• #GoodHealth 💪✌️🫰
    #GoodCheer 💚
    #HappyNewYear2025🌲 🌺 🎉🎊 🌻🌹

    สวัสดีปีใหม่ 2568
    ในวาระขึ้นปีใหม่ ขอส่งความรัก ความปรารถนาดี ให้เพื่อนๆ
    มีสุขภาพที่ดี ปลอดโรคภัย มีกำลังกาย กำลังใจ
    มีสติ ที่เข้มแข็ง แข็งแรง
    ช่วยกันดูแลสรรพชีวิต รักษ์โลก
    ดำเนินชีวิตด้วยความผาสุก สงบ สบาย
    พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงกับโลกใบนี้ 🌐 🌗 🌤
    .
    .
    .
    #สวัสดีปีใหม่2568
    #walkontheways
    #ปีงูเล็ก🐍
    #orgabotaessence
    #Orgabotaessenceproducts
    #ป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง
    #ศาสตร์พระราชา
    #สร้างความมั่นคงทางอาหาร กันเถอะ
    #แหล่งอาหารปลอดภัย
    #เกษตรอินทรีย์
    #GoodHealth 💪✌️🫰 #GoodCheer 💚 #HappyNewYear2025🌲 🌺 🎉🎊 🌻🌹 สวัสดีปีใหม่ 2568 ในวาระขึ้นปีใหม่ ขอส่งความรัก ความปรารถนาดี ให้เพื่อนๆ มีสุขภาพที่ดี ปลอดโรคภัย มีกำลังกาย กำลังใจ มีสติ ที่เข้มแข็ง แข็งแรง ช่วยกันดูแลสรรพชีวิต รักษ์โลก ดำเนินชีวิตด้วยความผาสุก สงบ สบาย พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงกับโลกใบนี้ 🌐 🌗 🌤 . . . #สวัสดีปีใหม่2568 #walkontheways #ปีงูเล็ก🐍 #orgabotaessence #Orgabotaessenceproducts #ป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง #ศาสตร์พระราชา #สร้างความมั่นคงทางอาหาร กันเถอะ #แหล่งอาหารปลอดภัย #เกษตรอินทรีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไก่อุตสาหกรรม..ไล่ไก่พื้นบ้าน!! ความมั่นคงทางอาหาร!! 30/12/67 #ไก่อุตสาหกรรม #ไก่พื้นบ้าน #ความมั่นคงทางอาหาร
    ไก่อุตสาหกรรม..ไล่ไก่พื้นบ้าน!! ความมั่นคงทางอาหาร!! 30/12/67 #ไก่อุตสาหกรรม #ไก่พื้นบ้าน #ความมั่นคงทางอาหาร
    Like
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1349 มุมมอง 88 0 รีวิว
  • 9 ประเทศจะเข้าร่วมกับ BRICS อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ในฐานะรัฐพันธมิตร จากการเปิดเผยของ ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย พร้อมระบุกลุ่มเศรษฐกิจแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับเหล่าคู่หูที่มีความคิดแบบเดียวกัน
    .
    สถานะใหม่ "ประเทศพันธมิตร" ได้รับความเห็นชอบ ณ ที่ประชุมซัมมิต BRICS ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย โดยมันมีเจตนาเพื่อเป็นทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการเป็นสมาชิก หลังจากมีมากกว่า 30 ประเทศ ที่สมัครเข้าร่วมองค์กรแก่งนี้
    .
    ทั้งนี้ สถานะดังกล่าวเปิดทางสำหรับการเข้าร่วมอย่างถาวรในประชุมวาระพิเศษต่างๆ ของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS และที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม เช่นเดียวกับกิจกรรมระดับสูงอื่นๆ นอกจากนี้ เหล่าพันธมิตรยังสามารถมีส่วนช่วยสนับสนุนเอกสารต่างๆ ที่คลอดออกมาจากทางกลุ่มอีกด้วย
    .
    ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) อูชาคอฟ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเห็นชอบ "สถานะรัฐพันธมิตร" โดยบอกว่าเบลารุส โบลิเวีย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ไทย คิวบา ยูกันดา มาเลเซีย และอุซเบกิสถาน จะก้าวมาเป็นพันธมิตรของ BRICS อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป และคาดหมายว่าจะมีการยืนยันประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 4 ชาติ ที่ได้รับเชิญให้เข้ามาเป็นรัฐพันธมิตรเช่นกันในอนาคตอันใกล้นี้
    .
    แรกเริ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ แต่ทางกลุ่มได้ขยายขอบเขตอ้าแขนรับอียิปต์ อิหร่าน เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปีนี้
    .
    อูชาคอฟ อ้างอิงคำบอกกล่าวของเหล่าตัวแทนจากริยาด ว่าซาอุดีอาระเบียพักกระบวนการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เนื่องจากขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นภายในประเทศ สำหรับการก้าวมาเป็นสมาชิกเต็มขั้นนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์
    .
    ผู้ช่วยวังเครมลินรายนี้เผยด้วยว่าได้รับใบสมัครจาก 35 ชาติ สำหรับขอเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ไม่ว่าสถานะใดสถานะหนึ่ง ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตในคาซาน "บางประเทศต้องการได้รับการเข้าร่วมอย่างเต็มขั้นในทันที ส่วนประเทศอื่่นๆ ต้องการเข้าร่วมเป็นรายกิจกรรมในฐานะผู้สังเกตการณ์" เขาอธิบาย
    .
    ณ เวลานี้ มีประเทศต่างๆ มากกว่า 20 ชาติ ที่แสดงความสนใจร่วมมือกับ BRICS อ้างอิงข้อมูลจากอูชาคอฟ ในนั้นได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ บาห์เรน, บูร์กินาฟาโซ เวเนซุเอลา ฮอนดูรัส ซิมบับเว กัมพูชา โคลอมเบีย สาธารณรัฐคองโก ลาว คูเวต โมร็อกโก พม่า นิการากัว ปากีสถาน ปาเลสไตน์ เซเนกัล ซีเรีย ชาด ศรีลังกา อิเควทอเรียลกินี และซูดานใต้
    .
    อูชาคอฟ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของ BRICS ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังยกระดับอิทธิพลของพวกเขาในขอบเขตทางเศรษฐกิจและการเงิน เช่นเดียวกับในการตอบสนองต่อความท้าทายทางสภาพภูมิอากาศ (โลกร้อน)" และเสริมความเข้มแข็งแก่ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานโลก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123563
    ..............
    Sondhi X
    9 ประเทศจะเข้าร่วมกับ BRICS อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ในฐานะรัฐพันธมิตร จากการเปิดเผยของ ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย พร้อมระบุกลุ่มเศรษฐกิจแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับเหล่าคู่หูที่มีความคิดแบบเดียวกัน . สถานะใหม่ "ประเทศพันธมิตร" ได้รับความเห็นชอบ ณ ที่ประชุมซัมมิต BRICS ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย โดยมันมีเจตนาเพื่อเป็นทางเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการเป็นสมาชิก หลังจากมีมากกว่า 30 ประเทศ ที่สมัครเข้าร่วมองค์กรแก่งนี้ . ทั้งนี้ สถานะดังกล่าวเปิดทางสำหรับการเข้าร่วมอย่างถาวรในประชุมวาระพิเศษต่างๆ ของที่ประชุมซัมมิตกลุ่ม BRICS และที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม เช่นเดียวกับกิจกรรมระดับสูงอื่นๆ นอกจากนี้ เหล่าพันธมิตรยังสามารถมีส่วนช่วยสนับสนุนเอกสารต่างๆ ที่คลอดออกมาจากทางกลุ่มอีกด้วย . ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) อูชาคอฟ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเห็นชอบ "สถานะรัฐพันธมิตร" โดยบอกว่าเบลารุส โบลิเวีย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ไทย คิวบา ยูกันดา มาเลเซีย และอุซเบกิสถาน จะก้าวมาเป็นพันธมิตรของ BRICS อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป และคาดหมายว่าจะมีการยืนยันประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 4 ชาติ ที่ได้รับเชิญให้เข้ามาเป็นรัฐพันธมิตรเช่นกันในอนาคตอันใกล้นี้ . แรกเริ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ แต่ทางกลุ่มได้ขยายขอบเขตอ้าแขนรับอียิปต์ อิหร่าน เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปีนี้ . อูชาคอฟ อ้างอิงคำบอกกล่าวของเหล่าตัวแทนจากริยาด ว่าซาอุดีอาระเบียพักกระบวนการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เนื่องจากขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นภายในประเทศ สำหรับการก้าวมาเป็นสมาชิกเต็มขั้นนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ . ผู้ช่วยวังเครมลินรายนี้เผยด้วยว่าได้รับใบสมัครจาก 35 ชาติ สำหรับขอเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ไม่ว่าสถานะใดสถานะหนึ่ง ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตในคาซาน "บางประเทศต้องการได้รับการเข้าร่วมอย่างเต็มขั้นในทันที ส่วนประเทศอื่่นๆ ต้องการเข้าร่วมเป็นรายกิจกรรมในฐานะผู้สังเกตการณ์" เขาอธิบาย . ณ เวลานี้ มีประเทศต่างๆ มากกว่า 20 ชาติ ที่แสดงความสนใจร่วมมือกับ BRICS อ้างอิงข้อมูลจากอูชาคอฟ ในนั้นได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ บาห์เรน, บูร์กินาฟาโซ เวเนซุเอลา ฮอนดูรัส ซิมบับเว กัมพูชา โคลอมเบีย สาธารณรัฐคองโก ลาว คูเวต โมร็อกโก พม่า นิการากัว ปากีสถาน ปาเลสไตน์ เซเนกัล ซีเรีย ชาด ศรีลังกา อิเควทอเรียลกินี และซูดานใต้ . อูชาคอฟ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของ BRICS ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังยกระดับอิทธิพลของพวกเขาในขอบเขตทางเศรษฐกิจและการเงิน เช่นเดียวกับในการตอบสนองต่อความท้าทายทางสภาพภูมิอากาศ (โลกร้อน)" และเสริมความเข้มแข็งแก่ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานโลก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123563 .............. Sondhi X
    Like
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยพร้อม 8 ชาติจะได้เป็นสมาชิกBRICS เต็มตัวในปี 2025 📌ขณะที่อีก 24 ชาติเข้าคิวรอสมัคร เล็งสร้างดุลอำนาจเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่

    👉 กลุ่มเศรษฐกิจ BRICS เดินหน้าขยายอิทธิพลต่อเนื่อง หลังยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียเผยว่า 9 ประเทศใหม่รวมถึงไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จะได้เข้าร่วมในฐานะประเทศพันธมิตรอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 สถานะใหม่นี้ได้รับการอนุมัติในการประชุมสุดยอดที่เมืองคาซาน โดยจะมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมสมัยพิเศษ การประชุมระดับรัฐมนตรี และมีส่วนร่วมในเอกสารผลลัพธ์ของกลุ่ม
    นอกจากนี้ยังมีอีก 24 ประเทศที่แสดงความสนใจร่วมมือกับ BRICS สะท้อนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มในเวทีการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงการรับมือความท้าทายด้านสภาพอากาศ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานระดับโลก

    https://www.imctnews.com/news_details-news-5721.html
    ไทยพร้อม 8 ชาติจะได้เป็นสมาชิกBRICS เต็มตัวในปี 2025 📌ขณะที่อีก 24 ชาติเข้าคิวรอสมัคร เล็งสร้างดุลอำนาจเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ 👉 กลุ่มเศรษฐกิจ BRICS เดินหน้าขยายอิทธิพลต่อเนื่อง หลังยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียเผยว่า 9 ประเทศใหม่รวมถึงไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จะได้เข้าร่วมในฐานะประเทศพันธมิตรอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 สถานะใหม่นี้ได้รับการอนุมัติในการประชุมสุดยอดที่เมืองคาซาน โดยจะมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมสมัยพิเศษ การประชุมระดับรัฐมนตรี และมีส่วนร่วมในเอกสารผลลัพธ์ของกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีอีก 24 ประเทศที่แสดงความสนใจร่วมมือกับ BRICS สะท้อนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มในเวทีการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงการรับมือความท้าทายด้านสภาพอากาศ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานระดับโลก https://www.imctnews.com/news_details-news-5721.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567
    .
    1. กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ
    นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่ แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง”
    ถึงวันนี้นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก

    2. กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต
    โศกนาฏกรรมนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบเลย! ไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่เราต่างรู้แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำความตายมาสู่ใครอีกก็ได้

    3. คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม
    ศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แถมตำหนิ “ป.ป.ช.” ว่า ไม่ใส่ใจทำคดี คำพิพากษานี้ยังทำให้เกิดประเด็นต้องติดตามอีกว่า เป็นการเปลี่ยนหลักกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การหนีคดีของจำเลยทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ใช่หรือไม่?

    4. กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง
    หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด กรมที่ดินและการรถไฟฯ โยนเรื่องกันไปมา เลือกหยิบยกข้อกฎหมายไปตีความจนบิดเบี้ยว มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วสมบัติของชาติจะได้รับการปกป้องหรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่อะไร ก่อนที่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเหล่านั้นจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวบนที่ดินหลวงในราคาแสนถูก

    5. กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
    โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิ้งค์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ อีอีซี จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน

    6. กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ
    เป็นดั่งยุคทองของพวกทำลายป่า เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนดใช้ทำมาหากินได้แทบทุกอย่าง ซื้อขายสิทธิ์ง่าย จำนองธนาคารได้ วันนี้ ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30 อยู่ในมือนายทุน และยังคงถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสูญเสียเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากข้าราชการและนักการเมืองไม่มีเอี่ยว ความหวังยังพอมีเมื่อ ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และข้าราชการจำนวนหนึ่งกล้าปะทะกับอดีต รมว. เกษตรฯ เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้นมีพลังปกป้องผืนป่ามากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

    7. กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม
    สังคมตื่นตระหนกเพราะกากแร่อันตรายที่เคยถูกกลบฝังกลับขุดมาขายได้ ขนย้ายผ่านไปหลายจังหวัด โดยประชาชนไม่รู้อะไรเลยเพราะทุกอย่างถูกปิดบัง กฎหมายและนโยบายของรัฐเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมแอบถูกแก้ไขและบิดเบือน ถึงวันนี้ทุกอย่างเงียบหาย ไม่ปรากฏข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดถูกลงโทษจริงจัง

    8. กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน
    มีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 ฝ่าย หนึ่ง-เจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง อาหารและยา สอง-กลุ่มนักการเมืองใหญ่ สาม-กลุ่มนายทุนนำเข้า บริษัทชิปปิ้ง ทั้งนายทุนรับซื้อสินค้าไปจำหน่ายหรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อหมูแช่แข็งเถื่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ ผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อนทั่วประเทศ ขณะที่คนไทยต้องเสี่ยงภัยกับเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมา

    9. กรณีปลาหมอคางดำ
    วิกฤตสัตว์น้ำขั้นรุนแรงกินวงกว้าง เกิดจากเอกชนรายใหญ่เห็นแก่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละมองข้ามความปลอดภัยของสังคม เกรงใจพ่อค้า โกงความคาดหวังของประชาชน

    10. กรณีดิ ไอคอน
    คดีดังที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมกันเรียกรับสินบนของคนจากหลายหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และบุคคลที่สังคมเคยไว้วางใจ คดีนี้ฉุดกระชากเหล่าซาตานในคราบเทวดาให้ตกสวรรค์ เผยให้สังคมเห็นคอร์รัปชันที่ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อถูกรัฐทอดทิ้งยามเดือดร้อน

    ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
    23 ธันวาคม 2567
    10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 . 1. กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่ แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง” ถึงวันนี้นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก 2. กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต โศกนาฏกรรมนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบเลย! ไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่เราต่างรู้แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำความตายมาสู่ใครอีกก็ได้ 3. คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม ศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แถมตำหนิ “ป.ป.ช.” ว่า ไม่ใส่ใจทำคดี คำพิพากษานี้ยังทำให้เกิดประเด็นต้องติดตามอีกว่า เป็นการเปลี่ยนหลักกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การหนีคดีของจำเลยทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ใช่หรือไม่? 4. กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด กรมที่ดินและการรถไฟฯ โยนเรื่องกันไปมา เลือกหยิบยกข้อกฎหมายไปตีความจนบิดเบี้ยว มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วสมบัติของชาติจะได้รับการปกป้องหรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่อะไร ก่อนที่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเหล่านั้นจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวบนที่ดินหลวงในราคาแสนถูก 5. กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิ้งค์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ อีอีซี จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน 6. กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ เป็นดั่งยุคทองของพวกทำลายป่า เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนดใช้ทำมาหากินได้แทบทุกอย่าง ซื้อขายสิทธิ์ง่าย จำนองธนาคารได้ วันนี้ ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30 อยู่ในมือนายทุน และยังคงถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสูญเสียเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากข้าราชการและนักการเมืองไม่มีเอี่ยว ความหวังยังพอมีเมื่อ ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และข้าราชการจำนวนหนึ่งกล้าปะทะกับอดีต รมว. เกษตรฯ เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้นมีพลังปกป้องผืนป่ามากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง 7. กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม สังคมตื่นตระหนกเพราะกากแร่อันตรายที่เคยถูกกลบฝังกลับขุดมาขายได้ ขนย้ายผ่านไปหลายจังหวัด โดยประชาชนไม่รู้อะไรเลยเพราะทุกอย่างถูกปิดบัง กฎหมายและนโยบายของรัฐเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมแอบถูกแก้ไขและบิดเบือน ถึงวันนี้ทุกอย่างเงียบหาย ไม่ปรากฏข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดถูกลงโทษจริงจัง 8. กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน มีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 ฝ่าย หนึ่ง-เจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง อาหารและยา สอง-กลุ่มนักการเมืองใหญ่ สาม-กลุ่มนายทุนนำเข้า บริษัทชิปปิ้ง ทั้งนายทุนรับซื้อสินค้าไปจำหน่ายหรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อหมูแช่แข็งเถื่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ ผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อนทั่วประเทศ ขณะที่คนไทยต้องเสี่ยงภัยกับเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมา 9. กรณีปลาหมอคางดำ วิกฤตสัตว์น้ำขั้นรุนแรงกินวงกว้าง เกิดจากเอกชนรายใหญ่เห็นแก่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละมองข้ามความปลอดภัยของสังคม เกรงใจพ่อค้า โกงความคาดหวังของประชาชน 10. กรณีดิ ไอคอน คดีดังที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมกันเรียกรับสินบนของคนจากหลายหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และบุคคลที่สังคมเคยไว้วางใจ คดีนี้ฉุดกระชากเหล่าซาตานในคราบเทวดาให้ตกสวรรค์ เผยให้สังคมเห็นคอร์รัปชันที่ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อถูกรัฐทอดทิ้งยามเดือดร้อน ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) 23 ธันวาคม 2567
    Like
    Love
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 1 รีวิว
  • เมื่อวันพุธ (4 ธ.ค.) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิหรือเทศกาลตรุษจีนของประชาชนชาวจีนเข้าสู่รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ.มติข้างต้นมีขึ้นที่การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สมัยที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธ.ค. ในปารากวัย โดยคณะกรรมการฯ ให้การรับรองเทศกาลตรุษจีน เนื่องด้วยมีพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเฉพาะตัวอันเกี่ยวพันกับทั้งสังคมจีน.ยูเนสโกเน้นย้ำว่าเทศกาลตรุษจีนที่เป็นหมุดหมายการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีนมีความเกี่ยวข้องกับพิธีปฏิบัติทางสังคมที่หลากหลาย ทั้งการกราบไหว้ขอพรและการกลับมารวมตัวกันของสมาชิกครอบครัว รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆ ที่จัดแจงโดยผู้สูงอายุและงานสาธารณะตามเทศกาลที่จัดโดยชุมชน.เอกสารของยูเนสโกระบุว่าองค์ความรู้และขนบธรรมเนียมตามประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวพันกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อภายในครอบครัวและชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงส่งต่ออย่างเป็นทางการผ่านระบบการศึกษา ขณะทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้ถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน ส่งเสริมคุณค่าของครอบครัว ความสมานฉันท์ในสังคม และสันติภาพ.คณะกรรมการฯ สำทับว่าเทศกาลตรุษจีนที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมนั้นประกอบด้วยความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านต่างๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหารและการศึกษา ตลอดจนมีบทบาทหลักในการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม.เหราเฉวียน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ซึ่งนำคณะผู้แทนของจีนเข้าร่วมการประชุมของยูเนสโก กล่าวว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นวันหยุดตามประเพณีที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนชาวจีน สัมพันธ์กับครอบครัวและประเทศ และคุณค่าของความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ.เหราเสริมว่าเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและมอบความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณแก่ประชาชนชาวจีนเสมอมา มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความปรองดองของครอบครัวและสังคม ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และบ่มเพาะการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมทั่วโลก.เหรากล่าวว่าการขึ้นทะเบียนเทศกาลตรุษจีนเข้าสู่รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจะช่วยส่งเสริมคุณค่าสากลของสันติภาพและความสามัคคีปรองดอง และเน้นย้ำบทบาทสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในการพัฒนาที่ยั่งยืน.ปัจจุบันจีนมีองค์ประกอบหรือพิธีปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ยูเนสโกให้การรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จำนวน 44 รายการแล้ว
    เมื่อวันพุธ (4 ธ.ค.) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิหรือเทศกาลตรุษจีนของประชาชนชาวจีนเข้าสู่รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ.มติข้างต้นมีขึ้นที่การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สมัยที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธ.ค. ในปารากวัย โดยคณะกรรมการฯ ให้การรับรองเทศกาลตรุษจีน เนื่องด้วยมีพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเฉพาะตัวอันเกี่ยวพันกับทั้งสังคมจีน.ยูเนสโกเน้นย้ำว่าเทศกาลตรุษจีนที่เป็นหมุดหมายการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีนมีความเกี่ยวข้องกับพิธีปฏิบัติทางสังคมที่หลากหลาย ทั้งการกราบไหว้ขอพรและการกลับมารวมตัวกันของสมาชิกครอบครัว รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆ ที่จัดแจงโดยผู้สูงอายุและงานสาธารณะตามเทศกาลที่จัดโดยชุมชน.เอกสารของยูเนสโกระบุว่าองค์ความรู้และขนบธรรมเนียมตามประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวพันกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อภายในครอบครัวและชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ รวมถึงส่งต่ออย่างเป็นทางการผ่านระบบการศึกษา ขณะทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้ถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน ส่งเสริมคุณค่าของครอบครัว ความสมานฉันท์ในสังคม และสันติภาพ.คณะกรรมการฯ สำทับว่าเทศกาลตรุษจีนที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมนั้นประกอบด้วยความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านต่างๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหารและการศึกษา ตลอดจนมีบทบาทหลักในการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม.เหราเฉวียน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ซึ่งนำคณะผู้แทนของจีนเข้าร่วมการประชุมของยูเนสโก กล่าวว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นวันหยุดตามประเพณีที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนชาวจีน สัมพันธ์กับครอบครัวและประเทศ และคุณค่าของความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ.เหราเสริมว่าเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและมอบความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณแก่ประชาชนชาวจีนเสมอมา มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความปรองดองของครอบครัวและสังคม ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และบ่มเพาะการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมทั่วโลก.เหรากล่าวว่าการขึ้นทะเบียนเทศกาลตรุษจีนเข้าสู่รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจะช่วยส่งเสริมคุณค่าสากลของสันติภาพและความสามัคคีปรองดอง และเน้นย้ำบทบาทสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในการพัฒนาที่ยั่งยืน.ปัจจุบันจีนมีองค์ประกอบหรือพิธีปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ยูเนสโกให้การรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จำนวน 44 รายการแล้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเคยอดยาก ขาดอาหาร..กินรากไม้!! ตาย40-50ล้านชีวิต!! (24/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ความมั่นคงทางอาหารของจีน #ประวัติศาสตร์จีน #สังคมจีน
    จีนเคยอดยาก ขาดอาหาร..กินรากไม้!! ตาย40-50ล้านชีวิต!! (24/10/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ความมั่นคงทางอาหารของจีน #ประวัติศาสตร์จีน #สังคมจีน
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2467 มุมมอง 513 1 รีวิว
  • ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น

    อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั

    ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป

    ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

    ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป

    การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น

    และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป

    และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป

    แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย

    ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ

    เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น

    เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น

    และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น

    ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย

    กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้

    นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย

    ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา

    แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง

    จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย

    ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน

    ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี

    ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้

    1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ

    3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง

    4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก

    5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก

    แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย

    คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    10 ตุลาคม 2567
    ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้ นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ 3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง 4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก 5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 10 ตุลาคม 2567
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    110
    5 ความคิดเห็น 9 การแบ่งปัน 2804 มุมมอง 5 รีวิว
  • #ภัยธรรมชาติ #กสิกรรมธรรมชาติ #ความมั่นคงทางอาหาร #ความมั่นคงทางยา #พอเพียง #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย #ศิษย์ยักษ์ #ทำตามพ่อสอน
    ://youtu.be/t2zQID7UocQ
    #ภัยธรรมชาติ #กสิกรรมธรรมชาติ #ความมั่นคงทางอาหาร #ความมั่นคงทางยา #พอเพียง #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย #ศิษย์ยักษ์ #ทำตามพ่อสอน ://youtu.be/t2zQID7UocQ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง

    โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป

    อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1]

    นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

    การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง

    ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป

    แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย

    ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย

    และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น

    โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

    และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ

    อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี

    เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด

    สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น

    หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น

    การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น

    ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

    หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป

    หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี

    และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4]

    โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ

    ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ

    แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

    ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​

    เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน

    เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา

    ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย

    โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“

    เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    4 ตุลาคม 2567

    อ้างอิง
    [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01
    https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL

    [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2
    https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4

    [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?,
    https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE

    [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY)
    https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4] โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​ เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“ เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 4 ตุลาคม 2567 อ้างอิง [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01 https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2 https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4 [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?, https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY) https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    Like
    Love
    Yay
    86
    7 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 2978 มุมมอง 1 รีวิว
  • ..แอปนี้กำลังถูกโจมตีจากเดอะแก๊งท่านลอร์ดมั้ยนะ รู้สึกมีปัญหาแล้ว
    ..จริงๆต้องให้เครดิตรัฐฐะชุดนี้นะ,ถ้าไม่ทำก็ไม่แจกหรอก พอดีคุยเป็นนโยบายแล้วเลยเสียไม่ได้,ดันต่อก็คุกทั้งครม.และคณะบริหารเพราะเรื่องที่แฉกันไว้มันตรึม,แบงค์ชาติยิ่งคัดค้านหัวชนฝา บาทคอยน์อินทนนท์มีทองคำค้ำประกันแต่เหรียญคริปโตฯโทเคนนี้ไร้ที่มา&ขาดทุนมาจากไหนมิรู้จะชุบให้มีราคาในไทยก็ว่า,ค่าคอมฯไป&กลับ6%โน้น,สาระพัดอื่นๆอีก,แอปก็ไม่ปลอดภัยแฮ๊กเกอร์ดักข้อมูลประชาชนสบายๆอีกดูดๆสบายๆก็ว่า,ท่านลอร์ดแม้มอบจะจัดการให้คนไทยรับรู้ความเป็นทาสให้รวดเร็วผ่านตังดิจิดัลนี้เพื่ออนาคตจะครองทาสทั้งโลกได้เบ็ดเสร็จผ่านการควบคุมจากตังดิจิดัลนี้ก็ว่า,เจตนาแรกอาจชั่วและเลว,ถูกบีบให้มาทำดีก็ดีต่อประชาชนล่ะ,เยียวยาตรงจุดเหมาะสม สมเหตุสมผลแล้ว แบงค์ชาติและคนอื่นๆก็เห็นด้วยและอนุมัตหากแจกเป็นเงินสด.
    ..อย่าไปห่วงเลยว่าหนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนหนี้สาระพัดใดๆจะมากมายขนาดไหน สุดท้ายใครปกครองมาบริหารต้องรับผิดชอบเต็มๆมีมั้ยโยนขี้ให้คนบริหารหรือรัฐบาลเก่าที่สร้างหนี้เอาไว้มึงต้องมารับผิดชอบด้วย เพราะห่านี้หนีเข้ากรอบเมฆเลย ลอยตัวด้วยที่สร้างความระยำไว้ต่อเนื่องสะสมมาถึงปัจจุบัน.
    ..โดยหน้าที่คือความรับผิดชอบต้องสร้างรายได้และปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากภัยศัตรูรอบด้านและต่างชาติชั่วเลวรอบโลกที่หมายยึดไทย ปล้นจี้ข่มขืนอิสระภาพเสรีแผ่นดินไทย กดขี่อธิปไตยคนไทย,แบบUNสั่งแผ่นดินไทยต้องรับคนพม่ามาเลี้ยงดูบนแผ่นดินไทยนะนี้คือคำสั่งมันว่า.
    ..คนไทยถ้าสร้างกลุ่มจัดตั้งกองทัพภาคประชาชนจริงจัง ยึดอำนาจแบบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไม่เสด็จน้ำ ไม่เด็ดขาดสิ้นซากในอดีตด้วยกำลังใจคนพร้อมสุดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงได้อาจยึดคืนบ่อน้ำมันคืนมาทั้งประเทศด้วย ได้คืนทรัพยากรมีค่ามากมายกลับคืนทั้งหมดด้วย ไล่ต่างชาติเลวออกไปได้อย่างสบายอีก,แต่หน้าผิดหวังที่ไม่ทำ ต่อยอดจนสุเทพมาทำยึดอำนาจโดยลุงเสียและเสียของด้วย,ทิ้งท้ายไปอนุมัตสัมปทานอ่าวไทยสองแปลงให้ต่างชาติมาทำปิโตรเลียมอีกโน้น บ่อทองคำก็ให้ทำต่ออีก.,เสียของจริงๆไม่นับรวมผูกขาดเมล็ดพันธุ์ความมั่นคงทางอาหารให้แก่เอกชนนะ ประชาชนไม่ยอม พรบ.นั้นจึงตกไป ,พรบ.500กว่าฉบับยุคยึดอำนาจ ไม่รู้เลยว่าไส้ในมันดีจริงต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยมั้ย จนลุงได้รับเลือกตั้งอีกสมัย,จนเช่าที่ดิน เช่าคอนโด99ปีมันสำเร็จแก่ต่าวชาติโน้น.,
    ..แจกตังแค่นี้ถือว่าไม่มากอะไรเลย แสนกว่าล้าน เทียบกับอธิปไตยทางทรัพยากรมีค่าที่ถูกโกง&ปล้นไปโดยการสุมหัวกันทั้งนักการเมืองไทยทั้งข้าราชการไทยที่เลวๆชั่วๆสันดานปกติจริตนิสัยตามDNAโคตรวงศ์ตระกูลสืบสันดานกันมาปกติคงไม่แปลกใจนักว่าชาติไทยเราจะมั่นคงในการทำให้ยากจนมั่นคงดักดานยั่งยืนได้ขนาดนี้.
    ..คนไทยยึดคือบ่อน้ำมันบ่อทองคำได้แค่สองอย่างนี้ก่อน มีพลิกฟื้นฟูสู่ความร่ำรวยทุกๆคนอย่างแน่นอน,อเมริกาอนาคตอาจจ่ายUBIคนอเมริกากว่า100,000ถึง300,000$ต่อเดือนโน้น ถ้าตึกWTCตึกแฝดไม่ถล่มนะคนอเมริกาคุยว่าแบบนี้,ตีเป็นเงินไทยคือ40฿:1$เลยแบบอ่อนค่าไว้ก่อน,ก็4,000,000-12,000,000บาทต่อเดือนเลยนะ,ไทยเราขอแค่UBIที่25,000บาทต่อเดือนเองถือว่าน้อยมาก,อัดโครงการเศรษฐกิจสมถะพอเพียงอีก,พึ่งพาตนเองคู่ศีลธรรมทางจิตวิญญาณโคตรๆเลย,อย่างน้อยมีรายรับเข้าทุกๆเดือนอาวุธพร้อมกระสุนพร้อม ทั้งรุกทั้งรับ&ป้องกันได้สบาย ใครจะซื้อหาปลูก&เลี้ยงอะไรเพื่อปากท้องก่อนเหลือแบ่งปันจนขายสร้างตังเข้าตนเองได้หมด,แต่ปัจจุบันคนไทยไม่มีตังจะซื้ออะไรทำแบบที่ว่าได้ไง,ร้องขอผีบ้าจากรัฐบาลจากนักปกครองที่ขลาดโง่ให้เขามายึดครองแหล่งทำตังตนเองแบบบ่อน้ำมันเอบบ่อทองคำเอยได้อย่างง่ายดายถือว่ากาก&กระจอกมากจนถึงปัจจุบันทำให้โมฆะยังไม่ได้ที่ปล้นเราไปเสมือนได้ฟรีๆเลยก็ว่า,
    ..คนไทยจึงเสมือนว่าถูกทำให้ยากจนจึงไม่ผิดไปจากความจริง,รับเศษตังเศษเงินแบบนี้ ซึ่งทุกๆคนไทยเราสมควรร่ำรวยมั่งคั่งกันทุกๆคนนานแล้ว.
    ..แอปนี้กำลังถูกโจมตีจากเดอะแก๊งท่านลอร์ดมั้ยนะ รู้สึกมีปัญหาแล้ว ..จริงๆต้องให้เครดิตรัฐฐะชุดนี้นะ,ถ้าไม่ทำก็ไม่แจกหรอก พอดีคุยเป็นนโยบายแล้วเลยเสียไม่ได้,ดันต่อก็คุกทั้งครม.และคณะบริหารเพราะเรื่องที่แฉกันไว้มันตรึม,แบงค์ชาติยิ่งคัดค้านหัวชนฝา บาทคอยน์อินทนนท์มีทองคำค้ำประกันแต่เหรียญคริปโตฯโทเคนนี้ไร้ที่มา&ขาดทุนมาจากไหนมิรู้จะชุบให้มีราคาในไทยก็ว่า,ค่าคอมฯไป&กลับ6%โน้น,สาระพัดอื่นๆอีก,แอปก็ไม่ปลอดภัยแฮ๊กเกอร์ดักข้อมูลประชาชนสบายๆอีกดูดๆสบายๆก็ว่า,ท่านลอร์ดแม้มอบจะจัดการให้คนไทยรับรู้ความเป็นทาสให้รวดเร็วผ่านตังดิจิดัลนี้เพื่ออนาคตจะครองทาสทั้งโลกได้เบ็ดเสร็จผ่านการควบคุมจากตังดิจิดัลนี้ก็ว่า,เจตนาแรกอาจชั่วและเลว,ถูกบีบให้มาทำดีก็ดีต่อประชาชนล่ะ,เยียวยาตรงจุดเหมาะสม สมเหตุสมผลแล้ว แบงค์ชาติและคนอื่นๆก็เห็นด้วยและอนุมัตหากแจกเป็นเงินสด. ..อย่าไปห่วงเลยว่าหนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนหนี้สาระพัดใดๆจะมากมายขนาดไหน สุดท้ายใครปกครองมาบริหารต้องรับผิดชอบเต็มๆมีมั้ยโยนขี้ให้คนบริหารหรือรัฐบาลเก่าที่สร้างหนี้เอาไว้มึงต้องมารับผิดชอบด้วย เพราะห่านี้หนีเข้ากรอบเมฆเลย ลอยตัวด้วยที่สร้างความระยำไว้ต่อเนื่องสะสมมาถึงปัจจุบัน. ..โดยหน้าที่คือความรับผิดชอบต้องสร้างรายได้และปกป้องประเทศให้ปลอดภัยจากภัยศัตรูรอบด้านและต่างชาติชั่วเลวรอบโลกที่หมายยึดไทย ปล้นจี้ข่มขืนอิสระภาพเสรีแผ่นดินไทย กดขี่อธิปไตยคนไทย,แบบUNสั่งแผ่นดินไทยต้องรับคนพม่ามาเลี้ยงดูบนแผ่นดินไทยนะนี้คือคำสั่งมันว่า. ..คนไทยถ้าสร้างกลุ่มจัดตั้งกองทัพภาคประชาชนจริงจัง ยึดอำนาจแบบพันธมิตรเสื้อเหลืองทำไม่เสด็จน้ำ ไม่เด็ดขาดสิ้นซากในอดีตด้วยกำลังใจคนพร้อมสุดเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงได้อาจยึดคืนบ่อน้ำมันคืนมาทั้งประเทศด้วย ได้คืนทรัพยากรมีค่ามากมายกลับคืนทั้งหมดด้วย ไล่ต่างชาติเลวออกไปได้อย่างสบายอีก,แต่หน้าผิดหวังที่ไม่ทำ ต่อยอดจนสุเทพมาทำยึดอำนาจโดยลุงเสียและเสียของด้วย,ทิ้งท้ายไปอนุมัตสัมปทานอ่าวไทยสองแปลงให้ต่างชาติมาทำปิโตรเลียมอีกโน้น บ่อทองคำก็ให้ทำต่ออีก.,เสียของจริงๆไม่นับรวมผูกขาดเมล็ดพันธุ์ความมั่นคงทางอาหารให้แก่เอกชนนะ ประชาชนไม่ยอม พรบ.นั้นจึงตกไป ,พรบ.500กว่าฉบับยุคยึดอำนาจ ไม่รู้เลยว่าไส้ในมันดีจริงต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยมั้ย จนลุงได้รับเลือกตั้งอีกสมัย,จนเช่าที่ดิน เช่าคอนโด99ปีมันสำเร็จแก่ต่าวชาติโน้น., ..แจกตังแค่นี้ถือว่าไม่มากอะไรเลย แสนกว่าล้าน เทียบกับอธิปไตยทางทรัพยากรมีค่าที่ถูกโกง&ปล้นไปโดยการสุมหัวกันทั้งนักการเมืองไทยทั้งข้าราชการไทยที่เลวๆชั่วๆสันดานปกติจริตนิสัยตามDNAโคตรวงศ์ตระกูลสืบสันดานกันมาปกติคงไม่แปลกใจนักว่าชาติไทยเราจะมั่นคงในการทำให้ยากจนมั่นคงดักดานยั่งยืนได้ขนาดนี้. ..คนไทยยึดคือบ่อน้ำมันบ่อทองคำได้แค่สองอย่างนี้ก่อน มีพลิกฟื้นฟูสู่ความร่ำรวยทุกๆคนอย่างแน่นอน,อเมริกาอนาคตอาจจ่ายUBIคนอเมริกากว่า100,000ถึง300,000$ต่อเดือนโน้น ถ้าตึกWTCตึกแฝดไม่ถล่มนะคนอเมริกาคุยว่าแบบนี้,ตีเป็นเงินไทยคือ40฿:1$เลยแบบอ่อนค่าไว้ก่อน,ก็4,000,000-12,000,000บาทต่อเดือนเลยนะ,ไทยเราขอแค่UBIที่25,000บาทต่อเดือนเองถือว่าน้อยมาก,อัดโครงการเศรษฐกิจสมถะพอเพียงอีก,พึ่งพาตนเองคู่ศีลธรรมทางจิตวิญญาณโคตรๆเลย,อย่างน้อยมีรายรับเข้าทุกๆเดือนอาวุธพร้อมกระสุนพร้อม ทั้งรุกทั้งรับ&ป้องกันได้สบาย ใครจะซื้อหาปลูก&เลี้ยงอะไรเพื่อปากท้องก่อนเหลือแบ่งปันจนขายสร้างตังเข้าตนเองได้หมด,แต่ปัจจุบันคนไทยไม่มีตังจะซื้ออะไรทำแบบที่ว่าได้ไง,ร้องขอผีบ้าจากรัฐบาลจากนักปกครองที่ขลาดโง่ให้เขามายึดครองแหล่งทำตังตนเองแบบบ่อน้ำมันเอบบ่อทองคำเอยได้อย่างง่ายดายถือว่ากาก&กระจอกมากจนถึงปัจจุบันทำให้โมฆะยังไม่ได้ที่ปล้นเราไปเสมือนได้ฟรีๆเลยก็ว่า, ..คนไทยจึงเสมือนว่าถูกทำให้ยากจนจึงไม่ผิดไปจากความจริง,รับเศษตังเศษเงินแบบนี้ ซึ่งทุกๆคนไทยเราสมควรร่ำรวยมั่งคั่งกันทุกๆคนนานแล้ว.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 118 0 รีวิว
  • ..555
    ..ขอแสดงความยินดีกับคนจนที่ได้รับตัง10,000บาทครับ,ยุคนี้ลำบากโคตรๆวิกฤติโลกกระทบไทยด้วย,น้ำท่วมอีก หมดเนื้อหมดตัวกันมาก ยิ่งคนจนอีก ไร้เงินเดือนประจำแบบข้าราชการหรือเอกชนยิ่งอนาถ รายได้สม่ำเสมอฝันไปเลย,อย่างน้อยสมเหตุสมผลกว่าผีบ้ายุคแจกตังดิจิดัลอีก เขาแฉการโกงกินแหลกลาน คุกคือที่ไปของครม.ทั้งพรรคร่วมแน่นอน.,แบงค์ชาติก็เห็นด้วยหากจะช่วยเหลือกลุ่มอ่อนแอนี้ก่อน เป้าหมายสมเหตุสมผลช่วยเยียวยาในยุคลำบากนี้,ถ้าเป็นโครงการUBIจริงมีตังต่อเนื่องอัดตังลงมาสม่ำเสมอพร้อมอัดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงด้วย,ไม่เกิน1ปี คนไทยจะมีกินมีใช้พึ่งพาตนเองได้แน่นอน เพราะตังอาจเดือนละ25,000บาท จากแบงค์ชาติรับมาจริงที่เป็นTอะไรๆก็เถอะ&ถ้าใช่หรือMใดๆก็ด้วยก็ว่า,กว่า120,000ล้านล้านบาทเข้ามาไทยที่อยู่กับแบงค์ชาติจริงๆมันจะยอดเยี่ยมมากๆ,คนไทยมีพื้นฐานพึ่งพาตนเองแบบอยู่สมถะพอเพียงด้วย,จะมีตังซื้อนั้นนี้เพียงพอเพื่อเตรียมความพร้อมพึ่งพาตนเองแม้ไม่มีตังในอนาคต,แต่มีกินมีใช้&อิ่มปากอิ่มท้องกันทั้งประเทศไทย เหลือแบ่งปันให้จนฟรีดั่งในอดีตโน้น,ไปบ้านไหนทุกๆบ้านของกินของใช้ผักผลไม้ปลอดภัยมีทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเราและทุกๆบ้าน อนาคตธนาคารฟรีๆเมล็ดพันธุ์สู่ความมั่นคงทางอาหารจริงจังก็ว่า ตามสถานะชีวิตพื้นฐานกายเนื้อเราที่ต้องพึ่งกายหยาบกินอยู่ขับถ่ายนี้เป็นกิจวัตรประจำวันก็ว่า.
    ..ระเบิดพลังเลย.
    ..555 ..ขอแสดงความยินดีกับคนจนที่ได้รับตัง10,000บาทครับ,ยุคนี้ลำบากโคตรๆวิกฤติโลกกระทบไทยด้วย,น้ำท่วมอีก หมดเนื้อหมดตัวกันมาก ยิ่งคนจนอีก ไร้เงินเดือนประจำแบบข้าราชการหรือเอกชนยิ่งอนาถ รายได้สม่ำเสมอฝันไปเลย,อย่างน้อยสมเหตุสมผลกว่าผีบ้ายุคแจกตังดิจิดัลอีก เขาแฉการโกงกินแหลกลาน คุกคือที่ไปของครม.ทั้งพรรคร่วมแน่นอน.,แบงค์ชาติก็เห็นด้วยหากจะช่วยเหลือกลุ่มอ่อนแอนี้ก่อน เป้าหมายสมเหตุสมผลช่วยเยียวยาในยุคลำบากนี้,ถ้าเป็นโครงการUBIจริงมีตังต่อเนื่องอัดตังลงมาสม่ำเสมอพร้อมอัดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงด้วย,ไม่เกิน1ปี คนไทยจะมีกินมีใช้พึ่งพาตนเองได้แน่นอน เพราะตังอาจเดือนละ25,000บาท จากแบงค์ชาติรับมาจริงที่เป็นTอะไรๆก็เถอะ&ถ้าใช่หรือMใดๆก็ด้วยก็ว่า,กว่า120,000ล้านล้านบาทเข้ามาไทยที่อยู่กับแบงค์ชาติจริงๆมันจะยอดเยี่ยมมากๆ,คนไทยมีพื้นฐานพึ่งพาตนเองแบบอยู่สมถะพอเพียงด้วย,จะมีตังซื้อนั้นนี้เพียงพอเพื่อเตรียมความพร้อมพึ่งพาตนเองแม้ไม่มีตังในอนาคต,แต่มีกินมีใช้&อิ่มปากอิ่มท้องกันทั้งประเทศไทย เหลือแบ่งปันให้จนฟรีดั่งในอดีตโน้น,ไปบ้านไหนทุกๆบ้านของกินของใช้ผักผลไม้ปลอดภัยมีทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยเราและทุกๆบ้าน อนาคตธนาคารฟรีๆเมล็ดพันธุ์สู่ความมั่นคงทางอาหารจริงจังก็ว่า ตามสถานะชีวิตพื้นฐานกายเนื้อเราที่ต้องพึ่งกายหยาบกินอยู่ขับถ่ายนี้เป็นกิจวัตรประจำวันก็ว่า. ..ระเบิดพลังเลย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 167 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย เดินทางไปเยือนรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Forum-EEF) ครั้งที่ 9 ระหว่าง 3-6 ก.ย.67 ณ เมืองวลาดิวอสตอก โดยมีกำหนดการปราศรัยต่อที่ประชุม และหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและหารือด้านการค้า การลงทุน การศึกษา เกษตร ความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและอวกาศ โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ย้ำถึงความสนใจของมาเลเซียในการเข้าร่วมองค์กร BRICS และคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความสัมพันธ์ในบริบทอาเซียน-รัสเซีย การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อปี 2565

    นายกฯอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่รับปากว่ารัสเซียจะกระชับความสัมพันธ์และนำพาการพัฒนามาสู่ภูมิภาคที่ปูตินกล่าวว่ามี “ศักยภาพมหาศาล” จากการมุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อวันที่ 4 กันยายน นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Forum) ของรัสเซีย ที่เมืองวลาดิวอสต๊อก ซึ่งอันวาร์ เยือนมอสโกว์เป็นเวลา 2 วัน

    อันวาร์กล่าวว่า จะเป็นประโยชน์ต่อมาเลเซียหากรัสเซียตกลงที่จะ “ร่วมมือกันในทุกด้าน” และแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ให้กับมาเลเซีย โดยทั้งสองประเทศกำลังเจรจาหารือถึงความร่วมมือ ตั้งแต่ด้านการบิน อวกาศ และเทคโนโลยีขั้นสูง ไปจนถึงเกษตรกรรม และความมั่นคงด้านอาหาร

    อันวาร์กล่าวอีกว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีความข้องเกี่ยวกับรัสเซียเสมอมา และมี “การค้าเสรี” ที่มุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    “ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ (ปูติน) และทีมของคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเห็นด้วยนะท่านประธานาธิบดี ศักยภาพมหาศาลจริง ๆ” ผู้นำมาเลย์กล่าว

    การประชุมเศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นเวทีหารือทางเศรษฐกิจที่รัสเซียผลักดันอย่างต่อเนื่องตามนโยบายหันหาตะวันออก (Look East) โดยภาคอุตสาหกรรมที่มีการเจรจาส่วนมาก ได้แก่ เหมืองแร่ พลังงาน และปุ๋ย ที่ผ่านมามีประเทศที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม อาทิ จีน อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย

    นายกรัฐมนตรีมาเลเซียดำเนินตามรอยผู้นำเอเชียคนอื่น ๆ ในการพบปะกับปูติน โดยไม่สะทกสะท้านต่อการประณามและข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมสงครามจากฝ่ายตะวันตกที่มีต่อผู้นำรัสเซีย อันวาร์กล่าวว่า การตัดสินใจเยือนรัสเซีย “ไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่ก็เป็น “การตัดสินใจที่ถูกต้อง”

    โดยตอนหนึ่งของ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวเกี่ยวกับสงครามฉนวนกาซาในงานนี้ที่รัสเซียว่า"เหตุการณ์นี้ไม่ได้เริ่มในวันที่ 7 ตุลาคม แต่เริ่มตั้งแต่การล่าอาณานิคมและขบวนการนัคบาในปี 1948... เหตุการณ์นี้ไม่ได้หยุดลงเพราะความดื้อรั้นของอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐฯ... ถึงเวลาแล้วที่ชาวปาเลสไตน์ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนมนุษย์ ไม่ใช่ทาส"

    นอกจากนี้นายกฯอันวาร์โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ได้รับคำเชิญส่วนตัวจากปูตินให้มาเลเซียเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซานในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ในการเข้าร่วมกลุ่มของมาเลเซีย

    ที่มา : https://www.youtube.com/live/uAkJtZgyY-E?si=cOMnw5ebIsD8LAcL
    นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย เดินทางไปเยือนรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Forum-EEF) ครั้งที่ 9 ระหว่าง 3-6 ก.ย.67 ณ เมืองวลาดิวอสตอก โดยมีกำหนดการปราศรัยต่อที่ประชุม และหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและหารือด้านการค้า การลงทุน การศึกษา เกษตร ความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและอวกาศ โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ย้ำถึงความสนใจของมาเลเซียในการเข้าร่วมองค์กร BRICS และคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความสัมพันธ์ในบริบทอาเซียน-รัสเซีย การเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อปี 2565 นายกฯอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่รับปากว่ารัสเซียจะกระชับความสัมพันธ์และนำพาการพัฒนามาสู่ภูมิภาคที่ปูตินกล่าวว่ามี “ศักยภาพมหาศาล” จากการมุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อวันที่ 4 กันยายน นอกรอบการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Forum) ของรัสเซีย ที่เมืองวลาดิวอสต๊อก ซึ่งอันวาร์ เยือนมอสโกว์เป็นเวลา 2 วัน อันวาร์กล่าวว่า จะเป็นประโยชน์ต่อมาเลเซียหากรัสเซียตกลงที่จะ “ร่วมมือกันในทุกด้าน” และแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ให้กับมาเลเซีย โดยทั้งสองประเทศกำลังเจรจาหารือถึงความร่วมมือ ตั้งแต่ด้านการบิน อวกาศ และเทคโนโลยีขั้นสูง ไปจนถึงเกษตรกรรม และความมั่นคงด้านอาหาร อันวาร์กล่าวอีกว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีความข้องเกี่ยวกับรัสเซียเสมอมา และมี “การค้าเสรี” ที่มุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง “ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ (ปูติน) และทีมของคุณ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเห็นด้วยนะท่านประธานาธิบดี ศักยภาพมหาศาลจริง ๆ” ผู้นำมาเลย์กล่าว การประชุมเศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นเวทีหารือทางเศรษฐกิจที่รัสเซียผลักดันอย่างต่อเนื่องตามนโยบายหันหาตะวันออก (Look East) โดยภาคอุตสาหกรรมที่มีการเจรจาส่วนมาก ได้แก่ เหมืองแร่ พลังงาน และปุ๋ย ที่ผ่านมามีประเทศที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม อาทิ จีน อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซียดำเนินตามรอยผู้นำเอเชียคนอื่น ๆ ในการพบปะกับปูติน โดยไม่สะทกสะท้านต่อการประณามและข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมสงครามจากฝ่ายตะวันตกที่มีต่อผู้นำรัสเซีย อันวาร์กล่าวว่า การตัดสินใจเยือนรัสเซีย “ไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่ก็เป็น “การตัดสินใจที่ถูกต้อง” โดยตอนหนึ่งของ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวเกี่ยวกับสงครามฉนวนกาซาในงานนี้ที่รัสเซียว่า"เหตุการณ์นี้ไม่ได้เริ่มในวันที่ 7 ตุลาคม แต่เริ่มตั้งแต่การล่าอาณานิคมและขบวนการนัคบาในปี 1948... เหตุการณ์นี้ไม่ได้หยุดลงเพราะความดื้อรั้นของอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐฯ... ถึงเวลาแล้วที่ชาวปาเลสไตน์ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนมนุษย์ ไม่ใช่ทาส" นอกจากนี้นายกฯอันวาร์โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ได้รับคำเชิญส่วนตัวจากปูตินให้มาเลเซียเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซานในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็น “ก้าวสำคัญ” ในการเข้าร่วมกลุ่มของมาเลเซีย ที่มา : https://www.youtube.com/live/uAkJtZgyY-E?si=cOMnw5ebIsD8LAcL
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 802 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พืชเป็นยา #สมุนไพร #ตำรับยา #เกษตร #ยั่งยืน #กสิกรรมธรรมชาติ #ชีวิตมันต้องง่าย #พอเพียง #พึ่งตนเอง #เลี้ยงดิน #เลี้ยงพืช #บำรุงดิน #ไม่ใช้สารเคมี #ความมั่งคงทางยา #ความมั่นคงทางอาหาร #โจนจันได #ศิษย์ยักษ์
    https://youtu.be/UUBNd-Wk4q8
    #พืชเป็นยา #สมุนไพร #ตำรับยา #เกษตร #ยั่งยืน #กสิกรรมธรรมชาติ #ชีวิตมันต้องง่าย #พอเพียง #พึ่งตนเอง #เลี้ยงดิน #เลี้ยงพืช #บำรุงดิน #ไม่ใช้สารเคมี #ความมั่งคงทางยา #ความมั่นคงทางอาหาร #โจนจันได #ศิษย์ยักษ์ https://youtu.be/UUBNd-Wk4q8
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 971 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พอเพียง #กสิกรรมธรรมชาติ #ความมั่นคงทางอาหาร #ยั่งยืน #สุขภาพดี #โจนจันได #ชีวิตมันต้องง่าย #ยักษ์กะโจน #ธรรมธุรกิจ
    https://youtu.be/QmkI7lgugD8
    #พอเพียง #กสิกรรมธรรมชาติ #ความมั่นคงทางอาหาร #ยั่งยืน #สุขภาพดี #โจนจันได #ชีวิตมันต้องง่าย #ยักษ์กะโจน #ธรรมธุรกิจ https://youtu.be/QmkI7lgugD8
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว