• คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว
    .
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน
    .
    ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล
    .
    เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง"
    .
    จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก
    .
    ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้
    .
    Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี
    .
    ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น
    .
    ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง
    .
    ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
    .
    สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ
    .
    เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์
    .
    ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา
    .
    เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499
    ..............
    Sondhi X
    คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว . เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน . ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ . ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล . เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง" . จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว . ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก . ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ . Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี . ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น . ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง . ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม . สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ . เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว . อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์ . ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา . เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลโจมตีทางอากาศกลางกรุงเบรุตโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ขณะที่ความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงยังคงไร้ความคืบหน้า
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า การโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อเวลา 4.00 น.วันเสาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป้าหมายอยู่ที่อาคารที่พักอาศัย 8 ชั้นที่พังถล่มเหลือเพียงซาก นอกจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คนแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 66 คน
    .
    สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนยังรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากการโจมตีด้วยโดรนในเมืองไทร์ทางใต้ของประเทศเมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกัน โดยโฆษกกลุ่มฟาตาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตคือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์จากค่ายอัล-รอชิดเดห์ในบริเวณใกล้เคียงที่ออกไปตกปลา
    .
    ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า มีการโจมตีทางอากาศในเมืองชมูสตาร์ทางตะวันออกซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 คน รวมถึงเด็ก 4 คน 5 คนในเมืองรูมินทางใต้ และอีก 5 คนในหมู่บ้านบูไดทางเหนือ
    .
    ในส่วนความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนนั้นอิงกับข้อเสนอปัจจุบันที่เรียกร้องการหยุดยิง 2 เดือน โดยที่กองทัพอิสราเอลต้องถอนออกจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ถอนไปจากบริเวณชายแดนทางใต้ของแม่น้ำลิทานี และกองทัพเลบานอนร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยมีคณะกรรมการนานาชาติติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้
    .
    เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก 2 คนเปิดเผยว่า อิสราเอลยืนกรานไม่ตกลงตามข้อเสนอนี้ ยกเว้นตนสามารถโจมตีในเลบานอนได้อย่างเสรีกรณีที่เชื่อว่า ฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลง ขณะที่เลบานอนเห็นว่า การเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวเท่ากับละเมิดอธิปไตยของเลบานอน และสัปดาห์ที่แล้ว นาอิม คัสเซ็ม ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า จะไม่ตกลงหากอิสราเอลไม่ยุติการรุกรานเลบานอนโดยสิ้นเชิง
    .
    อิสราเอลยังไม่ยอมให้ฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเลบานอน เข้าร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง และเลบานอนปฏิเสธการส่งอังกฤษที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอลเข้าร่วมเช่นเดียวกัน
    .
    สำหรับสถานการณ์ในกาซานั้น กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกหลายสิบคนจากการโจมตีตอนใต้ของกาซาในวันพฤหัสฯ และศุกร์ (21-22 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงบริเวณใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และอัล-อาฮ์รี
    .
    อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลเผยว่า ไม่รับรู้ว่า มีการโจมตีใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีที่อื่นๆ
    .
    ผู้สื่อข่าวของเอพีและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนัสเซอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คนและผู้หญิง 2 คนในเมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซาเมื่อวันเสาร์ และโรงพยาบาลอัล-ออดาเผยว่า ได้รับร่างผู้เสียชีวิต 6 คนหลังจากอิสราเอลยิงปืนใหญ่ถล่มบ้านหลังหนึ่งทางเหนือของค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา
    .
    กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากสงคราม 13 เดือนในกาซาทะลุ 44,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ได้สังหารนักรบฮามาสกว่า 17,000 คน ขณะที่การโจมตีเลบานอนของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,500 คน และทางฝั่งอิสราเอลระบุว่า ทหารของตนเสียชีวิตราว 90 นาย และพลเรือนเกือบ 50 คนจากการทิ้งระเบิดและการสู้รบทางเหนือของประเทศ
    .
    ขณะเดียวกัน ยูเอ็นระบุว่า ความพยายามให้ความช่วยเหลือพลเมืองทางเหนือของกาซาที่อิสราเอลย้อนกลับไปโจมตีอย่างหนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถูกปฏิเสธและขัดขวาง และประชากรไม่ถึง 20% ยังคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากบุกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้ที่นักรบฮามาสข้ามแดนเข้าไปโจมตีอิสราเอล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และจับตัวประกันกลับไป 250 คน โดยคาดว่า ขณะนี้ยังมีราว 100 คนถูกขังอยู่ในกาซา ซึ่งอย่างน้อย 1 ใน 3 เชื่อว่า เสียชีวิตแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113050
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลโจมตีทางอากาศกลางกรุงเบรุตโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ขณะที่ความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงยังคงไร้ความคืบหน้า . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า การโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อเวลา 4.00 น.วันเสาร์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เป้าหมายอยู่ที่อาคารที่พักอาศัย 8 ชั้นที่พังถล่มเหลือเพียงซาก นอกจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คนแล้ว ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 66 คน . สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนยังรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากการโจมตีด้วยโดรนในเมืองไทร์ทางใต้ของประเทศเมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกัน โดยโฆษกกลุ่มฟาตาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตคือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์จากค่ายอัล-รอชิดเดห์ในบริเวณใกล้เคียงที่ออกไปตกปลา . ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า มีการโจมตีทางอากาศในเมืองชมูสตาร์ทางตะวันออกซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 คน รวมถึงเด็ก 4 คน 5 คนในเมืองรูมินทางใต้ และอีก 5 คนในหมู่บ้านบูไดทางเหนือ . ในส่วนความพยายามผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนนั้นอิงกับข้อเสนอปัจจุบันที่เรียกร้องการหยุดยิง 2 เดือน โดยที่กองทัพอิสราเอลต้องถอนออกจากเลบานอน ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ถอนไปจากบริเวณชายแดนทางใต้ของแม่น้ำลิทานี และกองทัพเลบานอนร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน โดยมีคณะกรรมการนานาชาติติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ . เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก 2 คนเปิดเผยว่า อิสราเอลยืนกรานไม่ตกลงตามข้อเสนอนี้ ยกเว้นตนสามารถโจมตีในเลบานอนได้อย่างเสรีกรณีที่เชื่อว่า ฮิซบอลเลาะห์ละเมิดข้อตกลง ขณะที่เลบานอนเห็นว่า การเพิ่มเงื่อนไขดังกล่าวเท่ากับละเมิดอธิปไตยของเลบานอน และสัปดาห์ที่แล้ว นาอิม คัสเซ็ม ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า จะไม่ตกลงหากอิสราเอลไม่ยุติการรุกรานเลบานอนโดยสิ้นเชิง . อิสราเอลยังไม่ยอมให้ฝรั่งเศสที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเลบานอน เข้าร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง และเลบานอนปฏิเสธการส่งอังกฤษที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอลเข้าร่วมเช่นเดียวกัน . สำหรับสถานการณ์ในกาซานั้น กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกหลายสิบคนจากการโจมตีตอนใต้ของกาซาในวันพฤหัสฯ และศุกร์ (21-22 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงบริเวณใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และอัล-อาฮ์รี . อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลเผยว่า ไม่รับรู้ว่า มีการโจมตีใกล้โรงพยาบาลคามาล อัดวาน และไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีที่อื่นๆ . ผู้สื่อข่าวของเอพีและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนัสเซอร์รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คนและผู้หญิง 2 คนในเมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซาเมื่อวันเสาร์ และโรงพยาบาลอัล-ออดาเผยว่า ได้รับร่างผู้เสียชีวิต 6 คนหลังจากอิสราเอลยิงปืนใหญ่ถล่มบ้านหลังหนึ่งทางเหนือของค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา . กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากสงคราม 13 เดือนในกาซาทะลุ 44,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ได้สังหารนักรบฮามาสกว่า 17,000 คน ขณะที่การโจมตีเลบานอนของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,500 คน และทางฝั่งอิสราเอลระบุว่า ทหารของตนเสียชีวิตราว 90 นาย และพลเรือนเกือบ 50 คนจากการทิ้งระเบิดและการสู้รบทางเหนือของประเทศ . ขณะเดียวกัน ยูเอ็นระบุว่า ความพยายามให้ความช่วยเหลือพลเมืองทางเหนือของกาซาที่อิสราเอลย้อนกลับไปโจมตีอย่างหนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถูกปฏิเสธและขัดขวาง และประชากรไม่ถึง 20% ยังคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากบุกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้ที่นักรบฮามาสข้ามแดนเข้าไปโจมตีอิสราเอล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน และจับตัวประกันกลับไป 250 คน โดยคาดว่า ขณะนี้ยังมีราว 100 คนถูกขังอยู่ในกาซา ซึ่งอย่างน้อย 1 ใน 3 เชื่อว่า เสียชีวิตแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113050 .............. Sondhi X
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนรายงานยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 15 ราย และบาดเจ็บ 63 ราย จากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลในพื้นที่ Basta al-Fawqa กลางกรุงเบรุต เมื่อคืนที่ผ่านมา เพียงเพื่อกำจัดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ 1 คน!!

    เจ้าหน้าที่กำลังทำงานเคลื่อนย้ายเศษซาก เพื่อค้นหาร่างผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ใต้อาคารที่พังทลายอีกหลายสิบคน

    การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากอิสราเอล และเป็นช่วงที่พลเมืองเลบานอนกำลังพักผ่อนในที่พักอาศัยของตนเอง ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
    กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนรายงานยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 15 ราย และบาดเจ็บ 63 ราย จากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลในพื้นที่ Basta al-Fawqa กลางกรุงเบรุต เมื่อคืนที่ผ่านมา เพียงเพื่อกำจัดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ 1 คน!! เจ้าหน้าที่กำลังทำงานเคลื่อนย้ายเศษซาก เพื่อค้นหาร่างผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ใต้อาคารที่พังทลายอีกหลายสิบคน การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากอิสราเอล และเป็นช่วงที่พลเมืองเลบานอนกำลังพักผ่อนในที่พักอาศัยของตนเอง ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1313 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • 5/

    รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน

    มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    5/ รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 4/
    รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน

    มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    4/ รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • 3/
    รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน

    มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    3/ รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 2/
    รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน

    มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    2/ รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 1/

    รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน

    มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว

    ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    1/ รายงานล่าสุดการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลโดยใช้ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์จำนวน 5-6 ลูก เมื่อเวลา 4.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้นบนถนนฟาทัลเลาะห์พังถล่มลงมา และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพลเมืองเลบานอน มีรายงานว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คือ "ทาลัล ฮามิอา" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสภาญิฮาดของฮิซบอลเลาะห์เมื่อเดือนกันยายน หลังจากการกำจัด "อิบราฮิม อากิล" ไปแล้ว ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาร่างผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งคาดว่ามีเกือบร้อยราย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • อิสราเอลโจมตีทางอากาศย่านที่พักอาศัยที่มีผู้คนหนาแน่นในกรุงเบรุต ใกล้ๆ พวกอาคารที่ทำการรัฐบาลและสถานทูตสำคัญๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ขณะที่อเมริกากำลังเร่งผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน
    .
    สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกถล่มย่านโซแกก อัล-แบลต ที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหประชาชาติประจำเลบานอน อาคารรัฐสภาและสำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอน
    .
    กองทัพอิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าวที่กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุว่า นอกจากทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บ 24 คน
    .
    ปัจจุบัน หลายบริเวณทางตอนกลางของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงย่านโซแกก อัล-แบลต กลายเป็นที่หลบภัยของชาวเลบานอนราว 1 ล้านคนที่หลบหนีออกมาจากทางภาคใต้ของเลบานอน ตลอดจนชานเมืองด้านใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงมีการสู้รบระหว่างกองทหารอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์
    .
    สำหรับเป้าหมายการโจมตีเมื่อคืนวันจันทร์ของรัฐยิวยังไม่ชัดเจน นอกจากนั้น กองทัพอิสราเอลยังไม่ได้แจ้งเตือนล่วงหน้า
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นวันที่สองติดต่อกันที่อิสราเอลโจมตีตอนกลางของเบรุตหลังจากหยุดมากว่าเดือน โดยในวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) มีการโจมตีย่านราส เอล-นาบา ทำให้โมฮัมเหม็ด อาฟิก โฆษกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เสียชีวิตพร้อมเหยื่ออื่นๆ อีก 6 คน ที่รวมถึงผู้หญิงคนหนึ่ง และวันเดียวกันนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอีก 4 คนจากการโจมตีในย่านการค้ามาร์ เอเลียส
    .
    ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลระบุว่า ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีอิสราเอลหลายสิบลูกเมื่อวันจันทร์ ทำให้ที่เมืองเชฟาราม ผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บอีก 10 คน นอกจากนั้น ย่านชานเมืองเทลอาวีฟ ก็ถูกโจมตีเช่นกันและมีผู้บาดเจ็บ 5 คน
    .
    ภายหลังการโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อวันจันทร์ไม่นาน นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ให้ทุกประเทศและผู้มีอำนาจตัดสินใจยุติการรุกรานเลบานอนของอิสราเอลที่ทำให้มีคนล้มตายมากมายและเกิดความเสียหายรุนแรง รวมทั้งปฏิบัติตามมติของนานาชาติ โดยเฉพาะมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น
    .
    มติดังกล่าวกำหนดให้กองกำลังทุกฝ่ายถอนออกจากชายแดนทางใต้ของเลบานอนที่ติดกับอิสราเอล ยกเว้นกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นและกองทัพเลบานอน และขณะนี้อเมริกานำเอามตินี้มาปัดฝุ่นอีกครั้งโดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอหยุดยิง 60 วันที่กำลังเร่งผลักดันเพื่อยุติการยิงตอบโต้กันระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ที่ยืดเยื้อมา 13 เดือน
    .
    รายงานคาดว่า นาบีฮ์ เบอร์รี ผู้ไกล่เกลี่ยของฮิซบอลเลาะห์ จะพบกับอามอส ฮอชสตีน ผู้แทนของอเมริกาที่เดินทางถึงกรุงเบรุตแล้วเมื่อวันอังคาร (19)
    .
    มอสตาฟา เบย์รัม รัฐมนตรีแรงงานเลบานอนที่ได้พบเบอร์รีเมื่อวันจันทร์ กล่าวว่า เลบานอนมองแง่ดีกับข้อเสนอล่าสุดของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม ทางด้านอิสราเอลยืนกรานว่า ต้องมีการรับประกันว่า ตนจะสามารถดำเนินปฏิบัติการทางทหารกับฮิซบอลเลาะห์ต่อไปหากจำเป็น ซึ่งไม่มีแนวโน้มว่า เลบานอนจะยอมรับ
    .
    เดวิด เมนเซอร์ โฆษกของรัฐบาลอิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลจะยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ ระหว่างที่อเมริกาและประเทศอื่นๆ จัดการเจรจาหยุดยิง
    .
    นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยังแถลงต่อรัฐสภาว่า แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง อิสราเอลจะยังคงโจมตีฮิซบอลเลาะห์ต่อไปเมื่อไม่ให้กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ซ่องสุมกำลังกลับมาก่อความไม่สงบอีก
    .
    อนึ่ง นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อเลบานอน พร้อมประกาศกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
    .
    ทางการเลบานอนระบุว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,510 คนนับจากที่ฮิซบอลเลาะห์ปะทะกับอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทว่า ส่วนใหญ่เสียชีวิตนับจากปลายเดือนกันยายน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111449
    ..............
    อิสราเอลโจมตีทางอากาศย่านที่พักอาศัยที่มีผู้คนหนาแน่นในกรุงเบรุต ใกล้ๆ พวกอาคารที่ทำการรัฐบาลและสถานทูตสำคัญๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ขณะที่อเมริกากำลังเร่งผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน . สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ขีปนาวุธ 2 ลูกถล่มย่านโซแกก อัล-แบลต ที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหประชาชาติประจำเลบานอน อาคารรัฐสภาและสำนักนายกรัฐมนตรีเลบานอน . กองทัพอิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าวที่กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุว่า นอกจากทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บ 24 คน . ปัจจุบัน หลายบริเวณทางตอนกลางของกรุงเบรุต ซึ่งรวมถึงย่านโซแกก อัล-แบลต กลายเป็นที่หลบภัยของชาวเลบานอนราว 1 ล้านคนที่หลบหนีออกมาจากทางภาคใต้ของเลบานอน ตลอดจนชานเมืองด้านใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงมีการสู้รบระหว่างกองทหารอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ . สำหรับเป้าหมายการโจมตีเมื่อคืนวันจันทร์ของรัฐยิวยังไม่ชัดเจน นอกจากนั้น กองทัพอิสราเอลยังไม่ได้แจ้งเตือนล่วงหน้า . เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นวันที่สองติดต่อกันที่อิสราเอลโจมตีตอนกลางของเบรุตหลังจากหยุดมากว่าเดือน โดยในวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) มีการโจมตีย่านราส เอล-นาบา ทำให้โมฮัมเหม็ด อาฟิก โฆษกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เสียชีวิตพร้อมเหยื่ออื่นๆ อีก 6 คน ที่รวมถึงผู้หญิงคนหนึ่ง และวันเดียวกันนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอีก 4 คนจากการโจมตีในย่านการค้ามาร์ เอเลียส . ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลระบุว่า ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดโจมตีอิสราเอลหลายสิบลูกเมื่อวันจันทร์ ทำให้ที่เมืองเชฟาราม ผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บอีก 10 คน นอกจากนั้น ย่านชานเมืองเทลอาวีฟ ก็ถูกโจมตีเช่นกันและมีผู้บาดเจ็บ 5 คน . ภายหลังการโจมตีกลางกรุงเบรุตเมื่อวันจันทร์ไม่นาน นาจิบ มิคาติ รักษาการนายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ให้ทุกประเทศและผู้มีอำนาจตัดสินใจยุติการรุกรานเลบานอนของอิสราเอลที่ทำให้มีคนล้มตายมากมายและเกิดความเสียหายรุนแรง รวมทั้งปฏิบัติตามมติของนานาชาติ โดยเฉพาะมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น . มติดังกล่าวกำหนดให้กองกำลังทุกฝ่ายถอนออกจากชายแดนทางใต้ของเลบานอนที่ติดกับอิสราเอล ยกเว้นกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นและกองทัพเลบานอน และขณะนี้อเมริกานำเอามตินี้มาปัดฝุ่นอีกครั้งโดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอหยุดยิง 60 วันที่กำลังเร่งผลักดันเพื่อยุติการยิงตอบโต้กันระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ที่ยืดเยื้อมา 13 เดือน . รายงานคาดว่า นาบีฮ์ เบอร์รี ผู้ไกล่เกลี่ยของฮิซบอลเลาะห์ จะพบกับอามอส ฮอชสตีน ผู้แทนของอเมริกาที่เดินทางถึงกรุงเบรุตแล้วเมื่อวันอังคาร (19) . มอสตาฟา เบย์รัม รัฐมนตรีแรงงานเลบานอนที่ได้พบเบอร์รีเมื่อวันจันทร์ กล่าวว่า เลบานอนมองแง่ดีกับข้อเสนอล่าสุดของอเมริกา . อย่างไรก็ตาม ทางด้านอิสราเอลยืนกรานว่า ต้องมีการรับประกันว่า ตนจะสามารถดำเนินปฏิบัติการทางทหารกับฮิซบอลเลาะห์ต่อไปหากจำเป็น ซึ่งไม่มีแนวโน้มว่า เลบานอนจะยอมรับ . เดวิด เมนเซอร์ โฆษกของรัฐบาลอิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลจะยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ ระหว่างที่อเมริกาและประเทศอื่นๆ จัดการเจรจาหยุดยิง . นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยังแถลงต่อรัฐสภาว่า แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง อิสราเอลจะยังคงโจมตีฮิซบอลเลาะห์ต่อไปเมื่อไม่ให้กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ซ่องสุมกำลังกลับมาก่อความไม่สงบอีก . อนึ่ง นับจากปลายเดือนกันยายน อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อเลบานอน พร้อมประกาศกวาดล้างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน . ทางการเลบานอนระบุว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,510 คนนับจากที่ฮิซบอลเลาะห์ปะทะกับอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทว่า ส่วนใหญ่เสียชีวิตนับจากปลายเดือนกันยายน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111449 ..............
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1136 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอำเภอสลกบาตร สาธารณสุขฯ นายก อบต. พร้อมแอดมินเพจดังบุกตรวจสำนักสงฆ์สอนหูทิพย์-ตาทิพย์ ตั้งศพทำกิจกรรม เบื้องต้นสั่งห้ามสอนเด็กเด็ดขาดแล้ว ด้าน หน.สำนักฯ อ้างคลิปเก่า แต่บอกหู-ตาทิพย์มีทุกที่ แต่พร้อมเลิกสอน ส่วนร่างคนตายญาติยกให้เป็นอาจารย์ใหญ่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110914

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายอำเภอสลกบาตร สาธารณสุขฯ นายก อบต. พร้อมแอดมินเพจดังบุกตรวจสำนักสงฆ์สอนหูทิพย์-ตาทิพย์ ตั้งศพทำกิจกรรม เบื้องต้นสั่งห้ามสอนเด็กเด็ดขาดแล้ว ด้าน หน.สำนักฯ อ้างคลิปเก่า แต่บอกหู-ตาทิพย์มีทุกที่ แต่พร้อมเลิกสอน ส่วนร่างคนตายญาติยกให้เป็นอาจารย์ใหญ่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000110914 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงาน นับตั้งแต่การเริ่มรุกรานของกองกำลังอิสราเอล มีประชาชนชาวเลบานอนเสียชีวิตแล้ว 3,452 คน บาดเจ็บ 4,664 คน

    เฉพาะเมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บ 65 คน
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงาน นับตั้งแต่การเริ่มรุกรานของกองกำลังอิสราเอล มีประชาชนชาวเลบานอนเสียชีวิตแล้ว 3,452 คน บาดเจ็บ 4,664 คน เฉพาะเมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บ 65 คน
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 769 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✳ ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทินรีบดำเนินการทบทวนการอนุญาตวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เอกสารแนบ
    ๑. สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
    ๒. สำเนาหนังสือที่กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ส่งให้ส่วนราชการภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับปัญหาของวัคซีนโควิด

    ตามที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ โดยมาตรา ๘๖ ได้บัญญัติไว้ว่า “ยาใดที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้แล้ว หากภายหลัง ปรากฏว่ายานั้นไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ หรืออาจไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ .............ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยานั้นได้ การเพิกถอน ให้กระทำโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด” ปัจจุบันมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า วัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา ไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ กล่าวคือ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่สามารถลดการป่วยหนัก และไม่สามารถลดการเสียชีวิตลงได้ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้บริโภค อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ท่านในฐานะรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมีอำนาจและหน้าที่ ในการสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยาดังกล่าว ทั้งนี้หากท่านไม่รีบดำเนินการทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดในฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้ท่านต้องรับผิดทางอาญาและรับผิดทางละเมิดหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องกล่าวโทษท่านในอนาคต ในทางตรงกันข้ามหากท่านดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาวัคซีน mRNA ท่านจะกลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และยังเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในการรักษาผลข้างเคียงจากวัคซีนดังกล่าวด้วย

    อนึ่งจากผลการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศนโยบายในการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐ พร้อมทั้งฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยาทั้งสองข้างต้นในข้อหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน อีกทั้งยังจะทำการสอบสวนสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโควิดด้วย นโยบายดังกล่าวย่อมสงผลให้ประชาคมโลกรวมทั้งประเทศไทยรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน mRNA อันจะส่งผลให้ ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยา และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคในที่สุด
    จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านดำเนินการเพิกถอนตำรับยา และแถลงข่าวในเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยเร็วต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารแนบ
    🔸️๑. วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/194Tdo5zsHVbln0QgcEHR4w0vqQKkKKT8/view?usp=drivesdk

    🔸️๒. วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน https://docs.google.com/document/d/1UiTSqJLYwCJjMDHVKdLxvsRYSJt-pTkY/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true

    วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนการอนุญาตให้ใช้วัคซีนชนิด mRNA
    https://docs.google.com/document/d/1VE4buQ0_cFnq0skvZZBeMsrhKj4Y1WWO/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true

    วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคเปิดเผย สัญญาทาส ที่ทำไว้กับบริษัทไฟเซอร์
    https://drive.google.com/file/d/1yJ0G2ZYqtSiGLyqfNcYh815zAw4wPt21/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy) https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้เพิกถอนกสนอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด ชนิด mRNA
    https://drive.google.com/file/d/19mD3aUoAB3t-ciwUXNS9QY4EqtWS7LJ5/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนพฤติกรรมการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโคเมอร์เนตี้
    https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่ https://drive.google.com/file/d/1GIDGcv1jafx3O9bwgDUOgfohvuxNat0q/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย
    https://drive.google.com/file/d/1lvGImexMXmKdpRPdvJSq9Oqm3wrVovKK/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ กระทรวงสาธารณสุขมีเจตนาที่จะบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1uuKi_PTKtO48LBRbcLV_JbsVHTo6zKzI/view?usp=drive_link

    วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทไฟเซอร์
    https://drive.google.com/file/d/1bGwVKoRQUyNt7dXpWbTJJ_AzRyRRsgMH/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที”
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ขอให้รมต.สธ. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk

    รวมจดหมายเปิดผนึกและหนังสือต่างๆที่ทางกลุ่มฯได้ยื่นให้หน่วยงานภาครัฐ
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    ✳ ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทินรีบดำเนินการทบทวนการอนุญาตวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เอกสารแนบ ๑. สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ๒. สำเนาหนังสือที่กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ส่งให้ส่วนราชการภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับปัญหาของวัคซีนโควิด ตามที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ โดยมาตรา ๘๖ ได้บัญญัติไว้ว่า “ยาใดที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้แล้ว หากภายหลัง ปรากฏว่ายานั้นไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ หรืออาจไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ .............ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยานั้นได้ การเพิกถอน ให้กระทำโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด” ปัจจุบันมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า วัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา ไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ กล่าวคือ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่สามารถลดการป่วยหนัก และไม่สามารถลดการเสียชีวิตลงได้ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้บริโภค อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ท่านในฐานะรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมีอำนาจและหน้าที่ ในการสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยาดังกล่าว ทั้งนี้หากท่านไม่รีบดำเนินการทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดในฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้ท่านต้องรับผิดทางอาญาและรับผิดทางละเมิดหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องกล่าวโทษท่านในอนาคต ในทางตรงกันข้ามหากท่านดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาวัคซีน mRNA ท่านจะกลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และยังเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในการรักษาผลข้างเคียงจากวัคซีนดังกล่าวด้วย อนึ่งจากผลการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศนโยบายในการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐ พร้อมทั้งฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยาทั้งสองข้างต้นในข้อหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน อีกทั้งยังจะทำการสอบสวนสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโควิดด้วย นโยบายดังกล่าวย่อมสงผลให้ประชาคมโลกรวมทั้งประเทศไทยรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน mRNA อันจะส่งผลให้ ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยา และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคในที่สุด จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านดำเนินการเพิกถอนตำรับยา และแถลงข่าวในเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยเร็วต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารแนบ 🔸️๑. วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/194Tdo5zsHVbln0QgcEHR4w0vqQKkKKT8/view?usp=drivesdk 🔸️๒. วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน https://docs.google.com/document/d/1UiTSqJLYwCJjMDHVKdLxvsRYSJt-pTkY/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนการอนุญาตให้ใช้วัคซีนชนิด mRNA https://docs.google.com/document/d/1VE4buQ0_cFnq0skvZZBeMsrhKj4Y1WWO/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคเปิดเผย สัญญาทาส ที่ทำไว้กับบริษัทไฟเซอร์ https://drive.google.com/file/d/1yJ0G2ZYqtSiGLyqfNcYh815zAw4wPt21/view?usp=drivesdk วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy) https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้เพิกถอนกสนอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด ชนิด mRNA https://drive.google.com/file/d/19mD3aUoAB3t-ciwUXNS9QY4EqtWS7LJ5/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนพฤติกรรมการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโคเมอร์เนตี้ https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่ https://drive.google.com/file/d/1GIDGcv1jafx3O9bwgDUOgfohvuxNat0q/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1lvGImexMXmKdpRPdvJSq9Oqm3wrVovKK/view?usp=drivesdk วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ กระทรวงสาธารณสุขมีเจตนาที่จะบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1uuKi_PTKtO48LBRbcLV_JbsVHTo6zKzI/view?usp=drive_link วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทไฟเซอร์ https://drive.google.com/file/d/1bGwVKoRQUyNt7dXpWbTJJ_AzRyRRsgMH/view?usp=drivesdk วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ขอให้รมต.สธ. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk รวมจดหมายเปิดผนึกและหนังสือต่างๆที่ทางกลุ่มฯได้ยื่นให้หน่วยงานภาครัฐ https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลิงก์นี้ลงในเฟสบุ๊กไม่ได้ครับ

    WHO กลับคำหลัง trump มา เคยประกาศเข้ม เรื่องต้องฉีดวัคซีนและต้องมีวัคซีนพาสปอร์ตจนกระทั่งถึงมีข้อมูลวัคซีนประจำตัวที่เป็นดิจิทัลไม่ใช่นั้นจะประสบปัญหา หลังtrump ขึ้น เปลี่ยนคำทันที
    การขึ้นรัฐบาลใหม่ของสหรัฐที่มีการประกาศชัดเจนถึงเรื่อง
    ยกเลิกการสนับสนุนให้เงินองค์การอนามัยโลกเพราะไม่โปร่งใส ทุจริต

    เรื่องรื้อองค์กรทางสาธารณสุขของประเทศอเมริกา รวม CDC FDA ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับบริษัทยาและวัคซีนรวมทั้งเชื่อมโยงไปถึงนักวิชาการ

    เรื่องเลิกบังคับการฉีดวัคซีน

    เรื่องจัดการกับบริษัทที่เลิกจ้างพนักงานหรือกองทัพที่ปลดทหาร ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน

    เรื่องจัดการด็อกเตอร์เฟาซี -เกทส์ ที่เป็นตัวการในการส่งเสริมให้ทุนการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิมจะได้ปล่อยวัคซีนออกมา รวมทั้งกลบเกลื่อนร่องรอย โควิดหลุดออกมาจากห้องแลป โดยที่มีพิมพ์เขียวของตัวไวรัสอยู่แล้วก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิด

    เรื่องความไม่ปกติของวัคซีนที่ปล่อยออกมาทั้งสิ่งที่ปนเปื้อนและความสามารถที่จะก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนต่างๆได้

    ทั้งนี้หลังจากที่ประกาศชนะการเลือกตั้ง บริษัทยาและวัคซีนยักษ์ใหญ่มีการประชุมด่วน หาทางบรรเทาภัยพิบัติหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะ จะต้องมีการเรียกชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้

    ในประเทศไทยเอง ลักษณะเป็นเช่นกัน ที่มีเส้นสายโยงไย และจะเป็นลูกกระป๋องให้องค์การต่างๆ
    เหล่านี้ทำต่อไม่ได้แล้ว เพราะถูกเปิดโปง
    รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเช่นกัน ที่ถูกต่อต้านเรื่องบังคับให้ประเทศในโลกลงนามในสนธิสัญญาที่ต้องทำตามโดยไม่บิดพลิ้วในเรื่องการประกาศโรคระบาด ต้องใช้วัคซีนต้องใช้ยาตามที่องค์การอนามัยโลกสั่งทุกทุกประการ และไม่สามารถใช้สิ่งที่หาได้ในประเทศของตนเอง และสหรัฐต่อต้านสนธิสัญญานี้และจะออกจาก องค์การอนามัยโลกรวมทั้งเลิกให้ทุน

    องค์การอนามัยโลกในระยะแรก สั่งให้ทำทุกอย่างเข้มงวด สั่งให้ฉีดวัคซีน สั่งให้มีวัคซีนพาสปอร์ต
    ไม่เช่นนั้นเดินทางไม่ได้และมิหนำซ้ำไม่นานมานี้ สนับสนุนสหภาพยุโรป ที่จะให้มีการทำข้อมูลดิจิตอลของประชาชนและจะขยายครอบคลุมไปทั้งโลกให้คนทั้งโลกต้องฉีดวัคซีนตามสั่งไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ รวมทั้งเดินทาง

    ซึ่งเป็นแผนแต่ต้น ของ เฟาซี ได้กล่าวให้การในสภาของเกรสว่า ต้องทำให้ประชาชนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน มีชีวิตด้วยความยากลำบากไม่สามารถออกไปซื้อหาอาหาร ไม่สามารถเดินทาง ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และต้องถูกออกจากงาน

    แต่หลังจากที่เปลี่ยนรัฐบาลองค์การอนามัยโลกกลับคำ ว่าไม่ได้สั่งเช่นนั้นเป็นเรื่องของแต่ละประเทศเองที่ทำเอง ดังนั้นเป็นการโยนของเหลวสกปรกกลับให้แต่ละประเทศ

    น่าคิดที่กระทรวงทบวงกรมสถาบันสมาคม ยังมีการสนับสนุนวัคซีนเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยไม่แยแสต่อ
    ผลกระทบร้ายแรงทั้งเฉียบพลันและระยะยาว

    ในสหรัฐ ที่ล่าสุดมีการให้ข้อมูลต่อคณะรัฐบาลใหม่ในเรื่องของความผิดปกติของวัคซีนซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และบิดเบือนไม่ได้

    ความจริงมีหนึ่งเดียวไม่สามารถบิดเบือนได้ และใครที่ทำให้เกิดความสูญเสียของชีวิตคนไทยต้องถูกชดใช้และต้องรับผิดชอบ
    https://youtu.be/XMTYBPqIM-I?si=jztZCg1I4k3_eLLR
    ลิงก์นี้ลงในเฟสบุ๊กไม่ได้ครับ WHO กลับคำหลัง trump มา เคยประกาศเข้ม เรื่องต้องฉีดวัคซีนและต้องมีวัคซีนพาสปอร์ตจนกระทั่งถึงมีข้อมูลวัคซีนประจำตัวที่เป็นดิจิทัลไม่ใช่นั้นจะประสบปัญหา หลังtrump ขึ้น เปลี่ยนคำทันที การขึ้นรัฐบาลใหม่ของสหรัฐที่มีการประกาศชัดเจนถึงเรื่อง ยกเลิกการสนับสนุนให้เงินองค์การอนามัยโลกเพราะไม่โปร่งใส ทุจริต เรื่องรื้อองค์กรทางสาธารณสุขของประเทศอเมริกา รวม CDC FDA ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับบริษัทยาและวัคซีนรวมทั้งเชื่อมโยงไปถึงนักวิชาการ เรื่องเลิกบังคับการฉีดวัคซีน เรื่องจัดการกับบริษัทที่เลิกจ้างพนักงานหรือกองทัพที่ปลดทหาร ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เรื่องจัดการด็อกเตอร์เฟาซี -เกทส์ ที่เป็นตัวการในการส่งเสริมให้ทุนการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิมจะได้ปล่อยวัคซีนออกมา รวมทั้งกลบเกลื่อนร่องรอย โควิดหลุดออกมาจากห้องแลป โดยที่มีพิมพ์เขียวของตัวไวรัสอยู่แล้วก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิด เรื่องความไม่ปกติของวัคซีนที่ปล่อยออกมาทั้งสิ่งที่ปนเปื้อนและความสามารถที่จะก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนต่างๆได้ ทั้งนี้หลังจากที่ประกาศชนะการเลือกตั้ง บริษัทยาและวัคซีนยักษ์ใหญ่มีการประชุมด่วน หาทางบรรเทาภัยพิบัติหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะ จะต้องมีการเรียกชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ ในประเทศไทยเอง ลักษณะเป็นเช่นกัน ที่มีเส้นสายโยงไย และจะเป็นลูกกระป๋องให้องค์การต่างๆ เหล่านี้ทำต่อไม่ได้แล้ว เพราะถูกเปิดโปง รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเช่นกัน ที่ถูกต่อต้านเรื่องบังคับให้ประเทศในโลกลงนามในสนธิสัญญาที่ต้องทำตามโดยไม่บิดพลิ้วในเรื่องการประกาศโรคระบาด ต้องใช้วัคซีนต้องใช้ยาตามที่องค์การอนามัยโลกสั่งทุกทุกประการ และไม่สามารถใช้สิ่งที่หาได้ในประเทศของตนเอง และสหรัฐต่อต้านสนธิสัญญานี้และจะออกจาก องค์การอนามัยโลกรวมทั้งเลิกให้ทุน องค์การอนามัยโลกในระยะแรก สั่งให้ทำทุกอย่างเข้มงวด สั่งให้ฉีดวัคซีน สั่งให้มีวัคซีนพาสปอร์ต ไม่เช่นนั้นเดินทางไม่ได้และมิหนำซ้ำไม่นานมานี้ สนับสนุนสหภาพยุโรป ที่จะให้มีการทำข้อมูลดิจิตอลของประชาชนและจะขยายครอบคลุมไปทั้งโลกให้คนทั้งโลกต้องฉีดวัคซีนตามสั่งไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ รวมทั้งเดินทาง ซึ่งเป็นแผนแต่ต้น ของ เฟาซี ได้กล่าวให้การในสภาของเกรสว่า ต้องทำให้ประชาชนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน มีชีวิตด้วยความยากลำบากไม่สามารถออกไปซื้อหาอาหาร ไม่สามารถเดินทาง ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และต้องถูกออกจากงาน แต่หลังจากที่เปลี่ยนรัฐบาลองค์การอนามัยโลกกลับคำ ว่าไม่ได้สั่งเช่นนั้นเป็นเรื่องของแต่ละประเทศเองที่ทำเอง ดังนั้นเป็นการโยนของเหลวสกปรกกลับให้แต่ละประเทศ น่าคิดที่กระทรวงทบวงกรมสถาบันสมาคม ยังมีการสนับสนุนวัคซีนเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยไม่แยแสต่อ ผลกระทบร้ายแรงทั้งเฉียบพลันและระยะยาว ในสหรัฐ ที่ล่าสุดมีการให้ข้อมูลต่อคณะรัฐบาลใหม่ในเรื่องของความผิดปกติของวัคซีนซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และบิดเบือนไม่ได้ ความจริงมีหนึ่งเดียวไม่สามารถบิดเบือนได้ และใครที่ทำให้เกิดความสูญเสียของชีวิตคนไทยต้องถูกชดใช้และต้องรับผิดชอบ https://youtu.be/XMTYBPqIM-I?si=jztZCg1I4k3_eLLR
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 997 มุมมอง 65 0 รีวิว
  • การขึ้นรัฐบาลใหม่ของสหรัฐที่มีการประกาศชัดเจนถึงเรื่อง
    ยกเลิกการสนับสนุนให้เงินองค์การอนามัยโลกเพราะไม่โปร่งใส

    เรื่องรื้อองค์กรทางสาธารณสุขของประเทศอเมริกาที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับบริษัทยาและวัคซีนรวมทั้งเชื่อมโยงไปถึงนักวิชาการ

    เรื่องเลิกบังคับการฉีดวัคซีน

    เรื่องจัดการบริษัทที่เลิกจ้างพนักงานหรือกองทัพที่ปลดทหาร ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน

    เรื่องจัดการด็อกเตอร์เฟาซี เกทส์ ที่เป็นตัวการในการส่งเสริมให้ทุนการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิมจะได้ปล่อยวัคซีนออกมา รวมทั้งกลบเกลื่อนร่องรอย โควิดหลุดออกมาจากห้องแลป โดยที่มีพิมพ์เขียวของตัวไวรัสอยู่แล้วก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิด

    เรื่องความไม่ปกติของวัคซีนที่ปล่อยออกมาทั้งสิ่งที่ปนเปื้อนและความสามารถที่จะก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนต่างๆได้

    ทั้งนี้หลังจากที่ประกาศชนะการเลือกตั้งบริษัทยาและวัคซีนยักษ์ใหญ่มีการประชุมด่วนหาทางบรรเทาภัยพิบัติหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะ จะต้องมีการเรียกชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้

    ในประเทศไทยเอง ลักษณะเป็นเช่นกัน ที่มีเส้นสายโยงไย และจะเป็นลูกกระป๋องให้องค์การต่างๆ
    เหล่านี้ทำต่อไม่ได้แล้ว เพราะถูกเปิดโปง
    รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเช่นกัน ที่ถูกต่อต้านเรื่องบังคับให้ประเทศในโลกลงนามในสนธิสัญญาที่ต้องทำตามโดยไม่บิดพลิ้วในเรื่องการประกาศโรคระบาด ต้องใช้วัคซีนต้องใช้ยาตามที่องค์การอนามัยโลกสั่งทุกทุกประการและไม่สามารถใช้สิ่งที่หาได้ในประเทศของตนเอง และสหรัฐต่อต้านสนธิสัญญานี้และจะออกจาก องค์การอนามัยโลกรวมทั้งเลิกให้ทุน

    องค์การอนามัยโลกในระยะแรก สั่งให้ทำทุกอย่างเข้มงวด สั่งให้ฉีดวัคซีน สั่งให้มีวัคซีนพาสปอร์ต
    ไม่เช่นนั้นเดินทางไม่ได้และมิหนำซ้ำ สนับสนุนสหภาพยุโรปที่จะให้มีการทำข้อมูลดิจิตอลของประชาชนและจะขยายครอบคลุมไปทั้งโลกให้คนทั้งโลกต้องฉีดวัคซีนตามสั่งไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ รวมทั้งเดินทาง ซึ่งเป็นแผนที่ เฟาซี ได้กล่าวให้การในสภาของเกรสว่า ต้องทำให้ประชาชนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนมีชีวิตด้วยความยากลำบากไม่สามารถออกไปซื้อหาอาหาร ไม่สามารถเดินทาง ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และต้องถูกออกจากงาน

    แต่หลังจากที่เปลี่ยนรัฐบาลองค์การอนามัยโลกกลับคำ ว่าไม่ได้สั่งเช่นนั้นเป็นเรื่องของแต่ละประเทศเองที่ทำเอง ดังนั้นเป็นการโยนของเหลวสกปรกกลับให้แต่ละประเทศ

    น่าคิดที่กระทรวงทบวงกรมสถาบันสมาคม ยังมีการสนับสนุนวัคซีนเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยไม่แยแสต่อ
    ผลกระทบร้ายแรงทั้งเฉียบพลันและระยะยาว

    ในสหรัฐ ที่ล่าสุดมีการให้ข้อมูลต่อคณะรัฐบาลใหม่ในเรื่องของความผิดปกติของวัคซีนซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และบิดเบือนไม่ได้

    ความจริงมีหนึ่งเดียวไม่สามารถบิดเบือนได้ และใครที่ทำให้เกิดความสูญเสียของชีวิตคนไทยต้องถูกชดใช้และต้องรับผิดชอบ
    การขึ้นรัฐบาลใหม่ของสหรัฐที่มีการประกาศชัดเจนถึงเรื่อง ยกเลิกการสนับสนุนให้เงินองค์การอนามัยโลกเพราะไม่โปร่งใส เรื่องรื้อองค์กรทางสาธารณสุขของประเทศอเมริกาที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับบริษัทยาและวัคซีนรวมทั้งเชื่อมโยงไปถึงนักวิชาการ เรื่องเลิกบังคับการฉีดวัคซีน เรื่องจัดการบริษัทที่เลิกจ้างพนักงานหรือกองทัพที่ปลดทหาร ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เรื่องจัดการด็อกเตอร์เฟาซี เกทส์ ที่เป็นตัวการในการส่งเสริมให้ทุนการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเดิมจะได้ปล่อยวัคซีนออกมา รวมทั้งกลบเกลื่อนร่องรอย โควิดหลุดออกมาจากห้องแลป โดยที่มีพิมพ์เขียวของตัวไวรัสอยู่แล้วก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิด เรื่องความไม่ปกติของวัคซีนที่ปล่อยออกมาทั้งสิ่งที่ปนเปื้อนและความสามารถที่จะก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนต่างๆได้ ทั้งนี้หลังจากที่ประกาศชนะการเลือกตั้งบริษัทยาและวัคซีนยักษ์ใหญ่มีการประชุมด่วนหาทางบรรเทาภัยพิบัติหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะ จะต้องมีการเรียกชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ ในประเทศไทยเอง ลักษณะเป็นเช่นกัน ที่มีเส้นสายโยงไย และจะเป็นลูกกระป๋องให้องค์การต่างๆ เหล่านี้ทำต่อไม่ได้แล้ว เพราะถูกเปิดโปง รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเช่นกัน ที่ถูกต่อต้านเรื่องบังคับให้ประเทศในโลกลงนามในสนธิสัญญาที่ต้องทำตามโดยไม่บิดพลิ้วในเรื่องการประกาศโรคระบาด ต้องใช้วัคซีนต้องใช้ยาตามที่องค์การอนามัยโลกสั่งทุกทุกประการและไม่สามารถใช้สิ่งที่หาได้ในประเทศของตนเอง และสหรัฐต่อต้านสนธิสัญญานี้และจะออกจาก องค์การอนามัยโลกรวมทั้งเลิกให้ทุน องค์การอนามัยโลกในระยะแรก สั่งให้ทำทุกอย่างเข้มงวด สั่งให้ฉีดวัคซีน สั่งให้มีวัคซีนพาสปอร์ต ไม่เช่นนั้นเดินทางไม่ได้และมิหนำซ้ำ สนับสนุนสหภาพยุโรปที่จะให้มีการทำข้อมูลดิจิตอลของประชาชนและจะขยายครอบคลุมไปทั้งโลกให้คนทั้งโลกต้องฉีดวัคซีนตามสั่งไม่เช่นนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ รวมทั้งเดินทาง ซึ่งเป็นแผนที่ เฟาซี ได้กล่าวให้การในสภาของเกรสว่า ต้องทำให้ประชาชนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนมีชีวิตด้วยความยากลำบากไม่สามารถออกไปซื้อหาอาหาร ไม่สามารถเดินทาง ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ และต้องถูกออกจากงาน แต่หลังจากที่เปลี่ยนรัฐบาลองค์การอนามัยโลกกลับคำ ว่าไม่ได้สั่งเช่นนั้นเป็นเรื่องของแต่ละประเทศเองที่ทำเอง ดังนั้นเป็นการโยนของเหลวสกปรกกลับให้แต่ละประเทศ น่าคิดที่กระทรวงทบวงกรมสถาบันสมาคม ยังมีการสนับสนุนวัคซีนเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยไม่แยแสต่อ ผลกระทบร้ายแรงทั้งเฉียบพลันและระยะยาว ในสหรัฐ ที่ล่าสุดมีการให้ข้อมูลต่อคณะรัฐบาลใหม่ในเรื่องของความผิดปกติของวัคซีนซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และบิดเบือนไม่ได้ ความจริงมีหนึ่งเดียวไม่สามารถบิดเบือนได้ และใครที่ทำให้เกิดความสูญเสียของชีวิตคนไทยต้องถูกชดใช้และต้องรับผิดชอบ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 126 1 รีวิว
  • มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย ในยุทธการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทั่วเลบานอน ในนั้น 23 ราย ตายในปฏิบัติการจู่โจมทางเหนือของกรุงเบรุต จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข
    .
    อิสราเอลที่ทำสงครามกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกติดอาวุธกลุ่มนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้ของประเทศและแถบชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต
    .
    "ขึ้นไปทางเหนือ ศัตรูอิสราเอลโจมตีพื้นที่อัลมัตในเขตจะเบอิล ปลิดชีพผู้คน 23 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 3 คน" กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุในถ้อยแถลง พร้อมเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ชิ้นส่วนศพจากที่เกิดเหตุแล้ว และอยู่ระหว่างพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล
    .
    หมู่บ้านอัลมัต ซึ่งมีมุสลิมชีอะห์เป็นชนกลุ่มใหญ่ อยู่ห่างจากกรุงเบรุตไปราว 30 กิโลเมตร และอยู่รอบนอกป้อมปราการดั้งเดิมของพวกฮิซบอลเลาะห์
    .
    การโจมตีครั้งนี้เล็งเป้าเล่นงานบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกของฮิซบอลเลาะห์รายหนึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงไม่นาน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเปิดเผยกับเอเอฟพี พร้อมระบุว่าชายรายนี้ได้รับบาดเจ็บและต่อมาไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
    .
    ราอีด เบอร์โรล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฮิซบอลเลาะห์ หนึ่งในตัวแทนรัฐสภาของเขตจะเบอิล ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอิสราเอลว่า สมาชิกฮิซบอลเลาะห์ฝังตัวหรือซุกซ่อนอาวุธในหมู่พลเรือน "บุคลากรทางทหารและด้านความมั่นคงที่สำคัญ ปกติแล้วอยู่ในแนวหน้า ไม่ใช่แถวหลัง" เขาบอกกับเอเอฟพี "ใต้ซากปรักหักพังมีเพียงเด็กๆ คนชราและผู้หญิง"
    .
    ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า อาลี เฮย์ดา โพสต์ภาพบ้านหลังดังกล่าวในสภาพก่อนถูกทำลาย ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นของครอบครัวของเขา พร้อมให้ข้อมูลต่อมา มีผู้คนที่หลบหนีจากแคว้นบาอัลเบค ที่ถูกอิสราเอลทิ้งบอมบ์ถล่มอย่างหนัก ได้เข้ามาหลบภัยอาศัยอยู่ภายในบ้าน
    .
    "มีญาติๆ ของเรา 35 คนที่มาจากบาอัลเบค อยู่ภายในบ้าน ในนั้นรวมถึงพวกผู้หญิงและเด็ก" เขากล่าว "ส่วนใหญ่แล้วเสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตี"
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนเปิดเผยด้วยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ยังสังหารทีมกู้ภัยที่เกี่ยวข้องกับฮิซบอลเลาะห์ไป 3 ราย ทางใต้ของเลบานอน และคนอื่นๆ อีกอย่างน้อย 12 รายในแคว้นบาอัลเบค
    .
    ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีเมืองอัล-กาสร์ ในแคว้นเฮอร์เมล ทางตะวันออกของประเทศ
    .
    ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการของเลบานอน รายงานว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล เล่นงานบ้านหลังหนึ่งในเมืองบาอัลเบค ทางภาคตะวันออก ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การประกาศแจ้งเตือนอพยพล่วงหน้าของกองทัพอิสราเอล
    .
    อิสราเอลยกระดับยุทธการทางอากาศหนักหน่วงขึ้น ส่วนใหญ่พุ่งเป้าเล่นงานฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เมื่อวันที่ 23 กันยายน และอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก็ได้ส่งทหารราบรุกรานเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้
    .
    สถานการณที่ลุกลามเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยิงปะทะกันประปรายตามแนวชายแดนมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี โดย ฮิซบอลเลาะห์อ้างว่าพวกเขายิงใส่อิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพวกฮามาส หลังจากนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้บุกจู่โจมจากกาซาเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กระตุ้นให้อิสราเอล เปิดปฏิบัติการโจมตีและรุกรานแก้แค้น สังหารผู้คนไปแล้ว 43,603 ราย
    .
    มีผู้คนแล้วมากกว่า 3,130 รายที่เสียชีวิตในเลบานอน นับตั้งแต่การปะทะข้ามชายแดนเริ่มต้นขึ้น แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมาก จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108286
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย ในยุทธการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทั่วเลบานอน ในนั้น 23 ราย ตายในปฏิบัติการจู่โจมทางเหนือของกรุงเบรุต จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข . อิสราเอลที่ทำสงครามกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ได้ยกระดับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกติดอาวุธกลุ่มนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้ของประเทศและแถบชานเมืองทางใต้ของกรุงเบรุต . "ขึ้นไปทางเหนือ ศัตรูอิสราเอลโจมตีพื้นที่อัลมัตในเขตจะเบอิล ปลิดชีพผู้คน 23 ราย ในนั้นเป็นเด็ก 3 คน" กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนระบุในถ้อยแถลง พร้อมเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ชิ้นส่วนศพจากที่เกิดเหตุแล้ว และอยู่ระหว่างพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล . หมู่บ้านอัลมัต ซึ่งมีมุสลิมชีอะห์เป็นชนกลุ่มใหญ่ อยู่ห่างจากกรุงเบรุตไปราว 30 กิโลเมตร และอยู่รอบนอกป้อมปราการดั้งเดิมของพวกฮิซบอลเลาะห์ . การโจมตีครั้งนี้เล็งเป้าเล่นงานบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกของฮิซบอลเลาะห์รายหนึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงไม่นาน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเปิดเผยกับเอเอฟพี พร้อมระบุว่าชายรายนี้ได้รับบาดเจ็บและต่อมาไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล . ราอีด เบอร์โรล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฮิซบอลเลาะห์ หนึ่งในตัวแทนรัฐสภาของเขตจะเบอิล ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอิสราเอลว่า สมาชิกฮิซบอลเลาะห์ฝังตัวหรือซุกซ่อนอาวุธในหมู่พลเรือน "บุคลากรทางทหารและด้านความมั่นคงที่สำคัญ ปกติแล้วอยู่ในแนวหน้า ไม่ใช่แถวหลัง" เขาบอกกับเอเอฟพี "ใต้ซากปรักหักพังมีเพียงเด็กๆ คนชราและผู้หญิง" . ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า อาลี เฮย์ดา โพสต์ภาพบ้านหลังดังกล่าวในสภาพก่อนถูกทำลาย ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นของครอบครัวของเขา พร้อมให้ข้อมูลต่อมา มีผู้คนที่หลบหนีจากแคว้นบาอัลเบค ที่ถูกอิสราเอลทิ้งบอมบ์ถล่มอย่างหนัก ได้เข้ามาหลบภัยอาศัยอยู่ภายในบ้าน . "มีญาติๆ ของเรา 35 คนที่มาจากบาอัลเบค อยู่ภายในบ้าน ในนั้นรวมถึงพวกผู้หญิงและเด็ก" เขากล่าว "ส่วนใหญ่แล้วเสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตี" . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนเปิดเผยด้วยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ยังสังหารทีมกู้ภัยที่เกี่ยวข้องกับฮิซบอลเลาะห์ไป 3 ราย ทางใต้ของเลบานอน และคนอื่นๆ อีกอย่างน้อย 12 รายในแคว้นบาอัลเบค . ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีเมืองอัล-กาสร์ ในแคว้นเฮอร์เมล ทางตะวันออกของประเทศ . ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการของเลบานอน รายงานว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล เล่นงานบ้านหลังหนึ่งในเมืองบาอัลเบค ทางภาคตะวันออก ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การประกาศแจ้งเตือนอพยพล่วงหน้าของกองทัพอิสราเอล . อิสราเอลยกระดับยุทธการทางอากาศหนักหน่วงขึ้น ส่วนใหญ่พุ่งเป้าเล่นงานฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เมื่อวันที่ 23 กันยายน และอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก็ได้ส่งทหารราบรุกรานเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ . สถานการณที่ลุกลามเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยิงปะทะกันประปรายตามแนวชายแดนมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี โดย ฮิซบอลเลาะห์อ้างว่าพวกเขายิงใส่อิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนพวกฮามาส หลังจากนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้บุกจู่โจมจากกาซาเล่นงานอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 กระตุ้นให้อิสราเอล เปิดปฏิบัติการโจมตีและรุกรานแก้แค้น สังหารผู้คนไปแล้ว 43,603 ราย . มีผู้คนแล้วมากกว่า 3,130 รายที่เสียชีวิตในเลบานอน นับตั้งแต่การปะทะข้ามชายแดนเริ่มต้นขึ้น แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมาก จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108286 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 753 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!!

    ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ
    เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร

    Somkiat Osotsapa
    January 31 at 5:18am ·
    พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน
    -------------------------
    เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต
    ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก

    แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา

    แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น

    สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง

    อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า…

    เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก
    คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที
    เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค
    แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว…

    แล้วก็รู้ว่า:-
    ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ
    แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว
    งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ

    ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม

    ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก
    หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก
    นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ

    ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว

    รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก

    นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี

    ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย

    ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ…

    ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้
    แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน
    ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน

    ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข

    นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น

    นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ

    บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน

    Somkiat Osotsapa
    February 5 at 12:31am ·

    เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร
    --------------------------
    อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ

    คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน

    มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท

    ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก)

    ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50%

    คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง
    เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย

    ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก…

    รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม…

    การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย…

    รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี…

    ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก

    ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย
    เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย

    ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้

    ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด

    งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน

    เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด

    หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี

    ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า

    อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป
    --------------------------
    ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด

    ระวังว่ามันจะระเบิด

    ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ

    ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้
    ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4

    ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ

    เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ

    เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี

    กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ

    ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี…
    ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา
    วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ
    อือม์ มันน่ากลัว…
    เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว
    --------------

    ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม
    เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space

    ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่…
    สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด…

    ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก…
    ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก
    ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน

    ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000
    แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ

    ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน
    อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา…
    ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด

    มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย

    ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย

    ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้
    มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา

    ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก

    มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ
    จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้

    มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 ---------------

    ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด

    ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์

    ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า

    ไม่เจ๊งไงไหว
    ---------------------

    ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก…
    เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ

    เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้
    --------------
    ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว
    -------------------

    ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก…

    ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง

    ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม…
    ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ
    --------------
    ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน
    --------------

    ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ
    ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ

    ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน

    ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์

    ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ

    กรรมการสภากาชาดด้วย

    ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย

    ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก

    เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน

    แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว

    ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก

    ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว
    มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ
    ------------------
    ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้

    เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ
    จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้…

    วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย
    ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา
    เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!! ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร Somkiat Osotsapa January 31 at 5:18am · พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน ------------------------- เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า… เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว… แล้วก็รู้ว่า:- ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ… ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้ แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน Somkiat Osotsapa February 5 at 12:31am · เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร -------------------------- อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก) ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50% คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก… รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม… การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย… รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี… ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้ ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป -------------------------- ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด ระวังว่ามันจะระเบิด ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4 ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี… ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ อือม์ มันน่ากลัว… เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว -------------- ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่… สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด… ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก… ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000 แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา… ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้ มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้ มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 --------------- ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์ ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า ไม่เจ๊งไงไหว --------------------- ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก… เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้ -------------- ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว ------------------- ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก… ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม… ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ -------------- ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน -------------- ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์ ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ กรรมการสภากาชาดด้วย ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ ------------------ ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้ เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้… วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗
    https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน) ได้ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อชี้แจงนโยบายและการทำงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
    เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเตาปูน (รพ.สต.เตาปูน) ได้ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อชี้แจงนโยบายและการทำงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ปลดรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ (Yoav Gallant )และแต่งตั้ง อิสราเอล แคทซ์(Israel Katz) เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแทน โดยระบุว่าเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกัลลันต์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน

    โยสซี เบลิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอิสราเอล เปิดเผยกับอัลจาซีราว่า การปลดกัลแลนต์อาจเป็น “ก้าวแรกสู่การยุบรัฐบาลของเนทันยาฮู“

    ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันที่ศูนย์กลางการค้าของอิสราเอลในเมืองเทลอาวีฟ โดยปิดกั้นทางหลวงสายหลักของเมืองและจุดไฟเผา ขณะที่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันหน้าบ้านพักของเนทันยาฮูในเยรูซาเล็ม ผู้ประท้วงยังปิดกั้นถนนในสถานที่อื่นๆ หลายแห่งทั่วประเทศอีกด้วย

    เป็นเวลาหลายเดือนที่เกิดความขัดแย้งอย่างเปิดเผยระหว่างเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่กว้างขึ้นระหว่างกลุ่มพันธมิตรขวาจัดของอิสราเอลและกองทัพ ซึ่งสนับสนุนมานานแล้วที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการโจมตีฉนวนกาซาและนำตัวผู้ถูกกักขังโดยกลุ่มฮามาสหลายสิบคนกลับบ้าน

    กัลแลนท์กล่าวว่าสงครามขาดทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่เนทันยาฮูย้ำว่าการสู้รบไม่สามารถยุติลงได้ จนกว่าฮามาสจะหมดอำนาจปกครองและกองกำลังทหารในฉนวนกาซา

    มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43,391 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 102,347 รายจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปาเลสไตน์

    อิสราเอลเริ่มสงครามในฉนวนกาซาหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,139 ราย ตามการนับของอัลจาซีราที่อิงตามสถิติของอิสราเอล มีผู้ถูกจับกุมเป็นเชลยอีกประมาณ 250 ราย

    'การกำหนดลำดับความสำคัญไม่ดี'
    อิทามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติฝ่ายขวาจัด กล่าวแสดงความยินดีกับการปลดกัลแลนต์ออกจากตำแหน่ง และกล่าวว่า "ไม่สามารถบรรลุชัยชนะโดยเด็ดขาด" ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่

    ก่อนหน้านี้ เบน-กวิร์ เรียกร้องให้ปลดกัลแลนท์ออกจากตำแหน่ง

    ในสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่ากัลแลนท์เป็น “พันธมิตรที่เชื่อถือได้” และย้ำว่าการสนับสนุนอิสราเอลยังคงเป็น “อย่างแน่นหนา” และสหรัฐฯ จะทำงาน “อย่างใกล้ชิด” กับคาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่

    https://www.aljazeera.com/news/2024/11/5/israels-benjamin-netanyahu-fires-defence-minister-yoav-gallant

    #Thaitimes
    นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เนทันยาฮู ปลดรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ (Yoav Gallant )และแต่งตั้ง อิสราเอล แคทซ์(Israel Katz) เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแทน โดยระบุว่าเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวกัลลันต์เกี่ยวกับการบริหารจัดการสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน โยสซี เบลิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอิสราเอล เปิดเผยกับอัลจาซีราว่า การปลดกัลแลนต์อาจเป็น “ก้าวแรกสู่การยุบรัฐบาลของเนทันยาฮู“ ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันที่ศูนย์กลางการค้าของอิสราเอลในเมืองเทลอาวีฟ โดยปิดกั้นทางหลวงสายหลักของเมืองและจุดไฟเผา ขณะที่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันหน้าบ้านพักของเนทันยาฮูในเยรูซาเล็ม ผู้ประท้วงยังปิดกั้นถนนในสถานที่อื่นๆ หลายแห่งทั่วประเทศอีกด้วย เป็นเวลาหลายเดือนที่เกิดความขัดแย้งอย่างเปิดเผยระหว่างเนทันยาฮูและกัลแลนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกที่กว้างขึ้นระหว่างกลุ่มพันธมิตรขวาจัดของอิสราเอลและกองทัพ ซึ่งสนับสนุนมานานแล้วที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการโจมตีฉนวนกาซาและนำตัวผู้ถูกกักขังโดยกลุ่มฮามาสหลายสิบคนกลับบ้าน กัลแลนท์กล่าวว่าสงครามขาดทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่เนทันยาฮูย้ำว่าการสู้รบไม่สามารถยุติลงได้ จนกว่าฮามาสจะหมดอำนาจปกครองและกองกำลังทหารในฉนวนกาซา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43,391 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 102,347 รายจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของปาเลสไตน์ อิสราเอลเริ่มสงครามในฉนวนกาซาหลังจากกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 1,139 ราย ตามการนับของอัลจาซีราที่อิงตามสถิติของอิสราเอล มีผู้ถูกจับกุมเป็นเชลยอีกประมาณ 250 ราย 'การกำหนดลำดับความสำคัญไม่ดี' อิทามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติฝ่ายขวาจัด กล่าวแสดงความยินดีกับการปลดกัลแลนต์ออกจากตำแหน่ง และกล่าวว่า "ไม่สามารถบรรลุชัยชนะโดยเด็ดขาด" ตราบใดที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่ ก่อนหน้านี้ เบน-กวิร์ เรียกร้องให้ปลดกัลแลนท์ออกจากตำแหน่ง ในสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่ากัลแลนท์เป็น “พันธมิตรที่เชื่อถือได้” และย้ำว่าการสนับสนุนอิสราเอลยังคงเป็น “อย่างแน่นหนา” และสหรัฐฯ จะทำงาน “อย่างใกล้ชิด” กับคาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ https://www.aljazeera.com/news/2024/11/5/israels-benjamin-netanyahu-fires-defence-minister-yoav-gallant #Thaitimes
    WWW.ALJAZEERA.COM
    Israel’s Netanyahu fires Defence Minister Gallant
    Netanyahu says he has lost confidence in Gallant over the management of Israel’s ongoing wars in Gaza and Lebanon.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฉบับที่ 001/2567
    เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง

    ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้

    ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ

    ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
    ​​
    ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม
    ​​
    ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

    ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์

    ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    ​​
    ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง
    ​​
    สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว

    สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง

    ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย

    ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น

    ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่
    ​​
    พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)

    สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง
    ​​
    สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป
    ​​
    จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน

    ด้วยความปรารถนาดี
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    23 สิงหาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/?
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับที่ 001/2567 เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้ ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ​​ ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน ​​ อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม ​​ ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ​​ ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง ​​ สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่ ​​ พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน ​​ นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง ​​ สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด ​​ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่ ​​ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป ​​ จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 23 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/? วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts