• โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร

    งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป

    สาเหตุหลักของการอดอาหาร
    ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด
    การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง
    อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้

    ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน
    การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า

    ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์
    การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา
    62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011

    สาเหตุหลัก
    ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด

    ผลกระทบต่อประชากร
    ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024

    ความหมายต่อระบบนิเวศ
    สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน

    คำเตือนจากนักวิจัย
    เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา

    ความเสี่ยงต่อมนุษย์
    การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง

    https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    🐧 โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป 🌊 สาเหตุหลักของการอดอาหาร 💠 ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด 💠 การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง 💠 อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้ ⚠️ ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า 🌍 ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์ การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา ➡️ 62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011 ✅ สาเหตุหลัก ➡️ ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม ➡️ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด ✅ ผลกระทบต่อประชากร ➡️ ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024 ✅ ความหมายต่อระบบนิเวศ ➡️ สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน ‼️ คำเตือนจากนักวิจัย ⛔ เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา ‼️ ความเสี่ยงต่อมนุษย์ ⛔ การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    62,000 Penguins Starved to Death Off South Africa's Coast Last Decade. Here's Why.
    A brutal confluence of environmental change and human fishing habits left tens of thousands of adult African penguins off South Africa's coast without enough food to survive, reducing their population by around 95 percent in just eight years, a new study reveals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้

    นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ

    การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้
    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล”

    หลักฐานการหมุน
    นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที

    ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล
    การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย

    ผลต่อการศึกษาจักรวาล
    เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง
    เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน

    ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี
    เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล

    หลักฐานจาก redshift และ blueshift
    ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที

    สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory
    ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน

    ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ
    ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี

    ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน
    ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ

    https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    🌀 นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ 🌌 การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล” 🔬 หลักฐานการหมุน นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที 🧩 ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย 🚀 ผลต่อการศึกษาจักรวาล เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน ✅ ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี ➡️ เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล ✅ หลักฐานจาก redshift และ blueshift ➡️ ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที ✅ สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ➡️ ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน ✅ ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ ➡️ ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี ‼️ ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน ⛔ ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Tornado' of Galaxies Could Be The Longest Spinning Structure Ever Seen
    A team of astronomers studying the distribution of galaxies in nearby space has discovered something truly extraordinary: a huge strand of galaxies, twisting around as though caught up in a slow-motion cosmic tornado.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปี 2026 – มรดกวรรณกรรมและศิลปะเข้าสู่สาธารณสมบัติ”

    ทุกวันที่ 1 มกราคมของปีใหม่ จะมีผลงานจำนวนหนึ่งหมดอายุลิขสิทธิ์และเข้าสู่สาธารณสมบัติ ทำให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ แบ่งปัน หรือดัดแปลงได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ปี 2026 ถือเป็นปีที่น่าสนใจ เพราะมีทั้งงานเขียนระดับโลก ภาพยนตร์ และงานดนตรีที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่

    ในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่ตีพิมพ์ในปี 1930 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น ภาพยนตร์ All Quiet on the Western Front ที่สะท้อนความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหนังสือ As I Lay Dying ของ William Faulkner ที่เป็นหนึ่งในงานเขียนสำคัญของวรรณกรรมอเมริกันสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังมี The Maltese Falcon ของ Dashiell Hammett ที่กลายเป็นต้นแบบของนิยายสืบสวนแนว hard-boiled.

    ในยุโรปและประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 70 ปี” ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1955 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น งานของนักเขียนชื่อดังอย่าง Hannah Arendt และนักดนตรีแจ๊ส Charlie Parker ส่วนในประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 50 ปี” เช่น นิวซีแลนด์และหลายประเทศในเอเชีย ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1975 จะหมดอายุลิขสิทธิ์เช่นกัน.

    การเข้าสู่สาธารณสมบัติไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะคลาสสิกได้ฟรี แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เช่น การตีพิมพ์ฉบับใหม่ การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ และการนำไปใช้ในงานวิชาการหรือการศึกษา ถือเป็นการคืนมรดกทางวัฒนธรรมให้กับสังคมโดยรวม.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผลงานในสหรัฐอเมริกา (ตีพิมพ์ปี 1930)
    All Quiet on the Western Front (ภาพยนตร์)
    As I Lay Dying – William Faulkner
    The Maltese Falcon – Dashiell Hammett

    ผลงานในยุโรป (ชีวิตบวก 70 ปี)
    Hannah Arendt
    Charlie Parker
    T. S. Eliot – Ash Wednesday

    ผลงานในเอเชียและแอฟริกา (ชีวิตบวก 50 ปี)
    Saadat Hasan Manto
    Roger Mais
    Pierre Teilhard de Chardin

    ข้อควรระวัง
    กฎหมายลิขสิทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
    บางผลงานอาจยังไม่เข้าสู่สาธารณสมบัติในบางภูมิภาค
    การนำไปใช้เชิงพาณิชย์ควรตรวจสอบข้อกฎหมายท้องถิ่นก่อน

    https://publicdomainreview.org/features/entering-the-public-domain/2026/
    📚 “ปี 2026 – มรดกวรรณกรรมและศิลปะเข้าสู่สาธารณสมบัติ” ทุกวันที่ 1 มกราคมของปีใหม่ จะมีผลงานจำนวนหนึ่งหมดอายุลิขสิทธิ์และเข้าสู่สาธารณสมบัติ ทำให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ แบ่งปัน หรือดัดแปลงได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ปี 2026 ถือเป็นปีที่น่าสนใจ เพราะมีทั้งงานเขียนระดับโลก ภาพยนตร์ และงานดนตรีที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่ ในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่ตีพิมพ์ในปี 1930 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น ภาพยนตร์ All Quiet on the Western Front ที่สะท้อนความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหนังสือ As I Lay Dying ของ William Faulkner ที่เป็นหนึ่งในงานเขียนสำคัญของวรรณกรรมอเมริกันสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังมี The Maltese Falcon ของ Dashiell Hammett ที่กลายเป็นต้นแบบของนิยายสืบสวนแนว hard-boiled. ในยุโรปและประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 70 ปี” ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1955 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น งานของนักเขียนชื่อดังอย่าง Hannah Arendt และนักดนตรีแจ๊ส Charlie Parker ส่วนในประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 50 ปี” เช่น นิวซีแลนด์และหลายประเทศในเอเชีย ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1975 จะหมดอายุลิขสิทธิ์เช่นกัน. การเข้าสู่สาธารณสมบัติไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะคลาสสิกได้ฟรี แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เช่น การตีพิมพ์ฉบับใหม่ การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ และการนำไปใช้ในงานวิชาการหรือการศึกษา ถือเป็นการคืนมรดกทางวัฒนธรรมให้กับสังคมโดยรวม. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผลงานในสหรัฐอเมริกา (ตีพิมพ์ปี 1930) ➡️ All Quiet on the Western Front (ภาพยนตร์) ➡️ As I Lay Dying – William Faulkner ➡️ The Maltese Falcon – Dashiell Hammett ✅ ผลงานในยุโรป (ชีวิตบวก 70 ปี) ➡️ Hannah Arendt ➡️ Charlie Parker ➡️ T. S. Eliot – Ash Wednesday ✅ ผลงานในเอเชียและแอฟริกา (ชีวิตบวก 50 ปี) ➡️ Saadat Hasan Manto ➡️ Roger Mais ➡️ Pierre Teilhard de Chardin ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ กฎหมายลิขสิทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ⛔ บางผลงานอาจยังไม่เข้าสู่สาธารณสมบัติในบางภูมิภาค ⛔ การนำไปใช้เชิงพาณิชย์ควรตรวจสอบข้อกฎหมายท้องถิ่นก่อน https://publicdomainreview.org/features/entering-the-public-domain/2026/
    PUBLICDOMAINREVIEW.ORG
    What Will Enter the Public Domain in 2026?
    At the start of each year, on January 1st, a new crop of works enter the public domain. Find our highlights of what lies in store for 2026 here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย

    ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก

    กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง

    ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง
    รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ

    ผลกระทบระดับโลก
    นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่

    วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน
    แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    บทบาทของ AMOC
    กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้
    ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป

    การประกาศของไอซ์แลนด์
    ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ
    ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง

    ผลกระทบระดับโลก
    ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น
    ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน

    งานวิจัยและการเฝ้าระวัง
    นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้
    การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง

    คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์
    การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป
    เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค

    ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์
    ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว
    การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ

    https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    🌊 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง 🇮🇸 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบระดับโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่ 🔬 วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ บทบาทของ AMOC ➡️ กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้ ➡️ ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป ✅ การประกาศของไอซ์แลนด์ ➡️ ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง ✅ ผลกระทบระดับโลก ➡️ ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น ➡️ ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน ✅ งานวิจัยและการเฝ้าระวัง ➡️ นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้ ➡️ การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ ⛔ การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป ⛔ เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค ‼️ ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์ ⛔ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว ⛔ การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    EDITION.CNN.COM
    A crucial system of ocean currents may be on course to collapse. This country just declared it a national security threat | CNN
    Without warm currents from the South Atlantic, Iceland would be much icier and stormier. Now, those currents are at risk of collapse and the country is preparing for this “existential threat.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างลึกลับในเลือดผู้ป่วยลองโควิด

    งานวิจัยล่าสุดจากทีมความร่วมมือระหว่างฝรั่งเศสและแอฟริกาใต้ พบว่าในเลือดของผู้ป่วยลองโควิดมี “ไมโครคลอต” (microclots) หรือ ลิ่มเลือดขนาดเล็กผิดปกติ ปริมาณมากกว่าคนปกติถึงเกือบ 20 เท่า และยังมีโครงสร้างเหนียวที่เรียกว่า “NETs” (Neutrophil Extracellular Traps) ซึ่งเป็นตาข่ายดีเอ็นเอ–เอนไซม์ที่เม็ดเลือดขาวปล่อยออกมาเพื่อดักจับเชื้อโรค แต่กลับไปฝังตัวอยู่ในไมโครคลอต ทำให้ลิ่มเลือดเหล่านี้ทนต่อการสลายตัวตามธรรมชาติ.

    ความหมายต่ออาการเรื้อรัง
    การที่ไมโครคลอตและ NETs เกิดการจับตัวร่วมกัน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดไหลเวียนติดขัดในหลอดเลือดฝอย ส่งผลให้ผู้ป่วยลองโควิดมีอาการอ่อนเพลีย สมองเบลอ และหายใจลำบากเรื้อรัง งานวิจัยยังชี้ว่า AI สามารถจำแนกผู้ป่วยลองโควิดจากกลุ่มปกติได้ด้วยความแม่นยำสูงถึง 91% โดยอาศัยรูปแบบของไมโครคลอตและ NETs ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจใช้เป็น “ไบโอมาเคอร์” สำหรับการวินิจฉัยในอนาคต.

    มุมมองจากงานวิจัยสากล
    นักวิทยาศาสตร์มองว่าการค้นพบนี้เป็นอีกชิ้นส่วนสำคัญใน “ปริศนาลองโควิด” เพราะก่อนหน้านี้มีการเสนอว่าลองโควิดอาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรังหรือการคงอยู่ของไวรัสในร่างกาย แต่การพบโครงสร้างไมโครคลอต–NETs ที่ฝังตัวกันอย่างชัดเจน ทำให้เห็นกลไกใหม่ที่อาจเป็นตัวขับเคลื่อนอาการเรื้อรัง และเปิดทางสู่การรักษาที่มุ่งลดการสร้างลิ่มเลือดเล็กหรือควบคุมการทำงานของ NETs.

    ความหวังและข้อจำกัด
    แม้ผลการวิจัยจะให้ความหวัง แต่ยังอยู่ในระยะต้นและต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เชิงเหตุผล ไม่ใช่เพียงการพบร่วมกัน นักวิจัยเตือนว่าการพัฒนาแนวทางรักษาใหม่ต้องใช้เวลาและการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจลองโควิดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต.

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบใหม่ในเลือดผู้ป่วยลองโควิด
    พบไมโครคลอตมากกว่าคนปกติถึง 19.7 เท่า
    NETs ฝังตัวอยู่ในไมโครคลอต ทำให้ลิ่มเลือดทนต่อการสลายตัว

    ผลกระทบต่ออาการเรื้อรัง
    การไหลเวียนเลือดติดขัด อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย สมองเบลอ และหายใจลำบาก
    AI สามารถจำแนกผู้ป่วยลองโควิดได้แม่นยำถึง 91%

    ความหมายเชิงวิจัยและการรักษา
    ไมโครคลอต–NETs อาจใช้เป็นไบโอมาเคอร์ในการวินิจฉัย
    เปิดทางสู่การรักษาที่มุ่งลดการสร้างลิ่มเลือดเล็กหรือควบคุม NETs

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    งานวิจัยยังอยู่ในระยะต้น ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
    การพัฒนาแนวทางรักษาใหม่ต้องใช้เวลาและการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวด

    https://www.sciencealert.com/strange-structures-found-lurking-in-the-blood-of-people-with-long-covid
    🧬 โครงสร้างลึกลับในเลือดผู้ป่วยลองโควิด งานวิจัยล่าสุดจากทีมความร่วมมือระหว่างฝรั่งเศสและแอฟริกาใต้ พบว่าในเลือดของผู้ป่วยลองโควิดมี “ไมโครคลอต” (microclots) หรือ ลิ่มเลือดขนาดเล็กผิดปกติ ปริมาณมากกว่าคนปกติถึงเกือบ 20 เท่า และยังมีโครงสร้างเหนียวที่เรียกว่า “NETs” (Neutrophil Extracellular Traps) ซึ่งเป็นตาข่ายดีเอ็นเอ–เอนไซม์ที่เม็ดเลือดขาวปล่อยออกมาเพื่อดักจับเชื้อโรค แต่กลับไปฝังตัวอยู่ในไมโครคลอต ทำให้ลิ่มเลือดเหล่านี้ทนต่อการสลายตัวตามธรรมชาติ. 🧪 ความหมายต่ออาการเรื้อรัง การที่ไมโครคลอตและ NETs เกิดการจับตัวร่วมกัน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดไหลเวียนติดขัดในหลอดเลือดฝอย ส่งผลให้ผู้ป่วยลองโควิดมีอาการอ่อนเพลีย สมองเบลอ และหายใจลำบากเรื้อรัง งานวิจัยยังชี้ว่า AI สามารถจำแนกผู้ป่วยลองโควิดจากกลุ่มปกติได้ด้วยความแม่นยำสูงถึง 91% โดยอาศัยรูปแบบของไมโครคลอตและ NETs ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจใช้เป็น “ไบโอมาเคอร์” สำหรับการวินิจฉัยในอนาคต. 🌍 มุมมองจากงานวิจัยสากล นักวิทยาศาสตร์มองว่าการค้นพบนี้เป็นอีกชิ้นส่วนสำคัญใน “ปริศนาลองโควิด” เพราะก่อนหน้านี้มีการเสนอว่าลองโควิดอาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรังหรือการคงอยู่ของไวรัสในร่างกาย แต่การพบโครงสร้างไมโครคลอต–NETs ที่ฝังตัวกันอย่างชัดเจน ทำให้เห็นกลไกใหม่ที่อาจเป็นตัวขับเคลื่อนอาการเรื้อรัง และเปิดทางสู่การรักษาที่มุ่งลดการสร้างลิ่มเลือดเล็กหรือควบคุมการทำงานของ NETs. 💡 ความหวังและข้อจำกัด แม้ผลการวิจัยจะให้ความหวัง แต่ยังอยู่ในระยะต้นและต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เชิงเหตุผล ไม่ใช่เพียงการพบร่วมกัน นักวิจัยเตือนว่าการพัฒนาแนวทางรักษาใหม่ต้องใช้เวลาและการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจลองโควิดมากขึ้น และอาจนำไปสู่การรักษาเฉพาะบุคคลในอนาคต. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ในเลือดผู้ป่วยลองโควิด ➡️ พบไมโครคลอตมากกว่าคนปกติถึง 19.7 เท่า ➡️ NETs ฝังตัวอยู่ในไมโครคลอต ทำให้ลิ่มเลือดทนต่อการสลายตัว ✅ ผลกระทบต่ออาการเรื้อรัง ➡️ การไหลเวียนเลือดติดขัด อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย สมองเบลอ และหายใจลำบาก ➡️ AI สามารถจำแนกผู้ป่วยลองโควิดได้แม่นยำถึง 91% ✅ ความหมายเชิงวิจัยและการรักษา ➡️ ไมโครคลอต–NETs อาจใช้เป็นไบโอมาเคอร์ในการวินิจฉัย ➡️ เปิดทางสู่การรักษาที่มุ่งลดการสร้างลิ่มเลือดเล็กหรือควบคุม NETs ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ งานวิจัยยังอยู่ในระยะต้น ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เชิงเหตุผล ⛔ การพัฒนาแนวทางรักษาใหม่ต้องใช้เวลาและการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวด https://www.sciencealert.com/strange-structures-found-lurking-in-the-blood-of-people-with-long-covid
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Strange Structures Found Lurking in The Blood of People With Long COVID
    A hidden physical change in the body may be helping to drive the prolonged malaise some people experience after contracting COVID-19.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar

    ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน
    มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก
    https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces

    เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear
    Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support

    ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก
    ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears

    SSD พกพาไร้สายจาก Kingston
    Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก
    https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket

    Android จับมือ AirDrop ของ Apple
    สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10

    ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity
    มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device

    Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ
    Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns

    บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
    บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know

    Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI
    Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro

    ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่
    ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว
    Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา
    https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks

    ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย
    มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร
    https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made

    กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks

    แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร
    รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry

    Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู
    Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more

    รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน

    Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ
    https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan

    ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11
    ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026
    มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when

    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ
    ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws

    การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย
    มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback

    iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon
    Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl
    นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot
    Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me

    Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11
    หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games

    Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia
    Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028
    https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment

    หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats
    Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them

    ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก
    ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use

    Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5
    Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how

    คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา
    รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    📌📰🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📰📌 #รวมข่าวIT #20251121 #TechRadar 🛡️ ปราบปรามบริการโฮสติ้งเถื่อน มีการร่วมมือกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ในการจัดการกับบริษัท Media Land จากรัสเซีย ซึ่งให้บริการโฮสติ้งแบบ “bulletproof” ที่ถูกใช้โดยกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ เช่น Evil Corp และ LockBit เพื่อทำฟิชชิ่ง ปล่อยมัลแวร์ และโจมตี DDoS โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทถูกยึด และผู้นำหลักถูกลงโทษทางการเงิน ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศพันธมิตรจะไม่ปล่อยให้กลุ่มเหล่านี้ทำงานในเงามืดได้อีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/another-bulletproof-hosting-service-has-been-locked-down-by-global-law-forces 📶 เน็ตพกพายุคใหม่จาก Netgear Netgear เปิดตัว Nighthawk 5G M7 อุปกรณ์ฮอตสปอตที่รองรับ Wi-Fi 7 สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันถึง 32 เครื่อง ความเร็วระดับกิกะบิต และยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ราว 10 ชั่วโมง จุดเด่นคือรองรับ global eSIM ใช้งานได้กว่า 140 ประเทศ เหมาะกับคนเดินทางบ่อย ไม่ต้องพึ่งมือถือเป็นฮอตสปอตอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/rip-mobile-hotspots-netgears-new-nighthawk-5g-m7-features-wi-fi-7-connectivity-and-even-global-esim-support 🌊 ความวุ่นวายในทะเลแดงกระทบสายเคเบิลโลก ความไม่สงบในทะเลแดงทำให้โครงการวางสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ เช่น 2Africa ของ Meta และ Blue-Raman ของ Google ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้การเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเกิดความล่าช้า ผู้ให้บริการบางรายเริ่มพิจารณาเส้นทางใหม่บนบกผ่านซาอุดีอาระเบียและอิรัก แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อนทางการเมือง แต่ก็อาจเป็นทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/more-internet-outages-on-the-way-google-and-meta-delay-subsea-cable-plans-due-to-sabotage-fears 💾 SSD พกพาไร้สายจาก Kingston Kingston เปิดตัว Dual Portable SSD ที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ มาพร้อมหัว USB-A และ USB-C ในตัวเดียว ความเร็วอ่านสูงสุด 1,050MB/s และเขียน 950MB/s มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาเพียง 13 กรัม แต่จุได้สูงสุดถึง 2TB รองรับหลายระบบปฏิบัติการ เหมาะกับคนที่ต้องการพกข้อมูลไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก 🔗 https://www.techradar.com/pro/goodbye-pesky-cables-kingston-reveals-new-wire-free-portable-ssd-offering-up-to-2tb-storage-and-up-to-1-050-mb-s-data-transfers-and-itll-fit-into-even-your-smallest-pocket 🤝 Android จับมือ AirDrop ของ Apple สิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เกิดแล้ว! Google ประกาศว่า Quick Share ของ Android สามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้แล้ว เริ่มต้นที่ Pixel 10 ทำให้การส่งไฟล์ระหว่าง Android และ iPhone, iPad, Mac สะดวกขึ้นมาก แม้ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องเปิดโหมด “Everyone for 10 minutes” แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กำแพงระหว่างสองระบบเริ่มพังลง 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/its-actually-happened-android-now-works-with-apple-airdrop-for-simple-file-sharing-starting-with-the-pixel-10 ⚠️ ช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ AI ของ Perplexity มีรายงานว่า Comet AI Browser ของ Perplexity อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิ์และ sandbox ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหากไม่อัปเดตหรือใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/perplexitys-comet-ai-browser-may-have-some-concerning-security-flaws-which-could-let-hacker-hijack-your-device 🧑‍💻 Twitch ใช้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันอายุ Twitch เริ่มทดสอบระบบ Facial Age Scan ในสหราชอาณาจักร เพื่อยืนยันอายุผู้ใช้งานก่อนเข้าถึงคอนเทนต์ที่จำกัดอายุ แม้จะช่วยป้องกันเด็กเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัวและการเก็บข้อมูลชีวมิติว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/twitch-introduces-facial-age-scans-in-the-uk-amid-growing-privacy-concerns 🎰 บริษัทยักษ์ใหญ่ IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ บริษัทเกมและการพนันระดับโลก IGT ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ทำให้ระบบบางส่วนหยุดชะงักและข้อมูลอาจถูกเข้ารหัสหรือขโมยไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าธุรกิจบันเทิงและการพนันก็เป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gaming-and-gambling-giant-igt-reportedly-hit-by-ransomware-heres-what-we-know 🖼️ Google เปิดตัว Nano Banana Pro สำหรับแก้ไขภาพด้วย AI Google เปิดตัวเครื่องมือใหม่ชื่อ Nano Banana Pro ที่ใช้พลังของ Gemini 3 Pro ในการแก้ไขภาพขั้นสูง เช่น การปรับรายละเอียด การลบวัตถุ หรือการสร้างองค์ประกอบใหม่ในภาพ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านการแก้ไขภาพด้วย AI ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงเทคโนโลยีระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-launches-nano-banana-pro-a-massive-leap-in-ai-image-editing-powered-by-gemini-3-pro 🔒 ปลั๊กอิน WordPress ยอดนิยมเจอช่องโหว่ ปลั๊กอิน WordPress ที่มีผู้ติดตั้งมากกว่าล้านครั้งถูกพบว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจเปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือควบคุมเว็บไซต์ได้ เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องหมั่นอัปเดตปลั๊กอินและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-plugin-with-over-a-million-installs-may-have-a-worrying-security-flaw-heres-what-we-know 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Fortinet ถูกโจมตีแล้ว Fortinet ยอมรับว่าพบ zero-day ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ยังเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ และผู้ใช้ควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันทีที่มีการปล่อยออกมา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fortinet-admits-it-found-another-worrying-zero-day-being-exploited-in-attacks 📱 ที่จับ MagSafe สุดแปลกแต่ใช้ง่าย มีการเปิดตัว MagSafe iPhone Grip ที่ดีไซน์แปลกตา แต่กลับใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทุกคน จุดเด่นคือช่วยให้ถือ iPhone ได้มั่นคงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เคสหนา ๆ และยังถอดออกได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยากได้อุปกรณ์เสริมที่ไม่ซ้ำใคร 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/this-may-be-the-oddest-yet-most-accessible-magsafe-iphone-grip-ever-made 🐉 กลุ่ม PlushDaemon จากจีนโจมตีซัพพลายเชนโลก กลุ่มแฮกเกอร์ PlushDaemon ใช้มัลแวร์ชื่อ SlowStepper ผ่าน implant ที่เรียกว่า EdgeStepper เพื่อเจาะเข้าอุปกรณ์เครือข่ายในหลายประเทศ ถือเป็นการโจมตีซัพพลายเชนที่ซับซ้อนและอันตราย เพราะสามารถกระทบต่อองค์กรทั่วโลกได้พร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinas-plushdaemon-group-uses-edgestepper-implant-to-infect-network-devices-with-slowstepper-malware-in-global-supply-chain-attacks 🛍️ แอปช้อปปิ้งสหรัฐฯ ดูดข้อมูลมากกว่าใคร รายงานใหม่เผยว่าแอปช้อปปิ้งจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Amazon เป็นแอปที่เก็บข้อมูลผู้ใช้มากที่สุด ทั้งข้อมูลส่วนตัวและพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งมากกว่าแอปจากจีนที่หลายคนกังวลกันอยู่แล้ว ทำให้เกิดคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลของผู้บริโภค 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/forget-beijing-its-us-shopping-apps-that-are-sucking-up-your-privacy-and-amazon-is-the-most-data-hungry 📷 Leica Q3 Monochrom กล้องขาวดำสุดหรู Leica เปิดตัว Q3 Monochrom กล้องที่ถ่ายได้เฉพาะภาพขาวดำ ราคาหลายพันดอลลาร์ แต่กลับได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะคุณภาพไฟล์และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์และต้องการความแตกต่างจากกล้องทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/leicas-q3-monochrom-costs-thousands-and-only-shoots-black-and-white-but-thats-only-made-me-want-one-more 📺 รีโมท Google TV รุ่นใหม่ใช้พลังงานจากแสงในบ้าน Google เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ที่มาพร้อมรีโมทซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจากแสงในบ้านได้ ไม่ต้องใช้ถ่านหรือชาร์จสายอีกต่อไป ถือเป็นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/streaming-devices/your-next-google-tv-device-could-come-with-a-remote-powered-by-indoor-light-and-im-definitely-a-fan 💻 ซีอีโอ Microsoft ด้าน AI ตอบโต้เสียงวิจารณ์ Windows 11 ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับทิศทางใหม่ของ Windows 11 โดยบอกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้น “mind-blowing” และยืนยันว่าการนำ AI เข้ามาในระบบปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะมีผู้ใช้บางส่วนที่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 📱 หลุดไลน์อัพสมาร์ทโฟน Samsung ปี 2026 มีข้อมูลหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Samsung ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยคาดว่าจะมีการอัปเกรดทั้งด้านกล้อง หน้าจอ และประสิทธิภาพการทำงาน รายละเอียดบางส่วนยังไม่แน่ชัด แต่ข่าวนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ที่รอคอยการเปิดตัว 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsungs-2026-smartphone-lineup-just-leaked-heres-what-to-expect-and-when ⚖️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมท้าทายกฎหมาย AI ของรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มีแผนจะใช้ อำนาจรัฐบาลกลาง เพื่อตรวจสอบและท้าทายกฎหมาย AI ที่ออกโดยรัฐต่าง ๆ เนื่องจากกังวลว่ากฎหมายเหล่านี้อาจขัดแย้งกันและสร้างความยุ่งยากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในระดับประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/trump-administration-wants-to-use-federal-power-to-challenge-state-ai-laws 🌐 การกลับมาของ VPN ฟรีที่เป็นอันตราย มีการพบว่า VPN ฟรีบางตัว ที่เคยถูกแบนเพราะมีพฤติกรรมอันตราย ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว การใช้ VPN ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเปิดช่องให้ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/malicious-free-vpn-extension-makes-a-comeback 📱 iPhone 17 Pro แจกฟรีกับโปร Verizon Verizon จัดโปรแรง แจกมือถือฟรี รวมถึง iPhone 17 Pro ให้ลูกค้าเมื่อสมัครแพ็กเกจที่กำหนด ถือเป็นดีลที่ดึงดูดใจมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเหมาะกับการใช้งานจริงหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 ประสบการณ์เล่น Stalker 2: Heart of Chornobyl นักเขียนรีวิวเล่าประสบการณ์การเล่นเกม Stalker 2: Heart of Chornobyl บน PS5 ที่ใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมงในการเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ เกมนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบรรยากาศกดดัน แต่ก็สนุกและสมจริงสำหรับแฟนเกมแนว survival 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🖥️ Microsoft Flex โชว์ทักษะโค้ดของ Copilot Microsoft สาธิตความสามารถของ Copilot ในการช่วยเขียนโค้ด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ AI ในงานพัฒนาโปรแกรม บางคนมองว่าเป็นการลดคุณค่าของนักพัฒนา แต่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-ai-ceo-fights-fire-with-fire-says-ai-cynics-complaining-about-windows-11s-new-direction-are-mind-blowing-to-me 🎮 Nvidia รีบปล่อยแพตช์แก้ปัญหา GPU บน Windows 11 หลังจากการอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม ทำให้เกมหลายเกมมีอาการหน่วง Nvidia จึงรีบออกแพตช์แก้ไขเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ GPU ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ การแก้ไขนี้ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rushes-out-a-gpu-fix-blaming-windows-11s-october-update-for-sluggish-performance-in-games 📡 Nokia แยกธุรกิจ AI หลังได้ทุนจาก Nvidia Nokia ประกาศแยกธุรกิจใหม่ด้าน AI สำหรับเครือข่ายมือถือ โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2026 หลังจากที่ Nvidia ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี 6G บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก และหวังสร้างเครือข่ายมือถือที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก พร้อมคาดการณ์การเติบโตของรายได้ต่อปี 6-8% จนถึงปี 2028 🔗 https://www.techradar.com/pro/nokia-is-splitting-off-its-ai-business-weeks-after-usd1bn-nvidia-investment 🛵 หุ่นยนต์ส่งอาหารของ Uber Eats Uber Eats จับมือกับบริษัท Starship Technologies เพื่อเริ่มใช้หุ่นยนต์ส่งอาหารในสหราชอาณาจักร โดยเริ่มทดลองที่เมือง Leeds และจะขยายไปยัง Sheffield รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในยุโรปปี 2026 และสหรัฐฯ ปี 2027 หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถส่งอาหารได้ภายใน 30 นาทีในระยะทางไม่เกิน 2 ไมล์ ลูกค้าจะไม่สามารถให้ทิปหุ่นยนต์ได้ แต่สามารถให้คะแนนผ่านแอปเหมือนการส่งปกติ ถือเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการขนส่งในเมืองยุคอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/uber-eats-will-soon-use-robots-to-deliver-your-takeaway-but-you-cant-tip-them 🤖 ChatGPT Atlas อัปเดตใหญ่ครั้งแรก ChatGPT Atlas ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่ม 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้จะอยากลองใช้ทันที ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล, การทำงานร่วมกับเครื่องมือภายนอกได้ดีขึ้น และการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานให้ลื่นไหลมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับแพลตฟอร์ม AI ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-atlas-just-got-its-first-major-update-3-new-features-youll-want-to-use 🔒 Samsung เพิ่มระบบป้องกันขโมยใน One UI 8.5 Samsung เตรียมอัปเดต One UI 8.5 ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมมือถือ เช่น การล็อกเครื่องแม้ถูกรีเซ็ต และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการพยายามเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและอุปกรณ์ของตนเอง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/your-samsung-phone-is-about-to-get-a-big-theft-protection-boost-thanks-to-one-ui-8-5-heres-how 🎨 คนทำงานสายครีเอทีฟชอบ AI แต่ก็มีปัญหา รายงานจาก Dropbox พบว่าคนทำงานสายครีเอทีฟใช้เครื่องมือเฉลี่ยถึง 14 ตัว ทำให้เกิดความซับซ้อนและเสียเวลา แม้ว่า 95% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI เพื่อช่วยงาน เช่น การระดมไอเดีย สรุปการประชุม และค้นหาข้อมูล แต่ AI ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะบางครั้งไม่เข้าใจบริบทของงานจริง ๆ หากสามารถลดจำนวนเครื่องมือและใช้ AI ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มเวลาสร้างสรรค์งานได้มากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/creative-workers-love-ai-but-it-is-causing-more-issues-than-expected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Accelerator สร้างผลกระทบระดับโลก

    Google ได้เผยแพร่รายงานผลกระทบครั้งที่สองของโครงการ Google Accelerator ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งสนับสนุนสตาร์ทอัพและองค์กรด้านสังคมทั่วโลก ผ่านการให้คำปรึกษา, การสนับสนุนทางเทคนิค และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้คือการระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง

    รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในแต่ละภูมิภาค เช่น เอเชีย ที่มีการระดมทุนสูงสุดกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ จาก 318 บริษัท, ละตินอเมริกา ที่สร้างงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง และมีสตาร์ทอัพระดับ Unicorn เกิดขึ้นถึง 9 ราย ขณะที่ สหรัฐฯ และแคนาดา มีการระดมทุนกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีคลาวด์ของ Google

    นอกจากนี้ Google ยังเน้น 3 เสาหลักในการสนับสนุน ได้แก่ Deep-tech support (โซลูชัน AI และ Cloud เฉพาะด้าน), Infrastructure & mentorship (คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของ Google), และ Equity-free support (การสนับสนุนโดยไม่ต้องแลกหุ้น) ซึ่งช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้โดยไม่เสียความเป็นเจ้าของ

    รายงานยังยกตัวอย่างโครงการที่สร้างผลกระทบจริง เช่น การใช้ Smart Sensors ในเอเชียเพื่อลดการใช้พลังงานกว่า 40% และการสร้าง แพลตฟอร์มสุขภาพบนมือถือในแอฟริกา ที่เข้าถึงผู้ใช้นับล้านคน สะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลลัพธ์จาก Google Accelerator
    ระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์
    สร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง

    ความสำเร็จในภูมิภาคต่าง ๆ
    เอเชีย: 318 บริษัท ระดมทุนกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์
    ละตินอเมริกา: 9 Unicorn และงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง
    สหรัฐฯ/แคนาดา: 1.8 พันล้านดอลลาร์ และงานกว่า 8,200 ตำแหน่ง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทใหญ่ อาจทำให้สตาร์ทอัพขาดความเป็นอิสระ
    ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคยังคงมีอยู่ โดยบางพื้นที่เข้าถึงทรัพยากรได้น้อยกว่า

    https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report/
    🚀 Google Accelerator สร้างผลกระทบระดับโลก Google ได้เผยแพร่รายงานผลกระทบครั้งที่สองของโครงการ Google Accelerator ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยมุ่งสนับสนุนสตาร์ทอัพและองค์กรด้านสังคมทั่วโลก ผ่านการให้คำปรึกษา, การสนับสนุนทางเทคนิค และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้คือการระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในแต่ละภูมิภาค เช่น เอเชีย ที่มีการระดมทุนสูงสุดกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ จาก 318 บริษัท, ละตินอเมริกา ที่สร้างงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง และมีสตาร์ทอัพระดับ Unicorn เกิดขึ้นถึง 9 ราย ขณะที่ สหรัฐฯ และแคนาดา มีการระดมทุนกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีคลาวด์ของ Google นอกจากนี้ Google ยังเน้น 3 เสาหลักในการสนับสนุน ได้แก่ Deep-tech support (โซลูชัน AI และ Cloud เฉพาะด้าน), Infrastructure & mentorship (คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของ Google), และ Equity-free support (การสนับสนุนโดยไม่ต้องแลกหุ้น) ซึ่งช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้โดยไม่เสียความเป็นเจ้าของ รายงานยังยกตัวอย่างโครงการที่สร้างผลกระทบจริง เช่น การใช้ Smart Sensors ในเอเชียเพื่อลดการใช้พลังงานกว่า 40% และการสร้าง แพลตฟอร์มสุขภาพบนมือถือในแอฟริกา ที่เข้าถึงผู้ใช้นับล้านคน สะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีไปแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลลัพธ์จาก Google Accelerator ➡️ ระดมทุนรวมกว่า 31.2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ สร้างงานใหม่กว่า 109,000 ตำแหน่ง ✅ ความสำเร็จในภูมิภาคต่าง ๆ ➡️ เอเชีย: 318 บริษัท ระดมทุนกว่า 12.4 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ละตินอเมริกา: 9 Unicorn และงานกว่า 44,600 ตำแหน่ง ➡️ สหรัฐฯ/แคนาดา: 1.8 พันล้านดอลลาร์ และงานกว่า 8,200 ตำแหน่ง ‼️ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทใหญ่ อาจทำให้สตาร์ทอัพขาดความเป็นอิสระ ⛔ ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคยังคงมีอยู่ โดยบางพื้นที่เข้าถึงทรัพยากรได้น้อยกว่า https://securityonline.info/31-2-billion-raised-google-accelerator-reveals-massive-global-impact-report/
    SECURITYONLINE.INFO
    $31.2 Billion Raised: Google Accelerator Reveals Massive Global Impact Report
    Google's Accelerator Impact Report reveals over 1,700 alumni have raised a massive $31.2 billion and created over 109,000 jobs globally since 2016.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • สแกมเมอร์ต่างชาติทะลักเข้าแม่สอดอีกระลอกใหญ่ หลังทหารเมียนมาบุกปราบหนัก พบกว่า 50 คนแบกเสื่อหมอน–ลากกระเป๋าลอบข้ามน้ำเมย ทั้งชาวปากีสถาน แอฟริกา และจีน รวมตัวมอบตัวเพราะหนีตายจากเคเคปาร์ค

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110662

    #สแกมเมอร์ #แม่สอด #น้ำเมย #เมียวดี #เคเคปาร์ค #แรงงานต่างด้าว #ชายแดนไทยพม่า #News1live #News1
    สแกมเมอร์ต่างชาติทะลักเข้าแม่สอดอีกระลอกใหญ่ หลังทหารเมียนมาบุกปราบหนัก พบกว่า 50 คนแบกเสื่อหมอน–ลากกระเป๋าลอบข้ามน้ำเมย ทั้งชาวปากีสถาน แอฟริกา และจีน รวมตัวมอบตัวเพราะหนีตายจากเคเคปาร์ค • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110662 • #สแกมเมอร์ #แม่สอด #น้ำเมย #เมียวดี #เคเคปาร์ค #แรงงานต่างด้าว #ชายแดนไทยพม่า #News1live #News1
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง

    Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค

    ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก
    ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น

    ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร

    ทางเลือกใหม่และความท้าทาย
    เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta
    โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

    ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก
    รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี
    เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

    ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ
    เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง
    มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    🌊 Google และ Meta เลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง Google และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระดับโลก หลังจากตัดสินใจเลื่อนการวางสายเคเบิลใต้น้ำในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญต่อการเชื่อมต่อระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา สาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยขีปนาวุธและความไม่มั่นคงทางการเมืองในภูมิภาค 🚢 ผลกระทบต่อการเชื่อมต่อโลก ทะเลแดงถือเป็นเส้นทางที่รับผิดชอบต่อการส่งผ่านข้อมูลอินเทอร์เน็ตถึง หนึ่งในห้าของการจราจรโลก การเลื่อนโครงการทำให้ข้อมูลต้องเบี่ยงเส้นทางไปยังเส้นทางที่ยาวกว่า เช่น รอบทวีปแอฟริกา ส่งผลให้เกิด ความหน่วง (latency) สูงขึ้น และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่ต้องซื้อแบนด์วิดท์จากเส้นทางอื่นเพื่อรองรับความต้องการในระยะสั้น 💰 ต้นทุนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักนี้ไม่เพียงแต่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้งานในภูมิภาคที่พึ่งพาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต้องเผชิญกับ ราคาที่สูงขึ้นและความเร็วที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและเอเชียที่ยังขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียร 🔒 ทางเลือกใหม่และความท้าทาย เพื่อรับมือกับความเสี่ยง บริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีเริ่มพิจารณาเส้นทางทางบกผ่านประเทศอย่าง บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และแม้กระทั่งอิรัก ซึ่งเดิมถูกมองว่าเสี่ยงและมีต้นทุนสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เส้นทางเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่จริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาและการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่นยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเลื่อนโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของ Google และ Meta ➡️ โครงการ 2Africa และ Blue-Raman ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ✅ ทะเลแดงมีความสำคัญต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโลก ➡️ รับผิดชอบต่อการจราจรข้อมูลถึง 20% ของโลก ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและบริษัทเทคโนโลยี ➡️ เกิดความหน่วงสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางเลือกใหม่ในการเชื่อมต่อ ➡️ เส้นทางทางบกผ่านบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอิรักถูกพิจารณา ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในทะเลแดง ⛔ มีรายงานการโจมตีด้วยขีปนาวุธและภัยจากกลุ่มติดอาวุธ ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ⛔ ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญราคาสูงและความเร็วต่ำลง https://www.tomshardware.com/tech-industry/google-and-meta-delay-red-sea-cables-over-security-concerns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เจอเสียงวิจารณ์จากการพรีโหลดแอป AppCloud

    Samsung กำลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ หลังมีการพรีโหลดแอปที่ชื่อ AppCloud บนสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่น M, F และ A หลายปีมาแล้ว โดยแอปนี้ไม่ใช่บริการคลาวด์ตามชื่อ แต่เป็นตัวติดตั้งแอปที่แสดงคำแนะนำแอปจากบุคคลที่สามระหว่างการตั้งค่าเครื่องใหม่ ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะติดตั้งหรือไม่ก่อนจะใช้งานเครื่องต่อไปได้ แม้จะเลื่อนการเลือกไปภายหลัง แต่ก็ยังมีการแจ้งเตือนคงอยู่จนกว่าจะปิดการทำงานเอง

    ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและภูมิรัฐศาสตร์
    ตั้งแต่ปี 2022 Samsung ได้ขยายการพรีโหลด AppCloud ไปยังตลาดเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ ทำให้เกิดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจากแอปนี้มีความเชื่อมโยงกับบริษัท ironSource ที่ก่อตั้งในอิสราเอลและปัจจุบันถูกซื้อโดย Unity จากสหรัฐฯ ironSource เคยมีชื่อเสียงด้านลบจากโปรแกรม InstallCore ที่ถูกวิจารณ์ว่าแอบติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตและถูกหลายโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ขึ้นบัญชีดำ

    ความอ่อนไหวในภูมิภาคและแรงกดดันต่อ Samsung
    ในหลายประเทศของภูมิภาค WANA มีกฎหมายห้ามบริษัทจากอิสราเอลดำเนินธุรกิจ การที่ Samsung พรีโหลดแอปที่มีรากฐานจากบริษัทดังกล่าวจึงยิ่งสร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ยังดำเนินอยู่ ผู้บริโภคและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้เรียกร้องให้ Samsung เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวของ AppCloud และให้ทางเลือกในการปฏิเสธการติดตั้งตั้งแต่แรก

    สิ่งที่ผู้ใช้ควรจับตา
    แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AppCloud เก็บข้อมูลผู้ใช้ในทางที่ผิด แต่การที่นโยบายความเป็นส่วนตัวไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และประวัติของ ironSource ทำให้ผู้ใช้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ นักวิเคราะห์มองว่า Samsung จำเป็นต้องออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และอาจต้องพิจารณายุติการพรีโหลดแอปนี้ในตลาดที่อ่อนไหว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AppCloud ถูกพรีโหลดในสมาร์ทโฟน Galaxy หลายรุ่น
    แอปทำหน้าที่เป็นตัวติดตั้งแอปบุคคลที่สามระหว่างการตั้งค่าเครื่อง

    การขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ
    ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใส

    ความเชื่อมโยงกับ ironSource
    บริษัทเคยมีชื่อเสียงด้านลบจากโปรแกรม InstallCore

    แรงกดดันต่อ Samsung จากผู้บริโภคและนักเคลื่อนไหว
    มีการเรียกร้องให้เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวและให้ผู้ใช้เลือกปฏิเสธได้

    ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
    หลายประเทศใน WANA มีกฎหมายห้ามบริษัทจากอิสราเอลดำเนินธุรกิจ

    ความไม่โปร่งใสของนโยบายความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลการเก็บและใช้ข้อมูลได้อย่างชัดเจน

    ประวัติด้านลบของ ironSource
    เคยถูกวิจารณ์ว่าแอบติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.sammobile.com/news/israeli-app-app-cloud-samsung-phones-controversy/
    📱 Samsung เจอเสียงวิจารณ์จากการพรีโหลดแอป AppCloud Samsung กำลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ หลังมีการพรีโหลดแอปที่ชื่อ AppCloud บนสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่น M, F และ A หลายปีมาแล้ว โดยแอปนี้ไม่ใช่บริการคลาวด์ตามชื่อ แต่เป็นตัวติดตั้งแอปที่แสดงคำแนะนำแอปจากบุคคลที่สามระหว่างการตั้งค่าเครื่องใหม่ ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะติดตั้งหรือไม่ก่อนจะใช้งานเครื่องต่อไปได้ แม้จะเลื่อนการเลือกไปภายหลัง แต่ก็ยังมีการแจ้งเตือนคงอยู่จนกว่าจะปิดการทำงานเอง 🌍 ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและภูมิรัฐศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2022 Samsung ได้ขยายการพรีโหลด AppCloud ไปยังตลาดเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ ทำให้เกิดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เนื่องจากแอปนี้มีความเชื่อมโยงกับบริษัท ironSource ที่ก่อตั้งในอิสราเอลและปัจจุบันถูกซื้อโดย Unity จากสหรัฐฯ ironSource เคยมีชื่อเสียงด้านลบจากโปรแกรม InstallCore ที่ถูกวิจารณ์ว่าแอบติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตและถูกหลายโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ขึ้นบัญชีดำ ⚖️ ความอ่อนไหวในภูมิภาคและแรงกดดันต่อ Samsung ในหลายประเทศของภูมิภาค WANA มีกฎหมายห้ามบริษัทจากอิสราเอลดำเนินธุรกิจ การที่ Samsung พรีโหลดแอปที่มีรากฐานจากบริษัทดังกล่าวจึงยิ่งสร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ยังดำเนินอยู่ ผู้บริโภคและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้ใช้เรียกร้องให้ Samsung เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวของ AppCloud และให้ทางเลือกในการปฏิเสธการติดตั้งตั้งแต่แรก 🔒 สิ่งที่ผู้ใช้ควรจับตา แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า AppCloud เก็บข้อมูลผู้ใช้ในทางที่ผิด แต่การที่นโยบายความเป็นส่วนตัวไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และประวัติของ ironSource ทำให้ผู้ใช้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ นักวิเคราะห์มองว่า Samsung จำเป็นต้องออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และอาจต้องพิจารณายุติการพรีโหลดแอปนี้ในตลาดที่อ่อนไหว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AppCloud ถูกพรีโหลดในสมาร์ทโฟน Galaxy หลายรุ่น ➡️ แอปทำหน้าที่เป็นตัวติดตั้งแอปบุคคลที่สามระหว่างการตั้งค่าเครื่อง ✅ การขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันตกและแอฟริกาเหนือ ➡️ ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใส ✅ ความเชื่อมโยงกับ ironSource ➡️ บริษัทเคยมีชื่อเสียงด้านลบจากโปรแกรม InstallCore ✅ แรงกดดันต่อ Samsung จากผู้บริโภคและนักเคลื่อนไหว ➡️ มีการเรียกร้องให้เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวและให้ผู้ใช้เลือกปฏิเสธได้ ‼️ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ หลายประเทศใน WANA มีกฎหมายห้ามบริษัทจากอิสราเอลดำเนินธุรกิจ ‼️ ความไม่โปร่งใสของนโยบายความเป็นส่วนตัว ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลการเก็บและใช้ข้อมูลได้อย่างชัดเจน ‼️ ประวัติด้านลบของ ironSource ⛔ เคยถูกวิจารณ์ว่าแอบติดตั้งซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.sammobile.com/news/israeli-app-app-cloud-samsung-phones-controversy/
    WWW.SAMMOBILE.COM
    Israeli-founded app preloaded on Samsung phones is attracting controversy
    For years, Samsung has shipped its Galaxy M, F, and A series smartphones in India with a little-known app called AppCloud. Despite its name, AppCloud isn’t a cloud storage service. It’s essentially an app-installer that surfaces third-party app recommendations during device setup. On new Galaxy devices in these lineups, AppCloud appears as part of the […]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง

    เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน
    เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด

    🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว
    วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ
    โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello”

    ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด
    เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก
    แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป
    วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง

    มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ
    มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง
    แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
    ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ

    Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก
    Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย
    เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
    นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา
    ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี
    แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่

    “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า
    สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก
    มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย
    และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้

    จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่
    แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด
    หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา

    “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น—
    “Hello… is it me you’re looking for?”
    และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    💿🕺 “Hello” ของ Lionel Richie: เพลงรักในตำนานที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แล้วกลายเป็นความรู้สึกจริงจัง 💘 เคยไหม…แอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก? แค่สบตาก็ใจสั่น แต่ก็ได้แค่คิดในใจว่า “เธอจะรู้ไหมนะ?” ถ้าเคย—งั้นคุณเข้าใจเพลง “Hello” ของ Lionel Richie ได้แน่นอน เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่มันคือเสียงของความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดออกไป เป็นบทเพลงที่อยู่ในใจคนฟังมาหลายสิบปี และยังคงโดนใจวัยรุ่นยุคนี้ไม่แพ้กัน เพราะมันพูดแทนใจของคนที่กำลังตกหลุมรักแบบเงียบๆ ได้อย่างตรงจุด 🏃‍➡️ จุดเริ่มต้นของเพลงที่มาจากความเขิน ย้อนกลับไปในยุค 80s Lionel Richie ศิลปินหนุ่มจากเมือง Tuskegee รัฐ Alabama กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต เขาเพิ่งแยกตัวจากวง Commodores และเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว วันหนึ่งในสตูดิโอ เขาพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “Hello… is it me you’re looking for?” ซึ่งเป็นประโยคที่เขามักคิดในใจเวลาสบตากับผู้หญิงที่เขาแอบชอบในวัยเรียน แต่ไม่เคยกล้าพูดออกไปจริงๆ โปรดิวเซอร์ของเขา James Anthony Carmichael ได้ยินเข้าและรีบกระตุ้นให้เขาแต่งเพลงจากประโยคนั้น แม้ Richie จะลังเล เพราะคิดว่ามันดูเชยและธรรมดาเกินไป แต่ภรรยาในตอนนั้นกลับเห็นว่า มันคือประโยคที่จริงใจและกินใจที่สุด สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเพลงนี้ขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “Hello” 🎖️ ความสำเร็จที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ “Hello” ถูกปล่อยออกมาในปี 1984 มันกลายเป็นเพลงที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และครองอันดับ 1 บน UK Singles Chart ถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังได้รับการรับรองยอดขายระดับ Gold และ Platinum ในหลายประเทศทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ “Hello” กลายเป็นมากกว่าแค่เพลงฮิต คือความสามารถในการเชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังแอบรัก หรือคนที่เคยมีความรักที่ไม่สมหวัง ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่อยากพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ก็ไม่กล้าพอจะพูดออกไป วลี “Hello, is it me you’re looking for?” กลายเป็นประโยคอมตะที่ถูกนำไปใช้ในโฆษณา มีม คลิปวิดีโอ และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่อ่อนโยนและเปราะบาง 📺 มิวสิกวิดีโอที่ทั้งเชยและน่าจดจำ 📝 มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้กำกับโดย Bob Giraldi ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ Michael Jackson ใน “Beat It” วิดีโอเล่าเรื่องครูสอนการแสดงที่แอบหลงรักนักเรียนสาวตาบอด ซึ่งแอบปั้นรูปปั้นศีรษะของเขาออกมาได้อย่างเหมือนจริง แม้วิดีโอจะถูกล้อเลียนว่าเชยและติดอันดับ “มิวสิกวิดีโอที่แย่ที่สุด” ในบางโพล แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันกลายเป็นภาพจำที่คนทั่วโลกรู้จัก และช่วยให้เพลงนี้เป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น ในยุคที่มิวสิกวิดีโอเพิ่งเริ่มได้รับความนิยม “Hello” คือหนึ่งในตัวอย่างของการใช้ภาพเล่าเรื่องเพื่อเสริมพลังให้กับเพลง และแม้จะดูเชยในสายตาบางคน แต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูยิ้มได้เสมอ 🧑‍🎤 Lionel Richie: จากเด็กขี้อายสู่ศิลปินระดับโลก Lionel Richie ไม่ใช่แค่เจ้าของเสียงนุ่มๆ ที่ทำให้คนฟังใจละลาย แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมาย เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีกับวง Commodores วงโซล–ฟังก์ชื่อดังในยุค 70s ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Easy” และ “Three Times a Lady” ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1982 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจาก “Hello” แล้ว เขายังมีเพลงดังอีกมากมาย เช่น “All Night Long”, “Say You, Say Me”, “Endless Love” (ร้องคู่กับ Diana Ross) และ “We Are the World” ที่เขาร่วมเขียนกับ Michael Jackson เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแอฟริกา ด้วยยอดขายกว่า 100 ล้านชุดทั่วโลก และรางวัลมากมายทั้ง Grammy, Oscar, Golden Globe รวมถึงการได้เข้าหอเกียรติยศ Rock & Roll Hall of Fame Richie จึงถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี แม้วันนี้เขาจะอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ยังคงแสดงสดทั่วโลก และเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งทำให้เขายังคงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่ 🎵 “Hello” กับความหมายที่ไม่เคยเก่า สิ่งที่ทำให้ “Hello” ยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียงร้องของ Richie หรือทำนองที่ไพเราะเท่านั้น แต่เป็นเพราะเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกที่เป็นสากล—ความรักที่ไม่กล้าบอก มันคือเพลงของคนที่กำลังแอบรัก เพลงของคนที่อยากพูดบางอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพลงของคนที่หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจโดยไม่ต้องพูดอะไรเลย และนั่นคือเหตุผลที่ “Hello” ยังคงถูกเปิดฟังอยู่ทุกวันใน Spotify, YouTube และแพลตฟอร์มอื่นๆ มันยังถูกใช้ในหนัง ซีรีส์ รายการทีวี และคอนเสิร์ตมากมาย เพราะมันคือเพลงที่ไม่ว่าใครก็สามารถอินได้ 🛣️ จากอดีตถึงปัจจุบัน: เพลงที่เชื่อมใจคนรุ่นใหม่ แม้จะเป็นเพลงจากยุค 80s แต่ “Hello” ก็ยังมีพลังพิเศษที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคที่การสื่อสารรวดเร็วผ่านแชตและโซเชียลมีเดีย บางครั้งเราก็ยังรู้สึก “พูดไม่ออก” เวลาจะสารภาพความในใจ เพลงนี้จึงยังคงสะท้อนความรู้สึกของคนยุคนี้ได้อย่างตรงจุด หลายคนอาจเคยใช้วลี “Hello, is it me you’re looking for?” เป็นแคปชันในไอจี หรือแซวเพื่อนในแชต แต่ลึกๆ แล้ว มันคือเสียงของความรู้สึกที่เราทุกคนเคยมี—ความหวังเล็กๆ ว่าใครสักคนจะมองเห็นเรา “Hello” ของ Lionel Richie คือเพลงที่เริ่มจากคำพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นความรู้สึกจริงจัง เป็นเพลงที่ไม่ต้องมีบีตแรง ไม่ต้องมีแร็ปเท่ๆ แค่ประโยคเดียวก็พอจะทำให้ใจสั่น— “Hello… is it me you’re looking for?” และนั่นแหละ คือความโรแมนติกที่ไม่มีวันตกยุค #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=mHONNcZbwDY
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร”

    ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก

    ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน

    ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ

    ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก

    ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต:
    เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า
    เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้
    ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป

    และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น

    สรุปเนื้อหาสำคัญ
    แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง
    ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ
    ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA
    มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน
    อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90%
    บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50%
    ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์
    คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40%
    มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment

    การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง
    ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ
    ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล
    ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต
    ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์
    ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง

    ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต

    https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    ☀️ “Solarpunk แอฟริกา – เมื่ออนาคตไม่รอใคร” ลองจินตนาการว่าไฟฟ้าไม่เคยมาเยือนบ้านคุณเลยตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งคุณได้แสงสว่างจากแผงโซลาร์ที่ผ่อนได้ผ่านมือถือ… นี่คือเรื่องจริงของผู้คนกว่า 600 ล้านคนในแอฟริกา ที่ไม่ได้รอให้รัฐบาลหรือธนาคารโลกมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ แต่ลุกขึ้นมาสร้างมันเองผ่านโมเดล Solarpunk ที่กำลังเปลี่ยนโลก ในขณะที่โลกพัฒนาแล้วกำลังถกเถียงเรื่องพลังงานสะอาด แอฟริกากำลังลงมือทำจริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีราคาถูก การเงินดิจิทัล และโมเดลธุรกิจแบบจ่ายรายวัน (PAYG) ที่ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์เข้าถึงได้แม้กับคนที่มีรายได้เพียง $2 ต่อวัน ในอดีต การขยายสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทต้องใช้เงินมหาศาลและเวลานานหลายสิบปี แต่วันนี้ บริษัทสตาร์ทอัพในแอฟริกาอย่าง Sun King และ SunCulture กลับสามารถติดตั้งระบบโซลาร์ให้เกษตรกรได้ภายในไม่กี่วัน ด้วยเงินดาวน์เพียง $100 และจ่ายรายวันผ่านมือถือ ระบบเหล่านี้มาพร้อม IoT ที่สามารถตัดไฟหากไม่จ่าย และเปิดไฟเมื่อชำระเงิน ทำให้เกิดวินัยทางการเงิน และอัตราการชำระหนี้สูงถึง 90% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศที่มีระบบธนาคารเต็มรูปแบบเสียอีก ที่น่าทึ่งคือ โมเดลนี้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังเปลี่ยนชีวิต: 📍 เกษตรกรสามารถใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า 📍 เด็กๆ อ่านหนังสือตอนกลางคืนได้ 📍 ผู้หญิงไม่ต้องสูดควันจากเตาเผาดีเซลหรือถ่านอีกต่อไป และทั้งหมดนี้ยังสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ทำให้ต้นทุนลดลง และขยายตลาดได้มากขึ้น 📌 สรุปเนื้อหาสำคัญ ✅ แอฟริกากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานใหม่ด้วยตัวเอง ➡️ ใช้โมเดล Pay-As-You-Go (PAYG) ผ่านมือถือ ➡️ ระบบโซลาร์ติดตั้งง่าย จ่ายรายวันผ่าน M-PESA ➡️ มี IoT ควบคุมการเปิด-ปิดไฟตามการชำระเงิน ➡️ อัตราการชำระหนี้สูงกว่า 90% ➡️ บริษัท Sun King และ SunCulture มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ➡️ ปั๊มน้ำโซลาร์ช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรจาก $600 เป็น $14,000 ต่อเอเคอร์ ➡️ คาร์บอนเครดิตช่วยลดต้นทุนลง 25-40% ➡️ มีการลงทุนล่วงหน้าโดยองค์กรต่างประเทศ เช่น British International Investment ‼️ การขยายโมเดลนี้ยังมีความเสี่ยง ⛔ ความผันผวนของค่าเงินในประเทศต่างๆ ⛔ ความเสี่ยงด้านนโยบายจากรัฐบาล ⛔ ความผันผวนของราคาคาร์บอนเครดิต ⛔ ความซับซ้อนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ⛔ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือความไม่มั่นคงทางการเมือง ถ้าโมเดลนี้ขยายไปยังเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ไม่ต้องรอ “สายไฟ” อีกต่อไป แต่ใช้แสงแดดเป็นตัวนำทางสู่อนาคต https://climatedrift.substack.com/p/why-solarpunk-is-already-happening
    CLIMATEDRIFT.SUBSTACK.COM
    Why Solarpunk is already happening in Africa
    Or: How Africa is building the future by skipping the past
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว

    บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์

    ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์

    แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

    ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น:
    ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์”
    จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023
    ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ

    นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์

    กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ
    โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล

    Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ
    เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ”
    เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว

    นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน
    เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247
    ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่

    กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี
    เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ”
    ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ

    นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation
    แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา
    ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ

    https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    🛑 เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์ แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น: 🎃 ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์” 🎃 จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023 🎃 ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์ ✅ กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ ➡️ โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล ✅ Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ ➡️ เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ” ➡️ เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว ✅ นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน ➡️ เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247 ➡️ ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่ ✅ กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี ➡️ เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ” ➡️ ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ ✅ นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation ➡️ แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา ➡️ ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    WWW.CJR.ORG
    How anti-cybercrime laws are being weaponized to repress journalism.
    Across the world, well-meaning laws intended to reduce online fraud and other scourges of the internet are being put to a very different use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์(1พ.ย.) ขู่ส่งทหารเข้าไปยังไนจีเรีย พร้อมเปิดปฏิบัติการอย่างดุดัน ถ้าประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในแอฟริกาแห่งนี้ ไม่สกัดจัดการกับสิ่งที่เขาให้คำจำกัดความว่าการเข่นฆ่าชาวคริสเตียนโดยพวกอิสลามิสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000104638

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์(1พ.ย.) ขู่ส่งทหารเข้าไปยังไนจีเรีย พร้อมเปิดปฏิบัติการอย่างดุดัน ถ้าประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในแอฟริกาแห่งนี้ ไม่สกัดจัดการกับสิ่งที่เขาให้คำจำกัดความว่าการเข่นฆ่าชาวคริสเตียนโดยพวกอิสลามิสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000104638 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 736 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Internet-in-a-Box” อุปกรณ์ที่แทน Google ได้แม้ไม่มีเน็ต!

    ในโลกที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีคนกว่า 2.6 พันล้านคนที่เข้าไม่ถึง “Internet-in-a-Box” หรือ IIAB คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างนี้ ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นคลังข้อมูลขนาดย่อมที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตเลย!

    IIAB เป็นระบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เก่า Raspberry Pi หรือแม้แต่โน้ตบุ๊กที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แผนที่ Google หรือ Apple แบบออฟไลน์ และคลังวิดีโอจาก YouTube หรือ TED Talks

    ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหลด “content packs” ที่เหมาะกับชุมชนของตน เช่น โรงเรียนสามารถโหลดหลักสูตร Khan Academy ส่วนคลินิกสุขภาพสามารถโหลดข้อมูลทางการแพทย์ไว้ใช้ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย

    ระบบนี้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ เฮติ และรวันดา เพื่อช่วยให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างเท่าเทียม

    Internet-in-a-Box (IIAB) คืออะไร
    ระบบโอเพ่นซอร์สที่เก็บข้อมูลเว็บไว้ใช้งานแบบออฟไลน์
    รองรับ Linux เช่น Ubuntu, Debian, Raspberry Pi OS
    ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์เก่าและ Raspberry Pi

    ความสามารถของ IIAB
    เก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์
    โหลด content packs เช่น Khan Academy, TED Talks, แผนที่, วิดีโอ
    สร้างหน้าโฮมเพจแบบปรับแต่งได้สำหรับผู้ใช้งาน

    การใช้งานในพื้นที่ห่างไกล
    ใช้ในโรงเรียน คลินิก และชุมชนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
    ถูกนำไปใช้ในแอฟริกาใต้ เฮติ รวันดา และอีกหลายประเทศ

    การติดตั้งและขยายข้อมูล
    โหลดข้อมูลจาก archive.org และ worldpossible.org
    เพิ่มข้อมูลจากอุปกรณ์เสริม เช่น USB หรือฮาร์ดดิสก์
    ผู้ใช้สามารถสร้างคลังข้อมูลเองได้

    ข้อจำกัดของ IIAB
    ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจริงหรือค้นหาบน Google ได้
    ต้องติดตั้งและตั้งค่าด้วยตนเอง
    อุปกรณ์บางรุ่นอาจต้องใช้เราเตอร์ Wi-Fi เพื่อแชร์ข้อมูล

    IIAB ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นความหวังสำหรับผู้คนที่ยังเข้าไม่ถึงโลกดิจิทัล — เปลี่ยนคอมพิวเตอร์เก่าให้กลายเป็นคลังความรู้ และเปลี่ยนชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกลให้มีโอกาสเรียนรู้เท่าเทียมกัน

    https://www.slashgear.com/2009691/offline-google-alternative-internet-in-a-box/
    📦 “Internet-in-a-Box” อุปกรณ์ที่แทน Google ได้แม้ไม่มีเน็ต! ในโลกที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีคนกว่า 2.6 พันล้านคนที่เข้าไม่ถึง “Internet-in-a-Box” หรือ IIAB คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างนี้ ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นคลังข้อมูลขนาดย่อมที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตเลย! IIAB เป็นระบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เก่า Raspberry Pi หรือแม้แต่โน้ตบุ๊กที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แผนที่ Google หรือ Apple แบบออฟไลน์ และคลังวิดีโอจาก YouTube หรือ TED Talks ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหลด “content packs” ที่เหมาะกับชุมชนของตน เช่น โรงเรียนสามารถโหลดหลักสูตร Khan Academy ส่วนคลินิกสุขภาพสามารถโหลดข้อมูลทางการแพทย์ไว้ใช้ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย ระบบนี้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ เฮติ และรวันดา เพื่อช่วยให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างเท่าเทียม ✅ Internet-in-a-Box (IIAB) คืออะไร ➡️ ระบบโอเพ่นซอร์สที่เก็บข้อมูลเว็บไว้ใช้งานแบบออฟไลน์ ➡️ รองรับ Linux เช่น Ubuntu, Debian, Raspberry Pi OS ➡️ ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์เก่าและ Raspberry Pi ✅ ความสามารถของ IIAB ➡️ เก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ ➡️ โหลด content packs เช่น Khan Academy, TED Talks, แผนที่, วิดีโอ ➡️ สร้างหน้าโฮมเพจแบบปรับแต่งได้สำหรับผู้ใช้งาน ✅ การใช้งานในพื้นที่ห่างไกล ➡️ ใช้ในโรงเรียน คลินิก และชุมชนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ➡️ ถูกนำไปใช้ในแอฟริกาใต้ เฮติ รวันดา และอีกหลายประเทศ ✅ การติดตั้งและขยายข้อมูล ➡️ โหลดข้อมูลจาก archive.org และ worldpossible.org ➡️ เพิ่มข้อมูลจากอุปกรณ์เสริม เช่น USB หรือฮาร์ดดิสก์ ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้างคลังข้อมูลเองได้ ‼️ ข้อจำกัดของ IIAB ⛔ ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจริงหรือค้นหาบน Google ได้ ⛔ ต้องติดตั้งและตั้งค่าด้วยตนเอง ⛔ อุปกรณ์บางรุ่นอาจต้องใช้เราเตอร์ Wi-Fi เพื่อแชร์ข้อมูล IIAB ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นความหวังสำหรับผู้คนที่ยังเข้าไม่ถึงโลกดิจิทัล — เปลี่ยนคอมพิวเตอร์เก่าให้กลายเป็นคลังความรู้ และเปลี่ยนชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกลให้มีโอกาสเรียนรู้เท่าเทียมกัน https://www.slashgear.com/2009691/offline-google-alternative-internet-in-a-box/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Device Can Replace Google When You Need Information Without An Internet Connection - SlashGear
    More than half the world's population can connect to the internet, but for people in remote locations or extreme poverty this device can provide limited access.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Caminho” มัลแวร์สายลับจากบราซิล ใช้ภาพจาก Archive.org ซ่อนโค้ดอันตรายด้วยเทคนิคลับ LSB Steganography

    นักวิจัยจาก Arctic Wolf Labs เปิดโปงแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Caminho” ซึ่งเป็นบริการ Loader-as-a-Service (LaaS) ที่มีต้นกำเนิดจากบราซิล โดยใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในภาพจากเว็บไซต์ Archive.org ผ่านวิธีการที่เรียกว่า LSB Steganography ซึ่งมักพบในงานจารกรรมมากกว่าการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน

    Caminho เป็นมัลแวร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ “ไร้ร่องรอย” โดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ แต่โหลดโค้ดอันตรายเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนตี้ไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    วิธีการทำงานของ Caminho: 1️⃣ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ JavaScript หรือ VBScript ในรูปแบบ ZIP/RAR 2️⃣ เมื่อเปิดไฟล์ สคริปต์จะเรียกใช้ PowerShell เพื่อดึงภาพจาก Archive.org 3️⃣ ภาพเหล่านั้นมีโค้ด .NET ที่ถูกซ่อนไว้ในบิตต่ำสุดของพิกเซล (LSB) 4️⃣ PowerShell จะถอดรหัสโค้ดและโหลดเข้าสู่หน่วยความจำ 5️⃣ จากนั้นมัลแวร์จะถูกฉีดเข้าไปในโปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    มัลแวร์นี้ยังมีระบบตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำ และมีฟีเจอร์ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์จากนักวิจัย

    Arctic Wolf พบว่า Caminho ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาโปรตุเกส และมีเป้าหมายในหลายประเทศ เช่น บราซิล แอฟริกาใต้ ยูเครน และโปแลนด์ โดยมีการให้บริการแบบ “เช่าใช้” ซึ่งลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการได้ เช่น REMCOS RAT, XWorm หรือ Katz Stealer

    ลักษณะของ Caminho Loader
    เป็นบริการ Loader-as-a-Service จากบราซิล
    ใช้เทคนิค LSB Steganography ซ่อนโค้ดในภาพ
    โหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์
    ฉีดโค้ดเข้าสู่โปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    วิธีการแพร่กระจาย
    เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์สคริปต์
    ใช้ PowerShell ดึงภาพจาก Archive.org
    ถอดรหัส payload จากภาพแล้วโหลดเข้าสู่ระบบ

    ความสามารถพิเศษของมัลแวร์
    ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug
    ตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำผ่าน scheduled tasks
    รองรับการโหลด payload หลายชนิดตามความต้องการของลูกค้า

    การใช้บริการแบบเช่า
    ลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการ
    ใช้ภาพเดียวกันในหลายแคมเปญเพื่อประหยัดต้นทุน
    ใช้บริการเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น Archive.org, paste.ee เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก

    คำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Caminho
    อีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ ZIP/RAR อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการติดมัลแวร์
    ภาพจากเว็บที่ดูปลอดภัยอาจมีโค้ดอันตรายซ่อนอยู่
    การโหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรงทำให้ตรวจจับได้ยาก

    https://securityonline.info/caminho-loader-as-a-service-uses-lsb-steganography-to-hide-net-payloads-in-archive-org-images/
    🕵️‍♂️ “Caminho” มัลแวร์สายลับจากบราซิล ใช้ภาพจาก Archive.org ซ่อนโค้ดอันตรายด้วยเทคนิคลับ LSB Steganography นักวิจัยจาก Arctic Wolf Labs เปิดโปงแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ “Caminho” ซึ่งเป็นบริการ Loader-as-a-Service (LaaS) ที่มีต้นกำเนิดจากบราซิล โดยใช้เทคนิคซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในภาพจากเว็บไซต์ Archive.org ผ่านวิธีการที่เรียกว่า LSB Steganography ซึ่งมักพบในงานจารกรรมมากกว่าการโจมตีเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน Caminho เป็นมัลแวร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบ “ไร้ร่องรอย” โดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ แต่โหลดโค้ดอันตรายเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรง ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับจากแอนตี้ไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 วิธีการทำงานของ Caminho: 1️⃣ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ JavaScript หรือ VBScript ในรูปแบบ ZIP/RAR 2️⃣ เมื่อเปิดไฟล์ สคริปต์จะเรียกใช้ PowerShell เพื่อดึงภาพจาก Archive.org 3️⃣ ภาพเหล่านั้นมีโค้ด .NET ที่ถูกซ่อนไว้ในบิตต่ำสุดของพิกเซล (LSB) 4️⃣ PowerShell จะถอดรหัสโค้ดและโหลดเข้าสู่หน่วยความจำ 5️⃣ จากนั้นมัลแวร์จะถูกฉีดเข้าไปในโปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ มัลแวร์นี้ยังมีระบบตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำ และมีฟีเจอร์ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์จากนักวิจัย Arctic Wolf พบว่า Caminho ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาโปรตุเกส และมีเป้าหมายในหลายประเทศ เช่น บราซิล แอฟริกาใต้ ยูเครน และโปแลนด์ โดยมีการให้บริการแบบ “เช่าใช้” ซึ่งลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการได้ เช่น REMCOS RAT, XWorm หรือ Katz Stealer ✅ ลักษณะของ Caminho Loader ➡️ เป็นบริการ Loader-as-a-Service จากบราซิล ➡️ ใช้เทคนิค LSB Steganography ซ่อนโค้ดในภาพ ➡️ โหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยไม่เขียนไฟล์ลงดิสก์ ➡️ ฉีดโค้ดเข้าสู่โปรเซส calc.exe เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ✅ วิธีการแพร่กระจาย ➡️ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์สคริปต์ ➡️ ใช้ PowerShell ดึงภาพจาก Archive.org ➡️ ถอดรหัส payload จากภาพแล้วโหลดเข้าสู่ระบบ ✅ ความสามารถพิเศษของมัลแวร์ ➡️ ตรวจจับ sandbox, VM และเครื่องมือ debug ➡️ ตั้งเวลาให้กลับมาทำงานซ้ำผ่าน scheduled tasks ➡️ รองรับการโหลด payload หลายชนิดตามความต้องการของลูกค้า ✅ การใช้บริการแบบเช่า ➡️ ลูกค้าสามารถเลือก payload ที่ต้องการ ➡️ ใช้ภาพเดียวกันในหลายแคมเปญเพื่อประหยัดต้นทุน ➡️ ใช้บริการเว็บที่น่าเชื่อถือ เช่น Archive.org, paste.ee เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Caminho ⛔ อีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ ZIP/RAR อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการติดมัลแวร์ ⛔ ภาพจากเว็บที่ดูปลอดภัยอาจมีโค้ดอันตรายซ่อนอยู่ ⛔ การโหลดโค้ดเข้าสู่หน่วยความจำโดยตรงทำให้ตรวจจับได้ยาก https://securityonline.info/caminho-loader-as-a-service-uses-lsb-steganography-to-hide-net-payloads-in-archive-org-images/
    SECURITYONLINE.INFO
    Caminho Loader-as-a-Service Uses LSB Steganography to Hide .NET Payloads in Archive.org Images
    Arctic Wolf exposed Caminho, a Brazilian Loader-as-a-Service that hides .NET payloads in images via LSB steganography. It operates filelessly and is deployed via phishing and legitimate Archive.org.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ่นยนต์ลอยน้ำจากแคนาดาเผยความลับใต้ทะเล – มวลแพลงก์ตอนพืชมหาศาลเทียบเท่าช้าง 250 ล้านตัว

    ลองนึกภาพหุ่นยนต์ลอยน้ำหลายร้อยตัวที่ล่องอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พวกมันไม่ได้แค่ลอยเล่น แต่กำลังเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “แพลงก์ตอนพืช” ซึ่งเป็นหัวใจของระบบนิเวศทางทะเล และยังผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง

    หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ BioGeoChemical-Argo (BGC-Argo) ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์, อนุภาคแขวนลอย และพลังงานแสงที่ทะลุผ่านผิวน้ำ

    ข้อมูลที่ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินมวลรวมของแพลงก์ตอนพืชได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เพราะแพลงก์ตอนบางส่วนอยู่ลึกเกินกว่าที่กล้องจากอวกาศจะมองเห็น

    นอกจากการวัดมวลรวมแล้ว หุ่นยนต์เหล่านี้ยังช่วยติดตามการเกิด “แพลงก์ตอนบลูม” หรือการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอน ซึ่งบางครั้งอาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การสร้างสารพิษ หรือทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่รอดได้

    การค้นพบมวลรวมของแพลงก์ตอนพืช
    ประเมินได้ประมาณ 346 ล้านตัน
    เทียบเท่าช้างแอฟริกา 250 ล้านตัว
    ใช้ข้อมูลจากหุ่นยนต์ลอยน้ำ BGC-Argo

    ระบบหุ่นยนต์ BGC-Argo
    ลอยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก
    ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์ ฯลฯ
    ช่วยวัดการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นและระยะยาวของมหาสมุทร

    ความสำคัญของแพลงก์ตอนพืช
    ผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง
    เป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในทะเล
    มีอยู่หลายล้านตัวในหยดน้ำทะเลเพียงหยดเดียว

    การเกิดแพลงก์ตอนบลูม
    อาจสร้างสารพิษสะสมในห่วงโซ่อาหาร
    ทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำขาดออกซิเจน
    บางครั้งสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ

    ข้อจำกัดของการสังเกตจากดาวเทียม
    ดาวเทียมไม่สามารถมองเห็นแพลงก์ตอนที่อยู่ลึก
    อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมวลแพลงก์ตอนไม่ถูกตรวจจับจากอวกาศ
    ต้องใช้หุ่นยนต์ลอยน้ำเพื่อเก็บข้อมูลโดยตรง

    ผลกระทบจากแพลงก์ตอนบลูม
    อาจทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง
    ส่งผลต่อธุรกิจประมงและสุขภาพมนุษย์
    เกิดจากปัจจัยมนุษย์ เช่น มลพิษและภาวะโลกร้อน

    https://www.slashgear.com/2004414/biogeochemical-argo-canadian-robots-analyzes-earth-phytoplankton-finds-heavy-ocean-mass/
    🌊 หุ่นยนต์ลอยน้ำจากแคนาดาเผยความลับใต้ทะเล – มวลแพลงก์ตอนพืชมหาศาลเทียบเท่าช้าง 250 ล้านตัว ลองนึกภาพหุ่นยนต์ลอยน้ำหลายร้อยตัวที่ล่องอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พวกมันไม่ได้แค่ลอยเล่น แต่กำลังเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “แพลงก์ตอนพืช” ซึ่งเป็นหัวใจของระบบนิเวศทางทะเล และยังผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ BioGeoChemical-Argo (BGC-Argo) ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์, อนุภาคแขวนลอย และพลังงานแสงที่ทะลุผ่านผิวน้ำ ข้อมูลที่ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินมวลรวมของแพลงก์ตอนพืชได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เพราะแพลงก์ตอนบางส่วนอยู่ลึกเกินกว่าที่กล้องจากอวกาศจะมองเห็น นอกจากการวัดมวลรวมแล้ว หุ่นยนต์เหล่านี้ยังช่วยติดตามการเกิด “แพลงก์ตอนบลูม” หรือการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอน ซึ่งบางครั้งอาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การสร้างสารพิษ หรือทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่รอดได้ ✅ การค้นพบมวลรวมของแพลงก์ตอนพืช ➡️ ประเมินได้ประมาณ 346 ล้านตัน ➡️ เทียบเท่าช้างแอฟริกา 250 ล้านตัว ➡️ ใช้ข้อมูลจากหุ่นยนต์ลอยน้ำ BGC-Argo ✅ ระบบหุ่นยนต์ BGC-Argo ➡️ ลอยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก ➡️ ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์ ฯลฯ ➡️ ช่วยวัดการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นและระยะยาวของมหาสมุทร ✅ ความสำคัญของแพลงก์ตอนพืช ➡️ ผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง ➡️ เป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในทะเล ➡️ มีอยู่หลายล้านตัวในหยดน้ำทะเลเพียงหยดเดียว ✅ การเกิดแพลงก์ตอนบลูม ➡️ อาจสร้างสารพิษสะสมในห่วงโซ่อาหาร ➡️ ทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำขาดออกซิเจน ➡️ บางครั้งสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ‼️ ข้อจำกัดของการสังเกตจากดาวเทียม ⛔ ดาวเทียมไม่สามารถมองเห็นแพลงก์ตอนที่อยู่ลึก ⛔ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมวลแพลงก์ตอนไม่ถูกตรวจจับจากอวกาศ ⛔ ต้องใช้หุ่นยนต์ลอยน้ำเพื่อเก็บข้อมูลโดยตรง ‼️ ผลกระทบจากแพลงก์ตอนบลูม ⛔ อาจทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง ⛔ ส่งผลต่อธุรกิจประมงและสุขภาพมนุษย์ ⛔ เกิดจากปัจจัยมนุษย์ เช่น มลพิษและภาวะโลกร้อน https://www.slashgear.com/2004414/biogeochemical-argo-canadian-robots-analyzes-earth-phytoplankton-finds-heavy-ocean-mass/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Canadian Robot Made A Big Discovery While Analyzing Earth's Phytoplankton - SlashGear
    A team of scientists has estimated that the mass of the world's phytoplankton, a pillar of the global ecosystem, is equal to 250 million elephants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก”

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย

    แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม

    กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้

    แผนของรัฐบาลอังกฤษ
    เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026
    ใช้เทคโนโลยี facial age estimation
    มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร
    เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

    ความกังวลจากภาคประชาสังคม
    AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ
    เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด
    การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI
    ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก

    ตัวอย่างผลกระทบจริง
    Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง”
    ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย
    ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์

    ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย
    รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน
    มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย
    แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น
    กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    🧬 “UK เตรียมใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพ – นักสิทธิมนุษยชนหวั่นเทคโนโลยีละเมิดสิทธิเด็ก” รัฐบาลอังกฤษเตรียมใช้เทคโนโลยี AI เพื่อประเมินอายุของผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาโดยลำพังผ่านช่องทางลักลอบ เช่น เรือเล็กจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้คือ facial age estimation หรือการประเมินอายุจากใบหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี 2026 โดยรัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ “คุ้มค่าและแม่นยำ” เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใหญ่แอบอ้างเป็นเด็กเพื่อรับสิทธิพิเศษในการขอลี้ภัย แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพออกมาเตือนว่า การใช้ AI แบบนี้อาจ ตอกย้ำอคติทางเชื้อชาติ และ ละเมิดสิทธิของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกสารยืนยันอายุ หรือมีเอกสารปลอม ซึ่งอาจทำให้เด็กถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม กรณีของ “Jean” ผู้อพยพจากแอฟริกากลางที่เคยถูกระบุอายุผิดเพราะ “ตัวสูงเกินไป” จนต้องอยู่กับผู้ใหญ่และเผชิญกับความเครียดอย่างหนัก เป็นตัวอย่างของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหาก AI ถูกใช้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า AI จะเป็นเพียง “หนึ่งในหลายเครื่องมือ” ที่ใช้ร่วมกับการประเมินโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ระบบอัตโนมัติอาจขาดความโปร่งใส และ ไม่สามารถอธิบายการตัดสินใจได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกประเมินไม่สามารถโต้แย้งผลได้ ✅ แผนของรัฐบาลอังกฤษ ➡️ เริ่มใช้ AI ประเมินอายุผู้อพยพในปี 2026 ➡️ ใช้เทคโนโลยี facial age estimation ➡️ มุ่งเป้าผู้อพยพที่อ้างว่าเป็นเด็กแต่ไม่มีเอกสาร ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น ✅ ความกังวลจากภาคประชาสังคม ➡️ AI อาจมีอคติทางเชื้อชาติและเพศ ➡️ เด็กอาจถูกจัดให้อยู่ในที่พักของผู้ใหญ่โดยผิดพลาด ➡️ การประเมินอายุควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ไม่ใช่ AI ➡️ ระบบอัตโนมัติขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก ✅ ตัวอย่างผลกระทบจริง ➡️ Jean ถูกประเมินอายุผิดเพราะ “ตัวสูง” ➡️ ต้องอยู่กับผู้ใหญ่โดยไม่มีการคุ้มครอง ➡️ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัย ➡️ ต่อมาได้รับการแก้ไขอายุหลังยื่นอุทธรณ์ ✅ ความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย ➡️ รัฐบาลอังกฤษร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI ในหลายด้าน ➡️ มีแผนใช้ AI ในการตัดสินคำขอลี้ภัย ➡️ แนวโน้มการใช้ “digital fixes” เพื่อจัดการผู้อพยพเพิ่มขึ้น ➡️ กลุ่มสิทธิเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองและความโปร่งใส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/uk-use-of-ai-age-estimation-tech-on-migrants-fuels-rights-fears
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UK use of AI age estimation tech on migrants fuels rights fears
    UK to use facial recognition tech to decide ages of lone child asylum seekers but critics say biases could rob many of safeguards.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Surveillance Secrets” — เปิดโปงอาณาจักรลับของบริษัทติดตามโทรศัพท์ที่แทรกซึมทั่วโลก

    Lighthouse Reports เปิดเผยการสืบสวนครั้งใหญ่เกี่ยวกับบริษัท First Wap ผู้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์มือถือได้ทั่วโลก โดยการสืบสวนเริ่มต้นจากฐานข้อมูลลับบน deep web ที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ครอบคลุมผู้คนในกว่า 160 ประเทศ

    นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลนี้ และพบว่า Altamides ถูกใช้โดยทั้งรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามนักเคลื่อนไหว นักข่าว นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยไม่มีการควบคุมหรือขอบเขตทางกฎหมายที่ชัดเจน

    การสืบสวนยังเผยว่า First Wap ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 ของระบบโทรคมนาคมเพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ และมีความสามารถในการดักฟังข้อความ SMS, โทรศัพท์ และแม้แต่แฮก WhatsApp

    ในปฏิบัติการลับ นักข่าวของ Lighthouse ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจจากแอฟริกาใต้และเข้าไปเจรจากับผู้บริหารของ First Wap ที่งาน ISS World ในกรุงปราก ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่าสามารถจัดการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรได้ผ่านบริษัทในจาการ์ตา โดยใช้บริษัทเปลือกเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย

    ข้อมูลในคลังยังเผยชื่อบุคคลสำคัญที่ถูกติดตาม เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีกาตาร์, ภรรยาของอดีตผู้นำซีเรีย, ผู้ก่อตั้ง 23andMe, ผู้ผลิต Netflix, นักข่าวอิตาลี, นักการเมืองรวันดา และนักกฎหมายอิสราเอล รวมถึงบุคคลทั่วไปอย่างครู นักบำบัด และศิลปิน

    ข้อมูลในข่าว
    การสืบสวนเริ่มจากฐานข้อมูลลับที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ
    บริษัท First Wap พัฒนาเครื่องมือชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์ทั่วโลก
    ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 เพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์
    Altamides สามารถดักฟัง SMS, โทรศัพท์ และแฮก WhatsApp ได้
    นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล
    พบการใช้งานโดยรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามบุคคล
    มีการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรผ่านบริษัทในจาการ์ตาโดยใช้บริษัทเปลือก
    บุคคลสำคัญที่ถูกติดตามรวมถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และนักข่าวจากหลายประเทศ
    พบการติดตามบุคคลทั่วไป เช่น ครู นักบำบัด และศิลปิน โดยไม่มีเหตุผลด้านความมั่นคง
    การสืบสวนได้รับทุนสนับสนุนจาก IJ4EU และเผยแพร่ร่วมกับสื่อระดับโลกหลายแห่ง

    https://www.lighthousereports.com/investigation/surveillance-secrets/
    📡 “Surveillance Secrets” — เปิดโปงอาณาจักรลับของบริษัทติดตามโทรศัพท์ที่แทรกซึมทั่วโลก Lighthouse Reports เปิดเผยการสืบสวนครั้งใหญ่เกี่ยวกับบริษัท First Wap ผู้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์มือถือได้ทั่วโลก โดยการสืบสวนเริ่มต้นจากฐานข้อมูลลับบน deep web ที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ครอบคลุมผู้คนในกว่า 160 ประเทศ นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูลนี้ และพบว่า Altamides ถูกใช้โดยทั้งรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามนักเคลื่อนไหว นักข่าว นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยไม่มีการควบคุมหรือขอบเขตทางกฎหมายที่ชัดเจน การสืบสวนยังเผยว่า First Wap ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 ของระบบโทรคมนาคมเพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ และมีความสามารถในการดักฟังข้อความ SMS, โทรศัพท์ และแม้แต่แฮก WhatsApp ในปฏิบัติการลับ นักข่าวของ Lighthouse ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจจากแอฟริกาใต้และเข้าไปเจรจากับผู้บริหารของ First Wap ที่งาน ISS World ในกรุงปราก ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่าสามารถจัดการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรได้ผ่านบริษัทในจาการ์ตา โดยใช้บริษัทเปลือกเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย ข้อมูลในคลังยังเผยชื่อบุคคลสำคัญที่ถูกติดตาม เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีกาตาร์, ภรรยาของอดีตผู้นำซีเรีย, ผู้ก่อตั้ง 23andMe, ผู้ผลิต Netflix, นักข่าวอิตาลี, นักการเมืองรวันดา และนักกฎหมายอิสราเอล รวมถึงบุคคลทั่วไปอย่างครู นักบำบัด และศิลปิน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ การสืบสวนเริ่มจากฐานข้อมูลลับที่มีข้อมูลการติดตามกว่า 1.5 ล้านรายการ ➡️ บริษัท First Wap พัฒนาเครื่องมือชื่อ Altamides ที่สามารถติดตามตำแหน่งโทรศัพท์ทั่วโลก ➡️ ใช้ช่องโหว่ในโปรโตคอล SS7 เพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ ➡️ Altamides สามารถดักฟัง SMS, โทรศัพท์ และแฮก WhatsApp ได้ ➡️ นักข่าวกว่า 70 คนจาก 14 สื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล ➡️ พบการใช้งานโดยรัฐบาลเผด็จการและบริษัทเอกชนในการติดตามบุคคล ➡️ มีการขายให้ลูกค้าที่ถูกคว่ำบาตรผ่านบริษัทในจาการ์ตาโดยใช้บริษัทเปลือก ➡️ บุคคลสำคัญที่ถูกติดตามรวมถึงนักการเมือง นักธุรกิจ และนักข่าวจากหลายประเทศ ➡️ พบการติดตามบุคคลทั่วไป เช่น ครู นักบำบัด และศิลปิน โดยไม่มีเหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ การสืบสวนได้รับทุนสนับสนุนจาก IJ4EU และเผยแพร่ร่วมกับสื่อระดับโลกหลายแห่ง https://www.lighthousereports.com/investigation/surveillance-secrets/
    WWW.LIGHTHOUSEREPORTS.COM
    Surveillance Secrets
    Trove of surveillance data challenges what we thought we knew about location tracking tools, who they target and how far they have spread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้าไปแล้วจริงๆ ว่าจะไม่พูดเยอะ กำลังจะผ่าน ไม่สนใจตั้งแต่แรกๆที่พวกนี้ออกมาทวงสิทธิมนุษยชนช่วยคนเขมร, องค์กรนี้จริงๆฝรั่งdeep stateจัดตั้งขึ้นภาพหน้าฉากโคตรพ่อพระนักบุญ,แต่นัยยะจริงๆคือขนมนุษย์ไปแดกโดยเฉพาะเอาไปให้พวกวาติกันแดก,ใต้อุโมงค์วาติกันมีแต่ซากกระดูกซากศพมนุษย์กองเป็นภูเขา ถอดยาวหลายพันไมล์ได้ เพราะแดกกันมานาน,ขนด้วยเรือฝรั่งกรีนๆมันนั้นล่ะ,คนอินเดียก็แม่ชีดังๆมัน พม่าก็อ่องซานล่ะ แอฟริกายิ่งตัวพ่อ แต่คนเอเชียแดกอร่อยผิวแทนมันชอบ.,ค้าอวัยวะ ค้ามนุษย ขนคนผ่านหนังหน้าชื่ออ้างว่าฉันสิทธิมนุษยชนนะพะนะ,จึงขนย้ายคนสบายๆ พวกฮอลลิวูดตัวดีเห็นเด็กๆก็อ้างรับเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรมตรึมออกสื่อสาระพัดโชว์มนุษยชน ปีหนึ่งๆรับเป็นสิบคนครั้งเดียวก็มีด้วยสิทธิมนุษยชนก็ว่า นานวันเข้าเด็กๆพวกนี้หายตัวอย่างลึกลับ คือขนไปแดกอ้างเลี้ยงแดกนั้นล่ะ,จากนั้นก็มาเอาไปใหม่,ทั้งผลิตอะดริโนโครมด้วยทรมานเด็กๆเป็นว่าเล่น,ย่อมาไทย พวกนี้มุ่งทำลายไทยและยึดประเทศชัดเจนด้วย,แผนพังเครือข่ายโซรอสล่มสถาบันไทยมีชัดเจนรวมพวกเหี้ยสิทธมนุษยชนและองค์กรมูลนิธิห่าเหวบวกสื่อบวกสาระพัดเหี้ยเครือข่ายต่างๆมันด้วย.,ทหารไทยเรามีข้อมูลหมดล่ะ.
    https://youtube.com/watch?v=itbVNIM07BU&si=dG7jLJid-FIyFhs_
    บ้าไปแล้วจริงๆ ว่าจะไม่พูดเยอะ กำลังจะผ่าน ไม่สนใจตั้งแต่แรกๆที่พวกนี้ออกมาทวงสิทธิมนุษยชนช่วยคนเขมร, องค์กรนี้จริงๆฝรั่งdeep stateจัดตั้งขึ้นภาพหน้าฉากโคตรพ่อพระนักบุญ,แต่นัยยะจริงๆคือขนมนุษย์ไปแดกโดยเฉพาะเอาไปให้พวกวาติกันแดก,ใต้อุโมงค์วาติกันมีแต่ซากกระดูกซากศพมนุษย์กองเป็นภูเขา ถอดยาวหลายพันไมล์ได้ เพราะแดกกันมานาน,ขนด้วยเรือฝรั่งกรีนๆมันนั้นล่ะ,คนอินเดียก็แม่ชีดังๆมัน พม่าก็อ่องซานล่ะ แอฟริกายิ่งตัวพ่อ แต่คนเอเชียแดกอร่อยผิวแทนมันชอบ.,ค้าอวัยวะ ค้ามนุษย ขนคนผ่านหนังหน้าชื่ออ้างว่าฉันสิทธิมนุษยชนนะพะนะ,จึงขนย้ายคนสบายๆ พวกฮอลลิวูดตัวดีเห็นเด็กๆก็อ้างรับเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรมตรึมออกสื่อสาระพัดโชว์มนุษยชน ปีหนึ่งๆรับเป็นสิบคนครั้งเดียวก็มีด้วยสิทธิมนุษยชนก็ว่า นานวันเข้าเด็กๆพวกนี้หายตัวอย่างลึกลับ คือขนไปแดกอ้างเลี้ยงแดกนั้นล่ะ,จากนั้นก็มาเอาไปใหม่,ทั้งผลิตอะดริโนโครมด้วยทรมานเด็กๆเป็นว่าเล่น,ย่อมาไทย พวกนี้มุ่งทำลายไทยและยึดประเทศชัดเจนด้วย,แผนพังเครือข่ายโซรอสล่มสถาบันไทยมีชัดเจนรวมพวกเหี้ยสิทธมนุษยชนและองค์กรมูลนิธิห่าเหวบวกสื่อบวกสาระพัดเหี้ยเครือข่ายต่างๆมันด้วย.,ทหารไทยเรามีข้อมูลหมดล่ะ. https://youtube.com/watch?v=itbVNIM07BU&si=dG7jLJid-FIyFhs_
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกนี้มันบัดสบจริงๆ,อันตรายมากก็ด้วยหากเดินทางไปผิดที่,บางทีก็น่าค.ว.ย.นะของเผ่าพันธุ์แปลกๆพวกนี้,อันตรายต่อคนต่างเผ่านั่นเอง,และอันตรายเสียเองในเผ่าตน,สมควรถูกกวาดล้างและกำจัดทิ้งทั้งหมดก็ว่าหากไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากมายนักคือถ้าดูแล้วเป็นภัยต่อชาวโลกเราปกติทั่วไปก็ทำลายทิ้งเถอะ,โลกต้องการอัพเลเวล ชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตทุกๆคน เจตจำนงเสรีในการมีชีวิตต้องถูกปกป้องและเดินทางไปไหนๆสำหรับคนดีชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทุกๆคน บนโลกใบนี้จะติดบนเกาะก็ค้นหานำพานำทางเอากลับบ้านคนๆนั้นได้,นี้ก็ป่าเถื่อนเกินไป,ยุคเราควรจบแล้ว,พวกนี้ไม่ต่างจากยุคไดโนเสาร์ เขาเขตแดนมัน มีโอกาสตายทันทีโน้น.โลกเราต้องปลอดภัย คนพวกนี้อยากจะอัพระดับจิตวิญญาณได้,ต้องให้ยานแม่ดูดคนพวกนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่นที่มีเลเวลเดียวกันหากไม่กำจัดและทำลาย,โลกต้องเปลี่ยนแปลงแบบคนไทยประเทศไทยที่พื้นฐานมีจิตใจดีงามเกือบทั้งประเทศ,หากพวกมนุษย์กินคนนี้หรือพวกผิดปกติหลุดมาในสังคมโลกปกติมีแต่หายนะแน่,แดกคนไทยทางลับแน่นอน,ติมอร์ยังไม่อาจวางใจได้ก็อันเดียวกัน,โซนแดกมนุษย์เลยนะพวกพื้นที่ตามวงแหวนแห่งไฟนี้อันตรายมากๆ,จึงไม่แปลกใจที่พวกฝรั่งมันขึ้นเกาะใด มันฆ่าหมดยึดพื้นที่ยึดวัตถุดิบด้วยไปในตัวโดยเฉพาะพวกทวีปแอฟริกาก็ว่า,ตามคลิปนี้ก็อันตรายมาก,เรามิอาจมาโลกสวยใดๆได้,พวกนี้หลุดมานะดูไม่จืดเลยล่ะ,แปลกมา ประเทศต่างๆเหล่านี้กลับอนุรักษ์เผ่าพันธุ์นี้ไว้ด้วย,พวกยิงธนูใส่โดรนใส่เครื่องบินลาดตะเวนยิ่งน่าอันตราย.,แมร่งฆ่าชาวโลกเราได้ทันทีหากเครื่องบินไปตกที่พื้นที่มัน,แดกพวกผู้โดยสารเครื่องบินจนอิ่มสบายเลยก็ว่า.

    ..ยุคคัดกรองมนุษย์แล้วจะเอาเผ่าพวกนี้ไปด้วยหรือเปล่านะ,บรรลัยเลยล่ะถ้าเราชาวโลกไม่จัดการอย่างจริงจัง จับพวกนี้มาขัดเกลาจริงๆ,ขัดไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งเลย,ดูเหมือนโหดร้ายแต่นี้คือการจัดระเบียบโลกใหม่ของอีลิท,เรา..ไม่ทำ พวกอีลิทนี้ก็ทำ.,ไม่เอาหรอกถ้าจะมาหลากหลายทางวัฒนธรรมแบบนี้,พวกนี้น่าจะซาตานนั้นล่ะสั่งสอนเขามาผิดๆจนสืบทอดมาถึงปัจจุบันในหลายๆเผ่าที่แปลกตาเแผลกใจ
    ..สั่งและสอนไม่ได้เกิน3ครั้งก็ต้องกำจัดทิ้งจริงๆ,
    ..ส่วนพวกผีบ้ารักแบบไม่มีเงื่อนไขก็ตามสบายเถอะ.

    https://youtube.com/watch?v=uqmFSv-Y-bs&si=YAJfgQ7DNNFAEy1V
    โลกนี้มันบัดสบจริงๆ,อันตรายมากก็ด้วยหากเดินทางไปผิดที่,บางทีก็น่าค.ว.ย.นะของเผ่าพันธุ์แปลกๆพวกนี้,อันตรายต่อคนต่างเผ่านั่นเอง,และอันตรายเสียเองในเผ่าตน,สมควรถูกกวาดล้างและกำจัดทิ้งทั้งหมดก็ว่าหากไม่ต้องพิจารณาอะไรให้มากมายนักคือถ้าดูแล้วเป็นภัยต่อชาวโลกเราปกติทั่วไปก็ทำลายทิ้งเถอะ,โลกต้องการอัพเลเวล ชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตทุกๆคน เจตจำนงเสรีในการมีชีวิตต้องถูกปกป้องและเดินทางไปไหนๆสำหรับคนดีชาวโลกเราต้องปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทุกๆคน บนโลกใบนี้จะติดบนเกาะก็ค้นหานำพานำทางเอากลับบ้านคนๆนั้นได้,นี้ก็ป่าเถื่อนเกินไป,ยุคเราควรจบแล้ว,พวกนี้ไม่ต่างจากยุคไดโนเสาร์ เขาเขตแดนมัน มีโอกาสตายทันทีโน้น.โลกเราต้องปลอดภัย คนพวกนี้อยากจะอัพระดับจิตวิญญาณได้,ต้องให้ยานแม่ดูดคนพวกนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่นที่มีเลเวลเดียวกันหากไม่กำจัดและทำลาย,โลกต้องเปลี่ยนแปลงแบบคนไทยประเทศไทยที่พื้นฐานมีจิตใจดีงามเกือบทั้งประเทศ,หากพวกมนุษย์กินคนนี้หรือพวกผิดปกติหลุดมาในสังคมโลกปกติมีแต่หายนะแน่,แดกคนไทยทางลับแน่นอน,ติมอร์ยังไม่อาจวางใจได้ก็อันเดียวกัน,โซนแดกมนุษย์เลยนะพวกพื้นที่ตามวงแหวนแห่งไฟนี้อันตรายมากๆ,จึงไม่แปลกใจที่พวกฝรั่งมันขึ้นเกาะใด มันฆ่าหมดยึดพื้นที่ยึดวัตถุดิบด้วยไปในตัวโดยเฉพาะพวกทวีปแอฟริกาก็ว่า,ตามคลิปนี้ก็อันตรายมาก,เรามิอาจมาโลกสวยใดๆได้,พวกนี้หลุดมานะดูไม่จืดเลยล่ะ,แปลกมา ประเทศต่างๆเหล่านี้กลับอนุรักษ์เผ่าพันธุ์นี้ไว้ด้วย,พวกยิงธนูใส่โดรนใส่เครื่องบินลาดตะเวนยิ่งน่าอันตราย.,แมร่งฆ่าชาวโลกเราได้ทันทีหากเครื่องบินไปตกที่พื้นที่มัน,แดกพวกผู้โดยสารเครื่องบินจนอิ่มสบายเลยก็ว่า. ..ยุคคัดกรองมนุษย์แล้วจะเอาเผ่าพวกนี้ไปด้วยหรือเปล่านะ,บรรลัยเลยล่ะถ้าเราชาวโลกไม่จัดการอย่างจริงจัง จับพวกนี้มาขัดเกลาจริงๆ,ขัดไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งเลย,ดูเหมือนโหดร้ายแต่นี้คือการจัดระเบียบโลกใหม่ของอีลิท,เรา..ไม่ทำ พวกอีลิทนี้ก็ทำ.,ไม่เอาหรอกถ้าจะมาหลากหลายทางวัฒนธรรมแบบนี้,พวกนี้น่าจะซาตานนั้นล่ะสั่งสอนเขามาผิดๆจนสืบทอดมาถึงปัจจุบันในหลายๆเผ่าที่แปลกตาเแผลกใจ ..สั่งและสอนไม่ได้เกิน3ครั้งก็ต้องกำจัดทิ้งจริงๆ, ..ส่วนพวกผีบ้ารักแบบไม่มีเงื่อนไขก็ตามสบายเถอะ. https://youtube.com/watch?v=uqmFSv-Y-bs&si=YAJfgQ7DNNFAEy1V
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอฟริกาใต้ หรูหรากลางป่าลึก 8 วัน 6 คืน
    เดินทางโดย SINGAPORE AIRLINES (SQ)
    วันที่ 18–25 พ.ย. 68
    ราคา 95,900 บาท

    โปรแกรมทัวร์แอฟริกาใต้
    * โจฮันเนสเบิร์ก – พริทอเรีย – Union Building
    * เมืองซันซิตี้ – Game Drive
    * ซันซิตี้ – สวนเสือ
    * ห้าง MALL AFRICA
    * จตุรัสเนลสัน แมนเดอลา
    * เคปทาวน์ – Table Mountain – ฟาร์มนกกระจอกเทศ
    * ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย
    * วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ – ล่องเรือชมแมวน้ำ
    * ถนน Chapman’s Peak – ชมฝูงนกเพนกวิน – ไซมอนทาวน์ – แหลมกู๊ดโฮป

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e26167

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAfrica #LuxurySafari #GameDrive #CapeTown #TableMountain #Penguins #GoodHopeCape #VictoriaAlfredWaterfront #WildlifeAdventure #eTravelWay
    🌍✈️ แอฟริกาใต้ หรูหรากลางป่าลึก 8 วัน 6 คืน 🛫 เดินทางโดย SINGAPORE AIRLINES (SQ) 📅 วันที่ 18–25 พ.ย. 68 💸 ราคา 95,900 บาท 🌟 โปรแกรมทัวร์แอฟริกาใต้ 🌟 * 🏙️ โจฮันเนสเบิร์ก – พริทอเรีย – Union Building * 🎰 เมืองซันซิตี้ – Game Drive * 🐯 ซันซิตี้ – สวนเสือ * 🛍️ ห้าง MALL AFRICA * 🏛️ จตุรัสเนลสัน แมนเดอลา * 🏞️ เคปทาวน์ – Table Mountain – ฟาร์มนกกระจอกเทศ * 🍷 ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย * 🚤 วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ – ล่องเรือชมแมวน้ำ * 🌊 ถนน Chapman’s Peak – ชมฝูงนกเพนกวิน – ไซมอนทาวน์ – แหลมกู๊ดโฮป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e26167 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAfrica #LuxurySafari #GameDrive #CapeTown #TableMountain #Penguins #GoodHopeCape #VictoriaAlfredWaterfront #WildlifeAdventure #eTravelWay
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอฟริกาใต้ หรูหรากลางป่าลึก 8 วัน 6 คืน
    เดินทางโดย SINGAPORE AIRLINES (SQ)
    วันที่ 18–25 พ.ย. 68
    ราคา 95,900 บาท

    โปรแกรมทัวร์แอฟริกาใต้
    * โจฮันเนสเบิร์ก – พริทอเรีย – Union Building
    * เมืองซันซิตี้ – Game Drive
    * ซันซิตี้ – สวนเสือ
    * ห้าง MALL AFRICA
    * จตุรัสเนลสัน แมนเดอลา
    * เคปทาวน์ – Table Mountain – ฟาร์มนกกระจอกเทศ
    * ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย
    * วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ – ล่องเรือชมแมวน้ำ
    * ถนน Chapman’s Peak – ชมฝูงนกเพนกวิน – ไซมอนทาวน์ – แหลมกู๊ดโฮป

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e26167

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAfrica #LuxurySafari #GameDrive #CapeTown #TableMountain #Penguins #GoodHopeCape #VictoriaAlfredWaterfront #WildlifeAdventure #eTravelWay
    🌍✈️ แอฟริกาใต้ หรูหรากลางป่าลึก 8 วัน 6 คืน 🛫 เดินทางโดย SINGAPORE AIRLINES (SQ) 📅 วันที่ 18–25 พ.ย. 68 💸 ราคา 95,900 บาท 🌟 โปรแกรมทัวร์แอฟริกาใต้ 🌟 * 🏙️ โจฮันเนสเบิร์ก – พริทอเรีย – Union Building * 🎰 เมืองซันซิตี้ – Game Drive * 🐯 ซันซิตี้ – สวนเสือ * 🛍️ ห้าง MALL AFRICA * 🏛️ จตุรัสเนลสัน แมนเดอลา * 🏞️ เคปทาวน์ – Table Mountain – ฟาร์มนกกระจอกเทศ * 🍷 ชมไร่ไวน์กรูทคอนสแตนเทีย * 🚤 วิคตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด วอเตอร์ฟร้อนท์ – ล่องเรือชมแมวน้ำ * 🌊 ถนน Chapman’s Peak – ชมฝูงนกเพนกวิน – ไซมอนทาวน์ – แหลมกู๊ดโฮป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e26167 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAfrica #LuxurySafari #GameDrive #CapeTown #TableMountain #Penguins #GoodHopeCape #VictoriaAlfredWaterfront #WildlifeAdventure #eTravelWay
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนส่งออกเครื่องบินรบเพิ่มขึ้น — เมื่อ J-10C และ JF-17 กลายเป็นตัวเลือกใหม่ของประเทศกำลังพัฒนา”

    ในอดีต จีนเคยเป็นผู้รับเทคโนโลยีทางทหารจากโซเวียต แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จีนได้พัฒนาอุตสาหกรรมการบินของตนเองอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบินรบที่มีความสามารถสูงในระดับโลก โดยมีโมเดลเด่นอย่าง Chengdu J-10, JF-17 Thunder, Shenyang J-16, J-35 และ J-20

    แม้เครื่องบินรบจีนส่วนใหญ่จะใช้ภายในประเทศ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนเริ่มส่งออกเครื่องบินรบไปยังหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแอฟริกา เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ เมียนมา ซูดาน แซมเบีย แทนซาเนีย และซิมบับเว

    ปากีสถานถือเป็นพันธมิตรหลักของจีนในด้านการทหาร โดยมีการใช้งานเครื่องบินรบจีนหลายรุ่น เช่น F-7 จำนวน 72 ลำ, J-10C จำนวน 20 ลำ และ JF-17 Thunder จำนวน 123 ลำ ซึ่งรุ่นหลังนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างจีนและปากีสถาน และผลิตในประเทศปากีสถานเอง

    บังกลาเทศใช้ Chengdu F-7 จำนวน 36 ลำ ส่วนเมียนมาใช้งาน F-7 และ FTC-2000 สำหรับฝึกบิน ขณะที่ซูดานกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อ J-10CE ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของ J-10C โดยมีรายงานว่าอาจได้รับเครื่องชุดแรกภายในปีนี้

    แม้จีนจะยังไม่เป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องบินรบเทียบเท่าสหรัฐฯ (ซึ่งมีคำสั่งซื้อกว่า 996 ลำในปี 2024) แต่ก็มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ต้องการอาวุธราคาถูกและไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองแบบที่ผู้ผลิตตะวันตกมักกำหนด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนพัฒนาเครื่องบินรบของตนเอง เช่น J-10, JF-17, J-16, J-35 และ J-20
    ปากีสถานเป็นผู้นำเข้าหลักของเครื่องบินรบจีน เช่น F-7, J-10C และ JF-17
    JF-17 ผลิตในปากีสถาน โดยร่วมพัฒนากับ Chengdu Aircraft Corporation
    บังกลาเทศใช้ F-7 จำนวน 36 ลำ ส่วนเมียนมาใช้ F-7 และ FTC-2000
    ซูดานอยู่ระหว่างจัดซื้อ J-10CE และอาจได้รับเครื่องชุดแรกภายในปีนี้
    ประเทศในแอฟริกา เช่น แซมเบีย แทนซาเนีย และซิมบับเว ใช้ F-7 และ K-8 สำหรับฝึกบิน
    จีนยังไม่เป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องบินรบ โดยมีคำสั่งซื้อเพียง 57 ลำในปี 2024
    สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้วยคำสั่งซื้อ 996 ลำ ตามด้วยฝรั่งเศสและรัสเซีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    J-10CE เป็นรุ่นส่งออกของ J-10C ที่มีความสามารถ multirole และใช้ขีปนาวุธ PL-15
    J-20 ถูกห้ามส่งออก เช่นเดียวกับ F-22 ของสหรัฐฯ
    ประเทศอย่างอียิปต์และ UAE สนใจเครื่องบินรบจีน หลังถูกปฏิเสธการขาย F-35 จากสหรัฐฯ
    จีนเสนออาวุธราคาถูกและไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา
    การส่งออกอาวุธของจีนช่วยสร้างพันธมิตรและขยายอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.slashgear.com/1978439/which-countries-use-chinese-fighter-jets/
    ✈️ “จีนส่งออกเครื่องบินรบเพิ่มขึ้น — เมื่อ J-10C และ JF-17 กลายเป็นตัวเลือกใหม่ของประเทศกำลังพัฒนา” ในอดีต จีนเคยเป็นผู้รับเทคโนโลยีทางทหารจากโซเวียต แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จีนได้พัฒนาอุตสาหกรรมการบินของตนเองอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบินรบที่มีความสามารถสูงในระดับโลก โดยมีโมเดลเด่นอย่าง Chengdu J-10, JF-17 Thunder, Shenyang J-16, J-35 และ J-20 แม้เครื่องบินรบจีนส่วนใหญ่จะใช้ภายในประเทศ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนเริ่มส่งออกเครื่องบินรบไปยังหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแอฟริกา เช่น ปากีสถาน บังกลาเทศ เมียนมา ซูดาน แซมเบีย แทนซาเนีย และซิมบับเว ปากีสถานถือเป็นพันธมิตรหลักของจีนในด้านการทหาร โดยมีการใช้งานเครื่องบินรบจีนหลายรุ่น เช่น F-7 จำนวน 72 ลำ, J-10C จำนวน 20 ลำ และ JF-17 Thunder จำนวน 123 ลำ ซึ่งรุ่นหลังนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างจีนและปากีสถาน และผลิตในประเทศปากีสถานเอง บังกลาเทศใช้ Chengdu F-7 จำนวน 36 ลำ ส่วนเมียนมาใช้งาน F-7 และ FTC-2000 สำหรับฝึกบิน ขณะที่ซูดานกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อ J-10CE ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของ J-10C โดยมีรายงานว่าอาจได้รับเครื่องชุดแรกภายในปีนี้ แม้จีนจะยังไม่เป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องบินรบเทียบเท่าสหรัฐฯ (ซึ่งมีคำสั่งซื้อกว่า 996 ลำในปี 2024) แต่ก็มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ต้องการอาวุธราคาถูกและไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองแบบที่ผู้ผลิตตะวันตกมักกำหนด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนพัฒนาเครื่องบินรบของตนเอง เช่น J-10, JF-17, J-16, J-35 และ J-20 ➡️ ปากีสถานเป็นผู้นำเข้าหลักของเครื่องบินรบจีน เช่น F-7, J-10C และ JF-17 ➡️ JF-17 ผลิตในปากีสถาน โดยร่วมพัฒนากับ Chengdu Aircraft Corporation ➡️ บังกลาเทศใช้ F-7 จำนวน 36 ลำ ส่วนเมียนมาใช้ F-7 และ FTC-2000 ➡️ ซูดานอยู่ระหว่างจัดซื้อ J-10CE และอาจได้รับเครื่องชุดแรกภายในปีนี้ ➡️ ประเทศในแอฟริกา เช่น แซมเบีย แทนซาเนีย และซิมบับเว ใช้ F-7 และ K-8 สำหรับฝึกบิน ➡️ จีนยังไม่เป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องบินรบ โดยมีคำสั่งซื้อเพียง 57 ลำในปี 2024 ➡️ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้วยคำสั่งซื้อ 996 ลำ ตามด้วยฝรั่งเศสและรัสเซีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ J-10CE เป็นรุ่นส่งออกของ J-10C ที่มีความสามารถ multirole และใช้ขีปนาวุธ PL-15 ➡️ J-20 ถูกห้ามส่งออก เช่นเดียวกับ F-22 ของสหรัฐฯ ➡️ ประเทศอย่างอียิปต์และ UAE สนใจเครื่องบินรบจีน หลังถูกปฏิเสธการขาย F-35 จากสหรัฐฯ ➡️ จีนเสนออาวุธราคาถูกและไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ➡️ การส่งออกอาวุธของจีนช่วยสร้างพันธมิตรและขยายอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ https://www.slashgear.com/1978439/which-countries-use-chinese-fighter-jets/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Which Countries Use Chinese Fighter Jets? - SlashGear
    China boasts an extensive arsenal of advanced fighter jets that include the Shenyang J-35, Shenyang J-16, Chengdu J-20, the JF-17 Thunder, and the Chengdu J-10.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1017 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts