• วิกโตร์ โอร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ส่งจดหมายถึงคณะมนตรีสหภาพยุโรป เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเปิดการเจรจาสันติภาพโดยตรงกับรัสเซีย
    วิกโตร์ โอร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ส่งจดหมายถึงคณะมนตรีสหภาพยุโรป เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเปิดการเจรจาสันติภาพโดยตรงกับรัสเซีย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่าสหรัฐฯ จะไม่มอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกต่อไป สืบเนื่องพวกเขาให้ความสำคัญสูงสุดกับการเจรจาสันติภาพ ขณะที่การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเปิดศึกวิวาทะกันระหว่างประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ผู้มาเยือน

    "เราจะไม่เขียนเช็คเปล่าสำหรับสงครามให้กับประเทศหนึ่งที่อยู่ห่างไกลมากๆ อีกต่อไป หากปราศจากสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน" เลวิตต์กล่าว "มันเป็นเรื่องเยี่ยมที่กล้องกำลังบันทึกภาพ เพราะว่าประชาชนชาวอเมริกาและทั่วโลกจะได้เห็นในสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์และคณะทำงาน กำลังต่อรองกันอย่างลับๆ ในการเจรจากับฝ่ายยูเครน" เธอกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020229

    #MGROnline #ต่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #สหรัฐอเมริกา #ยูเครน
    คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่าสหรัฐฯ จะไม่มอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกต่อไป สืบเนื่องพวกเขาให้ความสำคัญสูงสุดกับการเจรจาสันติภาพ ขณะที่การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเปิดศึกวิวาทะกันระหว่างประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ผู้มาเยือน • "เราจะไม่เขียนเช็คเปล่าสำหรับสงครามให้กับประเทศหนึ่งที่อยู่ห่างไกลมากๆ อีกต่อไป หากปราศจากสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน" เลวิตต์กล่าว "มันเป็นเรื่องเยี่ยมที่กล้องกำลังบันทึกภาพ เพราะว่าประชาชนชาวอเมริกาและทั่วโลกจะได้เห็นในสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์และคณะทำงาน กำลังต่อรองกันอย่างลับๆ ในการเจรจากับฝ่ายยูเครน" เธอกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020229 • #MGROnline #ต่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #สหรัฐอเมริกา #ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • CNN รายงานผลสำรวจล่าสุดของชาวอเมริกัน:

    ชาวอเมริกัน 78% เป็น "สลิ่ม!!" เพราะสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ในขณะที่ 16% ไม่เห็นด้วย

    ขณะเดียวกัน ผู้ที่เชื่อว่าสหรัฐฯ สนับสนุนยูเครนมากเกินไปก็เพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2022 เป็น 41% ใน 3 ปีต่อมา
    CNN รายงานผลสำรวจล่าสุดของชาวอเมริกัน: ชาวอเมริกัน 78% เป็น "สลิ่ม!!" เพราะสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ในขณะที่ 16% ไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกัน ผู้ที่เชื่อว่าสหรัฐฯ สนับสนุนยูเครนมากเกินไปก็เพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2022 เป็น 41% ใน 3 ปีต่อมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำเนียบขาวประกาศว่าจะไม่มีการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนอีกต่อไป

    แคโรไลน์ ลีวิตต์ ทำหน้าที่โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกต่อไป เนื่องจากสหรัฐให้ความสำคัญกับการเจรจาสันติภาพเป็นอันดับแรก การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดข้อโต้แย้งระหว่างการเยือนของเซเลนสกี

    “เราจะไม่เขียนเช็คเปล่าสำหรับสงครามในประเทศที่อยู่ห่างไกลซึ่งไม่มีแววว่าจะเกิดสันติภาพอย่างแท้จริงและยั่งยืนอีกต่อไป” ลีวิตต์กล่าว

    “เป็นเรื่องดีที่กล้องได้ถ่ายทอดทุกอย่างออกมาให้ชาวอเมริกันและทั่วโลกได้เห็นสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานของเขากำลังจัดการอยู่เบื้องหลังในการเจรจากับยูเครน” เธอกล่าวเสริม

    ก่อนหน้านี้ วอชิงตันโพสต์รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะระงับการส่งความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดไปยังยูเครน ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
    ทำเนียบขาวประกาศว่าจะไม่มีการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนอีกต่อไป แคโรไลน์ ลีวิตต์ ทำหน้าที่โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐจะไม่ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกต่อไป เนื่องจากสหรัฐให้ความสำคัญกับการเจรจาสันติภาพเป็นอันดับแรก การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดข้อโต้แย้งระหว่างการเยือนของเซเลนสกี “เราจะไม่เขียนเช็คเปล่าสำหรับสงครามในประเทศที่อยู่ห่างไกลซึ่งไม่มีแววว่าจะเกิดสันติภาพอย่างแท้จริงและยั่งยืนอีกต่อไป” ลีวิตต์กล่าว “เป็นเรื่องดีที่กล้องได้ถ่ายทอดทุกอย่างออกมาให้ชาวอเมริกันและทั่วโลกได้เห็นสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานของเขากำลังจัดการอยู่เบื้องหลังในการเจรจากับยูเครน” เธอกล่าวเสริม ก่อนหน้านี้ วอชิงตันโพสต์รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะระงับการส่งความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดไปยังยูเครน ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้ว!
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนรอต้อนรับเซเลนสกี ขณะมาถึงทำเนียบขาวเพื่อเจรจาข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครน และเริ่มการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย

    "เขาแต่งตัวจัดเต็มมากในวันนี้!"
    ทรัมป์แซวเซเลนสกีเล็กน้อยขณะเจอหน้ากัน
    ช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้ว! ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนรอต้อนรับเซเลนสกี ขณะมาถึงทำเนียบขาวเพื่อเจรจาข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครน และเริ่มการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย "เขาแต่งตัวจัดเต็มมากในวันนี้!" ทรัมป์แซวเซเลนสกีเล็กน้อยขณะเจอหน้ากัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน
    .
    การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน
    .
    แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน
    .
    ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่
    .
    ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน
    .
    ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์
    .
    นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง
    .
    เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ
    .
    นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน
    .
    แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง
    .
    ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ
    .
    อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน
    .
    ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน . การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน . แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน . ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา . ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ . ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน . ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน . ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ . การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ . นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง . เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ . นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน . แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง . ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ . อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน . ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2007 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ
    .
    ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง
    .
    "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ"
    .
    ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน
    .
    ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม"
    .
    ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ
    .
    ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน
    .
    "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต
    .
    ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง
    .
    ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล
    .
    "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396
    ..............
    Sondhi X
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ . ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง . "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ" . ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน . ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ . บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม" . ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ . ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน . "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต . ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง . ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล . "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2066 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์รู้ดีว่า หากไม่เร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน การเจรจาสันติภาพ อาจเกิดการสะดุดจนไปต่อไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ปูตินตั้งไว้

    นอกจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับของยูเครนที่เซเลนสกีลงนามไว้ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเจรจา ซึ่งยูเครนต้องการ "ประธานาธิบดีตัวจริง" เพื่อยกเลิกกฎหมายเหล่านี้ เช่น:

    - เมื่อปี 2022 เซเลนสกี ลงนามคำสั่งห้ามการเจรจากับสหพันธรัฐรัสเซียตราบใดที่วลาดิมีร์ ปูตินยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหพันธรัฐรัสเซีย นั่นเท่ากับว่า ยูเครนจะไม่สามารถเจรจากับปูตินได้จนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2030

    - นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการห้ามการเจรจากับรัสเซีย เช่น คำสั่งประกาศให้รัสเซียเป็นรัฐก่อการร้าย คำสั่งตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมทั้งหมดกับรัสเซีย การประกาศใช้กฎหมายของยูเครนกับประเทศที่ไม่เป็นมิตร
    ทรัมป์รู้ดีว่า หากไม่เร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน การเจรจาสันติภาพ อาจเกิดการสะดุดจนไปต่อไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ปูตินตั้งไว้ นอกจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับของยูเครนที่เซเลนสกีลงนามไว้ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเจรจา ซึ่งยูเครนต้องการ "ประธานาธิบดีตัวจริง" เพื่อยกเลิกกฎหมายเหล่านี้ เช่น: - เมื่อปี 2022 เซเลนสกี ลงนามคำสั่งห้ามการเจรจากับสหพันธรัฐรัสเซียตราบใดที่วลาดิมีร์ ปูตินยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหพันธรัฐรัสเซีย นั่นเท่ากับว่า ยูเครนจะไม่สามารถเจรจากับปูตินได้จนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2030 - นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการห้ามการเจรจากับรัสเซีย เช่น คำสั่งประกาศให้รัสเซียเป็นรัฐก่อการร้าย คำสั่งตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมทั้งหมดกับรัสเซีย การประกาศใช้กฎหมายของยูเครนกับประเทศที่ไม่เป็นมิตร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย
    .
    ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก
    .
    ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย
    .
    รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว
    .
    การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า
    .
    ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา
    .
    “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน”
    .
    ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง
    .
    ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่
    .
    บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย
    .
    การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย
    .
    การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา
    .
    เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ
    .
    โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น
    .
    รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ
    .
    คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน
    .
    ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น
    .
    บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง
    .
    ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย . ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น . อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก . ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย . รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว . การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า . ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา . “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน” . ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง . ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่ . บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย . การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน . รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย . การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา . เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ . โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น . รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ . คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน . ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น . บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง . ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2251 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ
    .
    บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย
    .
    มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน
    .
    ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน
    .
    กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้
    .
    ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว
    .
    อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ
    .
    มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน
    .
    นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน . ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ . บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย . มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้ . ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน . ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง . สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน . กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้ . ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่ . สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว . อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ . มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน . นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2182 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครมลินแถลงเอง เซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะนำคณะเจรจาหารือกับทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาที่นำโดยมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นวันอังคาร (18 ก.พ.) ที่กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่รูบิโอพยายามคลายความกังวลโดยยืนยันว่า ยูเครนและยุโรปจะยังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ หากการหารือระหว่างวอชิงตัน-มอสโกคืบหน้า
    .
    การหารือที่เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนั้นเขาแถลงว่าน่าจะได้พบปะแบบพบหน้ากับผู้นำเครมลินในเร็วๆ นี้ โดยอาจจะเป็นที่ซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้นทางสหรัฐฯยังเคลื่อนไหวแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่จะไปหารือกับฝ่ายรัสเซีย โดยเห็นกันว่าเพื่อปูทางสำหรับการประชุมซัมมิตทรัมป์-ปูติน เวลาเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนตามที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคราวนี้ของทรัมป์ ยังถือเป็นการสิ้นสุดการโดดเดี่ยวมอสโกจากกรณีบุกยูเครนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2022
    .
    คณะของสหรัฐฯ นั้น นอกจากรูบิโอที่เดินทางถึงกรุงริยาดตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ (16) แล้ว ยังประกอบด้วย ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทำเนียบขาว
    .
    รูบิโอกล่าวกับทีวีสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) ว่า ช่วงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ จะตัดสินว่า ปูตินจริงจังกับการสร้างสันติภาพหรือไม่
    .
    ด้านวิตคอฟฟ์ให้สัมภาษณ์รายการ “ซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์” ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ตนและวอลซ์จะดำเนินการประชุมตามแนวทางที่ทรัมป์กำหนด และหวังว่าจะมีความคืบหน้าบางอย่างเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงในวันจันทร์ว่า ราฟลอฟและอูชาคอฟจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการจัดเตรียมการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ และเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในยูเครนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงฟื้นความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโก
    .
    อย่างไรก็ดี เปสคอฟปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า ปูตินกับทรัมป์จะพบกันปลายเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบียหรือไม่ ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะพบกับผู้นำรัสเซีย แต่น่าจะเป็นเร็วๆ นี้
    .
    ในส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนนั้น รายงานระบุว่าได้ เดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมทั้งเล็งเยือนซาอุดีอาระเบียและตุรกีต่อ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแผนพบกับเจ้าหน้าที่รัสเซียหรือสหรัฐฯ ขณะที่เชื่อกันว่า ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมหารือที่ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ
    .
    แอนดริว เยอร์แมค ที่ปรึกษาระดับสูงของเซเลนสกี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซียจะประชุมกันโดยตรงในอนาคตอันใกล้ อย่างน้อยจนกว่ายูเครนจะร่างแผนการเพื่อยุติสงครามและสร้างสันติภาพเสร็จสิ้น
    .
    การหารือระหว่างคณะเจ้าหน้าที่อเมริกาและรัสเซียยังเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า ยูเครนและยุโรปกำลังถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษด้านยูเครนและรัสเซียของทรัมป์ ประกาศชัดเจนเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ
    .
    กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์ รูบิโอได้พยายามคลายความกังวลเรื่องนี้โดยบอกว่า ทั้งเคียฟและยุโรปจะมีส่วนร่วมใน “การเจรจาจริง” ที่จะเกิดขึ้นมา หากการหารือระหว่างอเมริกากับรัสเซียมีความคืบหน้า และสำทับว่า การหารือในขณะนี้เป็นแค่โอกาสในการหยั่งเชิงว่า รัสเซียจะจริงจังแค่ไหน
    .
    นอกจากนั้น วิตคอฟฟ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนระหว่างการประชุมความมั่นคงที่มิวนิกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์ก็ได้พูดคุยกับเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015972
    ..............
    Sondhi X
    เครมลินแถลงเอง เซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะนำคณะเจรจาหารือกับทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาที่นำโดยมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นวันอังคาร (18 ก.พ.) ที่กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่รูบิโอพยายามคลายความกังวลโดยยืนยันว่า ยูเครนและยุโรปจะยังมีส่วนร่วมในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ หากการหารือระหว่างวอชิงตัน-มอสโกคืบหน้า . การหารือที่เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียคราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยทางโทรศัพท์กับปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนั้นเขาแถลงว่าน่าจะได้พบปะแบบพบหน้ากับผู้นำเครมลินในเร็วๆ นี้ โดยอาจจะเป็นที่ซาอุดีอาระเบีย นอกจากนั้นทางสหรัฐฯยังเคลื่อนไหวแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่จะไปหารือกับฝ่ายรัสเซีย โดยเห็นกันว่าเพื่อปูทางสำหรับการประชุมซัมมิตทรัมป์-ปูติน เวลาเดียวกันก็เป็นการเริ่มต้นเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนตามที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวคราวนี้ของทรัมป์ ยังถือเป็นการสิ้นสุดการโดดเดี่ยวมอสโกจากกรณีบุกยูเครนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.2022 . คณะของสหรัฐฯ นั้น นอกจากรูบิโอที่เดินทางถึงกรุงริยาดตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ (16) แล้ว ยังประกอบด้วย ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทำเนียบขาว . รูบิโอกล่าวกับทีวีสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) ว่า ช่วงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ จะตัดสินว่า ปูตินจริงจังกับการสร้างสันติภาพหรือไม่ . ด้านวิตคอฟฟ์ให้สัมภาษณ์รายการ “ซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์” ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ตนและวอลซ์จะดำเนินการประชุมตามแนวทางที่ทรัมป์กำหนด และหวังว่าจะมีความคืบหน้าบางอย่างเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน . ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงในวันจันทร์ว่า ราฟลอฟและอูชาคอฟจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการจัดเตรียมการหารือระหว่างปูตินกับทรัมป์ และเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในยูเครนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงฟื้นความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโก . อย่างไรก็ดี เปสคอฟปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า ปูตินกับทรัมป์จะพบกันปลายเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบียหรือไม่ ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะพบกับผู้นำรัสเซีย แต่น่าจะเป็นเร็วๆ นี้ . ในส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนนั้น รายงานระบุว่าได้ เดินทางถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมทั้งเล็งเยือนซาอุดีอาระเบียและตุรกีต่อ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแผนพบกับเจ้าหน้าที่รัสเซียหรือสหรัฐฯ ขณะที่เชื่อกันว่า ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมหารือที่ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ . แอนดริว เยอร์แมค ที่ปรึกษาระดับสูงของเซเลนสกี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ยูเครนกับรัสเซียจะประชุมกันโดยตรงในอนาคตอันใกล้ อย่างน้อยจนกว่ายูเครนจะร่างแผนการเพื่อยุติสงครามและสร้างสันติภาพเสร็จสิ้น . การหารือระหว่างคณะเจ้าหน้าที่อเมริกาและรัสเซียยังเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า ยูเครนและยุโรปกำลังถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก คีธ เคลล็อก ผู้แทนพิเศษด้านยูเครนและรัสเซียของทรัมป์ ประกาศชัดเจนเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพ . กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์ รูบิโอได้พยายามคลายความกังวลเรื่องนี้โดยบอกว่า ทั้งเคียฟและยุโรปจะมีส่วนร่วมใน “การเจรจาจริง” ที่จะเกิดขึ้นมา หากการหารือระหว่างอเมริกากับรัสเซียมีความคืบหน้า และสำทับว่า การหารือในขณะนี้เป็นแค่โอกาสในการหยั่งเชิงว่า รัสเซียจะจริงจังแค่ไหน . นอกจากนั้น วิตคอฟฟ์ยังตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนได้พบกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนระหว่างการประชุมความมั่นคงที่มิวนิกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์ก็ได้พูดคุยกับเซเลนสกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015972 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1556 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียด้วยโดรนพลีชีพ ก่อนการเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐและรัสเซียจะมีขึ้นในซาอุดิอาระเบีย

    รายงานระบุว่ายูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียในดินแดนครัสโนดาร์ (Krasnodar) ด้วยโดรน ซึ่งถือเป็นการจงใจยั่วยุก่อนการเจรจาสันติภาะจะมีขึ้นในวันอังคารนี้ที่ซาอุดิอาระเบีย

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัสเซีย

    สำหรับการเจรจาที่จะมีขึ้นในริยาดในวันอังคารนี้ คาดว่าฝ่ายสหรัฐ จะประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ Mark Rubio, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ Mike Walz และผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง Steve Witkoff สำหรับทางรัสเซีย คาดว่าจะนำโดย Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
    ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียด้วยโดรนพลีชีพ ก่อนการเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐและรัสเซียจะมีขึ้นในซาอุดิอาระเบีย รายงานระบุว่ายูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียในดินแดนครัสโนดาร์ (Krasnodar) ด้วยโดรน ซึ่งถือเป็นการจงใจยั่วยุก่อนการเจรจาสันติภาะจะมีขึ้นในวันอังคารนี้ที่ซาอุดิอาระเบีย ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัสเซีย สำหรับการเจรจาที่จะมีขึ้นในริยาดในวันอังคารนี้ คาดว่าฝ่ายสหรัฐ จะประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ Mark Rubio, ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ Mike Walz และผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง Steve Witkoff สำหรับทางรัสเซีย คาดว่าจะนำโดย Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ภายในวันอีสเตอร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 20 เม.ย.

    บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิด
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ภายในวันอีสเตอร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 20 เม.ย. บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี ยืนยันอีกครั้งกับ NBC News ว่า "ไม่ยอมรับการตัดสินใจใดๆ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียเกี่ยวกับยูเครนเด็ดขาด"

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ยูเครนไม่ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพที่ซาอุดีอาระเบียร่วมกับฝ่ายรัสเซียและสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า
    เซเลนสกี ยืนยันอีกครั้งกับ NBC News ว่า "ไม่ยอมรับการตัดสินใจใดๆ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียเกี่ยวกับยูเครนเด็ดขาด" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ยูเครนไม่ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพที่ซาอุดีอาระเบียร่วมกับฝ่ายรัสเซียและสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับยูเครน หลังจากยุโรปถูกกีดกันจากสหรัฐในการเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสันติภาพ

    ฝรั่งเศสจะเรียกประชุมผู้นำยุโรปในวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับความมั่นคงของยูเครน หลังจากที่ทีมของทรัมป์ตัดยุโรปออกจากการเจรจากับรัสเซีย

    การประชุมดังกล่าว ซึ่งจะมีอังกฤษ เยอรมนี โปแลนด์ และเจ้าหน้าที่นาโตเข้าร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปบทบาทของยุโรปในการช่วยเหลือเคียฟและรักษาความปลอดภัยของยุโรปตะวันตก

    หลายปีที่ผ่านมา ประเทศที่เป็นผู้นำยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ พยายามมาตลอดในการออกจากอิทธิพลของสหรัฐ มาจับตาดูว่าครั้งนี้พวกเขาจะสามารถดำเนินการอย่างจริงจังได้หรือไม่
    ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับยูเครน หลังจากยุโรปถูกกีดกันจากสหรัฐในการเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสันติภาพ ฝรั่งเศสจะเรียกประชุมผู้นำยุโรปในวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับความมั่นคงของยูเครน หลังจากที่ทีมของทรัมป์ตัดยุโรปออกจากการเจรจากับรัสเซีย การประชุมดังกล่าว ซึ่งจะมีอังกฤษ เยอรมนี โปแลนด์ และเจ้าหน้าที่นาโตเข้าร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปบทบาทของยุโรปในการช่วยเหลือเคียฟและรักษาความปลอดภัยของยุโรปตะวันตก หลายปีที่ผ่านมา ประเทศที่เป็นผู้นำยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ พยายามมาตลอดในการออกจากอิทธิพลของสหรัฐ มาจับตาดูว่าครั้งนี้พวกเขาจะสามารถดำเนินการอย่างจริงจังได้หรือไม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แกว่งปากหาอะไรเอ่ย"

    "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ตอบโต้คำพูดของรองประธานาธิบดีสหรัฐ "เจดี แวนซ์" ต่อคำขู่ที่พยายามแสดงอิทธิพลทางทหารเหนือรัสเซีย โดยต้องการให้สหรัฐอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางเลือกในการส่งทหารสหรัฐไปยูเครน หากรัสเซียไม่ยอมรับข้อเสนอในการเจรจาสันติภาพ

    "เราไม่เคยได้ยินวิธีการดังกล่าวมาก่อน รัฐบาลรัสเซียคาดหวังให้สหรัฐอธิบายคำพูดของแวนซ์เพิ่มเติมที่ว่าอเมริกายังมีทางเลือกในการส่งทหารสหรัฐไปยูเครน"

    ก่อนหน้านี้สำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงาน โดยอ้างคำสัมภาษณ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เจ.ดี. แวนซ์ ว่าสหรัฐไม่ตัดทางเลือกในการส่งทหารไปยูเครน หากรัสเซียไม่เจรจา “ด้วยความจริงใจ” และข้อเสนอ "ยังอยู่บนโต๊ะ" ซึ่งบ่งชี้ว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

    "แกว่งปากหาอะไรเอ่ย" "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ตอบโต้คำพูดของรองประธานาธิบดีสหรัฐ "เจดี แวนซ์" ต่อคำขู่ที่พยายามแสดงอิทธิพลทางทหารเหนือรัสเซีย โดยต้องการให้สหรัฐอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางเลือกในการส่งทหารสหรัฐไปยูเครน หากรัสเซียไม่ยอมรับข้อเสนอในการเจรจาสันติภาพ "เราไม่เคยได้ยินวิธีการดังกล่าวมาก่อน รัฐบาลรัสเซียคาดหวังให้สหรัฐอธิบายคำพูดของแวนซ์เพิ่มเติมที่ว่าอเมริกายังมีทางเลือกในการส่งทหารสหรัฐไปยูเครน" ก่อนหน้านี้สำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงาน โดยอ้างคำสัมภาษณ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เจ.ดี. แวนซ์ ว่าสหรัฐไม่ตัดทางเลือกในการส่งทหารไปยูเครน หากรัสเซียไม่เจรจา “ด้วยความจริงใจ” และข้อเสนอ "ยังอยู่บนโต๊ะ" ซึ่งบ่งชี้ว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีกำลังเดินทางไปมิวนิก ประเทศเยอรมัน เขากำลังพยายามอย่างหนักร่วมกับยุโรปเพื่อต้องการมีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพในยูเครน หลังจากที่ทรัมป์โทรศัพท์หาปูติน เพื่อเริ่มขั้นตอนเจรจาหยุดยิงในยูเครน โดยไม่มีการแจ้งต่อเซเลนสกีก่อน

    ที่ผ่านมา รัสเซียบอกมาตลอดว่า จะเจรจากับสหรัฐเท่านั้น เพราะสหรัฐคือผู้สั่งการโดยตรงของยูเครน
    เซเลนสกีกำลังเดินทางไปมิวนิก ประเทศเยอรมัน เขากำลังพยายามอย่างหนักร่วมกับยุโรปเพื่อต้องการมีส่วนร่วมในการเจรจาสันติภาพในยูเครน หลังจากที่ทรัมป์โทรศัพท์หาปูติน เพื่อเริ่มขั้นตอนเจรจาหยุดยิงในยูเครน โดยไม่มีการแจ้งต่อเซเลนสกีก่อน ที่ผ่านมา รัสเซียบอกมาตลอดว่า จะเจรจากับสหรัฐเท่านั้น เพราะสหรัฐคือผู้สั่งการโดยตรงของยูเครน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เคียงข้างยูเครนสม่ำเสมอ! โดยยืนยันว่าการเจรจาสันติภาพจะต้องมียูเครนร่วมด้วย:

    “การเจรจาเรื่องยูเครนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มียูเครน”
    รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เคียงข้างยูเครนสม่ำเสมอ! โดยยืนยันว่าการเจรจาสันติภาพจะต้องมียูเครนร่วมด้วย: “การเจรจาเรื่องยูเครนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มียูเครน”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง
    .
    รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ
    .
    อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
    .
    ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024
    .
    ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5%
    .
    ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี
    .
    Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ
    .
    สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง
    .
    เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ"
    .
    มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน
    .
    การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ
    .
    นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ
    .
    รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706
    ..............
    Sondhi X
    ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งอยากประนีประนอมยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย ผ่านการเจรจาสันติภาพที่มีคนกลางนานาชาติเกี่ยวข้องด้วย จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆของ Socis สำนักโพลของยูเครนเอง . รายงานจาก Ukrainskaya Pravda หนังสือพิมพ์ออนไลน์ของยูเครนเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) เกี่ยวกับผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยูเครน โดยมีจำนวนมากขึ้นที่สนับสนุนการหาทางออกทางการทูต ในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายปีกับรัสเซีย และสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบ . อ้างอิงผลสำรวจ พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถาม 50.6% สนับสนุนการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับพวกผู้นำนานาชาติ เพื่อรับประกันการยุติความขัดแย้ง ตัวเลขดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 . ในส่วนจำนวนชาวยูเครน ที่สนับสนุนสู้รบจนกว่ายูเครนจะสามารถทวงคืนชายแดนกลับสู่แนวชายแดนช่วงปี 1991 ลดลงอย่างมาก จากระดับ 33.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สู่ระดับ 14.7% ในเดือนธันวาคมปี 2024 . ผลสำรวจยังพบด้วยว่าเสียงสนับสนุนให้พักความเป็นปรปักษ์และตรึงความขัดแย้งไว้ในแนวหน้าในปัจจุบัน ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา จากระดับ 8.2% เป็น 19.5% . ขณะเดียวกันผลสำรวจของ Socis พบว่าสัดส่วนของชาวยูเครนที่สนับสนุนการคืนสถานะชายแดนกลับไปก่อนหน้าเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังคงค่อนข้างทรงตัว แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 8.6% ถึง 13.2% ตลอดทั้งปี . Ukrainskaya Pravda เน้นว่าหนึ่งในความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดของกระบวนการเจรจา การรับประกันเสียงสนับสนุนจากทั้งประชาชนชาวยูเครนและกองทัพ เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้นำประเทศ . สื่อมวลชนแห่งนี้อ้างหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลในคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าหนึ่งในลำดับความสำคัญหลักๆก็คือ "การรับประกันรูปแบบข้อตกลงหนึ่งๆที่สหรัฐฯให้คำรับประกัน ผ่านการรับรองของสภาคองเกรส" ส่วนอีกภาะสำคัญอีกอย่างคือขัดขืนข้อเรียกร้องของรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนกลายเป็นชาติที่เป็นกลาง . เซเลนสกี บอกก่อนหน้านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพจากยุโรปอย่างน้อยๆ 200,000 นาย มีความจำเป็น เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงได้รับการยึดถือ" . มอสโก ปฏิเสธความคิดมีกองกำลังรักษาสันติภาพของตะวันตกในยูเครน หลังมันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าหาทางออกความขัดแย้งนี้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ทรัมป์ เรียกร้องมอสโกบรรลุข้อตกลงกับเคียฟ ไม่อย่างนั้นอาจต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ แต่เน้นย้ำว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายรัสเซีย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานว่า ทรัมป์ ให้เวลา คีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ 100 วัน ในการหาบทสรุปของข้อตกลง อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินเผยว่า จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อเสนออย่างเจาะจงมาจากวอชิงตัน . การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนพังครืนลงในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวหากันและกัน ว่านำเสนอข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย บอกว่ายูเครนต้องกลายมาเป็นชาติเป็นกลาง และละทิ้งคำกล่าวอ้างใดๆเหนืออดีตแคว้น ที่กลายมาเป็นแคว้นใหม่ของรัสเซีย เพื่อให้การเจรจาสันติภาพใดๆประสบความสำเร็จ . นับตั้งแต่นั้น มอสโก ส่งเสียงซ้ำๆว่าพร้อมกลับมาเจรจา แต่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับแนวคิดตรึงความขัดแย้งไว้ชั่วคราว เนื่องจากเชื่อว่ามันรังแต่จะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนเติมเต็มคลังอาวุธ . รัสเซีย เน้นย้ำว่า ยูเครน ต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต ปลอดจากทหาร (demilitarization) ไม่เป็นนาซี (denazification) และละทิ้งแผนมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008706 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1230 มุมมอง 0 รีวิว
  • 52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น

    สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏

    จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
    สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ

    นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์
    สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน"

    ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ
    ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว

    รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม

    ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ
    สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่
    - ดอนเมือง
    - นครราชสีมา
    - ตาคลี
    - อุบลราชธานี
    - อุดรธานี
    - นครพนม
    - อู่ตะเภา

    ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย

    ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม
    ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง

    - รัฐบาลสหรัฐ
    - รัฐบาลเวียดนามเหนือ
    - รัฐบาลเวียดนามใต้
    - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้

    เนื้อหาสำคัญ ได้แก่
    - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม
    - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม
    - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม
    - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้

    ผลกระทบจากข้อตกลง
    การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน

    ผลกระทบนามต่อประเทศไทย
    1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ
    - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร
    - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ

    2. การสูญเสียเอกราช
    มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา

    3. ผลกระทบทางสังคม
    การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว

    สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค

    การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568

    #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม

    🎯
    52 ปี ข้อตกลงสันติภาพปารีส ปิดฉากสงครามเวียดนาม บทบาทของไทยในสงครามเย็น สงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งไม่ได้เพียงแค่ แสดงถึงความขัดแย้ง ระหว่างสองขั้วอำนาจของโลก ในยุคสงครามเย็น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบ ต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยโดยตรง การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 นับเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปี 🌏 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง สงครามเวียดนาม เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์ และเสรีนิยม ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เวียดนามเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพโซเวียต และจีน ในขณะที่เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา เป็นพันธมิตรสำคัญ นโยบายของสหรัฐ สกัดกั้นคอมมิวนิสต์ สหรัฐตัดสินใจ เข้ามามีบทบาทในเวียดนาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2493 ด้วยเป้าหมายในการ "หยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์" (Containment Policy) โดยมองว่า หากเวียดนามเหนือ ตกอยู่ใต้อิทธิพลคอมมิวนิสต์ ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็อาจถูกครอบงำด้วยเช่นกัน หรือที่เรียกว่า "ทฤษฎีโดมิโน" ประเทศไทย พันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ในยุคสงครามเย็น ประเทศไทย ได้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญ ของสหรัฐอเมริกา ในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ เนื่องจากไทย ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ใกล้กับเวียดนามและลาว รัฐบาลไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะภายใต้การนำของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" และ "จอมพลประภาส จารุเสถียร" ให้การสนับสนุนสหรัฐเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้ ฐานทัพในประเทศไทย หรือการส่งทหารไทยเข้าร่วมในสงคราม ฐานทัพในไทย ศูนย์กลางปฏิบัติการ สหรัฐได้ตั้งฐานทัพในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ - ดอนเมือง - นครราชสีมา - ตาคลี - อุบลราชธานี - อุดรธานี - นครพนม - อู่ตะเภา ฐานทัพเหล่านี้ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สำหรับการทิ้งระเบิด ในเวียดนามเหนือ และการดำเนินปฏิบัติการทางอากาศ โดยมีการประมาณว่า 80% ของการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ ในเวียดนามเหนือ มาจากฐานทัพในประเทศไทย ข้อตกลงสันติภาพปารีส จุดสิ้นสุดของสงคราม ข้อตกลงสันติภาพปารีส ที่ลงนามในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 เป็นข้อตกลงสำคัญ ที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงคราม และฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงนี้ลงนามระหว่าง - รัฐบาลสหรัฐ - รัฐบาลเวียดนามเหนือ - รัฐบาลเวียดนามใต้ - รัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล แห่งสาธารณรัฐเวียดนามใต้ เนื้อหาสำคัญ ได้แก่ - การยุติการแทรกแซงทางทหาร ของสหรัฐในเวียดนาม - การถอนทหารอเมริกันทั้งหมด ออกจากเวียดนาม - การแลกเปลี่ยนนักโทษสงคราม - การยอมรับสถานะของรัฐบาล เวียดนามเหนือและใต้ ผลกระทบจากข้อตกลง การลงนามในข้อตกลงนี้ ส่งผลให้สหรัฐ ถอนกำลังออกจากเวียดนาม อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ยังคงดำเนินต่อไป และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2518 เมื่อเวียดนามเหนือ เข้ายึดครองไซง่อน ผลกระทบนามต่อประเทศไทย 1. ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเศรษฐกิจ - ความช่วยเหลือจากสหรัฐ การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม นำมาซึ่งการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น ถนน สนามบิน และเทคโนโลยีทางการทหาร - ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การที่ไทยเป็นฐานทัพ นำไปสู่การเติบโตของธุรกิจในท้องถิ่น เช่น โรงแรม บาร์ และธุรกิจบริการ 2. การสูญเสียเอกราช มีข้อถกเถียงว่า การที่ไทยอนุญาตให้สหรัฐ ใช้พื้นที่เป็นฐานทัพ และมีทหารจำนวนมาก ประจำอยู่ในประเทศ เป็นการละเมิด อธิปไตยของชาติ และทำให้เกิดความไม่พอใจ ในกลุ่มนักวิชาการ และนักศึกษา 3. ผลกระทบทางสังคม การมีทหารอเมริกันในไทย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น การนำวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาในสังคมไทย ซึ่งทั้งส่งผลดี และผลเสียในระยะยาว สงครามเวียดนาม และบทบาทของไทยในยุคนั้นเ ป็นตัวอย่างที่สำคัญ ของการดำเนินนโยบาย ในยุคสงครามเย็น แม้จะมีผลกระทบทางลบในด้านสังคม และการสูญเสียเอกราชบางส่วน แต่การสนับสนุนสหรัฐ ในสงครามเวียดนาม ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคาม ของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค การลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส เป็นการเตือนให้เราตระหนัก ถึงความสำคัญของสันติภาพ และการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 270827 ม.ค. 2568 #สงครามเวียดนาม #ข้อตกลงปารีส #การเมืองโลก #สงครามเย็น #บทบาทไทยในสงคราม #ประวัติศาสตร์เอเชีย #ฐานทัพสหรัฐในไทย #การเจรจาสันติภาพ #การเมืองระหว่างประเทศ #ประวัติศาสตร์สงคราม 🎯
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องปฏิเสธข้อตกลงอิสตันบูล หลังการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง เนื่องจากปูตินพยายามแทนที่เขาด้วยวิกเตอร์ เมดเวดชุก (Viktor Medvedchuk)

    ▪️รัสเซียเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออก และให้วิกเตอร์ เมดเวดชุกเข้ารับตำแหน่งแทน

    ▪️ยูเครนต้องยอมรับดอนบาสทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ยอมรับภาษาของรัสเซีย และปก้ไขรัฐธรรมนูญของยูเครนเพื่อกำหนดสถานะยูเครนให้เป็นกลางทางทหาร

    ▪️สหพันธรัฐรัสเซียยังเรียกร้องให้ลดจำนวนกองทัพยูเครนเหลือ 50,000 นาย รวมถึงการทำลายหรือโอนย้ายอาวุธทั้งหมดออกจากแนวหน้ารัสเซียในระยะ 20 กม.

    ▪️ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนสามารถจับกุม วิกเตอร์ เมดเวดชุก ได้ เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ต่อต้านเซเลนสกี และมีความสนิทสนมกับวลาดิเมียร์ ปูติน

    ▪️ต่อมา เมดเวดชุก เป็นหนึ่งในนักโทษที่ได้รับการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะนี้เขาพักอาศัยอยู่ในรัสเซีย
    เซเลนสกีเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องปฏิเสธข้อตกลงอิสตันบูล หลังการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง เนื่องจากปูตินพยายามแทนที่เขาด้วยวิกเตอร์ เมดเวดชุก (Viktor Medvedchuk) ▪️รัสเซียเรียกร้องให้เซเลนสกีลาออก และให้วิกเตอร์ เมดเวดชุกเข้ารับตำแหน่งแทน ▪️ยูเครนต้องยอมรับดอนบาสทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ยอมรับภาษาของรัสเซีย และปก้ไขรัฐธรรมนูญของยูเครนเพื่อกำหนดสถานะยูเครนให้เป็นกลางทางทหาร ▪️สหพันธรัฐรัสเซียยังเรียกร้องให้ลดจำนวนกองทัพยูเครนเหลือ 50,000 นาย รวมถึงการทำลายหรือโอนย้ายอาวุธทั้งหมดออกจากแนวหน้ารัสเซียในระยะ 20 กม. ▪️ช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนสามารถจับกุม วิกเตอร์ เมดเวดชุก ได้ เขาเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ที่ต่อต้านเซเลนสกี และมีความสนิทสนมกับวลาดิเมียร์ ปูติน ▪️ต่อมา เมดเวดชุก เป็นหนึ่งในนักโทษที่ได้รับการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะนี้เขาพักอาศัยอยู่ในรัสเซีย
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์สั่งผู้แทนพิเศษเคลล็อกก์แก้ไขความขัดแย้งในยูเครนภายใน 100 วัน!!

    อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)

    บทบาทของเคลล็อกก์ในฐานะผู้แทนพิเศษของยูเครนน่าจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการเจรจาสันติภาพที่ทรัมป์ตั้งใจจะดูแลเป็นการส่วนตัว
    อย่างไรก็ตาม การบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียง
    ทรัมป์สั่งผู้แทนพิเศษเคลล็อกก์แก้ไขความขัดแย้งในยูเครนภายใน 100 วัน!! อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) บทบาทของเคลล็อกก์ในฐานะผู้แทนพิเศษของยูเครนน่าจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการเจรจาสันติภาพที่ทรัมป์ตั้งใจจะดูแลเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง กองกำลังแดนหมีขาวโจมตีสร้างความเสียหายหนักให้พวกหน่วยทหารยูเครนที่รุกล้ำเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ทางด้านตะวันตกของรัสเซีย หลังจากกองทัพเคียฟรายงานว่ามีการสู้รบหนักหน่วงขึ้นมากในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้มอสโกคุยด้วยว่าในแนวรบภาคตะวันออกของยูเครน ฝ่ายตนก็สามารถยึดเมืองสำคัญได้อีกเมืองหนึ่ง
    .
    ยูเครน ซึ่งบุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และยังคงพยายามยึดดินแดนส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ได้เปิดฉากการรุกครั้งใหม่ที่นั่นเมื่อวันอาทิตย์ (5) ที่ผ่านมา ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดหรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติการนี้
    .
    กองเสนาธิการใหญ่ของยูเครนแถลงในวันอังคาร (7) ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกองทหารของตนกับฝ่ายรัสเซียในแคว้นคูร์สก์ 94 ครั้งในช่วงวันที่ผ่านมา โดยที่วันก่อนหน้านั้นก็มีการปะทะกัน 47 ครั้ง
    .
    เวลาเดียวกัน สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯและถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบนีโอคอนเซอร์เวทีฟ บอกว่า จากพวกคลิปวิดีโอที่สามารถระบุสถานที่ได้ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (5) และวันจันทร์ (6) บ่งชี้ว่า การรุกคืบของฝ่ายยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้กระทำใน 3 พื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซุดซา ขณะที่กองทหารรัสเซียก็กำลังโจมตีในจุดอื่นๆ ในแคว้นนี้ ส่วนพวกบล็อกเกอร์ทางทหารชาวรัสเซียรายงานว่า เกิดการสู้รบใน มาลายา ล็อคเนีย ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซา
    .
    ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (7) ระบุสถานที่ 6 แห่งที่กองกำลังของฝ่ายตนได้ยังความปราชัยให้แก่พวกกองพลน้อยยูเครนที่บุกเข้าแคว้นคูร์สก์ รวมทั้งสถานที่อีก 7 แห่ง ซึ่ง 1 ในนั้นอยู่ทางฝั่งยูเครนของเส้นพรมแดน ที่กองทหารรัสเซียโจมตีใส่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายยูเครน
    .
    ถึงแม้เคียฟไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการรุกครั้งใหม่ของฝ่ายตนในคูร์สก์ แต่ในคืนวันอาทิตย์ (5) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อ้างว่า กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการสร้างเขตกันชนขึ้นมา รวมทั้งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้รัสเซียในแคว้นดังกล่าว ซึ่งทำให้มอสโกไม่สามารถส่งทหารไปยังสมรภูมิหลักๆ ในแนวรบด้านตะวันออกได้
    .
    เซเลนสกี้ยังอ้างว่า ในสมรภูมิคูร์สก์ รัสเซียเสียทหาร 38,000 นาย โดยเกือบ 15,000 นายเป็นการสูญเสีย “ที่ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้” ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ที่เมืองคูราคอฟ แต่อย่างใด
    .
    แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารรัสเซียสามารถสกัดการบุกของยูเครนในคูร์สก์ และทำลายกองกำลังหลักของยูเครนใกล้ชุมชนเบอร์ดินที่อยู่ใกล้ถนนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองคูร์สก์
    .
    ขณะเดียวกัน ฟรานซ์-สเตฟาน เกดี้ นักวิเคราะห์ด้านการทหารอิสระ ชี้ว่า เคียฟพยายามยึดครองพื้นที่เล็กๆ ในคูร์สก์นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้รัสเซียยังคงบุกลึกเข้าสู่ภาคตะวันออกของยูเครนก็ตาม แต่ไม่มีแนวโน้มว่า ยูเครนจะเปิดการโจมตีขนาดใหญ่ โดยการรุกคราวนี้ใช้กำลังระดับหมวด ซึ่งก็คือหลายสิบคน หรือระดับกองร้อย ซึ่งก็คือ ไม่ถึง 200 คนเท่านั้น แม้ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า เคียฟจะเปิดการรุกใหม่ได้อีกหรือไม่
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ที่สมรภูมิทางภาคตะวันออกของยูเครนนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า สามารถยึดเมืองคูราคอฟ ซึ่งเป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ และอยู่ห่างจากเมืองโปครอฟสก์ ที่เป็นเป้าหมายการบุกของรัสเซียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไปทางใต้ราว 32 กม. รวมทั้งยึดหมู่บ้านดาเชนสกี ที่ห่างจากโปครอฟสก์ 8 กม.
    .
    คำแถลงยังระบุว่า การยึดคูราคอฟจะช่วยให้รัสเซียครอบครองดินแดนอื่นๆ ที่เหลือในโดเนตสก์ได้เร็วขึ้น
    .
    ทว่า วิกเตอร์ เทรฮูบอฟ โฆษกกองทหารคอร์ตีเซียของยูเครน บอกว่า กองกำลังเคียฟยังสู้รบกับทหารรัสเซียในเมืองคูราคอฟจนถึงเช้าวันจันทร์ โดยที่กองเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนรายงานเมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีที่มั่นของยูเครนรอบเมืองคูราคอฟ 25 ระลอก แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดได้
    .
    อย่างไรก็ดี ดีปสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามสถานการณ์รบในยูเครน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในคูราคอฟอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย
    .
    ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในสนามรบก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ที่จะถึง ซึ่งคาดว่าเขาจะพยายามกดดันให้มีการเจรจาสันติภาพ
    .
    เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส พูดพาดพิงถึงยูเครนว่า เคียฟจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องดินแดนโดยอิงกับความเป็นจริง เรื่องนี้เห็นกันว่าถือเป็นครั้งแรกที่ปารีสเรียกร้องให้เคียฟพิจารณายกดินแดนที่เสียไปให้รัสเซีย ผู้นำแดนน้ำหอมยังบอกว่า ไม่เห็นแนวโน้มว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะจบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
    .
    นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยจากพวกเจ้าหน้าที่ทหารของฝรั่งเศสว่า ทหารยูเครนที่ไปไปรับการฝึกในฝรั่งเศสนั้น มีจำนวนหลายสิบคนได้หลบหนีออกค่ายฝึก แต่เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการทหารยูเครนที่จะเป็นผู้ลงโทษทางวินัย ขณะที่มิไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของยูเครน ยอมรับว่า มีปัญหาดังกล่าวจริง
    .
    ปัจจุบัน มีทหารยูเครน 2,300 นายจากกองพันแอนน์ ออฟ เคียฟ เข้ารับการฝึกในฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ที่ไม่มีประสบการณ์การรบ โดยเดินทางมาพร้อมผู้บังคับบัญชา 300 นาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001960
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง กองกำลังแดนหมีขาวโจมตีสร้างความเสียหายหนักให้พวกหน่วยทหารยูเครนที่รุกล้ำเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ ทางด้านตะวันตกของรัสเซีย หลังจากกองทัพเคียฟรายงานว่ามีการสู้รบหนักหน่วงขึ้นมากในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้มอสโกคุยด้วยว่าในแนวรบภาคตะวันออกของยูเครน ฝ่ายตนก็สามารถยึดเมืองสำคัญได้อีกเมืองหนึ่ง . ยูเครน ซึ่งบุกเข้าไปในแคว้นคูร์สก์ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และยังคงพยายามยึดดินแดนส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ได้เปิดฉากการรุกครั้งใหม่ที่นั่นเมื่อวันอาทิตย์ (5) ที่ผ่านมา ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดหรือวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติการนี้ . กองเสนาธิการใหญ่ของยูเครนแถลงในวันอังคาร (7) ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกองทหารของตนกับฝ่ายรัสเซียในแคว้นคูร์สก์ 94 ครั้งในช่วงวันที่ผ่านมา โดยที่วันก่อนหน้านั้นก็มีการปะทะกัน 47 ครั้ง . เวลาเดียวกัน สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯและถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบนีโอคอนเซอร์เวทีฟ บอกว่า จากพวกคลิปวิดีโอที่สามารถระบุสถานที่ได้ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (5) และวันจันทร์ (6) บ่งชี้ว่า การรุกคืบของฝ่ายยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้กระทำใน 3 พื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซุดซา ขณะที่กองทหารรัสเซียก็กำลังโจมตีในจุดอื่นๆ ในแคว้นนี้ ส่วนพวกบล็อกเกอร์ทางทหารชาวรัสเซียรายงานว่า เกิดการสู้รบใน มาลายา ล็อคเนีย ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซา . ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (7) ระบุสถานที่ 6 แห่งที่กองกำลังของฝ่ายตนได้ยังความปราชัยให้แก่พวกกองพลน้อยยูเครนที่บุกเข้าแคว้นคูร์สก์ รวมทั้งสถานที่อีก 7 แห่ง ซึ่ง 1 ในนั้นอยู่ทางฝั่งยูเครนของเส้นพรมแดน ที่กองทหารรัสเซียโจมตีใส่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายยูเครน . ถึงแม้เคียฟไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการรุกครั้งใหม่ของฝ่ายตนในคูร์สก์ แต่ในคืนวันอาทิตย์ (5) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อ้างว่า กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการสร้างเขตกันชนขึ้นมา รวมทั้งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้รัสเซียในแคว้นดังกล่าว ซึ่งทำให้มอสโกไม่สามารถส่งทหารไปยังสมรภูมิหลักๆ ในแนวรบด้านตะวันออกได้ . เซเลนสกี้ยังอ้างว่า ในสมรภูมิคูร์สก์ รัสเซียเสียทหาร 38,000 นาย โดยเกือบ 15,000 นายเป็นการสูญเสีย “ที่ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้” ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ที่เมืองคูราคอฟ แต่อย่างใด . แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารรัสเซียสามารถสกัดการบุกของยูเครนในคูร์สก์ และทำลายกองกำลังหลักของยูเครนใกล้ชุมชนเบอร์ดินที่อยู่ใกล้ถนนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองคูร์สก์ . ขณะเดียวกัน ฟรานซ์-สเตฟาน เกดี้ นักวิเคราะห์ด้านการทหารอิสระ ชี้ว่า เคียฟพยายามยึดครองพื้นที่เล็กๆ ในคูร์สก์นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้รัสเซียยังคงบุกลึกเข้าสู่ภาคตะวันออกของยูเครนก็ตาม แต่ไม่มีแนวโน้มว่า ยูเครนจะเปิดการโจมตีขนาดใหญ่ โดยการรุกคราวนี้ใช้กำลังระดับหมวด ซึ่งก็คือหลายสิบคน หรือระดับกองร้อย ซึ่งก็คือ ไม่ถึง 200 คนเท่านั้น แม้ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า เคียฟจะเปิดการรุกใหม่ได้อีกหรือไม่ . ในอีกด้านหนึ่ง ที่สมรภูมิทางภาคตะวันออกของยูเครนนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า สามารถยึดเมืองคูราคอฟ ซึ่งเป็นศูนย์ส่งกำลังบำรุงแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนตสก์ และอยู่ห่างจากเมืองโปครอฟสก์ ที่เป็นเป้าหมายการบุกของรัสเซียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไปทางใต้ราว 32 กม. รวมทั้งยึดหมู่บ้านดาเชนสกี ที่ห่างจากโปครอฟสก์ 8 กม. . คำแถลงยังระบุว่า การยึดคูราคอฟจะช่วยให้รัสเซียครอบครองดินแดนอื่นๆ ที่เหลือในโดเนตสก์ได้เร็วขึ้น . ทว่า วิกเตอร์ เทรฮูบอฟ โฆษกกองทหารคอร์ตีเซียของยูเครน บอกว่า กองกำลังเคียฟยังสู้รบกับทหารรัสเซียในเมืองคูราคอฟจนถึงเช้าวันจันทร์ โดยที่กองเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนรายงานเมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีที่มั่นของยูเครนรอบเมืองคูราคอฟ 25 ระลอก แต่ยังไม่สามารถเข้ายึดได้ . อย่างไรก็ดี ดีปสเตท ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามสถานการณ์รบในยูเครน ระบุว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในคูราคอฟอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย . ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในสนามรบก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ที่จะถึง ซึ่งคาดว่าเขาจะพยายามกดดันให้มีการเจรจาสันติภาพ . เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส พูดพาดพิงถึงยูเครนว่า เคียฟจำเป็นต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องดินแดนโดยอิงกับความเป็นจริง เรื่องนี้เห็นกันว่าถือเป็นครั้งแรกที่ปารีสเรียกร้องให้เคียฟพิจารณายกดินแดนที่เสียไปให้รัสเซีย ผู้นำแดนน้ำหอมยังบอกว่า ไม่เห็นแนวโน้มว่า ความขัดแย้งในยูเครนจะจบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย . นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยจากพวกเจ้าหน้าที่ทหารของฝรั่งเศสว่า ทหารยูเครนที่ไปไปรับการฝึกในฝรั่งเศสนั้น มีจำนวนหลายสิบคนได้หลบหนีออกค่ายฝึก แต่เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการทหารยูเครนที่จะเป็นผู้ลงโทษทางวินัย ขณะที่มิไคโล ดราปาตี ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของยูเครน ยอมรับว่า มีปัญหาดังกล่าวจริง . ปัจจุบัน มีทหารยูเครน 2,300 นายจากกองพันแอนน์ ออฟ เคียฟ เข้ารับการฝึกในฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารเกณฑ์ที่ไม่มีประสบการณ์การรบ โดยเดินทางมาพร้อมผู้บังคับบัญชา 300 นาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001960 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1300 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก
    ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ”
    .
    ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน
    .
    การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย
    .
    กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า
    .
    กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน
    .
    เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว
    .
    ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง
    .
    ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ” . ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน . การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย . กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า . กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน . เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว . ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง . ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
    .
    ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    .
    "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม
    .
    เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย"
    .
    เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย
    .
    รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา
    .
    ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม
    .
    เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก
    .
    เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่
    .
    อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ
    .
    ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย
    .
    "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว
    .
    เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียเริ่มใช้กำลังทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากในปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งแรกเล่นงานกองกำลังยูเครนที่กำลังรักษาฐานที่มั่นในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน . ผู้นำรัสเซียบอกว่าการใช้งานทหารเกาหลีเหนือเพิ่มมากขึ้น ถึงเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ลุกลามครั้งใหญ่และเรียกร้องให้นานาชาติทำการตอบโต้ ในขณะที่การหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนหน้า โหมกระพือข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ . "วันนี้ เรามีข้อมูลเบื้องต้นที่ว่า รัสเซียเริ่มใช้ทหารเกาหลีเหนือในการจู่โจมของพวกเขา จำนวนมากของกำลังพลเหล่านั้น" เซเลนสกีบอกกับชาวยูเครน ในคำแถลงรายวันเกี่ยวกับสงคราม . เขากล่าวต่อว่าทหารเกาหลีเหนือถูกใช้งานร่วมกับหน่วยกำลังพลของรัสเซีย และในตอนนี้ยังถูกใช้งานเพียงแค่ในแนวหน้าแคว้นคูร์สก์เท่านั้น พร้อมระบุ "แต่เรามีข้อมูลบ่งชี้ว่า พวกเขาขยายสู่พื้นที่อื่นในแนวหน้าด้วย" . เคียฟ กล่าวอ้างเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม และต่อมาได้รายงานเกี่ยวกับเหตุปะทะกับการสูญเสีย ทั้งนี้ ประมาณการว่ารวมแล้วมีทหารเกาหลีเหนือ 11,000 นาย เข้าเสริมกำลังแก่ทหารรัสเซียที่มีอยู่กว่าหลายหมื่นหลายแสนนาย . รัสเซียไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการปรากฏตัวของทหารเกาหลีเหนืออยู่ร่วมกับฝ่ายของพวกเขา . ยูเครน ซึ่งถูกทหารรัสเซียยึดครองดินแดนราว 1 ใน 5 ของประเทศ ได้เปิดฉากรุกรานตอบโต้เข้าไปยังแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซียในเดือนสิงหาคม ความเคลื่อนไหวที่พวกเขาบอกว่าจะใช้เป็นเบี้ยต่อรองในการเจรจาใดๆ เพื่อยุติสงคราม . เคียฟยังบอกด้วยว่าปฏิบัติการนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังรัสเซีย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งมอสโกจากการรุกคืบทางตะวันออกในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แม้กองกำลังรัสเซียประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตามคำกล่าวอ้างของยูเครนและตะวันตก . เสนาธิการทหารยูเครนรายงานว่ารัสเซียยกระดับจู่โจมในแนวหน้าแคว้นคูร์กส์ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ในนั้นรวมถึงการโจมตีทางอากาศ จู่โจมด้วยระเบิดร่อนและปืนใหญ่ . อันดรี โควาเลนโก เจ้าหน้าที่แห่งสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน บอกว่าเกาหลีเหนือประสบความสูญเสีย แต่ไม่ได้ให้จำนวนใดๆ . ในขณะที่การกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของทรัมป์ ได้ดึงโฟกัสไปสู่ความเป็นไปได้ของการยุติสงครามในยูเครน ทาง เคียฟ ได้เรียกร้องตะวันตกให้นำพาพวกเขาไปสู่สถานะที่เข้มแข็งกว่าเดิม และแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความกังวลสถานการณ์ลุกลามปลาย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเซเลนสกี ที่ประณามบทบาทของเกาหลีเหนือในการสู้รบด้วย . "โดยเนื้อแท้แล้ว มอสโกได้ลากอีกรัฐหนึ่งเข้าสู่สงคราม และเข้าสู่ความเป็นไปได้แห่งการขยายวงเต็มรูปแบบ ถ้ามันไม่ใช่การยกระดับสงคราม แล้วการขยายวงความขัดแย้งแบบไหนที่เราพูดถึงกันมากมายเหลือเกิน" เซเลนสกีกล่าว . เขาให้คำแถลงครั้งนี้ ร้องขอรอบใหม่ให้เหล่าพันธมิตรยกระดับความเข้มแข็งในการสนับสนุนเคียฟ บางอย่างที่เขาบอกว่าจะมีการพูดคุยหารือกับบรรดามหาอำนาจยุโรปในสัปดาห์หน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120163 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts