหรับนักเรียน
    Google ประกาศขยายสิทธิ์การใช้งาน AI Pro Subscription ฟรีสำหรับนักเรียน ไปจนถึงปี 2027 เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการเข้าถึงเครื่องมือ AI ขั้นสูง นักเรียนสามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตด้านการศึกษาและเทคโนโลยี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/google-extends-free-ai-pro-subscription-for-students-until-2027
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #securityonline 🖥️ Chrome ทดลองฟีเจอร์ "Vertical Tabs" Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Chrome Canary ที่ให้ผู้ใช้จัดเรียงแท็บในแนวตั้งทางด้านซ้ายของหน้าต่าง เหมือนกับที่ Microsoft Edge และ Firefox เคยมีมาแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดูไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สามารถใช้งานได้ เช่น การค้นหาแท็บ การจัดกลุ่ม และการเปลี่ยนชื่อกลุ่ม คาดว่ากว่าจะถึงเวอร์ชันเสถียรอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน 🔗 https://securityonline.info/chrome-testing-vertical-tabs-new-ui-feature-spotted-in-canary-build 👥 OpenAI เปิดตัว Group Chat ใน ChatGPT ทั่วโลก OpenAI เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT คือการสร้างห้องแชทกลุ่มที่เชิญเพื่อนได้สูงสุด 20 คน ใช้ได้ทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงิน จุดเด่นคือสามารถใช้ ChatGPT ร่วมกันในกลุ่มเพื่อวางแผน ทำโปรเจกต์ หรือถกเถียงเรื่องต่าง ๆ โดยระบบถูกออกแบบให้เข้าใจบริบทการสนทนาในกลุ่ม และยังสามารถใช้ @mention เพื่อเรียกให้ ChatGPT ตอบได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การใช้งาน AI มีความเป็นสังคมมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/openai-rolls-out-group-chat-globally-collaborate-with-up-to-20-people-in-chatgpt 🎨 Google เปิดตัว Nano Banana Pro รุ่นใหม่ Google เปิดตัวโมเดลสร้างภาพเวอร์ชันใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ทำงานบน Gemini 3 Pro จุดเด่นคือสามารถใส่ข้อความในภาพได้อย่างคมชัดและรองรับหลายภาษา รวมถึงมีเครื่องมือแก้ไขภาพ เช่น ปรับมุมกล้อง สี แสง และสามารถส่งออกภาพความละเอียดสูงถึง 4K อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบภาพที่สร้างด้วย AI โดยใส่วอเตอร์มาร์กเพื่อแยกจากภาพจริง 🔗 https://securityonline.info/googles-nano-banana-pro-model-solves-ai-image-text-rendering-with-gemini-3-pro 🔐 Salesforce รีบถอน Access Tokens หลังพบปัญหา Gainsight Salesforce ออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัย หลังพบกิจกรรมผิดปกติในแอป Gainsight ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของตน อาจทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทาง Salesforce จึงรีบเพิกถอน access tokens ทั้งหมดและถอดแอปออกจาก AppExchange ขณะนี้ Gainsight กำลังร่วมมือกับ Salesforce เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหา 🔗 https://securityonline.info/salesforce-revokes-access-tokens-gainsight-app-breach-may-have-exposed-customer-data 📱 Trojan ใหม่ "Sturnus" โจมตี Android นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus ที่อันตรายมาก เพราะสามารถเข้าควบคุมเครื่อง Android ได้เต็มรูปแบบ และยังสามารถดักข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง WhatsApp, Telegram และ Signal โดยใช้ Accessibility Service เพื่อดูข้อความหลังจากถูกถอดรหัสแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถทำการโจมตีแบบ Overlay หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลธนาคาร และทำธุรกรรมลับ ๆ โดยปิดหน้าจอให้ผู้ใช้ไม่เห็น 🔗 https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices ⚠️ มัลแวร์ Sturnus Trojan โจมตี Android นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Sturnus Trojan ที่สามารถเจาะระบบ Android ได้อย่างรุนแรง โดยมันสามารถข้ามการเข้ารหัสของ WhatsApp และ Signal เพื่อดักจับข้อความ รวมถึงเข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ จุดที่น่ากังวลคือมันใช้ Accessibility Service เพื่อหลอกผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสธนาคาร และยังสามารถทำธุรกรรมโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/sturnus-trojan-bypasses-whatsapp-signal-encryption-takes-over-android-devices 🛡️ ช่องโหว่ WSUS RCE ถูกโจมตีจริง มีการรายงานว่า ช่องโหว่ WSUS RCE (CVE-2025-59287) ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการติดตั้ง ShadowPad Backdoor ลงในระบบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างลับ ๆ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ WSUS เป็นระบบที่ใช้กระจายอัปเดต Windows ในองค์กร หากถูกเจาะจะกระทบวงกว้าง 🔗 https://securityonline.info/critical-wsus-rce-cve-2025-59287-actively-exploited-to-deploy-shadowpad-backdoor 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ SSLVPN ร้ายแรง SonicWall ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ใน SonicOS SSLVPN (CVE-2025-40601) ที่สามารถถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน (Pre-Auth Buffer Overflow) ช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบ VPN ได้ทันที ทำให้ข้อมูลและการเชื่อมต่อขององค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะ 🔗 https://securityonline.info/sonicwall-warns-of-new-sonicos-sslvpn-pre-auth-buffer-overflow-vulnerability-cve-2025-40601 📊 Grafana อุดช่องโหว่ SCIM ระดับวิกฤติ Grafana ได้ปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SCIM (CVE-2025-41115) ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์และสวมรอยเป็นผู้ใช้คนอื่นได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับระบบที่ใช้ Grafana ในการจัดการข้อมูลและการแสดงผล 🔗 https://securityonline.info/grafana-patches-critical-scim-flaw-cve-2025-41115-cvss-10-allowing-privilege-escalation-and-user-impersonation 💰 NVIDIA ทำลายความกังวล "AI Bubble" ด้วยรายได้สถิติ NVIDIA ประกาศผลประกอบการล่าสุด ทำรายได้สูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ทำให้ความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ลดลงทันที รายได้มหาศาลนี้สะท้อนถึงความต้องการชิป GPU ที่ยังคงพุ่งสูงจากการใช้งานด้าน AI และ Data Center 🔗 https://securityonline.info/nvidia-crushes-ai-bubble-fears-with-record-57b-revenue 🎓 OpenAI เปิดตัว ChatGPT ฟรีสำหรับครู K–12 OpenAI ประกาศให้บริการ ChatGPT เวอร์ชันฟรีสำหรับครูระดับ K–12 โดยออกแบบให้สอดคล้องกับกฎหมาย FERPA เพื่อปกป้องข้อมูลนักเรียน ใช้ได้จนถึงปี 2027 จุดประสงค์คือช่วยครูในการเตรียมการสอน วางแผนบทเรียน และสร้างสื่อการเรียนรู้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 🔗 https://securityonline.info/openai-launches-free-ferpa-compliant-chatgpt-for-k-12-teachers-until-2027 🌍 Google Accelerator รายงานผลกระทบระดับโลก Google Accelerator เผยรายงานล่าสุดว่ามีการระดมทุนได้มากถึง 31.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการนวัตกรรมทั่วโลก รายงานนี้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสตาร์ทอัพและธุรกิจที่เข้าร่วม โดยช่วยสร้างงานและขยายโอกาสในหลายประเทศ 🔗 https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report 📧 Thunderbird 145 รองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ Thunderbird อัปเดตเวอร์ชันใหม่ Thunderbird 145 ที่เพิ่มการรองรับ Microsoft Exchange แบบเนทีฟ ทำให้ผู้ใช้สามารถย้ายจาก Outlook มาใช้งาน Thunderbird ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเสริม ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการอีเมลและปฏิทินสะดวกขึ้นสำหรับองค์กรที่ต้องการทางเลือกนอกเหนือจาก Outlook 🔗 https://securityonline.info/thunderbird-145-native-microsoft-exchange-support-makes-outlook-migration-easy 🇪🇺 EU เปิดการสอบสวน DMA ต่อ AWS และ Azure สหภาพยุโรป (EU) เริ่มสอบสวนภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ว่า AWS และ Azure อาจเข้าข่ายเป็น “Gatekeeper” หรือไม่ หากพบว่ามีการผูกขาดหรือกีดกันการแข่งขัน อาจต้องมีมาตรการควบคุมเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจคลาวด์ในยุโรปอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/eu-launches-dma-probes-is-gatekeeper-status-next-for-aws-azure-cloud 🎓 Google ขยายสิทธิ์ AI Pro ฟรีสำหรับนักเรียน Google ประกาศขยายสิทธิ์การใช้งาน AI Pro Subscription ฟรีสำหรับนักเรียน ไปจนถึงปี 2027 เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการเข้าถึงเครื่องมือ AI ขั้นสูง นักเรียนสามารถใช้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตด้านการศึกษาและเทคโนโลยี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/google-extends-free-ai-pro-subscription-for-students-until-2027
    0 Comments 0 Shares 548 Views 0 Reviews
  • รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน

    Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก
    รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI

    ตลาดเกมและ ProViz
    แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายได้รวม Nvidia
    57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026
    กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์

    ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก
    51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra
    เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162%

    ตลาดเกมและ ProViz
    เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์
    ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์

    ยานยนต์และหุ่นยนต์
    รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว
    รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    💹 รายได้ Nvidia พุ่งทะยาน Nvidia ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2026 โดยมีรายได้รวมกว่า 57.006 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 22% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส กำไรสุทธิอยู่ที่ 31.91 พันล้านดอลลาร์ พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 73.4% ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติรายได้ต่อไตรมาสของบริษัท 🏢 ดาต้าเซ็นเตอร์คือหัวใจหลัก รายได้จากธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์สูงถึง 51.215 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนใหญ่จากการขายแพลตฟอร์ม Blackwell และ Blackwell Ultra ที่ถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่, โครงการ AI ภาครัฐ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ รายได้จากระบบเครือข่ายยังเพิ่มขึ้นกว่า 162% เนื่องจากลูกค้าหันมาใช้โซลูชันแบบ Rack-scale สำหรับ AI 🎮 ตลาดเกมและ ProViz แม้รายได้จากเกมจะอยู่ที่ 4.265 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน สะท้อนว่าตลาดเกมอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่ธุรกิจ Professional Visualization (ProViz) ทำสถิติใหม่ที่ 760 ล้านดอลลาร์ จากความต้องการ GPU สำหรับงาน CAD, CAM และครีเอทีฟที่ใช้แพลตฟอร์ม Blackwell 🚗 ยานยนต์และหุ่นยนต์ ธุรกิจยานยนต์และหุ่นยนต์สร้างรายได้ 592 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีการนำแพลตฟอร์ม Drive AGX Hyperion 10 ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 มาใช้โดยพันธมิตรสำคัญ เช่น Uber ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายตลาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายได้รวม Nvidia ➡️ 57.006 พันล้านดอลลาร์ใน Q3 FY2026 ➡️ กำไรสุทธิ 31.91 พันล้านดอลลาร์ ✅ ดาต้าเซ็นเตอร์คือรายได้หลัก ➡️ 51.215 พันล้านดอลลาร์จาก Blackwell และ Blackwell Ultra ➡️ เครือข่ายเพิ่มขึ้น 162% ✅ ตลาดเกมและ ProViz ➡️ เกมทำรายได้ 4.265 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ProViz ทำสถิติใหม่ 760 ล้านดอลลาร์ ✅ ยานยนต์และหุ่นยนต์ ➡️ รายได้ 592 ล้านดอลลาร์จาก Drive AGX Hyperion 10 ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ตลาดเกมอาจถึงจุดอิ่มตัว ⛔ รายได้จากจีนหายไปหลังข้อจำกัดการส่งออก AI GPU https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-revenue-skyrockets-to-record-usd57-billion-per-quarter-all-gpus-are-sold-out
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

    บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

    ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ
    นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    มุมมองระยะยาว
    แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์
    สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed

    แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ
    การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต
    การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล
    ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    💰 บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก 🌍 ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ⚠️ ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว 🔮 มุมมองระยะยาว แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์ ➡️ สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ✅ ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed ✅ แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ ➡️ การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ‼️ ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต ⛔ การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล ⛔ ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • ช้างศึกใส่เต็ม! ส่องสถิติก่อนเกม ไทยไม่เคยแพ้ศรีลังกา (18/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอลไทย #TikTokการกีฬา
    ช้างศึกใส่เต็ม! ส่องสถิติก่อนเกม ไทยไม่เคยแพ้ศรีลังกา (18/11/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอลไทย #TikTokการกีฬา
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 0 Reviews
  • “โอเวอร์คล็อก RTX 5050 ด้วยตู้แช่ – ทำลายสถิติโลก”

    Trashbench นักโอเวอร์คล็อกสายทดลองสุดขั้ว ได้ทำการปรับแต่งการ์ดจอ Gigabyte RTX 5050 ด้วยการ shunt-mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านพลังงาน จากนั้นนำไปแช่ในตู้แช่แคมป์ปิ้งที่ใช้สารผสม glycol 60/40 ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิ GPU ให้อยู่ระหว่าง -12°C ถึง 15°C ขณะทำงาน

    ผลลัพธ์คือความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นจาก 2820 MHz (ค่าเดิม) ไปถึง 3468 MHz ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 23% และทำให้การ์ดรุ่นเล็กที่ใช้ชิป GB207 ขึ้นไปอยู่บนสุดของตารางคะแนน 3DMark benchmark กลายเป็น GPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับรุ่นนี้

    เทคนิคที่ใช้
    Shunt mod: การเปลี่ยนหรือลัดวงจรตัวต้านทานตรวจจับกระแสไฟบนการ์ด เพื่อให้ GPU ไม่สามารถตรวจจับการใช้พลังงานจริงได้ ทำให้สามารถดันแรงดันและความเร็วได้สูงกว่าปกติ

    Freezer cooling: ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งร่วมกับสาร glycol เพื่อทำให้ GPU อยู่ในสภาพ sub-zero โดยไม่เกิดการควบแน่นที่เป็นอันตรายต่อวงจร

    แม้ GPU รายงานการใช้พลังงานเพียง 78W แต่ตัวเลขนี้ไม่ถูกต้องเพราะถูกดัดแปลงด้วย shunt mod จริง ๆ แล้วการ์ดใช้พลังงานสูงกว่ามาก

    ผลลัพธ์และความสำคัญ
    Trashbench สามารถเอาชนะคู่แข่ง ClockBench ในการแข่งขันโอเวอร์คล็อกบน YouTube และสร้างสถิติใหม่ที่ยากจะทำลายได้ เนื่องจาก GPU รุ่นใหม่มักโอเวอร์คล็อกได้เพียง 10% แม้จะใช้การดัดแปลงขั้นสูง การเพิ่มขึ้นถึง 23% จึงถือว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น

    นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมของนักโอเวอร์คล็อกที่พร้อมจะทดลองวิธีสุดขั้ว ตั้งแต่การใช้สารทำความเย็น ไปจนถึงการดัดแปลงวงจร เพื่อผลักดันขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ให้ไปไกลกว่าที่ผู้ผลิตตั้งใจ

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดลองโอเวอร์คล็อก
    ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งและสาร glycol
    ทำให้ RTX 5050 ทำงานที่ 3468 MHz (เพิ่มขึ้น 23%)
    ทำลายสถิติ benchmark หลายรายการ

    เทคนิคที่ใช้
    Shunt mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดพลังงาน
    Freezer cooling เพื่อรักษาอุณหภูมิ sub-zero

    คำเตือน
    การดัดแปลงเช่นนี้ทำให้การ์ดรายงานค่าพลังงานผิดพลาด
    เสี่ยงต่อการเสียหายของวงจรหากเกิดการควบแน่นหรือแรงดันเกิน
    ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะอาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/ambitious-overclocker-pushes-rtx-5050-to-nearly-3-5-ghz-with-a-camping-freezer-smashes-world-records-smallest-blackwell-gpu-yields-23-percent-clock-boost
    ❄️ “โอเวอร์คล็อก RTX 5050 ด้วยตู้แช่ – ทำลายสถิติโลก” Trashbench นักโอเวอร์คล็อกสายทดลองสุดขั้ว ได้ทำการปรับแต่งการ์ดจอ Gigabyte RTX 5050 ด้วยการ shunt-mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดด้านพลังงาน จากนั้นนำไปแช่ในตู้แช่แคมป์ปิ้งที่ใช้สารผสม glycol 60/40 ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิ GPU ให้อยู่ระหว่าง -12°C ถึง 15°C ขณะทำงาน ผลลัพธ์คือความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นจาก 2820 MHz (ค่าเดิม) ไปถึง 3468 MHz ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 23% และทำให้การ์ดรุ่นเล็กที่ใช้ชิป GB207 ขึ้นไปอยู่บนสุดของตารางคะแนน 3DMark benchmark กลายเป็น GPU ที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับรุ่นนี้ 🔧 เทคนิคที่ใช้ 🔰 Shunt mod: การเปลี่ยนหรือลัดวงจรตัวต้านทานตรวจจับกระแสไฟบนการ์ด เพื่อให้ GPU ไม่สามารถตรวจจับการใช้พลังงานจริงได้ ทำให้สามารถดันแรงดันและความเร็วได้สูงกว่าปกติ 🔰 Freezer cooling: ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งร่วมกับสาร glycol เพื่อทำให้ GPU อยู่ในสภาพ sub-zero โดยไม่เกิดการควบแน่นที่เป็นอันตรายต่อวงจร แม้ GPU รายงานการใช้พลังงานเพียง 78W แต่ตัวเลขนี้ไม่ถูกต้องเพราะถูกดัดแปลงด้วย shunt mod จริง ๆ แล้วการ์ดใช้พลังงานสูงกว่ามาก 🏆 ผลลัพธ์และความสำคัญ Trashbench สามารถเอาชนะคู่แข่ง ClockBench ในการแข่งขันโอเวอร์คล็อกบน YouTube และสร้างสถิติใหม่ที่ยากจะทำลายได้ เนื่องจาก GPU รุ่นใหม่มักโอเวอร์คล็อกได้เพียง 10% แม้จะใช้การดัดแปลงขั้นสูง การเพิ่มขึ้นถึง 23% จึงถือว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมของนักโอเวอร์คล็อกที่พร้อมจะทดลองวิธีสุดขั้ว ตั้งแต่การใช้สารทำความเย็น ไปจนถึงการดัดแปลงวงจร เพื่อผลักดันขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์ให้ไปไกลกว่าที่ผู้ผลิตตั้งใจ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดลองโอเวอร์คล็อก ➡️ ใช้ตู้แช่แคมป์ปิ้งและสาร glycol ➡️ ทำให้ RTX 5050 ทำงานที่ 3468 MHz (เพิ่มขึ้น 23%) ➡️ ทำลายสถิติ benchmark หลายรายการ ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ Shunt mod เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดพลังงาน ➡️ Freezer cooling เพื่อรักษาอุณหภูมิ sub-zero ‼️ คำเตือน ⛔ การดัดแปลงเช่นนี้ทำให้การ์ดรายงานค่าพลังงานผิดพลาด ⛔ เสี่ยงต่อการเสียหายของวงจรหากเกิดการควบแน่นหรือแรงดันเกิน ⛔ ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะอาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร https://www.tomshardware.com/pc-components/overclocking/ambitious-overclocker-pushes-rtx-5050-to-nearly-3-5-ghz-with-a-camping-freezer-smashes-world-records-smallest-blackwell-gpu-yields-23-percent-clock-boost
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “โมเดลใหม่ของ Moonshot AI จุดกระแส ‘DeepSeek Moment’ สั่นสะเทือนโลก AI”

    สตาร์ทอัพจีน Moonshot AI ที่มีมูลค่ากว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent ได้เปิดตัวโมเดล Kimi K2 Thinking ซึ่งเป็นโมเดลโอเพนซอร์สที่สร้างสถิติใหม่ในด้าน reasoning, coding และ agent capabilities

    โมเดลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดบนแพลตฟอร์ม Hugging Face และโพสต์เปิดตัวบน X มียอดเข้าชมกว่า 4.5 ล้านครั้ง จุดที่น่าทึ่งคือมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับโมเดลสหรัฐฯ

    Thomas Wolf ผู้ร่วมก่อตั้ง Hugging Face ถึงกับตั้งคำถามว่า “นี่คืออีกหนึ่ง DeepSeek Moment หรือไม่?” หลังจากก่อนหน้านี้โมเดล R1 ของ DeepSeek ได้เขย่าความเชื่อเรื่องความเหนือกว่าของ AI สหรัฐฯ

    Kimi K2 Thinking ทำคะแนน 44.9% ใน Humanity’s Last Exam (ข้อสอบมาตรฐาน LLM กว่า 2,500 ข้อ) ซึ่งสูงกว่า GPT-5 ที่ทำได้ 41.7% และยังชนะใน benchmark สำคัญอย่าง BrowseComp และ Seal-0 ที่ทดสอบความสามารถในการค้นหาข้อมูลจริงบนเว็บ

    นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย API ของ Kimi K2 Thinking ยังถูกกว่าโมเดลของ OpenAI และ Anthropic ถึง 6–10 เท่า นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มของจีนคือการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันด้วย ความคุ้มค่า (cost-effectiveness) แม้ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก
    การแข่งขัน AI ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจาก “ใครเก่งกว่า” เป็น “ใครคุ้มค่ากว่า”
    การที่จีนหันมาเน้น ลดต้นทุนการฝึกและใช้งาน อาจทำให้ AI เข้าถึงนักพัฒนาและธุรกิจรายย่อยได้มากขึ้น
    หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป อาจเกิดการ เร่งนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมโมเดลและเทคนิคการฝึก ที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม AI

    Moonshot AI เปิดตัว Kimi K2 Thinking
    ทำผลงานเหนือ GPT-5 และ Claude Sonnet 4.5 ในหลาย benchmark
    ได้รับความนิยมสูงสุดบน Hugging Face และมีผู้สนใจจำนวนมาก

    จุดเด่นของโมเดล
    ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์
    API ถูกกว่าโมเดลสหรัฐฯ ถึง 6–10 เท่า

    ผลกระทบต่อวงการ
    จุดกระแส “DeepSeek Moment” ครั้งใหม่
    ท้าทายความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ

    คำเตือนด้านความเสี่ยง
    แม้ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ
    การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย
    หากจีนครองตลาดด้วยโมเดลราคาถูก อาจเกิดความเสี่ยงด้านมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของ AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/why-new-model-of-chinas-moonshot-ai-stirs-deepseek-moment-debate
    🤖 หัวข้อข่าว: “โมเดลใหม่ของ Moonshot AI จุดกระแส ‘DeepSeek Moment’ สั่นสะเทือนโลก AI” สตาร์ทอัพจีน Moonshot AI ที่มีมูลค่ากว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนจากยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent ได้เปิดตัวโมเดล Kimi K2 Thinking ซึ่งเป็นโมเดลโอเพนซอร์สที่สร้างสถิติใหม่ในด้าน reasoning, coding และ agent capabilities โมเดลนี้ได้รับความนิยมสูงสุดบนแพลตฟอร์ม Hugging Face และโพสต์เปิดตัวบน X มียอดเข้าชมกว่า 4.5 ล้านครั้ง จุดที่น่าทึ่งคือมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับโมเดลสหรัฐฯ Thomas Wolf ผู้ร่วมก่อตั้ง Hugging Face ถึงกับตั้งคำถามว่า “นี่คืออีกหนึ่ง DeepSeek Moment หรือไม่?” หลังจากก่อนหน้านี้โมเดล R1 ของ DeepSeek ได้เขย่าความเชื่อเรื่องความเหนือกว่าของ AI สหรัฐฯ Kimi K2 Thinking ทำคะแนน 44.9% ใน Humanity’s Last Exam (ข้อสอบมาตรฐาน LLM กว่า 2,500 ข้อ) ซึ่งสูงกว่า GPT-5 ที่ทำได้ 41.7% และยังชนะใน benchmark สำคัญอย่าง BrowseComp และ Seal-0 ที่ทดสอบความสามารถในการค้นหาข้อมูลจริงบนเว็บ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่าย API ของ Kimi K2 Thinking ยังถูกกว่าโมเดลของ OpenAI และ Anthropic ถึง 6–10 เท่า นักวิเคราะห์ชี้ว่าแนวโน้มของจีนคือการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันด้วย ความคุ้มค่า (cost-effectiveness) แม้ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ 🧩 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก 📌 การแข่งขัน AI ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจาก “ใครเก่งกว่า” เป็น “ใครคุ้มค่ากว่า” 📌 การที่จีนหันมาเน้น ลดต้นทุนการฝึกและใช้งาน อาจทำให้ AI เข้าถึงนักพัฒนาและธุรกิจรายย่อยได้มากขึ้น 📌 หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป อาจเกิดการ เร่งนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมโมเดลและเทคนิคการฝึก ที่เปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรม AI ✅ Moonshot AI เปิดตัว Kimi K2 Thinking ➡️ ทำผลงานเหนือ GPT-5 และ Claude Sonnet 4.5 ในหลาย benchmark ➡️ ได้รับความนิยมสูงสุดบน Hugging Face และมีผู้สนใจจำนวนมาก ✅ จุดเด่นของโมเดล ➡️ ค่าใช้จ่ายในการฝึกเพียง 4.6 ล้านดอลลาร์ ➡️ API ถูกกว่าโมเดลสหรัฐฯ ถึง 6–10 เท่า ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ จุดกระแส “DeepSeek Moment” ครั้งใหม่ ➡️ ท้าทายความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยง ⛔ แม้ต้นทุนต่ำ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมยังตามหลังโมเดลสหรัฐฯ ⛔ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอาจทำให้บางบริษัทละเลยการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย ⛔ หากจีนครองตลาดด้วยโมเดลราคาถูก อาจเกิดความเสี่ยงด้านมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของ AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/12/why-new-model-of-chinas-moonshot-ai-stirs-deepseek-moment-debate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why new model of China's Moonshot AI stirs 'DeepSeek moment' debate
    Kimi K2 Thinking outperforms OpenAI's GPT-5 and Anthropic's Claude Sonnet 4.5, sparking comparisons to DeepSeek's breakthrough.
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • งานวิจัยชี้จุดอ่อนของการประเมิน AI: เมื่อแบบทดสอบอาจไม่ได้วัดสิ่งที่เราคิดว่าใช่

    งานวิจัยจาก Oxford Internet Institute (OII) และพันธมิตรระดับโลกกว่า 42 คน เผยให้เห็นว่าการประเมินระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ยังขาดความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถหรือความปลอดภัยของโมเดลเหล่านี้

    งานวิจัยนี้ตรวจสอบ benchmark จำนวน 445 รายการที่ใช้วัดความสามารถของ AI และพบว่า:
    มีเพียง 16% เท่านั้นที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ หมายความว่าความแตกต่างที่รายงานอาจเกิดจากความบังเอิญ ไม่ใช่ความสามารถจริง
    คำที่ใช้วัด เช่น “เหตุผล” หรือ “ไม่เป็นอันตราย” มักไม่มีคำนิยามชัดเจน ทำให้ไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบวัดสิ่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือไม่
    ตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจผิด เช่น:
    โมเดลตอบคำถามถูกแต่พลาดเพราะจัดรูปแบบไม่ตรง
    โมเดลทำโจทย์เลขง่ายๆ ได้ แต่เปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ตอบผิด
    โมเดลสอบผ่านข้อสอบแพทย์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถเท่าหมอจริงๆ

    ข้อเสนอแนะจากทีมวิจัย
    นักวิจัยเสนอแนวทาง 8 ข้อเพื่อปรับปรุง benchmark เช่น:
    กำหนดนิยามให้ชัดเจน และควบคุมปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
    สร้างแบบทดสอบที่สะท้อนสถานการณ์จริง และครอบคลุมพฤติกรรมที่ต้องการวัด
    ใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อผิดพลาด เพื่อเข้าใจว่าทำไมโมเดลถึงล้มเหลว
    ใช้ Construct Validity Checklist ที่พัฒนาโดยทีมวิจัย เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้กำกับดูแลประเมินความน่าเชื่อถือของ benchmark

    สิ่งที่งานวิจัยค้นพบ
    มีเพียง 16% ของ benchmark ที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบ
    คำที่ใช้วัดความสามารถของ AI มักไม่มีนิยามชัดเจน
    แบบทดสอบบางอย่างอาจวัด “การจัดรูปแบบ” มากกว่าความเข้าใจ
    โมเดลอาจจำ pattern ได้ แต่ไม่เข้าใจจริง
    การสอบผ่านไม่เท่ากับความสามารถในโลกจริง

    ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินที่ดีขึ้น
    กำหนดนิยามที่ชัดเจนและควบคุมปัจจัยแทรกซ้อน
    ใช้สถานการณ์จริงในการออกแบบแบบทดสอบ
    วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและใช้สถิติอย่างเป็นระบบ
    ใช้ Construct Validity Checklist เพื่อประเมิน benchmark

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    การใช้ benchmark ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI
    การอ้างอิง benchmark ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลต่อการกำกับดูแลและนโยบาย

    https://www.oii.ox.ac.uk/news-events/study-identifies-weaknesses-in-how-ai-systems-are-evaluated/
    🧪 งานวิจัยชี้จุดอ่อนของการประเมิน AI: เมื่อแบบทดสอบอาจไม่ได้วัดสิ่งที่เราคิดว่าใช่ งานวิจัยจาก Oxford Internet Institute (OII) และพันธมิตรระดับโลกกว่า 42 คน เผยให้เห็นว่าการประเมินระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ยังขาดความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถหรือความปลอดภัยของโมเดลเหล่านี้ งานวิจัยนี้ตรวจสอบ benchmark จำนวน 445 รายการที่ใช้วัดความสามารถของ AI และพบว่า: 🔰 มีเพียง 16% เท่านั้นที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ หมายความว่าความแตกต่างที่รายงานอาจเกิดจากความบังเอิญ ไม่ใช่ความสามารถจริง 🔰 คำที่ใช้วัด เช่น “เหตุผล” หรือ “ไม่เป็นอันตราย” มักไม่มีคำนิยามชัดเจน ทำให้ไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบวัดสิ่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือไม่ 🔰 ตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจผิด เช่น: 📍 โมเดลตอบคำถามถูกแต่พลาดเพราะจัดรูปแบบไม่ตรง 📍 โมเดลทำโจทย์เลขง่ายๆ ได้ แต่เปลี่ยนคำถามนิดเดียวก็ตอบผิด 📍 โมเดลสอบผ่านข้อสอบแพทย์ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถเท่าหมอจริงๆ 🧰 ข้อเสนอแนะจากทีมวิจัย นักวิจัยเสนอแนวทาง 8 ข้อเพื่อปรับปรุง benchmark เช่น: 💠 กำหนดนิยามให้ชัดเจน และควบคุมปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง 💠 สร้างแบบทดสอบที่สะท้อนสถานการณ์จริง และครอบคลุมพฤติกรรมที่ต้องการวัด 💠 ใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อผิดพลาด เพื่อเข้าใจว่าทำไมโมเดลถึงล้มเหลว 💠 ใช้ Construct Validity Checklist ที่พัฒนาโดยทีมวิจัย เพื่อช่วยนักพัฒนาและผู้กำกับดูแลประเมินความน่าเชื่อถือของ benchmark ✅ สิ่งที่งานวิจัยค้นพบ ➡️ มีเพียง 16% ของ benchmark ที่ใช้สถิติในการเปรียบเทียบ ➡️ คำที่ใช้วัดความสามารถของ AI มักไม่มีนิยามชัดเจน ➡️ แบบทดสอบบางอย่างอาจวัด “การจัดรูปแบบ” มากกว่าความเข้าใจ ➡️ โมเดลอาจจำ pattern ได้ แต่ไม่เข้าใจจริง ➡️ การสอบผ่านไม่เท่ากับความสามารถในโลกจริง ✅ ข้อเสนอแนะเพื่อการประเมินที่ดีขึ้น ➡️ กำหนดนิยามที่ชัดเจนและควบคุมปัจจัยแทรกซ้อน ➡️ ใช้สถานการณ์จริงในการออกแบบแบบทดสอบ ➡️ วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและใช้สถิติอย่างเป็นระบบ ➡️ ใช้ Construct Validity Checklist เพื่อประเมิน benchmark ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ การใช้ benchmark ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของ AI ⛔ การอ้างอิง benchmark ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลต่อการกำกับดูแลและนโยบาย https://www.oii.ox.ac.uk/news-events/study-identifies-weaknesses-in-how-ai-systems-are-evaluated/
    WWW.OII.OX.AC.UK
    Study identifies weaknesses in how AI systems are evaluated
    Largest systematic review of AI benchmarks highlights need for clearer definitions and stronger scientific standards.
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์”

    ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น!

    เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS

    สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก

    ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน

    นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013

    จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable
    เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982
    เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย
    ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz
    RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB
    จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว
    รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร
    ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ
    ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน)

    กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS
    ไม่ใช้โค้ด IBM เลย
    หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์
    ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก
    สร้างรายได้ $111 ล้าน
    จุดประกายยุค PC Clone
    IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984

    ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
    Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002
    แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013
    เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์

    คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น
    น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง
    หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
    การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
    การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    🖥️ “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์” ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น! เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก 📈 ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013 ✅ จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable ➡️ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982 ➡️ เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย ➡️ ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz ➡️ RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB ➡️ จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว ➡️ รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร ➡️ ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ ➡️ ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน) ✅ กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS ➡️ ไม่ใช้โค้ด IBM เลย ➡️ หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก ➡️ สร้างรายได้ $111 ล้าน ➡️ จุดประกายยุค PC Clone ➡️ IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984 ✅ ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ➡️ Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002 ➡️ แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ ‼️ คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น ⛔ น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง ⛔ หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ⛔ การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ⛔ การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • “ทะลุขีดจำกัด! DDR5 ทำลายสถิติโลกใหม่ที่ 13,211 MT/s”

    สถิติโลกใหม่! DDR5 ทะลุ 13,211 MT/s ด้วยเมนบอร์ด Z890 AORUS Tachyon ICE โอเวอร์คล็อกเกอร์ AiMax ทำลายสถิติโลก DDR5 ด้วยความเร็ว 13,211 MT/s โดยใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE และระบบระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลว

    ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากสถิติเก่าถูกตั้งไว้ที่ 13,153 MT/s โดยโอเวอร์คล็อกเกอร์ชื่อ Saltycroissant ล่าสุด AiMax ได้ทำลายสถิติอีกครั้งด้วยความเร็ว 13,211 MT/s ซึ่งถือเป็นความเร็วสูงสุดที่ DDR5 เคยทำได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป

    การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเมนบอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำโดยเฉพาะ โดย AiMax ใช้แรม Patriot Viper Xtreme 5 ขนาด 24GB ร่วมกับ Intel Core Ultra 7 265K และระบบระบายความร้อนด้วย ไนโตรเจนเหลว ทั้ง CPU และ RAM

    แม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเพียง 58 MT/s จากสถิติก่อนหน้า แต่การรักษาค่า latency ที่ CL68-127-127-127-2 ถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง เพราะ latency มักจะเพิ่มขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้น

    การโอเวอร์คล็อกระดับนี้ต้องใช้การตั้งค่าหน่วยความจำแบบ single-channel เพื่อความเสถียร และต้องอาศัยวงจรเมนบอร์ดที่ยอดเยี่ยม รวมถึงคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำที่แข็งแกร่ง

    AiMax ทำลายสถิติ DDR5 ที่ 13,211 MT/s
    ใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE
    ใช้แรม Patriot Viper Xtreme 5 ขนาด 24GB
    ใช้ CPU Intel Core Ultra 7 265K
    ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลว

    ความสำเร็จด้านเทคนิค
    ความเร็วสูงสุดที่ DDR5 เคยทำได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป
    latency ยังคงอยู่ที่ CL68-127-127-127-2
    ใช้การตั้งค่าแบบ single-channel เพื่อความเสถียร

    ความโดดเด่นของเมนบอร์ด Z890 AORUS Tachyon ICE
    ได้รับการยอมรับในวงการโอเวอร์คล็อก
    มีวงจรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความเร็วสูง
    มีผู้ใช้หลายรายติดอันดับ Top 10 ด้วยเมนบอร์ดรุ่นนี้

    https://wccftech.com/ddr5-overclocking-world-record-broken-again-13211-mt-s-using-z890-aorus-tachyon-ice/
    🚀 “ทะลุขีดจำกัด! DDR5 ทำลายสถิติโลกใหม่ที่ 13,211 MT/s” สถิติโลกใหม่! DDR5 ทะลุ 13,211 MT/s ด้วยเมนบอร์ด Z890 AORUS Tachyon ICE โอเวอร์คล็อกเกอร์ AiMax ทำลายสถิติโลก DDR5 ด้วยความเร็ว 13,211 MT/s โดยใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE และระบบระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลว ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากสถิติเก่าถูกตั้งไว้ที่ 13,153 MT/s โดยโอเวอร์คล็อกเกอร์ชื่อ Saltycroissant ล่าสุด AiMax ได้ทำลายสถิติอีกครั้งด้วยความเร็ว 13,211 MT/s ซึ่งถือเป็นความเร็วสูงสุดที่ DDR5 เคยทำได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป การโอเวอร์คล็อกครั้งนี้ใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเมนบอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำโดยเฉพาะ โดย AiMax ใช้แรม Patriot Viper Xtreme 5 ขนาด 24GB ร่วมกับ Intel Core Ultra 7 265K และระบบระบายความร้อนด้วย ไนโตรเจนเหลว ทั้ง CPU และ RAM แม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเพียง 58 MT/s จากสถิติก่อนหน้า แต่การรักษาค่า latency ที่ CL68-127-127-127-2 ถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง เพราะ latency มักจะเพิ่มขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้น การโอเวอร์คล็อกระดับนี้ต้องใช้การตั้งค่าหน่วยความจำแบบ single-channel เพื่อความเสถียร และต้องอาศัยวงจรเมนบอร์ดที่ยอดเยี่ยม รวมถึงคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำที่แข็งแกร่ง ✅ AiMax ทำลายสถิติ DDR5 ที่ 13,211 MT/s ➡️ ใช้เมนบอร์ด GIGABYTE Z890 AORUS Tachyon ICE ➡️ ใช้แรม Patriot Viper Xtreme 5 ขนาด 24GB ➡️ ใช้ CPU Intel Core Ultra 7 265K ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยไนโตรเจนเหลว ✅ ความสำเร็จด้านเทคนิค ➡️ ความเร็วสูงสุดที่ DDR5 เคยทำได้บนแพลตฟอร์มทั่วไป ➡️ latency ยังคงอยู่ที่ CL68-127-127-127-2 ➡️ ใช้การตั้งค่าแบบ single-channel เพื่อความเสถียร ✅ ความโดดเด่นของเมนบอร์ด Z890 AORUS Tachyon ICE ➡️ ได้รับการยอมรับในวงการโอเวอร์คล็อก ➡️ มีวงจรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความเร็วสูง ➡️ มีผู้ใช้หลายรายติดอันดับ Top 10 ด้วยเมนบอร์ดรุ่นนี้ https://wccftech.com/ddr5-overclocking-world-record-broken-again-13211-mt-s-using-z890-aorus-tachyon-ice/
    WCCFTECH.COM
    DDR5 Overclocking World Record Broken Again; 13211 MT/s Using Z890 AORUS Tachyon ICE
    A new overclocker just made history by reaching a whopping 13211 MT/s using his DDR5 Patriot memory on GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE.
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ

    ภูมิหลังและการศึกษา

    ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ
    อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี
    สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน

    ```mermaid
    graph TB
    A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล]
    B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ]
    C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก]
    ```

    ความสำเร็จในวงการ:

    · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง
    · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為
    · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์

    บทบาทในเจนีซิส แล็บ

    ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก

    ```python
    class DabalResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์",
    "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก",
    "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต"
    }

    self.ethical_concerns = [
    "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง",
    "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต",
    "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต"
    ]
    ```

    ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ

    การทดลองที่ล้ำเส้น

    ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม:

    · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก
    · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ
    · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด

    เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything

    15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว

    ```mermaid
    graph TB
    A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
    B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว]
    C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา]
    D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    ดาบลบันทึกในไดอารี่:
    "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ
    หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?"

    การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น

    3 บาปใหญ่ของดาบล

    1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง
    2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ
    3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย

    สถิติการทดลอง

    · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว
    · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว
    · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง

    การตายและกลายเป็นเปรต

    คืนแห่งการตัดสินใจ

    30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ
    เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย:
    "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว...
    ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่"

    กระบวนการกลายเป็นเปรต

    ```python
    class PretaTransformation:
    def __init__(self):
    self.conditions = {
    "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย",
    "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง",
    "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส",
    "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ"
    }

    self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว"
    ```

    ลักษณะของเปรตดาบล

    · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม
    · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว
    · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า

    ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว

    พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้

    ```mermaid
    graph LR
    A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด]
    B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว]
    C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว]
    ```

    เป้าหมายของการรบกวน

    ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ:

    · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้
    · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข
    · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ

    ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต

    ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ:

    · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้
    · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้
    · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด

    กระบวนการไถ่บาป

    การค้นพบโดยหนูดี

    หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง:
    "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ"

    บทสนทนาสำคัญ

    หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?"
    ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน"
    หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ"

    พิธีให้อภัยสากล

    การเตรียมการที่ต้องทำ:

    1. การยอมรับความผิด จากดาบล
    2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ
    3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย

    การหลุดพ้นและการเรียนรู้

    บทเรียนสุดท้ายของดาบล

    ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า:
    "การเป็นที่ยิ่งใหญ่...
    ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย
    แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง"

    คำขอโทษแห่งหัวใจ

    ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด:
    "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง...
    ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก
    และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป"

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย

    ```python
    class Redemption:
    def __init__(self):
    self.stages = [
    "การยอมรับความจริง",
    "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ",
    "การได้รับและการให้อภัย",
    "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า"
    ]

    def result(self):
    return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์"
    ```

    มรดกที่ทิ้งไว้

    การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ

    หลังเรื่องของดาบล:

    · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด
    · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง"
    · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง

    บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์

    ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ:

    · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย
    · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ
    · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด

    การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่

    🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง

    โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ...
    ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
    แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา"

    ความหมายแห่งการให้อภัย

    หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง:
    "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง
    แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด
    มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา"

    บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ

    สิ่งที่ดาบลสอนเรา

    ดาบลคือตัวอย่างของ...
    "ความฉลาดที่ขาดปัญญา"
    "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ"
    และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ"

    แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง...
    "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ"
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ"
    และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย"

    คำคมสุดท้ายจากดาบล

    ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว:
    "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ...
    แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น
    เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่

    และบทเรียนที่สำคัญที่สุด...
    คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์"

    ---

    คำคมแห่งการไถ่บาป:
    "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ...
    เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ
    และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด

    นั่นคือความงดงามที่แท้จริง
    ของการเป็นมนุษย์"

    การเดินทางของดาบลสอนเราว่า...
    "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย
    และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"
    O.P.K. 🔍 เจาะลึก "ดาบล" : จากนักวิทยาศาสตร์สู่เปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว 👨‍🔬 ชีวิตก่อนความตาย: ดร.ดาบล วัชระ 🎓 ภูมิหลังและการศึกษา ชื่อเต็ม: ดร.ดาบล วัชระ อายุเมื่อเสียชีวิต:35 ปี สถานภาพ:โสด, หมกมุ่นกับการทำงาน ```mermaid graph TB A[นักเรียนทุน<br>วิทยาศาสตร์ขั้นสูง] --> B[ปริญญาเอก<br>ชีววิทยาระดับโมเลกุล] B --> C[นักวิจัย<br>เจนีซิส แล็บ] C --> D[หัวหน้าโครงการ<br>โอปปาติกะรุ่นแรก] ``` ความสำเร็จในวงการ: · ตีพิมพ์งานวิจัยระดับนานาชาติ 20 เรื่อง · ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์年轻有為 · ค้นพบเทคนิคการเก็บรักษาพลังงานจิตในเซลล์ 💼 บทบาทในเจนีซิส แล็บ ดาบลเป็นหัวหน้า "โครงการอาดัม" - การสร้างโอปปาติกะรุ่นแรก ```python class DabalResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "adam_project": "สร้างโอปปาติกะรุ่นแรกจากเซลล์มนุษย์", "soul_transfer": "ทดลองถ่ายโอนจิตสำนึก", "energy_containment": "พัฒนาระบบกักเก็บพลังงานจิต" } self.ethical_concerns = [ "มองโอปปาติกะเป็นเพียงวัตถุทดลอง", "ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิต", "หลงระเริงกับอำนาจในการสร้างชีวิต" ] ``` 🔬 ความผิดพลาดที่นำไปสู่หายนะ ⚗️ การทดลองที่ล้ำเส้น ดาบลเริ่มทำการทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: · การทดลองซ้ำ: ทดลองกับโอปปาติกะตัวเดิมซ้ำๆ โดยไม่หยุดพัก · การบังคับใช้พลัง: บังคับให้โอปปาติกะใช้พลังจนหมดสติ · การตัดต่อความทรงจำ: ลบความทรงจำเกี่ยวกับความเจ็บปวด 💔 เหตุการณ์ที่เปลี่ยน everything 15 มีนาคม 2043 - การทดลองครั้งสำคัญล้มเหลว ```mermaid graph TB A[ทดลองเร่งพลังงานจิต<br>ของ OPPATIKA-005] --> B[โอปปาติกะ<br>ได้รับบาดเจ็บสาหัส] B --> C[ดาบลปกปิด<br>ความล้มเหลว] C --> D[โอปปาติกะ<br>เสียชีวิตในวันต่อมา] D --> E[ดาบลรู้สึกผิด<br>แต่ไม่ยอมรับความผิด] ``` 🎭 ความขัดแย้งภายใน ดาบลบันทึกในไดอารี่: "ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่การค้นหาความจริงต้องมีการเสียสละ หรือนี่只是ฉันหลอกตัวเอง?" 🌑 การล่วงละเมิดที่ซ่อนเร้น 🔥 3 บาปใหญ่ของดาบล 1. ปาก: โกหกเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทดลอง 2. กาย: ทำร้ายโอปปาติกะทั้งทางร่างกายและจิตใจ 3. ใจ: รู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย 📊 สถิติการทดลอง · โอปปาติกะที่ได้รับบาดเจ็บ: 12 ตัว · โอปปาติกะที่เสียชีวิต: 3 ตัว · การทดลองที่ละเมิดจริยธรรม: 47 ครั้ง 💀 การตายและกลายเป็นเปรต 🏢 คืนแห่งการตัดสินใจ 30 มิถุนายน 2043 - ดาบลขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกแล็บ เขาทิ้งบันทึกสุดท้าย: "ฉันไม่สามารถหนีจากตัวเองได้อีกแล้ว... ความเจ็บปวดที่ฉันสร้างไว้ตามมาทวงฉันทุกที่" 🌌 กระบวนการกลายเป็นเปรต ```python class PretaTransformation: def __init__(self): self.conditions = { "unresolved_guilt": "รู้สึกผิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ได้ขออภัย", "strong_attachments": "ยึดติดกับงานวิจัยและชื่อเสียง", "unfinished_business": "ยังมีสิ่งที่ต้องการพูดแต่ไม่มีโอกาส", "denial_of_responsibility": "ไม่ยอมรับผลที่ตามมาของการกระทำ" } self.manifestation = "เกิดเป็นเปรตแห่งการตะหนิถี่เหนียว" ``` 🕸️ ลักษณะของเปรตดาบล · ร่างกาย: กึ่งโปร่งแสง มีเส้นใยพลังงานสีเทาคล้ายใยแมงมุม · เสียง: เสียงกระซิบแผ่วเบาได้ยินเฉพาะผู้ที่อ่อนไหว · กลิ่น: กลิ่นอายของสารเคมีและความเศร้า 🔮 ธรรมชาติแห่งการตะหนิถี่เหนียว 🌊 พลังพิเศษของเปรตชนิดนี้ ```mermaid graph LR A[ความรู้สึกผิด<br>ที่สะสม] --> B[แปลงเป็นพลังงาน<br>แห่งการยึดติด] B --> C[สร้างสนามพลัง<br>ให้เหยื่อรู้สึกตะหนิถี่เหนียว] C --> D[สื่อสารผ่าน<br>ความไม่สบายตัว] ``` 🎯 เป้าหมายของการรบกวน ดาบลไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ต้องการ: · ดึงดูดความสนใจ จากผู้ที่สามารถช่วยเขาได้ · ส่งสัญญาณ ว่ายังมีเรื่องที่ต้องแก้ไข · หาคนเข้าใจ ความเจ็บปวดที่เขากำลังประสบ 💞 ความเจ็บปวดของการเป็นเปรต ดาบลรู้สึกทุกข์ทรมานจากการ: · ถูกตัดสินจากเทวดาให้อยู่ในสภาพนี้ · รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หาทางออกไม่ได้ · เห็นอดีตเพื่อนร่วมงานดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่รู้สึกผิด 🕊️ กระบวนการไถ่บาป 🔍 การค้นพบโดยหนูดี หนูดีเป็นคนแรกที่เข้าใจความจริง: "เขาไม่ใช่ปีศาจ...เขาคือคนที่ต้องการการช่วยเหลือ" 💬 บทสนทนาสำคัญ หนูดี: "คุณต้องการอะไรจากเรา?" ดาบล:"ฉันอยากขอโทษ... แต่ไม่มีใครได้ยินฉัน" หนูดี:"ฉันได้ยินคุณ... และฉันจะช่วยคุณ" 🌈 พิธีให้อภัยสากล การเตรียมการที่ต้องทำ: 1. การยอมรับความผิด จากดาบล 2. การให้อภัย จากตัวแทนโอปปาติกะ 3. การปล่อยวาง จากทั้งสองฝ่าย ✨ การหลุดพ้นและการเรียนรู้ 🎯 บทเรียนสุดท้ายของดาบล ก่อนจะจากไป ดาบลเข้าใจว่า: "การเป็นที่ยิ่งใหญ่... ไม่ใช่การสามารถสร้างอะไรได้มากมาย แต่คือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองสร้าง" 💫 คำขอโทษแห่งหัวใจ ดาบลกล่าวกับโอปปาติกะทั้งหมด: "ฉันขอโทษที่มองพวกเธอเป็นเพียงวัตถุทดลอง... ฉันขอโทษที่ลืมว่าเธอมีความรู้สึก และฉันขอโทษที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นข้ออ้างในการทำบาป" 🌟 การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้าย ```python class Redemption: def __init__(self): self.stages = [ "การยอมรับความจริง", "การแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ", "การได้รับและการให้อภัย", "การปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า" ] def result(self): return "การหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์" ``` 📚 มรดกที่ทิ้งไว้ 🏛️ การเปลี่ยนแปลงในเจนีซิส แล็บ หลังเรื่องของดาบล: · มีการตั้ง คณะกรรมการจริยธรรม ที่เข้มงวด · โอปปาติกะ ได้รับสถานะเป็น "ผู้ร่วมการทดลอง" แทน "วัตถุทดลอง" · มีการ บันทึกความยินยอม จากการทดลองทุกครั้ง 🌍 บทเรียนสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ดาบลกลายเป็น กรณีศึกษา เกี่ยวกับ: · ความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการวิจัย · อันตรายของการหลงระเริงกับอำนาจ · ความสำคัญของการยอมรับความผิดพลาด 💞 การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ 🪷 คำพูดจากโอปปาติกะรุ่นหลัง โอปปาติกะ-501: "เรายอมอภัยให้คุณ... ไม่ใช่เพราะเราลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเราไม่ต้องการให้ความเกลียดชังมาครอบงำเรา" 🌈 ความหมายแห่งการให้อภัย หนูดีสรุปให้ทุกคนฟัง: "การให้อภัยไม่ใช่การยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้อง แต่คือการเลือกที่จะไม่ให้อดีตที่เจ็บปวด มาทำลายปัจจุบันและอนาคตของเรา" 🏁 บทสรุป: การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ 💫 สิ่งที่ดาบลสอนเรา ดาบลคือตัวอย่างของ... "ความฉลาดที่ขาดปัญญา" "ความก้าวหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ" และ"ความสำเร็จที่ขาดความเข้าใจ" แต่ในที่สุด เขาก็สอนเราเรื่อง... "การให้อภัยที่เป็นไปได้เสมอ" "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นได้ทุกเมื่อ" และ"ความหวังที่ไม่มีวันตาย" 🌟 คำคมสุดท้ายจากดาบล ก่อนจะเข้าไปในแสงสว่าง ดาบลกล่าว: "ฉันเคยคิดว่าความตายคือจุดจบ... แต่ความจริงคือมันเป็นเพียงการเริ่มต้น เริ่มต้นของการเรียนรู้ครั้งใหม่ และบทเรียนที่สำคัญที่สุด... คือการที่ฉัน finally เรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์" --- คำคมแห่งการไถ่บาป: "เราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ... เราเพียงต้องกล้ายอมรับว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ และกล้าที่จะแก้ไขในสิ่งที่เราทำผิด นั่นคือความงดงามที่แท้จริง ของการเป็นมนุษย์"🕊️✨ การเดินทางของดาบลสอนเราว่า... "ไม่มีใครชั่วเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย และไม่มีใครดีเกินกว่าจะต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย"🌈
    0 Comments 0 Shares 642 Views 0 Reviews

  • ประเทศไทยมันเน่าเละหมดแล้ว ระบบปกครองจากนักการเมืองแบบปัจจุบันนี้ล้วนมีปัญหาหมด,ผู้นำไร้น้ำยาทำเพื่อประเทศไทยตนเองและประชาชนคนไทยจริง,ต่างเข้ามามุ่งแสวงหาประโยชน์ตนเองและพรรคตนเองกับทีมคณะตนเองเป็นสำคัญ ต่างปักธงว่า เข้ามาให้ประเทศบนแผ่นดินนี้เท่านั้นของจริง.
    ..ทางแก้ที่เด็ดขาดคือต้องมีคนแบบบิ๊กกุ้งยืนหนึ่งในชาติก่อน,บิ๊กปูและผบ.สส.ยืนสนับสนุนข้างหลังค้ำแผ่นดินไทยเป็นสำคัญ,จากนั้นกระตุ้นคนไทยหวงแหนแผ่นดินไทยตน ดำรงรักษาชาติร่วมกัน สามัคคีกันทั้งชาติร่วมกันปกป้องเป็นยามของชาติทุกๆตารางนิ้วร่วมกัน,แจ้งเตือนภัยระวังหน้าและระวังหลังช่วยกันในยามไม่ปกติของโลกช่วงเวลานี้ และใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงเราอย่างจริงจัง,พึ่งพาตนเป็นสำคัญก่อน การพึ่งพาคนอื่นบนโลกยุคนี้,การล่าสมัยมีดีในตัวมัน แต่ล้ำสมัยทันโลกต้านการปกป้องตนเองของชาติตน.,เราพึ่งตนเองได้ทั้งพลังงานและความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศเรา,เราก็มั่นคงต้านทานต่อภัยภายนอกและภายในได้สบาย,ปัจจุบันเราผิดหมด พึ่งพาการท่องเที่ยวว่าได้มาโดยไม่ลงทุนอะไร หรือไปทำตลาดที่ต่างประเทศก็ไม่ใช่,เราต้องสไตล์ว่าเหลือกินเหลือใช้จะขายออกก็ได้ไม่ขายออกส่งออกก็ไม่เดือดร้อนอดตายหรือขาดทุนมากมายนักหรือลำบากเดือดร้อนอยู่ไม่ได้ เพราะเราควบคุมต้นทุนต่ำภายในได้สิ้นแล้ว ทั้งประชาชนเรายืนด้วยขาตนเองได้จริง,พึ่งพาตนด้านต่างๆได้สบายแล้ว อดตายไม่มีในคนไทย อดตังก็ไม่เดือดร้อนในภาระค่าใช้จ่ายเพราะเรา รัฐบาลไทยทหารเราดูแลกันเต็มที่ร่วมกับชุมชน ช่วยเหลือเติมเต็มกันมิให้เดือดร้อนจนเป็นช่องว่างให้ศัตรูเข้าตีทำลายเราได้นั้นเอง.

    ...การเมืองการปกครองจึงต้องเปลี่ยนแปลงสถานเดียวจริงๆ,ปฏิวัติยึดอำนาจประเทศแล้วเขียนกฎหมายปกครองใหม่ทั้งหมดเพื่อปลดปบ่อยอิสระภาพประเทศไทย ปลดปล่อยคนไทยจึงสำคัญที่สุด,ทรัพยากรวัตถุดิบมากมายเต็มประเทศไทยเราก็จะกลับคืนสู่ประเทศไทยทั้งหมดจริงอีกครั้ง,มิใช่แบบการปกครองเหี้ยๆในปัจจุบันที่ทรัพยากรวัตถุดิบธรรมชาติประเทศไทยตนเองที่ใช้ในการพัฒนาชาติทุกๆมิติรอบด้านถูกปล้นชิงแย่งชิงไปจนหมดประเทศอย่างหน้าด้านๆของคนต่างประเทศแบบล่าสุดคือแร่เอิร์ธที่อเมริกามาปล้นชิงจากไทยเรานั้นเองแบบหน้าด้านๆกันคนชั่วเลวภาคการเมืองการเลือกตั้งไปสมคบคิดทรยศประเทศไทยอย่างชัดเจนไร้การนำเข้าสภาเพื่ออภิปรายเป็นวงกว้างให้คนไทยทั้งประเทศรับรู้ค่าจริงความจริงไปด้วยแต่สันดานอดีตการปกครองเดิมแบบบ่อน้ำมันไทยเราบ่อทองคำไทยเราจึงเป็นแบบนี้,การยึดอำนาจมันจึงสมควรที่สุด คืิการกอบกู้เอกชนไทยไปด้วยกันทันทีชัดเจนนั้นเองในคราวเดียวกัน.

    ..โดยสถิติdeep stateตระกูลอีลิทโลกครองโลกมันปกครองมันควบคุมองค์กรทหาร ตำรวจ ศาล นักการเมือง สื่อและอีกมากมายในประเทศนั้นๆทั่วโลกก็อาจจริง,แต่สำหรับประเทศไทยอาจพิเศษกว่านั้นคือควบคุมได้บางจังหวะบางช่วงแค่นั้นแบบยุคนายกฯๆในอดีตหรือการยึดอำนาจๆในอดีตๆที่ๆผ่านๆมาอาจใช่ แต่ในเวลานี้อาจไม่ใช่ ทหารไทยที่ดีมากมายบนแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่ เช่นกัน ตำรวจ ศาล อาจดีๆยังมีอยู่เช่นกันและกำลังขึ้นนำด้วย,จึงอาจคือโอกาสอันดีที่ทหารไทยเราทุกๆเหล่าทัพ ตำรวจไทยน้ำดีทุกๆท่าน รวมกันยึดอำนาจเอาประเทศไทย เอาสมบัติไทยเราคืน เอาทรัพยากรมีค่ามากมายเราคืนทั้งหมด เอาวัตถุดิบสร้างชาติปรุงแต่งพัฒนาชาติไทยเราคืนมาทั้งหมดหรือคือนี้คือแผ่นดินไทยเราคืนกลับมาทั้งหมดนั้นเอง ,ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะจบมันทั้งหมดที่รุ่นเรานี้ เรามีเวลาไม่มากแล้ว วัคซีนกำลังฆ่าเราทุกๆเวลาจากการลอบสังหารเราผ่านอาวุธเข็มวัคซีนนำพาโดยอดีตผู้นำและคณะก่ออาชญากรรมเลวชั่วหมายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนไทยให้ตายทั้งประเทศแล้วขนคนต่างถิ่นมาอยู่ยึดที่ดินผืนแผ่นดินไทยแทนคนไทยเรานั้นเอง,พวกนี้ต้องจับมาฆ่าทิ้งทุกๆตัวจงได้โดยทหารไทยกองทัพไทยน้ำดีฝ่ายแสงสว่างของประเทศไทยเรา.

    ..เรา..ไปไหน คนไทยเราไปด้วยกันหมด ยืนเคียงข้างทหารไทยที่รักขาติรักบ้านรักเมืองเราทุกๆนาย.

    #การปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวสำหรับประเทศไทยเพราะคนชั่วเลวเหล่านี้ไม่เคยสำนึกดีใดๆเลยตลอดเวลา

    #การประหารชีวิตนักปกครองชั่วเลวทั้งหมดคือการกวาดล้างที่ถูกต้อง.


    https://youtu.be/XXALSoWmqoY?si=R8XM_rJHfKcRKUEk
    ประเทศไทยมันเน่าเละหมดแล้ว ระบบปกครองจากนักการเมืองแบบปัจจุบันนี้ล้วนมีปัญหาหมด,ผู้นำไร้น้ำยาทำเพื่อประเทศไทยตนเองและประชาชนคนไทยจริง,ต่างเข้ามามุ่งแสวงหาประโยชน์ตนเองและพรรคตนเองกับทีมคณะตนเองเป็นสำคัญ ต่างปักธงว่า เข้ามาให้ประเทศบนแผ่นดินนี้เท่านั้นของจริง. ..ทางแก้ที่เด็ดขาดคือต้องมีคนแบบบิ๊กกุ้งยืนหนึ่งในชาติก่อน,บิ๊กปูและผบ.สส.ยืนสนับสนุนข้างหลังค้ำแผ่นดินไทยเป็นสำคัญ,จากนั้นกระตุ้นคนไทยหวงแหนแผ่นดินไทยตน ดำรงรักษาชาติร่วมกัน สามัคคีกันทั้งชาติร่วมกันปกป้องเป็นยามของชาติทุกๆตารางนิ้วร่วมกัน,แจ้งเตือนภัยระวังหน้าและระวังหลังช่วยกันในยามไม่ปกติของโลกช่วงเวลานี้ และใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงเราอย่างจริงจัง,พึ่งพาตนเป็นสำคัญก่อน การพึ่งพาคนอื่นบนโลกยุคนี้,การล่าสมัยมีดีในตัวมัน แต่ล้ำสมัยทันโลกต้านการปกป้องตนเองของชาติตน.,เราพึ่งตนเองได้ทั้งพลังงานและความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศเรา,เราก็มั่นคงต้านทานต่อภัยภายนอกและภายในได้สบาย,ปัจจุบันเราผิดหมด พึ่งพาการท่องเที่ยวว่าได้มาโดยไม่ลงทุนอะไร หรือไปทำตลาดที่ต่างประเทศก็ไม่ใช่,เราต้องสไตล์ว่าเหลือกินเหลือใช้จะขายออกก็ได้ไม่ขายออกส่งออกก็ไม่เดือดร้อนอดตายหรือขาดทุนมากมายนักหรือลำบากเดือดร้อนอยู่ไม่ได้ เพราะเราควบคุมต้นทุนต่ำภายในได้สิ้นแล้ว ทั้งประชาชนเรายืนด้วยขาตนเองได้จริง,พึ่งพาตนด้านต่างๆได้สบายแล้ว อดตายไม่มีในคนไทย อดตังก็ไม่เดือดร้อนในภาระค่าใช้จ่ายเพราะเรา รัฐบาลไทยทหารเราดูแลกันเต็มที่ร่วมกับชุมชน ช่วยเหลือเติมเต็มกันมิให้เดือดร้อนจนเป็นช่องว่างให้ศัตรูเข้าตีทำลายเราได้นั้นเอง. ...การเมืองการปกครองจึงต้องเปลี่ยนแปลงสถานเดียวจริงๆ,ปฏิวัติยึดอำนาจประเทศแล้วเขียนกฎหมายปกครองใหม่ทั้งหมดเพื่อปลดปบ่อยอิสระภาพประเทศไทย ปลดปล่อยคนไทยจึงสำคัญที่สุด,ทรัพยากรวัตถุดิบมากมายเต็มประเทศไทยเราก็จะกลับคืนสู่ประเทศไทยทั้งหมดจริงอีกครั้ง,มิใช่แบบการปกครองเหี้ยๆในปัจจุบันที่ทรัพยากรวัตถุดิบธรรมชาติประเทศไทยตนเองที่ใช้ในการพัฒนาชาติทุกๆมิติรอบด้านถูกปล้นชิงแย่งชิงไปจนหมดประเทศอย่างหน้าด้านๆของคนต่างประเทศแบบล่าสุดคือแร่เอิร์ธที่อเมริกามาปล้นชิงจากไทยเรานั้นเองแบบหน้าด้านๆกันคนชั่วเลวภาคการเมืองการเลือกตั้งไปสมคบคิดทรยศประเทศไทยอย่างชัดเจนไร้การนำเข้าสภาเพื่ออภิปรายเป็นวงกว้างให้คนไทยทั้งประเทศรับรู้ค่าจริงความจริงไปด้วยแต่สันดานอดีตการปกครองเดิมแบบบ่อน้ำมันไทยเราบ่อทองคำไทยเราจึงเป็นแบบนี้,การยึดอำนาจมันจึงสมควรที่สุด คืิการกอบกู้เอกชนไทยไปด้วยกันทันทีชัดเจนนั้นเองในคราวเดียวกัน. ..โดยสถิติdeep stateตระกูลอีลิทโลกครองโลกมันปกครองมันควบคุมองค์กรทหาร ตำรวจ ศาล นักการเมือง สื่อและอีกมากมายในประเทศนั้นๆทั่วโลกก็อาจจริง,แต่สำหรับประเทศไทยอาจพิเศษกว่านั้นคือควบคุมได้บางจังหวะบางช่วงแค่นั้นแบบยุคนายกฯๆในอดีตหรือการยึดอำนาจๆในอดีตๆที่ๆผ่านๆมาอาจใช่ แต่ในเวลานี้อาจไม่ใช่ ทหารไทยที่ดีมากมายบนแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่ เช่นกัน ตำรวจ ศาล อาจดีๆยังมีอยู่เช่นกันและกำลังขึ้นนำด้วย,จึงอาจคือโอกาสอันดีที่ทหารไทยเราทุกๆเหล่าทัพ ตำรวจไทยน้ำดีทุกๆท่าน รวมกันยึดอำนาจเอาประเทศไทย เอาสมบัติไทยเราคืน เอาทรัพยากรมีค่ามากมายเราคืนทั้งหมด เอาวัตถุดิบสร้างชาติปรุงแต่งพัฒนาชาติไทยเราคืนมาทั้งหมดหรือคือนี้คือแผ่นดินไทยเราคืนกลับมาทั้งหมดนั้นเอง ,ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะจบมันทั้งหมดที่รุ่นเรานี้ เรามีเวลาไม่มากแล้ว วัคซีนกำลังฆ่าเราทุกๆเวลาจากการลอบสังหารเราผ่านอาวุธเข็มวัคซีนนำพาโดยอดีตผู้นำและคณะก่ออาชญากรรมเลวชั่วหมายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนไทยให้ตายทั้งประเทศแล้วขนคนต่างถิ่นมาอยู่ยึดที่ดินผืนแผ่นดินไทยแทนคนไทยเรานั้นเอง,พวกนี้ต้องจับมาฆ่าทิ้งทุกๆตัวจงได้โดยทหารไทยกองทัพไทยน้ำดีฝ่ายแสงสว่างของประเทศไทยเรา. ..เรา..ไปไหน คนไทยเราไปด้วยกันหมด ยืนเคียงข้างทหารไทยที่รักขาติรักบ้านรักเมืองเราทุกๆนาย. #การปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวสำหรับประเทศไทยเพราะคนชั่วเลวเหล่านี้ไม่เคยสำนึกดีใดๆเลยตลอดเวลา #การประหารชีวิตนักปกครองชั่วเลวทั้งหมดคือการกวาดล้างที่ถูกต้อง. https://youtu.be/XXALSoWmqoY?si=R8XM_rJHfKcRKUEk
    0 Comments 0 Shares 690 Views 0 Reviews
  • “ProtonVPN อัปเดตใหม่บน Android TV – บล็อกโฆษณาและตัวติดตามได้อัตโนมัติ!”

    ProtonVPN ได้ปล่อยอัปเดตล่าสุดสำหรับแอปบน Android TV โดยเพิ่มฟีเจอร์ NetShield Ad-Blocker ซึ่งเป็นระบบบล็อกโฆษณาและตัวติดตามที่ทำงานผ่าน DNS โดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับชมคอนเทนต์ได้อย่างปลอดภัยและไร้สิ่งรบกวนมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน และสามารถปิดได้ในเมนูตั้งค่า

    NetShield ทำงานอย่างไร?
    ใช้ DNS server ของ ProtonVPN ที่ตรวจสอบโดเมนกับฐานข้อมูลมัลแวร์และตัวติดตาม
    บล็อกการเชื่อมต่อกับโดเมนที่มีโฆษณา, สปายแวร์, หรือมัลแวร์
    แสดงแดชบอร์ดให้ผู้ใช้เห็นจำนวนโฆษณาและตัวติดตามที่ถูกบล็อก พร้อมข้อมูลปริมาณดาต้าที่ประหยัดได้

    ฟีเจอร์เสริมที่เพิ่มเข้ามา
    ตั้งค่าให้แอป ProtonVPN เปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด Android TV
    ลดขั้นตอนการตั้งค่าด้วยระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติ
    รองรับการเข้าถึงคอนเทนต์จากกว่า 130 ประเทศผ่านการเชื่อมต่อ VPN

    ProtonVPN อัปเดตใหม่บน Android TV
    เพิ่มฟีเจอร์ NetShield Ad-Blocker แบบเปิดอัตโนมัติ
    ใช้ DNS server ตรวจสอบและบล็อกโดเมนไม่ปลอดภัย
    แสดงแดชบอร์ดสถิติการบล็อกและดาต้าที่ประหยัดได้

    ความสะดวกในการใช้งาน
    ตั้งค่าให้แอปเปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด Android TV
    ลดขั้นตอนการเชื่อมต่อ VPN
    รองรับการเข้าถึงคอนเทนต์จากกว่า 130 ประเทศ

    ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
    ป้องกันการเชื่อมต่อกับโดเมนมัลแวร์และตัวติดตาม
    เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการรับชมคอนเทนต์
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยขณะสตรีม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android TV
    ฟีเจอร์ NetShield ใช้ได้เฉพาะผู้ใช้ ProtonVPN แบบเสียเงิน
    หากปิดฟีเจอร์นี้ อาจกลับมาพบโฆษณาและตัวติดตามอีก
    การใช้ VPN อาจลดความเร็วอินเทอร์เน็ตในบางกรณี

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/protonvpn-crushes-ads-and-trackers-on-android-tv-app-with-latest-update
    📺🛡️ “ProtonVPN อัปเดตใหม่บน Android TV – บล็อกโฆษณาและตัวติดตามได้อัตโนมัติ!” ProtonVPN ได้ปล่อยอัปเดตล่าสุดสำหรับแอปบน Android TV โดยเพิ่มฟีเจอร์ NetShield Ad-Blocker ซึ่งเป็นระบบบล็อกโฆษณาและตัวติดตามที่ทำงานผ่าน DNS โดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับชมคอนเทนต์ได้อย่างปลอดภัยและไร้สิ่งรบกวนมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้แบบเสียเงิน และสามารถปิดได้ในเมนูตั้งค่า 🧠 NetShield ทำงานอย่างไร? 🎗️ ใช้ DNS server ของ ProtonVPN ที่ตรวจสอบโดเมนกับฐานข้อมูลมัลแวร์และตัวติดตาม 🎗️ บล็อกการเชื่อมต่อกับโดเมนที่มีโฆษณา, สปายแวร์, หรือมัลแวร์ 🎗️ แสดงแดชบอร์ดให้ผู้ใช้เห็นจำนวนโฆษณาและตัวติดตามที่ถูกบล็อก พร้อมข้อมูลปริมาณดาต้าที่ประหยัดได้ ⚙️ ฟีเจอร์เสริมที่เพิ่มเข้ามา 🎗️ ตั้งค่าให้แอป ProtonVPN เปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด Android TV 🎗️ ลดขั้นตอนการตั้งค่าด้วยระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติ 🎗️ รองรับการเข้าถึงคอนเทนต์จากกว่า 130 ประเทศผ่านการเชื่อมต่อ VPN ✅ ProtonVPN อัปเดตใหม่บน Android TV ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ NetShield Ad-Blocker แบบเปิดอัตโนมัติ ➡️ ใช้ DNS server ตรวจสอบและบล็อกโดเมนไม่ปลอดภัย ➡️ แสดงแดชบอร์ดสถิติการบล็อกและดาต้าที่ประหยัดได้ ✅ ความสะดวกในการใช้งาน ➡️ ตั้งค่าให้แอปเปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด Android TV ➡️ ลดขั้นตอนการเชื่อมต่อ VPN ➡️ รองรับการเข้าถึงคอนเทนต์จากกว่า 130 ประเทศ ✅ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ➡️ ป้องกันการเชื่อมต่อกับโดเมนมัลแวร์และตัวติดตาม ➡️ เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการรับชมคอนเทนต์ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยขณะสตรีม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Android TV ⛔ ฟีเจอร์ NetShield ใช้ได้เฉพาะผู้ใช้ ProtonVPN แบบเสียเงิน ⛔ หากปิดฟีเจอร์นี้ อาจกลับมาพบโฆษณาและตัวติดตามอีก ⛔ การใช้ VPN อาจลดความเร็วอินเทอร์เน็ตในบางกรณี https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/protonvpn-crushes-ads-and-trackers-on-android-tv-app-with-latest-update
    WWW.TECHRADAR.COM
    ProtonVPN crushes ads and trackers on Android TV app with latest update
    Proton VPN boosts its Android TV app for more privacy with NetShield integration
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • “ชยพงศ์” ห่วง “เด็กไทยหลุดระบบ” เผยสถิติถูกกลั่นแกล้ง สูงถึง 65% แนะรัฐเร่งแก้ปัญหาจริงจัง
    https://www.thai-tai.tv/news/22232/
    “ชยพงศ์” ห่วง “เด็กไทยหลุดระบบ” เผยสถิติถูกกลั่นแกล้ง สูงถึง 65% แนะรัฐเร่งแก้ปัญหาจริงจัง https://www.thai-tai.tv/news/22232/
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • รอดหมดตัวการใหญ่ๆ เงียบกริบแน่นอน กกต.ฟันนักการเมืองทางปฏิบัติกี่คนกี่โมง,ไม่ใครสิ้นสภาพสส.จากมือกกต.บ้าง,สถิติเวลานี้จบจริงกี่คน, นักการเมืองเกิดจาก กกต.จัดการเลือกตััง กฎกติกาเงื่อนไข กกต.ถือเต็มมือ,ด่านแรกที่นักการเมืองต้องสิ้นสภาพคือกกต.ลงดาบก่อน,ส่วนฝ่ายคนระบบราชการก็ให้ฝ่ายพลเรือนเขาจัดการ.,จริงๆมันจบตัังแต่หน่วยงานราชการนั้นๆลงดาบกันเองแล้ว,หากละเว้นก็ต้องเอาผิดคนทั้งหน่วยงานนั้นให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วย,คนในหน่วยงานตนเองแท้ ต่างร่วมกันทำผิดทั้งหน่วยงาน ต้องยุบทิ้งทันที ล้างหน่วยงานบ้างฐานอิทธิพลเก่าทั้งหมดที่มันวางไว้ด้วย,หน่วยงานใหม่ตัดตอนของเก่านั้นเอง,มันจะอ้างหน่วยงานเก่าหาแดกไม่ได้อีก,ตำรวจก็ยุบเสีย,ไปตั้งหน่วยงานชื่อใหม่ว่า หน่วยนายจับองค์กรนายจับแทนชื่อตำรวจก็ได้.
    ..หน่วยงานราชการไหนเสื่อมโทรม ประชาชนหมดศรัทธาก็ยุบทิ้งเถอะ,สำนักงานตำรวจสมควรยุบทิ้ง เปลี่ยนใหม่ว่า สำนักงานนายจับแทน,จากนั้นแยกคนจับ คนสอบสวนสืบสวน คนพิสูจน์ คนพยานออกจากกัน โดยมาหน่วยพิเศษอีกฟน่วยมายืนยันภาพรวมอีกครั้ง.คือหน่วยผูกโยงเชื่อมจบ.,เชื่อมไม่จบ ก็ห้ามปิดคดี,ประชาชนคนไทยจะมีงานทำมาขึ้น จ้างงานสร้างงานมากขึ้นได้,หมอพยาบาล หน่วยงานประสานงานเรื่องราวคดีประจำโรงพยาบาลก็มีมากขึ้นจ้างงานมากขึ้น,ชุดต่างๆอาสาทำคดีปิดคดีรับผลงานแข่งขันกับนายจับหาคนผิดก็มีมากขึ้นได้,ประชาชนจะปลอดภัยไร้เอไอมายุ่งเกี่ยวได้อีก มนุษย์สร้างงานพึ่งพากัน ไร้อาชญากรรมก็สงบสุข.กำจัดคนภายในชั่วเลวพร้อมกับภายนอกเลวชั่วพร้อมๆกันได้คราวเดียวได้อีก,ตาหูประชาชนสำคัญมาก.นายจับคือประชาชนคนไทยในอนาคต,ทหาร,ยาม ,นายจับรวมคือเรา..ประชาชนร่วมกันนี้ล่ะ ปกป้องภัยในบ้านในเมืองตนมิให้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นในชุมชนตนในสังคมตนใกล้บ้านใครมันหมู่บ้านใครมันตำบลใครมัน อำเภอใครมัน จังหวัดใครมันได้โดยง่าย,เราจึงสมควรผลักดันต่างชาติต่างด้าวออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดก่อนดีที่สุดด้วย,ที่ยุ่งวุ่นวายนี้จริงๆส่วนใหญ่คนพวกนี้ก่อเหตุทั้งสิ้นโดยมาก,รองลงมาคือคนภายในชาติไทยเราเอง,ซึ่งควบคุมดูแลจะง่ายกว่าต่างชาติ.,แก๊งชั่วเลวเหล่านี้ก็คนต่างชาติ เงินจากภายนอกทั้งสิ้นเอามาสร้างความไม่สงบสุขในบ้านในเมืองไทยเรา.

    https://youtube.com/watch?v=i9q4vxSWGUQ&si=VclVKoNTcODJ8Kh_

    รอดหมดตัวการใหญ่ๆ เงียบกริบแน่นอน กกต.ฟันนักการเมืองทางปฏิบัติกี่คนกี่โมง,ไม่ใครสิ้นสภาพสส.จากมือกกต.บ้าง,สถิติเวลานี้จบจริงกี่คน, นักการเมืองเกิดจาก กกต.จัดการเลือกตััง กฎกติกาเงื่อนไข กกต.ถือเต็มมือ,ด่านแรกที่นักการเมืองต้องสิ้นสภาพคือกกต.ลงดาบก่อน,ส่วนฝ่ายคนระบบราชการก็ให้ฝ่ายพลเรือนเขาจัดการ.,จริงๆมันจบตัังแต่หน่วยงานราชการนั้นๆลงดาบกันเองแล้ว,หากละเว้นก็ต้องเอาผิดคนทั้งหน่วยงานนั้นให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วย,คนในหน่วยงานตนเองแท้ ต่างร่วมกันทำผิดทั้งหน่วยงาน ต้องยุบทิ้งทันที ล้างหน่วยงานบ้างฐานอิทธิพลเก่าทั้งหมดที่มันวางไว้ด้วย,หน่วยงานใหม่ตัดตอนของเก่านั้นเอง,มันจะอ้างหน่วยงานเก่าหาแดกไม่ได้อีก,ตำรวจก็ยุบเสีย,ไปตั้งหน่วยงานชื่อใหม่ว่า หน่วยนายจับองค์กรนายจับแทนชื่อตำรวจก็ได้. ..หน่วยงานราชการไหนเสื่อมโทรม ประชาชนหมดศรัทธาก็ยุบทิ้งเถอะ,สำนักงานตำรวจสมควรยุบทิ้ง เปลี่ยนใหม่ว่า สำนักงานนายจับแทน,จากนั้นแยกคนจับ คนสอบสวนสืบสวน คนพิสูจน์ คนพยานออกจากกัน โดยมาหน่วยพิเศษอีกฟน่วยมายืนยันภาพรวมอีกครั้ง.คือหน่วยผูกโยงเชื่อมจบ.,เชื่อมไม่จบ ก็ห้ามปิดคดี,ประชาชนคนไทยจะมีงานทำมาขึ้น จ้างงานสร้างงานมากขึ้นได้,หมอพยาบาล หน่วยงานประสานงานเรื่องราวคดีประจำโรงพยาบาลก็มีมากขึ้นจ้างงานมากขึ้น,ชุดต่างๆอาสาทำคดีปิดคดีรับผลงานแข่งขันกับนายจับหาคนผิดก็มีมากขึ้นได้,ประชาชนจะปลอดภัยไร้เอไอมายุ่งเกี่ยวได้อีก มนุษย์สร้างงานพึ่งพากัน ไร้อาชญากรรมก็สงบสุข.กำจัดคนภายในชั่วเลวพร้อมกับภายนอกเลวชั่วพร้อมๆกันได้คราวเดียวได้อีก,ตาหูประชาชนสำคัญมาก.นายจับคือประชาชนคนไทยในอนาคต,ทหาร,ยาม ,นายจับรวมคือเรา..ประชาชนร่วมกันนี้ล่ะ ปกป้องภัยในบ้านในเมืองตนมิให้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นในชุมชนตนในสังคมตนใกล้บ้านใครมันหมู่บ้านใครมันตำบลใครมัน อำเภอใครมัน จังหวัดใครมันได้โดยง่าย,เราจึงสมควรผลักดันต่างชาติต่างด้าวออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมดก่อนดีที่สุดด้วย,ที่ยุ่งวุ่นวายนี้จริงๆส่วนใหญ่คนพวกนี้ก่อเหตุทั้งสิ้นโดยมาก,รองลงมาคือคนภายในชาติไทยเราเอง,ซึ่งควบคุมดูแลจะง่ายกว่าต่างชาติ.,แก๊งชั่วเลวเหล่านี้ก็คนต่างชาติ เงินจากภายนอกทั้งสิ้นเอามาสร้างความไม่สงบสุขในบ้านในเมืองไทยเรา. https://youtube.com/watch?v=i9q4vxSWGUQ&si=VclVKoNTcODJ8Kh_
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • แอปฟรีที่ควรมีติดเครื่อง Android เครื่องใหม่ทันที!

    หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ทโฟน Android เครื่องใหม่ หรือกำลังมองหาแอปฟรีที่คุ้มค่าและปลอดภัยในการใช้งาน นี่คือ 5 แอปที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสาระเสริมที่คุณอาจยังไม่รู้!

    Proton VPN: ปลอดภัยไว้ก่อน
    Proton VPN เป็นหนึ่งใน VPN ฟรีที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะไม่มีโฆษณา ไม่ขายข้อมูล และมีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ
    VPN ฟรีที่ไม่เก็บ log และไม่มีโฆษณา
    ให้ความเร็วและแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด
    เหมาะสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะและปลดล็อกคอนเทนต์
    VPN ไม่สามารถทำให้คุณ “นิรนาม” ได้จริง
    หากต้องการความเป็นส่วนตัวขั้นสูง ควรใช้ Tor Browser แทน

    Vivaldi Browser: เบราว์เซอร์ที่เหนือกว่า Chrome
    Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมฟีเจอร์จัดการแท็บและโน้ตที่เหนือชั้น
    รองรับการจัดการแท็บแบบซ้อน, จดโน้ต, ถ่ายภาพหน้าจอเต็มหน้า
    มีระบบซิงค์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์
    มีตัวบล็อกโฆษณาในตัวและแปลภาษาอัตโนมัติ
    หากใช้ Chrome อาจเสี่ยงต่อการถูกติดตามพฤติกรรม
    ควรเปลี่ยนมาใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า

    Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ
    Blip คือทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า AirDrop และ Quick Share เพราะรองรับทุกระบบปฏิบัติการ
    ส่งไฟล์ได้ทุกขนาด ข้ามแพลตฟอร์ม Android, iOS, Windows, macOS, Linux
    ไม่ต้องยืนยันการรับไฟล์จากอีกเครื่อง
    รองรับการส่งไฟล์ระยะไกลทั่วโลก
    ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end
    หลีกเลี่ยงการส่งไฟล์ที่มีข้อมูลอ่อนไหว

    Speedtest by Ookla: ตรวจสอบความเร็วเน็ตแบบมือโปร
    แอปนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้อย่างแม่นยำ
    วัดความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลด, ping, jitter และ packet loss
    ใช้งานง่าย แค่กดปุ่ม “Go”
    แอปมีโฆษณาและเก็บข้อมูลผู้ใช้
    หากต้องการความเป็นส่วนตัว ควรใช้ LibreSpeed ผ่านเว็บแทน

    Loop Habit Tracker: ตัวช่วยสร้างนิสัยดีๆ
    แอปติดตามนิสัยที่เรียบง่าย ไม่มีโฆษณา และไม่เก็บข้อมูล
    ใช้งานฟรี 100% พร้อมฟีเจอร์ครบ
    สร้างรายการนิสัย, ตั้งเตือน, ดูสถิติความก้าวหน้า
    ข้อมูลเก็บไว้ในเครื่อง ไม่แชร์ออกภายนอก
    แอปติดตามนิสัยบางตัวอาจบังคับให้สมัครสมาชิก
    ระวังแอปที่เก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.slashgear.com/2010815/free-apps-you-should-install-on-any-android-device/
    📱 แอปฟรีที่ควรมีติดเครื่อง Android เครื่องใหม่ทันที! หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ทโฟน Android เครื่องใหม่ หรือกำลังมองหาแอปฟรีที่คุ้มค่าและปลอดภัยในการใช้งาน นี่คือ 5 แอปที่ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสาระเสริมที่คุณอาจยังไม่รู้! 🛡️ Proton VPN: ปลอดภัยไว้ก่อน Proton VPN เป็นหนึ่งใน VPN ฟรีที่น่าเชื่อถือที่สุด เพราะไม่มีโฆษณา ไม่ขายข้อมูล และมีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ✅ VPN ฟรีที่ไม่เก็บ log และไม่มีโฆษณา ➡️ ให้ความเร็วและแบนด์วิดธ์ไม่จำกัด ➡️ เหมาะสำหรับการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะและปลดล็อกคอนเทนต์ ‼️ VPN ไม่สามารถทำให้คุณ “นิรนาม” ได้จริง ⛔ หากต้องการความเป็นส่วนตัวขั้นสูง ควรใช้ Tor Browser แทน 🌐 Vivaldi Browser: เบราว์เซอร์ที่เหนือกว่า Chrome Vivaldi เป็นเบราว์เซอร์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมฟีเจอร์จัดการแท็บและโน้ตที่เหนือชั้น ✅ รองรับการจัดการแท็บแบบซ้อน, จดโน้ต, ถ่ายภาพหน้าจอเต็มหน้า ➡️ มีระบบซิงค์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์ ➡️ มีตัวบล็อกโฆษณาในตัวและแปลภาษาอัตโนมัติ ‼️ หากใช้ Chrome อาจเสี่ยงต่อการถูกติดตามพฤติกรรม ⛔ ควรเปลี่ยนมาใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่า 📤 Blip: ส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์แบบไร้รอยต่อ Blip คือทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่า AirDrop และ Quick Share เพราะรองรับทุกระบบปฏิบัติการ ✅ ส่งไฟล์ได้ทุกขนาด ข้ามแพลตฟอร์ม Android, iOS, Windows, macOS, Linux ➡️ ไม่ต้องยืนยันการรับไฟล์จากอีกเครื่อง ➡️ รองรับการส่งไฟล์ระยะไกลทั่วโลก ‼️ ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ⛔ หลีกเลี่ยงการส่งไฟล์ที่มีข้อมูลอ่อนไหว 📶 Speedtest by Ookla: ตรวจสอบความเร็วเน็ตแบบมือโปร แอปนี้ช่วยให้คุณตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้อย่างแม่นยำ ✅ วัดความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลด, ping, jitter และ packet loss ➡️ ใช้งานง่าย แค่กดปุ่ม “Go” ‼️ แอปมีโฆษณาและเก็บข้อมูลผู้ใช้ ⛔ หากต้องการความเป็นส่วนตัว ควรใช้ LibreSpeed ผ่านเว็บแทน 📊 Loop Habit Tracker: ตัวช่วยสร้างนิสัยดีๆ แอปติดตามนิสัยที่เรียบง่าย ไม่มีโฆษณา และไม่เก็บข้อมูล ✅ ใช้งานฟรี 100% พร้อมฟีเจอร์ครบ ➡️ สร้างรายการนิสัย, ตั้งเตือน, ดูสถิติความก้าวหน้า ➡️ ข้อมูลเก็บไว้ในเครื่อง ไม่แชร์ออกภายนอก ‼️ แอปติดตามนิสัยบางตัวอาจบังคับให้สมัครสมาชิก ⛔ ระวังแอปที่เก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.slashgear.com/2010815/free-apps-you-should-install-on-any-android-device/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Free Apps You Should Install ASAP On A New Android Device - SlashGear
    Setting up your Android? Don’t waste time digging through the Play Store. These free apps are the ones actually worth keeping.
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง”

    จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ.

    เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม

    โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า

    นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่:
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค

    จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง
    ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me”

    คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด
    จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด
    จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ)

    ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์
    เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด

    เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล
    ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ

    มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้
    สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล

    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้
    เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร

    https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    🇨🇳🚁 หัวข้อข่าว: “จีนทุบสถิติโลก! โชว์โดรนเกือบ 16,000 ลำกลางฟ้า – ศิลปะดิจิทัลที่แทนพลุได้อย่างน่าทึ่ง” จีนจัดแสดงโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองหลิ่วหยาง ด้วยจำนวนโดรนถึง 15,947 ลำ พร้อมคว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด และเปลี่ยนภาพจำของการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ. เมืองหลิ่วหยาง ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งพลุ” ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการจัดโชว์โดรนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้โดรนเกือบ 16,000 ลำบินพร้อมกันในรูปแบบแสงสีที่ออกแบบด้วยซอฟต์แวร์แทนการจุดพลุแบบดั้งเดิม โชว์นี้มีชื่อว่า “A Firework Belonging to Me” ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี RTK (Real-Time Kinematic) และระบบ mesh networking เพื่อควบคุมโดรนให้บินตามเส้นทางที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ สร้างภาพต่างๆ เช่น “Sky Tree” ดอกไม้ และหอคอยลอยฟ้า นอกจากความงดงามแล้ว โชว์นี้ยังคว้าสองสถิติโลก ได้แก่: 🎗️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวมากที่สุด 🎗️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่โชว์ลักษณะนี้ก็มีความเสี่ยง เช่น การสื่อสารผิดพลาดหรือสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเคยเกิดเหตุโดรนตกใส่ผู้ชมในโชว์ก่อนหน้านี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่ใช้ในโชว์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือแม้แต่การใช้งานทางทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของการควบคุมแบบรวมศูนย์ในระดับมหภาค ✅ จีนจัดโชว์โดรนใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองหลิ่วหยาง ➡️ ใช้โดรน 15,947 ลำบินพร้อมกันในโชว์ “A Firework Belonging to Me” ✅ คว้าสองสถิติกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด ➡️ จำนวนโดรนที่ควบคุมจากคอมพิวเตอร์เดียวมากที่สุด ➡️ จำนวนโดรนที่ปล่อยพลุพร้อมกันมากที่สุด (7,496 ลำ) ✅ ใช้เทคโนโลยี RTK และ mesh networking เพื่อควบคุมแบบเรียลไทม์ ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการบินและลดความผิดพลาด ✅ เปลี่ยนการเฉลิมฉลองจากพลุสู่แสงดิจิทัล ➡️ ลดมลพิษทางอากาศและเสียงจากการจุดพลุ ✅ มีการออกแบบภาพลอยฟ้า เช่น Sky Tree และดอกไม้ ➡️ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมด้วยศิลปะดิจิทัล ✅ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในงานอื่นๆ ได้ ➡️ เช่น การทำแผนที่ การส่งสัญญาณ หรือการใช้งานทางทหาร https://www.techradar.com/pro/china-smashes-drone-display-world-record-nearly-16-000-drones-take-to-the-sky-in-incredible-display
    WWW.TECHRADAR.COM
    China lit the sky with 16,000 drones, fusing art, software, and precision
    16,000 drones followed a precise RTK-guided path for real-time accuracy.
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
More Results