• ชำแหละเหลี่ยม “จิรัฏฐ์” ทำไมสู้คดีคนเดียว ปมร้อน “สด.43 ปลอม”
    .
    คดีปลอมใบ สด.43 ของ “จิรัฏฐ์” อดีต สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาชน กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จากข้อหาใช้เอกสารราชการปลอม
    .
    คำถามสำคัญที่ถูกตั้งขึ้น คือเหตุใดจำเลยจึงเลือกเบิกความเพียงคนเดียว ไม่เรียกคณะกรรมการตรวจเลือกทหารในพื้นที่มาเป็นพยาน ทั้งที่ใบ สด.43 ฉบับดังกล่าวถูกใช้สมัคร สส. ถึงสองครั้ง
    .
    กูรูกฎหมายชี้ หากมีการดึงคณะกรรมการตรวจเลือกทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีอาจลุกลามไปสู่คดีทุจริตข้าราชการ และเปลี่ยนเส้นทางการพิจารณาไปอีกระดับ ซึ่งอาจทำให้โทษหนักขึ้นหลายเท่า
    .
    ขณะเดียวกัน การส่งภริยาลงสมัคร สส. แทนตัวเอง ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และระบบตรวจสอบภายใน
    .
    คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่สะเทือนถึงมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และความเชื่อมั่นของประชาชน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121723 .
    .
    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สด43ปลอม #การเมืองไทย #จริยธรรมนักการเมือง
    ชำแหละเหลี่ยม “จิรัฏฐ์” ทำไมสู้คดีคนเดียว ปมร้อน “สด.43 ปลอม” . คดีปลอมใบ สด.43 ของ “จิรัฏฐ์” อดีต สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาชน กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง หลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา จากข้อหาใช้เอกสารราชการปลอม . คำถามสำคัญที่ถูกตั้งขึ้น คือเหตุใดจำเลยจึงเลือกเบิกความเพียงคนเดียว ไม่เรียกคณะกรรมการตรวจเลือกทหารในพื้นที่มาเป็นพยาน ทั้งที่ใบ สด.43 ฉบับดังกล่าวถูกใช้สมัคร สส. ถึงสองครั้ง . กูรูกฎหมายชี้ หากมีการดึงคณะกรรมการตรวจเลือกทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีอาจลุกลามไปสู่คดีทุจริตข้าราชการ และเปลี่ยนเส้นทางการพิจารณาไปอีกระดับ ซึ่งอาจทำให้โทษหนักขึ้นหลายเท่า . ขณะเดียวกัน การส่งภริยาลงสมัคร สส. แทนตัวเอง ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของพรรคการเมือง และระบบตรวจสอบภายใน . คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่สะเทือนถึงมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง และความเชื่อมั่นของประชาชน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121723 . . #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สด43ปลอม #การเมืองไทย #จริยธรรมนักการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ขยายมาตรการแบนด้านการเดินทางของสหรัฐฯ ห้ามเพิ่มอีก 7 ประเทศ ในนั้นรวมถึงลาวและซีเรีย เช่นเดียวกับพวกผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ จากการเดินทางเข้าอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้วอชิงตันเคยระบุว่าบรรดาชาติที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวกำลังไหลบ่า "พวกฆาตกร" และ "พวกทำตัวเป็นกาฝาก" เข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121239

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ขยายมาตรการแบนด้านการเดินทางของสหรัฐฯ ห้ามเพิ่มอีก 7 ประเทศ ในนั้นรวมถึงลาวและซีเรีย เช่นเดียวกับพวกผู้ถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ จากการเดินทางเข้าอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้วอชิงตันเคยระบุว่าบรรดาชาติที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวกำลังไหลบ่า "พวกฆาตกร" และ "พวกทำตัวเป็นกาฝาก" เข้าสู่สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121239 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปิดบริการ Dark Web Report กุมภาพันธ์ 2026

    Google ประกาศยุติบริการ Dark Web Report ที่เคยช่วยผู้ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์โทร หรือที่อยู่ ปรากฏอยู่ในตลาดมืดหรือไม่ บริการนี้เปิดตัวครั้งแรกปี 2023 และขยายให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ในปี 2024 แต่จะหยุดการสแกนข้อมูลใหม่ตั้งแต่ 15 มกราคม 2026 และปิดถาวรใน 16 กุมภาพันธ์ 2026 พร้อมลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากระบบ

    สาเหตุหลักคือ ข้อจำกัดของบริการ ที่แม้จะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อมูลรั่วไหล แต่กลับไม่สามารถบอกวิธีแก้ไขที่ชัดเจนได้ เช่น เมื่อมีการแจ้งว่า “เบอร์โทรถูกพบใน Dark Web” ผู้ใช้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ทำให้เกิดความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา Google จึงเลือกหันไปลงทุนในเครื่องมือที่ให้การป้องกันเชิงรุกและมีขั้นตอนแก้ไขที่ชัดเจนกว่า

    หลังการยุติบริการ Google แนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น Google Password Manager ที่ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ, Security Checkup ที่รีวิวกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ, Passkeys ที่ช่วยยืนยันตัวตนแบบปลอดภัย และ Results about you ที่ช่วยลบข้อมูลส่วนตัวออกจากผลการค้นหา Google Search ซึ่งทั้งหมดนี้ให้การป้องกันที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเพียงการแจ้งเตือน

    นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่าแม้ Google จะปิดบริการ แต่ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการภายนอก เช่น Have I Been Pwned, Bitwarden, 1Password หรือ Mozilla Monitor Plus ที่ยังคงให้การตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลบน Dark Web ได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวอย่างจริงจัง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กำหนดการปิดบริการ Dark Web Report
    หยุดสแกนข้อมูลใหม่: 15 มกราคม 2026
    ปิดถาวรและลบข้อมูลทั้งหมด: 16 กุมภาพันธ์ 2026

    เหตุผลที่ยุติบริการ
    แจ้งเตือนทั่วไปแต่ไม่ให้แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน
    สร้างความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา

    เครื่องมือที่ Google แนะนำแทน
    Google Password Manager – ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ
    Security Checkup – ตรวจสอบกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ
    Passkeys – ระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
    Results about you – ลบข้อมูลส่วนตัวจาก Google Search

    บริการทางเลือกจากภายนอก
    Have I Been Pwned – ตรวจสอบอีเมลที่ถูกเจาะ
    Bitwarden, 1Password, Mozilla Monitor Plus – ให้บริการตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากไม่ลบข้อมูลโปรไฟล์ก่อนกำหนด ข้อมูลจะถูกลบโดยอัตโนมัติ 16 กุมภาพันธ์ 2026
    การพึ่งพาเพียงการแจ้งเตือนโดยไม่มีการป้องกันเชิงรุก อาจทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์มากขึ้น
    🛡️ Google ปิดบริการ Dark Web Report กุมภาพันธ์ 2026 Google ประกาศยุติบริการ Dark Web Report ที่เคยช่วยผู้ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์โทร หรือที่อยู่ ปรากฏอยู่ในตลาดมืดหรือไม่ บริการนี้เปิดตัวครั้งแรกปี 2023 และขยายให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ในปี 2024 แต่จะหยุดการสแกนข้อมูลใหม่ตั้งแต่ 15 มกราคม 2026 และปิดถาวรใน 16 กุมภาพันธ์ 2026 พร้อมลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากระบบ สาเหตุหลักคือ ข้อจำกัดของบริการ ที่แม้จะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อมูลรั่วไหล แต่กลับไม่สามารถบอกวิธีแก้ไขที่ชัดเจนได้ เช่น เมื่อมีการแจ้งว่า “เบอร์โทรถูกพบใน Dark Web” ผู้ใช้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ทำให้เกิดความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา Google จึงเลือกหันไปลงทุนในเครื่องมือที่ให้การป้องกันเชิงรุกและมีขั้นตอนแก้ไขที่ชัดเจนกว่า หลังการยุติบริการ Google แนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น Google Password Manager ที่ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ, Security Checkup ที่รีวิวกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ, Passkeys ที่ช่วยยืนยันตัวตนแบบปลอดภัย และ Results about you ที่ช่วยลบข้อมูลส่วนตัวออกจากผลการค้นหา Google Search ซึ่งทั้งหมดนี้ให้การป้องกันที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเพียงการแจ้งเตือน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่าแม้ Google จะปิดบริการ แต่ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการภายนอก เช่น Have I Been Pwned, Bitwarden, 1Password หรือ Mozilla Monitor Plus ที่ยังคงให้การตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลบน Dark Web ได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวอย่างจริงจัง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กำหนดการปิดบริการ Dark Web Report ➡️ หยุดสแกนข้อมูลใหม่: 15 มกราคม 2026 ➡️ ปิดถาวรและลบข้อมูลทั้งหมด: 16 กุมภาพันธ์ 2026 ✅ เหตุผลที่ยุติบริการ ➡️ แจ้งเตือนทั่วไปแต่ไม่ให้แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน ➡️ สร้างความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา ✅ เครื่องมือที่ Google แนะนำแทน ➡️ Google Password Manager – ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ ➡️ Security Checkup – ตรวจสอบกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ ➡️ Passkeys – ระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย ➡️ Results about you – ลบข้อมูลส่วนตัวจาก Google Search ✅ บริการทางเลือกจากภายนอก ➡️ Have I Been Pwned – ตรวจสอบอีเมลที่ถูกเจาะ ➡️ Bitwarden, 1Password, Mozilla Monitor Plus – ให้บริการตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากไม่ลบข้อมูลโปรไฟล์ก่อนกำหนด ข้อมูลจะถูกลบโดยอัตโนมัติ 16 กุมภาพันธ์ 2026 ⛔ การพึ่งพาเพียงการแจ้งเตือนโดยไม่มีการป้องกันเชิงรุก อาจทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์มากขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐอเมริกาและยุโรปขยับเกมใหญ่ในวิกฤตยูเครน หลังมีรายงานว่า วอชิงตันเสนอแนวทาง “รับประกันความมั่นคงระดับนาโต” ให้ยูเครน ระหว่างการหารือที่กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2568
    .
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ และบรรดาผู้นำยุโรปแสดงท่าทีเชิงบวก พร้อมระบุว่าอาจสามารถจัดทำ แผนสันติภาพเสร็จภายในไม่กี่วัน เพื่อส่งให้รัสเซียพิจารณา
    .
    ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 เวลา 23.52 น. ว่า ข้อตกลงยุติสงครามยูเครน–รัสเซีย “ใกล้ความจริงมากกว่าที่เคยเป็นมา” แม้ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการเจรจาโดยตรงกับรัสเซียในรอบล่าสุด
    .
    ข้อเสนอของสหรัฐฯ ระบุถึงการรับประกันความมั่นคงในลักษณะคล้าย มาตรา 5 ของนาโต และอาจรวมถึงการจัดตั้งกองกำลังนานาชาติในยูเครน ภายใต้การนำของยุโรป และการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัสเซียยังไม่แสดงท่าทีตอบรับ โดยเครมลินย้ำว่า ไม่ยอมรับการใช้เล่ห์เหลี่ยมถ่วงเวลา และยังยืนกรานเงื่อนไขเดิม ทั้งเรื่องการไม่ให้นาโตเข้ามาประจำการในยูเครน และการรับรองดินแดนที่รัสเซียยึดครอง
    .
    ประเด็นดินแดนใน ดอนบาสและไครเมีย ยังคงเป็นชนวนสำคัญที่อาจทำให้การเจรจาสะดุด ขณะที่เซเลนสกี้ย้ำชัดว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับการสูญเสียดินแดนให้รัสเซียไม่ว่ากรณีใด
    .
    สถานการณ์สันติภาพยูเครนจึงยังอยู่ในจุดชี้ขาด ระหว่าง “ความหวังจากตะวันตก” กับ “เงื่อนไขแข็งกร้าวจากมอสโก”
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121216
    .
    #News1live #News1 #ยูเครน #รัสเซีย #สหรัฐ #ทรัมป์ #เซเลนสกี้ #สงครามยูเครน #สันติภาพ
    สหรัฐอเมริกาและยุโรปขยับเกมใหญ่ในวิกฤตยูเครน หลังมีรายงานว่า วอชิงตันเสนอแนวทาง “รับประกันความมั่นคงระดับนาโต” ให้ยูเครน ระหว่างการหารือที่กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2568 . ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ และบรรดาผู้นำยุโรปแสดงท่าทีเชิงบวก พร้อมระบุว่าอาจสามารถจัดทำ แผนสันติภาพเสร็จภายในไม่กี่วัน เพื่อส่งให้รัสเซียพิจารณา . ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2568 เวลา 23.52 น. ว่า ข้อตกลงยุติสงครามยูเครน–รัสเซีย “ใกล้ความจริงมากกว่าที่เคยเป็นมา” แม้ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการเจรจาโดยตรงกับรัสเซียในรอบล่าสุด . ข้อเสนอของสหรัฐฯ ระบุถึงการรับประกันความมั่นคงในลักษณะคล้าย มาตรา 5 ของนาโต และอาจรวมถึงการจัดตั้งกองกำลังนานาชาติในยูเครน ภายใต้การนำของยุโรป และการสนับสนุนจากสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัสเซียยังไม่แสดงท่าทีตอบรับ โดยเครมลินย้ำว่า ไม่ยอมรับการใช้เล่ห์เหลี่ยมถ่วงเวลา และยังยืนกรานเงื่อนไขเดิม ทั้งเรื่องการไม่ให้นาโตเข้ามาประจำการในยูเครน และการรับรองดินแดนที่รัสเซียยึดครอง . ประเด็นดินแดนใน ดอนบาสและไครเมีย ยังคงเป็นชนวนสำคัญที่อาจทำให้การเจรจาสะดุด ขณะที่เซเลนสกี้ย้ำชัดว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับการสูญเสียดินแดนให้รัสเซียไม่ว่ากรณีใด . สถานการณ์สันติภาพยูเครนจึงยังอยู่ในจุดชี้ขาด ระหว่าง “ความหวังจากตะวันตก” กับ “เงื่อนไขแข็งกร้าวจากมอสโก” . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121216 . #News1live #News1 #ยูเครน #รัสเซีย #สหรัฐ #ทรัมป์ #เซเลนสกี้ #สงครามยูเครน #สันติภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ของ “จ่าดูไบ” ทหารกล้าผู้พลีชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เปิดใจทั้งน้ำตา บอกเสียใจและภูมิใจในเวลาเดียวกัน หลังสูญเสียลูกชายรายที่ 17 ของสมรภูมิครั้งนี้
    .
    นางละมุน หาญสุโพธิ์ มารดา จ.ส.อ.กฤษฎา เผยว่า ระหว่างที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า โทรศัพท์มาหาแม่ทุกวัน วันละหลายครั้ง แม้ในสายจะได้ยินเสียงปืนและระเบิดตลอด แต่ลูกไม่เคยบ่น
    .
    จ่าดูไบเคยเป็นทหารเกณฑ์ ก่อนตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ เพราะอยากรับใช้ชาติอย่างแท้จริง จนจบออกมารับราชการตั้งแต่ปี 2554 เป็นคนร่าเริง นิสัยดี และกำลังจะได้ลาพักกลับบ้านในวันที่ 23 ธันวาคมนี้
    .
    วันนี้หน่วยงานฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และกองทัพ ลงพื้นที่ให้กำลังใจครอบครัว พร้อมเตรียมรับร่างทหารกล้ากลับบ้านเกิด ที่วัดดงนิมิต อ.กุดบาก จ.สกลนคร
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120986
    .
    #News1live #News1 #สดุดีทหารกล้า #จ่าดูไบ #วีรบุรุษชายแดน #กองทัพภาคที่2 #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    แม่ของ “จ่าดูไบ” ทหารกล้าผู้พลีชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เปิดใจทั้งน้ำตา บอกเสียใจและภูมิใจในเวลาเดียวกัน หลังสูญเสียลูกชายรายที่ 17 ของสมรภูมิครั้งนี้ . นางละมุน หาญสุโพธิ์ มารดา จ.ส.อ.กฤษฎา เผยว่า ระหว่างที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า โทรศัพท์มาหาแม่ทุกวัน วันละหลายครั้ง แม้ในสายจะได้ยินเสียงปืนและระเบิดตลอด แต่ลูกไม่เคยบ่น . จ่าดูไบเคยเป็นทหารเกณฑ์ ก่อนตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ เพราะอยากรับใช้ชาติอย่างแท้จริง จนจบออกมารับราชการตั้งแต่ปี 2554 เป็นคนร่าเริง นิสัยดี และกำลังจะได้ลาพักกลับบ้านในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ . วันนี้หน่วยงานฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และกองทัพ ลงพื้นที่ให้กำลังใจครอบครัว พร้อมเตรียมรับร่างทหารกล้ากลับบ้านเกิด ที่วัดดงนิมิต อ.กุดบาก จ.สกลนคร . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120986 . #News1live #News1 #สดุดีทหารกล้า #จ่าดูไบ #วีรบุรุษชายแดน #กองทัพภาคที่2 #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์

    เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที

    โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น.

    สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที

    ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต

    สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้

    จาก KL Sentral ถึง JB Sentral

    EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น.
    EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น.
    EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น.
    EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น.

    จาก JB Sentral ถึง KL Sentral

    EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น.
    EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น.
    EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น.
    EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น.

    #Newskit
    ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น. สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้ จาก KL Sentral ถึง JB Sentral EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น. EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น. EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น. EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น. จาก JB Sentral ถึง KL Sentral EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น. EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น. EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น. EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น. #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรั่วไหลครั้งใหญ่ของฐานข้อมูล MongoDB

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Bob Diachenko ร่วมกับทีมจาก nexos.ai ได้ค้นพบฐานข้อมูล MongoDB ที่ไม่ได้รับการป้องกันเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2025 ฐานข้อมูลนี้มีขนาดมหึมา 16TB และบรรจุข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ซึ่งรวมถึงชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการทำงาน การศึกษา และลิงก์ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล

    แม้เจ้าของฐานข้อมูลจะรีบปิดการเข้าถึงภายในสองวันหลังถูกแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครได้เข้าถึงข้อมูลไปแล้วบ้าง ข้อมูลที่รั่วไหลถูกแบ่งออกเป็น 9 คอลเลกชัน เช่น “profiles”, “people” และ “unique_profiles” โดยเฉพาะคอลเลกชัน “unique_profiles” ที่มีมากกว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ

    ความเสี่ยงและผลกระทบ
    นักวิจัย Cybernews ระบุว่าข้อมูลที่รั่วไหลนี้มีโครงสร้างชัดเจนและละเอียดมาก จึงเป็น ขุมทองสำหรับอาชญากรไซเบอร์ เพราะสามารถนำไปใช้สร้างฐานข้อมูลค้นหาเพื่อทำการโจมตีแบบเจาะจง เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือ CEO Fraud ที่เลียนแบบผู้บริหารเพื่อหลอกให้พนักงานโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ

    นอกจากนี้ยังพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจถูกเก็บมาจากการ Scraping หรือการดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงการรั่วไหลก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ยากต่อการระบุเจ้าของที่แท้จริงของฐานข้อมูล แต่มีหลักฐานบางอย่างชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัทด้าน Lead Generation ที่ทำธุรกิจหาลูกค้าให้กับองค์กรต่างๆ

    วิธีป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี การรั่วไหลครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เราฝากไว้กับแพลตฟอร์มออนไลน์อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ทุกเมื่อ

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบฐานข้อมูลรั่วไหล
    ขนาด 16TB มีข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด
    รวมชื่อ อีเมล เบอร์โทร ประวัติการทำงาน และ LinkedIn

    รายละเอียดคอลเลกชันข้อมูล
    “profiles” กว่า 1.1 พันล้านเรคคอร์ด
    “unique_profiles” กว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ

    ความเสี่ยงจากการรั่วไหล
    อาชญากรสามารถใช้ข้อมูลทำฟิชชิ่งและ CEO Fraud
    ข้อมูลอาจถูก Scraping จากหลายแหล่ง ทำให้ระบุเจ้าของยาก

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน
    เปิดใช้งาน 2FA และอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

    https://hackread.com/mongodb-database-expose-lead-gen-records/
    🔐 การรั่วไหลครั้งใหญ่ของฐานข้อมูล MongoDB นักวิจัยด้านความปลอดภัย Bob Diachenko ร่วมกับทีมจาก nexos.ai ได้ค้นพบฐานข้อมูล MongoDB ที่ไม่ได้รับการป้องกันเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2025 ฐานข้อมูลนี้มีขนาดมหึมา 16TB และบรรจุข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ซึ่งรวมถึงชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการทำงาน การศึกษา และลิงก์ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล แม้เจ้าของฐานข้อมูลจะรีบปิดการเข้าถึงภายในสองวันหลังถูกแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครได้เข้าถึงข้อมูลไปแล้วบ้าง ข้อมูลที่รั่วไหลถูกแบ่งออกเป็น 9 คอลเลกชัน เช่น “profiles”, “people” และ “unique_profiles” โดยเฉพาะคอลเลกชัน “unique_profiles” ที่มีมากกว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ ⚠️ ความเสี่ยงและผลกระทบ นักวิจัย Cybernews ระบุว่าข้อมูลที่รั่วไหลนี้มีโครงสร้างชัดเจนและละเอียดมาก จึงเป็น ขุมทองสำหรับอาชญากรไซเบอร์ เพราะสามารถนำไปใช้สร้างฐานข้อมูลค้นหาเพื่อทำการโจมตีแบบเจาะจง เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือ CEO Fraud ที่เลียนแบบผู้บริหารเพื่อหลอกให้พนักงานโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจถูกเก็บมาจากการ Scraping หรือการดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงการรั่วไหลก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ยากต่อการระบุเจ้าของที่แท้จริงของฐานข้อมูล แต่มีหลักฐานบางอย่างชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัทด้าน Lead Generation ที่ทำธุรกิจหาลูกค้าให้กับองค์กรต่างๆ 🛡️ วิธีป้องกันสำหรับผู้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี การรั่วไหลครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เราฝากไว้กับแพลตฟอร์มออนไลน์อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ทุกเมื่อ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบฐานข้อมูลรั่วไหล ➡️ ขนาด 16TB มีข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ➡️ รวมชื่อ อีเมล เบอร์โทร ประวัติการทำงาน และ LinkedIn ✅ รายละเอียดคอลเลกชันข้อมูล ➡️ “profiles” กว่า 1.1 พันล้านเรคคอร์ด ➡️ “unique_profiles” กว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ ‼️ ความเสี่ยงจากการรั่วไหล ⛔ อาชญากรสามารถใช้ข้อมูลทำฟิชชิ่งและ CEO Fraud ⛔ ข้อมูลอาจถูก Scraping จากหลายแหล่ง ทำให้ระบุเจ้าของยาก ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน ⛔ เปิดใช้งาน 2FA และอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ https://hackread.com/mongodb-database-expose-lead-gen-records/
    HACKREAD.COM
    16TB of MongoDB Database Exposes 4.3 Billion Lead Gen Records
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครอบครัว ญาติ และชาวบ้านใน จ.อุบลราชธานี ร่วมทำบุญครบ 100 วัน และเปิดอนุสาวรีย์รำลึกถึง ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุข ทหารผู้กล้า ตำแหน่งพลซุ่มยิง สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ บริเวณปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
    .
    พิธีจัดขึ้นที่วัดบูรพาราม บ้านคูเมือง อ.วารินชำราบ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธาน พร้อมข้าราชการ ทหาร และประชาชนร่วมแสดงความอาลัยและสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าผู้สละชีพเพื่อแผ่นดินไทย โดยครอบครัวและชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ทหารวีรบุรุษ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจแก่คนรุ่นหลังถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่
    .
    กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นพันตรี แก่ ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุข ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทหารกล้าผู้พลีชีพจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120604
    .
    #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #วีรบุรุษของชาติ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    ครอบครัว ญาติ และชาวบ้านใน จ.อุบลราชธานี ร่วมทำบุญครบ 100 วัน และเปิดอนุสาวรีย์รำลึกถึง ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุข ทหารผู้กล้า ตำแหน่งพลซุ่มยิง สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ บริเวณปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ . พิธีจัดขึ้นที่วัดบูรพาราม บ้านคูเมือง อ.วารินชำราบ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธาน พร้อมข้าราชการ ทหาร และประชาชนร่วมแสดงความอาลัยและสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าผู้สละชีพเพื่อแผ่นดินไทย โดยครอบครัวและชาวบ้านได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ทหารวีรบุรุษ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจแก่คนรุ่นหลังถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ . กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นพันตรี แก่ ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุข ซึ่งนับเป็นหนึ่งในทหารกล้าผู้พลีชีพจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา . ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120604 . #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #วีรบุรุษของชาติ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 2
    กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย
    อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012
    The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี
    ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ
    มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ
    อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ
    ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย
    ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย
    ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่”
    นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้
    พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 2 กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012 The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่” นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Tensor G6 กำลังยืมแนวคิดจาก MediaTek Dimensity 9500

    รายงานล่าสุดเผยว่า Google Tensor G6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของ MediaTek Dimensity 9500 โดยมีการปรับปรุงโครงสร้าง CPU และการเลือกใช้คอร์รุ่นใหม่ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดที่พบใน Tensor G5

    สถาปัตยกรรมใหม่ของ Tensor G6
    Tensor G6 จะใช้โครงสร้าง 1+6+1 cores แทนที่แบบ 1+5+2 cores ของ Tensor G5 ซึ่งหมายถึงการลดจำนวนคอร์ประหยัดพลังงาน (efficiency cores) และเพิ่มคอร์ประสิทธิภาพ (big cores) อีกหนึ่งตัว แนวทางนี้คล้ายกับ Dimensity 9500 ที่เลือกละทิ้ง efficiency cores เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลโดยตรง นอกจากนี้ Tensor G6 ยังจะใช้ ARM Cortex-X930 Super Core และ Cortex-A730 Big Cores ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ต่างจาก Tensor G5 ที่ยังใช้ Cortex-X4 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2023

    GPU และ AI
    แม้ CPU จะได้รับการปรับปรุง แต่ GPU ของ Tensor G6 กลับใช้ IMG CXT รุ่นเก่า ซึ่งด้อยกว่า GPU ใน Tensor G5 ที่เป็น IMG DXT รุ่นใหม่กว่า อย่างไรก็ตาม Tensor G6 จะมี nano-TPU เพิ่มเข้ามาเพื่อจัดการงาน AI ที่เบากว่า ทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน Google ยังเลือกใช้ MediaTek M90 modem ที่รองรับความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 12Gbps แทนโมเดมของ Samsung

    ความหมายต่อการแข่งขัน
    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่า Google กำลังเรียนรู้จาก MediaTek ที่กล้าเสี่ยงและใช้คอร์รุ่นใหม่ทันทีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลลัพธ์คือ Tensor G6 อาจมีพลังประมวลผลที่เหนือกว่า Tensor G5 อย่างชัดเจน แต่ยังคงมีข้อกังขาเรื่อง GPU ที่ล้าหลัง ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Qualcomm และ MediaTek เอง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปรับปรุง CPU
    โครงสร้างใหม่ 1+6+1 cores
    ใช้ ARM Cortex-X930 และ Cortex-A730

    การพัฒนา AI และโมเดม
    เพิ่ม nano-TPU สำหรับงานเบา
    ใช้ MediaTek M90 modem ความเร็วสูงสุด 12Gbps

    จุดแข็ง
    ประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้นอย่างมาก
    เรียนรู้จากแนวทาง Dimensity 9500

    จุดอ่อน
    GPU ใช้รุ่นเก่ากว่า Tensor G5
    อาจเสียเปรียบคู่แข่งที่เน้นกราฟิกขั้นสูง

    https://wccftech.com/googles-tensor-g6-is-borrowing-ideas-from-mediateks-dimensity-9500/
    📱 Google Tensor G6 กำลังยืมแนวคิดจาก MediaTek Dimensity 9500 รายงานล่าสุดเผยว่า Google Tensor G6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของ MediaTek Dimensity 9500 โดยมีการปรับปรุงโครงสร้าง CPU และการเลือกใช้คอร์รุ่นใหม่ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดที่พบใน Tensor G5 ⚙️ สถาปัตยกรรมใหม่ของ Tensor G6 Tensor G6 จะใช้โครงสร้าง 1+6+1 cores แทนที่แบบ 1+5+2 cores ของ Tensor G5 ซึ่งหมายถึงการลดจำนวนคอร์ประหยัดพลังงาน (efficiency cores) และเพิ่มคอร์ประสิทธิภาพ (big cores) อีกหนึ่งตัว แนวทางนี้คล้ายกับ Dimensity 9500 ที่เลือกละทิ้ง efficiency cores เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลโดยตรง นอกจากนี้ Tensor G6 ยังจะใช้ ARM Cortex-X930 Super Core และ Cortex-A730 Big Cores ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ต่างจาก Tensor G5 ที่ยังใช้ Cortex-X4 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2023 🎮 GPU และ AI แม้ CPU จะได้รับการปรับปรุง แต่ GPU ของ Tensor G6 กลับใช้ IMG CXT รุ่นเก่า ซึ่งด้อยกว่า GPU ใน Tensor G5 ที่เป็น IMG DXT รุ่นใหม่กว่า อย่างไรก็ตาม Tensor G6 จะมี nano-TPU เพิ่มเข้ามาเพื่อจัดการงาน AI ที่เบากว่า ทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน Google ยังเลือกใช้ MediaTek M90 modem ที่รองรับความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 12Gbps แทนโมเดมของ Samsung 🚀 ความหมายต่อการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่า Google กำลังเรียนรู้จาก MediaTek ที่กล้าเสี่ยงและใช้คอร์รุ่นใหม่ทันทีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลลัพธ์คือ Tensor G6 อาจมีพลังประมวลผลที่เหนือกว่า Tensor G5 อย่างชัดเจน แต่ยังคงมีข้อกังขาเรื่อง GPU ที่ล้าหลัง ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Qualcomm และ MediaTek เอง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปรับปรุง CPU ➡️ โครงสร้างใหม่ 1+6+1 cores ➡️ ใช้ ARM Cortex-X930 และ Cortex-A730 ✅ การพัฒนา AI และโมเดม ➡️ เพิ่ม nano-TPU สำหรับงานเบา ➡️ ใช้ MediaTek M90 modem ความเร็วสูงสุด 12Gbps ✅ จุดแข็ง ➡️ ประสิทธิภาพ CPU ดีขึ้นอย่างมาก ➡️ เรียนรู้จากแนวทาง Dimensity 9500 ‼️ จุดอ่อน ⛔ GPU ใช้รุ่นเก่ากว่า Tensor G5 ⛔ อาจเสียเปรียบคู่แข่งที่เน้นกราฟิกขั้นสูง https://wccftech.com/googles-tensor-g6-is-borrowing-ideas-from-mediateks-dimensity-9500/
    WCCFTECH.COM
    Google's Tensor G6 Is Borrowing Ideas From MediaTek's Dimensity 9500
    The Dimensity 9500 chip has panache, and all of the bubbly effervescence of carefree youth, which is now rubbing off on the Tensor G6 chip.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กๆ รัสเซียลุกฮือ หลัง Roblox ถูกแบน

    สื่อรัสเซียรายงานว่า การตัดสินใจของรัฐบาลในการแบนแพลตฟอร์มเกม Roblox ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่เยาวชน โดยมีจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ที่น่าตกใจคือครึ่งหนึ่งของเด็กๆ ที่เขียนจดหมายระบุว่า พวกเขาอยากจะออกจากประเทศเพราะไม่สามารถเล่น Roblox ได้อีกต่อไป

    เหตุผลของการแบน
    หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัสเซีย (Roskomnadzor) อ้างว่า Roblox มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางจิตใจและศีลธรรมของเด็ก รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางเพศออนไลน์ จึงตัดสินใจบล็อกแพลตฟอร์มนี้โดยให้เหตุผลว่าเป็น “การปกป้องเด็ก”

    ผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน
    Roblox เป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรัสเซีย โดยมีผู้เล่นหลายล้านคนและถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2023 การแบนครั้งนี้จึงกระทบต่อชีวิตประจำวันของเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก ทำให้เกิดการรวมตัวกันส่งเสียงคัดค้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเกมออนไลน์ในฐานะพื้นที่สังคมของเยาวชนยุคใหม่

    บริบทที่กว้างขึ้น
    การบล็อก Roblox เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่รัสเซียใช้กับแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Facebook, Instagram, Twitter/X และ LinkedIn ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ YouTube ถูกจำกัดการเข้าถึงเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ RuTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของรัฐ การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงการควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การประท้วงของเด็กๆ รัสเซีย
    ส่งจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ
    ครึ่งหนึ่งระบุอยากออกจากประเทศ

    เหตุผลของการแบน Roblox
    อ้างว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเด็ก
    เสี่ยงต่อการถูกคุกคามออนไลน์

    ผลกระทบต่อสังคม
    Roblox เป็นเกมยอดนิยมในรัสเซีย
    การแบนกระทบชีวิตประจำวันของเยาวชน

    ข้อควรระวังและบริบท
    การควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตเข้มงวดขึ้น
    หลายแพลตฟอร์มตะวันตกถูกบล็อกหรือจำกัดการเข้าถึง

    https://www.tomshardware.com/software/social-media/russian-media-finally-admits-putin-is-under-fire-from-angry-citizens-but-its-for-the-recent-roblox-ban-kremlin-says-kids-have-written-63-000-complaint-letters-half-said-they-wanted-to-leave-russia-due-to-the-ban
    🎮 เด็กๆ รัสเซียลุกฮือ หลัง Roblox ถูกแบน สื่อรัสเซียรายงานว่า การตัดสินใจของรัฐบาลในการแบนแพลตฟอร์มเกม Roblox ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่เยาวชน โดยมีจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ที่น่าตกใจคือครึ่งหนึ่งของเด็กๆ ที่เขียนจดหมายระบุว่า พวกเขาอยากจะออกจากประเทศเพราะไม่สามารถเล่น Roblox ได้อีกต่อไป 🛡️ เหตุผลของการแบน หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัสเซีย (Roskomnadzor) อ้างว่า Roblox มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางจิตใจและศีลธรรมของเด็ก รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางเพศออนไลน์ จึงตัดสินใจบล็อกแพลตฟอร์มนี้โดยให้เหตุผลว่าเป็น “การปกป้องเด็ก” 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน Roblox เป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรัสเซีย โดยมีผู้เล่นหลายล้านคนและถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2023 การแบนครั้งนี้จึงกระทบต่อชีวิตประจำวันของเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก ทำให้เกิดการรวมตัวกันส่งเสียงคัดค้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเกมออนไลน์ในฐานะพื้นที่สังคมของเยาวชนยุคใหม่ ⚠️ บริบทที่กว้างขึ้น การบล็อก Roblox เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่รัสเซียใช้กับแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Facebook, Instagram, Twitter/X และ LinkedIn ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ YouTube ถูกจำกัดการเข้าถึงเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ RuTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของรัฐ การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงการควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การประท้วงของเด็กๆ รัสเซีย ➡️ ส่งจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ➡️ ครึ่งหนึ่งระบุอยากออกจากประเทศ ✅ เหตุผลของการแบน Roblox ➡️ อ้างว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเด็ก ➡️ เสี่ยงต่อการถูกคุกคามออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อสังคม ➡️ Roblox เป็นเกมยอดนิยมในรัสเซีย ➡️ การแบนกระทบชีวิตประจำวันของเยาวชน ‼️ ข้อควรระวังและบริบท ⛔ การควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตเข้มงวดขึ้น ⛔ หลายแพลตฟอร์มตะวันตกถูกบล็อกหรือจำกัดการเข้าถึง https://www.tomshardware.com/software/social-media/russian-media-finally-admits-putin-is-under-fire-from-angry-citizens-but-its-for-the-recent-roblox-ban-kremlin-says-kids-have-written-63-000-complaint-letters-half-said-they-wanted-to-leave-russia-due-to-the-ban
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ RasMan: เสี่ยงต่อการยกระดับสิทธิ์

    นักวิจัยจาก 0patch พบว่ามีช่องโหว่ในบริการ RasMan ของ Windows ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการการเชื่อมต่อ Remote Access โดยปัญหานี้ถูกค้นพบระหว่างการวิเคราะห์ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) ที่ Microsoft เพิ่งแก้ไขไป แต่กลับพบว่า exploit ที่ใช้โจมตีมี “อาวุธลับ” คือช่องโหว่ใหม่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้โจมตีสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้แม้จะไม่มีสิทธิ์ระดับสูง

    กลไกการโจมตี
    ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) อาศัยการหลอกให้บริการ privileged เชื่อมต่อไปยัง endpoint ที่ผู้โจมตีควบคุม แต่ปัญหาคือ RasMan มักจะเริ่มทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อ Windows เปิดเครื่อง ทำให้การโจมตีทำได้ยาก เพื่อแก้ปัญหานี้ exploit จึงใช้ช่องโหว่ใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ บังคับให้ RasMan crash ได้ตามต้องการ โดยเกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด เมื่อ pointer กลายเป็น NULL โปรแกรมยังคงอ่านต่อไปจนเกิด memory access violation และ crash

    ผลกระทบต่อระบบ
    หากผู้โจมตีสามารถทำให้ RasMan crash และหยุดทำงานได้ จะเปิดโอกาสให้ exploit เดิมทำงานต่อเนื่องจนสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ได้ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงและควบคุมเครื่องในระดับสูงสุด ผลกระทบคือ:
    การเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ
    การติดตั้งมัลแวร์หรือ backdoor
    การใช้เครื่องเป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    แม้ Microsoft ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่ 0patch ได้ปล่อย micropatch เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยเพิ่มการตรวจสอบ pointer ที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการ crash ผู้ใช้ Windows 7, Windows 10, Windows 11 และ Server 2008 R2 ควรรีบติดตั้ง micropatch หรือรอการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อความปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ RasMan ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถบังคับให้บริการ crash ได้
    ใช้ร่วมกับ CVE-2025-59230 เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น Local System

    ผลกระทบ
    เสี่ยงต่อการยึดครองเครื่องเต็มรูปแบบ
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น

    การแก้ไข
    0patch ปล่อย micropatch แก้ไขแล้ว
    Microsoft คาดว่าจะออกแพตช์ในอนาคต

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังไม่ได้ติดตั้ง micropatch หรืออัปเดต มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ

    https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit/
    🖥️ ช่องโหว่ RasMan: เสี่ยงต่อการยกระดับสิทธิ์ นักวิจัยจาก 0patch พบว่ามีช่องโหว่ในบริการ RasMan ของ Windows ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการการเชื่อมต่อ Remote Access โดยปัญหานี้ถูกค้นพบระหว่างการวิเคราะห์ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) ที่ Microsoft เพิ่งแก้ไขไป แต่กลับพบว่า exploit ที่ใช้โจมตีมี “อาวุธลับ” คือช่องโหว่ใหม่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้โจมตีสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้แม้จะไม่มีสิทธิ์ระดับสูง ⚙️ กลไกการโจมตี ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) อาศัยการหลอกให้บริการ privileged เชื่อมต่อไปยัง endpoint ที่ผู้โจมตีควบคุม แต่ปัญหาคือ RasMan มักจะเริ่มทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อ Windows เปิดเครื่อง ทำให้การโจมตีทำได้ยาก เพื่อแก้ปัญหานี้ exploit จึงใช้ช่องโหว่ใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ บังคับให้ RasMan crash ได้ตามต้องการ โดยเกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด เมื่อ pointer กลายเป็น NULL โปรแกรมยังคงอ่านต่อไปจนเกิด memory access violation และ crash 🌐 ผลกระทบต่อระบบ หากผู้โจมตีสามารถทำให้ RasMan crash และหยุดทำงานได้ จะเปิดโอกาสให้ exploit เดิมทำงานต่อเนื่องจนสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ได้ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงและควบคุมเครื่องในระดับสูงสุด ผลกระทบคือ: 💠 การเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ 💠 การติดตั้งมัลแวร์หรือ backdoor 💠 การใช้เครื่องเป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น 🔒 การแก้ไขและคำแนะนำ แม้ Microsoft ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่ 0patch ได้ปล่อย micropatch เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยเพิ่มการตรวจสอบ pointer ที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการ crash ผู้ใช้ Windows 7, Windows 10, Windows 11 และ Server 2008 R2 ควรรีบติดตั้ง micropatch หรือรอการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อความปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ RasMan ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ➡️ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถบังคับให้บริการ crash ได้ ➡️ ใช้ร่วมกับ CVE-2025-59230 เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ✅ ผลกระทบ ➡️ เสี่ยงต่อการยึดครองเครื่องเต็มรูปแบบ ➡️ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น ✅ การแก้ไข ➡️ 0patch ปล่อย micropatch แก้ไขแล้ว ➡️ Microsoft คาดว่าจะออกแพตช์ในอนาคต ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังไม่ได้ติดตั้ง micropatch หรืออัปเดต มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit/
    SECURITYONLINE.INFO
    Unpatched Windows RasMan Flaw Allows Unprivileged Crash, Enabling Local System Privilege Escalation Exploit
    0patch found an unpatched flaw in Windows RasMan that allows any user to crash the service on demand. This unprivileged crash is the necessary step to exploit the CVE-2025-59230 LPE flaw. Micropatch is available.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือชี้แจงกระแสข่าวลือปิดกั้นน่านน้ำและระงับส่งออกน้ำมัน ย้ำชัดยังไม่มีประกาศปิดอ่าวไทย เป็นเพียงข้อเสนอเตรียมเสนอ สมช. 15 ธ.ค. เน้นมาตรการจำกัดพื้นที่เฉพาะจุด เพื่อสกัดการลักลอบขนส่งน้ำมันและยุทธปัจจัย พร้อมยกระดับเฝ้าระวังเรือและประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงรอบท่าเรือกัมพูชา
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120239
    .
    #News1live #News1 #กองทัพเรือ #สมช #อ่าวไทย #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา
    กองทัพเรือชี้แจงกระแสข่าวลือปิดกั้นน่านน้ำและระงับส่งออกน้ำมัน ย้ำชัดยังไม่มีประกาศปิดอ่าวไทย เป็นเพียงข้อเสนอเตรียมเสนอ สมช. 15 ธ.ค. เน้นมาตรการจำกัดพื้นที่เฉพาะจุด เพื่อสกัดการลักลอบขนส่งน้ำมันและยุทธปัจจัย พร้อมยกระดับเฝ้าระวังเรือและประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงรอบท่าเรือกัมพูชา . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120239 . #News1live #News1 #กองทัพเรือ #สมช #อ่าวไทย #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปรับขึ้นราคาครั้งใหญ่ของ Dell

    Dell ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป Pro และ Pro Max รวมถึงจอภาพและ GPU บางรุ่น โดยราคาจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10–30% การปรับขึ้นครั้งนี้เกิดจาก วิกฤติการขาดแคลน DRAM และ NAND Flash ที่ถูกดูดซับไปโดยบริษัท hyperscaler ด้าน AI

    รายละเอียดการขึ้นราคา
    เครื่องที่มี 32GB RAM จะเพิ่มขึ้น 130–230 ดอลลาร์
    เครื่องที่มี 128GB RAM จะเพิ่มขึ้น 520–765 ดอลลาร์
    โน้ตบุ๊กที่มี SSD 1TB จะเพิ่มขึ้น 55–135 ดอลลาร์
    จอ Dell Pro 55 Plus 4K จะเพิ่มขึ้นจาก 1,349 → 1,499 ดอลลาร์
    GPU RTX Pro 500 (6GB) จะเพิ่มขึ้น 66 ดอลลาร์ และรุ่น 24GB จะเพิ่มขึ้น 530 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้า
    Dell เตือนลูกค้าว่าการสั่งซื้อวันนี้เพื่อส่งมอบในอนาคต ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ อีกทั้งยังจำกัดส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่พึ่งพา Dell ในการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์อาจต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนด้าน IT ในปีถัดไป

    สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำโลก
    การขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึง วิกฤติ DRAM และ NAND Flash ระดับโลก ที่เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ผู้ผลิตรายอื่นอาจต้องปรับราคาตาม ทำให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีทั่วโลกพุ่งสูง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dell เตรียมขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์
    โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป, จอภาพ และ GPU จะปรับขึ้นเฉลี่ย 10–30%

    รายละเอียดการขึ้นราคา
    RAM 32GB เพิ่ม 130–230 ดอลลาร์, RAM 128GB เพิ่ม 520–765 ดอลลาร์, SSD 1TB เพิ่ม 55–135 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อลูกค้า
    ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ และส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ถูกจำกัด

    สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำ
    ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ DRAM และ NAND Flash ขาดแคลนทั่วโลก

    ความเสี่ยงต่อต้นทุนธุรกิจ
    บริษัทที่พึ่งพา Dell อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทันที

    แนวโน้มระยะยาว
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าวิกฤติหน่วยความจำอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2030

    https://www.tomshardware.com/laptops/dell-preps-massive-price-hikes-up-to-30-percent-citing-memory-pricing-out-of-our-control-company-reminds-commercial-customers-that-placing-an-order-today-for-future-delivery-will-not-guarantee-current-prices
    💻 การปรับขึ้นราคาครั้งใหญ่ของ Dell Dell ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ เช่น โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป Pro และ Pro Max รวมถึงจอภาพและ GPU บางรุ่น โดยราคาจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10–30% การปรับขึ้นครั้งนี้เกิดจาก วิกฤติการขาดแคลน DRAM และ NAND Flash ที่ถูกดูดซับไปโดยบริษัท hyperscaler ด้าน AI ⚡ รายละเอียดการขึ้นราคา 💷 เครื่องที่มี 32GB RAM จะเพิ่มขึ้น 130–230 ดอลลาร์ 💷 เครื่องที่มี 128GB RAM จะเพิ่มขึ้น 520–765 ดอลลาร์ 💷 โน้ตบุ๊กที่มี SSD 1TB จะเพิ่มขึ้น 55–135 ดอลลาร์ 💷 จอ Dell Pro 55 Plus 4K จะเพิ่มขึ้นจาก 1,349 → 1,499 ดอลลาร์ 💷 GPU RTX Pro 500 (6GB) จะเพิ่มขึ้น 66 ดอลลาร์ และรุ่น 24GB จะเพิ่มขึ้น 530 ดอลลาร์ 📉 ผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้า Dell เตือนลูกค้าว่าการสั่งซื้อวันนี้เพื่อส่งมอบในอนาคต ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ อีกทั้งยังจำกัดส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่พึ่งพา Dell ในการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์อาจต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้นทันที ซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนด้าน IT ในปีถัดไป 🌍 สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำโลก การขึ้นราคาครั้งนี้สะท้อนถึง วิกฤติ DRAM และ NAND Flash ระดับโลก ที่เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2030 ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ผู้ผลิตรายอื่นอาจต้องปรับราคาตาม ทำให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีทั่วโลกพุ่งสูง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dell เตรียมขึ้นราคาสินค้าเชิงพาณิชย์ ➡️ โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป, จอภาพ และ GPU จะปรับขึ้นเฉลี่ย 10–30% ✅ รายละเอียดการขึ้นราคา ➡️ RAM 32GB เพิ่ม 130–230 ดอลลาร์, RAM 128GB เพิ่ม 520–765 ดอลลาร์, SSD 1TB เพิ่ม 55–135 ดอลลาร์ ✅ ผลกระทบต่อลูกค้า ➡️ ไม่สามารถล็อกราคาเดิมได้ และส่วนลดสำหรับลูกค้ารายใหญ่ถูกจำกัด ✅ สัญญาณวิกฤติหน่วยความจำ ➡️ ความต้องการจากตลาด AI ทำให้ DRAM และ NAND Flash ขาดแคลนทั่วโลก ‼️ ความเสี่ยงต่อต้นทุนธุรกิจ ⛔ บริษัทที่พึ่งพา Dell อาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทันที ‼️ แนวโน้มระยะยาว ⛔ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าวิกฤติหน่วยความจำอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2030 https://www.tomshardware.com/laptops/dell-preps-massive-price-hikes-up-to-30-percent-citing-memory-pricing-out-of-our-control-company-reminds-commercial-customers-that-placing-an-order-today-for-future-delivery-will-not-guarantee-current-prices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้

    ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี
    แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก

    ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน
    หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์

    บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก
    คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ
    AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย

    ช่องโหว่การคว่ำบาตร
    รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ

    ผลกระทบต่อพลเรือน
    เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ

    ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี
    หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก

    ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร
    กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว

    ความเสี่ยงต่อพลเรือน
    การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    ⚖️ คดีฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ชิปสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในรัฐเท็กซัส ได้แก่ AMD, Intel และ Texas Instruments โดยกลุ่มพลเรือนยูเครน กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเลยการควบคุมการส่งออก ทำให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ใน โดรนและขีปนาวุธรัสเซีย ที่โจมตีพลเรือนระหว่างปี 2023–2025 การฟ้องร้องใช้ถ้อยคำรุนแรง เช่น “merchants of death” หรือ “พ่อค้าแห่งความตาย” เพื่อชี้ถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของบริษัทเหล่านี้ 🚀 ช่องโหว่การคว่ำบาตรและการเล็ดรอดของเทคโนโลยี แม้สหรัฐฯ และพันธมิตรจะออกมาตรการคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2022 แต่รัสเซียยังคงหาช่องทางนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญผ่าน ตลาดสีเทาและบริษัทตัวกลางในต่างประเทศ เช่น จีน ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำให้ชิปที่ควรใช้ในอุปกรณ์พลเรือนกลับถูกนำไปใช้ในระบบนำทางและควบคุมของอาวุธร้ายแรง การสอบสวนพบว่า กว่า 95% ของขีปนาวุธและโดรนรัสเซียมีชิ้นส่วนตะวันตก 🏥 ผลกระทบต่อพลเรือนยูเครน หนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนใจคือการโจมตีโรงพยาบาลเด็ก Okhmatdyt ในกรุงเคียฟ ปี 2024 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพบว่าขีปนาวุธที่ใช้มีชิ้นส่วนจากบริษัทสหรัฐฯ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าชิ้นส่วนที่ถูกละเลยการควบคุมสามารถสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ 🌐 บทเรียนและความรับผิดชอบระดับโลก คดีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการคว่ำบาตร แต่ยังตั้งคำถามถึง ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ หากศาลตัดสินให้บริษัทเหล่านี้มีความผิด อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่บังคับให้ผู้ผลิตเทคโนโลยีทั่วโลกต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบเส้นทางการส่งออกมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องบริษัทชิปสหรัฐฯ ➡️ AMD, Intel และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่าชิ้นส่วนของพวกเขาถูกใช้ในอาวุธรัสเซีย ✅ ช่องโหว่การคว่ำบาตร ➡️ รัสเซียใช้บริษัทตัวกลางในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงมาตรการและนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อพลเรือน ➡️ เหตุโจมตีโรงพยาบาลเด็กในเคียฟปี 2024 เป็นตัวอย่างการใช้ชิ้นส่วนตะวันตกในอาวุธ ✅ ความรับผิดชอบของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ หากคดีนี้ชนะ อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการควบคุมการส่งออกทั่วโลก ‼️ ความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตร ⛔ กว่า 95% ของอาวุธรัสเซียยังคงมีชิ้นส่วนตะวันตก แม้มีข้อห้ามแล้ว ‼️ ความเสี่ยงต่อพลเรือน ⛔ การละเลยการตรวจสอบเส้นทางชิ้นส่วนทำให้พลเรือนยูเครนยังคงตกเป็นเป้าการโจมตี https://www.tomshardware.com/pc-components/amd-intel-and-ti-are-merchants-of-death-says-lawyer-representing-ukrainian-civilians-five-new-suits-complain-that-russian-drones-and-missiles-continue-to-use-high-tech-components-from-these-brands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Koralm Railway – ทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม Styria และ Carinthia”

    Koralm Railway เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานระดับยุโรปที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นคือการเชื่อมต่อเมือง Graz และ Klagenfurt ผ่านเทือกเขา Koralpe โดยใช้เส้นทางใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัย ทำให้เวลาเดินทางลดลงจากเดิมประมาณ 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบขนส่งของออสเตรีย

    นอกจากการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่ Western Styria และ Southern Carinthia สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฮังการี และ อิตาลี ได้ง่ายขึ้น ทำให้ Koralm Railway กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Baltic-Adriatic Corridor ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของยุโรป

    ในเชิงเศรษฐกิจ การก่อสร้างเส้นทางใหม่นี้ช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีการสร้างสถานีและจุดหยุดใหม่กว่า 23 แห่ง พร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ยาว 50 กิโลเมตร และ สะพานกว่า 100 แห่ง รวมระยะทางทั้งหมด 130 กิโลเมตร

    ด้านสิ่งแวดล้อม Koralm Railway ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุกถึง 15 เท่า ทำให้โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนด้านการเดินทาง แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของยุโรป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Koralm Railway เชื่อม Graz–Klagenfurt ลดเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมงเหลือ 45 นาที
    เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และ Baltic-Adriatic Corridor
    มีอุโมงค์ยาว 50 กม., สะพานกว่า 100 แห่ง และสถานีใหม่ 23 แห่ง
    ระยะทางรวม 130 กม. ถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ระดับยุโรป

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    การขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่ารถบรรทุกถึง 15 เท่า
    ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในภูมิภาค Styria และ Carinthia
    เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฮังการีและอิตาลี

    คำเตือน
    โครงการมีความซับซ้อนสูง ใช้เวลาสร้างหลายปีและต้องลงทุนมหาศาล
    การก่อสร้างอุโมงค์และสะพานอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
    หากไม่บริหารจัดการดี อาจเกิดความล่าช้าและต้นทุนบานปลาย

    https://infrastruktur.oebb.at/en/projects-for-austria/railway-lines/southern-line-vienna-villach/koralm-railway
    🚆 “Koralm Railway – ทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม Styria และ Carinthia” Koralm Railway เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานระดับยุโรปที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นคือการเชื่อมต่อเมือง Graz และ Klagenfurt ผ่านเทือกเขา Koralpe โดยใช้เส้นทางใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัย ทำให้เวลาเดินทางลดลงจากเดิมประมาณ 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบขนส่งของออสเตรีย นอกจากการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่ Western Styria และ Southern Carinthia สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฮังการี และ อิตาลี ได้ง่ายขึ้น ทำให้ Koralm Railway กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Baltic-Adriatic Corridor ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของยุโรป ในเชิงเศรษฐกิจ การก่อสร้างเส้นทางใหม่นี้ช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีการสร้างสถานีและจุดหยุดใหม่กว่า 23 แห่ง พร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ยาว 50 กิโลเมตร และ สะพานกว่า 100 แห่ง รวมระยะทางทั้งหมด 130 กิโลเมตร ด้านสิ่งแวดล้อม Koralm Railway ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุกถึง 15 เท่า ทำให้โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนด้านการเดินทาง แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของยุโรป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Koralm Railway เชื่อม Graz–Klagenfurt ลดเวลาเดินทางจาก 3 ชั่วโมงเหลือ 45 นาที ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Line Vienna–Villach และ Baltic-Adriatic Corridor ➡️ มีอุโมงค์ยาว 50 กม., สะพานกว่า 100 แห่ง และสถานีใหม่ 23 แห่ง ➡️ ระยะทางรวม 130 กม. ถือเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ระดับยุโรป ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ การขนส่งสินค้าทางรถไฟปล่อย CO₂ น้อยกว่ารถบรรทุกถึง 15 เท่า ➡️ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในภูมิภาค Styria และ Carinthia ➡️ เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฮังการีและอิตาลี ‼️ คำเตือน ⛔ โครงการมีความซับซ้อนสูง ใช้เวลาสร้างหลายปีและต้องลงทุนมหาศาล ⛔ การก่อสร้างอุโมงค์และสะพานอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ⛔ หากไม่บริหารจัดการดี อาจเกิดความล่าช้าและต้นทุนบานปลาย https://infrastruktur.oebb.at/en/projects-for-austria/railway-lines/southern-line-vienna-villach/koralm-railway
    INFRASTRUKTUR.OEBB.AT
    Koralm railway
    A fast and safe service between Styria and Carinthia: That’s the Koralm Railway. It’s part of the new Southern Line in Austria and one of the most important infrastructure projects in Europe.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) สร้างขึ้นพร้อมการสถาปนากรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2325 โดยรัชกาลที่ 1 เพื่อประดิษฐานพระแก้วมรกต และเป็นวัดหลวงในพระบรมมหาราชวัง มีลักษณะพิเศษคือเป็นเขตพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมไทยผสมผสาน และเป็นศูนย์กลางประกอบพระราชพิธีสำคัญจนถึงปัจจุบัน.
    วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) สร้างขึ้นพร้อมการสถาปนากรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2325 โดยรัชกาลที่ 1 เพื่อประดิษฐานพระแก้วมรกต และเป็นวัดหลวงในพระบรมมหาราชวัง มีลักษณะพิเศษคือเป็นเขตพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมไทยผสมผสาน และเป็นศูนย์กลางประกอบพระราชพิธีสำคัญจนถึงปัจจุบัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระอาจารย์ปทุม ที่ระลึกทำบุญอายุครบ 80 ปี วัดโพธิ์ปฐมาวาส สงขลา ปี2523 // พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิยุคนั้นร่วมปลุกเสกหลายท่าน // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณโดดเด่นด้าน มหาอุตม์ คงกะพัน และ กลับร้ายกลายเป็นดี (แก้ดวงชะตา) เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** เหรียญพระอาจารย์ปทุม ที่ระลึกทำบุญอายุครบ 80 ปี วัดโพธิ์ปฐมาวาส สงขลา ปี2523 พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิยุคนั้นร่วมปลุกเสกหลายท่าน วัดโพธิ์หรือวัดโพธิ์ปฐมาวาส เป็นพระอารมหลวง สังกัดปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ ถ.ไทรบุรี ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา เป็นวัดโบราณไม่ปรากฎหลักฐานการสร้าง มีผู้สัณนิสฐานว่า สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2200 วัดโพธิ์ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดโพธิ์ปฐมาวาสในสมัยพระครูสังฆโศภณเป็นเจ้าอาวาส กรมศิลปากรได้ขึ้ทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี2528 และได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ.2546 **


    ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระอาจารย์ปทุม ที่ระลึกทำบุญอายุครบ 80 ปี วัดโพธิ์ปฐมาวาส สงขลา ปี2523 // พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิยุคนั้นร่วมปลุกเสกหลายท่าน // พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณโดดเด่นด้าน มหาอุตม์ คงกะพัน และ กลับร้ายกลายเป็นดี (แก้ดวงชะตา) เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** เหรียญพระอาจารย์ปทุม ที่ระลึกทำบุญอายุครบ 80 ปี วัดโพธิ์ปฐมาวาส สงขลา ปี2523 พระดีพิธีใหญ่ มีพระเกจิยุคนั้นร่วมปลุกเสกหลายท่าน วัดโพธิ์หรือวัดโพธิ์ปฐมาวาส เป็นพระอารมหลวง สังกัดปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ ถ.ไทรบุรี ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา เป็นวัดโบราณไม่ปรากฎหลักฐานการสร้าง มีผู้สัณนิสฐานว่า สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2200 วัดโพธิ์ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดโพธิ์ปฐมาวาสในสมัยพระครูสังฆโศภณเป็นเจ้าอาวาส กรมศิลปากรได้ขึ้ทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี2528 และได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ.2546 ** ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • การอัปเกรดโรงงาน TSMC ในญี่ปุ่น

    TSMC มีแผนจะอัปเกรด Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ จากเดิมที่ตั้งใจผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N6/N7 (6nm และ 7nm) ไปสู่ N4/N5 (4nm และ 5nm) ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าและใช้เทคโนโลยี EUV หลายชั้น การอัปเกรดนี้จะช่วยให้ลูกค้าในญี่ปุ่น เช่น Sony และผู้ผลิตรถยนต์ สามารถเข้าถึงชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับ AI และอุปกรณ์อัจฉริยะ

    สัญญาณการชะลอการก่อสร้าง
    แม้มีแผนอัปเกรด แต่รายงานระบุว่า TSMC ได้ถอนเครื่องจักรหนักออกจากไซต์ก่อสร้าง และแจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ในปี 2026 ซึ่งบ่งชี้ว่าการติดตั้งอุปกรณ์อาจล่าช้าออกไป การชะลอนี้อาจสะท้อนถึงการปรับแผนตามความต้องการของตลาดและลูกค้า

    ความง่ายในการอัปเกรด
    แม้เทคโนโลยี N4/N5 จะซับซ้อนกว่า N6/N7 แต่ อุปกรณ์ที่ใช้มีความคล้ายกันถึง 90% ทำให้การอัปเกรดไม่ใช่เรื่องยากมากนัก เพียงแต่ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ผู้ผลิตชิปเร่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการ AI และการประมวลผลที่ซับซ้อน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมญี่ปุ่น
    การอัปเกรดโรงงานนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นมี การผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ และสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการชิปประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม การชะลอการก่อสร้างอาจทำให้ตลาดญี่ปุ่นต้องรออีกหลายปีในการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แผนการอัปเกรดโรงงาน
    จาก N6/N7 ไปสู่ N4/N5
    รองรับลูกค้าในญี่ปุ่นที่ต้องการชิปขั้นสูง

    ความง่ายในการอัปเกรด
    อุปกรณ์คล้ายกันถึง 90%
    ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่ใหญ่กว่า

    ผลกระทบเชิงบวก
    ญี่ปุ่นมีการผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ
    สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    การก่อสร้างชะลอ อาจไม่ติดตั้งเครื่องจักรใหม่จนถึงปี 2026
    ตลาดญี่ปุ่นอาจต้องรอการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    🏭 การอัปเกรดโรงงาน TSMC ในญี่ปุ่น TSMC มีแผนจะอัปเกรด Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ จากเดิมที่ตั้งใจผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N6/N7 (6nm และ 7nm) ไปสู่ N4/N5 (4nm และ 5nm) ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าและใช้เทคโนโลยี EUV หลายชั้น การอัปเกรดนี้จะช่วยให้ลูกค้าในญี่ปุ่น เช่น Sony และผู้ผลิตรถยนต์ สามารถเข้าถึงชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับ AI และอุปกรณ์อัจฉริยะ ⏳ สัญญาณการชะลอการก่อสร้าง แม้มีแผนอัปเกรด แต่รายงานระบุว่า TSMC ได้ถอนเครื่องจักรหนักออกจากไซต์ก่อสร้าง และแจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ในปี 2026 ซึ่งบ่งชี้ว่าการติดตั้งอุปกรณ์อาจล่าช้าออกไป การชะลอนี้อาจสะท้อนถึงการปรับแผนตามความต้องการของตลาดและลูกค้า 🔧 ความง่ายในการอัปเกรด แม้เทคโนโลยี N4/N5 จะซับซ้อนกว่า N6/N7 แต่ อุปกรณ์ที่ใช้มีความคล้ายกันถึง 90% ทำให้การอัปเกรดไม่ใช่เรื่องยากมากนัก เพียงแต่ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ผู้ผลิตชิปเร่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการ AI และการประมวลผลที่ซับซ้อน 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมญี่ปุ่น การอัปเกรดโรงงานนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นมี การผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ และสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการชิปประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม การชะลอการก่อสร้างอาจทำให้ตลาดญี่ปุ่นต้องรออีกหลายปีในการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แผนการอัปเกรดโรงงาน ➡️ จาก N6/N7 ไปสู่ N4/N5 ➡️ รองรับลูกค้าในญี่ปุ่นที่ต้องการชิปขั้นสูง ✅ ความง่ายในการอัปเกรด ➡️ อุปกรณ์คล้ายกันถึง 90% ➡️ ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่ใหญ่กว่า ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ ญี่ปุ่นมีการผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ➡️ สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ การก่อสร้างชะลอ อาจไม่ติดตั้งเครื่องจักรใหม่จนถึงปี 2026 ⛔ ตลาดญี่ปุ่นอาจต้องรอการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทดลอง “4 Billion If Statements”

    บทความนี้เป็นการเล่าเชิงบันทึกเกี่ยวกับการทดลองเขียนโค้ดที่มีเงื่อนไข if จำนวนมหาศาล (4 พันล้านครั้ง) เพื่อสำรวจประสิทธิภาพและผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรม รวมถึงการสะท้อนถึงความไร้ประโยชน์เชิงปฏิบัติ แต่มีคุณค่าทางการเรียนรู้และความสนุกเชิงทดลอง.

    ผู้เขียนบล็อกได้ทำการทดลองสร้างโปรแกรมที่มี คำสั่ง if จำนวนมหาศาลกว่า 4 พันล้านครั้ง เพื่อดูว่าคอมไพล์เลอร์และระบบจะจัดการอย่างไรกับโค้ดที่ไร้สาระในเชิงปฏิบัติ แต่ท้าทายเชิงเทคนิค. จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อสร้างโปรแกรมที่ใช้งานได้จริง แต่เพื่อสำรวจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบที่ใช้.

    การทดลองนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้โค้ดจะไม่มีประโยชน์ในเชิงการทำงาน แต่ก็สามารถเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ การจัดการหน่วยความจำ, เวลาในการคอมไพล์, และการทำงานของ optimization ในคอมไพล์เลอร์. สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้พัฒนามีความเข้าใจลึกขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของเครื่องมือที่ใช้งานอยู่ทุกวัน.

    ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลอง “4 Billion If Statements” ก็คือการแสดงให้เห็นว่าโค้ดที่มีเงื่อนไขจำนวนมหาศาลนั้น ไม่สามารถใช้งานได้จริงในเชิงปฏิบัติ แต่กลับเผยให้เห็นพฤติกรรมที่น่าสนใจของระบบและเครื่องมือที่ใช้ เช่น:
    โปรแกรมใช้เวลาคอมไพล์นานมากจนแทบไม่สมเหตุสมผล
    ขนาดไฟล์ที่สร้างขึ้นใหญ่ผิดปกติและกินทรัพยากรเครื่องมหาศาล
    คอมไพล์เลอร์พยายามทำ optimization เพื่อลดความซ้ำซ้อน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาและหน่วยความจำจำนวนมาก
    สุดท้ายโค้ดที่ได้ไม่มีประโยชน์เชิงการทำงาน แต่เป็นการทดลองที่ช่วยให้เข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบ

    นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ในโลกโปรแกรมมิ่ง ที่บางครั้งการทดลองที่ดู “ไร้สาระ” ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกให้กับนักพัฒนาได้ โดยเฉพาะในแง่ของการตั้งคำถามว่า “ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ควรทำ จะเกิดอะไรขึ้น?” ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้เชิงทดลอง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การทดลองหลัก
    สร้างโปรแกรมที่มี if statements จำนวน 4 พันล้านครั้ง
    จุดประสงค์เพื่อทดสอบขีดจำกัด ไม่ใช่การใช้งานจริง

    ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลอง “4 Billion If Statements”
    โปรแกรมใช้เวลาคอมไพล์นานมากจนแทบไม่สมเหตุสมผล
    ขนาดไฟล์ที่สร้างขึ้นใหญ่ผิดปกติและกินทรัพยากรเครื่องมหาศาล
    คอมไพล์เลอร์พยายามทำ optimization เพื่อลดความซ้ำซ้อน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาและหน่วยความจำจำนวนมาก
    สุดท้ายโค้ดที่ได้ไม่มีประโยชน์เชิงการทำงาน แต่เป็นการทดลองที่ช่วยให้เข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบ

    สิ่งที่ได้เรียนรู้
    พฤติกรรมของคอมไพล์เลอร์และ optimization เมื่อเจอโค้ดมหาศาล
    ผลกระทบต่อหน่วยความจำและเวลาในการคอมไพล์

    คุณค่าทางการทดลอง
    เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องมือ
    เป็นการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจ

    ข้อควรระวัง
    โค้ดลักษณะนี้ไม่มีประโยชน์เชิงปฏิบัติและอาจทำให้ระบบทำงานช้าหรือค้าง
    ไม่ควรใช้ในโปรเจกต์จริง เนื่องจากเป็นการทดลองเชิงท้าทายเท่านั้น

    https://andreasjhkarlsson.github.io//jekyll/update/2023/12/27/4-billion-if-statements.html
    💻 การทดลอง “4 Billion If Statements” บทความนี้เป็นการเล่าเชิงบันทึกเกี่ยวกับการทดลองเขียนโค้ดที่มีเงื่อนไข if จำนวนมหาศาล (4 พันล้านครั้ง) เพื่อสำรวจประสิทธิภาพและผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรม รวมถึงการสะท้อนถึงความไร้ประโยชน์เชิงปฏิบัติ แต่มีคุณค่าทางการเรียนรู้และความสนุกเชิงทดลอง. ผู้เขียนบล็อกได้ทำการทดลองสร้างโปรแกรมที่มี คำสั่ง if จำนวนมหาศาลกว่า 4 พันล้านครั้ง เพื่อดูว่าคอมไพล์เลอร์และระบบจะจัดการอย่างไรกับโค้ดที่ไร้สาระในเชิงปฏิบัติ แต่ท้าทายเชิงเทคนิค. จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อสร้างโปรแกรมที่ใช้งานได้จริง แต่เพื่อสำรวจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบที่ใช้. การทดลองนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้โค้ดจะไม่มีประโยชน์ในเชิงการทำงาน แต่ก็สามารถเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ การจัดการหน่วยความจำ, เวลาในการคอมไพล์, และการทำงานของ optimization ในคอมไพล์เลอร์. สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้พัฒนามีความเข้าใจลึกขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของเครื่องมือที่ใช้งานอยู่ทุกวัน. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลอง “4 Billion If Statements” ก็คือการแสดงให้เห็นว่าโค้ดที่มีเงื่อนไขจำนวนมหาศาลนั้น ไม่สามารถใช้งานได้จริงในเชิงปฏิบัติ แต่กลับเผยให้เห็นพฤติกรรมที่น่าสนใจของระบบและเครื่องมือที่ใช้ เช่น: 💠 โปรแกรมใช้เวลาคอมไพล์นานมากจนแทบไม่สมเหตุสมผล 💠 ขนาดไฟล์ที่สร้างขึ้นใหญ่ผิดปกติและกินทรัพยากรเครื่องมหาศาล 💠 คอมไพล์เลอร์พยายามทำ optimization เพื่อลดความซ้ำซ้อน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาและหน่วยความจำจำนวนมาก 💠 สุดท้ายโค้ดที่ได้ไม่มีประโยชน์เชิงการทำงาน แต่เป็นการทดลองที่ช่วยให้เข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ในโลกโปรแกรมมิ่ง ที่บางครั้งการทดลองที่ดู “ไร้สาระ” ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกให้กับนักพัฒนาได้ โดยเฉพาะในแง่ของการตั้งคำถามว่า “ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ควรทำ จะเกิดอะไรขึ้น?” ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียนรู้เชิงทดลอง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การทดลองหลัก ➡️ สร้างโปรแกรมที่มี if statements จำนวน 4 พันล้านครั้ง ➡️ จุดประสงค์เพื่อทดสอบขีดจำกัด ไม่ใช่การใช้งานจริง ✅ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลอง “4 Billion If Statements” ➡️ โปรแกรมใช้เวลาคอมไพล์นานมากจนแทบไม่สมเหตุสมผล ➡️ ขนาดไฟล์ที่สร้างขึ้นใหญ่ผิดปกติและกินทรัพยากรเครื่องมหาศาล ➡️ คอมไพล์เลอร์พยายามทำ optimization เพื่อลดความซ้ำซ้อน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาและหน่วยความจำจำนวนมาก ➡️ สุดท้ายโค้ดที่ได้ไม่มีประโยชน์เชิงการทำงาน แต่เป็นการทดลองที่ช่วยให้เข้าใจขีดจำกัดของเครื่องมือและระบบ ✅ สิ่งที่ได้เรียนรู้ ➡️ พฤติกรรมของคอมไพล์เลอร์และ optimization เมื่อเจอโค้ดมหาศาล ➡️ ผลกระทบต่อหน่วยความจำและเวลาในการคอมไพล์ ✅ คุณค่าทางการทดลอง ➡️ เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องมือ ➡️ เป็นการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ โค้ดลักษณะนี้ไม่มีประโยชน์เชิงปฏิบัติและอาจทำให้ระบบทำงานช้าหรือค้าง ⛔ ไม่ควรใช้ในโปรเจกต์จริง เนื่องจากเป็นการทดลองเชิงท้าทายเท่านั้น https://andreasjhkarlsson.github.io//jekyll/update/2023/12/27/4-billion-if-statements.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัลแวร์ Oyster Backdoor ระบาดผ่านดาวน์โหลดปลอม Teams และ Meet

    นักวิจัยจาก CyberProof รายงานว่าตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2025 มีการโจมตีที่ใช้ SEO poisoning และ malvertising เพื่อดันเว็บไซต์ปลอมขึ้นมาในผลการค้นหาและโฆษณาออนไลน์ โดยเว็บไซต์เหล่านี้ปลอมเป็นหน้าดาวน์โหลดของ Microsoft Teams และ Google Meet เมื่อผู้ใช้หลงเชื่อและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง จะได้มัลแวร์ Oyster backdoor แทน.

    มัลแวร์นี้ถูกพบครั้งแรกในปี 2023 โดย IBM และมีการปรับเปลี่ยนวิธีการแพร่กระจายอยู่เรื่อย ๆ เช่นในปี 2025 เคยใช้โฆษณาปลอมของ PuTTY และ WinSCP เพื่อหลอกผู้ใช้เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังเครื่องมือ IT ที่นิยมค้นหา.

    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งไฟล์ปลอม เช่น MSTeamsSetup.exe มัลแวร์จะปล่อยไฟล์ AlphaSecurity.dll ลงในระบบ และสร้าง scheduled task ที่รันทุก 18 นาทีเพื่อคงการเข้าถึงไว้ แม้เครื่องจะถูกรีสตาร์ทก็ตาม ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถใช้ช่องทางนี้เจาะเข้าสู่ระบบได้ต่อเนื่อง.

    สิ่งที่น่ากังวลคือมีรายงานว่ากลุ่ม ransomware อย่าง Rhysida ใช้ Oyster backdoor ในการโจมตีเครือข่ายองค์กร ทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่การติดมัลแวร์ทั่วไป แต่เป็นการเปิดประตูสู่การโจมตีขั้นรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีใหม่ด้วย Oyster backdoor
    ใช้เว็บไซต์ปลอมของ Microsoft Teams และ Google Meet
    แพร่กระจายผ่าน SEO poisoning และ malvertising

    รายละเอียดการทำงานของมัลแวร์
    ติดตั้งไฟล์ AlphaSecurity.dll ลงในระบบ
    สร้าง scheduled task รันทุก 18 นาทีเพื่อคงการเข้าถึง

    ความเชื่อมโยงกับกลุ่ม ransomware
    Rhysida และกลุ่มอื่น ๆ ใช้ backdoor นี้โจมตีองค์กร
    คาดว่าจะยังคงเป็นภัยต่อเนื่องถึงปี 2026

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดจากผลการค้นหาหรือโฆษณาออนไลน์
    ควรดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากเว็บไซต์ทางการหรือ trusted app store เท่านั้น

    https://hackread.com/fake-microsoft-teams-google-meet-download-oyster-backdoor/
    ⚠️ มัลแวร์ Oyster Backdoor ระบาดผ่านดาวน์โหลดปลอม Teams และ Meet นักวิจัยจาก CyberProof รายงานว่าตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2025 มีการโจมตีที่ใช้ SEO poisoning และ malvertising เพื่อดันเว็บไซต์ปลอมขึ้นมาในผลการค้นหาและโฆษณาออนไลน์ โดยเว็บไซต์เหล่านี้ปลอมเป็นหน้าดาวน์โหลดของ Microsoft Teams และ Google Meet เมื่อผู้ใช้หลงเชื่อและดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง จะได้มัลแวร์ Oyster backdoor แทน. มัลแวร์นี้ถูกพบครั้งแรกในปี 2023 โดย IBM และมีการปรับเปลี่ยนวิธีการแพร่กระจายอยู่เรื่อย ๆ เช่นในปี 2025 เคยใช้โฆษณาปลอมของ PuTTY และ WinSCP เพื่อหลอกผู้ใช้เช่นกัน แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังเครื่องมือ IT ที่นิยมค้นหา. เมื่อผู้ใช้ติดตั้งไฟล์ปลอม เช่น MSTeamsSetup.exe มัลแวร์จะปล่อยไฟล์ AlphaSecurity.dll ลงในระบบ และสร้าง scheduled task ที่รันทุก 18 นาทีเพื่อคงการเข้าถึงไว้ แม้เครื่องจะถูกรีสตาร์ทก็ตาม ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถใช้ช่องทางนี้เจาะเข้าสู่ระบบได้ต่อเนื่อง. สิ่งที่น่ากังวลคือมีรายงานว่ากลุ่ม ransomware อย่าง Rhysida ใช้ Oyster backdoor ในการโจมตีเครือข่ายองค์กร ทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่การติดมัลแวร์ทั่วไป แต่เป็นการเปิดประตูสู่การโจมตีขั้นรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีใหม่ด้วย Oyster backdoor ➡️ ใช้เว็บไซต์ปลอมของ Microsoft Teams และ Google Meet ➡️ แพร่กระจายผ่าน SEO poisoning และ malvertising ✅ รายละเอียดการทำงานของมัลแวร์ ➡️ ติดตั้งไฟล์ AlphaSecurity.dll ลงในระบบ ➡️ สร้าง scheduled task รันทุก 18 นาทีเพื่อคงการเข้าถึง ✅ ความเชื่อมโยงกับกลุ่ม ransomware ➡️ Rhysida และกลุ่มอื่น ๆ ใช้ backdoor นี้โจมตีองค์กร ➡️ คาดว่าจะยังคงเป็นภัยต่อเนื่องถึงปี 2026 ‼️ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดจากผลการค้นหาหรือโฆษณาออนไลน์ ⛔ ควรดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากเว็บไซต์ทางการหรือ trusted app store เท่านั้น https://hackread.com/fake-microsoft-teams-google-meet-download-oyster-backdoor/
    HACKREAD.COM
    Fake Microsoft Teams and Google Meet Downloads Spread Oyster Backdoor
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพบกลำเลียงร่าง “พลทหารธนรัตน์–พลทหารชาญชัย” 2 วีรชนผู้สละชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ กลับสู่บ้านเกิดอย่างสมเกียรติ โดยลงที่กองบิน 23 อุดรธานี ท่ามกลางกองเกียรติยศ ครอบครัว และประชาชนร่วมสดุดี ก่อนแยกขบวนส่งร่างไปยังหนองคายและกาฬสินธุ์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119526
    .
    #News1live #News1 #ทหารกล้า #สดุดีวีรชน #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    กองทัพบกลำเลียงร่าง “พลทหารธนรัตน์–พลทหารชาญชัย” 2 วีรชนผู้สละชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ กลับสู่บ้านเกิดอย่างสมเกียรติ โดยลงที่กองบิน 23 อุดรธานี ท่ามกลางกองเกียรติยศ ครอบครัว และประชาชนร่วมสดุดี ก่อนแยกขบวนส่งร่างไปยังหนองคายและกาฬสินธุ์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119526 . #News1live #News1 #ทหารกล้า #สดุดีวีรชน #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline


    ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง
    https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites

    แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน
    ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures

    ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร
    ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
    https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge

    ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน

    CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning

    Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver
    มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว
    https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2

    ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing

    EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040
    สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
    https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040

    Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง
    Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้
    https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels

    Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V
    Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว
    https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu

    Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร
    หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass

    องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง
    ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026
    https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps

    Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
    Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม
    https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig

    แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม
    กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล
    https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes


    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251212 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ของ WordPress มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในธีม Soledad ที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน WordPress โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.8 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ระดับต่ำอย่าง “Subscriber” สามารถยกระดับสิทธิ์และเข้ายึดครองเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน penci_update_option ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงการตั้งค่าไซต์สำคัญโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนค่า เช่น เปิดให้ใครก็สมัครสมาชิกได้ และตั้งค่าให้ผู้ใช้ใหม่เป็น “Administrator” ได้ทันที นักพัฒนาของธีมได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 8.6.9.1 โดยเพิ่มการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่เข้าถึงฟังก์ชันดังกล่าว ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ใช้ธีมนี้จึงควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดครอง 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64188-cvss-9-8-critical-soledad-theme-flaw-lets-subscribers-take-over-wordpress-sites 🎣 แคมเปญฟิชชิ่ง Okta SSO ปลอมตัวเป็นการแจ้งผลเงินเดือน ในช่วงที่พนักงานกำลังรอการประเมินผลงานสิ้นปี มีการโจมตีฟิชชิ่งที่ซับซ้อนเกิดขึ้น โดยใช้การหลอกลวงผ่านอีเมลที่ปลอมเป็นฝ่าย HR หรือระบบเงินเดือน เช่น ADP หรือ Salesforce หัวข้ออีเมลมักจะเป็น “Review Your 2026 Salary & Bonus” เพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบเปิด เมื่อเหยื่อเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ระบบฟิชชิ่งนี้จะทำงานเหมือนจริงโดยใช้ proxy เชื่อมต่อกับ Okta ขององค์กร ทำให้หน้าล็อกอินดูสมจริงยิ่งขึ้น จากนั้นสคริปต์ inject.js จะดักจับรหัสผ่านและคุกกี้ session สำคัญเพื่อยึดครองบัญชี ผู้โจมตียังใช้เทคนิคซ่อนเว็บไซต์ผ่าน Cloudflare เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ ถือเป็นการโจมตีที่อันตรายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-okta-sso-phishing-bypasses-defenses-to-steal-session-tokens-with-salary-review-lures 💻 ValleyRAT หลุดสู่สาธารณะ กลายเป็นอาวุธไซเบอร์ในมืออาชญากร ValleyRAT ซึ่งเคยเป็นเครื่องมือสอดแนมระดับสูง ตอนนี้กลายเป็นภัยคุกคามสาธารณะหลังตัวสร้าง (builder) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ใครก็สามารถสร้างและปรับแต่งมัลแวร์นี้ได้เอง รายงานจาก Check Point Research ระบุว่ามีการตรวจพบการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 85% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จุดเด่นของ ValleyRAT คือปลั๊กอิน Driver ที่ทำงานในระดับ kernel สามารถหลบเลี่ยงการป้องกันของ Windows 11 ได้ และยังลบไดรเวอร์ป้องกันของระบบรักษาความปลอดภัยออกไปได้ด้วย เดิมที ValleyRAT เชื่อมโยงกับกลุ่ม Silver Fox แต่เมื่อโค้ดถูกปล่อยสู่สาธารณะ การระบุแหล่งที่มาแทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป 🔗 https://securityonline.info/military-grade-valleyrat-goes-rogue-kernel-rootkit-builder-leak-triggers-massive-global-surge 🌐 ช่องโหว่ GeoServer XXE ถูกโจมตีจริง เสี่ยงขโมยข้อมูลและสแกนระบบภายใน CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2025-58360 ของ GeoServer เข้าสู่รายการ Known Exploited Vulnerabilities เนื่องจากพบการโจมตีจริง ช่องโหว่นี้เกิดจากการประมวลผล XML ที่ไม่ถูกกรองอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำสั่ง XML ที่อ้างอิงภายนอกเพื่ออ่านไฟล์ลับในเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้เป็น SSRF เพื่อเข้าถึงระบบภายในที่ถูกไฟร์วอลล์ป้องกันอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ระบบล่มด้วยการโจมตีแบบ DoS ได้อีกด้วย CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2026 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/cisa-kev-alert-geoserver-xxe-flaw-under-active-attack-risks-data-theft-internal-network-scanning 💥 Ransomware 01flip โจมตีโครงสร้างพื้นฐานใน APAC ด้วย Rust และ Sliver มีการค้นพบแรนซัมแวร์ใหม่ชื่อ “01flip” ที่ถูกเขียนด้วยภาษา Rust ทำให้สามารถโจมตีได้ทั้ง Windows และ Linux โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และไต้หวัน กลุ่มผู้โจมตีใช้วิธีเจาะระบบด้วยช่องโหว่เก่าอย่าง CVE-2019-11580 และติดตั้ง Sliver ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพนซอร์สสำหรับควบคุมระบบจากระยะไกล น่าสนใจว่ามีโค้ดบางส่วนที่หลีกเลี่ยงการเข้ารหัสไฟล์ที่มีนามสกุล “lockbit” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม LockBit หรือเป็นการสร้างหลักฐานปลอม แม้จำนวนเหยื่อยังไม่มาก แต่มีการยืนยันว่ามีข้อมูลรั่วไหลไปขายในดาร์กเว็บแล้ว 🔗 https://securityonline.info/new-01flip-ransomware-hits-apac-critical-infra-cross-platform-rust-weapon-uses-sliver-c2 🛡️ ช่องโหว่ Apache Struts 2 เสี่ยงทำเซิร์ฟเวอร์ล่ม มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Struts 2 ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย Java ช่องโหว่นี้ชื่อว่า CVE-2025-66675 เกิดจากการจัดการไฟล์อัปโหลดที่ผิดพลาด ทำให้ไฟล์ชั่วคราวไม่ถูกลบออก ส่งผลให้พื้นที่ดิสก์เต็มอย่างรวดเร็ว หากถูกโจมตีซ้ำ ๆ เซิร์ฟเวอร์อาจหยุดทำงานทันที นักวิจัยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน Struts 6.8.0 หรือ 7.1.1 และหากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ควรตั้งโฟลเดอร์ชั่วคราวแยกไว้ หรือปิดการใช้งานฟีเจอร์อัปโหลดไฟล์เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/apache-struts-2-dos-flaw-cve-2025-66775-risks-server-crash-via-file-leak-in-multipart-request-processing 🌍 EU ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2040 สหภาพยุโรปประกาศข้อตกลงครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปี 1990 ภายในปี 2040 ถือเป็นเป้าหมายที่สูงกว่าหลายประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน การเจรจาครั้งนี้มีทั้งเสียงคัดค้านจากบางประเทศที่กังวลเรื่องต้นทุนอุตสาหกรรม และเสียงสนับสนุนจากประเทศที่เร่งผลักดันการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงนี้ยังมีการผ่อนปรน เช่น เลื่อนการเก็บภาษีคาร์บอนเชื้อเพลิงไปปี 2028 และอนุญาตให้ใช้เครดิตคาร์บอนระหว่างประเทศบางส่วน แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 🔗 https://securityonline.info/eus-green-mandate-parliament-pledges-90-emissions-cut-by-2040 📱 Instagram เปิดฟีเจอร์ใหม่ “Your Algorithm” ให้ผู้ใช้ควบคุมฟีดได้เอง Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Your Algorithm” ที่ให้ผู้ใช้เห็นและปรับแต่งหัวข้อที่ระบบแนะนำในหน้า Reels ได้โดยตรง ผู้ใช้สามารถเลือกดูหัวข้อที่สนใจมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงแชร์หัวข้อที่ตนสนใจไปยัง Stories ได้ ฟีเจอร์นี้ใช้ AI เป็นหลักในการปรับแต่ง และถือเป็นครั้งแรกที่ Instagram เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Meta ใช้ AI สร้างเนื้อหาที่เกินจริง แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็เป็นการเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ 🔗 https://securityonline.info/youre-in-control-instagram-launches-your-algorithm-feature-for-reels 💻 Qualcomm เข้าซื้อ Ventana เสริมทัพพัฒนา CPU RISC-V Qualcomm ประกาศเข้าซื้อกิจการ Ventana Micro Systems เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนา CPU โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังได้รับความนิยม การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยให้ Qualcomm สามารถผสานความเชี่ยวชาญของ Ventana เข้ากับการพัฒนา CPU Oryon ของตนเอง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับ AI มากขึ้น นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Qualcomm ที่ต้องการลดการพึ่งพา Arm และสร้างอิสระทางเทคโนโลยีในระยะยาว 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-buys-ventana-to-double-down-on-risc-v-and-custom-oryon-cpu ⚖️ Intel แพ้คดีต่อต้านการผูกขาด ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร หลังจากต่อสู้คดีต่อต้านการผูกขาดกับสหภาพยุโรปยาวนานถึง 16 ปี Intel ก็แพ้การอุทธรณ์ครั้งล่าสุด ศาลตัดสินให้ต้องจ่ายค่าปรับ 237 ล้านยูโร จากเดิมที่เคยถูกปรับ 376 ล้านยูโร คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 โดย Intel ถูกกล่าวหาว่าใช้วิธีให้เงินสนับสนุนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง HP, Acer และ Lenovo เพื่อชะลอหรือหยุดการใช้ชิป AMD ถือเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยตรง แม้ Intel เคยชนะบางส่วนของคดี แต่สุดท้ายก็ยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์วงการเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/16-year-battle-ends-intel-loses-appeal-must-pay-e237-million-eu-fine 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes 📹 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Zoom Rooms เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Zoom ได้ออกแพตช์แก้ไขด่วนสำหรับ Zoom Rooms หลังพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรเป็นความลับได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน Windows ที่มีช่องโหว่ CVE-2025-67460 ซึ่งเกิดจากการป้องกันการ downgrade ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ระบบอาจถูกบังคับให้กลับไปใช้เวอร์ชันที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใน macOS ก็มีช่องโหว่ CVE-2025-67461 ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลผ่านการจัดการไฟล์ผิดพลาด Zoom ได้ปล่อยเวอร์ชัน 6.6.0 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-zoom-rooms-flaw-risks-privilege-escalation-via-downgrade-protection-bypass 🧑‍💻 องค์กรเร่งปรับงบสู่การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติจริง ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงงานอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรเจอปัญหาช่องว่างทักษะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การฝึกอบรมแบบเดิมที่เน้นแค่การสอบใบรับรองไม่เพียงพออีกต่อไป ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานไซเบอร์ คลาวด์ และ IT operations กำลังหันมาใช้การเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น ห้องแล็บจำลอง สถานการณ์เสมือนจริง และการฝึกที่วัดผลได้ทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานพร้อมรับมือกับภัยคุกคามและงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก ข้อมูลยังชี้ว่าการเรียนรู้เชิงปฏิบัติช่วยให้พนักงานจดจำได้มากกว่า 70% และลดเวลาเรียนรู้ลงเกือบครึ่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่งบประมาณปลายปีถูกเทไปในแนวทางนี้ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับปี 2026 🔗 https://securityonline.info/ine-highlights-enterprise-shift-toward-hands-on-training-amid-widening-skills-gaps 🔐 Ledger จับมือ 1inch ยกระดับความปลอดภัยการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล Ledger ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดตัวระบบ Multisig ที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเลือก 1inch เป็นผู้ให้บริการ swap แบบเอกสิทธิ์ จุดเด่นคือการตัดปัญหา blind signing ที่เคยเป็นจุดอ่อนของการจัดการคลังสินทรัพย์บนบล็อกเชน ตอนนี้ทุกการทำธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนในรูปแบบที่มนุษย์อ่านเข้าใจ ทำให้การย้ายหรือปรับสมดุลทรัพย์สินมีความมั่นใจมากขึ้น ทั้งสองบริษัทตั้งใจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการ treasury ขององค์กรในโลก DeFi ที่ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/1inch-named-exclusive-swap-provider-at-launch-for-ledger-multisig 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ GOLD BLADE โจมตีบริษัทแคนาดาด้วยเรซูเม่ปลอม กลุ่มแฮกเกอร์ GOLD BLADE หรือที่รู้จักในชื่อ RedCurl/RedWolf ได้หันเป้าหมายไปยังองค์กรในแคนาดา โดยใช้วิธีใหม่ที่แยบยลคือส่งเรซูเม่ปลอมผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานที่เชื่อถือได้ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกติดตั้งมัลแวร์ RedLoader และตามมาด้วยการโจมตีขั้นสูง เช่น การใช้ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่เพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัย จากเดิมที่กลุ่มนี้เน้นขโมยข้อมูลเชิงธุรกิจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่มการปล่อย ransomware เพื่อทำเงินโดยตรง ถือเป็นการผสมผสานทั้งการสอดแนมและการรีดไถในรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล 🔗 https://securityonline.info/gold-blade-apt-hits-canadian-firms-with-byovd-edr-killer-and-ransomware-delivered-via-fake-resumes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel แพ้คดีผูกขาดในยุโรป ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์

    Intel พยายามอุทธรณ์เพื่อยกเลิกคำตัดสินคดีผูกขาดที่ดำเนินมากว่า 16 ปี แต่ศาลทั่วไปของสหภาพยุโรป (EU General Court) ได้ตัดสินยืนตามคณะกรรมาธิการยุโรป โดยปรับเป็นเงิน 237 ล้านยูโร (278 ล้านดอลลาร์) หลังพบว่า Intel ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและการจ่ายเงินเพื่อกีดกันคู่แข่งอย่าง AMD ระหว่างปี 2000–2008

    เส้นทางคดีที่ยืดเยื้อ
    คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปปรับ Intel เป็นเงินกว่า 1.06 พันล้านยูโร แต่ต่อมามีการอุทธรณ์และการพิจารณาซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งปี 2022 ศาลได้ยกเลิกค่าปรับเดิมเนื่องจากการวิเคราะห์ไม่ครบถ้วน ก่อนจะมีการคำนวณใหม่ในปี 2023 และล่าสุดศาลทั่วไปตัดสินให้ปรับลดลงเหลือ 278 ล้านดอลลาร์

    ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    การตัดสินครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ EU ในการรักษาความเป็นธรรมในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันคู่แข่ง AMD ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา AMD ค่อย ๆ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดด้วยนวัตกรรม เช่น Ryzen และ EPYC ที่ทำให้การแข่งขันกลับมาสมดุลมากขึ้น

    บริบทเพิ่มเติมจากวงการเทคโนโลยีและกฎหมาย
    กรณีนี้เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ EU ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเพื่อควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น การบังคับให้ Microsoft เสนอ “browser choice” หรือการปรับ Google เรื่องการจัดอันดับผลการค้นหา การตัดสินต่อ Intel จึงเป็นสัญญาณว่า EU จะยังคงเข้มงวดต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจเหนือตลาด

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์โดยศาลทั่วไปของ EU
    หลังพบว่ากีดกัน AMD ระหว่างปี 2000–2008

    คดีเริ่มตั้งแต่ปี 2009
    เดิมถูกปรับ 1.06 พันล้านยูโร ก่อนลดลง

    AMD ได้ประโยชน์จากการแข่งขันที่เป็นธรรม
    Ryzen และ EPYC ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    EU อาจใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเข้มงวดต่อไป

    ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ Intel
    ถูกมองว่าใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ไม่เป็นธรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-fails-to-get-eu-antitrust-ruling-overturned-in-longstanding-16-year-amd-competition-case-chipmaker-sees-usd1-2-billion-fine-reduced-to-usd278-million
    ⚖️ Intel แพ้คดีผูกขาดในยุโรป ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์ Intel พยายามอุทธรณ์เพื่อยกเลิกคำตัดสินคดีผูกขาดที่ดำเนินมากว่า 16 ปี แต่ศาลทั่วไปของสหภาพยุโรป (EU General Court) ได้ตัดสินยืนตามคณะกรรมาธิการยุโรป โดยปรับเป็นเงิน 237 ล้านยูโร (278 ล้านดอลลาร์) หลังพบว่า Intel ใช้กลยุทธ์ส่วนลดและการจ่ายเงินเพื่อกีดกันคู่แข่งอย่าง AMD ระหว่างปี 2000–2008 🏛️ เส้นทางคดีที่ยืดเยื้อ คดีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2009 เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปปรับ Intel เป็นเงินกว่า 1.06 พันล้านยูโร แต่ต่อมามีการอุทธรณ์และการพิจารณาซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งปี 2022 ศาลได้ยกเลิกค่าปรับเดิมเนื่องจากการวิเคราะห์ไม่ครบถ้วน ก่อนจะมีการคำนวณใหม่ในปี 2023 และล่าสุดศาลทั่วไปตัดสินให้ปรับลดลงเหลือ 278 ล้านดอลลาร์ 💻 ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU การตัดสินครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ EU ในการรักษาความเป็นธรรมในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้บริษัทใหญ่ใช้อำนาจเหนือตลาดกีดกันคู่แข่ง AMD ซึ่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา AMD ค่อย ๆ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดด้วยนวัตกรรม เช่น Ryzen และ EPYC ที่ทำให้การแข่งขันกลับมาสมดุลมากขึ้น 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากวงการเทคโนโลยีและกฎหมาย กรณีนี้เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ EU ใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเพื่อควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น การบังคับให้ Microsoft เสนอ “browser choice” หรือการปรับ Google เรื่องการจัดอันดับผลการค้นหา การตัดสินต่อ Intel จึงเป็นสัญญาณว่า EU จะยังคงเข้มงวดต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจเหนือตลาด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel ถูกปรับ 278 ล้านดอลลาร์โดยศาลทั่วไปของ EU ➡️ หลังพบว่ากีดกัน AMD ระหว่างปี 2000–2008 ✅ คดีเริ่มตั้งแต่ปี 2009 ➡️ เดิมถูกปรับ 1.06 พันล้านยูโร ก่อนลดลง ✅ AMD ได้ประโยชน์จากการแข่งขันที่เป็นธรรม ➡️ Ryzen และ EPYC ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ⛔ EU อาจใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเข้มงวดต่อไป ‼️ ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ Intel ⛔ ถูกมองว่าใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ไม่เป็นธรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-fails-to-get-eu-antitrust-ruling-overturned-in-longstanding-16-year-amd-competition-case-chipmaker-sees-usd1-2-billion-fine-reduced-to-usd278-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงานที่ญี่ปุ่นสู่เทคโนโลยี 4nm

    รายงานระบุว่า TSMC กำลังพิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่วางแผนผลิตชิป 6nm และ 7nm ให้สามารถผลิตชิป N4 (4nm-class) และ N5 (5nm-class) ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในญี่ปุ่นเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น

    ความท้าทายด้านการก่อสร้างและเครื่องจักร
    แม้การอัปเกรดจะเป็นไปได้เพราะเครื่องจักรที่ใช้ใน N7/N6 และ N5/N4 มีความคล้ายกันถึง 90% แต่การผลิต N4 ต้องใช้เครื่อง EUV lithography ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่า ทำให้ต้องมีการออกแบบใหม่บางส่วน ขณะเดียวกัน TSMC ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในญี่ปุ่นตลอดปี 2026 เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า

    สัญญาณการหยุดชะงัก
    ภาพถ่ายล่าสุดจากไซต์ก่อสร้างแสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรหนัก เช่น เครนและรถขุด ถูกนำออกไปแล้ว และมีการแจ้งซัพพลายเออร์ว่าการทำงานจะหยุดชั่วคราว นั่นหมายความว่าโรงงานอาจไม่พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในปีหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของโครงการ แม้จะมีแผนรองรับการผลิตขั้นสูงในอนาคต

    บริบทเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    การอัปเกรดโรงงานในญี่ปุ่นถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ กระจายการผลิตนอกไต้หวัน ของ TSMC เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Rapidus ก็มีแผนสร้างโรงงาน 1.4nm ในญี่ปุ่นภายในปี 2027 ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการผลิตชิปขั้นสูงในเอเชีย

    สรุปสาระสำคัญ
    TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2
    จาก 6nm/7nm เป็น 4nm/5nm

    เครื่องจักร N7/N6 และ N5/N4 คล้ายกันถึง 90%
    ทำให้การอัปเกรดเป็นไปได้ง่ายขึ้น

    การก่อสร้างล่าช้า
    TSMC แจ้งว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในปี 2026

    ความไม่แน่นอนของโครงการ
    การหยุดชั่วคราวและการนำเครื่องจักรออกจากไซต์

    ความท้าทายด้าน EUV lithography
    ต้องใช้เครื่องที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า DUV

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    🏭 TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงานที่ญี่ปุ่นสู่เทคโนโลยี 4nm รายงานระบุว่า TSMC กำลังพิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่วางแผนผลิตชิป 6nm และ 7nm ให้สามารถผลิตชิป N4 (4nm-class) และ N5 (5nm-class) ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในญี่ปุ่นเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น ⚙️ ความท้าทายด้านการก่อสร้างและเครื่องจักร แม้การอัปเกรดจะเป็นไปได้เพราะเครื่องจักรที่ใช้ใน N7/N6 และ N5/N4 มีความคล้ายกันถึง 90% แต่การผลิต N4 ต้องใช้เครื่อง EUV lithography ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่า ทำให้ต้องมีการออกแบบใหม่บางส่วน ขณะเดียวกัน TSMC ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในญี่ปุ่นตลอดปี 2026 เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า 📉 สัญญาณการหยุดชะงัก ภาพถ่ายล่าสุดจากไซต์ก่อสร้างแสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรหนัก เช่น เครนและรถขุด ถูกนำออกไปแล้ว และมีการแจ้งซัพพลายเออร์ว่าการทำงานจะหยุดชั่วคราว นั่นหมายความว่าโรงงานอาจไม่พร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในปีหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของโครงการ แม้จะมีแผนรองรับการผลิตขั้นสูงในอนาคต 🌐 บริบทเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การอัปเกรดโรงงานในญี่ปุ่นถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ กระจายการผลิตนอกไต้หวัน ของ TSMC เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Rapidus ก็มีแผนสร้างโรงงาน 1.4nm ในญี่ปุ่นภายในปี 2027 ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการผลิตชิปขั้นสูงในเอเชีย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TSMC พิจารณาอัปเกรดโรงงาน Fab 23 Phase 2 ➡️ จาก 6nm/7nm เป็น 4nm/5nm ✅ เครื่องจักร N7/N6 และ N5/N4 คล้ายกันถึง 90% ➡️ ทำให้การอัปเกรดเป็นไปได้ง่ายขึ้น ✅ การก่อสร้างล่าช้า ➡️ TSMC แจ้งว่าจะไม่ต้องการเครื่องจักรใหม่ในปี 2026 ‼️ ความไม่แน่นอนของโครงการ ⛔ การหยุดชั่วคราวและการนำเครื่องจักรออกจากไซต์ ‼️ ความท้าทายด้าน EUV lithography ⛔ ต้องใช้เครื่องที่ใหญ่และซับซ้อนกว่า DUV https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts