• Perplexity บริษัท AI เสนอแผนเข้าซื้อ TikTok ในสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยจะสร้างอัลกอริทึมใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ Community Notes และเปิดระบบแนะนำเนื้อหาให้เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึงยกระดับโครงสร้าง AI ด้วยเทคโนโลยี NVIDIA เพื่อทำให้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่น่าไว้วางใจที่สุด แม้ความท้าทายด้านเงินทุนและการแข่งขันในตลาดยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่แนวคิดนี้อาจเปลี่ยนโฉมการใช้งาน TikTok ในอนาคต

    การปรับเปลี่ยนและฟีเจอร์ใหม่:
    - การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รวมถึงการนำระบบ Community Notes ซึ่งช่วยเพิ่มบริบทและข้อเท็จจริงใต้โพสต์ โดยแนวคิดนี้ได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X (เดิมคือ Twitter) และกำลังจะถูกนำมาใช้ใน Facebook และ Instagram.
    - การเปิดอัลกอริทึม "For You" ให้เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่ง Perplexity ระบุว่าจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม.

    การพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่:
    - Perplexity เสนอการปรับโครงสร้าง AI Infrastructure ของ TikTok ด้วยเทคโนโลยี NVIDIA Dynamo เพื่อยกระดับการค้นหาและความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานที่เชื่อมบัญชีกับ Perplexity.

    การลดความเสี่ยงจากการควบคุมตลาด:
    - Perplexity ชี้ให้เห็นถึงความกังวลว่าหาก TikTok ถูกซื้อโดยกลุ่มนักลงทุนหรือคู่แข่งรายอื่น อาจทำให้ ByteDance ยังคงมีอิทธิพลต่ออัลกอริทึม หรือเกิดการผูกขาดในตลาดวิดีโอแบบสั้น.

    สถานการณ์ปัจจุบันและการเมือง:
    - TikTok มีเส้นตายถึงวันที่ 5 เมษายน 2025 ในการหาผู้ซื้อในสหรัฐฯ ตามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแบน.

    https://www.techspot.com/news/107261-perplexity-wants-buy-tiktok-vows-rebuild-algorithm-add.html
    Perplexity บริษัท AI เสนอแผนเข้าซื้อ TikTok ในสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยจะสร้างอัลกอริทึมใหม่ เพิ่มฟีเจอร์ Community Notes และเปิดระบบแนะนำเนื้อหาให้เป็นโอเพ่นซอร์ส รวมถึงยกระดับโครงสร้าง AI ด้วยเทคโนโลยี NVIDIA เพื่อทำให้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่น่าไว้วางใจที่สุด แม้ความท้าทายด้านเงินทุนและการแข่งขันในตลาดยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่แนวคิดนี้อาจเปลี่ยนโฉมการใช้งาน TikTok ในอนาคต การปรับเปลี่ยนและฟีเจอร์ใหม่: - การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รวมถึงการนำระบบ Community Notes ซึ่งช่วยเพิ่มบริบทและข้อเท็จจริงใต้โพสต์ โดยแนวคิดนี้ได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X (เดิมคือ Twitter) และกำลังจะถูกนำมาใช้ใน Facebook และ Instagram. - การเปิดอัลกอริทึม "For You" ให้เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่ง Perplexity ระบุว่าจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม. การพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่: - Perplexity เสนอการปรับโครงสร้าง AI Infrastructure ของ TikTok ด้วยเทคโนโลยี NVIDIA Dynamo เพื่อยกระดับการค้นหาและความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานที่เชื่อมบัญชีกับ Perplexity. การลดความเสี่ยงจากการควบคุมตลาด: - Perplexity ชี้ให้เห็นถึงความกังวลว่าหาก TikTok ถูกซื้อโดยกลุ่มนักลงทุนหรือคู่แข่งรายอื่น อาจทำให้ ByteDance ยังคงมีอิทธิพลต่ออัลกอริทึม หรือเกิดการผูกขาดในตลาดวิดีโอแบบสั้น. สถานการณ์ปัจจุบันและการเมือง: - TikTok มีเส้นตายถึงวันที่ 5 เมษายน 2025 ในการหาผู้ซื้อในสหรัฐฯ ตามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแบน. https://www.techspot.com/news/107261-perplexity-wants-buy-tiktok-vows-rebuild-algorithm-add.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Perplexity still wants to buy TikTok, vows to rebuild algorithm and add community notes
    Perplexity first proposed a merger with TikTok's US operations in January. The plan would see the US government hold 50% ownership of the company but have no...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณกำลังมองหาการ์ดจอเกมมิ่งในตลาดตอนนี้ AMD RX 9070 XT อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาที่ถูกกว่าถึง 17% และประสิทธิภาพที่ใกล้เคียง RTX 5070 Ti ในหลายเกม แม้ว่า NVIDIA จะยังได้เปรียบในด้าน Ray Tracing และการรองรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ AMD ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่น่าประทับใจอย่างมากใน FSR 4 และประสิทธิภาพรวมที่สูง

    เกมที่โดดเด่นทั้งสองค่าย:
    - ในบางเกม เช่น Rocket League RX 9070 XT เร็วกว่า RTX 5070 Ti ถึง 41% ในขณะที่เกมอย่าง GTA V Enhanced RTX 5070 Ti นำ RX 9070 XT ถึง 29% แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละซอฟต์แวร์.

    การพัฒนาเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Upscaling):
    - AMD FSR 4 ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า โดยให้ผลใกล้เคียงกับ DLSS 4 ของ NVIDIA แม้ AMD จะยังมีข้อจำกัดด้านการรองรับเกมบางเกม.

    การใช้งาน Ray Tracing:
    - NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในด้าน Ray Tracing แต่ RX 9070 XT สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจเมื่อเปิดใช้งาน FSR เพื่อช่วยเสริมการประมวลผล.

    ราคากับประสิทธิภาพ:
    - RX 9070 XT มีราคาถูกกว่า 5070 Ti และให้ค่าคุ้มค่าประมาณ 15% หากราคาของทั้งสองใกล้เคียงกัน NVIDIA อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในบางแง่ เช่น การรองรับ Ray Tracing และการประมวลผลเร็วกว่าในหลายเกม.

    https://www.techspot.com/review/2970-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070-ti/
    ถ้าคุณกำลังมองหาการ์ดจอเกมมิ่งในตลาดตอนนี้ AMD RX 9070 XT อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาที่ถูกกว่าถึง 17% และประสิทธิภาพที่ใกล้เคียง RTX 5070 Ti ในหลายเกม แม้ว่า NVIDIA จะยังได้เปรียบในด้าน Ray Tracing และการรองรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ AMD ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่น่าประทับใจอย่างมากใน FSR 4 และประสิทธิภาพรวมที่สูง เกมที่โดดเด่นทั้งสองค่าย: - ในบางเกม เช่น Rocket League RX 9070 XT เร็วกว่า RTX 5070 Ti ถึง 41% ในขณะที่เกมอย่าง GTA V Enhanced RTX 5070 Ti นำ RX 9070 XT ถึง 29% แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละซอฟต์แวร์. การพัฒนาเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Upscaling): - AMD FSR 4 ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า โดยให้ผลใกล้เคียงกับ DLSS 4 ของ NVIDIA แม้ AMD จะยังมีข้อจำกัดด้านการรองรับเกมบางเกม. การใช้งาน Ray Tracing: - NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในด้าน Ray Tracing แต่ RX 9070 XT สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจเมื่อเปิดใช้งาน FSR เพื่อช่วยเสริมการประมวลผล. ราคากับประสิทธิภาพ: - RX 9070 XT มีราคาถูกกว่า 5070 Ti และให้ค่าคุ้มค่าประมาณ 15% หากราคาของทั้งสองใกล้เคียงกัน NVIDIA อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในบางแง่ เช่น การรองรับ Ray Tracing และการประมวลผลเร็วกว่าในหลายเกม. https://www.techspot.com/review/2970-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070-ti/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070 Ti
    AMD's RX 9070 XT is off to a blazing start, already outselling Nvidia's GeForce 50 series. With the RTX 5070 Ti now in the spotlight, we're diving...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ant Group ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการฝึก AI ด้วยการใช้ชิปจากจีน เช่น ชิปของ Alibaba และ Huawei นี่เป็นการปรับตัวท่ามกลางข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการใช้ชิป NVIDIA ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศที่ก้าวไกล อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าชิปเหล่านี้จะสามารถแข่งขันในระยะยาวได้ดีเพียงใด

    การตอบสนองต่อข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี:
    - การเปลี่ยนมาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีนเกิดขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการเข้าถึง GPU ระดับสูงของ NVIDIA ส่งผลให้บริษัทจีนต้องหาทางเลือกที่เหมาะสม และนี่ถือเป็นความพยายามสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก.

    ความหลากหลายในฮาร์ดแวร์:
    - นอกจากใช้ชิปของ Alibaba และ Huawei แล้ว Ant Group ยังพึ่งพาชิปจาก AMD และผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพื่อสร้างโมเดล AI ใหม่ โดยยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ NVIDIA ในบางกระบวนการ.

    ศักยภาพของเทคโนโลยีจีน:
    - ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันด้าน AI ของจีน และสอดคล้องกับความสำเร็จล่าสุดของ DeepSeek AI ที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่า GPT-4 ของ OpenAI ในบางเกณฑ์.

    ความท้าทายระยะยาว:
    - แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังมีคำถามว่าชิปจากจีนและผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น AMD จะสามารถแข่งขันและรองรับการทำงานในระยะยาวได้เทียบเท่ากับ NVIDIA หรือไม่.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-fintech-company-uses-domestic-semiconductors-for-ai-breakthrough
    Ant Group ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการฝึก AI ด้วยการใช้ชิปจากจีน เช่น ชิปของ Alibaba และ Huawei นี่เป็นการปรับตัวท่ามกลางข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการใช้ชิป NVIDIA ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศที่ก้าวไกล อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าชิปเหล่านี้จะสามารถแข่งขันในระยะยาวได้ดีเพียงใด การตอบสนองต่อข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี: - การเปลี่ยนมาใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีนเกิดขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ในการเข้าถึง GPU ระดับสูงของ NVIDIA ส่งผลให้บริษัทจีนต้องหาทางเลือกที่เหมาะสม และนี่ถือเป็นความพยายามสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก. ความหลากหลายในฮาร์ดแวร์: - นอกจากใช้ชิปของ Alibaba และ Huawei แล้ว Ant Group ยังพึ่งพาชิปจาก AMD และผู้ผลิตรายอื่น ๆ เพื่อสร้างโมเดล AI ใหม่ โดยยังคงใช้ฮาร์ดแวร์ NVIDIA ในบางกระบวนการ. ศักยภาพของเทคโนโลยีจีน: - ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันด้าน AI ของจีน และสอดคล้องกับความสำเร็จล่าสุดของ DeepSeek AI ที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่า GPT-4 ของ OpenAI ในบางเกณฑ์. ความท้าทายระยะยาว: - แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ยังมีคำถามว่าชิปจากจีนและผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น AMD จะสามารถแข่งขันและรองรับการทำงานในระยะยาวได้เทียบเท่ากับ NVIDIA หรือไม่. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-fintech-company-uses-domestic-semiconductors-for-ai-breakthrough
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ant Group reportedly reduces AI costs 20% with Chinese chips
    The company still uses Nvidia but now relies mainly on Chinese chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้งานการ์ดจอ RTX 40 Series พบปัญหาความไม่เสถียรจากไดรเวอร์ 572.xx ที่ออกแบบมาเพื่อ RTX 50 Series ปัญหานี้ทำให้ผู้เล่นเกมยอดนิยมต้องพบอาการค้างและระบบล่มเป็นประจำ แม้จะมีการแก้ไขในบางจุด ผู้ใช้ยังต้องหาวิธีปรับการตั้งค่าเองเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ความเงียบจาก NVIDIA ทำให้ชุมชนตั้งคำถามถึงการจัดการปัญหาอย่างจริงจัง

    ความเสียหายจากฟีเจอร์เฉพาะ:
    - ผู้ใช้งานพบว่าปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ DLSS Frame Generation คู่กับ G-Sync ซึ่งทำให้การประมวลผลกราฟิกผิดปกติ บางคนใช้ DLSS รุ่นเก่าเพื่อลดปัญหา แต่ต้องแลกกับคุณภาพกราฟิกที่ต่ำลง.

    ผลกระทบในเกมยอดนิยม:
    - เกมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ได้แก่ Cyberpunk 2077, Alan Wake 2, และ God of War Ragnarok ซึ่งผู้เล่นพบอาการสะดุด การค้าง และการล่มของเกม.

    วิธีแก้ไขที่ชุมชนค้นพบ:
    - ผู้ใช้บางส่วนเลือกดาวน์เกรดไดรเวอร์เป็นเวอร์ชัน 566.xx เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ก็ต้องสละฟีเจอร์ใหม่ที่มากับไดรเวอร์รุ่นล่าสุด.
    - มีคำแนะนำให้ปิดการใช้งาน Frame Generation หรือ G-Sync รวมถึงลดรีเฟรชเรต เพื่อบรรเทาปัญหา.

    ข้อวิจารณ์ต่อ NVIDIA:
    - ชุมชนผู้ใช้งานรู้สึกไม่พอใจเนื่องจาก NVIDIA ไม่ได้ระบุปัญหาเหล่านี้ในส่วน "Known Issues" ของไดรเวอร์ใหม่ ทำให้การสนับสนุนดูขาดการใส่ใจ.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-40-gpu-owners-suffering-from-bsods-and-crashes-complain-about-nvidias-rtx-50-fixing-focus
    ผู้ใช้งานการ์ดจอ RTX 40 Series พบปัญหาความไม่เสถียรจากไดรเวอร์ 572.xx ที่ออกแบบมาเพื่อ RTX 50 Series ปัญหานี้ทำให้ผู้เล่นเกมยอดนิยมต้องพบอาการค้างและระบบล่มเป็นประจำ แม้จะมีการแก้ไขในบางจุด ผู้ใช้ยังต้องหาวิธีปรับการตั้งค่าเองเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ความเงียบจาก NVIDIA ทำให้ชุมชนตั้งคำถามถึงการจัดการปัญหาอย่างจริงจัง ความเสียหายจากฟีเจอร์เฉพาะ: - ผู้ใช้งานพบว่าปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ DLSS Frame Generation คู่กับ G-Sync ซึ่งทำให้การประมวลผลกราฟิกผิดปกติ บางคนใช้ DLSS รุ่นเก่าเพื่อลดปัญหา แต่ต้องแลกกับคุณภาพกราฟิกที่ต่ำลง. ผลกระทบในเกมยอดนิยม: - เกมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ได้แก่ Cyberpunk 2077, Alan Wake 2, และ God of War Ragnarok ซึ่งผู้เล่นพบอาการสะดุด การค้าง และการล่มของเกม. วิธีแก้ไขที่ชุมชนค้นพบ: - ผู้ใช้บางส่วนเลือกดาวน์เกรดไดรเวอร์เป็นเวอร์ชัน 566.xx เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ก็ต้องสละฟีเจอร์ใหม่ที่มากับไดรเวอร์รุ่นล่าสุด. - มีคำแนะนำให้ปิดการใช้งาน Frame Generation หรือ G-Sync รวมถึงลดรีเฟรชเรต เพื่อบรรเทาปัญหา. ข้อวิจารณ์ต่อ NVIDIA: - ชุมชนผู้ใช้งานรู้สึกไม่พอใจเนื่องจาก NVIDIA ไม่ได้ระบุปัญหาเหล่านี้ในส่วน "Known Issues" ของไดรเวอร์ใหม่ ทำให้การสนับสนุนดูขาดการใส่ใจ. https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-40-gpu-owners-suffering-from-bsods-and-crashes-complain-about-nvidias-rtx-50-fixing-focus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว DirectX Raytracing (DXR) 1.2 และ Neural Rendering ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ GPU จาก AMD, Intel, และ NVIDIA สูงสุด 10 เท่า เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้ภาพในเกมและหนัง 3D ดูสมจริงขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์และทำให้เล่นเกมไหลลื่นกว่าเดิม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับวงการกราฟิกที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่เร็วขึ้นและคุ้มค่า

    เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมวงการ:
    - Microsoft ได้นำเสนอ Opacity Micromaps (OMM) ซึ่งช่วยลดการคำนวณในงานกราฟิกที่เกี่ยวกับพื้นผิวแบบโปร่งใส โดยการเก็บข้อมูลการโปร่งใสล่วงหน้า.
    - อีกนวัตกรรมคือ Neural Rendering ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเร่งการสร้างภาพให้เร็วขึ้นและลดการใช้ทรัพยากร GPU.

    ประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน:
    - เทคโนโลยีใหม่ช่วยปรับปรุงเฟรมเรตในเกมแบบเรียลไทม์ และลดปัญหาการสะดุด (stuttering) ในกราฟิกที่ซับซ้อน.
    - นักพัฒนาสามารถสร้างภาพในเกมที่ดูสมจริงขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีราคาแพงเกินไป.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับนักพัฒนาเกมและสตูดิโอภาพยนตร์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความคมชัดของภาพ.
    - NVIDIA และ AMD เตรียมปรับปรุงไดรเวอร์ให้เข้ากับ DXR 1.2 เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้เต็มที่

    https://www.techpowerup.com/334455/microsoft-directx-raytracing-1-2-and-neural-rendering-brings-up-to-10x-speedup-for-amd-intel-and-nvidia-gpus
    Microsoft เปิดตัว DirectX Raytracing (DXR) 1.2 และ Neural Rendering ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ GPU จาก AMD, Intel, และ NVIDIA สูงสุด 10 เท่า เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้ภาพในเกมและหนัง 3D ดูสมจริงขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรฮาร์ดแวร์และทำให้เล่นเกมไหลลื่นกว่าเดิม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับวงการกราฟิกที่กำลังมองหาเทคโนโลยีที่เร็วขึ้นและคุ้มค่า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนโฉมวงการ: - Microsoft ได้นำเสนอ Opacity Micromaps (OMM) ซึ่งช่วยลดการคำนวณในงานกราฟิกที่เกี่ยวกับพื้นผิวแบบโปร่งใส โดยการเก็บข้อมูลการโปร่งใสล่วงหน้า. - อีกนวัตกรรมคือ Neural Rendering ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเร่งการสร้างภาพให้เร็วขึ้นและลดการใช้ทรัพยากร GPU. ประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน: - เทคโนโลยีใหม่ช่วยปรับปรุงเฟรมเรตในเกมแบบเรียลไทม์ และลดปัญหาการสะดุด (stuttering) ในกราฟิกที่ซับซ้อน. - นักพัฒนาสามารถสร้างภาพในเกมที่ดูสมจริงขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีราคาแพงเกินไป. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับนักพัฒนาเกมและสตูดิโอภาพยนตร์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความคมชัดของภาพ. - NVIDIA และ AMD เตรียมปรับปรุงไดรเวอร์ให้เข้ากับ DXR 1.2 เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้เต็มที่ https://www.techpowerup.com/334455/microsoft-directx-raytracing-1-2-and-neural-rendering-brings-up-to-10x-speedup-for-amd-intel-and-nvidia-gpus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Microsoft DirectX Raytracing 1.2 and Neural Rendering Brings up to 10x Speedup for AMD, Intel, and NVIDIA GPUs
    Microsoft's DirectX Raytracing (DXR) 1.2 announcement at GDC 2025 introduces two technical innovations that address fundamental ray tracing performance bottlenecks. Opacity micromaps (OMM) reduce the computational overhead in alpha-tested geometry by storing pre-computed opacity data, eliminating re...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เรียกร้องมาเลเซียให้แก้ปัญหาช่องโหว่การส่งต่อชิป AI ระดับสูงของ NVIDIA ไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย มาเลเซียได้เริ่มจัดการเรื่องนี้แล้ว ด้วยการตั้งทีมตรวจสอบเพื่อควบคุมการส่งออก โดยชิป AI ของ NVIDIA มีความสำคัญมากในตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง การขยับตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการคงความได้เปรียบของตนในด้าน AI ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน

    มาตรการของมาเลเซีย:
    - มาเลเซียได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการส่งออกชิปของ NVIDIA โดยเน้นให้เซิร์ฟเวอร์ไปถึงศูนย์ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเส้นทางไปยังจีน.

    ปัญหาการค้าผ่านช่องทางลับ:
    - การส่งต่อชิป NVIDIA ไปยังจีนเกิดขึ้นแม้จะมีข้อจำกัดการส่งออก โดยในกรณีหนึ่ง พบชาวสิงคโปร์ 3 คนขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ NVIDIA มูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ให้กับจีน.

    ผลกระทบและความสำคัญของชิป AI:
    - ชิป AI ของ NVIDIA เช่น Blackwell GPU มีความสำคัญอย่างมากสำหรับศูนย์ข้อมูล AI และมีความต้องการสูงทั่วโลก การขาดตลาดอาจทำให้รายได้ของ NVIDIA ลดลงหากช่องโหว่ถูกแก้ไข.

    ความท้าทายสำหรับมาเลเซีย:
    - แม้มาเลเซียจะได้รับการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าผิดกฎหมาย แต่รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียปฏิเสธว่ามีหลักฐานเพียงพอ และประเทศเองก็มีความต้องการใช้ชิป AI สูงเนื่องจากได้รับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ถึง 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ.

    https://wccftech.com/the-us-has-reportedly-demanded-malaysia-to-patch-trade-loopholes/
    สหรัฐฯ เรียกร้องมาเลเซียให้แก้ปัญหาช่องโหว่การส่งต่อชิป AI ระดับสูงของ NVIDIA ไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย มาเลเซียได้เริ่มจัดการเรื่องนี้แล้ว ด้วยการตั้งทีมตรวจสอบเพื่อควบคุมการส่งออก โดยชิป AI ของ NVIDIA มีความสำคัญมากในตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง การขยับตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการคงความได้เปรียบของตนในด้าน AI ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน มาตรการของมาเลเซีย: - มาเลเซียได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการส่งออกชิปของ NVIDIA โดยเน้นให้เซิร์ฟเวอร์ไปถึงศูนย์ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเส้นทางไปยังจีน. ปัญหาการค้าผ่านช่องทางลับ: - การส่งต่อชิป NVIDIA ไปยังจีนเกิดขึ้นแม้จะมีข้อจำกัดการส่งออก โดยในกรณีหนึ่ง พบชาวสิงคโปร์ 3 คนขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ NVIDIA มูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ให้กับจีน. ผลกระทบและความสำคัญของชิป AI: - ชิป AI ของ NVIDIA เช่น Blackwell GPU มีความสำคัญอย่างมากสำหรับศูนย์ข้อมูล AI และมีความต้องการสูงทั่วโลก การขาดตลาดอาจทำให้รายได้ของ NVIDIA ลดลงหากช่องโหว่ถูกแก้ไข. ความท้าทายสำหรับมาเลเซีย: - แม้มาเลเซียจะได้รับการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าผิดกฎหมาย แต่รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียปฏิเสธว่ามีหลักฐานเพียงพอ และประเทศเองก็มีความต้องการใช้ชิป AI สูงเนื่องจากได้รับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ถึง 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ. https://wccftech.com/the-us-has-reportedly-demanded-malaysia-to-patch-trade-loopholes/
    WCCFTECH.COM
    The US Has Reportedly Demanded Malaysia To Patch "Trade Loopholes" That Have Transferred Billions in NVIDIA AI Chips to China
    Malaysia is now starting its crackdown on the "trade loopholes", which involved the transfer of NVIDIA's AI chips to China, by illegal means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1X Technologies จากนอร์เวย์กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ Neo Gamma ที่สามารถช่วยงานบ้านได้หลากหลาย เช่น รดน้ำต้นไม้และใช้เครื่องดูดฝุ่น พวกเขากำลังเริ่มทดลองใช้งานในบ้านจริง โดยมีการควบคุมระยะไกลเพื่อเก็บข้อมูลและพัฒนาการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึงการสื่อสารกับมนุษย์ ใครจะรู้ว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกบ้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ความสามารถของหุ่นยนต์ Neo Gamma:
    - ใช้ AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวและจับวัตถุได้ แต่ยังมีงานและฟังก์ชันหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ก่อนจะช่วยงานคนได้อย่างเต็มที่.

    การทดลองในโลกจริงครั้งแรก:
    - นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ 1X Technologies จะนำหุ่นยนต์ออกจากห้องทดลองไปใช้งานในบ้าน ซึ่งจะมีผู้ควบคุมระยะไกลเพื่อช่วยเก็บข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ในสภาพแวดล้อมจริง.

    การพัฒนา AI เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น:
    - การทดลองครั้งนี้ยังมุ่งสอนให้หุ่นยนต์เข้าใจและโต้ตอบภาษาธรรมชาติกับผู้คนในบ้านได้ดีขึ้น.

    การสนับสนุนจาก Nvidia:
    - Neo Gamma ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยี AI แบบเปิดและปรับแต่งได้จาก Nvidia ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของหุ่นยนต์.

    อนาคตของหุ่นยนต์ในบ้าน:
    - รายงานจาก Bank of America คาดการณ์ว่าในปี 2060 จะมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มากถึง 3 พันล้านตัวทั่วโลก โดย 65% จะใช้งานในบ้าน เช่น การดูแลผู้สูงอายุหรือช่วยงานบ้าน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/humanoid-robots-in-the-home-tests-are-starting-this-year
    1X Technologies จากนอร์เวย์กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ Neo Gamma ที่สามารถช่วยงานบ้านได้หลากหลาย เช่น รดน้ำต้นไม้และใช้เครื่องดูดฝุ่น พวกเขากำลังเริ่มทดลองใช้งานในบ้านจริง โดยมีการควบคุมระยะไกลเพื่อเก็บข้อมูลและพัฒนาการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึงการสื่อสารกับมนุษย์ ใครจะรู้ว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกบ้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความสามารถของหุ่นยนต์ Neo Gamma: - ใช้ AI ที่ช่วยให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัวและจับวัตถุได้ แต่ยังมีงานและฟังก์ชันหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ก่อนจะช่วยงานคนได้อย่างเต็มที่. การทดลองในโลกจริงครั้งแรก: - นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ 1X Technologies จะนำหุ่นยนต์ออกจากห้องทดลองไปใช้งานในบ้าน ซึ่งจะมีผู้ควบคุมระยะไกลเพื่อช่วยเก็บข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ในสภาพแวดล้อมจริง. การพัฒนา AI เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น: - การทดลองครั้งนี้ยังมุ่งสอนให้หุ่นยนต์เข้าใจและโต้ตอบภาษาธรรมชาติกับผู้คนในบ้านได้ดีขึ้น. การสนับสนุนจาก Nvidia: - Neo Gamma ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยี AI แบบเปิดและปรับแต่งได้จาก Nvidia ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของหุ่นยนต์. อนาคตของหุ่นยนต์ในบ้าน: - รายงานจาก Bank of America คาดการณ์ว่าในปี 2060 จะมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มากถึง 3 พันล้านตัวทั่วโลก โดย 65% จะใช้งานในบ้าน เช่น การดูแลผู้สูงอายุหรือช่วยงานบ้าน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/humanoid-robots-in-the-home-tests-are-starting-this-year
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Humanoid robots in the home? Tests are starting this year
    Norwegian startup 1X Technologies plans to test its Neo Gamma humanoid robot in real-life conditions, in several hundred homes, from 2025.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pat Gelsinger อดีตหัวหน้าของ Intel ได้ออกมายอมรับในงาน GTC 2025 ว่า Nvidia ประสบความสำเร็จในยุค AI ด้วยการยึดมั่นในสถาปัตยกรรม GPU ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานแบบขนานอย่างเต็มที่ ขณะที่ Intel เองพลาดท่าในโครงการ Larrabee ที่พยายามผสาน CPU และ GPU ในยุคที่ CPU ยังครองตลาด นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ Intel ในการกลับมาพัฒนาการ์ดที่เหมาะกับงาน AI ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/at-nvidias-gtc-event-pat-gelsinger-reiterated-that-jensen-got-lucky-with-ai-intel-missed-the-boat-with-larrabee
    Pat Gelsinger อดีตหัวหน้าของ Intel ได้ออกมายอมรับในงาน GTC 2025 ว่า Nvidia ประสบความสำเร็จในยุค AI ด้วยการยึดมั่นในสถาปัตยกรรม GPU ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานแบบขนานอย่างเต็มที่ ขณะที่ Intel เองพลาดท่าในโครงการ Larrabee ที่พยายามผสาน CPU และ GPU ในยุคที่ CPU ยังครองตลาด นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ Intel ในการกลับมาพัฒนาการ์ดที่เหมาะกับงาน AI ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/at-nvidias-gtc-event-pat-gelsinger-reiterated-that-jensen-got-lucky-with-ai-intel-missed-the-boat-with-larrabee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Micron และ SK hynix เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ชื่อ SOCAMM ที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ AI ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมประหยัดพลังงานด้วย! ด้วยความจุสูงถึง 128GB ต่อโมดูลและขนาดเล็กกะทัดรัด SOCAMM ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ หน่วยความจำนี้จะถูกใช้ในระบบ Nvidia GB300 Grace ซึ่งช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น

    เทคโนโลยีขั้นสูง:
    - SOCAMM มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของ RDIMM ปกติ และใช้ชิป LPDDR5X ที่มีความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุด 9.6 GT/s (สำหรับ Micron) และ 7.5 GT/s (สำหรับ SK hynix)
    - ช่วยลดพลังงานที่ใช้ลงถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับ RDIMM ความจุ 128GB แบบเดิม

    การออกแบบเพื่ออนาคต:
    - หน่วยความจำนี้ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลใหญ่ (AI training) และการใช้งานเชิงคาดการณ์ (AI inference)
    - ระบบที่ใช้ SOCAMM ช่วยให้การผลิตและการซ่อมบำรุงเซิร์ฟเวอร์ทำได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการบำรุงรักษา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - LPDDR5X ของ Micron และ SK hynix เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดภาระของ CPU และพลังงานที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล
    - แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า SOCAMM จะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอนาคตหรือไม่ แต่การใช้งานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบที่ใช้ Nvidia Grace และ Vera CPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/micron-and-sk-hynix-unveil-lpddr5x-socamm-up-to-128gb-for-ai-servers
    Micron และ SK hynix เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ชื่อ SOCAMM ที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ AI ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมประหยัดพลังงานด้วย! ด้วยความจุสูงถึง 128GB ต่อโมดูลและขนาดเล็กกะทัดรัด SOCAMM ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ หน่วยความจำนี้จะถูกใช้ในระบบ Nvidia GB300 Grace ซึ่งช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีขั้นสูง: - SOCAMM มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของ RDIMM ปกติ และใช้ชิป LPDDR5X ที่มีความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุด 9.6 GT/s (สำหรับ Micron) และ 7.5 GT/s (สำหรับ SK hynix) - ช่วยลดพลังงานที่ใช้ลงถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับ RDIMM ความจุ 128GB แบบเดิม การออกแบบเพื่ออนาคต: - หน่วยความจำนี้ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลใหญ่ (AI training) และการใช้งานเชิงคาดการณ์ (AI inference) - ระบบที่ใช้ SOCAMM ช่วยให้การผลิตและการซ่อมบำรุงเซิร์ฟเวอร์ทำได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการบำรุงรักษา ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - LPDDR5X ของ Micron และ SK hynix เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดภาระของ CPU และพลังงานที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล - แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า SOCAMM จะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอนาคตหรือไม่ แต่การใช้งานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบที่ใช้ Nvidia Grace และ Vera CPU https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/micron-and-sk-hynix-unveil-lpddr5x-socamm-up-to-128gb-for-ai-servers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia เพิ่งเปิดตัวแผนใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลด้วยกราฟิกการ์ด Rubin ที่จะวางขายในปี 2026 และ Rubin Ultra ในปี 2027 ทั้งสองรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลระดับเอกซะฟลอปส์ Rubin ใช้หน่วยความจำ HBM4 ความเร็วสูงและเชื่อมต่อผ่าน NVLink รุ่นใหม่ ส่วน Rubin Ultra ยกระดับไปอีกขั้น รองรับ GPU ได้ถึง 576 ตัวในระบบเดียว ใครที่กำลังวางแผนโครงสร้างศูนย์ข้อมูล อนาคตสดใสสำหรับเทคโนโลยีนี้แน่นอน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-announces-rubin-gpus-in-2026-rubin-ultra-in-2027-feynam-after
    Nvidia เพิ่งเปิดตัวแผนใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลด้วยกราฟิกการ์ด Rubin ที่จะวางขายในปี 2026 และ Rubin Ultra ในปี 2027 ทั้งสองรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลระดับเอกซะฟลอปส์ Rubin ใช้หน่วยความจำ HBM4 ความเร็วสูงและเชื่อมต่อผ่าน NVLink รุ่นใหม่ ส่วน Rubin Ultra ยกระดับไปอีกขั้น รองรับ GPU ได้ถึง 576 ตัวในระบบเดียว ใครที่กำลังวางแผนโครงสร้างศูนย์ข้อมูล อนาคตสดใสสำหรับเทคโนโลยีนี้แน่นอน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-announces-rubin-gpus-in-2026-rubin-ultra-in-2027-feynam-after
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดตัวเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ที่ใช้ silicon photonics เพื่อเชื่อมต่อ GPU หลายล้านตัวในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วสูงถึง 1.6 Tb/s ต่อพอร์ต และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโซลูชันเดิมหลายเท่า ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจาก Nvidia เพียงลำพัง แต่เป็นผลจากความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนโฉมระบบประมวลผล AI ในอนาคต

    จุดเด่นของเทคโนโลยีใหม่:
    - Spectrum-X มีพอร์ตหลากหลาย เช่น 128 พอร์ตที่ความเร็ว 800 Gb/s หรือสูงสุด 512 พอร์ตที่ 200 Gb/s.
    - Quantum-X เพิ่มประสิทธิภาพเป็นสองเท่า และสามารถเพิ่มขีดความสามารถ AI ได้ถึง 5 เท่า พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ช่วยเพิ่มความเสถียรของชิป.

    ข้อได้เปรียบที่สำคัญ:
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการสูญเสียพลังงานได้ถึง 3.5 เท่า เพิ่มความเสถียรของเครือข่าย 10 เท่า และสัญญาณมีคุณภาพสูงขึ้นถึง 63 เท่าเมื่อเทียบกับโซลูชันแบบเดิม.
    - รองรับการใช้งานที่ประหยัดพลังงานและสามารถเร่งกระบวนการตั้งค่าระบบได้เร็วขึ้น 1.3 เท่า.

    ความร่วมมือกับพันธมิตร:
    - Nvidia ใช้แพลตฟอร์ม Compact Universal Photonic Engine (COUPE) ของ TSMC ซึ่งผสานวงจรรวมทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และโฟโตนิกส์ไว้ด้วยกัน.
    - ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงบริษัทชั้นนำ เช่น Coherent, Corning, และ Foxconn เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - การใช้ silicon photonics ในระดับใหญ่ยังซับซ้อนและต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายใหม่ แต่เทคโนโลยีนี้เป็นก้าวสำคัญในอนาคตของเครือข่าย AI.

    https://www.tomshardware.com/networking/nvidias-silicon-photonics-based-1-6-tb-s-switch-platforms-enable-clusters-with-millions-of-gpus
    Nvidia ได้เปิดตัวเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ที่ใช้ silicon photonics เพื่อเชื่อมต่อ GPU หลายล้านตัวในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วสูงถึง 1.6 Tb/s ต่อพอร์ต และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโซลูชันเดิมหลายเท่า ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจาก Nvidia เพียงลำพัง แต่เป็นผลจากความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนโฉมระบบประมวลผล AI ในอนาคต จุดเด่นของเทคโนโลยีใหม่: - Spectrum-X มีพอร์ตหลากหลาย เช่น 128 พอร์ตที่ความเร็ว 800 Gb/s หรือสูงสุด 512 พอร์ตที่ 200 Gb/s. - Quantum-X เพิ่มประสิทธิภาพเป็นสองเท่า และสามารถเพิ่มขีดความสามารถ AI ได้ถึง 5 เท่า พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ช่วยเพิ่มความเสถียรของชิป. ข้อได้เปรียบที่สำคัญ: - เทคโนโลยีนี้ช่วยลดการสูญเสียพลังงานได้ถึง 3.5 เท่า เพิ่มความเสถียรของเครือข่าย 10 เท่า และสัญญาณมีคุณภาพสูงขึ้นถึง 63 เท่าเมื่อเทียบกับโซลูชันแบบเดิม. - รองรับการใช้งานที่ประหยัดพลังงานและสามารถเร่งกระบวนการตั้งค่าระบบได้เร็วขึ้น 1.3 เท่า. ความร่วมมือกับพันธมิตร: - Nvidia ใช้แพลตฟอร์ม Compact Universal Photonic Engine (COUPE) ของ TSMC ซึ่งผสานวงจรรวมทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และโฟโตนิกส์ไว้ด้วยกัน. - ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงบริษัทชั้นนำ เช่น Coherent, Corning, และ Foxconn เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - การใช้ silicon photonics ในระดับใหญ่ยังซับซ้อนและต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายใหม่ แต่เทคโนโลยีนี้เป็นก้าวสำคัญในอนาคตของเครือข่าย AI. https://www.tomshardware.com/networking/nvidias-silicon-photonics-based-1-6-tb-s-switch-platforms-enable-clusters-with-millions-of-gpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia’s new silicon photonics-based 400 Tb/s switch platforms enable clusters with millions of GPUs
    Spectrum-X Photonics Ethernet and Quantum-X Photonics InfiniBand platforms are here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • Seagate กำลังเปลี่ยนแปลงวงการเก็บข้อมูลด้วยฮาร์ดดิสก์ NVMe ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าและลดความซับซ้อนในศูนย์ข้อมูล งานนี้เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มาก โดยพัฒนาระบบที่ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลลื่นไหลขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้ HDD สามารถแข่งกับ SSD ได้ในแง่ของต้นทุนและประสิทธิภาพในระยะยาว

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า:
    - เทคโนโลยี NVMe มอบความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่าระบบเดิม (SATA และ SAS) ซึ่งมีขีดจำกัดที่ 6-12 Gbps ขณะที่ NVMe บน PCIe รองรับความเร็วสูงสุดถึง 128 GB/s พร้อมความสามารถในการประมวลผลแบบขนานที่เหมาะกับงาน AI.
    - NVMe ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลสามารถส่งตรงระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลได้ โดยไม่ต้องผ่าน CPU ลดปัญหาคอขวดในระบบ.

    ระบบต้นแบบของ Seagate:
    - ระบบประกอบด้วย HDD ที่รองรับ NVMe จำนวน 8 ตัว, SSD สำหรับแคชข้อมูล 4 ตัว, DPU Nvidia BlueField 3 และซอฟต์แวร์ AIStore ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูล.
    - ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถปรับปรุงการแคชข้อมูลและจัดเรียงลำดับการใช้งานข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้การฝึก AI โมเดลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น.

    ข้อได้เปรียบในระยะยาว:
    - การเพิ่ม NVMe เข้ากับ HDD ช่วยลดความซับซ้อนของระบบ ลดต้นทุนจากการใช้ตัวกลาง (HBAs) และสามารถขยายขนาดระบบไปสู่ระดับเอกซาไบต์ได้โดยใช้ NVMe-over-Fabric (NVMe-oF).

    ข้อจำกัดและความท้าทาย:
    - HDD ที่มี NVMe อาจมีปัญหาประสิทธิภาพ IOPS ต่อความจุ (TB) ที่ลดลงในอนาคตเมื่อใช้งานในกลุ่มงาน AI และอาจจำเป็นต้องใช้ HDD แบบ Dual-Actuator เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/gpu-meets-pcie-based-hard-drives-seagate-and-nvidia-demo-nvme-hdds
    Seagate กำลังเปลี่ยนแปลงวงการเก็บข้อมูลด้วยฮาร์ดดิสก์ NVMe ที่สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าและลดความซับซ้อนในศูนย์ข้อมูล งานนี้เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มาก โดยพัฒนาระบบที่ช่วยให้การส่งข้อมูลระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลลื่นไหลขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ศูนย์ข้อมูลที่ใช้ HDD สามารถแข่งกับ SSD ได้ในแง่ของต้นทุนและประสิทธิภาพในระยะยาว ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า: - เทคโนโลยี NVMe มอบความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่าระบบเดิม (SATA และ SAS) ซึ่งมีขีดจำกัดที่ 6-12 Gbps ขณะที่ NVMe บน PCIe รองรับความเร็วสูงสุดถึง 128 GB/s พร้อมความสามารถในการประมวลผลแบบขนานที่เหมาะกับงาน AI. - NVMe ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลสามารถส่งตรงระหว่าง GPU และพื้นที่เก็บข้อมูลได้ โดยไม่ต้องผ่าน CPU ลดปัญหาคอขวดในระบบ. ระบบต้นแบบของ Seagate: - ระบบประกอบด้วย HDD ที่รองรับ NVMe จำนวน 8 ตัว, SSD สำหรับแคชข้อมูล 4 ตัว, DPU Nvidia BlueField 3 และซอฟต์แวร์ AIStore ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูล. - ซอฟต์แวร์นี้ยังสามารถปรับปรุงการแคชข้อมูลและจัดเรียงลำดับการใช้งานข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้การฝึก AI โมเดลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น. ข้อได้เปรียบในระยะยาว: - การเพิ่ม NVMe เข้ากับ HDD ช่วยลดความซับซ้อนของระบบ ลดต้นทุนจากการใช้ตัวกลาง (HBAs) และสามารถขยายขนาดระบบไปสู่ระดับเอกซาไบต์ได้โดยใช้ NVMe-over-Fabric (NVMe-oF). ข้อจำกัดและความท้าทาย: - HDD ที่มี NVMe อาจมีปัญหาประสิทธิภาพ IOPS ต่อความจุ (TB) ที่ลดลงในอนาคตเมื่อใช้งานในกลุ่มงาน AI และอาจจำเป็นต้องใช้ HDD แบบ Dual-Actuator เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ. https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/gpu-meets-pcie-based-hard-drives-seagate-and-nvidia-demo-nvme-hdds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia และ xAI ของ Elon Musk ได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร AI Infrastructure Partnership หรือ AIP ซึ่งตั้งเป้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ร่วมกับ Microsoft และ BlackRock โครงการนี้จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ก้าวล้ำขึ้น โดยเฉพาะการฝึกโมเดลใหญ่ ๆ อย่าง ChatGPT ความท้าทายสำคัญอยู่ที่การจัดการพลังงานและการระดมทุนมหาศาล แต่ก็เป็นก้าวใหญ่ที่จะผลักดันการประมวลผล AI ให้ทรงพลังและเข้าถึงได้มากขึ้นในอนาคต

    การเปลี่ยนชื่อกลุ่มพันธมิตร:
    - กลุ่มพันธมิตรนี้เดิมมีชื่ออื่น แต่เปลี่ยนมาเป็น AI Infrastructure Partnership เพื่อสะท้อนเป้าหมายและความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่จะสร้างขึ้น.

    บทบาทของ Nvidia และพันธมิตรอื่น ๆ:
    - Nvidia มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค พร้อมสนับสนุนการออกแบบและพัฒนาคลัสเตอร์ชิปสำหรับการประมวลผล AI.
    - พันธมิตรที่ร่วมโครงการ เช่น GE Vernova และ NextEra Energy จะช่วยในด้านการจัดการพลังงานและการพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง.

    การแข่งขันด้าน AI ระดับโลก:
    - โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศในด้าน AI โดย Stargate ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลและบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, Oracle และ SoftBank ก็ตั้งเป้าลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI.

    ประโยชน์และความท้าทาย:
    - AIP มุ่งเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI แต่ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/19/nvidia-xai-to-join-microsoft-blackrock-to-develop-ai-infrastructure
    Nvidia และ xAI ของ Elon Musk ได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร AI Infrastructure Partnership หรือ AIP ซึ่งตั้งเป้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ร่วมกับ Microsoft และ BlackRock โครงการนี้จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ก้าวล้ำขึ้น โดยเฉพาะการฝึกโมเดลใหญ่ ๆ อย่าง ChatGPT ความท้าทายสำคัญอยู่ที่การจัดการพลังงานและการระดมทุนมหาศาล แต่ก็เป็นก้าวใหญ่ที่จะผลักดันการประมวลผล AI ให้ทรงพลังและเข้าถึงได้มากขึ้นในอนาคต การเปลี่ยนชื่อกลุ่มพันธมิตร: - กลุ่มพันธมิตรนี้เดิมมีชื่ออื่น แต่เปลี่ยนมาเป็น AI Infrastructure Partnership เพื่อสะท้อนเป้าหมายและความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่จะสร้างขึ้น. บทบาทของ Nvidia และพันธมิตรอื่น ๆ: - Nvidia มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค พร้อมสนับสนุนการออกแบบและพัฒนาคลัสเตอร์ชิปสำหรับการประมวลผล AI. - พันธมิตรที่ร่วมโครงการ เช่น GE Vernova และ NextEra Energy จะช่วยในด้านการจัดการพลังงานและการพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง. การแข่งขันด้าน AI ระดับโลก: - โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศในด้าน AI โดย Stargate ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลและบริษัทเอกชน เช่น OpenAI, Oracle และ SoftBank ก็ตั้งเป้าลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI. ประโยชน์และความท้าทาย: - AIP มุ่งเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI แต่ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/19/nvidia-xai-to-join-microsoft-blackrock-to-develop-ai-infrastructure
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia, Musk's xAI to join Microsoft, BlackRock and MGX to develop AI infrastructure
    (Reuters) -Nvidia and Elon Musk's xAI have joined a consortium backed by Microsoft, investment fund MGX and BlackRock to expand AI infrastructure in the U.S., the companies said on Wednesday, as a global race to dominate the nascent technology intensifies.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เพิ่งเปิดตัวชิป Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำให้หลายคนต้องเหลียวมอง เพราะประสิทธิภาพด้าน AI ของมันสูงมากจนเหนือกว่า Intel Lunar Lake ถึง 12 เท่า แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็เหมาะกับโน้ตบุ๊กแบบบางเบา จุดแข็งของมันอยู่ที่การรวมพลังจาก Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 ที่ช่วยให้มันแข็งแกร่งเหมือนกราฟิกการ์ดแยก นี่อาจเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่ทำให้ AMD แข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Intel และ NVIDIA ได้อย่างน่าจับตามอง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-boasts-its-ryzen-ai-max-395-is-up-to-12-2x-faster-than-lunar-lake-in-ai-workloads
    AMD เพิ่งเปิดตัวชิป Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำให้หลายคนต้องเหลียวมอง เพราะประสิทธิภาพด้าน AI ของมันสูงมากจนเหนือกว่า Intel Lunar Lake ถึง 12 เท่า แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็เหมาะกับโน้ตบุ๊กแบบบางเบา จุดแข็งของมันอยู่ที่การรวมพลังจาก Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 ที่ช่วยให้มันแข็งแกร่งเหมือนกราฟิกการ์ดแยก นี่อาจเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่ทำให้ AMD แข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Intel และ NVIDIA ได้อย่างน่าจับตามอง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-boasts-its-ryzen-ai-max-395-is-up-to-12-2x-faster-than-lunar-lake-in-ai-workloads
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD boasts its Ryzen AI Max+ 395 is up to 12.2x faster than Lunar Lake in AI workloads
    Ryzen chip consumes more than 3x the power, but fits in the same thin-and-light form factor as Lunar Lake competition.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ชิป H20 ของ NVIDIA ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับตลาดจีนกำลังเป็นที่ต้องการสูงจนขาดตลาด บริษัทใหญ่อย่าง Tencent และ ByteDance ต่างรีบสั่งซื้อเพื่อนำไปใช้กับระบบ AI และแอปพลิเคชัน เช่น Tencent Docs และแผนที่ ตัวชิป H20 ถือว่าคุ้มค่ากว่าชิปคู่แข่งในจีน แต่ก็ยังคงมีปัญหาการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความสำเร็จของ NVIDIA ครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญที่ยังครองใจบริษัทเทคโนโลยีจีน

    เหตุผลที่ความต้องการเพิ่มขึ้น:
    - การเปิดตัว AI รุ่นใหม่จาก DeepSeek ทำให้บริษัทต่าง ๆ รวมถึง Tencent และ ByteDance เพิ่มการลงทุนในชิปเพื่อรองรับโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) และการใช้งานในแอป เช่น Tencent Docs และ Tencent Maps
    - ความต้องการพลังประมวลผลสำหรับ AI ที่เพิ่มขึ้นในจีนมีส่วนสำคัญต่อรายได้ของ NVIDIA

    เปรียบเทียบราคากับทางเลือกในท้องถิ่น:
    - ชิป H20 ของ NVIDIA มีราคาประมาณ 100,000 หยวน ซึ่งนับว่าคุ้มค่ากว่า Ascend 910B ของจีนเองที่มีราคาสูงกว่า
    - NVIDIA ยังคงมีข้อได้เปรียบในด้านระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับการพัฒนา AI ได้ดีกว่า

    ปริมาณการใช้งานในจีน:
    - ในปี 2024 Tencent และ ByteDance ได้สั่งซื้อชิป AI ของ NVIDIA ถึง 230,000 ตัว ซึ่งเป็นปริมาณรองจาก Microsoft ในตลาดโลก
    - NVIDIA วางแผนที่จะคงบทบาทสำคัญในตลาดจีนเพื่อรักษาสัดส่วนรายได้

    https://wccftech.com/nvidia-h20-ai-accelerators-are-facing-a-shortage-in-china/
    ตอนนี้ชิป H20 ของ NVIDIA ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับตลาดจีนกำลังเป็นที่ต้องการสูงจนขาดตลาด บริษัทใหญ่อย่าง Tencent และ ByteDance ต่างรีบสั่งซื้อเพื่อนำไปใช้กับระบบ AI และแอปพลิเคชัน เช่น Tencent Docs และแผนที่ ตัวชิป H20 ถือว่าคุ้มค่ากว่าชิปคู่แข่งในจีน แต่ก็ยังคงมีปัญหาการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความสำเร็จของ NVIDIA ครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญที่ยังครองใจบริษัทเทคโนโลยีจีน เหตุผลที่ความต้องการเพิ่มขึ้น: - การเปิดตัว AI รุ่นใหม่จาก DeepSeek ทำให้บริษัทต่าง ๆ รวมถึง Tencent และ ByteDance เพิ่มการลงทุนในชิปเพื่อรองรับโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) และการใช้งานในแอป เช่น Tencent Docs และ Tencent Maps - ความต้องการพลังประมวลผลสำหรับ AI ที่เพิ่มขึ้นในจีนมีส่วนสำคัญต่อรายได้ของ NVIDIA เปรียบเทียบราคากับทางเลือกในท้องถิ่น: - ชิป H20 ของ NVIDIA มีราคาประมาณ 100,000 หยวน ซึ่งนับว่าคุ้มค่ากว่า Ascend 910B ของจีนเองที่มีราคาสูงกว่า - NVIDIA ยังคงมีข้อได้เปรียบในด้านระบบซอฟต์แวร์ที่รองรับการพัฒนา AI ได้ดีกว่า ปริมาณการใช้งานในจีน: - ในปี 2024 Tencent และ ByteDance ได้สั่งซื้อชิป AI ของ NVIDIA ถึง 230,000 ตัว ซึ่งเป็นปริมาณรองจาก Microsoft ในตลาดโลก - NVIDIA วางแผนที่จะคงบทบาทสำคัญในตลาดจีนเพื่อรักษาสัดส่วนรายได้ https://wccftech.com/nvidia-h20-ai-accelerators-are-facing-a-shortage-in-china/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's H20 AI Accelerators Are Reportedly Facing A Shortage In China, Amid The Massive Demand Prompted Due To DeepSeek
    NVIDIA's "China-exclusive" H20 AI accelerators are now said to be experiencing a shortage in Chinese markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newfold Digital ที่เป็นเจ้าของโฮสต์เว็บไซต์ดัง ๆ อย่าง Bluehost และ HostGator ได้ตัดสินใจย้ายระบบไปใช้ Oracle Cloud เพื่อยกระดับบริการ นี่เป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพราะ Oracle Cloud เองก็เพิ่งเปิดตัวเทคโนโลยี AI Cluster ที่ทันสมัยมาก ขณะเดียวกัน Newfold Digital ก็มีชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการที่ช่วยสนับสนุนเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะสร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับวงการเว็บโฮสติ้ง

    การย้ายระบบของ Newfold Digital:
    - Newfold Digital ดูแลแบรนด์ชั้นนำ เช่น Bluehost และ HostGator ซึ่งให้บริการกับเว็บไซต์นับล้านทั่วโลก โดย Bluehost ยังได้รับการแนะนำโดย WordPress.org
    - การย้ายไปยัง Oracle Cloud อาจมีผลกระทบต่อเว็บไซต์ที่ใช้บริการเหล่านี้ในเชิงประสิทธิภาพและต้นทุน

    ความสำคัญของ Oracle Cloud:
    - Oracle มีการพัฒนา 64,000-GPU Nvidia Cluster เพื่อรองรับงานด้าน AI ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น CrowdStrike และ Palo Alto
    - ความสามารถในการให้บริการฐานข้อมูลของ Oracle ครอบคลุมหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดคลาวด์

    ข้อมูลเกี่ยวกับ Newfold Digital:
    - บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยเกิดจากการรวมตัวของ Endurance Web Presence และ Web.com Group
    - ให้บริการหลากหลาย ทั้งจดโดเมน โฮสติ้ง การสร้างเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ และการตลาดดิจิทัล

    https://www.techradar.com/pro/bluehost-owner-is-moving-to-oracle-cloud-so-could-thousands-of-websites-be-about-to-migrate
    Newfold Digital ที่เป็นเจ้าของโฮสต์เว็บไซต์ดัง ๆ อย่าง Bluehost และ HostGator ได้ตัดสินใจย้ายระบบไปใช้ Oracle Cloud เพื่อยกระดับบริการ นี่เป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพราะ Oracle Cloud เองก็เพิ่งเปิดตัวเทคโนโลยี AI Cluster ที่ทันสมัยมาก ขณะเดียวกัน Newfold Digital ก็มีชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการที่ช่วยสนับสนุนเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะสร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับวงการเว็บโฮสติ้ง การย้ายระบบของ Newfold Digital: - Newfold Digital ดูแลแบรนด์ชั้นนำ เช่น Bluehost และ HostGator ซึ่งให้บริการกับเว็บไซต์นับล้านทั่วโลก โดย Bluehost ยังได้รับการแนะนำโดย WordPress.org - การย้ายไปยัง Oracle Cloud อาจมีผลกระทบต่อเว็บไซต์ที่ใช้บริการเหล่านี้ในเชิงประสิทธิภาพและต้นทุน ความสำคัญของ Oracle Cloud: - Oracle มีการพัฒนา 64,000-GPU Nvidia Cluster เพื่อรองรับงานด้าน AI ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำหลายแห่งในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น CrowdStrike และ Palo Alto - ความสามารถในการให้บริการฐานข้อมูลของ Oracle ครอบคลุมหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดคลาวด์ ข้อมูลเกี่ยวกับ Newfold Digital: - บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยเกิดจากการรวมตัวของ Endurance Web Presence และ Web.com Group - ให้บริการหลากหลาย ทั้งจดโดเมน โฮสติ้ง การสร้างเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ และการตลาดดิจิทัล https://www.techradar.com/pro/bluehost-owner-is-moving-to-oracle-cloud-so-could-thousands-of-websites-be-about-to-migrate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้การ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA RTX 50 Series ราคาแพงจนน่าตกใจ เพราะต้นทุนการผลิตของ GPU กับ VRAM นั้นสูงถึง 80% ของทั้งหมด ผู้ผลิตเองยังบ่นว่าถ้าขายราคาตามที่บริษัทกำหนดไว้ก็แทบไม่ได้กำไร จึงเลือกขายรุ่นที่ปรับแต่ง (OC) ซึ่งปรับราคาสูงขึ้นอีก ที่แย่กว่านั้นคือสินค้าไม่พอขาย ทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกในตลาด แต่ข่าวดีก็คือ มีความหวังว่าสินค้าจะพร้อมจำหน่ายมากขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยให้ราคากลับมามีเสถียรภาพ

    https://wccftech.com/gpu-vendor-says-gpu-vram-combo-makes-up-to-80-of-total-cost-nvidia-rtx-50-series/
    ช่วงนี้การ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA RTX 50 Series ราคาแพงจนน่าตกใจ เพราะต้นทุนการผลิตของ GPU กับ VRAM นั้นสูงถึง 80% ของทั้งหมด ผู้ผลิตเองยังบ่นว่าถ้าขายราคาตามที่บริษัทกำหนดไว้ก็แทบไม่ได้กำไร จึงเลือกขายรุ่นที่ปรับแต่ง (OC) ซึ่งปรับราคาสูงขึ้นอีก ที่แย่กว่านั้นคือสินค้าไม่พอขาย ทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกในตลาด แต่ข่าวดีก็คือ มีความหวังว่าสินค้าจะพร้อมจำหน่ายมากขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยให้ราคากลับมามีเสถียรภาพ https://wccftech.com/gpu-vendor-says-gpu-vram-combo-makes-up-to-80-of-total-cost-nvidia-rtx-50-series/
    WCCFTECH.COM
    GPU Vendor Reveal The Reason For Higher NVIDIA RTX 50 Series Costs; Says GPU & VRAM Combo Makes Up To 80% Of Total Cost
    An NVIDIA partner in China confirmed that total cost of an RTX 50 series GPU comprises 80% of the chip & VRAM, making MSRP prices difficult.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เผยถึงความคืบหน้าในโครงการพัฒนาชิป AI ของ Meta หรือบริษัทแม่ของ Facebook ซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบชิปที่ออกแบบมาใช้สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ชิปนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ TSMC ผู้ผลิตชั้นนำจากไต้หวัน และมีชื่ออยู่ในโปรแกรมที่เรียกว่า Meta Training and Inference Accelerator (MTIA) โดยเป้าหมายสำคัญคือการลดการพึ่งพาอุปกรณ์จาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่

    == รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับชิป AI ของ Meta ==
    1) การออกแบบเพื่อประสิทธิภาพเฉพาะด้าน ชิปนี้ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการฝึกและประมวลผลโมเดล AI โดยใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ GPU แบบทั่วไป

    2) การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2023 Meta ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นแรกที่รองรับการจัดอันดับและระบบคำแนะนำสำหรับ Facebook และ Instagram จากนั้นในปี 2024 บริษัทได้เผยชิปเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณและแบนด์วิดท์หน่วยความจำเป็นสองเท่า

    3) การใช้งานสถาปัตยกรรม RISC-V ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการพัฒนา AI ที่ต้องการเสถียรภาพและต้นทุนที่เหมาะสม

    ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนการพึ่งพา Nvidia แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เน้นการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หากการทดสอบสำเร็จลุล่วง Meta วางแผนจะใช้ชิปนี้อย่างเต็มรูปแบบในปีถัดไป เพื่อเสริมศักยภาพระบบ AI ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย


    https://www.techradar.com/pro/meta-powers-ahead-with-conscious-chip-uncoupling-with-nvidia-as-it-tests-its-first-in-house-training-ai-pu
    ข่าวนี้เผยถึงความคืบหน้าในโครงการพัฒนาชิป AI ของ Meta หรือบริษัทแม่ของ Facebook ซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบชิปที่ออกแบบมาใช้สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะ ชิปนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ TSMC ผู้ผลิตชั้นนำจากไต้หวัน และมีชื่ออยู่ในโปรแกรมที่เรียกว่า Meta Training and Inference Accelerator (MTIA) โดยเป้าหมายสำคัญคือการลดการพึ่งพาอุปกรณ์จาก Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU รายใหญ่ == รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับชิป AI ของ Meta == 1) การออกแบบเพื่อประสิทธิภาพเฉพาะด้าน ชิปนี้ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการฝึกและประมวลผลโมเดล AI โดยใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ GPU แบบทั่วไป 2) การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2023 Meta ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นแรกที่รองรับการจัดอันดับและระบบคำแนะนำสำหรับ Facebook และ Instagram จากนั้นในปี 2024 บริษัทได้เผยชิปเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณและแบนด์วิดท์หน่วยความจำเป็นสองเท่า 3) การใช้งานสถาปัตยกรรม RISC-V ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V แบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการพัฒนา AI ที่ต้องการเสถียรภาพและต้นทุนที่เหมาะสม ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนการพึ่งพา Nvidia แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เน้นการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง หากการทดสอบสำเร็จลุล่วง Meta วางแผนจะใช้ชิปนี้อย่างเต็มรูปแบบในปีถัดไป เพื่อเสริมศักยภาพระบบ AI ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย https://www.techradar.com/pro/meta-powers-ahead-with-conscious-chip-uncoupling-with-nvidia-as-it-tests-its-first-in-house-training-ai-pu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัวของการ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดจาก Nvidia ในรุ่น RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานระดับมืออาชีพ โดยข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่าการ์ดจอตัวนี้จะมาพร้อม 24,064 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 96GB พร้อมระบบ ECC (Error Correction Code) ที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความแม่นยำยิ่งขึ้น

    จุดเด่นที่น่าสนใจของ RTX Pro 6000 Blackwell
    1) พลังการประมวลผลสูงสุด
    - มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ 512-bit memory interface เพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง เช่น การพัฒนาเกม, การออกแบบ CAD, และงานด้านการเรนเดอร์ระดับสูง

    2) กำลังไฟสูงถึง 600W
    - ใช้พลังงานผ่าน PCIe 5.0 16-pin connector ซึ่งเป็นพลังงานที่สูงมาก แต่เหมาะสมกับศักยภาพที่การ์ดจอตัวนี้นำเสนอ

    3) ระบบระบายความร้อนแบบใหม่
    - แตกต่างจากการ์ดรุ่นก่อนหน้าโดยใช้ dual-flow-through cooling system เพื่อจัดการความร้อนในระหว่างการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

    Nvidia ออกแบบการ์ดจอ RTX Pro 6000 Blackwell สำหรับงานด้าน AI และการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยความจำที่สูงถึง 96GB นับว่าเกินความจำเป็นสำหรับงานบางประเภท แต่เหมาะสำหรับนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์มืออาชีพ

    มีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอตัวนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GPU Technology Conference (GTC) ในเดือนมีนาคม 2025 โดยราคาน่าจะอยู่ในช่วง 6,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ

    https://www.techradar.com/pro/details-of-nvidias-fastest-video-card-ever-leak-rtx-pro-6000-blackwell-gpu-will-have-96gb-gddr7-ecc-memory
    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัวของการ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดจาก Nvidia ในรุ่น RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานระดับมืออาชีพ โดยข้อมูลที่หลุดออกมาระบุว่าการ์ดจอตัวนี้จะมาพร้อม 24,064 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR7 ขนาด 96GB พร้อมระบบ ECC (Error Correction Code) ที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความแม่นยำยิ่งขึ้น จุดเด่นที่น่าสนใจของ RTX Pro 6000 Blackwell 1) พลังการประมวลผลสูงสุด - มาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบ 512-bit memory interface เพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง เช่น การพัฒนาเกม, การออกแบบ CAD, และงานด้านการเรนเดอร์ระดับสูง 2) กำลังไฟสูงถึง 600W - ใช้พลังงานผ่าน PCIe 5.0 16-pin connector ซึ่งเป็นพลังงานที่สูงมาก แต่เหมาะสมกับศักยภาพที่การ์ดจอตัวนี้นำเสนอ 3) ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ - แตกต่างจากการ์ดรุ่นก่อนหน้าโดยใช้ dual-flow-through cooling system เพื่อจัดการความร้อนในระหว่างการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ Nvidia ออกแบบการ์ดจอ RTX Pro 6000 Blackwell สำหรับงานด้าน AI และการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยความจำที่สูงถึง 96GB นับว่าเกินความจำเป็นสำหรับงานบางประเภท แต่เหมาะสำหรับนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์มืออาชีพ มีการคาดการณ์ว่าการ์ดจอตัวนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GPU Technology Conference (GTC) ในเดือนมีนาคม 2025 โดยราคาน่าจะอยู่ในช่วง 6,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ https://www.techradar.com/pro/details-of-nvidias-fastest-video-card-ever-leak-rtx-pro-6000-blackwell-gpu-will-have-96gb-gddr7-ecc-memory
    WWW.TECHRADAR.COM
    The RTX Pro 6000 Blackwell GPU is probably going to be Nvidia's most expensive video card ever
    The Nvidia power hungry beast has a 600W TGP, over twice that of the RTX 6000 Ada
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงความคืบหน้าที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ SteamOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Valve เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีรายงานว่า Valve อาจเปิดตัว SteamOS สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปในเร็ว ๆ นี้ หลังจากได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก Steam Deck อุปกรณ์เกมพกพาของบริษัท โดย SteamOS ที่มีอยู่ในปัจจุบันสร้างความประทับใจด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็น (bloatware) และสามารถใช้งานร่วมกับเกมหลายประเภทผ่านเทคโนโลยี Proton ที่ทำให้เกมจาก Windows รันบน Linux ได้อย่างราบรื่น

    == จุดเด่นที่น่าสนใจของ SteamOS ==
    1) อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับเกมเมอร์: ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ SteamOS จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นโดยไม่ต้องวุ่นวายกับการอัปเดตหรือซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็นในระบบปฏิบัติการทั่วไปอย่าง Windows

    2) ปราศจากปัญหา bloatware: SteamOS ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่า เพราะไม่ได้กินทรัพยากรคอมพิวเตอร์เหมือน Windows 10 และ 11 ที่มีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ไม่จำเป็น

    3)รองรับการเล่นเกมผ่าน Proton: แม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดในบางเกม แต่ Proton ทำให้เกมส่วนใหญ่ทำงานได้ดีบน SteamOS โดยการปิดช่องว่างด้านประสิทธิภาพและความเข้ากันได้ระหว่าง Windows และ Linux

    Valve กำลังพยายามขยายการใช้งาน SteamOS ออกจากอุปกรณ์พกพาอย่าง Steam Deck และ Legion Go S ไปสู่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ต้องการหลีกเลี่ยงระบบปฏิบัติการที่ซับซ้อนและมีปัญหา เช่น Windows มีทางเลือกใหม่สำหรับการเล่นเกม

    แม้ว่า SteamOS จะมีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับการ์ดจอ NVIDIA เมื่อเทียบกับ AMD และ Intel ที่ทำงานได้ดีกว่าในปัจจุบัน นอกจากนี้ เวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่สามารถใช้กับ Steam Deck ได้ในตอนนี้

    https://wccftech.com/valve-rumored-to-launch-steamos-for-desktop/
    ข่าวนี้พูดถึงความคืบหน้าที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ SteamOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดย Valve เพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีรายงานว่า Valve อาจเปิดตัว SteamOS สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปในเร็ว ๆ นี้ หลังจากได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก Steam Deck อุปกรณ์เกมพกพาของบริษัท โดย SteamOS ที่มีอยู่ในปัจจุบันสร้างความประทับใจด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็น (bloatware) และสามารถใช้งานร่วมกับเกมหลายประเภทผ่านเทคโนโลยี Proton ที่ทำให้เกมจาก Windows รันบน Linux ได้อย่างราบรื่น == จุดเด่นที่น่าสนใจของ SteamOS == 1) อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับเกมเมอร์: ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ SteamOS จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นโดยไม่ต้องวุ่นวายกับการอัปเดตหรือซอฟต์แวร์ที่ไม่จำเป็นในระบบปฏิบัติการทั่วไปอย่าง Windows 2) ปราศจากปัญหา bloatware: SteamOS ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่า เพราะไม่ได้กินทรัพยากรคอมพิวเตอร์เหมือน Windows 10 และ 11 ที่มีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ไม่จำเป็น 3)รองรับการเล่นเกมผ่าน Proton: แม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดในบางเกม แต่ Proton ทำให้เกมส่วนใหญ่ทำงานได้ดีบน SteamOS โดยการปิดช่องว่างด้านประสิทธิภาพและความเข้ากันได้ระหว่าง Windows และ Linux Valve กำลังพยายามขยายการใช้งาน SteamOS ออกจากอุปกรณ์พกพาอย่าง Steam Deck และ Legion Go S ไปสู่คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ต้องการหลีกเลี่ยงระบบปฏิบัติการที่ซับซ้อนและมีปัญหา เช่น Windows มีทางเลือกใหม่สำหรับการเล่นเกม แม้ว่า SteamOS จะมีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับการ์ดจอ NVIDIA เมื่อเทียบกับ AMD และ Intel ที่ทำงานได้ดีกว่าในปัจจุบัน นอกจากนี้ เวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและยังไม่สามารถใช้กับ Steam Deck ได้ในตอนนี้ https://wccftech.com/valve-rumored-to-launch-steamos-for-desktop/
    WCCFTECH.COM
    Valve Rumored To Launch SteamOS For Desktop PCs Soon; Is Time For A Bloatware-Free OS Near?
    Valve is rumored to launch SteamOS for PCs as well. After launching the Deck with SteamOS, it is said to have almost finalized the work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย

    จุดที่น่าสนใจจากข่าว
    1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่
    - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน
    - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี

    2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน
    - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก

    3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ
    - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ

    กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI

    https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย จุดที่น่าสนใจจากข่าว 1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่ - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี 2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก 3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's "High-End" AI Servers Worth $390 Million Apparently End Up in Malaysia, Revealing Another US Export Restriction Loophole
    After Singapore, a new "trade loophole" has been discovered in Malaysia, where $390 million worth of NVIDIA AI servers were found.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT แล้วได้รับความสนใจจากตลาดอย่างล้นหลาม การตอบรับของผู้บริโภคในครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น "ความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ทำให้การหาซื้อการ์ดจอรุ่นนี้ในราคาที่ตรงกับคำแนะนำ (MSRP) กลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้

    รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ์ดจอนี้คือ:
    - RX 9070 XT เปิดตัวที่ราคา $599 และ RX 9070 ที่ $549
    - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ขายหมดเกลี้ยงทันทีในร้านค้าชั้นนำ เช่น Newegg และ Best Buy โดยบางร้านขายการ์ดในราคาสูงถึง $859 ซึ่งเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้

    David McAfee รองประธานของ AMD ได้กล่าวว่าบริษัทกำลังพยายามเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยการจัดหาส่วนประกอบให้กับพันธมิตรผู้ผลิตการ์ด (AIB partners) เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น McAfee ยืนยันว่า AMD ตั้งเป้าหมายให้ผู้ใช้งานสามารถหาซื้อการ์ดจอในราคาที่เหมาะสมได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

    การที่ตลาดตอบรับ Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT อย่างดีเยี่ยมนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความต้องการในตลาดกราฟิกการ์ดที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงจากคู่แข่งเช่น Nvidia ที่เผชิญปัญหาราคาสินค้าที่สูงกว่าราคาที่แนะนำในตลาดเช่นกัน

    ในมุมของอุตสาหกรรม ความสำเร็จนี้บ่งบอกถึงความท้าทายของ AMD และผู้ผลิตการ์ดจอรายอื่น ๆ ในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้โดยไม่ปล่อยให้ราคาพุ่งสูงเกินไป

    https://www.techspot.com/news/107150-amd-calls-demand-rx-9070-rx-9070-xt.html
    AMD เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT แล้วได้รับความสนใจจากตลาดอย่างล้นหลาม การตอบรับของผู้บริโภคในครั้งนี้ถูกเรียกว่าเป็น "ความต้องการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ทำให้การหาซื้อการ์ดจอรุ่นนี้ในราคาที่ตรงกับคำแนะนำ (MSRP) กลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้ รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ์ดจอนี้คือ: - RX 9070 XT เปิดตัวที่ราคา $599 และ RX 9070 ที่ $549 - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ขายหมดเกลี้ยงทันทีในร้านค้าชั้นนำ เช่น Newegg และ Best Buy โดยบางร้านขายการ์ดในราคาสูงถึง $859 ซึ่งเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ David McAfee รองประธานของ AMD ได้กล่าวว่าบริษัทกำลังพยายามเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยการจัดหาส่วนประกอบให้กับพันธมิตรผู้ผลิตการ์ด (AIB partners) เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น McAfee ยืนยันว่า AMD ตั้งเป้าหมายให้ผู้ใช้งานสามารถหาซื้อการ์ดจอในราคาที่เหมาะสมได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ การที่ตลาดตอบรับ Radeon RX 9070 และ RX 9070 XT อย่างดีเยี่ยมนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความต้องการในตลาดกราฟิกการ์ดที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงจากคู่แข่งเช่น Nvidia ที่เผชิญปัญหาราคาสินค้าที่สูงกว่าราคาที่แนะนำในตลาดเช่นกัน ในมุมของอุตสาหกรรม ความสำเร็จนี้บ่งบอกถึงความท้าทายของ AMD และผู้ผลิตการ์ดจอรายอื่น ๆ ในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้โดยไม่ปล่อยให้ราคาพุ่งสูงเกินไป https://www.techspot.com/news/107150-amd-calls-demand-rx-9070-rx-9070-xt.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD calls demand for Radeon 9070 and 9070 XT "unprecedented," says restocking at MSRP is priority number one
    The AMD RX 9070 XT and RX 9070 launched on March 6. We liked the former card, awarding it a score of 85 and praising its solid...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM)

    AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1

    จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต

    การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1 จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD RDNA 3 professional GPUs with 48GB can beat Nvidia 24GB cards in AI — putting the 'Large' in LLM
    Radeon Pro W7800/7900 48GB up to 7x faster in DeepSeek R1 benchmarks, but don't ask about the 5090.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel แต่งตั้ง Lip-Bu Tan ผู้เชี่ยวชาญที่เคารพนับถือในวงการเซมิคอนดักเตอร์ เป็น CEO คนใหม่ของ Intel โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 มีนาคม หลังจากที่บริษัทเผชิญกับช่วงเวลาท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์

    Intel เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่ง เช่น AMD และการก้าวขึ้นมาของผู้เล่นในตลาดอย่าง Nvidia ทำให้เกิดแรงกดดันในการฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน Lip-Bu Tan ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สูงในอุตสาหกรรมนี้ ถูกมองว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้พลิกฟื้นสถานการณ์

    Lip-Bu Tan เคยเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ Intel และเป็นผู้ก่อตั้ง Walden International บริษัททุนที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์และความเข้าใจของเขาทั้งในด้านการผลิตและการจัดการบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เขาเป็นตัวเลือกสำคัญที่ Intel หวังว่าจะพาบริษัทออกจากช่วงเวลาที่ท้าทายได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/13/who-is-new-intel-ceo-lip-bu-tan
    Intel แต่งตั้ง Lip-Bu Tan ผู้เชี่ยวชาญที่เคารพนับถือในวงการเซมิคอนดักเตอร์ เป็น CEO คนใหม่ของ Intel โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 18 มีนาคม หลังจากที่บริษัทเผชิญกับช่วงเวลาท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ Intel เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่ง เช่น AMD และการก้าวขึ้นมาของผู้เล่นในตลาดอย่าง Nvidia ทำให้เกิดแรงกดดันในการฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขัน Lip-Bu Tan ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สูงในอุตสาหกรรมนี้ ถูกมองว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้พลิกฟื้นสถานการณ์ Lip-Bu Tan เคยเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ Intel และเป็นผู้ก่อตั้ง Walden International บริษัททุนที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์และความเข้าใจของเขาทั้งในด้านการผลิตและการจัดการบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เขาเป็นตัวเลือกสำคัญที่ Intel หวังว่าจะพาบริษัทออกจากช่วงเวลาที่ท้าทายได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/13/who-is-new-intel-ceo-lip-bu-tan
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Who is new Intel CEO Lip-Bu Tan?
    (Reuters) - Intel tapped former board member Lip-Bu Tan as its CEO on Wednesday, as the struggling American chipmaking icon attempts to emerge from one of its bleakest periods.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน

    จุดเด่นสำคัญ:
    1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง

    2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง

    เทคโนโลยีและผลลัพธ์:
    - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ

    - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200

    แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่จาก AMD อย่าง RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในวงการเกมและเทคโนโลยี ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันกับคู่แข่งรุ่นใหญ่ของ Nvidia อย่าง RTX 5080 และการปรับแต่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าค่ามาตรฐาน จุดเด่นสำคัญ: 1) การ์ด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5080 ได้ในด้านการประสิทธิภาพเฟรมเรต (FPS) โดยเฉพาะในเกม Cyberpunk 2077 เมื่อปรับลดแรงดันไฟฟ้า (Undervolting) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 10% โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความเร็วของ GPU โดยตรง 2) มีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อก (Overclocking) อย่าง Der8auer และ Alva Jonathan ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการ์ด AMD ในการเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เทคนิคปรับแรงดันไฟฟ้าลดลง ทำให้ GPU ทำงานได้ที่ความเร็ว 3.36 GHz โดยใช้พลังงานต่ำลง เทคโนโลยีและผลลัพธ์: - AMD Radeon Software ช่วยให้การปรับแรงดันไฟฟ้าทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตัวการ์ดสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ภายใต้การเพิ่มพลังงานถึง 110% จากปกติ - อย่างไรก็ตาม การ์ดเหล่านี้ถูกตั้งราคาขายเกินกว่ามาตรฐาน MSRP ในตลาด เช่น รุ่น RX 9070 XT PowerColor Red Devil ที่เริ่มต้นที่ $799 สูงกว่าราคามาตรฐานถึง $200 แม้ว่าความสามารถด้านการเพิ่มประสิทธิภาพจะโดดเด่น แต่ยังมีประเด็นที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยาก เช่น การจัดจำหน่ายที่จำกัดและราคาที่สูง นอกจากนี้ การปรับแต่งในบางกรณี เช่น การเพิ่มความเร็ว VRAM อาจไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กลับทำให้เกมทำงานช้าลงเนื่องจากการแก้ไขข้อผิดพลาดของ VRAM ที่ซับซ้อนขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/undervolted-rx-9070-xt-beats-rtx-5080-rx-9070-and-9070-xt-models-with-heavy-coolers-have-massive-oc-headroom
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts