• ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง
    .
    รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ
    .
    อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
    .
    ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024
    .
    ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5%
    .
    ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี
    .
    Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ
    .
    สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง
    .
    เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ"
    .
    มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน
    .
    การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ
    .
    นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ
    .
    รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706
    ..............
    Sondhi X
    ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง . รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ . อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 . ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024 . ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5% . ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี . Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ . สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง . เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ" . มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน . การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ . นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ . รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 757 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น

    สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏

    จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
    สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ

    นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์
    สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน"

    ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
    ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว

    รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม

    ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ
    สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่
    - ดอนเมือง
    - นครราชสีมา
    - ตาคลี
    - อุบลราชธานี
    - อุดรธานี
    - นครพนม
    - อู่ตะเภา

    ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย

    ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม
    ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง

    - รัฐบาลสหรัฐ
    - รัฐบาลเวียดนามเหนือ
    - รัฐบาลเวียดนามใต้
    - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้

    เนื้อหาสำคัญ ได้แก่
    - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม
    - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม
    - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม
    - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้

    ผลกระทบจากข้อตกลง
    การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน

    ผลกระทบนามต่อประเทศไทย
    1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ
    - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร
    - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ

    2. การสูญเสียเอกราช
    มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา

    3. ผลกระทบทางสังคม
    การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว

    สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค

    การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568

    #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม

    🎯
    52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์ สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน" ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ - ดอนเมือง - นครราชสีมา - ตาคลี - อุบลราชธานี - อุดรธานี - นครพนม - อู่ตะเภา ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง - รัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลเวียดนามเหนือ - รัฐบาลเวียดนามใต้ - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้ เนื้อหาสำคัญ ได้แก่ - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้ ผลกระทบจากข้อตกลง การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน ผลกระทบนามต่อประเทศไทย 1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ 2. การสูญเสียเอกราช มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา 3. ผลกระทบทางสังคม การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568 #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม 🎯
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องปฏิเสธข้อตกลงอิสตันบูล หลังการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง เนื่องจากปูตินพยายามแทนที่เขาด้วยวิกเตอร์ เมดเวดชุก (Viktor Medvedchuk)

    ▪️รัสเซียเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออก และให้วิกเตอร์ เมดเวดชุกเข้ารับตำแหน่งแทน

    ▪️ยูเครนต้องยอมรับดอนบาสทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ยอมรับภาษาของรัสเซีย และปก้ไขรัฐธรรมนูญของยูเครนเพื่อกำหนดสถานะยูเครนให้เป็นกลางทางทหาร

    ▪️สหพันธรัฐรัสเซียยังเรียกร้องให้ลดจำนวนกองทัพยูเครนเหลือ 50,000 นาย รวมถึงการทำลายหรือโอนย้ายอาวุธทั้งหมดออกจากแนวหน้ารัสเซียในระยะ 20 กม.

    ▪️ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนสามารถจับกุม วิกเตอร์ เมดเวดชุก ได้ เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ต่อต้านเซเลนสกี และมีความสนิทสนมกับวลาดิเมียร์ ปูติน

    ▪️ต่อมา เมดเวดชุก เป็นหนึ่งในนักโทษที่ได้รับการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะนี้เขาพักอาศัยอยู่ในรัสเซีย
    เซเลนสกีเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องปฏิเสธข้อตกลงอิสตันบูล หลังการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง เนื่องจากปูตินพยายามแทนที่เขาด้วยวิกเตอร์ เมดเวดชุก (Viktor Medvedchuk) ▪️รัสเซียเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออก และให้วิกเตอร์ เมดเวดชุกเข้ารับตำแหน่งแทน ▪️ยูเครนต้องยอมรับดอนบาสทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ยอมรับภาษาของรัสเซีย และปก้ไขรัฐธรรมนูญของยูเครนเพื่อกำหนดสถานะยูเครนให้เป็นกลางทางทหาร ▪️สหพันธรัฐรัสเซียยังเรียกร้องให้ลดจำนวนกองทัพยูเครนเหลือ 50,000 นาย รวมถึงการทำลายหรือโอนย้ายอาวุธทั้งหมดออกจากแนวหน้ารัสเซียในระยะ 20 กม. ▪️ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนสามารถจับกุม วิกเตอร์ เมดเวดชุก ได้ เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ต่อต้านเซเลนสกี และมีความสนิทสนมกับวลาดิเมียร์ ปูติน ▪️ต่อมา เมดเวดชุก เป็นหนึ่งในนักโทษที่ได้รับการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะนี้เขาพักอาศัยอยู่ในรัสเซีย
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์สั่งผู้แทนพิเศษเคลล็อกก์แก้ไขความขัดแย้งในยูเครนภายใน 100 วัน!!

    อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)

    บทบาทของเคลล็อกก์ในฐานะผู้แทนพิเศษของยูเครนน่าจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการเจรจาสันติภาพที่ทรัมป์ตั้งใจจะดูแลเป็นการส่วนตัว
    อย่างไรก็ตาม การบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียง
    ทรัมป์สั่งผู้แทนพิเศษเคลล็อกก์แก้ไขความขัดแย้งในยูเครนภายใน 100 วัน!! อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) บทบาทของเคลล็อกก์ในฐานะผู้แทนพิเศษของยูเครนน่าจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการเจรจาสันติภาพที่ทรัมป์ตั้งใจจะดูแลเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง กองกำลังแดนหมีขาวโจมตีสร้างความเสียหายหนักให้พวกหน่วยทหารยูเครนที่รุกล้ำเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ทางด้านตะวันตกของรัสเซีย หลังจากกองทัพเคียฟรายงานว่ามีการสู้รบหนักหน่วงขึ้นมากในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้มอสโกคุยด้วยว่าในแนวรบภาคตะวันออกของยูเครน ฝ่ายตนก็สามารถยึดเมืองสำคัญได้อีกเมืองหนึ่ง
    .
    ยูเครน ซึ่งบุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และยังคงพยายามยึดดินแดนส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ได้เปิดฉากการรุกครั้งใหม่ที่นั่นเมื่อวันอาทิตย์ (5) ที่ผ่านมา ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดหรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติการนี้
    .
    กองเสนาธิการใหญ่ของยูเครนแถลงในวันอังคาร (7) ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกองทหารของตนกับฝ่ายรัสเซียในแคว้นคูร์สก์ 94 ครั้งในช่วงวันที่ผ่านมา โดยที่วันก่อนหน้านั้นก็มีการปะทะกัน 47 ครั้ง
    .
    เวลาเดียวกัน สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯและถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบนีโอคอนเซอร์เวทีฟ บอกว่า จากพวกคลิปวิดีโอที่สามารถระบุสถานที่ได้ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (5) และวันจันทร์ (6) บ่งชี้ว่า การรุกคืบของฝ่ายยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้กระทำใน 3 พื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซุดซา ขณะที่กองทหารรัสเซียก็กำลังโจมตีในจุดอื่นๆ ในแคว้นนี้ ส่วนพวกบล็อกเกอร์ทางทหารชาวรัสเซียรายงานว่า เกิดการสู้รบใน มาลายา ล็อคเนีย ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซา
    .
    ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (7) ระบุสถานที่ 6 แห่งที่กองกำลังของฝ่ายตนได้ยังความปราชัยให้แก่พวกกองพลน้อยยูเครนที่บุกเข้าแคว้นคูร์สก์ รวมทั้งสถานที่อีก 7 แห่ง ซึ่ง 1 ในนั้นอยู่ทางฝั่งยูเครนของเส้นพรมแดน ที่กองทหารรัสเซียโจมตีใส่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายยูเครน
    .
    ถึงแม้เคียฟไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการรุกครั้งใหม่ของฝ่ายตนในคูร์สก์ แต่ในคืนวันอาทิตย์ (5) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อ้างว่า กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการสร้างเขตกันชนขึ้นมา รวมทั้งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้รัสเซียในแคว้นดังกล่าว ซึ่งทำให้มอสโกไม่สามารถส่งทหารไปยังสมรภูมิหลักๆ ในแนวรบด้านตะวันออกได้
    .
    เซเลนสกี้ยังอ้างว่า ในสมรภูมิคูร์สก์ รัสเซียเสียทหาร 38,000 นาย โดยเกือบ 15,000 นายเป็นการสูญเสีย “ที่ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้” ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ที่เมืองคูราคอฟ แต่อย่างใด
    .
    แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารรัสเซียสามารถสกัดการบุกของยูเครนในคูร์สก์ และทำลายกองกำลังหลักของยูเครนใกล้ชุมชนเบอร์ดินที่อยู่ใกล้ถนนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองคูร์สก์
    .
    ขณะเดียวกัน ฟรานซ์-สเตฟาน เกดี้ นักวิเคราะห์ด้านการทหารอิสระ ชี้ว่า เคียฟพยายามยึดครองพื้นที่เล็กๆ ในคูร์สก์นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้รัสเซียยังคงบุกลึกเข้าสู่ภาคตะวันออกของยูเครนก็ตาม แต่ไม่มีแนวโน้มว่า ยูเครนจะเปิดการโจมตีขนาดใหญ่ โดยการรุกคราวนี้ใช้กำลังระดับหมวด ซึ่งก็คือหลายสิบคน หรือระดับกองร้อย ซึ่งก็คือ ไม่ถึง 200 คนเท่านั้น แม้ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า เคียฟจะเปิดการรุกใหม่ได้อีกหรือไม่
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ที่สมรภูมิทางภาคตะวันออกของยูเครนนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า สามารถยึดเมืองคูราคอฟ ซึ่งเป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ และอยู่ห่างจากเมืองโปครอฟสก์ ที่เป็นเป้าหมายการบุกของรัสเซียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไปทางใต้ราว 32 กม. รวมทั้งยึดหมู่บ้านดาเชนสกี ที่ห่างจากโปครอฟสก์ 8 กม.
    .
    คำแถลงยังระบุว่า การยึดคูราคอฟจะช่วยให้รัสเซียครอบครองดินแดนอื่นๆ ที่เหลือในโดเนตสก์ได้เร็วขึ้น
    .
    ทว่า วิกเตอร์ เทรฮูบอฟ โฆษกกองทหารคอร์ตีเซียของยูเครน บอกว่า กองกำลังเคียฟยังสู้รบกับทหารรัสเซียในเมืองคูราคอฟจนถึงเช้าวันจันทร์ โดยที่กองเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนรายงานเมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีที่มั่นของยูเครนรอบเมืองคูราคอฟ 25 ระลอก แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดได้
    .
    อย่างไรก็ดี ดีปสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามสถานการณ์รบในยูเครน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในคูราคอฟอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
    .
    ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในสนามรบก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ที่จะถึง ซึ่งคาดว่าเขาจะพยายามกดดันให้มีการเจรจาสันติภาพ
    .
    เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส พูดพาดพิงถึงยูเครนว่า เคียฟจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องดินแดนโดยอิงกับความเป็นจริง เรื่องนี้เห็นกันว่าถือเป็นครั้งแรกที่ปารีสเรียกร้องให้เคียฟพิจารณายกดินแดนที่เสียไปให้รัสเซีย ผู้นำแดนน้ำหอมยังบอกว่า ไม่เห็นแนวโน้มว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะจบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
    .
    นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยจากพวกเจ้าหน้าที่ทหารของฝรั่งเศสว่า ทหารยูเครนที่ไปไปรับการฝึกในฝรั่งเศสนั้น มีจำนวนหลายสิบคนได้หลบหนีออกค่ายฝึก แต่เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการทหารยูเครนที่จะเป็นผู้ลงโทษทางวินัย ขณะที่มิไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของยูเครน ยอมรับว่า มีปัญหาดังกล่าวจริง
    .
    ปัจจุบัน มีทหารยูเครน 2,300 นายจากกองพันแอนน์ ออฟ เคียฟ เข้ารับการฝึกในฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ที่ไม่มีประสบการณ์การรบ โดยเดินทางมาพร้อมผู้บังคับบัญชา 300 นาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001960
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง กองกำลังแดนหมีขาวโจมตีสร้างความเสียหายหนักให้พวกหน่วยทหารยูเครนที่รุกล้ำเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ทางด้านตะวันตกของรัสเซีย หลังจากกองทัพเคียฟรายงานว่ามีการสู้รบหนักหน่วงขึ้นมากในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้มอสโกคุยด้วยว่าในแนวรบภาคตะวันออกของยูเครน ฝ่ายตนก็สามารถยึดเมืองสำคัญได้อีกเมืองหนึ่ง . ยูเครน ซึ่งบุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และยังคงพยายามยึดดินแดนส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ได้เปิดฉากการรุกครั้งใหม่ที่นั่นเมื่อวันอาทิตย์ (5) ที่ผ่านมา ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดหรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติการนี้ . กองเสนาธิการใหญ่ของยูเครนแถลงในวันอังคาร (7) ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกองทหารของตนกับฝ่ายรัสเซียในแคว้นคูร์สก์ 94 ครั้งในช่วงวันที่ผ่านมา โดยที่วันก่อนหน้านั้นก็มีการปะทะกัน 47 ครั้ง . เวลาเดียวกัน สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯและถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบนีโอคอนเซอร์เวทีฟ บอกว่า จากพวกคลิปวิดีโอที่สามารถระบุสถานที่ได้ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (5) และวันจันทร์ (6) บ่งชี้ว่า การรุกคืบของฝ่ายยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้กระทำใน 3 พื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซุดซา ขณะที่กองทหารรัสเซียก็กำลังโจมตีในจุดอื่นๆ ในแคว้นนี้ ส่วนพวกบล็อกเกอร์ทางทหารชาวรัสเซียรายงานว่า เกิดการสู้รบใน มาลายา ล็อคเนีย ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซา . ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (7) ระบุสถานที่ 6 แห่งที่กองกำลังของฝ่ายตนได้ยังความปราชัยให้แก่พวกกองพลน้อยยูเครนที่บุกเข้าแคว้นคูร์สก์ รวมทั้งสถานที่อีก 7 แห่ง ซึ่ง 1 ในนั้นอยู่ทางฝั่งยูเครนของเส้นพรมแดน ที่กองทหารรัสเซียโจมตีใส่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายยูเครน . ถึงแม้เคียฟไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการรุกครั้งใหม่ของฝ่ายตนในคูร์สก์ แต่ในคืนวันอาทิตย์ (5) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อ้างว่า กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการสร้างเขตกันชนขึ้นมา รวมทั้งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้รัสเซียในแคว้นดังกล่าว ซึ่งทำให้มอสโกไม่สามารถส่งทหารไปยังสมรภูมิหลักๆ ในแนวรบด้านตะวันออกได้ . เซเลนสกี้ยังอ้างว่า ในสมรภูมิคูร์สก์ รัสเซียเสียทหาร 38,000 นาย โดยเกือบ 15,000 นายเป็นการสูญเสีย “ที่ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้” ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ที่เมืองคูราคอฟ แต่อย่างใด . แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารรัสเซียสามารถสกัดการบุกของยูเครนในคูร์สก์ และทำลายกองกำลังหลักของยูเครนใกล้ชุมชนเบอร์ดินที่อยู่ใกล้ถนนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองคูร์สก์ . ขณะเดียวกัน ฟรานซ์-สเตฟาน เกดี้ นักวิเคราะห์ด้านการทหารอิสระ ชี้ว่า เคียฟพยายามยึดครองพื้นที่เล็กๆ ในคูร์สก์นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้รัสเซียยังคงบุกลึกเข้าสู่ภาคตะวันออกของยูเครนก็ตาม แต่ไม่มีแนวโน้มว่า ยูเครนจะเปิดการโจมตีขนาดใหญ่ โดยการรุกคราวนี้ใช้กำลังระดับหมวด ซึ่งก็คือหลายสิบคน หรือระดับกองร้อย ซึ่งก็คือ ไม่ถึง 200 คนเท่านั้น แม้ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า เคียฟจะเปิดการรุกใหม่ได้อีกหรือไม่ . ในอีกด้านหนึ่ง ที่สมรภูมิทางภาคตะวันออกของยูเครนนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า สามารถยึดเมืองคูราคอฟ ซึ่งเป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ และอยู่ห่างจากเมืองโปครอฟสก์ ที่เป็นเป้าหมายการบุกของรัสเซียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไปทางใต้ราว 32 กม. รวมทั้งยึดหมู่บ้านดาเชนสกี ที่ห่างจากโปครอฟสก์ 8 กม. . คำแถลงยังระบุว่า การยึดคูราคอฟจะช่วยให้รัสเซียครอบครองดินแดนอื่นๆ ที่เหลือในโดเนตสก์ได้เร็วขึ้น . ทว่า วิกเตอร์ เทรฮูบอฟ โฆษกกองทหารคอร์ตีเซียของยูเครน บอกว่า กองกำลังเคียฟยังสู้รบกับทหารรัสเซียในเมืองคูราคอฟจนถึงเช้าวันจันทร์ โดยที่กองเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนรายงานเมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีที่มั่นของยูเครนรอบเมืองคูราคอฟ 25 ระลอก แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดได้ . อย่างไรก็ดี ดีปสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามสถานการณ์รบในยูเครน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในคูราคอฟอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย . ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในสนามรบก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ที่จะถึง ซึ่งคาดว่าเขาจะพยายามกดดันให้มีการเจรจาสันติภาพ . เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส พูดพาดพิงถึงยูเครนว่า เคียฟจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องดินแดนโดยอิงกับความเป็นจริง เรื่องนี้เห็นกันว่าถือเป็นครั้งแรกที่ปารีสเรียกร้องให้เคียฟพิจารณายกดินแดนที่เสียไปให้รัสเซีย ผู้นำแดนน้ำหอมยังบอกว่า ไม่เห็นแนวโน้มว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะจบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย . นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยจากพวกเจ้าหน้าที่ทหารของฝรั่งเศสว่า ทหารยูเครนที่ไปไปรับการฝึกในฝรั่งเศสนั้น มีจำนวนหลายสิบคนได้หลบหนีออกค่ายฝึก แต่เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการทหารยูเครนที่จะเป็นผู้ลงโทษทางวินัย ขณะที่มิไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของยูเครน ยอมรับว่า มีปัญหาดังกล่าวจริง . ปัจจุบัน มีทหารยูเครน 2,300 นายจากกองพันแอนน์ ออฟ เคียฟ เข้ารับการฝึกในฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ที่ไม่มีประสบการณ์การรบ โดยเดินทางมาพร้อมผู้บังคับบัญชา 300 นาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001960 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1098 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก
    ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ”
    .
    ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน
    .
    การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย
    .
    กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า
    .
    กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน
    .
    เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว
    .
    ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง
    .
    ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ” . ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน . การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย . กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า . กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน . เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว . ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง . ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    .
    "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม
    .
    เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย"
    .
    เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย
    .
    รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา
    .
    ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม
    .
    เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก
    .
    เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่
    .
    อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ
    .
    ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย
    .
    "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว
    .
    เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ . "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม . เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย" . เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย . รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา . ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม . เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก . เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่ . อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ . ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย . "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว . เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ยูเครนคนสุดท้าย!"
    ในขณะที่ผลสำรวจชาวยูเครนมากกว่า 64% ต้องการให้เริ่มเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ แต่วอชิงตันยังคงเดินหน้าเข้าสู่สงครามต่อไป และกดดันให้ยูเครนส่งเด็กอายุ 18 ปีไปแนวหน้า

    Antony Blinken รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกำลังกดดันยูเครนโดยระบุว่า แม้จะมีการตัดสินใจที่ยากลำบากเกี่ยวกับการระดมพลเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย แต่นั่น "เป็นการตัดสินใจที่จำเป็นต้องทำ"
    "ยูเครนคนสุดท้าย!" ในขณะที่ผลสำรวจชาวยูเครนมากกว่า 64% ต้องการให้เริ่มเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ แต่วอชิงตันยังคงเดินหน้าเข้าสู่สงครามต่อไป และกดดันให้ยูเครนส่งเด็กอายุ 18 ปีไปแนวหน้า Antony Blinken รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกำลังกดดันยูเครนโดยระบุว่า แม้จะมีการตัดสินใจที่ยากลำบากเกี่ยวกับการระดมพลเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย แต่นั่น "เป็นการตัดสินใจที่จำเป็นต้องทำ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้
    .
    แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต
    .
    ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก
    .
    ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว"
    .
    ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์
    .
    พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล
    .
    คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ
    .
    "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ
    .
    เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน"
    .
    ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ
    .
    รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์
    .
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน"
    .
    ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน
    .............
    Sondhi X
    ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต . ในหนังสือที่ส่งถึงบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ก่อนหน้าการประชุม ทาง อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน อ้างว่าคำเชิญจะช่วยปลดหนึ่งในคำกล่าวอ้างหลักของรัสเซียในการทำสงคราม นั่นคือขัดขวางยูเครนจากการเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้ . แม้นาโตเน้นย้ำว่าเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครน เป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ไม่เคยกำหนดกรอบเวลาหรือออกคำเชิญใดๆ ในขณะที่บรรดาผู้แทนทูตทั้งหลายเผยว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในชาติสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ ในการดำเนินการดังกล่าว . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าบางประเทศกำลังรอตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนของตนเอง จนกว่าจะทราบท่าทีของว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากอเมริกา เป็นมหาอำนาจที่สำคัญของนาโต . ตามหลังการพูดคุยระหว่าง ซีบิฮา และเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ณ งานเลี้ยงดินเนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทาง กาเบรียลิอุส แลนด์สเบอร์กิส รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าในประเด็นความเป็นรัฐสมาชิก . ส่วน ยาน ลิพาฟสกี รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก บอกว่าประเทศของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติที่มองว่าคำเชิญเข้าร่วม "เป็นก้าวย่างที่จำเป็น" แต่ "ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว" . ด้านปีเตอร์ ซียาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี ซึ่งรัฐบาลมีความใกล้ชิดกับรัสเซีย และเพิ่งเดินทางเยือนมอสโกในช่วงต้นสัปดาห์ บอกว่าบูดาเปสต์ ยังคงคัดค้านการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประเทศนี้อยู่ในสงคราม และประเทศหนึ่งๆ ที่กำลังอยู่ในสงคราม ไม่อาจส่งเสริมความมั่นคงของพันธมิตรได้" เขาบอกกับรอยเตอร์ . พวกนักวิเคราะห์บางส่วนและเหล่าผู้แทนทูต มองว่ายูเครนอาจได้รับคำประกันจากบรรดาชาติตะวันตกเป็นรายประเทศ แทนที่จะได้รับจากนาโตทั้งมวล . คีธ เคลลอก อดีตนายพลที่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ ให้เป็นทูตพิเศษด้านยูเครนและรัสเซีย เป็นผู้เขียนร่วมในเอกสารฉบับหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเรียกร้องให้ผัดผ่อนการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ออกไประยะหนึ่งเป็นเวลานาน" แลกกับข้อตกลงสันติภาพ ที่จะมาพร้อมกับคำรับประกันด้านความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ยูเครนยืนยันว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่น้อยไปกว่าการเป็นสมาชิกนาโต อ้างถึงประสบการณ์ที่มีกับข้อตกลงหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ที่พวกเขายอมปลดอาวุธนิวเคลียร์แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากเหล่าชาติมหาอำนาจ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าใดๆ . "เอกสารนั้นล้มเหลวรับประกันความมั่นคงของยูเครนและความมั่นคงข้ามแอตแลนติก ดังนั้นเราควรต้องหลีกเลี่ยงก่อความผิดพลาดดังกล่าวซ้ำรอย" เขากล่าวระหว่างเดินทางมาถึงนาโต พร้อมกับชูสำเนาข้อตกลงฉบับดังกล่าว ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ . อย่างไรก็ตาม มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกว่าพันธมิตรกำลังสร้างสะพานสู่การเป็นสมาชิกของยูเครน แต่ประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมอบอาวุธเพิ่มเติมแก่เคียฟ เพื่อขับไล่กองกำลังรัสเซีย เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะไม่สนใจสันติภาพ . เขาเน้นว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่ายูเครน จะอยู่ในสถานะที่เข้มแข็ง ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นคนเลือกเข้าสู่การเจรจาสันติภาพก็ตาม "เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และจะต้องป้อนเข้าสู่ยูเครน" . ยูเครนกำลังเจอกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส ด้วยกองกำลังมอสโกกำลังรุกคืบทางภาคตะวันออก และปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเล็งเป้าเล่นงานเครือข่ายพลังงานอันง่อนแง่นของประเทศ . รุตต์ แสดงความยินดีกับแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ที่มอบแก่ยูเครน จากสหรัฐฯ เยอรมนี สวีเดน เอสโตเนีย ลิทัวเนียและนอร์เวย์ โดยที่เมื่อวันจันทร์ (2 ธ.ค.) อเมริกาแถลงแพกเกจอาวุธใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 725 ล้านดอลลาร์ . แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ว่าอเมริกา "มีความมุ่งมั่นร่วม ในการทำทุกอย่างเท่าที่จำเป็นสำหรับยูเครน เพื่อที่ยูเครนจะสามารถปกป้องตนเองและปกป้องประชาชนขอตนเอง และท้ายที่สุดแล้วเพื่อที่จะสามารถหาทางออกคลี่คลายการรุกรานของรัสเซียอย่างยั่งยืน" . ยูเครน มองว่าการเข้าเป็นรัฐสมาชิกนาโต คือการประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงในอนาคตของพวกเขา ภายใต้ข้อตกลงกลาโหมร่วม บรรดารัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เห็นพ้องจะปฏิบัติกับการโจมตีใส่ประเทศสมาชิกหนึ่ง เทียบเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และทั้งหมดจะเข้าช่วยเหลือกันและกัน ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุประเทศของเขาจำเป็นต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากนาโต และอาวุธเพิ่มเติม เพื่อปกป้องตนเอง แล้วถึงจะเจรจาใดๆ กับรัสเซีย
    .
    ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากพบปะพูดคุยกับ คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศคนใหม่ของสหภาพยุโรป และอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง
    .
    "การเชิญยูเครนเข้าร่วมนาโตเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อการอยู่รอดของเรา" เซเลนสกี กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับคอสตา
    .
    ยูเครนเตรียมเผชิญกับฤดูหนาวอันแสนสาหัสที่รอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่รัสเซียปลดปล่อยห่าการโจมตีเล่นงานโครงข่ายทางพลังงานของยูเครน ท่ามกลางสัญญาณว่ากองกำลังเคียฟกำลังอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ และสูญเสียพื้นที่ในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง
    .
    มีคำถามวนเวียนขึ้นมาเกี่ยวกับอนาคตแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาในเดือนมกราคม ท่ามกลางความหวั่นกลัวว่าเขาอาจบีบให้เคียฟยอมจำนวนด้วยความเจ็บปวด ในการแสวงหาข้อตกลงสันติภาพอย่างรวดเร็ว
    .
    เซเลนสกี บอกว่าประเทศของเขาจำเป็นต้องอยู่ใน "สถานะที่เข้มแข็ง" ก่อการเจรจาใดๆ กับเครมลิน พร้อมเรียกร้องก้าวย่างในการก้าวไปข้างหน้าร่วมกับนาโต และได้รับอาวุธพิสัยไกลใน "จำนวนที่เหมาะสม" เพื่อปกป้องตนเอง
    .
    "เมื่อเรามียุทโธปกรณ์เหล่านั้นและเมื่อเราอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งแล้ว หลังจากนั้น เราจำเป็นต้องจัดทำวาระการประชุมที่สำคัญมากๆ กับพวกนักฆ่ารายหนึ่งหรืออื่นๆ" ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมระบุอียูและนาโตควรมีส่วนร่วมในการเจรจาใดๆ
    .
    คอสตา บอกว่าสหภาพยุโรปจะยังมอบแรงสนับสนุนแก่ยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง "เรายืนหยัดเคียงข้างคุณตั้งแต่วันแรกของสงครามแห่งการรุกรานนี้ และคุณสามารถจดจำไว้เลยว่า เราจะเดินหน้ายืนหยัดเคียงข้างคุณต่อไป" เขาบอกกับเซเลนสกี
    .
    ทีมงานผู้นำใหม่ของยุโรปหวังแสดงให้เห็นถึงการยังคงสนับสนุนเคียฟอย่างมั่นคง ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับยูเครน หลังสู้รบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขู่ในสัปดาห์นี้ว่า จะโจมตีอาคารราชการในกรุงเคียฟ ด้วยขีปนาวุธใหม่โอเรชนิก หลังจากสหรัฐฯ ให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก
    .
    เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) เซเลนสกี ดูเหมือนจะเริ่มปักปันจุดยืนของตนเองต่อความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพใดๆ เขาเรียกร้องให้นาโต รับประกันการปกป้องพื้นที่ต่างๆ ของยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ เพื่อ "หยุดขั้นร้อนแรงของสงคราม" และพูดเป็นนัยว่าจากนั้นเขามีความตั้งใจรอเวลาทวงคืนดินแดนอื่นๆ ที่ถูกยึดไปโดยรัสเซีย
    .
    "หากเราจะตรึงความขัดแย้งโดยปราศจากสถานะที่เข้มแข็งใดๆ ของยูเครน เมื่อนั้น ปูติน จะกลับมาอีกใน 2 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี" เซเลนสกี กล่าวในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.)
    .
    ขณะที่ คัลลาส บอกกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางเข้าสู่ยูเครน ว่า "สำหรับเคียฟแล้ว การมอบคำรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งที่สุดคือการเป็นรัฐสมาชิกของนาโต เราจำเป็นต้องหารือกันให้แน่ชัดว่ายูเครนวางขอบเขตไว้อย่างไร เกี่ยวกับแนวทางที่เรารับประกันสันติภาพให้ เพื่อที่ ปูติน ไม่สามารถเดินหน้ารุกรานใดๆ ได้อีก"
    .
    อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้แทนทูต ณ นาโต บอกว่าดูเหมือนมีแนวโน้มเพียงเล็กน้อยที่บรรดาพันธมิตรจะอนุมัติสถานภาพสมาชิกของยูเครนเร็วๆ นี้ สืบเนื่องจากมีเสียงคัดค้านมาจากรัฐสมาชิกหลายชาติที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการถูกลากเข้าสู่การทำสงครามกับรัสเซีย
    .
    คัลลาส บอกต่อว่า "อียูไม่ควรปฏิเสธความเป็นไปในเงื่อนไขความเป็นไปได้ในการส่งทหารยุโรปเข้าช่วยบังคับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ เราจำเป็นต้องใช้ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ในประเด็นนี้"
    .
    ทรัมป์ เคยแสดงความสงสัยเกี่ยวกับการที่วอชิงตันเดินหน้ามอบเงินช่วยเหลือมหาศาลแก่ยูเครน และเรียกร้องให้บรรดาชาติอียู เพิ่มความช่วยเหลือมากกว่าเดิม
    .
    รวมกันแล้วทั้งยุโรปได้ใช้จ่ายเงินไปราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในปี 2022 ในขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟไปแล้วกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์
    .
    คัลลาส บอกว่า อียูจะใช้ภาษาในเชิงสัมพันธ์อันดี ในความพยายามโน้มน้าวให้ ทรัมป์ สนับสนุนเคียฟต่อไป เพื่อประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง "ความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน ไม่ใช่เพื่อการกุศล ชัยชนะของรัสเซีย ชัดเจนว่าจะมอบความฮึกเหิมแก่จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115649
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุประเทศของเขาจำเป็นต้องได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากนาโต และอาวุธเพิ่มเติม เพื่อปกป้องตนเอง แล้วถึงจะเจรจาใดๆ กับรัสเซีย . ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากพบปะพูดคุยกับ คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศคนใหม่ของสหภาพยุโรป และอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง . "การเชิญยูเครนเข้าร่วมนาโตเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อการอยู่รอดของเรา" เซเลนสกี กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับคอสตา . ยูเครนเตรียมเผชิญกับฤดูหนาวอันแสนสาหัสที่รอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่รัสเซียปลดปล่อยห่าการโจมตีเล่นงานโครงข่ายทางพลังงานของยูเครน ท่ามกลางสัญญาณว่ากองกำลังเคียฟกำลังอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ และสูญเสียพื้นที่ในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง . มีคำถามวนเวียนขึ้นมาเกี่ยวกับอนาคตแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาในเดือนมกราคม ท่ามกลางความหวั่นกลัวว่าเขาอาจบีบให้เคียฟยอมจำนวนด้วยความเจ็บปวด ในการแสวงหาข้อตกลงสันติภาพอย่างรวดเร็ว . เซเลนสกี บอกว่าประเทศของเขาจำเป็นต้องอยู่ใน "สถานะที่เข้มแข็ง" ก่อการเจรจาใดๆ กับเครมลิน พร้อมเรียกร้องก้าวย่างในการก้าวไปข้างหน้าร่วมกับนาโต และได้รับอาวุธพิสัยไกลใน "จำนวนที่เหมาะสม" เพื่อปกป้องตนเอง . "เมื่อเรามียุทโธปกรณ์เหล่านั้นและเมื่อเราอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งแล้ว หลังจากนั้น เราจำเป็นต้องจัดทำวาระการประชุมที่สำคัญมากๆ กับพวกนักฆ่ารายหนึ่งหรืออื่นๆ" ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมระบุอียูและนาโตควรมีส่วนร่วมในการเจรจาใดๆ . คอสตา บอกว่าสหภาพยุโรปจะยังมอบแรงสนับสนุนแก่ยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง "เรายืนหยัดเคียงข้างคุณตั้งแต่วันแรกของสงครามแห่งการรุกรานนี้ และคุณสามารถจดจำไว้เลยว่า เราจะเดินหน้ายืนหยัดเคียงข้างคุณต่อไป" เขาบอกกับเซเลนสกี . ทีมงานผู้นำใหม่ของยุโรปหวังแสดงให้เห็นถึงการยังคงสนับสนุนเคียฟอย่างมั่นคง ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับยูเครน หลังสู้รบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขู่ในสัปดาห์นี้ว่า จะโจมตีอาคารราชการในกรุงเคียฟ ด้วยขีปนาวุธใหม่โอเรชนิก หลังจากสหรัฐฯ ให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียเป็นครั้งแรก . เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) เซเลนสกี ดูเหมือนจะเริ่มปักปันจุดยืนของตนเองต่อความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพใดๆ เขาเรียกร้องให้นาโต รับประกันการปกป้องพื้นที่ต่างๆ ของยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเคียฟ เพื่อ "หยุดขั้นร้อนแรงของสงคราม" และพูดเป็นนัยว่าจากนั้นเขามีความตั้งใจรอเวลาทวงคืนดินแดนอื่นๆ ที่ถูกยึดไปโดยรัสเซีย . "หากเราจะตรึงความขัดแย้งโดยปราศจากสถานะที่เข้มแข็งใดๆ ของยูเครน เมื่อนั้น ปูติน จะกลับมาอีกใน 2 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี" เซเลนสกี กล่าวในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) . ขณะที่ คัลลาส บอกกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางเข้าสู่ยูเครน ว่า "สำหรับเคียฟแล้ว การมอบคำรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งที่สุดคือการเป็นรัฐสมาชิกของนาโต เราจำเป็นต้องหารือกันให้แน่ชัดว่ายูเครนวางขอบเขตไว้อย่างไร เกี่ยวกับแนวทางที่เรารับประกันสันติภาพให้ เพื่อที่ ปูติน ไม่สามารถเดินหน้ารุกรานใดๆ ได้อีก" . อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้แทนทูต ณ นาโต บอกว่าดูเหมือนมีแนวโน้มเพียงเล็กน้อยที่บรรดาพันธมิตรจะอนุมัติสถานภาพสมาชิกของยูเครนเร็วๆ นี้ สืบเนื่องจากมีเสียงคัดค้านมาจากรัฐสมาชิกหลายชาติที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการถูกลากเข้าสู่การทำสงครามกับรัสเซีย . คัลลาส บอกต่อว่า "อียูไม่ควรปฏิเสธความเป็นไปในเงื่อนไขความเป็นไปได้ในการส่งทหารยุโรปเข้าช่วยบังคับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ เราจำเป็นต้องใช้ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ในประเด็นนี้" . ทรัมป์ เคยแสดงความสงสัยเกี่ยวกับการที่วอชิงตันเดินหน้ามอบเงินช่วยเหลือมหาศาลแก่ยูเครน และเรียกร้องให้บรรดาชาติอียู เพิ่มความช่วยเหลือมากกว่าเดิม . รวมกันแล้วทั้งยุโรปได้ใช้จ่ายเงินไปราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในปี 2022 ในขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟไปแล้วกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์ . คัลลาส บอกว่า อียูจะใช้ภาษาในเชิงสัมพันธ์อันดี ในความพยายามโน้มน้าวให้ ทรัมป์ สนับสนุนเคียฟต่อไป เพื่อประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง "ความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน ไม่ใช่เพื่อการกุศล ชัยชนะของรัสเซีย ชัดเจนว่าจะมอบความฮึกเหิมแก่จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115649 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇺🇦 ทีมของประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เสนอให้หยุดส่งมอบอาวุธทั้งหมดให้กับยูเครน หากยูเครนไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 US President-elect Trump's team proposes halting all US weapons deliveries to Ukraine if it does not enter peace talks with Russia.
    .
    2:50 AM · Nov 29, 2024 · 467.2K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1862222664649134131
    🇺🇸🇺🇦 ทีมของประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เสนอให้หยุดส่งมอบอาวุธทั้งหมดให้กับยูเครน หากยูเครนไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย . JUST IN: 🇺🇸🇺🇦 US President-elect Trump's team proposes halting all US weapons deliveries to Ukraine if it does not enter peace talks with Russia. . 2:50 AM · Nov 29, 2024 · 467.2K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1862222664649134131
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเคลื่อนไหวใดๆโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง ในการช่วยเหลือยูเครนครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะเป็นเรื่องที่ "บ้ามากๆ" และจะเทียบเท่ากับเป็นการก่อกบฏ คำเตือนจาก มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
    .
    สมาชิกสภาผู้แทนหญิงจากจอร์เจียรายนี้ แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ๆหนึ่งของ มาริโอ นอว์ฟาล ผู้ประกอบการคนดัง ซึ่งแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ที่อ้างว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและอียู "กำลังหารือเกี่ยวกับมาตรการป้อมปรามต่างๆ ในฐานะเครื่องรับประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน" ในนั้นรวมถึงมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ
    .
    นอว์ฟาล ให้คำจำกัดความการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว ตามคำกล่าวอ้างของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ว่าเป็น "ความเคลื่อนไหวที่สิ้นหวัง ในความหวังพลิกโอกาสได้เสียเหนือรัสเซีย" ก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน เขียนแสดงความคิดเห็น ตอบกลับข้อความที่โพสต์โดย นอว์ฟาล ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไบเดนกำลังพยายามเริ่มสงครามนิวเคลียร์ใช่หรือไม่ และใช้มันเป็นเหตุผลสำหรับหยุดการถ่ายโอนอำนาจไปยังทรัมป์ "นี่มันบ้ามาก และไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง และเป็นไปได้ที่จะเป็นพฤติกรรมกบฏ" เธอเขียนบนแฟลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ปัจจุบันดูเหมือนทำเนียบขาวกำลังเลือกหนทางใช้มาตรการเชิงรุกมากกว่าเดิมในการช่วยเหลือเคียฟ ก่อนหน้า ทรัมป์ กลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้เคยประกาศซ้ำๆว่าจะยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างทันทีทันใด และถูกคาดหมายว่าจะผลักดันมอสโกและเคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    .
    แม้เหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 2 เดือน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า ไบเดน ทำตามหนึ่งในสิ่งที่ทางยูเครนเรียกร้องมาช้านาน ให้ไฟเขียวเคียฟใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีเป้าหมายต่างๆที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดรัสเซีย ที่ผ่านมา ขีปนาวุธนี้ถูกใช้ในการโจมตีใส่แคว้นไครเมีย, แคว้นโดเนตส์กและแคว้นลูฮันสก์ ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากวอชิงตันมองว่ามันเป็นดินแดนของยูเครน
    .
    ในสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางส่วน บ่งชี้ว่า ไบเดน อาจมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ ในฐานะเครื่องป้องปรามรัสเซีย "มันจะเป็นมาตรการป้องปรามที่ร้ายกาจและทันทีทันใด แต่มาตรการหนึ่งใดเช่นนี้ จะยุ่งยากซับซ้อนและก่อผลกระทบร้ายแรง" นิวยอร์กไทม์สระบุ
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ รัสเซีย ได้ปรับปรุงแก้ไขหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ อนุมัติให้ตอบโต้ทางนิวเคลียร์ต่อการโจมตีทั่วไปโดยรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ ยกตัวอย่างเช่นการยิงขีปนาวุธโจมตีดินแดนรัสเซีย นอกจากนี้แล้ว มอสโก ยังได้ใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางใหม่เล่นงานยูเครน ตอบโต้กรณีที่เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยตะวันตก โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่าการโจมตีดังกล่าวได้ผลักให้ความขัดแย้งยูเครนลุกลามสู่ระดับโลกแล้ว พร้อมกับเน้นย้ำคำเตือนว่ามอสโกจะมองว่าการโจมตีใดๆโดยใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเล่นงานผืนแผ่นดินรัสเซีย เทียบเท่ากับบรรดาประเทศผู้บริจาคอาวุธเหล่านั้นมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งโดยตรง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113918
    ..............
    Sondhi X
    ความเคลื่อนไหวใดๆโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง ในการช่วยเหลือยูเครนครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะเป็นเรื่องที่ "บ้ามากๆ" และจะเทียบเท่ากับเป็นการก่อกบฏ คำเตือนจาก มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรรีพับลิกัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ . สมาชิกสภาผู้แทนหญิงจากจอร์เจียรายนี้ แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ๆหนึ่งของ มาริโอ นอว์ฟาล ผู้ประกอบการคนดัง ซึ่งแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ที่อ้างว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและอียู "กำลังหารือเกี่ยวกับมาตรการป้อมปรามต่างๆ ในฐานะเครื่องรับประกันด้านความมั่นคงสำหรับยูเครน" ในนั้นรวมถึงมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ . นอว์ฟาล ให้คำจำกัดความการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว ตามคำกล่าวอ้างของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ว่าเป็น "ความเคลื่อนไหวที่สิ้นหวัง ในความหวังพลิกโอกาสได้เสียเหนือรัสเซีย" ก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . มาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน เขียนแสดงความคิดเห็น ตอบกลับข้อความที่โพสต์โดย นอว์ฟาล ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไบเดนกำลังพยายามเริ่มสงครามนิวเคลียร์ใช่หรือไม่ และใช้มันเป็นเหตุผลสำหรับหยุดการถ่ายโอนอำนาจไปยังทรัมป์ "นี่มันบ้ามาก และไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง และเป็นไปได้ที่จะเป็นพฤติกรรมกบฏ" เธอเขียนบนแฟลตฟอร์มเอ็กซ์ . ปัจจุบันดูเหมือนทำเนียบขาวกำลังเลือกหนทางใช้มาตรการเชิงรุกมากกว่าเดิมในการช่วยเหลือเคียฟ ก่อนหน้า ทรัมป์ กลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้เคยประกาศซ้ำๆว่าจะยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างทันทีทันใด และถูกคาดหมายว่าจะผลักดันมอสโกและเคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ . แม้เหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 2 เดือน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า ไบเดน ทำตามหนึ่งในสิ่งที่ทางยูเครนเรียกร้องมาช้านาน ให้ไฟเขียวเคียฟใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีเป้าหมายต่างๆที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดรัสเซีย ที่ผ่านมา ขีปนาวุธนี้ถูกใช้ในการโจมตีใส่แคว้นไครเมีย, แคว้นโดเนตส์กและแคว้นลูฮันสก์ ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากวอชิงตันมองว่ามันเป็นดินแดนของยูเครน . ในสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางส่วน บ่งชี้ว่า ไบเดน อาจมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่เคียฟ ในฐานะเครื่องป้องปรามรัสเซีย "มันจะเป็นมาตรการป้องปรามที่ร้ายกาจและทันทีทันใด แต่มาตรการหนึ่งใดเช่นนี้ จะยุ่งยากซับซ้อนและก่อผลกระทบร้ายแรง" นิวยอร์กไทม์สระบุ . เมื่อเร็วๆนี้ รัสเซีย ได้ปรับปรุงแก้ไขหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ อนุมัติให้ตอบโต้ทางนิวเคลียร์ต่อการโจมตีทั่วไปโดยรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ ยกตัวอย่างเช่นการยิงขีปนาวุธโจมตีดินแดนรัสเซีย นอกจากนี้แล้ว มอสโก ยังได้ใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางใหม่เล่นงานยูเครน ตอบโต้กรณีที่เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยตะวันตก โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่าการโจมตีดังกล่าวได้ผลักให้ความขัดแย้งยูเครนลุกลามสู่ระดับโลกแล้ว พร้อมกับเน้นย้ำคำเตือนว่ามอสโกจะมองว่าการโจมตีใดๆโดยใช้อาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเล่นงานผืนแผ่นดินรัสเซีย เทียบเท่ากับบรรดาประเทศผู้บริจาคอาวุธเหล่านั้นมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งโดยตรง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113918 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 914 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน
    .
    รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน
    .
    อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน
    .
    ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม
    .
    ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า
    .
    หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
    .
    ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532
    ..............
    Sondhi X
    ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน . รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน . อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ . ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน . ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ . ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022 . ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม . ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า . หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร . ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น . อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532 .............. Sondhi X
    Love
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1014 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูตินได้ระบุเงื่อนไขของรัสเซียสำหรับสันติภาพในยูเครนอย่างชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:

    ๑. ยูเครนต้องยกเลิกการยื่นเป็นสมาชิกนาโตและถอนกำลังออกจากภูมิภาคโดเนตสค์, ลูฮันสค์, เคอร์ซอน, และซาโปโรซีทั้งหมด เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเริ่มการเจรจาสันติภาพ

    ๒. ยูเครนต้องยอมรับสถานะเป็นกลาง, ไม่-ฝักใฝ่ฝ่ายใด, และไม่มี-อาวุธนิวเคลียร์, ตลอดจนต้องผ่านกระบวนการปลดอาวุธและการกำจัดนาซี

    ๓. สิทธิ, เสรีภาพ, และผลประโยชน์ของพลเมืองที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน ต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

    ๔. ไครเมีย, เซวาสโทโพล, สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และลูฮันสค์, และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย

    ๕. เมื่อมีการจัดทำข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพัน, การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกทั้งหมดจะต้องยกเลิก

    ๖. รัสเซียกำลังหาทางยุติความขัดแย้งอย่างถาวร, ไม่ใช่การยุติความขัดแย้งแบบแช่แข็ง

    ๗. เงื่อนไขของรัสเซียจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขณะที่สถานการณ์ของยูเครนในสนามรบยังคงแย่ลงเรื่อยๆ
    .
    On June 14, 2024, President Putin explicitly outlined Russia’s terms for peace in Ukraine. The key points are as follows:

    1. Ukraine must rescind its NATO membership bid and withdraw its forces from the entirety of the Donetsk, Lugansk, Kherson, and Zaporozhye regions as a precondition for initiating peace talks.

    2. Ukraine must adopt a neutral, non-aligned, and non-nuclear status, as well as undergo demilitarization and denazification.

    3. The rights, freedoms, and interests of Russian-speaking citizens in Ukraine must be fully safeguarded.

    4. Crimea, Sevastopol, the Donetsk and Lugansk People’s Republics, and the Kherson and Zaporozhye regions must be recognized as part of the Russian Federation.

    5. Upon formalization of a final peace agreement in binding international treaties, all Western sanctions against Russia must be lifted.

    6. Russia is seeking a permanent resolution, not a frozen conflict.

    7. Russia’s terms will evolve over time as Ukraine’s situation on the battlefield continues to deteriorate.

    🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/74285
    .
    Last edited 10:59 AM · Nov 21, 2024 · 27.1K Views
    https://x.com/PutinDirect/status/1859446518509642210
    เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๐๒๔, ประธานาธิบดีปูตินได้ระบุเงื่อนไขของรัสเซียสำหรับสันติภาพในยูเครนอย่างชัดเจน โดยมีประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้: ๑. ยูเครนต้องยกเลิกการยื่นเป็นสมาชิกนาโตและถอนกำลังออกจากภูมิภาคโดเนตสค์, ลูฮันสค์, เคอร์ซอน, และซาโปโรซีทั้งหมด เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเริ่มการเจรจาสันติภาพ ๒. ยูเครนต้องยอมรับสถานะเป็นกลาง, ไม่-ฝักใฝ่ฝ่ายใด, และไม่มี-อาวุธนิวเคลียร์, ตลอดจนต้องผ่านกระบวนการปลดอาวุธและการกำจัดนาซี ๓. สิทธิ, เสรีภาพ, และผลประโยชน์ของพลเมืองที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน ต้องได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ ๔. ไครเมีย, เซวาสโทโพล, สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และลูฮันสค์, และภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ๕. เมื่อมีการจัดทำข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพัน, การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกทั้งหมดจะต้องยกเลิก ๖. รัสเซียกำลังหาทางยุติความขัดแย้งอย่างถาวร, ไม่ใช่การยุติความขัดแย้งแบบแช่แข็ง ๗. เงื่อนไขของรัสเซียจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ขณะที่สถานการณ์ของยูเครนในสนามรบยังคงแย่ลงเรื่อยๆ . On June 14, 2024, President Putin explicitly outlined Russia’s terms for peace in Ukraine. The key points are as follows: 1. Ukraine must rescind its NATO membership bid and withdraw its forces from the entirety of the Donetsk, Lugansk, Kherson, and Zaporozhye regions as a precondition for initiating peace talks. 2. Ukraine must adopt a neutral, non-aligned, and non-nuclear status, as well as undergo demilitarization and denazification. 3. The rights, freedoms, and interests of Russian-speaking citizens in Ukraine must be fully safeguarded. 4. Crimea, Sevastopol, the Donetsk and Lugansk People’s Republics, and the Kherson and Zaporozhye regions must be recognized as part of the Russian Federation. 5. Upon formalization of a final peace agreement in binding international treaties, all Western sanctions against Russia must be lifted. 6. Russia is seeking a permanent resolution, not a frozen conflict. 7. Russia’s terms will evolve over time as Ukraine’s situation on the battlefield continues to deteriorate. 🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/74285 . Last edited 10:59 AM · Nov 21, 2024 · 27.1K Views https://x.com/PutinDirect/status/1859446518509642210
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1248 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • ปูตินได้เคยประกาศไว้ว่า เขาเปิดรับข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน หากทรัมป์เป็นผู้นำการเจรจาสันติภาพ

    ชัดขึ้นตามลำดับ

    Douglas Macgregor
    .
    BREAKING: Putin has purportedly stated he is open to a ceasefire deal in Ukraine if the Peace Talks are led by Trump.

    Developing.
    .
    4:55 AM · Nov 21, 2024 · 139.7K Views
    https://x.com/DougAMacgregor/status/1859355021906935822
    ปูตินได้เคยประกาศไว้ว่า เขาเปิดรับข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน หากทรัมป์เป็นผู้นำการเจรจาสันติภาพ ชัดขึ้นตามลำดับ Douglas Macgregor . BREAKING: Putin has purportedly stated he is open to a ceasefire deal in Ukraine if the Peace Talks are led by Trump. Developing. . 4:55 AM · Nov 21, 2024 · 139.7K Views https://x.com/DougAMacgregor/status/1859355021906935822
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรายงานของเครมลิน ปธน.ปูตินสนทนาทางโทรศัพท์กับชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ซึ่งทางเยอรมันเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน

    เครมลินรายงานว่าระหว่างการสนทนา ผู้นำทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างละเอียด และตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน

    ปูตินเน้นย้ำคำเดิมว่าวิกฤตในปัจจุบันเป็นผลโดยตรงจากนโยบายที่ก้าวร้าวของนาโต้ที่ดำเนินมาหลายปี และรัสเซียไม่เคยปฏิเสธการเจรจาสันติภาพโดยยังคงเปิดกว้างในการกลับมาเจรจากันเสมอ แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่เป็นไปได้

    ปูตินยังกล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเยอรมนีเสื่อมโทรมลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากแนวทางที่ไม่เป็นมิตรของทางการเยอรมนีเอง

    อย่างไรก็ตาม "ชอลซ์และปูติน" ตกลงที่จะคงความสัมพันธ์กันต่อไป

    นอกจากนี้ ทางการเยอรมนีจะแจ้งให้พันธมิตรและหุ้นส่วนทราบเกี่ยวกับการสนทนาครั้งนี้อีกด้วย
    ตามรายงานของเครมลิน ปธน.ปูตินสนทนาทางโทรศัพท์กับชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ซึ่งทางเยอรมันเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน เครมลินรายงานว่าระหว่างการสนทนา ผู้นำทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างละเอียด และตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ปูตินเน้นย้ำคำเดิมว่าวิกฤตในปัจจุบันเป็นผลโดยตรงจากนโยบายที่ก้าวร้าวของนาโต้ที่ดำเนินมาหลายปี และรัสเซียไม่เคยปฏิเสธการเจรจาสันติภาพโดยยังคงเปิดกว้างในการกลับมาเจรจากันเสมอ แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่เป็นไปได้ ปูตินยังกล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเยอรมนีเสื่อมโทรมลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากแนวทางที่ไม่เป็นมิตรของทางการเยอรมนีเอง อย่างไรก็ตาม "ชอลซ์และปูติน" ตกลงที่จะคงความสัมพันธ์กันต่อไป นอกจากนี้ ทางการเยอรมนีจะแจ้งให้พันธมิตรและหุ้นส่วนทราบเกี่ยวกับการสนทนาครั้งนี้อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหราชอาณาจักรไม่อาจปล่อยให้ยูเครนประสบความพ่ายแพ้ ในสงครามที่กำลังสู้รบกับรัสเซีย จากเสียงกระทุ้งของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมแนะว่าลอนดอนอาจจำเป็นต้องทำถึงขั้น ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือหากเคียฟกำลังตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
    .
    อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรรายนี้ กล่าวอ้างว่าความสำเร็จของรัสเซียในยูเครน จะจุดชนวนวิกฤตด้านความมั่นคงสำหรับสหรัฐฯและเหล่าพันธมิตร ในหลายๆแนวหน้า "มันอาจจะเป็นรัฐต่างๆในแถบบอลติก อาจจะเป็นจอร์เจีย คุณจะได้เห็นผลกระทบของความพ่ายแพ้ของยูเครนในสมรภูมิแปซิฟิก คุณจะได้เห็นมันในทะเลจีนใต้" จอห์นสันระบุ โดยไม่ได้พูดอย่างเจาะจงว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภูมิภาคเหล่านั้น
    .
    เขายังให้คำจำกัดความความช่วยเหลือด้านการทหารและการเงินที่มอบแก่เคียฟ ว่าเป็น "การลงทุนสมเหตุสมผล" และเป็นหนทางที่ดีในการใช้จ่ายเงินของประชาชน โดยอ้างว่าสหราชอาณาจักรมีความตั้งใจใช้เงินมากขึ้น "สืบเนื่องจากความมั่นคงร่วมของเรา จะลดระดับลงอย่างมาก จากการคืนชีพของรัสเซียที่กำลังคุกคามทุกภาคส่วนของยุโรปในทุกรูปแบบ"
    .
    จอห์นสัน ยังชี้ถึงแนวโน้มความเสี่ยงที่เกิดจากความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะลดมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟ พร้อมอ้างว่ามีบางคนในแวดวงใกล้ชิดกับว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองประเด็นนี้อย่างผิดๆ
    .
    "มีเสียงกระซิบต่างๆนานามากมายดึงก้องอยู่ในหูจองทรัมป์ และในแถวหน้าของพรรครีพับลิกัน จำนวนมากในนั้น พวกเขาเลือกเส้นทางผิดๆเกี่ยวกับยูเครน" เขากล่าว
    .
    ถ้าสหรัฐฯลดความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน และเคียฟเริ่มพ่ายแพ้ ลอนดอนอาจถูกบีบให้ต้องประจำการทหารในภูมิภาค จอห์สันกล่าวอ้าง พร้อมระบุว่า "จากนั้นเราจะจำเป็นต้องส่งทหารสหรชอาณาจักรเข้าช่วยปกป้องยูเครน"
    .
    รัสเซียกล่าวซ้ำๆว่าไม่มีแผนโจมตีนาโตหรือรัฐสมาชิกใดๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในขณะเดียวกัน มอสโกก็เตือนหลายครั้ง ว่าการมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ กำลังผลักให้นาโตเสี่ยงมากขึ้นที่จะปะทะกันโดยตรงกับรัสเซีย โดยเฉพาะหากนาโตไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ทางมอสโกก็ถือว่ามันเป็นการโจมตีโดยตรงโดยประเทศต่างๆที่จัดหาอาวุธดังกล่าวมอบแก่เคียฟ
    .
    ก่อนหน้านี้ ปูติน ออกคำสั่งให้แก้ไขหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ ซึ่งกำหนดว่าการโจมตีใดๆจากรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ จะถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่รัสเซียจะตอบโต้ทางนิวเคลียร์ เช่นเดียวกับอาวุธอื่นๆ
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ รายงานว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส อาจผลักดันให้สถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น ด้วยการพยายามโน้มน้าวให้วอชิงตันไฟเขียวให้เคียฟโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ด้วยอาวุธของตะวันตก ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์
    .
    ตัวของ จอห์นสันเอง เคยถูกกล่าวหาบงการปั่นป่วนการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟย้อนกลับไปในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 การเจรจาในอิสตันบูลก่อร่างข้อเสนอหนึ่งที่คณะตัวแทนเจรจาของทั้งรัสเซียและยูเครนเห็นพ้องต้องกันในช่วงเวลาดังกล่าว
    .
    เดวิด อารัคฮาเมีย หัวหน้าตัวแทนเจรจาของยูเครน ยอมรับในเวลาต่อมา ว่าเคียฟถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว หลังจาก จอห์นสัน เรียกร้องให้ยูเครนเดินหน้าสู้รัสเซียต่อไป ระหว่างการเดินทางเยือนเมืองหลวงของยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109078
    ..............
    Sondhi X
    สหราชอาณาจักรไม่อาจปล่อยให้ยูเครนประสบความพ่ายแพ้ ในสงครามที่กำลังสู้รบกับรัสเซีย จากเสียงกระทุ้งของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมแนะว่าลอนดอนอาจจำเป็นต้องทำถึงขั้น ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือหากเคียฟกำลังตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ . อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรรายนี้ กล่าวอ้างว่าความสำเร็จของรัสเซียในยูเครน จะจุดชนวนวิกฤตด้านความมั่นคงสำหรับสหรัฐฯและเหล่าพันธมิตร ในหลายๆแนวหน้า "มันอาจจะเป็นรัฐต่างๆในแถบบอลติก อาจจะเป็นจอร์เจีย คุณจะได้เห็นผลกระทบของความพ่ายแพ้ของยูเครนในสมรภูมิแปซิฟิก คุณจะได้เห็นมันในทะเลจีนใต้" จอห์นสันระบุ โดยไม่ได้พูดอย่างเจาะจงว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภูมิภาคเหล่านั้น . เขายังให้คำจำกัดความความช่วยเหลือด้านการทหารและการเงินที่มอบแก่เคียฟ ว่าเป็น "การลงทุนสมเหตุสมผล" และเป็นหนทางที่ดีในการใช้จ่ายเงินของประชาชน โดยอ้างว่าสหราชอาณาจักรมีความตั้งใจใช้เงินมากขึ้น "สืบเนื่องจากความมั่นคงร่วมของเรา จะลดระดับลงอย่างมาก จากการคืนชีพของรัสเซียที่กำลังคุกคามทุกภาคส่วนของยุโรปในทุกรูปแบบ" . จอห์นสัน ยังชี้ถึงแนวโน้มความเสี่ยงที่เกิดจากความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะลดมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟ พร้อมอ้างว่ามีบางคนในแวดวงใกล้ชิดกับว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองประเด็นนี้อย่างผิดๆ . "มีเสียงกระซิบต่างๆนานามากมายดึงก้องอยู่ในหูจองทรัมป์ และในแถวหน้าของพรรครีพับลิกัน จำนวนมากในนั้น พวกเขาเลือกเส้นทางผิดๆเกี่ยวกับยูเครน" เขากล่าว . ถ้าสหรัฐฯลดความช่วยเหลือที่มอบแก่ยูเครน และเคียฟเริ่มพ่ายแพ้ ลอนดอนอาจถูกบีบให้ต้องประจำการทหารในภูมิภาค จอห์สันกล่าวอ้าง พร้อมระบุว่า "จากนั้นเราจะจำเป็นต้องส่งทหารสหรชอาณาจักรเข้าช่วยปกป้องยูเครน" . รัสเซียกล่าวซ้ำๆว่าไม่มีแผนโจมตีนาโตหรือรัฐสมาชิกใดๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้ ในขณะเดียวกัน มอสโกก็เตือนหลายครั้ง ว่าการมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ กำลังผลักให้นาโตเสี่ยงมากขึ้นที่จะปะทะกันโดยตรงกับรัสเซีย โดยเฉพาะหากนาโตไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ทางมอสโกก็ถือว่ามันเป็นการโจมตีโดยตรงโดยประเทศต่างๆที่จัดหาอาวุธดังกล่าวมอบแก่เคียฟ . ก่อนหน้านี้ ปูติน ออกคำสั่งให้แก้ไขหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ ซึ่งกำหนดว่าการโจมตีใดๆจากรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ จะถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่รัสเซียจะตอบโต้ทางนิวเคลียร์ เช่นเดียวกับอาวุธอื่นๆ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ รายงานว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส อาจผลักดันให้สถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น ด้วยการพยายามโน้มน้าวให้วอชิงตันไฟเขียวให้เคียฟโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ด้วยอาวุธของตะวันตก ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ . ตัวของ จอห์นสันเอง เคยถูกกล่าวหาบงการปั่นป่วนการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกและเคียฟย้อนกลับไปในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 การเจรจาในอิสตันบูลก่อร่างข้อเสนอหนึ่งที่คณะตัวแทนเจรจาของทั้งรัสเซียและยูเครนเห็นพ้องต้องกันในช่วงเวลาดังกล่าว . เดวิด อารัคฮาเมีย หัวหน้าตัวแทนเจรจาของยูเครน ยอมรับในเวลาต่อมา ว่าเคียฟถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว หลังจาก จอห์นสัน เรียกร้องให้ยูเครนเดินหน้าสู้รัสเซียต่อไป ระหว่างการเดินทางเยือนเมืองหลวงของยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109078 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1308 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง

    สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้

    😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎

    ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น

    เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา .

    อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า

    สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน?

    ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน

    คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย

    บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา

    เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้

    อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง

    แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ

    เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 .

    จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา

    ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน

    อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” "

    😎เกมจิตวิทยา😎

    หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย

    จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้

    ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน

    แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้

    แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง

    ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์

    อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก

    ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ

    อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา

    วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน

    ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย

    เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน

    หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม

    เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข

    แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก

    ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน

    ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้

    นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม

    นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้

    เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

    หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

    ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน

    ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日)

    ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช

    🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้ 😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎 ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา . อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน? ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้ อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 . จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” " 😎เกมจิตวิทยา😎 หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้ ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้ แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์ อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้ นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้ เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日) ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช 🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕

    การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก

    สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

    นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ

    ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก

    จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣

    วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ
    .
    Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025

    The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg.

    At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year.

    That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated.

    Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West.

    Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home.

    The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border.
    .
    11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    ผู้สนับสนุนนาโต้ของยูเครนรายงานว่า กลัวว่าจะไม่มีเงินเหลือพอที่จะเติมเชื้อเพลิงให้กับสงครามตัวแทนต่อต้านรัสเซียจนถึงปี ๒๐๒๕ การส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างต่อเนื่องนั้นมีความเสี่ยง เนื่องจากผู้สนับสนุนนาโต้รายใหญ่ของระบอบเซเลนสกีขาดเงินทุนอย่างเร่งด่วน, แหล่งข่าววงในนโยบายบอกกับบลูมเบิร์ก สิ่งที่เป็นเดิมพันคือข้อตกลงเงินกู้มูลค่า ๕ หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นจากกำไรของสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารตะวันตก, ซึ่งรายงานระบุว่าวอชิงตันกลัวว่าฮังการีอาจปิดกั้นหรือลดจำนวนลง แม้แต่จำนวนเงินนั้นก็เพียงพอที่จะให้เคียฟมีเสบียงสำหรับสงครามได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น นั่นยังไม่นับรวมสถานการณ์เศรษฐกิจของเคียฟ, ซึ่งรวมถึงช่องว่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ๓๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี ๒๐๒๕, ซึ่งอีกประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ยังไม่สามารถนำมาคำนวณได้ หลังจากใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและสหภาพยุโรป การขาดดุลดังกล่าวอาจผลักดันให้เคียฟเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ‘จากจุดยืนที่อ่อนแอ’, แหล่งข่าวของ Bloomberg ระบุ ดูเหมือนว่าเคียฟจะประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจผู้สนับสนุนให้ยังคงควักเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธสำหรับความขัดแย้ง เนื่องจากการผลิตอาวุธของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น "เกินหน้า" ผลผลิตรวมของชาติตะวันตก จากนั้นยังมีแรงกดดันต่อเซเลนสกีว่า คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้องใช้มาตรการนี้, หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี, 🤣และสถานะที่ขัดสนเงินสดของเยอรมนี, ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองของยูเครน รองจากสหรัฐอเมริกา, ซึ่งข้อจำกัดด้านหนี้ตามรัฐธรรมนูญได้ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไปแล้ว ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังแผ่กระจายไปทั่วฝรั่งเศส, อิตาลี, และสหราชอาณาจักร, ประเทศเหล่านี้อาจลดความช่วยเหลือลงเช่นกัน, แม้ว่ารัฐบาลสตาร์เมอร์จะให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟอย่างเต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในด้านงบประมาณภายในประเทศก็ตาม🤣 วิกฤตการณ์ด้านความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่โอกาสในสนามรบของเคียฟต้องเผชิญความท้าทายจากความลังเลใจของผู้สนับสนุนที่จะควักเงินเพิ่ม ในเดือนเมษายน, สภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากได้ผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมูลค่า ๔๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน หลังจากเกิดความขัดแย้งกันนาน ๖ เดือน จากวิกฤตที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ . Ukraine’s NATO patrons reportedly fear running out of money to fuel anti-Russia proxy war into 2025 The continued delivery of weaponry to Ukraine is at risk due to a pressing lack of funds among the Zelensky regime’s top NATO sponsors, policy insiders have told Bloomberg. At stake is a controversial $50 billion loan agreement generated by the profits of Russian Central Bank assets frozen in Western banks, which Washington reportedly fears could be blocked by Hungary or whittled down. Even that sum would be enough to keep Kiev stocked up on war materiel for only half the year. That’s not counting Kiev’s economic situation, including a projected $35 billion gap in the 2025 budget, about $15 billion of which has yet to be accounted for after IMF and EU subsidies are applied. The shortfall could push Kiev into peace talks with Russia ‘from a position of weakness’, Bloomberg’s sources indicated. Kiev is apparently also having a hard time convincing patrons to continue shelling out tens of billions of dollars worth of arms for the conflict as ramped-up Russian production “outpaces” the combined output of the collective West. Then there is the pressure on Zelensky that Donald Trump is expected to apply, should he win the White House, and the cash-poor position of Germany, Ukraine’s second-largest sponsor after the US, whose constitutional debt restrictions have already affected support. As economic troubles sweep over France, Italy, and the UK, these countries may similarly reduce assistance, although the Starmer government has vowed to continue backing Kiev up to the hilt despite hard budgetary choices to make at home. The aid crunch is the second time this year that Kiev’s battlefield prospects have been challenged by its patrons’ reluctance to fork over more cash. In April, the Republican-held House of Representatives passed a $48 billion package of security aid for Ukraine after a six-month deadlock connected to the crisis at the US’s southern border. . 11:29 PM · Sep 27, 2024 · 1,960 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839703912816783372
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้….

    ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!!

    ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ
    ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน
    ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน
    ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า……
    “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……”
    ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน
    เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore)
    เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..…

    เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน
    2001 ที่ Ljubljana, Slovenia
    คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น
    ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม)
    แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ
    เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

    ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร?
    เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย”
    ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้
    เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร……

    ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย
    และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ
    ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ

    ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม
    พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

    หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย
    บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง)
    อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน
    ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ
    ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน
    และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan
    ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง
    เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น
    ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต
    เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000
    ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี
    ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า
    “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ
    และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…”

    การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช)
    ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม
    และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน
    ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน)
    ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ
    ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ…

    รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย)
    แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น
    อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง…
    และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน
    American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า
    “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……”
    “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..”
    “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..”
    แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป

    สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม
    และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน
    ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน
    เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า
    “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “
    และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย

    แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า
    นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ
    ABM (Anti-Ballistic Missile)
    เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี..

    การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น
    จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน
    ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก)
    โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที
    ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง
    แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู
    และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้
    พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา
    ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย
    และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า
    ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!!

    ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์
    เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก)
    เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร
    เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม
    คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์
    ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……”
    เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร

    ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ
    ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
    เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?”
    คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ……
    ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย
    วิตก……
    กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก
    เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ

    ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา
    ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย
    กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้
    ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!!
    การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย
    แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน
    มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี

    ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!!

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่
    ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน
    ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ
    ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข
    แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ)
    เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย

    คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..”
    ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น
    ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว
    เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!!
    และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…)
    ว่า……

    “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………”

    **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006

    Wiwanda W. Vichit
    จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้…. ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!! ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า…… “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……” ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore) เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..… เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน 2001 ที่ Ljubljana, Slovenia คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม) แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร? เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย” ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้ เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร…… ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง) อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000 ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…” การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช) ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน) ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ… รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย) แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง… และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……” “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..” “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..” แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “ และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ ABM (Anti-Ballistic Missile) เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี.. การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก) โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้ พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!! ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์ เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก) เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์ ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……” เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?” คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ…… ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย วิตก…… กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!! การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ) เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..” ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!! และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…) ว่า…… “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………” **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1025 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์

    ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?"

    💬 "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ

    ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย
    .
    NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT

    Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?"

    💬 "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing.

    The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia.
    .
    6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์ ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?" 💬 "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย . NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?" 💬 "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing. The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia. . 6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว