• ”วิสุทธิ์“ บอกไม่รู้ตอนนี้ “พิศาล” อยู่ไหน วิปรัฐบาลไม่มีหน้าที่ตามจับใคร ยันไม่ได้ปกป้อง แต่ต้องยึดตามรธน. ระหว่างสมัยประชุม ห้ามจับกุมคุมขัง สส. เว้นแต่สภาฯ อนุญาต ข้องใจเจตนา “โรม” ชงกระทู้ปมตากใบเพื่ออะไรหวั่นทำสังคมแตกแยก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094019

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ”วิสุทธิ์“ บอกไม่รู้ตอนนี้ “พิศาล” อยู่ไหน วิปรัฐบาลไม่มีหน้าที่ตามจับใคร ยันไม่ได้ปกป้อง แต่ต้องยึดตามรธน. ระหว่างสมัยประชุม ห้ามจับกุมคุมขัง สส. เว้นแต่สภาฯ อนุญาต ข้องใจเจตนา “โรม” ชงกระทู้ปมตากใบเพื่ออะไรหวั่นทำสังคมแตกแยก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094019 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    19
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2464 มุมมอง 0 รีวิว

  • http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=585

    คำสมาทานพระกรรมฐาน
    ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
    ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา


    (นำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ
    (รับ) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

    อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจัจชามิ

    ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอมอบกาย ถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น ได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=585 คำสมาทานพระกรรมฐาน ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา (นำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ (รับ) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจัจชามิ ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอมอบกาย ถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น ได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่ หม่องโรม คยอ และขิ่นแก้วตา อยากได้ มิใช่แค่เรื่องแรงงานพม่า และสิทธิเลือกตั้งในไทย แต่จะปูทางไปสู่การรับใช้ไอ้กัน ให้ไทยแอน.ตี้พม่า และให้ความช่วยเหลือทางทหารและการเงิ.นแก่ชนกลุ่มน้อยใช้สู้ร.บกับรัฐบาลทห.ารพม่า พรรคอ้างชื่อประชา.ชน แต่ไม่เคยนึกถึงผลกระทบต่อประช.าชน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    สิ่งที่ หม่องโรม คยอ และขิ่นแก้วตา อยากได้ มิใช่แค่เรื่องแรงงานพม่า และสิทธิเลือกตั้งในไทย แต่จะปูทางไปสู่การรับใช้ไอ้กัน ให้ไทยแอน.ตี้พม่า และให้ความช่วยเหลือทางทหารและการเงิ.นแก่ชนกลุ่มน้อยใช้สู้ร.บกับรัฐบาลทห.ารพม่า พรรคอ้างชื่อประชา.ชน แต่ไม่เคยนึกถึงผลกระทบต่อประช.าชน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1034 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ไอติม พริษฐ์ เก่งแค่ไหนก็เป็นแค่สส.เลือดผสม โรมดันการ์ดม็อบ โตโต้ สส.เลือดบาปบริสุทธ์ ปาดหน้า นั่งรองเลขาธิการพรรค
    #7ดอกจิก
    #ไอติมพริษฐ์
    ♣ ไอติม พริษฐ์ เก่งแค่ไหนก็เป็นแค่สส.เลือดผสม โรมดันการ์ดม็อบ โตโต้ สส.เลือดบาปบริสุทธ์ ปาดหน้า นั่งรองเลขาธิการพรรค #7ดอกจิก #ไอติมพริษฐ์
    Haha
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม”
    สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน
    .
    จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ
    .
    แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
    .
    มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ
    .
    ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง
    .
    "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่"
    .
    “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง"
    .
    "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่"
    .
    ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว
    .
    พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้
    .
    อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม” สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน . จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ . แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ . มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ . ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง . "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่" . “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง" . "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่" . ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว . พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้ . อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติศาสตร์แล้ว! ภาพ การระเบิด ของปล่องเหมือง Yuzhnodonbasskaya No. 3 ซึ่งศัตรูขุดได้

    ❗️ เราขอเตือนคุณว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไม่สามารถทำได้เนื่องจากความใจร้ายของศัตรู ศัตรูไม่ได้ละทิ้งทุ่นระเบิด - ในวิดีโอมี TM-57, MAT-62b ของโรมาเนียพร้อมฟิวส์ P-62, MAT-76, m/52b ของสวีเดน, กล่องที่มี TNT และทุ่นระเบิด
    ประวัติศาสตร์แล้ว! ภาพ การระเบิด ของปล่องเหมือง Yuzhnodonbasskaya No. 3 ซึ่งศัตรูขุดได้ ❗️ เราขอเตือนคุณว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไม่สามารถทำได้เนื่องจากความใจร้ายของศัตรู ศัตรูไม่ได้ละทิ้งทุ่นระเบิด - ในวิดีโอมี TM-57, MAT-62b ของโรมาเนียพร้อมฟิวส์ P-62, MAT-76, m/52b ของสวีเดน, กล่องที่มี TNT และทุ่นระเบิด
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 200 0 รีวิว
  • รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง

    มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ

    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย"

    รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้:

    ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น

    รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้

    ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์

    รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

    ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย

    ที่มา RT
    รัสเซียเปิดรายชื่อ47ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำว่ามีทัศนคติเชิงทำลายล้าง มอสโกว์ได้จัดทำรายชื่อประเทศ 47 ประเทศที่มี "ทัศนคติเชิงทำลายล้าง" ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมของรัสเซีย โดยเปิดทางให้พลเมืองของประเทศเหล่านี้สามารถขอสถานะผู้พำนักอาศัยในรัสเซียได้หากต้องการ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของรัสเซียและไม่เห็นด้วยกับแนวทาง "เสรีนิยมใหม่" ที่รัฐบาลของตนเองผลักดันสามารถยื่นคำร้องขอสถานะผู้พำนักอาศัยได้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชุสตินของรัสเซียได้เผยแพร่รายชื่อประเทศและดินแดนที่ "ดำเนินนโยบายที่บังคับใช้ทัศนคติเชิงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ที่สร้างความเสียหาย ซึ่งขัดแย้งกับค่านิยมทางจิตวิญญาณและศีลธรรมแบบดั้งเดิมของรัสเซีย" รายชื่อที่โพสต์บนพอร์ทัลรัฐบาลรัสเซียประกอบด้วยประเทศและดินแดนต่อไปนี้: ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แอลเบเนีย, อันดอร์รา, บาฮามาส, เบลเยียม, บัลแกเรีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, กรีซ, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์, สเปน, อิตาลี, แคนาดา, ไซปรัส, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลิคเทนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, ไมโครนีเซีย, โมนาโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เกาหลีใต้, โรมาเนีย, ซานมารีโน, มาซิโดเนียเหนือ, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน (ดินแดนของจีน), ยูเครน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, โครเอเชีย, มอนเตเนโกร, สาธารณรัฐเช็ก, สวิตเซอร์แลนด์, สวีเดน, เอสโตเนีย และญี่ปุ่น รายชื่อประเทศที่ขาดหายไป ได้แก่ สโลวาเกียและฮังการี ซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต้ รวมถึงตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ ก่อนหน้านี้ ประเทศที่ถูกระบุส่วนใหญ่ถูกลงทะเบียนจากรัฐบาลรัสเซียว่า“ไม่เป็นมิตร” ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 และปรับปรุงในปี 2022 โดยประเทศที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการตอบโต้ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียตามพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ รัสเซียสามารถ “ให้สถานที่ปลอดภัยสำหรับภาวะปกติแก่โลก” ได้โดยการปกป้องค่านิยมดั้งเดิมจาก “หายนะของลัทธิตื่นรู้” ที่ครอบงำโลกตะวันตกโดยรวม มาร์การิตา ซิโมนยาน บรรณาธิการบริหารของ RT กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมสตรียูเรเซียครั้งที่ 4 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตามคำสั่งของปูตินเมื่อเดือนสิงหาคม พลเมืองของประเทศ “เสรีนิยมทำลายล้าง” มีสิทธิ์ที่จะขอถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในรัสเซียโดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการย้ายถิ่นฐานมาตรฐาน เช่น โควตาแห่งชาติ ความสามารถทางภาษาของรัสเซีย และความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และกฎหมายของรัสเซีย ที่มา RT
    Like
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1007 มุมมอง 0 รีวิว
  • FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing

    19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25%

    เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน

    การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย

    ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5%

    “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้

    ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง

    พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ

    “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ

    ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

    แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้”

    ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3%

    “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “

    ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL

    #Thaitimes
    FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing 19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25% เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5% “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้” ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3% “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “ ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1859 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทองคำผันผวนมากกับการลดดอกเบี้ย0.50%

    การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว0.50%ของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก

    ในช่วงบ่ายแก่ๆ สัญญาทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคมปิดที่ 2,584.80 ดอลลาร์ ลดลง 11.60 ดอลลาร์ตลอดทั้งวัน

    โลหะมีค่ามีการซื้อขายผันผวนอย่างหนัก เปิดที่ 2,596 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแตะระดับสูงสุดในรอบวัน 2,627.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบวันเล็กน้อยที่ 2,572.50 ดอลลาร์

    ล่าสุด ราคาทองคำสปอตซื้อขายที่ 2,578-2,579เหรียญต่อออนซ์

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เน้นย้ำถึงพันธกรณีสองประการของเฟดในการรักษาอัตราการจ้างงานเต็มที่ในขณะที่ดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

    ประธานเฟด เจโรม พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนมีผลทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างมีประสิทธิผล และเงินเฟ้อจะยังคงเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการต่อไป

    อัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดใหม่ขณะนี้อยู่ระหว่าง 4.75% ถึง 5% โดยเฟดส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 3% ในปีหน้า

    ปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในกลุ่มสินทรัพย์ต่างๆ ดัชนีหุ้นหลักปิดตลาดด้วยการลดลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก

    ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.29% เหลือ 5,618.26 จุด ดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 0.25% เหลือ 41,503.10 จุด และดัชนี NASDAQ Composite ลดลง 0.31% เหลือ 17,573.30 จุด ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลงเล็กน้อย 0.18% เหลือ 100.978 จุด
    ที่มา Kitco
    ราคาทองคำผันผวนมากกับการลดดอกเบี้ย0.50% การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว0.50%ของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนอย่างมาก ในช่วงบ่ายแก่ๆ สัญญาทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคมปิดที่ 2,584.80 ดอลลาร์ ลดลง 11.60 ดอลลาร์ตลอดทั้งวัน โลหะมีค่ามีการซื้อขายผันผวนอย่างหนัก เปิดที่ 2,596 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแตะระดับสูงสุดในรอบวัน 2,627.20 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบวันเล็กน้อยที่ 2,572.50 ดอลลาร์ ล่าสุด ราคาทองคำสปอตซื้อขายที่ 2,578-2,579เหรียญต่อออนซ์ การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้เน้นย้ำถึงพันธกรณีสองประการของเฟดในการรักษาอัตราการจ้างงานเต็มที่ในขณะที่ดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประธานเฟด เจโรม พาวเวลล์แสดงความมั่นใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนมีผลทำให้เงินเฟ้อลดลงอย่างมีประสิทธิผล และเงินเฟ้อจะยังคงเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการต่อไป อัตราดอกเบี้ยกองทุนเฟดใหม่ขณะนี้อยู่ระหว่าง 4.75% ถึง 5% โดยเฟดส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปกติที่ประมาณ 3% ในปีหน้า ปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนในกลุ่มสินทรัพย์ต่างๆ ดัชนีหุ้นหลักปิดตลาดด้วยการลดลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.29% เหลือ 5,618.26 จุด ดัชนี Dow Jones Industrial Average ลดลง 0.25% เหลือ 41,503.10 จุด และดัชนี NASDAQ Composite ลดลง 0.31% เหลือ 17,573.30 จุด ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลงเล็กน้อย 0.18% เหลือ 100.978 จุด ที่มา Kitco
    Like
    Sad
    28
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี

    การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน

    ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ

    ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย

    ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น

    "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง?

    🔸หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก;

    🔸ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร;

    🔸รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ

    🔸จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย
    .
    Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event

    The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18.

    During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air.

    The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress.

    The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity.

    “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go?

    🔸China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok;

    🔸According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats;

    🔸Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity;

    🔸Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania.
    .
    3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง? 🔸หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก; 🔸ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร; 🔸รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ 🔸จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย . Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18. During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air. The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress. The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity. “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go? 🔸China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok; 🔸According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats; 🔸Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity; 🔸Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania. . 3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 75 0 รีวิว
  • ไทยเล็งใช้ระบบ ETA คัดกรองต่างชาติ

    สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนัก จากสิงคโปร์และอินเดีย รายงานข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 ประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบใบอนุญาตเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น รวม 93 ประเทศและดินแดน ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ได้รับการยกเว้น

    ตามรายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัว พร้อมกับการติดตามชาวต่างชาติ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความมั่นคงและปรับปรุงการจัดการนักท่องเที่ยว โดยไม่กระทบต่อสถานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยขยายการยกเว้นวีซ่าไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้นักเดินทางชาวต่างชาติมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

    โดยชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศและดินแดน ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องทำ ETA แต่ละครั้งจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้ครั้งเดียว มีอายุไม่เกิน 60 วันต่อการเข้าประเทศแต่ละครั้ง และยังสามารถขยายระยเวลาเดินทางออกไปอีก 30 วัน โดยขั้นตอนการลงทะเบียน ETA จะใช้ระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยกรอกรายละเอียดผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถนำ QR Code ไปใช้กับประตูตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ทำให้ผ่านกระบวนการเข้าเมืองเร็วขึ้น

    ตามรายงานระบุว่า ระบบนี้จะนำร่องมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป และจะใช้เต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 2568 พร้อมกับแพลตฟอร์ม e-Visa ของประเทศไทย

    เรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ มีแต่การเปิดเผยจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้การต้อนรับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 ที่ระบุเพียงว่า "กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันการใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการคัดกรอง และติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย"

    อนึ่ง ประเทศในอาเซียนมีการใช้ระบบ ETA ได้แก่ สิงคโปร์ แบบฟอร์ม SG Arrival Card (SGAC) และมาเลเซีย แบบฟอร์ม Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่นำระบบคล้ายคลึงกันมาใช้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเกาหลีใต้ เป็นต้น

    #Newskit #ThailandETA
    ไทยเล็งใช้ระบบ ETA คัดกรองต่างชาติ สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนัก จากสิงคโปร์และอินเดีย รายงานข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 ประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบใบอนุญาตเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น รวม 93 ประเทศและดินแดน ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ได้รับการยกเว้น ตามรายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัว พร้อมกับการติดตามชาวต่างชาติ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความมั่นคงและปรับปรุงการจัดการนักท่องเที่ยว โดยไม่กระทบต่อสถานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยขยายการยกเว้นวีซ่าไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้นักเดินทางชาวต่างชาติมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศและดินแดน ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องทำ ETA แต่ละครั้งจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้ครั้งเดียว มีอายุไม่เกิน 60 วันต่อการเข้าประเทศแต่ละครั้ง และยังสามารถขยายระยเวลาเดินทางออกไปอีก 30 วัน โดยขั้นตอนการลงทะเบียน ETA จะใช้ระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยกรอกรายละเอียดผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถนำ QR Code ไปใช้กับประตูตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ทำให้ผ่านกระบวนการเข้าเมืองเร็วขึ้น ตามรายงานระบุว่า ระบบนี้จะนำร่องมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป และจะใช้เต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 2568 พร้อมกับแพลตฟอร์ม e-Visa ของประเทศไทย เรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ มีแต่การเปิดเผยจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้การต้อนรับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 ที่ระบุเพียงว่า "กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันการใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการคัดกรอง และติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย" อนึ่ง ประเทศในอาเซียนมีการใช้ระบบ ETA ได้แก่ สิงคโปร์ แบบฟอร์ม SG Arrival Card (SGAC) และมาเลเซีย แบบฟอร์ม Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่นำระบบคล้ายคลึงกันมาใช้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเกาหลีใต้ เป็นต้น #Newskit #ThailandETA
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 816 มุมมอง 0 รีวิว
  • แ-ฉ ไอ่โรม พรรคปชช. อวยสิทธิ์ต่าง⭐ เพื่อปูทางใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    แ-ฉ ไอ่โรม พรรคปชช. อวยสิทธิ์ต่าง⭐ เพื่อปูทางใช้สิทธิ์เลือกตั้ง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Angry
    Haha
    Love
    21
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 952 มุมมอง 483 0 รีวิว
  • เรื่องพลังของตัวเลข มีมาตั้งแต่ยุคกรีก โรมัน อิยิปต์ รวมถึง จีน ว่าไปก็เกินกว่า 3000 ปีแล้ว หลังๆ ถูกพิสูจน์โดยหลัก Statistic พบว่า มันเป็นจริง
    เรื่องพลังของตัวเลข มีมาตั้งแต่ยุคกรีก โรมัน อิยิปต์ รวมถึง จีน ว่าไปก็เกินกว่า 3000 ปีแล้ว หลังๆ ถูกพิสูจน์โดยหลัก Statistic พบว่า มันเป็นจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า
    เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ

    สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท
    แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์
    ภาพประกอบโดย ศศิ

    เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง

    หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี

    เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน

    เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้

    ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้

    การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่

    แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง

    ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด

    เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน

    ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น

    แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด

    ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก

    สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #สืบสวน
    #ฆาตกรรม
    #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ
    #หนังสือแนะนำ
    #18+
    #ความรุนแรง
    #เนื้อหาทางเพศ
    #thaitimes
    #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์ ภาพประกอบโดย ศศิ เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้ ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้ การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่ แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ . . . . . . . . . . . . . . นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #สืบสวน #ฆาตกรรม #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ #หนังสือแนะนำ #18+ #ความรุนแรง #เนื้อหาทางเพศ #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)

    15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่”

    พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่”

    “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน

    ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ
    ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์

    ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป

    ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก
    “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา"

    ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA

    #Thaitimes
    พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป) 15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่” พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่” “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์ ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา" ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ

    ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก

    ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์

    ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน

    เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา

    เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน

    แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม

    อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ที่มา Kitco
    ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์ ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ที่มา Kitco
    Like
    Love
    Haha
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1326 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันหนักแน่นว่า หากสหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย...

    ยุโรปและประเทศสมาชิกนาโตทุกประเทศจะเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์...

    “คุณจะไม่ต้องกระพริบตาเลยเมื่อเราบังคับใช้มาตรา ๕ ของสนธิสัญญาโรมัน”...

    รัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ได้รับการยืนยันมากที่สุด, โดยมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า ๕,๕๐๐ หัว
    .
    Vladimir Putin has firmly stated that if the U.S allows Ukraine to use long range missiles against Russia…

    Europe and all NATO countries will be drawn into a Nuclear War..

    “You won’t even have to blink your eyes when we carry out Article 5 of the Roman Treaty”…

    Russia has the most confirmed nuclear weapons, with over 5,500 nuclear warheads.
    .
    7:36 AM · Sep 13, 2024 · 327.7K Views
    https://x.com/Resist_05/status/1834390730137329813
    วลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันหนักแน่นว่า หากสหรัฐฯอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย... ยุโรปและประเทศสมาชิกนาโตทุกประเทศจะเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์... “คุณจะไม่ต้องกระพริบตาเลยเมื่อเราบังคับใช้มาตรา ๕ ของสนธิสัญญาโรมัน”... รัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ได้รับการยืนยันมากที่สุด, โดยมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า ๕,๕๐๐ หัว . Vladimir Putin has firmly stated that if the U.S allows Ukraine to use long range missiles against Russia… Europe and all NATO countries will be drawn into a Nuclear War.. “You won’t even have to blink your eyes when we carry out Article 5 of the Roman Treaty”… Russia has the most confirmed nuclear weapons, with over 5,500 nuclear warheads. . 7:36 AM · Sep 13, 2024 · 327.7K Views https://x.com/Resist_05/status/1834390730137329813
    Like
    Love
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2205 มุมมอง 158 0 รีวิว
  • #เกริ่นนำ#
    ต้องเข้าใจก่อนว่า เดิมทีแต่ละอารยธรรมโบราณ ทั้งเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก โรมัน และจีน ในยุคย้อนไปสัก3000 ปี (โดยประมาณ)ต่างประดิษฐ์ตัวเลขหรือระบบสัญลักษณ์ขึ้นมาใช้แทนการนับจำนวนเป็นของตัวเอง โดยแต่่ละวัฒนธรรมล้วนแตกต่างกัน แต่ตัวการสำคัญที่ทำให้ ตัวเลขฮินดูอารบิก (Hindu-Arabic numerals) แพร่หลายไปทั่วโลกจนกลายเป็นระบบกลางหรือระบบสากลของมนุษยชาติอย่างทุกวันนี้ ที่เราทุกคนอ่านออกเขียนได้ และเข้าใจความหมายตรงกัน คือ ชาวยุโรป

    คนยุโรปไม่ได้คิดค้นเลขฮินดูอารบิก แต่ใช้วิธีหยิบยืมระบบตัวเลขมาจากวัฒนธรรมฮินดูและอาหรับอีกทอดหนึ่ง สังเกตได้ง่ายๆ จากชื่อเรียกระบบเลขชุดนี้ว่า ฮินดู และ อารบิก
    ตัวเลขฮินดูอารบิกเป็นที่รู้จักทั่วโลกเพราะชาวยุโรป ผ่านการขยายอิทธิพลของอารยธรรม ในยุคล่าอณานิคม หรือส่งผ่านสู่การค้าการขาย

    รูปแบบการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิกในยุโรปเป็นรูปเป็นร่างเมื่อ เลโอนาร์โด ฟิโบนัชชี (Leonardo Fibonacci) นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน ตีพิมพ์หนังสือ Liber Abaci หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Book of the Abacus หรือ Book of Calculation ในปี 1202 โดยมีเนื้อหาหลัก คือ เน้นอธิบายการแก้โจทย์ปัญหาและวิธีการคำนวณโดยใช้ตัวเลขฮินดูอารบิก เวลาต่อมาหนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมทั่วยุโรป ทำให้ผู้คนจดจำวิธีการเขียนตัวเลขในแบบฉบับของฟิโบนัชชีไปโดยปริยาย
    #เกริ่นนำ# ต้องเข้าใจก่อนว่า เดิมทีแต่ละอารยธรรมโบราณ ทั้งเมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก โรมัน และจีน ในยุคย้อนไปสัก3000 ปี (โดยประมาณ)ต่างประดิษฐ์ตัวเลขหรือระบบสัญลักษณ์ขึ้นมาใช้แทนการนับจำนวนเป็นของตัวเอง โดยแต่่ละวัฒนธรรมล้วนแตกต่างกัน แต่ตัวการสำคัญที่ทำให้ ตัวเลขฮินดูอารบิก (Hindu-Arabic numerals) แพร่หลายไปทั่วโลกจนกลายเป็นระบบกลางหรือระบบสากลของมนุษยชาติอย่างทุกวันนี้ ที่เราทุกคนอ่านออกเขียนได้ และเข้าใจความหมายตรงกัน คือ ชาวยุโรป คนยุโรปไม่ได้คิดค้นเลขฮินดูอารบิก แต่ใช้วิธีหยิบยืมระบบตัวเลขมาจากวัฒนธรรมฮินดูและอาหรับอีกทอดหนึ่ง สังเกตได้ง่ายๆ จากชื่อเรียกระบบเลขชุดนี้ว่า ฮินดู และ อารบิก ตัวเลขฮินดูอารบิกเป็นที่รู้จักทั่วโลกเพราะชาวยุโรป ผ่านการขยายอิทธิพลของอารยธรรม ในยุคล่าอณานิคม หรือส่งผ่านสู่การค้าการขาย รูปแบบการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิกในยุโรปเป็นรูปเป็นร่างเมื่อ เลโอนาร์โด ฟิโบนัชชี (Leonardo Fibonacci) นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน ตีพิมพ์หนังสือ Liber Abaci หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Book of the Abacus หรือ Book of Calculation ในปี 1202 โดยมีเนื้อหาหลัก คือ เน้นอธิบายการแก้โจทย์ปัญหาและวิธีการคำนวณโดยใช้ตัวเลขฮินดูอารบิก เวลาต่อมาหนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมทั่วยุโรป ทำให้ผู้คนจดจำวิธีการเขียนตัวเลขในแบบฉบับของฟิโบนัชชีไปโดยปริยาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้อะไรจากฝ่ายค้าน 3 นาย นายทุนอย่างไอ่ทอน ไอ่ว่าว ไอ่เท้ง ไอ่แบงก์ นายประกันสามกีบและสส.1.1.2 อย่างไอ่ชัยรูท.วาร ไอ่ว่าว ไอ่โรม Eเจี๊ยบ และนายหน้าน้ำเม.า นายหน้าค้าก-า-ม อย่าง เฒ่าพิภพ Eไอซ์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    6 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้อะไรจากฝ่ายค้าน 3 นาย นายทุนอย่างไอ่ทอน ไอ่ว่าว ไอ่เท้ง ไอ่แบงก์ นายประกันสามกีบและสส.1.1.2 อย่างไอ่ชัยรูท.วาร ไอ่ว่าว ไอ่โรม Eเจี๊ยบ และนายหน้าน้ำเม.า นายหน้าค้าก-า-ม อย่าง เฒ่าพิภพ Eไอซ์ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน

    1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย

    ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้

    ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002

    "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว

    อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3

    อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน

    กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า

    ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย

    มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้

    ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886

    #Thaitimes
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน 1 กันยายน 2567- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มองโกเลียต้องควบคุมตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนมองโกเลีย ปูติน มีกำหนดเดินทางเยือนเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมรำลึกครบรอบ 85 ปี ของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทางทฤษฎีแล้ว แผนการเดินทางดังกล่าวทำให้เขาเสี่ยงถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงตราม" เนื่องจากมองโกเลีย ให้การรับรองขอบเขตอำนาจของศาลแห่งนี้ ฟาดิ เอล-อับดัลเลาะห์ โฆษกของศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันศุกร์ (30 ส.ค.) ว่าทุกรัฐที่ลงนามในธรรมนูญกรุงโรม "มีพันธสัญญาที่ต้องให้ความร่วมมือ สอดคล้องกับบทบัญญัติภาค 9 ของธรรมนูญกรุงโรม" ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรม เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งศาลแห่งนี้ขึ้นมา และทางมองโกเลียได้ให้สัตยาบันรับรองในปี 2002 "ในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ บรรดาผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจดำเนินการตรวจสอบผลกระทบในเรื่องดังกล่าว และแจ้งต่อสมัชชารัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรมในเรื่องนี้ จากนั้นทางสมัชชาฯ จะเป็นคนตัดสินใจใช้มาตรการใดๆ ที่พวกเขาเล็งเห็นว่ามีความเหมาะสม" เอล-อับดัลเลาะห์กล่าว อย่างไรก็ตาม ธรรมนูญกรุงโรมได้ให้ข้อยกเว้น ครั้งที่การจับกุมใดๆ นั้นเป็นการละเมิดพันธสัญญาในสนธิสัญญาหนึ่งที่ทำไว้กับประเทศอื่น หรือละเมิดเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตของบุคคลหรือสินทรัพย์ของประเทศที่ 3 อ้างอิงจากรัฐบาลในกรุงเคียฟ ทางยูเครนได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ มองโกเลียจับกุม ปูติน เช่นกัน กระนั้นก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (30 ส.ค.) มอสโกไม่กังวลเกี่ยวกับหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ พร้อมเน้นว่าทุกประเด็นปัญหาในความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเยือนของปูติน จะได้รับการจัดการแยกกันเป็นการล่วงหน้า ศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับ ปูติน ในเดือนมีนาคม 2023 กล่าวหาประธานาธิบดีรัสเซีย บังคับเนรเทศอย่างผิดกฎหมายและบังคับขนย้ายประชากร (เด็ก) จากพื้นที่ยึดครองในยูเครน ไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย มอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าไร้สาระ เน้นว่าการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่สู้รบไม่ใช่อาชญากรรม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งรัสเซียและยูเครน ก็ไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรม นั่นหมายความว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีขอบเขตอำนาจในเรื่องนี้ ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9670000080886 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    จะทำตามไหม! ศาลอาญาโลกสั่งมองโกเลียรวบตัวปูติน หลังผู้นำรัสเซียมีคิวเดินทางเยือน
    มองโกเลีย ต้องควบคุมตัว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สืบเนื่องจากพวกเขาเป็นรัฐสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) จากคำกล่าวของโฆษกศาลแห่งนี้ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่ ปูติน มีกำหน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 711 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 2
    Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก
    Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่
    Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน
    แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ
    เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 2 Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่ Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567

    “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน

    ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว)

    แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม

    แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้

    หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

    อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว

    ผลเป็นไงคงพอจำกันได้

    บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที

    อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ

    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร

    ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ

    แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

    ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน

    สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้

    ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน

    ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ

    สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ

    ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป

    แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

    นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย

    ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน

    แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก

    ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า

    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้

    อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ

    งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้

    นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที

    ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว

    ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ

    อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน

    เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้

    ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว

    เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ

    การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว

    จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ

    ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท

    รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท

    นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท

    อันนี้น่าสนใจ

    ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป

    แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต

    เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ

    แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้

    แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที

    แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน

    พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้

    แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น

    แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย

    เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย

    ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต

    แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย

    พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่

    เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก

    แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที

    การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


    ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้

    การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน

    ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

    สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ

    งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ

    บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง

    ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย


    วีระ ธีรภัทร
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E

    Thaitimes
    รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567 “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว) แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้ หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว ผลเป็นไงคงพอจำกันได้ บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้ อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้น่าสนใจ ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่ เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย วีระ ธีรภัทร วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1061 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เท้งเต้งมั่นใจโรมก็มั่นใจ
    อีก 70 ปี ส้มทั้งแผ่นดิน
    อะจ่ะ หลังจากพรรคถูกยุบ
    ครั้งที่ 112 ครั้งพอดี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เท้งเต้งมั่นใจโรมก็มั่นใจ อีก 70 ปี ส้มทั้งแผ่นดิน อะจ่ะ หลังจากพรรคถูกยุบ ครั้งที่ 112 ครั้งพอดี #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โรมเครียดกอดๆ
    เดือนอะไรกันนะรุนแรงเหลือเกิน
    แบ็คบิ๊กเบิ้มอย่างโจ๊กเพื่อนโรมก็เกมส์
    รู้จักกฏของแรงดึงดูดมั๊ย
    คนซั่วๆมันจะดูดเข้าหากันแบบนี้แหละ
    วันที่ 7 พรรคก้าวกามก็จะถูกยุบ
    แถมจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีพอีก
    วันแย่ๆของโรม
    วันดีๆของชาวไทยทั่วหล้า
    คิดเมนูยัง พรุ่งนี้ฉลองเมนูไหนกันดีทุกค๊น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #โรมเครียดกอดๆ เดือนอะไรกันนะรุนแรงเหลือเกิน แบ็คบิ๊กเบิ้มอย่างโจ๊กเพื่อนโรมก็เกมส์ รู้จักกฏของแรงดึงดูดมั๊ย คนซั่วๆมันจะดูดเข้าหากันแบบนี้แหละ วันที่ 7 พรรคก้าวกามก็จะถูกยุบ แถมจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีพอีก วันแย่ๆของโรม วันดีๆของชาวไทยทั่วหล้า คิดเมนูยัง พรุ่งนี้ฉลองเมนูไหนกันดีทุกค๊น #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • #มีเกสม์มาให้ทายสนุกๆ
    แฟนเพจคิงส์ฯคิดว่า
    เมื่อโจ๊กเกมส์หมดอนาคตทางราชการ
    และคดีย์ก็ดำเนินต่อเป็นความผิดที่ร้ายแรง
    คำถามที่ให้ทรายคือ
    ใครที่จะเดือดร้อนมากที่สุด
    ไล่จากมากไปน้อย
    เอ๊า เริ่ม
    #ให้ทนาย
    #เกมส์สนุกๆก่อนก้าวไกลโดนยุบ
    #โจ๊กเพื่อนโรมโรมเพื่อนโจ๊ก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #มีเกสม์มาให้ทายสนุกๆ แฟนเพจคิงส์ฯคิดว่า เมื่อโจ๊กเกมส์หมดอนาคตทางราชการ และคดีย์ก็ดำเนินต่อเป็นความผิดที่ร้ายแรง คำถามที่ให้ทรายคือ ใครที่จะเดือดร้อนมากที่สุด ไล่จากมากไปน้อย เอ๊า เริ่ม #ให้ทนาย #เกมส์สนุกๆก่อนก้าวไกลโดนยุบ #โจ๊กเพื่อนโรมโรมเพื่อนโจ๊ก #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เลือกงานไม่ยากจนแต่จะตุยหรือซังเต
    โรม รับผู้ช่วยเพิ่ม
    1. ต้องตัณหาเต็มหัว
    2. ต้องแถเก่ง
    3. ต้องคิดซัวๆเก่ง
    4. ต้องพร้อมตุยเสมอ
    5. ต้องไม่กลัวซังเตตลอดชีพ
    6. ต้องไม่กลัวคดีย์เป็นหางว่าว
    7. ต้องลงมือลงไม้กับคนในครอบครัวเก่ง
    8. ต้องศรัทธาในการเป็นคอมมูนิส
    หากผ่านงานจะได้เป็น สส.รุ่น 3 หลับก้าวไกลถูกยุบวันที่ 7 สิงหาคม 2567
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไม่เลือกงานไม่ยากจนแต่จะตุยหรือซังเต โรม รับผู้ช่วยเพิ่ม 1. ต้องตัณหาเต็มหัว 2. ต้องแถเก่ง 3. ต้องคิดซัวๆเก่ง 4. ต้องพร้อมตุยเสมอ 5. ต้องไม่กลัวซังเตตลอดชีพ 6. ต้องไม่กลัวคดีย์เป็นหางว่าว 7. ต้องลงมือลงไม้กับคนในครอบครัวเก่ง 8. ต้องศรัทธาในการเป็นคอมมูนิส หากผ่านงานจะได้เป็น สส.รุ่น 3 หลับก้าวไกลถูกยุบวันที่ 7 สิงหาคม 2567 #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรม สุนัขรับใช้ไอ้กัน หวังกดดันแบงก์ไทยให้แซงชั่นเมียนมา ด้วยการให้ร้ายแบบไม่มีหลักฐาน
    #7ดอกจิก
    #รังสิมันต์โรม
    โรม สุนัขรับใช้ไอ้กัน หวังกดดันแบงก์ไทยให้แซงชั่นเมียนมา ด้วยการให้ร้ายแบบไม่มีหลักฐาน #7ดอกจิก #รังสิมันต์โรม
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันไหว้พระจันทร์ปีนี้คือ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2567 ... ลองมาดูขนมไหว้พระจันทร์ร้านนี้กัน
    .
    “Bakery Hut” สืบทอดสูตรลับมายาวนานกว่า 18 ปี ถือว่าเป็นร้านขนมไหว้พระจันทร์ในรูปแบบ Hand-crafted Mooncakes หรือขนมไหว้พระจันทร์ที่ปั้นสดด้วยมือทุกลูก จุดเด่นของเบเกอรี่ ฮัทต้องบอกว่าอยู่ที่ไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ เพราะไส้ของทางร้านมีให้เลือกมากกว่า 100 รสชาติ ที่ผ่านการคิดค้นสูตรใหม่เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ (แต่ทางร้านจะผลิตขายหลักๆ อยู่ประมาณ 50 รสชาติ) เช่น
    .
    เมลอนญี่ปุ่น ราคา 175 บาท (Size L)
    ความพิเศษของไส้นี้คือ ทางร้านจะเลือกใช้เมลอนที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเพราะจะให้รสและกลิ่นที่หอมแบบชัดเจน เมนูนี้ทานแล้วจะมีความหวานและหอมของเมลอน และยังได้เคี้ยวเพลินกับเนื้อเมลอนอบแห้งอีกด้วย
    .
    ชาไทย ราคา 175 บาท (Size L)
    ต้องบอกว่าปีนี้เทรนชาไทยมาแรงมากและแน่นอนว่าเบเกอรี่ฮัทก็ไม่ตกเทรนด์ ไส้ชาไทยจะมีความหอมของชาไทยแบบเข้มข้นสุดๆ ทานแล้วจะมีความขมของชานิดๆ เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่ถูกใจคนรักชาไทยแน่นอน
    .
    กุหลาบ ลิ้นจี่ เบอร์รี ราคา 175 บาท (Size L)
    ไส้นี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างรสเปรี้ยวและหวานได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากทานขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ๆ ที่เป็นผลไม้ เมื่อทานแล้วจะได้รับรสชาติของลิ้นจี่มาก่อนเลย รสเปรี้ยวอมหวานและหอมกลิ่นลิ้นจี่มาก และตามมาด้วยรสเปรี้ยวนิดๆ จากเนื้อเบอร์รีอบแห้งที่ใส่ลงไปด้วย ปิดท้ายด้วยความหอมจากกลิ่นกุหลาบอบแห้ง
    .
    มะม่วงน้ำปลาหวาน ราคา 175 บาท (Size L)
    ไส้มะม่วงน้ำปลาหวาน ไส้นี้เป็นไส้ที่ออกใหม่ในปีที่ผ่านมาแต่ด้วยรสชาติที่จัดจ้านและเข้มข้นจึงทำให้เป็นไส้ที่ยังขายดีอยู่ตลอดจนถึงทุกวันนี้เลย โดยไส้นี้ทางร้านจะเลือกใช้มะม่วงแก้วขมิ้นจากจังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเวลาเอามาทำไส้จะมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อทานแล้วจะมีรสเปรี้ยวอมหวานของเนื้อมะม่วงอบแห้งที่ใส่ลงไป และตามด้วยความหวานหอม เค็ม และเผ็ดนิดๆ จากน้ำปลาหวานและกุ้งแห้ง
    .
    เอสเพรสโซ่ลำไยสีทอง ราคา 175 บาท (Size L)
    ไส้เอสเพรสโซ่ลำไยสีทอง เป็นไส้ที่มีความลงตัวของรสชาติทั้ง 2 รสชาติ ทั้งความขมจากกาแฟอราบิก้า และรสชาติหอมหวานของลำไยสีทองที่ส่งตรงจากจังหวัดลำพูน ทานแล้วบอกเลยว่าเป็นรสชาติไปด้วยกันได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ทางร้านก็ยังใส่ลำไยสีทองอบแห้งมาด้วย เมื่อเคี้ยวไปโดนเนื้อลำไยก็จะได้สัมผัสกับความหอมหวานที่มากขึ้นจากเนื้อลำไยด้วย
    .
    ส้มยูซุมิยาซากิ ราคา 175 บาท (Size L)
    ไส้ผลไม้พรีเมียมอีกหนึ่งไส้อย่าง ‘ส้มยูซุมิยาซากิ’ ที่มาพร้อมรสชาติเปรี้ยวอมหวานและตามมาด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะส้มยูซุ ความพิเศษของไส้นี้คือทางร้านจะเลือกใช้ส้มยูซุที่นำเข้าจะเมืองมิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และความพิเศษอีกหนึ่งย่างคือทางร้านจะนำเปลือกส้มยูซุมาเป็นส่วนผสมในขั้นตอนการทำไส้เพื่อให้เกิดความหอมแบบอโรม่าตอนที่ทานด้วย
    .
    สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 080-424-4868 , 080-424-6848 และ 093-653-2655 Line : @bakeryhut2007
    .
    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> Bakery Hut ขนมไหว้พระจันทร์ ย่านบางรัก มาพร้อมสูตรความอร่อยที่ไม่เหมือนใครกว่า 100 ไส้ หาทานได้ที่นี่ที่เดียว
    https://mgronline.com/travel/detail/9670000060220
    วันไหว้พระจันทร์ปีนี้คือ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2567 ... ลองมาดูขนมไหว้พระจันทร์ร้านนี้กัน . “Bakery Hut” สืบทอดสูตรลับมายาวนานกว่า 18 ปี ถือว่าเป็นร้านขนมไหว้พระจันทร์ในรูปแบบ Hand-crafted Mooncakes หรือขนมไหว้พระจันทร์ที่ปั้นสดด้วยมือทุกลูก จุดเด่นของเบเกอรี่ ฮัทต้องบอกว่าอยู่ที่ไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ เพราะไส้ของทางร้านมีให้เลือกมากกว่า 100 รสชาติ ที่ผ่านการคิดค้นสูตรใหม่เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจ (แต่ทางร้านจะผลิตขายหลักๆ อยู่ประมาณ 50 รสชาติ) เช่น . เมลอนญี่ปุ่น ราคา 175 บาท (Size L) ความพิเศษของไส้นี้คือ ทางร้านจะเลือกใช้เมลอนที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเพราะจะให้รสและกลิ่นที่หอมแบบชัดเจน เมนูนี้ทานแล้วจะมีความหวานและหอมของเมลอน และยังได้เคี้ยวเพลินกับเนื้อเมลอนอบแห้งอีกด้วย . ชาไทย ราคา 175 บาท (Size L) ต้องบอกว่าปีนี้เทรนชาไทยมาแรงมากและแน่นอนว่าเบเกอรี่ฮัทก็ไม่ตกเทรนด์ ไส้ชาไทยจะมีความหอมของชาไทยแบบเข้มข้นสุดๆ ทานแล้วจะมีความขมของชานิดๆ เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่ถูกใจคนรักชาไทยแน่นอน . กุหลาบ ลิ้นจี่ เบอร์รี ราคา 175 บาท (Size L) ไส้นี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างรสเปรี้ยวและหวานได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากทานขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ๆ ที่เป็นผลไม้ เมื่อทานแล้วจะได้รับรสชาติของลิ้นจี่มาก่อนเลย รสเปรี้ยวอมหวานและหอมกลิ่นลิ้นจี่มาก และตามมาด้วยรสเปรี้ยวนิดๆ จากเนื้อเบอร์รีอบแห้งที่ใส่ลงไปด้วย ปิดท้ายด้วยความหอมจากกลิ่นกุหลาบอบแห้ง . มะม่วงน้ำปลาหวาน ราคา 175 บาท (Size L) ไส้มะม่วงน้ำปลาหวาน ไส้นี้เป็นไส้ที่ออกใหม่ในปีที่ผ่านมาแต่ด้วยรสชาติที่จัดจ้านและเข้มข้นจึงทำให้เป็นไส้ที่ยังขายดีอยู่ตลอดจนถึงทุกวันนี้เลย โดยไส้นี้ทางร้านจะเลือกใช้มะม่วงแก้วขมิ้นจากจังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเวลาเอามาทำไส้จะมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อทานแล้วจะมีรสเปรี้ยวอมหวานของเนื้อมะม่วงอบแห้งที่ใส่ลงไป และตามด้วยความหวานหอม เค็ม และเผ็ดนิดๆ จากน้ำปลาหวานและกุ้งแห้ง . เอสเพรสโซ่ลำไยสีทอง ราคา 175 บาท (Size L) ไส้เอสเพรสโซ่ลำไยสีทอง เป็นไส้ที่มีความลงตัวของรสชาติทั้ง 2 รสชาติ ทั้งความขมจากกาแฟอราบิก้า และรสชาติหอมหวานของลำไยสีทองที่ส่งตรงจากจังหวัดลำพูน ทานแล้วบอกเลยว่าเป็นรสชาติไปด้วยกันได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ทางร้านก็ยังใส่ลำไยสีทองอบแห้งมาด้วย เมื่อเคี้ยวไปโดนเนื้อลำไยก็จะได้สัมผัสกับความหอมหวานที่มากขึ้นจากเนื้อลำไยด้วย . ส้มยูซุมิยาซากิ ราคา 175 บาท (Size L) ไส้ผลไม้พรีเมียมอีกหนึ่งไส้อย่าง ‘ส้มยูซุมิยาซากิ’ ที่มาพร้อมรสชาติเปรี้ยวอมหวานและตามมาด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะส้มยูซุ ความพิเศษของไส้นี้คือทางร้านจะเลือกใช้ส้มยูซุที่นำเข้าจะเมืองมิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และความพิเศษอีกหนึ่งย่างคือทางร้านจะนำเปลือกส้มยูซุมาเป็นส่วนผสมในขั้นตอนการทำไส้เพื่อให้เกิดความหอมแบบอโรม่าตอนที่ทานด้วย . สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 080-424-4868 , 080-424-6848 และ 093-653-2655 Line : @bakeryhut2007 . อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> Bakery Hut ขนมไหว้พระจันทร์ ย่านบางรัก มาพร้อมสูตรความอร่อยที่ไม่เหมือนใครกว่า 100 ไส้ หาทานได้ที่นี่ที่เดียว https://mgronline.com/travel/detail/9670000060220
    Wow
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เรื่องกลไกธนาคาร ไม่ถามแบงก์ชาติ ไม่ถามธนาคารพาณิชย์ แต่มาถามรัฐบาล หวังโยนบาปโยนผิด ดักดานฝ่ายค้านจริงๆ
    #7ดอกจิก
    #โรม
    #รังสิมันต์โรม
    ♣ เรื่องกลไกธนาคาร ไม่ถามแบงก์ชาติ ไม่ถามธนาคารพาณิชย์ แต่มาถามรัฐบาล หวังโยนบาปโยนผิด ดักดานฝ่ายค้านจริงๆ #7ดอกจิก #โรม #รังสิมันต์โรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมตัวนั่งรถไฟไปเวียงจันทน์

    ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ขบวนรถไฟเชื่อมระหว่างสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเดินทางไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ นอกเหนือจากรถโดยสาร กรุงเทพฯ-นครหลวงเวียงจันทน์ หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ และอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์

    ขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ให้บริการวันละ 1 เที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 21.25 น. เช่นเดียวกับขากลับ ขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 18.25 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 281 บาท มีรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ให้บริการด้วย ราคาเตียงบน 784 บาท เตียงล่าง 874 บาท

    แม้ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ถูกจองเต็มหมดแล้ว แต่ถ้ามาทีหลัง สำรองที่นั่งได้สูงสุด 180 วัน ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ Call Center 1690 เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน D-Ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

    จากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่อยากจะฝากคือ เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และหมั่นตรวจสอบตราประทับในหนังสือเดินทางขาเข้าทั้ง ตม.ไทย และ ตม.ลาว หากไม่พบตราประทับขาเข้า เมื่อออกจากประเทศลาว จะต้องเสียค่าปรับในอัตราที่สูงมาก เท่าที่ทราบผ่านโซเชียลฯ ต้องจ่ายอย่างน้อย 5,000 บาท

    นอกจากนี้ ควรสมัครแพ็คเกจโรมมิ่งก่อนออกจากประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดบิลช็อกตามมา เริ่มต้น 2GB 99 บาท ใช้ได้ 7 วัน ส่วนการแลกเงิน แนะนำแลกผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารลาว แลกเพียงแค่พอใช้ หรือใช้แอปฯ ธนาคารไทย เช่น KMA ธนาคารกรุงศรีฯ สแกนจ่ายผ่าน LAO QR หรือหากร้านค้าใดมี QR Code ของ Unionpay ก็ใช้ K PLUS ธนาคารกสิกรไทยสแกนจ่ายได้

    #Newskit #รถไฟไทย #เวียงจันทน์
    เตรียมตัวนั่งรถไฟไปเวียงจันทน์ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ขบวนรถไฟเชื่อมระหว่างสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ กับสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเดินทางไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ นอกเหนือจากรถโดยสาร กรุงเทพฯ-นครหลวงเวียงจันทน์ หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ และอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์ ขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ให้บริการวันละ 1 เที่ยว ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 21.25 น. เช่นเดียวกับขากลับ ขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 18.25 น. ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 281 บาท มีรถนอนปรับอากาศชั้น 2 ให้บริการด้วย ราคาเตียงบน 784 บาท เตียงล่าง 874 บาท แม้ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ถูกจองเต็มหมดแล้ว แต่ถ้ามาทีหลัง สำรองที่นั่งได้สูงสุด 180 วัน ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ Call Center 1690 เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน D-Ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่อยากจะฝากคือ เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และหมั่นตรวจสอบตราประทับในหนังสือเดินทางขาเข้าทั้ง ตม.ไทย และ ตม.ลาว หากไม่พบตราประทับขาเข้า เมื่อออกจากประเทศลาว จะต้องเสียค่าปรับในอัตราที่สูงมาก เท่าที่ทราบผ่านโซเชียลฯ ต้องจ่ายอย่างน้อย 5,000 บาท นอกจากนี้ ควรสมัครแพ็คเกจโรมมิ่งก่อนออกจากประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดบิลช็อกตามมา เริ่มต้น 2GB 99 บาท ใช้ได้ 7 วัน ส่วนการแลกเงิน แนะนำแลกผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารลาว แลกเพียงแค่พอใช้ หรือใช้แอปฯ ธนาคารไทย เช่น KMA ธนาคารกรุงศรีฯ สแกนจ่ายผ่าน LAO QR หรือหากร้านค้าใดมี QR Code ของ Unionpay ก็ใช้ K PLUS ธนาคารกสิกรไทยสแกนจ่ายได้ #Newskit #รถไฟไทย #เวียงจันทน์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ เรื่องตัวเองโรมไม่รู้ รู้แต่เรื่องคนอื่น คนเค้ารู้กันทั้งประเทศว่าแม้วคุมเพื่อไทย แต่พอเรื่องธนาธรครอบงำก้าวไกล โรมเงียบกริบ
    #7ดอกจิก
    #โรม
    #รังสิมันต์
    ♣️ เรื่องตัวเองโรมไม่รู้ รู้แต่เรื่องคนอื่น คนเค้ารู้กันทั้งประเทศว่าแม้วคุมเพื่อไทย แต่พอเรื่องธนาธรครอบงำก้าวไกล โรมเงียบกริบ #7ดอกจิก #โรม #รังสิมันต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ โรม & เดอะแก๊งค์ ใช้ภาษีประชาชน เที่ยวชมด่าน ยูเครน-โปแลนด์ เผื่อเรียกสติให้เข้าใจคุณค่าของการมีกองทัพและทหาร
    #7ดอกจิก
    ♣ โรม & เดอะแก๊งค์ ใช้ภาษีประชาชน เที่ยวชมด่าน ยูเครน-โปแลนด์ เผื่อเรียกสติให้เข้าใจคุณค่าของการมีกองทัพและทหาร #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
    มันแสนสุดลึกล้ำ เหลือกำหนด
    นี่ไง ลึกหลายเมตรเลย
    โรม ชาวภูเก็ตเชื่อเมิงนะ
    แล้วสส.เมิงหายไปไหนกันหมด
    ถามนี่ มีทาหารไว้ทำไม
    ก็ไว้เวลา สส.แบบพวกเมิงทิ้งปชช นี่แหละ
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
    แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำ เหลือกำหนด นี่ไง ลึกหลายเมตรเลย โรม ชาวภูเก็ตเชื่อเมิงนะ แล้วสส.เมิงหายไปไหนกันหมด ถามนี่ มีทาหารไว้ทำไม ก็ไว้เวลา สส.แบบพวกเมิงทิ้งปชช นี่แหละ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรมโหนวันผู้ลี้ภัยโลก พร้อมเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัยต่างชาติ และพวกหนีคดี 112 กลับบ้าน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #โรม
    #โหน
    #วันผู้ลี้ภัยโลก
    โรมโหนวันผู้ลี้ภัยโลก พร้อมเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัยต่างชาติ และพวกหนีคดี 112 กลับบ้าน #คิงส์โพธิ์แดง #โรม #โหน #วันผู้ลี้ภัยโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว