• SOUTH AMERICA GRAND TOUR
    CARNIVAL 2026
    BRAZIL • ARGENTINA • PERU • CHILE • PATAGONIA

    VIP FRONT SEAT ชมขบวนพาเหรดคาร์นิวัลระดับโลก ที่ริโอ เดอ จาเนโร!

    25 DAYS 21 NIGHTS
    เดินทาง 19 ก.พ. – 15 มี.ค. 2026
    โดยสายการบิน Emirates
    ราคา 629,900.- (รวมทิป ไกด์ + น้ำดื่มตลอดทริป)

    พักโรงแรมระดับ 5 ดาวตลอดเส้นทาง

    เส้นทางทัวร์ในฝัน:
    บราซิล – ริโอ เดอ จาเนโร + รูปปั้นพระเยซูบนเขาคอร์โควาโด + น้ำตกอีกวาสุ + เรือเจ็ทมาคูคู
    เปรู – นั่งรถไฟสู่มาชูปิกชู พักเมืองปาชาปิกชู + ซาเครส วาเลย์ + ล่องเรือตะลุยทะเลสาบติติกาก้า
    ชิลี – ซานติอาโก + เกาะอีสเตอร์ + ชมรูปสลักโมอาย
    อาร์เจนตินา– เอล คาลาฟาเต้ + ธารน้ำแข็ง Perito Moreno + ล่องเรือทะเลสาบอาร์เจนตินา
    เขต ปาตาโกเนีย – อุทยาน Torres del Paine อลังการระดับโลก

    ทริปเดียวครบทุก Bucket List ของทวีปอเมริกาใต้!
    ที่นั่ง VIP มีจำนวนจำกัด

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ec2916

    ดูทัวร์อเมริกาใต้ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/951ea6

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์อเมริกาใต้ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAmericaGrandTour #Carnival2026 #BrazilArgentinaPeruChile #PatagoniaDreamTrip #LuxuryTravel #เที่ยวหรูระดับพรีเมียม #ชมคาร์นิวัลแบบVIP #ทัวร์อเมริกาใต้สุดอลัง #เที่ยวทั่วโลกกับสไตล์คุณ
    🌎✨ SOUTH AMERICA GRAND TOUR CARNIVAL 2026 🇧🇷🇦🇷🇵🇪🇨🇱 BRAZIL • ARGENTINA • PERU • CHILE • PATAGONIA 🎭 VIP FRONT SEAT ชมขบวนพาเหรดคาร์นิวัลระดับโลก ที่ริโอ เดอ จาเนโร! 📅 25 DAYS 21 NIGHTS 🛫 เดินทาง 19 ก.พ. – 15 มี.ค. 2026 ✈️ โดยสายการบิน Emirates 💰 ราคา 629,900.- (รวมทิป ไกด์ + น้ำดื่มตลอดทริป) 🛏️ พักโรงแรมระดับ 5 ดาวตลอดเส้นทาง 📍 เส้นทางทัวร์ในฝัน: 🇧🇷 บราซิล – ริโอ เดอ จาเนโร + รูปปั้นพระเยซูบนเขาคอร์โควาโด + น้ำตกอีกวาสุ + เรือเจ็ทมาคูคู 🇵🇪 เปรู – นั่งรถไฟสู่มาชูปิกชู พักเมืองปาชาปิกชู + ซาเครส วาเลย์ + ล่องเรือตะลุยทะเลสาบติติกาก้า 🇨🇱 ชิลี – ซานติอาโก + เกาะอีสเตอร์ + ชมรูปสลักโมอาย 🇦🇷 อาร์เจนตินา– เอล คาลาฟาเต้ + ธารน้ำแข็ง Perito Moreno + ล่องเรือทะเลสาบอาร์เจนตินา 🏔️ เขต ปาตาโกเนีย – อุทยาน Torres del Paine อลังการระดับโลก 💼 ทริปเดียวครบทุก Bucket List ของทวีปอเมริกาใต้! 🔥 ที่นั่ง VIP มีจำนวนจำกัด ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ec2916 ดูทัวร์อเมริกาใต้ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/951ea6 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อเมริกาใต้ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #SouthAmericaGrandTour #Carnival2026 #BrazilArgentinaPeruChile #PatagoniaDreamTrip #LuxuryTravel #เที่ยวหรูระดับพรีเมียม #ชมคาร์นิวัลแบบVIP #ทัวร์อเมริกาใต้สุดอลัง #เที่ยวทั่วโลกกับสไตล์คุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกที่รัก อย่าเพิกเฉยต่อข้อความนี้ คุณกำลังดูบังเกอร์ลับขนาดยักษ์ของฮิตเลอร์

    และนี่ไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเราเลย

    หากพวกเขาเริ่มพิสูจน์ให้คุณเห็นว่ามีเพียง 7 ทวีปบนโลก และฮิตเลอร์หนีไปอาร์เจนตินาหลังสงครามสิ้นสุดลง ให้ส่งลิงก์ "ไฟล์ที่ซ่อนอยู่" ให้พวกเขา ดูว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ความจริง

    สมาชิกที่รัก อย่าเพิกเฉยต่อข้อความนี้ คุณกำลังดูบังเกอร์ลับขนาดยักษ์ของฮิตเลอร์ และนี่ไม่ใช่ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเราเลย หากพวกเขาเริ่มพิสูจน์ให้คุณเห็นว่ามีเพียง 7 ทวีปบนโลก และฮิตเลอร์หนีไปอาร์เจนตินาหลังสงครามสิ้นสุดลง ให้ส่งลิงก์ "ไฟล์ที่ซ่อนอยู่" ให้พวกเขา ดูว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ความจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ความไม่รู้ของคุณคือพลังของพวกเขา

    ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ซุปเปอร์สตาร์" ในฮอลลีวูดและกีฬา เช่น โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมาย ขายวิญญาณเพื่อเงิน และชื่อเสียง!!!

    โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมายไม่ใช่! ต้นฉบับอีกต่อไป พวกเขาโดนหลอก/ถูกหลอก
    --->>>
    สังคม VRIL - BLACK EYE CLUB

    และอีกอย่าง:
    อาร์เจนตินาเป็นศูนย์กลางหลักของพวกนาซีที่หลบหนีไปยังอาร์เจนตินาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

    พื้นที่หลัก - ปาตาโกเนีย

    คุณไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่อิงจากความปรารถนาและความคิดเห็นได้

    ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง - จบ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม..

    นี่คือข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ขายวิญญาณของตน

    @EXPOSEthePEDOSendOfTheCABAL
    หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ
    @DUMBSandUNDERGROUND
    -->>>
    https://rumble.com/v1yiwl4-vril-vril-types-drones-reptos-lizzards-black-eye-club.html
    ความไม่รู้ของคุณคือพลังของพวกเขา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ซุปเปอร์สตาร์" ในฮอลลีวูดและกีฬา เช่น โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมาย ขายวิญญาณเพื่อเงิน 💰 และชื่อเสียง!!! โรนัลโด้ เมสซี่ และอีกมากมายไม่ใช่! ต้นฉบับอีกต่อไป พวกเขาโดนหลอก/ถูกหลอก --->>> สังคม VRIL - BLACK EYE CLUB และอีกอย่าง: อาร์เจนตินาเป็นศูนย์กลางหลักของพวกนาซีที่หลบหนีไปยังอาร์เจนตินาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พื้นที่หลัก - ปาตาโกเนีย คุณไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงที่อิงจากความปรารถนาและความคิดเห็นได้ ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง - จบ ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม.. นี่คือข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ขายวิญญาณของตน @EXPOSEthePEDOSendOfTheCABAL หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ @DUMBSandUNDERGROUND -->>> https://rumble.com/v1yiwl4-vril-vril-types-drones-reptos-lizzards-black-eye-club.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาร์เจนตินาค้นพบกล่องปริศนานาซี 83 กล่องที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินศาลสูงสุดบัวโนสไอเรส 84 ปีหลังถูกส่งมาจากสถานทูตเยอรมันในญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อดีต CIA อเมริกันเชื่อความลับนาซีในอาร์เจนตินาอาจนำไปสู่ปริศนาพิสู จน์ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันไม่ได้ยิงตัวตายในบังเกอร์ที่เยอรมันเมื่อปี 1945 อาร์เจนตินาอาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ฮิตเลอร์มาหลบกบดานเพื่อสร้างจักรวรรดิไรช์เยอรมันที่ 4 (Drittes Reich)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044418

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อาร์เจนตินาค้นพบกล่องปริศนานาซี 83 กล่องที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินศาลสูงสุดบัวโนสไอเรส 84 ปีหลังถูกส่งมาจากสถานทูตเยอรมันในญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อดีต CIA อเมริกันเชื่อความลับนาซีในอาร์เจนตินาอาจนำไปสู่ปริศนาพิสู จน์ว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันไม่ได้ยิงตัวตายในบังเกอร์ที่เยอรมันเมื่อปี 1945 อาร์เจนตินาอาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ฮิตเลอร์มาหลบกบดานเพื่อสร้างจักรวรรดิไรช์เยอรมันที่ 4 (Drittes Reich) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044418 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1318 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี

    “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ”

    คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556)

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ

    #Newskit
    พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ” คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนามเทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศอาร์เจนตินา เสมือนสนามหลังบ้านของ มาร์ค มาร์เกวซ
    ด้วยการเป็นนักแข่งที่ชนะที่นี่มากที่สุดถึง 4 ครั้ง แถมในปีนี้ก็เป็นเจ้าของเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดในสนามนี้อีกด้วย
    สนามเทอร์มาส เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศอาร์เจนตินา เสมือนสนามหลังบ้านของ มาร์ค มาร์เกวซ ด้วยการเป็นนักแข่งที่ชนะที่นี่มากที่สุดถึง 4 ครั้ง แถมในปีนี้ก็เป็นเจ้าของเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดในสนามนี้อีกด้วย
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • อาร์เจนตินาได้รับเครื่องบินรบ F-16 ลำแรกจากทั้งหมด 24 ลำที่ซื้อจากเดนมาร์ก
    อาร์เจนตินาได้รับเครื่องบินรบ F-16 ลำแรกจากทั้งหมด 24 ลำที่ซื้อจากเดนมาร์ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ถ้าคุณไปที่คาสิโนแล้วเสียเงิน คุณจะเรียกร้องอะไรได้!"

    Milei ผู้นำอาร์เจนตินาปฏิเสธที่จะขอโทษจากการมราเขาโพสต์สนับสนุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA จนทำให้มีประชาชนแห่ซื้อตามจำนวนมาก เพราะเห็นว่าประธานาธิบดีเป็นผู้สนับสนุนด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มูลค่าเหรียญ $LIBRA ตกลงอย่างมาก หลังจากถูกเทขายออกมา จนทำให้ประชนแทบสินเนื้อประดาตัว เหตุการณ์ในวันนั้นมูลค่าเหรียญได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

    Milei กล่าว่า: "ผมไม่ได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนมัน ผมแค่โพสต์เผยแพร่เฉยๆ และผมก็ใช้บัญชีส่วนตัวของผมด้วย"

    "ถ้าคุณไปที่คาสิโนแล้วเสียเงิน คุณจะเรียกร้องอะไรได้!" Milei ผู้นำอาร์เจนตินาปฏิเสธที่จะขอโทษจากการมราเขาโพสต์สนับสนุนเหรียญสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA จนทำให้มีประชาชนแห่ซื้อตามจำนวนมาก เพราะเห็นว่าประธานาธิบดีเป็นผู้สนับสนุนด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มูลค่าเหรียญ $LIBRA ตกลงอย่างมาก หลังจากถูกเทขายออกมา จนทำให้ประชนแทบสินเนื้อประดาตัว เหตุการณ์ในวันนั้นมูลค่าเหรียญได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง Milei กล่าว่า: "ผมไม่ได้ส่งเสริมหรือสนับสนุนมัน ผมแค่โพสต์เผยแพร่เฉยๆ และผมก็ใช้บัญชีส่วนตัวของผมด้วย"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์

    ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก

    แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ของอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล $LIBRA ซึ่งเขาเคยให้การสนับสนุนก่อนหน้านี้ โดยมูลค่ามันได้หายไปกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งใน “Rug pull” ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการรายงานของสื่อ ระบุว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Javier Milei โพสต์ข้อความสนับสนุนเหรียญคริปโตที่ชื่อว่า *Viva la Libertad Project – LIBRA* โดยพยายามเชิญชวนว่ามันเป็นโปรเจคส่วนตัวที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอาร์เจนตินา ผ่านการให้ทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในประเทศ ทำให้มูลค่าได้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที แต่กลับทรุดตัวแรงถึง 89% หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงที่มีการเทขายเหรียญออกมา ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามตลาดเพียง $167 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าตลาดที่พุ่งทะลุ 4,500 ล้านดอลลาร์ ต่อมา Milei ลบโพสต์เดิมบนแพลตฟอร์ม X ที่โปรโมตเหรียญ meme นี้ โดย Milei ยืนยันว่าเขาได้โพสต์การเปิดตัวครั้งนี้จริงๆ แต่ย้ำว่าไม่ใช่เหรียญ meme ส่วนตัวของเขา และเขาได้แจ้งในโพสต์ใหม่ว่า "ผมไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับโครงการนี้ก่อนโพสต์" และเขาไม่ต้องการสนับสนุนโปรเจกต์ดังกล่าวอีก แต่เหตุการณ์ไม่จบแค่นั้น ตอนนี้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านกำลังเรียกร้องให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่า Milei กำลังฉวยโอกาสจากกระแสความนิยมของเหรียญ meme ของทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอลอีก 3 รายในวันเสาร์ (15 ก.พ.) แลกกับการที่อิสราเอลปล่อยตัวผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ราวๆ 369 คน เสร็จสิ้นการแลกตัวรอบที่ 6 แม้มีความกังวลว่าข้อตกลงหยุดยิงกาซาที่เปราะบางอย่างมาก ใกล้พังครืนลง ท่ามกลางเส้นตายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตือน "นรกแตก" หากไม่ปล่อยตัวประกันทั้งหมด
    .
    ผู้สื่อข่าวพบเห็นกลุ่มมือปืนฮามาสที่สวมหน้ากาก พาตัวประกันขึ้นไปบนเวทีหนึ่ง ในเมืองข่าน ยูนิส ทางใต้ของกาซา หลังจากนั้นตัวประกันทั้ง 3 คน ที่ประกอบด้วย ซากุย เดเคล-เชิน ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล ชาซา ทรูปานอฟ ชาวรัสเซียเชื้อสายอิสราเอล และยาอีร์ ฮอร์น ชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิสราเอล ได้ทำการแถลงผ่านไมโครโฟน ก่อนมีการส่งมอบตัวแก่สภากาชาดและจากนั้นก็ถูกนำกลับสู่ดินแดนอิสราเอล หลังถูกควบคุมตัวนานกว่า 16 เดือน
    .
    ตัวประกันชายทั้ง 3 คน ในมือกุมถุงของขวัญที่ได้รับจากพวกที่ควบคุมตัวและขนาบข้างด้วยพวกนักรบ ได้เรียกร้องให้เดินหน้าการแลกตัวประกันเพิ่มเติมให้เสร็จสมบูรณ์ ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น อีกด้านหนึ่งรถบัสขนผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ ก็ออกจากเรือนจำโอเฟอร์ของอิสราเอล และได้รับเสียงเชียร์ต้อนรับจากฝูงชน หลังเดินทางมาถึงเมืองรามัลเลาะห์ ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ ตามรายงานของเอเอฟพี ขณะเดียวกันรถบัสบางส่วนได้นำพานักโทษจากเรือนจำแห่งหนึ่งของอิสราเอล ในทะเลทรายเนเกฟ ไปยังฉนวนกาซา
    .
    การแลกเปลี่ยนในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ถือเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม ขณะที่มันเกิดขึ้นหลังจากฮามาสขู่ระงับการปล่อยตัวประกัน จากคำกล่าวหาอิสราเอลละเมิดข้อตกลง กระตุ้นให้ทางอิสราเอลขู่ว่าจะกลับมาทำสงครามหากว่าฮามาสทำเช่นนั้น
    .
    ในบรรดาตัวประกัน 251 คน ที่ถูกพวกฮามาสจับตัวไประหว่างปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอลสายฟ้าแลบ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงคราม เหลืออีก 70 คนที่ยังอยู่ในกาซา ในนั้นรวมถึง 35 ราย ที่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว
    .
    ความเคลื่อนไหวปล่อยตัวล่าสุด นำมาเสียงน้ำตาแห่งความยินดีของเพื่อนๆ และสมาชิกในครอบครัวของตัวประกัน
    .
    หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนที่ได้รับการปล่อยตัวจากอิสราเอล ได้เดินทางถึงข่าน ยูนิส ทางใต้ของกาซา ระหว่างนั้นพวกเขาชู 2 นิ้วและโบกไม้โบกมือให้ฝูงชนที่ออกมารอต้อนรับด้วยความยินดี
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มทนายความองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Palestinian Prisoners' Club พบว่าในบรรดาผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น มีอยู่ 36 คน ที่โดนลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในนั้น 24 คน จะถูกเนรเทศภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง
    .
    คาดหมายว่าการเจรจาในขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งมีเจตนาวางกรอบก้าวย่างต่างๆ สำหรับหยุดสงครามอย่างถาวร จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า
    .
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ชาติผู้สนับสนุนรายสำคัญของอิสราเอลและหนึ่งในชาติคนกลางการเจรจา ได้เดินทางถึงอิสราเอลในช่วงค่ำวันเสาร์ (15 ก.พ.) ก่อนมีกำหนดเข้าพบปะหารือกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง
    .
    เนทันยาฮู ขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (15 ก.พ.) สำหรับแรงสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับฮามาส ในสัปดาห์นี้
    .
    คำขอบคุณนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เตือนว่าทุกขุมนรกจะแตกออกหากว่าตัวประกันอิสราเอลทุกคนไม่ได้รับการปล่อยตัวออกจากกาซา ภยในเที่ยงวันของวันเสาร์ (15 ก.พ.)
    .
    "จุดยืนหนักแน่นของประธานาธิบดีทรัมป์ นำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันของเรา 3 คนในวันนี้ แม้ก่อนหน้านี้ ฮามาส เคยปฏิเสธปล่อยตัวพวกเขา" ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเนทันยาฮูกล่าว ในขณะที่ ฮาเซม กัสเซม โฆษกของพวกฮามาส บอกว่าอเมริกา "ต้องบีบบังคับ" ให้อิสราเอลยึดถือข้อตกลงหยุดยิง "หากว่าพวกเขาแคร์อย่างแท้จริงเกี่ยวกับชีวิตของนักโทษ (ตัวประกัน)"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015319
    ..................
    Sondhi X
    ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอลอีก 3 รายในวันเสาร์ (15 ก.พ.) แลกกับการที่อิสราเอลปล่อยตัวผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ราวๆ 369 คน เสร็จสิ้นการแลกตัวรอบที่ 6 แม้มีความกังวลว่าข้อตกลงหยุดยิงกาซาที่เปราะบางอย่างมาก ใกล้พังครืนลง ท่ามกลางเส้นตายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตือน "นรกแตก" หากไม่ปล่อยตัวประกันทั้งหมด . ผู้สื่อข่าวพบเห็นกลุ่มมือปืนฮามาสที่สวมหน้ากาก พาตัวประกันขึ้นไปบนเวทีหนึ่ง ในเมืองข่าน ยูนิส ทางใต้ของกาซา หลังจากนั้นตัวประกันทั้ง 3 คน ที่ประกอบด้วย ซากุย เดเคล-เชิน ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล ชาซา ทรูปานอฟ ชาวรัสเซียเชื้อสายอิสราเอล และยาอีร์ ฮอร์น ชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิสราเอล ได้ทำการแถลงผ่านไมโครโฟน ก่อนมีการส่งมอบตัวแก่สภากาชาดและจากนั้นก็ถูกนำกลับสู่ดินแดนอิสราเอล หลังถูกควบคุมตัวนานกว่า 16 เดือน . ตัวประกันชายทั้ง 3 คน ในมือกุมถุงของขวัญที่ได้รับจากพวกที่ควบคุมตัวและขนาบข้างด้วยพวกนักรบ ได้เรียกร้องให้เดินหน้าการแลกตัวประกันเพิ่มเติมให้เสร็จสมบูรณ์ ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง . ไม่นานหลังจากนั้น อีกด้านหนึ่งรถบัสขนผู้ต้องขังชาวปาเลสไตน์ ก็ออกจากเรือนจำโอเฟอร์ของอิสราเอล และได้รับเสียงเชียร์ต้อนรับจากฝูงชน หลังเดินทางมาถึงเมืองรามัลเลาะห์ ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ ตามรายงานของเอเอฟพี ขณะเดียวกันรถบัสบางส่วนได้นำพานักโทษจากเรือนจำแห่งหนึ่งของอิสราเอล ในทะเลทรายเนเกฟ ไปยังฉนวนกาซา . การแลกเปลี่ยนในวันเสาร์ (15 ก.พ.) ถือเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม ขณะที่มันเกิดขึ้นหลังจากฮามาสขู่ระงับการปล่อยตัวประกัน จากคำกล่าวหาอิสราเอลละเมิดข้อตกลง กระตุ้นให้ทางอิสราเอลขู่ว่าจะกลับมาทำสงครามหากว่าฮามาสทำเช่นนั้น . ในบรรดาตัวประกัน 251 คน ที่ถูกพวกฮามาสจับตัวไประหว่างปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอลสายฟ้าแลบ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงคราม เหลืออีก 70 คนที่ยังอยู่ในกาซา ในนั้นรวมถึง 35 ราย ที่ทางกองทัพอิสราเอลเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว . ความเคลื่อนไหวปล่อยตัวล่าสุด นำมาเสียงน้ำตาแห่งความยินดีของเพื่อนๆ และสมาชิกในครอบครัวของตัวประกัน . หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนที่ได้รับการปล่อยตัวจากอิสราเอล ได้เดินทางถึงข่าน ยูนิส ทางใต้ของกาซา ระหว่างนั้นพวกเขาชู 2 นิ้วและโบกไม้โบกมือให้ฝูงชนที่ออกมารอต้อนรับด้วยความยินดี . อ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มทนายความองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Palestinian Prisoners' Club พบว่าในบรรดาผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น มีอยู่ 36 คน ที่โดนลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ในนั้น 24 คน จะถูกเนรเทศภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง . คาดหมายว่าการเจรจาในขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งมีเจตนาวางกรอบก้าวย่างต่างๆ สำหรับหยุดสงครามอย่างถาวร จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า . มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ชาติผู้สนับสนุนรายสำคัญของอิสราเอลและหนึ่งในชาติคนกลางการเจรจา ได้เดินทางถึงอิสราเอลในช่วงค่ำวันเสาร์ (15 ก.พ.) ก่อนมีกำหนดเข้าพบปะหารือกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง . เนทันยาฮู ขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (15 ก.พ.) สำหรับแรงสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับฮามาส ในสัปดาห์นี้ . คำขอบคุณนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ เตือนว่าทุกขุมนรกจะแตกออกหากว่าตัวประกันอิสราเอลทุกคนไม่ได้รับการปล่อยตัวออกจากกาซา ภยในเที่ยงวันของวันเสาร์ (15 ก.พ.) . "จุดยืนหนักแน่นของประธานาธิบดีทรัมป์ นำมาซึ่งการปล่อยตัวประกันของเรา 3 คนในวันนี้ แม้ก่อนหน้านี้ ฮามาส เคยปฏิเสธปล่อยตัวพวกเขา" ทำเนียบนายกรัฐมนตรีของเนทันยาฮูกล่าว ในขณะที่ ฮาเซม กัสเซม โฆษกของพวกฮามาส บอกว่าอเมริกา "ต้องบีบบังคับ" ให้อิสราเอลยึดถือข้อตกลงหยุดยิง "หากว่าพวกเขาแคร์อย่างแท้จริงเกี่ยวกับชีวิตของนักโทษ (ตัวประกัน)" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015319 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2121 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผู้นำบราซิล "จาอีร์ โบลโซนาโร" ประกาศหากเขาชนะเลือกตั้งในปี 2026 จะถอนตัวจาก BRICS และ WHO นอกจากนี้ยังพร้อมเปิดรับฐานทัพสหรัฐให้มาตั้งบริเวณชายแดนระหว่างบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินาประเทศได้อีกด้วย

    แม้ว่าปัจจุบัน โบลโซนาโร จะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เขาหวังพึ่งอิทธิพลจากทรัมป์กดดันศาลบราซิล เพื่อเปิดทางกลับสู่อำนาจอีกครั้ง
    อดีตผู้นำบราซิล "จาอีร์ โบลโซนาโร" ประกาศหากเขาชนะเลือกตั้งในปี 2026 จะถอนตัวจาก BRICS และ WHO นอกจากนี้ยังพร้อมเปิดรับฐานทัพสหรัฐให้มาตั้งบริเวณชายแดนระหว่างบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินาประเทศได้อีกด้วย แม้ว่าปัจจุบัน โบลโซนาโร จะถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เขาหวังพึ่งอิทธิพลจากทรัมป์กดดันศาลบราซิล เพื่อเปิดทางกลับสู่อำนาจอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์อเมริกาใต้ Carnival 2025 19 วัน 15 คืน
    ทัวร์อเมริกาใต้ - อเมริกาใต้ Carnival 2025 : บราซิล - อาร์เจนตินา - ชิลี - เปรู - ที่นั่งชมงาน Carnival แบบ VIP มีที่นั่งแน่นอน 100%
    เมนูพิเศษ กุ้งบราซิลเลี่ยนล็อบเตอร์, สเต็กระดับพรีเมี่ยม เสริฟพร้อมไวน์ - รวมทิปพนักงานขับรถ และไกด์ท้องถิ่นแล้ว

    ช่วงวันเดินทาง : 6 - 24 มี.ค. 2568 คณะยืนยันออกเดินทาง
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : ราคา 559,900 บาท ลดเหลือ 499,900 บาท
    ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับพรีเมียม
    รหัสทัวร์ : Z11926
    โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    สายการบิน : EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์

    Travel License: 11/11450
    โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e2f77f

    ดูทัวร์แอฟริกาใต้ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/681410

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์แอฟริกาใต้ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    🎉ทัวร์อเมริกาใต้ Carnival 2025 19 วัน 15 คืน🎉 ทัวร์อเมริกาใต้ - อเมริกาใต้ Carnival 2025 : บราซิล - อาร์เจนตินา - ชิลี - เปรู - ที่นั่งชมงาน Carnival แบบ VIP มีที่นั่งแน่นอน 100% เมนูพิเศษ กุ้งบราซิลเลี่ยนล็อบเตอร์, สเต็กระดับพรีเมี่ยม เสริฟพร้อมไวน์ - รวมทิปพนักงานขับรถ และไกด์ท้องถิ่นแล้ว 📍 ช่วงวันเดินทาง : 6 - 24 มี.ค. 2568 คณะยืนยันออกเดินทาง ⭕️ราคาเริ่มต้น : ราคา 559,900 บาท ลดเหลือ 499,900 บาท 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับพรีเมียม 📢 รหัสทัวร์ : Z11926 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์ ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e2f77f ดูทัวร์แอฟริกาใต้ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/681410 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์แอฟริกาใต้ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1391 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิงวอน โดนัลด์ ทรัมป์ หลายต่อหลายครั้ง ขอเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ถูกปฏิเสธมาอย่างต่อเนื่อง จากคำกล่าวอ้างของโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้นำเคียฟ ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์ เขียนแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา
    .
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ เขียนบนอินสตาแกรม ก่อนพิธีสาบานตนของผู้เป็นพ่อ เย้ยหยันคำพูดของผู้นำยูเครน ที่ให้สัมภาษณ์กับ เล็กซ์ ฟรีดแมน พอดแคสต์ชาวอเมริกัน เมื่อช่วงต้นเดือน ซึ่ง เซเลนสกี บอกว่าเขาไม่ได้รับเชิญเข้าร่มพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม
    .
    "ผมไม่สามารถมาได้ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างสงคราม จนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเชิญผมเป็นการส่วนตัว ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเรื่องเหมาะสมไหมที่จะเดินทางมา เพราะผมรู้ว่าโดยทั่วไปแล้ว พวกผู้นำบางคนมีเหตุผลบางประการที่ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ" เซเลนสกี บอกกับ ฟรีดแมน
    .
    ทรัมป์ จูเนียร์ ตอบโต้ว่า "ส่วนที่ตลกที่สุดก็คือ เขาเป็นผู้ร้องขออย่างไม่เป็นทางการสำหรับคำเชิญถึง 3 รอบ และแต่ละครั้งถูกปฏิเสธ "ตอนนี้ เขาทำราวกับว่าเขาไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง" พร้อมตราหน้าเซเลนสกีว่าเป็น "คนประหลาด"
    .
    โดยปกติแล้ว ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักไม่เชิญพวกผู้นำต่างชาติเข้าร่วมพิธีสาบานตน แต่ ทรัมป์ นั้น เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติดั้งเดิมและส่งคำเชิญอย่างครอบคลุมถึง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน วิคตอร์ เออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ฆาเบียร์ มิลเล ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ดาเนียล โนโบอา ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ และประธานาธิบดีซานติอาร์โก เปญา แห่งปารากวัย
    .
    ทรัมป์ ก่อความเคลือบแคลงแก่ยุทธการของสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือยูเครน และประกาศยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างรวดเร็ว พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนเกรงว่าข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดย ทรัมป์ จะทำให้ประเทศของเขาเสียเปรียบ
    .
    ทั้งนี้ เซเลนสกี พบปะกับ ทรัมป์ ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายน จากนั้น ทรัมป์ เผยว่าผู้นำยูเครน "ต้องการให้ความขัดแย้งยุติลง และทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการ "ข้อตกลงที่ยุติธรรม"
    .
    แม้ไม่ได้รับเชิญ แต่ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง และยกย่องว่ามันเป็นโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายแห่งสันติภาพในประเทศของเขา ที่สู้รบทำสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซียมาเกือบ 3 ปี
    .
    ทรัมป์ เรียกร้องซ้ำๆ เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง และสัญญาว่าจะหยุดสงครามอย่างทันทีทันใด แต่ไม่ได้บอกว่าจะด้วยวิธีการใด "ประธานาธิบดีทรัมป์เด็ดขาดเสมอ และนโยบายสันติภาพผ่านความเข้มแข็งที่เขาแถลง เปิดโอกาสสำหรับเสริมเข้มแข็งแก่ความเป็นผู้นำของอเมริกา และบรรลุเป้าหมายสันติภาพในระยะยาว ซึ่งมันมีความสำคัญลำดับสูงสุด" เซเลนสกีระบุ
    .
    ยูเครน มองการเพาะบ่มความใกล้ชิดกับว่าที่รัฐบาลใหม่ของทรัมป์ คือเป้าหมายสำคัญ และเซเลนสกี กล่าวในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่ายูเครนกำลังตั้งตาคอยบรรลุเป้าหมายแห่งความร่วมมือที่ก่อประโยชน์ร่วมกันกับรัฐบาลทรัมป์ "เมื่อร่วมมือกัน เราเข้มแข็งกว่าเดิม และเราสามารถมอบความมั่นคงและเสถียรภาพที่ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับมอบการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้นแก่โลกและประเทศของเราทั้ง 2 ชาติ" เขากล่าว
    .
    ระหว่างการปราศรัยในช่วงค่ำ เซเลนสกี ให้คำจำกัดความ ทรัมป์ ว่าเป็น "คนที่เข้มแข็ง" ที่มอบแรงกดดันที่จำเป็นสำหรับเดินหน้าความพยายามบรรลุเป้าหมายแห่งสันติภาพ "นี่คือโอกาสที่ต้องคว้าไว้" เซเลนสกีกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006233
    .........
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิงวอน โดนัลด์ ทรัมป์ หลายต่อหลายครั้ง ขอเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ถูกปฏิเสธมาอย่างต่อเนื่อง จากคำกล่าวอ้างของโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้นำเคียฟ ใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์ เขียนแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา . โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ เขียนบนอินสตาแกรม ก่อนพิธีสาบานตนของผู้เป็นพ่อ เย้ยหยันคำพูดของผู้นำยูเครน ที่ให้สัมภาษณ์กับ เล็กซ์ ฟรีดแมน พอดแคสต์ชาวอเมริกัน เมื่อช่วงต้นเดือน ซึ่ง เซเลนสกี บอกว่าเขาไม่ได้รับเชิญเข้าร่มพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม . "ผมไม่สามารถมาได้ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างสงคราม จนกว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเชิญผมเป็นการส่วนตัว ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเรื่องเหมาะสมไหมที่จะเดินทางมา เพราะผมรู้ว่าโดยทั่วไปแล้ว พวกผู้นำบางคนมีเหตุผลบางประการที่ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ" เซเลนสกี บอกกับ ฟรีดแมน . ทรัมป์ จูเนียร์ ตอบโต้ว่า "ส่วนที่ตลกที่สุดก็คือ เขาเป็นผู้ร้องขออย่างไม่เป็นทางการสำหรับคำเชิญถึง 3 รอบ และแต่ละครั้งถูกปฏิเสธ "ตอนนี้ เขาทำราวกับว่าเขาไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง" พร้อมตราหน้าเซเลนสกีว่าเป็น "คนประหลาด" . โดยปกติแล้ว ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักไม่เชิญพวกผู้นำต่างชาติเข้าร่วมพิธีสาบานตน แต่ ทรัมป์ นั้น เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติดั้งเดิมและส่งคำเชิญอย่างครอบคลุมถึง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน วิคตอร์ เออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ฆาเบียร์ มิลเล ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ดาเนียล โนโบอา ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ และประธานาธิบดีซานติอาร์โก เปญา แห่งปารากวัย . ทรัมป์ ก่อความเคลือบแคลงแก่ยุทธการของสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือยูเครน และประกาศยุติความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับเคียฟอย่างรวดเร็ว พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนเกรงว่าข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดย ทรัมป์ จะทำให้ประเทศของเขาเสียเปรียบ . ทั้งนี้ เซเลนสกี พบปะกับ ทรัมป์ ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายน จากนั้น ทรัมป์ เผยว่าผู้นำยูเครน "ต้องการให้ความขัดแย้งยุติลง และทั้ง 2 ฝ่ายต่างต้องการ "ข้อตกลงที่ยุติธรรม" . แม้ไม่ได้รับเชิญ แต่ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง และยกย่องว่ามันเป็นโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายแห่งสันติภาพในประเทศของเขา ที่สู้รบทำสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซียมาเกือบ 3 ปี . ทรัมป์ เรียกร้องซ้ำๆ เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง และสัญญาว่าจะหยุดสงครามอย่างทันทีทันใด แต่ไม่ได้บอกว่าจะด้วยวิธีการใด "ประธานาธิบดีทรัมป์เด็ดขาดเสมอ และนโยบายสันติภาพผ่านความเข้มแข็งที่เขาแถลง เปิดโอกาสสำหรับเสริมเข้มแข็งแก่ความเป็นผู้นำของอเมริกา และบรรลุเป้าหมายสันติภาพในระยะยาว ซึ่งมันมีความสำคัญลำดับสูงสุด" เซเลนสกีระบุ . ยูเครน มองการเพาะบ่มความใกล้ชิดกับว่าที่รัฐบาลใหม่ของทรัมป์ คือเป้าหมายสำคัญ และเซเลนสกี กล่าวในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่ายูเครนกำลังตั้งตาคอยบรรลุเป้าหมายแห่งความร่วมมือที่ก่อประโยชน์ร่วมกันกับรัฐบาลทรัมป์ "เมื่อร่วมมือกัน เราเข้มแข็งกว่าเดิม และเราสามารถมอบความมั่นคงและเสถียรภาพที่ดียิ่งขึ้น เช่นเดียวกับมอบการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้นแก่โลกและประเทศของเราทั้ง 2 ชาติ" เขากล่าว . ระหว่างการปราศรัยในช่วงค่ำ เซเลนสกี ให้คำจำกัดความ ทรัมป์ ว่าเป็น "คนที่เข้มแข็ง" ที่มอบแรงกดดันที่จำเป็นสำหรับเดินหน้าความพยายามบรรลุเป้าหมายแห่งสันติภาพ "นี่คือโอกาสที่ต้องคว้าไว้" เซเลนสกีกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006233 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1913 มุมมอง 1 รีวิว
  • แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวโจมตีรัสเซีย หลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธ 8 ลูกทั่วกรุงเคียฟ เมื่อวานนี้ ส่งผลให้สถานทูตหลายแห่งได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานทูตของแอลเบเนีย อาร์เจนตินา ปาเลสไตน์ มาซิโดเนียเหนือ โปรตุเกส และมอนเตเนโกร

    "การโจมตีนักการทูตหรือสถานประกอบการทางการทูตในทุกที่ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราขอเตือนรัสเซียถึงพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ"

    หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2024 อิสราเอลโจมตีสถานกงศุลอิหร่านในซีเรีย
    หรือแม้แต่ในปี 1999 สหรัฐทิ้งระเบิดในกรุงเบลเกรด ส่งผลให้สถานทูตจีนได้รับความเสีย

    "แต่ไม่เคยถูกใครประณามแต่อย่างใด"
    แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวโจมตีรัสเซีย หลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธ 8 ลูกทั่วกรุงเคียฟ เมื่อวานนี้ ส่งผลให้สถานทูตหลายแห่งได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานทูตของแอลเบเนีย อาร์เจนตินา ปาเลสไตน์ มาซิโดเนียเหนือ โปรตุเกส และมอนเตเนโกร "การโจมตีนักการทูตหรือสถานประกอบการทางการทูตในทุกที่ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราขอเตือนรัสเซียถึงพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ" หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2024 อิสราเอลโจมตีสถานกงศุลอิหร่านในซีเรีย หรือแม้แต่ในปี 1999 สหรัฐทิ้งระเบิดในกรุงเบลเกรด ส่งผลให้สถานทูตจีนได้รับความเสีย "แต่ไม่เคยถูกใครประณามแต่อย่างใด"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา Javier Milei เป็นผู้นำโลกคนแรกที่เข้าพบกับ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

    การพบกันดังกล่าวเกิดขึ้นที่คฤหาสน์สุดหรูมาร์อาลาโกของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งทั้งสองผู้นำได้หารือถึงผลประโยชน์ร่วมกันในนโยบายเศรษฐกิจและการปกครอง
    ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา Javier Milei เป็นผู้นำโลกคนแรกที่เข้าพบกับ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง การพบกันดังกล่าวเกิดขึ้นที่คฤหาสน์สุดหรูมาร์อาลาโกของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ซึ่งทั้งสองผู้นำได้หารือถึงผลประโยชน์ร่วมกันในนโยบายเศรษฐกิจและการปกครอง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา “ฆาเวียร์ มิลเล” มีคำสั่งปลดรัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา หลังสนับสนุนมติสหประชาชาติ ยกเลิกคว่ำบาตรคิวบา

    เฆราร์โด เวิร์ธไฮน์ เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาประจำสหรัฐฯ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่แทน

    เมื่อวันก่อนที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีการลงมติเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบาอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนโหวตเห็นด้วย 187 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่หูจากนรก "สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล" ขณะที่ 1 เสียงของมอลโดวา งดออกเสียง

    ทางด้านตัวแทนของสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า แม้สหรัฐฯจะคัดค้านมตินี้ แต่ยืนยันด้วยความจริงใจว่าสหรัฐฯ ยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวคิวบา และจะแสวงหาหนทางเพื่อให้การสนับสนุนที่มีความหมายแก่คิวบาต่อไป

    สหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจคิวบายาวนานถึง 64 ปี โดยตั้งแต่ปี 2503 หลังการปฏิวัติที่นำโดยนายฟิเดล คาสโตร

    ปีนี้เป็นปีที่ 32 ติดต่อกันที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีการลงมติที่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมายเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบา แน่นอนว่าเสียงที่ไม่เห็นชอบแต่ละปีจะยืนพื้นอยู่สองประเทศ คือ สหรัฐฯ และ อิสราเอล โดยในแต่ละปีอาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมไม่เห็นด้วย ตามแรงกดดันของสหรัฐ

    และในปีนี้อิหร่านได้กล่าวแสดงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวในสหประชาชาติ: "การคว่ำบาตรและการปิดล้อมที่ไร้มนุษยธรรมที่สหรัฐฯ กำหนดต่อคิวบามานานกว่า 6 ทศวรรษ ถือเป็นระบบมาตรการฝ่ายเดียวที่ไม่ยุติธรรมและยืดเยื้อที่สุดเท่าที่เคยใช้กับประเทศใดๆ... เราขอแสดงความสามัคคีกับคิวบาเช่นเดียวกับที่เราทำมาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา"

    ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา “ฆาเวียร์ มิลเล” มีคำสั่งปลดรัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เจนตินา หลังสนับสนุนมติสหประชาชาติ ยกเลิกคว่ำบาตรคิวบา เฆราร์โด เวิร์ธไฮน์ เอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาประจำสหรัฐฯ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่แทน เมื่อวันก่อนที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีการลงมติเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบาอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนโหวตเห็นด้วย 187 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่หูจากนรก "สหรัฐอเมริกาและอิสราเอล" ขณะที่ 1 เสียงของมอลโดวา งดออกเสียง ทางด้านตัวแทนของสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า แม้สหรัฐฯจะคัดค้านมตินี้ แต่ยืนยันด้วยความจริงใจว่าสหรัฐฯ ยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวคิวบา และจะแสวงหาหนทางเพื่อให้การสนับสนุนที่มีความหมายแก่คิวบาต่อไป สหรัฐฯ เริ่มมีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจคิวบายาวนานถึง 64 ปี โดยตั้งแต่ปี 2503 หลังการปฏิวัติที่นำโดยนายฟิเดล คาสโตร ปีนี้เป็นปีที่ 32 ติดต่อกันที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีการลงมติที่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมายเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรคิวบา แน่นอนว่าเสียงที่ไม่เห็นชอบแต่ละปีจะยืนพื้นอยู่สองประเทศ คือ สหรัฐฯ และ อิสราเอล โดยในแต่ละปีอาจจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมไม่เห็นด้วย ตามแรงกดดันของสหรัฐ และในปีนี้อิหร่านได้กล่าวแสดงสนับสนุนให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวในสหประชาชาติ: "การคว่ำบาตรและการปิดล้อมที่ไร้มนุษยธรรมที่สหรัฐฯ กำหนดต่อคิวบามานานกว่า 6 ทศวรรษ ถือเป็นระบบมาตรการฝ่ายเดียวที่ไม่ยุติธรรมและยืดเยื้อที่สุดเท่าที่เคยใช้กับประเทศใดๆ... เราขอแสดงความสามัคคีกับคิวบาเช่นเดียวกับที่เราทำมาตลอด 32 ปีที่ผ่านมา"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินปลุกเร้าสร้าง “ระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วอำนาจ” ในงานประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ที่มีผู้นำจากนานาประเทศเข้าร่วมหารือ และประมุขทำเนียบเครมลินมุ่งใช้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความพยายามโดดเดี่ยวมอสโกของฝ่ายตะวันตกล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สี จิ้นผิง พันธมิตรสำคัญซึ่งเข้าประชุมครั้งนี้ด้วย เรียกร้องบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ ชี้จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น
    .
    การประชุมสุดยอดคราวนี้ที่จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางด้านตะวันตกกลางของแดนหมีขาว ถือเป็นการประชุมทางการทูตใหญ่ที่สุดซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพ นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งยกทัพบุกยูเครนในปี 2022 ส่งผลให้รัสเซียถูกตะวันตกรุมประณามและแซงก์ชัน
    .
    มีผู้นำราว 20 คนจากนานาชาติ รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ตุรกี และอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมการประชุมที่เมืองคาซานครั้งนี้ ในหัวข้อต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนของบริกส์ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
    .
    มอสโกมองว่า ที่ประชุมนี้เป็นทางเลือกซึ่งกำลังทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับพวกองค์การระหว่างประเทศรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็นที่นำโดยฝ่ายตะวันตก เช่น กลุ่มจี7 และนี่ก็เป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้เป็นพันธมิตรสำคัญของปูติน
    .
    ปูตินกล่าวเปิดประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า การสร้างระเบียบโลกแบบที่ยอมรับให้มีหลายขั้วอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเป็นขั้นตอนที่มีพลวัตและไม่อาจย้อนกลับได้ พร้อมกับเรียกร้องให้เหล่าชาติสมาชิกของบริกส์ พิจารณาว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงระดับภูมิภาค
    .
    ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันอังคาร (22) ปูตินยังได้ประชุมข้างเคียงกับพวกผู้นำของหลายประเทศที่มารวมการประชุมซัมมิตบริกส์ รวมทั้ง สี และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดและการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
    .
    ขณะที่ สี ก็กล่าวยกย่องความสัมพันธ์แนบแน่นที่จีนมีอยู่กับรัสเซีย ในโลกที่ “วุ่นวาย” และเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา การฟื้นฟู และการปรับปรุงให้ทันสมัยสำหรับทั้งสองประเทศ
    .
    ด้านปูตินขานรับว่า ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นรากฐานเสถียรภาพของโลก
    .
    ในวันพุธ ระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตกลุ่มบริกส์ สี ได้กล่าวเรียกร้องให้สมาชิกบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่าจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเรียกร้องให้ปลดชนวนความขัดแย้งในวิกฤตยูเครน และให้มีการหยุดยิงในเลบานอนและกาซา
    .
    กลุ่มบริกส์ (BRICS) ตอนแรกใช้ชื่อว่า บริก (BRIC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยมีสมาชิกเพียง 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จากนั้นจึงขยายเป็นบริกส์ เมื่อรับแอฟริกาใต้เข้าเป็นสมาชิกรายที่ 5 และในปีที่แล้ว ก็ได้เปิดกว้างรับพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อีกหลายราย เป็นต้นว่า อียิปต์ เอธิโอเปีย เวเนซุเอลา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียก็ได้สมัครและได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ทว่ายังไม่ได้ทำกระบวนการรับรองให้สัตยาบัน ขณะที่อาร์เจนตินา ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม หลังจากมีการเลือกตั้งและประธานาธิบดีคนใหม่เป็นพวกโปรตะวันตกเข้มข้น
    .
    เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการท้าทายตะวันตก ในวันพุธปูตินยังมีนัดหมายหารือแบบประชุมข้างเคียงกับประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียนของอิหร่าน และประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา รวมทั้งจะพบกับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งกำลังแสดงความสนใจขอสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ ตลอดจนหารือกับอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ในวันพฤหัสฯ (24 ต.ค.) ในประเด็นความขัดแย้งในยูเครน
    .
    รายงานระบุว่า กูเตอร์เรสเดินทางถึงรัสเซียในวันพุธ ซึ่งเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ยูเครน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ต่อว่ากูเตอร์เรสว่า ปฏิเสธคำเชิญร่วมงานประชุมสุดยอดสันติภาพโลกครั้งแรกของเคียฟที่จัดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อหลายเดือนก่อน แต่กลับรับคำเชิญจากอาชญากรอย่างปูติน
    .
    ทางด้านโฆษกกูเตอร์เรสอธิบายว่า ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมงานประชุมในองค์กรที่มีชาติสมาชิกจำนวนมากที่ถือเป็นแนวทางปฏิบัติปกติของกูเตอร์เรส อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีในการย้ำจุดยืนเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนและเงื่อนไขสำหรับสันติภาพที่เป็นธรรม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102300
    ..............
    Sondhi X
    ปูตินปลุกเร้าสร้าง “ระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วอำนาจ” ในงานประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ที่มีผู้นำจากนานาประเทศเข้าร่วมหารือ และประมุขทำเนียบเครมลินมุ่งใช้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความพยายามโดดเดี่ยวมอสโกของฝ่ายตะวันตกล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สี จิ้นผิง พันธมิตรสำคัญซึ่งเข้าประชุมครั้งนี้ด้วย เรียกร้องบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ ชี้จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น . การประชุมสุดยอดคราวนี้ที่จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ทางด้านตะวันตกกลางของแดนหมีขาว ถือเป็นการประชุมทางการทูตใหญ่ที่สุดซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพ นับจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งยกทัพบุกยูเครนในปี 2022 ส่งผลให้รัสเซียถูกตะวันตกรุมประณามและแซงก์ชัน . มีผู้นำราว 20 คนจากนานาชาติ รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่าง จีน อินเดีย ตุรกี และอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมการประชุมที่เมืองคาซานครั้งนี้ ในหัวข้อต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนของบริกส์ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง . มอสโกมองว่า ที่ประชุมนี้เป็นทางเลือกซึ่งกำลังทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับพวกองค์การระหว่างประเทศรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็นที่นำโดยฝ่ายตะวันตก เช่น กลุ่มจี7 และนี่ก็เป็นจุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้เป็นพันธมิตรสำคัญของปูติน . ปูตินกล่าวเปิดประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า การสร้างระเบียบโลกแบบที่ยอมรับให้มีหลายขั้วอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเป็นขั้นตอนที่มีพลวัตและไม่อาจย้อนกลับได้ พร้อมกับเรียกร้องให้เหล่าชาติสมาชิกของบริกส์ พิจารณาว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงระดับภูมิภาค . ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันอังคาร (22) ปูตินยังได้ประชุมข้างเคียงกับพวกผู้นำของหลายประเทศที่มารวมการประชุมซัมมิตบริกส์ รวมทั้ง สี และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดและการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน . ขณะที่ สี ก็กล่าวยกย่องความสัมพันธ์แนบแน่นที่จีนมีอยู่กับรัสเซีย ในโลกที่ “วุ่นวาย” และเสริมว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา การฟื้นฟู และการปรับปรุงให้ทันสมัยสำหรับทั้งสองประเทศ . ด้านปูตินขานรับว่า ความสัมพันธ์กับปักกิ่งเป็นรากฐานเสถียรภาพของโลก . ในวันพุธ ระหว่างกล่าวปราศรัยกับที่ประชุมซัมมิตกลุ่มบริกส์ สี ได้กล่าวเรียกร้องให้สมาชิกบริกส์กระชับความร่วมมือด้านการเงินและเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่าจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเรียกร้องให้ปลดชนวนความขัดแย้งในวิกฤตยูเครน และให้มีการหยุดยิงในเลบานอนและกาซา . กลุ่มบริกส์ (BRICS) ตอนแรกใช้ชื่อว่า บริก (BRIC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยมีสมาชิกเพียง 4 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จากนั้นจึงขยายเป็นบริกส์ เมื่อรับแอฟริกาใต้เข้าเป็นสมาชิกรายที่ 5 และในปีที่แล้ว ก็ได้เปิดกว้างรับพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อีกหลายราย เป็นต้นว่า อียิปต์ เอธิโอเปีย เวเนซุเอลา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่าน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียก็ได้สมัครและได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ทว่ายังไม่ได้ทำกระบวนการรับรองให้สัตยาบัน ขณะที่อาร์เจนตินา ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม หลังจากมีการเลือกตั้งและประธานาธิบดีคนใหม่เป็นพวกโปรตะวันตกเข้มข้น . เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการท้าทายตะวันตก ในวันพุธปูตินยังมีนัดหมายหารือแบบประชุมข้างเคียงกับประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียนของอิหร่าน และประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา รวมทั้งจะพบกับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งกำลังแสดงความสนใจขอสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์ ตลอดจนหารือกับอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ในวันพฤหัสฯ (24 ต.ค.) ในประเด็นความขัดแย้งในยูเครน . รายงานระบุว่า กูเตอร์เรสเดินทางถึงรัสเซียในวันพุธ ซึ่งเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ยูเครน . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ต่อว่ากูเตอร์เรสว่า ปฏิเสธคำเชิญร่วมงานประชุมสุดยอดสันติภาพโลกครั้งแรกของเคียฟที่จัดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อหลายเดือนก่อน แต่กลับรับคำเชิญจากอาชญากรอย่างปูติน . ทางด้านโฆษกกูเตอร์เรสอธิบายว่า ทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมงานประชุมในองค์กรที่มีชาติสมาชิกจำนวนมากที่ถือเป็นแนวทางปฏิบัติปกติของกูเตอร์เรส อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีในการย้ำจุดยืนเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนและเงื่อนไขสำหรับสันติภาพที่เป็นธรรม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102300 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2485 มุมมอง 1 รีวิว
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1023 มุมมอง 0 รีวิว
  • คู่ชิงฟุตซอลโลก บราซิล vs อาร์เจนตินา 04/10/67 #คู่ชิงฟุตซอล #บราซิล #อาร์เจนตินา #ฟุตซอลโลก2024
    คู่ชิงฟุตซอลโลก บราซิล vs อาร์เจนตินา 04/10/67 #คู่ชิงฟุตซอล #บราซิล #อาร์เจนตินา #ฟุตซอลโลก2024
    Like
    Love
    Yay
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2345 มุมมอง 730 0 รีวิว
  • 20 อันดับประเทศ “ผู้ชาย”นอกใจภรรยามากที่สุดในโลก
    .
    จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นในภาพ ประเทศไทยมีอัตราส่วนของผู้ชายที่แต่งงานแล้วและนอกใจคู่สมรสสูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 56% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของหลายประเทศที่มีการสำรวจมา การที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับหนึ่งนี้สะท้อนถึงปัญหาทางสังคมที่อาจต้องได้รับความสนใจและการศึกษาอย่างจริงจังในการหาทางแก้ไข
    .
    ไทย: 56%
    เดนมาร์ก: 46%
    อิตาลี: 45%
    ฝรั่งเศส: 43%
    เยอรมนี: 40%
    สหรัฐอเมริกา: 39%
    บราซิล: 38%
    สหราชอาณาจักร: 36%
    รัสเซีย: 35%
    อาร์เจนตินา: 34%
    สวิตเซอร์แลนด์: 33%
    สวีเดน: 32%
    ญี่ปุ่น: 31%
    เนเธอร์แลนด์: 30%
    สเปน: 29%
    นอร์เวย์: 28%
    ออสเตรเลีย: 27%
    อินเดีย: 25%
    เม็กซิโก: 24%
    เกาหลีใต้: 23%
    แคนาดา: 22%
    ชิลี: 21%
    ไนจีเรีย: 21%
    แอฟริกาใต้: 20%
    .
    ข้อมูล : World of Statistics
    20 อันดับประเทศ “ผู้ชาย”นอกใจภรรยามากที่สุดในโลก . จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นในภาพ ประเทศไทยมีอัตราส่วนของผู้ชายที่แต่งงานแล้วและนอกใจคู่สมรสสูงที่สุดในโลก อยู่ที่ 56% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของหลายประเทศที่มีการสำรวจมา การที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับหนึ่งนี้สะท้อนถึงปัญหาทางสังคมที่อาจต้องได้รับความสนใจและการศึกษาอย่างจริงจังในการหาทางแก้ไข . ไทย: 56% เดนมาร์ก: 46% อิตาลี: 45% ฝรั่งเศส: 43% เยอรมนี: 40% สหรัฐอเมริกา: 39% บราซิล: 38% สหราชอาณาจักร: 36% รัสเซีย: 35% อาร์เจนตินา: 34% สวิตเซอร์แลนด์: 33% สวีเดน: 32% ญี่ปุ่น: 31% เนเธอร์แลนด์: 30% สเปน: 29% นอร์เวย์: 28% ออสเตรเลีย: 27% อินเดีย: 25% เม็กซิโก: 24% เกาหลีใต้: 23% แคนาดา: 22% ชิลี: 21% ไนจีเรีย: 21% แอฟริกาใต้: 20% . ข้อมูล : World of Statistics
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ฝรั่งเศสเอาชนะสหรัฐอเมริกา 3-0 โดย อเล็กซานเดร ลากาแซ็ตต์ ยิงประตูจากระยะไกลใน นาที ที่ 61 ,มิชาเอล โอลิเซ่และ โลอิก บาเด้ ทำให้ฝรั่งเศสขึ้นเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอ นำหน้านิวซีแลนด์ที่เอาชนะกินีไป 2-1 โดยเบน เวน ยิงประตูขึ้นนำ และนิวซีแลนด์คว้าชัยชนะในนัดเปิดสนามกลุ่มเอเหนือกินีในเมืองนีซ

    ขณะที่เกมวันเปิดการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกดุเดือด โมร็อกโกเอาชนะอาร์เจนตินาไป 2-1 โมร็อกโก 2, อาร์เจนตินา 1 แต่เกมต้องหยุดการแข่งขันไปประมาณ 2 ชั่วโมงเนื่องจากแฟนบอลบุกเข้าไปในสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดย ราฮิมี่ยิงให้โมร็อกโกขึ้นนำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากนั้นยิงจุดโทษเข้าประตูในนาทีที่ 49

    ส่วนกลุ่มซี สเปนชนะอุซเบกิสถาน 2-1 โดยเซร์คิโอ โกเมซ ยิงประตูชัยให้สเปนเอาชนะอุซเบกิสถาน ในเกมนัดเปิดสนามกลุ่มซี ที่ปาร์กเดส์แพร็งซ์ในปารีส

    ส่วน อียิปต์และสาธารณรัฐโดมินิกันเสมอกันแบบไร้สกอร์ในกลุ่ม C ที่เมืองน็องต์ อียิปต์เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 13 ครั้ง ซึ่งมากที่สุด แต่ไม่เคยจบการแข่งขันได้สูงกว่าอันดับสี่ ทีมอียิปต์นี้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในโอลิมปิกที่โตเกียว

    อย่างไรก็ตามวันแรกของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส การแข่งขันฟุตบอลระหว่างอาร์เจนตินาและโมร็อกโกต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากเหตุการณ์ แฟนบอลโมร็อกโกไม่พอใจ ต่างวิ่งเข้าไปในสนาม ขณะที่บางคนขว้างขยะใส่ ทำให้เกมต้องหยุดชะงักลงอย่างเป็นทางการ สนามมาร์โรนีส์ และเกิดเหตุการณ์ กระเป๋าสตางค์ แหวน และนาฬิกาของนักกีฬาถูกขโมย รถของทีมจักรยานออสเตรเลียถูกทำลาย และข้าวของส่วนตัวของนักกีฬาถูกขโมยไป

    https://www.lemonde.fr/en/sports/article/2024/07/25/paris-2024-olympic-men-s-football-matchday-1-roundup_6697507_9.html
    ผลการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ฝรั่งเศสเอาชนะสหรัฐอเมริกา 3-0 โดย อเล็กซานเดร ลากาแซ็ตต์ ยิงประตูจากระยะไกลใน นาที ที่ 61 ,มิชาเอล โอลิเซ่และ โลอิก บาเด้ ทำให้ฝรั่งเศสขึ้นเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอ นำหน้านิวซีแลนด์ที่เอาชนะกินีไป 2-1 โดยเบน เวน ยิงประตูขึ้นนำ และนิวซีแลนด์คว้าชัยชนะในนัดเปิดสนามกลุ่มเอเหนือกินีในเมืองนีซ ขณะที่เกมวันเปิดการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกดุเดือด โมร็อกโกเอาชนะอาร์เจนตินาไป 2-1 โมร็อกโก 2, อาร์เจนตินา 1 แต่เกมต้องหยุดการแข่งขันไปประมาณ 2 ชั่วโมงเนื่องจากแฟนบอลบุกเข้าไปในสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดย ราฮิมี่ยิงให้โมร็อกโกขึ้นนำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากนั้นยิงจุดโทษเข้าประตูในนาทีที่ 49 ส่วนกลุ่มซี สเปนชนะอุซเบกิสถาน 2-1 โดยเซร์คิโอ โกเมซ ยิงประตูชัยให้สเปนเอาชนะอุซเบกิสถาน ในเกมนัดเปิดสนามกลุ่มซี ที่ปาร์กเดส์แพร็งซ์ในปารีส ส่วน อียิปต์และสาธารณรัฐโดมินิกันเสมอกันแบบไร้สกอร์ในกลุ่ม C ที่เมืองน็องต์ อียิปต์เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 13 ครั้ง ซึ่งมากที่สุด แต่ไม่เคยจบการแข่งขันได้สูงกว่าอันดับสี่ ทีมอียิปต์นี้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในโอลิมปิกที่โตเกียว อย่างไรก็ตามวันแรกของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส การแข่งขันฟุตบอลระหว่างอาร์เจนตินาและโมร็อกโกต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากเหตุการณ์ แฟนบอลโมร็อกโกไม่พอใจ ต่างวิ่งเข้าไปในสนาม ขณะที่บางคนขว้างขยะใส่ ทำให้เกมต้องหยุดชะงักลงอย่างเป็นทางการ สนามมาร์โรนีส์ และเกิดเหตุการณ์ กระเป๋าสตางค์ แหวน และนาฬิกาของนักกีฬาถูกขโมย รถของทีมจักรยานออสเตรเลียถูกทำลาย และข้าวของส่วนตัวของนักกีฬาถูกขโมยไป https://www.lemonde.fr/en/sports/article/2024/07/25/paris-2024-olympic-men-s-football-matchday-1-roundup_6697507_9.html
    WWW.LEMONDE.FR
    Paris 2024: Olympic men's football matchday 1 roundup
    Japan were the big winners on the opening night of men's football at the Olympic Games, as they dished out a battering to 10-man Paraguay. France beat the US 3-0, and Morocco got a win against Argentina in a wild start to Olympic soccer.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1054 มุมมอง 0 รีวิว