• รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4
    .
    งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ
    .
    ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม
    .
    การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน
    .
    เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น
    .
    เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้
    .
    พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้”
    .
    สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้
    .
    ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ
    ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น
    .
    ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4 . งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ . ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม . การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน . เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น . เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้ . พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้” . สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้ . ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น . ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 2
    .
    การครองชีวิตอย่างมีกิน มีใช้เสมอกันตลอดชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยทำงานหาเงินหรือวัยพ้นทำงานที่พลังในการหารายได้ลดน้อยลง หากใช้เงินในวัยทำงานอย่างไม่มีการวางแผนเพื่ออนาคตอย่างดีแล้ว ชีวิตในวัยบั้นปลายก็จะลำบาก
    .
    แผนการอดออมในช่วงวัยทำงาน เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ เพื่อความมั่นคงในอนาคต เปรียบเสทอนการ “ยอมจน (วันนี้) เพื่อรวย (วันข้างหน้า)” ในขณะที่หากไม่มีแผนอดออมเพื่ออนาคต มีเงินเท่าใดใช้ไปอย่างสนุกในวัยทำงาน จะเปรียบเสมือนกับการ ราย (วันนี้) เพื่อจน (วันข้างหน้า)
    .
    มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตนเองได้ว่าจะสนุกสนานในการใช้เงินในวันนี้แต่ไม่มีอนาคตที่มั่นคง หรือจะยอมทนลำบากด้านเงินทองในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงในวันข้างหน้า อย่าลืมว่าชีวิตเป็นเรื่องของการเลือก และการยอมรับผล จากการเลือกนั่น
    .
    อย่างไรที่เรียกว่า “รวย” รายได้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะของแหล่งที่มา อย่างแรกต้องออกแรงทำงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง อย่างที่ 2 ไม่ต้องออกแรงทำงาน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ฯลฯ เมื่อใดที่มาตราฐานการครองชีพอยู่ในระดับสุขสบาย มีปัจจัยสี่ และความสะดวกสบายอื่นๆ อย่างครบถ้วนในระดับหนึ่ง และมีรายได้จากการไม่ต้องทำงานสูงกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็เรียกได้ว่าเป็น “คนรวย” แล้ว
    .
    การทำงานก่อให้เกิดรายได้ และรายได้นั้นก็ต้องจ่ายออกไปเป็นค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าบันเทิงหย่อนใจ ฯลฯ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หากไม่ระวัง รายได้ทั้งเดือนจะหมดสิ้นไป หรืออาจต้องขอจากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เพิ่มเติม หรืออาจต้องกู้ยิมเพิ่มเติมจนเป็นหนี้เป็นสิน อย่างนี้เรียกว่าไม่มีเงินออม
    .
    The Richest Man in Babylon ซึ่งเขียนโดย G.S. Clason เมื่อ 100 ปีก่อน เป็นหนังสือที่มียอดขายรวมมากกว่า 1.5 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้สอนเรื่องการสร้างความร่ำรวยด้วยการออม และการลงทุนที่ชาญฉลาดในรูปแบบของนิทาน สถานที่คือ เมืองบาบิโลนของอณาจักรเมโสโปเตเมีย แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของโลกเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว
    .
    เรื่องมีอยู่ว่า... 2 หนุ่มช่างซ่อมล้อรถ และนักดนตรีของเมืองนี้มีภรรยาและลูกที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้เขาทั้ง 2 ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ทั้งสองหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะรวย จึงพากันไปถามอาร์กอด คนรวยที่สุดในบาบิโลน ทั้งคู่ถามว่าเขามีโชคอย่างไรจึงร่ำรวยเช่นนี้ได้ อาร์กอดตอบว่า การคิดว่าโชคคือตัวการสำคัญที่ทำให้คนร่ำรวยนั้นผิดถนัด เหตุที่ทั้ง 2 ยากจนก็เพราะไม่รู้กฏเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่ง ตัวเขาได้เรียนรู้ความลับของการเป็นคนรวย จากคนให้กู้เงินที่ว่า “ส่วนหนึ่งของเงินที่หามาได้จะต้องเก็บไว้ให้มันเป็นของเราเสมอ
    .
    ทั้งสองจึงถามต่อว่า “ก็เงินที่เราหามาได้ มันไม่ใช่ของเราทั้งหมดหรอกหรือ” อาร์กอดตอบว่า ไม่ใช่ เพราะเมื่อมีรายได้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพและหาความสุขก็จะกินมันไปหมด ตัวเราจะกลายเป็นทาสของงาน มีชีวิตและความสุขบ้างไปวัน ๆ เท่านั้น ถ้าจะให้รายได้บางส่วนเป็นของเราเองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องกันส่วนหนึ่งออกมาต่างหาก โดยไม่นำไปใช้จ่าย เงินที่กันออกไปนี้ ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้
    .
    เงินที่กันไว้นี้ เมื่อสะสมหลายปีเข้า ก็จะเป็นก้อนใหญ่และสร้างรายได้ให้เราได้ ( เช่น เอาไปให้คนกู้ หรือปลูกบ้านเช่า) โดยเราไม่ต้องทำงาน เมื่อเริ่มต้นอาจมีไม่มาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญต้องยึดกฏที่ว่า “ต้องจ่ายเงินให้ตัวเราเองก่อนเสมอ” กล่าวคือ ทำให้ส่วนหนึ่งของรายได้มาเป็นของเรา ทั้งนี้ไม่ว่าจะหามาได้มากหรือน้อยเพียงใด
    .
    สิ่งที่ อาร์กอด พูดถึงนี้ก็คือ “เงินออม” นั่นเอง ถ้าคนทำงานปล่อยให้เงินที่หามาได้ ถูกใช้จ่ายไปตามยถากรรมแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของเงินที่หามาได้เลย เพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินเป็นรางวัลให้ตัวเอง และเก็บไว้เป็นของเขาเอง. เงินออมเป็นรางวัลที่ผู้ทำงานต้องกันไว้ให้ตนเองเสมอ ปัจจุบันอัตราที่ควรกันไว้นี้เข้มข้นกว่าสมัย บาบิโลน อาร์กอดสมัยใหม่แนะนำว่า ให้กันเงินไว้อย่างต่ำร้อยละ 15 ของรายได้
    .
    ความสำคัญของการออมสรุปได้ดังนี้
    ประการแรก : การออมสม่ำเสมอเป็นการสะสมเงินรางวัลของผู้ทำงาน เพื่อให้เป็นเงินก้อนไปลงทุนในกิจกรรมซึ่งจะนำผลตอบแทนในรูปอื่นที่มิได้มาจากการตรากตรำออกแรงหาเงินมาให้เจ้าของ เช่น ดอกเบี้ยค่าเช่า
    ประการที่สอง : การออมเงินทำให้เกิดกระบวนการ “เงินทำงานรับใช้” ขึ้น โดยเจ้าของไม่ต้องออกแรงก็ได้ผลตอบแทนดังกล่าวแล้วในข้อแรก
    ประการที่สาม : การออมเป็นการสร้างนิสัยให้รู้จักประหยัด เพราะยิ่งใช้จ่ายน้อยเท่าใดก็สามารถออมได้มากเพียงนั้น
    ประการสุดท้าย : ถ้าไม่มีการออม ก็ไม่มีการลงทุนในอนาคต เพราะการขยายกิจการเดิมหรือลงทุนใหม่ล้วนต้องการเงินลงทุนเพิ่มทั้งสิ้น และเงินลงทุนนั้นต้องมาจากที่ใดสักแห่ง ถ้าไม่มาจากเงินออมที่เกิดจากการกันส่วนหนึ่งของรายได้ไว้ ก็ต้องมาจากเงินกู้ยืม ซึ่งเงินกู้ยืมนั้น วันหนึ่งก็ต้องใช้คืนเจ้าของพร้อมด้วยดอกเบี้ย การออมจึงเป็นแหล่งเงินของการลงทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืม
    .
    เศรษฐศาสตร์ให้คำจำกัดความว่า เงินออมคือส่วนของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของอาร์กอดที่ให้กันเงินออมไว้ร้อยละ 10 ของรายได้เลยนั้น มีความหมายว่าบังคับให้บริโภคเพียงร้อยละ 90 ของรายได้เท่านั้น
    .
    ตราบใดที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายจนมีเงินเหลือออมแล้ว อานุภาพอันเกิดจากการมีวินัยบังคับใจตนเองนี้จะทำให้เงินออมเติบโตขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อด้วย “ดีเอ็นเอ” ที่ฝังตัวอยู่ในเงินออมที่มีชื่อว่า “ดอกเบี้ยทบต้น”
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 2 . การครองชีวิตอย่างมีกิน มีใช้เสมอกันตลอดชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยทำงานหาเงินหรือวัยพ้นทำงานที่พลังในการหารายได้ลดน้อยลง หากใช้เงินในวัยทำงานอย่างไม่มีการวางแผนเพื่ออนาคตอย่างดีแล้ว ชีวิตในวัยบั้นปลายก็จะลำบาก . แผนการอดออมในช่วงวัยทำงาน เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ เพื่อความมั่นคงในอนาคต เปรียบเสทอนการ “ยอมจน (วันนี้) เพื่อรวย (วันข้างหน้า)” ในขณะที่หากไม่มีแผนอดออมเพื่ออนาคต มีเงินเท่าใดใช้ไปอย่างสนุกในวัยทำงาน จะเปรียบเสมือนกับการ ราย (วันนี้) เพื่อจน (วันข้างหน้า) . มนุษย์ทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตนเองได้ว่าจะสนุกสนานในการใช้เงินในวันนี้แต่ไม่มีอนาคตที่มั่นคง หรือจะยอมทนลำบากด้านเงินทองในวันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงในวันข้างหน้า อย่าลืมว่าชีวิตเป็นเรื่องของการเลือก และการยอมรับผล จากการเลือกนั่น . อย่างไรที่เรียกว่า “รวย” รายได้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะของแหล่งที่มา อย่างแรกต้องออกแรงทำงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง อย่างที่ 2 ไม่ต้องออกแรงทำงาน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ฯลฯ เมื่อใดที่มาตราฐานการครองชีพอยู่ในระดับสุขสบาย มีปัจจัยสี่ และความสะดวกสบายอื่นๆ อย่างครบถ้วนในระดับหนึ่ง และมีรายได้จากการไม่ต้องทำงานสูงกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็เรียกได้ว่าเป็น “คนรวย” แล้ว . การทำงานก่อให้เกิดรายได้ และรายได้นั้นก็ต้องจ่ายออกไปเป็นค่าอาหาร ค่าที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าบันเทิงหย่อนใจ ฯลฯ เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หากไม่ระวัง รายได้ทั้งเดือนจะหมดสิ้นไป หรืออาจต้องขอจากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เพิ่มเติม หรืออาจต้องกู้ยิมเพิ่มเติมจนเป็นหนี้เป็นสิน อย่างนี้เรียกว่าไม่มีเงินออม . The Richest Man in Babylon ซึ่งเขียนโดย G.S. Clason เมื่อ 100 ปีก่อน เป็นหนังสือที่มียอดขายรวมมากกว่า 1.5 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้สอนเรื่องการสร้างความร่ำรวยด้วยการออม และการลงทุนที่ชาญฉลาดในรูปแบบของนิทาน สถานที่คือ เมืองบาบิโลนของอณาจักรเมโสโปเตเมีย แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของโลกเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว . เรื่องมีอยู่ว่า... 2 หนุ่มช่างซ่อมล้อรถ และนักดนตรีของเมืองนี้มีภรรยาและลูกที่ต้องเลี้ยงดู ทำให้เขาทั้ง 2 ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ทั้งสองหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะรวย จึงพากันไปถามอาร์กอด คนรวยที่สุดในบาบิโลน ทั้งคู่ถามว่าเขามีโชคอย่างไรจึงร่ำรวยเช่นนี้ได้ อาร์กอดตอบว่า การคิดว่าโชคคือตัวการสำคัญที่ทำให้คนร่ำรวยนั้นผิดถนัด เหตุที่ทั้ง 2 ยากจนก็เพราะไม่รู้กฏเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่ง ตัวเขาได้เรียนรู้ความลับของการเป็นคนรวย จากคนให้กู้เงินที่ว่า “ส่วนหนึ่งของเงินที่หามาได้จะต้องเก็บไว้ให้มันเป็นของเราเสมอ . ทั้งสองจึงถามต่อว่า “ก็เงินที่เราหามาได้ มันไม่ใช่ของเราทั้งหมดหรอกหรือ” อาร์กอดตอบว่า ไม่ใช่ เพราะเมื่อมีรายได้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพและหาความสุขก็จะกินมันไปหมด ตัวเราจะกลายเป็นทาสของงาน มีชีวิตและความสุขบ้างไปวัน ๆ เท่านั้น ถ้าจะให้รายได้บางส่วนเป็นของเราเองอย่างแท้จริงแล้ว ต้องกันส่วนหนึ่งออกมาต่างหาก โดยไม่นำไปใช้จ่าย เงินที่กันออกไปนี้ ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ . เงินที่กันไว้นี้ เมื่อสะสมหลายปีเข้า ก็จะเป็นก้อนใหญ่และสร้างรายได้ให้เราได้ ( เช่น เอาไปให้คนกู้ หรือปลูกบ้านเช่า) โดยเราไม่ต้องทำงาน เมื่อเริ่มต้นอาจมีไม่มาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญต้องยึดกฏที่ว่า “ต้องจ่ายเงินให้ตัวเราเองก่อนเสมอ” กล่าวคือ ทำให้ส่วนหนึ่งของรายได้มาเป็นของเรา ทั้งนี้ไม่ว่าจะหามาได้มากหรือน้อยเพียงใด . สิ่งที่ อาร์กอด พูดถึงนี้ก็คือ “เงินออม” นั่นเอง ถ้าคนทำงานปล่อยให้เงินที่หามาได้ ถูกใช้จ่ายไปตามยถากรรมแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของเงินที่หามาได้เลย เพราะเขาไม่ได้จ่ายเงินเป็นรางวัลให้ตัวเอง และเก็บไว้เป็นของเขาเอง. เงินออมเป็นรางวัลที่ผู้ทำงานต้องกันไว้ให้ตนเองเสมอ ปัจจุบันอัตราที่ควรกันไว้นี้เข้มข้นกว่าสมัย บาบิโลน อาร์กอดสมัยใหม่แนะนำว่า ให้กันเงินไว้อย่างต่ำร้อยละ 15 ของรายได้ . ความสำคัญของการออมสรุปได้ดังนี้ ประการแรก : การออมสม่ำเสมอเป็นการสะสมเงินรางวัลของผู้ทำงาน เพื่อให้เป็นเงินก้อนไปลงทุนในกิจกรรมซึ่งจะนำผลตอบแทนในรูปอื่นที่มิได้มาจากการตรากตรำออกแรงหาเงินมาให้เจ้าของ เช่น ดอกเบี้ยค่าเช่า ประการที่สอง : การออมเงินทำให้เกิดกระบวนการ “เงินทำงานรับใช้” ขึ้น โดยเจ้าของไม่ต้องออกแรงก็ได้ผลตอบแทนดังกล่าวแล้วในข้อแรก ประการที่สาม : การออมเป็นการสร้างนิสัยให้รู้จักประหยัด เพราะยิ่งใช้จ่ายน้อยเท่าใดก็สามารถออมได้มากเพียงนั้น ประการสุดท้าย : ถ้าไม่มีการออม ก็ไม่มีการลงทุนในอนาคต เพราะการขยายกิจการเดิมหรือลงทุนใหม่ล้วนต้องการเงินลงทุนเพิ่มทั้งสิ้น และเงินลงทุนนั้นต้องมาจากที่ใดสักแห่ง ถ้าไม่มาจากเงินออมที่เกิดจากการกันส่วนหนึ่งของรายได้ไว้ ก็ต้องมาจากเงินกู้ยืม ซึ่งเงินกู้ยืมนั้น วันหนึ่งก็ต้องใช้คืนเจ้าของพร้อมด้วยดอกเบี้ย การออมจึงเป็นแหล่งเงินของการลงทุนที่ถูกกว่าการกู้ยืม . เศรษฐศาสตร์ให้คำจำกัดความว่า เงินออมคือส่วนของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของรายได้ที่เหลือจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ในกรณีของอาร์กอดที่ให้กันเงินออมไว้ร้อยละ 10 ของรายได้เลยนั้น มีความหมายว่าบังคับให้บริโภคเพียงร้อยละ 90 ของรายได้เท่านั้น . ตราบใดที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายจนมีเงินเหลือออมแล้ว อานุภาพอันเกิดจากการมีวินัยบังคับใจตนเองนี้จะทำให้เงินออมเติบโตขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อด้วย “ดีเอ็นเอ” ที่ฝังตัวอยู่ในเงินออมที่มีชื่อว่า “ดอกเบี้ยทบต้น”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้

    การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่

    ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี

    นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม

    สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี

    ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45%

    #Newskit
    ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้ การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่ ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45% #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข
    1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต

    2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน

    3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ

    4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน

    5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข

    6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน

    7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

    8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน

    9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล

    ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข 1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต 2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน 3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ 4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน 5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข 6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน 7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น 8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน 9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X
    1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม

    2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด

    3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้

    4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์

    5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย

    6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล

    7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ

    8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง

    9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ

    10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต

    เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!

    📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X 1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม 2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด 3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้ 4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ 5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย 6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล 7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ 8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง 9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ 10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### 📣เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ 📌Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข
    Gen-X สดใส ภายในและภายนอก

    ✴️การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ!

    ✴️ 1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ
    การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง

    ✴️ 2. การเงินต้องวางแผนให้ดี
    ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง

    ✴️3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
    การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว

    ✴️ 4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด
    ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น

    ✴️ 5. การดูแลจิตใจและอารมณ์
    การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

    ✴️6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย
    การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด

    ✴️7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่
    การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต

    ✴️8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน
    การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ
    ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่

    ❤️การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!❤️😊
    ### 📣เคล็ดลับการเตรียมตัวและปรับตัว เมื่อ 📌Generation X เดินทางสู่ผู้สูงวัย ให้ชีวิตมีความสมดุลและ ความสุข Gen-X สดใส ภายในและภายนอก ✴️การเข้าสู่วัยสูงอายุอาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสมดุลและ ความสุขในชีวิตได้ด้วยการเตรียมตัว และปรับตัว ให้เหมาะสม มาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันค่ะ! ✴️ 1. ดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำ การตรวจสุขภาพประจำปีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นสิ่งสำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน โยคะ หรือว่ายน้ำ เพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรง ✴️ 2. การเงินต้องวางแผนให้ดี ตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินของคุณ คำนึงถึงการออมเงินเพื่อการเกษียณ และหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีแผนการที่มั่นคง ✴️3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวมีความสำคัญมาก เข้าร่วมกิจกรรมสังคม ทำงานอาสาสมัคร หรือเข้าร่วมกลุ่มสนใจต่างๆ เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงและไม่โดดเดี่ยว ✴️ 4. การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการฝึกฝนงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้จิตใจคุณสดชื่นและกระตือรือร้น ✴️ 5. การดูแลจิตใจและอารมณ์ การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การทำสวน สามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน ✴️6. ปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เป็นเรื่องธรรมดา ควรรับรู้และ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ❌️หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ✅️และมุ่งเน้นการดูแลตนเองให้ดีที่สุด ✴️7. สร้างกิจวัตรประจำวันใหม่ การมีตารางเวลาที่เหมาะสม และสมดุลระหว่าง การทำงาน การพักผ่อน และ การทำกิจกรรมที่ชื่นชอบจะ ช่วยให้คุณรู้สึกมี ความสุขและ พึงพอใจในชีวิต ✴️8. ให้ความสำคัญกับการพักผ่อน การนอนหลับอย่าง เพียงพอและ ✅️✅️การพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ รักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่ ❤️การเตรียมตัวและ ปรับตัวให้ดีจะช่วยให้คุณเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีความสุข และสมดุล อย่าลืมว่าช่วงเวลานี้ของชีวิตคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด!❤️😊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุมมองสมาชิกผู้กู้สหกรณ์ มองเห็น บ้านที่ได้มาจากเงินกู้ ลูกที่ได้เรียนจบเพราะทุนจากเงินกู้ ทั้งบ้านและการศึกษาของลูกนั้น เป็นการออมของเขา และยังมองเห็นด้วยว่า การถือหุ้นสหกรณ์ เป็นการสะสมเงินออมที่แท้จริงของพวกเขา ส่วนเงินฝากสหกรณ์ เป็นภาระต้นทุนที่สหกรณ์ต้องจ่ายเสมอ แม้ว่าสหกรณ์ประสบปัญหาการเงิน เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกู้ จึงไม่เหลือเงินมากพอที่จะนำมาฝาก ดังนั้น สมาชิกส่วนน้อยที่ไม่กู้ ฝากอย่างเดียว จึงควรพอใจกับอัตราดอกฝากที่พอเหมาะพอควร ซึ่งไม่ควรเกิน 1 เท่า ของอัตราดอกฝากธนาคาร เพราะส่งผลให้อัตราดอกกู้สูงเกินไป ความจริง สหกรณ์ระดมเงินฝาก เมื่อขาดสภาพคล่องเท่านั้น สถานการณ์ขาดสภาพคล่อง เป็นเพียงระยะสั้น ๆ ไม่เคยเกิน 3-6 เดือน บางครั้งเมื่อขาดสภาพคล่อง สหกรณ์หลายแห่ง หันไปกู้ธนาคาร แม้ว่าอัตราดอกกู้แพง แต่เมื่อสภาพคล่องกลับมา สหกรณ์ก็ส่งใช้คืนธนาคารทันที ทำให้การกู้ธนาคาร เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย ในราคาที่ถูกกว่ามาก ถูกกว่าการรับฝากเงินจากสมาชิก ที่เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย เมื่อครบ 12 เดือน หรือ ตลอดไป จนกว่าสมาชิกจะถอนเงินฝากออกไป การระดมเงินฝาก เพื่อวัตถุประสงค์นำเงินไปลงทุนภายนอกสหกรณ์ จึงอาจถูกมองว่า ไม่ใช่อุดมการณ์แท้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ และ อาจเป็นการใช้สหกรณ์เป็นเกาะกันชน ความเสี่ยงต่อการลงทุนนั้น โดยตรงด้วยตนเอง นอกจากนี้ ในจำนวนสมาชิกผู้ฝากอย่างเดียว ไม่กู้ เป็นสมาชิกผู้ฝากรายย่อย มากที่สุด (ไม่ใช่สมาชิกผู้ฝากรายใหญ่) สมาชิกผู้ฝากรายย่อย จึงมักถูกอ้างเป็นตัวประกัน ใช้เป็นเหตุผลที่สหกรณ์ไม่ยอมลดอัตราดอกฝาก ทั้ง ๆ ที่สูงกว่าธนาคารหลายเท่า เมื่อกล่าวถึง ธนาคารกับสหกรณ์ เราจะเห็นว่า ธนาคารมีบทบาทในสังคม บริการรับฝากงินของลูกค้า ผู้ฝากที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป ส่วนสหกรณ์เหมาะสำหรับสมาชิกที่มีฐานะปานกลางลงมา ทั้งนี้ ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้แบ่งแยกหน้าที่ชัดเจนแล้ว ระหว่างธนาคารและสหกรณ์ ด้วยการกำหนดภาระภาษีรายได้ ซึ่งสหกรณ์เป็นองค์กรที่ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ ไม่เหมือนกับธนาคาร ดังนั้น ใครผู้ใด จึงไม่ควรอย่างยิ่ง ในการใช้ช่องว่างนี้ เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบสมาชิกสหกรณ์ผู้กู้ ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนจากธนาคาร
    มุมมองสมาชิกผู้กู้สหกรณ์ มองเห็น บ้านที่ได้มาจากเงินกู้ ลูกที่ได้เรียนจบเพราะทุนจากเงินกู้ ทั้งบ้านและการศึกษาของลูกนั้น เป็นการออมของเขา และยังมองเห็นด้วยว่า การถือหุ้นสหกรณ์ เป็นการสะสมเงินออมที่แท้จริงของพวกเขา ส่วนเงินฝากสหกรณ์ เป็นภาระต้นทุนที่สหกรณ์ต้องจ่ายเสมอ แม้ว่าสหกรณ์ประสบปัญหาการเงิน เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกู้ จึงไม่เหลือเงินมากพอที่จะนำมาฝาก ดังนั้น สมาชิกส่วนน้อยที่ไม่กู้ ฝากอย่างเดียว จึงควรพอใจกับอัตราดอกฝากที่พอเหมาะพอควร ซึ่งไม่ควรเกิน 1 เท่า ของอัตราดอกฝากธนาคาร เพราะส่งผลให้อัตราดอกกู้สูงเกินไป ความจริง สหกรณ์ระดมเงินฝาก เมื่อขาดสภาพคล่องเท่านั้น สถานการณ์ขาดสภาพคล่อง เป็นเพียงระยะสั้น ๆ ไม่เคยเกิน 3-6 เดือน บางครั้งเมื่อขาดสภาพคล่อง สหกรณ์หลายแห่ง หันไปกู้ธนาคาร แม้ว่าอัตราดอกกู้แพง แต่เมื่อสภาพคล่องกลับมา สหกรณ์ก็ส่งใช้คืนธนาคารทันที ทำให้การกู้ธนาคาร เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย ในราคาที่ถูกกว่ามาก ถูกกว่าการรับฝากเงินจากสมาชิก ที่เป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย เมื่อครบ 12 เดือน หรือ ตลอดไป จนกว่าสมาชิกจะถอนเงินฝากออกไป การระดมเงินฝาก เพื่อวัตถุประสงค์นำเงินไปลงทุนภายนอกสหกรณ์ จึงอาจถูกมองว่า ไม่ใช่อุดมการณ์แท้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ และ อาจเป็นการใช้สหกรณ์เป็นเกาะกันชน ความเสี่ยงต่อการลงทุนนั้น โดยตรงด้วยตนเอง นอกจากนี้ ในจำนวนสมาชิกผู้ฝากอย่างเดียว ไม่กู้ เป็นสมาชิกผู้ฝากรายย่อย มากที่สุด (ไม่ใช่สมาชิกผู้ฝากรายใหญ่) สมาชิกผู้ฝากรายย่อย จึงมักถูกอ้างเป็นตัวประกัน ใช้เป็นเหตุผลที่สหกรณ์ไม่ยอมลดอัตราดอกฝาก ทั้ง ๆ ที่สูงกว่าธนาคารหลายเท่า เมื่อกล่าวถึง ธนาคารกับสหกรณ์ เราจะเห็นว่า ธนาคารมีบทบาทในสังคม บริการรับฝากงินของลูกค้า ผู้ฝากที่มีฐานะปานกลางขึ้นไป ส่วนสหกรณ์เหมาะสำหรับสมาชิกที่มีฐานะปานกลางลงมา ทั้งนี้ ในการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้แบ่งแยกหน้าที่ชัดเจนแล้ว ระหว่างธนาคารและสหกรณ์ ด้วยการกำหนดภาระภาษีรายได้ ซึ่งสหกรณ์เป็นองค์กรที่ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ ไม่เหมือนกับธนาคาร ดังนั้น ใครผู้ใด จึงไม่ควรอย่างยิ่ง ในการใช้ช่องว่างนี้ เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบสมาชิกสหกรณ์ผู้กู้ ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนจากธนาคาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง
    ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า
    มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก
    จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย
    แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ
    เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้
    และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน
    ของป้าคนนี้เอามากๆ
    - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก
    - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน
    - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ
    อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ
    - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล
    และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง
    - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า
    - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด
    กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ
    - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง
    ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย
    - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ
    ก๊อดซีป้านี่แหละ
    อิฉัด
    หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ
    กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ
    อิห่านจิก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #พี่คิงส์มีเรื่องจริงจะบอกอีกเรื่อง ในช่วงเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่คิงส์ยอมรับว่า มีแฟนคลับฝั่งเกา ที่ลาออกจากการเป็นด้อมทักมาหาพี่เยอะมาก จะมีคำคล้ายๆกันว่า "พี่คิงส์ เมื่อก่อนไม่ชอบพี่ และหนูเคยด่าพี่ด้วย แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่พี่โพสมันจริงในหลายเรื่องอย่างน่าตกใจ เช่น ทุกอย่างจะพังเพราะป้า" เอาว่าบทสนทนาประมาณนี้ และทุกคนจะมีความรู้สึกอึดอัดกับความหิวแสงกลัวโดนแย่งซีน ของป้าคนนี้เอามากๆ - โดยด้อมเหล่านี้ รักสงบ ไม่อยากให้สาวเกาของตัวเองต้องไปมีเรื่องมีราวกับคนนั้นคนนี้ และบางคนก็เคยเอ่ยในช่องที่อิป้าเป็นเจ้าลัทติ๊ว่า พอเหอะป้า ปรากฏ อิป้าตีโพยตีพาย บอกว่าด้อมคนนี้ย้ายข้างแล้ว อ้าว อิห่านจิก ไปไล่เค้าอีก - และพี่คิงส์ก็เจออีกหลายๆเคส ที่โดนบลล็อคคแหลก หรือเจออะไรที่มันปวดหัวไม่เว้นวัน จนคิดว่า ถ้าจะเชียร์สาวเกาโดยต้องอยู่ใต้ teen อิป้า พวกเค้าขอถอนตัวออกมา เอาชีวีให้รอดก่อน เพราะถ้ายังต้องเป็นสาวกอิป้าต่อไป มีหวัง ได้เปื่อยจิตตามอิป้าแน่นอน - พี่คิงได้สนทนา ก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ และเข้าใจ อ้อ แล้วเริ่มมีด้อมเกาจำนวนมากที่เกิดความสงสัยในหลายๆครั้ง ที่ป้า มักอ้างว่า ได้คุยกับสาวเกา สาวเกาพูดว่าอย่างโน้น อย่างนี้นั้น มันจริงรึเปล่า เพราะมันมีบทพิสูจน์หลายอย่างที่สาวเกามาพูดเอง กับสิ่งที่ป้าถ่ายทอดเป็นนิยาย มันไม่ตรงกัน มันคนละเรื่องกัน อย่างไม่น่าให้อภัย แม้กระทั่ง เรื่องที่ป้าเม้นมา น้องมันก็แคปมาให้พี่ดูว่า "เนี่ย ป้าไปคุยกับน้องมา น้องบอกว่าไม่มีการออมชอม รู้สึกใจฟูู" เออ อะไรประมาณนี้แหละ - เพราะทุกคนที่ทักมารู้ดีกว่า การฟ๊องคนไทย สาวเกามีแต่ความอิ๊บอ๋ายวายป่วงแน่นวล และพี่คิงส์ไปได้ข้อมูลมาว่า อิป้า ให้สาวเกามอบ อำ นาจ ให้ทานายที่อิโจหามา แล้วสาวเกาไม่รู้ว่า อิป้า จะฟ๊องเป็นร้อยๆคาดี เพราะมันจะฟ๊องเท่าไหร่ก็ได้ ทานายมีใบมอบไว้แล้ว แต่ค่าฟ๊อง สาวเกาออกนะ ไม่ใช่ ป้า ยังไม่พอ การทำคาดีแบบนี้ อย่าคิดว่าสาวไม่ต้องลงมาไทยเลยนะ ต้องมีการไต่สวน มีอะไรที่เป็นขั้นตอนวุ่นวายอีกมาก และที่สำคัญ อิป้าก็เอ่ยแล้วว่า ต้องใช่ค่าใช่จ่ายในการฟ๊องคนไทยนั้นมหาศาล แต่อิป้าก็ไม่ปล่อยวาง - ถามว่า ไอ่ที่อิป้ามันจะปักธงฟ๊องอะ มันปกป้องสาวเกาจริง หรือเพียงแค่สนองความสะใจ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ซะเหลือเกินกันแน่ กรรูว่านะ ใครๆก็รู้คำตอบแม้ว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่า - ป้า กำลังบั่นทอนคนที่เป็นแฟนคลับสาวเกาจากที่แฟนคลับหนุ่มกับสาว คือกลุ่มเดียวกัน ถ้าป้าไม่ปั่น ยอดฟอลไม่หายเกินครึ่งล้านแบบนี้ ในห้องเทพ จากห้าพัน ป้าปั่นไปปั่นมา เหลืออยู่พันกว่า ยอดฟอลจากล้านเจ็ด เหลือนับถอยหลังต่ำล้านแน่นอนในเวลาไม่นาน จากกลุ่มที่เล็กจะแย่อยู่แล้ว ป้ายังมาซอยย่อยยิบ ถีบหัวส่งคนเชียร์ฝั่งเดียวกัน แต่เค้าไม่อยาก Ba เหมือนป้า ที่จะไปไฝว้กับคนนั้นคนนี้ ป้าไล่หมด กรรูอยากถามว่า สรุป อิป้านี่ มันจะผูกขาดความเป็นแฟนคลับสาวเกาไว้ที่มันกับคนไม่กี่คนเหรอฟร๊ะ เออ แต่ก็แล้วแต่เมิงแหละ เอาที่เมิงสบายใจ - สรุป สาวเกา คบ และเชื่ออิป้า เสียเงินมหาศาล ไม่รวมค่าใช้จ่ายวันแถลงข่าวที่ไมไ่ด้ห่านอะไรเป็นสาระ และมีอิป้าที่แย่งซีนสาวเกาซะเหลือเกิน จับมือแฟนคลับดุจดั่งตัวเองเป็นสาวเกา กรรูเห็นแล้วยังเขินแทนเลย นอกจากเสียเงินมหาศาลที่พี่คิงส์ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหมดอีกเท่าไหร่ หรืออาจจะถึงขั้นหมดตัวก็ได้ เพราะทานาย จ้าง เค้าก็ฟ๊อง แต่ชนะ หรือ แพ้ หรือโดนฟ๊องกลับนั่นก็อีกเรื่อง แต่เค้าได้เงินไปแล้ว ส่วนอิป้าจะได้เปอร์เซ็นหรือไม่ เอาว่า ปกติ มันมีครับกรณีแบบนี้หาลูกค้ามาให้ มีตั้งแต่ 10 - 40% แล้วแต่ตกลง ก็พี่คิงส์เคยบอกแล้วว่างานนี้ ทุกคนมีแต่เสีย หนุ่ม สาว แฟนคลับสองฝ่าย - คนที่ได้สนองความเฉพติดดราม่า และความต้องการของตัวเองคนเดียวคือ ก๊อดซีป้านี่แหละ อิฉัด หวังว่าถ้าเรื่องนี้จบ อิป้า จะพยายามหาผัวให้ได้นะ กรรูว่า เมิงฟุ้งซ่านจนชาวบา้นเดือดร้อนมากเกินไปละ อิห่านจิก #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮาวทู ฝึกสมองให้ชอบออมเงิน
    .
    Mac Gardner ผู้สนับสนุนความรู้ทางการเงินได้หยิบเงิน 100 ดอลลาร์ให้นักเรียนชั้นประถม และถามพวกเขาว่าพวกเขาจะนำไปใช้อย่างไร นักเรียนกว่า 9 ใน 10 ต่างตอบเหมือนกันว่าจะนำไปซื้อของที่อยากได้ เพราะคนส่วนใหญ่ถูกตั้งโปรแกรมให้กลายเป็นผู้บริโภคตั้งแต่อายุยังน้อย
    .
    พฤติกรรมเหล่านั้นจะถูกหล่อหลอมจนทำให้คุณกลายเป็นคนใช้เงิน หากไม่เข้าใจคุณค่าของมันตั้งแต่ยังเด็ก
    .
    ยิ่งคุณเข้าใจจิตวิทยาของการออมเงินมากเท่าไร คุณก็จะพัฒนานิสัยทางการเงินที่ดีได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
    .
    แท้จริงแล้วเรื่องของจิตวิทยายังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราทุกคน เพียงแค่มันเป็นเหมือนกลุ่มดาวเล็ก ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยสังเกตถึงมันเท่าไหร่ แต่มันกลับส่งผลต่อการใช้ชีวิตทั้งหมดตลอดช่วงอายุของผู้คน ซึ่งในแง่ของจิตวิทยาการเงินแล้ว มนุษย์มักกลัวที่จะสูญเสียหรือพลาดโอกาสอะไรไป (FOMO)
    .
    นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องวิ่งตามเทรนด์หรือกระแสที่เปลี่ยนไปของโลกด้วยใช้ “เงิน” ในการขับเคลื่อน แต่หากคุณรู้ตัวสักนิดว่าบางครั้งการวิ่งตามในเส้นทางนั้นนาน ๆ ก็อาจทำให้เหนื่อยได้ เพียงแค่คิดที่จะหยุด ผลตอบแทนที่สูญเสียไปก็จะตีคืนกลับมาเป็นเงินมหาศาลได้
    .
    เพื่อทำให้ตัวคุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินโดยไม่ไขว้เขวได้ สิ่งที่คุณควรทำและเรียนรู้ในจิตวิทยาการเงินคือ...
    .
    .
    เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
    (Reference in comment)
    ———
    100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
    .
    .
    #Money
    #100WEALTH
    #ไปให้ถึง100ล้าน
    #SERVgroup
    ฮาวทู ฝึกสมองให้ชอบออมเงิน . Mac Gardner ผู้สนับสนุนความรู้ทางการเงินได้หยิบเงิน 100 ดอลลาร์ให้นักเรียนชั้นประถม และถามพวกเขาว่าพวกเขาจะนำไปใช้อย่างไร นักเรียนกว่า 9 ใน 10 ต่างตอบเหมือนกันว่าจะนำไปซื้อของที่อยากได้ เพราะคนส่วนใหญ่ถูกตั้งโปรแกรมให้กลายเป็นผู้บริโภคตั้งแต่อายุยังน้อย . พฤติกรรมเหล่านั้นจะถูกหล่อหลอมจนทำให้คุณกลายเป็นคนใช้เงิน หากไม่เข้าใจคุณค่าของมันตั้งแต่ยังเด็ก . ยิ่งคุณเข้าใจจิตวิทยาของการออมเงินมากเท่าไร คุณก็จะพัฒนานิสัยทางการเงินที่ดีได้ง่ายขึ้นเท่านั้น . แท้จริงแล้วเรื่องของจิตวิทยายังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราทุกคน เพียงแค่มันเป็นเหมือนกลุ่มดาวเล็ก ๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยสังเกตถึงมันเท่าไหร่ แต่มันกลับส่งผลต่อการใช้ชีวิตทั้งหมดตลอดช่วงอายุของผู้คน ซึ่งในแง่ของจิตวิทยาการเงินแล้ว มนุษย์มักกลัวที่จะสูญเสียหรือพลาดโอกาสอะไรไป (FOMO) . นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องวิ่งตามเทรนด์หรือกระแสที่เปลี่ยนไปของโลกด้วยใช้ “เงิน” ในการขับเคลื่อน แต่หากคุณรู้ตัวสักนิดว่าบางครั้งการวิ่งตามในเส้นทางนั้นนาน ๆ ก็อาจทำให้เหนื่อยได้ เพียงแค่คิดที่จะหยุด ผลตอบแทนที่สูญเสียไปก็จะตีคืนกลับมาเป็นเงินมหาศาลได้ . เพื่อทำให้ตัวคุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินโดยไม่ไขว้เขวได้ สิ่งที่คุณควรทำและเรียนรู้ในจิตวิทยาการเงินคือ... . . เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH (Reference in comment) ——— 100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน . . #Money #100WEALTH #ไปให้ถึง100ล้าน #SERVgroup
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • การบริหาร "เงินให้งอกเงย" สู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ "ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน" แค่ปฏิบัติตามกฎง่ายๆ 6 ข้อเท่านั้น! ตอบโจย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ หรือมีการใช้ชีวิตแบบไหน กฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินของคุณได้ดีขึ้น

    —————————

    🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก

    #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment

    —————————

    🔵 1) กฎ 30%

    หมายถึงควร "ใช้จ่ายเพียง 30% ของวงเงินบัตรเครดิต" เช่น วงเงิน 100,000 บาท ไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30,000 บาท

    —————————

    🔵 2) กฎ 70%

    วางแผนในช่วงเกษียณอายุด้วยการหารายได้ “70% ของรายได้ต่อเดือน” เช่น ปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 100,000 บาท ดังนั้นช่วงเกษียณอายุควรหารายได้ทดแทนประมาณ 70% หรือ 70,000 บาท

    —————————

    🔵 3) กฎ 15%

    “ออมอย่างน้อย 15% ของรายได้” เพื่อในช่วงเกษียณอายุ เช่น หากมีรายได้ 100,000 บาท/เดือน ควรออม 15,000 บาท/เดือน

    —————————

    🔵 4) กฎ 4%

    ศึกษาการลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ และควรลงทุนอย่างน้อย 4% ในแต่ละประเภทการลงทุน เช่น งบประมาณการลงทุนรวมทั้งหมด 100,000 บาท ควรแบ่งลงทุน 4,000 บาทสำหรับหุ้น 1 ตัว และลงทุนในกองทุน 4,000 บาท เป็นต้น

    —————————

    🔵 5) กฎของ 115

    นอกจากศึกษาการลงทุนแล้ว ควรคำนวณระยะเวลาที่การลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนเป็น “สามเท่า” ด้วยการใช้เลข 115 หารด้วยอัตราผลตอบแทน เช่น ผลตอบแทน 10% ต่อปี จะได้รับผลตอบสามเท่า เมื่อครบ 11.5 ปี โดยคำนวณจาก 115/10 นั่นเอง

    —————————

    🔵 6) กฎ 24 ชั่วโมง

    ก่อนจะตัดสินใจซื้อของที่มีราคาสูง “ให้รอ 1 วันหรือ 24 ชั่วโมงก่อนค่อยตัดสินใจ” เพื่อให้เราทบทวนว่าสิ่งนั้นจำเป็นกับเรามากน้อยแค่ไหน

    —————————

    การบริหารการเงินที่ยั่งยืน "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่รายได้ที่คุณมี" แต่ขึ้นอยู่กับวินัยและการวางแผนที่รอบคอบ กฎทั้ง 6 ข้อที่แนะนำ ไม่ว่าคุณจะจัดการรายรับ รายจ่าย การออม หรือการลงทุนอย่างไร ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายทางการเงินของคุณได้ และการวางแผนที่ดีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน...

    Reference : BusinessTomorrow
    การบริหาร "เงินให้งอกเงย" สู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ "ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน" แค่ปฏิบัติตามกฎง่ายๆ 6 ข้อเท่านั้น! ตอบโจย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ หรือมีการใช้ชีวิตแบบไหน กฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินของคุณได้ดีขึ้น ————————— 🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment ————————— 🔵 1) กฎ 30% หมายถึงควร "ใช้จ่ายเพียง 30% ของวงเงินบัตรเครดิต" เช่น วงเงิน 100,000 บาท ไม่ควรใช้จ่ายเกิน 30,000 บาท ————————— 🔵 2) กฎ 70% วางแผนในช่วงเกษียณอายุด้วยการหารายได้ “70% ของรายได้ต่อเดือน” เช่น ปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 100,000 บาท ดังนั้นช่วงเกษียณอายุควรหารายได้ทดแทนประมาณ 70% หรือ 70,000 บาท ————————— 🔵 3) กฎ 15% “ออมอย่างน้อย 15% ของรายได้” เพื่อในช่วงเกษียณอายุ เช่น หากมีรายได้ 100,000 บาท/เดือน ควรออม 15,000 บาท/เดือน ————————— 🔵 4) กฎ 4% ศึกษาการลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ และควรลงทุนอย่างน้อย 4% ในแต่ละประเภทการลงทุน เช่น งบประมาณการลงทุนรวมทั้งหมด 100,000 บาท ควรแบ่งลงทุน 4,000 บาทสำหรับหุ้น 1 ตัว และลงทุนในกองทุน 4,000 บาท เป็นต้น ————————— 🔵 5) กฎของ 115 นอกจากศึกษาการลงทุนแล้ว ควรคำนวณระยะเวลาที่การลงทุนของเราจะได้รับผลตอบแทนเป็น “สามเท่า” ด้วยการใช้เลข 115 หารด้วยอัตราผลตอบแทน เช่น ผลตอบแทน 10% ต่อปี จะได้รับผลตอบสามเท่า เมื่อครบ 11.5 ปี โดยคำนวณจาก 115/10 นั่นเอง ————————— 🔵 6) กฎ 24 ชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจซื้อของที่มีราคาสูง “ให้รอ 1 วันหรือ 24 ชั่วโมงก่อนค่อยตัดสินใจ” เพื่อให้เราทบทวนว่าสิ่งนั้นจำเป็นกับเรามากน้อยแค่ไหน ————————— การบริหารการเงินที่ยั่งยืน "ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่รายได้ที่คุณมี" แต่ขึ้นอยู่กับวินัยและการวางแผนที่รอบคอบ กฎทั้ง 6 ข้อที่แนะนำ ไม่ว่าคุณจะจัดการรายรับ รายจ่าย การออม หรือการลงทุนอย่างไร ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายทางการเงินของคุณได้ และการวางแผนที่ดีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน... Reference : BusinessTomorrow
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกประกันชีวิตแบบไหนดี

    ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไรในชีวิตก็ต้องดูให้ดีและเหมาะกับตัวเองที่สุด "ประกันชีวิต" ก็เช่นกัน
    มาดูประกันชีวิต 4 แบบพื้นฐานที่คุณต้องรู้ และเลือกให้เหมาะกับตัวเอง

    แบบชั่วระยะเวลา มีทั้งระยะสั้น ระยะยาว จ่ายเงินคืนให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หรือคุ้มครองหนี้สิน
    แบบตลอดชีพ คุ้มครองตลอดชีพ โดยจะจ่ายเงินคืนให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินคืนให้ผู้เอาประกันเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบ 99 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน
    แบบสะสมทรัพย์ ลูกผสมระหว่างการคุ้มครองชีวิตและการออมเงิน จ่ายเงินคืนให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินคืนให้ผู้เอาประกันเมื่ออยู่จนครบสัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว
    แบบเงินได้ประจำ บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ จนกว่าผู้เอาประกันจะเสียชีวิต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ
    นอกจากนี้ ยังมี 2 สัญญาเพิ่มเติมอย่าง...

    ประกันอุบัติเหตุ เป็นสัญญาเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองความสูญเสียทางร่างกาย (บาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ พิการ เสียชีวิต) ในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น
    ประกันสุขภาพ เป็นสัญญาเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ด้านสุขภาพ ค่าเบี้ยฯ จะขึ้นอยู่กับวงเงินประกัน อายุ เพศ สุขภาพ หรือโรคประจำตัว

    https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/knowledge/infographic/19-how-to-choose-a-life-insurance-plan
    เลือกประกันชีวิตแบบไหนดี ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไรในชีวิตก็ต้องดูให้ดีและเหมาะกับตัวเองที่สุด "ประกันชีวิต" ก็เช่นกัน มาดูประกันชีวิต 4 แบบพื้นฐานที่คุณต้องรู้ และเลือกให้เหมาะกับตัวเอง แบบชั่วระยะเวลา มีทั้งระยะสั้น ระยะยาว จ่ายเงินคืนให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หรือคุ้มครองหนี้สิน แบบตลอดชีพ คุ้มครองตลอดชีพ โดยจะจ่ายเงินคืนให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินคืนให้ผู้เอาประกันเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบ 99 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน แบบสะสมทรัพย์ ลูกผสมระหว่างการคุ้มครองชีวิตและการออมเงิน จ่ายเงินคืนให้ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินคืนให้ผู้เอาประกันเมื่ออยู่จนครบสัญญา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว แบบเงินได้ประจำ บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ จนกว่าผู้เอาประกันจะเสียชีวิต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ นอกจากนี้ ยังมี 2 สัญญาเพิ่มเติมอย่าง... ประกันอุบัติเหตุ เป็นสัญญาเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองความสูญเสียทางร่างกาย (บาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ พิการ เสียชีวิต) ในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น ประกันสุขภาพ เป็นสัญญาเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ด้านสุขภาพ ค่าเบี้ยฯ จะขึ้นอยู่กับวงเงินประกัน อายุ เพศ สุขภาพ หรือโรคประจำตัว https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/knowledge/infographic/19-how-to-choose-a-life-insurance-plan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 548 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน
    ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้

    🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
    การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน
    ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน
    ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ
    อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย
    ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ

    🚩2. การกระจายความเสี่ยง
    การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ
    ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น
    จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ
    อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา
    ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน
    ภาพรวมได้

    🚩3. การวางแผนการเงิน
    การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย
    ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้
    ในระยะยาว

    🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน
    ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
    ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น
    หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง
    และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป
    จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น

    🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง
    คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์
    แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน
    และ ทางเทคนิค เป็นต้น

    นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง
    ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง
    มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด
    ได้นานมากขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้ 🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ 🚩2. การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน ภาพรวมได้ 🚩3. การวางแผนการเงิน การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้ ในระยะยาว 🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น 🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์ แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน และ ทางเทคนิค เป็นต้น นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด ได้นานมากขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา #thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1287 มุมมอง 569 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน
    ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้

    🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
    การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน
    ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน
    ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ
    อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย
    ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ

    🚩2. การกระจายความเสี่ยง
    การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ
    ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น
    จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ
    อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา
    ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน
    ภาพรวมได้

    🚩3. การวางแผนการเงิน
    การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย
    ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้
    ในระยะยาว

    🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน
    ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
    ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น
    หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง
    และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป
    จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น

    🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง
    คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์
    แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน
    และ ทางเทคนิค เป็นต้น

    นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง
    ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง
    มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด
    ได้นานมากขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้ 🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ 🚩2. การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน ภาพรวมได้ 🚩3. การวางแผนการเงิน การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้ ในระยะยาว 🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น 🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์ แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน และ ทางเทคนิค เป็นต้น นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด ได้นานมากขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1138 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การหาเงินอาจจะง่ายกว่า"
    -การรักษาเงินไว้-
    ให้อยู่กับเรานานๆ

    เพราะ "การรักษาเงิน"
    -ต้องการการวางแผน-
    ...และวินัยที่ดี
    .
    .
    จากหนังสือ | the psychology of money

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #thepsychologyofmoney #จิตวิทยาว่าด้วยการเงิน
    #Thaitimes #การออมเงิน #การบริหารการเงิน
    "การหาเงินอาจจะง่ายกว่า" -การรักษาเงินไว้- ให้อยู่กับเรานานๆ เพราะ "การรักษาเงิน" -ต้องการการวางแผน- ...และวินัยที่ดี . . จากหนังสือ | the psychology of money #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thepsychologyofmoney #จิตวิทยาว่าด้วยการเงิน #Thaitimes #การออมเงิน #การบริหารการเงิน
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1542 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เก็บเงินไว้"
    ไม่จำเป็นต้องมี เหตุผลพิเศษในการเก็บเงิน
    "การออมเงินเป็นเรื่องสำคัญ"
    และควรทำเสมอ ***โดยไม่ต้องรอให้มีเหตุผลชัดเจน
    .
    .
    จากหนังสือ | the psychology of money

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #the psychology of money #จิตวิทยาว่าด้วยการเงิน
    #Thaitimes #การออมเงิน #การบริหารการเงิน
    "เก็บเงินไว้" ไม่จำเป็นต้องมี เหตุผลพิเศษในการเก็บเงิน "การออมเงินเป็นเรื่องสำคัญ" และควรทำเสมอ ***โดยไม่ต้องรอให้มีเหตุผลชัดเจน . . จากหนังสือ | the psychology of money #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #the psychology of money #จิตวิทยาว่าด้วยการเงิน #Thaitimes #การออมเงิน #การบริหารการเงิน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1478 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออมและการลงทุนต่างกันอย่างไร
    การออมและการลงทุนต่างกันอย่างไร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • 🔥🔥ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวมวายุภักษ์
    รองรับการเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
    ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศปรับปรุง
    หลักเกณฑ์ กองทุนรวมวายุภักษ์รองรับการเสนอขาย
    ผู้ลงทุนทั่วไป เพื่อส่งเสริมการออมการลงทุน
    และขับเคลื่อนตลาดทุนไทย

    ตามที่คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่
    13 สิงหาคม 2567 ได้มีมติรับทราบการเสนอขาย
    หน่วยลงทุน ของกองทุนรวมวายุภักษ์ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
    ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อส่งเสริมการออม
    และการลงทุน ให้กับประชาชนในระยะยาว
    และเพื่อพัฒนาตลาดทุนของประเทศ
    โดยสร้างกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
    แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ซึ่งจะช่วยลด
    การพึ่งพิงเงินลงทุนต่างประเทศนั้น

    กองทุนรวมวายุภักษ์ มีแผนที่จะเสนอขายหน่วยลงทุน
    แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (ผู้ถือหน่วยลงทุน ก.) ประมาณ
    100,000 – 150,000 ล้านบาท

    และจะนำหน่วยลงทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียน
    ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้ถือหน่วยลงทุน ก.
    จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล
    ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ
    และไม่เกินกว่าเพดานผลตอบแทนขั้นสูง
    ตามที่กำหนดตลอดระยะเวลา 10 ปี

    นอกจากนี้ ในกรณีที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
    ของกองทุนลดลง ผู้ถือหน่วยลงทุน ก. มีสิทธิได้รับ
    ผลตอบแทนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุน ข.
    (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ)

    ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่ใช้สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์
    ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้

    🚩(1) การอนุญาตให้กำหนดราคาขายหน่วยลงทุน ก. ตามมูลค่า
    ที่ตราไว้ (10 บาทต่อหน่วย) ได้ นอกเหนือจากการขาย
    ตามมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วย

    🚩(2) การกำหนดเกณฑ์อัตราส่วนการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์
    เป็นการเฉพาะ และขยายระยะเวลาผ่อนผันการลงทุน
    เกินเกณฑ์อัตราส่วนการลงทุน ที่มิได้เกิดจากการลงทุนเพิ่มเป็น 10 ปี
    นับตั้งแต่วันที่หน่วยลงทุน ก. ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ

    🚩และ (3) การอนุญาตให้กระทรวงการคลังชำระค่าซื้อหน่วยลงทุน
    เป็นหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น (pay-in-kind) ได้
    ตามที่สำนักงานกองทุนรวมวายุภักษ์และบริษัท
    จัดการลงทุนขอมา

    ทั้งนี้ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเกณฑ์กองทุนรวมวายุภักษ์
    มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567

    ที่มา: ก.ล.ต.

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กองทุนรวมวายุภักษ์ #thaitimes
    🔥🔥ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวมวายุภักษ์ รองรับการเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศปรับปรุง หลักเกณฑ์ กองทุนรวมวายุภักษ์รองรับการเสนอขาย ผู้ลงทุนทั่วไป เพื่อส่งเสริมการออมการลงทุน และขับเคลื่อนตลาดทุนไทย ตามที่คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ได้มีมติรับทราบการเสนอขาย หน่วยลงทุน ของกองทุนรวมวายุภักษ์ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อส่งเสริมการออม และการลงทุน ให้กับประชาชนในระยะยาว และเพื่อพัฒนาตลาดทุนของประเทศ โดยสร้างกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ซึ่งจะช่วยลด การพึ่งพิงเงินลงทุนต่างประเทศนั้น กองทุนรวมวายุภักษ์ มีแผนที่จะเสนอขายหน่วยลงทุน แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (ผู้ถือหน่วยลงทุน ก.) ประมาณ 100,000 – 150,000 ล้านบาท และจะนำหน่วยลงทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยผู้ถือหน่วยลงทุน ก. จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ และไม่เกินกว่าเพดานผลตอบแทนขั้นสูง ตามที่กำหนดตลอดระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ ในกรณีที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของกองทุนลดลง ผู้ถือหน่วยลงทุน ก. มีสิทธิได้รับ ผลตอบแทนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุน ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่ใช้สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้ 🚩(1) การอนุญาตให้กำหนดราคาขายหน่วยลงทุน ก. ตามมูลค่า ที่ตราไว้ (10 บาทต่อหน่วย) ได้ นอกเหนือจากการขาย ตามมูลค่าทรัพย์สินต่อหน่วย 🚩(2) การกำหนดเกณฑ์อัตราส่วนการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ เป็นการเฉพาะ และขยายระยะเวลาผ่อนผันการลงทุน เกินเกณฑ์อัตราส่วนการลงทุน ที่มิได้เกิดจากการลงทุนเพิ่มเป็น 10 ปี นับตั้งแต่วันที่หน่วยลงทุน ก. ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 🚩และ (3) การอนุญาตให้กระทรวงการคลังชำระค่าซื้อหน่วยลงทุน เป็นหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น (pay-in-kind) ได้ ตามที่สำนักงานกองทุนรวมวายุภักษ์และบริษัท จัดการลงทุนขอมา ทั้งนี้ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเกณฑ์กองทุนรวมวายุภักษ์ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 ที่มา: ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กองทุนรวมวายุภักษ์ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 838 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วางแผนการเงิน #การออม
    #วางแผนการเงิน #การออม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ‘หวยเกษียณ’ ไม่ปัง นโยบายครึ่งบกครึ่งน้ำตั้งกำแพงสูงเข้าถึงยาก

    พอรัฐบาลใช้คำขึ้นต้นว่า 'หวย' ย่อมทำให้คนมองว่าเป็นเรื่องมอมเมา มากกว่าการออมเงิน อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจฝืดเคือง การให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการออม จึงเป็นเรื่องยาก

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #หวยเกษียณ #นโยบายครึ่งบกครึ่งน้ำ #เศรษฐกิจฝืดเคือง
    ‘หวยเกษียณ’ ไม่ปัง นโยบายครึ่งบกครึ่งน้ำตั้งกำแพงสูงเข้าถึงยาก พอรัฐบาลใช้คำขึ้นต้นว่า 'หวย' ย่อมทำให้คนมองว่าเป็นเรื่องมอมเมา มากกว่าการออมเงิน อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจฝืดเคือง การให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการออม จึงเป็นเรื่องยาก #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #หวยเกษียณ #นโยบายครึ่งบกครึ่งน้ำ #เศรษฐกิจฝืดเคือง
    Like
    Sad
    Yay
    16
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 8948 มุมมอง 1365 0 รีวิว