• จีนปรับท่าทีด้านเทคโนโลยีเอไอ หลังสหรัฐฯภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดทางให้สามารถซื้อชิป Nvidia H200 ได้ โดยปักกิ่งตั้งเป้าใช้ชิประดับไฮเอนด์ดังกล่าวเพื่อเร่งงานวิจัยและพัฒนาเอไอในระยะเร่งด่วน
    .
    รายงานระบุว่า จีนเลือกใช้ยุทธศาสตร์ “สองเส้นทาง” คือ ใช้ H200 สำหรับการเทรนนิ่งโมเดลเอไอที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ขณะเดียวกันยังคงผลักดันการพัฒนาชิปภายในประเทศสำหรับการใช้งานระยะยาว เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ
    .
    นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ H200 จะช่วยคลี่คลายปัญหาคอขวดด้านพลังคำนวณในระยะสั้น แต่จีนยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางเทคโนโลยี และการพึ่งพาตนเองเป็นหลักในอนาคต
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121221
    .
    #News1live #News1 #จีน #เอไอ #Nvidia #H200 #ชิปเอไอ #เทคโนโลยีโลก #สงครามชิป
    จีนปรับท่าทีด้านเทคโนโลยีเอไอ หลังสหรัฐฯภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดทางให้สามารถซื้อชิป Nvidia H200 ได้ โดยปักกิ่งตั้งเป้าใช้ชิประดับไฮเอนด์ดังกล่าวเพื่อเร่งงานวิจัยและพัฒนาเอไอในระยะเร่งด่วน . รายงานระบุว่า จีนเลือกใช้ยุทธศาสตร์ “สองเส้นทาง” คือ ใช้ H200 สำหรับการเทรนนิ่งโมเดลเอไอที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ขณะเดียวกันยังคงผลักดันการพัฒนาชิปภายในประเทศสำหรับการใช้งานระยะยาว เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ . นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ H200 จะช่วยคลี่คลายปัญหาคอขวดด้านพลังคำนวณในระยะสั้น แต่จีนยังให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางเทคโนโลยี และการพึ่งพาตนเองเป็นหลักในอนาคต . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121221 . #News1live #News1 #จีน #เอไอ #Nvidia #H200 #ชิปเอไอ #เทคโนโลยีโลก #สงครามชิป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานการลักลอบนำเข้า Blackwell ขแง DeepSeek

    แหล่งข่าวนิรนามหลายรายอ้างว่า DeepSeek ใช้บริษัทเชลล์สร้างศูนย์ข้อมูลปลอมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบจาก Nvidia และพันธมิตร OEM หลังจากนั้นจึงรื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ออกเป็นชิ้น ๆ และลักลอบนำเข้าไปยังจีน ซึ่งถูกห้ามนำเข้า GPU รุ่นใหม่ตามข้อจำกัดของสหรัฐ

    ความต้องการ GPU ของ DeepSeek
    DeepSeek เคยสร้างชื่อจากโมเดล R1 ที่ใช้เพียง 2,048 Nvidia H800s แต่สามารถฝึกได้ภายในสองเดือน ทำให้บริษัทถูกจับตามองว่ามีความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน DeepSeek ยังคงพยายามหาทางเข้าถึง GPU รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาโมเดล AI ต่อไป แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend

    ปฏิกิริยาของ Nvidia
    Nvidia ออกแถลงการณ์ว่า “ยังไม่พบหลักฐานหรือได้รับข้อมูลยืนยัน” เกี่ยวกับการสร้างศูนย์ข้อมูลปลอมและการลักลอบนำเข้า พร้อมย้ำว่าบริษัทจะตรวจสอบทุกเบาะแสที่ได้รับ แม้จะมองว่าข่าวนี้เป็นเรื่อง “far-fetched” แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะติดตามอย่างจริงจัง

    ความหมายต่อสงครามชิป
    เหตุการณ์นี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน การที่ DeepSeek ถูกกล่าวหาว่าลักลอบนำเข้า Blackwell แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ GPU ในการพัฒนา AI ขั้นสูง และความพยายามของจีนที่จะหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้จะมีข้อจำกัดทางการค้า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายงานการลักลอบนำเข้า
    DeepSeek ถูกกล่าวหาว่าสร้างศูนย์ข้อมูลปลอม
    รื้อเซิร์ฟเวอร์แล้วลักลอบนำ GPU เข้าจีน

    ความต้องการของ DeepSeek
    โมเดล R1 ใช้เพียง 2,048 H800s
    พยายามเข้าถึง GPU รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาโมเดลต่อ

    ปฏิกิริยาของ Nvidia
    ปฏิเสธข่าวว่าเป็น “far-fetched”
    ยืนยันว่าจะตรวจสอบทุกเบาะแส

    ความหมายต่อสงครามชิป
    GPU เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI
    จีนพยายามหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้ถูกจำกัด

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ยังไม่มีหลักฐานยืนยันการลักลอบนำเข้า
    ข่าวอาจสร้างความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีน
    ความเสี่ยงต่อซัพพลายเชนและการควบคุมการส่งออก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-decries-far-fetched-reports-of-smuggling-in-face-of-deepseek-training-reports-unnamed-sources-claim-chinese-company-is-involved-in-blackwell-smuggling-ring
    🛰️ รายงานการลักลอบนำเข้า Blackwell ขแง DeepSeek แหล่งข่าวนิรนามหลายรายอ้างว่า DeepSeek ใช้บริษัทเชลล์สร้างศูนย์ข้อมูลปลอมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบจาก Nvidia และพันธมิตร OEM หลังจากนั้นจึงรื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ออกเป็นชิ้น ๆ และลักลอบนำเข้าไปยังจีน ซึ่งถูกห้ามนำเข้า GPU รุ่นใหม่ตามข้อจำกัดของสหรัฐ ⚡ ความต้องการ GPU ของ DeepSeek DeepSeek เคยสร้างชื่อจากโมเดล R1 ที่ใช้เพียง 2,048 Nvidia H800s แต่สามารถฝึกได้ภายในสองเดือน ทำให้บริษัทถูกจับตามองว่ามีความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน DeepSeek ยังคงพยายามหาทางเข้าถึง GPU รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาโมเดล AI ต่อไป แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปในประเทศ เช่น Huawei Ascend 🖥️ ปฏิกิริยาของ Nvidia Nvidia ออกแถลงการณ์ว่า “ยังไม่พบหลักฐานหรือได้รับข้อมูลยืนยัน” เกี่ยวกับการสร้างศูนย์ข้อมูลปลอมและการลักลอบนำเข้า พร้อมย้ำว่าบริษัทจะตรวจสอบทุกเบาะแสที่ได้รับ แม้จะมองว่าข่าวนี้เป็นเรื่อง “far-fetched” แต่ก็ไม่ปฏิเสธที่จะติดตามอย่างจริงจัง 🔍 ความหมายต่อสงครามชิป เหตุการณ์นี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน การที่ DeepSeek ถูกกล่าวหาว่าลักลอบนำเข้า Blackwell แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ GPU ในการพัฒนา AI ขั้นสูง และความพยายามของจีนที่จะหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้จะมีข้อจำกัดทางการค้า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายงานการลักลอบนำเข้า ➡️ DeepSeek ถูกกล่าวหาว่าสร้างศูนย์ข้อมูลปลอม ➡️ รื้อเซิร์ฟเวอร์แล้วลักลอบนำ GPU เข้าจีน ✅ ความต้องการของ DeepSeek ➡️ โมเดล R1 ใช้เพียง 2,048 H800s ➡️ พยายามเข้าถึง GPU รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาโมเดลต่อ ✅ ปฏิกิริยาของ Nvidia ➡️ ปฏิเสธข่าวว่าเป็น “far-fetched” ➡️ ยืนยันว่าจะตรวจสอบทุกเบาะแส ✅ ความหมายต่อสงครามชิป ➡️ GPU เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา AI ➡️ จีนพยายามหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้ถูกจำกัด ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันการลักลอบนำเข้า ⛔ ข่าวอาจสร้างความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีน ⛔ ความเสี่ยงต่อซัพพลายเชนและการควบคุมการส่งออก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-decries-far-fetched-reports-of-smuggling-in-face-of-deepseek-training-reports-unnamed-sources-claim-chinese-company-is-involved-in-blackwell-smuggling-ring
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผู้บริหาร AI ฝ่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของ Intel ย้ายไป AMD – สะท้อนการเปลี่ยนขั้วในสงครามชิปสมองกล”

    Saurabh Kulkarni รองประธานฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ของ Intel เตรียมย้ายไปทำงานกับ AMD โดยมีรายงานว่า วันสุดท้ายของเขาที่ Intel คือวันศุกร์นี้ และจะถูกแทนที่โดย Anil Nanduri รองประธานฝ่าย Go-To-Market ด้าน AI ซึ่งจะเข้ามาดูแลการจัดการผลิตภัณฑ์ AI แทน

    Kulkarni เคยมีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ระบบ AI ของ Intel ภายใต้ CTO และ Chief AI Officer Sachin Katti โดยเน้นการพัฒนา GPU และระบบ interconnect แบบ silicon photonics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายระบบ AI ขนาดใหญ่ในดาต้าเซ็นเตอร์

    การย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ AMD กำลังเร่งขยายตลาด AI ด้วย Instinct GPU และดีลใหญ่กับ OpenAI โดยตั้งเป้ารายได้จาก AI accelerator สูงถึง หลายหมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027

    การเปลี่ยนแปลงในทีม AI ของ Intel
    Saurabh Kulkarni ลาออกจากตำแหน่ง VP ด้าน AI Product Management
    Anil Nanduri จะเข้ามารับหน้าที่แทน
    Kulkarni เคยดูแล GPU, ระบบ AI และ silicon design

    ประวัติของ Kulkarni
    เคยทำงานที่ Graphcore และ Lucata
    เคยเป็นหัวหน้าวิศวกรด้านคลาวด์และ AI ที่ Microsoft Azure
    มีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ AI ของ Intel

    ความเคลื่อนไหวของ AMD
    กำลังเร่งขยายตลาด AI ด้วย Instinct GPU
    ได้ดีลใหญ่กับ OpenAI
    ตั้งเป้ารายได้จาก AI accelerator หลายหมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027

    สถานการณ์ภายใน Intel
    รายได้จาก Gaudi accelerator ต่ำกว่าคาด
    มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่
    วิศวกรระดับสูงหลายคนลาออก เช่น Ronak Singhal และ Rob Bruckner

    คำเตือนด้านการเปลี่ยนขั้วในอุตสาหกรรม
    การสูญเสียบุคลากรระดับสูงอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของกลยุทธ์
    การปรับโครงสร้างองค์กรอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนภายใน
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่าง Intel และ AMD กำลังทวีความรุนแรง

    https://www.techpowerup.com/342719/intel-data-center-ai-executive-reportedly-departs-for-amd
    🔄🧠 “ผู้บริหาร AI ฝ่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของ Intel ย้ายไป AMD – สะท้อนการเปลี่ยนขั้วในสงครามชิปสมองกล” Saurabh Kulkarni รองประธานฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ของ Intel เตรียมย้ายไปทำงานกับ AMD โดยมีรายงานว่า วันสุดท้ายของเขาที่ Intel คือวันศุกร์นี้ และจะถูกแทนที่โดย Anil Nanduri รองประธานฝ่าย Go-To-Market ด้าน AI ซึ่งจะเข้ามาดูแลการจัดการผลิตภัณฑ์ AI แทน Kulkarni เคยมีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ระบบ AI ของ Intel ภายใต้ CTO และ Chief AI Officer Sachin Katti โดยเน้นการพัฒนา GPU และระบบ interconnect แบบ silicon photonics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายระบบ AI ขนาดใหญ่ในดาต้าเซ็นเตอร์ การย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ AMD กำลังเร่งขยายตลาด AI ด้วย Instinct GPU และดีลใหญ่กับ OpenAI โดยตั้งเป้ารายได้จาก AI accelerator สูงถึง หลายหมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ✅ การเปลี่ยนแปลงในทีม AI ของ Intel ➡️ Saurabh Kulkarni ลาออกจากตำแหน่ง VP ด้าน AI Product Management ➡️ Anil Nanduri จะเข้ามารับหน้าที่แทน ➡️ Kulkarni เคยดูแล GPU, ระบบ AI และ silicon design ✅ ประวัติของ Kulkarni ➡️ เคยทำงานที่ Graphcore และ Lucata ➡️ เคยเป็นหัวหน้าวิศวกรด้านคลาวด์และ AI ที่ Microsoft Azure ➡️ มีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์ AI ของ Intel ✅ ความเคลื่อนไหวของ AMD ➡️ กำลังเร่งขยายตลาด AI ด้วย Instinct GPU ➡️ ได้ดีลใหญ่กับ OpenAI ➡️ ตั้งเป้ารายได้จาก AI accelerator หลายหมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 ✅ สถานการณ์ภายใน Intel ➡️ รายได้จาก Gaudi accelerator ต่ำกว่าคาด ➡️ มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ➡️ วิศวกรระดับสูงหลายคนลาออก เช่น Ronak Singhal และ Rob Bruckner ‼️ คำเตือนด้านการเปลี่ยนขั้วในอุตสาหกรรม ⛔ การสูญเสียบุคลากรระดับสูงอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของกลยุทธ์ ⛔ การปรับโครงสร้างองค์กรอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนภายใน ⛔ การแข่งขันด้าน AI ระหว่าง Intel และ AMD กำลังทวีความรุนแรง https://www.techpowerup.com/342719/intel-data-center-ai-executive-reportedly-departs-for-amd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel Data Center AI Executive Reportedly Departs for AMD
    Intel is losing another senior figure from its data center and AI business, with Saurabh Kulkarni, Vice President of Data Center AI Product Management, set to depart for AMD. Kulkarni's last day at Intel is reportedly Friday, with Anil Nanduri, VP of AI Go-To-Market, stepping in to lead the AI produ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สงครามชิป AI ดันราคา DRAM พุ่งทะลุฟ้า แซงราคาทองคำ!"

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะอัปเกรดคอมพิวเตอร์ แต่ราคาหน่วยความจำ (RAM) กลับพุ่งสูงจนต้องคิดหนัก… นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 นี้ เมื่อความต้องการชิปหน่วยความจำจากอุตสาหกรรม AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ราคา DRAM เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว — มากกว่าการขึ้นราคาของทองคำเสียอีก!

    บริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังหันไปเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล AI เช่น RDIMM และ HBM แทนที่จะผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาพุ่งสูงในตลาดค้าปลีก เช่น Corsair Vengeance DDR5 ที่เคยขายในราคา $91 ตอนเดือนกรกฎาคม ตอนนี้พุ่งไปถึง $183 แล้ว!

    นอกจาก DRAM แล้ว NAND Flash และฮาร์ดไดรฟ์ก็โดนผลกระทบเช่นกัน เพราะบริษัท AI รายใหญ่แห่กันเซ็นสัญญาซื้อชิปกับ Samsung และ SK Hynix ล่วงหน้าเป็นเวลานานถึง 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
    เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    สูงกว่าการขึ้นราคาของทองคำในช่วงเวลาเดียวกัน

    ความต้องการจากอุตสาหกรรม AI เป็นตัวเร่ง
    ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการหน่วยความจำความเร็วสูง เช่น RDIMM และ HBM
    ผู้ผลิตจึงลดการผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ในตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเท่าตัว
    ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance DDR5 ขึ้นจาก $91 เป็น $183

    แนวโน้มระยะยาว
    ผู้ผลิตเซ็นสัญญาซื้อ DRAM ล่วงหน้ากับ Samsung และ SK Hynix นานถึง 4 ปี
    ราคาสินค้าดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี อาจปรับตัวสูงขึ้นตาม

    คำเตือนสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
    อาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าเทคโนโลยีที่สูงขึ้นในระยะยาว
    การอัปเกรดคอมพิวเตอร์หรือซื้ออุปกรณ์ใหม่อาจต้องวางแผนล่วงหน้า

    คำเตือนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
    ต้นทุนการผลิตที่ใช้หน่วยความจำอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
    ควรพิจารณาการจัดซื้อหรือสต็อกสินค้าให้เหมาะสมกับแนวโน้มตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-surge-171-percent-year-over-year-ai-demand-drives-a-higher-yoy-price-increase-than-gold
    🧠💰 "สงครามชิป AI ดันราคา DRAM พุ่งทะลุฟ้า แซงราคาทองคำ!" ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะอัปเกรดคอมพิวเตอร์ แต่ราคาหน่วยความจำ (RAM) กลับพุ่งสูงจนต้องคิดหนัก… นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 นี้ เมื่อความต้องการชิปหน่วยความจำจากอุตสาหกรรม AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้ราคา DRAM เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว — มากกว่าการขึ้นราคาของทองคำเสียอีก! บริษัทผู้ผลิตหน่วยความจำกำลังหันไปเน้นผลิตชิปสำหรับศูนย์ข้อมูล AI เช่น RDIMM และ HBM แทนที่จะผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาพุ่งสูงในตลาดค้าปลีก เช่น Corsair Vengeance DDR5 ที่เคยขายในราคา $91 ตอนเดือนกรกฎาคม ตอนนี้พุ่งไปถึง $183 แล้ว! นอกจาก DRAM แล้ว NAND Flash และฮาร์ดไดรฟ์ก็โดนผลกระทบเช่นกัน เพราะบริษัท AI รายใหญ่แห่กันเซ็นสัญญาซื้อชิปกับ Samsung และ SK Hynix ล่วงหน้าเป็นเวลานานถึง 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ✅ ราคาหน่วยความจำ DRAM พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ➡️ เพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ➡️ สูงกว่าการขึ้นราคาของทองคำในช่วงเวลาเดียวกัน ✅ ความต้องการจากอุตสาหกรรม AI เป็นตัวเร่ง ➡️ ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการหน่วยความจำความเร็วสูง เช่น RDIMM และ HBM ➡️ ผู้ผลิตจึงลดการผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ในตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเท่าตัว ➡️ ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance DDR5 ขึ้นจาก $91 เป็น $183 ✅ แนวโน้มระยะยาว ➡️ ผู้ผลิตเซ็นสัญญาซื้อ DRAM ล่วงหน้ากับ Samsung และ SK Hynix นานถึง 4 ปี ➡️ ราคาสินค้าดิจิทัล เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี อาจปรับตัวสูงขึ้นตาม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ⛔ อาจต้องเผชิญกับราคาสินค้าเทคโนโลยีที่สูงขึ้นในระยะยาว ⛔ การอัปเกรดคอมพิวเตอร์หรือซื้ออุปกรณ์ใหม่อาจต้องวางแผนล่วงหน้า ‼️ คำเตือนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ⛔ ต้นทุนการผลิตที่ใช้หน่วยความจำอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ⛔ ควรพิจารณาการจัดซื้อหรือสต็อกสินค้าให้เหมาะสมกับแนวโน้มตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-surge-171-percent-year-over-year-ai-demand-drives-a-higher-yoy-price-increase-than-gold
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC ไม่สนศึก NVIDIA vs ASIC – เพราะทุกฝ่ายต้องพึ่งโรงงานของตน

    ตอนนี้โลกของ AI กำลังแบ่งออกเป็นสองขั้วใหญ่ๆ คือฝ่ายที่ใช้ GPU เช่น NVIDIA และ AMD กับฝ่ายที่พัฒนา ASIC (ชิปเฉพาะทาง) เช่น Google, Amazon และ Microsoft เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    หลายคนมองว่า ASIC จะมาแทนที่ GPU ในอนาคต เพราะมันถูกออกแบบมาเฉพาะงาน AI โดยตรง แต่ TSMC ไม่ได้กังวลเลย เพราะไม่ว่าจะเป็น GPU หรือ ASIC ทุกคนก็ต้องมาหา TSMC เพื่อผลิตชิปอยู่ดี

    CEO ของ TSMC คุณ C.C. Wei กล่าวไว้ชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะเป็น GPU หรือ ASIC ก็ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าของเราเหมือนกัน เราไม่แบ่งฝ่าย เราสนับสนุนทุกประเภท”

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Google ที่ร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนา TPU รุ่นใหม่อย่าง Ironwood และ Trillium ซึ่งก็ผลิตโดย TSMC เช่นเดียวกับ Amazon Trainium และ Microsoft Maia ที่ใช้เทคโนโลยีระดับ 5nm และต่ำกว่า

    ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนในสงครามชิป AI TSMC ก็ได้ประโยชน์ทั้งหมด และกลายเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานด้าน AI อย่างแท้จริง

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก
    ผลิตทั้ง GPU และ ASIC ให้หลายบริษัท
    ใช้เทคโนโลยีระดับ 5nm และต่ำกว่า
    เป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานด้าน AI

    ความร่วมมือกับบริษัทใหญ่
    Google ร่วมกับ Broadcom พัฒนา TPU รุ่นใหม่
    Amazon ใช้ TSMC ผลิต Trainium
    Microsoft ใช้ TSMC ผลิต Maia AI chip

    จุดยืนของ TSMC
    ไม่แบ่งฝ่ายระหว่าง GPU กับ ASIC
    สนับสนุนทุกเทคโนโลยีที่ใช้โรงงานของตน
    มั่นใจว่าความต้องการชิปจะเติบโตต่อเนื่องหลายปี

    https://wccftech.com/tsmc-says-in-the-nvidia-vs-asic-war-it-will-always-win/
    🏭 TSMC ไม่สนศึก NVIDIA vs ASIC – เพราะทุกฝ่ายต้องพึ่งโรงงานของตน ตอนนี้โลกของ AI กำลังแบ่งออกเป็นสองขั้วใหญ่ๆ คือฝ่ายที่ใช้ GPU เช่น NVIDIA และ AMD กับฝ่ายที่พัฒนา ASIC (ชิปเฉพาะทาง) เช่น Google, Amazon และ Microsoft เพื่อให้ระบบ AI ทำงานได้เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น หลายคนมองว่า ASIC จะมาแทนที่ GPU ในอนาคต เพราะมันถูกออกแบบมาเฉพาะงาน AI โดยตรง แต่ TSMC ไม่ได้กังวลเลย เพราะไม่ว่าจะเป็น GPU หรือ ASIC ทุกคนก็ต้องมาหา TSMC เพื่อผลิตชิปอยู่ดี CEO ของ TSMC คุณ C.C. Wei กล่าวไว้ชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะเป็น GPU หรือ ASIC ก็ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าของเราเหมือนกัน เราไม่แบ่งฝ่าย เราสนับสนุนทุกประเภท” ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Google ที่ร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนา TPU รุ่นใหม่อย่าง Ironwood และ Trillium ซึ่งก็ผลิตโดย TSMC เช่นเดียวกับ Amazon Trainium และ Microsoft Maia ที่ใช้เทคโนโลยีระดับ 5nm และต่ำกว่า ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนในสงครามชิป AI TSMC ก็ได้ประโยชน์ทั้งหมด และกลายเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานด้าน AI อย่างแท้จริง ✅ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ➡️ ผลิตทั้ง GPU และ ASIC ให้หลายบริษัท ➡️ ใช้เทคโนโลยีระดับ 5nm และต่ำกว่า ➡️ เป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่อุปทานด้าน AI ✅ ความร่วมมือกับบริษัทใหญ่ ➡️ Google ร่วมกับ Broadcom พัฒนา TPU รุ่นใหม่ ➡️ Amazon ใช้ TSMC ผลิต Trainium ➡️ Microsoft ใช้ TSMC ผลิต Maia AI chip ✅ จุดยืนของ TSMC ➡️ ไม่แบ่งฝ่ายระหว่าง GPU กับ ASIC ➡️ สนับสนุนทุกเทคโนโลยีที่ใช้โรงงานของตน ➡️ มั่นใจว่าความต้องการชิปจะเติบโตต่อเนื่องหลายปี https://wccftech.com/tsmc-says-in-the-nvidia-vs-asic-war-it-will-always-win/
    WCCFTECH.COM
    TSMC Says in the 'NVIDIA vs ASIC War', It Will Always Win as Customers From Both Sides Turn to the Chip Giant for Foundry Orders
    TSMC is well aware of the growing rivalry between GPU customers and ASICs, but the firm apparently doesn't worry much.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD MI450X บีบให้ NVIDIA ปรับแผน Rubin — สงครามชิป AI ระดับ 2,000W เริ่มแล้ว”

    การแข่งขันระหว่าง AMD และ NVIDIA ในตลาดชิป AI กำลังร้อนแรงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยล่าสุด AMD ได้เปิดตัว Instinct MI450X ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นใหม่ที่มีสเปกแรงจนทำให้ NVIDIA ต้องปรับแผนการออกแบบชิป Rubin VR200 ของตัวเองอย่างเร่งด่วน

    ชิป MI450X ของ AMD ใช้หน่วยความจำ HBM4 สูงสุดถึง 432GB ต่อ GPU และมีแบนด์วิดธ์สูงถึง 19.6 TB/s พร้อมพลังประมวลผล FP4 ที่ระดับ 40 PFLOPS โดยมี TGP สูงถึง 2500W ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับชิป AI ทั่วไป

    NVIDIA ที่เดิมวางแผนให้ Rubin VR200 มี TGP อยู่ที่ 1800W ต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2300W และเพิ่มแบนด์วิดธ์จาก 13 TB/s เป็น 20 TB/s ต่อ GPU เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ MI450X ได้อย่างสูสี โดย Rubin ยังมีพลังประมวลผล FP4 สูงถึง 50 PFLOPS และใช้ HBM4 ขนาด 288GB ต่อ GPU

    ทั้งสองบริษัทใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3nm จาก TSMC และออกแบบแบบ chiplet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน โดย AMD มั่นใจว่า MI450X จะเป็น “Milan moment” ของสาย AI เหมือนที่ EPYC 7003 เคยเปลี่ยนเกมในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    แม้ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มของทั้งสองรุ่น แต่ OpenAI ได้เริ่มใช้งาน Rubin แล้ว ขณะที่ AMD เตรียมเปิดตัว MI450X ในปี 2026 ซึ่งหมายความว่า “สงครามชิป AI ระดับ hyperscale” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว Instinct MI450X พร้อม TGP สูงถึง 2500W และแบนด์วิดธ์ 19.6 TB/s
    ใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB ต่อ GPU และพลังประมวลผล FP4 ที่ 40 PFLOPS
    NVIDIA ปรับแผน Rubin VR200 เพิ่ม TGP จาก 1800W เป็น 2300W และแบนด์วิดธ์เป็น 20 TB/s
    Rubin ใช้ HBM4 ขนาด 288GB ต่อ GPU และพลังประมวลผล FP4 ที่ 50 PFLOPS
    ทั้งสองชิปใช้เทคโนโลยี 3nm จาก TSMC และออกแบบแบบ chiplet
    AMD มองว่า MI450X จะเป็นจุดเปลี่ยนเหมือน EPYC 7003 ในตลาดเซิร์ฟเวอร์
    OpenAI เริ่มใช้งาน Rubin แล้ว แสดงถึงการยอมรับในตลาดจริง
    MI450X และ Rubin จะเปิดตัวเต็มรูปแบบในปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM4 เป็นหน่วยความจำที่มีแบนด์วิดธ์สูงที่สุดในตลาด AI ปัจจุบัน
    FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่เหมาะกับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และโมเดลภาพ
    การใช้ TGP สูงกว่า 2000W ต้องมีระบบระบายความร้อนระดับเซิร์ฟเวอร์พิเศษ
    AMD เคยตามหลัง NVIDIA ในรอบก่อนหน้า แต่ MI450X อาจเปลี่ยนสมดุล
    Rubin Ultra รุ่นถัดไปของ NVIDIA อาจมี HBM4 สูงถึง 576GB ต่อ GPU

    https://wccftech.com/amd-instinct-mi450x-has-forced-nvidia-to-make-changes-with-the-rubin-ai-chip/
    ⚔️ “AMD MI450X บีบให้ NVIDIA ปรับแผน Rubin — สงครามชิป AI ระดับ 2,000W เริ่มแล้ว” การแข่งขันระหว่าง AMD และ NVIDIA ในตลาดชิป AI กำลังร้อนแรงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยล่าสุด AMD ได้เปิดตัว Instinct MI450X ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นใหม่ที่มีสเปกแรงจนทำให้ NVIDIA ต้องปรับแผนการออกแบบชิป Rubin VR200 ของตัวเองอย่างเร่งด่วน ชิป MI450X ของ AMD ใช้หน่วยความจำ HBM4 สูงสุดถึง 432GB ต่อ GPU และมีแบนด์วิดธ์สูงถึง 19.6 TB/s พร้อมพลังประมวลผล FP4 ที่ระดับ 40 PFLOPS โดยมี TGP สูงถึง 2500W ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับชิป AI ทั่วไป NVIDIA ที่เดิมวางแผนให้ Rubin VR200 มี TGP อยู่ที่ 1800W ต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2300W และเพิ่มแบนด์วิดธ์จาก 13 TB/s เป็น 20 TB/s ต่อ GPU เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ MI450X ได้อย่างสูสี โดย Rubin ยังมีพลังประมวลผล FP4 สูงถึง 50 PFLOPS และใช้ HBM4 ขนาด 288GB ต่อ GPU ทั้งสองบริษัทใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 3nm จาก TSMC และออกแบบแบบ chiplet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน โดย AMD มั่นใจว่า MI450X จะเป็น “Milan moment” ของสาย AI เหมือนที่ EPYC 7003 เคยเปลี่ยนเกมในตลาดเซิร์ฟเวอร์ แม้ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มของทั้งสองรุ่น แต่ OpenAI ได้เริ่มใช้งาน Rubin แล้ว ขณะที่ AMD เตรียมเปิดตัว MI450X ในปี 2026 ซึ่งหมายความว่า “สงครามชิป AI ระดับ hyperscale” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว Instinct MI450X พร้อม TGP สูงถึง 2500W และแบนด์วิดธ์ 19.6 TB/s ➡️ ใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB ต่อ GPU และพลังประมวลผล FP4 ที่ 40 PFLOPS ➡️ NVIDIA ปรับแผน Rubin VR200 เพิ่ม TGP จาก 1800W เป็น 2300W และแบนด์วิดธ์เป็น 20 TB/s ➡️ Rubin ใช้ HBM4 ขนาด 288GB ต่อ GPU และพลังประมวลผล FP4 ที่ 50 PFLOPS ➡️ ทั้งสองชิปใช้เทคโนโลยี 3nm จาก TSMC และออกแบบแบบ chiplet ➡️ AMD มองว่า MI450X จะเป็นจุดเปลี่ยนเหมือน EPYC 7003 ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ➡️ OpenAI เริ่มใช้งาน Rubin แล้ว แสดงถึงการยอมรับในตลาดจริง ➡️ MI450X และ Rubin จะเปิดตัวเต็มรูปแบบในปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM4 เป็นหน่วยความจำที่มีแบนด์วิดธ์สูงที่สุดในตลาด AI ปัจจุบัน ➡️ FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่เหมาะกับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และโมเดลภาพ ➡️ การใช้ TGP สูงกว่า 2000W ต้องมีระบบระบายความร้อนระดับเซิร์ฟเวอร์พิเศษ ➡️ AMD เคยตามหลัง NVIDIA ในรอบก่อนหน้า แต่ MI450X อาจเปลี่ยนสมดุล ➡️ Rubin Ultra รุ่นถัดไปของ NVIDIA อาจมี HBM4 สูงถึง 576GB ต่อ GPU https://wccftech.com/amd-instinct-mi450x-has-forced-nvidia-to-make-changes-with-the-rubin-ai-chip/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Instinct MI450X Has Reportedly 'Forced' NVIDIA to Make Changes With the Rubin AI Chip, Including Higher TGPs & Memory Bandwidth
    NVIDIA and AMD are racing to create a superior AI architecture, with both firms revising their next-gen designs to gain an edge.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนเปิดฉากสอบสวน ‘ชิปแอนะล็อก’ จากสหรัฐฯ — สงครามเซมิคอนดักเตอร์ขยายวงสู่ชิ้นส่วนพื้นฐาน”

    เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2025 กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้ประกาศเริ่มต้นการสอบสวนการทุ่มตลาด (anti-dumping) ต่อชิปแอนะล็อกที่ผลิตในสหรัฐฯ โดยระบุว่าผู้ผลิตอเมริกันได้ส่งออกชิ้นส่วนราคาถูกจำนวนมากเข้าสู่ตลาดจีน ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศอย่างรุนแรง

    การสอบสวนนี้ครอบคลุมชิปประเภท interface และ gate-driver ICs ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเก่า เช่น 40nm หรือใหญ่กว่า ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเมนบอร์ด PC, เราเตอร์, แหล่งจ่ายไฟ (PSU) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป โดยเฉพาะชิป RS-485, CAN transceivers, digital isolators และ I²C expanders ที่ใช้ควบคุมการจ่ายไฟให้กับ CPU และ GPU

    จีนอ้างว่าในช่วงปี 2022–2024 ปริมาณการนำเข้าชิปเหล่านี้จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 37% ขณะที่ราคาลดลงเฉลี่ย 52% ซึ่งทำให้ผู้ผลิตในประเทศสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและกำไรอย่างหนัก กลุ่มอุตสาหกรรมจากมณฑลเจียงซูจึงยื่นคำร้องขอให้มีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้

    การสอบสวนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ และจีนเตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงมาดริด โดยนอกจากการสอบสวนการทุ่มตลาดแล้ว จีนยังเปิดการสอบสวน “การเลือกปฏิบัติ” ต่อมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่จำกัดความสามารถของผู้ผลิตชิปจีนในการแข่งขันในตลาดโลก

    แม้การสอบสวนจะเน้นไปที่ชิ้นส่วนพื้นฐาน แต่ผลกระทบอาจลามไปถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ในปี 2026 เพราะหากจีนเรียกเก็บภาษีจริง โรงงานอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศหรือประเทศที่สาม ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนและโครงสร้างของบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนเปิดการสอบสวนการทุ่มตลาดต่อชิปแอนะล็อกจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2025
    ครอบคลุมชิป interface และ gate-driver ICs ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 40nm หรือใหญ่กว่า
    ชิ้นส่วนที่ถูกสอบสวน ได้แก่ RS-485, CAN transceivers, digital isolators, I²C expanders
    ปริมาณนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 37% และราคาลดลง 52% ในช่วงปี 2022–2024

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ผู้ผลิตในจีนสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและกำไรจากการแข่งราคากับสหรัฐฯ
    กลุ่มอุตสาหกรรมจากเจียงซูร้องขอให้เรียกเก็บภาษีตอบโต้
    การสอบสวนครอบคลุมธุรกรรมในปี 2024 และย้อนดูผลกระทบย้อนหลัง 3 ปี
    หากมีการเรียกเก็บภาษีจริง อาจต้องเปลี่ยนแหล่งชิ้นส่วนในสายการผลิต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Texas Instruments เคยลดราคาชิปในปี 2023 เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีน
    ตลาดชิปแอนะล็อกหลัง COVID-19 มีภาวะ oversupply ทำให้ราคาตกทั่วโลก
    การสอบสวนนี้ต่างจากสงครามชิป AI ที่เน้นเทคโนโลยีล้ำหน้า — นี่คือชิ้นส่วนพื้นฐาน
    การเปลี่ยนแหล่งชิ้นส่วนอาจกระทบ BOM และดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ในปี 2026

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-launches-anti-dumping-probe-into-us-analog-chips
    📉 “จีนเปิดฉากสอบสวน ‘ชิปแอนะล็อก’ จากสหรัฐฯ — สงครามเซมิคอนดักเตอร์ขยายวงสู่ชิ้นส่วนพื้นฐาน” เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2025 กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้ประกาศเริ่มต้นการสอบสวนการทุ่มตลาด (anti-dumping) ต่อชิปแอนะล็อกที่ผลิตในสหรัฐฯ โดยระบุว่าผู้ผลิตอเมริกันได้ส่งออกชิ้นส่วนราคาถูกจำนวนมากเข้าสู่ตลาดจีน ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศอย่างรุนแรง การสอบสวนนี้ครอบคลุมชิปประเภท interface และ gate-driver ICs ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเก่า เช่น 40nm หรือใหญ่กว่า ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเมนบอร์ด PC, เราเตอร์, แหล่งจ่ายไฟ (PSU) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป โดยเฉพาะชิป RS-485, CAN transceivers, digital isolators และ I²C expanders ที่ใช้ควบคุมการจ่ายไฟให้กับ CPU และ GPU จีนอ้างว่าในช่วงปี 2022–2024 ปริมาณการนำเข้าชิปเหล่านี้จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 37% ขณะที่ราคาลดลงเฉลี่ย 52% ซึ่งทำให้ผู้ผลิตในประเทศสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและกำไรอย่างหนัก กลุ่มอุตสาหกรรมจากมณฑลเจียงซูจึงยื่นคำร้องขอให้มีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ การสอบสวนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ และจีนเตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงมาดริด โดยนอกจากการสอบสวนการทุ่มตลาดแล้ว จีนยังเปิดการสอบสวน “การเลือกปฏิบัติ” ต่อมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่จำกัดความสามารถของผู้ผลิตชิปจีนในการแข่งขันในตลาดโลก แม้การสอบสวนจะเน้นไปที่ชิ้นส่วนพื้นฐาน แต่ผลกระทบอาจลามไปถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ในปี 2026 เพราะหากจีนเรียกเก็บภาษีจริง โรงงานอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศหรือประเทศที่สาม ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนและโครงสร้างของบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนเปิดการสอบสวนการทุ่มตลาดต่อชิปแอนะล็อกจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2025 ➡️ ครอบคลุมชิป interface และ gate-driver ICs ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 40nm หรือใหญ่กว่า ➡️ ชิ้นส่วนที่ถูกสอบสวน ได้แก่ RS-485, CAN transceivers, digital isolators, I²C expanders ➡️ ปริมาณนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 37% และราคาลดลง 52% ในช่วงปี 2022–2024 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ผู้ผลิตในจีนสูญเสียส่วนแบ่งตลาดและกำไรจากการแข่งราคากับสหรัฐฯ ➡️ กลุ่มอุตสาหกรรมจากเจียงซูร้องขอให้เรียกเก็บภาษีตอบโต้ ➡️ การสอบสวนครอบคลุมธุรกรรมในปี 2024 และย้อนดูผลกระทบย้อนหลัง 3 ปี ➡️ หากมีการเรียกเก็บภาษีจริง อาจต้องเปลี่ยนแหล่งชิ้นส่วนในสายการผลิต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Texas Instruments เคยลดราคาชิปในปี 2023 เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในจีน ➡️ ตลาดชิปแอนะล็อกหลัง COVID-19 มีภาวะ oversupply ทำให้ราคาตกทั่วโลก ➡️ การสอบสวนนี้ต่างจากสงครามชิป AI ที่เน้นเทคโนโลยีล้ำหน้า — นี่คือชิ้นส่วนพื้นฐาน ➡️ การเปลี่ยนแหล่งชิ้นส่วนอาจกระทบ BOM และดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ในปี 2026 https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-launches-anti-dumping-probe-into-us-analog-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    China launches anti-dumping probe into U.S. analog chips used in PCs and routers
    Investigation appears to target 40nm interface and gate-driver ICs as import volumes rise and prices fall ahead of new U.S.–China trade talks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธศาสตร์โลก (Global Strategy) เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการดำเนินการในระดับโลกเพื่อตอบสนองความท้าทายและโอกาสในบริบทระหว่างประเทศ ซึ่งอาจครอบคลุมหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี

    ### **ประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์โลกปัจจุบัน**
    1. **การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ**
    - **สหรัฐอเมริกา vs จีน**: การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี (เช่น สงครามชิป) และอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **บทบาทของรัสเซีย**: สงครามยูเครนและผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานและอาหารโลก
    - **EU และกลุ่มประเทศอื่นๆ**: แสวงหาความเป็นเอกภาพหรือความเป็นกลางในความขัดแย้ง

    2. **เศรษฐกิจและการค้าโลก**
    - **ห่วงโซ่อุปทานใหม่**: การลดการพึ่งพาจีน (Friend-shoring, Reshoring)
    - **การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI**
    - **ความตกลงการค้าใหม่**: เช่น CPTPP, RCEP

    3. **ความมั่นคงและความขัดแย้ง**
    - **สงครามในตะวันออกกลาง** (อิสราเอล-ปาเลสไตน์, ความตึงเครียดกับอิหร่าน)
    - **ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และไต้หวัน**
    - **การขยายตัวของ NATO และความสัมพันธ์กับรัสเซีย**

    4. **สิ่งแวดล้อมและพลังงาน**
    - **การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด** (Net Zero, Renewable Energy)
    - **ผลกระทบจาก Climate Change** และนโยบายลดคาร์บอน
    - **ความมั่นคงด้านพลังงาน** (การพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางและรัสเซีย)

    5. **เทคโนโลยีและไซเบอร์**
    - **การแข่งขันด้าน AI, ควอนตัมคอมพิวติ้ง, อวกาศ**
    - **สงครามไซเบอร์และความปลอดภัยข้อมูล**
    - **กฎระเบียบเทคโนโลยีระหว่างประเทศ** (เช่น GDPR, การควบคุม AI)

    6. **การทูตและองค์กรระหว่างประเทศ**
    - **บทบาทของ UN, WTO, IMF** ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและเศรษฐกิจ
    - **กลุ่มประเทศ BRICS+** ที่ขยายตัวเพื่อท้าทายระบบโลกเดิม
    - **Soft Power และการทูตวัฒนธรรม**

    ### **ยุทธศาสตร์ของประเทศต่างๆ**
    - **สหรัฐอเมริกา**: มุ่งรักษา hegemony ผ่านการเสริมกำลัง NATO, สนับสนุนไต้หวัน, และลงทุนในเทคโนโลยี
    - **จีน**: Belt and Road Initiative (BRI), การขยายอิทธิพลใน Global South
    - **ยุโรป**: ลดการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย, ส่งเสริม Green Deal
    - **รัสเซีย**: หาพันธมิตรใหม่ (จีน, อิหร่าน) หลังถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตก
    - **กลุ่ม Global South (อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้)**: แสวงหาความเป็นกลางหรือประโยชน์จากหลายฝ่าย

    ### **แนวโน้มในอนาคต**
    - **โลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World)** แทนระบบที่นำโดยสหรัฐเพียงอย่างเดียว
    - **ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเทคโนโลยี**
    - **ความเสี่ยงจากความขัดแย้งใหม่ๆ** (เช่น AI Warfare, การแย่งชิงทรัพยากร)

    ยุทธศาสตร์โลกในยุคนี้จึงต้องคำนึงถึง **ความร่วมมือระหว่างประเทศ** แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ **การแข่งขันและการเผชิญหน้า** ในหลายด้านด้วย
    ยุทธศาสตร์โลก (Global Strategy) เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการดำเนินการในระดับโลกเพื่อตอบสนองความท้าทายและโอกาสในบริบทระหว่างประเทศ ซึ่งอาจครอบคลุมหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ### **ประเด็นสำคัญในยุทธศาสตร์โลกปัจจุบัน** 1. **การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ** - **สหรัฐอเมริกา vs จีน**: การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี (เช่น สงครามชิป) และอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ - **บทบาทของรัสเซีย**: สงครามยูเครนและผลกระทบต่อความมั่นคงพลังงานและอาหารโลก - **EU และกลุ่มประเทศอื่นๆ**: แสวงหาความเป็นเอกภาพหรือความเป็นกลางในความขัดแย้ง 2. **เศรษฐกิจและการค้าโลก** - **ห่วงโซ่อุปทานใหม่**: การลดการพึ่งพาจีน (Friend-shoring, Reshoring) - **การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI** - **ความตกลงการค้าใหม่**: เช่น CPTPP, RCEP 3. **ความมั่นคงและความขัดแย้ง** - **สงครามในตะวันออกกลาง** (อิสราเอล-ปาเลสไตน์, ความตึงเครียดกับอิหร่าน) - **ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และไต้หวัน** - **การขยายตัวของ NATO และความสัมพันธ์กับรัสเซีย** 4. **สิ่งแวดล้อมและพลังงาน** - **การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด** (Net Zero, Renewable Energy) - **ผลกระทบจาก Climate Change** และนโยบายลดคาร์บอน - **ความมั่นคงด้านพลังงาน** (การพึ่งพาน้ำมันและก๊าซจากตะวันออกกลางและรัสเซีย) 5. **เทคโนโลยีและไซเบอร์** - **การแข่งขันด้าน AI, ควอนตัมคอมพิวติ้ง, อวกาศ** - **สงครามไซเบอร์และความปลอดภัยข้อมูล** - **กฎระเบียบเทคโนโลยีระหว่างประเทศ** (เช่น GDPR, การควบคุม AI) 6. **การทูตและองค์กรระหว่างประเทศ** - **บทบาทของ UN, WTO, IMF** ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและเศรษฐกิจ - **กลุ่มประเทศ BRICS+** ที่ขยายตัวเพื่อท้าทายระบบโลกเดิม - **Soft Power และการทูตวัฒนธรรม** ### **ยุทธศาสตร์ของประเทศต่างๆ** - **สหรัฐอเมริกา**: มุ่งรักษา hegemony ผ่านการเสริมกำลัง NATO, สนับสนุนไต้หวัน, และลงทุนในเทคโนโลยี - **จีน**: Belt and Road Initiative (BRI), การขยายอิทธิพลใน Global South - **ยุโรป**: ลดการพึ่งพาพลังงานรัสเซีย, ส่งเสริม Green Deal - **รัสเซีย**: หาพันธมิตรใหม่ (จีน, อิหร่าน) หลังถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตก - **กลุ่ม Global South (อินเดีย, บราซิล, แอฟริกาใต้)**: แสวงหาความเป็นกลางหรือประโยชน์จากหลายฝ่าย ### **แนวโน้มในอนาคต** - **โลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World)** แทนระบบที่นำโดยสหรัฐเพียงอย่างเดียว - **ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเทคโนโลยี** - **ความเสี่ยงจากความขัดแย้งใหม่ๆ** (เช่น AI Warfare, การแย่งชิงทรัพยากร) ยุทธศาสตร์โลกในยุคนี้จึงต้องคำนึงถึง **ความร่วมมือระหว่างประเทศ** แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ **การแข่งขันและการเผชิญหน้า** ในหลายด้านด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 942 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA
    .
    ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว
    .
    ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B
    @thedongfangbubai

    สงครามชิป AI ร้อนระอุ จีนดัน Huawei ผลิตชิปสู้ NVIDIA . ผลกระทบของ "สงครามการค้า" ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ รัฐบาลจีนพยายามผลักดันให้บริษัทไอที และโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง "หัวเว่ย" หันมาเร่งพัฒนา และดำเนินการผลิตชิป AI ขึ้นมาทดแทนชิปจากบริษัทอเมริกันบ้างแล้ว . ล่าสุดมีข่าวว่า "หัวเว่ย" กำลังเปิดทดสอบชิป AI รุ่น Ascend 910B เพื่อมาแข่งขันกับชิป AI รุ่น H100 ของ NVIDIA โดย "หัวเว่ย" ทยอยนำชิป 910B นี้ไปให้บริษัทไอทีจีนต่าง ๆ ทดลองใช้งานแล้ว . #บูรพาไม่แพ้ #NVIDIA #Huawei #หัวเว่ย #สงครามการค้า #ชิปAI #AI #ArtificialIntelligence #ปัญญาประดิษฐ์ #Ascend910B

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 790 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีน มีศักยภาพที่จะตามทัน Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ในด้านมูลค่าตลาด โดยนาย Wong Kok Hoi ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ APS Asset Management เชื่อว่า SMIC จะสามารถลดช่องว่างระหว่างสองบริษัทนี้ได้ในอนาคต

    นาย Wong Kok Hoi เชื่อว่า SMIC มีข้อได้เปรียบจากทรัพยากรมนุษย์และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานในขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกค้าจากตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศจีนที่ใหญ่โตยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SMIC สามารถทำกำไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา

    นาย Wong ยังกล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาอุปกรณ์ EUV lithography ซึ่งหากบริษัทจีนสามารถพัฒนาได้สำเร็จ จะทำให้สงครามชิปสิ้นสุดลง และบริษัทสหรัฐอเมริกาจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากบริษัทจีนจะไม่ต้องการซื้ออุปกรณ์หรือชิปจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ 841 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, NVIDIA และ AMD. ในขณะที่ SMIC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาชิปที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า 7 นาโนเมตร เนื่องจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา

    https://wccf.tech/1fsi0
    บริษัท Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีน มีศักยภาพที่จะตามทัน Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ในด้านมูลค่าตลาด โดยนาย Wong Kok Hoi ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ APS Asset Management เชื่อว่า SMIC จะสามารถลดช่องว่างระหว่างสองบริษัทนี้ได้ในอนาคต นาย Wong Kok Hoi เชื่อว่า SMIC มีข้อได้เปรียบจากทรัพยากรมนุษย์และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานในขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกค้าจากตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศจีนที่ใหญ่โตยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SMIC สามารถทำกำไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา นาย Wong ยังกล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาอุปกรณ์ EUV lithography ซึ่งหากบริษัทจีนสามารถพัฒนาได้สำเร็จ จะทำให้สงครามชิปสิ้นสุดลง และบริษัทสหรัฐอเมริกาจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากบริษัทจีนจะไม่ต้องการซื้ออุปกรณ์หรือชิปจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ 841 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, NVIDIA และ AMD. ในขณะที่ SMIC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาชิปที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า 7 นาโนเมตร เนื่องจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา https://wccf.tech/1fsi0
    WCCF.TECH
    SMIC Will Catch Up With TSMC's 'Trillion Dollar' Market Cap, Says Hedge Fund Boss
    China's SMIC will catch up to TSMC in market value with key breakthrough being EUV equipment, believes a hedge fund boss.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังพลิกเกมส์สงครามชิป ในอนาคตเราอาจจะเห็น nvidia ปรับตัวไม่ทันก็ได้
    ควอนตัมชิปเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจมากในปัจจุบันครับ

    ควอนตัมคอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) คืออะไร? ให้ผมมาสายใจคร่าวๆ ให้คุณเข้าใจกันดีก่อนครับ:

    ควอนตัมคอมพิวเตอร์คืออะไร?
    ควอนตัมคอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ปรากฏการณ์เชิงควอนตัมในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งทำให้มีความสามารถในการประมวลผลที่เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมหาศาล
    ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้คุณสมบัติของอะตอม (atom) ในการประมวลผล ซึ่งทำให้มีความเร็วในการคำนวณที่น่าทึ่ง
    การพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์
    บริษัทใหญ่หลายราย รวมถึง Google, Microsoft, และ IBM ได้ลงทุนในการพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์
    ควอนตัมคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรมที่ค่อนข้างปิดเงียบในโลกของเทคโนโลยี
    เมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว มันจะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมหาศาล และเราอาจจะไม่สามารถจินตนาการถึงขีดจำกัดของประสิทธิภาพของมันได้ครับ!
    จีนกำลังพลิกเกมส์สงครามชิป ในอนาคตเราอาจจะเห็น nvidia ปรับตัวไม่ทันก็ได้ ควอนตัมชิปเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจมากในปัจจุบันครับ 🌟 ควอนตัมคอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) คืออะไร? ให้ผมมาสายใจคร่าวๆ ให้คุณเข้าใจกันดีก่อนครับ: ควอนตัมคอมพิวเตอร์คืออะไร? ควอนตัมคอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ปรากฏการณ์เชิงควอนตัมในการประมวลผลข้อมูล ซึ่งทำให้มีความสามารถในการประมวลผลที่เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมหาศาล ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้คุณสมบัติของอะตอม (atom) ในการประมวลผล ซึ่งทำให้มีความเร็วในการคำนวณที่น่าทึ่ง การพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ บริษัทใหญ่หลายราย รวมถึง Google, Microsoft, และ IBM ได้ลงทุนในการพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรมที่ค่อนข้างปิดเงียบในโลกของเทคโนโลยี เมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว มันจะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมหาศาล และเราอาจจะไม่สามารถจินตนาการถึงขีดจำกัดของประสิทธิภาพของมันได้ครับ! 😊
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 รีวิว