• Ventoy 1.1.10 เปิดตัว: รองรับ AerynOS พร้อมยกระดับประสบการณ์ Multiboot บน Linux

    Ventoy 1.1.10 มาถึงพร้อมการอัปเดตสำคัญที่ทำให้เครื่องมือ multiboot ยอดนิยมนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการรองรับ AerynOS ซึ่งเป็นดิสโทรรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส การรองรับนี้สะท้อนให้เห็นว่า Ventoy ยังคงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบดิสโทรจำนวนมากโดยไม่ต้องเขียน USB ใหม่ทุกครั้ง

    การอัปเดตครั้งนี้ยังมาพร้อมการปรับปรุงการบูตบนระบบไฟล์ EXT4 ซึ่งเป็นฟอร์แมตที่ดิสโทร Linux ส่วนใหญ่ใช้เป็นค่าเริ่มต้น การแก้ไขนี้ช่วยลดปัญหาบูตไม่ขึ้นหรือโหลดเคอร์เนลผิดพลาดที่เคยเกิดในบางรุ่นของดิสโทร ทำให้ Ventoy กลายเป็นเครื่องมือที่เสถียรขึ้นสำหรับงานทดสอบระบบ, recovery, และ deployment ในองค์กร

    อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือการปรับปรุง Wayland support สำหรับ Ventoy LinuxGUI ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทีมพัฒนา Ventoyกำลังเดินหน้าให้ GUI ของตนเข้ากันได้กับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ การรองรับนี้ช่วยให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ เช่น GNOME, KDE Plasma 6 และ COSMIC สามารถใช้งาน Ventoy GUI ได้อย่างราบรื่นขึ้น

    ในภาพรวม Ventoy 1.1.10 เป็นการอัปเดตที่แม้จะดูเล็ก แต่มีผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านไอที, นักทดสอบดิสโทร, และผู้ดูแลระบบที่ต้องการเครื่องมือ multiboot ที่เชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไฮไลต์ของ Ventoy 1.1.10
    รองรับ AerynOS อย่างเป็นทางการ
    ปรับปรุงการบูตบน EXT4 ให้เสถียรขึ้น

    การพัฒนา GUI บน Wayland
    Ventoy LinuxGUI ทำงานได้ดีขึ้นบน Wayland
    รองรับเดสก์ท็อปยุคใหม่ เช่น GNOME และ KDE Plasma

    ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง
    ดิสโทรบางตัวอาจยังต้องการ compatibility tweaks
    การบูตบนฮาร์ดแวร์เก่าอาจยังมีปัญหาในบางกรณี

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    อัปเดต Ventoy USB ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนใช้งาน
    ทดสอบ ISO หลายตัวก่อนใช้งานจริงในงาน production

    https://9to5linux.com/ventoy-1-1-10-bootable-usb-creator-released-with-support-for-aerynos
    🧰 Ventoy 1.1.10 เปิดตัว: รองรับ AerynOS พร้อมยกระดับประสบการณ์ Multiboot บน Linux Ventoy 1.1.10 มาถึงพร้อมการอัปเดตสำคัญที่ทำให้เครื่องมือ multiboot ยอดนิยมนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการรองรับ AerynOS ซึ่งเป็นดิสโทรรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส การรองรับนี้สะท้อนให้เห็นว่า Ventoy ยังคงเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบดิสโทรจำนวนมากโดยไม่ต้องเขียน USB ใหม่ทุกครั้ง การอัปเดตครั้งนี้ยังมาพร้อมการปรับปรุงการบูตบนระบบไฟล์ EXT4 ซึ่งเป็นฟอร์แมตที่ดิสโทร Linux ส่วนใหญ่ใช้เป็นค่าเริ่มต้น การแก้ไขนี้ช่วยลดปัญหาบูตไม่ขึ้นหรือโหลดเคอร์เนลผิดพลาดที่เคยเกิดในบางรุ่นของดิสโทร ทำให้ Ventoy กลายเป็นเครื่องมือที่เสถียรขึ้นสำหรับงานทดสอบระบบ, recovery, และ deployment ในองค์กร อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือการปรับปรุง Wayland support สำหรับ Ventoy LinuxGUI ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทีมพัฒนา Ventoyกำลังเดินหน้าให้ GUI ของตนเข้ากันได้กับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก X11 ไปสู่ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ การรองรับนี้ช่วยให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ เช่น GNOME, KDE Plasma 6 และ COSMIC สามารถใช้งาน Ventoy GUI ได้อย่างราบรื่นขึ้น ในภาพรวม Ventoy 1.1.10 เป็นการอัปเดตที่แม้จะดูเล็ก แต่มีผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านไอที, นักทดสอบดิสโทร, และผู้ดูแลระบบที่ต้องการเครื่องมือ multiboot ที่เชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไฮไลต์ของ Ventoy 1.1.10 ➡️ รองรับ AerynOS อย่างเป็นทางการ ➡️ ปรับปรุงการบูตบน EXT4 ให้เสถียรขึ้น ✅ การพัฒนา GUI บน Wayland ➡️ Ventoy LinuxGUI ทำงานได้ดีขึ้นบน Wayland ➡️ รองรับเดสก์ท็อปยุคใหม่ เช่น GNOME และ KDE Plasma ‼️ ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง ⛔ ดิสโทรบางตัวอาจยังต้องการ compatibility tweaks ⛔ การบูตบนฮาร์ดแวร์เก่าอาจยังมีปัญหาในบางกรณี ‼️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ⛔ อัปเดต Ventoy USB ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนใช้งาน ⛔ ทดสอบ ISO หลายตัวก่อนใช้งานจริงในงาน production https://9to5linux.com/ventoy-1-1-10-bootable-usb-creator-released-with-support-for-aerynos
    9TO5LINUX.COM
    Ventoy 1.1.10 Bootable USB Creator Released with Support for AerynOS - 9to5Linux
    Ventoy 1.1.10 open-source bootable USB solution is now available for download with support for AerynOS and other improvements.
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • MPV 0.41 มาแล้ว: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวิดีโอเพลเยอร์สายโอเพ่นซอร์สบน Wayland

    MPV 0.41 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงสำคัญด้าน Wayland ซึ่งเป็นหัวใจของเดสก์ท็อป Linux ยุคใหม่ การอัปเดตครั้งนี้ช่วยให้การเรนเดอร์ภาพลื่นไหลขึ้น ลด input latency และแก้ปัญหาการจัดการหน้าต่างที่เคยเป็นข้อจำกัดในเวอร์ชันก่อนหน้า การพัฒนา Wayland ecosystem ที่เร็วขึ้นในปี 2025 ทำให้โปรเจกต์อย่าง MPV ต้องเร่งตามให้ทัน และเวอร์ชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับ Ambient Light Sensor (ALS) ผ่าน sysfs ซึ่งช่วยให้ MPV ปรับความสว่างของวิดีโอตามสภาพแสงรอบตัวได้อัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้เคยพบในอุปกรณ์พกพาและระบบปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ แต่กำลังเริ่มถูกนำมาใช้ใน Linux Desktop มากขึ้น โดยเฉพาะในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่รองรับเซนเซอร์แบบมาตรฐาน ACPI และ ALS

    การอัปเดตครั้งนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ MPV ที่เน้นการรองรับเทคโนโลยีภาพสมัยใหม่ เช่น HDR, tone‑mapping และ GPU scaling ซึ่งเริ่มถูกผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่เวอร์ชัน 0.39–0.40 การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ MPV กลายเป็นหนึ่งในวิดีโอเพลเยอร์ที่นักรีวิวสาย Linux ยกให้เป็น “มาตรฐานทองคำ” สำหรับงานดูหนังคุณภาพสูงบนระบบโอเพ่นซอร์ส

    ในภาพรวม MPV 0.41 ไม่ได้เป็นเพียงอัปเดตเล็ก ๆ แต่เป็นการยืนยันว่าโปรเจกต์ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง และพร้อมรองรับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความเข้ากันได้ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่มากขึ้น

    ไฮไลต์ของ MPV 0.41
    ปรับปรุง Wayland ให้เสถียรและตอบสนองเร็วขึ้น
    รองรับ Ambient Light Sensor ผ่าน sysfs ALS

    ทิศทางการพัฒนา
    สอดคล้องกับการผลักดัน Wayland ใน Linux Desktop
    เดินหน้ารองรับ HDR และ GPU scaling อย่างต่อเนื่อง

    ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง
    ฟีเจอร์ ALS อาจใช้ไม่ได้ในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า
    การเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland อาจทำให้ปลั๊กอินหรือสคริปต์บางตัวต้องปรับตาม

    คำแนะนำสำหรับผู้ใช้
    อัปเดตไดรเวอร์ GPU ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่
    ตรวจสอบการตั้งค่า Wayland หากพบปัญหา input หรือการเรนเดอร์

    https://9to5linux.com/mpv-0-41-open-source-video-player-released-with-improved-wayland-support
    🎬 MPV 0.41 มาแล้ว: ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวิดีโอเพลเยอร์สายโอเพ่นซอร์สบน Wayland MPV 0.41 เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงสำคัญด้าน Wayland ซึ่งเป็นหัวใจของเดสก์ท็อป Linux ยุคใหม่ การอัปเดตครั้งนี้ช่วยให้การเรนเดอร์ภาพลื่นไหลขึ้น ลด input latency และแก้ปัญหาการจัดการหน้าต่างที่เคยเป็นข้อจำกัดในเวอร์ชันก่อนหน้า การพัฒนา Wayland ecosystem ที่เร็วขึ้นในปี 2025 ทำให้โปรเจกต์อย่าง MPV ต้องเร่งตามให้ทัน และเวอร์ชันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้เดสก์ท็อปสมัยใหม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับ Ambient Light Sensor (ALS) ผ่าน sysfs ซึ่งช่วยให้ MPV ปรับความสว่างของวิดีโอตามสภาพแสงรอบตัวได้อัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้เคยพบในอุปกรณ์พกพาและระบบปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ แต่กำลังเริ่มถูกนำมาใช้ใน Linux Desktop มากขึ้น โดยเฉพาะในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ที่รองรับเซนเซอร์แบบมาตรฐาน ACPI และ ALS การอัปเดตครั้งนี้ยังสอดคล้องกับทิศทางของ MPV ที่เน้นการรองรับเทคโนโลยีภาพสมัยใหม่ เช่น HDR, tone‑mapping และ GPU scaling ซึ่งเริ่มถูกผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่เวอร์ชัน 0.39–0.40 การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ MPV กลายเป็นหนึ่งในวิดีโอเพลเยอร์ที่นักรีวิวสาย Linux ยกให้เป็น “มาตรฐานทองคำ” สำหรับงานดูหนังคุณภาพสูงบนระบบโอเพ่นซอร์ส ในภาพรวม MPV 0.41 ไม่ได้เป็นเพียงอัปเดตเล็ก ๆ แต่เป็นการยืนยันว่าโปรเจกต์ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง และพร้อมรองรับอนาคตของ Linux Desktop ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland เต็มรูปแบบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความเข้ากันได้ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่มากขึ้น ✅ ไฮไลต์ของ MPV 0.41 ➡️ ปรับปรุง Wayland ให้เสถียรและตอบสนองเร็วขึ้น ➡️ รองรับ Ambient Light Sensor ผ่าน sysfs ALS ✅ ทิศทางการพัฒนา ➡️ สอดคล้องกับการผลักดัน Wayland ใน Linux Desktop ➡️ เดินหน้ารองรับ HDR และ GPU scaling อย่างต่อเนื่อง ‼️ ประเด็นที่ผู้ใช้ควรระวัง ⛔ ฟีเจอร์ ALS อาจใช้ไม่ได้ในฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า ⛔ การเปลี่ยนผ่านสู่ Wayland อาจทำให้ปลั๊กอินหรือสคริปต์บางตัวต้องปรับตาม ‼️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ ⛔ อัปเดตไดรเวอร์ GPU ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ⛔ ตรวจสอบการตั้งค่า Wayland หากพบปัญหา input หรือการเรนเดอร์ https://9to5linux.com/mpv-0-41-open-source-video-player-released-with-improved-wayland-support
    9TO5LINUX.COM
    MPV 0.41 Open-Source Video Player Released with Improved Wayland Support - 9to5Linux
    MPV 0.41 open-source media player is now available for download with improved Wayland support and ambient light support on Linux.
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation: จุดสิ้นสุดของยุคออฟไลน์ และสัญญาณเปลี่ยนผ่านสู่ Activation-as-a-Service

    Microsoft ได้ยุติระบบ Telephone Activation แบบดั้งเดิมอย่างเงียบ ๆ หลังจากใช้งานมานานหลายทศวรรษ โดยผู้ใช้พบว่าการโทรเพื่อขอ Activation ID ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าเว็บแทน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังย้ายกระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบโดยตรงต่อองค์กรที่ยังพึ่งพา MAK keys รุ่นเก่า โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น isolated networks, secure labs หรือ OT environments ที่ต้องการ offline activation เพื่อความปลอดภัย

    ในอดีต Telephone Activation ทำงานผ่านอัลกอริทึมที่สร้าง Activation ID จาก Product ID โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นกลไกสำคัญในยุค Windows 7–8 และ Office รุ่นเก่า แต่เมื่อ Microsoft ค่อย ๆ เปลี่ยนโมเดลสู่ cloud‑first และ subscription‑based licensing ระบบนี้เริ่มกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ทั้งในแง่การควบคุมลิขสิทธิ์และการลด misuse จาก MAK keys ที่ถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในอดีต

    แม้ระบบโทรศัพท์จะถูกปิด แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการ activate แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกโดยสมบูรณ์ บางส่วนของ workflow อาจถูกย้ายไปอยู่บนเว็บในรูปแบบ “online portal that simulates offline activation” เช่น การกรอก Installation ID และรับ Confirmation ID ผ่านเว็บแทนโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายบริษัทเริ่มใช้เพื่อควบคุมการออก Activation ID ให้รัดกุมขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การบังคับให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อ activate อาจสร้างปัญหาในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดเครือข่ายอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นสัญญาณว่าผู้ดูแลระบบต้องเตรียมปรับกระบวนการ activation ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะองค์กรที่ยังใช้ Windows 10/11 แบบ volume licensing หรือ Office 2024 ที่ยังต้องพึ่งพา MAK keys ในบางกรณี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft ยุติ Telephone Activation
    การโทรเพื่อขอ Activation ID ถูก redirect ไปหน้าเว็บ
    ไม่มีการระบุผลิตภัณฑ์ที่ยังรองรับแบบโทรศัพท์อีกต่อไป

    MAK Keys และระบบเก่าได้รับผลกระทบ
    MAK บางชุดเคยไม่มี activation limit และถูกใช้ซ้ำได้
    ระบบโทรศัพท์เคยเป็นช่องทางหลักสำหรับ offline activation

    ความเสี่ยงต่อองค์กรที่ยังใช้ระบบออฟไลน์
    สภาพแวดล้อม air‑gapped อาจไม่สามารถ activate ได้ตามเดิม
    การบังคับออนไลน์อาจสร้าง operational friction ใน secure networks

    สิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรเตรียมตัว
    ตรวจสอบ workflow activation ปัจจุบันของ Windows/Office
    เตรียมแผน fallback หากต้อง activate ผ่าน online portal เท่านั้น

    https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal/
    ☎️ Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation: จุดสิ้นสุดของยุคออฟไลน์ และสัญญาณเปลี่ยนผ่านสู่ Activation-as-a-Service Microsoft ได้ยุติระบบ Telephone Activation แบบดั้งเดิมอย่างเงียบ ๆ หลังจากใช้งานมานานหลายทศวรรษ โดยผู้ใช้พบว่าการโทรเพื่อขอ Activation ID ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าเว็บแทน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังย้ายกระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบโดยตรงต่อองค์กรที่ยังพึ่งพา MAK keys รุ่นเก่า โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น isolated networks, secure labs หรือ OT environments ที่ต้องการ offline activation เพื่อความปลอดภัย ในอดีต Telephone Activation ทำงานผ่านอัลกอริทึมที่สร้าง Activation ID จาก Product ID โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นกลไกสำคัญในยุค Windows 7–8 และ Office รุ่นเก่า แต่เมื่อ Microsoft ค่อย ๆ เปลี่ยนโมเดลสู่ cloud‑first และ subscription‑based licensing ระบบนี้เริ่มกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ทั้งในแง่การควบคุมลิขสิทธิ์และการลด misuse จาก MAK keys ที่ถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในอดีต แม้ระบบโทรศัพท์จะถูกปิด แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการ activate แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกโดยสมบูรณ์ บางส่วนของ workflow อาจถูกย้ายไปอยู่บนเว็บในรูปแบบ “online portal that simulates offline activation” เช่น การกรอก Installation ID และรับ Confirmation ID ผ่านเว็บแทนโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายบริษัทเริ่มใช้เพื่อควบคุมการออก Activation ID ให้รัดกุมขึ้น อย่างไรก็ตาม การบังคับให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อ activate อาจสร้างปัญหาในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดเครือข่ายอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นสัญญาณว่าผู้ดูแลระบบต้องเตรียมปรับกระบวนการ activation ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะองค์กรที่ยังใช้ Windows 10/11 แบบ volume licensing หรือ Office 2024 ที่ยังต้องพึ่งพา MAK keys ในบางกรณี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft ยุติ Telephone Activation ➡️ การโทรเพื่อขอ Activation ID ถูก redirect ไปหน้าเว็บ ➡️ ไม่มีการระบุผลิตภัณฑ์ที่ยังรองรับแบบโทรศัพท์อีกต่อไป ✅ MAK Keys และระบบเก่าได้รับผลกระทบ ➡️ MAK บางชุดเคยไม่มี activation limit และถูกใช้ซ้ำได้ ➡️ ระบบโทรศัพท์เคยเป็นช่องทางหลักสำหรับ offline activation ‼️ ความเสี่ยงต่อองค์กรที่ยังใช้ระบบออฟไลน์ ⛔ สภาพแวดล้อม air‑gapped อาจไม่สามารถ activate ได้ตามเดิม ⛔ การบังคับออนไลน์อาจสร้าง operational friction ใน secure networks ‼️ สิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรเตรียมตัว ⛔ ตรวจสอบ workflow activation ปัจจุบันของ Windows/Office ⛔ เตรียมแผน fallback หากต้อง activate ผ่าน online portal เท่านั้น https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal/
    SECURITYONLINE.INFO
    Hang Up the Phone: Microsoft Retires Telephone Activation for an Online Portal
    Microsoft has moved its automated telephone activation to a new Online Product Activation Portal for all perpetual licenses. Offline IID/CID still supported.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • Exim ระส่ำอีกครั้ง: ช่องโหว่ SQL Injection ลุกลามสู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต

    ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกเปิดเผยใน Exim 4.99 ทำให้โลกความปลอดภัยไซเบอร์ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อ Andrew Fasano จาก NIST ระบุว่าการอุดช่องโหว่เดิม (CVE-2025-26794) นั้น “ปิดไม่สนิท” จนกลายเป็นประตูบานใหญ่ให้แฮ็กเกอร์สามารถโจมตีลึกกว่าเดิมได้ ช่องโหว่นี้เริ่มจากการฉีดคำสั่ง SQL ผ่านฟิลด์ที่ควรจะถูก sanitize แต่กลับถูกละเลยในฟังก์ชัน xtextencode() ส่งผลให้ฐานข้อมูล SQLite ภายใน Exim ถูกควบคุมได้จากภายนอกอย่างไม่ตั้งใจ

    ความร้ายแรงไม่ได้หยุดแค่ SQL Injection เพราะ Fasano พบว่าช่องโหว่นี้สามารถเชื่อมโยงไปสู่ Heap Buffer Overflow ผ่านฟิลด์ bloom_size ที่ระบบอ่านโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อผู้โจมตีใส่ค่าขนาดผิดปกติ ระบบจะเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ ทำให้เกิด memory corruption สูงสุดกว่า 1.5MB ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดเครื่องได้ แม้ ASLR จะช่วยลดโอกาส RCE แต่ Fasano ยืนยันว่า “มีความเป็นไปได้” หากมีการพัฒนา exploit ต่อเนื่อง

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes และใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี เช่น sender_address ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้ในองค์กรจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะระบบอีเมลที่ปรับแต่งเองหรือใช้ config เก่าไม่เคย audit ความปลอดภัย นอกจากนี้ เทรนด์การโจมตี MTA ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2025 จากกลุ่ม APT ที่มองหา entry point ราคาถูกแต่ทรงพลัง เช่นเดียวกับกรณี Postfix และ Sendmail ที่เพิ่งถูกตรวจพบช่องโหว่คล้ายกันในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต Exim ทันที พร้อมตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL อย่างละเอียด รวมถึงพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ parameterized queries เพื่อลดความเสี่ยง SQL Injection แบบถาวร นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าระบบอีเมลแบบ self-hosted ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญขององค์กร หากไม่มีการดูแลเชิงรุกและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ SQL Injection ใน Exim 4.99
    เกิดจากการ sanitize ข้อมูลไม่สมบูรณ์ในฟังก์ชัน xtextencode()
    สามารถฉีดคำสั่ง SQL ผ่าน sender_address ได้

    ช่องโหว่ลุกลามสู่ Heap Buffer Overflow
    bloom_size ถูกอ่านโดยไม่มีการตรวจสอบ
    memory overflow สูงสุดกว่า 1.5MB

    เงื่อนไขที่ทำให้ระบบเสี่ยง
    Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes
    ใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี

    ความเสี่ยงระดับองค์กร
    อาจนำไปสู่ Remote Code Execution หาก exploit พัฒนาเพิ่ม
    ระบบอีเมล self-hosted ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูงมาก

    คำแนะนำเร่งด่วน
    อัปเดต Exim ทันที
    ตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL

    https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows/
    🛡️ Exim ระส่ำอีกครั้ง: ช่องโหว่ SQL Injection ลุกลามสู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกเปิดเผยใน Exim 4.99 ทำให้โลกความปลอดภัยไซเบอร์ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อ Andrew Fasano จาก NIST ระบุว่าการอุดช่องโหว่เดิม (CVE-2025-26794) นั้น “ปิดไม่สนิท” จนกลายเป็นประตูบานใหญ่ให้แฮ็กเกอร์สามารถโจมตีลึกกว่าเดิมได้ ช่องโหว่นี้เริ่มจากการฉีดคำสั่ง SQL ผ่านฟิลด์ที่ควรจะถูก sanitize แต่กลับถูกละเลยในฟังก์ชัน xtextencode() ส่งผลให้ฐานข้อมูล SQLite ภายใน Exim ถูกควบคุมได้จากภายนอกอย่างไม่ตั้งใจ ความร้ายแรงไม่ได้หยุดแค่ SQL Injection เพราะ Fasano พบว่าช่องโหว่นี้สามารถเชื่อมโยงไปสู่ Heap Buffer Overflow ผ่านฟิลด์ bloom_size ที่ระบบอ่านโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อผู้โจมตีใส่ค่าขนาดผิดปกติ ระบบจะเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ ทำให้เกิด memory corruption สูงสุดกว่า 1.5MB ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดเครื่องได้ แม้ ASLR จะช่วยลดโอกาส RCE แต่ Fasano ยืนยันว่า “มีความเป็นไปได้” หากมีการพัฒนา exploit ต่อเนื่อง การโจมตีนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes และใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี เช่น sender_address ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้ในองค์กรจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะระบบอีเมลที่ปรับแต่งเองหรือใช้ config เก่าไม่เคย audit ความปลอดภัย นอกจากนี้ เทรนด์การโจมตี MTA ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2025 จากกลุ่ม APT ที่มองหา entry point ราคาถูกแต่ทรงพลัง เช่นเดียวกับกรณี Postfix และ Sendmail ที่เพิ่งถูกตรวจพบช่องโหว่คล้ายกันในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต Exim ทันที พร้อมตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL อย่างละเอียด รวมถึงพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ parameterized queries เพื่อลดความเสี่ยง SQL Injection แบบถาวร นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าระบบอีเมลแบบ self-hosted ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญขององค์กร หากไม่มีการดูแลเชิงรุกและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ SQL Injection ใน Exim 4.99 ➡️ เกิดจากการ sanitize ข้อมูลไม่สมบูรณ์ในฟังก์ชัน xtextencode() ➡️ สามารถฉีดคำสั่ง SQL ผ่าน sender_address ได้ ✅ ช่องโหว่ลุกลามสู่ Heap Buffer Overflow ➡️ bloom_size ถูกอ่านโดยไม่มีการตรวจสอบ ➡️ memory overflow สูงสุดกว่า 1.5MB ✅ เงื่อนไขที่ทำให้ระบบเสี่ยง ➡️ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes ➡️ ใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี ‼️ ความเสี่ยงระดับองค์กร ⛔ อาจนำไปสู่ Remote Code Execution หาก exploit พัฒนาเพิ่ม ⛔ ระบบอีเมล self-hosted ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูงมาก ‼️ คำแนะนำเร่งด่วน ⛔ อัปเดต Exim ทันที ⛔ ตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows/
    SECURITYONLINE.INFO
    Exim’s Poisoned Record: How a Failed Patch and SQL Injection Lead to Critical Heap Overflows
    NIST warns of a critical Exim 4.99 flaw. A failed SQLi patch allows attackers to poison SQLite records and trigger a 1.5MB heap buffer overflow.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์

    CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์

    หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด

    นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน

    แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes
    สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript
    ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top”
    รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม

    ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น
    สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-*
    ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น
    สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows

    ฟีเจอร์ item‑tolerance
    ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม
    ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ

    สถานะปัจจุบันของสเปก
    พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234
    CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน
    ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property
    รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้
    ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด

    https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    🧩 CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์ CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์ หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes ➡️ สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript ➡️ ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top” ➡️ รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม ✅ ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น ➡️ สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-* ➡️ ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น ➡️ สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows ✅ ฟีเจอร์ item‑tolerance ➡️ ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม ➡️ ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ ✅ สถานะปัจจุบันของสเปก ➡️ พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234 ➡️ CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน ➡️ ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้ ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property ⛔ รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้ ⛔ ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    WEBKIT.ORG
    Introducing CSS Grid Lanes
    It’s here, the future of masonry layouts on the web!
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • เรื่อง แตกคอ แตกคอ
    “แตกคอ แตกคอก”
    ตอน 1
    กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว
    เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ
    ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก
    ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย
    ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก
    แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง
    ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน
    เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล…
    อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน
    แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย
    และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน
    ###############
ตอน 2
    เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ
    โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน
    โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ
    แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้
    เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม
    จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน
    และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ
    แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว
    ###############
ตอน 3
    ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย
    สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง
    การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว…
    หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!!
    แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่
    การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย
    เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย
    แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก
    การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว
    …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้)
    ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน
    โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง….
    ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    เรื่อง แตกคอ แตกคอ “แตกคอ แตกคอก” ตอน 1 กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล… อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน ###############
ตอน 2 เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้ เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว ###############
ตอน 3 ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว… หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!! แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่ การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้) ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง…. ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • 14 เทคโนโลยีสุดล้ำที่มนุษย์ส่งขึ้นสู่อวกาศ: จากยานสำรวจถึงวัตถุทางวัฒนธรรม

    การเดินทางของมนุษยชาติกับอวกาศเป็นเรื่องราวที่ยาวนานกว่าพันปี ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์มองดวงดาวด้วยความสงสัย จนถึงวันที่เราส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ และสร้างสถานีอวกาศที่โคจรรอบโลกอย่าง ISS สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่เราส่งขึ้นไปนอกโลกไม่ได้มีแค่ยานสำรวจหรือดาวเทียมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัตถุทางวัฒนธรรม สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ และแม้แต่ของเล่นที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วย

    ในบรรดาเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ยานอวกาศที่พาเราข้ามขีดจำกัดของแรงโน้มถ่วง ดาวเทียมที่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกยุคดิจิทัล กล้องโทรทรรศน์อวกาศอย่าง Hubble และ James Webb ที่เปิดหน้าต่างใหม่สู่จักรวาล รวมถึงภารกิจสำรวจดาวอังคารที่ต้องฝ่าความล้มเหลวมากมายก่อนจะประสบความสำเร็จในยุคของ Curiosity และ Perseverance

    นอกจากเทคโนโลยีหลักแล้ว ยังมีวัตถุที่สะท้อนวัฒนธรรมมนุษย์ เช่น Tesla Roadster ที่ SpaceX ส่งขึ้นไปพร้อม Starman, ฟิกเกอร์ LEGO ที่ร่วมเดินทางไปกับยาน Juno, ชิ้นส่วนเครื่องบินลำแรกของ Wright Brothers ที่ไปถึงดวงจันทร์ และ Golden Record ที่บรรจุเสียงและภาพของมนุษยชาติไว้เพื่อทักทายสิ่งมีชีวิตนอกโลกหากมีวันได้พบกัน

    สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าอวกาศไม่ใช่เพียงสนามทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นพื้นที่ที่มนุษย์ใช้บอกเล่าเรื่องราว ความฝัน ความกลัว และความหวังของเราในฐานะเผ่าพันธุ์หนึ่งในจักรวาล การส่งเทคโนโลยีและวัตถุเหล่านี้ขึ้นไปจึงเป็นทั้งการสำรวจภายนอก และการสะท้อนตัวตนภายในของมนุษย์เองด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เทคโนโลยีสำคัญที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ
    ยานอวกาศและจรวดที่พาเราข้ามขีดจำกัดของแรงโน้มถ่วง
    ดาวเทียมกว่า 13,700 ดวงที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกยุคดิจิทัล
    กล้องโทรทรรศน์ Hubble และ James Webb ที่เปิดมุมมองใหม่ของจักรวาล
    Mars Rovers ที่ฝ่าความล้มเหลวหลายครั้งก่อนประสบความสำเร็จ

    วัตถุทางวัฒนธรรมที่ร่วมเดินทางไปกับมนุษย์
    Tesla Roadster พร้อม Starman และผลงานของ Asimov
    ฟิกเกอร์ LEGO บนภารกิจ Juno
    ชิ้นส่วนเครื่องบินของ Wright Brothers ที่ไปถึงดวงจันทร์
    Golden Record ที่บันทึกเสียง ภาพ และดนตรีของมนุษยชาติ

    ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของการส่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นสู่อวกาศ
    แสดงให้เห็นความอยากรู้อยากเห็นและความกล้าของมนุษย์
    เป็นการบันทึกวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของมนุษย์ในระดับจักรวาล
    สะท้อนความร่วมมือระดับโลก เช่น ISS ที่สร้างโดยหลายประเทศ

    ประเด็นที่ต้องระวังหรือพิจารณา
    ปริมาณขยะอวกาศที่เพิ่มขึ้นจากวัตถุที่ถูกส่งขึ้นไป
    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของภารกิจที่ต้องเผชิญสภาพแวดล้อมรุนแรง
    ความท้าทายด้านต้นทุนและทรัพยากรในการสำรวจอวกาศ

    https://www.slashgear.com/2053418/coolest-tech-sent-to-space/
    🚀 14 เทคโนโลยีสุดล้ำที่มนุษย์ส่งขึ้นสู่อวกาศ: จากยานสำรวจถึงวัตถุทางวัฒนธรรม การเดินทางของมนุษยชาติกับอวกาศเป็นเรื่องราวที่ยาวนานกว่าพันปี ตั้งแต่ยุคที่มนุษย์มองดวงดาวด้วยความสงสัย จนถึงวันที่เราส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ และสร้างสถานีอวกาศที่โคจรรอบโลกอย่าง ISS สิ่งที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีที่เราส่งขึ้นไปนอกโลกไม่ได้มีแค่ยานสำรวจหรือดาวเทียมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัตถุทางวัฒนธรรม สิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ และแม้แต่ของเล่นที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วย ในบรรดาเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ยานอวกาศที่พาเราข้ามขีดจำกัดของแรงโน้มถ่วง ดาวเทียมที่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกยุคดิจิทัล กล้องโทรทรรศน์อวกาศอย่าง Hubble และ James Webb ที่เปิดหน้าต่างใหม่สู่จักรวาล รวมถึงภารกิจสำรวจดาวอังคารที่ต้องฝ่าความล้มเหลวมากมายก่อนจะประสบความสำเร็จในยุคของ Curiosity และ Perseverance นอกจากเทคโนโลยีหลักแล้ว ยังมีวัตถุที่สะท้อนวัฒนธรรมมนุษย์ เช่น Tesla Roadster ที่ SpaceX ส่งขึ้นไปพร้อม Starman, ฟิกเกอร์ LEGO ที่ร่วมเดินทางไปกับยาน Juno, ชิ้นส่วนเครื่องบินลำแรกของ Wright Brothers ที่ไปถึงดวงจันทร์ และ Golden Record ที่บรรจุเสียงและภาพของมนุษยชาติไว้เพื่อทักทายสิ่งมีชีวิตนอกโลกหากมีวันได้พบกัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าอวกาศไม่ใช่เพียงสนามทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นพื้นที่ที่มนุษย์ใช้บอกเล่าเรื่องราว ความฝัน ความกลัว และความหวังของเราในฐานะเผ่าพันธุ์หนึ่งในจักรวาล การส่งเทคโนโลยีและวัตถุเหล่านี้ขึ้นไปจึงเป็นทั้งการสำรวจภายนอก และการสะท้อนตัวตนภายในของมนุษย์เองด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เทคโนโลยีสำคัญที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ ➡️ ยานอวกาศและจรวดที่พาเราข้ามขีดจำกัดของแรงโน้มถ่วง ➡️ ดาวเทียมกว่า 13,700 ดวงที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของโลกยุคดิจิทัล ➡️ กล้องโทรทรรศน์ Hubble และ James Webb ที่เปิดมุมมองใหม่ของจักรวาล ➡️ Mars Rovers ที่ฝ่าความล้มเหลวหลายครั้งก่อนประสบความสำเร็จ ✅ วัตถุทางวัฒนธรรมที่ร่วมเดินทางไปกับมนุษย์ ➡️ Tesla Roadster พร้อม Starman และผลงานของ Asimov ➡️ ฟิกเกอร์ LEGO บนภารกิจ Juno ➡️ ชิ้นส่วนเครื่องบินของ Wright Brothers ที่ไปถึงดวงจันทร์ ➡️ Golden Record ที่บันทึกเสียง ภาพ และดนตรีของมนุษยชาติ ✅ ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของการส่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นสู่อวกาศ ➡️ แสดงให้เห็นความอยากรู้อยากเห็นและความกล้าของมนุษย์ ➡️ เป็นการบันทึกวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของมนุษย์ในระดับจักรวาล ➡️ สะท้อนความร่วมมือระดับโลก เช่น ISS ที่สร้างโดยหลายประเทศ ‼️ ประเด็นที่ต้องระวังหรือพิจารณา ⛔ ปริมาณขยะอวกาศที่เพิ่มขึ้นจากวัตถุที่ถูกส่งขึ้นไป ⛔ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของภารกิจที่ต้องเผชิญสภาพแวดล้อมรุนแรง ⛔ ความท้าทายด้านต้นทุนและทรัพยากรในการสำรวจอวกาศ https://www.slashgear.com/2053418/coolest-tech-sent-to-space/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    14 Of The Coolest Pieces Of Tech We've Sent To Space - SlashGear
    Humanity has sent into space everything from lightsabers and Tesla Roadsters to golden records and entire digital genetic records of famous scientists.
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • jdSystemMonitor: เครื่องมือมอนิเตอร์ระบบ Linux ที่ก้าวข้ามความเป็น “System Monitor” แบบเดิม

    jdSystemMonitor กำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพูดถึงในหมู่ผู้ใช้ Linux สายเทคนิค เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงตัวดูทรัพยากรระบบทั่วไป แต่ยังรวมข้อมูลเชิงลึกของระบบไว้ในอินเทอร์เฟซเดียวอย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่าย จุดเด่นคือการออกแบบแบบ “desktop‑independent” ที่ไม่ผูกติดกับสภาพแวดล้อมใดเป็นพิเศษ ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

    นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการดู CPU, RAM, และ Process แล้ว jdSystemMonitor ยังเพิ่มความสามารถที่ปกติจะต้องใช้หลายเครื่องมือประกอบกัน เช่น การดู systemd services, รายการ Flatpak ที่กำลังรัน, รายการ autostart ข้ามเดสก์ท็อป, รายการแพ็กเกจทั้งหมดในระบบ รวมถึง sysctl values ที่ปกติซ่อนอยู่ลึกในระบบ Linux สิ่งนี้ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ดูแลระบบที่ต้องการข้อมูลครบจบในที่เดียว

    ในมุมของชุมชนโอเพ่นซอร์ส jdSystemMonitor ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเครื่องมือที่ผสมผสาน Python + PyQt เข้ากับ backend ที่เขียนด้วย Go เพื่อให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่เริ่มเห็นมากขึ้นในโปรเจกต์ยุคใหม่ นอกจากนี้ การกระจายผ่าน Flatpak ยังช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่อง dependency แตกต่างจากเครื่องมือรุ่นเก่าที่ต้องคอมไพล์หรือดึงแพ็กเกจเสริมเอง

    แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หน้าต่างที่กว้างเกินไป ไม่มี dark mode integration และหน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจที่ปรับขนาดไม่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวโปรเจกต์ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและเปิดรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้เพื่อปรับปรุงต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือดูระบบแบบ “ครบเครื่องแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ” jdSystemMonitor ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟีเจอร์เด่นของ jdSystemMonitor
    รวมข้อมูลระบบเชิงลึกไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว
    รองรับการดู systemd services, Flatpak, autostart, packages และ sysctl values
    ใช้ Python + PyQt และ daemon ที่เขียนด้วย Go เพื่อความเสถียรและเบาเครื่อง

    จุดแข็งด้านการใช้งาน
    อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่ผูกกับเดสก์ท็อปใด
    กระจายผ่าน Flatpak ติดตั้งง่าย ไม่ต้องจัดการ dependency
    เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและ sysadmin

    บริบทจากวงการโอเพ่นซอร์ส
    แนวโน้มใช้ Python + Go ในเครื่องมือยุคใหม่
    Flatpak กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการกระจายแอปบน Linux
    เครื่องมือแบบ all‑in‑one ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ power users

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    หน้าต่างกว้างเกินไป ทำให้ใช้งานบนหน้าจอเล็กไม่สะดวก
    ไม่มี dark mode integration อาจขัดตาบนเดสก์ท็อปที่ใช้ธีมมืด
    หน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจปรับขนาดไม่ได้ ทำให้ดูข้อมูลบางส่วนลำบาก

    https://itsfoss.com/jdsystemmonitor/
    🖥️ jdSystemMonitor: เครื่องมือมอนิเตอร์ระบบ Linux ที่ก้าวข้ามความเป็น “System Monitor” แบบเดิม jdSystemMonitor กำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพูดถึงในหมู่ผู้ใช้ Linux สายเทคนิค เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงตัวดูทรัพยากรระบบทั่วไป แต่ยังรวมข้อมูลเชิงลึกของระบบไว้ในอินเทอร์เฟซเดียวอย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่าย จุดเด่นคือการออกแบบแบบ “desktop‑independent” ที่ไม่ผูกติดกับสภาพแวดล้อมใดเป็นพิเศษ ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการดู CPU, RAM, และ Process แล้ว jdSystemMonitor ยังเพิ่มความสามารถที่ปกติจะต้องใช้หลายเครื่องมือประกอบกัน เช่น การดู systemd services, รายการ Flatpak ที่กำลังรัน, รายการ autostart ข้ามเดสก์ท็อป, รายการแพ็กเกจทั้งหมดในระบบ รวมถึง sysctl values ที่ปกติซ่อนอยู่ลึกในระบบ Linux สิ่งนี้ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ดูแลระบบที่ต้องการข้อมูลครบจบในที่เดียว ในมุมของชุมชนโอเพ่นซอร์ส jdSystemMonitor ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเครื่องมือที่ผสมผสาน Python + PyQt เข้ากับ backend ที่เขียนด้วย Go เพื่อให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่เริ่มเห็นมากขึ้นในโปรเจกต์ยุคใหม่ นอกจากนี้ การกระจายผ่าน Flatpak ยังช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่อง dependency แตกต่างจากเครื่องมือรุ่นเก่าที่ต้องคอมไพล์หรือดึงแพ็กเกจเสริมเอง แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หน้าต่างที่กว้างเกินไป ไม่มี dark mode integration และหน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจที่ปรับขนาดไม่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวโปรเจกต์ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและเปิดรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้เพื่อปรับปรุงต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือดูระบบแบบ “ครบเครื่องแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ” jdSystemMonitor ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์เด่นของ jdSystemMonitor ➡️ รวมข้อมูลระบบเชิงลึกไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว ➡️ รองรับการดู systemd services, Flatpak, autostart, packages และ sysctl values ➡️ ใช้ Python + PyQt และ daemon ที่เขียนด้วย Go เพื่อความเสถียรและเบาเครื่อง ✅ จุดแข็งด้านการใช้งาน ➡️ อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่ผูกกับเดสก์ท็อปใด ➡️ กระจายผ่าน Flatpak ติดตั้งง่าย ไม่ต้องจัดการ dependency ➡️ เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและ sysadmin ✅ บริบทจากวงการโอเพ่นซอร์ส ➡️ แนวโน้มใช้ Python + Go ในเครื่องมือยุคใหม่ ➡️ Flatpak กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการกระจายแอปบน Linux ➡️ เครื่องมือแบบ all‑in‑one ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ power users ‼️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง ⛔ หน้าต่างกว้างเกินไป ทำให้ใช้งานบนหน้าจอเล็กไม่สะดวก ⛔ ไม่มี dark mode integration อาจขัดตาบนเดสก์ท็อปที่ใช้ธีมมืด ⛔ หน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจปรับขนาดไม่ได้ ทำให้ดูข้อมูลบางส่วนลำบาก https://itsfoss.com/jdsystemmonitor/
    ITSFOSS.COM
    jdSystemMonitor: More Than Your Regular System Monitor on Linux
    Bringing system resources and internal details together in one place, jdSystemMonitor is a solid and lightweight option for desktop Linux users.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทน ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ตรวจสภาพพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และเนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลังทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามเป้าหมาย
    .
    การลงพื้นที่ครั้งนี้มีขึ้นเพื่อประเมินสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ พร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยด้านความมั่นคง และติดตามผลการปฏิบัติการของกำลังพลในแนวหน้า
    .
    ในโอกาสนี้ พลโท บุญสิน ได้เชิดชูเกียรติและให้กำลังใจทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จนสามารถผลักดันฝ่ายตรงข้ามและยึดคืนพื้นที่ได้สำเร็จ พร้อมย้ำว่าความเสียสละของกำลังพลทุกนายจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปกป้องอธิปไตยของชาติ
    .
    พลโท บุญสิน ยืนยันว่ากองทัพไทยจะดูแลและยืนเคียงข้างกำลังพลทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122735
    .
    #News1live #News1 #กองทัพบก #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #อธิปไตยไทย
    พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทน ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ตรวจสภาพพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และเนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลังทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามเป้าหมาย . การลงพื้นที่ครั้งนี้มีขึ้นเพื่อประเมินสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ พร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยด้านความมั่นคง และติดตามผลการปฏิบัติการของกำลังพลในแนวหน้า . ในโอกาสนี้ พลโท บุญสิน ได้เชิดชูเกียรติและให้กำลังใจทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จนสามารถผลักดันฝ่ายตรงข้ามและยึดคืนพื้นที่ได้สำเร็จ พร้อมย้ำว่าความเสียสละของกำลังพลทุกนายจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปกป้องอธิปไตยของชาติ . พลโท บุญสิน ยืนยันว่ากองทัพไทยจะดูแลและยืนเคียงข้างกำลังพลทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122735 . #News1live #News1 #กองทัพบก #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #อธิปไตยไทย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 301 Views 0 Reviews
  • ทดสอบยาว 3 ปีเผยผลชัด — OLED ทนกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ รุ่นส่วนใหญ่ใช้งานเกิน 10,000 ชั่วโมง

    การทดสอบความทนทานของทีวีจำนวน 102 เครื่อง ที่ดำเนินต่อเนื่องกว่า 3 ปี โดยสถาบันวิจัยด้านภาพและทีวี (ตามรายงานของ Tom’s Hardware) เผยผลที่น่าประหลาดใจว่า OLED มีความทนทานสูงกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านอายุการใช้งานและความเสถียรของภาพ โดยทีวี OLED ส่วนใหญ่สามารถทำงานได้เกิน 10,000 ชั่วโมง โดยไม่มีอาการเสื่อมที่ส่งผลต่อการใช้งานจริง.

    จากการทดสอบ พบว่า มีทีวีเสียทั้งหมด 20 เครื่องจาก 102 เครื่อง โดยสัดส่วนความเสียหายเกิดขึ้นในกลุ่ม LCD มากกว่าอย่างชัดเจน ขณะที่ OLED มีอัตราความล้มเหลวต่ำกว่ามาก ซึ่งสวนทางกับความเชื่อดั้งเดิมที่มักมองว่า OLED เสี่ยงต่อการ burn‑in และเสื่อมสภาพเร็วกว่า LCD การทดสอบนี้จึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ว่าเทคโนโลยี OLED รุ่นใหม่มีความทนทานกว่าที่หลายคนคาดไว้.

    ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ OLED รุ่นใหม่ทนขึ้นมาจากการพัฒนา วัสดุอินทรีย์รุ่นใหม่, ระบบควบคุมพิกเซล, และ อัลกอริทึมป้องกัน burn‑in ที่ฉลาดขึ้นมาก รวมถึงการออกแบบ panel ที่รองรับความสว่างสูงโดยไม่เร่งพิกเซลจนเกินไป ขณะที่ LCD แม้จะไม่มีปัญหา burn‑in แต่กลับมีอัตราความล้มเหลวด้าน backlight, power board และ panel defect สูงกว่าในการทดสอบระยะยาว.

    ผลการทดสอบนี้ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดทีวีระดับพรีเมียม ซึ่งกำลังขยับไปสู่ OLED เป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการคุณภาพภาพสูงสุดและความทนทานที่พิสูจน์ได้จริงจากการใช้งานระยะยาว.

    การทดสอบ 3 ปีพบว่า OLED ทนกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ
    OLED ส่วนใหญ่ใช้งานได้เกิน 10,000 ชั่วโมง
    LCD มีอัตราความล้มเหลวสูงกว่าอย่างชัดเจน

    ทีวีเสียทั้งหมด 20 เครื่องจาก 102 เครื่อง
    ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดในกลุ่ม LCD
    OLED มีอัตราความล้มเหลวต่ำกว่าที่คาดไว้

    เทคโนโลยี OLED รุ่นใหม่มีระบบป้องกัน burn‑in ที่ดีขึ้นมาก
    วัสดุอินทรีย์รุ่นใหม่
    อัลกอริทึมควบคุมพิกเซลที่ฉลาดขึ้น

    ตลาดพรีเมียมกำลังขยับไปสู่ OLED เป็นมาตรฐานใหม่
    คุณภาพภาพสูงกว่า
    ความทนทานพิสูจน์ได้จากการใช้งานจริง

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    การทดสอบเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม
    ผลลัพธ์อาจแตกต่างในบ้านที่มีความสว่างสูงหรือเปิดทิ้งยาว

    OLED ยังมีความเสี่ยง burn‑in หากใช้งานผิดประเภท
    เช่น เปิดภาพนิ่งนานหลายชั่วโมงทุกวัน

    LCD ยังมีข้อดีในด้านความสว่างสูงสุดและราคาที่ถูกกว่า
    ผู้ใช้บางกลุ่มอาจยังเหมาะกับ LCD มากกว่า

    https://www.tomshardware.com/monitors/televisions/three-year-test-shows-oled-is-significantly-more-reliable-than-lcd-with-most-lasting-more-than-10-000-hours-20-tvs-failed-out-of-102-tested
    📺⏳ ทดสอบยาว 3 ปีเผยผลชัด — OLED ทนกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ รุ่นส่วนใหญ่ใช้งานเกิน 10,000 ชั่วโมง การทดสอบความทนทานของทีวีจำนวน 102 เครื่อง ที่ดำเนินต่อเนื่องกว่า 3 ปี โดยสถาบันวิจัยด้านภาพและทีวี (ตามรายงานของ Tom’s Hardware) เผยผลที่น่าประหลาดใจว่า OLED มีความทนทานสูงกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านอายุการใช้งานและความเสถียรของภาพ โดยทีวี OLED ส่วนใหญ่สามารถทำงานได้เกิน 10,000 ชั่วโมง โดยไม่มีอาการเสื่อมที่ส่งผลต่อการใช้งานจริง. จากการทดสอบ พบว่า มีทีวีเสียทั้งหมด 20 เครื่องจาก 102 เครื่อง โดยสัดส่วนความเสียหายเกิดขึ้นในกลุ่ม LCD มากกว่าอย่างชัดเจน ขณะที่ OLED มีอัตราความล้มเหลวต่ำกว่ามาก ซึ่งสวนทางกับความเชื่อดั้งเดิมที่มักมองว่า OLED เสี่ยงต่อการ burn‑in และเสื่อมสภาพเร็วกว่า LCD การทดสอบนี้จึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ว่าเทคโนโลยี OLED รุ่นใหม่มีความทนทานกว่าที่หลายคนคาดไว้. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ OLED รุ่นใหม่ทนขึ้นมาจากการพัฒนา วัสดุอินทรีย์รุ่นใหม่, ระบบควบคุมพิกเซล, และ อัลกอริทึมป้องกัน burn‑in ที่ฉลาดขึ้นมาก รวมถึงการออกแบบ panel ที่รองรับความสว่างสูงโดยไม่เร่งพิกเซลจนเกินไป ขณะที่ LCD แม้จะไม่มีปัญหา burn‑in แต่กลับมีอัตราความล้มเหลวด้าน backlight, power board และ panel defect สูงกว่าในการทดสอบระยะยาว. ผลการทดสอบนี้ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาดทีวีระดับพรีเมียม ซึ่งกำลังขยับไปสู่ OLED เป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการคุณภาพภาพสูงสุดและความทนทานที่พิสูจน์ได้จริงจากการใช้งานระยะยาว. ✅ การทดสอบ 3 ปีพบว่า OLED ทนกว่า LCD อย่างมีนัยสำคัญ ➡️ OLED ส่วนใหญ่ใช้งานได้เกิน 10,000 ชั่วโมง ➡️ LCD มีอัตราความล้มเหลวสูงกว่าอย่างชัดเจน ✅ ทีวีเสียทั้งหมด 20 เครื่องจาก 102 เครื่อง ➡️ ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดในกลุ่ม LCD ➡️ OLED มีอัตราความล้มเหลวต่ำกว่าที่คาดไว้ ✅ เทคโนโลยี OLED รุ่นใหม่มีระบบป้องกัน burn‑in ที่ดีขึ้นมาก ➡️ วัสดุอินทรีย์รุ่นใหม่ ➡️ อัลกอริทึมควบคุมพิกเซลที่ฉลาดขึ้น ✅ ตลาดพรีเมียมกำลังขยับไปสู่ OLED เป็นมาตรฐานใหม่ ➡️ คุณภาพภาพสูงกว่า ➡️ ความทนทานพิสูจน์ได้จากการใช้งานจริง ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ การทดสอบเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม ⛔ ผลลัพธ์อาจแตกต่างในบ้านที่มีความสว่างสูงหรือเปิดทิ้งยาว ‼️ OLED ยังมีความเสี่ยง burn‑in หากใช้งานผิดประเภท ⛔ เช่น เปิดภาพนิ่งนานหลายชั่วโมงทุกวัน ‼️ LCD ยังมีข้อดีในด้านความสว่างสูงสุดและราคาที่ถูกกว่า ⛔ ผู้ใช้บางกลุ่มอาจยังเหมาะกับ LCD มากกว่า https://www.tomshardware.com/monitors/televisions/three-year-test-shows-oled-is-significantly-more-reliable-than-lcd-with-most-lasting-more-than-10-000-hours-20-tvs-failed-out-of-102-tested
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • CENI: จีนเปิดใช้งานเครือข่ายวิจัยระดับชาติ — โอนข้อมูล 72TB ข้ามระยะทาง 1,000 กม. ด้วยความเร็วใกล้ 100 Gbps

    จีนประกาศเปิดใช้งาน China Environment for Network Innovation (CENI) เครือข่ายวิจัยระดับชาติที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบสถาปัตยกรรมเครือข่ายยุคอนาคต รองรับงานด้าน AI, วิทยาศาสตร์ข้อมูล และระบบที่ต้องการ deterministic networking จุดเด่นคือการทดสอบโอนข้อมูล 72TB จากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ FAST ในมณฑลกุ้ยโจว ไปยังมณฑลหูเป่ย ระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 1.6 ชั่วโมง ซึ่งคิดเป็น throughput ใกล้เคียง 100 Gbps.

    CENI ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์งานวิจัยที่ต้องการปริมาณข้อมูลมหาศาล เช่น FAST ที่ผลิตข้อมูลมากกว่า 100TB ต่อวัน ซึ่งเกินความสามารถของเครือข่ายสาธารณะทั่วไป เครือข่ายนี้ครอบคลุมกว่า 40 เมือง, ใช้โครงข่ายใยแก้วนำแสงยาวกว่า 55,000 กิโลเมตร, และรองรับการสร้าง virtual networks มากกว่า 4,000 เครือข่ายพร้อมกัน ผ่านเทคโนโลยี DWDM 100 Gbps ต่อช่องสัญญาณ.

    สิ่งที่ทำให้ CENI แตกต่างคือแนวคิด deterministic networking — การรับประกัน latency, jitter และ packet delivery แบบคงที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อินเทอร์เน็ตทั่วไปทำไม่ได้ นี่คือคุณสมบัติสำคัญสำหรับงาน AI distributed training, real‑time robotics, และระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ นักวิจัยจีนยังเปรียบ CENI กับบทบาทของ ARPANET ในสหรัฐฯ ที่เคยเป็นรากฐานของอินเทอร์เน็ตยุคแรก.

    แม้การทดสอบจะเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม แต่ขนาดของโครงการและความสามารถที่แสดงออกมาชี้ให้เห็นว่าจีนกำลังลงทุนอย่างจริงจังเพื่อสร้างเครือข่ายระดับประเทศที่รองรับงานข้อมูลยุค AI ซึ่งอาจกลายเป็นต้นแบบของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายในอนาคตทั่วโลก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    CENI คือเครือข่ายวิจัยระดับชาติของจีน
    ออกแบบเพื่อทดสอบสถาปัตยกรรมเครือข่ายยุคอนาคต
    รองรับงาน AI และ data‑intensive workloads

    ทดสอบโอนข้อมูล 72TB ข้าม 1,000 กม. ใน 1.6 ชั่วโมง
    throughput ใกล้ 100 Gbps
    ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ FAST

    โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับประเทศ
    ครอบคลุม 40 เมือง
    ใยแก้วนำแสงกว่า 55,000 กม.
    รองรับ virtual networks มากกว่า 4,000 เครือข่าย

    รองรับ deterministic networking
    ควบคุม latency และ jitter ได้แม่นยำ
    เหมาะกับ AI, robotics, และ real‑time systems

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    ผลทดสอบเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม
    ประสิทธิภาพจริงอาจแตกต่างเมื่อใช้งานเต็มรูปแบบ

    deterministic networking ต้องการการจัดการที่ซับซ้อนมาก
    ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลต่อระบบทั้งเครือข่าย

    โครงสร้างพื้นฐานระดับนี้ต้องใช้งบประมาณและการดูแลสูงมาก
    อาจไม่เหมาะกับประเทศที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณหรือพื้นที่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-switches-on-ceni-research-network-with-72tb-transfer-test-across-1000km
    🌐⚡ CENI: จีนเปิดใช้งานเครือข่ายวิจัยระดับชาติ — โอนข้อมูล 72TB ข้ามระยะทาง 1,000 กม. ด้วยความเร็วใกล้ 100 Gbps จีนประกาศเปิดใช้งาน China Environment for Network Innovation (CENI) เครือข่ายวิจัยระดับชาติที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบสถาปัตยกรรมเครือข่ายยุคอนาคต รองรับงานด้าน AI, วิทยาศาสตร์ข้อมูล และระบบที่ต้องการ deterministic networking จุดเด่นคือการทดสอบโอนข้อมูล 72TB จากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ FAST ในมณฑลกุ้ยโจว ไปยังมณฑลหูเป่ย ระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 1.6 ชั่วโมง ซึ่งคิดเป็น throughput ใกล้เคียง 100 Gbps. CENI ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์งานวิจัยที่ต้องการปริมาณข้อมูลมหาศาล เช่น FAST ที่ผลิตข้อมูลมากกว่า 100TB ต่อวัน ซึ่งเกินความสามารถของเครือข่ายสาธารณะทั่วไป เครือข่ายนี้ครอบคลุมกว่า 40 เมือง, ใช้โครงข่ายใยแก้วนำแสงยาวกว่า 55,000 กิโลเมตร, และรองรับการสร้าง virtual networks มากกว่า 4,000 เครือข่ายพร้อมกัน ผ่านเทคโนโลยี DWDM 100 Gbps ต่อช่องสัญญาณ. สิ่งที่ทำให้ CENI แตกต่างคือแนวคิด deterministic networking — การรับประกัน latency, jitter และ packet delivery แบบคงที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อินเทอร์เน็ตทั่วไปทำไม่ได้ นี่คือคุณสมบัติสำคัญสำหรับงาน AI distributed training, real‑time robotics, และระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ นักวิจัยจีนยังเปรียบ CENI กับบทบาทของ ARPANET ในสหรัฐฯ ที่เคยเป็นรากฐานของอินเทอร์เน็ตยุคแรก. แม้การทดสอบจะเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม แต่ขนาดของโครงการและความสามารถที่แสดงออกมาชี้ให้เห็นว่าจีนกำลังลงทุนอย่างจริงจังเพื่อสร้างเครือข่ายระดับประเทศที่รองรับงานข้อมูลยุค AI ซึ่งอาจกลายเป็นต้นแบบของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายในอนาคตทั่วโลก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ CENI คือเครือข่ายวิจัยระดับชาติของจีน ➡️ ออกแบบเพื่อทดสอบสถาปัตยกรรมเครือข่ายยุคอนาคต ➡️ รองรับงาน AI และ data‑intensive workloads ✅ ทดสอบโอนข้อมูล 72TB ข้าม 1,000 กม. ใน 1.6 ชั่วโมง ➡️ throughput ใกล้ 100 Gbps ➡️ ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ FAST ✅ โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับประเทศ ➡️ ครอบคลุม 40 เมือง ➡️ ใยแก้วนำแสงกว่า 55,000 กม. ➡️ รองรับ virtual networks มากกว่า 4,000 เครือข่าย ✅ รองรับ deterministic networking ➡️ ควบคุม latency และ jitter ได้แม่นยำ ➡️ เหมาะกับ AI, robotics, และ real‑time systems ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ ผลทดสอบเกิดในสภาพแวดล้อมควบคุม ⛔ ประสิทธิภาพจริงอาจแตกต่างเมื่อใช้งานเต็มรูปแบบ ‼️ deterministic networking ต้องการการจัดการที่ซับซ้อนมาก ⛔ ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลต่อระบบทั้งเครือข่าย ‼️ โครงสร้างพื้นฐานระดับนี้ต้องใช้งบประมาณและการดูแลสูงมาก ⛔ อาจไม่เหมาะกับประเทศที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณหรือพื้นที่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-switches-on-ceni-research-network-with-72tb-transfer-test-across-1000km
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • เจอของดีใน Goodwill! GTX 1660 Super ราคาแค่ $8.40 — การ์ดที่ยังเล่นเกม 1080p ได้สบาย

    เรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์จากชุมชน PC Master Race บน Reddit กลายเป็นไวรัล เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งพบ GeForce GTX 1660 Super ในร้าน Goodwill ในราคาเพียง $8.40 ซึ่งถือว่าถูกอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับราคามือสองปัจจุบันที่ยังอยู่ราว $50–$100 ตามข้อมูลในข่าว การ์ดที่พบเป็นรุ่นของ MSI และจากภาพที่แชร์ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้จริง.

    GTX 1660 Super เปิดตัวในปี 2019 ใช้สถาปัตยกรรม Turing และเป็นหนึ่งใน GPU ยอดนิยมสำหรับเกมเมอร์ระดับกลาง ด้วย GDDR6 6GB ที่ให้แบนด์วิดท์สูงกว่า GTX 1660 รุ่นปกติ แม้จะไม่มี RT Cores หรือ DLSS แต่ก็ยังเป็นการ์ดที่เล่นเกม eSports และเกม AAA รุ่นเก่าได้ดีในระดับ 1080p โดยอาจต้องปรับกราฟิกเล็กน้อยในเกมใหม่ๆ ตามข้อมูลในหน้าเว็บนี้ระบุว่าแม้จะเก่า แต่ก็ยัง “คุ้มค่า” อย่างมากเมื่อเทียบกับราคา.

    ข่าวนี้ยังสะท้อนเทรนด์ที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในชุมชน PC — การพบฮาร์ดแวร์ดีๆ ในร้านมือสองหรือร้านบริจาค เช่นกรณีที่มีคนเคยเจอ RTX 3060 ราคา $4.99 หรือ GTX 1060 ราคา $5 แต่กลับพบว่าเป็น GTX 560 Ti อยู่ในกล่องแทน ซึ่งเป็นตัวอย่างว่าการล่าของถูกก็มีทั้งโชคดีและโชคร้ายปะปนกันไป.

    ในภาพรวม เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าตลาดมือสองยังเต็มไปด้วย “สมบัติที่ซ่อนอยู่” โดยเฉพาะในยุคที่ราคาการ์ดจอผันผวนอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังสะท้อนความทนทานของ GPU ยุคก่อนที่ยังสามารถใช้งานได้ดีแม้ผ่านมาหลายปี.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    พบ GTX 1660 Super ในราคาเพียง $8.40 ที่ร้าน Goodwill
    ราคามือสองปกติยังอยู่ที่ $50–$100
    รุ่นที่เจอเป็น MSI และอยู่ในสภาพใช้งานได้

    GTX 1660 Super ยังเป็นการ์ดที่ดีสำหรับ 1080p
    ใช้ GDDR6 6GB แรงกว่า GTX 1660 รุ่นปกติ
    เล่น eSports และเกม AAA รุ่นเก่าได้ดี

    มีเคสคล้ายกันในอดีตที่เจอของดีราคาถูกมาก
    เช่น RTX 3060 ราคา $4.99
    แต่ก็มีเคสที่เจอการ์ดผิดรุ่นในกล่อง

    สะท้อนเทรนด์การล่าฮาร์ดแวร์มือสองที่ยังคึกคัก
    GPU รุ่นเก่ายังมีคุณค่าและใช้งานได้ดี

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    การซื้อของมือสองมีความเสี่ยงด้านสภาพการใช้งาน
    อาจเจอการ์ดเสีย ซ่อมไม่ได้ หรือมีปัญหาความร้อน

    บางร้านอาจมีการสลับของในกล่อง
    เคยมีเคสซื้อ GTX 1060 แต่เจอ GTX 560 Ti แทน

    การ์ดรุ่นเก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ
    เช่น DLSS, Ray Tracing หรือเกมที่ต้องการ VRAM สูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/savvy-pc-builder-finds-geforce-gtx-1660-super-for-just-usd8-40-at-thrift-store-goodwill-purchase-comes-with-6gb-of-vram-for-1080p-gaming-still-sells-for-up-to-usd100
    🛒💥 เจอของดีใน Goodwill! GTX 1660 Super ราคาแค่ $8.40 — การ์ดที่ยังเล่นเกม 1080p ได้สบาย เรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์จากชุมชน PC Master Race บน Reddit กลายเป็นไวรัล เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งพบ GeForce GTX 1660 Super ในร้าน Goodwill ในราคาเพียง $8.40 ซึ่งถือว่าถูกอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับราคามือสองปัจจุบันที่ยังอยู่ราว $50–$100 ตามข้อมูลในข่าว การ์ดที่พบเป็นรุ่นของ MSI และจากภาพที่แชร์ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้จริง. GTX 1660 Super เปิดตัวในปี 2019 ใช้สถาปัตยกรรม Turing และเป็นหนึ่งใน GPU ยอดนิยมสำหรับเกมเมอร์ระดับกลาง ด้วย GDDR6 6GB ที่ให้แบนด์วิดท์สูงกว่า GTX 1660 รุ่นปกติ แม้จะไม่มี RT Cores หรือ DLSS แต่ก็ยังเป็นการ์ดที่เล่นเกม eSports และเกม AAA รุ่นเก่าได้ดีในระดับ 1080p โดยอาจต้องปรับกราฟิกเล็กน้อยในเกมใหม่ๆ ตามข้อมูลในหน้าเว็บนี้ระบุว่าแม้จะเก่า แต่ก็ยัง “คุ้มค่า” อย่างมากเมื่อเทียบกับราคา. ข่าวนี้ยังสะท้อนเทรนด์ที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในชุมชน PC — การพบฮาร์ดแวร์ดีๆ ในร้านมือสองหรือร้านบริจาค เช่นกรณีที่มีคนเคยเจอ RTX 3060 ราคา $4.99 หรือ GTX 1060 ราคา $5 แต่กลับพบว่าเป็น GTX 560 Ti อยู่ในกล่องแทน ซึ่งเป็นตัวอย่างว่าการล่าของถูกก็มีทั้งโชคดีและโชคร้ายปะปนกันไป. ในภาพรวม เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าตลาดมือสองยังเต็มไปด้วย “สมบัติที่ซ่อนอยู่” โดยเฉพาะในยุคที่ราคาการ์ดจอผันผวนอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังสะท้อนความทนทานของ GPU ยุคก่อนที่ยังสามารถใช้งานได้ดีแม้ผ่านมาหลายปี. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ พบ GTX 1660 Super ในราคาเพียง $8.40 ที่ร้าน Goodwill ➡️ ราคามือสองปกติยังอยู่ที่ $50–$100 ➡️ รุ่นที่เจอเป็น MSI และอยู่ในสภาพใช้งานได้ ✅ GTX 1660 Super ยังเป็นการ์ดที่ดีสำหรับ 1080p ➡️ ใช้ GDDR6 6GB แรงกว่า GTX 1660 รุ่นปกติ ➡️ เล่น eSports และเกม AAA รุ่นเก่าได้ดี ✅ มีเคสคล้ายกันในอดีตที่เจอของดีราคาถูกมาก ➡️ เช่น RTX 3060 ราคา $4.99 ➡️ แต่ก็มีเคสที่เจอการ์ดผิดรุ่นในกล่อง ✅ สะท้อนเทรนด์การล่าฮาร์ดแวร์มือสองที่ยังคึกคัก ➡️ GPU รุ่นเก่ายังมีคุณค่าและใช้งานได้ดี ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ การซื้อของมือสองมีความเสี่ยงด้านสภาพการใช้งาน ⛔ อาจเจอการ์ดเสีย ซ่อมไม่ได้ หรือมีปัญหาความร้อน ‼️ บางร้านอาจมีการสลับของในกล่อง ⛔ เคยมีเคสซื้อ GTX 1060 แต่เจอ GTX 560 Ti แทน ‼️ การ์ดรุ่นเก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ⛔ เช่น DLSS, Ray Tracing หรือเกมที่ต้องการ VRAM สูง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/savvy-pc-builder-finds-geforce-gtx-1660-super-for-just-usd8-40-at-thrift-store-goodwill-purchase-comes-with-6gb-of-vram-for-1080p-gaming-still-sells-for-up-to-usd100
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 4

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 4
    เยเมน ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ติดกับทางใต้ของซาอุดิอารเบีย มีทะเลแดงอยู่ทางทิศตะวันตก มีอ่าวเอเดนอยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน อ่าวเอเดน เป็นจุดที่มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นผ่านมากที่สุด รองจาก ช่องแคบฮอร์มุส ที่อิหร่านคุมอยู่ แม้จะเทียบกับฮอร์มุสไม่ได้ ในด้านการเป็นเส้นทางส่งน้ำมันที่แออัด แต่อเมริกาก็จะปล่อยให้ใครมาคุมอ่าวเอเดน และเยเมนไม่ได้อยู่ดี เพราะเยเมนยังมีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะในยามนี้….
    ความสำคัญของเยเมน คือสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ที่เรารู้กันแล้วว่า เยเมนคุมจุดรัดคอ choke point ที่ทะเลแดง Bab el-Mandeb อันเป็นเส้นทางส่งน้ำมันสำคัญของซาอุดิอารเบีย ที่จะออกมาสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อส่งให้ลูกค้าทางตะวันออกและแปซิฟิก และวิ่งขึ้นเหนือไปยังคลองสุเอซของอิยิปต์ เพื่อข้ามไปเมดิเตอร์เรเนียน ส่งให้กับลูกค้าทางยุโรป
    ความไม่สงบแถบจุดรัดคอ อาจทำให้เส้นทางไปคลองสุเอซเป็นอัมพาต รวมทั้งเส้นทางที่จะออกทางทะเลแดงด้วย เคยมีการประมาณว่า น้ำมันที่ผ่านช่องแคบนี้ไปยุโรป อเมริกาและเอเซีย ตกประมาณ 3.8 ล้านบาเรลต่อวัน
    นอกจากมีความสำคัญในด้านการส่งออกน้ำมันแล้ว ขณะนี้เยเมนยังอยู่ในสภาพที่เหมือนฝังไว้ด้วยระเบิดเวลา ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกวัน เยเมนเป็นประเทศเล็ก มีพลเมืองมากถึง 26 ล้านคน และ 63% ของพลเมือง เป็นคนวัย 20 กว่า แบ่งเป็นสุนนี่ 65 % เป็นชีอะ 35 % ทั้ง 2 ฝ่ายยากจน กว่าครึ่งไม่มีงานทำ จึงเป็นเรื่องไม่ยาก ที่เยเมนกำลังถูกใช้เป็นสายชนวน ให้เกิดสงครามระหว่างนิกายของอิสลาม
    ถ้าสายชนวนนี้จุดติด เยเมนจะมีสภาพไม่ต่างกับอิรัคหรือซีเรีย และด้วยการมีอาณาเขตที่ยาวติดกับซาอุดิอารเบียถึงประมาณ 1 พันกิโลเมตร เยเมนที่เละวุ่นวาย คงไม่ใช่สิ่งที่ซาอุดิอารเบียต้องการ แต่ไม่แน่ว่า เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการหรือไม่
    แต่เดิม อเมริกาอาจต้องการเยเมนที่เละ และซาอุดิอารเบียที่เละ ตามทฤษฏีที่น่าเชื่อว่า อเมริกาตั้งใจสร้างสงครามและความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยการสร้างเรื่องต่างๆ ตั้งแต่กำจัดผู้นำเผด็จการ การสร้างเทศกาลอาหรับสปริง การสร้างผู้ก่อการร้ายสาระพัดพันธุ์ จนถึงสงครามระหว่างนิกาย เพื่อจะเอาแต่ปั้มน้ำมัน ไม่เอาคน
    แต่ตะวันออกกลาง ในวันที่อเมริกาคิดจะเอาแต่ปั้ม ไม่เอาคน กับตะวันออกกลางหลังวันนี้ ต่างกันคนละเรื่องแล้ว
    ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.2015 วันที่คุณพี่ปูติน ส่งฝูงบินและกองเรือ เข้าไปในซีเรีย เพื่อจะไปช่วยซีเรียปราบกบฏและผู้ก่อการร้าย จะพันธุ์ไหนก็ตาม มันเป็นวันที่อำนาจการต่อรองในโลกนี้ เปลี่ยนจนเกือบจะกลับหลังหัน ถ้าเป็นวงการพนันขันต่อ เจ้ามืออาจเจ๊งเป็นแถวๆ
    วันนั้น ทำเนียบขาวน่าจะเงียบผิดปรกติ มันคงเกินฝรั่งออกงิ้ว อเมริการู้ว่า รัสเซียฟื้นเร็วเกิดคิด จีนโตเร็วเกินคาด และอิหร่านฉลาดกว่าที่(อเมริกา)
    จะหลอกซ้ำ และอเมริการู้ว่า ทั้ง 3 เขี้ยว จับมือกัน อเมริกาจึงวางแผนสาระพัด ที่จะเสี้ยม จะแยง จะอะไรก็ได้ ที่ให้ 3 เขี้ยวหลุดมือกัน อเมริกาเสียเวลาหลอกล่อเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์อยู่เกือบ 2 ปี และระหว่างนั้น อเมริกาก็วางแผนทำลายซีเรีย จุดสำคัญของ 3 เขี้ยวในตะวันออกกลาง
    แต่อเมริกา นึกไม่ถึงว่า แผนที่อเมริกาคิด และแผนที่อเมริกาจะใช้ ก็มีคนอื่นคิด และใช้เป็น และใช้ได้ผลกว่าอเมริกา วันนี้ ถ้าอเมริกาทิ้งคนในตะวันออกกลาง เพื่อเอาแต่ปั้ม รับรองมีคนเอาปั้มไปก่อนอเมริกาแน่
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 4 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 4 เยเมน ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ติดกับทางใต้ของซาอุดิอารเบีย มีทะเลแดงอยู่ทางทิศตะวันตก มีอ่าวเอเดนอยู่ทางใต้ เป็นปากทางออกไปสู่ทะเลอารเบียน อ่าวเอเดน เป็นจุดที่มีเรือบรรทุกน้ำมันแล่นผ่านมากที่สุด รองจาก ช่องแคบฮอร์มุส ที่อิหร่านคุมอยู่ แม้จะเทียบกับฮอร์มุสไม่ได้ ในด้านการเป็นเส้นทางส่งน้ำมันที่แออัด แต่อเมริกาก็จะปล่อยให้ใครมาคุมอ่าวเอเดน และเยเมนไม่ได้อยู่ดี เพราะเยเมนยังมีความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะในยามนี้…. ความสำคัญของเยเมน คือสภาพภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ที่เรารู้กันแล้วว่า เยเมนคุมจุดรัดคอ choke point ที่ทะเลแดง Bab el-Mandeb อันเป็นเส้นทางส่งน้ำมันสำคัญของซาอุดิอารเบีย ที่จะออกมาสู่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อส่งให้ลูกค้าทางตะวันออกและแปซิฟิก และวิ่งขึ้นเหนือไปยังคลองสุเอซของอิยิปต์ เพื่อข้ามไปเมดิเตอร์เรเนียน ส่งให้กับลูกค้าทางยุโรป ความไม่สงบแถบจุดรัดคอ อาจทำให้เส้นทางไปคลองสุเอซเป็นอัมพาต รวมทั้งเส้นทางที่จะออกทางทะเลแดงด้วย เคยมีการประมาณว่า น้ำมันที่ผ่านช่องแคบนี้ไปยุโรป อเมริกาและเอเซีย ตกประมาณ 3.8 ล้านบาเรลต่อวัน นอกจากมีความสำคัญในด้านการส่งออกน้ำมันแล้ว ขณะนี้เยเมนยังอยู่ในสภาพที่เหมือนฝังไว้ด้วยระเบิดเวลา ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกวัน เยเมนเป็นประเทศเล็ก มีพลเมืองมากถึง 26 ล้านคน และ 63% ของพลเมือง เป็นคนวัย 20 กว่า แบ่งเป็นสุนนี่ 65 % เป็นชีอะ 35 % ทั้ง 2 ฝ่ายยากจน กว่าครึ่งไม่มีงานทำ จึงเป็นเรื่องไม่ยาก ที่เยเมนกำลังถูกใช้เป็นสายชนวน ให้เกิดสงครามระหว่างนิกายของอิสลาม ถ้าสายชนวนนี้จุดติด เยเมนจะมีสภาพไม่ต่างกับอิรัคหรือซีเรีย และด้วยการมีอาณาเขตที่ยาวติดกับซาอุดิอารเบียถึงประมาณ 1 พันกิโลเมตร เยเมนที่เละวุ่นวาย คงไม่ใช่สิ่งที่ซาอุดิอารเบียต้องการ แต่ไม่แน่ว่า เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการหรือไม่ แต่เดิม อเมริกาอาจต้องการเยเมนที่เละ และซาอุดิอารเบียที่เละ ตามทฤษฏีที่น่าเชื่อว่า อเมริกาตั้งใจสร้างสงครามและความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยการสร้างเรื่องต่างๆ ตั้งแต่กำจัดผู้นำเผด็จการ การสร้างเทศกาลอาหรับสปริง การสร้างผู้ก่อการร้ายสาระพัดพันธุ์ จนถึงสงครามระหว่างนิกาย เพื่อจะเอาแต่ปั้มน้ำมัน ไม่เอาคน แต่ตะวันออกกลาง ในวันที่อเมริกาคิดจะเอาแต่ปั้ม ไม่เอาคน กับตะวันออกกลางหลังวันนี้ ต่างกันคนละเรื่องแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.2015 วันที่คุณพี่ปูติน ส่งฝูงบินและกองเรือ เข้าไปในซีเรีย เพื่อจะไปช่วยซีเรียปราบกบฏและผู้ก่อการร้าย จะพันธุ์ไหนก็ตาม มันเป็นวันที่อำนาจการต่อรองในโลกนี้ เปลี่ยนจนเกือบจะกลับหลังหัน ถ้าเป็นวงการพนันขันต่อ เจ้ามืออาจเจ๊งเป็นแถวๆ วันนั้น ทำเนียบขาวน่าจะเงียบผิดปรกติ มันคงเกินฝรั่งออกงิ้ว อเมริการู้ว่า รัสเซียฟื้นเร็วเกิดคิด จีนโตเร็วเกินคาด และอิหร่านฉลาดกว่าที่(อเมริกา) จะหลอกซ้ำ และอเมริการู้ว่า ทั้ง 3 เขี้ยว จับมือกัน อเมริกาจึงวางแผนสาระพัด ที่จะเสี้ยม จะแยง จะอะไรก็ได้ ที่ให้ 3 เขี้ยวหลุดมือกัน อเมริกาเสียเวลาหลอกล่อเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์อยู่เกือบ 2 ปี และระหว่างนั้น อเมริกาก็วางแผนทำลายซีเรีย จุดสำคัญของ 3 เขี้ยวในตะวันออกกลาง แต่อเมริกา นึกไม่ถึงว่า แผนที่อเมริกาคิด และแผนที่อเมริกาจะใช้ ก็มีคนอื่นคิด และใช้เป็น และใช้ได้ผลกว่าอเมริกา วันนี้ ถ้าอเมริกาทิ้งคนในตะวันออกกลาง เพื่อเอาแต่ปั้ม รับรองมีคนเอาปั้มไปก่อนอเมริกาแน่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 3
    เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น
    ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง
    ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้
    และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน
    ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์
    ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น
    ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่
    แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่….
    อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ
    ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
    แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา
    (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ )
    การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง
    ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ
    (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ)
    ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร…
    ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง
    แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 3 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 3 เรามาทำความเข้าใจ กับเรื่องเส้นทางขนส่งน้ำมันของตะวันออกกลางกันอีกทีก่อน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความจุกอกของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย ชัดเจนขึ้น ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันรวมกันทั้งหมดประมาณ 32 % ของ ปริมาณน้ำมันโลก ตามตัวเลขในปี ค.ศ.2013 เท่ากับประมาณ 28.3 พันล้านบาเรลต่อ วัน (bbl/d) และน้ำมันทั้งหมดดังกล่าว ส่งออกจากตะวันออกกลาง 2 ทาง ทางหนึ่งคือ ช่องแคบฮอร์มุส ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่แออัด ที่สุดในโลก ตัวเลขของ Energy Information Administration (EIA) ที่รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ระบุว่า มีน้ำมันประมาณ 167 ล้านบาเรล ต่อวัน ผ่านช่องแคบนี้ และ 85% ของน้ำมันที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสนี้ ส่งต่อไปยังตลาดเอเซีย ที่มีลูกค้ารายใหญ่คือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และจีน ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบฮอร์มุส หรือที่เรียกกันว่า จุดรัดคอ choke point กว้างแค่ 21 ไมล์ แต่มีส่วนที่มีความลึกพอให้เรือบรรทุกแล่นผ่านไป มา 2 ด้าน กว้างด้านละแค่ 2 ไมล์ โดยมีช่องห่างระหว่างกัน 2 ไมล์ ถ้าไม่ใช้เรือขนส่งน้ำมัน ก็ต้องขนส่งทางท่อส่ง และในกลุ่มซาอุมีเพียง 2 ประเทศ ที่จะมีทางเลือกไปใช้ท่อส่งน้ำมันได้คือ ซาอุดิอารเบียกับเอมิเรตส์ เท่านั้น และน้ำมันที่จะส่งผ่านท่อรวมกัน 2 ประเทศ ได้แค่จำนวนไม่เกิน 4.3 ล้านบาเรลต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ท่อส่งของทั้ง 2 ประเทศไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้สมบูรณ์ เนื่องจากความด้อยในการดูแลรักษา และเส้นทางท่อส่งก็จะต้องผ่านไปในเขตการต่อสู้ ที่มีอยู่มากมายในแถบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ท่อส่งอาจเจออุปสรรคอย่างอื่นอีกด้วย ท่อส่งของซาอุดิอารเบีย ส่งออกทางทะเลแดง ซึ่งยังมีปัญหาเกี่ยวกับเยเมน จึงมีความไม่แน่นอนว่า น้ำมันจะส่งผ่านทะเลแดงออกไปได้ไหม ส่วนท่อส่งของเอมิเรตส์ ก็ไปออกที่อ่าวของโอมาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะทำตัวเป็นกลาง เพราะเมื่อ ซาอุ เรียกให้มาถล่มร่วมเยเมนเมื่อเดือนมีนาคม โอมานบอกไม่ว่างไป …มาแปลกนี่ แปลว่าน้ำมันของตะวันออกกลาง แม้จะผลิตได้มาก แต่ต้องพึ่งการขนส่ง ผ่านเส้นทางที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุสสูงอย่างน่าตกใจ และที่น่าตกใจกว่าสำหรับอเมริกาคือ อเมริกายังไม่สามารถควบคุมช่องแคบฮอร์มุสได้ ….และดูเหมือนจะกลายเป็นฝ่ายอิหร่าน ที่ตอนนี้ คุมอยู่…. อเมริการู้จุดอ่อนของตัว และความเสี่ยงนี้ดีอยู่แก่ใจ จึงพยายามลดการนำเข้าน้ำมันในประเทศตัว แต่จากรายงานของ EIA เมื่อต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง ระบุว่าในปี ค.ศ.2014 อเมริกายังนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวน 27% ของการใช้ และจาก Annual Energy Outlook บอกว่า อเมริกายังจะต้องมีการนำเข้าเชื้อเพลิงชนิดเหลว ซึ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งภายในประเทศของอเมริกา ต่อไปอีกถึงงปี ค.ศ.2040 และตัวเลขที่นำเข้า กลับจะเพิ่มเอาด้วยซ้ำ ตัวเลขเหล่านี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนของอเมริกาคือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยังจะต้องผูกติดอยู่กับการนำเข้าสินค้าทางอุตสาหกรรม เพราะอเมริกาแทบจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่แล้ว และแม้ตัวเลขพวกนี้อาจต่างกันตามแหล่งที่มา แต่จากรายงานของ ซีไอเอ ที่ออกมาล่าสุด เมื่อ วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2015 แสดงตัวเลขนำเข้าสินค้าของอเมริกา สูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่นำมาแสดงของอเมริกา (การนำเข้าจำนวนดังกล่าว เท่ากับ 13.6 % ของจีดีพีรวมจำนวน 16.72 ล้านล้านเหรียญ ) การนำเข้าของอเมริกา แม้จะเป็นน้ำมันเพียง 8.2% แต่อีก 86.9 % เป็นสินค้า ที่เป็นผลผลิตทางอุตสาหกรรม และอย่างน้อย ประมาณ 35% ของสินค้านั้น ผลิตจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งประเทศเหล่านี้ ต้องพึ่งน้ำมันจากตะวันออกกลาง ฮู้ย… พี่เบิ้ม ไหงใหญ่แบบ กลวงอย่างนี้ครับ (การพึ่งน้ำมันในทางอ้อม จากการนำเข้าของอเมริกาในจำนวนขนาดนี้ มีผลกระทบกับเศรษฐกิจของอเมริกา โดยติดลบสุทธิจากการนำเข้าสินค้า เป็นจำนวน 690 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับติดลบสุทธิการนำเข้าน้ำมันดิบจำนวน 186 พันล้านเหรียญ) ดูเหมือน เมื่อตอนที่อเมริกา เปลี่ยนนโยบาย (จริง หรือ หลอก) ที่จะไม่อุ้มตะวันออกกลาง คนร่างนโยบายของพี่เบิ้ม ใบตองแห้ง นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ คงลืมไปว่า กำลังใช้เสื้อผ้า เข้าของ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ที่ผลิตนอกอเมริกาทั้งสิ้น เวร… ปัจจุบัน สินค้าที่อเมริกายังผลิตอยู่เองเป็นเรื่องเป็นราว ดูเหมือนจะมีแต่กระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ อาวุธตรานกอินทรีย์ ยาตรานกอินทรีย์ กับสื่อและการบันเทิงตรานกอินทรีย์ เท่านั้นเอง แต่จะผลิตกระดาษสีเขียวต่อ ก็ต้องมีอำนาจกับเศรษฐกิจหนุน ไม่ใช่มีแต่ลมปาก ตอนนี้อำนาจก็กำลังถูกท้าทาย ถ้าเศรษฐกิจดันสะดุด เพราะถูกเขาปิดเส้นทางส่งน้ำมัน… คิดแค่นี้ ผมก็เสียวแทนพี่เบิ้มใบตองแห้งจัง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย 2
    ซาอุดิอารเบีย เริ่มถล่มเยเมนไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ใบตองแห้งไม่มีออกมาโวย แถมมีข่าวว่า จรวดซาอุ ดันลงไปที่ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษของอเมริกา ตายกันระเนระนาดอีกด้วย อเมริกาก็ยังหุบปากเงียบ ไม่แอะออกมา ไปเปิดกูเกิลอ่านได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ประเด็นเรื่องอเมริกาไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน ก็ตัดทิ้งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่อ่อนสั่ง หรือเก๋าเขี้ยวยาวพันธ์ไหนสั่ง มันต้องได้ไฟเขียวจากอเมริกาแน่นอน
    แล้วมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราชวงศ์ ออกมาทำไม เรื่องมงกูฏราชกุมารก็ พอรับได้ เรื่องเยเมนก็ไม่มีปัญหา
    กลับมาดู ช่วงเวลาของการปล่อยข่าวลืออีกที
    การปล่อยข่าวชุดแรก เริ่มมีขึ้น “หลัง” วันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์ซาลมานออกประกาศช๊อคผู้คนทั้งซาอุดิอารเบีย และตะวันออกกลาง และที่อาจจะช็อคมากกว่าตะวันออกกลางคือ ที่ทำเนียบขาวของอเมริกา
    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมาน ออกประกาศ ปลดมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 คือ เจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่ง โดยไม่ให้เหตุผลและ แต่งตั้งให้ เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 แทน พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าชาย บิน ซาลมาน ลูกชาย วัยไม่ถึง 30 ของกษัตริย์ซาลมาน ให้เป็นมงกฏราชกุมารลำดับ 2 พร้อมกับให้ดูแลกิจการน้ำมันของซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ข่าวนี้ ทำให้ได้เห็นฝรั่งเล่นงิ้วเต็มทางเดินในทำเนียบที่วอชิงตัน
    อันที่จริงอเมริกาน่าจะพอใจ ที่ได้บิน นาเนฟ ที่อเมริกาชื่นชมนักหนาว่าปราบพวกบิน ลาเดน จนหดหายหมดไปจากซาอุดิอารเบีย แต่ทำไมข่าวนี้ทำให้อเมริกาออกงิ้ว แถมเป็นงิ้วใบ้ ออกท่า แต่ไม่ออกเสียงให้คนนอกทำเนียบได้ยินมากนัก สงสัยอะไรคงจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก
    ที่จุกอกอเมริกา น่าจะเป็นการตั้งไก่อ่อนมาเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 2 นั่นแหละ
    อเมริการู้นิสัยซาอุดิอารเบียดีว่า มักจะมีเรื่องต่อว่า เพื่อต่อรอง หรือประท้วงอเมริกาเสมอ แต่อเมริกา ที่เบ่งได้กับทั้งโลก แต่เบ่งไม่ออกกับซาอุดิอารเบียหรอกครับ การเปลี่ยนตัวมงกุฏราชกุมาร โดยเอาลูกชายขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารอันดับ 2 คุมทั้งกลาโหม เป็น “เกม” ที่กษัตริย์ซัลมานกำลัง “เล่น” ใส่อเมริกา ที่ช่วงนั่น ประมาณเดือนมีนา เมษา ถ้าจำกันได้ อเมริกาพยายามที่จะสรุปเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ท่ามกลางเสียงค้านมาจากรอบทิศ โดยเฉพาะ จากซาอุดิอารเบียและอิสราเอล เพราะจะทำให้อิหร่านติดปีก ได้เปรียบคู่แข่งทั้ง 2 ในตะวันออกกลาง ทั้งซาอุ ทั้งอิสราเอล ประสานเสียงประท้วงใบตองแห้ง แต่ใบตองแห้งทำไขสือ
    ซาอุดิอารเบีย จึงประท้วง หรือประชด ด้วยการแต่งตั้งลูกชายวัยละอ่อนมานั่งคุมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของซาอุดิอา รเบีย โดย ” ไม่ปรึกษา” อเมริกา มึงไม่ฟังกู กูก็ไม่ฟังมึง แน่จริงๆ มีน้ำมันมาก ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ไม่ถูกด่า
    แต่ในฐานะพี่เบิ้มใบตองแห้ง จะให้คนขี่อูฐมาขู่แฟดจนชาวโลกหัวร่อเย้ย คงเสียหน้าเอาเรื่อง อเมริกาก็เลยต้องตอบโต้บ้าง ในระดับกำลังดีว่า ซาอุดิอารเบีย กำลังลงเหว จากการตัดสินใจของตัวเอง น่าเอ็นดูนะครับ ด่ากลับ ได้เจ็บจัง ฮาชะมัด
    สรุปว่า ข่าวลือในช่วงปลายเมษายนต่อต้นพฤษภาคม เกี่ยวกับราชวงศ์ และ เรื่องการถล่มเยเมนของซาอุดิอารเบีย น่าจะเป็นสงครามน้ำลาย ระหว่าง คู่รัก คู่ขุด (น้ำมัน)
    แต่ข่าวลือชุด 2 ที่ออกมาช่วงปลายเดือนกันยายน เกี่ยวกับเรื่อง จะทำการปฏิวัติโค่นกษัตริย์ซัลมานบ้าง เรื่องพวกราชวงศ์เองทำหนังสือประท้วงกษัตริย์ ไม่พอใจการแต่งตั้งลูกชาย ไม่พอใจเรื่องนโยบายน้ำมัน ไม่พอใจเรื่องรบในเยเมนที่ไม่เห็นทางว่าชนะ ฯลฯ ข่าวลือชุดนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ และบอกเล่า หลายอย่าง เกี่ยวกับสภาพของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย 2 ซาอุดิอารเบีย เริ่มถล่มเยเมนไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ใบตองแห้งไม่มีออกมาโวย แถมมีข่าวว่า จรวดซาอุ ดันลงไปที่ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษของอเมริกา ตายกันระเนระนาดอีกด้วย อเมริกาก็ยังหุบปากเงียบ ไม่แอะออกมา ไปเปิดกูเกิลอ่านได้เลยครับ เพราะฉะนั้น ประเด็นเรื่องอเมริกาไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน ก็ตัดทิ้งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่อ่อนสั่ง หรือเก๋าเขี้ยวยาวพันธ์ไหนสั่ง มันต้องได้ไฟเขียวจากอเมริกาแน่นอน แล้วมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับราชวงศ์ ออกมาทำไม เรื่องมงกูฏราชกุมารก็ พอรับได้ เรื่องเยเมนก็ไม่มีปัญหา กลับมาดู ช่วงเวลาของการปล่อยข่าวลืออีกที การปล่อยข่าวชุดแรก เริ่มมีขึ้น “หลัง” วันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์ซาลมานออกประกาศช๊อคผู้คนทั้งซาอุดิอารเบีย และตะวันออกกลาง และที่อาจจะช็อคมากกว่าตะวันออกกลางคือ ที่ทำเนียบขาวของอเมริกา เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมาน ออกประกาศ ปลดมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 คือ เจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่ง โดยไม่ให้เหตุผลและ แต่งตั้งให้ เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 1 แทน พร้อมกับแต่งตั้งเจ้าชาย บิน ซาลมาน ลูกชาย วัยไม่ถึง 30 ของกษัตริย์ซาลมาน ให้เป็นมงกฏราชกุมารลำดับ 2 พร้อมกับให้ดูแลกิจการน้ำมันของซาอุดิอารเบียอีกด้วย ข่าวนี้ ทำให้ได้เห็นฝรั่งเล่นงิ้วเต็มทางเดินในทำเนียบที่วอชิงตัน อันที่จริงอเมริกาน่าจะพอใจ ที่ได้บิน นาเนฟ ที่อเมริกาชื่นชมนักหนาว่าปราบพวกบิน ลาเดน จนหดหายหมดไปจากซาอุดิอารเบีย แต่ทำไมข่าวนี้ทำให้อเมริกาออกงิ้ว แถมเป็นงิ้วใบ้ ออกท่า แต่ไม่ออกเสียงให้คนนอกทำเนียบได้ยินมากนัก สงสัยอะไรคงจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก ที่จุกอกอเมริกา น่าจะเป็นการตั้งไก่อ่อนมาเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับ 2 นั่นแหละ อเมริการู้นิสัยซาอุดิอารเบียดีว่า มักจะมีเรื่องต่อว่า เพื่อต่อรอง หรือประท้วงอเมริกาเสมอ แต่อเมริกา ที่เบ่งได้กับทั้งโลก แต่เบ่งไม่ออกกับซาอุดิอารเบียหรอกครับ การเปลี่ยนตัวมงกุฏราชกุมาร โดยเอาลูกชายขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารอันดับ 2 คุมทั้งกลาโหม เป็น “เกม” ที่กษัตริย์ซัลมานกำลัง “เล่น” ใส่อเมริกา ที่ช่วงนั่น ประมาณเดือนมีนา เมษา ถ้าจำกันได้ อเมริกาพยายามที่จะสรุปเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ท่ามกลางเสียงค้านมาจากรอบทิศ โดยเฉพาะ จากซาอุดิอารเบียและอิสราเอล เพราะจะทำให้อิหร่านติดปีก ได้เปรียบคู่แข่งทั้ง 2 ในตะวันออกกลาง ทั้งซาอุ ทั้งอิสราเอล ประสานเสียงประท้วงใบตองแห้ง แต่ใบตองแห้งทำไขสือ ซาอุดิอารเบีย จึงประท้วง หรือประชด ด้วยการแต่งตั้งลูกชายวัยละอ่อนมานั่งคุมอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของซาอุดิอา รเบีย โดย ” ไม่ปรึกษา” อเมริกา มึงไม่ฟังกู กูก็ไม่ฟังมึง แน่จริงๆ มีน้ำมันมาก ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ไม่ถูกด่า แต่ในฐานะพี่เบิ้มใบตองแห้ง จะให้คนขี่อูฐมาขู่แฟดจนชาวโลกหัวร่อเย้ย คงเสียหน้าเอาเรื่อง อเมริกาก็เลยต้องตอบโต้บ้าง ในระดับกำลังดีว่า ซาอุดิอารเบีย กำลังลงเหว จากการตัดสินใจของตัวเอง น่าเอ็นดูนะครับ ด่ากลับ ได้เจ็บจัง ฮาชะมัด สรุปว่า ข่าวลือในช่วงปลายเมษายนต่อต้นพฤษภาคม เกี่ยวกับราชวงศ์ และ เรื่องการถล่มเยเมนของซาอุดิอารเบีย น่าจะเป็นสงครามน้ำลาย ระหว่าง คู่รัก คู่ขุด (น้ำมัน) แต่ข่าวลือชุด 2 ที่ออกมาช่วงปลายเดือนกันยายน เกี่ยวกับเรื่อง จะทำการปฏิวัติโค่นกษัตริย์ซัลมานบ้าง เรื่องพวกราชวงศ์เองทำหนังสือประท้วงกษัตริย์ ไม่พอใจการแต่งตั้งลูกชาย ไม่พอใจเรื่องนโยบายน้ำมัน ไม่พอใจเรื่องรบในเยเมนที่ไม่เห็นทางว่าชนะ ฯลฯ ข่าวลือชุดนี้ต่างหาก ที่น่าสนใจ และบอกเล่า หลายอย่าง เกี่ยวกับสภาพของอเมริกา และซาอุดิอารเบีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)
    ตอนสุดท้าย 1
    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร
    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ
    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน
    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น
    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง
    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร
    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน
    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน
    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)
    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ
    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้
    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี
    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป
    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah
    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย
    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน) ตอนสุดท้าย 1 ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง) สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • -devilray-
    FB and bsky - dfaxtory

    #dfaxtory #devilray
    #RightToSelfDefense
    #CambodiaOpenedFire
    #CambodiaScamArmy
    #NeutralizeTheThreat
    #SMARTSoldiersStronARMY
    #สดุดีทหารกล้า
    #ยุทธการศตวรรษ
    #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    -devilray- FB and bsky - dfaxtory #dfaxtory #devilray #RightToSelfDefense #CambodiaOpenedFire #CambodiaScamArmy #NeutralizeTheThreat #SMARTSoldiersStronARMY #สดุดีทหารกล้า #ยุทธการศตวรรษ #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    0 Comments 1 Shares 194 Views 0 Reviews
  • Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU

    Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด.

    นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น.

    การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน.

    ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น.

    สรุปสาระสำคัญ
    Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่
    เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs
    ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด

    ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux
    ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox
    รองรับงาน multimedia และ machine learning

    ความสำคัญเชิง ecosystem
    Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux
    รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่
    ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

    https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    🖼️ Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด. นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น. การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน. ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่ ➡️ เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs ➡️ ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด ✅ ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux ➡️ ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox ➡️ รองรับงาน multimedia และ machine learning ✅ ความสำคัญเชิง ecosystem ➡️ Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่ ⛔ ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    9TO5LINUX.COM
    Flatpak 1.16.2 Linux App Sandboxing Framework Enables VA-API for Intel Xe GPUs - 9to5Linux
    Flatpak 1.16.2 Linux app sandboxing and distribution framework is now available for download with various enhancements and bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8
    “ข่าวลือ ข่าวลวง”

    ตอน 8

    เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว

    อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป

    เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย

    แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้….

    เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย

    สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน

    เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด

    สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ

    แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ

    อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน

    การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ

    ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง

    …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก…
    และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว

    และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย

    สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย

    การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง…

    อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง….

    นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน

    และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ

    …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ

    ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น…

    ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน
    ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป…

    ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 8 เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้…. เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก… และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง… อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง…. นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น… ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป… ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 326 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุไฟไหม้รถตู้โดยสารนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพมหานคร บนเส้นทางขึ้นเขาค้อ ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไฟลุกจากห้องเครื่องก่อนลุกลามอย่างรวดเร็ว เผารถวอดทั้งคัน
    .
    ผู้โดยสารทั้งหมดสามารถหนีออกจากรถได้ทัน ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์จนเพลิงสงบ
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นแก่ผู้ใช้ถนน และเป็นอุทาหรณ์เตือนนักท่องเที่ยวให้ตรวจสอบสภาพรถก่อนเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาที่ต้องใช้เครื่องยนต์อย่างหนัก
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121602
    .
    #News1live #News1 #เขาค้อ #เพชรบูรณ์ #ไฟไหม้รถ #อุบัติเหตุ #เตือนภัยการเดินทาง
    เกิดเหตุไฟไหม้รถตู้โดยสารนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพมหานคร บนเส้นทางขึ้นเขาค้อ ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไฟลุกจากห้องเครื่องก่อนลุกลามอย่างรวดเร็ว เผารถวอดทั้งคัน . ผู้โดยสารทั้งหมดสามารถหนีออกจากรถได้ทัน ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์จนเพลิงสงบ . เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นแก่ผู้ใช้ถนน และเป็นอุทาหรณ์เตือนนักท่องเที่ยวให้ตรวจสอบสภาพรถก่อนเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาที่ต้องใช้เครื่องยนต์อย่างหนัก . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121602 . #News1live #News1 #เขาค้อ #เพชรบูรณ์ #ไฟไหม้รถ #อุบัติเหตุ #เตือนภัยการเดินทาง
    Like
    Love
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี หลังผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยืนยันว่ากองทัพเรือและกองทัพอากาศสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามแผน ปฏิบัติการลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนสิ้นสภาพแล้ว
    .
    การปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ทำให้ขณะนี้ฝ่ายไทยเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์อย่างสมบูรณ์ แม้ยังมีการเคลียร์พื้นที่ตามแผน แต่ไม่มีการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม พร้อมย้ำว่าโดรนที่พบเป็นเพียงการก่อกวนทางจิตวิทยา ไม่กระทบความปลอดภัยประชาชน
    .
    กองทัพให้ความมั่นใจกับชาวตราดว่า อีกไม่นานประชาชนที่อพยพจะสามารถกลับบ้านได้ โดยเหตุปะทะที่ผ่านมาไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่มีประชาชนได้รับอันตราย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121448
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตราด #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #นาวิกโยธิน #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี หลังผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยืนยันว่ากองทัพเรือและกองทัพอากาศสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามแผน ปฏิบัติการลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนสิ้นสภาพแล้ว . การปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ทำให้ขณะนี้ฝ่ายไทยเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์อย่างสมบูรณ์ แม้ยังมีการเคลียร์พื้นที่ตามแผน แต่ไม่มีการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม พร้อมย้ำว่าโดรนที่พบเป็นเพียงการก่อกวนทางจิตวิทยา ไม่กระทบความปลอดภัยประชาชน . กองทัพให้ความมั่นใจกับชาวตราดว่า อีกไม่นานประชาชนที่อพยพจะสามารถกลับบ้านได้ โดยเหตุปะทะที่ผ่านมาไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่มีประชาชนได้รับอันตราย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121448 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตราด #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #นาวิกโยธิน #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5

    ” ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 5
    เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”)
    บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009
    เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส
    ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย
    มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ
    เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้
    เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น
    … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ
    นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย
    ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน
    อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง
    เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 5 ” ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 5 เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ซาอุดิอารเบียใช้เวลากวาดกลุ่มอัลไคดา ให้หมดไปจากบ้านตัวเอง อัลไคดาหมดไปจากซาอุ แต่ไม่ได้สูญพันธ์ กลับขยายตัวแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง และอาฟริกา ในปี ค.ศ.2009 กลุ่มอัลไคดาที่หลบออกไปจากซาอุ ไปโผล่ที่เยเมนแทน และมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินที่จะบินไปอเมริกา บิน นาเยฟ หรือ MBN ตามที่อเมริกาเรียก ได้แจ้งข่าวนี้ไปทางวอชิงตัน และในที่สุดก็จับตัวคนที่พกระเบิดขึ้นเครื่องบินได้ (อ่านรายละเอียดตอนนี้ได้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว”) บิน นาเยฟ ได้รับความชื่นชมจากอเมริกาอย่าง ยิ่ง ถึงขนาดเรียกเขาว่า เป็นเจ้าพ่อข่าวกรอง บิน นาเยฟ ยังแสดงผลงานต่อ เมื่อ อับดุลลา อสิรี Abdullah Asiri อัลไคดา ระดับหัวหน้าคนหนึ่ง ตกลงจะมอบตัว โดยมีเงื่อนไขว่า จะมอบตัวกับ บิน นาเยฟ คนเดียวเท่านั้น และถ้า บิน นาเยฟ ตกลง เขาอาจจะพูดให้พี่ชาย อิบราฮิม อสิรี Ibrahim Asiri มือวางระเบิดคนสำคัญ มามอบตัวอีกด้วย บิน นาเยฟ ตกลง และนัดมอบตัวกัน ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.2009 เมื่อพบกัน ทั้ง 2 นั่งบนเบาะที่วางบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน หลังจากนั้น อสิรี ก็ร้องไห้ และหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนมาในเสื้อคลุม ขอโทรไปหาครอบครัว และพูดกับพี่ชาย พูดเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ให้บิน นาเยฟ บอกว่าพี่ชายจะพูดด้วย ระหว่างที่ บิน นาเยฟ ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ พร้อมกล่าวคำทักทาย อิสิรี ก็กดระเบิดที่ซ่อนมาในทวารหนัก ระเบิดเป็นหลุมลึกใต้เบาะที่เขานั่ง ส่วนตัวเขา แหลกละเอียด ตายต่อหน้า บิน นาเยฟ ซึ่งโดนสะเก็ดระเบิดด้วย แต่ไม่สาหัส ในปี ค.ศ.2011 เจ้าชายนาเยฟ the Black Prince ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมงกุฏราชกุมาร ซึ่งทำให้ฝั่งอเมริกาตาเหลือกไปทั้งทำเนียบในวอชิงตัน และ ในปีนั้นเอง ตะวันออกกลางก็เกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่อเมริกาอ้างว่า ได้รับการชื่นชมจากพวกตะวันตก อย่างยิ่ง ที่ผู้นำเผด็จการทั้งหลาย ต่างร่วงผล่อยไปตามๆกัน ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย อียิปต์ และมาถึง บาห์เรน เพื่อนบ้านของซาอุดิ อารเบีย มันเป็นการเขียนเสือให้วัว หรืออูฐ กลัว หรือเปล่านะ เจ้าชายนาเยฟ เดือดดาลมาก ที่โอบามา บีบให้มูบารัคประธานาธิบดีของอียิปต์ลาออก และเมื่อบาห์เรน ซึ่งดูเหมือนจะเจอเทศกาลอาหรับสปริงไปด้วย นาเยฟ ไม่ยอมให้บาห์เรนเป็นเหมือนอียิปต์ เขาให้ราชวงศ์ซาอูด ช่วยราชวงศ์ของบาห์เรน ซึ่งเป็นนิกายสุนนีด้วยกัน จึงทำให้เกิดมีการเผชิญหน้ากัน ระหว่างนิกายชีอะ กับสุนนี่ในบาห์เรนอีกด้วย การปราบปรามในบาห์เรนใช้ไม้แข็ง หรือลูกตะกั่ว ซึ่งอเมริกาอ้างว่า ได้ประท้วงการใช้ความรุนแรงอย่างนั้นแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ และกองทัพของซาอุดิอารเบีย ก็ยังอยู่เต็มในบาห์เรนจนทุกวันนี้ เจ้าชายนาเยฟ หรือ the Black Prince ในสายตาของอเมริกา ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้มงวด และใช้อำนาจของซาอุดิอารเบียอย่างเต็มอัตรา อเมริกาเหน็บแนมว่า เจ้าชายนาเยฟ กำลังส่งเสริมให้ซาอุดิอารเบียใช้อำนาจของราชวงศ์ซาอูด แบบ “Pax Saudiana” คือสันติภาพและเสรีภาพแบบซาอุดิอารเบีย ใครที่ไม่ปฏิบัติตาม เป็นผู้ก่อการร้ายทั้งสิ้น … แล้วต่างอะไรกับ Pax Americana ของอเมริกา ต้องเป็นประชาธิปไตย ต้องมีเสรีภาพ ต้องทำตามที่กูบอกเท่านั้น...ไม่งั้นเป็นผู้ก่อการร้าย….ฮาครับ นอกจากนี้ เจ้าชายนาเยฟ ยังถูกอเมริกาวิจารณ์ว่า เจ้าชาย เป็นคนยุ กษัตริย์ อับดุลลาห์ ว่า อย่ายอมใจอ่อน กับพวกที่ต้องการให้มีการปฏิรูป เด็ดขาด ขณะที่กษัตริย์อับดุลลาห์ มีแนวโน้มที่จะเดินสายกลาง โดยพยายามจะเปลี่ยนประเทศ อย่างช้าๆเป็นขั้นตอน เน้นให้ประชาชนมีการศึกษามากขึ้น และ เคยพูดว่า อาจเปิดทางให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถได้ด้วย นอกจากนี้ กษัตริย์อับดุลลาห์ ยังจัดสรรเงินเป็นจำนวนมาก เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นกลาง และชั้นล่างของ ซาอุดิอารเบียอีกด้วย ถึงกระนั้น ในสายตาของอเมริกา กษัตริย์อับดุลลาห์ ก็ไม่เคยแตะเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อของศาสนาเลย และเจ้าชาย บิน นาเยฟ ที่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ ก็เคร่งครัดเรื่องศาสนา และดำเนินการรุนแรง กับผู้ที่กระทำผิดทางคำสอนของศาสนาเช่นกัน อเมริกาบอก บิน นาเยฟ อาจจะเชี่ยวชาญ ในการจัดการกับผู้ก่อการร้ายในราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย แต่ไม่เห็นอันตราย ของการห้ามประชาชนที่จะแสดงความเห็นอย่างอิสระ และทำให้ความพยายามของอับดุลลาห์ ที่จะปฏิรูปประเทศ ก็เลยเหมือนกับค้างอยู่กลางทาง เจ้าชายนาเยฟ ขึ้นมาเป็นมงกุฏราชกุมารได้เพียงปีเดียว ใน ปี ค.ศ.2012 ก็ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ในวัย 78 ปี ที่โรงพยาบาลในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก ดังยาวไปทั้งทางเดินที่ทำเนียบในวอชิงตัน …..นี่ ผมเขียนตามถ้อยคำ ที่คนเขียนบทความเกี่ยวกับ the Black Prince ใช้เลยนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ปี2520
    เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง เนื้อทองแดง หลวงปู่ดู่ วัดสะเเก ปี2520 // พระดีพิธีใหญ๋ ประสบการณ์เยอะมาก เหรียญนี้นับเป็นเหรียญที่น่าใช้อีกรุ่นเนื่องจากทางวัดสร้างเอง และมีแบบพิมพ์ที่สวย // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ## รับประกันพระแท้คลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดป้องกันภัย เมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่ของผู้คน เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ได้ง่าย โชคลาภ เสริมด้านการเงิน การค้าขายให้ร่ำรวย ค้าขายดี เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง **

    ** หลวงปู่ดู่ เป็นพระที่พูดน้อย ไม่มากโวหาร ด้วยจริยวัตรอันงดงาม สงบ เรียบง่าย สันโดษ จริงจังต่อการปฏิบัติธรรมมาก ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีความใฝ่รู้จึงมีความเพียรที่ศึกษาทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ จากพระคณาจารย์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมในยุคนั้นหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อเภา ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) และอีกหลายๆท่านตามจังหวัดต่าง ๆ เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง เนื้อทองแดง หลวงปู่ดู่ วัดสะเเก ปี2520 เหรียญที่น่าใช้อีกรุ่นเนื่องจากทางวัดสร้างเอง และมีแบบพิมพ์ที่สวย อีกทั้งแขวนองค์เดียวได้ทั้งรูปลักษณ์ของหลวงปู่ทวด และได้ทั้งพระที่หลวงปู่ดู่เสก หากท่านใดที่ชื่นชอบพระรุ่นลึกที่ทันหลวงปู่ดู่เหรียญหลวงปู่ทวดข้างบัวเหรียญนี้เป็นเหรียญเนื้อทองแดง สภาพสวยเดิมๆ ดูง่าย ไม่ได้ผ่านการล้างผิว ไม่ได้ผ่านการอาราธนาใช้มาก่อน น่าสะสมบูชามากครับ **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ปี2520 เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง เนื้อทองแดง หลวงปู่ดู่ วัดสะเเก ปี2520 // พระดีพิธีใหญ๋ ประสบการณ์เยอะมาก เหรียญนี้นับเป็นเหรียญที่น่าใช้อีกรุ่นเนื่องจากทางวัดสร้างเอง และมีแบบพิมพ์ที่สวย // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ## รับประกันพระแท้คลอดชีพครับ ** พุทธคุณแคล้วคลาดป้องกันภัย เมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่ของผู้คน เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ได้ง่าย โชคลาภ เสริมด้านการเงิน การค้าขายให้ร่ำรวย ค้าขายดี เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ** ** หลวงปู่ดู่ เป็นพระที่พูดน้อย ไม่มากโวหาร ด้วยจริยวัตรอันงดงาม สงบ เรียบง่าย สันโดษ จริงจังต่อการปฏิบัติธรรมมาก ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีความใฝ่รู้จึงมีความเพียรที่ศึกษาทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ จากพระคณาจารย์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมในยุคนั้นหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อเภา ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) และอีกหลายๆท่านตามจังหวัดต่าง ๆ เหรียญหลวงปู่ทวดบัวข้าง เนื้อทองแดง หลวงปู่ดู่ วัดสะเเก ปี2520 เหรียญที่น่าใช้อีกรุ่นเนื่องจากทางวัดสร้างเอง และมีแบบพิมพ์ที่สวย อีกทั้งแขวนองค์เดียวได้ทั้งรูปลักษณ์ของหลวงปู่ทวด และได้ทั้งพระที่หลวงปู่ดู่เสก หากท่านใดที่ชื่นชอบพระรุ่นลึกที่ทันหลวงปู่ดู่เหรียญหลวงปู่ทวดข้างบัวเหรียญนี้เป็นเหรียญเนื้อทองแดง สภาพสวยเดิมๆ ดูง่าย ไม่ได้ผ่านการล้างผิว ไม่ได้ผ่านการอาราธนาใช้มาก่อน น่าสะสมบูชามากครับ ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • เขยฝรั่งเศสเคยบอกไว้ว่าเมื่อใด"";...ได้เป็นนายกจะนำประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกศาล;"I.C.C."ทันทีเราก็จะเป็นเมืองขึ้นต่างชาติโดยไม่ต้องรบเพราะต่อไปมีอะไรไทยต้องไปขึ้นศาล'I.C.C..แล้วเอกราชของชาติไทยก็จะสิ้นสภาพกลายเป็นเมืองขึ้นเพียงแค่เซ็นชื่อเท่านั้น🖋ภัยไส้ศึกภายในชาติยิ่งกว่าภายนอก เหมือนกรณีส่งน้ำมันและเสบียงให้ข้าศึกไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูให้พม่าเผาอยุธยาในกาลก่อน"ไอสมเด็จจากนรกมันจะใช้เงินเทามาซื้อการเลือกตั้งในไทยเหมือนที่มันเคยพูดว่ามันเป็นคนตั้งนายกมากับมือ"หยามไทยสุดๆดูถูกชนิดที่หมอไม่รับเย็บ สงสารประชาชนชายแดนและลูกหลานทหารทุกกรมกอง,ตำรวจ,ต.ช.ด.,ทหารพรานชุดดำและผู้สูญเสียทุกๆครอบครัว#ประชาธิปไตยไม่ใช่ไม่ดีแต่การเลือกตั้งแล้วได้แต่..มาเหมือนเดิมสะท้อนความไม่พร้อมในชาติเรื่องประชาธิไดย เว้นวรรคการเลือกตั้งไปสักพักใหญ่ๆฯลฯเพื่อเอางบประมาณมาช่วยประชาชนที่กำลังลำบากน้ำท่วมหมดเนื้อหมดตัวจะดีกว่าไหมคะ...เลือกตั้งก็ผลาญเงินไปกับนโยบายประชานิยมสร้างหนี้ให้ชาติไปชั่วลูกชั่วหลาน......ไม่อยากได้ตัวตลกมาเป็นผู้นำสงครามชายแดนพวกเปรตก็จะแก้แต่"รธน..ไม่รู้เดือดร้อนเร่งรีบอะไรนักหนาแล้วจะเอาเงินมาทำประชาวิจารณ์อีกเท่าไหร่#ทีMOU43-44"ควรรีบยกเลิกผิดกฎหมายไม่ผ่านสภาไปแอบเซ็นงุบงิบกันประชาชนไม่รู้เรื่องกับทำเฉยแล้วที"MOA..ทำไมยกเลิกได้ล่ะ#ขอนายกพระราชทาน...พลโทบุญสิน มาจัดการบ้านเมืองก่อนดีไหมคะ
    เขยฝรั่งเศสเคยบอกไว้ว่าเมื่อใด"";🍊...ได้เป็นนายกจะนำประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกศาล;"I.C.C."ทันทีเราก็จะเป็นเมืองขึ้นต่างชาติโดยไม่ต้องรบเพราะต่อไปมีอะไรไทยต้องไปขึ้นศาล'I.C.C..แล้วเอกราชของชาติไทยก็จะสิ้นสภาพกลายเป็นเมืองขึ้นเพียงแค่เซ็นชื่อเท่านั้น📜🖋ภัยไส้ศึกภายในชาติยิ่งกว่าภายนอก เหมือนกรณีส่งน้ำมันและเสบียงให้ข้าศึกไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูให้พม่าเผาอยุธยาในกาลก่อน😔"ไอสมเด็จจากนรกมันจะใช้เงินเทามาซื้อการเลือกตั้งในไทยเหมือนที่มันเคยพูดว่ามันเป็นคนตั้งนายก🐀มากับมือ🥺💔🖤"หยามไทยสุดๆดูถูกชนิดที่หมอไม่รับเย็บ สงสารประชาชนชายแดนและลูกหลานทหารทุกกรมกอง,ตำรวจ,ต.ช.ด.,ทหารพรานชุดดำและผู้สูญเสียทุกๆครอบครัว#ประชาธิปไตยไม่ใช่ไม่ดีแต่การเลือกตั้งแล้วได้แต่👉🐊..มาเหมือนเดิมสะท้อนความไม่พร้อมในชาติเรื่องประชาธิไดย เว้นวรรคการเลือกตั้งไปสักพักใหญ่ๆฯลฯเพื่อเอางบประมาณมาช่วยประชาชนที่กำลังลำบากน้ำท่วมหมดเนื้อหมดตัวจะดีกว่าไหมคะ...เลือกตั้งก็ผลาญเงินไปกับนโยบายประชานิยมสร้างหนี้ให้ชาติไปชั่วลูกชั่วหลาน...🇹🇭...ไม่อยากได้ตัวตลกมาเป็นผู้นำ😔สงครามชายแดนพวกเปรตก็จะแก้แต่"รธน..ไม่รู้เดือดร้อนเร่งรีบอะไรนักหนาแล้วจะเอาเงินมาทำประชาวิจารณ์อีกเท่าไหร่#ทีMOU43-44"ควรรีบยกเลิกผิดกฎหมายไม่ผ่านสภาไปแอบเซ็นงุบงิบกันประชาชนไม่รู้เรื่องกับทำเฉยแล้วที"MOA..ทำไมยกเลิกได้ล่ะ#🇹🇭ขอนายกพระราชทาน...พลโทบุญสิน มาจัดการบ้านเมืองก่อนดีไหมคะ
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • ผบ.ฉก.นย.ตราด ยันคุมสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ ลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนสิ้นสภาพแล้ว ฝากชาวตราดอย่ากังวลอีกไม่นานได้กลับบ้าน ขอบคุณทุกกำลังใจ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121452

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผบ.ฉก.นย.ตราด ยันคุมสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ ลิดรอนกำลังฝ่ายตรงข้ามจนสิ้นสภาพแล้ว ฝากชาวตราดอย่ากังวลอีกไม่นานได้กลับบ้าน ขอบคุณทุกกำลังใจ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121452 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
More Results