• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว”
    South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome
    ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome
    Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก
    Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน
    Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ !
    เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ
    เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars
    (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! )
    Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย
    Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ
    แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร
    ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ
    แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน !
    Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่
    Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย
    ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์
    แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 4 “ท่อส่งอีกแล้ว” South Pars เป็นแหล่งแก๊สที่ใหญ่มหาศาลอยู่ในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีอิหร่านและ Qatar เป็นเจ้าของ ส่วนของอิหร่านเรียก South Pars ส่วนของ Qatar เรียก North Dome ปี ค.ศ. 2009 Emir ของ Qatar ลงทุนบินไปเจรจากับประธานาธิบดี Assad ของซีเรียด้วยตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางก่อสร้างท่อแก๊สของ North Dome Qatar นั้นเป็นผู้ผลิตแก๊สรายใหญ่ ส่งทางเอเซียเป็นส่วนมากอยู่แล้ว เมื่อมี North Dome หล่นใส่ตัก จึงต้องการจะขยายตลาดไปทาง EU Qatar เสนอให้ซีเรียสร้างท่อส่ง เส้นทาง Qatar Turkey (ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Qatar) และ Syria ปรากฎว่า Assad ปฏิเสธหน้าตาเฉย อ้างว่าเพราะมีไมตรีใกล้ชิดกับ Russia เราทำแบบนี้กับเพื่อนไม่ได้หรอก Emir หน้าแตก พกเอาความแค้นบินกลับบ้าน Assad ตอบตรงไปหน่อย และ Emir ก็คงจะลืมยาก Assad เหมือนไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หรือตั้งใจ ! เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ความไม่สงบในซีเรียเริ่มก่อตัว และค่อยเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 ในขณะที่ NATO และพวกลูกหาบ เดินหน้าถล่มรัฐบาล Assad รัฐบาลซีเรีย อิหร่าน และอิรัค ก็แอบจับมือลงนามในบันทึกข้อตกลงสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เมื่อเสร็จ ท่อส่งจะวิ่งจากท่าเรือของอิหร่าน ที่ Assalouyeh ใกล้กับแหล่งแก๊ส South Pars ในอ่าวเปอร์เซีย วิ่งมายัง Damascus ในซีเรีย โดยผ่านเขตแดนของ Iraq นอกจากนี้ อิหร่านยังมีแผนที่จะขยายเส้นทาง ท่อส่ง วิ่งจาก Damascus ไปถึงท่าเรือของ Lebanon ที่ทะเล Mediterranean เพื่อส่งแก๊สจากอิหร่านให้ EU อีกด้วย ทั้งซีเรียและอิรัค ต่างทำสัญญาตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านเรียบร้อยแล้ว เป็นแก๊สที่มาจาก South Pars (หมายเหตุ : เส้นทางท่อแก๊ส South Pars นี้ ปัจจุบันระงับการดำเนินการ เนื่องจากอเมริกาคว่ำบาตรอิหร่าน ถล่มซีเรีย และกำลังกลับมาทุบอิรัคให้แตกแยกอย่างสมบูรณ์ ผ่านขบวนการของ ISIS อยู่ในขณะนี้ ต้องยกให้เป็นผลงานโดดเด่นของ Qatar เข้าตาลูกพี่อย่างยิ่ง ! ) Qatar เหมือนเป็น สาขาต่างประเทศของ Pentagon เพราะที่ Qatar เต็มไปด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ของ Air Forces Central, หน่วยประจำการรบทางอากาศที่ 83 และหน่วยที่ 379 ของกองทัพอากาศ และ Qatar ในฐานะที่เป็นเจ้าของโทรทัศน์ Al-Jazeera ที่สร้างรายการย้อมสี ฟอกข่าวความเลวร้ายของซีเรียราย วัน กระจายไปทั่วแดนอาหรับแล้ว Qatar ยังมีสัมพันธ์ ชนิดแน่นแบบแกะแทบไม่ออก กับหน่วยงานของอเมริกาและ NATO ที่อยู่แถวอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย Imir ของ Qatar อมเลือดมาตั้งแต่วันไปพบกับ Assad เมื่อปี ค.ศ. 2009 แม้ Aljazeera จะไม่ออกข่าวการจับมือสร้างท่อส่ง ของกลุ่มอิหร่าน อิรัก ซีเรีย แต่จริง ๆ แล้ว Qatar พร้อมทำทุกอย่างให้แผนของอิหร่าน ซีเรีย ล่มและพังทลาย เพราะถ้าแผนท่อส่งของอิหร่าน เส้นทางอิรัค ซีเรียสำเร็จ ไม่ใช่แค่หน้าของ Imir จะแตกค้างปี Qatar และตุรกีก็จะคงมีสภาพเหมือนเจ้าของด่านเก็บเงิน แต่เส้นทางมาด่าน ถูกมือดีเอาแท่งคอนกรีตมาขวางแบบปิดตาย ก่อนถึงประตูด่านนั้นแหละ แค้นนี้จะไม่มีการชำระหรืออย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ถึงมีกลุ่ม Jihadists มากมาย ส่งตรงมาร่วมรายการจากหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และลิเบีย คงพอมองกันออกว่าใครเป็นหัวคิดและใครเป็นผู้อุปถัมภ์รายการ แค่เรื่อง South Pars / North Dome มันก็ทำให้หน้าเขียว มือสั่น กันเป็นแถวแล้ว ซีเรียยังดันมีส้มหล่น เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 บริษัทสำรวจของซีเรีย ฟลุ๊ก ไปเจอแหล่งแก๊สบ่อใหญ่ใน Qara ใกล้กับเขตแดนของเลบาบอน และใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซีย แถบ Mediterranean ที่ Tarsus ซึ่งรัสเซียมีสัญญาเช่ากับซีเรีย การส่งน้ำมันและแก๊สของอิหร่านและซีเรีย ไปให้ EU จะต้องผ่านท่าเรือ Tarsus แม้ซีเรียจะพยายามทำให้เป็นข่าวเล็ก แต่นักสำรวจทรัพยากรต่างรู้กัน ว่า แหล่ง Qara นี่ อย่างน้อย ๆ ก็ใหญ่เท่า North Dome ของ Qatar แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าใหญ่กว่าของ North Dome แยะนัก ฟังเท่านี้ก็คงพอนึกภาพกันออกว่า หน้าของ Imir แห่ง Qatar จะยิ่งออกสีเขียวเข้มขึ้นขนาดไหน ! Asia Times ลงข่าวว่า Qatar เองก็มีแผนที่ส่งแก๊สของตน ออกไปทางอ่าว Aqaba ของ Jordan ซึ่งพวก Muslim Brotherhood กำลังพยายามกระตุกหนวดกษัตริย์ Jordan อยู่ Qatar แสบขึ้นชั้น ไปตกลงกับพวก Muslim Brotherhood ด้วยข้อแลกเปลี่ยนว่า พวกคุณไปซ่าที่อื่นนอกบ้าน Qatar นะ แล้วผมจะสนับสนุนพวกคุณเต็มที่ Muslim Brotherhood ที่กระจายอยู่เต็ม Jordan และซีเรีย ซึ่งสนับสนุนโดย Qatar อาจสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเกมการเมืองเรื่องท่อส่งแก๊ส ที่เล่นกันอยู่ในภูมิภาคนี้ก็ได้ การเดินหมากของ Qatar นี้ ถ้าสำเร็จนอกจากจะทำให้ฝันของรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน อิรัค สลายล่มแล้ว ยังสามารถทำให้มิตรรักของพวกเขาคือจีน ตกรางวิ่งไม่ได้ตามไปด้วย ซีเรียเป็นส่วนหนึ่งของเกมชิงความได้เปรียบในเรื่องการค้าแก๊สผ่านท่อส่ง และการชิงอำนาจระหว่างพวกอิสลาม นิกาย/กลุ่ม ต่าง ๆ อีกด้วย Qatar กำลังยกตัวขึ้นมาเทียบชั้นกับอิหร่าน เป็นการวัดกำลังระหว่างสุนนี่กับซีอะห์ แล้วตุรกีไปเกี่ยวอะไรด้วย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จับผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — Collins Aerospace ถูกเล่นงาน, ผู้โดยสารตกค้างทั่ว Heathrow–Berlin–Brussels”

    กลางเดือนกันยายน 2025 โลกการบินยุโรปต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่ เมื่อระบบเช็กอินของหลายสนามบินหลัก เช่น Heathrow, Berlin และ Brussels ล่มอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องรอคิวยาวหลายชั่วโมง บางสายการบินต้องใช้วิธีเขียนบอร์ดดิ้งพาสด้วยมือ และยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก

    ต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือการโจมตีไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยัง Collins Aerospace บริษัทที่ให้บริการระบบเช็กอินและจัดการสัมภาระให้กับสายการบินต่าง ๆ ทั่วยุโรป โดยการโจมตีเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ และส่งผลต่อเนื่องตลอดสุดสัปดาห์

    ล่าสุด หน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ และตั้งข้อหาตามกฎหมาย Computer Misuse Act แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจหรือผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม แต่การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำลังให้ความสำคัญกับภัยไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Ryan McConechy จาก Barrier Networks ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ransomware และเตือนให้องค์กรต่าง ๆ เร่งเสริมระบบป้องกัน เช่น การฝึกอบรมพนักงาน, การติดตั้ง MFA ที่ต้านฟิชชิ่ง, การแบ่งเครือข่าย และการตรวจสอบความปลอดภัยของซัพพลายเออร์

    แม้ระบบการบินและการควบคุมจราจรทางอากาศจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารและสายการบินนั้นชัดเจน โดยเฉพาะใน Brussels ที่ต้องลดจำนวนเที่ยวบินลงอย่างมาก และใน Berlin ที่เกิดคิวสะสมจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้โน้ตบุ๊กสำรองในการเช็กอิน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดการโจมตีไซเบอร์ต่อ Collins Aerospace ส่งผลให้ระบบเช็กอินสนามบินยุโรปล่ม
    สนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Heathrow, Berlin และ Brussels
    ผู้โดยสารต้องใช้บอร์ดดิ้งพาสแบบเขียนมือ และเกิดการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก
    NCA สหราชอาณาจักรจับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex ฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการโจมตี
    Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “cyber-related disruption” และกำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ
    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นการโจมตีแบบ ransomware และแนะให้องค์กรเสริมระบบป้องกัน
    Brussels ยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวและลดจำนวนการออกเดินทาง
    Berlin เกิดคิวยาวและต้องใช้วิธีเช็กอินแบบสำรอง
    ระบบการบินและควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Collins Aerospace เป็นบริษัทในเครือ RTX ที่ให้บริการระบบการบินและกลาโหม
    การโจมตีไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมักเกิดจากช่องโหว่ในซัพพลายเชน
    ENISA หน่วยงานไซเบอร์ของ EU ระบุว่าเป็น ransomware จากบุคคลที่สาม
    การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับระบบรถไฟและท่าเรือในหลายประเทศ
    การใช้ระบบดิจิทัลร่วมกันในหลายสายการบินทำให้เกิด “single point of failure”

    https://hackread.com/uk-arrest-cyberattack-disrupts-european-airports/
    🛫 “จับผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — Collins Aerospace ถูกเล่นงาน, ผู้โดยสารตกค้างทั่ว Heathrow–Berlin–Brussels” กลางเดือนกันยายน 2025 โลกการบินยุโรปต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่ เมื่อระบบเช็กอินของหลายสนามบินหลัก เช่น Heathrow, Berlin และ Brussels ล่มอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องรอคิวยาวหลายชั่วโมง บางสายการบินต้องใช้วิธีเขียนบอร์ดดิ้งพาสด้วยมือ และยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก ต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือการโจมตีไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยัง Collins Aerospace บริษัทที่ให้บริการระบบเช็กอินและจัดการสัมภาระให้กับสายการบินต่าง ๆ ทั่วยุโรป โดยการโจมตีเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ และส่งผลต่อเนื่องตลอดสุดสัปดาห์ ล่าสุด หน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ และตั้งข้อหาตามกฎหมาย Computer Misuse Act แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจหรือผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม แต่การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำลังให้ความสำคัญกับภัยไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Ryan McConechy จาก Barrier Networks ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ransomware และเตือนให้องค์กรต่าง ๆ เร่งเสริมระบบป้องกัน เช่น การฝึกอบรมพนักงาน, การติดตั้ง MFA ที่ต้านฟิชชิ่ง, การแบ่งเครือข่าย และการตรวจสอบความปลอดภัยของซัพพลายเออร์ แม้ระบบการบินและการควบคุมจราจรทางอากาศจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารและสายการบินนั้นชัดเจน โดยเฉพาะใน Brussels ที่ต้องลดจำนวนเที่ยวบินลงอย่างมาก และใน Berlin ที่เกิดคิวสะสมจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้โน้ตบุ๊กสำรองในการเช็กอิน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดการโจมตีไซเบอร์ต่อ Collins Aerospace ส่งผลให้ระบบเช็กอินสนามบินยุโรปล่ม ➡️ สนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Heathrow, Berlin และ Brussels ➡️ ผู้โดยสารต้องใช้บอร์ดดิ้งพาสแบบเขียนมือ และเกิดการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก ➡️ NCA สหราชอาณาจักรจับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex ฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการโจมตี ➡️ Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “cyber-related disruption” และกำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ➡️ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นการโจมตีแบบ ransomware และแนะให้องค์กรเสริมระบบป้องกัน ➡️ Brussels ยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวและลดจำนวนการออกเดินทาง ➡️ Berlin เกิดคิวยาวและต้องใช้วิธีเช็กอินแบบสำรอง ➡️ ระบบการบินและควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Collins Aerospace เป็นบริษัทในเครือ RTX ที่ให้บริการระบบการบินและกลาโหม ➡️ การโจมตีไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมักเกิดจากช่องโหว่ในซัพพลายเชน ➡️ ENISA หน่วยงานไซเบอร์ของ EU ระบุว่าเป็น ransomware จากบุคคลที่สาม ➡️ การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับระบบรถไฟและท่าเรือในหลายประเทศ ➡️ การใช้ระบบดิจิทัลร่วมกันในหลายสายการบินทำให้เกิด “single point of failure” https://hackread.com/uk-arrest-cyberattack-disrupts-european-airports/
    HACKREAD.COM
    UK Arrest Made After Cyberattack Disrupts Major European Airports
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี

    คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ

    จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา

    แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง

    อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง

    หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน

    โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

    สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี

    คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ

    #Newskit
    ตำนานคนหนังสือพิมพ์ภูธร สุนทร จันทร์รังสี คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ แต่สำหรับคนรุ่นก่อน หนังสือพิมพ์คือสื่อมวลชนอันทรงพลังในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ส่วนวิทยุและโทรทัศน์ 5 ช่อง ถูกควบคุมด้วยกลไกอำนาจรัฐ จากครอบครัวร้านขายหนังสือพิมพ์ในตัวเมืองโคราช จ.นครราชสีมา สุนทร จันทร์รังสี ผันตัวจากผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์โคราชสัปดาหวิจารณ์ เมื่อเดือน มี.ค. 2517 ตั้งใจให้เป็นหนังสือพิมพ์แนวใหม่ วิจารณ์การบ้านในท้องถิ่น และการเมืองระดับชาติ ผลจากการตอบรับด้วยดีของผู้อ่าน จึงเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์โคราชรายวัน ในเวลาต่อมา แต่การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมามักเกิดแรงเสียดทานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคเผด็จการทหาร ครั้งหนึ่งเคยเปิดโปงขบวนการพิมพ์ธนบัตรปลอม โดยพ่อตาของนายทหารระดับสูงในกองทัพภาคที่ 2 ผลก็คือเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2519 ถูกระดมยิงด้วยอาวุธสงครามที่หน้าสำนักงาน มารดาต้องขอร้องให้เลิกอาชีพ แต่ไม่ย่อท้อ จัดตั้งโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อโปรโมเตอร์มวยรายหนึ่งแอบอ้างพระบารมีว่าจะทำให้นักมวยของตนชนะแน่ สุนทรท้วงติงว่าไม่เหมาะสม เพราะมวยคือการพนัน การกล่าวเช่นนี้ทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ผลก็คือมีนักข่าวที่ไม่ถูกกันแจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 แต่ที่สุดแล้วศาลทหารยกฟ้อง เพราะมีเจตนาปกป้องพระบรมเดชานุภาพจริง หลักการทำงานของสุนทรที่แตกต่างจากนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนอื่นๆ คือ นักข่าวทุกคนจะต้องไม่มีเรื่องซองขาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ครั้งหนึ่งมีนักการเมืองแจกซองให้บรรดานักข่าวที่ไปทำข่าวแถลงงานหนึ่ง เมื่อนักข่าวโคราชรายวันพบว่าในซองมีเงิน ก็นำมาคืนโดยไม่ชักช้า และบอกเล่าเรื่องนี้แก่กองบรรณาธิการ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่สื่อมวลชน โคราชรายวันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์โคราชคนอีสาน พร้อมขยายพื้นที่วางแผงไปยัง 10 จังหวัดในภาคอีสาน นอกจากสุนทรเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 โดยร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สุนทรเข้ารับการรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกมาตั้งแต่ปี 2565 ประกอบกับมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ต้องพบแพทย์และพักฟื้นที่บ้านอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ก่อนจากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 09.09 น. ด้วยอายุ 78 ปี คำสอนที่ยังเหลือไว้คือ "ความซื่อสัตย์สุจริต" เป็นคุณธรรมสำหรับคนที่ยังมีลมหายใจ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1

    ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก

    อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ?

    อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ?

    อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ

    อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ?

    อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู

    อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้

    ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ

    ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย?

    แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว

    อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ

    อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที)

    อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่

    อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน)

    หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่!

    LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง

    สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ)

    อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย?

    (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน)

    อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ

    อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่

    สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง

    อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้
    2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น
    3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที
    4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ
    5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง
    6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป
    7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ
    8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ
    9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง
    10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว
    11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร.
    12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70
    13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด
    14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ
    15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง

    หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน

    สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ

    อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย

    สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ

    อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง?

    ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ)

    ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย?

    นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ"

    บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที

    ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1 ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ? อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ? อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ? อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่ อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้ ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย? แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่) สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที) อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที) สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่ อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน) หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่! LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ) อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย? (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน) อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่ สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้ 2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น 3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที 4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ 5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง 6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป 7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ 8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ 9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง 10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว 11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร. 12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70 13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด 14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ 15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง? ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ) ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย? นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ" บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ร่วมมือ HUMAN สกัดขบวนการโกงโฆษณา SlopAds — แอป Android กว่า 224 ตัวถูกถอดออกจาก Play Store

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การลบแอปธรรมดา แต่เป็นการเปิดโปงขบวนการโกงโฆษณาขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแอป Android กว่า 224 ตัว ซึ่งถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก โดยขบวนการนี้มีชื่อว่า “SlopAds” และถูกเปิดโปงโดยทีม Satori Threat Intelligence ของบริษัท HUMAN ร่วมกับ Google

    SlopAds ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น steganography (การซ่อนข้อมูลในไฟล์ภาพ), การสร้าง WebView ล่องหนในแอป, และการตรวจสอบว่าแอปถูกติดตั้งจากโฆษณาหรือไม่ เพื่อเริ่มต้นการโกงคลิกโฆษณาแบบลับๆ โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว

    เมื่อแอปถูกติดตั้งผ่านโฆษณา มันจะดาวน์โหลดโมดูลชื่อ FatModule ซึ่งซ่อนอยู่ในไฟล์ PNG และเมื่อถูกถอดรหัส มันจะสร้าง WebView ที่โหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี เช่น เกม HTML5 หรือเว็บข่าวปลอม เพื่อจำลองการคลิกโฆษณาและสร้างรายได้แบบผิดกฎหมาย

    ที่น่าตกใจคือ ขบวนการนี้สามารถสร้าง bid request ได้ถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน และมีการกระจายตัวในกว่า 228 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐฯ (30%) อินเดีย (10%) และบราซิล (7%)

    แม้ Google จะลบแอปทั้งหมดออกจาก Play Store และแจ้งเตือนผู้ใช้แล้ว แต่ HUMAN เตือนว่า ขบวนการนี้มีความซับซ้อนและอาจกลับมาในรูปแบบใหม่อีกครั้งในอนาคต

    ขบวนการโกงโฆษณา SlopAds ถูกเปิดโปงและสกัดโดย HUMAN และ Google
    ใช้แอป Android กว่า 224 ตัวที่เน้นธีม AI เช่น StableDiffusion, ChatGLM
    แอปถูกดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก
    สร้าง bid request ได้สูงถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน

    เทคนิคที่ใช้ในการโกงโฆษณา
    ใช้ steganography ซ่อนโมดูล FatModule ในไฟล์ PNG
    สร้าง WebView ล่องหนเพื่อโหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี
    ตรวจสอบว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปจากโฆษณาหรือไม่ ก่อนเริ่มการโกง

    Google ดำเนินการลบแอปและแจ้งเตือนผู้ใช้
    แอปทั้งหมดถูกถอดออกจาก Play Store
    ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปได้รับการแจ้งเตือนให้ลบออกทันที

    HUMAN เตือนถึงความซับซ้อนของ SlopAds
    ใช้การตรวจจับแบบ conditional execution เพื่อหลบเลี่ยงนักวิจัย
    มีการใช้ระบบวัดผลโฆษณาเพื่อสร้างข้อมูลปลอมที่ดูเหมือนจริง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Android
    แอปที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจมีพฤติกรรมลับซ่อนอยู่
    การติดตั้งแอปจากโฆษณาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ขบวนการโกงโฆษณาอาจกลับมาในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม

    https://www.techradar.com/pro/security/google-dismantles-huge-android-ad-fraud-network-distributing-malware-through-224-apps
    📰 Google ร่วมมือ HUMAN สกัดขบวนการโกงโฆษณา SlopAds — แอป Android กว่า 224 ตัวถูกถอดออกจาก Play Store เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การลบแอปธรรมดา แต่เป็นการเปิดโปงขบวนการโกงโฆษณาขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแอป Android กว่า 224 ตัว ซึ่งถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก โดยขบวนการนี้มีชื่อว่า “SlopAds” และถูกเปิดโปงโดยทีม Satori Threat Intelligence ของบริษัท HUMAN ร่วมกับ Google SlopAds ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น steganography (การซ่อนข้อมูลในไฟล์ภาพ), การสร้าง WebView ล่องหนในแอป, และการตรวจสอบว่าแอปถูกติดตั้งจากโฆษณาหรือไม่ เพื่อเริ่มต้นการโกงคลิกโฆษณาแบบลับๆ โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว เมื่อแอปถูกติดตั้งผ่านโฆษณา มันจะดาวน์โหลดโมดูลชื่อ FatModule ซึ่งซ่อนอยู่ในไฟล์ PNG และเมื่อถูกถอดรหัส มันจะสร้าง WebView ที่โหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี เช่น เกม HTML5 หรือเว็บข่าวปลอม เพื่อจำลองการคลิกโฆษณาและสร้างรายได้แบบผิดกฎหมาย ที่น่าตกใจคือ ขบวนการนี้สามารถสร้าง bid request ได้ถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน และมีการกระจายตัวในกว่า 228 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้งานมากที่สุดในสหรัฐฯ (30%) อินเดีย (10%) และบราซิล (7%) แม้ Google จะลบแอปทั้งหมดออกจาก Play Store และแจ้งเตือนผู้ใช้แล้ว แต่ HUMAN เตือนว่า ขบวนการนี้มีความซับซ้อนและอาจกลับมาในรูปแบบใหม่อีกครั้งในอนาคต ✅ ขบวนการโกงโฆษณา SlopAds ถูกเปิดโปงและสกัดโดย HUMAN และ Google ➡️ ใช้แอป Android กว่า 224 ตัวที่เน้นธีม AI เช่น StableDiffusion, ChatGLM ➡️ แอปถูกดาวน์โหลดมากกว่า 38 ล้านครั้งทั่วโลก ➡️ สร้าง bid request ได้สูงถึง 2.3 พันล้านครั้งต่อวัน ✅ เทคนิคที่ใช้ในการโกงโฆษณา ➡️ ใช้ steganography ซ่อนโมดูล FatModule ในไฟล์ PNG ➡️ สร้าง WebView ล่องหนเพื่อโหลดเว็บไซต์ของผู้โจมตี ➡️ ตรวจสอบว่าผู้ใช้ติดตั้งแอปจากโฆษณาหรือไม่ ก่อนเริ่มการโกง ✅ Google ดำเนินการลบแอปและแจ้งเตือนผู้ใช้ ➡️ แอปทั้งหมดถูกถอดออกจาก Play Store ➡️ ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปได้รับการแจ้งเตือนให้ลบออกทันที ✅ HUMAN เตือนถึงความซับซ้อนของ SlopAds ➡️ ใช้การตรวจจับแบบ conditional execution เพื่อหลบเลี่ยงนักวิจัย ➡️ มีการใช้ระบบวัดผลโฆษณาเพื่อสร้างข้อมูลปลอมที่ดูเหมือนจริง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน Android ⛔ แอปที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจมีพฤติกรรมลับซ่อนอยู่ ⛔ การติดตั้งแอปจากโฆษณาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ขบวนการโกงโฆษณาอาจกลับมาในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม https://www.techradar.com/pro/security/google-dismantles-huge-android-ad-fraud-network-distributing-malware-through-224-apps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรปรับตัว “ซื้อทอง” ฟอก “เงิน” (17/9/68)

    #ฟอกเงินเขมร
    #เขมรซื้อทอง
    #ขบวนการข้ามชาติ
    #ข่าววันนี้
    #News1short
    #ThaiTimes
    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #Hunsenfiredfirst
    #scambodia
    #news1
    #shorts
    เขมรปรับตัว “ซื้อทอง” ฟอก “เงิน” (17/9/68) #ฟอกเงินเขมร #เขมรซื้อทอง #ขบวนการข้ามชาติ #ข่าววันนี้ #News1short #ThaiTimes #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #Hunsenfiredfirst #scambodia #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ถอดบทเรียนอายัดบัญชี เราจะรับมืออย่างไร?

    กรณีที่บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขาย รวมถึงบุคคลธรรมดาจำนวนมาก เดือดร้อนจากมาตรการอายัดบัญชี กำลังทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้ขอนำมาสรุปพอสังเขป ได้แก่

    1. บัญชีธนาคารและรหัสพร้อมเพย์เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ควรเผยแพร่ลงบนสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่จำเป็น เพราะอาจถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด ควรบอกเลขที่บัญชีธนาคาร หรือรหัสพร้อมเพย์ด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ เฉพาะครอบครัว ญาติ กลุ่มเพื่อน หรือบุคคลที่ไว้วางใจ เพื่อใช้สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคล เช่น หารเงินค่าอาหาร ฝากซื้อของแบบตัวต่อตัว ส่วนรหัสพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ควรใช้สำหรับรับเงินภาครัฐ เช่น เงินคืนภาษี

    ปัจจุบันมีบางธนาคารออก QR Code รับเงิน ที่เป็นรหัสพร้อมเพย์อี-วอลเล็ต เพื่อรับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร โดยไม่ต้องระบุเลขที่บัญชีโดยตรง เช่น K PLUS ธนาคารกสิกรไทย หรือ LHB YOU ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์

    2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัญชีธนาคาร ตกไปอยู่ในมือของขบวนการผิดกฎหมาย เช่น การเล่นพนันออนไลน์ หรือหวยใต้ดิน

    3. กรณีที่ต้องรับเงินจากคนแปลกหน้า เช่น อาชีพค้าขาย ควรใช้แพลตฟอร์ม QR รับเงินสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ โดยไม่ปะปนกับบัญชีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น K SHOP, แม่มณี, ถุงเงินกรุงไทย ฯลฯ ซึ่งสมัครได้ฟรี จากนั้นโอนยอดเงินเข้าบัญชีธนาคารปกติตามที่ต้องการ ช่วยให้ธนาคารแยกแยะได้ว่า รับเงินมาจากการค้าขาย

    หากร้านค้าต้องการเข้าร่วมมาตรการภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง แนะนำให้สมัครแอปฯ ถุงเงิน ได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

    ข้อควรระวัง กรณีรับเงินโอนจากระบบพร้อมเพย์ ไม่มีค่าธรรมเนียม ได้รับเงินเต็มจำนวน แต่หากรับเงินโอนจาก QR บัตรเครดิต หรือ WeChat Pay และ Alipay จะถูกหักค่าธรรมเนียม ทำให้ไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน จึงควรศึกษาเงื่อนไขของธนาคารด้วย

    4. บัญชีธนาคารมีไว้ทำธุรกรรมเฉพาะตัวเท่านั้น ไม่ควรให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะสนิทกันขนาดไหนก็ตาม และระวังพฤติกรรมแปลกๆ โดยการขอยืมบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินโอนโดยใช้อุบายต่างๆ นานา เพราะสุดท้ายเมื่อรู้ความจริงว่าผู้ที่ขอยืมบัญชีธนาคารนำไปใช้หลอกลวงผู้อื่น บัญชีโดนอายัดทุกธนาคาร

    5. ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพพัฒนารูปแบบการหลอกลวงประชาชนตลอดเวลา และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เวลามีข่าวว่าประชาชนถูกฉ้อโกงทางการเงิน ควรให้ความใส่ใจและบอกต่อกับคนรอบข้าง ครอบครัวและเพื่อนให้ช่วยระมัดระวัง เพราะวันหนึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    #Newskit
    ถอดบทเรียนอายัดบัญชี เราจะรับมืออย่างไร? กรณีที่บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขาย รวมถึงบุคคลธรรมดาจำนวนมาก เดือดร้อนจากมาตรการอายัดบัญชี กำลังทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้ขอนำมาสรุปพอสังเขป ได้แก่ 1. บัญชีธนาคารและรหัสพร้อมเพย์เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ควรเผยแพร่ลงบนสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่จำเป็น เพราะอาจถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด ควรบอกเลขที่บัญชีธนาคาร หรือรหัสพร้อมเพย์ด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ เฉพาะครอบครัว ญาติ กลุ่มเพื่อน หรือบุคคลที่ไว้วางใจ เพื่อใช้สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคล เช่น หารเงินค่าอาหาร ฝากซื้อของแบบตัวต่อตัว ส่วนรหัสพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ควรใช้สำหรับรับเงินภาครัฐ เช่น เงินคืนภาษี ปัจจุบันมีบางธนาคารออก QR Code รับเงิน ที่เป็นรหัสพร้อมเพย์อี-วอลเล็ต เพื่อรับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร โดยไม่ต้องระบุเลขที่บัญชีโดยตรง เช่น K PLUS ธนาคารกสิกรไทย หรือ LHB YOU ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ 2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัญชีธนาคาร ตกไปอยู่ในมือของขบวนการผิดกฎหมาย เช่น การเล่นพนันออนไลน์ หรือหวยใต้ดิน 3. กรณีที่ต้องรับเงินจากคนแปลกหน้า เช่น อาชีพค้าขาย ควรใช้แพลตฟอร์ม QR รับเงินสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ โดยไม่ปะปนกับบัญชีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น K SHOP, แม่มณี, ถุงเงินกรุงไทย ฯลฯ ซึ่งสมัครได้ฟรี จากนั้นโอนยอดเงินเข้าบัญชีธนาคารปกติตามที่ต้องการ ช่วยให้ธนาคารแยกแยะได้ว่า รับเงินมาจากการค้าขาย หากร้านค้าต้องการเข้าร่วมมาตรการภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง แนะนำให้สมัครแอปฯ ถุงเงิน ได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ข้อควรระวัง กรณีรับเงินโอนจากระบบพร้อมเพย์ ไม่มีค่าธรรมเนียม ได้รับเงินเต็มจำนวน แต่หากรับเงินโอนจาก QR บัตรเครดิต หรือ WeChat Pay และ Alipay จะถูกหักค่าธรรมเนียม ทำให้ไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน จึงควรศึกษาเงื่อนไขของธนาคารด้วย 4. บัญชีธนาคารมีไว้ทำธุรกรรมเฉพาะตัวเท่านั้น ไม่ควรให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร ไม่ว่าจะสนิทกันขนาดไหนก็ตาม และระวังพฤติกรรมแปลกๆ โดยการขอยืมบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินโอนโดยใช้อุบายต่างๆ นานา เพราะสุดท้ายเมื่อรู้ความจริงว่าผู้ที่ขอยืมบัญชีธนาคารนำไปใช้หลอกลวงผู้อื่น บัญชีโดนอายัดทุกธนาคาร 5. ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพพัฒนารูปแบบการหลอกลวงประชาชนตลอดเวลา และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เวลามีข่าวว่าประชาชนถูกฉ้อโกงทางการเงิน ควรให้ความใส่ใจและบอกต่อกับคนรอบข้าง ครอบครัวและเพื่อนให้ช่วยระมัดระวัง เพราะวันหนึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,มโนเล่น ไม่ใช่อะไรหรอก แบงค์เอกชนมันหามุกไม่ให้ประชาชนถอนตัง,เพราะตังในแบงค์มันมีไม่พอถอน,สาเหตุโอนตังให้deep state พ่อแม่มันไปต่างประเทศหมด,เงินสดบาทไทยจึงไม่มีเหลือน้อย,ขาดสภาพคล่อง รอเติม ระหว่างรอหาเรื่องสตอรี่อายัดตังประชาชนเลย555.,บาทไทยทั้งอาเชียนใช้กันตรึม ภายในประเทศจึงมีเหลือน้อย.ต้องรีบพิมพ์เพิ่มแต่ต้องรอเวลาสักหน่อย.,แบบอ้างขนทองคำออกนอกประเทศจริงๆก็อยู่ในประเทศไทยนี้ล่ะ ปั่นใบทองคำ โอนไปโอนมาแบบใบซื้อขายน้ำมันอ้างนำเข้านั่นล่ะ,ตัวน้ำมันจริงๆลอยลำแหลมฉบังนี้ล่ะ,แค่เอกสารมันปั่นไปมาแค่นั้น,แล้วตังเงินบาทก็ออกนอกประเทศสำเร็จนั่นเอง.
    ..บัญชีม้าก็อายัดแค่ตัวบัญชีม้าก็ได้ ของใครมันต้นทางก็พอ,ปลายทางแม้เกี่ยวก็น้อยราย,ต่างจากตังควอนตัม สามารถล็อกแบบบล็อคเช็นเบอร์เลขอ้างอิงสัญลักษณ์ตังดิจิดัลเฉพาะรายการที่ผิดปกติได้,ซึ่งแบงค์ชาติอายัดรายการนั้นๆลำบากแน่นอน แต่ก็สามารถทำได้ เช่นบัญชีม้าปั่นฟอกตังได้ตังกว่าล้านบาท แสนแรกไปซื้อรถมอไซค์โอนตังไป,แบงค์พานิชย์หรือแบงค์ชาติอายัดทั้งบัญชีม้าต้นทางก่อนแล้วตามอายัดเฉพาะตัง1แสนบาทนั้นทีหลังได้,เฉพาะรายการ1แสนบาทนั้นได้แค่นั้น ,แล้วตรวจสอบว่าสมควรเป็นธุรกรรมยกผลประโยชน์ให้ผู้ขายด้วยชอบธรรมมั้ยหรือไม่ ก็ดุลยพินิจแล้วประกอบพิจารณามิจฉาชีพร่วมกันด้วยมั้ยประกอบ ,พิจารณาแล้วมิใช่มิจฉาชีพร่วมขบวนการด้วยก็สามารถผ่อนคลายให้เป็นตังของคนค้าขายอย่างสุจริตทางอาชีะได้ก็อายัดแค่9แสนของบัญชีม้าเข้าส่วนกลางของรัฐต่อไปได้,คลายอายัดรายการนั้นๆ,มิใช่อายัดทั้งบัญชีตังของบุคคลนั้นๆเช่นค้าขายผักผลไม้เขียงหมูปลามีตังในบัญชีปกติที่5ล้านหมุนเวียนในธุรกิจเขาเสือกอายัดทั้งบัญชีก็ใช้ไม่ได้,อายัดแค่ตัง1แสนบาทนั้นก็พอ,5ล้านก็ใช้ได้ปกติ,แต่สามารถสืบสวนเชื่อมโยงที่ผิดปกติภายหลังได้ หากตรวจสอบแล้วมาแก๊งเดียวกันก็ค่อยอายัดทั้งหมดภายหลังและอายัดตังที่โอนต่อๆไปได้อีกด้วย ถึงใครก้อน1แสน2แสนโอนไปก็สิ้นสุดที่คนสุดท้ายนั้น,,เป้าหมายบัญชีม้าก็ปิดบัญชีเสร็จ.
    ..ระบบเราอาจตามรายการปลีกย่อยลักษณะนี้ลำบากไม่ได้ เพราะบิ๊กดาต้าเครือข่ายแบงค์ต้องมากต่อการประมวลผลเชื่อมบล็อคเชนแต่ละรายการได้เยี่ยม แอปAIนั้นต้องพร้อมรองรับ,มาตราฐานจึงอัพเลเวลอย่างเดี่ยว,ปัจจุบันแบงค์ชาติใช้ระบบควอนตัมแล้วจึงมีบาทคอยน์ได้,ISO20022หรือเปล่านะ,แบงค์พานิชย์ก็ทดลองระบบแล้วนีั,ปิดทำการๆกันๆที่เราๆได้ยินข่าวว่าปรับปรุงระบบนั้นล่ะ,สู่ควอนตัมiso20022ทางการเงินก็ว่า,ฮับการเงินโลกคือไทยนี้ก็ว่าอีก,แต่ละชาติย้ายฐานบิ๊กดาต้ามาไทยแล้ว,ศูนย์กลางการเงินโลกคือไทย มิใช่หยวนจีนแต่คือไทยเชื่อเถอะ,อเมริกาไม่ยอมรับหยวนหรอก บาทไทยอาจยอมรับกว่า,จีนก็ยอมรับบาทไทย ไม่เอาดอลล่าร์อเมริกาอีกต่อไป ส่วนbricsหากมองจริงๆคือกลุ่มฐานภาคีเครือข่ายการตลาดทวีปยุคใหม่ดีกว่า,ที่ไม่เอายุโรปและอเมริกา,เผลอๆbricsประชุมตกลงกันว่าให้บาทไทยเป็นสกุลเงินมาตราฐานโลก,แบบลาว พม่า เขมร เวียดนาม ใช้บาทไทยแทนใช้ตังตนเองแลกเปลี่ยนใช้จ่ายก็ว่า.,อาเชียนใช้บาทไทยยืนหนึ่งนั้นเอง,มีพลังมีอัตลักษณ์ระดับโลกได้,จักรวาลอื่นมาค้าขายแลกเปลี่ยนเวลาพูดถึงเงินบาทก็นึกถึงว่ามาจากโลกในนี้นั้นเอง,ตัวแทนหน้าตาของโลกก็ว่า.,

    https://youtube.com/watch?v=FxsSFyE4MNM&si=10BOAUDh8e8L4GF5
    555,มโนเล่น ไม่ใช่อะไรหรอก แบงค์เอกชนมันหามุกไม่ให้ประชาชนถอนตัง,เพราะตังในแบงค์มันมีไม่พอถอน,สาเหตุโอนตังให้deep state พ่อแม่มันไปต่างประเทศหมด,เงินสดบาทไทยจึงไม่มีเหลือน้อย,ขาดสภาพคล่อง รอเติม ระหว่างรอหาเรื่องสตอรี่อายัดตังประชาชนเลย555.,บาทไทยทั้งอาเชียนใช้กันตรึม ภายในประเทศจึงมีเหลือน้อย.ต้องรีบพิมพ์เพิ่มแต่ต้องรอเวลาสักหน่อย.,แบบอ้างขนทองคำออกนอกประเทศจริงๆก็อยู่ในประเทศไทยนี้ล่ะ ปั่นใบทองคำ โอนไปโอนมาแบบใบซื้อขายน้ำมันอ้างนำเข้านั่นล่ะ,ตัวน้ำมันจริงๆลอยลำแหลมฉบังนี้ล่ะ,แค่เอกสารมันปั่นไปมาแค่นั้น,แล้วตังเงินบาทก็ออกนอกประเทศสำเร็จนั่นเอง. ..บัญชีม้าก็อายัดแค่ตัวบัญชีม้าก็ได้ ของใครมันต้นทางก็พอ,ปลายทางแม้เกี่ยวก็น้อยราย,ต่างจากตังควอนตัม สามารถล็อกแบบบล็อคเช็นเบอร์เลขอ้างอิงสัญลักษณ์ตังดิจิดัลเฉพาะรายการที่ผิดปกติได้,ซึ่งแบงค์ชาติอายัดรายการนั้นๆลำบากแน่นอน แต่ก็สามารถทำได้ เช่นบัญชีม้าปั่นฟอกตังได้ตังกว่าล้านบาท แสนแรกไปซื้อรถมอไซค์โอนตังไป,แบงค์พานิชย์หรือแบงค์ชาติอายัดทั้งบัญชีม้าต้นทางก่อนแล้วตามอายัดเฉพาะตัง1แสนบาทนั้นทีหลังได้,เฉพาะรายการ1แสนบาทนั้นได้แค่นั้น ,แล้วตรวจสอบว่าสมควรเป็นธุรกรรมยกผลประโยชน์ให้ผู้ขายด้วยชอบธรรมมั้ยหรือไม่ ก็ดุลยพินิจแล้วประกอบพิจารณามิจฉาชีพร่วมกันด้วยมั้ยประกอบ ,พิจารณาแล้วมิใช่มิจฉาชีพร่วมขบวนการด้วยก็สามารถผ่อนคลายให้เป็นตังของคนค้าขายอย่างสุจริตทางอาชีะได้ก็อายัดแค่9แสนของบัญชีม้าเข้าส่วนกลางของรัฐต่อไปได้,คลายอายัดรายการนั้นๆ,มิใช่อายัดทั้งบัญชีตังของบุคคลนั้นๆเช่นค้าขายผักผลไม้เขียงหมูปลามีตังในบัญชีปกติที่5ล้านหมุนเวียนในธุรกิจเขาเสือกอายัดทั้งบัญชีก็ใช้ไม่ได้,อายัดแค่ตัง1แสนบาทนั้นก็พอ,5ล้านก็ใช้ได้ปกติ,แต่สามารถสืบสวนเชื่อมโยงที่ผิดปกติภายหลังได้ หากตรวจสอบแล้วมาแก๊งเดียวกันก็ค่อยอายัดทั้งหมดภายหลังและอายัดตังที่โอนต่อๆไปได้อีกด้วย ถึงใครก้อน1แสน2แสนโอนไปก็สิ้นสุดที่คนสุดท้ายนั้น,,เป้าหมายบัญชีม้าก็ปิดบัญชีเสร็จ. ..ระบบเราอาจตามรายการปลีกย่อยลักษณะนี้ลำบากไม่ได้ เพราะบิ๊กดาต้าเครือข่ายแบงค์ต้องมากต่อการประมวลผลเชื่อมบล็อคเชนแต่ละรายการได้เยี่ยม แอปAIนั้นต้องพร้อมรองรับ,มาตราฐานจึงอัพเลเวลอย่างเดี่ยว,ปัจจุบันแบงค์ชาติใช้ระบบควอนตัมแล้วจึงมีบาทคอยน์ได้,ISO20022หรือเปล่านะ,แบงค์พานิชย์ก็ทดลองระบบแล้วนีั,ปิดทำการๆกันๆที่เราๆได้ยินข่าวว่าปรับปรุงระบบนั้นล่ะ,สู่ควอนตัมiso20022ทางการเงินก็ว่า,ฮับการเงินโลกคือไทยนี้ก็ว่าอีก,แต่ละชาติย้ายฐานบิ๊กดาต้ามาไทยแล้ว,ศูนย์กลางการเงินโลกคือไทย มิใช่หยวนจีนแต่คือไทยเชื่อเถอะ,อเมริกาไม่ยอมรับหยวนหรอก บาทไทยอาจยอมรับกว่า,จีนก็ยอมรับบาทไทย ไม่เอาดอลล่าร์อเมริกาอีกต่อไป ส่วนbricsหากมองจริงๆคือกลุ่มฐานภาคีเครือข่ายการตลาดทวีปยุคใหม่ดีกว่า,ที่ไม่เอายุโรปและอเมริกา,เผลอๆbricsประชุมตกลงกันว่าให้บาทไทยเป็นสกุลเงินมาตราฐานโลก,แบบลาว พม่า เขมร เวียดนาม ใช้บาทไทยแทนใช้ตังตนเองแลกเปลี่ยนใช้จ่ายก็ว่า.,อาเชียนใช้บาทไทยยืนหนึ่งนั้นเอง,มีพลังมีอัตลักษณ์ระดับโลกได้,จักรวาลอื่นมาค้าขายแลกเปลี่ยนเวลาพูดถึงเงินบาทก็นึกถึงว่ามาจากโลกในนี้นั้นเอง,ตัวแทนหน้าตาของโลกก็ว่า., https://youtube.com/watch?v=FxsSFyE4MNM&si=10BOAUDh8e8L4GF5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 9 : สร้างคอก
    เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย
    มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ)
    ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน
    นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด)
    นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !)
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 9 : สร้างคอก เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ) ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด) นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คดี44 คน รวมสส.พรรคก้าวไกล ที่ย้ายมาพรรคประชาชน เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผิด ม.157บ้างมั้ยนะ ลงหน้างานทำงานช้าเกินไปมั้ยนะ

    ..ตลอด หลายคนมากที่ออกสื่อทั้งเชียร์ทั้งเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112 พยามหลักฐานชัดเต็มคลิปโซเชียลต่างๆที่เรา..ประชาชนทั่วประเทศพากันนำเสนอช่วยให้อีกในแต่ละช่องกูรูต่างๆท่านที่กล้าหาญนั้น,พวกร่วมขบวนการแก้ ม.112นี้ทางรัฐฯทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาดจบหรือยัง.

    อาทิคนเหล่านี้ด้วยก็ว่าที่สื่อลงชี้ชัดให้แล้ว.

    กลุ่มที่หนึ่ง บุคคลที่ยังเป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 25 คน
    1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. กทม.)
    2. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    3. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    4. วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    5. ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ (นายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาชน)
    6. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    7. รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    8. วุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ
    9. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.
    10. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.
    11. นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ
    12. นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. (ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. บัญชีรายชื่อ)
    13. ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ
    14. ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี
    15. วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ
    16. คำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ
    17. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ
    18. องค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อ
    19. มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ
    20. จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา
    21. วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ
    22. จรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี
    23. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ
    24. ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด
    25. สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ

    กลุ่มที่สอง บุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 11 คน
    1. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
    2. กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี
    3. สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา
    4. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์
    5. ทองแดง เบ็ญจะปัก
    6. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์
    7. ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์
    8. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ
    9. ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์
    10. ทวีศักดิ์ ทักษิณ
    11. สมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล

    กลุ่มที่สาม บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีจากการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 8 คน
    1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
    2. เบญจา แสงจันทร์
    3. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
    4. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์
    5. สุเทพ อู่อ้น
    6. อภิชาติ ศิริสุนทร
    7. ปดิพัทธ์ สันติภาดา
    8. สมชาย ฝั่งชลจิตร


    https://www.ilaw.or.th/articles/52795
    ..คดี44 คน รวมสส.พรรคก้าวไกล ที่ย้ายมาพรรคประชาชน เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผิด ม.157บ้างมั้ยนะ ลงหน้างานทำงานช้าเกินไปมั้ยนะ ..ตลอด หลายคนมากที่ออกสื่อทั้งเชียร์ทั้งเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112 พยามหลักฐานชัดเต็มคลิปโซเชียลต่างๆที่เรา..ประชาชนทั่วประเทศพากันนำเสนอช่วยให้อีกในแต่ละช่องกูรูต่างๆท่านที่กล้าหาญนั้น,พวกร่วมขบวนการแก้ ม.112นี้ทางรัฐฯทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาดจบหรือยัง. อาทิคนเหล่านี้ด้วยก็ว่าที่สื่อลงชี้ชัดให้แล้ว. กลุ่มที่หนึ่ง บุคคลที่ยังเป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 25 คน 1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. กทม.) 2. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 3. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 4. วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 5. ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ (นายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาชน) 6. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 7. รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 8. วุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ 9. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. 10. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. 11. นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ 12. นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. (ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. บัญชีรายชื่อ) 13. ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ 14. ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี 15. วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ 16. คำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ 17. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ 18. องค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อ 19. มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ 20. จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา 21. วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ 22. จรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี 23. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ 24. ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด 25. สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ กลุ่มที่สอง บุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 11 คน 1. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ 2. กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี 3. สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา 4. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ 5. ทองแดง เบ็ญจะปัก 6. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ 7. ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ 8. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ 9. ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ 10. ทวีศักดิ์ ทักษิณ 11. สมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล กลุ่มที่สาม บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีจากการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 8 คน 1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2. เบญจา แสงจันทร์ 3. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 4. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 5. สุเทพ อู่อ้น 6. อภิชาติ ศิริสุนทร 7. ปดิพัทธ์ สันติภาดา 8. สมชาย ฝั่งชลจิตร https://www.ilaw.or.th/articles/52795
    WWW.ILAW.OR.TH
    สรุปข้อเท็จจริงคดี 44 สส.ก้าวไกล เสนอแก้ 112 ถูกสอบ 'มาตรฐานจริยธรรม' - iLaw
    ชวนทำความเข้าใจว่า ทำไม 44 สส. ถึงต้องโดนป.ป.ช. สอบสวนดูกรอบระยะเวลาอาจจะนำไปสู่วันตัดสินคดี และผลลัพธ์ที่ตามมาหากสส. จากอดีตพรรคก้าวไกลถูกตัดสินว่า "ผิด"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก
    การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้
    มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่
    มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน
    New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว
    อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย
    ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ
    อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้
    เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
    อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ !
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้ มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่ มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้ เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ ! คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทย มีนายพลทหารที่ไม่รักประขาชนรักชาติบ้านเมืองจริง ใช้ตำแหน่งทางทหารตนทำลายทำร้ายชาติไทยของคนไทยทั้งประเทศบนคราบความเป็นทหารที่ตัวมันใช้ก่อการ,
    ..ยุติขบวนการเจรจาแบบลักษณะทันที,ให้ทหารไทยคุยกับทหารเขมรเอง,ทหารแบบแม่ทัพภาค2สมควรเป็นประธานตัวแทนประเทศไทยไปตบหัวเขมรเอามันมานั่งเคลียร์กันจริงจัง,แล้วจับมาดูการทำเขตแดนให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายให้จบ,คณะกากๆแบบนี้ เกิดการประชุมมาหลายครั้งแล้วส่อแต่สมยอมให้เขมรตลอดมาถือว่าทรยศต่อแผ่นดินอธิปไตยตนชัดเจนแล้ว,
    ..ตนเองฝ่ายไทยต้องคุยเรื่องเขตแดนให้จบ สร้างรั้วพรมแดนให้จบก่อน การทะเลาะเรื่องใครมาล้ำเขตใครก็จะสิ้นสุดทันที กับระเบิดกู้ตอนไหนก็ได้ ฝ่ายไทยกู้เองก็ได้ตลอดแผ่นดินไทยโดยเขมรต้องจ่ายชดเชยจ่ายการทำงานเก็บกู้ที่ทหารเขมรมาวางกับระเบิดฝั่งไทยดินแดนไทยนี้ทั้งหมด ส่วนฝั่งมรึงเขมรจะไม่เก็บกู้ก็เรื่องของมรึง,ทีมเจรจาต้องทำงานเชิงนี้ให้สำเร็จ กระทรวงต่างประเทศต้องจบเรื่องนี้ทันทีด้วย มันสมควรจบเรื่องพรมแดนลักษณะนี้นานแล้ว และไม่จบต้องทำให้จบทันที,ทำไม่ได้ก็ยุบกระทรวงการต่างประเทศทิ้งไปล้างอิทธิพลขัดขวางการทำงานนี้ทั้งหมด,ตั้งเป็นกระทรวงใหม่ได้,จริงๆเรื่องนี้สามารถทำเสร็จไปนานแล้วแต่ไม่พยายามทำในรัฐบาลที่ผ่านๆมาทั้งหมด,เราจะมาปกครองแบบกากๆเดิมๆไม่สมควรแล้ว เขตแดนทั่วแผ่นดินไทยสมควรจบและชัดเจนทั้งหมดได้แล้วในพ.ศ.นี้,ตัดงบประมาณคมนาคมภายในประเทศทันที กว่าแสนล้านต่อปี ถนนดีๆก็ขุดทิ้งสร้างใหม่แดกงบประมาณทุกๆปี,โกงกินเป็นว่าเล่น,ไทยต้องรื้อรีเซ็ตระบบใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมตอนนี้ ซึ่งน่าอนาถใจมาก มีการเมืองบนเขียงกองทัพไทยแบบนี้ใช้ไม่ได้.

    https://youtube.com/shorts/LKo5wcuLtPY?si=yjrJKEFzyrwg2FsJ
    ทหารไทย มีนายพลทหารที่ไม่รักประขาชนรักชาติบ้านเมืองจริง ใช้ตำแหน่งทางทหารตนทำลายทำร้ายชาติไทยของคนไทยทั้งประเทศบนคราบความเป็นทหารที่ตัวมันใช้ก่อการ, ..ยุติขบวนการเจรจาแบบลักษณะทันที,ให้ทหารไทยคุยกับทหารเขมรเอง,ทหารแบบแม่ทัพภาค2สมควรเป็นประธานตัวแทนประเทศไทยไปตบหัวเขมรเอามันมานั่งเคลียร์กันจริงจัง,แล้วจับมาดูการทำเขตแดนให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายให้จบ,คณะกากๆแบบนี้ เกิดการประชุมมาหลายครั้งแล้วส่อแต่สมยอมให้เขมรตลอดมาถือว่าทรยศต่อแผ่นดินอธิปไตยตนชัดเจนแล้ว, ..ตนเองฝ่ายไทยต้องคุยเรื่องเขตแดนให้จบ สร้างรั้วพรมแดนให้จบก่อน การทะเลาะเรื่องใครมาล้ำเขตใครก็จะสิ้นสุดทันที กับระเบิดกู้ตอนไหนก็ได้ ฝ่ายไทยกู้เองก็ได้ตลอดแผ่นดินไทยโดยเขมรต้องจ่ายชดเชยจ่ายการทำงานเก็บกู้ที่ทหารเขมรมาวางกับระเบิดฝั่งไทยดินแดนไทยนี้ทั้งหมด ส่วนฝั่งมรึงเขมรจะไม่เก็บกู้ก็เรื่องของมรึง,ทีมเจรจาต้องทำงานเชิงนี้ให้สำเร็จ กระทรวงต่างประเทศต้องจบเรื่องนี้ทันทีด้วย มันสมควรจบเรื่องพรมแดนลักษณะนี้นานแล้ว และไม่จบต้องทำให้จบทันที,ทำไม่ได้ก็ยุบกระทรวงการต่างประเทศทิ้งไปล้างอิทธิพลขัดขวางการทำงานนี้ทั้งหมด,ตั้งเป็นกระทรวงใหม่ได้,จริงๆเรื่องนี้สามารถทำเสร็จไปนานแล้วแต่ไม่พยายามทำในรัฐบาลที่ผ่านๆมาทั้งหมด,เราจะมาปกครองแบบกากๆเดิมๆไม่สมควรแล้ว เขตแดนทั่วแผ่นดินไทยสมควรจบและชัดเจนทั้งหมดได้แล้วในพ.ศ.นี้,ตัดงบประมาณคมนาคมภายในประเทศทันที กว่าแสนล้านต่อปี ถนนดีๆก็ขุดทิ้งสร้างใหม่แดกงบประมาณทุกๆปี,โกงกินเป็นว่าเล่น,ไทยต้องรื้อรีเซ็ตระบบใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมตอนนี้ ซึ่งน่าอนาถใจมาก มีการเมืองบนเขียงกองทัพไทยแบบนี้ใช้ไม่ได้. https://youtube.com/shorts/LKo5wcuLtPY?si=yjrJKEFzyrwg2FsJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเชียถล่มฝรั่งเศสตอนนี้เดือนนี้เลย ปล่อยให้มันสะสมอาวุธเตรียมพร้อมฆ่าคนรัสเชียทำไม,เปิดตัวขนาดนี้ ตัวพ่อเบื้องหลังก่อสงคราม ตัวพ่อเบื้องหลังก่ออาชยญากรรมสาระพัดทั่วโลกร่วมถึงสนับสนุนเขมรค้ามนุษย์ค้าอวัยวะค้ายาเสพติดของอีลิทdeep stateด้วยส่งเนื้อสดไปประเทศเครือข่ายฝรั่งเศสแปรรูปแน่นอนก่อนส่งไปให้พวกวาติกันแดกเนื้อมนุษย์กันทั่วรีตตาเดียวมันและอังกฤษคือตัวพ่ออีกตัวนั้นเอง,มันย้ายฐานมายูเครน อีลิทยุโรปจึงช่วยยูเครนเป็นการใหญ่เพราะใต้ดินใต้อุโมงค์ยูเครนคือแหล่งผลิตแปรรูปสาระพัดความชั่วร้ายเช่นแดกมนุษย์แดกเด็กแดกอะดริโนโครมผลิตอาวุธชีวภาพแบบเชื้อโรคโควิดเป็นต้นในโซนยุโรป,โซนเอเชียก็แหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ตัวพ่อนอกจากสแกมเมอร์คอลเซนเตอร์ก็มีพม่ามีเขมรล่าสุดที่อพยพจากฐานพม่ามาสร้างที่เขมรแทนโดยมีรัฐบาลชั่วเลวของไทยสมคบคิดด้วยชุดก่อน สมยอมเขมรใต้ตีนมันหมด ฝรั่งเศสคือตัวปัญหาของเอเชียและอาเชียนจริงตลอดเรื่อยมา ยึดปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายจากคนเอเชียคนอาเชียนเราไม่น้อยจนถึงปัจจุบัน เช่นบ่อน้ำมันทั่วอาเชียนเรา สร้างความแตกแยกวุ่นวายโกลาหลทั่วเอเชียอาเชียนเป็นทีมเป็นขบวนการและแทรกแซงวิถีการปกครองไปหมดในเอเชียในอาเชียนเรา ,ยุโรปสมควรถูกกำจัดถูกทำลายโดยเฉพาะฝรั่งเศส รัสเชีย จีน อินเดีย เกาหลีเหนือยิงถล่มมันทิ้งเลย,เอเชียเราสงบสุขสันติแน่นอน แถมทรัพยากรมีค่ามากมายจะทำคุณประโยชน์พัฒนาคนเอเชียเราให้สุขสบายร่วมกันสันติสงบสุขได้.
    https://youtube.com/watch?v=xoLDX0C9240&si=GETJXaxrOqczGntC
    รัสเชียถล่มฝรั่งเศสตอนนี้เดือนนี้เลย ปล่อยให้มันสะสมอาวุธเตรียมพร้อมฆ่าคนรัสเชียทำไม,เปิดตัวขนาดนี้ ตัวพ่อเบื้องหลังก่อสงคราม ตัวพ่อเบื้องหลังก่ออาชยญากรรมสาระพัดทั่วโลกร่วมถึงสนับสนุนเขมรค้ามนุษย์ค้าอวัยวะค้ายาเสพติดของอีลิทdeep stateด้วยส่งเนื้อสดไปประเทศเครือข่ายฝรั่งเศสแปรรูปแน่นอนก่อนส่งไปให้พวกวาติกันแดกเนื้อมนุษย์กันทั่วรีตตาเดียวมันและอังกฤษคือตัวพ่ออีกตัวนั้นเอง,มันย้ายฐานมายูเครน อีลิทยุโรปจึงช่วยยูเครนเป็นการใหญ่เพราะใต้ดินใต้อุโมงค์ยูเครนคือแหล่งผลิตแปรรูปสาระพัดความชั่วร้ายเช่นแดกมนุษย์แดกเด็กแดกอะดริโนโครมผลิตอาวุธชีวภาพแบบเชื้อโรคโควิดเป็นต้นในโซนยุโรป,โซนเอเชียก็แหล่งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะมนุษย์ตัวพ่อนอกจากสแกมเมอร์คอลเซนเตอร์ก็มีพม่ามีเขมรล่าสุดที่อพยพจากฐานพม่ามาสร้างที่เขมรแทนโดยมีรัฐบาลชั่วเลวของไทยสมคบคิดด้วยชุดก่อน สมยอมเขมรใต้ตีนมันหมด ฝรั่งเศสคือตัวปัญหาของเอเชียและอาเชียนจริงตลอดเรื่อยมา ยึดปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายจากคนเอเชียคนอาเชียนเราไม่น้อยจนถึงปัจจุบัน เช่นบ่อน้ำมันทั่วอาเชียนเรา สร้างความแตกแยกวุ่นวายโกลาหลทั่วเอเชียอาเชียนเป็นทีมเป็นขบวนการและแทรกแซงวิถีการปกครองไปหมดในเอเชียในอาเชียนเรา ,ยุโรปสมควรถูกกำจัดถูกทำลายโดยเฉพาะฝรั่งเศส รัสเชีย จีน อินเดีย เกาหลีเหนือยิงถล่มมันทิ้งเลย,เอเชียเราสงบสุขสันติแน่นอน แถมทรัพยากรมีค่ามากมายจะทำคุณประโยชน์พัฒนาคนเอเชียเราให้สุขสบายร่วมกันสันติสงบสุขได้. https://youtube.com/watch?v=xoLDX0C9240&si=GETJXaxrOqczGntC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIG Story | เหลือบผ้าเหลือง

    ย้อนรอยคดีฉาว “เงินทอนวัด” ที่เขย่าวงการสงฆ์ไทย เมื่อพระผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐถูกพัวพันกับขบวนการทุจริตงบประมาณวัดทั่วประเทศ เบื้องหลังการหากินกับผ้าเหลืองที่โยงถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา กลายเป็นบทสะท้อนความเสื่อมของศรัทธา ที่ยังคงเป็นคำถามในใจประชาชน

    ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: เหลือบผ้าเหลือง ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #เงินทอนวัด #เหลือบผ้าเหลือง #คดีทุจริตวงการสงฆ์ #ศรัทธาที่ถูกบั่นทอน #ThaiTimes
    BIG Story | เหลือบผ้าเหลือง ย้อนรอยคดีฉาว “เงินทอนวัด” ที่เขย่าวงการสงฆ์ไทย เมื่อพระผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐถูกพัวพันกับขบวนการทุจริตงบประมาณวัดทั่วประเทศ เบื้องหลังการหากินกับผ้าเหลืองที่โยงถึงสำนักงานพระพุทธศาสนา กลายเป็นบทสะท้อนความเสื่อมของศรัทธา ที่ยังคงเป็นคำถามในใจประชาชน 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: เหลือบผ้าเหลือง ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #เงินทอนวัด #เหลือบผ้าเหลือง #คดีทุจริตวงการสงฆ์ #ศรัทธาที่ถูกบั่นทอน #ThaiTimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..ส่วนตัวนะ.,เอา25,000ล้านบาทนี้ไปสร้างรั้วลวดหนามกั้นเขมรดีมั้ย ปากท้องและเศรษฐกิจค้าขายภายในประเทศไทยเรายิ่งสบายจิตสบายใจกว่าโดยเฉพาะเพื่อนๆไทยเราตามขอบชายแดนติดกับเขมรยิ่งโคตรสบายใจ เหลือเอาไปสร้างต่อกั้นขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ติดมาเลย์ ก่อเหตุเสร็จข้ามพรมแดนหนีเข้ามาเลย์อย่างง่ายดาย มีสองสัญชาติไทยมาเลย์ยิ่งง่ายอีก เหลือจึงเอาไปกั้นมาเลย์โจรใต้อีกด้วย.
    ..งบมีพร้อมทันตาเลยนะโน้น,พอจะสร้างรั้วในรัฐบาลยุคก่อนมีข้ออ้างสาระพัดตังไม่พอหรือปัจจุบันอนุมัติได้แค่15-16กม.ก่อน รอมติผ่านสภาอีกโน้น คือยุ่งยากโคตรๆจะสร้างแค่800กม.นี้,กูรูบางท่านขอบริจาคทั่วไทยเพราะตังรัฐบาลไม่มีไม่พอ กม.ละล้านกว่าบาท 800กม.ก็800ล้านบาทเอง,ทหาร15-16กม.พันสองพันล้านบาทเอง,แต่ถ้าแบบดีโคตรๆกม.ละ10ล้านบาท800กม.ก็8,000ล้านบาทเองมีระบบกล้องพร้อม จิตอาสาภาคประชาชนอาจร่วมด้วย,ตังงบคนละครึ่ง25,000ล้านบาทมันเหลือล้นเลยนะ,ระดมงานสร้างสิ,ตอนนี้สำคัญมาก เศรษฐกิจก็กระตุ้นไป,ถ้าคนละครึ่งยังหาตังมาได้ทันทีไม่มีข้อแม้เงื่อนไข,สร้างรั้วลวดหนามก็สามารถลงเนื้องานได้จริงทันทีด้วย ยกเลิกmou43,44ให้เด็ดขาดด้วย,อย่านั่งทิ้งเวลาเล่น,อย่าดีแต่ปาก,ยิ่งชดเชยเยียวยาภาษีทรัมป์ยังสามารถเอาตังออกมาช่วยเอกชนไทยทันทีได้กว่า200,000ล้านบาทโน้น, ทหารมีงบไม่พอ กลาโหมไม่มีงบ มหาดไทยไม่เกี่ยวเรื่องของชายแดนของทหารไม่มีงบสนับสนุนช่วย,ตังคลังฉุกเฉินเร่งด่วนส่วนกลางก็ไม่มีให้,
    ..จึงสรุปว่าสร้างกำแพงรั้วลวดหนามหรือรั้วลวดหนาม มีข้ออ้างสาระพัดนั้นเอง แม้พูดต้องมีตัวเงินจริงสนับสนุนการก่อสร้างสนุสนุนให้เกิดเนื้องานหน้างานจริงด้วย ปล่อยมาก็ได้แค่15-16กม.แม้ดีกว่าไม่ปล่อย แต่ชัดเจนไปเลยว่า งบมีเพียงพอพร้อมก่อสร้างทันที เงินลงมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงดำเนินงานได้เลยนั้นล่ะจึงต้องเป็นลักษณะนี้จึงจะถูกต้องถูกทาง,จะพอเป็นพิธีกลบกระแสประชาชนต่อต้านเฉยๆไม่ได้,หรือเอาคนละครึ่งมาหักเหความสนใจแล้วแอบเจรจาตกลงกันก็ไม่ได้.
    ..เมื่อมีคนละครึ่ง25,000ล้านบาทได้
    ..ต้องมีคนละครึ่งอีก25,000ล้านบาททันทีเช่นกัน เป็นเงินจริงเต็มบัญชีเบิกสร้างกำแพงรั้วลวดหนามได้เลยจนเสร็จสมบูรณ์โครงการงานสร้าง.

    https://youtube.com/watch?v=uNMX3fbBwwk&si=V0y6tiLU8vFgQjPk
    ..ส่วนตัวนะ.,เอา25,000ล้านบาทนี้ไปสร้างรั้วลวดหนามกั้นเขมรดีมั้ย ปากท้องและเศรษฐกิจค้าขายภายในประเทศไทยเรายิ่งสบายจิตสบายใจกว่าโดยเฉพาะเพื่อนๆไทยเราตามขอบชายแดนติดกับเขมรยิ่งโคตรสบายใจ เหลือเอาไปสร้างต่อกั้นขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ติดมาเลย์ ก่อเหตุเสร็จข้ามพรมแดนหนีเข้ามาเลย์อย่างง่ายดาย มีสองสัญชาติไทยมาเลย์ยิ่งง่ายอีก เหลือจึงเอาไปกั้นมาเลย์โจรใต้อีกด้วย. ..งบมีพร้อมทันตาเลยนะโน้น,พอจะสร้างรั้วในรัฐบาลยุคก่อนมีข้ออ้างสาระพัดตังไม่พอหรือปัจจุบันอนุมัติได้แค่15-16กม.ก่อน รอมติผ่านสภาอีกโน้น คือยุ่งยากโคตรๆจะสร้างแค่800กม.นี้,กูรูบางท่านขอบริจาคทั่วไทยเพราะตังรัฐบาลไม่มีไม่พอ กม.ละล้านกว่าบาท 800กม.ก็800ล้านบาทเอง,ทหาร15-16กม.พันสองพันล้านบาทเอง,แต่ถ้าแบบดีโคตรๆกม.ละ10ล้านบาท800กม.ก็8,000ล้านบาทเองมีระบบกล้องพร้อม จิตอาสาภาคประชาชนอาจร่วมด้วย,ตังงบคนละครึ่ง25,000ล้านบาทมันเหลือล้นเลยนะ,ระดมงานสร้างสิ,ตอนนี้สำคัญมาก เศรษฐกิจก็กระตุ้นไป,ถ้าคนละครึ่งยังหาตังมาได้ทันทีไม่มีข้อแม้เงื่อนไข,สร้างรั้วลวดหนามก็สามารถลงเนื้องานได้จริงทันทีด้วย ยกเลิกmou43,44ให้เด็ดขาดด้วย,อย่านั่งทิ้งเวลาเล่น,อย่าดีแต่ปาก,ยิ่งชดเชยเยียวยาภาษีทรัมป์ยังสามารถเอาตังออกมาช่วยเอกชนไทยทันทีได้กว่า200,000ล้านบาทโน้น, ทหารมีงบไม่พอ กลาโหมไม่มีงบ มหาดไทยไม่เกี่ยวเรื่องของชายแดนของทหารไม่มีงบสนับสนุนช่วย,ตังคลังฉุกเฉินเร่งด่วนส่วนกลางก็ไม่มีให้, ..จึงสรุปว่าสร้างกำแพงรั้วลวดหนามหรือรั้วลวดหนาม มีข้ออ้างสาระพัดนั้นเอง แม้พูดต้องมีตัวเงินจริงสนับสนุนการก่อสร้างสนุสนุนให้เกิดเนื้องานหน้างานจริงด้วย ปล่อยมาก็ได้แค่15-16กม.แม้ดีกว่าไม่ปล่อย แต่ชัดเจนไปเลยว่า งบมีเพียงพอพร้อมก่อสร้างทันที เงินลงมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงดำเนินงานได้เลยนั้นล่ะจึงต้องเป็นลักษณะนี้จึงจะถูกต้องถูกทาง,จะพอเป็นพิธีกลบกระแสประชาชนต่อต้านเฉยๆไม่ได้,หรือเอาคนละครึ่งมาหักเหความสนใจแล้วแอบเจรจาตกลงกันก็ไม่ได้. ..เมื่อมีคนละครึ่ง25,000ล้านบาทได้ ..ต้องมีคนละครึ่งอีก25,000ล้านบาททันทีเช่นกัน เป็นเงินจริงเต็มบัญชีเบิกสร้างกำแพงรั้วลวดหนามได้เลยจนเสร็จสมบูรณ์โครงการงานสร้าง. https://youtube.com/watch?v=uNMX3fbBwwk&si=V0y6tiLU8vFgQjPk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8
    ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้
    เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ)
    แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง !
    นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม
    หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 8 ระหว่างการเดินทางมาอยู่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือไทยเจรจากับอังกฤษ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสเดินทางสำรวจประเทศไทย พม่า ลาว เขมร เวียตนาม อย่างละเอียดละอออีกรอบ คุยกับรัฐบาลและประมุขของรัฐ ในฐานะตัวแทนอเมริกาผู้ชนะสงครามโลก แบบไม่มีฟกไม่มีช้ำ ใครๆ ก็ต้องเปิดประตูรับนาย Kenneth (เขามาสำรวจอะไร? สำรวจให้ใคร?)

เขาได้ไปขอพบลุงโฮจิมินท์ ซึ่งเขาทึ่งมากว่า ลุงโฮ เป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำ นอกจากพูดภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ลุงโฮยังพูดภาษารัสเซียได้ด้วย ลุงโฮพยายามที่ออกจากอ้อมอกและจักกะแร้เหม็นเขียวของฝรั่งเศส ได้ขอร้องให้อเมริกาช่วย มันก็เข้าทางอเมริกาอยู่แล้ว ค่อยๆ แซะไปทีละขั้น ลุงโฮรู้ด้วยว่าประธานาธิบดี Roosevelt ก็ไม่อยากให้ฝรั่งเศสมาเพ่นพ่านอยู่แถวนี้อีกต่อไป นาย Kenneth บอกลุงโฮไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมเดินเรื่องต่อให้ ระหว่างการสนทนาลุงโฮเล่าให้นาย Kenneth ฟังว่า ช่วงหนึ่งที่เขาหนีฝรั่งเศส เขาได้แอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอยู่หลายปี โดยบวชเป็นพระอยู่แถวภูพานทางเหนือของอีสาน ! ช่วงที่เป็นขบวนการใต้ดินต่อสู้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้กลิ่นว่าลุงโฮอยู่แถวนั้น ขนทหารมาเป็นกองทัพจะมาจับ ลุงโฮลงทุนถอดเสื้อผ้า เหลือแต่กางเกงใน เอารถเจ็กออกมาลาก แล้วเอาอาเจ้ตัวอ้วนที่ขายไก่อยู่แถวนั้น นั่งบนรถเจ็กและลากรถเจ็กที่มีอาเจ้และไก่ วิ่งผ่านทหารฝรั่งเศส ซึ่งมัวแต่ตะลึงมองความอวบของอาเจ้กับฝูงไก่ แล้วลุงโฮก็หลบมาได้ โดยไม่มีใครสงสัยมองคนลากรถตัวผอม ที่นุ่งแต่กางเกงในเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลุงโฮชอบใจมาก เล่าไปหัวร่อไป ว่าต้มไอ้จักกะแร้เหม็นเขียวได้ เมื่อเสร็จจากรายการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน นาย Kenneth กลับเข้ามาที่เมืองไทย และได้พบกับนายปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สำเร็จราชกา ร ได้เชิญเขาทานอาหารเย็น ระหว่างทานอาหาร นายปรีดีได้ถามว่า เอกสารแนบท้าย 2 ชิ้น ที่นาย Kenneth นำไปแนบท้ายหนังสือ Siam in Transition น่ะ ยูไปได้มาจากไหนนะ นาย Kenneth ไม่ยอมบอกแหล่งที่มา แต่บอกว่าเขาก็เขียนถึงปรีดีและนำเสนอเอกสารนั้นอย่างดีกับ นายปรีดีนะ ซึ่งนายปรีดีก็เห็นด้วย นาย Kenneth ตามนิสัยนักฉวยโอกาส (หรือตามหน้าที่ !?) บอกนายปรีดีว่า เขาอยากได้เอกสารที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เขียนวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี แต่นายปรีดีปฏิเสธ บอกว่าคุณก็ไปหาตามวิธีที่คุณได้เอกสารของผม นั่นไง ซึ่งนาย Kenneth ก็ทำและหามาได้ (แสดงว่านาย Kenneth มีเพื่อนไทย หรือคนไทยที่อยากเอาใจฝรั่งอยู่รอบตัวแยะจริงๆ) แต่ถึงแม้นายปรีดีจะไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ตามที่นาย Kenneth ขอ แต่นายปรีดีได้มอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยเกือบ 700 เล่ม เมื่อนาย Kenneth ขอ นายปรีดีสั่งให้ห้องสมุดในกรุ งเทพฯ จัดหนังสือตามที่นาย Kenneth ต้องการ หนังสือทุกเล่มจัดเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งให้นำไปไว้ที่ Library of Congress ในวอชิงตัน เป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการ ปรีดี พนมยงค์ มอบให้แก่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา และอีกชุดหนึ่งยกให้เป็นสมบัติส่วนตัวของนาย Kenneth อืม ! สมันน้อยยื่นตาข่ายดักให้นักล่าเอง นักล่าบอกแบบนี้สบายเรา อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่า Our boy Ruth ได้ยังไง ! นอกจากเอกสารเกี่ยวกับประเทศไทยที่นาย Kenneth ได้จากนายปรีดีแล้ว ระหว่างที่เดินทางมาเมืองไทยเที่ยวนี้ เขาได้แวะที่ฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับสยามและประเทศไทย ที่มีคนต่างชาติและคนไทยเขียน เขาเล่าว่าทุกร้านหนังสือที่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เขาเข้าไป เขากวาดซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับเมืองไทยและอินโดจีนจนหมดเกลี้ยงร้าน รวมแล้วเขาซื้อทั้งหมดประมาณ 1 พันเล่ม หนังสือทั้งหมดที่นาย Kenneth ได้ไป ไม่ว่าจะเป็นของขวัญจากใคร รวมทั้งที่เขาหาซื้อมา ภายหลังนาย Kenneth ได้นำไปใช้ในการตั้งหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทย และเอเซียตะวันออกอย่างละเอียดถี่ยิบ เมืองสยามที่คนอเมริกันไม่เคยได้ยิน ก็ได้รู้จักกันคราวนี้ และรู้ว่าควรจะ “จัดการ” อย่างไรกับไทยแลนด์แดนสมันน้อย การออกแบบเครื่องมือการล่ารุ่นแรกสำเร็จได้เพราะเหตุนี้! จำกันไว้ให้ดี คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7
    ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty”
    ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ
    งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า !
    ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน !
    หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954
    เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7 ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty” ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ! ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน ! หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954 เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ชิดชอบสไตล์ นัดเดียวได้นกหลายตัว นโยบายบนดินคือผลักดันอีสปอร์ต ยกระดับดิจิตอลอีโคโนมี่ นโยบายใต้ดินคือ กำจัดขบวนการ io ที่โจมตีเรื่องเขากระโดง และฮั้วสว.
    #7ดอกจิก
    #ชิดชอบ
    ♣ ชิดชอบสไตล์ นัดเดียวได้นกหลายตัว นโยบายบนดินคือผลักดันอีสปอร์ต ยกระดับดิจิตอลอีโคโนมี่ นโยบายใต้ดินคือ กำจัดขบวนการ io ที่โจมตีเรื่องเขากระโดง และฮั้วสว. #7ดอกจิก #ชิดชอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 1
    เมื่อตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1942 อเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่จะไปทำสงคราม แต่เป้าหมายของอเมริกาไกลกว่านั้น เขามองถึงการเป็นพี่เบิ้มใหญ่ของโลกหลังสงคราม และอเมริกาก็ทำได้ตามเป้าหมายมาตลอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน กลยุทธใด แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นนักล่าหน้าใหม่ แต่ฝีไม้ลายมือในการล่าไม่เบา หลังจากเป็นผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกามองตัวเองว่าเป็นจักรวรรดิอเมริกา เพราะจักรวรรดิต่างๆ ได้ล่มสลายไปหมดเหลือไว้แต่ซากกับประวัติ อเมริกาหมดคู่แข่งชั่วคราว ผงาดตัวมาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง แม้ตอนนี้ แท่นยืนของนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะออกอาการง่อนแง่น แท่นเอียง ขาเก เพราะโดนทั้งปลวกทั้งด้วงแมงแทะในบ้านอยู่ แถมหลายประเทศที่อเมริกาเคยใช้กลยุทธ โกหก ตอแหล สร้างเรื่องสาระพัด หลอกโลกและใช้หน่วยงานที่ตนเองชักใย รุมกันจนประเทศเหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยง หรือโดนกองทัพอันเกรียงไกรของพี่เบิ้มบุกเข้าประเทศ ประหนึ่งขี่ช้างจับตั๊กแตน จนบ้างเมืองเขาพินาศ เหลือเป็นซากเศษอิฐ หรือที่เคยมองประเทศเหล่านั้นอย่างหยามเหยียดด้วยหางตา ประเทศเหล่านั้นเริ่มขยับมาตีเสมอ เผลอๆ จะจับมือกันร่วมหัว ร่วมท้าย ท้าทายอเมริกา กระแซะพี่เบิ้มให้ตกจากแท่นยืนในฐานะหมายเลขหนึ่งเอาเสียด้วย ซ้ำ แต่เกมการล่า การแข่งขันชิงแชมป์โลก ต้องมองกันนานๆ ดูกันไปยาวๆ อย่าเพิ่งตัดสินแค่ยกสองยก มวยใหญ่มันอึด มีท่วงทีลีลาน่าศึกษา แต่ที่สำคัญอยู่ที่ชั้นเชิง ไม่รู้ปล่อยกันออกมาหมดหรือยัง
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าสู่ยุคสงครามเย็น ระบอบคอมมิวนิสต์ออกดอกแพร่พันธ์ ไปหลายแห่งในโลก สายหนึ่งไปทางสหภาพโซเวียต สายหนึ่งมาทางเอเซีย สู่จีนและเวียตนาม ใครเป็นคนเอาพันธ์มาแพร่ ก็รู้ๆ กันอยู่ อเมริกาทำเป็นทนดูไม่ได้ แบบนี้เสียหน้าผู้พิทักษ์โลกสวยใบนี้หมด (แหม! ใช้ศัพท์สมัยใหม่เป็นเหมือนกันเหรอลุง ฮา!) ดังนั้น อเมริกาจึงทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้ชาวโลกเชื่อว่า สงครามเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นยาขจัดการแพร่พันธ์คอมมิวนิสต์อย่างชงัด
    เมื่ออเมริกาตัดสินใจทำมาหากินกับสงครามเวียตนาม ก็จำเป็นต้องมีเหยื่อเข้ามาร่วมกิจกรรม จะไปรบคนเดียวได้ยังไงเหงาตาย ไทยแลนด์สมันน้อยถูกผู้กำกับคัดตัวให้ไปเล่นบทตัวเอก แต่สมันน้อย อ่านบทไม่แตก ไม่ตัดสินใจเสียที อเมริกาจึงลงทุนประคองคุณป๋าสฤษดิ์บินไปอเมริกาเพื่อไปรักษาตัวตอนคุณป๋าป่วย พอไปถึงคุณป๋านอกจากจะถูกบรรดาหมอรุมกันรักษาแล้วคูณป๋ายังถูกอุ้มลงเปลเห่กล่อม ติวเข้มเกี่ยวกับภัยคอมมี่ กลับมาคุณป๋าร้องเฮ้ยเว้ย เอาไง เอากัน จะปล่อยให้คอมมี่มันบุกบ้านเรา บ้านพี่เมืองน้องเราได้ยังไง (ท่านที่ยังไม่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอย ตอนนี้เป็นโอกาสดี เชิญแวะไปอ่านหน่อยนะครับ ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว หาไม่เจอบอกมาจะลงให้ใหม่ จะได้อ่านนิทานเรื่องนี้แบบไม่ขาดลอย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันครับ แหม ! เอาใจคนอ่านจังนะลุง กลัวแฟนเพจไม่ถึงหมื่นหรือไง ฮา !)
    ขบวนการล่อเหยื่อ จับลงเปลเห่กล่อมเขาน่าสนใจ อเมริกาจะทำอะไร ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ จะทำวันนี้เขาคิดมา 20-30 ปีก่อนหน้าแล้ว วางแผนซับซ้อน วิธีการวางแผน หาข้อมูล ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ เหมือนพวกไอ้ป้อดอีแป้ดมันออกรุ่นใหม่ มีลูกเล่นมาหลอกให้เราซื้ออยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะฉะนั้นถึงแม้นักล่าจะเปลี่ยนลูกเล่นอยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็พอมองออก ถ้าหมั่นติดตาม
    แกะสะเก็ด แกะรอยเก่า รอยใหม่ เอาแว่นมาส่องดู ก็คงพอจะตามรอยมันได้บ้าง ตอนนี้นักล่าประกาศไปทั่วโลก ว่าจะกลับมาวิ่งเล่นลิงชิงหลักอยู่แถวเอเซีย ตามนโยบาย Rebalancing ไทยแลนด์แดนสมันน้อยก็ไม่แคล้วจะถูกคัดตัวมาเข้าฉากอีก แต่คราวนี้จะได้รับบทตัวเอก ตัวประกอบ หรือบทไหน เรายังไม่รู้แน่ แต่จะไปรอรู้เอาตอนจบ นอนนับศพนับซากในบ้านเรา มันจะไหวหรือ สมันน้อยตื่นตัว ตามศึกษาแกะรอยนักล่ากันหน่อย อย่าดูแค่ที่เห็นข้างหน้า หัดเหลียวหลังแลข้างบ้างน่าจะดีกว่านะ
    มารู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่งกันหน่อย นาย Kenneth และนาง Margaret Landon เขา 2 คนนี้ น่าสนใจมาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของไทยกับอเมริกา ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้าง เครื่องมือการล่าเหยื่อของอเมริกาในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในเมืองไทย เครื่องมือการล่าเหยื่อชนิดนี้ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ อุปกรณ์หลักเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมให้ทันตามสมัยนิยมเท่านั้นเอง
    นาง Margaret มีชื่อเสียงเพราะเป็นคนเขียนหนังสือ เรื่อง Anna and the King ซึ่งตอนหลังHollywood เอาไปสร้างหนังเรื่อง The King and I นำแสดงโดย Rex Harrison ตอนรุ่นแรก แต่มาดังตอนสร้างครั้งที่สองโดยเอานาย Yul Brynner มารับบทเป็น The King หนังเรื่องนี้ถูกห้ามฉายในประเทศไทย นอกจากนั้นหนังสือเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นละคร Broadway ดังระเบิด เพลงเพราะ ฉากสวย แต่เนื้อเรื่องแต่งตามความคิดของฝรั่งมองไทย ที่รู้จักไทยอย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่คิดเอาเองว่ารู้จักหมด แต่นิทานเรื้องนี้จะไม่เล่าเกี่ยวกับนาง Margaret แต่จะเล่าเกี่ยวกับสามีนาง Margaret ที่ชื่อนาย Kenneth ผู้สร้างรอยเก่าน่าสนใจตามแกะดู


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 1 เมื่อตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1942 อเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่จะไปทำสงคราม แต่เป้าหมายของอเมริกาไกลกว่านั้น เขามองถึงการเป็นพี่เบิ้มใหญ่ของโลกหลังสงคราม และอเมริกาก็ทำได้ตามเป้าหมายมาตลอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน กลยุทธใด แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นนักล่าหน้าใหม่ แต่ฝีไม้ลายมือในการล่าไม่เบา หลังจากเป็นผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกามองตัวเองว่าเป็นจักรวรรดิอเมริกา เพราะจักรวรรดิต่างๆ ได้ล่มสลายไปหมดเหลือไว้แต่ซากกับประวัติ อเมริกาหมดคู่แข่งชั่วคราว ผงาดตัวมาเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง แม้ตอนนี้ แท่นยืนของนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะออกอาการง่อนแง่น แท่นเอียง ขาเก เพราะโดนทั้งปลวกทั้งด้วงแมงแทะในบ้านอยู่ แถมหลายประเทศที่อเมริกาเคยใช้กลยุทธ โกหก ตอแหล สร้างเรื่องสาระพัด หลอกโลกและใช้หน่วยงานที่ตนเองชักใย รุมกันจนประเทศเหล่านั้นแตกเป็นเสี่ยง หรือโดนกองทัพอันเกรียงไกรของพี่เบิ้มบุกเข้าประเทศ ประหนึ่งขี่ช้างจับตั๊กแตน จนบ้างเมืองเขาพินาศ เหลือเป็นซากเศษอิฐ หรือที่เคยมองประเทศเหล่านั้นอย่างหยามเหยียดด้วยหางตา ประเทศเหล่านั้นเริ่มขยับมาตีเสมอ เผลอๆ จะจับมือกันร่วมหัว ร่วมท้าย ท้าทายอเมริกา กระแซะพี่เบิ้มให้ตกจากแท่นยืนในฐานะหมายเลขหนึ่งเอาเสียด้วย ซ้ำ แต่เกมการล่า การแข่งขันชิงแชมป์โลก ต้องมองกันนานๆ ดูกันไปยาวๆ อย่าเพิ่งตัดสินแค่ยกสองยก มวยใหญ่มันอึด มีท่วงทีลีลาน่าศึกษา แต่ที่สำคัญอยู่ที่ชั้นเชิง ไม่รู้ปล่อยกันออกมาหมดหรือยัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าสู่ยุคสงครามเย็น ระบอบคอมมิวนิสต์ออกดอกแพร่พันธ์ ไปหลายแห่งในโลก สายหนึ่งไปทางสหภาพโซเวียต สายหนึ่งมาทางเอเซีย สู่จีนและเวียตนาม ใครเป็นคนเอาพันธ์มาแพร่ ก็รู้ๆ กันอยู่ อเมริกาทำเป็นทนดูไม่ได้ แบบนี้เสียหน้าผู้พิทักษ์โลกสวยใบนี้หมด (แหม! ใช้ศัพท์สมัยใหม่เป็นเหมือนกันเหรอลุง ฮา!) ดังนั้น อเมริกาจึงทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้ชาวโลกเชื่อว่า สงครามเท่านั้นแหละ ที่จะเป็นยาขจัดการแพร่พันธ์คอมมิวนิสต์อย่างชงัด เมื่ออเมริกาตัดสินใจทำมาหากินกับสงครามเวียตนาม ก็จำเป็นต้องมีเหยื่อเข้ามาร่วมกิจกรรม จะไปรบคนเดียวได้ยังไงเหงาตาย ไทยแลนด์สมันน้อยถูกผู้กำกับคัดตัวให้ไปเล่นบทตัวเอก แต่สมันน้อย อ่านบทไม่แตก ไม่ตัดสินใจเสียที อเมริกาจึงลงทุนประคองคุณป๋าสฤษดิ์บินไปอเมริกาเพื่อไปรักษาตัวตอนคุณป๋าป่วย พอไปถึงคุณป๋านอกจากจะถูกบรรดาหมอรุมกันรักษาแล้วคูณป๋ายังถูกอุ้มลงเปลเห่กล่อม ติวเข้มเกี่ยวกับภัยคอมมี่ กลับมาคุณป๋าร้องเฮ้ยเว้ย เอาไง เอากัน จะปล่อยให้คอมมี่มันบุกบ้านเรา บ้านพี่เมืองน้องเราได้ยังไง (ท่านที่ยังไม่เคยอ่านนิทานจิกโก๋ปากซอย ตอนนี้เป็นโอกาสดี เชิญแวะไปอ่านหน่อยนะครับ ทำลิงค์ไว้ให้แล้ว หาไม่เจอบอกมาจะลงให้ใหม่ จะได้อ่านนิทานเรื่องนี้แบบไม่ขาดลอย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกันครับ แหม ! เอาใจคนอ่านจังนะลุง กลัวแฟนเพจไม่ถึงหมื่นหรือไง ฮา !) ขบวนการล่อเหยื่อ จับลงเปลเห่กล่อมเขาน่าสนใจ อเมริกาจะทำอะไร ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ จะทำวันนี้เขาคิดมา 20-30 ปีก่อนหน้าแล้ว วางแผนซับซ้อน วิธีการวางแผน หาข้อมูล ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ เหมือนพวกไอ้ป้อดอีแป้ดมันออกรุ่นใหม่ มีลูกเล่นมาหลอกให้เราซื้ออยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะฉะนั้นถึงแม้นักล่าจะเปลี่ยนลูกเล่นอยู่เรื่อย แต่ลูกหลักมันก็พอมองออก ถ้าหมั่นติดตาม แกะสะเก็ด แกะรอยเก่า รอยใหม่ เอาแว่นมาส่องดู ก็คงพอจะตามรอยมันได้บ้าง ตอนนี้นักล่าประกาศไปทั่วโลก ว่าจะกลับมาวิ่งเล่นลิงชิงหลักอยู่แถวเอเซีย ตามนโยบาย Rebalancing ไทยแลนด์แดนสมันน้อยก็ไม่แคล้วจะถูกคัดตัวมาเข้าฉากอีก แต่คราวนี้จะได้รับบทตัวเอก ตัวประกอบ หรือบทไหน เรายังไม่รู้แน่ แต่จะไปรอรู้เอาตอนจบ นอนนับศพนับซากในบ้านเรา มันจะไหวหรือ สมันน้อยตื่นตัว ตามศึกษาแกะรอยนักล่ากันหน่อย อย่าดูแค่ที่เห็นข้างหน้า หัดเหลียวหลังแลข้างบ้างน่าจะดีกว่านะ มารู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่งกันหน่อย นาย Kenneth และนาง Margaret Landon เขา 2 คนนี้ น่าสนใจมาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของไทยกับอเมริกา ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้าง เครื่องมือการล่าเหยื่อของอเมริกาในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในเมืองไทย เครื่องมือการล่าเหยื่อชนิดนี้ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ อุปกรณ์หลักเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมให้ทันตามสมัยนิยมเท่านั้นเอง นาง Margaret มีชื่อเสียงเพราะเป็นคนเขียนหนังสือ เรื่อง Anna and the King ซึ่งตอนหลังHollywood เอาไปสร้างหนังเรื่อง The King and I นำแสดงโดย Rex Harrison ตอนรุ่นแรก แต่มาดังตอนสร้างครั้งที่สองโดยเอานาย Yul Brynner มารับบทเป็น The King หนังเรื่องนี้ถูกห้ามฉายในประเทศไทย นอกจากนั้นหนังสือเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นละคร Broadway ดังระเบิด เพลงเพราะ ฉากสวย แต่เนื้อเรื่องแต่งตามความคิดของฝรั่งมองไทย ที่รู้จักไทยอย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่คิดเอาเองว่ารู้จักหมด แต่นิทานเรื้องนี้จะไม่เล่าเกี่ยวกับนาง Margaret แต่จะเล่าเกี่ยวกับสามีนาง Margaret ที่ชื่อนาย Kenneth ผู้สร้างรอยเก่าน่าสนใจตามแกะดู คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (4)
    คุณพี่ Obama น่าจะตัดสินใจแล้ว ดูจากรายงานของคุณครู CRS บวกกับถังสมองยี่ห้อ CSIS (Council for Strategic and International Studies) ที่ออกมาเสนอเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2014 ให้มีการเจรจาและมีนายกคนกลาง เพื่อจะได้เอาสมันน้อยเข้าฉากลุยเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน
    แบบนี้คุณพี่ก็ต้องสร้างขบวนการ จัดการบ้านของสมันน้อยให้มั่นคง (Stable) 
อย่างที่คุณพี่ต้องการก่อน หนึ่งในการจัดการให้เกิดความมั่นคงในบ้านสมันน้อย
(ส่วนที่เปิดเผยได้ !) คุณพี่และสมุน ก็กลับลำประกาศหนุนให้มีการเจรจาหลังฉากและเลือกนายกฯ คนกลาง (ที่คุณพี่สนับสนุน !) ซึ่งตอนนี้ กำลังส่งเข้าประกวดกันเพียบ คุณน้านันท์ชื่อยังไม่ตกรอบ คุณพี่ ส ชื่ออีสานตัวมาจากใต้ ก็ยังแรงดี ตอนนี้มีสายอีลีตเก่าใหม่ ส่ง อาจารย์นักวิชาการ เด่นๆ มาเข้ารอบประกวดอีกเป็นกระบุง ดร. ส. ดร. อ. ดร. ป. ฯลฯ แต่เผลอ ๆ คนที่จะเข้าวินจะกลายเป็นคุณพี่ทหารของผมซะก็ไม่รู้
    เมื่อมีนายกฯ คนกลางมาแล้ว จะปฏิรูปจริงไหม จะอยู่นานเท่าไหร่ มีพรายมากระซิบ
บอกว่า เรื่องนายกฯ คนกลาง เขาว่าจะมาอยู่แค่ 6 เดือน พอหอมปากหอมคอ ให้มวลมหาประชาชนหายเหนื่อยหายเครียด ทำให้บ้านเมืองมันสงบนิ่ง ๆ ตามใบสั่งก่อน แล้วก็แก้ไขกฎหมายอะไรนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ให้มีการเลือกตั้ง ใครมาเป็นรัฐบาล เป็น
นายกฯ น่าจะพอเดากันออก ใบสั่งเขามาแบบนั้น เรื่องปฏิรูปก็ค่อย ๆ ทำกันไปไม่ต้องรีบร้อน แบบนี้ ก็เท่ากับมวยล้มต้มคนดู มวลมหาประชาชนจะรับได้หรือ ประเมินผิดไปหน่อยหรือเปล่า
    ถ้าเป็นแบบนี้จริง เรา ๆ ก็ต้องหัดซ้อม ฝึกโวยไว้ อย่าลืม นักล่าก็ปอดแหกเป็น เผยไต๋มาแล้วว่า ถ้ามีความขัดแย้งกัน เขาจะให้เราใช้ฐานทัพเขาหรือ
    เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามกันหน่อย ติดตามความเคลื่อนไหวของนักล่า นักล่ามันมาซ่าในบ้านเราเองทั้งหมดไม่ได้หรอก มันต้องมีมือ มีเท้ารับใช้ในบ้านเรา เราต้องดูให้ออก ตามให้ติด แกะรอยมันบ้าง มันไม่ได้ฉลาดกว่าเรานักหรอก มันต้องคอยถามถังสมอง
มันทุกเรื่อง ถังสมองก็เหมือนหมอดู ถูกบ้างผิดบ้าง แล้วคนไทยน่ะ อ่านง่ายเข้าใจง่ายนักหรือ จนบัดนี้สื่อฝรั่งยังไม่เข้าใจ มวลมหาประชาชนเลย มีชาติไหนบ้าง เวลาจะออกไปประท้วงต้องหอบทั้งวงดนตรี ทั้งโรงครัวไปด้วยแบบเรา มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละ ไปถามนาย Michael Yon ที่ตามไปทำข่าวทุกเวทีดูเถิด ขนาดมีเมียไทย ยังเข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ
    เห็นมาหมาด ๆ เมื่อ 2,3 วันก่อน นสพ.ไทยรัฐวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 หน้า 3 เขียนบทความพาดหัวว่า “อดัม คาเฮน ส่องวิกฤติการเมืองไทยใกล้จุดวิบาก” บทความสรุปว่า สถานการณ์เร่งให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย … … โดยได้มีการแอบจัดทำอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 53 โดยเครือข่าย Scenario Thailand และมีการเสวนาด้วย เมื่อปลายปี 56 เขาว่า Scenario Thailand อาจไม่ใช่ทางออกเสียทีเดียว แต่เป็นโครงการนำร่องที่มีศักยภาพ แกนนำ 2 ขั้ว ควรมีการเปิดการเจรจาอย่างลับ ๆ จะเวิร์กกว่ามาถกเถียงต่อหน้าสาธารณะชน…
    นาย Adam Kahane เป็นใคร ประวัติเขาน่าสนใจ เขาเป็นชาวแคนาดา ปริญญา 3,4 ใบ ทางด้านฟิสิกซ์ พฤติกรรมสังคมและการเจรจา เป็นผู้เริ่มโครงการ Mont Fleur Scenario Exercise ให้กับ South Africa เมื่อ Nelson Mandela พยายามให้คนผิวดำกับคนผิวขาวจับมือกันสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย คนอ่านนิทานจะโยงถูกไหมหนอ ว่าคนประวัติแบบนี้ใครจัดส่งมาให้ !?
    วิธีการจำลองเหตุการณ์ หรือ Scenario planning นี้ จริง ๆ แล้ว เป็นวิธีการของ Rand Corporation เป็นทฤษฎีที่ใช้สำหรับด้านการรบของทหาร (หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะจำชื่อ Rand Corporation ได้ ต้นความคิดฐานทัพใบบัว Lily Pad และการรบแบบ Special Force Operation ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านยุทธการกบกระโดดใหม่นะครับ) คนคิดทฤษฎีนี้คือนาย Herman Kahn ของ Rand ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950
    ต่อมานาย Kahn ลาออกจาก Rand Corporation และมาตั้ง Hudson Institute ซึ่งเป็นพวกถังความคิด (think tank) ที่วอชิงตันสนับสนุนให้ดูแลความมั่นคง และส่งเสริมนโยบายสำคัญ ให้กับเอกชนระดับบรรษัท หรือสถาบันข้ามชาติ สำหรับกรณี ที่บรรษัทพวกนี้มีนโยบายหลัก ที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของอ เมริกา และอาจกระทบกับชุมชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในต่างประเทศ ฯลฯ Hudson Institute ก็จะรับหน้าที่ดูแล แนะนำ วางแผน จัดการ ทดลอง และปฏิบัติการให้บรรลุตามเป้าหมาย ลูกค้าของเขา เช่น Shell, Cargill, Monsanto, Du Port, Dow Chemical, Sandoz, Ciba Geigy คงพอนึกออกนะครับ เช่น บริษัทน้ำมันจะวางท่อผ่านไปบนที่ชาวบ้านหรือแหล่งน้ำ ชาวบ้านประท้วงกัน ทะเลาะกัน หน่วยงานนี้ก็จะมีหน้าที่จัดการให้เรื่องเงียบ หรือบริษัทยาจะทดลองยากับมนุษย์ในโลกที่ 3 หน่วยงานนี้ก็จะจัดให้ พูดไม่อ้อมค้อม หน่วยงานนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนพวกเสธ คนดัง ที่รับจ้าง clear เรื่องขัดแย้งทำนองนั้น แต่ไอ้นี่มันเรื่องระดับชาติหรือระดับโลก แต่วิธีการก็ไม่น่าต่างกัน
    นาย Adam Kahane เคยทำงานให้กับบริษัท Dutch Shell เป็นเวลานาน คุ้นเคยกับวิธีการสร้างภาพจำลอง Sceanario workshop/ exercise แบบนี้ ภายหลังเขาร่วมกับพรรคพวกตั้ง Reos Partners รับงานด้านนี้ (หลังจากที่นาย Kahn เสียชีวิต) ท่านผู้อ่านนิทาน พอมองเห็นภาพต่อกันได้หรือยัง เชื่อว่ารายการของนาย Adam Kahane ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะผู้ที่นำเขาเข้ามาแสดงใน เมืองไทย ใช้ชื่อว่า Siam Intelligence เป็นถังความคิดคนไทย เป็นหน้าฉากให้ใคร เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง แต่เมื่อตอนเขาจัดงานเสวนา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เรื่อง Solution Talk “เราจะส่งมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน” บรรดาขาใหญ่มาร่วมเป็นเหยื่อกันเพียบ ไปหาชื่ออ่านกันนะครับ
    หน่วยงานประเภท Rand Corporation, Hudson Institution นักล่ามีอยู่ในกระเป๋าเป็นร้อย นักล่ากำลังนั่งหมอบอยู่บนภู ดูจังหวะขม่ำสมันน้อยรอบใหม่ แต่รอบนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเก่า ไม่มีผีคอมมี่มาหลอน คราวก่อนมันรบกันนอกบ้านเรา คราวนี้ถ้าเราเดินหมากผิด มันเท่ากับชักศึกเข้าบ้าน กำลังนั่งเหมอ ๆ สบายอยู่ในบ้าน หันมาอีกทีบ้านอาจโดนถล่มหายไปทั้งแถบ เพราะดันไปยอมให้นักล่า มาสร้างฐานทัพใบบัวเต็มชายฝั่งไว้ให้กบกระโดด เพราะฉะนั้น ต้องมารู้จัก มาตามดู ท่าทีของนักล่ากันบ้าง
นี่มันบ้านเรานะ จะให้มันจะมาเดินกร่าง ชี้นิ้ว สั่งเราทำโน่นทำนี่ได้อย่างไร แล้วมันจะทำทุกอย่างเองไม่ได้ มันต้องเลี่ยงไปใช้ร่างทรง เพราะฉะนั้นต้องทำความรู้จัก พวกสมอง มือ เท้า ร่างทรง ของนักล่าเอาไว้ ยิ่งเป็นพวกมือเท้าร่างทรงไทย แต่ใจเป็นของฝรั่ง อย่าปล่อยให้ลอยนวลครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 มีค 57
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (4) คุณพี่ Obama น่าจะตัดสินใจแล้ว ดูจากรายงานของคุณครู CRS บวกกับถังสมองยี่ห้อ CSIS (Council for Strategic and International Studies) ที่ออกมาเสนอเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2014 ให้มีการเจรจาและมีนายกคนกลาง เพื่อจะได้เอาสมันน้อยเข้าฉากลุยเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน แบบนี้คุณพี่ก็ต้องสร้างขบวนการ จัดการบ้านของสมันน้อยให้มั่นคง (Stable) 
อย่างที่คุณพี่ต้องการก่อน หนึ่งในการจัดการให้เกิดความมั่นคงในบ้านสมันน้อย
(ส่วนที่เปิดเผยได้ !) คุณพี่และสมุน ก็กลับลำประกาศหนุนให้มีการเจรจาหลังฉากและเลือกนายกฯ คนกลาง (ที่คุณพี่สนับสนุน !) ซึ่งตอนนี้ กำลังส่งเข้าประกวดกันเพียบ คุณน้านันท์ชื่อยังไม่ตกรอบ คุณพี่ ส ชื่ออีสานตัวมาจากใต้ ก็ยังแรงดี ตอนนี้มีสายอีลีตเก่าใหม่ ส่ง อาจารย์นักวิชาการ เด่นๆ มาเข้ารอบประกวดอีกเป็นกระบุง ดร. ส. ดร. อ. ดร. ป. ฯลฯ แต่เผลอ ๆ คนที่จะเข้าวินจะกลายเป็นคุณพี่ทหารของผมซะก็ไม่รู้ เมื่อมีนายกฯ คนกลางมาแล้ว จะปฏิรูปจริงไหม จะอยู่นานเท่าไหร่ มีพรายมากระซิบ
บอกว่า เรื่องนายกฯ คนกลาง เขาว่าจะมาอยู่แค่ 6 เดือน พอหอมปากหอมคอ ให้มวลมหาประชาชนหายเหนื่อยหายเครียด ทำให้บ้านเมืองมันสงบนิ่ง ๆ ตามใบสั่งก่อน แล้วก็แก้ไขกฎหมายอะไรนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ให้มีการเลือกตั้ง ใครมาเป็นรัฐบาล เป็น
นายกฯ น่าจะพอเดากันออก ใบสั่งเขามาแบบนั้น เรื่องปฏิรูปก็ค่อย ๆ ทำกันไปไม่ต้องรีบร้อน แบบนี้ ก็เท่ากับมวยล้มต้มคนดู มวลมหาประชาชนจะรับได้หรือ ประเมินผิดไปหน่อยหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้จริง เรา ๆ ก็ต้องหัดซ้อม ฝึกโวยไว้ อย่าลืม นักล่าก็ปอดแหกเป็น เผยไต๋มาแล้วว่า ถ้ามีความขัดแย้งกัน เขาจะให้เราใช้ฐานทัพเขาหรือ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามกันหน่อย ติดตามความเคลื่อนไหวของนักล่า นักล่ามันมาซ่าในบ้านเราเองทั้งหมดไม่ได้หรอก มันต้องมีมือ มีเท้ารับใช้ในบ้านเรา เราต้องดูให้ออก ตามให้ติด แกะรอยมันบ้าง มันไม่ได้ฉลาดกว่าเรานักหรอก มันต้องคอยถามถังสมอง
มันทุกเรื่อง ถังสมองก็เหมือนหมอดู ถูกบ้างผิดบ้าง แล้วคนไทยน่ะ อ่านง่ายเข้าใจง่ายนักหรือ จนบัดนี้สื่อฝรั่งยังไม่เข้าใจ มวลมหาประชาชนเลย มีชาติไหนบ้าง เวลาจะออกไปประท้วงต้องหอบทั้งวงดนตรี ทั้งโรงครัวไปด้วยแบบเรา มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละ ไปถามนาย Michael Yon ที่ตามไปทำข่าวทุกเวทีดูเถิด ขนาดมีเมียไทย ยังเข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ เห็นมาหมาด ๆ เมื่อ 2,3 วันก่อน นสพ.ไทยรัฐวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 หน้า 3 เขียนบทความพาดหัวว่า “อดัม คาเฮน ส่องวิกฤติการเมืองไทยใกล้จุดวิบาก” บทความสรุปว่า สถานการณ์เร่งให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย … … โดยได้มีการแอบจัดทำอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 53 โดยเครือข่าย Scenario Thailand และมีการเสวนาด้วย เมื่อปลายปี 56 เขาว่า Scenario Thailand อาจไม่ใช่ทางออกเสียทีเดียว แต่เป็นโครงการนำร่องที่มีศักยภาพ แกนนำ 2 ขั้ว ควรมีการเปิดการเจรจาอย่างลับ ๆ จะเวิร์กกว่ามาถกเถียงต่อหน้าสาธารณะชน… นาย Adam Kahane เป็นใคร ประวัติเขาน่าสนใจ เขาเป็นชาวแคนาดา ปริญญา 3,4 ใบ ทางด้านฟิสิกซ์ พฤติกรรมสังคมและการเจรจา เป็นผู้เริ่มโครงการ Mont Fleur Scenario Exercise ให้กับ South Africa เมื่อ Nelson Mandela พยายามให้คนผิวดำกับคนผิวขาวจับมือกันสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย คนอ่านนิทานจะโยงถูกไหมหนอ ว่าคนประวัติแบบนี้ใครจัดส่งมาให้ !? วิธีการจำลองเหตุการณ์ หรือ Scenario planning นี้ จริง ๆ แล้ว เป็นวิธีการของ Rand Corporation เป็นทฤษฎีที่ใช้สำหรับด้านการรบของทหาร (หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะจำชื่อ Rand Corporation ได้ ต้นความคิดฐานทัพใบบัว Lily Pad และการรบแบบ Special Force Operation ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านยุทธการกบกระโดดใหม่นะครับ) คนคิดทฤษฎีนี้คือนาย Herman Kahn ของ Rand ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ต่อมานาย Kahn ลาออกจาก Rand Corporation และมาตั้ง Hudson Institute ซึ่งเป็นพวกถังความคิด (think tank) ที่วอชิงตันสนับสนุนให้ดูแลความมั่นคง และส่งเสริมนโยบายสำคัญ ให้กับเอกชนระดับบรรษัท หรือสถาบันข้ามชาติ สำหรับกรณี ที่บรรษัทพวกนี้มีนโยบายหลัก ที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของอ เมริกา และอาจกระทบกับชุมชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในต่างประเทศ ฯลฯ Hudson Institute ก็จะรับหน้าที่ดูแล แนะนำ วางแผน จัดการ ทดลอง และปฏิบัติการให้บรรลุตามเป้าหมาย ลูกค้าของเขา เช่น Shell, Cargill, Monsanto, Du Port, Dow Chemical, Sandoz, Ciba Geigy คงพอนึกออกนะครับ เช่น บริษัทน้ำมันจะวางท่อผ่านไปบนที่ชาวบ้านหรือแหล่งน้ำ ชาวบ้านประท้วงกัน ทะเลาะกัน หน่วยงานนี้ก็จะมีหน้าที่จัดการให้เรื่องเงียบ หรือบริษัทยาจะทดลองยากับมนุษย์ในโลกที่ 3 หน่วยงานนี้ก็จะจัดให้ พูดไม่อ้อมค้อม หน่วยงานนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนพวกเสธ คนดัง ที่รับจ้าง clear เรื่องขัดแย้งทำนองนั้น แต่ไอ้นี่มันเรื่องระดับชาติหรือระดับโลก แต่วิธีการก็ไม่น่าต่างกัน นาย Adam Kahane เคยทำงานให้กับบริษัท Dutch Shell เป็นเวลานาน คุ้นเคยกับวิธีการสร้างภาพจำลอง Sceanario workshop/ exercise แบบนี้ ภายหลังเขาร่วมกับพรรคพวกตั้ง Reos Partners รับงานด้านนี้ (หลังจากที่นาย Kahn เสียชีวิต) ท่านผู้อ่านนิทาน พอมองเห็นภาพต่อกันได้หรือยัง เชื่อว่ารายการของนาย Adam Kahane ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะผู้ที่นำเขาเข้ามาแสดงใน เมืองไทย ใช้ชื่อว่า Siam Intelligence เป็นถังความคิดคนไทย เป็นหน้าฉากให้ใคร เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง แต่เมื่อตอนเขาจัดงานเสวนา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เรื่อง Solution Talk “เราจะส่งมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน” บรรดาขาใหญ่มาร่วมเป็นเหยื่อกันเพียบ ไปหาชื่ออ่านกันนะครับ หน่วยงานประเภท Rand Corporation, Hudson Institution นักล่ามีอยู่ในกระเป๋าเป็นร้อย นักล่ากำลังนั่งหมอบอยู่บนภู ดูจังหวะขม่ำสมันน้อยรอบใหม่ แต่รอบนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเก่า ไม่มีผีคอมมี่มาหลอน คราวก่อนมันรบกันนอกบ้านเรา คราวนี้ถ้าเราเดินหมากผิด มันเท่ากับชักศึกเข้าบ้าน กำลังนั่งเหมอ ๆ สบายอยู่ในบ้าน หันมาอีกทีบ้านอาจโดนถล่มหายไปทั้งแถบ เพราะดันไปยอมให้นักล่า มาสร้างฐานทัพใบบัวเต็มชายฝั่งไว้ให้กบกระโดด เพราะฉะนั้น ต้องมารู้จัก มาตามดู ท่าทีของนักล่ากันบ้าง
นี่มันบ้านเรานะ จะให้มันจะมาเดินกร่าง ชี้นิ้ว สั่งเราทำโน่นทำนี่ได้อย่างไร แล้วมันจะทำทุกอย่างเองไม่ได้ มันต้องเลี่ยงไปใช้ร่างทรง เพราะฉะนั้นต้องทำความรู้จัก พวกสมอง มือ เท้า ร่างทรง ของนักล่าเอาไว้ ยิ่งเป็นพวกมือเท้าร่างทรงไทย แต่ใจเป็นของฝรั่ง อย่าปล่อยให้ลอยนวลครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 มีค 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2)
    ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น
    ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน
    แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา)
    แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
    อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
    สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013
    รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย
    รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว)
    คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ)
    ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !)
    คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้)
    เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !)
    แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา
    อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่
    สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา
    ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
    นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง)
    ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2) ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา) แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว) คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ) ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !) คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้) เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !) แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่ สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า) อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง) ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทินนายกฯ 4 เดือน นับถอยหลังเพื่อไทย

    การเมืองไทยหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ช่วงนี้จะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบเพื่อช่วงชิงอำนาจ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พรรคประชาชน ที่มีเสียงในสภาฯ 143 เสียง มีมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แต่มีเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง ห้ามพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และพรรคประชาชนจะขอเป็นฝ่ายค้าน

    ขณะที่พรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ เมื่อรู้ว่าพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งสถานะตอนนี้เพียงปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริงพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็เปิดเผยว่ายื่นทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว โดยไม่ฟังเสียงกฤษฎีกาและบรรดานักกฎหมายที่ท้วงติงว่าทำไม่ได้ กระทั่งมีรายงานข่าวว่า สำนักองคมนตรี ส่งคืนร่างดังกล่าวไปแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามระเบียบ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลฯ ยุบสภาได้

    ด้านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระเรื่องด่วน พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้

    ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกนายทักษิณตัดพ้อว่า ผิดที่ไว้ใจ แต่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปคิดมาก เพราะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมือง หรือจะเป็น สส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งย้ายไปสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้พรรคเพื่อไทยเลือดไหลออกไม่หยุด และมีผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีชนักติดหลังเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

    ขณะที่พรรคประชาชน แม้จะอธิบายว่าการโหวตเลือกนายอนุทินเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่ก็ถูกวิจารณ์จากกลุ่มนักเคลื่อนไหว เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน อดีตแกนนำม็อบราษฎร ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปต่างประเทศ เตือนว่าสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยจะทรยศและใช้อำนาจทำร้ายพรรคประชาชน รวมทั้งทำร้ายขบวนการประชาธิปไตยทั้งองคาพยพ การสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้การปฏิรูปการเมืองถดถอย และทรยศหักหลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปี 2563 อย่างรุนแรง

    #Newskit
    อนุทินนายกฯ 4 เดือน นับถอยหลังเพื่อไทย การเมืองไทยหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ช่วงนี้จะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบเพื่อช่วงชิงอำนาจ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พรรคประชาชน ที่มีเสียงในสภาฯ 143 เสียง มีมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แต่มีเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง ห้ามพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และพรรคประชาชนจะขอเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ เมื่อรู้ว่าพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งสถานะตอนนี้เพียงปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริงพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็เปิดเผยว่ายื่นทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว โดยไม่ฟังเสียงกฤษฎีกาและบรรดานักกฎหมายที่ท้วงติงว่าทำไม่ได้ กระทั่งมีรายงานข่าวว่า สำนักองคมนตรี ส่งคืนร่างดังกล่าวไปแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามระเบียบ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลฯ ยุบสภาได้ ด้านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระเรื่องด่วน พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกนายทักษิณตัดพ้อว่า ผิดที่ไว้ใจ แต่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปคิดมาก เพราะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมือง หรือจะเป็น สส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งย้ายไปสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้พรรคเพื่อไทยเลือดไหลออกไม่หยุด และมีผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีชนักติดหลังเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่พรรคประชาชน แม้จะอธิบายว่าการโหวตเลือกนายอนุทินเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่ก็ถูกวิจารณ์จากกลุ่มนักเคลื่อนไหว เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน อดีตแกนนำม็อบราษฎร ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปต่างประเทศ เตือนว่าสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยจะทรยศและใช้อำนาจทำร้ายพรรคประชาชน รวมทั้งทำร้ายขบวนการประชาธิปไตยทั้งองคาพยพ การสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้การปฏิรูปการเมืองถดถอย และทรยศหักหลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปี 2563 อย่างรุนแรง #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย)
    นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ
    ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190
    ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา
    เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู
    – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ
    การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด
    – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย)
    – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ
    – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู
    – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน
    – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว
    ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค 57
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย) นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190 ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย) – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts