• Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป

    PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU

    ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า

    ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน

    สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    PhysX quietly retired on RTX 50 series GPUs: Nvidia ends 32-bit CUDA app support
    With no 64-bit games using PhysX (that we are aware of), the technology is now end-of-life.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Bloomberg เปิดเผยว่า มีการตั้งข้อสงสัยว่าบริษัท DeepSeek ได้ใช้ GPU ที่ถูกห้ามจำหน่ายของ Nvidia ซึ่งลักลอบส่งออกจากสิงคโปร์ไปยังประเทศจีน Tan See Land รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวว่ายอดขายของ Nvidia ในสิงคโปร์มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกส่งมอบให้กับประเทศจริงๆ ในขณะที่รายงานยอดขายจาก Nvidia ระบุว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปี 2024

    Tan ยังกล่าวอีกว่า เป็นเรื่องปกติที่บริษัทระดับโลกจะใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการคิดค่าบริการและการจัดหาสินค้า แม้ว่าสินค้าจริงจะถูกส่งไปยังประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน โดยเฉพาะในด้านธุรกิจ แต่ก็ถือว่าสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรสำคัญเชิงกลยุทธ์ในด้านการค้าและการเมือง โดยมีข้อตกลงร่วมกันในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารในสิงคโปร์และกวม

    รัฐบาลสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานของสหรัฐฯ เพื่อสืบสวนเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการใช้ที่อยู่ในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงข้อบังคับการส่งออกของประเทศอื่น

    ในข่าวนี้เราจะเห็นถึงความซับซ้อนของการทำธุรกิจในระดับโลก และการบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องมีการปรับตัวและรักษาสมดุลอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/deepseek-gpu-smuggling-probe-shows-nvidias-singapore-gpu-sales-are-28-percent-of-its-revenue-but-only-1-percent-are-delivered-to-the-country-report
    รายงานจาก Bloomberg เปิดเผยว่า มีการตั้งข้อสงสัยว่าบริษัท DeepSeek ได้ใช้ GPU ที่ถูกห้ามจำหน่ายของ Nvidia ซึ่งลักลอบส่งออกจากสิงคโปร์ไปยังประเทศจีน Tan See Land รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวว่ายอดขายของ Nvidia ในสิงคโปร์มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกส่งมอบให้กับประเทศจริงๆ ในขณะที่รายงานยอดขายจาก Nvidia ระบุว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปี 2024 Tan ยังกล่าวอีกว่า เป็นเรื่องปกติที่บริษัทระดับโลกจะใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการคิดค่าบริการและการจัดหาสินค้า แม้ว่าสินค้าจริงจะถูกส่งไปยังประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน โดยเฉพาะในด้านธุรกิจ แต่ก็ถือว่าสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรสำคัญเชิงกลยุทธ์ในด้านการค้าและการเมือง โดยมีข้อตกลงร่วมกันในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารในสิงคโปร์และกวม รัฐบาลสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานของสหรัฐฯ เพื่อสืบสวนเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการใช้ที่อยู่ในสิงคโปร์เพื่อเลี่ยงข้อบังคับการส่งออกของประเทศอื่น ในข่าวนี้เราจะเห็นถึงความซับซ้อนของการทำธุรกิจในระดับโลก และการบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องมีการปรับตัวและรักษาสมดุลอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด https://www.tomshardware.com/tech-industry/deepseek-gpu-smuggling-probe-shows-nvidias-singapore-gpu-sales-are-28-percent-of-its-revenue-but-only-1-percent-are-delivered-to-the-country-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครอยากได้ยกมือขึ้น !!!

    บริษัท Comino เพิ่งเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันที่มีการติดตั้งการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 จำนวน 8 ใบ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพ

    เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น Bizon ZX5500 ของ Comino นี้มีการใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 5090 ขนาด 32GB ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวน 7 ใบ ซึ่งถือเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดในขณะนี้ การซื้อผ่านผู้สร้างระบบแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการรอคอยที่ยาวนานหลายเดือน

    ราคาของ ZX5500 นี้อยู่ที่ประมาณ 102,000 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เช่น MIFCOM’s Big Boss ที่มีการ์ดจอ RTX 4090 จำนวน 7 ใบ การติดตั้งเครื่องนี้ยังต้องการพาวเวอร์ซัพพลายที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 6Kw ซึ่งเพิ่มราคาอีกประมาณ 85,000 ดอลลาร์

    การ์ดจอ RTX 5090 นี้มีราคาขายปลีกที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ แต่การ์ดจอรุ่นนี้มีจำนวนจำกัดและผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันยังคงต้องรอการส่งมอบ

    การ์ดจอ RTX 5090 ถูกเรียกว่าเป็น "ซูเปอร์คาร์" ของการ์ดจอกราฟิก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็กินพลังงานเยอะเช่นกัน จึงถือว่าเป็นการ์ดจอที่เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่ว ๆ ไป และหน้าจอที่สามารถรองรับภาพจากการ์ดจอนี้ได้เต็มประสิทธิภาพอาจยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น

    เรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการพิจารณาเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราคา แต่ยังเกี่ยวกับความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของงานในระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพ การวิเคราะห์ AI และการทำงานอื่น ๆ ที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิกที่หนักหน่วง

    นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการที่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Dell, Lenovo และ HP ยังไม่ได้ปล่อยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้การ์ดจอ RTX 5090

    https://www.techradar.com/pro/comino-has-workstation-pcs-with-8-yes-8-nvidia-rtx-5090-gpus-for-less-than-usd60-000-but-thats-not-the-best-news
    ใครอยากได้ยกมือขึ้น !!! บริษัท Comino เพิ่งเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันที่มีการติดตั้งการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 จำนวน 8 ใบ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เยอะมากและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพ เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น Bizon ZX5500 ของ Comino นี้มีการใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 5090 ขนาด 32GB ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวน 7 ใบ ซึ่งถือเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดในขณะนี้ การซื้อผ่านผู้สร้างระบบแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการรอคอยที่ยาวนานหลายเดือน ราคาของ ZX5500 นี้อยู่ที่ประมาณ 102,000 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เช่น MIFCOM’s Big Boss ที่มีการ์ดจอ RTX 4090 จำนวน 7 ใบ การติดตั้งเครื่องนี้ยังต้องการพาวเวอร์ซัพพลายที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 6Kw ซึ่งเพิ่มราคาอีกประมาณ 85,000 ดอลลาร์ การ์ดจอ RTX 5090 นี้มีราคาขายปลีกที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ แต่การ์ดจอรุ่นนี้มีจำนวนจำกัดและผู้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเวิร์คสเตชันยังคงต้องรอการส่งมอบ การ์ดจอ RTX 5090 ถูกเรียกว่าเป็น "ซูเปอร์คาร์" ของการ์ดจอกราฟิก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็กินพลังงานเยอะเช่นกัน จึงถือว่าเป็นการ์ดจอที่เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่ว ๆ ไป และหน้าจอที่สามารถรองรับภาพจากการ์ดจอนี้ได้เต็มประสิทธิภาพอาจยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น เรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการพิจารณาเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราคา แต่ยังเกี่ยวกับความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของงานในระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพ การวิเคราะห์ AI และการทำงานอื่น ๆ ที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิกที่หนักหน่วง นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการที่บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Dell, Lenovo และ HP ยังไม่ได้ปล่อยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้การ์ดจอ RTX 5090 https://www.techradar.com/pro/comino-has-workstation-pcs-with-8-yes-8-nvidia-rtx-5090-gpus-for-less-than-usd60-000-but-thats-not-the-best-news
    WWW.TECHRADAR.COM
    Who wants one RTX 5090 GPU when you can have 8 of them in a watercooled system for less than $60,000
    This workstation has eight of Nvidia's fastest GPUs ever launched and yes, you can absolutely buy it
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง

    ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI

    อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม

    เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด

    ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    บริษัท Samsung Electronics ประกาศเสนอชื่อผู้บริหารฝ่ายธุรกิจชิป Jun Young-hyun และ Chief Technology Officer Song Jai-hyuk เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ที่กำลังประสบปัญหา นอกจากนี้ยังเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ Lee Hyuk-jae จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลเป็นกรรมการบริหารภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชิปและเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยเซมิคอนดักเตอร์ของมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เสียตำแหน่งให้กับคู่แข่งภายในประเทศอย่าง SK Hynix ในด้านชิป HBM ที่ใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก AI ของ Nvidia การเสนอชื่อผู้บริหารใหม่จะต้องผ่านการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม เรื่องที่น่าสนใจคือการที่ Samsung พยายามกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงรถยนต์อัจฉริยะ ความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจนี้จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด ในขณะนี้ Samsung กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากคู่แข่งหลายราย ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอย่าง SK Hynix หรือบริษัทระดับโลกอย่าง Intel และ TSMC การเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในอนาคตของบริษัท. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/samsung-electronics-nominates-chip-execs-as-new-board-members
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Samsung Electronics nominates chip execs as new board members
    SEOUL (Reuters) - Samsung Electronics on Tuesday nominated its chip business chief Jun Young-hyun and Chief Technology Officer Song Jai-hyuk to join its board, as the tech giant looks to boost competitiveness in its struggling semiconductor business.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel

    การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง

    นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026

    เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น

    การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD

    https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Celestial dGPUs Are Expected To Feature The Xe3P Architecture, Will Likely Use Intel Foundry Instead of TSMC
    Intel's next-gen Celestial discrete GPUs are expected to feature the Xe3P architecture and could potentially be developed by the IFS.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ได้ก่อให้เกิดความกังวลในเรื่องความมั่นคงของชาติในหลายประเทศ โดยแอปนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่มีราคาถูกและไม่ซับซ้อนจาก Nvidia และทำให้มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ลดลงหลายพันล้านดอลลาร์เมื่อเปิดตัวโปรแกรม R1

    หลายประเทศเช่น อิตาลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ได้สั่งห้ามการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลที่มีความสำคัญ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการออกกฎหมายเพื่อห้ามใช้งาน DeepSeek บนอุปกรณ์ของรัฐบาล เนื่องจาก DeepSeek เป็นผลิตภัณฑ์จากจีนและอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ

    โครงการพัฒนาเทคโนโลยีเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยในการแก้ปัญหาทางเทคนิค แต่ยังทำให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนในซอฟต์แวร์และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านเทคโนโลยีอีกด้วย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/17/chatbot-vs-national-security-why-deepseek-is-raising-concerns
    DeepSeek ได้ก่อให้เกิดความกังวลในเรื่องความมั่นคงของชาติในหลายประเทศ โดยแอปนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่มีราคาถูกและไม่ซับซ้อนจาก Nvidia และทำให้มูลค่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ลดลงหลายพันล้านดอลลาร์เมื่อเปิดตัวโปรแกรม R1 หลายประเทศเช่น อิตาลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ได้สั่งห้ามการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลที่มีความสำคัญ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการออกกฎหมายเพื่อห้ามใช้งาน DeepSeek บนอุปกรณ์ของรัฐบาล เนื่องจาก DeepSeek เป็นผลิตภัณฑ์จากจีนและอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยในการแก้ปัญหาทางเทคนิค แต่ยังทำให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนในซอฟต์แวร์และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านเทคโนโลยีอีกด้วย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/17/chatbot-vs-national-security-why-deepseek-is-raising-concerns
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chatbot vs national security? Why DeepSeek is raising concerns
    Governments from Rome to Seoul are cracking down on the user-friendly Chinese app, saying they need to prevent potential leaks of sensitive information through generative AI services.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวจาก Tom's Hardware ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ GeForce RTX 5090 ซีพียูตัวใหม่ของ Nvidia ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนการผลิตและจัดส่งที่สูงมากในเดือนหน้า แหล่งข่าวภายในระบุว่าเหตุผลหลักที่ Nvidia สามารถเพิ่มการผลิตได้อย่างมากในครั้งนี้ เพราะความต้องการใช้ชิป GB200 สำหรับศูนย์ข้อมูลลดลง จึงนำวัสดุที่เกินมาผลิตชิป GB202 สำหรับซีพียู GeForce RTX 5090

    การเพิ่มการผลิตนี้ยังเกิดขึ้นเพื่อรองรับตลาดผู้บริโภคที่มีความต้องการสูงมากขึ้น หลังจากที่ GeForce RTX 50 เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนี้ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ AMD ที่ใช้ชิป RDNA 4 ที่กำลังจะมีขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Nvidia เร่งการผลิตซีพียู GeForce RTX 5090 เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาด

    การเปลี่ยนแปลงนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของ Nvidia ในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงในวงการเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-supplies-to-be-stupidly-high-next-month-as-gb200-wafers-get-repurposed-asserts-leaker
    มีข่าวจาก Tom's Hardware ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ GeForce RTX 5090 ซีพียูตัวใหม่ของ Nvidia ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนการผลิตและจัดส่งที่สูงมากในเดือนหน้า แหล่งข่าวภายในระบุว่าเหตุผลหลักที่ Nvidia สามารถเพิ่มการผลิตได้อย่างมากในครั้งนี้ เพราะความต้องการใช้ชิป GB200 สำหรับศูนย์ข้อมูลลดลง จึงนำวัสดุที่เกินมาผลิตชิป GB202 สำหรับซีพียู GeForce RTX 5090 การเพิ่มการผลิตนี้ยังเกิดขึ้นเพื่อรองรับตลาดผู้บริโภคที่มีความต้องการสูงมากขึ้น หลังจากที่ GeForce RTX 50 เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนี้ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ AMD ที่ใช้ชิป RDNA 4 ที่กำลังจะมีขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Nvidia เร่งการผลิตซีพียู GeForce RTX 5090 เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาด การเปลี่ยนแปลงนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของ Nvidia ในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงในวงการเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-supplies-to-be-stupidly-high-next-month-as-gb200-wafers-get-repurposed-asserts-leaker
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    RTX 5090 supplies to be 'stupidly high' next month as GB200 wafers get repurposed, asserts leaker
    Nvidia's Blackwell data center demand dip could mean scalpers have to take a loss.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่ทำจากชิป Nvidia H100 โดยกระเป๋านี้มีราคาสูงถึง $65,000 และได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแฟชั่นและเทคโนโลยี กระเป๋านี้มีชิป GH100 อยู่ตรงกลางและมีชิ้นส่วน inductors LR22 และ LR33 รอบข้าง แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากระเป๋านี้ใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่กระเป๋านี้ได้รับความสนใจมากเนื่องจากราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายของ H100 AI GPU ถึงสองเท่า

    นอกจากนี้ การนำชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มาทำเป็นสินค้าหรูหรายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับแฟชั่น เช่นเครื่องประดับจากชิ้นส่วน CPU ที่สามารถหาซื้อได้บน Etsy กระเป๋าเงินนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงการแฟชั่นที่นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในสินค้าหรูหรา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/flaunt-your-style-with-this-usd65-000-nvidia-h100-purse
    มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่ทำจากชิป Nvidia H100 โดยกระเป๋านี้มีราคาสูงถึง $65,000 และได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแฟชั่นและเทคโนโลยี กระเป๋านี้มีชิป GH100 อยู่ตรงกลางและมีชิ้นส่วน inductors LR22 และ LR33 รอบข้าง แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากระเป๋านี้ใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่กระเป๋านี้ได้รับความสนใจมากเนื่องจากราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายของ H100 AI GPU ถึงสองเท่า นอกจากนี้ การนำชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มาทำเป็นสินค้าหรูหรายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับแฟชั่น เช่นเครื่องประดับจากชิ้นส่วน CPU ที่สามารถหาซื้อได้บน Etsy กระเป๋าเงินนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงการแฟชั่นที่นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในสินค้าหรูหรา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/flaunt-your-style-with-this-usd65-000-nvidia-h100-purse
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia H100 purse hits the market for $65,000
    “This purse is subject to export controls,” says the seller.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ซึ่งกำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องกลุ่มในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ได้ถูกกล่าวหาว่าดาวน์โหลดหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 82TB จากเว็บไซต์เงาเช่น Anna’s Archive, Z-Library, และ LibGen เพื่อฝึก AI ของตน ข้อมูลจากเอกสารศาลระบุว่า Meta ทำการฝึก AI ของตนโดยใช้ข้อมูลที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากเว็บไซต์เหล่านี้

    การเปิดเผยข้อมูลภายในองค์กรระบุว่า มีพนักงานบางคนที่แสดงความกังวลในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2022 หนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า "เราไม่ควรใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์" ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า "การใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์ควรจะเกินกว่าขอบเขตทางจริยธรรมของเรา"

    ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเหล่านี้ Meta ก็ยังดำเนินการต่อไปและพยายามปิดบังการกระทำดังกล่าว ในเดือนเมษายน 2023 พนักงานคนหนึ่งเตือนว่าไม่ควรใช้ที่อยู่ IP ขององค์กรในการเข้าถึงเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า "การดาวน์โหลดไฟล์ Torrent จากคอมพิวเตอร์องค์กรรู้สึกไม่เหมาะสม" พร้อมกับใส่สัญลักษณ์หัวเราะ

    มีรายงานเพิ่มเติมว่าในเดือนมกราคม 2023 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้เข้าร่วมการประชุมที่แสดงความต้องการที่จะนำ AI มาใช้ในบริษัทถึงแม้ว่าจะมีข้อคัดค้านภายใน

    นอกจากนี้ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายในเรื่องการฝึก AI OpenAI ก็ถูกฟ้องร้องหลายครั้งเนื่องจากการใช้หนังสือที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกับ Nvidia ที่ถูกตรวจสอบเรื่องการฝึกโมเดล NeMo ของตนด้วยหนังสือเกือบ 200,000 เล่ม และการรวบรวมวิดีโอมากกว่า 426,000 ชั่วโมงต่อวันเพื่อการพัฒนา AI

    https://www.techradar.com/pro/meta-purportedly-trained-its-ai-on-more-than-80tb-of-pirated-content-and-then-open-sourced-llama-for-the-greater-good
    Meta ซึ่งกำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องกลุ่มในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ได้ถูกกล่าวหาว่าดาวน์โหลดหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 82TB จากเว็บไซต์เงาเช่น Anna’s Archive, Z-Library, และ LibGen เพื่อฝึก AI ของตน ข้อมูลจากเอกสารศาลระบุว่า Meta ทำการฝึก AI ของตนโดยใช้ข้อมูลที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากเว็บไซต์เหล่านี้ การเปิดเผยข้อมูลภายในองค์กรระบุว่า มีพนักงานบางคนที่แสดงความกังวลในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2022 หนึ่งในนั้นได้กล่าวว่า "เราไม่ควรใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์" ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า "การใช้วัสดุละเมิดลิขสิทธิ์ควรจะเกินกว่าขอบเขตทางจริยธรรมของเรา" ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเหล่านี้ Meta ก็ยังดำเนินการต่อไปและพยายามปิดบังการกระทำดังกล่าว ในเดือนเมษายน 2023 พนักงานคนหนึ่งเตือนว่าไม่ควรใช้ที่อยู่ IP ขององค์กรในการเข้าถึงเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า "การดาวน์โหลดไฟล์ Torrent จากคอมพิวเตอร์องค์กรรู้สึกไม่เหมาะสม" พร้อมกับใส่สัญลักษณ์หัวเราะ มีรายงานเพิ่มเติมว่าในเดือนมกราคม 2023 มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ได้เข้าร่วมการประชุมที่แสดงความต้องการที่จะนำ AI มาใช้ในบริษัทถึงแม้ว่าจะมีข้อคัดค้านภายใน นอกจากนี้ Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายในเรื่องการฝึก AI OpenAI ก็ถูกฟ้องร้องหลายครั้งเนื่องจากการใช้หนังสือที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกับ Nvidia ที่ถูกตรวจสอบเรื่องการฝึกโมเดล NeMo ของตนด้วยหนังสือเกือบ 200,000 เล่ม และการรวบรวมวิดีโอมากกว่า 426,000 ชั่วโมงต่อวันเพื่อการพัฒนา AI https://www.techradar.com/pro/meta-purportedly-trained-its-ai-on-more-than-80tb-of-pirated-content-and-then-open-sourced-llama-for-the-greater-good
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีกระแสข่าวที่กำลังลือกันในวงการเทคโนโลยีว่าบริษัท AMD กำลังพัฒนากราฟิกการ์ด RDNA 4 รุ่นใหม่ที่มีหน่วยความจำ VRAM สูงถึง 32GB ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งกับ Nvidia RTX 5090 ที่มีชื่อเสียง แม้ว่าข่าวนี้จะดูน่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม แต่น่าเสียดายที่กราฟิกการ์ดนี้น่าจะถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและแอปพลิเคชันทางด้านมืออาชีพ

    มีการอัพเดทว่า กราฟิกการ์ดนี้จะมีชื่อรุ่น RX 9070 XT 32GB และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาสที่สอง โดยมีราคาที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐานมาก และถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานด้าน AI โดยเฉพาะ แต่ยังคงเป็นการ์ดที่ใช้สำหรับการเล่นเกมและไม่ใช่ Radeon Pro

    ข่าวลือนี้มาจาก Chiphell ฟอรัมที่เน้นเทคโนโลยีในจีน จึงต้องใช้วิจารณญาณในการรับฟัง แม้ว่า AMD จะยืนยันว่าในรุ่น RX 9000 ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้จะไม่เน้นการแข่งขันกับ Nvidia แต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาและการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับกลางและล่างมากกว่า เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท

    ที่น่าสนใจคือ RX 9070 XT นี้คาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ $599 ซึ่งถูกกว่า RTX 5070 Ti ถึง $150 ส่วน RX 9070 คาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า RTX 5070 ที่ $549

    https://www.techspot.com/news/106739-amd-could-developing-32gb-rdna-4-gpu-enterprise.html
    มีกระแสข่าวที่กำลังลือกันในวงการเทคโนโลยีว่าบริษัท AMD กำลังพัฒนากราฟิกการ์ด RDNA 4 รุ่นใหม่ที่มีหน่วยความจำ VRAM สูงถึง 32GB ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งกับ Nvidia RTX 5090 ที่มีชื่อเสียง แม้ว่าข่าวนี้จะดูน่าสนใจสำหรับนักเล่นเกม แต่น่าเสียดายที่กราฟิกการ์ดนี้น่าจะถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและแอปพลิเคชันทางด้านมืออาชีพ มีการอัพเดทว่า กราฟิกการ์ดนี้จะมีชื่อรุ่น RX 9070 XT 32GB และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายไตรมาสที่สอง โดยมีราคาที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐานมาก และถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานด้าน AI โดยเฉพาะ แต่ยังคงเป็นการ์ดที่ใช้สำหรับการเล่นเกมและไม่ใช่ Radeon Pro ข่าวลือนี้มาจาก Chiphell ฟอรัมที่เน้นเทคโนโลยีในจีน จึงต้องใช้วิจารณญาณในการรับฟัง แม้ว่า AMD จะยืนยันว่าในรุ่น RX 9000 ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้จะไม่เน้นการแข่งขันกับ Nvidia แต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาและการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับกลางและล่างมากกว่า เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท ที่น่าสนใจคือ RX 9070 XT นี้คาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ $599 ซึ่งถูกกว่า RTX 5070 Ti ถึง $150 ส่วน RX 9070 คาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า RTX 5070 ที่ $549 https://www.techspot.com/news/106739-amd-could-developing-32gb-rdna-4-gpu-enterprise.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD could be developing a 32GB RDNA 4 GPU: possible RTX 5090 rival or enterprise only?
    Update: The leaker now claims the card will be the RX 9070 XT 32GB, priced much higher than the standard version, and will launch at the end...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้จาก TechPowerUp กล่าวถึงรายงานความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Intel ที่วิพากษ์วิจารณ์คู่แข่งอย่าง AMD และ Nvidia โดย Intel ระบุว่า AMD มีจำนวนช่องโหว่ของเฟิร์มแวร์มากกว่า 4 เท่า และ Nvidia มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยใน GPU มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับ Intel

    รายงานของ Intel เน้นย้ำว่าในปีที่ผ่านมา ทีมวิจัยด้านความปลอดภัยภายในของ Intel ได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ภายในบริษัทถึง 96% และทุกปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ที่พบได้รับการแก้ไขภายในบริษัทเอง ขณะที่ AMD และ Nvidia ถูกวิจารณ์ว่ามีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่มากมาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/intel-roasts-amd-and-nvidia-in-its-latest-product-security-report-says-amd-has-78-vulnerabilities-with-no-fix-planned-nvidia-has-only-high-severity-security-bugs
    บทความนี้จาก TechPowerUp กล่าวถึงรายงานความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Intel ที่วิพากษ์วิจารณ์คู่แข่งอย่าง AMD และ Nvidia โดย Intel ระบุว่า AMD มีจำนวนช่องโหว่ของเฟิร์มแวร์มากกว่า 4 เท่า และ Nvidia มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยใน GPU มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับ Intel รายงานของ Intel เน้นย้ำว่าในปีที่ผ่านมา ทีมวิจัยด้านความปลอดภัยภายในของ Intel ได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ภายในบริษัทถึง 96% และทุกปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ที่พบได้รับการแก้ไขภายในบริษัทเอง ขณะที่ AMD และ Nvidia ถูกวิจารณ์ว่ามีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่มากมาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/intel-roasts-amd-and-nvidia-in-its-latest-product-security-report-says-amd-has-78-vulnerabilities-with-no-fix-planned-nvidia-has-only-high-severity-security-bugs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • การแข่งขันระหว่าง Nvidia และ AMD ในตลาด GPU อาจจะเข้มข้นขึ้นเมื่อ AMD เตรียมเปิดตัวการ์ดกราฟิกซีรีส์ Radeon RX 9000 ด้วยราคาที่ "ก้าวร้าว" เพื่อต่อสู้กับ Nvidia GeForce RTX 5090 ซึ่งมีปัญหาการขาดแคลนสินค้า

    จากข้อมูลของ Wccftech มีข่าวลือว่า AMD จะตั้งราคาการ์ดกราฟิก Radeon RX 9000 ต่ำพอที่จะทำให้ Nvidia ต้องลำบาก โดยคาดว่าราคาของ RX 9070 จะอยู่ในช่วง $500 - $600 ซึ่งจะทำให้แข่งขันโดยตรงกับ GeForce RTX 5070 และ 5070 Ti ที่มีราคาเปิดตัวในเดือนนี้อยู่ที่ $549 และ $749 ตามลำดับ

    ตลาดการ์ดกราฟิกปัจจุบันถูกครองโดย Nvidia โดยเห็นได้จากผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แต่ AMD มีโอกาสที่จะดึงดูดผู้ใช้งานมาใช้ผลิตภัณฑ์ของตนได้หากตั้งราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการ์ด RX 9070 XT ที่อาจจะเทียบเท่ากับ RTX 5070 Ti

    https://www.techradar.com/computing/gpu/the-nvidia-vs-amd-gpu-fight-could-be-about-to-get-really-interesting-with-aggressive-radeon-rx-9000-pricing-amidst-rtx-5090-stock-woes
    การแข่งขันระหว่าง Nvidia และ AMD ในตลาด GPU อาจจะเข้มข้นขึ้นเมื่อ AMD เตรียมเปิดตัวการ์ดกราฟิกซีรีส์ Radeon RX 9000 ด้วยราคาที่ "ก้าวร้าว" เพื่อต่อสู้กับ Nvidia GeForce RTX 5090 ซึ่งมีปัญหาการขาดแคลนสินค้า จากข้อมูลของ Wccftech มีข่าวลือว่า AMD จะตั้งราคาการ์ดกราฟิก Radeon RX 9000 ต่ำพอที่จะทำให้ Nvidia ต้องลำบาก โดยคาดว่าราคาของ RX 9070 จะอยู่ในช่วง $500 - $600 ซึ่งจะทำให้แข่งขันโดยตรงกับ GeForce RTX 5070 และ 5070 Ti ที่มีราคาเปิดตัวในเดือนนี้อยู่ที่ $549 และ $749 ตามลำดับ ตลาดการ์ดกราฟิกปัจจุบันถูกครองโดย Nvidia โดยเห็นได้จากผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แต่ AMD มีโอกาสที่จะดึงดูดผู้ใช้งานมาใช้ผลิตภัณฑ์ของตนได้หากตั้งราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการ์ด RX 9070 XT ที่อาจจะเทียบเท่ากับ RTX 5070 Ti https://www.techradar.com/computing/gpu/the-nvidia-vs-amd-gpu-fight-could-be-about-to-get-really-interesting-with-aggressive-radeon-rx-9000-pricing-amidst-rtx-5090-stock-woes
    WWW.TECHRADAR.COM
    The Nvidia vs AMD GPU fight could be about to get really interesting with ‘aggressive’ Radeon RX 9000 pricing amidst RTX 5090 stock woes
    Can’t buy an Nvidia RTX 5090? AMD could be ready to win you over with aggressive Radeon RX 9000 pricing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025

    OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา

    OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง

    การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น

    โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น

    https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Is In The Process Of Finalizing The Design Of Its Custom AI Chip In The Next Few Months, Tape-Out Process At TSMC Could Commence From H1 2025
    The first custom AI chip from OpenAI could materialize, with the company reportedly finalizing the design in the next few months
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการพัฒนาเครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำสำหรับการ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 โดย Der8auer นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมัน ผลิตภัณฑ์ต้นแบบของเขาสามารถลดอุณหภูมิของ GPU จาก 73.8 องศาเซลเซียส ลงไปถึง 43.8 องศาเซลเซียส ทำให้การทำงานของการ์ดจอมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกแบบเครื่องระบายความร้อนนี้ทำจากทองแดงทั้งหมด รวมถึงแผ่นเย็นและฝาครอบด้านนอก การทดลองครั้งนี้เป็นการพิสูจน์แนวคิด ซึ่งยังไม่มีการเพิ่มลูกเล่นด้านสวยงามเช่นแสง RGB

    แม้ว่าเครื่องระบายความร้อนนี้จะยังมีปัญหาด้านการสนับสนุนโครงสร้างสำหรับช่องเสียบ PCIe แต่ผลการทดสอบก็ถือว่าทำได้ดีมาก สามารถลดอุณหภูมิของหน่วยความจำได้ถึง 38 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับการระบายความร้อนแบบดั้งเดิม

    เครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากการ์ดจอ เนื่องจากช่วยลดอุณหภูมิและเสียงรบกวน ทำให้การทำงานของระบบมีความเสถียรมากขึ้น การพัฒนานี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ความสามารถของการ์ดจออย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิ

    โดยรวมแล้ว การพัฒนาเครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำสำหรับ RTX 5090 นี้เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการ์ดจอ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/custom-rtx-5090-water-block-drops-gpu-temps-by-30c
    บทความนี้กล่าวถึงการพัฒนาเครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำสำหรับการ์ดจอ NVIDIA RTX 5090 โดย Der8auer นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมัน ผลิตภัณฑ์ต้นแบบของเขาสามารถลดอุณหภูมิของ GPU จาก 73.8 องศาเซลเซียส ลงไปถึง 43.8 องศาเซลเซียส ทำให้การทำงานของการ์ดจอมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกแบบเครื่องระบายความร้อนนี้ทำจากทองแดงทั้งหมด รวมถึงแผ่นเย็นและฝาครอบด้านนอก การทดลองครั้งนี้เป็นการพิสูจน์แนวคิด ซึ่งยังไม่มีการเพิ่มลูกเล่นด้านสวยงามเช่นแสง RGB แม้ว่าเครื่องระบายความร้อนนี้จะยังมีปัญหาด้านการสนับสนุนโครงสร้างสำหรับช่องเสียบ PCIe แต่ผลการทดสอบก็ถือว่าทำได้ดีมาก สามารถลดอุณหภูมิของหน่วยความจำได้ถึง 38 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับการระบายความร้อนแบบดั้งเดิม เครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากการ์ดจอ เนื่องจากช่วยลดอุณหภูมิและเสียงรบกวน ทำให้การทำงานของระบบมีความเสถียรมากขึ้น การพัฒนานี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ความสามารถของการ์ดจออย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิ โดยรวมแล้ว การพัฒนาเครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำสำหรับ RTX 5090 นี้เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการ์ดจอ และยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/custom-rtx-5090-water-block-drops-gpu-temps-by-30c
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Custom RTX 5090 water block drops GPU temps by 30C
    It has some rough edges, but it was able to reduce temperatures by 30 degrees compared to stock.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5090 และ RTX 5090D ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายคนรายงานว่าการ์ดจอของพวกเขาเกิดอาการ "brick" หรือไม่สามารถใช้งานได้หลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ NVIDIA ได้รับรายงานเหล่านี้และกำลังดำเนินการสอบสวนปัญหาดังกล่าว

    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมีรายงานจากผู้ใช้งานที่พบว่าการ์ดจอ RTX 5090 และ RTX 5090D ของพวกเขาไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ และแสดงเพียงหน้าจอดำหลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ แม้จะพยายามแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ปัญหายังคงอยู่ บางคนพบว่าการ์ดจอไม่ถูกตรวจพบใน Device Manager หรือ BIOS แม้แต่หลังจากทำการรีเซ็ต BIOS แล้ว

    สาเหตุของปัญหานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสถาปัตยกรรมหรือความเข้ากันได้ของไดรเวอร์มากกว่าปัญหาด้านฮาร์ดแวร์เอง NVIDIA ได้ตอบกลับว่าพวกเขากำลังสอบสวนเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนในขณะนี้

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ASUS ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ROG Astral GeForce RTX 5090 'Dhahab' OC Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับตลาดในตะวันออกกลาง ด้วยราคาที่สูงถึง $3409 ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้นอย่างมากจากการ์ดจอ RTX 5090 รุ่นอื่น ๆ

    ในส่วนของการตอบรับตลาด ผู้ใช้งานหลายคนยังคงรอคอยการแก้ไขปัญหาจาก NVIDIA และคาดหวังว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนออกมาในเร็ว ๆ นี้

    https://wccftech.com/nvidia-responds-to-bricked-rtx-5090-5090d-gpus-says-it-is-investigating-issues/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5090 และ RTX 5090D ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายคนรายงานว่าการ์ดจอของพวกเขาเกิดอาการ "brick" หรือไม่สามารถใช้งานได้หลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ NVIDIA ได้รับรายงานเหล่านี้และกำลังดำเนินการสอบสวนปัญหาดังกล่าว เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมีรายงานจากผู้ใช้งานที่พบว่าการ์ดจอ RTX 5090 และ RTX 5090D ของพวกเขาไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ และแสดงเพียงหน้าจอดำหลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ แม้จะพยายามแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ปัญหายังคงอยู่ บางคนพบว่าการ์ดจอไม่ถูกตรวจพบใน Device Manager หรือ BIOS แม้แต่หลังจากทำการรีเซ็ต BIOS แล้ว สาเหตุของปัญหานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสถาปัตยกรรมหรือความเข้ากันได้ของไดรเวอร์มากกว่าปัญหาด้านฮาร์ดแวร์เอง NVIDIA ได้ตอบกลับว่าพวกเขากำลังสอบสวนเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ASUS ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ROG Astral GeForce RTX 5090 'Dhahab' OC Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับตลาดในตะวันออกกลาง ด้วยราคาที่สูงถึง $3409 ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้นอย่างมากจากการ์ดจอ RTX 5090 รุ่นอื่น ๆ ในส่วนของการตอบรับตลาด ผู้ใช้งานหลายคนยังคงรอคอยการแก้ไขปัญหาจาก NVIDIA และคาดหวังว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนออกมาในเร็ว ๆ นี้ https://wccftech.com/nvidia-responds-to-bricked-rtx-5090-5090d-gpus-says-it-is-investigating-issues/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Responds To Bricked RTX 5090/5090D GPUs, Says It Is "Investigating" The Reported Issues
    After several reports of supposedly bricked GeForce RTX 5090 GPUs emerged, NVIDIA started investigating the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bill Gates ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท Intel โดยเขากล่าวว่า Intel ได้สูญเสียทิศทางและตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Intel เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการพัฒนาจากกระบวนการผลิต 14nm ไปยัง 10nm และต่อมาก็มีความล่าช้าในกระบวนการผลิต 7nm นอกจากนี้ Intel ยังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ AMD และมีปัญหากับเรื่องความปลอดภัยและการพัฒนาชิป Raptor Lake ในที่สุด CEO ของบริษัท Pat Gelsinger ก็ถูกปลดออกเมื่อปีที่แล้ว

    Bill Gates กล่าวว่าตนเองรู้สึกตกใจที่ Intel ได้สูญเสียทิศทาง โดยอดีตผู้ก่อตั้ง Intel, Gordon Moore เคยรักษามาตรฐานของ Intel ให้อยู่ในระดับที่ทันสมัย แต่ปัจจุบันนั้น Intel กลับตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป นอกจากนี้ Intel ยังพลาดโอกาสในยุคของชิป AI ซึ่งบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia, TSMC และ Qualcomm ต่างก้าวหน้าไปไกลแล้ว

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Bill Gates ยกย่องอดีต CEO ของ Intel, Pat Gelsinger ที่พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมีความกล้าหาญในการดำเนินงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของ Intel อาจเป็นเรื่องยากในขณะนี้

    https://www.techspot.com/news/106674-bill-gates-intel-has-lost-way-falling-behind.html
    Bill Gates ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท Intel โดยเขากล่าวว่า Intel ได้สูญเสียทิศทางและตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Intel เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น ความล่าช้าในการพัฒนาจากกระบวนการผลิต 14nm ไปยัง 10nm และต่อมาก็มีความล่าช้าในกระบวนการผลิต 7nm นอกจากนี้ Intel ยังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ AMD และมีปัญหากับเรื่องความปลอดภัยและการพัฒนาชิป Raptor Lake ในที่สุด CEO ของบริษัท Pat Gelsinger ก็ถูกปลดออกเมื่อปีที่แล้ว Bill Gates กล่าวว่าตนเองรู้สึกตกใจที่ Intel ได้สูญเสียทิศทาง โดยอดีตผู้ก่อตั้ง Intel, Gordon Moore เคยรักษามาตรฐานของ Intel ให้อยู่ในระดับที่ทันสมัย แต่ปัจจุบันนั้น Intel กลับตามหลังในเรื่องการออกแบบและผลิตชิป นอกจากนี้ Intel ยังพลาดโอกาสในยุคของชิป AI ซึ่งบริษัทอื่น ๆ เช่น Nvidia, TSMC และ Qualcomm ต่างก้าวหน้าไปไกลแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ Bill Gates ยกย่องอดีต CEO ของ Intel, Pat Gelsinger ที่พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และมีความกล้าหาญในการดำเนินงาน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของ Intel อาจเป็นเรื่องยากในขณะนี้ https://www.techspot.com/news/106674-bill-gates-intel-has-lost-way-falling-behind.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says Intel has lost its way, fallen behind in chip design and fabrication
    An interview with Gates by the Associated Press notes how the billionaire has a soft spot for Intel. The publication suggesting that his career might have gone...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ

    จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060

    จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB

    การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด

    https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060 จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD promises mainstream 4K gaming on Radeon RX 9070 series in early March
    AMD CEO Lisa Su has confirmed that the company's new Radeon RX 9070 and 9070 XT GPUs will launch in early March. She indicated that the two...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm Holdings ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชิปที่ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 6% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ รายงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Arm ประกาศรายได้ไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

    ตั้งแต่ที่ Arm เข้าตลาดหุ้นในปี 2023 มูลค่าตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า Arm จะได้รับส่วนแบ่งสำคัญจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Arm ไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตในช่วงบูมมากเท่าไร เนื่องจากบริษัททำรายได้จากการขึ้นค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์และค่าตอบแทนจากชิปที่ขายโดยบริษัทอื่น ๆ

    รายได้สำหรับทั้งปี Arm ได้ปรับลดลงมาที่ $3.94 พันล้าน ถึง $4.04 พันล้าน จากช่วงเดิมที่ $3.8 พันล้าน ถึง $4.1 พันล้าน ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสที่สี่อยู่ระหว่าง $1.18 พันล้าน ถึง $1.28 พันล้าน ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $1.22 พันล้าน

    เทคโนโลยี Armv9 ซึ่งถูกใช้ในชิปที่ขับเคลื่อน iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple มีโครงสร้างการทำข้อตกลงที่สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมได้ในแต่ละรุ่นใหม่ที่ออกมา นอกจากนี้ Arm ยังมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Oracle, และ Arm เอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/chip-tech-provider-arm-narrows-full-year-forecast-stock-falls
    บริษัท Arm Holdings ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชิปที่ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 6% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ รายงานนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Arm ประกาศรายได้ไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ตั้งแต่ที่ Arm เข้าตลาดหุ้นในปี 2023 มูลค่าตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า Arm จะได้รับส่วนแบ่งสำคัญจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Arm ไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตในช่วงบูมมากเท่าไร เนื่องจากบริษัททำรายได้จากการขึ้นค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์และค่าตอบแทนจากชิปที่ขายโดยบริษัทอื่น ๆ รายได้สำหรับทั้งปี Arm ได้ปรับลดลงมาที่ $3.94 พันล้าน ถึง $4.04 พันล้าน จากช่วงเดิมที่ $3.8 พันล้าน ถึง $4.1 พันล้าน ทั้งนี้ คาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาสที่สี่อยู่ระหว่าง $1.18 พันล้าน ถึง $1.28 พันล้าน ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $1.22 พันล้าน เทคโนโลยี Armv9 ซึ่งถูกใช้ในชิปที่ขับเคลื่อน iPhone รุ่นล่าสุดของ Apple มีโครงสร้างการทำข้อตกลงที่สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมได้ในแต่ละรุ่นใหม่ที่ออกมา นอกจากนี้ Arm ยังมีบทบาทสำคัญในโครงการ Stargate ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $500 พันล้าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank, Oracle, และ Arm เอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/chip-tech-provider-arm-narrows-full-year-forecast-stock-falls
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chip tech provider Arm narrows full-year forecast, stock plunges
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Chip tech provider Arm Holdings said on Wednesday it will no longer meet the top end of its previous full-year guidance, but slightly topped Wall Street's current-quarter expectations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้

    การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าผลกระทบจากความสนใจของตลาดต่อ AI ได้ส่งผลให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์เติบโตสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2024 รายได้จากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 18.1% จากปี 2023 รวมเป็นมูลค่าถึง 626 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้คาดว่ารายได้ในปี 2025 อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 705 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยชิป AI และตัวเร่งการประมวลผลที่ออกแบบมาเฉพาะได้สร้างส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนี้

    George Brocklehurst, รองประธานนักวิเคราะห์จาก Gartner กล่าวว่าชิป GPU และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และการ์ดเร่งการประมวลผล เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตในปี 2024 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบริการ AI แบบกำเนิดและงานที่ต้องการประมวลผลในศูนย์ข้อมูลได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ชิปในศูนย์ข้อมูลกลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    รายได้จากชิปที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 112 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 แม้ว่าจะมีความกังวลจากบางฝ่ายว่าอาจเกิดฟองสบู่ AI ขึ้น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการเพิ่มขึ้นของ AI ได้ทำให้ Samsung กลายเป็นผู้นำตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีรายได้รวมถึง 66.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Intel กลายเป็นที่สองด้วยรายได้ 49.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

    Nvidia ก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 84% รวมเป็น 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลายเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่มีรายได้เป็นอันดับสามของโลกเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการชิปตัวเร่งการประมวลผลและการ์ด GeForce RTX ที่มีราคาสูง

    ทั้งนี้ เก้าจากสิบบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำได้ทำสถิติรายได้สูงสุดในปี 2024 โดย SK Hynix ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากเกาหลีมีการเติบโตสูงสุดถึง 86% รวมเป็นรายได้ 42.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหน่วยความจำมีการขยายตัวอย่างมากถึง 71.8% ในปี 2024

    จากการเติบโตนี้ เราเห็นได้ชัดว่า AI เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในปี 2025

    https://www.techspot.com/news/106637-ai-boom-fuels-semiconductor-growth-2025-set-more.html
    มีรายงานว่าผลกระทบจากความสนใจของตลาดต่อ AI ได้ส่งผลให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์เติบโตสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2024 รายได้จากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 18.1% จากปี 2023 รวมเป็นมูลค่าถึง 626 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้คาดว่ารายได้ในปี 2025 อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 705 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยชิป AI และตัวเร่งการประมวลผลที่ออกแบบมาเฉพาะได้สร้างส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนี้ George Brocklehurst, รองประธานนักวิเคราะห์จาก Gartner กล่าวว่าชิป GPU และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และการ์ดเร่งการประมวลผล เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตในปี 2024 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบริการ AI แบบกำเนิดและงานที่ต้องการประมวลผลในศูนย์ข้อมูลได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ชิปในศูนย์ข้อมูลกลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รายได้จากชิปที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 112 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 แม้ว่าจะมีความกังวลจากบางฝ่ายว่าอาจเกิดฟองสบู่ AI ขึ้น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการเพิ่มขึ้นของ AI ได้ทำให้ Samsung กลายเป็นผู้นำตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีรายได้รวมถึง 66.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Intel กลายเป็นที่สองด้วยรายได้ 49.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา Nvidia ก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 84% รวมเป็น 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลายเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่มีรายได้เป็นอันดับสามของโลกเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการชิปตัวเร่งการประมวลผลและการ์ด GeForce RTX ที่มีราคาสูง ทั้งนี้ เก้าจากสิบบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำได้ทำสถิติรายได้สูงสุดในปี 2024 โดย SK Hynix ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำจากเกาหลีมีการเติบโตสูงสุดถึง 86% รวมเป็นรายได้ 42.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหน่วยความจำมีการขยายตัวอย่างมากถึง 71.8% ในปี 2024 จากการเติบโตนี้ เราเห็นได้ชัดว่า AI เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในปี 2025 https://www.techspot.com/news/106637-ai-boom-fuels-semiconductor-growth-2025-set-more.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI boom fuels semiconductor growth to $626 billion, with 2025 set for more gains
    Gartner recently reported that semiconductor industry revenue in 2024 reached $626 billion, marking an 18.1 percent increase from 2023. Preliminary projections suggest revenue will continue to grow,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้

    DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว

    นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป

    กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้ DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เริ่มการสอบสวนใหม่เกี่ยวกับ Google และ Nvidia ในเรื่องการละเมิดกฎหมายการผูกขาด และยังมีแผนที่จะสอบสวน Intel ด้วย กิจกรรมนี้อาจส่งผลให้บริษัททั้งสามถูกปรับหรือถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดจีน การสอบสวนนี้มีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จีนใช้เพื่อเพิ่มอำนาจการเจรจาในการพบปะระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ

    สำหรับ Google การสอบสวนเน้นที่ระบบปฏิบัติการ Android และว่ามันได้สร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนเช่น Oppo และ Xiaomi ที่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ของ Google หรือไม่ ขณะที่ Nvidia ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการทำตามเงื่อนไขการเข้าซื้อบริษัท Mellanox Technologies ในปี 2019

    ส่วน Intel ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสอบสวน แต่ถ้าเริ่มต้นขึ้น การสอบสวนอาจเน้นที่วิธีการดำเนินธุรกิจของ Intel ในจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตั้งอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าจีน และจีนอาจตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมายการผูกขาดเป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเพิ่มความพยายามในการจำกัดการพัฒนาของจีนในด้านปัญญาประดิษฐ์และการคำนวณประสิทธิภาพสูง

    แม้จะเป็นเครื่องมือในการเจรจา แต่วิธีนี้อาจเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่บริษัทอเมริกันที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน บริษัทจีนเองก็พึ่งพาเทคโนโลยีอเมริกันเช่นกัน

    การสอบสวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างมากมาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reopens-antitrust-probe-into-google-nvidia-and-intel-may-be-next
    จีนได้เริ่มการสอบสวนใหม่เกี่ยวกับ Google และ Nvidia ในเรื่องการละเมิดกฎหมายการผูกขาด และยังมีแผนที่จะสอบสวน Intel ด้วย กิจกรรมนี้อาจส่งผลให้บริษัททั้งสามถูกปรับหรือถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดจีน การสอบสวนนี้มีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จีนใช้เพื่อเพิ่มอำนาจการเจรจาในการพบปะระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ สำหรับ Google การสอบสวนเน้นที่ระบบปฏิบัติการ Android และว่ามันได้สร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนเช่น Oppo และ Xiaomi ที่ต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ของ Google หรือไม่ ขณะที่ Nvidia ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการทำตามเงื่อนไขการเข้าซื้อบริษัท Mellanox Technologies ในปี 2019 ส่วน Intel ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสอบสวน แต่ถ้าเริ่มต้นขึ้น การสอบสวนอาจเน้นที่วิธีการดำเนินธุรกิจของ Intel ในจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตั้งอัตราภาษีใหม่สำหรับสินค้าจีน และจีนอาจตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมายการผูกขาดเป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเพิ่มความพยายามในการจำกัดการพัฒนาของจีนในด้านปัญญาประดิษฐ์และการคำนวณประสิทธิภาพสูง แม้จะเป็นเครื่องมือในการเจรจา แต่วิธีนี้อาจเสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่บริษัทอเมริกันที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน บริษัทจีนเองก็พึ่งพาเทคโนโลยีอเมริกันเช่นกัน การสอบสวนนี้อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างมากมาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-reopens-antitrust-probe-into-google-nvidia-and-intel-may-be-next
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Morgan Stanley ได้ปรับลดคาดการณ์การจัดส่งชิป NVIDIA GB200 NVL 72 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่ตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายให้กับกลยุทธ์การตั้งราคาของ TSMC

    นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนจีน DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่เรียกว่า R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI แต่มีต้นทุนการฝึกที่น้อยกว่าประมาณ 1/50 เท่า โมเดลนี้ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการของ NVIDIA อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้การคาดการณ์การจัดส่งชิป GB200 NVL 72 ของ NVIDIA ในปีนี้ลดลงจาก 30,000 - 35,000 หน่วย เป็น 20,000 - 25,000 หน่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างมาก

    นอกจากนี้ การเติบโตของการลงทุนใน Cloud ยังถูกคาดการณ์ว่าจะลดลงไปสู่ตัวเลขที่เป็นเลขหลักเดียวภายในไตรมาส 4 ของปี 2025 นี้เช่นกัน

    สำหรับ TSMC การตั้งภาษีใหม่โดยประธานาธิบดีทรัมป์จะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาจทำให้ TSMC ต้องปรับราคาสำหรับกระบวนการผลิตที่สูงขึ้นจากเดิมที่ 5-10% เป็นมากกว่า 15%

    ถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือ โลกของเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีผลกระทบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการปรับตัวของนโยบายระดับโลกเช่นภาษีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบถึงห่วงโซ่อุปทานและการตั้งราคาในตลาดโลกอย่างชัดเจน

    https://wccftech.com/morgan-stanley-reduces-its-forecast-for-nvidia-gb200-nvl-72-shipments-as-trump-tariffs-play-havoc-with-tsmc-pricing-strategy/
    เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Morgan Stanley ได้ปรับลดคาดการณ์การจัดส่งชิป NVIDIA GB200 NVL 72 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่ตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายให้กับกลยุทธ์การตั้งราคาของ TSMC นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนจีน DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่เรียกว่า R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI แต่มีต้นทุนการฝึกที่น้อยกว่าประมาณ 1/50 เท่า โมเดลนี้ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการของ NVIDIA อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้การคาดการณ์การจัดส่งชิป GB200 NVL 72 ของ NVIDIA ในปีนี้ลดลงจาก 30,000 - 35,000 หน่วย เป็น 20,000 - 25,000 หน่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างมาก นอกจากนี้ การเติบโตของการลงทุนใน Cloud ยังถูกคาดการณ์ว่าจะลดลงไปสู่ตัวเลขที่เป็นเลขหลักเดียวภายในไตรมาส 4 ของปี 2025 นี้เช่นกัน สำหรับ TSMC การตั้งภาษีใหม่โดยประธานาธิบดีทรัมป์จะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาจทำให้ TSMC ต้องปรับราคาสำหรับกระบวนการผลิตที่สูงขึ้นจากเดิมที่ 5-10% เป็นมากกว่า 15% ถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือ โลกของเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีผลกระทบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการปรับตัวของนโยบายระดับโลกเช่นภาษีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบถึงห่วงโซ่อุปทานและการตั้งราคาในตลาดโลกอย่างชัดเจน https://wccftech.com/morgan-stanley-reduces-its-forecast-for-nvidia-gb200-nvl-72-shipments-as-trump-tariffs-play-havoc-with-tsmc-pricing-strategy/
    WCCFTECH.COM
    Morgan Stanley Reduces Its Forecast For NVIDIA’s GB200 NVL 72 Shipments As Trump Tariffs Play Havoc With TSMC's Pricing Strategy
    DeepSeek's breakthrough is now having a tangible impact on NVIDIA as Trump's love affair with tariffs affects TSMC's pricing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า

    อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า

    peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

    การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese algorithm claimed to boost Nvidia GPU performance by up to 800X for advanced science applications
    The breakthrough enables new solutions for complex mechanical challenges across multiple industries.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts