• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 20 : เจ้ามือมาแล้ว
    ย้อนกลับไประหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังขับเคี้ยวกันอยู่ ประธานาธิบดีอเมริกา Woodrow Wilson นั่งบนกำแพงดูทิศทางลม ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสงครามพวกนักธุรกิจเห็นว่ามัวแต่นั่งดูทางลมแบบนั้น มันจะเข้าทางพวกเราหรือ ว่าแล้วพวกเขาก็รวบรวมพรรคพวก ตั้งคณะกำหนดทิศทางลมแทน ชื่อ “The Inquiry” เพื่อทำการศึกษา (ตามโผ !) และแนะนำประธานาธิบดี Wilson ว่า หาก Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันล้มคว่ำ โลกนี้ควรจะมีทิศทางในการเดินเกมการเมืองอย่างไร การเสนอแนะของ The Inquiry ทำผ่าน Col. Edward M. House คนสนิทของประธานาธิบดี Wilson ท่านนายพัน House นี้ เป็นตัวสำคัญในการผลักดันให้เกิด Federal Reserve System
    The Inquiry นี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของ The Council on Foreign Relations (CFR) ผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุด พวกเขาคือคนถือเข็มทิศ กำหนดทิศทางเดินของอเมริกานั่นเอง CFR เริ่มต้นจากการรวมตัวของนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา เขาตกลงกันในที่ประชุมเมื่อพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ว่า พวกเราควรจัดให้มีสถาบันร่วมมือกันระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เพื่อ “ดูแล” เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ (International Affairs) หลังจากนั้น ใน ค.ศ. 1921 พวกเขาก็ได้ขยายแนวร่วมไปยังกลุ่ม นักกฎหมายและนักการเงิน และร่วมกันตั้ง The Council on Foreign Relations ขึ้นในปี ค.ศ. 1921
    CFR มีเป้าหมายที่จะกำหนดที่ยืนของอเมริกาในโลกเสียใหม่ จากที่ทำแต่อุตสาหกรรมโดยลำพัง อยู่โดดเดี่ยว เปลี่ยนสภาพเป็นตัวกลไกสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเงินระหว่างประเทศ และกำหนดทิศทางการเดินของอเมริกาที่จะก้าวไปสู่การเป็นจักรวรรดิอเมริกา ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ การเงิน การเมืองระหว่างประเทศ การทหาร สื่อมวลชน และนักวิชาการ ในสังคมระดับสูง และทิศทางดังกล่าวจะต้องทำเป็นนโยบายระดับนานาชาติ โดยมีกลุ่มทุนใหญ่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง
    เงินคืออำนาจ อำนาจคือเงิน อย่าถามว่าพวกเขาจะสร้างอำนาจนี้ได้จริงหรือ และเมื่อมีอำนาจแล้วจะใช้อำนาจนี้ไหม จักรวรรดิอเมริกามีจริงหรือไม่ เขาว่าถามแบบนี้ แน่นอน คนถามต้องไม่ใช่เป็นพวก CFR และไม่มีวันได้เป็น ฮา !
    แต่ก่อนจะมีอำนาจ ต้องมีเงินก่อนตามสูตร แล้วนักเล่นกล ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องมีธนาคารกลาง แต่เป็นธนาคารกลางที่พวกเขา ควรเป็น (เจ้ามือ) เจ้าของและควบคุม มันเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักการเงิน 2 ฝั่งคาบสมุทร Atlantic
    J P Morgan ร่ายมนต์ให้นักการเมืองฟังว่า เหตุการณ์วิกฤติทางการเงินของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1907 น่ะ เพราะพวกคุณไม่มีระบบการเงินที่ดี รัฐบาลก็ไม่มีกระเป๋าเงินของตัวเองที่ใหญ่พอ ตอนเกิดเรื่องนะจำได้มั้ย เราน่ะ J P Morgan เป็นคนให้รัฐบาลยืมเงินนะ จะเสียหน้าแบบนั้นอีกเหรอ คำขู่ได้ผลประธานาธิบดี Wilson มือไม้สั่นรีบออก Federal Reserve Act ในปี ค.ศ. 1913 ผลของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้อเมริกาถูกควบคุม โดยผู้มีอำนาจทางการเงิน Federal Reserve Bank หรือ “Fed” (เจ้ามือตัวจริง !) ซึ่งรัฐบาลอเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ Fed สามารถที่กำหนดหลักเกณฑ์ ในการพิมพ์เงินดอลล่าร์ได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน Congress เยี่ยมจริง ๆ!!!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอนเสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 20 : เจ้ามือมาแล้ว ย้อนกลับไประหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังขับเคี้ยวกันอยู่ ประธานาธิบดีอเมริกา Woodrow Wilson นั่งบนกำแพงดูทิศทางลม ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสงครามพวกนักธุรกิจเห็นว่ามัวแต่นั่งดูทางลมแบบนั้น มันจะเข้าทางพวกเราหรือ ว่าแล้วพวกเขาก็รวบรวมพรรคพวก ตั้งคณะกำหนดทิศทางลมแทน ชื่อ “The Inquiry” เพื่อทำการศึกษา (ตามโผ !) และแนะนำประธานาธิบดี Wilson ว่า หาก Kaiser และจักรวรรดิเยอรมันล้มคว่ำ โลกนี้ควรจะมีทิศทางในการเดินเกมการเมืองอย่างไร การเสนอแนะของ The Inquiry ทำผ่าน Col. Edward M. House คนสนิทของประธานาธิบดี Wilson ท่านนายพัน House นี้ เป็นตัวสำคัญในการผลักดันให้เกิด Federal Reserve System The Inquiry นี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของ The Council on Foreign Relations (CFR) ผู้มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุด พวกเขาคือคนถือเข็มทิศ กำหนดทิศทางเดินของอเมริกานั่นเอง CFR เริ่มต้นจากการรวมตัวของนักวิชาการและนักการฑูตจากอังกฤษและอเมริกา เขาตกลงกันในที่ประชุมเมื่อพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ว่า พวกเราควรจัดให้มีสถาบันร่วมมือกันระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เพื่อ “ดูแล” เกี่ยวกับเรื่องระหว่างประเทศ (International Affairs) หลังจากนั้น ใน ค.ศ. 1921 พวกเขาก็ได้ขยายแนวร่วมไปยังกลุ่ม นักกฎหมายและนักการเงิน และร่วมกันตั้ง The Council on Foreign Relations ขึ้นในปี ค.ศ. 1921 CFR มีเป้าหมายที่จะกำหนดที่ยืนของอเมริกาในโลกเสียใหม่ จากที่ทำแต่อุตสาหกรรมโดยลำพัง อยู่โดดเดี่ยว เปลี่ยนสภาพเป็นตัวกลไกสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเงินระหว่างประเทศ และกำหนดทิศทางการเดินของอเมริกาที่จะก้าวไปสู่การเป็นจักรวรรดิอเมริกา ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านธุรกิจ การเงิน การเมืองระหว่างประเทศ การทหาร สื่อมวลชน และนักวิชาการ ในสังคมระดับสูง และทิศทางดังกล่าวจะต้องทำเป็นนโยบายระดับนานาชาติ โดยมีกลุ่มทุนใหญ่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง เงินคืออำนาจ อำนาจคือเงิน อย่าถามว่าพวกเขาจะสร้างอำนาจนี้ได้จริงหรือ และเมื่อมีอำนาจแล้วจะใช้อำนาจนี้ไหม จักรวรรดิอเมริกามีจริงหรือไม่ เขาว่าถามแบบนี้ แน่นอน คนถามต้องไม่ใช่เป็นพวก CFR และไม่มีวันได้เป็น ฮา ! แต่ก่อนจะมีอำนาจ ต้องมีเงินก่อนตามสูตร แล้วนักเล่นกล ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องมีธนาคารกลาง แต่เป็นธนาคารกลางที่พวกเขา ควรเป็น (เจ้ามือ) เจ้าของและควบคุม มันเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักการเงิน 2 ฝั่งคาบสมุทร Atlantic J P Morgan ร่ายมนต์ให้นักการเมืองฟังว่า เหตุการณ์วิกฤติทางการเงินของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1907 น่ะ เพราะพวกคุณไม่มีระบบการเงินที่ดี รัฐบาลก็ไม่มีกระเป๋าเงินของตัวเองที่ใหญ่พอ ตอนเกิดเรื่องนะจำได้มั้ย เราน่ะ J P Morgan เป็นคนให้รัฐบาลยืมเงินนะ จะเสียหน้าแบบนั้นอีกเหรอ คำขู่ได้ผลประธานาธิบดี Wilson มือไม้สั่นรีบออก Federal Reserve Act ในปี ค.ศ. 1913 ผลของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้อเมริกาถูกควบคุม โดยผู้มีอำนาจทางการเงิน Federal Reserve Bank หรือ “Fed” (เจ้ามือตัวจริง !) ซึ่งรัฐบาลอเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ Fed สามารถที่กำหนดหลักเกณฑ์ ในการพิมพ์เงินดอลล่าร์ได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน Congress เยี่ยมจริง ๆ!!! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน ผู้ดีขี้ขโมย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 19 : ผู้ดีขี้ขโมย
    คงจำกันได้ อิหร่านพบน้ำมันตั้งแต่ยังใช้ชื่อประเทศว่าเปอร์เซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 อังกฤษไม่มีน้ำมันของตนเอง จึงโดดเข้าไปคว้าข้อมือมาทำสัญญา ยังไม่หยุดแค่นั้น กลิ่นน้ำมันมันแรงเกินห้ามใจ อังกฤษบุกเข้าไปในอิหร่าน และบังคับให้อิหร่านให้สัญญาสัมปทานกับ Royal Dutch Shell ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย
    วันดีคืนดี ปี ค.ศ. 1944 คนรักชาติ ชื่อนาย Mohammad Mossadegh ทนไม่ไหว ลุกขึ้นเสนอให้อิหร่านออกกฎหมาย ห้ามเจรจาขายน้ำมันกับบริษัทต่างชาติ (สมันน้อยอ่านเรื่องอิหร่าน หลายหนหน่อยนะ เผื่อต้องใช้) อังกฤษโมโหจนหน้ามืด ยกทัพบุกเข้าไปในอิหร่านต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ ค.ศ. 1948 อังกฤษก็ถอนทัพออกมา แต่บอกว่า ประเทศยูอยู่ในความควบคุมของไอแล้วนะ ผ่านการควบคุม โดย Anglo Iranian Oil Company แหล่งน้ำมันอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น เออ ! หน้าด้าน ๆ แบบนั้นแหละ
    ระหว่างการต่อสู้ ปีค.ศ. 1947 รัฐบาลอิหร่านกระซิบเบา ๆ บอกอังกฤษว่า นายท่าน Venezuela ที่เขาทำสัญญากับ Standard Oil น่ะนะ เขาให้ส่วนแบ่ง 50:50 นะ นายท่านฉุนขาด บังอาจมาก ไม่ตกลงโว้ย คุณ Mossadegh แกก็อดทน รอไว้ก่อนวันหน้ายังมี ก็รบแพ้เขานี่ แล้วแกก็ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง
เมื่อได้เป็นผู้แทนก็พยายามอภิปรายหว่านล้อมสภา จนสภามีมติให้ไปเจรจาขอส่วนแบ่ง 50:50 กับอังกฤษต่อ
    อังกฤษปฏิเสธเหมือนเดิม แต่คราวนี้โลกมันคงหมุนกลับทาง คุณ Mossadegh ได้เป็นนายกรัฐมนตรี งานแรกที่คุณ Mossadegh ทำคือ ยึดคืนบริษัท Anglo Iranian Oil Company (คนเล่านิทานขอสดุดี) โดยยอมจ่ายค่าเสียหายให้อังกฤษ (สุภาพบุรุษมาก) แต่อังกฤษไม่เป็นสุภาพบุรุษด้วย กลับใช้วิธีขี้แพ้ชั้นเลวตอบโต้ อังกฤษไม่รอช้า เริ่มใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน (Economic Sanction) และห้ามการซื้อขายน้ำมันตามมา (Oil Embargo) นอกจากนี้ ทรัพย์สินของอิหร่านที่ฝากอยู่ในธนาคารอังกฤษถูกอายัด ค่ายน้ำมันฝั่ง Anglo – American ต่างสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษ เศรษฐกิจอิหร่านพังทลาย จากที่มีรายได้จากขายน้ำมัน ในปีค.ศ. 1950 จำนวน 400 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 2 ล้าน (อ่านว่าสองล้าน) เหรียญในปีค.ศ. 1951 ! มันโหดจริง ๆ นะ น้ำมันก็ของเขา อยู่ในบ้านเขา พอเขาไม่ยอมให้โกงต่อไป มันก็ใช้อำนาจข่มขู่
    มันไม่ใช่แค่นั้น อเมริกาช่วยส่งนักจัดรายการยี่ห้อ CIA บวก SIS ของอังกฤษเข้าไปร่วมกระชับวงล้อม ผลคงเดากันออก คุณ Mossadegh ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง และมีการอุ้ม Shah Reza Pahlavi เข้ามาในตำแหน่งแทน การคว่ำบาตรยกเลิก หงายบาตรรับเงินต่อไป อเมริกาและอังกฤษก็ได้เข้าไปทำการค้าควบคุมเหมือนเดิม ผ่านไป 30 ปี วงจรอุบาทย์ก็กลับมาใหม่ โดยคนกำกับการแสดงรายเก่า นักจัดรายการยี่ห้อเก่า แต่เหยื่อเปลี่ยนจากคุณ Mossadegh เป็นท่าน Shah เฮ้อ ! โลกมันเป็นอย่างนี้แหละ น้ำมันมันมีค่าถึงขนาดนี้เชียวหรือ เรามาพากันรณณรงค์ใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวกันดีไหม สมันน้อย พวกมันจะได้ไม่ยุ่งกับเรา 555
    เรื่องของอิหร่านไม่จบง่าย ๆ อังกฤษพยายามทำเป็นลืมเรื่อง 50:50 กับอิหร่าน แต่มันก็มีคนมากระตุก ทำให้โลหิตกระอักขึ้นมาใหม่
    ประมาณปีค.ศ. 1957 มีบริษัทน้ำมันอิตาเลี่ยนเกิดขึ้นมาใหม่ ชื่อ Azienda Generale Italiana Petroli ชื่อยาวจัง แต่ที่เรารู้จักเขาในนาม AGIP น่ะ ผู้ก่อตั้งชื่อ Enrico Mattei คุณ Mattei นี้ไม่ธรรมดา แกพยายามหาแหล่งน้ำมันให้ประเทศแก แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนที่ Anglo American คว่ำบาตรอิหร่าน คุณ Mattei แสดงความไม่เห็นด้วย แน่นอนแกย่อมถูกขึ้นบัญชีดำไว้ คุณ Mattei ไม่ย่อท้อ พยายามเดินเรื่องให้มีการออกกฎหมายใหม่ และในที่สุดอิตาลี ก็ตั้งบริษัทน้ำมันแบบรัฐถือหุ้นร่วมด้วย ชื่อ Ente Nazionale Idrocarburi (ENI) โดยมี AGIP เป็นบริษัทลูก
    แล้วคุณ Mattei ก็เดินเข้าไปขอเจรจาขุดเจาะน้ำมันกับอิหร่านโดยเสนอส่วนแบ่งให้อิหร่าน 75 และผู้ขุดเอา 25 มันกลับทางจากที่อิหร่านได้อยู่จากอังกฤษ เป็นไปได้ยังไง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ พวกเราก็รวยน้อยลงซินะ พวกนายท่านต่างไม่พอใจ เรื่องนี้ต้องจบ เข้าใจไหม
    คุณ Mattei นอกจากบอกว่าไม่เข้าใจ และยังไม่สนใจ เขาเดินหน้าต่อ ท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายหนักเข้าไปอีก ด้วยการเข้าไปติดต่อกับแหล่งน้ำมันในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของนายท่าน ด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่านายท่านแบ่งมาให้ ท้าทายแค่นี้คงยังไม่สะใจ (เฮ้อ ! อยากได้คุณ Mattei พันธ์ไทยสักคน)
    ปีค.ศ. 1960 คุณ Mattei ได้กระทำการที่นายท่านบอกว่า พอกันที มันไม่ใช่แค่หยามหน้าเราแล้วนะ แต่มันกำลังเหยียบหน้าเรา เพราะคุณ Mattei เข้าไปเจรจากับโซเวียตเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่นายท่านโคตรรวยทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้น่ะ เขาทำสัญญาตกลงซื้อน้ำมันดิบปีละ 2.4 ล้านตัน จากโซเวียตเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แต่ตกลงจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ที่โซเวียตอยากได้หนักหนาแทนให้ มันจะเป็นท่อส่งน้ำมันที่เป็น network ระหว่างน้ำมันในรัสเซียไปยัง Czechoslovakia Poland และ Hungary จำนวน 15 ล้านตันต่อปี เมื่อเสร็จสมบูรณ์
    หลังจากทำสัญญาได้ 1 เดือน คุณ Mattei ก็ตาย ตายจริง ๆ เนื่องจากเครื่องบินส่วนตัวตก หลังจากขึ้นบินไปไม่นาน สัญญาที่คุณ Mattei สร้างประวัติศาสตร์ไว้มีกับ อิหร่าน รัสเซีย โมรอคโค ซูดาน แทนซาเนีย กานา อินเดีย และอาร์เจนตินา แน่นอนสัญญาเหล่านี้ ทำให้พวกโคตรรวย นายท่าน ทั้งหลาย กลายเป็นผู้ร้ายแทนผู้ดีโคตรรวย !

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 2 ตอน ผู้ดีขี้ขโมย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 19 : ผู้ดีขี้ขโมย คงจำกันได้ อิหร่านพบน้ำมันตั้งแต่ยังใช้ชื่อประเทศว่าเปอร์เซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908 อังกฤษไม่มีน้ำมันของตนเอง จึงโดดเข้าไปคว้าข้อมือมาทำสัญญา ยังไม่หยุดแค่นั้น กลิ่นน้ำมันมันแรงเกินห้ามใจ อังกฤษบุกเข้าไปในอิหร่าน และบังคับให้อิหร่านให้สัญญาสัมปทานกับ Royal Dutch Shell ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย วันดีคืนดี ปี ค.ศ. 1944 คนรักชาติ ชื่อนาย Mohammad Mossadegh ทนไม่ไหว ลุกขึ้นเสนอให้อิหร่านออกกฎหมาย ห้ามเจรจาขายน้ำมันกับบริษัทต่างชาติ (สมันน้อยอ่านเรื่องอิหร่าน หลายหนหน่อยนะ เผื่อต้องใช้) อังกฤษโมโหจนหน้ามืด ยกทัพบุกเข้าไปในอิหร่านต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ ค.ศ. 1948 อังกฤษก็ถอนทัพออกมา แต่บอกว่า ประเทศยูอยู่ในความควบคุมของไอแล้วนะ ผ่านการควบคุม โดย Anglo Iranian Oil Company แหล่งน้ำมันอิหร่าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น เออ ! หน้าด้าน ๆ แบบนั้นแหละ ระหว่างการต่อสู้ ปีค.ศ. 1947 รัฐบาลอิหร่านกระซิบเบา ๆ บอกอังกฤษว่า นายท่าน Venezuela ที่เขาทำสัญญากับ Standard Oil น่ะนะ เขาให้ส่วนแบ่ง 50:50 นะ นายท่านฉุนขาด บังอาจมาก ไม่ตกลงโว้ย คุณ Mossadegh แกก็อดทน รอไว้ก่อนวันหน้ายังมี ก็รบแพ้เขานี่ แล้วแกก็ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง
เมื่อได้เป็นผู้แทนก็พยายามอภิปรายหว่านล้อมสภา จนสภามีมติให้ไปเจรจาขอส่วนแบ่ง 50:50 กับอังกฤษต่อ อังกฤษปฏิเสธเหมือนเดิม แต่คราวนี้โลกมันคงหมุนกลับทาง คุณ Mossadegh ได้เป็นนายกรัฐมนตรี งานแรกที่คุณ Mossadegh ทำคือ ยึดคืนบริษัท Anglo Iranian Oil Company (คนเล่านิทานขอสดุดี) โดยยอมจ่ายค่าเสียหายให้อังกฤษ (สุภาพบุรุษมาก) แต่อังกฤษไม่เป็นสุภาพบุรุษด้วย กลับใช้วิธีขี้แพ้ชั้นเลวตอบโต้ อังกฤษไม่รอช้า เริ่มใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน (Economic Sanction) และห้ามการซื้อขายน้ำมันตามมา (Oil Embargo) นอกจากนี้ ทรัพย์สินของอิหร่านที่ฝากอยู่ในธนาคารอังกฤษถูกอายัด ค่ายน้ำมันฝั่ง Anglo – American ต่างสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษ เศรษฐกิจอิหร่านพังทลาย จากที่มีรายได้จากขายน้ำมัน ในปีค.ศ. 1950 จำนวน 400 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 2 ล้าน (อ่านว่าสองล้าน) เหรียญในปีค.ศ. 1951 ! มันโหดจริง ๆ นะ น้ำมันก็ของเขา อยู่ในบ้านเขา พอเขาไม่ยอมให้โกงต่อไป มันก็ใช้อำนาจข่มขู่ มันไม่ใช่แค่นั้น อเมริกาช่วยส่งนักจัดรายการยี่ห้อ CIA บวก SIS ของอังกฤษเข้าไปร่วมกระชับวงล้อม ผลคงเดากันออก คุณ Mossadegh ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง และมีการอุ้ม Shah Reza Pahlavi เข้ามาในตำแหน่งแทน การคว่ำบาตรยกเลิก หงายบาตรรับเงินต่อไป อเมริกาและอังกฤษก็ได้เข้าไปทำการค้าควบคุมเหมือนเดิม ผ่านไป 30 ปี วงจรอุบาทย์ก็กลับมาใหม่ โดยคนกำกับการแสดงรายเก่า นักจัดรายการยี่ห้อเก่า แต่เหยื่อเปลี่ยนจากคุณ Mossadegh เป็นท่าน Shah เฮ้อ ! โลกมันเป็นอย่างนี้แหละ น้ำมันมันมีค่าถึงขนาดนี้เชียวหรือ เรามาพากันรณณรงค์ใช้น้ำมันหมู หรือน้ำมันมะพร้าวกันดีไหม สมันน้อย พวกมันจะได้ไม่ยุ่งกับเรา 555 เรื่องของอิหร่านไม่จบง่าย ๆ อังกฤษพยายามทำเป็นลืมเรื่อง 50:50 กับอิหร่าน แต่มันก็มีคนมากระตุก ทำให้โลหิตกระอักขึ้นมาใหม่ ประมาณปีค.ศ. 1957 มีบริษัทน้ำมันอิตาเลี่ยนเกิดขึ้นมาใหม่ ชื่อ Azienda Generale Italiana Petroli ชื่อยาวจัง แต่ที่เรารู้จักเขาในนาม AGIP น่ะ ผู้ก่อตั้งชื่อ Enrico Mattei คุณ Mattei นี้ไม่ธรรมดา แกพยายามหาแหล่งน้ำมันให้ประเทศแก แต่ไม่สำเร็จ เพราะตอนที่ Anglo American คว่ำบาตรอิหร่าน คุณ Mattei แสดงความไม่เห็นด้วย แน่นอนแกย่อมถูกขึ้นบัญชีดำไว้ คุณ Mattei ไม่ย่อท้อ พยายามเดินเรื่องให้มีการออกกฎหมายใหม่ และในที่สุดอิตาลี ก็ตั้งบริษัทน้ำมันแบบรัฐถือหุ้นร่วมด้วย ชื่อ Ente Nazionale Idrocarburi (ENI) โดยมี AGIP เป็นบริษัทลูก แล้วคุณ Mattei ก็เดินเข้าไปขอเจรจาขุดเจาะน้ำมันกับอิหร่านโดยเสนอส่วนแบ่งให้อิหร่าน 75 และผู้ขุดเอา 25 มันกลับทางจากที่อิหร่านได้อยู่จากอังกฤษ เป็นไปได้ยังไง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ พวกเราก็รวยน้อยลงซินะ พวกนายท่านต่างไม่พอใจ เรื่องนี้ต้องจบ เข้าใจไหม คุณ Mattei นอกจากบอกว่าไม่เข้าใจ และยังไม่สนใจ เขาเดินหน้าต่อ ท้าทายบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายหนักเข้าไปอีก ด้วยการเข้าไปติดต่อกับแหล่งน้ำมันในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของนายท่าน ด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่านายท่านแบ่งมาให้ ท้าทายแค่นี้คงยังไม่สะใจ (เฮ้อ ! อยากได้คุณ Mattei พันธ์ไทยสักคน) ปีค.ศ. 1960 คุณ Mattei ได้กระทำการที่นายท่านบอกว่า พอกันที มันไม่ใช่แค่หยามหน้าเราแล้วนะ แต่มันกำลังเหยียบหน้าเรา เพราะคุณ Mattei เข้าไปเจรจากับโซเวียตเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่นายท่านโคตรรวยทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้น่ะ เขาทำสัญญาตกลงซื้อน้ำมันดิบปีละ 2.4 ล้านตัน จากโซเวียตเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แต่ตกลงจะสร้างท่อส่งน้ำมัน ที่โซเวียตอยากได้หนักหนาแทนให้ มันจะเป็นท่อส่งน้ำมันที่เป็น network ระหว่างน้ำมันในรัสเซียไปยัง Czechoslovakia Poland และ Hungary จำนวน 15 ล้านตันต่อปี เมื่อเสร็จสมบูรณ์ หลังจากทำสัญญาได้ 1 เดือน คุณ Mattei ก็ตาย ตายจริง ๆ เนื่องจากเครื่องบินส่วนตัวตก หลังจากขึ้นบินไปไม่นาน สัญญาที่คุณ Mattei สร้างประวัติศาสตร์ไว้มีกับ อิหร่าน รัสเซีย โมรอคโค ซูดาน แทนซาเนีย กานา อินเดีย และอาร์เจนตินา แน่นอนสัญญาเหล่านี้ ทำให้พวกโคตรรวย นายท่าน ทั้งหลาย กลายเป็นผู้ร้ายแทนผู้ดีโคตรรวย ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ
    ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 18 : สร้างฉาก
    นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน !
    Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing
    การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น
    ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน
    ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก
    ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา
    ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง มายากลยุทธ ภาคสอง เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 18 : สร้างฉาก นักเล่นกลไม่ให้เสียเวลา สถานการณ์การเมืองในรัสเซียกำลังวุ่นวาย โอกาสทองมาถึงแล้ว พวกเขาจึงสร้างคอมมี่ตัวพ่อขึ้นในรัสเซีย Trotsky และพวก เข้ามานั่งประชุมวางแผนอยู่ใน New York ปี ค.ศ. 1917 โดยใช้ passport อเมริกา ซึ่งอนุมัติออกโดยประธานาธิบดี Wilson บวกได้วีซ่าเข้าประเทศ
อังกฤษ โดยมีเงื่อนไขว่า ประชุมเสร็จแล้ว รีบกลับไปรัสเซียนะเพื่อน กลับไป “ดำเนินการ” เรื่องการปฏิวัติต่อให้เรียบร้อยนะ ระหว่างเดินทางกลับ Trotsky โดนจับที่ Canada แต่ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากอังกฤษส่งสาย มากระซิบสั่ง ! เอ้อ ! จับผิดจังหวะนะไอ้น้อง ! 555 ตำรวจฝรั่งก็บื้อเหมือนกัน ! Trotsky เดินทางต่อทางเรือใน ค.ศ. 1917 มีเพื่อนร่วมทางน่าสนใจ เช่น นักลงทุนจาก Wall Street, คอมมี่สายอเมริกา และบุรุษลึกลับ ชื่อนาย Charles Crane คุณ Crane ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นลูกของผู้คุมกระเป๋าเงินของพรรค Democrat อเมริกา (มิใช่ ปชป ของพี่ชวนนะคร้าบ !) ตัวคุณ Crane เอง ก็เป็นผู้ช่วยของรมว.ต่างประเทศของอเมริกา ขณะนั้นชื่อ Robert Lansing การปฏิวัติในรัสเซีย เริ่มต้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังลุยกันอยู่ ตระกูล Morgan และตระกูล Rockefeller สนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย อย่างปิดไม่มิด เขาใช้สภากาชาดอเมริกาเป็นหน้าฉาก (ดูมันเล่นซี !) แต่คนจ่ายเงิน คือ กรรมการของ Federal Reserve Bank of New York ชื่อนาย William Boyce Thompson ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน Chase National Bank ขบวนการสนับสนุนการปฏิวัติในรัสเซีย จริง ๆ แล้ว ก็ประกอบไปด้วย ผู้คนที่เกี่ยวข้องของ Standard Oil และ National City Bank ของนักเล่นกลตระกูล Rockefeller นั่นเอง เมื่อการปฏิวัติประสบผลสำเร็จ National City Bank สาขา Petrograd เป็นธนาคารต่างประเทศ ธนาคารเดียวที่ไม่ถูกคณะปฏิวัติ ยึดเป็นของรัฐ และเมื่อโซเวียตมีแผนปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศ เขาจำเป็นต้องใช้ technology และผู้ชำนาญการจากตปท.เข้ามาช่วย และแน่นอน บริษัทที่ส่งคนไปช่วยก็มาจาก Ford, General Electric, Dupont, Standard Oil, General Motors เป็นต้น และบริษัทเหล่านี้ก็ได้เข้าทำสัญญา ทำธุรกิจในโซเวียตกันถ้วนหน้า และบริษัทพวกนี้ ก็แน่นอนเป็นเครือข่ายของ Morgan และ Rockefeller ทั้งนั้น ค.ศ. 1945 สถานการณ์โลกเปลี่ยนไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นแชมป์ หมายเลข 1 จักรภพอังกฤษ แผ่ไปถึง 1 ใน 4 ของพื้นที่โลก แต่ 30 ปีให้หลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรภพอังกฤษกลายเป็นประวัติศาสตร์ และทำให้อังกฤษต้องหันมาพึ่งลูกรัก ชื่ออเมริกาแทน ความสัมพันธ์พิเศษของประเทศไผ่กอเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการขย่มเยอรมัน จากสนธิสัญญา Versailles หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และจากความร่วมมือในการทำจารกรรมช่วงสงครามโลก ระหว่างหน่วยสืบราชการลับของ CIA (ซึ่งช่วงนั้นยังใช้ชื่อ OSS Office of trategic Services) กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ สัมพันธ์ดังกล่าวยังมีอยู่ต่อมาถึงปัจจุบันนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันสัญชาติ Anglo – American มาแรง ขยายตลาดไปทั่วจากกลไกของ World Bank IMF และการค้าเสรี GATT ซึ่งเกิดขึ้นเพราะข้อตกลง Bretton Wood ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1944 ทั้ง 3 กลไก ได้กำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอังกฤษและอเมริกา จะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินและการค้า ทั้ง 2 ประเทศคุมคะแนนเสียงของ 3 กลไก โดยสร้างระบบแลกเปลี่ยนทอง ภายใต้ระบบนี้ เงินสกุลต่าง ๆ ต้องผูกไว้กับดอลล่าร์ และใช้ดอลล่าร์ เป็นตัวเทียบอัตราแลกเปลี่ยนกับทอง 35 ดอลล่าร์ แลกทองได้ 1 ออนซ์ อเมริกาชอบใจเพราะตอนนั้นมีทองอยู่ล้นลิ้นชัก ขณะเดียวกันบริษัทยักษ์ใหญ่น้ำมันกับพี่เบิ้มวงการธนาคาร และนักค้าเงินแถว Wall Street ก็จับมือกันเล่นกล ปั่นหุ้นปั่นเงิน ในที่สุดก็ตลาดเงินก็อยู่ในมือของพวกเขา ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการเข้าไปในลาตินอเมริกาของพวกโคตรรวย เขามองหาเป้าหมายและปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องอาหาร เขาใช้โลกที่ 3 โดยเฉพาะลาตินอเมริกาเป็นเหยือ ในโลกของน้ำมันและการเงินก็มีเหยื่อเช่นเดียวกัน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • เมื่อ “อีเมลเสียงปลอม” กลายเป็นประตูสู่การยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

    ในเดือนสิงหาคม 2025 FortiGuard Labs ได้ออกคำเตือนถึงแคมเปญฟิชชิ่งระดับโลกที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคที่ดูเรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างน่ากลัว — อีเมลแจ้ง “สายที่ไม่ได้รับ” หรือ “ใบสั่งซื้อ” ที่แนบไฟล์ HTML ปลอมมาให้ผู้ใช้คลิก

    เมื่อเปิดไฟล์ HTML เหล่านี้ ผู้ใช้จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนจริงมาก โดยแสดงโลโก้และโดเมนอีเมลของบริษัทผู้ใช้เอง เพื่อหลอกให้เชื่อว่าเป็นระบบภายใน เมื่อคลิก “ดาวน์โหลดข้อความเสียง” หรือ “ดาวน์โหลดใบสั่งซื้อ” ระบบจะส่งไฟล์ JavaScript ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัว dropper สำหรับมัลแวร์ชื่อ UpCrypter

    UpCrypter ไม่ใช่แค่มัลแวร์ธรรมดา — มันสามารถตรวจสอบว่าเครื่องกำลังถูกวิเคราะห์หรือรันในสภาพแวดล้อมจำลองหรือไม่ หากพบว่ากำลังถูกตรวจสอบ มันจะหยุดทำงานหรือรีสตาร์ทเครื่องทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ

    เมื่อมัลแวร์ฝังตัวสำเร็จ มันจะดาวน์โหลด Remote Access Tools (RATs) เช่น DCRat, PureHVNC และ Babylon RAT ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้รู้ตัว

    ที่น่ากลัวคือ UpCrypter สามารถซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในไฟล์ภาพ JPG และฝังตัวในระบบผ่าน Windows Registry เพื่อให้ทำงานต่อเนื่องแม้รีสตาร์ทเครื่อง

    แคมเปญนี้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศและหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิต เทคโนโลยี การแพทย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก และโรงแรม โดยมีจำนวนการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงสองสัปดาห์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    แคมเปญฟิชชิ่งใช้ “อีเมลเสียงปลอม” และ “ใบสั่งซื้อปลอม” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้คลิกไฟล์ HTML
    เว็บไซต์ปลอมแสดงโลโก้และโดเมนอีเมลของบริษัทผู้ใช้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
    เมื่อคลิก “ดาวน์โหลด” จะได้รับไฟล์ JavaScript ที่เป็น dropper สำหรับมัลแวร์ UpCrypter
    UpCrypter สามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมและหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    มัลแวร์จะดาวน์โหลด RATs เช่น DCRat, PureHVNC และ Babylon RAT เพื่อควบคุมเครื่อง
    โค้ดอันตรายสามารถซ่อนในไฟล์ภาพ JPG และฝังตัวผ่าน Windows Registry
    แคมเปญนี้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศ เช่น ออสเตรีย แคนาดา อินเดีย และอียิปต์
    อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การผลิต เทคโนโลยี การแพทย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก และโรงแรม
    Fortinet แนะนำให้ใช้ระบบกรองอีเมลและฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง
    การตรวจสอบการใช้ PowerShell ที่เริ่มจาก Outlook.exe เป็นวิธีตรวจจับที่มีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    UpCrypter ยังมีเวอร์ชัน MSIL ที่สามารถโหลดมัลแวร์ผ่าน PowerShell และ DLL โดยไม่เขียนลงดิสก์
    เทคนิค steganography ที่ใช้ซ่อนโค้ดในภาพเป็นวิธีที่นิยมในมัลแวร์ยุคใหม่
    RATs อย่าง PureHVNC และ Babylon RAT มีความสามารถในการควบคุมหน้าจอและขโมยข้อมูลแบบเรียลไทม์
    การฝังตัวผ่าน Windows Registry ทำให้มัลแวร์สามารถรันได้ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง
    การใช้ HTML attachment เป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีเป็นเทคนิคที่ยังได้ผลดีในหลายองค์กร

    https://hackread.com/fake-voicemail-emails-install-upcrypter-malware-windows/
    🎙️ เมื่อ “อีเมลเสียงปลอม” กลายเป็นประตูสู่การยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ในเดือนสิงหาคม 2025 FortiGuard Labs ได้ออกคำเตือนถึงแคมเปญฟิชชิ่งระดับโลกที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคที่ดูเรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างน่ากลัว — อีเมลแจ้ง “สายที่ไม่ได้รับ” หรือ “ใบสั่งซื้อ” ที่แนบไฟล์ HTML ปลอมมาให้ผู้ใช้คลิก เมื่อเปิดไฟล์ HTML เหล่านี้ ผู้ใช้จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนจริงมาก โดยแสดงโลโก้และโดเมนอีเมลของบริษัทผู้ใช้เอง เพื่อหลอกให้เชื่อว่าเป็นระบบภายใน เมื่อคลิก “ดาวน์โหลดข้อความเสียง” หรือ “ดาวน์โหลดใบสั่งซื้อ” ระบบจะส่งไฟล์ JavaScript ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัว dropper สำหรับมัลแวร์ชื่อ UpCrypter UpCrypter ไม่ใช่แค่มัลแวร์ธรรมดา — มันสามารถตรวจสอบว่าเครื่องกำลังถูกวิเคราะห์หรือรันในสภาพแวดล้อมจำลองหรือไม่ หากพบว่ากำลังถูกตรวจสอบ มันจะหยุดทำงานหรือรีสตาร์ทเครื่องทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ เมื่อมัลแวร์ฝังตัวสำเร็จ มันจะดาวน์โหลด Remote Access Tools (RATs) เช่น DCRat, PureHVNC และ Babylon RAT ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้รู้ตัว ที่น่ากลัวคือ UpCrypter สามารถซ่อนโค้ดอันตรายไว้ในไฟล์ภาพ JPG และฝังตัวในระบบผ่าน Windows Registry เพื่อให้ทำงานต่อเนื่องแม้รีสตาร์ทเครื่อง แคมเปญนี้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศและหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิต เทคโนโลยี การแพทย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก และโรงแรม โดยมีจำนวนการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงสองสัปดาห์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ แคมเปญฟิชชิ่งใช้ “อีเมลเสียงปลอม” และ “ใบสั่งซื้อปลอม” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้คลิกไฟล์ HTML ➡️ เว็บไซต์ปลอมแสดงโลโก้และโดเมนอีเมลของบริษัทผู้ใช้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ➡️ เมื่อคลิก “ดาวน์โหลด” จะได้รับไฟล์ JavaScript ที่เป็น dropper สำหรับมัลแวร์ UpCrypter ➡️ UpCrypter สามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมและหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ มัลแวร์จะดาวน์โหลด RATs เช่น DCRat, PureHVNC และ Babylon RAT เพื่อควบคุมเครื่อง ➡️ โค้ดอันตรายสามารถซ่อนในไฟล์ภาพ JPG และฝังตัวผ่าน Windows Registry ➡️ แคมเปญนี้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศ เช่น ออสเตรีย แคนาดา อินเดีย และอียิปต์ ➡️ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การผลิต เทคโนโลยี การแพทย์ ก่อสร้าง ค้าปลีก และโรงแรม ➡️ Fortinet แนะนำให้ใช้ระบบกรองอีเมลและฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง ➡️ การตรวจสอบการใช้ PowerShell ที่เริ่มจาก Outlook.exe เป็นวิธีตรวจจับที่มีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ UpCrypter ยังมีเวอร์ชัน MSIL ที่สามารถโหลดมัลแวร์ผ่าน PowerShell และ DLL โดยไม่เขียนลงดิสก์ ➡️ เทคนิค steganography ที่ใช้ซ่อนโค้ดในภาพเป็นวิธีที่นิยมในมัลแวร์ยุคใหม่ ➡️ RATs อย่าง PureHVNC และ Babylon RAT มีความสามารถในการควบคุมหน้าจอและขโมยข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ การฝังตัวผ่าน Windows Registry ทำให้มัลแวร์สามารถรันได้ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ➡️ การใช้ HTML attachment เป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีเป็นเทคนิคที่ยังได้ผลดีในหลายองค์กร https://hackread.com/fake-voicemail-emails-install-upcrypter-malware-windows/
    HACKREAD.COM
    Fake Voicemail Emails Install UpCrypter Malware on Windows
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • “ไอติม” สงสัย “ไชยา” ปิดประชุมเร็ว หวังเลี่ยงพิจารณาญัตติ MOU 43-44 ชี้ไม่สมเหตุสมผลทั้งที่ยังมีวาระ
    https://www.thai-tai.tv/news/21143/
    .
    #พริษฐ์วัชรสินธุ #ข่าวการเมือง #วิปฝ่ายค้าน #รองประธานสภา #MOU4344 #ไทยไท

    “ไอติม” สงสัย “ไชยา” ปิดประชุมเร็ว หวังเลี่ยงพิจารณาญัตติ MOU 43-44 ชี้ไม่สมเหตุสมผลทั้งที่ยังมีวาระ https://www.thai-tai.tv/news/21143/ . #พริษฐ์วัชรสินธุ #ข่าวการเมือง #วิปฝ่ายค้าน #รองประธานสภา #MOU4344 #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคพิสดาร เดี๋ยวก็ล้อมรั้ว เดี๋ยวก็จะรื้อ หลุดในเอกสารชี้แจงเองว่า ล้อมรั้วหนองจานชั่วคราว ตรวจพื้นที่เสร็จจะทำให้มีสภาพเหมือนเดิม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    แม่ทัพภาคพิสดาร เดี๋ยวก็ล้อมรั้ว เดี๋ยวก็จะรื้อ หลุดในเอกสารชี้แจงเองว่า ล้อมรั้วหนองจานชั่วคราว ตรวจพื้นที่เสร็จจะทำให้มีสภาพเหมือนเดิม #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอาจเลื่อน! กฎหมาย 3 ฉบับยังไม่ผ่านสภา รมช.คมนาคมเผยอาจต้องยกเลิกมาตรการชั่วคราวหากไม่ทัน 1 ต.ค. 68 ด้านลงทะเบียนรับสิทธิ์ทะลุแสนคนแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081254

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอาจเลื่อน! กฎหมาย 3 ฉบับยังไม่ผ่านสภา รมช.คมนาคมเผยอาจต้องยกเลิกมาตรการชั่วคราวหากไม่ทัน 1 ต.ค. 68 ด้านลงทะเบียนรับสิทธิ์ทะลุแสนคนแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081254 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • Elon Musk กับภารกิจสร้างจักรวาล AI ด้วย GPU หลายพันล้านตัว

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของนวัตกรรมระดับโลก Elon Musk ก็ไม่ยอมตกขบวน เขาออกมาประกาศเป้าหมายที่ฟังดูเกินจริงแต่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน: xAI บริษัทของเขาจะใช้ GPU ที่มีพลังเทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี และในอนาคตอาจขยายไปถึง “พันล้านตัว”

    GPU เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา เช่น Colossus ที่ตั้งอยู่ในเมมฟิส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 200,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus II เพื่อรองรับการขยายตัว

    ในขณะเดียวกัน Musk ก็เปิดโมเดล Grok 2.5 ให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงโค้ดและ weights ได้อย่างอิสระ โดยมีแผนจะเปิด Grok 3 ภายใน 6 เดือนข้างหน้า

    เป้าหมายของ Musk คือการสร้างระบบ AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” และสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่อย่าง OpenAI, Meta และ Google ซึ่งต่างก็เร่งสะสม GPU และพัฒนาโมเดลของตัวเองเช่นกัน

    แต่เบื้องหลังความทะเยอทะยานนี้ ก็มีคำถามตามมา: การใช้พลังงานมหาศาลในศูนย์ข้อมูลจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร? และการเปิดโมเดลให้สาธารณะจะนำไปสู่การใช้งานในทางที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI ใช้ GPU เทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี
    ปัจจุบัน xAI มี GPU ประมาณ 200,000 ตัวในศูนย์ข้อมูล Colossus ที่เมมฟิส
    กำลังสร้าง Colossus II เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI
    Musk กล่าวว่าต้องการขยายไปถึง “พันล้าน GPU” ในอนาคต
    Grok 2.5 ถูกเปิดให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่าน Hugging Face
    Grok 3 จะเปิดโอเพ่นซอร์สภายใน 6 เดือน
    Grok 4 ยังไม่เปิดให้สาธารณะใช้งาน และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาภายใน
    xAI ต้องการสร้าง AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด”
    คู่แข่งอย่าง Meta และ OpenAI ก็มีแผนสะสม GPU หลายล้านตัวเช่นกัน
    Meta กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล Hyperion ที่ใช้พลังงานถึง 5GW เทียบเท่าฐานโหลดของ NYC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nvidia H100 เป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก
    ราคาต่อหน่วยของ H100 อยู่ที่ประมาณ $30,000 ทำให้การสะสม GPU จำนวนมากเป็นการลงทุนมหาศาล
    Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้ในวงการ AI สำหรับการแชร์โมเดลและ weights
    การเปิดโมเดลให้สาธารณะสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่างบริษัทใหญ่กำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนา hardware เฉพาะทาง เช่น ASIC และ custom chips

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-doubles-down-on-goal-of-50-million-h100-equivalent-gpus-in-the-next-5-years-envisions-billions-of-gpus-in-the-future-as-grok-2-5-goes-open-source
    🎙️ Elon Musk กับภารกิจสร้างจักรวาล AI ด้วย GPU หลายพันล้านตัว ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของนวัตกรรมระดับโลก Elon Musk ก็ไม่ยอมตกขบวน เขาออกมาประกาศเป้าหมายที่ฟังดูเกินจริงแต่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน: xAI บริษัทของเขาจะใช้ GPU ที่มีพลังเทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี และในอนาคตอาจขยายไปถึง “พันล้านตัว” GPU เหล่านี้จะถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมา เช่น Colossus ที่ตั้งอยู่ในเมมฟิส ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 200,000 ตัว และกำลังสร้าง Colossus II เพื่อรองรับการขยายตัว ในขณะเดียวกัน Musk ก็เปิดโมเดล Grok 2.5 ให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่านแพลตฟอร์ม Hugging Face เพื่อให้ชุมชนนักพัฒนาเข้าถึงโค้ดและ weights ได้อย่างอิสระ โดยมีแผนจะเปิด Grok 3 ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เป้าหมายของ Musk คือการสร้างระบบ AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” และสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่อย่าง OpenAI, Meta และ Google ซึ่งต่างก็เร่งสะสม GPU และพัฒนาโมเดลของตัวเองเช่นกัน แต่เบื้องหลังความทะเยอทะยานนี้ ก็มีคำถามตามมา: การใช้พลังงานมหาศาลในศูนย์ข้อมูลจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร? และการเปิดโมเดลให้สาธารณะจะนำไปสู่การใช้งานในทางที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Elon Musk ตั้งเป้าให้ xAI ใช้ GPU เทียบเท่า H100 จำนวน 50 ล้านตัวภายใน 5 ปี ➡️ ปัจจุบัน xAI มี GPU ประมาณ 200,000 ตัวในศูนย์ข้อมูล Colossus ที่เมมฟิส ➡️ กำลังสร้าง Colossus II เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน AI ➡️ Musk กล่าวว่าต้องการขยายไปถึง “พันล้าน GPU” ในอนาคต ➡️ Grok 2.5 ถูกเปิดให้เป็นโอเพ่นซอร์สผ่าน Hugging Face ➡️ Grok 3 จะเปิดโอเพ่นซอร์สภายใน 6 เดือน ➡️ Grok 4 ยังไม่เปิดให้สาธารณะใช้งาน และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาภายใน ➡️ xAI ต้องการสร้าง AI ที่ “แสวงหาความจริงสูงสุด” ➡️ คู่แข่งอย่าง Meta และ OpenAI ก็มีแผนสะสม GPU หลายล้านตัวเช่นกัน ➡️ Meta กำลังสร้างศูนย์ข้อมูล Hyperion ที่ใช้พลังงานถึง 5GW เทียบเท่าฐานโหลดของ NYC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nvidia H100 เป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก ➡️ ราคาต่อหน่วยของ H100 อยู่ที่ประมาณ $30,000 ทำให้การสะสม GPU จำนวนมากเป็นการลงทุนมหาศาล ➡️ Hugging Face เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่นิยมใช้ในวงการ AI สำหรับการแชร์โมเดลและ weights ➡️ การเปิดโมเดลให้สาธารณะสามารถช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ➡️ การแข่งขันด้าน AI ระหว่างบริษัทใหญ่กำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนา hardware เฉพาะทาง เช่น ASIC และ custom chips https://www.tomshardware.com/tech-industry/elon-musk-doubles-down-on-goal-of-50-million-h100-equivalent-gpus-in-the-next-5-years-envisions-billions-of-gpus-in-the-future-as-grok-2-5-goes-open-source
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • 20 บาทตลอดสายส่อสะดุด! รมช.คมนาคมยอมรับ ต้องรอกฎหมาย 3 ฉบับผ่านสภาฯ หากไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ อาจต้องขยับวันออกไป
    https://www.thai-tai.tv/news/21140/
    .
    #รถไฟฟ้า20บาท #มนพรเจริญศรี #ข่าวคมนาคม #กระทรวงคมนาคม #นโยบายรัฐบาล #ไทยไท

    20 บาทตลอดสายส่อสะดุด! รมช.คมนาคมยอมรับ ต้องรอกฎหมาย 3 ฉบับผ่านสภาฯ หากไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ อาจต้องขยับวันออกไป https://www.thai-tai.tv/news/21140/ . #รถไฟฟ้า20บาท #มนพรเจริญศรี #ข่าวคมนาคม #กระทรวงคมนาคม #นโยบายรัฐบาล #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ..ได้ข้อสรุปชัดเจนสำหรับคนไทยเราแล้ว.

    ..ใครไม่ต้องการยกเลิกmou43และ44ที่ไม่ผ่านสภา สส.สว.เลย ก้าวล่วงพระราชอำนาจเรื่องแผ่นดินไทยแทนพระมหากษัตริย์ไทยเราด้วย รู้ชัดแก่ใจว่าถ้าใช้mou43และ44นี้ไทยเราจะเสียแผ่นดินไทยเป็นอันมากแน่นอนจากปกติไม่เสียอะไรคือใช้1:50,000ปกติที่พ่อหลวง ร.9ใช้มาโดยตลอด.,นั้นคือคนเหล่านี้ที่กอดmou43และ44ไว้คือผู้กบฎทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยเรา เป็นปฏิปักษ์ต่ออธิปไตยไทยเรา,คือศัตรูของแผ่นดินไทยชัดเจนหมายล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วยเพราะกล้าก้าวล่วงพระราชอำนาจชัดเจนแล้วนั้นเอง ไม่เห็นสถาบันกษัตริย์อยู่ในสายตา กล้าหาญตัดสินใจเองเรื่องแผ่นดินอธิปไตยชาติ สมยอมอ้างmou43,44นี้นำไปสู่การเสียดินแดนตลอดพื้นที่บนอ่าวไทยชัดเจนด้วย,พวกนี้ทั้งหมดต้องถูกประหารชีวิตทันที.

    https://youtube.com/shorts/hD9ysgLiVEw?si=FmyAPFVul6OPUM_C
    ..ได้ข้อสรุปชัดเจนสำหรับคนไทยเราแล้ว. ..ใครไม่ต้องการยกเลิกmou43และ44ที่ไม่ผ่านสภา สส.สว.เลย ก้าวล่วงพระราชอำนาจเรื่องแผ่นดินไทยแทนพระมหากษัตริย์ไทยเราด้วย รู้ชัดแก่ใจว่าถ้าใช้mou43และ44นี้ไทยเราจะเสียแผ่นดินไทยเป็นอันมากแน่นอนจากปกติไม่เสียอะไรคือใช้1:50,000ปกติที่พ่อหลวง ร.9ใช้มาโดยตลอด.,นั้นคือคนเหล่านี้ที่กอดmou43และ44ไว้คือผู้กบฎทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยเรา เป็นปฏิปักษ์ต่ออธิปไตยไทยเรา,คือศัตรูของแผ่นดินไทยชัดเจนหมายล้มล้างสถาบันกษัตริย์ด้วยเพราะกล้าก้าวล่วงพระราชอำนาจชัดเจนแล้วนั้นเอง ไม่เห็นสถาบันกษัตริย์อยู่ในสายตา กล้าหาญตัดสินใจเองเรื่องแผ่นดินอธิปไตยชาติ สมยอมอ้างmou43,44นี้นำไปสู่การเสียดินแดนตลอดพื้นที่บนอ่าวไทยชัดเจนด้วย,พวกนี้ทั้งหมดต้องถูกประหารชีวิตทันที. https://youtube.com/shorts/hD9ysgLiVEw?si=FmyAPFVul6OPUM_C
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาก่อความวุ่นวายหลังทหารไทยวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยชั่วคราวให้กับคณะจังหวัดสระแก้วขณะลงตรวจพื้นที่ที่ดินของประชาชน หลังตรวจพื้นที่เสร็จได้ปรับให้ดำรงสภาพเดิม เพื่อมิให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081135

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาก่อความวุ่นวายหลังทหารไทยวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยชั่วคราวให้กับคณะจังหวัดสระแก้วขณะลงตรวจพื้นที่ที่ดินของประชาชน หลังตรวจพื้นที่เสร็จได้ปรับให้ดำรงสภาพเดิม เพื่อมิให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081135 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร
    อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก)
    ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก
    ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย
    ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้
    J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !)
    ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก) ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้ J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !) ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก
    อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ
    แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว
    ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง
    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์
    (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน)
    อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม !
    แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !)
    เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ
    – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย
    อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้
    รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน
    แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน) อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม ! แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้ รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • คุณรักษาการณ์นายกฯ ครับ ที่ชัดๆ มี ช่วยกรุณาทำให้มันจบในแบบ ความจริง ให้เห็นในช่วงสมัยของท่านได้ไหมครับ เชิญผู้รู้ และฝ่ายความมั่นคงมาคุยกันพร้อมเอกสาร เปิดสภาฯ แล้วลงมือทำให้เห็น ช่วงท่านยังมี หน้าฯ... อยู่

    https://youtu.be/ucM48Vzsh40?si=VDuBndRhe1cmWafU
    คุณรักษาการณ์นายกฯ ครับ ที่ชัดๆ มี ช่วยกรุณาทำให้มันจบในแบบ ความจริง ให้เห็นในช่วงสมัยของท่านได้ไหมครับ เชิญผู้รู้ และฝ่ายความมั่นคงมาคุยกันพร้อมเอกสาร เปิดสภาฯ แล้วลงมือทำให้เห็น ช่วงท่านยังมี หน้าฯ... อยู่ https://youtu.be/ucM48Vzsh40?si=VDuBndRhe1cmWafU
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • กลุ่มสว.อิสระ แถลง! ค้านตั้งกมธ.ศึกษา “ยกเลิก MOU 43-44” ชี้เป็นญัตติ “ลักหลับ” อ้างใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/21127/
    .
    #เปรมศักดิ์เพียยุระ #MOU4344 #ญัตติลักหลับ #วุฒิสภา #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    กลุ่มสว.อิสระ แถลง! ค้านตั้งกมธ.ศึกษา “ยกเลิก MOU 43-44” ชี้เป็นญัตติ “ลักหลับ” อ้างใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/21127/ . #เปรมศักดิ์เพียยุระ #MOU4344 #ญัตติลักหลับ #วุฒิสภา #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • เห็นหน้า ปรูม ตรัม รับคณะรัฐสภาสหรัฐฯ แล้วหวั่นใจเลย ไม่รู้มันจะเล่าไปปกป้องเขมรไปหรือเปล่า ยิงโรงพยาบาลแค่พลาด ไม่ละเมิดหยุดยิง ไม่ใช่ทุ่นใหม่ ทหารไทยต้องเดินระวัง รุกล้ำหนองจานต้องคุยกัน หนองจานไม่มีโฉนด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เห็นหน้า ปรูม ตรัม รับคณะรัฐสภาสหรัฐฯ แล้วหวั่นใจเลย ไม่รู้มันจะเล่าไปปกป้องเขมรไปหรือเปล่า ยิงโรงพยาบาลแค่พลาด ไม่ละเมิดหยุดยิง ไม่ใช่ทุ่นใหม่ ทหารไทยต้องเดินระวัง รุกล้ำหนองจานต้องคุยกัน หนองจานไม่มีโฉนด #คิงส์โพธิ์แดง
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI : คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส

    เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต

    เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout และการซื้อขายออนไลน์ เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น แพทย์ นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า

    เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม

    ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน

    ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร

    ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI

    เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป

    1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป

    2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา

    3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer

    เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ

    สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI 🤖: 📚 คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี 🙎‍♂️ ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง🤞 การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก🌏 รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส 🌞 เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" ⁉️ มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย 🙏 ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย 👴 ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ📉 ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต 🔮 เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout 🏧 และการซื้อขายออนไลน์ 🌐 เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot 🤖 และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ 🚗 และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น 🧑‍⚕️ แพทย์ 👩‍🔬นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ 👩‍🏫 ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา 🧘 การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม 💪 ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน 💷💶💵 ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง 📊 ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร 🧍‍♂️ ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด 🏫 มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th 🌐 ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane 🕸️ นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป 1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ 👩‍💻 เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป 2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ 👨‍🏭 ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา 3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก 🏓 โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ 🗝️ สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน – เมื่อสถิติไม่สามารถแยกสิ่งใดออกจากกันได้จริง

    ลองจินตนาการว่าเรากำลังวิเคราะห์ข้อมูลจากโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมมนุษย์ สุขภาพ การศึกษา หรือแม้แต่ความชอบส่วนตัว คุณอาจคิดว่าบางตัวแปรไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เช่น สีโปรดกับรายได้ แต่ในความเป็นจริง ทุกตัวแปรมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่งเสมอ

    นี่คือแนวคิดที่ Gwern เรียกว่า “Everything is correlated” หรือ “crud factor” ซึ่งหมายถึงว่าในโลกจริง ไม่มีตัวแปรใดที่มีความสัมพันธ์เป็นศูนย์อย่างแท้จริง แม้แต่ตัวแปรที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ยังมีความสัมพันธ์เล็กน้อยที่สามารถตรวจจับได้เมื่อมีข้อมูลมากพอ

    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ในวงการสถิติ โดยเฉพาะการทดสอบสมมติฐานศูนย์ (null hypothesis) ที่มักตั้งสมมติฐานว่า “ไม่มีความสัมพันธ์” หรือ “ไม่มีผล” ซึ่งในโลกจริง สมมติฐานนี้แทบจะไม่มีวันเป็นจริงเลย

    นักสถิติหลายคน เช่น Meehl, Nunnally, และ Thorndike ต่างชี้ว่า เมื่อขนาดตัวอย่างใหญ่พอ ทุกความสัมพันธ์จะกลายเป็น “มีนัยสำคัญทางสถิติ” แม้จะไม่มีความหมายในเชิงปฏิบัติเลยก็ตาม

    Gwern เสนอว่าเราควรเปลี่ยนวิธีคิดใหม่: แทนที่จะถามว่า “มีความสัมพันธ์หรือไม่” เราควรถามว่า “ความสัมพันธ์นั้นมีความหมายหรือไม่” และควรให้ความสำคัญกับขนาดของผลมากกว่าค่า p-value

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    แนวคิด “Everything is correlated” หมายถึงทุกตัวแปรในโลกจริงมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง
    ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ใช่ความผิดพลาดจากการสุ่ม แต่เป็นผลจากโครงสร้างเชิงสาเหตุที่ซับซ้อน
    การทดสอบสมมติฐานศูนย์ (null hypothesis) มักจะล้มเหลว เพราะสมมติฐานนั้นแทบไม่เคยเป็นจริง
    เมื่อขนาดตัวอย่างใหญ่พอ สมมติฐานศูนย์จะถูกปฏิเสธเสมอ แม้ผลจะไม่มีความหมายในเชิงปฏิบัติ
    แนวคิดนี้มีชื่อเรียกหลายแบบ เช่น “crud factor”, “ambient correlational noise”, “coefficients are never zero”
    Thorndike เคยกล่าวว่า “ในธรรมชาติมนุษย์ คุณลักษณะที่ดีมักจะมาคู่กัน”
    การจำลอง Monte Carlo แสดงให้เห็นว่าแม้ตัวแปรที่ไม่เกี่ยวข้องกันก็ยังมีความสัมพันธ์เล็กน้อย
    แนวคิดนี้มีผลต่อการสร้างโมเดลเชิงสาเหตุ การตีความโมเดล และการออกแบบการทดลอง
    การใช้หลัก “bet on sparsity” ช่วยให้เราเน้นตัวแปรสำคัญที่มีผลมากที่สุด
    ตัวแปรที่ไม่มีความสัมพันธ์เลยอาจเป็นสัญญาณว่าข้อมูลมีปัญหา เช่น การวัดผิด หรือการสุ่มตอบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Meehl เสนอว่าในจิตวิทยา สมมติฐานศูนย์ควรถือว่า “เป็นเท็จเสมอ”
    Webster & Starbuck วิเคราะห์กว่า 14,000 ความสัมพันธ์ในงานวิจัย พบว่าค่าเฉลี่ยของ “crud factor” อยู่ที่ r ≈ 0.09
    การใช้ p-value เป็นเกณฑ์เดียวในการตัดสินใจอาจนำไปสู่การตีความผิด
    นักสถิติหลายคนเสนอให้ใช้การประมาณค่าผล (effect size) แทนการทดสอบความมีนัยสำคัญ
    ความสัมพันธ์เล็ก ๆ อาจเกิดจากตัวแปรแฝง เช่น ความฉลาด, ความตื่นตัว, หรือสภาพแวดล้อม

    https://gwern.net/everything
    🎙️ ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน – เมื่อสถิติไม่สามารถแยกสิ่งใดออกจากกันได้จริง ลองจินตนาการว่าเรากำลังวิเคราะห์ข้อมูลจากโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมมนุษย์ สุขภาพ การศึกษา หรือแม้แต่ความชอบส่วนตัว คุณอาจคิดว่าบางตัวแปรไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เช่น สีโปรดกับรายได้ แต่ในความเป็นจริง ทุกตัวแปรมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่งเสมอ นี่คือแนวคิดที่ Gwern เรียกว่า “Everything is correlated” หรือ “crud factor” ซึ่งหมายถึงว่าในโลกจริง ไม่มีตัวแปรใดที่มีความสัมพันธ์เป็นศูนย์อย่างแท้จริง แม้แต่ตัวแปรที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ยังมีความสัมพันธ์เล็กน้อยที่สามารถตรวจจับได้เมื่อมีข้อมูลมากพอ สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ในวงการสถิติ โดยเฉพาะการทดสอบสมมติฐานศูนย์ (null hypothesis) ที่มักตั้งสมมติฐานว่า “ไม่มีความสัมพันธ์” หรือ “ไม่มีผล” ซึ่งในโลกจริง สมมติฐานนี้แทบจะไม่มีวันเป็นจริงเลย นักสถิติหลายคน เช่น Meehl, Nunnally, และ Thorndike ต่างชี้ว่า เมื่อขนาดตัวอย่างใหญ่พอ ทุกความสัมพันธ์จะกลายเป็น “มีนัยสำคัญทางสถิติ” แม้จะไม่มีความหมายในเชิงปฏิบัติเลยก็ตาม Gwern เสนอว่าเราควรเปลี่ยนวิธีคิดใหม่: แทนที่จะถามว่า “มีความสัมพันธ์หรือไม่” เราควรถามว่า “ความสัมพันธ์นั้นมีความหมายหรือไม่” และควรให้ความสำคัญกับขนาดของผลมากกว่าค่า p-value 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ แนวคิด “Everything is correlated” หมายถึงทุกตัวแปรในโลกจริงมีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง ➡️ ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ใช่ความผิดพลาดจากการสุ่ม แต่เป็นผลจากโครงสร้างเชิงสาเหตุที่ซับซ้อน ➡️ การทดสอบสมมติฐานศูนย์ (null hypothesis) มักจะล้มเหลว เพราะสมมติฐานนั้นแทบไม่เคยเป็นจริง ➡️ เมื่อขนาดตัวอย่างใหญ่พอ สมมติฐานศูนย์จะถูกปฏิเสธเสมอ แม้ผลจะไม่มีความหมายในเชิงปฏิบัติ ➡️ แนวคิดนี้มีชื่อเรียกหลายแบบ เช่น “crud factor”, “ambient correlational noise”, “coefficients are never zero” ➡️ Thorndike เคยกล่าวว่า “ในธรรมชาติมนุษย์ คุณลักษณะที่ดีมักจะมาคู่กัน” ➡️ การจำลอง Monte Carlo แสดงให้เห็นว่าแม้ตัวแปรที่ไม่เกี่ยวข้องกันก็ยังมีความสัมพันธ์เล็กน้อย ➡️ แนวคิดนี้มีผลต่อการสร้างโมเดลเชิงสาเหตุ การตีความโมเดล และการออกแบบการทดลอง ➡️ การใช้หลัก “bet on sparsity” ช่วยให้เราเน้นตัวแปรสำคัญที่มีผลมากที่สุด ➡️ ตัวแปรที่ไม่มีความสัมพันธ์เลยอาจเป็นสัญญาณว่าข้อมูลมีปัญหา เช่น การวัดผิด หรือการสุ่มตอบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Meehl เสนอว่าในจิตวิทยา สมมติฐานศูนย์ควรถือว่า “เป็นเท็จเสมอ” ➡️ Webster & Starbuck วิเคราะห์กว่า 14,000 ความสัมพันธ์ในงานวิจัย พบว่าค่าเฉลี่ยของ “crud factor” อยู่ที่ r ≈ 0.09 ➡️ การใช้ p-value เป็นเกณฑ์เดียวในการตัดสินใจอาจนำไปสู่การตีความผิด ➡️ นักสถิติหลายคนเสนอให้ใช้การประมาณค่าผล (effect size) แทนการทดสอบความมีนัยสำคัญ ➡️ ความสัมพันธ์เล็ก ๆ อาจเกิดจากตัวแปรแฝง เช่น ความฉลาด, ความตื่นตัว, หรือสภาพแวดล้อม https://gwern.net/everything
    GWERN.NET
    Everything Is Correlated
    Anthology of sociology, statistical, or psychological papers discussing the observation that all real-world variables have non-zero correlations and the implications for statistical theory such as ‘null hypothesis testing’.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 13 : สิ่งมหัศจรรย์
    ตกลงนาย Kissinger ไม่ได้โม้ แต่พูดเรื่องจริงและไม่ใช่จริงธรรมดา แต่มันเป็นประกาศ บอกทิศทางการเมืองโลก ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ เป็นอยู่ในปัจจุบันและที่กำลังจะเป็นต่อไปในอนาคต
    คนแรกที่มองเห็นว่าน้ำมันคืออาวุธที่สำคัญ สำหรับผู้ที่จะครองโลก ไม่ใช่นาย Kissinger แต่เป็นนาย Winston Churchill นายกรัฐมนตรีจอมอึดของอังกฤษ ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษ ตั้งแต่ยังมีตำแหน่งเป็นนายพลเรือ เมื่อ ปี ค.ศ. 1919 ว่า “เราจะต้องพยายามเป็นเจ้าของ หรืออย่างน้อยต้องควบคุมแหล่งน้ำมันให้ได้ ตามจำนวนที่เราต้องการใช้ ไม่ว่าจากแหล่งน้ำมันที่เรามีเอง หรือมีอิทธิพลเหนือ” เรียกว่าเป็นคนมองไกลกว่ามือเอื้อมจริง ๆ
    แล้วเชื่อหรือไม่ว่า สงคราม การรุกราน การขัดแย้ง การอ้างเป็นผู้พิทักษ์ การอ้างเป็นผู้คุ้มครอง ฯลฯ ที่เกิดขึ้นในโลกในศตวรรษที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่ขณะนี้ ล้วนเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงน้ำมันเกือบทั้งสิ้น เพราะน้ำมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการครองโลก
    ก่อนที่น้ำมันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทุกชาติแสวงหาและต้องการเป็นเจ้าของ สิ่งมหัศจรรย์รุ่นเก่า คือ “ถ่านหิน” จะทำอุตสาหกรรมได้ ต้องมีถ่านหิน ปลายศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมเยอรมันพุ่งแซงหน้าอังกฤษ ที่กำลังเริ่มเดินลงเขา การผลิตเหล็กของเยอรมันแซงหน้าอังกฤษ การผลิตยา ปุ๋ยการเกษตร ทุกอย่างแซงหน้าอังกฤษ เพราะเยอรมันมีแหล่งถ่านหิน และเหล็กมหาศาลอยู่ในแคว้น Ruhr ที่สำคัญเยอรมันกำลังคิดการใหญ่วางแผน สร้างทางรถไฟ ยาวเข้าไปในอาณาจักร Ottoman ของตุรกี ปี ค.ศ. 1899 แผนของเยอรมันทำท่าจะเป็นจริง เยอรมันได้ทำข้อตกลงกับตุรกี เพื่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad เป็นการขยายตลาดการค้าของตนไปทางตะวันออก กะจะไปให้ถึง Kuwait มันเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดในการเข้าไปสู่แหล่งน้ำมันมหาศาลในภูมิภาคนั้นอังกฤษไม่ได้ฉลาด เป็นชาติเดียวนะ !
    ข่าวนี้ทำให้อังกฤษเปลี่ยนจากมาดผู้ดี ทำท่าจะตั้งโรงงิ้วแทน จะยอมได้อย่างไร มันหักหน้ากันชัด ๆ อังกฤษถือว่า กองกำลังทางเรือของตนนั้นสุดแข็งแกร่ง เป็นหน้าเป็นตา และที่สำคัญเป็นกลไกที่อังกฤษ ใช้ในการแสดงแสนยานุภาพ ในการเข้าไปยึดประเทศต่างๆ มาเป็นอาณานิคมของตนมาตลอดเวลา แต่เรือจะแล่นได้ นอกจากใช้กำลังคนแล้ว ในสมัยต่อมาต้องใช้เครื่องจักรกล เครื่องจักรกลสมัยก่อน ใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล ซึ่งแน่นอนมันกินน้ำหนักเรือมาก
    ย้อนไปประมาณปี ค.ศ. 1882 เกิดมีนายพลเรือของอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งคิดนอกหัวสี่เหลี่ยม ผิดธรรมเนียมทหาร (เอะ ! หรือทหารหัวสี่เหลี่ยมนี้จะมีเฉพาะบางประเทศ?) ชื่อท่าน Lord Fisher เห็นว่าน้ำมันน่าจะมีคุณสมบัติดีกว่าถ่านหิน เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่า ถ้าอังกฤษจะพัฒนาเปลี่ยนเครื่องจักรกลของกองทัพเรือ จากการใช้ถ่านหินเป็นน้ำมัน จะทำให้อังกฤษสามารถขยายกองทัพเรือได้ถึง 4 เท่า
    นักการเมืองผู้ดีตาถลนออกมานอกเบ้า นี่มันบ้าหรือกินยาผิดวะ เรามีถ่านหินอยู่เต็มประเทศ คนของเราก็ขุดถ่านหินกันจนหน้าดำมะเมี่ยมอย่างนี้ มันจะไปเลิกไปเปลี่ยนได้ยังไง เหมืองถ่านหินเราก็เจ็งหมดซิวุ้ย
    คำทักท้วงแบบนี้เราจะได้ยินเสมอ เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยชินกัน ใช้ได้เหรอ ใช่เหรอ ทำได้เหรอ แบบนี้มันต้องน้อยลงบ้างนะ ทุกอย่างมันจะก้าวหน้า ต้องมีคนเริ่มฝันก่อน และที่สำคัญ ทำฝันนั้นให้เป็นความจริง กองทัพเรืออังกฤษไม่สนใจคำทักท้วงของนักการ เมือง กองทัพเขาไม่ได้เชื่อนักการเมืองจนแยกแยะไม่ออก แบบบางประเทศ แต่กลับก้มหน้าก้มตา ออกแบบเปลี่ยนเครื่องจักรกล เพื่อใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ใช้เวลาดำเนินการไป 20 ปี กว่าจะสำเร็จ อังกฤษเหมือนวาสนาดี แต่กรรมยังบัง เกิดปัญหาคาดไม่ถึง อังกฤษไม่มีน้ำมันของตัวเองพอ ! อ้าว ! แล้วกัน และจำเป็นต้องรีบหาแหล่งน้ำมันเป็นการด่วน ! ฝันเกือบเป็นจริง แต่ยังไม่สลาย ไม่เป็นไร ท่าน Lord Winston จึงออกมาตั้งเข็มทิศใหม่ให้อังกฤษ เราไปหาน้ำมันกันเร็ว รีบด่วน ทำยังไงก็ได้
    แล้วการล่าอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันก็ทยอยเกิดขึ้น

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 13 : สิ่งมหัศจรรย์ ตกลงนาย Kissinger ไม่ได้โม้ แต่พูดเรื่องจริงและไม่ใช่จริงธรรมดา แต่มันเป็นประกาศ บอกทิศทางการเมืองโลก ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ เป็นอยู่ในปัจจุบันและที่กำลังจะเป็นต่อไปในอนาคต คนแรกที่มองเห็นว่าน้ำมันคืออาวุธที่สำคัญ สำหรับผู้ที่จะครองโลก ไม่ใช่นาย Kissinger แต่เป็นนาย Winston Churchill นายกรัฐมนตรีจอมอึดของอังกฤษ ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาอังกฤษ ตั้งแต่ยังมีตำแหน่งเป็นนายพลเรือ เมื่อ ปี ค.ศ. 1919 ว่า “เราจะต้องพยายามเป็นเจ้าของ หรืออย่างน้อยต้องควบคุมแหล่งน้ำมันให้ได้ ตามจำนวนที่เราต้องการใช้ ไม่ว่าจากแหล่งน้ำมันที่เรามีเอง หรือมีอิทธิพลเหนือ” เรียกว่าเป็นคนมองไกลกว่ามือเอื้อมจริง ๆ แล้วเชื่อหรือไม่ว่า สงคราม การรุกราน การขัดแย้ง การอ้างเป็นผู้พิทักษ์ การอ้างเป็นผู้คุ้มครอง ฯลฯ ที่เกิดขึ้นในโลกในศตวรรษที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่ขณะนี้ ล้วนเกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงน้ำมันเกือบทั้งสิ้น เพราะน้ำมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการครองโลก ก่อนที่น้ำมันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทุกชาติแสวงหาและต้องการเป็นเจ้าของ สิ่งมหัศจรรย์รุ่นเก่า คือ “ถ่านหิน” จะทำอุตสาหกรรมได้ ต้องมีถ่านหิน ปลายศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมเยอรมันพุ่งแซงหน้าอังกฤษ ที่กำลังเริ่มเดินลงเขา การผลิตเหล็กของเยอรมันแซงหน้าอังกฤษ การผลิตยา ปุ๋ยการเกษตร ทุกอย่างแซงหน้าอังกฤษ เพราะเยอรมันมีแหล่งถ่านหิน และเหล็กมหาศาลอยู่ในแคว้น Ruhr ที่สำคัญเยอรมันกำลังคิดการใหญ่วางแผน สร้างทางรถไฟ ยาวเข้าไปในอาณาจักร Ottoman ของตุรกี ปี ค.ศ. 1899 แผนของเยอรมันทำท่าจะเป็นจริง เยอรมันได้ทำข้อตกลงกับตุรกี เพื่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad เป็นการขยายตลาดการค้าของตนไปทางตะวันออก กะจะไปให้ถึง Kuwait มันเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดในการเข้าไปสู่แหล่งน้ำมันมหาศาลในภูมิภาคนั้นอังกฤษไม่ได้ฉลาด เป็นชาติเดียวนะ ! ข่าวนี้ทำให้อังกฤษเปลี่ยนจากมาดผู้ดี ทำท่าจะตั้งโรงงิ้วแทน จะยอมได้อย่างไร มันหักหน้ากันชัด ๆ อังกฤษถือว่า กองกำลังทางเรือของตนนั้นสุดแข็งแกร่ง เป็นหน้าเป็นตา และที่สำคัญเป็นกลไกที่อังกฤษ ใช้ในการแสดงแสนยานุภาพ ในการเข้าไปยึดประเทศต่างๆ มาเป็นอาณานิคมของตนมาตลอดเวลา แต่เรือจะแล่นได้ นอกจากใช้กำลังคนแล้ว ในสมัยต่อมาต้องใช้เครื่องจักรกล เครื่องจักรกลสมัยก่อน ใช้ถ่านหินจำนวนมหาศาล ซึ่งแน่นอนมันกินน้ำหนักเรือมาก ย้อนไปประมาณปี ค.ศ. 1882 เกิดมีนายพลเรือของอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งคิดนอกหัวสี่เหลี่ยม ผิดธรรมเนียมทหาร (เอะ ! หรือทหารหัวสี่เหลี่ยมนี้จะมีเฉพาะบางประเทศ?) ชื่อท่าน Lord Fisher เห็นว่าน้ำมันน่าจะมีคุณสมบัติดีกว่าถ่านหิน เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่า ถ้าอังกฤษจะพัฒนาเปลี่ยนเครื่องจักรกลของกองทัพเรือ จากการใช้ถ่านหินเป็นน้ำมัน จะทำให้อังกฤษสามารถขยายกองทัพเรือได้ถึง 4 เท่า นักการเมืองผู้ดีตาถลนออกมานอกเบ้า นี่มันบ้าหรือกินยาผิดวะ เรามีถ่านหินอยู่เต็มประเทศ คนของเราก็ขุดถ่านหินกันจนหน้าดำมะเมี่ยมอย่างนี้ มันจะไปเลิกไปเปลี่ยนได้ยังไง เหมืองถ่านหินเราก็เจ็งหมดซิวุ้ย คำทักท้วงแบบนี้เราจะได้ยินเสมอ เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยชินกัน ใช้ได้เหรอ ใช่เหรอ ทำได้เหรอ แบบนี้มันต้องน้อยลงบ้างนะ ทุกอย่างมันจะก้าวหน้า ต้องมีคนเริ่มฝันก่อน และที่สำคัญ ทำฝันนั้นให้เป็นความจริง กองทัพเรืออังกฤษไม่สนใจคำทักท้วงของนักการ เมือง กองทัพเขาไม่ได้เชื่อนักการเมืองจนแยกแยะไม่ออก แบบบางประเทศ แต่กลับก้มหน้าก้มตา ออกแบบเปลี่ยนเครื่องจักรกล เพื่อใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ใช้เวลาดำเนินการไป 20 ปี กว่าจะสำเร็จ อังกฤษเหมือนวาสนาดี แต่กรรมยังบัง เกิดปัญหาคาดไม่ถึง อังกฤษไม่มีน้ำมันของตัวเองพอ ! อ้าว ! แล้วกัน และจำเป็นต้องรีบหาแหล่งน้ำมันเป็นการด่วน ! ฝันเกือบเป็นจริง แต่ยังไม่สลาย ไม่เป็นไร ท่าน Lord Winston จึงออกมาตั้งเข็มทิศใหม่ให้อังกฤษ เราไปหาน้ำมันกันเร็ว รีบด่วน ทำยังไงก็ได้ แล้วการล่าอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันก็ทยอยเกิดขึ้น คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • 555,สไตล์คลิปเสียงนายกฯหลุดเลย "ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" ,อังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้",นี้ไม่ต้องคลิปหลุดเลย บันทึกชัดเจนเป็นหลักฐาน เขมรก็ไม่ต้องร้องขอด้วย จัดช่วยชี้เป้าชี้ทางสว่างอำนวยการให้เลย,ชี้ช่องช่วยเต็มที่นี้ฉันพูดยืนยันให้เลยกลางที่ประชุม พวกเขมรคุณๆเอาคำพูดยืนยันจากฉันสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้เลย อ้างสิทธิได้ด้วย เพราะฉันยืนยันตรงที่ประชุมอันทรงเกียรตินี้แล้วว่า ชาวบ้านหนองจานไทยไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆเป็นที่ดินว่างเปล่าป่าธรรมชาติไม่มีคนไทยใดจับจ้อง.,ฉันเป็นผู้ว่าฯสระแก้วอยู่ที่นี้แล้ว4ปี นี้ต่ออายุให้อีก1ปีเป็น5ปี,เรื่องอะไรในทุกๆตารางนิ้วนี้ฉันจะไม่รู้ ฉันจึงกล้าหาญฟันธงกล้าพูดออกมาในที่ประชุมนี้เพราะฉันรับรู้มีข้อมูลดีแล้วจริง,เขมรย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย ฉันพูดช่วยเป็นนัยให้แล้ว,ชาวบ้านพวกนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามเรา,เข้ามาได้เลย เคลียร์ชัดเจนในที่ประชุมให้แล้ว ฉันผู้ว่าฯสระแก้วนะพูดหมาๆไม่ได้อยู่แล้ว,ไม่กลับคำพูดด้วย กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำด้วยเกียรติของผู้ว่าฯ มีข้อมูลถูกต้องทีมงานมืออาชีพส่งเอกสารเตรียมเอกสารรอแถลงพูดออกไปครัังนี้อย่างชัดเจน,อยู่สระแก้ว4-5ปีฉันค้ำประกันตามที่พูด ตามคลิปนี้ล่ะ.

    ..ชาวสระแก้งยื่นฟ้องคดี ม.157 และอาญาแผ่นดิน ม.119 เลย ความผิดชัดเจน โจรปล้นจี้กระทำผิดครบถ้วน ยังโดนคดีอาญา ไม่ย่อมให้โอกาสเขาพ้นโทษเลย,ข่มขืนประเทศไทยเสร็จ ฉันขอโทษนะที่ข่มขืนเธอสำเร็จไปแล้ว.,นี้เขมรบุกรุก ยึดที่ดินคนไทยบวกมีโฉนดยืนยันทั้งเสียภาษีชัดเจน เข้าข่ายรู้เห็นและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดเจน ตลอดจนเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยชัดเจนด้วย ให้เสื่อมเสียดินแดนไทยอีก,เขตแดนหลักหมุดก็ชัดเจน ,พิกัดดาวเทียมขีดเส้นระวางเดิม1:50,000ที่ทหารไทยเรายึดตามร.9เราก็ชัดเจน,ความผิดสำเร็จชัดเจน ตลอดซวยไปถึงทหารภาค1ที่มีหน้าที่ตรงด้านดินแดนอธิปไตยไทยด้วย,ประชาชนร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาในหลวง มรึงๆซวยแน่นอน.เพราะว่าด้วยการตัดสินเขตแดนดินแดนสบายเรา พระมหากษัตริย์เราเท่านั้นมีสิทธิอนุญาตหรือไม่,mou43,44ก้าวล่วงพระราชอำนาจชัดเจน กระทำการเองด้วย.,ทั้งไม่ผ่านสภา สส.สว.อีก ผิดถึงขั้นโทษประหารชัดเจนด้วย.



    https://youtube.com/watch?v=NNzquey899s&si=1b1Hcmcs15I8grw2
    555,สไตล์คลิปเสียงนายกฯหลุดเลย "ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา" ,อังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้",นี้ไม่ต้องคลิปหลุดเลย บันทึกชัดเจนเป็นหลักฐาน เขมรก็ไม่ต้องร้องขอด้วย จัดช่วยชี้เป้าชี้ทางสว่างอำนวยการให้เลย,ชี้ช่องช่วยเต็มที่นี้ฉันพูดยืนยันให้เลยกลางที่ประชุม พวกเขมรคุณๆเอาคำพูดยืนยันจากฉันสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้เลย อ้างสิทธิได้ด้วย เพราะฉันยืนยันตรงที่ประชุมอันทรงเกียรตินี้แล้วว่า ชาวบ้านหนองจานไทยไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆเป็นที่ดินว่างเปล่าป่าธรรมชาติไม่มีคนไทยใดจับจ้อง.,ฉันเป็นผู้ว่าฯสระแก้วอยู่ที่นี้แล้ว4ปี นี้ต่ออายุให้อีก1ปีเป็น5ปี,เรื่องอะไรในทุกๆตารางนิ้วนี้ฉันจะไม่รู้ ฉันจึงกล้าหาญฟันธงกล้าพูดออกมาในที่ประชุมนี้เพราะฉันรับรู้มีข้อมูลดีแล้วจริง,เขมรย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย ฉันพูดช่วยเป็นนัยให้แล้ว,ชาวบ้านพวกนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามเรา,เข้ามาได้เลย เคลียร์ชัดเจนในที่ประชุมให้แล้ว ฉันผู้ว่าฯสระแก้วนะพูดหมาๆไม่ได้อยู่แล้ว,ไม่กลับคำพูดด้วย กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำด้วยเกียรติของผู้ว่าฯ มีข้อมูลถูกต้องทีมงานมืออาชีพส่งเอกสารเตรียมเอกสารรอแถลงพูดออกไปครัังนี้อย่างชัดเจน,อยู่สระแก้ว4-5ปีฉันค้ำประกันตามที่พูด ตามคลิปนี้ล่ะ. ..ชาวสระแก้งยื่นฟ้องคดี ม.157 และอาญาแผ่นดิน ม.119 เลย ความผิดชัดเจน โจรปล้นจี้กระทำผิดครบถ้วน ยังโดนคดีอาญา ไม่ย่อมให้โอกาสเขาพ้นโทษเลย,ข่มขืนประเทศไทยเสร็จ ฉันขอโทษนะที่ข่มขืนเธอสำเร็จไปแล้ว.,นี้เขมรบุกรุก ยึดที่ดินคนไทยบวกมีโฉนดยืนยันทั้งเสียภาษีชัดเจน เข้าข่ายรู้เห็นและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดเจน ตลอดจนเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยชัดเจนด้วย ให้เสื่อมเสียดินแดนไทยอีก,เขตแดนหลักหมุดก็ชัดเจน ,พิกัดดาวเทียมขีดเส้นระวางเดิม1:50,000ที่ทหารไทยเรายึดตามร.9เราก็ชัดเจน,ความผิดสำเร็จชัดเจน ตลอดซวยไปถึงทหารภาค1ที่มีหน้าที่ตรงด้านดินแดนอธิปไตยไทยด้วย,ประชาชนร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาในหลวง มรึงๆซวยแน่นอน.เพราะว่าด้วยการตัดสินเขตแดนดินแดนสบายเรา พระมหากษัตริย์เราเท่านั้นมีสิทธิอนุญาตหรือไม่,mou43,44ก้าวล่วงพระราชอำนาจชัดเจน กระทำการเองด้วย.,ทั้งไม่ผ่านสภา สส.สว.อีก ผิดถึงขั้นโทษประหารชัดเจนด้วย. https://youtube.com/watch?v=NNzquey899s&si=1b1Hcmcs15I8grw2
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • นี้คือกฎหมายหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจริง,ประชาชนไม่สามารถใช้ระบบประชาธิปไตยร่วมลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ใดๆได้เลย บังคับใช้เองตามอำเภอใจ สภาพความเป็นจริงก็ประชาชนไม่สามารถจ่ายได้อีก,ตลอดระยะเวลาที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจริง ถอยหลังไปสัก40-50ปี หรือ30-40ปี,ประชาชนยังใช้ชีวิตปกติสุขธรรมดา,ปัจจุบันหนักข้อมากขึ้น ประชาชนคือเหยื่อและแหล่งรายได้ทางข้อกฎหมายเสียแล้ว,เสมือนกฎหมายในปัจจุบันที่อ้างประชาชนบังหน้า ล่วงมุ่งแสวงหารายได้จากประชาชนผ่านกฎหมายข้อบังคับค่าปรับค่าธรรมเนียมสาระพัดนั้นเอง,จริงๆตำรวจจราจรมีหน้าที่สกัดจับโจรผู้ร้ายที่ปล้นจี้ชิงทรัพย์ก่ออาชญากรรมด้านร่างกายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ใช้ถนนเป็นที่หลบหนีจากการไล่ล่าทุกๆกรณี,ส่วนกฎหมายจราจรมากมายที่ออกมา,ไร้สาระทั้งสิ้นจากกรมขนส่งเอง,เพื่อให้การใช้ถนนในจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย,ขนส่งควบคุมตั้งแต่ต้นทางได้คือบุคคลจะซื้อรถยนต์รถมอไซค์ได้ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีใบขับขี่ที่เพียงสแกนเลขบัตรก็รับรู้สถานะได้ ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอะไรก็ได้ ส่วนสวมหมวกกันน็อคคือสิทธิอธิปไตยส่วนบุคคลใครจะใส่ไม่ใส่ก็ได้บังคับไม่ได้ รับความเสี่ยงภัยเอง.ใส่ก็ดีแก่ตัวเอง,รถไม่ได้มาตราฐานห้ามซื้อขาย,คือจบทั้งหมดที่ต้นทางหมด,แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเป้ามียอดจริง,
    ..การจะกำจัดตังทุจริตสิ้นซากได้คือระบบ และกำจัดคนจริงด้วย,ที่สร้างความเดือดร้อนรังแกประชาชนผ่านกฎหมาย, จริงๆต้องแจ้งล่วงหน้าแก่ประชาชนในการตั้งจุดตรวจ เพื่ออะไรด้วย,สกัดจับโจรก็ลงแพลตฟอร์มพื้นที่ตนชัดเจน ประชาชนก็ร่วมมือสังเกตุคนร้ายได้ด้วย ระบุชื่อรูปลักษณ์คดี รายละเอียดไป ปกปิดทำซากอะไร รัศมีตาประชาชนสามารถร่วมจับได้อีก.

    ..รัฐล้มเหลวจึงเขียนกฎหมายรังแกบีบบังคับประชาชนได้หรือรัฐเผด็จการภายในระบบประชาธิปไตยที่ฝ่ายคนข้าราชการรัฐเขียนตีตรากันเอง ออกมาบังคับใช้ จริงๆประชาชนสามารถลงมติร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะยกเลิกกฎหมายเช่นค่าปรับ2,000นี้ได้ เช่นมีแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมระบบรัฐจริง พอประชาชนลงมติคัดค้านกฎหมายนี้ร่วมกันถึง10ล้านคนออนไลน์สะสม,ภายใน1ปีหรือภายใน1ปีจริงแต่ประชาชนเรียกร้องยกเลิกทันทีโดยลงชื่อกดปุ่มจนครบคนที่10ล้านคน รุ่งขึ้นกฎหมายค่าปรับนี้สามารถยกเลิกได้ทันทีแม้ฝ่ายรัฐจะตีตรามาบังคับใช้แล้วจริงทั้งฉบับต้องเป็นตกไป,หรือประชาชนต้องการให้ข้าราชการเลวชั่วนี้พ้นอำนาจไป ร่วมกันลงชื่อครบ20ล้านคน ข้าราชการปลัดหรืออธิบดีนั้นหรือรัฐมนตรีนั้นๆต้องพ้นอำนาจพ้นตำแหน่งทันที,คือพลังมวลชนต้องสามารถแสดงพลังได้จริงในทางที่ถูกทางด้วย,ผู้ว่าในจังหวัดนั้นเลวชั่ว ประชาชนในจังหวัดนั้นๆสามารถลงมติร่วมลงชื่อเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มแห่งชาตินั้น ครบ300,000คน ครบ5แสนคนเพราะจังหวัดนั้นๆมีประชากรแค่700,000คนหรือ1,500,000คนเอง,นายอำเภอก็ด้วยครบ2-3หมื่นคน จาก100,000กว่าคนเป็นต้นสามารถถีบผู้ว่าถีบนายอำเภอพ้นตำแหน่งข้าราชการได้เป็นต้น,แต่กฎหมายมากมายเก่ายุค รังแกกดขี่ประชาชนก็มาก ประชาชนไม่สามารถแสดงพลังตนในการจัดการปัญหาพื้นที่ตนที่กฎหมายผีบ้าใครเขียนบ้านั้นไมาสามารถฉีกทิ้งได้เลย,และกฎค่าปรับ2,000บาทนี้ก็ผีบ้าด้วย นี้คือการปล้นทรีพย์สินเงินทองจากกระเป๋าประชาชนคนไทยชัดเจนในค่าแรงแค่300-400บาทขั้นต่ำเอง.,กฎหมายนี้คือกฎหมายเผด็จการรังแกประชาชนชัดเจน ไม่ต่างจากmou43,44ที่เขียนออกมารอวันขายดินแดนและเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยเรา.

    ..รัฐล้มเหลว
    ..วิถีปกครองล้มเหลว

    https://youtube.com/shorts/u6yWW47NGt4?si=qsQ8EWmgYHR1e2NX
    นี้คือกฎหมายหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจริง,ประชาชนไม่สามารถใช้ระบบประชาธิปไตยร่วมลงมติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ใดๆได้เลย บังคับใช้เองตามอำเภอใจ สภาพความเป็นจริงก็ประชาชนไม่สามารถจ่ายได้อีก,ตลอดระยะเวลาที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจริง ถอยหลังไปสัก40-50ปี หรือ30-40ปี,ประชาชนยังใช้ชีวิตปกติสุขธรรมดา,ปัจจุบันหนักข้อมากขึ้น ประชาชนคือเหยื่อและแหล่งรายได้ทางข้อกฎหมายเสียแล้ว,เสมือนกฎหมายในปัจจุบันที่อ้างประชาชนบังหน้า ล่วงมุ่งแสวงหารายได้จากประชาชนผ่านกฎหมายข้อบังคับค่าปรับค่าธรรมเนียมสาระพัดนั้นเอง,จริงๆตำรวจจราจรมีหน้าที่สกัดจับโจรผู้ร้ายที่ปล้นจี้ชิงทรัพย์ก่ออาชญากรรมด้านร่างกายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ใช้ถนนเป็นที่หลบหนีจากการไล่ล่าทุกๆกรณี,ส่วนกฎหมายจราจรมากมายที่ออกมา,ไร้สาระทั้งสิ้นจากกรมขนส่งเอง,เพื่อให้การใช้ถนนในจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย,ขนส่งควบคุมตั้งแต่ต้นทางได้คือบุคคลจะซื้อรถยนต์รถมอไซค์ได้ต้องอายุเท่านี้เท่านั้น มีใบขับขี่ที่เพียงสแกนเลขบัตรก็รับรู้สถานะได้ ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอะไรก็ได้ ส่วนสวมหมวกกันน็อคคือสิทธิอธิปไตยส่วนบุคคลใครจะใส่ไม่ใส่ก็ได้บังคับไม่ได้ รับความเสี่ยงภัยเอง.ใส่ก็ดีแก่ตัวเอง,รถไม่ได้มาตราฐานห้ามซื้อขาย,คือจบทั้งหมดที่ต้นทางหมด,แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีเป้ามียอดจริง, ..การจะกำจัดตังทุจริตสิ้นซากได้คือระบบ และกำจัดคนจริงด้วย,ที่สร้างความเดือดร้อนรังแกประชาชนผ่านกฎหมาย, จริงๆต้องแจ้งล่วงหน้าแก่ประชาชนในการตั้งจุดตรวจ เพื่ออะไรด้วย,สกัดจับโจรก็ลงแพลตฟอร์มพื้นที่ตนชัดเจน ประชาชนก็ร่วมมือสังเกตุคนร้ายได้ด้วย ระบุชื่อรูปลักษณ์คดี รายละเอียดไป ปกปิดทำซากอะไร รัศมีตาประชาชนสามารถร่วมจับได้อีก. ..รัฐล้มเหลวจึงเขียนกฎหมายรังแกบีบบังคับประชาชนได้หรือรัฐเผด็จการภายในระบบประชาธิปไตยที่ฝ่ายคนข้าราชการรัฐเขียนตีตรากันเอง ออกมาบังคับใช้ จริงๆประชาชนสามารถลงมติร่วมกันผ่านแพลตฟอร์มสาธารณะยกเลิกกฎหมายเช่นค่าปรับ2,000นี้ได้ เช่นมีแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมระบบรัฐจริง พอประชาชนลงมติคัดค้านกฎหมายนี้ร่วมกันถึง10ล้านคนออนไลน์สะสม,ภายใน1ปีหรือภายใน1ปีจริงแต่ประชาชนเรียกร้องยกเลิกทันทีโดยลงชื่อกดปุ่มจนครบคนที่10ล้านคน รุ่งขึ้นกฎหมายค่าปรับนี้สามารถยกเลิกได้ทันทีแม้ฝ่ายรัฐจะตีตรามาบังคับใช้แล้วจริงทั้งฉบับต้องเป็นตกไป,หรือประชาชนต้องการให้ข้าราชการเลวชั่วนี้พ้นอำนาจไป ร่วมกันลงชื่อครบ20ล้านคน ข้าราชการปลัดหรืออธิบดีนั้นหรือรัฐมนตรีนั้นๆต้องพ้นอำนาจพ้นตำแหน่งทันที,คือพลังมวลชนต้องสามารถแสดงพลังได้จริงในทางที่ถูกทางด้วย,ผู้ว่าในจังหวัดนั้นเลวชั่ว ประชาชนในจังหวัดนั้นๆสามารถลงมติร่วมลงชื่อเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มแห่งชาตินั้น ครบ300,000คน ครบ5แสนคนเพราะจังหวัดนั้นๆมีประชากรแค่700,000คนหรือ1,500,000คนเอง,นายอำเภอก็ด้วยครบ2-3หมื่นคน จาก100,000กว่าคนเป็นต้นสามารถถีบผู้ว่าถีบนายอำเภอพ้นตำแหน่งข้าราชการได้เป็นต้น,แต่กฎหมายมากมายเก่ายุค รังแกกดขี่ประชาชนก็มาก ประชาชนไม่สามารถแสดงพลังตนในการจัดการปัญหาพื้นที่ตนที่กฎหมายผีบ้าใครเขียนบ้านั้นไมาสามารถฉีกทิ้งได้เลย,และกฎค่าปรับ2,000บาทนี้ก็ผีบ้าด้วย นี้คือการปล้นทรีพย์สินเงินทองจากกระเป๋าประชาชนคนไทยชัดเจนในค่าแรงแค่300-400บาทขั้นต่ำเอง.,กฎหมายนี้คือกฎหมายเผด็จการรังแกประชาชนชัดเจน ไม่ต่างจากmou43,44ที่เขียนออกมารอวันขายดินแดนและเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติไทยเรา. ..รัฐล้มเหลว ..วิถีปกครองล้มเหลว https://youtube.com/shorts/u6yWW47NGt4?si=qsQ8EWmgYHR1e2NX
    0 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • จริงๆประชาชน สมควรตั้งสติคิดกันได้แล้วนะ จะลงโทษเจ้าสัวคณะกรรมการบริษัทและพวกผู้ถือหุ้นนี้อย่างไร ทั้งพวกต่างชาติที่ถือหุ้นในกิจการนี้ด้วย.
    ..เรา..ประชาชนร่วมใจกันแบนกิจการพวกนี้น่าจะดีนะ,สินค้าต่างๆพวกนี้ด้วย เลิกเข้าห้างพวกนี้ทั้งหมด จะซื้อถามก่อนว่าสินค้ามาจากห้างส่งพวกนี้ด้วยมั้ยหรือชาวบ้านทำเอง,ชาวบ้านเราก็เริ่มทำให้ดี มีคุณภาพรับกระแสกว่าเดิมด้วย จากสะอาดก็สะอาดละเอียดขึ้น,มาตรฐานดีขึ้น,ร่วมกันแบนสินค้าเจ้าสัวพวกนี้,ใครบริจาคอะไร กิจการไหนทำดีอย่างไร รวบรวมไว้ให้คนไทยตื่นรู้เข้าใจสันดานนิสัยคนพวกนี้ที่หากินบนแผ่นดินไทยกับประชาชนคนไทยเรา,บริษัทต่างชาติที่ตั้งบริษัทในไทย มีส่วนร่วมรักษาอธิปไตยไทยเราที่พวกมันมาตั้งฐานตั้งบริษัทกิจการหาเงินกับคนไทยเรา ใช้แผ่นดินไทยทำมาหาแดกบนแผ่นดินไทนเรา มันๆเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยช่วยเหลือประชาชนคนไทยยามเราลำบากมีบริษัทกิจการไหนบ้าง เราสร้างแพลตฟอร์มรวบร่วมคุณความดีเขาเหล่านั้นด้วย เราจะได้ไม่ทำให้เขาลำบากเสียตังเสียสละเงินทองเปล่าประโยชน์หรือขาดสภาพคล่องจนอาจปิดกิจการไป,ได้มาสนับสนุนสินค้าบริการเขาถูกคน,กิิจการใดเนรคุณหมายผลประโยชน์เงินทองจากคนไทยอย่างเดียวเราไม่สมควรสนับสนุนสร้างชื่อเสียงมันอีก,แบนได้แบนเลย ประจานได้ประจานเลย.,กฎหมายหมิ่นประมาทจึงต้องฉีกทิ้งดีที่สุด,สังคมชุมชนเราจะต้องควบคุมกันเอง มิใช่ใช้กฎหมายบีบกดทัพประชาชน.

    ..ถึงเวลารวบรวมใครช่วยเหลือคนไทยเราบ้างเมื่อคนไทยเราเดือดร้อน แม้คนช่วยเหลือเขาไม่ใส่ใจ แต่เราก็สมควรจดรายชื่อเขาในความเสียสละนั้นไว้ว่าเขาไม่ถูกทอดทิ้งมิให้ใครไม่จดจำเขาได้แม้เล็กน้อยก็ตาม.,แผนกติดตามความดีภาคประชาชน เราต้องมีจริงๆจังๆเช่นกัน แม้พยายามบันทึกความดีผู้คนให้มากที่สุดที่ท่านเหล่านั้นไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืนแต่เมื่อคนไทยเราย้อนไปเปิดอ่านรายชื่อดู มีชื่อคุณความดีเขาอยู่ในทำเนียบรายชื่อผู้ทำดีด้วย จะจรรโลงสร้างคนไทยรุ่นต่อไปว่าการทำความดีแม้ต่อหน้าหรือปิดทองหลังพระความดีเขาจะเป็นที่จดจำเสมอและส่งต่อแก่รุ่นๆต่อไปจนถึงที่สุด,สังคมไทยเราจะอัพเรเวลตนเองแบบไม่รู้ตัว,ยกจิตยกใจอัตโนมัติขึ้นๆไปอีกนั้นเอง.

    ..ถึงเวลาแบนสันดานคนที่หาแดกทำกินหาแดกบนแผ่นดินไทยอย่างเดียวได้แล้ว.

    https://youtube.com/shorts/kS-5t3x8Wu8?si=051BtAlwP9HXYXw0
    จริงๆประชาชน สมควรตั้งสติคิดกันได้แล้วนะ จะลงโทษเจ้าสัวคณะกรรมการบริษัทและพวกผู้ถือหุ้นนี้อย่างไร ทั้งพวกต่างชาติที่ถือหุ้นในกิจการนี้ด้วย. ..เรา..ประชาชนร่วมใจกันแบนกิจการพวกนี้น่าจะดีนะ,สินค้าต่างๆพวกนี้ด้วย เลิกเข้าห้างพวกนี้ทั้งหมด จะซื้อถามก่อนว่าสินค้ามาจากห้างส่งพวกนี้ด้วยมั้ยหรือชาวบ้านทำเอง,ชาวบ้านเราก็เริ่มทำให้ดี มีคุณภาพรับกระแสกว่าเดิมด้วย จากสะอาดก็สะอาดละเอียดขึ้น,มาตรฐานดีขึ้น,ร่วมกันแบนสินค้าเจ้าสัวพวกนี้,ใครบริจาคอะไร กิจการไหนทำดีอย่างไร รวบรวมไว้ให้คนไทยตื่นรู้เข้าใจสันดานนิสัยคนพวกนี้ที่หากินบนแผ่นดินไทยกับประชาชนคนไทยเรา,บริษัทต่างชาติที่ตั้งบริษัทในไทย มีส่วนร่วมรักษาอธิปไตยไทยเราที่พวกมันมาตั้งฐานตั้งบริษัทกิจการหาเงินกับคนไทยเรา ใช้แผ่นดินไทยทำมาหาแดกบนแผ่นดินไทนเรา มันๆเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยช่วยเหลือประชาชนคนไทยยามเราลำบากมีบริษัทกิจการไหนบ้าง เราสร้างแพลตฟอร์มรวบร่วมคุณความดีเขาเหล่านั้นด้วย เราจะได้ไม่ทำให้เขาลำบากเสียตังเสียสละเงินทองเปล่าประโยชน์หรือขาดสภาพคล่องจนอาจปิดกิจการไป,ได้มาสนับสนุนสินค้าบริการเขาถูกคน,กิิจการใดเนรคุณหมายผลประโยชน์เงินทองจากคนไทยอย่างเดียวเราไม่สมควรสนับสนุนสร้างชื่อเสียงมันอีก,แบนได้แบนเลย ประจานได้ประจานเลย.,กฎหมายหมิ่นประมาทจึงต้องฉีกทิ้งดีที่สุด,สังคมชุมชนเราจะต้องควบคุมกันเอง มิใช่ใช้กฎหมายบีบกดทัพประชาชน. ..ถึงเวลารวบรวมใครช่วยเหลือคนไทยเราบ้างเมื่อคนไทยเราเดือดร้อน แม้คนช่วยเหลือเขาไม่ใส่ใจ แต่เราก็สมควรจดรายชื่อเขาในความเสียสละนั้นไว้ว่าเขาไม่ถูกทอดทิ้งมิให้ใครไม่จดจำเขาได้แม้เล็กน้อยก็ตาม.,แผนกติดตามความดีภาคประชาชน เราต้องมีจริงๆจังๆเช่นกัน แม้พยายามบันทึกความดีผู้คนให้มากที่สุดที่ท่านเหล่านั้นไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืนแต่เมื่อคนไทยเราย้อนไปเปิดอ่านรายชื่อดู มีชื่อคุณความดีเขาอยู่ในทำเนียบรายชื่อผู้ทำดีด้วย จะจรรโลงสร้างคนไทยรุ่นต่อไปว่าการทำความดีแม้ต่อหน้าหรือปิดทองหลังพระความดีเขาจะเป็นที่จดจำเสมอและส่งต่อแก่รุ่นๆต่อไปจนถึงที่สุด,สังคมไทยเราจะอัพเรเวลตนเองแบบไม่รู้ตัว,ยกจิตยกใจอัตโนมัติขึ้นๆไปอีกนั้นเอง. ..ถึงเวลาแบนสันดานคนที่หาแดกทำกินหาแดกบนแผ่นดินไทยอย่างเดียวได้แล้ว. https://youtube.com/shorts/kS-5t3x8Wu8?si=051BtAlwP9HXYXw0
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • “ไชยา พรหมา” ขอโทษสังคม! แจงปมชิงปิดประชุมสภาฯ ยันไร้เจตนาล้มญัตติ MOU 43-44 อ้างเป็นความผิดพลาดด้านสื่อสาร
    https://www.thai-tai.tv/news/21099/
    .
    #ไชยาพรหมา #รัฐสภา #ปิดประชุมสภา #MOU4344 #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    “ไชยา พรหมา” ขอโทษสังคม! แจงปมชิงปิดประชุมสภาฯ ยันไร้เจตนาล้มญัตติ MOU 43-44 อ้างเป็นความผิดพลาดด้านสื่อสาร https://www.thai-tai.tv/news/21099/ . #ไชยาพรหมา #รัฐสภา #ปิดประชุมสภา #MOU4344 #ข่าวการเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • เขียนกฎหมายว่า นายกฯไม่ต้องกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนก็เหี้ยชัดเจนแล้ว,บวกตัวอย่างแบบเคสเศรษฐาอีก,พ้นนายกฯเสือกเขียนกฎหมายใหม่อีกว่า เสนอนายกฯคนใหม่มานั่งแทนทันทีได้ ไม่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทันทีแบบเก่าซึ่งดีมากเพราะเหี้ยอยู่ไปอีกแบบปัจจุบันนีัคือซวยก่อสงครามเป็นบ๋อยให้กับเขมรแบบในเวลานี้ล่ะ,,คือหลายๆอย่างบัดสบจริงๆนั้นเอง,เขมรยึดครอง11จุดพื้นที่ดินแดนไทย ทั้งที่สมัยตนสามารถถีบเขมรออกได้ทันทีก็ว่าแต่ไม่ทำ.

    https://youtube.com/shorts/uvncJ_iY72I?si=3NYKUA-mj37DAPVQ
    เขียนกฎหมายว่า นายกฯไม่ต้องกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนก็เหี้ยชัดเจนแล้ว,บวกตัวอย่างแบบเคสเศรษฐาอีก,พ้นนายกฯเสือกเขียนกฎหมายใหม่อีกว่า เสนอนายกฯคนใหม่มานั่งแทนทันทีได้ ไม่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทันทีแบบเก่าซึ่งดีมากเพราะเหี้ยอยู่ไปอีกแบบปัจจุบันนีัคือซวยก่อสงครามเป็นบ๋อยให้กับเขมรแบบในเวลานี้ล่ะ,,คือหลายๆอย่างบัดสบจริงๆนั้นเอง,เขมรยึดครอง11จุดพื้นที่ดินแดนไทย ทั้งที่สมัยตนสามารถถีบเขมรออกได้ทันทีก็ว่าแต่ไม่ทำ. https://youtube.com/shorts/uvncJ_iY72I?si=3NYKUA-mj37DAPVQ
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา(RBC) ในระดับแม่ทัพ ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา และเห็นชอบเพิ่ม 3 ประเด็น จากที่ ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ 1.ร่วมมือกำจัดทุ่นระเบิด 2.แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3.ตั้งชุดประสานงาน Coordination Group(CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกรองรับคณะ RBC แก้ปัญหาระดับพื้นที่ และ 4.ในการแก้ปัญหาละเมิด MOU43 กัมพูชาขอให้ใช้กลไกอื่น เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยไทยยืนยันเสนอให้กัมพูชาทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และแจ้งเจตนารมณ์ของไทยในการแก้ปัญหา

    -พูดสาธารณะคนก็รู้หมด
    -เข้าใจผิดชิงปิดสภา
    -ไม่ได้ใช้คำเจาะจงสถาบัน
    -นิลมังกรลดแรงระเบิด
    พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา(RBC) ในระดับแม่ทัพ ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา และเห็นชอบเพิ่ม 3 ประเด็น จากที่ ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ 1.ร่วมมือกำจัดทุ่นระเบิด 2.แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3.ตั้งชุดประสานงาน Coordination Group(CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกรองรับคณะ RBC แก้ปัญหาระดับพื้นที่ และ 4.ในการแก้ปัญหาละเมิด MOU43 กัมพูชาขอให้ใช้กลไกอื่น เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยไทยยืนยันเสนอให้กัมพูชาทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และแจ้งเจตนารมณ์ของไทยในการแก้ปัญหา -พูดสาธารณะคนก็รู้หมด -เข้าใจผิดชิงปิดสภา -ไม่ได้ใช้คำเจาะจงสถาบัน -นิลมังกรลดแรงระเบิด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 401 Views 0 0 Reviews
More Results