• TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง

    ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า
    - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง
    - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที

    ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ)
    - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector
    - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก
    - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ

    ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี
    - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia

    https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    TDK บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Spin Photo Detector ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูลในระบบ AI โดยอุปกรณ์นี้สามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง ✅ Spin Photo Detector เพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 10 เท่า - ใช้เทคนิค laser-induced magnetism ในการแปลงข้อมูลด้วยความเร็วสูง - มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 20 พิโควินาที ✅ TDK ใช้เทคโนโลยี Magnetic Tunnel Junction (MTJ) - MTJ ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ใน Spin Photo Detector - โครงสร้าง MTJ มีความกว้างเพียง 200 นาโนเมตร และตอบสนองต่อเลเซอร์ได้อย่างแม่นยำ ✅ Spin Photo Detector มีความทนทานต่อรังสีคอสมิก - เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศ ✅ TDK วางแผนผลิตตัวอย่างในปี 2026 และผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายใน 5 ปี - คาดว่าจะมีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น TSMC และ Nvidia https://www.techradar.com/pro/japanese-tech-giant-claims-to-offer-data-transmission-solution-10x-faster-than-current-technologies-to-tackle-ai-speed-bottleneck
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei ได้เปิดตัว AI CloudMatrix Cluster รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 โดยใช้พลังงานมากกว่า 4 เท่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง Huawei ใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มจำนวนโปรเซสเซอร์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

    ✅ CloudMatrix 384 ใช้โปรเซสเซอร์ Ascend 910C จำนวน 384 ตัว
    - ระบบนี้ประกอบด้วย 16 racks โดยมี 12 racks สำหรับการประมวลผล และ 4 racks สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย
    - ใช้การเชื่อมต่อแบบ optical mesh network เพื่อเพิ่มความเร็วในการสื่อสาร

    ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72
    - CloudMatrix 384 ให้ประสิทธิภาพ 300 PFLOPs ซึ่งสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ 180 PFLOPs
    - มีความจุหน่วยความจำ HBM มากกว่า 3.6 เท่า และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า

    ✅ ข้อเสียคือการใช้พลังงานมากกว่า Nvidia GB200 NVL72
    - CloudMatrix 384 ใช้พลังงาน 559 kW ซึ่งมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW
    - ประสิทธิภาพต่อพลังงานต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า

    ✅ Huawei ใช้ชิป Ascend 910C ที่ผลิตในจีนและต่างประเทศ
    - ชิป Ascend 910C ใช้เทคโนโลยี 7nm-class และหน่วยความจำ HBM2E ที่จัดหาโดย Samsung

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huaweis-new-ai-cloudmatrix-cluster-beats-nvidias-gb200-by-brute-force-uses-4x-the-power
    Huawei ได้เปิดตัว AI CloudMatrix Cluster รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 โดยใช้พลังงานมากกว่า 4 เท่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง Huawei ใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มจำนวนโปรเซสเซอร์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรม ✅ CloudMatrix 384 ใช้โปรเซสเซอร์ Ascend 910C จำนวน 384 ตัว - ระบบนี้ประกอบด้วย 16 racks โดยมี 12 racks สำหรับการประมวลผล และ 4 racks สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย - ใช้การเชื่อมต่อแบบ optical mesh network เพื่อเพิ่มความเร็วในการสื่อสาร ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 - CloudMatrix 384 ให้ประสิทธิภาพ 300 PFLOPs ซึ่งสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ 180 PFLOPs - มีความจุหน่วยความจำ HBM มากกว่า 3.6 เท่า และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า ✅ ข้อเสียคือการใช้พลังงานมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 - CloudMatrix 384 ใช้พลังงาน 559 kW ซึ่งมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW - ประสิทธิภาพต่อพลังงานต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า ✅ Huawei ใช้ชิป Ascend 910C ที่ผลิตในจีนและต่างประเทศ - ชิป Ascend 910C ใช้เทคโนโลยี 7nm-class และหน่วยความจำ HBM2E ที่จัดหาโดย Samsung https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huaweis-new-ai-cloudmatrix-cluster-beats-nvidias-gb200-by-brute-force-uses-4x-the-power
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต

    ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู
    - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร
    - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล

    ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ
    - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ
    - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด

    ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น
    - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น
    - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง

    ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ
    - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน

    https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says AI will end doctor and teacher shortages, transform the future of work
    "AI will come in and provide medical IQ, and there won't be a shortage," Gates said, pointing to nations like India and those across Africa where the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน

    ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า
    - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia

    ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน
    - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน
    - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน

    ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ
    - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ

    ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน
    - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก
    - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด

    https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    WCCFTECH.COM
    Intel Sees No Leverage From the Trump Administration, Now Requires Export License to Sell Gaudi Chips to China
    US chipmaker Intel hasn't seen any exemption at all, as it is reported that the firm would require a license to sell its chips in China.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Tom's Hardware ระบุว่า การส่งออกชิปไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้นถึง 366% ท่ามกลางมาตรการเข้มงวดของสหรัฐฯ ในการควบคุมการลักลอบนำเข้า Nvidia AI GPUs ไปยังจีน โดยมีข้อสงสัยว่ามาเลเซียอาจกลายเป็น ศูนย์กลางข้อมูล AI หรือเป็นช่องทางในการส่งออกชิปไปยังจีน

    ✅ การส่งออกชิปจากไต้หวันไปมาเลเซียเพิ่มขึ้น 366% ในเดือนมีนาคม
    - มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก $401.92 ล้าน เป็น $1873.89 ล้าน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
    - การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออก AI GPUs ไปยังจีน

    ✅ มาเลเซียอาจกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูล AI หรือช่องทางส่งออกชิปไปจีน
    - มีข้อสงสัยว่าบริษัทจีนอาจใช้มาเลเซียเป็น ศูนย์กลางในการสะสมฮาร์ดแวร์ AI ก่อนที่มาตรการควบคุมของสหรัฐฯ จะมีผลในวันที่ 15 พฤษภาคม
    - รายงานระบุว่าบริษัทจีนเป็น ลูกค้าหลักของศูนย์ข้อมูลคลาวด์ในมาเลเซีย ซึ่งอาจหมายถึงการนำเข้าเซิร์ฟเวอร์ AI จากไต้หวันเพื่อใช้งานในจีน

    ✅ การส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์จากไต้หวันไปมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นจาก $15 ล้าน เป็น $60.83 ล้าน ในเดือนมีนาคม
    - อาจรวมถึง AI accelerators เช่น Nvidia H100 ซึ่งเป็นชิปที่ถูกควบคุมการส่งออกโดยสหรัฐฯ

    ✅ สหรัฐฯ ขอให้มาเลเซียเพิ่มการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน
    - มีข้อสงสัยว่า Nvidia GPUs ระดับสูงอาจถูกส่งไปยังจีนผ่านมาเลเซีย
    - สหรัฐฯ กำลังตรวจสอบว่ามาเลเซียมีบทบาทในการ ช่วยให้บริษัทจีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ที่ถูกควบคุม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/massive-366-percent-chip-shipment-surge-to-malaysia-amid-increased-nvidia-ai-gpu-smuggling-curbs-ahead-of-looming-sectoral-tariffs
    รายงานจาก Tom's Hardware ระบุว่า การส่งออกชิปไปยังมาเลเซียเพิ่มขึ้นถึง 366% ท่ามกลางมาตรการเข้มงวดของสหรัฐฯ ในการควบคุมการลักลอบนำเข้า Nvidia AI GPUs ไปยังจีน โดยมีข้อสงสัยว่ามาเลเซียอาจกลายเป็น ศูนย์กลางข้อมูล AI หรือเป็นช่องทางในการส่งออกชิปไปยังจีน ✅ การส่งออกชิปจากไต้หวันไปมาเลเซียเพิ่มขึ้น 366% ในเดือนมีนาคม - มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก $401.92 ล้าน เป็น $1873.89 ล้าน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว - การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออก AI GPUs ไปยังจีน ✅ มาเลเซียอาจกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูล AI หรือช่องทางส่งออกชิปไปจีน - มีข้อสงสัยว่าบริษัทจีนอาจใช้มาเลเซียเป็น ศูนย์กลางในการสะสมฮาร์ดแวร์ AI ก่อนที่มาตรการควบคุมของสหรัฐฯ จะมีผลในวันที่ 15 พฤษภาคม - รายงานระบุว่าบริษัทจีนเป็น ลูกค้าหลักของศูนย์ข้อมูลคลาวด์ในมาเลเซีย ซึ่งอาจหมายถึงการนำเข้าเซิร์ฟเวอร์ AI จากไต้หวันเพื่อใช้งานในจีน ✅ การส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์จากไต้หวันไปมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นจาก $15 ล้าน เป็น $60.83 ล้าน ในเดือนมีนาคม - อาจรวมถึง AI accelerators เช่น Nvidia H100 ซึ่งเป็นชิปที่ถูกควบคุมการส่งออกโดยสหรัฐฯ ✅ สหรัฐฯ ขอให้มาเลเซียเพิ่มการตรวจสอบการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน - มีข้อสงสัยว่า Nvidia GPUs ระดับสูงอาจถูกส่งไปยังจีนผ่านมาเลเซีย - สหรัฐฯ กำลังตรวจสอบว่ามาเลเซียมีบทบาทในการ ช่วยให้บริษัทจีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ที่ถูกควบคุม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/massive-366-percent-chip-shipment-surge-to-malaysia-amid-increased-nvidia-ai-gpu-smuggling-curbs-ahead-of-looming-sectoral-tariffs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bethesda ฉลองครบรอบ 10 ปีของ The Elder Scrolls Online ด้วยการเปิดขาย ชิ้นส่วนจากเซิร์ฟเวอร์เกมต้นฉบับ ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เกมออนไลน์

    ✅ Bethesda เปิดขายชิ้นส่วนจากเซิร์ฟเวอร์เกมต้นฉบับ
    - ของสะสมนี้เป็น แผง RAM ที่เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์ของเกม
    - RAM ถูกติดตั้งใน กรอบกำมะหยี่สีดำ และสามารถถอดออกได้

    ✅ ของสะสมนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 2,000 ชิ้น
    - มาพร้อม ใบรับรองความเป็นของแท้ ที่มีหมายเลขกำกับ
    - ขนาดของกรอบคือ 10 x 8 x 1.77 นิ้ว และมีอุปกรณ์สำหรับติดตั้งบนผนัง

    ✅ Bethesda เคยเปิดขายของสะสมจากเกมอื่นมาก่อน
    - Blizzard เคย ประมูลเซิร์ฟเวอร์ของ World of Warcraft ในปี 2019 เพื่อระดมทุนให้กับองค์กรการกุศล
    - Nvidia เคยแจก GeForce 256 ซึ่งเป็น GPU รุ่นแรกของโลกในกล่องพิเศษที่ลงนามโดย CEO Jensen Huang

    ✅ ราคาของสะสมจาก The Elder Scrolls Online อยู่ที่ $110
    - Bethesda คาดว่าจะเริ่มจัดส่งสินค้าในเดือนกรกฎาคม

    https://www.techspot.com/news/107595-bethesda-offers-fans-chance-own-part-elder-scrolls.html
    Bethesda ฉลองครบรอบ 10 ปีของ The Elder Scrolls Online ด้วยการเปิดขาย ชิ้นส่วนจากเซิร์ฟเวอร์เกมต้นฉบับ ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เกมออนไลน์ ✅ Bethesda เปิดขายชิ้นส่วนจากเซิร์ฟเวอร์เกมต้นฉบับ - ของสะสมนี้เป็น แผง RAM ที่เคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์ของเกม - RAM ถูกติดตั้งใน กรอบกำมะหยี่สีดำ และสามารถถอดออกได้ ✅ ของสะสมนี้มีจำนวนจำกัดเพียง 2,000 ชิ้น - มาพร้อม ใบรับรองความเป็นของแท้ ที่มีหมายเลขกำกับ - ขนาดของกรอบคือ 10 x 8 x 1.77 นิ้ว และมีอุปกรณ์สำหรับติดตั้งบนผนัง ✅ Bethesda เคยเปิดขายของสะสมจากเกมอื่นมาก่อน - Blizzard เคย ประมูลเซิร์ฟเวอร์ของ World of Warcraft ในปี 2019 เพื่อระดมทุนให้กับองค์กรการกุศล - Nvidia เคยแจก GeForce 256 ซึ่งเป็น GPU รุ่นแรกของโลกในกล่องพิเศษที่ลงนามโดย CEO Jensen Huang ✅ ราคาของสะสมจาก The Elder Scrolls Online อยู่ที่ $110 - Bethesda คาดว่าจะเริ่มจัดส่งสินค้าในเดือนกรกฎาคม https://www.techspot.com/news/107595-bethesda-offers-fans-chance-own-part-elder-scrolls.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bethesda offers fans a chance to own a part of Elder Scrolls Online history
    The Elder Scrolls Online launched in 2014, so technically this 10th anniversary keepsake is a bit behind schedule – but as they say, better late than never....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia

    ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น
    - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO
    - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products

    ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI
    - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI
    - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา

    ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม
    - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น

    ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI
    - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน
    - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel CEO Lip-Bu Tan flattens leadership structure, names new AI chief, memo says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Intel's new CEO, Lip-Bu Tan, is flattening the semiconductor giant's leadership team, with important chip groups reporting directly to him, according to a memo from Tan seen by Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ Nvidia RTX 5060 Ti โดยมีรายงานว่า RX 9070 GRE จะมี 48 Compute Units (CUs) หรือ 3,072 Stream Processors และใช้ Navi 48 XT die

    ✅ RX 9070 GRE อาจมีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5060 Ti
    - มี 48 CUs และ 3,072 Stream Processors ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti
    - ใช้ Navi 48 XT die และมี Core Clock 2.79 GHz ต่ำกว่ารุ่น XT ที่ 2.97 GHz

    ✅ หน่วยความจำของ RX 9070 GRE มีความเร็วต่ำกว่ารุ่น XT
    - ใช้ Memory Clock 18 Gbps เทียบกับ 20 Gbps ของ RX 9070 XT
    - มี Memory Bandwidth ประมาณ 67.5% ของ RX 9070 XT

    ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นใน 3DMark Speed Way และ Steel Nomad
    - RX 9070 GRE มี ประสิทธิภาพในการเรนเดอร์สูงกว่า RTX 5060 Ti ถึง 34%
    - ในการทดสอบ Ray Tracing ประสิทธิภาพของ RX 9070 GRE ใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti

    ✅ ราคาที่คาดการณ์ของ RX 9070 GRE
    - อาจอยู่ที่ $449 ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti 16GB เพียง $20
    - อย่างไรก็ตาม RX 9070 GRE อาจเป็น รุ่นที่วางจำหน่ายเฉพาะในจีน

    https://www.neowin.net/news/alleged-amd-9070-gre-specs-and-performance-suggest-it-could-utterly-destroy-nvidia-5060-ti/
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ Nvidia RTX 5060 Ti โดยมีรายงานว่า RX 9070 GRE จะมี 48 Compute Units (CUs) หรือ 3,072 Stream Processors และใช้ Navi 48 XT die ✅ RX 9070 GRE อาจมีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5060 Ti - มี 48 CUs และ 3,072 Stream Processors ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti - ใช้ Navi 48 XT die และมี Core Clock 2.79 GHz ต่ำกว่ารุ่น XT ที่ 2.97 GHz ✅ หน่วยความจำของ RX 9070 GRE มีความเร็วต่ำกว่ารุ่น XT - ใช้ Memory Clock 18 Gbps เทียบกับ 20 Gbps ของ RX 9070 XT - มี Memory Bandwidth ประมาณ 67.5% ของ RX 9070 XT ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นใน 3DMark Speed Way และ Steel Nomad - RX 9070 GRE มี ประสิทธิภาพในการเรนเดอร์สูงกว่า RTX 5060 Ti ถึง 34% - ในการทดสอบ Ray Tracing ประสิทธิภาพของ RX 9070 GRE ใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti ✅ ราคาที่คาดการณ์ของ RX 9070 GRE - อาจอยู่ที่ $449 ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti 16GB เพียง $20 - อย่างไรก็ตาม RX 9070 GRE อาจเป็น รุ่นที่วางจำหน่ายเฉพาะในจีน https://www.neowin.net/news/alleged-amd-9070-gre-specs-and-performance-suggest-it-could-utterly-destroy-nvidia-5060-ti/
    WWW.NEOWIN.NET
    Alleged AMD 9070 GRE specs and performance suggest it could utterly destroy Nvidia 5060 Ti
    AMD RX 9070 GRE specs have allegedly leaked, and we have estimated how the card performs. As it turns out, Nvidia's newly released 5060 Ti could have a truly hard time standing up to it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei Ascend 910C ซึ่งเป็น AI Accelerator รุ่นใหม่ของ Huawei ถูกพบว่าใช้ ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ชิปเซ็ตหลักของ Ascend 910C ผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 7 นาโนเมตร แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

    ✅ Huawei Ascend 910C ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ แม้จะถูกคว่ำบาตร
    - นักวิเคราะห์พบว่า ชิปเซ็ตหลักของ Ascend 910C ผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 7 นาโนเมตร
    - Huawei สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดโดย ซื้อเวเฟอร์จาก TSMC ผ่านบริษัทตัวกลาง Sophgo

    ✅ SMIC อาจมีส่วนร่วมในการผลิตบางส่วน
    - แม้ว่า SMIC จะมี กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร แต่ส่วนใหญ่ของ Ascend 910C ยังคงใช้ เวเฟอร์จาก TSMC
    - Huawei อาจกำลังพัฒนา กระบวนการผลิต 5 นาโนเมตร กับ SMIC แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตจำนวนมาก

    ✅ Ascend 910C มีประสิทธิภาพต่ำกว่า NVIDIA GB200
    - นักวิเคราะห์ระบุว่า Ascend 910C ล้าหลัง NVIDIA GB200 "Blackwell" AI GPU
    - อย่างไรก็ตาม Huawei ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อแข่งขันในตลาด AI

    ✅ Huawei ใช้เทคนิคหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออก
    - มีรายงานว่า Huawei ยังคงได้รับเวเฟอร์จาก TSMC ผ่านบริษัทตัวกลางอื่นๆ
    - นักวิเคราะห์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการส่งเวเฟอร์ผ่านบริษัทตัวกลางยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่

    https://www.techpowerup.com/335570/report-suggests-huawei-ascend-910c-ai-accelerators-utilization-of-foreign-parts-investigators-find-7-nm-tsmc-dies
    Huawei Ascend 910C ซึ่งเป็น AI Accelerator รุ่นใหม่ของ Huawei ถูกพบว่าใช้ ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ชิปเซ็ตหลักของ Ascend 910C ผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 7 นาโนเมตร แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ✅ Huawei Ascend 910C ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ แม้จะถูกคว่ำบาตร - นักวิเคราะห์พบว่า ชิปเซ็ตหลักของ Ascend 910C ผลิตโดย TSMC ด้วยกระบวนการ 7 นาโนเมตร - Huawei สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดโดย ซื้อเวเฟอร์จาก TSMC ผ่านบริษัทตัวกลาง Sophgo ✅ SMIC อาจมีส่วนร่วมในการผลิตบางส่วน - แม้ว่า SMIC จะมี กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร แต่ส่วนใหญ่ของ Ascend 910C ยังคงใช้ เวเฟอร์จาก TSMC - Huawei อาจกำลังพัฒนา กระบวนการผลิต 5 นาโนเมตร กับ SMIC แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตจำนวนมาก ✅ Ascend 910C มีประสิทธิภาพต่ำกว่า NVIDIA GB200 - นักวิเคราะห์ระบุว่า Ascend 910C ล้าหลัง NVIDIA GB200 "Blackwell" AI GPU - อย่างไรก็ตาม Huawei ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพื่อแข่งขันในตลาด AI ✅ Huawei ใช้เทคนิคหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออก - มีรายงานว่า Huawei ยังคงได้รับเวเฟอร์จาก TSMC ผ่านบริษัทตัวกลางอื่นๆ - นักวิเคราะห์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการส่งเวเฟอร์ผ่านบริษัทตัวกลางยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่ https://www.techpowerup.com/335570/report-suggests-huawei-ascend-910c-ai-accelerators-utilization-of-foreign-parts-investigators-find-7-nm-tsmc-dies
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Report Suggests Huawei Ascend 910C AI Accelerator's Utilization of Foreign Parts; Investigators Find 7 nm TSMC Dies
    Earlier today, TechPowerUp covered the alleged performance prowess of Huawei's CloudMatrix 384 system super node. According to SemiAnalysis opinion, the system's Ascend 910C AI accelerators are a generation behind—in terms of chip performance—when compared to NVIDIA's GB200 "Blackwell" AI GPU design...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ AMD และ Nvidia โดย AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ จากสินค้าคงคลังและคำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ สหรัฐฯ ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ AMD MI308 และ Nvidia H20 ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตก่อนส่งออก
    - รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ รักษาความเป็นผู้นำด้าน AI และป้องกันจีนจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่า

    ✅ AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์
    - ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึง สินค้าคงคลัง, คำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ และการตั้งสำรองทางบัญชี
    - Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยคาดว่าจะต้อง ตัดจำหน่ายสินค้าคงคลังมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์

    ✅ ข้อจำกัดนี้ทำให้บริษัทจีนหาทางนำเข้าชิปผ่านประเทศที่สาม
    - มีรายงานว่าธุรกิจจีนใช้ ตัวกลางในมาเลเซีย, เวียดนาม และไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด
    - สิงคโปร์และมาเลเซียกำลังพยายาม ลดการรั่วไหลของชิป AI ไปยังจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด

    ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ
    - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้เป็นไปตาม คำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-takes-usd800m-haircut-as-us-govt-cuts-off-chinas-ai-gpu-supply
    สหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ AMD และ Nvidia โดย AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ จากสินค้าคงคลังและคำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ ✅ สหรัฐฯ ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ AMD MI308 และ Nvidia H20 ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตก่อนส่งออก - รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ รักษาความเป็นผู้นำด้าน AI และป้องกันจีนจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ✅ AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ - ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึง สินค้าคงคลัง, คำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ และการตั้งสำรองทางบัญชี - Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยคาดว่าจะต้อง ตัดจำหน่ายสินค้าคงคลังมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อจำกัดนี้ทำให้บริษัทจีนหาทางนำเข้าชิปผ่านประเทศที่สาม - มีรายงานว่าธุรกิจจีนใช้ ตัวกลางในมาเลเซีย, เวียดนาม และไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด - สิงคโปร์และมาเลเซียกำลังพยายาม ลดการรั่วไหลของชิป AI ไปยังจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้เป็นไปตาม คำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-takes-usd800m-haircut-as-us-govt-cuts-off-chinas-ai-gpu-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia คาดว่าจะมี ค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 รวมถึง สินค้าคงคลัง, ข้อผูกพันในการซื้อ และเงินสำรองที่เกี่ยวข้อง

    ✅ Nvidia คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์
    - ค่าใช้จ่ายนี้เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลังและข้อผูกพันในการซื้อ
    - Nvidia ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2025

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Nvidia
    - ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจส่งผลต่อ ผลประกอบการไตรมาสแรก ของบริษัท
    - Nvidia ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI และชิปประมวลผล แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง

    ✅ แนวโน้มของตลาดชิปประมวลผล
    - Nvidia กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านการขายชิปให้กับจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัท
    - บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับ กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/nvidia-expects-up-to-55-billion-charge-in-first-quarter
    Nvidia คาดว่าจะมี ค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 รวมถึง สินค้าคงคลัง, ข้อผูกพันในการซื้อ และเงินสำรองที่เกี่ยวข้อง ✅ Nvidia คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ - ค่าใช้จ่ายนี้เกี่ยวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ H20 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสินค้าคงคลังและข้อผูกพันในการซื้อ - Nvidia ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2025 ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Nvidia - ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจส่งผลต่อ ผลประกอบการไตรมาสแรก ของบริษัท - Nvidia ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI และชิปประมวลผล แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง ✅ แนวโน้มของตลาดชิปประมวลผล - Nvidia กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านการขายชิปให้กับจีน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของบริษัท - บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับ กฎระเบียบใหม่ของสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/nvidia-expects-up-to-55-billion-charge-in-first-quarter
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia expects up to $5.5 billion charge in first quarter
    (Reuters) - Nvidia said on Tuesday its first-quarter results are expected to include up to approximately $5.5 billion of charges associated with H20 products for inventory, purchase commitments, and related reserves.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Trend Micro พบว่า ช่องโหว่ CVE-2024-0132 ใน Nvidia Container Toolkit ยังคงเปิดให้โจมตีได้ แม้ว่าจะได้รับการแก้ไขไปแล้วในเดือนกันยายน 2024 โดยปัญหานี้อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) บน Docker ที่ทำงานบนระบบ Linux

    ✅ ช่องโหว่ CVE-2024-0132 ยังคงเปิดให้โจมตีได้
    - เป็นช่องโหว่ประเภท Time-of-Check Time-of-Use (TOCTOU) ที่มีคะแนนความรุนแรง CVSS 9/10
    - อาจทำให้ container image ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะ สามารถเข้าถึง host file system ได้

    ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia Container Toolkit และ Docker
    - ช่องโหว่นี้อาจนำไปสู่ container escape attacks ซึ่งทำให้สามารถรันโค้ดบนระบบโฮสต์
    - อาจเกิด ข้อมูลรั่วไหล, การแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และการโจมตี DoS

    ✅ การโจมตี DoS บน Docker
    - พบว่า Docker บน Linux อาจได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้
    - เมื่อสร้าง container ใหม่ที่มี multiple mounts ระบบจะสร้าง parent/child paths ที่ไม่ถูกลบออกหลังจาก container ถูกปิด
    - ทำให้ mount table ขยายตัวจนใช้ทรัพยากรระบบจนหมด และทำให้ระบบไม่สามารถสร้าง container ใหม่ได้

    ✅ การแก้ไขและข้อจำกัดของแพตช์
    - Nvidia ออกแพตช์แรกในเดือนกันยายน 2024 แต่พบว่ามีช่องโหว่ CVE-2025-23359 ที่ทำให้สามารถข้ามการป้องกันได้
    - Nvidia ออกแพตช์ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 แต่ Trend Micro พบว่ายังมีช่องโหว่ที่สามารถใช้โจมตีได้

    ✅ แนวทางป้องกัน
    - Trend Micro แนะนำให้ ปิดการใช้งานฟีเจอร์ "allow-cuda-compat-libs-from-containers"
    - จำกัดการเข้าถึง Docker API เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาต

    https://www.csoonline.com/article/3962744/incomplete-patching-leaves-nvidia-docker-exposed-to-dos-attacks.html
    นักวิจัยจาก Trend Micro พบว่า ช่องโหว่ CVE-2024-0132 ใน Nvidia Container Toolkit ยังคงเปิดให้โจมตีได้ แม้ว่าจะได้รับการแก้ไขไปแล้วในเดือนกันยายน 2024 โดยปัญหานี้อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) บน Docker ที่ทำงานบนระบบ Linux ✅ ช่องโหว่ CVE-2024-0132 ยังคงเปิดให้โจมตีได้ - เป็นช่องโหว่ประเภท Time-of-Check Time-of-Use (TOCTOU) ที่มีคะแนนความรุนแรง CVSS 9/10 - อาจทำให้ container image ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะ สามารถเข้าถึง host file system ได้ ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia Container Toolkit และ Docker - ช่องโหว่นี้อาจนำไปสู่ container escape attacks ซึ่งทำให้สามารถรันโค้ดบนระบบโฮสต์ - อาจเกิด ข้อมูลรั่วไหล, การแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และการโจมตี DoS ✅ การโจมตี DoS บน Docker - พบว่า Docker บน Linux อาจได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ - เมื่อสร้าง container ใหม่ที่มี multiple mounts ระบบจะสร้าง parent/child paths ที่ไม่ถูกลบออกหลังจาก container ถูกปิด - ทำให้ mount table ขยายตัวจนใช้ทรัพยากรระบบจนหมด และทำให้ระบบไม่สามารถสร้าง container ใหม่ได้ ✅ การแก้ไขและข้อจำกัดของแพตช์ - Nvidia ออกแพตช์แรกในเดือนกันยายน 2024 แต่พบว่ามีช่องโหว่ CVE-2025-23359 ที่ทำให้สามารถข้ามการป้องกันได้ - Nvidia ออกแพตช์ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 แต่ Trend Micro พบว่ายังมีช่องโหว่ที่สามารถใช้โจมตีได้ ✅ แนวทางป้องกัน - Trend Micro แนะนำให้ ปิดการใช้งานฟีเจอร์ "allow-cuda-compat-libs-from-containers" - จำกัดการเข้าถึง Docker API เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาต https://www.csoonline.com/article/3962744/incomplete-patching-leaves-nvidia-docker-exposed-to-dos-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Incomplete patching leaves Nvidia, Docker exposed to DOS attacks
    An optional feature issued with the fix can cause a bug rollback, making a secondary DOS issue possible on top of root-level privilege exploitation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon RX 9060 XT ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีข่าวลือว่าการ์ดรุ่นนี้สามารถ เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้สูงสุดถึง 3.3 GHz และอาจเปิดตัวในงาน Computex 2025

    ✅ สเปคและประสิทธิภาพของ RX 9060 XT
    - ใช้ชิป Navi 44 XT ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปคจาก Navi 48
    - มี 2048 Stream Processors ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของ Navi 48
    - ความเร็วสัญญาณนาฬิกา Game Clock อยู่ที่ 2620 MHz และ Boost Clock สูงสุด 3230 MHz
    - รุ่นที่โอเวอร์คล็อกอาจสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 3.3 GHz

    ✅ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    - คาดว่า RX 9060 XT จะถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 5060 Ti
    - อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4070 Non-SUPER ในบางสถานการณ์

    ✅ ข้อกำหนดด้านพลังงาน
    - ต้องใช้ Power Supply ขั้นต่ำ 500W และอาจต้องใช้ 550W สำหรับรุ่นที่โอเวอร์คล็อก
    - ใช้ 8-pin power connectors เป็นมาตรฐาน

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อการตลาดของ AMD
    - หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ RX 9060 XT สูญเสียความได้เปรียบด้านความคุ้มค่า
    - ต้องจับตาว่า AMD จะตั้งราคาที่แข่งขันได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายด้านการผลิต
    - การใช้ชิป Navi 44 XT อาจหมายถึงการนำชิปที่มีข้อบกพร่องจาก RX 9070 มาใช้ใหม่
    - ต้องดูว่า AMD จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้ดีแค่ไหน

    ℹ️ แนวโน้มของตลาด GPU ในปี 2025
    - NVIDIA และ AMD ต่างกำลังแข่งขันกันในตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลาง
    - อาจมีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ เช่น FSR 4 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    https://www.techpowerup.com/335455/amd-radeon-rx-9060-xt-reportedly-capable-of-boosting-up-to-3-3-ghz-new-leak-suggests-navi-44-xt-gpu
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon RX 9060 XT ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีข่าวลือว่าการ์ดรุ่นนี้สามารถ เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาได้สูงสุดถึง 3.3 GHz และอาจเปิดตัวในงาน Computex 2025 ✅ สเปคและประสิทธิภาพของ RX 9060 XT - ใช้ชิป Navi 44 XT ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปคจาก Navi 48 - มี 2048 Stream Processors ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของ Navi 48 - ความเร็วสัญญาณนาฬิกา Game Clock อยู่ที่ 2620 MHz และ Boost Clock สูงสุด 3230 MHz - รุ่นที่โอเวอร์คล็อกอาจสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 3.3 GHz ✅ การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง - คาดว่า RX 9060 XT จะถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 5060 Ti - อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 4070 Non-SUPER ในบางสถานการณ์ ✅ ข้อกำหนดด้านพลังงาน - ต้องใช้ Power Supply ขั้นต่ำ 500W และอาจต้องใช้ 550W สำหรับรุ่นที่โอเวอร์คล็อก - ใช้ 8-pin power connectors เป็นมาตรฐาน ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อการตลาดของ AMD - หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ RX 9060 XT สูญเสียความได้เปรียบด้านความคุ้มค่า - ต้องจับตาว่า AMD จะตั้งราคาที่แข่งขันได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายด้านการผลิต - การใช้ชิป Navi 44 XT อาจหมายถึงการนำชิปที่มีข้อบกพร่องจาก RX 9070 มาใช้ใหม่ - ต้องดูว่า AMD จะสามารถรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้ดีแค่ไหน ℹ️ แนวโน้มของตลาด GPU ในปี 2025 - NVIDIA และ AMD ต่างกำลังแข่งขันกันในตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลาง - อาจมีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ เช่น FSR 4 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม https://www.techpowerup.com/335455/amd-radeon-rx-9060-xt-reportedly-capable-of-boosting-up-to-3-3-ghz-new-leak-suggests-navi-44-xt-gpu
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon RX 9060 XT Reportedly Capable of Boosting Up To 3.3 GHz, New Leak Suggests "Navi 44 XT" GPU
    AMD has not publicly announced its Radeon RX 9060 XT 16 GB and 8 GB graphics cards, but board partners have inadvertently "revealed" the existence of forthcoming custom designs. Team Red's RDNA 4 kick-off events did tease a second quarter launch of a Radeon RX 9060 Series cards, but have remained co...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ไปยังสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการผลิตภายในประเทศเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

    ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ
    - Nvidia จะผลิตและทดสอบชิป Blackwell และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ในโรงงานที่รัฐแอริโซนาและเท็กซัส
    - โรงงานผลิตครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางฟุต และเริ่มดำเนินการแล้ว
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากภายใน 12-15 เดือนข้างหน้า

    ✅ ความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่
    - TSMC จะผลิตชิป Blackwell ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา
    - Foxconn และ Wistron จะดูแลการประกอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในรัฐเท็กซัส
    - Amkor และ SPIL จะรับผิดชอบด้านบรรจุภัณฑ์และการทดสอบชิปในแอริโซนา

    ✅ เป้าหมายการลงทุนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - Nvidia วางแผนลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปีข้างหน้า
    - การผลิตในสหรัฐฯ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดทางการค้า

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การย้ายฐานผลิตอาจส่งผลต่อซัพพลายเชนของบริษัทที่พึ่งพาการผลิตในเอเชีย
    - อาจเกิดความท้าทายด้านต้นทุนและการจัดหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตในสหรัฐฯ

    ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์
    - การตัดสินใจของ Nvidia อาจเป็นผลจากแรงกดดันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยเตือน TSMC ว่าอาจเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 100% หากไม่ตั้งโรงงานในสหรัฐฯ

    ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรม AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - Nvidia วางแผนสร้าง "AI factories" หรือศูนย์ข้อมูลเฉพาะสำหรับงาน AI ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอนาคต
    - บริษัทจะใช้แพลตฟอร์ม Omniverse เพื่อสร้างแบบจำลองดิจิทัลของโรงงาน และใช้หุ่นยนต์ Isaac GR00T ในกระบวนการผลิต

    https://www.techspot.com/news/107542-nvidia-shifts-ai-supercomputer-production-us-first-time.html
    Nvidia ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ไปยังสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการผลิตภายในประเทศเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ - Nvidia จะผลิตและทดสอบชิป Blackwell และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ในโรงงานที่รัฐแอริโซนาและเท็กซัส - โรงงานผลิตครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางฟุต และเริ่มดำเนินการแล้ว - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากภายใน 12-15 เดือนข้างหน้า ✅ ความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ - TSMC จะผลิตชิป Blackwell ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา - Foxconn และ Wistron จะดูแลการประกอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในรัฐเท็กซัส - Amkor และ SPIL จะรับผิดชอบด้านบรรจุภัณฑ์และการทดสอบชิปในแอริโซนา ✅ เป้าหมายการลงทุนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - Nvidia วางแผนลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปีข้างหน้า - การผลิตในสหรัฐฯ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดทางการค้า ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การย้ายฐานผลิตอาจส่งผลต่อซัพพลายเชนของบริษัทที่พึ่งพาการผลิตในเอเชีย - อาจเกิดความท้าทายด้านต้นทุนและการจัดหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตในสหรัฐฯ ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ - การตัดสินใจของ Nvidia อาจเป็นผลจากแรงกดดันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน - อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยเตือน TSMC ว่าอาจเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 100% หากไม่ตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรม AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - Nvidia วางแผนสร้าง "AI factories" หรือศูนย์ข้อมูลเฉพาะสำหรับงาน AI ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอนาคต - บริษัทจะใช้แพลตฟอร์ม Omniverse เพื่อสร้างแบบจำลองดิจิทัลของโรงงาน และใช้หุ่นยนต์ Isaac GR00T ในกระบวนการผลิต https://www.techspot.com/news/107542-nvidia-shifts-ai-supercomputer-production-us-first-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia shifts AI supercomputer production to the US for the first time
    The project spans more than a million square feet of manufacturing space, with operations already underway. Nvidia's Blackwell chips are being produced at TSMC facilities in Phoenix,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน

    MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย

    เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น

    การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง

    ✅ การเปิดตัว MUSA SDK
    - พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA
    - รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT

    ✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK
    - Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย
    - รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน

    ✅ เป้าหมายของการพัฒนา
    - ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
    - สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน

    ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK
    - ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ
    - การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI
    - ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก

    https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/
    ข่าวนี้เล่าถึงการเปิดตัว MUSA SDK ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท Moore Threads ของจีน เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในตลาด AI และการประมวลผลแบบขนาน MUSA SDK เป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU ของ Moore Threads โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น ไลบรารีสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (muBLAS, muFFT) และเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Musify ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้อย่างง่ายดาย เวอร์ชันล่าสุดของ MUSA SDK (4.0.1) รองรับโปรเซสเซอร์ Intel และ ARM รวมถึง CPU ในประเทศจีน เช่น Hygon, Kylin และ Loongson ซึ่งช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถใช้งานได้ในระบบที่หลากหลายมากขึ้น การเปิดตัว MUSA SDK นี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการค้าและการเมือง ✅ การเปิดตัว MUSA SDK - พัฒนาโดย Moore Threads เพื่อแข่งขันกับ NVIDIA CUDA - รองรับ GPU ของ Moore Threads และมีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น muBLAS, muFFT ✅ ฟีเจอร์เด่นของ MUSA SDK - Musify ช่วยพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยัง MUSA ได้ง่าย - รองรับโปรเซสเซอร์ Intel, ARM และ CPU ในประเทศจีน ✅ เป้าหมายของการพัฒนา - ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ - สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีน ℹ️ ข้อจำกัดของ MUSA SDK - ยังไม่สามารถแข่งขันกับ NVIDIA CUDA ในด้านประสิทธิภาพ - การใช้งานอาจจำกัดในกลุ่มนักพัฒนาที่ใช้ GPU ของ Moore Threads ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - การเปิดตัว MUSA SDK อาจเพิ่มการแข่งขันในตลาด AI - ความสำเร็จของ MUSA SDK อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับโลก https://wccftech.com/china-first-in-house-alternative-to-nvidias-cuda-emerges-online/
    WCCFTECH.COM
    China's First "In-House" Alternative To NVIDIA's CUDA Emerges Online; The MUSA SDK From Moore Threads
    It appears that the Chinese firm Moore Threads wants its share of the AI market, as the firm has released a new upgrade to its MUSA SDK.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI

    Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง

    ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google
    - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025

    ✅ การเจรจากับ CoreWeave
    - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave
    - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU

    ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave
    - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25%
    - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave
    - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน
    - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป
    - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่

    https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    ข่าวนี้เล่าถึงความท้าทายที่ Google กำลังเผชิญในการจัดการความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิป AI โดยบริษัทกำลังพิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับแต่งสำหรับงาน AI Google CFO Anat Ashkenazi เปิดเผยว่า Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการนี้ในปี 2025 นอกจากนี้ Google ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นกับ CoreWeave เพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลของ CoreWeave สำหรับชิป TPU ที่ Google พัฒนาขึ้นเอง ในขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% ในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เนื่องจากผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ✅ ความต้องการชิป AI ของ Google - Google มีความต้องการชิป AI มากกว่าความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน - กำลังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการในปี 2025 ✅ การเจรจากับ CoreWeave - Google พิจารณาเช่าชิป Nvidia Blackwell จาก CoreWeave - อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเบื้องต้นเพื่อเช่าพื้นที่ในศูนย์ข้อมูลสำหรับชิป TPU ✅ สถานการณ์ของ CoreWeave - CoreWeave เผชิญกับความท้าทายทางการเงิน โดยมูลค่าหุ้นลดลงถึง 25% - ผลกระทบจากภาษีของรัฐบาล Trump และความไม่แน่นอนในตลาด ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพึ่งพา CoreWeave - การพึ่งพา CoreWeave อาจเพิ่มความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทเผชิญปัญหาทางการเงิน - ความไม่แน่นอนในตลาดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI - ความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิป - การแข่งขันในตลาด AI อาจเข้มข้นขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ https://www.techradar.com/pro/google-rumored-to-be-looking-to-rent-latest-nvidia-ai-gpu-from-coreweave-because-it-doesnt-have-enough-of-them
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google rumored to be looking to rent latest Nvidia AI GPU from CoreWeave because it doesn't have enough of them
    However Google is still expected to spend significantly less than Microsoft and OpenAI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

    Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง

    นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    ✅ ผลกระทบจากการผลิตชิป AI
    - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024
    - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน

    ✅ ความต้องการพลังงานในอนาคต
    - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030
    - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน

    ✅ บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี
    - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน
    - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
    - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ℹ️ คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน
    - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน
    - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    ข่าวนี้เล่าถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของชิป AI ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Greenpeace รายงานว่าการผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากปี 2023 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูง โดยโรงงานผลิตขนาดใหญ่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อชั่วโมง นอกจากนี้ Greenpeace ยังเตือนว่าความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ ผลกระทบจากการผลิตชิป AI - การผลิตชิป AI ใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 984 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 - การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 453,600 เมตริกตันในปีเดียวกัน ✅ ความต้องการพลังงานในอนาคต - ความต้องการไฟฟ้าสำหรับการผลิตชิป AI อาจเพิ่มขึ้นถึง 37,238 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2030 - มากกว่าการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ✅ บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี - บริษัทเช่น Nvidia, Microsoft, Meta และ Google ถูกเรียกร้องให้สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน - TSMC กำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน แต่ยังมีความล่าช้า ℹ️ ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม - การผลิตชิป AI มีความต้องการพลังงานสูงและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก - การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศผู้ผลิตอาจเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ℹ️ คำแนะนำเพื่อความยั่งยืน - บริษัทเทคโนโลยีควรสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน - การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/report-soaring-demand-for-ai-chips-fuels-power-usage
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Report: Soaring demand for AI chips fuels power usage
    Growing demand for the semiconductor chips that power artificial intelligence is driving soaring electricity use, particularly in countries that rely on fossil fuels for power, environmental group Greenpeace warned.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการปรับขึ้นราคาการ์ดจอ NVIDIA และ AMD ในประเทศจีนโดยบริษัท Gigabyte ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานและความตึงเครียดทางการค้า

    Gigabyte ได้ประกาศปรับขึ้นราคาการ์ดจอหลายรุ่น เช่น NVIDIA GeForce RTX 5090D, RTX 4060 Ti และ AMD Radeon RX 9070 XT โดยการปรับขึ้นราคานี้มีค่าเฉลี่ยประมาณ 3%-4% ซึ่งถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้า การปรับขึ้นราคานี้อาจเกิดจากปัจจัยทางตลาดมากกว่าผลกระทบจากภาษีใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีสำหรับผู้บริโภคในอุตสาหกรรมไอที เนื่องจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ได้ยกเว้นสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ทำให้อุตสาหกรรมไอทีปลอดภัยจากผลกระทบในระยะสั้น

    ✅ การปรับขึ้นราคาการ์ดจอในจีน
    - Gigabyte ปรับขึ้นราคาการ์ดจอ NVIDIA และ AMD ในจีน
    - การปรับขึ้นราคามีค่าเฉลี่ยประมาณ 3%-4%

    ✅ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน
    - ความตึงเครียดทางการค้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับขึ้นราคา
    - การปรับขึ้นราคานี้อาจเกิดจากปัจจัยทางตลาดมากกว่าผลกระทบจากภาษี

    ✅ ข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมไอที
    - ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ยกเว้นสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
    - อุตสาหกรรมไอทีปลอดภัยจากผลกระทบในระยะสั้น

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
    - การปรับขึ้นราคาอาจเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคในจีน
    - ความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานอาจส่งผลต่อราคาสินค้าในอนาคต

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
    - ความตึงเครียดทางการค้าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ
    - การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีอาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม

    https://wccftech.com/gigabyte-has-raised-prices-of-several-nvidia-amd-gpus-in-china/
    ข่าวนี้เล่าถึงการปรับขึ้นราคาการ์ดจอ NVIDIA และ AMD ในประเทศจีนโดยบริษัท Gigabyte ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานและความตึงเครียดทางการค้า Gigabyte ได้ประกาศปรับขึ้นราคาการ์ดจอหลายรุ่น เช่น NVIDIA GeForce RTX 5090D, RTX 4060 Ti และ AMD Radeon RX 9070 XT โดยการปรับขึ้นราคานี้มีค่าเฉลี่ยประมาณ 3%-4% ซึ่งถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้า การปรับขึ้นราคานี้อาจเกิดจากปัจจัยทางตลาดมากกว่าผลกระทบจากภาษีใหม่ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีสำหรับผู้บริโภคในอุตสาหกรรมไอที เนื่องจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ได้ยกเว้นสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ทำให้อุตสาหกรรมไอทีปลอดภัยจากผลกระทบในระยะสั้น ✅ การปรับขึ้นราคาการ์ดจอในจีน - Gigabyte ปรับขึ้นราคาการ์ดจอ NVIDIA และ AMD ในจีน - การปรับขึ้นราคามีค่าเฉลี่ยประมาณ 3%-4% ✅ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน - ความตึงเครียดทางการค้าอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับขึ้นราคา - การปรับขึ้นราคานี้อาจเกิดจากปัจจัยทางตลาดมากกว่าผลกระทบจากภาษี ✅ ข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมไอที - ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ยกเว้นสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน - อุตสาหกรรมไอทีปลอดภัยจากผลกระทบในระยะสั้น ℹ️ ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค - การปรับขึ้นราคาอาจเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคในจีน - ความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทานอาจส่งผลต่อราคาสินค้าในอนาคต ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้า - ความตึงเครียดทางการค้าอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ - การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีอาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม https://wccftech.com/gigabyte-has-raised-prices-of-several-nvidia-amd-gpus-in-china/
    WCCFTECH.COM
    Gigabyte Has Reportedly Raised Prices of Several NVIDIA & AMD GPUs in China, But The Increases Are Relatively Small
    Gigabyte has raised the prices of its NVIDIA/AMD GPUs in China, signaling that the supply chain is starting to feel the trade uncertainty.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • SSI (Safe Superintelligence Inc.) ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Nvidia และ Google โดย Google Cloud ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ SSI ในการใช้ชิป TPUs เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง การเปลี่ยนแปลงนี้น่าสนใจเพราะปกติแล้ว AI มักใช้ชิป GPU ของ Nvidia แต่การใช้ TPUs ของ Google อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวงการ

    นอกจากนี้ SSI ยังได้รับการประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของ Sutskever ในการพัฒนา AI ที่ล้ำสมัย

    ✅ การสนับสนุนจาก Nvidia และ Google
    - SSI ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Nvidia และ Google
    - Google Cloud ร่วมมือกับ SSI ในการใช้ชิป TPUs เพื่อเร่งการวิจัย

    ✅ มูลค่าของ SSI
    - SSI ได้รับการประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์
    - ความเชื่อมั่นในความสามารถของ Sutskever เป็นปัจจัยสำคัญ

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในวงการ AI
    - การใช้ TPUs ของ Google อาจเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการใช้ชิปในวงการ AI
    - Nvidia ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดชิป AI

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Nvidia ต้องปรับตัว
    - การแข่งขันในตลาดชิป AI อาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรม

    ℹ️ ผลกระทบต่อวงการ AI
    - การสนับสนุน SSI อาจเร่งการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
    - การเปลี่ยนแปลงในวงการชิปอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/nvidia-and-google-back-sutskevers-quest-for-artificial-superintelligence/
    SSI (Safe Superintelligence Inc.) ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Nvidia และ Google โดย Google Cloud ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ SSI ในการใช้ชิป TPUs เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง การเปลี่ยนแปลงนี้น่าสนใจเพราะปกติแล้ว AI มักใช้ชิป GPU ของ Nvidia แต่การใช้ TPUs ของ Google อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวงการ นอกจากนี้ SSI ยังได้รับการประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของ Sutskever ในการพัฒนา AI ที่ล้ำสมัย ✅ การสนับสนุนจาก Nvidia และ Google - SSI ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Nvidia และ Google - Google Cloud ร่วมมือกับ SSI ในการใช้ชิป TPUs เพื่อเร่งการวิจัย ✅ มูลค่าของ SSI - SSI ได้รับการประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ - ความเชื่อมั่นในความสามารถของ Sutskever เป็นปัจจัยสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงในวงการ AI - การใช้ TPUs ของ Google อาจเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการใช้ชิปในวงการ AI - Nvidia ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดชิป AI ℹ️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Nvidia ต้องปรับตัว - การแข่งขันในตลาดชิป AI อาจส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรม ℹ️ ผลกระทบต่อวงการ AI - การสนับสนุน SSI อาจเร่งการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ - การเปลี่ยนแปลงในวงการชิปอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ในอนาคต https://www.neowin.net/news/nvidia-and-google-back-sutskevers-quest-for-artificial-superintelligence/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia and Google back Sutskever's quest for artificial superintelligence
    An anonymous source has revealed that Nvidia and Google have thrown their financial weight behind Ilya Sutskever's company, Safe Superintelligence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง:

    SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ

    SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย

    ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever

    ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI

    ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง

    ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ

    ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง: SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Alphabet, Nvidia invest in OpenAI co-founder Sutskever's SSI, source says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Alphabet and Nvidia have joined prominent venture capital investors to back Safe Superintelligence (SSI), a startup co-founded by OpenAI's former chief scientist Ilya Sutskever that has quickly risen to become one of the most valuable artificial intelligence startups months after its launch, a source familiar with the matter said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk’s xAI กำลังเผชิญกับข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ไม่ได้รับอนุญาตเพื่อให้พลังงานแก่ Colossus Supercomputer ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยเหตุการณ์นี้สร้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในพื้นที่

    ✅ การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า:
    - xAI ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนจำนวน 35 เครื่องเพื่อให้พลังงานแก่ Colossus Supercomputer ซึ่งมี GPU Nvidia H100 มากกว่า 100,000 ตัว
    - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเหล่านี้สามารถผลิตพลังงานได้ถึง 420 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการจ่ายไฟให้กับเมือง

    ✅ ปัญหาด้านการอนุญาต:
    - xAI ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพียง 15 เครื่อง แต่มีการใช้งานมากกว่านั้นโดยไม่มีการอนุมัติ
    - บริษัทใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่อนุญาตให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต หากไม่ได้ติดตั้งในที่เดียวเกิน 364 วัน

    ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม:
    - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนเป็นแหล่งมลพิษที่สำคัญและละเมิดกฎคุณภาพอากาศของรัฐบาลกลาง
    - กลุ่ม Southern Environmental Law Center เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสุขภาพในพื้นที่หยุดการดำเนินงานและปรับบริษัท $25,000 ต่อวัน

    ✅ การตอบสนองของชุมชน:
    - ชาวบ้านและกลุ่มสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-xai-allegedly-powers-colossus-supercomputer-facility-using-illegal-generators
    Elon Musk’s xAI กำลังเผชิญกับข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ไม่ได้รับอนุญาตเพื่อให้พลังงานแก่ Colossus Supercomputer ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยเหตุการณ์นี้สร้างความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในพื้นที่ ✅ การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า: - xAI ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนจำนวน 35 เครื่องเพื่อให้พลังงานแก่ Colossus Supercomputer ซึ่งมี GPU Nvidia H100 มากกว่า 100,000 ตัว - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเหล่านี้สามารถผลิตพลังงานได้ถึง 420 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการจ่ายไฟให้กับเมือง ✅ ปัญหาด้านการอนุญาต: - xAI ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพียง 15 เครื่อง แต่มีการใช้งานมากกว่านั้นโดยไม่มีการอนุมัติ - บริษัทใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่อนุญาตให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต หากไม่ได้ติดตั้งในที่เดียวเกิน 364 วัน ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนเป็นแหล่งมลพิษที่สำคัญและละเมิดกฎคุณภาพอากาศของรัฐบาลกลาง - กลุ่ม Southern Environmental Law Center เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสุขภาพในพื้นที่หยุดการดำเนินงานและปรับบริษัท $25,000 ต่อวัน ✅ การตอบสนองของชุมชน: - ชาวบ้านและกลุ่มสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-xai-allegedly-powers-colossus-supercomputer-facility-using-illegal-generators
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Elon Musk’s xAI allegedly uses illegal generators to power Colossus supercomputer facility
    A loophole enables the generators to be used for 364 days without a permit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung, Micron และ SK Hynix กำลังแข่งขันกันเพื่อครองตลาด HBM3E ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น NVIDIA ที่ต้องการลดการพึ่งพา SK Hynix และกระจายห่วงโซ่อุปทาน

    ✅ การแข่งขันในตลาด HBM3E:
    - Samsung กำลังพัฒนา HBM3E แบบ 8-layer และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนหน้า แต่ยังต้องรอการรับรองจาก NVIDIA
    - Micron ได้เริ่มการผลิต HBM3E แบบ 12-layer และมีแผนที่จะใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA

    ✅ ความสำคัญของ HBM3E:
    - HBM3E เป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานใน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
    - SK Hynix ยังคงเป็นผู้นำในตลาด HBM แต่ Micron และ Samsung กำลังเร่งพัฒนาเพื่อแข่งขัน

    ✅ การพัฒนาในอนาคต:
    - ตลาด HBM กำลังมุ่งไปสู่การพัฒนา HBM4 ซึ่งมีความจุและความเร็วที่สูงขึ้น

    https://wccftech.com/micron-samsung-started-to-compete-hbm3e-dominance/
    Samsung, Micron และ SK Hynix กำลังแข่งขันกันเพื่อครองตลาด HBM3E ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น NVIDIA ที่ต้องการลดการพึ่งพา SK Hynix และกระจายห่วงโซ่อุปทาน ✅ การแข่งขันในตลาด HBM3E: - Samsung กำลังพัฒนา HBM3E แบบ 8-layer และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนหน้า แต่ยังต้องรอการรับรองจาก NVIDIA - Micron ได้เริ่มการผลิต HBM3E แบบ 12-layer และมีแผนที่จะใช้ในเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นใหม่ของ NVIDIA ✅ ความสำคัญของ HBM3E: - HBM3E เป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานใน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ - SK Hynix ยังคงเป็นผู้นำในตลาด HBM แต่ Micron และ Samsung กำลังเร่งพัฒนาเพื่อแข่งขัน ✅ การพัฒนาในอนาคต: - ตลาด HBM กำลังมุ่งไปสู่การพัฒนา HBM4 ซึ่งมีความจุและความเร็วที่สูงขึ้น https://wccftech.com/micron-samsung-started-to-compete-hbm3e-dominance/
    WCCFTECH.COM
    Micron, Samsung & Others Have Reportedly Started To Compete For HBM3E "Dominance"; All Eyes on Who Is Prioritized by NVIDIA
    Samsung, Micron, and other HBM producers are reportedly speeding up the HBM3E production process, as supply chain uncertainty has sparked up.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
    - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API
    - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI

    ✅ ความจุ VRAM:
    - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB

    ✅ ความกังวลด้านราคา:
    - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป

    ✅ การเปิดตัว:
    - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    Nvidia RTX 5060 Ti ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ได้มีการรั่วไหลของข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า RTX 4060 Ti โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีราคาถูกกว่า แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่อาจเพิ่มขึ้นในตลาด GPU ปัจจุบัน ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ: - RTX 5060 Ti มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับ RTX 4060 Ti ในการทดสอบด้วย Vulkan API - GPU รุ่นใหม่นี้มีฟีเจอร์ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมด้วยการสร้างเฟรมเพิ่มเติมโดยใช้ AI ✅ ความจุ VRAM: - RTX 5060 Ti มีรุ่น 16GB และ 8GB ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ RTX 5070 ที่มี VRAM 12GB ✅ ความกังวลด้านราคา: - แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถูกกว่า RTX 4060 Ti แต่ตลาด GPU ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องราคาที่สูงเกินไป ✅ การเปิดตัว: - มีการคาดการณ์ว่า RTX 5060 Ti จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า https://www.techradar.com/computing/gpu/nvidia-rtx-5060-ti-benchmark-leak-hints-at-performance-boost-over-its-predecessor-but-it-wont-matter-if-it-doesnt-stay-at-retail-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับแผนการห้ามส่งออก GPU รุ่น Nvidia H20 HGX ไปยังจีน หลังจากการประชุมกับ Jensen Huang CEO ของ Nvidia ที่งานดินเนอร์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ

    ✅ การระงับแผนการห้ามส่งออก:
    - รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะห้ามการส่งออก GPU Nvidia H20 HGX ไปยังจีน แต่ได้ระงับแผนดังกล่าวหลังการประชุมระหว่างทรัมป์และ Huang
    - Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยลดความกังวลของรัฐบาล

    ✅ กฎ AI Diffusion Rule:
    - กฎ AI Diffusion Rule ของรัฐบาล Biden จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งจะห้ามการส่งออกโปรเซสเซอร์ AI ของสหรัฐฯ ไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต
    - Nvidia H20 HGX ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการส่งออกที่จำกัด แต่จีนยังคงไม่สามารถซื้อโปรเซสเซอร์ AI ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ได้

    ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia:
    - Nvidia ขาย GPU H20 HGX มูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทในจีนในไตรมาสแรกของปี 2025
    - การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Nvidia

    ✅ ความสำคัญของการลงทุนใน AI:
    - การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-reportedly-suspends-nvidia-h20-export-ban-plan-after-usd1-million-dinner-with-jensen-huang
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับแผนการห้ามส่งออก GPU รุ่น Nvidia H20 HGX ไปยังจีน หลังจากการประชุมกับ Jensen Huang CEO ของ Nvidia ที่งานดินเนอร์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ ✅ การระงับแผนการห้ามส่งออก: - รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะห้ามการส่งออก GPU Nvidia H20 HGX ไปยังจีน แต่ได้ระงับแผนดังกล่าวหลังการประชุมระหว่างทรัมป์และ Huang - Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยลดความกังวลของรัฐบาล ✅ กฎ AI Diffusion Rule: - กฎ AI Diffusion Rule ของรัฐบาล Biden จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งจะห้ามการส่งออกโปรเซสเซอร์ AI ของสหรัฐฯ ไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต - Nvidia H20 HGX ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการส่งออกที่จำกัด แต่จีนยังคงไม่สามารถซื้อโปรเซสเซอร์ AI ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ได้ ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia: - Nvidia ขาย GPU H20 HGX มูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทในจีนในไตรมาสแรกของปี 2025 - การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Nvidia ✅ ความสำคัญของการลงทุนใน AI: - การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-reportedly-suspends-nvidia-h20-export-ban-plan-after-usd1-million-dinner-with-jensen-huang
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

    ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX:
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC
    - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX
    - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series

    ✅ คุณสมบัติเด่น:
    - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz
    - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก
    - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด:
    - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน
    - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์

    ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า:
    - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน

    https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX: - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series ✅ คุณสมบัติเด่น: - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด: - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า: - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD quietly unveils its refreshed Zen 4 gaming laptop CPUs – the Ryzen 8000HX series
    Listings for four new high-end laptop processors recently appeared on AMD's website. Unlike the company's Fire Range and Ryzen AI 300 series, the new Ryzen 8000HX CPUs...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts