• ไอ้ประวิตร สามกีบ โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก เพราะเผาป้อมจราจร หลังเลิกชุมนุม "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราชย์" ปี64 ถ้าไปชุมนุมแล้วแยกย้ายกลับบ้านเหมือนคนอื่น ก็ไม่โดนฟ้อง เสือกไปเชื่อแกนนำอนาคตหมด สนน.
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไอ้ประวิตร สามกีบ โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก เพราะเผาป้อมจราจร หลังเลิกชุมนุม "คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราชย์" ปี64 ถ้าไปชุมนุมแล้วแยกย้ายกลับบ้านเหมือนคนอื่น ก็ไม่โดนฟ้อง เสือกไปเชื่อแกนนำอนาคตหมด สนน. #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.29

    การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป

    โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ

    ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    บทความกฎหมาย EP.29 การแสวงหาความยุติธรรมในชั้นสูงสุดของศาลไทย คือหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด การฎีกาไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการ แต่คือกลไกสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้คู่ความได้นำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดและเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายอย่างแท้จริง การอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานี้ จึงเป็นด่านสุดท้ายที่กำหนดชะตาชีวิตและสิทธิของประชาชนภายใต้ระบบกฎหมายที่มุ่งเน้นความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ก่อนที่คำวินิจฉัยใดๆ จะกลายเป็นข้อยุติที่มีผลผูกพันตลอดไป โดยหลักการแล้ว การฎีกาถูกออกแบบมาให้เป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาในฐานะผู้ควบคุมความชอบด้วยกฎหมายและความถูกต้องของคำพิพากษา จะมุ่งเน้นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเหมือนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกับหลักกฎหมายที่สำคัญ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นข้อสงสัยที่สมควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูงสุดเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้เกิดความมั่นคงในระบบยุติธรรม ความสำคัญของการฎีกาจึงอยู่ที่การสร้างความสม่ำเสมอในการใช้กฎหมาย การธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และการให้โอกาสคู่ความที่เชื่อว่าคำวินิจฉัยในชั้นศาลล่างอาจมีความคลาดเคลื่อนในทางกฎหมายได้เข้าสู่การตรวจสอบขั้นสุดท้าย ภารกิจอันทรงเกียรตินี้จึงเรียกร้องความรอบคอบและวิจารณญาณสูงสุดในการตีความและประยุกต์ใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมที่เป็นเลิศ ดังนั้น ฎีกาจึงเป็นมากกว่าแค่การยื่นคำร้อง แต่มันคือการยืนยันถึงหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างแท้จริง มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้คำพิพากษาในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์จะมีน้ำหนักและผลผูกพันเพียงใด แต่ประตูสู่การแสวงหาความยุติธรรมสูงสุดก็ยังเปิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเงื่อนไขที่รัดกุม การตัดสินใจของศาลฎีกาจึงถือเป็นที่สุด เป็นข้อยุติที่กำหนดทิศทางของกฎหมายในอนาคตและเป็นหลักประกันสุดท้ายแห่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคนภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรมของราชอาณาจักรไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดมีคำสั่ง ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อศาลอุทธรณ์ ภายในกรอบ 21 พ.ย. นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/22424/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #ยื่นอุทธรณ์ #ศาลอุทธรณ์

    อัยการสูงสุดมีคำสั่ง ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 "ทักษิณ ชินวัตร" ต่อศาลอุทธรณ์ ภายในกรอบ 21 พ.ย. นี้ https://www.thai-tai.tv/news/22424/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #คดี112 #อัยการสูงสุด #ยื่นอุทธรณ์ #ศาลอุทธรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ

    17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์

    ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท

    ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์

    คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา

    #Newskit
    วิบากกรรมทักษิณ คดี 112-ภาษีชินคอร์ปฯ 17 พ.ย. ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร สองเรื่องในวันเดียว เรื่องแรก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. หลังจากนี้ คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวน เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดคนที่แล้ว มีคำสั่งให้นำเรื่องการยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณเข้าสู่การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการสูงสุด ขณะนั้นมีมติ 8 ต่อ 2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ ผ่านไปไม่นาน เรื่องที่สองตามมา ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ และศาลภาษีอากรกลาง ยกฟ้องคดีที่นายทักษิณฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีผลให้นายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีตามคำสั่งเรียกเก็บจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ศาลเห็นว่าการที่นายทักษิณปกปิดหุ้นชินคอร์ปฯ โดยให้บุคคลอื่น รวมถึงนายพานทองเเท้ และ น.ส.พินทองทา ถือหุ้นแทน เพราะจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายห้ามมิให้โจทก์ถือหุ้น ส่งผลให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้องและแน่นอนตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย อีกทั้งเป็นธุรกรรมที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ นอกเหนือจากการหาประโยชน์อื่น รวมถึงภาษีเงินได้ และเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงไม่มีเหตุงดและลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์ คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากนายทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ มูลค่า 73,271 ล้านบาท เมื่อปี 2549 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหุ้นที่ถือครองแทนนายทักษิณ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซื้อมาจากบริษัท แอมเพิลริช ในราคาหุ้นละ 1 บาท แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่อมามีคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ซึ่งระบุว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่แท้จริง กรมสรรพากรจึงตีความว่านายทักษิณควรเป็นผู้มีเงินได้และต้องเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง
    .
    คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม
    .
    ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น
    .
    คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท
    .
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ
    .
    คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ
    .
    ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    .
    #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง . คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม . ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น . คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท . ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ . คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ . ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด . #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 638 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนง.อัยการสูงสุดเผย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนส่งตัว"แส จี้นเจียง" ชาวจีนเจ้าของบ่อนกาสิโนฝั่งเมียวดี เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีบ่อนกาสิโนที่ประเทศจีน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000107311

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สนง.อัยการสูงสุดเผย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนส่งตัว"แส จี้นเจียง" ชาวจีนเจ้าของบ่อนกาสิโนฝั่งเมียวดี เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีบ่อนกาสิโนที่ประเทศจีน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000107311 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 'ลูกเกด ชลธิชา' 2 ปี คดีดูหมิ่นสถาบัน ไม่รอลงอาญา อนุญาตประกันตัวสู้ฎีกาต่อ
    https://www.thai-tai.tv/news/21686/
    .
    #ลูกเกดชลธิชา #พรรคประชาชน #มาตรา112 #คดีการเมือง #ศาลอุทธรณ์ #ปล่อยชั่วคราว #รัฐสภา #การเมืองไทย

    ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 'ลูกเกด ชลธิชา' 2 ปี คดีดูหมิ่นสถาบัน ไม่รอลงอาญา อนุญาตประกันตัวสู้ฎีกาต่อ https://www.thai-tai.tv/news/21686/ . #ลูกเกดชลธิชา #พรรคประชาชน #มาตรา112 #คดีการเมือง #ศาลอุทธรณ์ #ปล่อยชั่วคราว #รัฐสภา #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา "ลูกเกด-ชลธิชา " สส.พรรคประขาชน จ.ปทุมธานี ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093374

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา "ลูกเกด-ชลธิชา " สส.พรรคประขาชน จ.ปทุมธานี ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000093374 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนคดี ม.112 "ลูกเกด ชลธิชา“ กรณีปราศรัยให้ร้ายสถาบันฯ หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ลงโทษจำคุก 2 ปี ก่อนได้ประกันตัวในชั้นฎีกา แต่เชื่อว่าสันดานสส.สามกีบ หนีแน่นอน ไม่อยู่รอฟังศาลฎีกา
    #ลูกเกด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนคดี ม.112 "ลูกเกด ชลธิชา“ กรณีปราศรัยให้ร้ายสถาบันฯ หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ลงโทษจำคุก 2 ปี ก่อนได้ประกันตัวในชั้นฎีกา แต่เชื่อว่าสันดานสส.สามกีบ หนีแน่นอน ไม่อยู่รอฟังศาลฎีกา #ลูกเกด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน Verizon ผิดฐานขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต — จุดเปลี่ยนสำคัญของสิทธิความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล”

    ในคดีที่อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ว่า Verizon กระทำผิดจริงจากการขายข้อมูลตำแหน่งของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน โดยยืนยันคำสั่งปรับจาก FCC เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Verizon พยายามยื่นอุทธรณ์เพื่อยกเลิกแต่ไม่สำเร็จ

    คดีนี้ย้อนกลับไปถึงปี 2018 เมื่อมีการเปิดเผยว่า Verizon และผู้ให้บริการรายใหญ่อื่น ๆ เช่น AT&T และ T-Mobile ได้ขายข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของลูกค้าให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo ซึ่งนำข้อมูลไปขายต่อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่มีการตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาตจากลูกค้าอย่างเหมาะสม

    Verizon อ้างว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมาย Communications Act แต่ศาลไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวถือเป็น “customer proprietary network information” ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และ Verizon เองก็เลือกที่จะจ่ายค่าปรับแทนที่จะขอสิทธิพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ทำให้ข้ออ้างเรื่องการละเมิดสิทธิการพิจารณาคดีไม่สามารถนำมาใช้ได้

    แม้ AT&T จะชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ซึ่งมีแนวโน้มอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่คำตัดสินที่แตกต่างกันในแต่ละเขตศาลทำให้คดีนี้อาจต้องขึ้นสู่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่า FCC มีอำนาจในการลงโทษบริษัทโทรคมนาคมในกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่

    คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2
    ยืนยันคำสั่งปรับ Verizon เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์
    ปฏิเสธข้ออ้างเรื่องสิทธิการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน
    ระบุว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ภายใต้การคุ้มครองตาม Communications Act
    Verizon เลือกจ่ายค่าปรับแทนการขอพิจารณาคดี ทำให้เสียสิทธิ์การโต้แย้ง

    พฤติกรรมที่นำไปสู่การลงโทษ
    Verizon ขายข้อมูลตำแหน่งผ่านตัวกลางโดยไม่ตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาต
    บริษัทตัวกลาง เช่น Securus Technologies เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีหมายศาล
    มีกรณีที่นายอำเภอในรัฐ Missouri เข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมาย
    ระบบการขออนุญาตถูก “มอบหมาย” ให้บริษัทตัวกลางแทนที่จะทำโดย Verizon เอง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม
    FCC เคยปรับผู้ให้บริการรายใหญ่รวมเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ในปี 2024
    AT&T ชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ขณะที่ T-Mobile แพ้ในศาล DC Circuit
    ความขัดแย้งระหว่างเขตศาลอาจนำไปสู่การพิจารณาโดยศาลสูงสุด
    หากศาลสูงรับเรื่อง อาจเปลี่ยนขอบเขตอำนาจของ FCC ในการลงโทษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ข้อมูลตำแหน่งเคยถูกใช้ในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน, ป้องกันการค้ามนุษย์ และการตรวจจับการฉ้อโกง
    FCC ระบุว่าบริษัทโทรคมนาคมยังคงดำเนินโครงการโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
    การขายข้อมูลให้กับ bounty hunters และบริษัทเอกชนสร้างความไม่พอใจในสภาคองเกรส
    การเปิดเผยในปี 2018 โดย New York Times เป็นจุดเริ่มต้นของการสอบสวน

    https://arstechnica.com/tech-policy/2025/09/court-rejects-verizon-claim-that-selling-location-data-without-consent-is-legal/
    📍 “ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน Verizon ผิดฐานขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต — จุดเปลี่ยนสำคัญของสิทธิความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล” ในคดีที่อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ว่า Verizon กระทำผิดจริงจากการขายข้อมูลตำแหน่งของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน โดยยืนยันคำสั่งปรับจาก FCC เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Verizon พยายามยื่นอุทธรณ์เพื่อยกเลิกแต่ไม่สำเร็จ คดีนี้ย้อนกลับไปถึงปี 2018 เมื่อมีการเปิดเผยว่า Verizon และผู้ให้บริการรายใหญ่อื่น ๆ เช่น AT&T และ T-Mobile ได้ขายข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของลูกค้าให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo ซึ่งนำข้อมูลไปขายต่อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่มีการตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาตจากลูกค้าอย่างเหมาะสม Verizon อ้างว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมาย Communications Act แต่ศาลไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวถือเป็น “customer proprietary network information” ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และ Verizon เองก็เลือกที่จะจ่ายค่าปรับแทนที่จะขอสิทธิพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ทำให้ข้ออ้างเรื่องการละเมิดสิทธิการพิจารณาคดีไม่สามารถนำมาใช้ได้ แม้ AT&T จะชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ซึ่งมีแนวโน้มอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่คำตัดสินที่แตกต่างกันในแต่ละเขตศาลทำให้คดีนี้อาจต้องขึ้นสู่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่า FCC มีอำนาจในการลงโทษบริษัทโทรคมนาคมในกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ➡️ ยืนยันคำสั่งปรับ Verizon เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ปฏิเสธข้ออ้างเรื่องสิทธิการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ➡️ ระบุว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ภายใต้การคุ้มครองตาม Communications Act ➡️ Verizon เลือกจ่ายค่าปรับแทนการขอพิจารณาคดี ทำให้เสียสิทธิ์การโต้แย้ง ✅ พฤติกรรมที่นำไปสู่การลงโทษ ➡️ Verizon ขายข้อมูลตำแหน่งผ่านตัวกลางโดยไม่ตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาต ➡️ บริษัทตัวกลาง เช่น Securus Technologies เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีหมายศาล ➡️ มีกรณีที่นายอำเภอในรัฐ Missouri เข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมาย ➡️ ระบบการขออนุญาตถูก “มอบหมาย” ให้บริษัทตัวกลางแทนที่จะทำโดย Verizon เอง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ➡️ FCC เคยปรับผู้ให้บริการรายใหญ่รวมเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ➡️ AT&T ชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ขณะที่ T-Mobile แพ้ในศาล DC Circuit ➡️ ความขัดแย้งระหว่างเขตศาลอาจนำไปสู่การพิจารณาโดยศาลสูงสุด ➡️ หากศาลสูงรับเรื่อง อาจเปลี่ยนขอบเขตอำนาจของ FCC ในการลงโทษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ข้อมูลตำแหน่งเคยถูกใช้ในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน, ป้องกันการค้ามนุษย์ และการตรวจจับการฉ้อโกง ➡️ FCC ระบุว่าบริษัทโทรคมนาคมยังคงดำเนินโครงการโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ ➡️ การขายข้อมูลให้กับ bounty hunters และบริษัทเอกชนสร้างความไม่พอใจในสภาคองเกรส ➡️ การเปิดเผยในปี 2018 โดย New York Times เป็นจุดเริ่มต้นของการสอบสวน https://arstechnica.com/tech-policy/2025/09/court-rejects-verizon-claim-that-selling-location-data-without-consent-is-legal/
    ARSTECHNICA.COM
    Court rejects Verizon claim that selling location data without consent is legal
    Verizon and T-Mobile lost, but AT&T beat the FCC. SCOTUS may have to step in.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘สส.ลูกเกด’ รอดคุก ศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัว 3 แสนบาท แต่ห้ามออกนอกประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/21374/
    .
    #ไทยไท #ลูกเกดชลธิชา #ชลธิชาแจ้งเร็ว #มาตรา112 #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘สส.ลูกเกด’ รอดคุก ศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัว 3 แสนบาท แต่ห้ามออกนอกประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/21374/ . #ไทยไท #ลูกเกดชลธิชา #ชลธิชาแจ้งเร็ว #มาตรา112 #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาไม่มีคำสั่งประกันตัว ลูกเกด-ชลธิชา สส.พรรคประชาชน แต่ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา หลังเจอพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยคาร์ม็อบปี 64 ชี้ถ้าประกันตัวไม่ทันวันนีั ต้องเข้าเรือนจำ หมดสถานภาพ สส. ทันที
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085872

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลอาญาไม่มีคำสั่งประกันตัว ลูกเกด-ชลธิชา สส.พรรคประชาชน แต่ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา หลังเจอพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน คดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยคาร์ม็อบปี 64 ชี้ถ้าประกันตัวไม่ทันวันนีั ต้องเข้าเรือนจำ หมดสถานภาพ สส. ทันที . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085872 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ จำคุก เอกชัย หงส์กังวาน 21 ปี ส่วนพวกอีก 4 รายเจอคุก 16 ปี กรณีขวางขบวนเสด็จเมื่อปี 63
    https://www.thai-tai.tv/news/21332/
    .
    #ไทยไท #เอกชัยหงส์กังวาน #คดีม112 #ขบวนเสด็จ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ด่วน ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ จำคุก เอกชัย หงส์กังวาน 21 ปี ส่วนพวกอีก 4 รายเจอคุก 16 ปี กรณีขวางขบวนเสด็จเมื่อปี 63 https://www.thai-tai.tv/news/21332/ . #ไทยไท #เอกชัยหงส์กังวาน #คดีม112 #ขบวนเสด็จ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์รับคำร้อง "ศรายุทธ" ฟ้อง "แพทองธาร-พินทองทา-คุณหญิงพจมาน" คดีแจ้งความเท็จในคดีแพ่ง
    https://www.thai-tai.tv/news/21257/
    .
    #ไทยไท #ศาลอุทธรณ์ #แพทองธารชินวัตร #คุณหญิงพจมาน #คดีแจ้งความเท็จ #คดีที่ดิน #เอสซีแอสเสท #ข่าววันนี้
    ศาลอุทธรณ์รับคำร้อง "ศรายุทธ" ฟ้อง "แพทองธาร-พินทองทา-คุณหญิงพจมาน" คดีแจ้งความเท็จในคดีแพ่ง https://www.thai-tai.tv/news/21257/ . #ไทยไท #ศาลอุทธรณ์ #แพทองธารชินวัตร #คุณหญิงพจมาน #คดีแจ้งความเท็จ #คดีที่ดิน #เอสซีแอสเสท #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวหน้าการ์ดนอกจากจะรอดคดี ยังรวยอู้ฟู่ ส่วนลูกน้องมือปาระบูด 3 ตัว โดนศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกคนละ 33 ปี จากเหตุปาระเบิดหน้าสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนบาดเจ็บ3 นักข่าวบาดเจ็บ1
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หัวหน้าการ์ดนอกจากจะรอดคดี ยังรวยอู้ฟู่ ส่วนลูกน้องมือปาระบูด 3 ตัว โดนศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกคนละ 33 ปี จากเหตุปาระเบิดหน้าสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนบาดเจ็บ3 นักข่าวบาดเจ็บ1 #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศาล: เมื่อ T-Mobile ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต

    ลองจินตนาการว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคือเครื่องติดตามตัวที่คุณพกติดตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ มันจะส่งข้อมูลตำแหน่งของคุณไปยังผู้ให้บริการเครือข่าย และข้อมูลนี้สามารถกลายเป็นประวัติการเคลื่อนไหวที่ละเอียดมากของคุณได้

    ตั้งแต่ก่อนปี 2019 T-Mobile และ Sprint (ซึ่งถูกควบรวมในปี 2020) ได้ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าแบบเรียลไทม์ให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ซื้อได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือไม่ ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง

    แม้จะมีการเปิดเผยการละเมิดตั้งแต่ปี 2018 แต่กว่าที่ FCC จะลงโทษก็ใช้เวลาหลายปี จนในปี 2025 ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับรวม $92 ล้าน โดยปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่อ้างว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมาย และว่าการขายข้อมูลนั้นไม่เข้าข่ายข้อมูลที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

    ข้อมูลในข่าว
    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับ $92 ล้านจากการขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้า
    ข้อมูลถูกขายให้กับ LocationSmart และ Zumigo โดยไม่มีการตรวจสอบความยินยอมจากลูกค้า
    การละเมิดถูกเปิดเผยตั้งแต่ปี 2018 แต่ FCC เพิ่งลงโทษในปี 2024 และศาลตัดสินในปี 2025
    T-Mobile และ Sprint ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าการกระทำไม่ผิดกฎหมาย
    ศาลชี้ว่า T-Mobile สละสิทธิ์ในการขอพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน เพราะเลือกจ่ายค่าปรับและยื่นอุทธรณ์โดยตรง
    FCC ยังปรับ AT&T $57.3 ล้าน และ Verizon $46.9 ล้านจากกรณีคล้ายกัน
    การขายข้อมูลตำแหน่งถูกมองว่าเป็นการละเมิด Communications Act มาตรา 222

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ข้อมูลตำแหน่ง (Location Data) ถือเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวที่สุด เพราะสามารถเปิดเผยกิจวัตรและความสัมพันธ์ส่วนตัว
    การขายข้อมูลให้กับตัวกลางเปิดช่องให้บุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ติดตามบุคคลโดยไม่ขออนุญาต
    การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในรูปแบบนี้เคยนำไปสู่การติดตามผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐ Missouri
    การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว และเป็นแบบอย่างสำคัญในวงการโทรคมนาคม
    T-Mobile เคยเผชิญคดีละเมิดข้อมูลมาแล้วในปี 2021 และจ่ายค่าชดเชยกว่า $350 ล้าน

    https://arstechnica.com/tech-policy/2025/08/t-mobile-claimed-selling-location-data-without-consent-is-legal-judges-disagree/
    📱 เรื่องเล่าจากศาล: เมื่อ T-Mobile ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต ลองจินตนาการว่าโทรศัพท์มือถือของคุณคือเครื่องติดตามตัวที่คุณพกติดตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับเสาสัญญาณ มันจะส่งข้อมูลตำแหน่งของคุณไปยังผู้ให้บริการเครือข่าย และข้อมูลนี้สามารถกลายเป็นประวัติการเคลื่อนไหวที่ละเอียดมากของคุณได้ ตั้งแต่ก่อนปี 2019 T-Mobile และ Sprint (ซึ่งถูกควบรวมในปี 2020) ได้ขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าแบบเรียลไทม์ให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ซื้อได้รับความยินยอมจากลูกค้าหรือไม่ ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง แม้จะมีการเปิดเผยการละเมิดตั้งแต่ปี 2018 แต่กว่าที่ FCC จะลงโทษก็ใช้เวลาหลายปี จนในปี 2025 ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับรวม $92 ล้าน โดยปฏิเสธข้อโต้แย้งของบริษัทที่อ้างว่าไม่ได้ละเมิดกฎหมาย และว่าการขายข้อมูลนั้นไม่เข้าข่ายข้อมูลที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้ T-Mobile ต้องจ่ายค่าปรับ $92 ล้านจากการขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้า ➡️ ข้อมูลถูกขายให้กับ LocationSmart และ Zumigo โดยไม่มีการตรวจสอบความยินยอมจากลูกค้า ➡️ การละเมิดถูกเปิดเผยตั้งแต่ปี 2018 แต่ FCC เพิ่งลงโทษในปี 2024 และศาลตัดสินในปี 2025 ➡️ T-Mobile และ Sprint ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่โต้แย้งว่าการกระทำไม่ผิดกฎหมาย ➡️ ศาลชี้ว่า T-Mobile สละสิทธิ์ในการขอพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน เพราะเลือกจ่ายค่าปรับและยื่นอุทธรณ์โดยตรง ➡️ FCC ยังปรับ AT&T $57.3 ล้าน และ Verizon $46.9 ล้านจากกรณีคล้ายกัน ➡️ การขายข้อมูลตำแหน่งถูกมองว่าเป็นการละเมิด Communications Act มาตรา 222 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ข้อมูลตำแหน่ง (Location Data) ถือเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวที่สุด เพราะสามารถเปิดเผยกิจวัตรและความสัมพันธ์ส่วนตัว ➡️ การขายข้อมูลให้กับตัวกลางเปิดช่องให้บุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ติดตามบุคคลโดยไม่ขออนุญาต ➡️ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในรูปแบบนี้เคยนำไปสู่การติดตามผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐ Missouri ➡️ การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะของผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว และเป็นแบบอย่างสำคัญในวงการโทรคมนาคม ➡️ T-Mobile เคยเผชิญคดีละเมิดข้อมูลมาแล้วในปี 2021 และจ่ายค่าชดเชยกว่า $350 ล้าน https://arstechnica.com/tech-policy/2025/08/t-mobile-claimed-selling-location-data-without-consent-is-legal-judges-disagree/
    ARSTECHNICA.COM
    T-Mobile claimed selling location data without consent is legal—judges disagree
    T-Mobile can’t overturn $92 million fine; AT&T and Verizon verdicts still to come.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ “ลุงพล” เป็น 26 ปี! แก้โทษเป็นเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผลฯ - แม่น้องชมพู่พอใจ
    https://www.thai-tai.tv/news/20886/
    .
    #ลุงพล #น้องชมพู่ #คดีน้องชมพู่ #ศาลอุทธรณ์ #กกกอก #ไทยไท

    ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ “ลุงพล” เป็น 26 ปี! แก้โทษเป็นเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผลฯ - แม่น้องชมพู่พอใจ https://www.thai-tai.tv/news/20886/ . #ลุงพล #น้องชมพู่ #คดีน้องชมพู่ #ศาลอุทธรณ์ #กกกอก #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter

    วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children)

    แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ

    ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก
    วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat
    ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน

    วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC
    การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย
    ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที

    ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก
    ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน
    อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด

    ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง
    ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ
    X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น

    คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้
    การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง
    แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม

    การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ
    เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้
    ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว

    ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา
    แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว
    การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป

    การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม
    แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม
    ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ

    การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ
    ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน
    การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: คดีสะเทือนวงการ—เมื่อแพลตฟอร์ม X ต้องรับผิดชอบต่อการละเลยรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้รื้อฟื้นบางส่วนของคดีที่ฟ้องแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวหาว่า X ละเลยหน้าที่ในการรายงานวิดีโอที่มีภาพล่วงละเมิดเด็กชายสองคน ซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน Snapchat ให้ส่งภาพเปลือย ก่อนถูกแบล็กเมล์และนำภาพไปเผยแพร่บน Twitter วิดีโอนั้นอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 9 วัน และมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้ง ก่อนจะถูกลบและรายงานไปยังศูนย์ NCMEC (National Center for Missing and Exploited Children) แม้ศาลจะยืนยันว่า X ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 230 ของกฎหมาย Communications Decency Act ในหลายข้อกล่าวหา แต่ก็ชี้ว่าเมื่อแพลตฟอร์ม “รับรู้จริง” ถึงเนื้อหาละเมิดแล้ว ยังไม่ดำเนินการทันที ถือเป็นความประมาทเลินเล่อที่ต้องรับผิดชอบ ✅ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ดำเนินคดีต่อ X ในข้อหาละเลยการรายงานวิดีโอล่วงละเมิดเด็ก ➡️ วิดีโอมีภาพเด็กชายสองคนที่ถูกแบล็กเมล์ผ่าน Snapchat ➡️ ถูกเผยแพร่บน Twitter และอยู่บนระบบถึง 9 วัน ✅ วิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 167,000 ครั้งก่อนถูกลบและรายงานไปยัง NCMEC ➡️ การล่าช้าในการลบและรายงานถือเป็นการละเลย ➡️ ศาลชี้ว่าเมื่อมี “ความรู้จริง” แพลตฟอร์มต้องรายงานทันที ✅ ศาลอนุญาตให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าโครงสร้างของ X ทำให้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดได้ยาก ➡️ ระบบแจ้งเนื้อหาของผู้ใช้ไม่สะดวกหรือไม่ชัดเจน ➡️ อาจเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันการละเมิด ✅ ข้อกล่าวหาอื่น เช่น การได้ประโยชน์จากการค้ามนุษย์หรือการขยายเนื้อหาผ่านระบบค้นหา ถูกศาลยกฟ้อง ➡️ ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ➡️ X ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในข้อกล่าวหาเหล่านั้น ✅ คดีนี้เกิดขึ้นก่อน Elon Musk ซื้อ Twitter ในปี 2022 และเขาไม่ใช่จำเลยในคดีนี้ ➡️ การดำเนินคดีจึงไม่เกี่ยวกับการบริหารของ Musk โดยตรง ➡️ แต่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม ‼️ การล่าช้าในการลบเนื้อหาล่วงละเมิดเด็กอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเหยื่อ ⛔ เหยื่ออาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่สามารถควบคุมได้ ⛔ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความปลอดภัยในระยะยาว ‼️ ระบบแจ้งเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรายงานเนื้อหาผิดกฎหมายได้ทันเวลา ⛔ แพลตฟอร์มต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถแจ้งเนื้อหาได้ง่ายและรวดเร็ว ⛔ การละเลยในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้เนื้อหาผิดกฎหมายเผยแพร่ต่อไป ‼️ การพึ่งพากฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์มอาจทำให้บริษัทหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางจริยธรรม ⛔ แม้จะไม่ผิดตามกฎหมาย แต่ก็อาจละเมิดหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ⛔ ผู้ใช้และสังคมควรเรียกร้องให้แพลตฟอร์มมีมาตรฐานสูงกว่าข้อกฎหมายขั้นต่ำ ‼️ การไม่ดำเนินการทันทีเมื่อรับรู้เนื้อหาละเมิดเด็ก อาจทำให้แพลตฟอร์มถูกฟ้องร้องในข้อหาประมาทเลินเล่อ ⛔ ศาลชี้ว่า “ความรู้จริง” คือจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในการรายงาน ⛔ การเพิกเฉยหลังจากรับรู้ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/02/musk039s-x-must-face-part-of-lawsuit-over-child-pornography-video
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk's X must face part of lawsuit over child pornography video
    (Reuters) -A federal appeals court on Friday revived part of a lawsuit accusing Elon Musk's X of becoming a haven for child exploitation, though the court said the platform deserves broad immunity from claims over objectionable content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา

    การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท

    ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน

    นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด

    นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน

    #Newskit
    น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์เลื่อนวันพิพากษาลูกเกด ชลธิชา จากวันนี้ไปเป็น 30 กันยายน มาดูกันว่า อีนี่จะตามรอยเพนกวิน ไมค์ รุ้ง รึเปล่า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ลูกเกดชลธิชา
    ศาลอุทธรณ์เลื่อนวันพิพากษาลูกเกด ชลธิชา จากวันนี้ไปเป็น 30 กันยายน มาดูกันว่า อีนี่จะตามรอยเพนกวิน ไมค์ รุ้ง รึเปล่า #คิงส์โพธิ์แดง #ลูกเกดชลธิชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมอวรงค์" ชนะคดี! ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องปม "ก้าวไกล" ฟ้องปิดปาก เรียก 24 ล้าน กรณีวิจารณ์ล้มล้างการปกครอง
    https://www.thai-tai.tv/news/20255/
    .
    #วรงค์ #พรรคไทยภักดี #ก้าวไกล #พิธา #ชนะคดี #ยกฟ้อง #ล้มล้างการปกครอง #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #วรงค์เดชกิจวิกรม
    "หมอวรงค์" ชนะคดี! ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องปม "ก้าวไกล" ฟ้องปิดปาก เรียก 24 ล้าน กรณีวิจารณ์ล้มล้างการปกครอง https://www.thai-tai.tv/news/20255/ . #วรงค์ #พรรคไทยภักดี #ก้าวไกล #พิธา #ชนะคดี #ยกฟ้อง #ล้มล้างการปกครอง #ข่าวการเมือง #การเมืองไทย #วรงค์เดชกิจวิกรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย

    ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้

    เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี

    ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย

    และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ

    https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้ เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ร่วมส่งกำลังใจสู่พี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา"
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ พรพานิช ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3, ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์, นางบุญนาค คลังสุภาวิพัฒน์ พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ที่ได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค และร่วมส่งกำลังใจ ในการสนับสนุนพี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
    แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พบปะพูดคุย พร้อมขอบคุณ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ที่ได้เดินทางมาส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แด่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ในครั้งนี้ด้วย
    กองทัพภาคที่ 2 ถือว่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา คือกำแพงสุดท้ายที่ยืนหยัดปกป้องประชาชนรักษาความสงบ สร้างความปลอดภัย และส่งสารถึงผู้รุกรานว่า "ชายแดนไทย...เราจะปกป้องด้วยชีวิต"
    "ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ร่วมส่งกำลังใจสู่พี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา" พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ พรพานิช ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3, ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์, นางบุญนาค คลังสุภาวิพัฒน์ พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ที่ได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค และร่วมส่งกำลังใจ ในการสนับสนุนพี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พบปะพูดคุย พร้อมขอบคุณ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ที่ได้เดินทางมาส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แด่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ในครั้งนี้ด้วย กองทัพภาคที่ 2 ถือว่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา คือกำแพงสุดท้ายที่ยืนหยัดปกป้องประชาชนรักษาความสงบ สร้างความปลอดภัย และส่งสารถึงผู้รุกรานว่า "ชายแดนไทย...เราจะปกป้องด้วยชีวิต"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ร่วมส่งกำลังใจสู่พี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา"
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ พรพานิช ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3, ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์, นางบุญนาค คลังสุภาวิพัฒน์ พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ที่ได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค และร่วมส่งกำลังใจ ในการสนับสนุนพี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
    แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พบปะพูดคุย พร้อมขอบคุณ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ที่ได้เดินทางมาส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แด่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ในครั้งนี้ด้วย
    กองทัพภาคที่ 2 ถือว่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา คือกำแพงสุดท้ายที่ยืนหยัดปกป้องประชาชนรักษาความสงบ สร้างความปลอดภัย และส่งสารถึงผู้รุกรานว่า "ชายแดนไทย...เราจะปกป้องด้วยชีวิต"
    "ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ร่วมส่งกำลังใจสู่พี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา" พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ พรพานิช ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3, ดร.นิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์, นางบุญนาค คลังสุภาวิพัฒน์ พร้อมด้วยคณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ที่ได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค และร่วมส่งกำลังใจ ในการสนับสนุนพี่น้องทหารที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พบปะพูดคุย พร้อมขอบคุณ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคณะฯ ที่ได้เดินทางมาส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภค แด่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ในครั้งนี้ด้วย กองทัพภาคที่ 2 ถือว่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา คือกำแพงสุดท้ายที่ยืนหยัดปกป้องประชาชนรักษาความสงบ สร้างความปลอดภัย และส่งสารถึงผู้รุกรานว่า "ชายแดนไทย...เราจะปกป้องด้วยชีวิต"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร

    รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน

    สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529

    #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร • รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน • สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529 • #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts