• แหกดวงชะตา "ลัคนาราศีกันย์" เดือนพฤศจิกายน 2567
    https://youtu.be/k24ZN9x8MhU
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร ดวงชะตา เรื่องน่ารู้ และเคล็ดลับการเสริมดวง ได้ที่
    📍YouTube : / @1000payakorn
    📍Facebook : / ๑๐๐๐พยากรณ์
    📍Tik Tok : / 1000payakon
    ติดต่อสอบถามรับนัดคิวรับดวงชะตาส่วนตัวได้ที่เพจ ๑,๐๐๐ พยากรณ์ ที่เดียวเท่านั้น
    มีแอดมินคอยตอบ ๒๔ ชั่วโมง!!!!
    #๑๐๐๐พยากรณ์ #ดูดวง #ราศีกันย์ #กันย์ #โหร๑๐๐๐พยากรณ์
    แหกดวงชะตา "ลัคนาราศีกันย์" เดือนพฤศจิกายน 2567 https://youtu.be/k24ZN9x8MhU ติดตามข้อมูลข่าวสาร ดวงชะตา เรื่องน่ารู้ และเคล็ดลับการเสริมดวง ได้ที่ 📍YouTube : / @1000payakorn 📍Facebook : / ๑๐๐๐พยากรณ์ 📍Tik Tok : / 1000payakon ติดต่อสอบถามรับนัดคิวรับดวงชะตาส่วนตัวได้ที่เพจ ๑,๐๐๐ พยากรณ์ ที่เดียวเท่านั้น มีแอดมินคอยตอบ ๒๔ ชั่วโมง!!!! #๑๐๐๐พยากรณ์ #ดูดวง #ราศีกันย์ #กันย์ #โหร๑๐๐๐พยากรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • การที่อิสราเอลเปิดการโจมตีพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ของอิหร่านในอาณาบริเวณราว 5,000 ตารางกิโลเมตรของภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งการตัวท่าคุกคามอิหร่านโดยตรงในเวลานี้ เพิ่มความเป็นไปได้ที่อำนาจอิทธิพลซึ่งเตหะรานสั่งสมมาตลอด 2 ทศวรรษอาจสิ้นสุดลง รวมทั้งทำให้ดุลอำนาจในภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลง ทว่า ยากที่จะฟันธงได้ว่า จะเป็นไปในรูปแบบไหน

    บรรดาผู้คัดค้านและผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ซึ่งอยู่ในวอชิงตัน เทลอาวีฟ เยรูซาเลม และเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ในโลกอาหรับ กำลังเสนอแนวคิดว่า อเมริกาควรทำอย่างไรต่อไป ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าสะสมความสำเร็จเชิงยุทธวิธีต่อฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและฮูตีในเยเมน เวลาเดียวกันก็ตามบดขยี้ฮามาสในกาซาแบบไม่มีพักมาตลอด 1 ปีเต็ม

    ริชาร์ด โกลด์เบิร์ก ที่ปรึกษาอาวุโสของมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นพวกแนวคิดอนุรักษนิยม เรียกร้องอเมริกาให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดทแก่อิสราเอล เพื่อทำให้รัฐบาลอิหร่านลงถังขยะประวัติศาสตร์

    ขณะที่ โยเอล กูแซนสกี อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล ไปไกลกว่านั้นอีก โดยแนะคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมโจมตีอิหร่านโดยตรง เพื่อให้เตหะรานเข้าใจชัดเจนว่า “อย่ามาป่วนอเมริกาและอิสราเอล”

    อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพากันย้ำบทเรียนเมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งกองทัพอเมริกันรุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน โดยไม่สนใจคำเตือนของอาหรับว่า ผู้นำเผด็จการของแบกแดดผู้นี้เป็นเครื่องมือคานอิทธิพลของอิหร่านที่จะขาดไปไม่ได้

    คนกลุ่มนี้ยังเตือนว่า การสะสมชัยชนะของรัฐยิวไปเรื่อยๆ โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องความเสี่ยง, เป้าหมายสุดท้าย, หรือแผนการสำหรับอนาคต อาจนำซึ่งผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์

    วาลิ นาสร์ อดีตที่ปรึกษาในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำรายงานการสั่งสมอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลางนับแต่ที่อเมริกาบุกอิรัก ชี้ว่าสุดท้ายแล้วอิสราเอลอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปกป้องตัวเองตามลำพังในสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น

    นาสร์เสริมว่า อเมริกาและหุ้นส่วนในตะวันออกกลางได้แต่รอดูว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ไม่ฟังเสียงทัดทานแม้แต่จากวอชิงตันที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุด จะบุกตะลุยทำสงครามไปไกลแค่ไหน

    บรรดาผู้สนับสนุนเหล่านี้วาดหวังว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลจะทำให้อิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นตัวแทนของเตหะรานที่โจมตีอเมริกา อิสราเอล และหุ้นส่วน รวมทั้งยังร่วมมือกับรัสเซียและศัตรูอื่นๆ ของตะวันตก อยู่ในสภาพที่อ่อนแอลง

    ทว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารโดยที่ไม่ได้คลี่คลายความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ เสี่ยงนำไปสู่วงจรสงครามที่ไม่สิ้นสุด ปลุกเร้าการก่อความไม่สงบและกลุ่มหัวรุนแรง และรัฐบาลในตะวันออกกลางก็ต้องปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์

    นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่อิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับประกันความอยู่รอดของประเทศ จากที่มีข่าวว่า ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีฮิซบอลเลาะห์นั้น ผู้นำอิหร่านที่กังวลกับปฏิบัติการของอิสราเอล ประกาศชัดเจนว่า สนใจฟื้นการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์และปรับปรุงความสัมพันธ์โดยรวมกับอเมริกา

    ทั้งนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศและการปฏิบัติการด้านข่าวกรองของอิสราเอล ได้นำไปสู่การสังหารผู้นำ นักรบ และทำลายคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง รวมทั้งยังเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องการโจมตีดินแดนอิหร่านอีกด้วย

    ขณะเดียวกัน การโจมตีทางอากาศตลอดหนึ่งปีเต็มในฉนวนกาซา ได้สังหารเหล่าผู้นำของกลุ่มฮามาสจนเหลือผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่กบดานอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน กระนั้น ปรากฏว่ากองทัพอิสราเอลยังคงต้องวนกลับมาโจมตีกาซาหนักหน่วงอีกรอบในสัปดาห์นี้ และฮามาสยังสามารถสร้างความประหลาดใจด้วยการยิงจรวดใส่นครเทลอาวีฟเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) ระหว่างที่อิสราเอลรำลึกครบรอบ 1 ปีที่ถูกฮามาสบุกโจมตีและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในกาซา

    มีการคาดการณ์กันว่า หากอิสราเอลตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธนับร้อยลูกใส่รัฐยิวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะยิ่งเร่งรัดการเปลี่ยนดุลอำนาจในตะวันออกกลาง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาพยายามหลีกเลี่ยงมานานหลายทศวรรษ

    วอชิงตันออกตัวว่า อิสราเอลไม่ได้แจ้งก่อนที่จะโจมตีผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และในการให้สัมภาษณ์รายการ “60 มินิตส์” ของเครือข่ายซีบีเอสที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาว ประกาศว่า อเมริกายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือทางทหารเพื่อให้อิสราเอลป้องกันตัวเอง ควบคู่กับการผลักดันให้ยุติความขัดแย้ง

    ย้อนกลับไปตอนที่อเมริการุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ผู้สนับสนุนอาจวาดหวังที่จะทำให้ประชาธิปไตยหยั่งรากในอิรัก แต่ผลกระทบไม่พึงประสงค์กลับใหญ่กว่านั้นมหาศาล ซึ่งรวมถึงการผงาดขึ้นมาของอักษะแห่งการต่อต้านของอิหร่านที่ขยายตัวทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก อีกทั้งยังเกิดกลุ่มหัวรุนแรงใหม่ๆ ที่รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    ขณะนี้ผู้นำทั่วโลกยังมองไม่ออกว่า ดุลอำนาจระหว่างอิหร่าน อิสราเอล ตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกา จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังกองทัพอิสราเอลยุติสงคราม

    นาสร์เห็นว่า อิหร่านและพันธมิตรอ่อนแอลง เช่นเดียวกับอิทธิพลของอเมริกาที่ปล่อยให้อิสราเอลจูงจมูก

    สำหรับ เมห์ราน คัมราวา ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกาตาร์ มองว่า อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายเจ็บ เช่น หากเปิดสงครามภาคพื้นดินในเลบานอนและตกอยู่ในสภาพติดหล่ม และเสริมว่า สงครามเย็นตลอด 4 ทศวรรษระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เวลานี้ได้กลายมาเป็นสงครามร้อน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไรเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดาในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096119
    ..............
    Sondhi X
    การที่อิสราเอลเปิดการโจมตีพันธมิตรกลุ่มต่างๆ ของอิหร่านในอาณาบริเวณราว 5,000 ตารางกิโลเมตรของภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งการตัวท่าคุกคามอิหร่านโดยตรงในเวลานี้ เพิ่มความเป็นไปได้ที่อำนาจอิทธิพลซึ่งเตหะรานสั่งสมมาตลอด 2 ทศวรรษอาจสิ้นสุดลง รวมทั้งทำให้ดุลอำนาจในภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลง ทว่า ยากที่จะฟันธงได้ว่า จะเป็นไปในรูปแบบไหน บรรดาผู้คัดค้านและผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล ซึ่งอยู่ในวอชิงตัน เทลอาวีฟ เยรูซาเลม และเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ในโลกอาหรับ กำลังเสนอแนวคิดว่า อเมริกาควรทำอย่างไรต่อไป ขณะที่อิสราเอลเดินหน้าสะสมความสำเร็จเชิงยุทธวิธีต่อฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและฮูตีในเยเมน เวลาเดียวกันก็ตามบดขยี้ฮามาสในกาซาแบบไม่มีพักมาตลอด 1 ปีเต็ม ริชาร์ด โกลด์เบิร์ก ที่ปรึกษาอาวุโสของมูลนิธิเพื่อการปกป้องประชาธิปไตยในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นพวกแนวคิดอนุรักษนิยม เรียกร้องอเมริกาให้การสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดทแก่อิสราเอล เพื่อทำให้รัฐบาลอิหร่านลงถังขยะประวัติศาสตร์ ขณะที่ โยเอล กูแซนสกี อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล ไปไกลกว่านั้นอีก โดยแนะคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร่วมโจมตีอิหร่านโดยตรง เพื่อให้เตหะรานเข้าใจชัดเจนว่า “อย่ามาป่วนอเมริกาและอิสราเอล” อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพากันย้ำบทเรียนเมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งกองทัพอเมริกันรุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน โดยไม่สนใจคำเตือนของอาหรับว่า ผู้นำเผด็จการของแบกแดดผู้นี้เป็นเครื่องมือคานอิทธิพลของอิหร่านที่จะขาดไปไม่ได้ คนกลุ่มนี้ยังเตือนว่า การสะสมชัยชนะของรัฐยิวไปเรื่อยๆ โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องความเสี่ยง, เป้าหมายสุดท้าย, หรือแผนการสำหรับอนาคต อาจนำซึ่งผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ วาลิ นาสร์ อดีตที่ปรึกษาในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำรายงานการสั่งสมอิทธิพลของอิหร่านในตะวันออกกลางนับแต่ที่อเมริกาบุกอิรัก ชี้ว่าสุดท้ายแล้วอิสราเอลอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปกป้องตัวเองตามลำพังในสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น นาสร์เสริมว่า อเมริกาและหุ้นส่วนในตะวันออกกลางได้แต่รอดูว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ไม่ฟังเสียงทัดทานแม้แต่จากวอชิงตันที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุด จะบุกตะลุยทำสงครามไปไกลแค่ไหน บรรดาผู้สนับสนุนเหล่านี้วาดหวังว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลจะทำให้อิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นตัวแทนของเตหะรานที่โจมตีอเมริกา อิสราเอล และหุ้นส่วน รวมทั้งยังร่วมมือกับรัสเซียและศัตรูอื่นๆ ของตะวันตก อยู่ในสภาพที่อ่อนแอลง ทว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารโดยที่ไม่ได้คลี่คลายความคับข้องใจของชาวปาเลสไตน์ เสี่ยงนำไปสู่วงจรสงครามที่ไม่สิ้นสุด ปลุกเร้าการก่อความไม่สงบและกลุ่มหัวรุนแรง และรัฐบาลในตะวันออกกลางก็ต้องปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์ นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่อิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับประกันความอยู่รอดของประเทศ จากที่มีข่าวว่า ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีฮิซบอลเลาะห์นั้น ผู้นำอิหร่านที่กังวลกับปฏิบัติการของอิสราเอล ประกาศชัดเจนว่า สนใจฟื้นการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์และปรับปรุงความสัมพันธ์โดยรวมกับอเมริกา ทั้งนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีทางอากาศและการปฏิบัติการด้านข่าวกรองของอิสราเอล ได้นำไปสู่การสังหารผู้นำ นักรบ และทำลายคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง รวมทั้งยังเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องการโจมตีดินแดนอิหร่านอีกด้วย ขณะเดียวกัน การโจมตีทางอากาศตลอดหนึ่งปีเต็มในฉนวนกาซา ได้สังหารเหล่าผู้นำของกลุ่มฮามาสจนเหลือผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่กบดานอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน กระนั้น ปรากฏว่ากองทัพอิสราเอลยังคงต้องวนกลับมาโจมตีกาซาหนักหน่วงอีกรอบในสัปดาห์นี้ และฮามาสยังสามารถสร้างความประหลาดใจด้วยการยิงจรวดใส่นครเทลอาวีฟเมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) ระหว่างที่อิสราเอลรำลึกครบรอบ 1 ปีที่ถูกฮามาสบุกโจมตีและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในกาซา มีการคาดการณ์กันว่า หากอิสราเอลตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธนับร้อยลูกใส่รัฐยิวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะยิ่งเร่งรัดการเปลี่ยนดุลอำนาจในตะวันออกกลาง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อเมริกาพยายามหลีกเลี่ยงมานานหลายทศวรรษ วอชิงตันออกตัวว่า อิสราเอลไม่ได้แจ้งก่อนที่จะโจมตีผู้นำฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และในการให้สัมภาษณ์รายการ “60 มินิตส์” ของเครือข่ายซีบีเอสที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาว ประกาศว่า อเมริกายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือทางทหารเพื่อให้อิสราเอลป้องกันตัวเอง ควบคู่กับการผลักดันให้ยุติความขัดแย้ง ย้อนกลับไปตอนที่อเมริการุกรานอิรักและโค่นล้มซัดดัม ผู้สนับสนุนอาจวาดหวังที่จะทำให้ประชาธิปไตยหยั่งรากในอิรัก แต่ผลกระทบไม่พึงประสงค์กลับใหญ่กว่านั้นมหาศาล ซึ่งรวมถึงการผงาดขึ้นมาของอักษะแห่งการต่อต้านของอิหร่านที่ขยายตัวทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก อีกทั้งยังเกิดกลุ่มหัวรุนแรงใหม่ๆ ที่รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ขณะนี้ผู้นำทั่วโลกยังมองไม่ออกว่า ดุลอำนาจระหว่างอิหร่าน อิสราเอล ตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกา จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังกองทัพอิสราเอลยุติสงคราม นาสร์เห็นว่า อิหร่านและพันธมิตรอ่อนแอลง เช่นเดียวกับอิทธิพลของอเมริกาที่ปล่อยให้อิสราเอลจูงจมูก สำหรับ เมห์ราน คัมราวา ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในกาตาร์ มองว่า อิสราเอลอาจเป็นฝ่ายเจ็บ เช่น หากเปิดสงครามภาคพื้นดินในเลบานอนและตกอยู่ในสภาพติดหล่ม และเสริมว่า สงครามเย็นตลอด 4 ทศวรรษระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เวลานี้ได้กลายมาเป็นสงครามร้อน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไรเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดเดาในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000096119 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1205 มุมมอง 0 รีวิว
  • น่าจะอยู่ในหมากท่านยิวลอร์ดซาตานด้วย,ฝรั่ง&ตะวันตกUN&OSS&CIA อยู่เบื้องหลังแบบอีรัก ลิเบีย ปาเลสไตน์นั้นล่ะ,เพื่อสร้างนอมินีสงครามตัวแทนในแต่ละภูมิภาคให้ได้,มุสลิมไทยถูกหลอกใช้เยอะ ให้มุสลิมต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทยมุสลิมปั่นหัวว่ามุสลิมทั่วโลกคือเผ่าชนเดียวกัน เช่นนั้นไม่พากันของสัญชาติUAE ดูไบกันอิสระล่ะ,ร่ำรวยจะตายขอย้ายไปอยู่ดูไบเพราะอิสลามเหมือนกันสิสถานะร่ำรวยจะอยู่อย่างสบายได้ก็คนอิสลามเหมือนกัน,อิสลามไทยหรือที่ไหนๆไปสิ เผ่ามุสลิมเหมือนกันไม่กีดกั้นกีดกำแพงกัน ซาอุฯ อิหร่าน ที่ร่ำรวยพากันย้ายถิ่นจากแผ่นดินไทยเลยสิ,มาปั่นป่วนทำไม,เพราะมันคือขบวนการก่อความวุ่นวายโกลาหล รักษาผลประโยชน์ของชาติตะวันตกและพยายามยึดครองแหล่งทรัพยากรมีค่ามากมายบนอ่าวไทย&อันดามันบวกภาคใต้ทัังหมดเพราะทองคำทั้งภูเขายังเต็มตรึมที่ภาคใต้ หวานปากพวกฝรั่งและอีลิทเลวทั่วโลก จึงปั่นจึงย้ายจึงขนคนแขกคนอาหรับคนพม่าคนโรจิงญามาอยู่ในไทยสร้างกำแพงคนกั้นทั้งภาคใต้ สร้างโกลาหล UNในนามผีบ้าโลกจะได้ออกหน้ามาแทรกแซงแบบบอกให้คนไทยต้องเลี้ยง&ต้องรับเลีัยงดูคนพม่านะ ออกหน้าอย่างหน้าด้านๆ,ทีอิสราเอลยึดครองดินแดนปาเลสไตน์อย่างอยุติธรม UNเสือกไม่เสนอหน้าขับไล่อิสราเอลออกจากปาเลสไตน์เลยสักแอะ นี้จึงสมควรยุบUNทิ้งออกไปจากโลก ห้ามก่อการและต้องสลายตัวสลายองค์กรนี้ทันที เป็นภัยหายนะของโลกแทนด้วยซ้ำเพราะยุ่งวุ่นวายชาติอื่นทุกๆชาติและไม่ได้มีความยุติธรรมอะไร ประเทศทุกๆประเทศก็โง่ สมองผู้นำชั่งกระจอก&กาก เห็นUNเหี้ยขนาดนั้นก็สมควรลาออกจากสมาชิกองค์กรมันสะ,ทุกๆชาติไม่เอาด้วยก็สลายในที่สุด หายนะโลกอาจพลิกเป็นดีได้ เหมือนหากกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทิ้งเสีย เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่โลกกำลังเผชิญก็จบทุกๆปัญหาทันที อย่างมากด้วยหัวไป หางสมุนจะรอดที่ไหน ท่อน้ำเลี้ยงการสนับสนุนถูกตัดตอน ตังไม่มีจากตระกูลผีบ้านี้จบแน่นอน.,อิสลามในไทยก็ไปวัดด้วยแม้แต่โจรใต้ก็จบสู่ความสงบทั้งหมด.เพราะตัวต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงถูกตัดตอนจริงๆนั้นเอง.
    น่าจะอยู่ในหมากท่านยิวลอร์ดซาตานด้วย,ฝรั่ง&ตะวันตกUN&OSS&CIA อยู่เบื้องหลังแบบอีรัก ลิเบีย ปาเลสไตน์นั้นล่ะ,เพื่อสร้างนอมินีสงครามตัวแทนในแต่ละภูมิภาคให้ได้,มุสลิมไทยถูกหลอกใช้เยอะ ให้มุสลิมต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทยมุสลิมปั่นหัวว่ามุสลิมทั่วโลกคือเผ่าชนเดียวกัน เช่นนั้นไม่พากันของสัญชาติUAE ดูไบกันอิสระล่ะ,ร่ำรวยจะตายขอย้ายไปอยู่ดูไบเพราะอิสลามเหมือนกันสิสถานะร่ำรวยจะอยู่อย่างสบายได้ก็คนอิสลามเหมือนกัน,อิสลามไทยหรือที่ไหนๆไปสิ เผ่ามุสลิมเหมือนกันไม่กีดกั้นกีดกำแพงกัน ซาอุฯ อิหร่าน ที่ร่ำรวยพากันย้ายถิ่นจากแผ่นดินไทยเลยสิ,มาปั่นป่วนทำไม,เพราะมันคือขบวนการก่อความวุ่นวายโกลาหล รักษาผลประโยชน์ของชาติตะวันตกและพยายามยึดครองแหล่งทรัพยากรมีค่ามากมายบนอ่าวไทย&อันดามันบวกภาคใต้ทัังหมดเพราะทองคำทั้งภูเขายังเต็มตรึมที่ภาคใต้ หวานปากพวกฝรั่งและอีลิทเลวทั่วโลก จึงปั่นจึงย้ายจึงขนคนแขกคนอาหรับคนพม่าคนโรจิงญามาอยู่ในไทยสร้างกำแพงคนกั้นทั้งภาคใต้ สร้างโกลาหล UNในนามผีบ้าโลกจะได้ออกหน้ามาแทรกแซงแบบบอกให้คนไทยต้องเลี้ยง&ต้องรับเลีัยงดูคนพม่านะ ออกหน้าอย่างหน้าด้านๆ,ทีอิสราเอลยึดครองดินแดนปาเลสไตน์อย่างอยุติธรม UNเสือกไม่เสนอหน้าขับไล่อิสราเอลออกจากปาเลสไตน์เลยสักแอะ นี้จึงสมควรยุบUNทิ้งออกไปจากโลก ห้ามก่อการและต้องสลายตัวสลายองค์กรนี้ทันที เป็นภัยหายนะของโลกแทนด้วยซ้ำเพราะยุ่งวุ่นวายชาติอื่นทุกๆชาติและไม่ได้มีความยุติธรรมอะไร ประเทศทุกๆประเทศก็โง่ สมองผู้นำชั่งกระจอก&กาก เห็นUNเหี้ยขนาดนั้นก็สมควรลาออกจากสมาชิกองค์กรมันสะ,ทุกๆชาติไม่เอาด้วยก็สลายในที่สุด หายนะโลกอาจพลิกเป็นดีได้ เหมือนหากกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทิ้งเสีย เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่โลกกำลังเผชิญก็จบทุกๆปัญหาทันที อย่างมากด้วยหัวไป หางสมุนจะรอดที่ไหน ท่อน้ำเลี้ยงการสนับสนุนถูกตัดตอน ตังไม่มีจากตระกูลผีบ้านี้จบแน่นอน.,อิสลามในไทยก็ไปวัดด้วยแม้แต่โจรใต้ก็จบสู่ความสงบทั้งหมด.เพราะตัวต้นเหตุปัญหาที่แท้จริงถูกตัดตอนจริงๆนั้นเอง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • เทคโนโลยีอวกาศรัสเซีย เหนือกว่าอเมริกา:

    หนึ่งในนักบินอวกาศอเมริกันชื่อ Tracey Dyson ที่ติดอยู่ที่สถานีอวกาศ มาแล้ว ๑๘๔ วันโดยที่อเมริกายังหาทางช่วยเหลือให้กลับบนโลกไม่ได้ ได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซีย

    https://x.com/DonaldBKipkorir/status/183…

    อเมริกาไม่กล้าขอให้รัสเซียช่วยเพราะรัฐบาลอเมริกาเคยปล่อยข่าวโจมตีโครงการอวกาศของรัสเซียว่าล้าหลังกว่า แต่ถ้ารัสเซียไม่ช่วย นักบินอวกาศคนนี้ก็จะกลับมายังโลกไม่ได้
    จู่ๆ รัฐบาลรัสเซียคงเห็นแก่มนุษยธรรม ยื่นมือไปช่วยโดยใช้ดาวเทียม Soyuz MS-26 พานำส่งมายังโลกมนุษย์ได้สำเร็จ

    เธอน่าจะขอสัญชาติรัสเซีย ย้ายไปอยู่รัสเซียเพราะขณะนี้ คนอเมริกันหลายคนพากันย้ายไปอยู่ที่รัสเซียแล้ว

    นักบินอวกาศอเมริกันยังติดอยู่อีก ๒ คนคือ Butch Wilmore และ Sunita Williams อเมริกาไม่อนุญาตให้รัสเซียช่วยคงเพราะอายครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    เทคโนโลยีอวกาศรัสเซีย เหนือกว่าอเมริกา: หนึ่งในนักบินอวกาศอเมริกันชื่อ Tracey Dyson ที่ติดอยู่ที่สถานีอวกาศ มาแล้ว ๑๘๔ วันโดยที่อเมริกายังหาทางช่วยเหลือให้กลับบนโลกไม่ได้ ได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซีย https://x.com/DonaldBKipkorir/status/183… อเมริกาไม่กล้าขอให้รัสเซียช่วยเพราะรัฐบาลอเมริกาเคยปล่อยข่าวโจมตีโครงการอวกาศของรัสเซียว่าล้าหลังกว่า แต่ถ้ารัสเซียไม่ช่วย นักบินอวกาศคนนี้ก็จะกลับมายังโลกไม่ได้ จู่ๆ รัฐบาลรัสเซียคงเห็นแก่มนุษยธรรม ยื่นมือไปช่วยโดยใช้ดาวเทียม Soyuz MS-26 พานำส่งมายังโลกมนุษย์ได้สำเร็จ เธอน่าจะขอสัญชาติรัสเซีย ย้ายไปอยู่รัสเซียเพราะขณะนี้ คนอเมริกันหลายคนพากันย้ายไปอยู่ที่รัสเซียแล้ว นักบินอวกาศอเมริกันยังติดอยู่อีก ๒ คนคือ Butch Wilmore และ Sunita Williams อเมริกาไม่อนุญาตให้รัสเซียช่วยคงเพราะอายครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 93 0 รีวิว
  • บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว

    ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง

    เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..!

    โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น
    ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ?

    กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว

    สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!"

    ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้

    ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..!

    ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..!
    ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน

    ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย

    ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย

    ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ?
    ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด

    แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง

    ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
    __________________
    บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..! โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ? กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!" ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้ ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..! ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..! ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ? ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) __________________
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 5
    เมื่อความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุ มสถานกงสุลที่ Benghazi ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 Sean Smith ผู้เชี่ยวชาญด้านการข่าว ยังนั่งเล่นเกมส์ Eve Online อยู่หน้าจอ เขาอายุ 34 ปี มาจากกองทัพอากาศและอยู่กระทรวงการต่างประเทศมากว่า 10 ปีแล้ว เมียและลูก 2 คน อยู่ที่ประเทศ Netherlands เขาเป็นคนที่เล่นเกมส์ Eve นี้อย่างติดพันโดยใช้ชื่อว่า vile_rat เขาพิมพ์ถึงคู่เล่นเขา 6 นาที ก่อน 2 ทุ่ม ว่า “สมมุติว่าเรารอดตายจากคืนนี้” มันดูเป็นตลกโหด แต่ Smith ผ่านสถานการณ์หนักกว่า Benghazi มาเยอะแล้ว เขาพิมพ์ข้อความเพิ่ม “เราเห็นตำรวจคนหนึ่งที่ดูแลบริเวณ กำลังถ่ายรูป”
    เขาคงจะหมายความถึง ชาวลิเบียพวกที่เดินตรวจการณ์อยู่รอบบริเวณกงสุล แต่ยังมีการ์ดอีก 9 คน อยู่ในบริเวณกงสุล 5 คนเป็นคนอเมริกันติดอาวุธพร้อม และอีก 4 คน เป็นทหารชาวลิเบียจากหน่วย 17th of February Martyrs Brigade เป็นทหารพวกเดียวกับที่ดูแล Stevens เมื่อเขามาอยู่ที่ Benghazi ในตอนแรก
    สองชั่วโมงต่อมา เวลา 9.40 น. vile_rat พิมพ์ว่า “ฉิบหายแล้ว เสียงปืนยิง” แล้วเขาก็เลิกติดต่อไป
    จากรายงานของเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเห็นจากจอที่ monitor ประตูหน้ากงสุลว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากติดอาวุธกำลังบุกเข้ามา เป็นคนกลุ่มใหญ่มากจนนับไม่ไหว เขากดปุ่มเตือนภัย คว้าไมค์แล้วตะโกนว่า “ถูกโจมตี ! ถูกโจมตี !”
    เจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยอีก 4 คนอยู่ในเรือนใหญ่กับ Stevens และ Smith คนหนึ่งรีบพา Stevens และ Smith เข้าไปที่ส่วนหลังของตึกและปลดแผงเหล็กปิดตึกในส่วนที่เป็นห้องนิรภัย เจ้าหน้าที่อีก 3 คน กระโดดไปคว้าปืนออโตเมติกและเสื้อเกราะ เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับ Stevens และ Smith พูดวิทยุบอกว่าพวกเขาปลอดภัยดีและอยู่ในห้องนิรภัย
    ซุ้มทหารด้านหน้าใกล้ประตูทางเข้าเริ่มถูกไฟเผา และผู้โจมตีได้กระจายตัวไปรอบ ๆ บริเวณ พวกเขาพังประตูหน้าเข้ามาได้ และพยายามทำลายล็อคแผ่นเหล็กเพื่อเข้ามายังส่วนใน แต่ทำลายไม่สำเร็จ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลซุ่มเงียบอยู่ใต้เงามืด เตรียมพร้อมที่จะยิงถ้ามีใครบุกรุกเข้ามาในห้องนิรภัย แต่ไม่มีใครบุกรุกเข้ามา พวกจู่โจมกลับเอาน้ำมันดีเซลจากซุ้มทหารมาเทราดพื้นและเครื่องเรือน แล้วจุดไฟ หลังจากนั้นทั้งเรือนก็มีแต่ไฟลุกโชน
    ควันไฟผสมน้ำมันผสมเครื่องเรือนที่เริ่มละลาย เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณกงสุล ทำให้พวกที่ซ่อนตัวเองอยู่ข้างในเริ่มสำลักควัน Stevens, Smith และผู้คุ้มกันย้ายไปที่ห้องน้ำ พยายามไปที่หน้าต่างที่มีลูกกรงติดอยู่ ควันเริ่มเป็นหมอกสีดำ พวกเขานอนลงกับพื้นพยายามสูดอากาศที่ยังมีหลงเหลืออยู่ในตึก ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกมานอกห้องนิรภัย จึงคลานมาที่ห้องนอนซึ่งมีหน้าต่างที่สามารถเปิดจากในห้องได้
    เจ้าหน้าที่คุ้มกันเริ่มหายใจไม่ออก และมองเห็นไม่ชัดเจนจากควันไฟ เขาพยายามกระโดดออกไปที่ระเบียง โดยเอากระสอบทรายคลุมตัว ยังไม่ทันไรเขาก็เจอไฟไหม้ทั้งตัว และพวกจู่โจมก็โหมยิงใส่เขานับไม่ถ้วน พวกจู่โจมมีเป็นสิบๆคน ทั้ง Stevens และ Smith ไม่ได้ตามเจ้าหน้าที่คุ้มกันไปที่หน้าต่าง เจ้าหน้าที่จึงปืนย้อนกลับมาหาทั้งสองคนใหม่ เขาหาทั้งสองคนไม่เจอ เขากลับออกไปใหม่เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ เขาปีนเข้าปีนออกอยู่หลายรอบ ก็ยังหาทั้งสองคนไม่เจอ คอและปอดเขาแสบไปหมด เขาพยายามปีนบันไดขึ้นไปบนหลังคา และก็หมดสติไปหลังจากที่วิทยุเรียกเจ้าหน้าที่คนอื่นให้มาช่วย
    เจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 4 คน ฟังเสียงพูดทางวิทยุเกือบไม่รู้เรื่อง ขณะเดียวกันพวกจู่โจมก็บุกเข้ามาในตึก B ตึกเล็กที่อยู่ในบริเวณ แต่ไม่สามารถฝ่าแท่งกั้นเข้ามายังด้านในของห้องได้ และก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการกลางได้
    ที่ตึก B และศูนย์ปฏิบัติการกลางดูเหมือนจะไม่มีโทรศัพท์สายตรง แต่พวกเขามองเห็นควันดำลอยขึ้นมา พวกเขาคิดว่าจะต้องไปที่ห้องนิรภัยของตึกกลางให้ได้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพยายามเปิดประตูตึกกลาง โดยการโยนระเบิดใส่พวกจู่โจมเพื่อเปิดทาง เขากลับเข้ามาที่ตึก B ใหม่ รวมตัวกับอีก 2 คน แล้วทั้ง 3 ก็ไปที่รถ SUV หุ้มเกราะค่อยๆขับมาที่ตึกกลาง 2 คนพยายามยิงตรึงพวกจู่โจม ขณะที่อีก 1 คนพยายามเข้าไปที่ตึกกลาง เขาควานหา Stevens และ Smith และเมื่อควันหนาขึ้นเขาก็คลานออกมา เขาทำอยู่อย่างนี้จนหมดสภาพ เจ้าหน้าที่อีกคนเข้าไปแทน และก็อีกคน คนหนึ่งเจอ Smith และลากออกมา ปรากฏว่า Smith เสียชีวิตแล้วจากควันไฟ แต่พวกเขาก็ยังหา Stevens ยังไม่เจอ
    หน่วยกำลังเสริมมาถึง (ในรายงานไม่ได้ระบุว่ามาถึงเวลาใด) เจ้าหน้าที่อเมริกัน 6 คน จากหน่วยประจำการที่อยู่ห่างไปประมาณ 1 ไมล์ มาพร้อมด้วยทหารอีก 16 คนจากหน่วยที่ 17th February Martyrs Brigade พวกเขาเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ 1 คน ในศูนย์ปฏิบัติการกลาง ซึ่งพยายามโทรศัพท์เรียกหน่วยเสริมจากทุกแห่งรวมทั้งจาก Tripoli หลังจากนั้นพวกเขารวมตัวกันที่ประตูหน้าและจัดการหาตัว Stevens ใหม่อีกรอบ แต่ก็ยังไม่พบ พวกอเมริกันและทหารลิเบียที่เป็นฝ่ายเดียวกันพยายามจะรักษากงสุลไว้ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดพวกเขาจำเป็นต้องทิ้งกงสุลและอพยพออกไป เจ้าหน้าที่อัดตัวรวมกันอยู่ในรถ SUV พร้อมด้วยร่างของ Smith
    พวกอเมริกันที่หลบหนีออกมาโดนทั้งไฟเผาและถูกยิง พวกเขาพยายามฝ่าดงกระสุนออกมาจากบริเวณกงสุล รถวิ่งไปตามถนนเพื่อไปยังหน่วยเสริมกำลังของอเมริกัน ระหว่างทางพวกเขายังโดนไล่ยิงและปาระเบิดใส่ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหน่วยเสริมกำลังจนได้ พวกเขาเข้าประจำที่และยิงต่อสู้กับพวกจู่โจมต่อ เช้ามืดกองกำลังอเมริกันจาก Tripoli บินมาสมทบ การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป พวกอเมริกันเจ็บและตายเพิ่มขึ้น (ในจำนวนผู้ตาย มีเจ้าหน้าที่ CIA อีก 2 คน ชื่อ Tyrone S. Woods และ Glen Doherty เจ้าหน้าที่ Woods คือ คนที่อยู่กับฑูต Stevens ในห้องนิรภัยตอนแรก) ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจหนีออกไปจากเมือง พวกเขาได้จัดขบวนรถ SUV วิ่งไปทางสนามบินโดยความช่วยเหลือของทหารลิเบียที่เป็นพวก ในที่สุดก็ขึ้นเครื่องบิน 2 ลำ ออกมาได้หมดตอนเช้ามืดของวันนั้น
    ในที่สุดไฟที่สถานกงสุลก็เริ่มมอด พวกจู่โจมหายไปหมด ชาวลิเบียซึ่งอาจจะเป็นพวกที่ตั้งใจเข้าไปขโมยของ หรือเป็นพวกอยากรู้อยากเห็น พาตัวเข้าไปที่ห้องนิรภัยจนได้ และพวกเขาก็พบ Stevens พวกเขาลากร่าง Stevens ออกมา แบกไปขึ้นรถและนำไปส่งโรงพยาบาล
    แพทย์ฉุกเฉินพยายามช่วยกู้ชีวิต Stevens อยู่ประมาณ 45 นาที แต่ไม่สำเร็จ และไม่สามารถบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาเจอมือถือที่กระเป๋าของ Stevens จึงเรียกหมายเลขต่างๆ ซึ่งกลายเป็นการพูดโทรศัพท์ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 5 เมื่อความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุ มสถานกงสุลที่ Benghazi ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2012 Sean Smith ผู้เชี่ยวชาญด้านการข่าว ยังนั่งเล่นเกมส์ Eve Online อยู่หน้าจอ เขาอายุ 34 ปี มาจากกองทัพอากาศและอยู่กระทรวงการต่างประเทศมากว่า 10 ปีแล้ว เมียและลูก 2 คน อยู่ที่ประเทศ Netherlands เขาเป็นคนที่เล่นเกมส์ Eve นี้อย่างติดพันโดยใช้ชื่อว่า vile_rat เขาพิมพ์ถึงคู่เล่นเขา 6 นาที ก่อน 2 ทุ่ม ว่า “สมมุติว่าเรารอดตายจากคืนนี้” มันดูเป็นตลกโหด แต่ Smith ผ่านสถานการณ์หนักกว่า Benghazi มาเยอะแล้ว เขาพิมพ์ข้อความเพิ่ม “เราเห็นตำรวจคนหนึ่งที่ดูแลบริเวณ กำลังถ่ายรูป” เขาคงจะหมายความถึง ชาวลิเบียพวกที่เดินตรวจการณ์อยู่รอบบริเวณกงสุล แต่ยังมีการ์ดอีก 9 คน อยู่ในบริเวณกงสุล 5 คนเป็นคนอเมริกันติดอาวุธพร้อม และอีก 4 คน เป็นทหารชาวลิเบียจากหน่วย 17th of February Martyrs Brigade เป็นทหารพวกเดียวกับที่ดูแล Stevens เมื่อเขามาอยู่ที่ Benghazi ในตอนแรก สองชั่วโมงต่อมา เวลา 9.40 น. vile_rat พิมพ์ว่า “ฉิบหายแล้ว เสียงปืนยิง” แล้วเขาก็เลิกติดต่อไป จากรายงานของเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเห็นจากจอที่ monitor ประตูหน้ากงสุลว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากติดอาวุธกำลังบุกเข้ามา เป็นคนกลุ่มใหญ่มากจนนับไม่ไหว เขากดปุ่มเตือนภัย คว้าไมค์แล้วตะโกนว่า “ถูกโจมตี ! ถูกโจมตี !” เจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยอีก 4 คนอยู่ในเรือนใหญ่กับ Stevens และ Smith คนหนึ่งรีบพา Stevens และ Smith เข้าไปที่ส่วนหลังของตึกและปลดแผงเหล็กปิดตึกในส่วนที่เป็นห้องนิรภัย เจ้าหน้าที่อีก 3 คน กระโดดไปคว้าปืนออโตเมติกและเสื้อเกราะ เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับ Stevens และ Smith พูดวิทยุบอกว่าพวกเขาปลอดภัยดีและอยู่ในห้องนิรภัย ซุ้มทหารด้านหน้าใกล้ประตูทางเข้าเริ่มถูกไฟเผา และผู้โจมตีได้กระจายตัวไปรอบ ๆ บริเวณ พวกเขาพังประตูหน้าเข้ามาได้ และพยายามทำลายล็อคแผ่นเหล็กเพื่อเข้ามายังส่วนใน แต่ทำลายไม่สำเร็จ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลซุ่มเงียบอยู่ใต้เงามืด เตรียมพร้อมที่จะยิงถ้ามีใครบุกรุกเข้ามาในห้องนิรภัย แต่ไม่มีใครบุกรุกเข้ามา พวกจู่โจมกลับเอาน้ำมันดีเซลจากซุ้มทหารมาเทราดพื้นและเครื่องเรือน แล้วจุดไฟ หลังจากนั้นทั้งเรือนก็มีแต่ไฟลุกโชน ควันไฟผสมน้ำมันผสมเครื่องเรือนที่เริ่มละลาย เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณกงสุล ทำให้พวกที่ซ่อนตัวเองอยู่ข้างในเริ่มสำลักควัน Stevens, Smith และผู้คุ้มกันย้ายไปที่ห้องน้ำ พยายามไปที่หน้าต่างที่มีลูกกรงติดอยู่ ควันเริ่มเป็นหมอกสีดำ พวกเขานอนลงกับพื้นพยายามสูดอากาศที่ยังมีหลงเหลืออยู่ในตึก ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกมานอกห้องนิรภัย จึงคลานมาที่ห้องนอนซึ่งมีหน้าต่างที่สามารถเปิดจากในห้องได้ เจ้าหน้าที่คุ้มกันเริ่มหายใจไม่ออก และมองเห็นไม่ชัดเจนจากควันไฟ เขาพยายามกระโดดออกไปที่ระเบียง โดยเอากระสอบทรายคลุมตัว ยังไม่ทันไรเขาก็เจอไฟไหม้ทั้งตัว และพวกจู่โจมก็โหมยิงใส่เขานับไม่ถ้วน พวกจู่โจมมีเป็นสิบๆคน ทั้ง Stevens และ Smith ไม่ได้ตามเจ้าหน้าที่คุ้มกันไปที่หน้าต่าง เจ้าหน้าที่จึงปืนย้อนกลับมาหาทั้งสองคนใหม่ เขาหาทั้งสองคนไม่เจอ เขากลับออกไปใหม่เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ เขาปีนเข้าปีนออกอยู่หลายรอบ ก็ยังหาทั้งสองคนไม่เจอ คอและปอดเขาแสบไปหมด เขาพยายามปีนบันไดขึ้นไปบนหลังคา และก็หมดสติไปหลังจากที่วิทยุเรียกเจ้าหน้าที่คนอื่นให้มาช่วย เจ้าหน้าที่อเมริกันอีก 4 คน ฟังเสียงพูดทางวิทยุเกือบไม่รู้เรื่อง ขณะเดียวกันพวกจู่โจมก็บุกเข้ามาในตึก B ตึกเล็กที่อยู่ในบริเวณ แต่ไม่สามารถฝ่าแท่งกั้นเข้ามายังด้านในของห้องได้ และก็ไม่สามารถผ่านเข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการกลางได้ ที่ตึก B และศูนย์ปฏิบัติการกลางดูเหมือนจะไม่มีโทรศัพท์สายตรง แต่พวกเขามองเห็นควันดำลอยขึ้นมา พวกเขาคิดว่าจะต้องไปที่ห้องนิรภัยของตึกกลางให้ได้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพยายามเปิดประตูตึกกลาง โดยการโยนระเบิดใส่พวกจู่โจมเพื่อเปิดทาง เขากลับเข้ามาที่ตึก B ใหม่ รวมตัวกับอีก 2 คน แล้วทั้ง 3 ก็ไปที่รถ SUV หุ้มเกราะค่อยๆขับมาที่ตึกกลาง 2 คนพยายามยิงตรึงพวกจู่โจม ขณะที่อีก 1 คนพยายามเข้าไปที่ตึกกลาง เขาควานหา Stevens และ Smith และเมื่อควันหนาขึ้นเขาก็คลานออกมา เขาทำอยู่อย่างนี้จนหมดสภาพ เจ้าหน้าที่อีกคนเข้าไปแทน และก็อีกคน คนหนึ่งเจอ Smith และลากออกมา ปรากฏว่า Smith เสียชีวิตแล้วจากควันไฟ แต่พวกเขาก็ยังหา Stevens ยังไม่เจอ หน่วยกำลังเสริมมาถึง (ในรายงานไม่ได้ระบุว่ามาถึงเวลาใด) เจ้าหน้าที่อเมริกัน 6 คน จากหน่วยประจำการที่อยู่ห่างไปประมาณ 1 ไมล์ มาพร้อมด้วยทหารอีก 16 คนจากหน่วยที่ 17th February Martyrs Brigade พวกเขาเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ 1 คน ในศูนย์ปฏิบัติการกลาง ซึ่งพยายามโทรศัพท์เรียกหน่วยเสริมจากทุกแห่งรวมทั้งจาก Tripoli หลังจากนั้นพวกเขารวมตัวกันที่ประตูหน้าและจัดการหาตัว Stevens ใหม่อีกรอบ แต่ก็ยังไม่พบ พวกอเมริกันและทหารลิเบียที่เป็นฝ่ายเดียวกันพยายามจะรักษากงสุลไว้ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดพวกเขาจำเป็นต้องทิ้งกงสุลและอพยพออกไป เจ้าหน้าที่อัดตัวรวมกันอยู่ในรถ SUV พร้อมด้วยร่างของ Smith พวกอเมริกันที่หลบหนีออกมาโดนทั้งไฟเผาและถูกยิง พวกเขาพยายามฝ่าดงกระสุนออกมาจากบริเวณกงสุล รถวิ่งไปตามถนนเพื่อไปยังหน่วยเสริมกำลังของอเมริกัน ระหว่างทางพวกเขายังโดนไล่ยิงและปาระเบิดใส่ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหน่วยเสริมกำลังจนได้ พวกเขาเข้าประจำที่และยิงต่อสู้กับพวกจู่โจมต่อ เช้ามืดกองกำลังอเมริกันจาก Tripoli บินมาสมทบ การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป พวกอเมริกันเจ็บและตายเพิ่มขึ้น (ในจำนวนผู้ตาย มีเจ้าหน้าที่ CIA อีก 2 คน ชื่อ Tyrone S. Woods และ Glen Doherty เจ้าหน้าที่ Woods คือ คนที่อยู่กับฑูต Stevens ในห้องนิรภัยตอนแรก) ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจหนีออกไปจากเมือง พวกเขาได้จัดขบวนรถ SUV วิ่งไปทางสนามบินโดยความช่วยเหลือของทหารลิเบียที่เป็นพวก ในที่สุดก็ขึ้นเครื่องบิน 2 ลำ ออกมาได้หมดตอนเช้ามืดของวันนั้น ในที่สุดไฟที่สถานกงสุลก็เริ่มมอด พวกจู่โจมหายไปหมด ชาวลิเบียซึ่งอาจจะเป็นพวกที่ตั้งใจเข้าไปขโมยของ หรือเป็นพวกอยากรู้อยากเห็น พาตัวเข้าไปที่ห้องนิรภัยจนได้ และพวกเขาก็พบ Stevens พวกเขาลากร่าง Stevens ออกมา แบกไปขึ้นรถและนำไปส่งโรงพยาบาล แพทย์ฉุกเฉินพยายามช่วยกู้ชีวิต Stevens อยู่ประมาณ 45 นาที แต่ไม่สำเร็จ และไม่สามารถบอกได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาเจอมือถือที่กระเป๋าของ Stevens จึงเรียกหมายเลขต่างๆ ซึ่งกลายเป็นการพูดโทรศัพท์ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมร่มของญี่ปุ่นส่วนมากเป็นร่มใส่โปร่งแสง

    ฤดูฝนในญี่ปุ่นมาพร้อมกับช่วงซากุระบานในเดือนมีนาคมถึงเมษายน และเข้าสู่ช่วงพายุฝนในเดือนพฤษภาคม ฤดูมรสุมในเดือนมิถุนายน และไต้ฝุ่นในเดือนกรกฎาคมและตุลาคม ในช่วงเวลาเหล่านี้เองที่จะมีทั้ง ฝนโปรย ฝนปรอย ๆ และ ฝนตกหนัก ไปจนถึงฝนที่ตกมาเป็นช่วง ๆ ในระหว่างวัน

    จึงไม่แปลกเลยที่คนญี่ปุ่นจะพกร่ม แต่สิ่งที่แปลกสำหรับคนต่างชาติอย่างเรา ๆ ไม่ใช่การพกร่ม หากแต่เป็นร่มที่โปร่งใส ที่กันแดดก็ไม่ได้ และไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นแฟชั่นแต่อย่างใด แต่การทำร่มใส่นี้ มีที่มา

    ร่มใสที่ว่านี้ เริ่มผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1958 และความนิยมในการใช้ร่มใสนี้ก็เพิ่มขึ้นในช่วงการจัดโอลิมปิกในปีค.ศ. 1964

    ร่มชนิดนี้ในตอนแรกเป็นร่มที่ทำด้วยมือ มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปที่เรียกว่า コンビニエンスストア คนบินิเอนซุสโตอะ (ก็ คอนวีเนียนสโตร์ นี่ล่ะ) เรียกสั้น ๆ ว่า คนบินิ ถามว่าร้านแบบนี้สะดวกแค่ไหน ก็สะดวกชนิดที่ว่ามีร้านประเภทนี้อยู่ทุก 200 เมตร (เป็นคำเปรียบเปรยว่ามีเยอะมากทั่วไป)

    สาเหตุที่ร่มของญี่ปุ่นเป็นร่มใส ก็เพื่อประโยชน์ในการใช้งานล้วน ๆ นั่นคือ

    เพื่อไม่ให้ร่ม บังทัศนียภาพผู้อื่น (อึ้งกับความคิดเพื่อสาธารณะประโยชน์ของเขาไหมล่ะ)

    เพราะหากเวลาที่คนจำนวนมากถือร่มในชุมชน โอกาสที่จะมองไม่เห็นทางข้างหน้าและชนกันย่อมเกิดขึ้นได้มาก หากเป็นร่มทึบ ร่มชนิดนี้เรียกว่า คาซะ มาจากคำว่า วาคาซะ (ที่เป็นร่มกระดาษแบบร่มบ่อสร้างบ้านเรา ปัจจุบันเรามักเห็นการใช่ร่มกระดาษเวลาที่เขาสวมชุดประจำชาติกัน)

    สิ่งที่ทำให้ร่ม คาซะ เป็นที่นิยม ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น ราคา และ ความสบายใจในการพกพา นั่นคือ นอกจากมันจะมีราคาถูก คันล่ะราว ๆ 300-500 เยน หรือราวๆ 60 - 100 บาทเศษ ๆ ดังนั้น ถ้าพกพาไปแล้วหลงลืมทำหาย ก็จะไม่เสียดายมากนักนั่นเอง

    Vee Chirasreshtha
    ทำไมร่มของญี่ปุ่นส่วนมากเป็นร่มใส่โปร่งแสง ฤดูฝนในญี่ปุ่นมาพร้อมกับช่วงซากุระบานในเดือนมีนาคมถึงเมษายน และเข้าสู่ช่วงพายุฝนในเดือนพฤษภาคม ฤดูมรสุมในเดือนมิถุนายน และไต้ฝุ่นในเดือนกรกฎาคมและตุลาคม ในช่วงเวลาเหล่านี้เองที่จะมีทั้ง ฝนโปรย ฝนปรอย ๆ และ ฝนตกหนัก ไปจนถึงฝนที่ตกมาเป็นช่วง ๆ ในระหว่างวัน จึงไม่แปลกเลยที่คนญี่ปุ่นจะพกร่ม แต่สิ่งที่แปลกสำหรับคนต่างชาติอย่างเรา ๆ ไม่ใช่การพกร่ม หากแต่เป็นร่มที่โปร่งใส ที่กันแดดก็ไม่ได้ และไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นแฟชั่นแต่อย่างใด แต่การทำร่มใส่นี้ มีที่มา ร่มใสที่ว่านี้ เริ่มผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1958 และความนิยมในการใช้ร่มใสนี้ก็เพิ่มขึ้นในช่วงการจัดโอลิมปิกในปีค.ศ. 1964 ร่มชนิดนี้ในตอนแรกเป็นร่มที่ทำด้วยมือ มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปที่เรียกว่า コンビニエンスストア คนบินิเอนซุสโตอะ (ก็ คอนวีเนียนสโตร์ นี่ล่ะ) เรียกสั้น ๆ ว่า คนบินิ ถามว่าร้านแบบนี้สะดวกแค่ไหน ก็สะดวกชนิดที่ว่ามีร้านประเภทนี้อยู่ทุก 200 เมตร (เป็นคำเปรียบเปรยว่ามีเยอะมากทั่วไป) สาเหตุที่ร่มของญี่ปุ่นเป็นร่มใส ก็เพื่อประโยชน์ในการใช้งานล้วน ๆ นั่นคือ เพื่อไม่ให้ร่ม บังทัศนียภาพผู้อื่น (อึ้งกับความคิดเพื่อสาธารณะประโยชน์ของเขาไหมล่ะ) เพราะหากเวลาที่คนจำนวนมากถือร่มในชุมชน โอกาสที่จะมองไม่เห็นทางข้างหน้าและชนกันย่อมเกิดขึ้นได้มาก หากเป็นร่มทึบ ร่มชนิดนี้เรียกว่า คาซะ มาจากคำว่า วาคาซะ (ที่เป็นร่มกระดาษแบบร่มบ่อสร้างบ้านเรา ปัจจุบันเรามักเห็นการใช่ร่มกระดาษเวลาที่เขาสวมชุดประจำชาติกัน) สิ่งที่ทำให้ร่ม คาซะ เป็นที่นิยม ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น ราคา และ ความสบายใจในการพกพา นั่นคือ นอกจากมันจะมีราคาถูก คันล่ะราว ๆ 300-500 เยน หรือราวๆ 60 - 100 บาทเศษ ๆ ดังนั้น ถ้าพกพาไปแล้วหลงลืมทำหาย ก็จะไม่เสียดายมากนักนั่นเอง Vee Chirasreshtha
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพัด 'ชัยเกษม' นายกรัฐมนตรีคนที่ 31

    หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ จากกรณีนําความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายพิชิตเคยถูกศาลฎีกาสั่งจําคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอํานาจศาล เป็นบุคคลที่กระทําการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ

    นับเป็นการปิดฉากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย จากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สู่นักการเมือง หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 358 วัน นับตั้งแต่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา

    เมื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ปล่อยให้บรรยากาศทางการเมืองตกอยู่ในภาวะสูญญากาศ การหารือระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 14 ส.ค. โดยมีรายงานว่า พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดต เป็นนายกรัฐมนตรี

    ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ โดยก่อนหน้านี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งต่อที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่า จำนวน สส.ในสภาปัจจุบันเท่าที่มีและปฏิบัติหน้าที่ได้ มีจำนวน 493 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 247 คน หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค

    ปัจจุบันเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาล รวม 315 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง หากเป็นไปในทิศทางเดียวกันย่อมได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งไม่ยาก เว้นเสียแต่การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้

    สำหรับนายชัยเกษม นิติสิริ อายุ 75 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท กฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา เคยเป็นอดีตประธาน ก.ล.ต. อดีตอัยการสูงสุด อดีต รมว.ยุติธรรม ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย

    ก่อนหน้านี้นายชัยเกษมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วยกะทันหันหลังจากลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ จ.น่าน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2566 เมื่อตรวจซีทีสแกนพบว่ามีก้อนเลือดแห้งอยู่ในสมอง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เข้ามาช่วยทำงานกับพรรคมาโดยตลอด

    #Newskit #ชัยเกษม #นายกรัฐมนตรี
    สะพัด 'ชัยเกษม' นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ จากกรณีนําความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายพิชิตเคยถูกศาลฎีกาสั่งจําคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอํานาจศาล เป็นบุคคลที่กระทําการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ นับเป็นการปิดฉากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย จากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สู่นักการเมือง หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 358 วัน นับตั้งแต่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา เมื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ปล่อยให้บรรยากาศทางการเมืองตกอยู่ในภาวะสูญญากาศ การหารือระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 14 ส.ค. โดยมีรายงานว่า พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดต เป็นนายกรัฐมนตรี ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในวันศุกร์ที่ 16 ส.ค. 2567 เวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ โดยก่อนหน้านี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งต่อที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่า จำนวน สส.ในสภาปัจจุบันเท่าที่มีและปฏิบัติหน้าที่ได้ มีจำนวน 493 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่งคือ 247 คน หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ปัจจุบันเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาล รวม 315 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ และพรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง หากเป็นไปในทิศทางเดียวกันย่อมได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งไม่ยาก เว้นเสียแต่การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ สำหรับนายชัยเกษม นิติสิริ อายุ 75 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท กฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา เคยเป็นอดีตประธาน ก.ล.ต. อดีตอัยการสูงสุด อดีต รมว.ยุติธรรม ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม พรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้นายชัยเกษมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วยกะทันหันหลังจากลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ จ.น่าน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2566 เมื่อตรวจซีทีสแกนพบว่ามีก้อนเลือดแห้งอยู่ในสมอง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สุขภาพกลับมาแข็งแรงแล้ว ที่ผ่านมาก็เข้ามาช่วยทำงานกับพรรคมาโดยตลอด #Newskit #ชัยเกษม #นายกรัฐมนตรี
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 0 รีวิว