• เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • ไวรัลคลิปหนูน้อย “ดิกา” วัย 11 ขวบ ชาวอินโดนีเซีย โชว์ลีลาสุดปังระหว่างแข่งเรือโบราณ กลายเป็นไวรัลดังระดับโลก ทีมฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง, เอซี มิลาน และคนดังแห่เต้นตาม แม้แต่ "เจ ชนาธิป" ยังเอาด้วย ขณะต้นฉบับเพลงประกาศบินจากอเมริกาไปร่วมงานถึงถิ่น

    วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีคลิปไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางตะวันตกของประเทศ เด็กชายรายหนึ่งชื่อ “รายยับ อาร์กัน ดิคา” หรือ “ดิกา” วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ด้วยเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า "Aura Farming" หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” ยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอลแฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065751

    #MGROnline #อินโดนีเซีย #แข่งเรือโบราณ
    ไวรัลคลิปหนูน้อย “ดิกา” วัย 11 ขวบ ชาวอินโดนีเซีย โชว์ลีลาสุดปังระหว่างแข่งเรือโบราณ กลายเป็นไวรัลดังระดับโลก ทีมฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง, เอซี มิลาน และคนดังแห่เต้นตาม แม้แต่ "เจ ชนาธิป" ยังเอาด้วย ขณะต้นฉบับเพลงประกาศบินจากอเมริกาไปร่วมงานถึงถิ่น • วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีคลิปไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางตะวันตกของประเทศ เด็กชายรายหนึ่งชื่อ “รายยับ อาร์กัน ดิคา” หรือ “ดิกา” วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ด้วยเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) • ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า "Aura Farming" หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” ยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอลแฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065751 • #MGROnline #อินโดนีเซีย #แข่งเรือโบราณ
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม

    วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต

    Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #พิมาย
    # MiniLightAndSound
    #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา #นายกหน่อย #พิมาย # MiniLightAndSound #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม

    วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลางสส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต

    Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #พิมาย
    # MiniLightAndSound
    #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    สะกดทุกสายตา ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mini Light & Sound แสงแห่ง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตรากเหง้าชาวพิมายตามเส้นทางอารยธรรมขอม วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่บริเวณประตูชัย อ.พิมาย #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิกร โสมกลางสส.นครราชสีมา เขต 8 นายศิวะเสก สินโทรัมย์ นายอำเภอพิมาย และ นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ร่วมกันเปิดการแสดง แสง สี เสียง (Mini Light and Sound) “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ย้อนรอยอดีตตามเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและโบราณสถานในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ให้เกิดการใช้ต้นทุนในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ด้วยเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอารยธรรมขอมโบราณของจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะที่พิมาย มีอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ไทรงาม รวมถึงเทศกาลเที่ยวพิมายและงานประเพณีแข่งเรือพิมาย ที่ถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาในอนาคต Mini Light And Sound “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2568 วันแรกชมพิธีเปิดและชมการแสดง แสง สี เสียง ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7 ต่อด้วยการแสดงจากวงดนตรีลูกทุ่ง ส่วนวันที่ 7 จะมีการประกวดเทพธิดาอัปสรา ประจำปี 2568, การแสดงศิลปวัฒนธรรม 2 ชุดการแสดง จากนั้นชมการแสดง แสง สี เสียง “ประตูชัยบนราชมรรคา แห่งชัยวรมันที่ 7” ปิดท้ายด้วย การแสดงของวงดนตรีลูกทุ่ง ชมฟรี!! ตลอด 2 วัน 2 คืน พร้อมเลือกช้อปสินค้าและของดี อ.พิมาย ณ บริเวณประตูชัย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา #นายกหน่อย #พิมาย # MiniLightAndSound #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 มวลอากาศเย็นที่พัดผ่านกรุงปักกิ่งและพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้เกิดลมแรงและพายุทรายอย่างกว้างขวาง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนได้ออกประกาศเตือนภัยลมแรงระดับสีส้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี โดยคาดว่าลมกระโชกแรงในบางพื้นที่อาจแตะระดับ 13 ซึ่งมีความรุนแรงขนาดที่สามารถทำลายทรัพย์สินบนบกได้

    ทางการประกาศยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมต่างๆ ทั่วเมือง เช่น การแข่งขันฟุตบอลซูเปอร์ลีกในคืนวันที่ 11 เมษายน งานแข่งเรือใบ “2025 China Family Sailing Race” ที่ทะเลสาบเยียนซีฮู และงานมาราธอน “Beijing City Sub-Center Marathon” สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งปิดให้บริการชั่วคราว

    คณะกรรมการการศึกษาแห่งกรุงปักกิ่งแนะนำให้โรงเรียนทุกระดับพิจารณาเลื่อนเวลาเลิกเรียนวันศุกร์ให้เร็วขึ้น และให้นักเรียน–ครูหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น โดยกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สอบพละหรือกีฬาสี ควรเลื่อนหรือยกเลิกชั่วคราว

    ทางการจีนได้ประกาศยกระดับการรับมือภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาเป็นระดับ 3 เมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังวิเคราะห์ว่าลมแรงครั้งนี้จะมีลักษณะพิเศษ ได้แก่ ระยะเวลายาวนาน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ความแรงสูง และมีความเสี่ยงสร้างความเสียหายสูง โดยช่วงเวลาที่ลมแรงรุนแรงที่สุดจะอยู่ในวันที่ 12 เมษายน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000034647

    #MGROnline #Beijing
    เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 มวลอากาศเย็นที่พัดผ่านกรุงปักกิ่งและพื้นที่ทางตอนเหนือของจีน ส่งผลให้เกิดลมแรงและพายุทรายอย่างกว้างขวาง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนได้ออกประกาศเตือนภัยลมแรงระดับสีส้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี โดยคาดว่าลมกระโชกแรงในบางพื้นที่อาจแตะระดับ 13 ซึ่งมีความรุนแรงขนาดที่สามารถทำลายทรัพย์สินบนบกได้ • ทางการประกาศยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมต่างๆ ทั่วเมือง เช่น การแข่งขันฟุตบอลซูเปอร์ลีกในคืนวันที่ 11 เมษายน งานแข่งเรือใบ “2025 China Family Sailing Race” ที่ทะเลสาบเยียนซีฮู และงานมาราธอน “Beijing City Sub-Center Marathon” สวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งปิดให้บริการชั่วคราว • คณะกรรมการการศึกษาแห่งกรุงปักกิ่งแนะนำให้โรงเรียนทุกระดับพิจารณาเลื่อนเวลาเลิกเรียนวันศุกร์ให้เร็วขึ้น และให้นักเรียน–ครูหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านหากไม่จำเป็น โดยกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สอบพละหรือกีฬาสี ควรเลื่อนหรือยกเลิกชั่วคราว • ทางการจีนได้ประกาศยกระดับการรับมือภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาเป็นระดับ 3 เมื่อวันที่ 10 เมษายน หลังวิเคราะห์ว่าลมแรงครั้งนี้จะมีลักษณะพิเศษ ได้แก่ ระยะเวลายาวนาน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ความแรงสูง และมีความเสี่ยงสร้างความเสียหายสูง โดยช่วงเวลาที่ลมแรงรุนแรงที่สุดจะอยู่ในวันที่ 12 เมษายน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000034647 • #MGROnline #Beijing
    0 Comments 0 Shares 663 Views 0 Reviews
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว...
    ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน

    เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป
    งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง..

    งานบุญออกพรรษา...

    สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ
    งานบุญแข่งเรือ

    ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน...
    ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า
    เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม

    หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว

    ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง

    คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน

    ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น...

    จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง....

    ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น...
    นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน
    เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น

    วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 .....

    ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร
    จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม

    ตั้งแต่เช้า....
    ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน

    แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น
    แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย
    สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้

    หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด...

    เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ

    ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น

    และที่ลืมไม่ได้...
    ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว..
    ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี
    ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น
    เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน
    แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง

    แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป...
    .
    .
    .
    ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน...
    แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น...

    มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า
    แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้
    .
    .
    พอตกบ่าย...
    หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป
    มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง
    หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ
    สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก
    .
    .
    ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว
    การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย
    บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน
    ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป
    บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น
    .
    .
    งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน

    ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน

    รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง
    ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย
    จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง

    รถเข็นขายซาละเปา
    ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ

    และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม

    มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด

    งานดำเนินไปค่อนคืน...
    งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา...
    .
    .
    .
    หลายสิบปีผ่านไป...
    งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว...

    ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่

    ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

    ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม

    ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา

    พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว...
    ก็หายไปจากท้องนํ้า....
    .
    .
    .
    มีเพียงความทรงจำสีจางๆ...
    ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง...

    ก็ทำให้ ใครบางคน...
    สถานที่บางสถานที่...
    ที่เคยสลายไปแล้วนั้น
    กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...
    แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม....
    .
    .
    .
    ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ

    ***ออกพรรษา
    เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    สมัยที่ผมยังเด็ก... ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว... ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง.. งานบุญออกพรรษา... สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ งานบุญแข่งเรือ ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน... ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น... จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง.... ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น... นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 ..... ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม ตั้งแต่เช้า.... ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้ หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด... เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น และที่ลืมไม่ได้... ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว.. ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป... . . . ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน... แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น... มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้ . . พอตกบ่าย... หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก . . ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น . . งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง รถเข็นขายซาละเปา ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด งานดำเนินไปค่อนคืน... งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา... . . . หลายสิบปีผ่านไป... งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว... ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่ ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว... ก็หายไปจากท้องนํ้า.... . . . มีเพียงความทรงจำสีจางๆ... ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง... ก็ทำให้ ใครบางคน... สถานที่บางสถานที่... ที่เคยสลายไปแล้วนั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง... แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม.... . . . ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ ***ออกพรรษา เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    0 Comments 0 Shares 1102 Views 0 Reviews
  • #เทศเกรแข่งเรือมังกร น้ำแข็ง ใน #ฮาร์บิน

    Have you seen dragon boat #race on ice before? Recently, a thrilling ice #dragonboat race kicked off in #China’s #Harbin as the Songhua River transformed into an ice track. Feel the speed and excitement this #winter!
    #trending #fun #funny
    #เทศเกรแข่งเรือมังกร น้ำแข็ง ใน #ฮาร์บิน Have you seen dragon boat #race on ice before? Recently, a thrilling ice #dragonboat race kicked off in #China’s #Harbin as the Songhua River transformed into an ice track. Feel the speed and excitement this #winter! #trending #fun #funny
    0 Comments 0 Shares 1742 Views 32 0 Reviews
  • เมื่อวานไปบุญแข่งเรือปากซันและเป็นวันลอยกระทงของทุกๆปี
    เมื่อวานไปบุญแข่งเรือปากซันและเป็นวันลอยกระทงของทุกๆปี
    0 Comments 0 Shares 568 Views 1 0 Reviews
  • พาเลาะริมโขง ใกล้จะถึงบุญแข่งเรือประจำปีแล้ว
    พาเลาะริมโขง ใกล้จะถึงบุญแข่งเรือประจำปีแล้ว
    0 Comments 0 Shares 428 Views 0 0 Reviews
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ถ้วยรางวัลภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 36 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับรางวัลชนะเลิศ

    วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.01 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ ห้องกานดา ฮอลล์ โรงแรมบียอนด์ กะตะ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดงานฯ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดงานฯ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฯ กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯ และกราบบังคมทูลเบิก พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

    จากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเควินรอเบิร์ต วิทคร๊าฟท์ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ กราบบังคมทูลเบิก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เข้ารับรางวัลชนะเลิศ ในนามทีมเรือใบวายุ และเบิกผู้ชนะการแข่งขัน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลต่างๆ และผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขัน ฯเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกตามลำดับ

    ต่อจากนั้น เสด็จออกจากห้องกานดา ฮอลล์ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000117522

    #MGROnline #ในหลวง #พระราชินี #ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า #เรือใบ #ทีมวายุ #หาดกะตะ #ภูเก็ต
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ถ้วยรางวัลภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 36 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับรางวัลชนะเลิศ • วันนี้ (6 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.01 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ ห้องกานดา ฮอลล์ โรงแรมบียอนด์ กะตะ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดงานฯ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดงานฯ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฯ กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯ และกราบบังคมทูลเบิก พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย • จากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเควินรอเบิร์ต วิทคร๊าฟท์ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ กราบบังคมทูลเบิก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เข้ารับรางวัลชนะเลิศ ในนามทีมเรือใบวายุ และเบิกผู้ชนะการแข่งขัน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลต่างๆ และผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขัน ฯเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่ที่ระลึกตามลำดับ • ต่อจากนั้น เสด็จออกจากห้องกานดา ฮอลล์ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000117522 • #MGROnline #ในหลวง #พระราชินี #ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า #เรือใบ #ทีมวายุ #หาดกะตะ #ภูเก็ต
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 955 Views 0 Reviews
  • ลำปาง – เกิดอุบัติเหตุหมู่สุดสลด..คาดคนขับหลบใน รถตู้เสียหลักชนต้นไม้ร่องกลางถนนลำปาง-งาว จนพังเละทั้งคัน คนขับ-คนโดยสาร ดับแล้ว 3 เจ็บอีก 10 ราย เป็นทหารค่ายขุนเจืองฯกลับจากแข่งเรือปทุมธานี 8 นาย พลเรือน 2 คาดเป็นแม่-ลูก

    วันนี้(6 ธ.ค.) พ.ต.ท.อรัณทรี สูติสงกรานต์ พงส.เวร สภ.งาว จ.ลำปาง ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตู้เสียหลักหลักพุงชนต้นไม้ร่องกลางถนน มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ท.มนตรี แก้วสุริยะ รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานสอบสวน

    ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน นค 1291 เชียงราย ที่พุ่งชนกับต้นไม้ที่ร้องกลางถนน ได้รับความเสียหายทั้งคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุหลายราย โดยมีรถกู้ภัย และรถโรงพยาบาลงาว ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

    เบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์คันที่เกิดเหตุผู้โดยสารส่วนมากเป็นข้าราชการทหาร สังกัดค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ซึ่งเดินทางกลับมาจากกการไปแข่งขันเรือที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายอภิชัย อินต๊ะวิชัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย คนขับอาจจะหลับใน ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้กลางถนน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000117372

    #MGROnline #ลำปาง #อุบัติเหตุ #ทหารค่ายขุนเจืองฯ #แข่งเรือ #ปทุมธานี
    ลำปาง – เกิดอุบัติเหตุหมู่สุดสลด..คาดคนขับหลบใน รถตู้เสียหลักชนต้นไม้ร่องกลางถนนลำปาง-งาว จนพังเละทั้งคัน คนขับ-คนโดยสาร ดับแล้ว 3 เจ็บอีก 10 ราย เป็นทหารค่ายขุนเจืองฯกลับจากแข่งเรือปทุมธานี 8 นาย พลเรือน 2 คาดเป็นแม่-ลูก • วันนี้(6 ธ.ค.) พ.ต.ท.อรัณทรี สูติสงกรานต์ พงส.เวร สภ.งาว จ.ลำปาง ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตู้เสียหลักหลักพุงชนต้นไม้ร่องกลางถนน มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ท.มนตรี แก้วสุริยะ รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานสอบสวน • ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน นค 1291 เชียงราย ที่พุ่งชนกับต้นไม้ที่ร้องกลางถนน ได้รับความเสียหายทั้งคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุหลายราย โดยมีรถกู้ภัย และรถโรงพยาบาลงาว ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล • เบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์คันที่เกิดเหตุผู้โดยสารส่วนมากเป็นข้าราชการทหาร สังกัดค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ซึ่งเดินทางกลับมาจากกการไปแข่งขันเรือที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายอภิชัย อินต๊ะวิชัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย คนขับอาจจะหลับใน ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้กลางถนน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000117372 • #MGROnline #ลำปาง #อุบัติเหตุ #ทหารค่ายขุนเจืองฯ #แข่งเรือ #ปทุมธานี
    0 Comments 0 Shares 701 Views 0 Reviews
  • บุญแข่งเรือ บ้านนาส้มมอ
    บุญแข่งเรือ บ้านนาส้มมอ
    0 Comments 0 Shares 469 Views 1 0 Reviews
  • “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร

    “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า

    “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน”

    บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ

    เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์
    บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร

    เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์

    จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ

    โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ

    ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร)

    วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

    สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่

    -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่

    นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย

    ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330

    #บึงสีไฟ
    #พิจิตร
    #ท่องเที่ยว

    “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน” บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์ บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร) วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่ -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่ นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330 #บึงสีไฟ #พิจิตร #ท่องเที่ยว
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1139 Views 0 Reviews
  • บุญแข่งเรือ บ้านนาส้มมอ
    #ไทยปนลาว
    #ไทยปนลาวสาวแว่น
    บุญแข่งเรือ บ้านนาส้มมอ #ไทยปนลาว #ไทยปนลาวสาวแว่น
    0 Comments 0 Shares 491 Views 21 0 Reviews
  • งานประเพณีแข่งเรือยาว ครั้งที่ 20 ณ บริเวณแม่น้ำน้อย อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 13 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    งานประเพณีแข่งเรือยาว ครั้งที่ 20 ณ บริเวณแม่น้ำน้อย อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 13 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 423 Views 0 Reviews
  • งานประเพณีปิดทองไหว้พระ แข่งเรือยาว วัดบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 23 - 29 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานประเพณีปิดทองไหว้พระ แข่งเรือยาว วัดบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ระหว่างวันที่ 23 - 29 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • งานประเพณีปิดทองพระพุทธไสยาสน์ และงานแข่งเรือออกพรรษา ณ วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ระหว่างวันที่ 11 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    งานประเพณีปิดทองพระพุทธไสยาสน์ และงานแข่งเรือออกพรรษา ณ วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ระหว่างวันที่ 11 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • งานประเพณีแข่งเรือประจำปี 67 ณ บริเวณริมแม่น้ำ ข้างศาลหลักเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานประเพณีแข่งเรือประจำปี 67 ณ บริเวณริมแม่น้ำ ข้างศาลหลักเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • งานประจำปีปิดทองหลวงพ่อพุทธนิมิตรมงคล และประเพณีแข่งเรือสารทไทย ณ วัดทวีพูลรังสรรค์ ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    งานประจำปีปิดทองหลวงพ่อพุทธนิมิตรมงคล และประเพณีแข่งเรือสารทไทย ณ วัดทวีพูลรังสรรค์ ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews