• สหราชอาณาจักรกำลังสำรวจทางเลือกต่างๆ ในการส่งตัวพวกผู้อพยพที่พวกเขาปฏิเสธให้ลี้ภัย ไปยัง "ศูนย์ส่งกลับ" ในประเทศต่างๆ ทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ตามรายงานของเดอะไทม์สในเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ อ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล ข้อเสนอนี้มีขึ้นในขณะที่ลอนดอนยังคงประสบปัญหาในการรับมือกับวิกฤตที่ยืดเยื้อมานานหลายปี เกี่ยวกับพวกผู้หวังลี้ภัย ที่ใช้เรือขนาดเล็กล่องข้ามช่องแคบอังกฤษเข้ามา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027775
    สหราชอาณาจักรกำลังสำรวจทางเลือกต่างๆ ในการส่งตัวพวกผู้อพยพที่พวกเขาปฏิเสธให้ลี้ภัย ไปยัง "ศูนย์ส่งกลับ" ในประเทศต่างๆ ทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ตามรายงานของเดอะไทม์สในเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ อ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล ข้อเสนอนี้มีขึ้นในขณะที่ลอนดอนยังคงประสบปัญหาในการรับมือกับวิกฤตที่ยืดเยื้อมานานหลายปี เกี่ยวกับพวกผู้หวังลี้ภัย ที่ใช้เรือขนาดเล็กล่องข้ามช่องแคบอังกฤษเข้ามา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027775
    Like
    Angry
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 999 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    3/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    Video Player is loading.
    Current Time 0:00
    Duration 0:00
    Loaded: 0%
    Stream Type LIVE
    Remaining Time 0:00
     
    1x
      • Chapters
      • descriptions off, selected
      • captions and subtitles off, selected
        Like
        Love
        2
        0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 13 0 รีวิว
      • อ่านเพิ่มเติม
        2/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
        Video Player is loading.
        Current Time 0:00
        Duration 0:00
        Loaded: 0%
        Stream Type LIVE
        Remaining Time 0:00
         
        1x
          • Chapters
          • descriptions off, selected
          • captions and subtitles off, selected
            Love
            1
            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 9 0 รีวิว
          • อ่านเพิ่มเติม
            1/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
            Video Player is loading.
            Current Time 0:00
            Duration 0:00
            Loaded: 0%
            Stream Type LIVE
            Remaining Time 0:00
             
            1x
              • Chapters
              • descriptions off, selected
              • captions and subtitles off, selected
                0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
              • อ่านเพิ่มเติม
                เมดเวเดฟ กล่าวถึงนาโต้ว่า “ยอมรับเถอะ พวกคุณต้องการสงคราม” ดมิทรี เมดเวเดฟกล่าวถึงฝรั่งเศสและอังกฤษว่าทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีพยายามให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ ทั้งที่รัสเซียคัดค้านกองกำลังนาโต้ในยูเครนอย่างชัดเจน “มาครงและสตาร์เมอร์ทำเหมือนแกล้งโง่… ยอมรับมาเถอะว่าการที่พวกคุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ นั่นหมายถึงต้องการให้เกิดสงครามรัสเซียกับนาโต้” รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียกล่าว นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังแนะนำให้ปารีสและลอนดอนไปคุยกับทรัมป์ก่อนตัดสินใจกันเองซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่โดยไม่ม่สหรัฐร่วมด้วย ขณะเดียวกัน มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษว่า อังกฤษเตรียมส่งทหาร 10,000 นายไปยูเครนภายใต้ภารกิจรักษาสันติภาพระยะยาว โดยไม่มีแผนการถอนทหารที่ชัดเจน โดยที่กองกำลังทหารอังกฤษจะประจำการอยู่ในอยู่เครนตราบเท่าที่จำเป็น โดยไม่กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะทำหน้าที่ "รักษาข้อตกลงสันติภาพ" และ "ปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามจากรัสเซีย" แนวคิดของอังกฤษที่ส่งกองกำลังหลายพันนายโดยไม่กำหนดระยะเวลา ทำให้เกิดคำถามว่านี่เป็นการ "ปกป้องหรือเข้ายึดครอง"
                Like
                2
                0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
              • อ่านเพิ่มเติม
                ด่วน! คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศว่า แผนการส่ง "กองกำลังรักษาสันติภาพ" ไปยังยูเครนกำลังเข้าสู่ "ระยะปฏิบัติการ!!!" ทหารและเครื่องบินของอังกฤษอาจส่งกำลังไปประจำการในยูเครนภายใต้ภารกิจ "แนวร่วมแห่งความเต็มใจ" (COALITION OF THE WILLING) สตาร์เมอร์ ยังบอกอีกว่า ผู้นำกองทัพกำลังเตรียมสรุปแผนในลอนดอนในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ และยังมีกลุ่มพันธมิตรซึ่งรวมถึงผู้นำโลก 29 คน ได้ประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพและการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย "เราเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาล่าสุดว่า ปูตินไม่เคยเคารพข้อตกลงที่ไม่มีข้อตกลงด้านความปลอดภัยรวมอยู่" “เราไม่สามารถนั่งเฉยและรอได้ เราต้องก้าวไปข้างหน้าและเตรียมพร้อมสำหรับสันติภาพที่ยั่งยืน” "ปูตินจะต้องเข้าร่วมโต๊ะเจรจา โลกต้องการการกระทำ ไม่ใช่คำพูดและเงื่อนไขที่เลื่อนลอย ความกระหายความขัดแย้งและความวุ่นวายของรัสเซียกำลังทำลายความมั่นคงของเรา" สตาร์เมอร์ ร่ายยาวด้วยความมั่นใจ!
                Video Player is loading.
                Current Time 0:00
                Duration 0:00
                Loaded: 0%
                Stream Type LIVE
                Remaining Time 0:00
                 
                1x
                  • Chapters
                  • descriptions off, selected
                  • captions and subtitles off, selected
                    Love
                    Like
                    3
                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 26 0 รีวิว
                  • อ่านเพิ่มเติม
                    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
                  • อ่านเพิ่มเติม
                    Microsoft ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกของภัยคุกคามไซเบอร์ โดยระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือในชื่อ Moonstone Sleet ได้เริ่มใช้ Qilin ransomware เพื่อโจมตีเป้าหมายในองค์กรต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงถึงการขยายตัวของกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจาก Qilin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการให้บริการแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเช่าเครื่องมือโจมตีนี้ไปใช้งานได้ == การเคลื่อนไหวของ Moonstone Sleet == ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Moonstone Sleet ซึ่งเคยถูกเรียกว่า Storm-1789 มีพฤติกรรมที่คล้ายกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออื่น ๆ แต่ได้พัฒนาเครื่องมือและโครงสร้างการโจมตีของตัวเองในภายหลัง พวกเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น: - การปล่อยซอฟต์แวร์ที่แฝงมัลแวร์ เช่น PuTTY และแพ็กเกจ npm ที่ถูกแอบแฝง - การสร้างบริษัทปลอม เช่น C.C. Waterfall และ StarGlow Ventures เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานใน LinkedIn หรือผ่านอีเมล == Qilin Ransomware และผลกระทบ == Qilin ransomware เปิดตัวในชื่อ "Agenda" ตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีบทบาทสำคัญในปลายปี 2023 กลุ่มนี้มุ่งเป้าหมายที่ระบบเสมือน VMware ESXi และเรียกค่าไถ่ที่อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ เหยื่อที่สำคัญในอดีต ได้แก่: - angfeng, ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ - Lee Enterprises, บริษัทสื่อสหรัฐฯ - Synnovis, ซึ่งการโจมตีนี้ส่งผลให้โรงพยาบาลในลอนดอนต้องยกเลิกการผ่าตัดหลายร้อยครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2024 Moonstone Sleet ยังถูกจับโยงกับการโจมตีโดยใช้ FakePenny ransomware พร้อมเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 6.6 ล้านดอลลาร์ Moonstone Sleet ไม่ใช่กลุ่มแรกจากเกาหลีเหนือที่มีบทบาทในเหตุการณ์ ransomware ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Lazarus Group เคยสร้างความเสียหายทั่วโลกด้วย WannaCry ransomware ในปี 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือในยุทธศาสตร์ของรัฐ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-north-korean-hackers-now-deploying-qilin-ransomware/
                    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
                    Microsoft: North Korean hackers join Qilin ransomware gang
                    Microsoft says a North Korean hacking group tracked as Moonstone Sleet has deployed Qilin ransomware payloads in a limited number of attacks.
                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
                  • เครื่องบินแอร์บัส A350-1000 ของเวอร์จิ้นแอตแลนติก (Virgin Atlantic) ออกเดินทางจากสนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน มุ่งหน้าสนามบิน JFK นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต้องบินกลับและลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ หลังระบบไฮดรอลิกขัดข้องทำให้ประตูล้อเปิดออกเองอัตโนมัติ
                    เครื่องบินแอร์บัส A350-1000 ของเวอร์จิ้นแอตแลนติก (Virgin Atlantic) ออกเดินทางจากสนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน มุ่งหน้าสนามบิน JFK นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต้องบินกลับและลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ หลังระบบไฮดรอลิกขัดข้องทำให้ประตูล้อเปิดออกเองอัตโนมัติ
                    Video Player is loading.
                    Current Time 0:00
                    Duration 0:00
                    Loaded: 0%
                    Stream Type LIVE
                    Remaining Time 0:00
                     
                    1x
                      • Chapters
                      • descriptions off, selected
                      • captions and subtitles off, selected
                        0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 21 0 รีวิว
                      • "แรงตลอด!!"
                        มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย บอกถึงเหตุผลที่ประเทศบอลติกไม่ได้รับเชิญไปร่วมประชุมสุดยอดที่ลอนดอน :

                        "คงเพื่อประหยัดค่ากาแฟและแซนด์วิช สำหรับพวกที่ต้องนั่งรออยู่ที่ทางเดินระหว่างรอประชุม เพราะประเทศบอลติกพวกนี้ไม่มีอะไรพอที่จะช่วยเหลือได้"
                        "แรงตลอด!!" มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย บอกถึงเหตุผลที่ประเทศบอลติกไม่ได้รับเชิญไปร่วมประชุมสุดยอดที่ลอนดอน : "คงเพื่อประหยัดค่ากาแฟและแซนด์วิช สำหรับพวกที่ต้องนั่งรออยู่ที่ทางเดินระหว่างรอประชุม เพราะประเทศบอลติกพวกนี้ไม่มีอะไรพอที่จะช่วยเหลือได้"
                        Video Player is loading.
                        Current Time 0:00
                        Duration 0:00
                        Loaded: 0%
                        Stream Type LIVE
                        Remaining Time 0:00
                         
                        1x
                          • Chapters
                          • descriptions off, selected
                          • captions and subtitles off, selected
                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
                          • อ่านเพิ่มเติม
                            2/ "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ" 👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้ - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน . 👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
                            Video Player is loading.
                            Current Time 0:00
                            Duration 0:00
                            Loaded: 0%
                            Stream Type LIVE
                            Remaining Time 0:00
                             
                            1x
                              • Chapters
                              • descriptions off, selected
                              • captions and subtitles off, selected
                                Like
                                1
                                0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
                              • อ่านเพิ่มเติม
                                1/ "เตือนความจำให้ฝรั่งเศสและอังกฤษ" 👉(วิดีโอ-1) คลิปวิดีโอเกี่ยวกับภาพจำลองเหตุการณ์ กรณีกองทัพรัสเซียยิง “โพไซดอน” ตอร์ปิโดติดหัวรบนิวเคลียร์แถบเกาะอังกฤษ - ตอร์ปิโดใต้น้ำจะพุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ความลึกหนึ่งกิโลเมตรด้วยความเร็ว 200 กม./ชม. ไม่มีใครหยุดมันได้ - หัวรบที่มีความจุมากถึง 100 เมกะตัน จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงนอกชายฝั่งของอังกฤษ - จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงถึง 500 เมตร คลื่นน้ำที่ปนเปื้อนไปด้วยปริมาณรังสีมหาศาล จะพัดข้ามเกาะอังกฤษ และจะทำให้สิ่งที่เหลืออยู่บนเกาะอังกฤษกลายเป็นทะเลทรายที่มีแต่การปนเปื้อน . 👉(วิดีโอ-2) อีกหนึ่งอาวุธหลักของรัสเซีย คือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง IRBM “Oreshnik” ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และถูกใช้งานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 โจมตีใส่เป้าหมายในภูมิภาค Dnipro ของยูเครน ซึ่งในครั้งนั้นเป็นหัวรบเปล่า - ขีปนาวุธดังกล่าวมีความเร็วที่กล่าวอ้างไว้คือ 10 มัค (12,300 กม./ชม.; 7,610 ไมล์/ชม. หรือ 3.40 กม./วินาที) ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น มีศักยภาพที่จะไปถึง "ลอนดอนและปารีส" ได้ไม่เกิน 20 นาที
                                Video Player is loading.
                                Current Time 0:00
                                Duration 0:00
                                Loaded: 0%
                                Stream Type LIVE
                                Remaining Time 0:00
                                 
                                1x
                                  • Chapters
                                  • descriptions off, selected
                                  • captions and subtitles off, selected
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 32 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ทรัมป์ด่าเซเลนสกีการพูดที่ลอนดอนของเขา เป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดอีกครั้ง หลังจากเซเลนสกีพูดที่กล่าวว่า การยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้นยังเป็นเรื่องที่ "ห่างไกลมากๆ" และยังจะหวังให้อเมริกาสนับสนุนอาวุธต่อไป คือคำพูดที่แย่ที่สุดที่เซเรนสกี้เคยพูดมา ทรัมป์บอกว่า อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป! เพราะนี่มันหมายถึงเซเลนสกีไม่ได้ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่ยังต้องการให้อเมริกาหนุนหลังเขาอยู่ และในการประชุมที่ยุโรป พวกเขายังบอกเองว่า ทำงานไม่ได้หากไม่มีสหรัฐช่วย คำพูดแบบนี้ไม่ใช่คำพูดที่ดี ในการแสดงความแข็งแกร่งต่อรัสเซีย พวกเขาคิดอะไรอยู่!? หลังจากโดนทรัมป์ตอกกลับในเรื่อง “สันติภาพที่ยังอยู่ห่างไกล” เซเลนสกีโพสต์ข้อความใหม่ว่า “เขาต้องการสันติภาพโดยเร็วที่สุด”
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามกับรัสเซีย "ยังอยู่ห่างไกลมากๆ" ได้เรียกปฏิกิริยาตอบโตอย่างดุเดือดมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมประนีประนอมใดๆ ทั้งที่เจ้าตัวยังคาดหวังได้รับแรงสนับสนุนจากอเมริกาต่อไป . "อเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ก่อนกล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ต้องการสันติภาพ . ที่ประชุมซัมมิตของบรรดาผู้นำยุโรปส่วนใหญ่ในกรุงลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) เห็นพ้องในแผน 4 ข้อ สำหรับรับประกันการป้องกันตนเองของยูเครน ในกรณีที่มีข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ บอกว่า "บางทีมันอาจไม่ใช่การป่าวประกาศที่ดีนัก ในแง่ของการพยายามโชว์ความเข้มแข็งให้รัสเซียเห็น พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่?" ทรัมป์บอก ดูเหมือนเป็นการพาดพิงที่ประชุมซัมมิตที่จัดขึ้น 2 วันหลังจากเขาเปิดศึกวิวาทะกับเซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ . การประชุมนี้ ซึ่งมี เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เป็นเจ้าภาพ มีเจตนาเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครน และพยายามลดความเห็นต่างในหมู่ประเทศตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน ในขณะที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บอกว่าพวกเขากำลังทำงานหาทางออกที่นำโดยยุโรปต่อวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน . กระนั้นหลังการประชุม เซเลนสกี บอกว่าข้อตกลงยุติสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย "ยังคงห่างไกลมากๆ" แต่ระบุเขาคาดหมายว่าสหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนยูเครน แม้เขามีความสัมพันธ์มึนตึงกับทรัมป์ . "ผมเชื่อว่ายูเครนมีความเป็นมิตรที่เข้มแข็งเพียงพอกับสหรัฐอเมริกา" เซเลนสกี บอกในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) แต่ในจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการเน้นย้ำว่าจากมุมมองของเขา เซเลนสกีกำลังยืนขวางทางการเจรจาสันติภาพ . "มันเป็นถ้อยแถลงที่เลวร้ายที่สุดของเซเลนสกี และอเมริกาจะไม่ทนอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูด ชายคนนี้ไม่ต้องการสันติภาพ ตราบใดที่เขามีสหรัฐฯ สนับสนุน" ทรัมป์เขียนบนทรัตช์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง . ระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาในวันจันทร์ (3 ก.พ.) ทรัมป์เน้นย้ำมุมมองของเขาที่ว่า เซเลนสกี "ควรสำนึกบุญคุณมากกว่านี้" สำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับจากสหรัฐฯ ในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ . ระหว่างเผชิญหน้ากันต่อหน้ากล้องในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่างขุ่นเคืองในสิ่งที่พวกเขามองว่า เซเลนสกี ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ . ศึกวิวาทะดังกล่าว นั่นหมายความว่าไม่มีการลงนามในข้อตกลงหนึ่งซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรแร่หายากของยูเครน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรัมป์ ไม่เชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวปิดตายแล้ว และบอกว่าเขาจะให้ข้อมูลอัปเดตอีกครั้ง เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ในช่วงเย็นวันอังคาร (4 มี.ค.) . ตามหลังการประชุมซัมมิตในลอนดอน ทางสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส บ่งชี้ว่า "พันธมิตรยุโรปมีความตั้งใจปกป้องยูเครน" แต่กลับไม่ให้รายละเอียดใดๆ . สตาร์เมอร์บอกว่าแนวคิดส่งกำลังพลเข้าไปยังยูเครน ซึ่งรวมถึงทหารราบในภาคพื้นและเครื่องบินบนอากาศ ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่เขาพูดอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้แต่ละชาติไปพูดคุยหารือเป็นการภายในในประเด็นนี้ . บรรดาชาติแถบสแกนดิเนเวีย ส่งสัญญาณว่าเขาสนับสนุนความคิดนี้ แต่มีเงื่อนไขว่ามันต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ . ความเคลื่อนไหวของยุโรป มีขึ้นตามหลังการกลับลำนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ เขาบอกว่าเขาต้องการยุติสงครามและได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ยืดยาวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และมีการเปิดโต๊ะเจรจากับมอสโก ที่กันไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม . ทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรตะวันตก ด้วยการบอกว่าเขาไว้ใจปูติน และกล่าวหา เซเลนสกี เป็นเผด็จการและถึงขั้นชี้ว่ายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม ไม่ใช่รัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020860 .............. Sondhi X
                                    Like
                                    Love
                                    Haha
                                    4
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1448 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 . วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ . ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง . สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ . กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา . ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน . มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ . ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง . ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน . ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน . อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น . วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ . โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856 .............. Sondhi X
                                    Like
                                    Haha
                                    5
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1299 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย: กลุ่มต่อต้านทรัมป์ซึ่งต่อต้านรัสเซียด้วย กำลังรวมตัวกันในลอนดอนเพื่อสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อพวกนาซีที่เคียฟ มันช่างเป็นภาพที่น่าอับอายยิ่งกว่าการเสียดสีด้วยวาจาของตัวตลกในห้องโอวัลออฟฟิศในทำเนียบขาวซะอีก พวกเขาต้องการสานต่อสงครามต่อไปจนถึงยูเครนคนสุดท้าย!
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ว่าเขาเตรียมเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร พูดคุยเกี่ยวกับการปกป้องอธิปไตยของแคนาดา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆ ให้เข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา . คำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์ โหมกระพือเสียงโวยวายในแคนาดา โดยพวกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับการพูดคุยใดๆ กรณีที่พวกเขาจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ . ครั้งที่เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ชาร์ลส์ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐของแคนาดา ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ทรูโดเผยว่าเขาหวัง "หารือในประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญกับแคนาดาและชาวแคนาดา" . "และผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกับชาวแคนาดามากไปกว่าการยืนหยัดเพื่ออธิปไตยของเราและเอกราชของเรา ในฐานะประเทศหนึ่ง" นายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุ ระหว่างอยู่ในลอนดอน เพื่อร่วมประชุมซัมมิตเกี่ยวกับยูเครน . ทรัมป์ ยึดติดอยู่กับอธิปไตยของแคนาดาโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย . ผู้สำสหรัฐฯ พาดพิงแคนาดาบ่อยครั้งในฐานะ "รัฐที่ 51" และดูหมิ่น ทรูโด ด้วยการเรียกเขาว่าเป็น "ผู้ว่าการรัฐ" แทนที่จะเป็น "นายกรัฐมนตรี" . ทั้งนี้ ทรัมป์ ออกคำสั่งรีดภาษีบรรดาคู่ค้าหลีกของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร (4 มี.ค.) แต่บอกว่าแคนาดาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกรีดภาษีได้ หากกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . เมื่อเดือนที่แล้ว ทรูโด เตือนว่าการพูดจาอย่างไม่หยุดหย่อนของทรัมป์ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดา เพื่อเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาตินั้น "เป็นของจริง" . ชาวแคนาดาบางส่วนส่งเสียงแสดงความสงสัยว่าทำไมกษัตริย์ชาร์ลส์ถึงไม่ออกมาตรัสอะไรบ้าง เกี่ยวกับการปกป้องแคนาดา อย่างไรก็ตาม ตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว กษัตริย์มีหน้าที่ได้แค่เพียงให้คำแนะนำนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาติในเครือจักรภพ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เชิญ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรแบบรัฐพิธีเป็นครั้งที่ 2 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเป็นการเปิดโอกาสให้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงหยิบยกประเด็นอธิปไตยของแคนาดาพูดคุยกับทรัมป์ . ณ ที่ประชุมซัมมิตด้านความมั่นคงของยูเครน ในลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ทรูโด เน้นย้ำว่า แคนาดา ยังคงให้การสนับสนุนยูเครน อย่างหนักแน่นและไม่เปลี่ยนแปลง และได้แถลงมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020426 .............. Sondhi X
                                    Like
                                    Love
                                    Haha
                                    5
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1282 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น . "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้" . มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้" . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน . ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา" . "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
                                    Like
                                    Haha
                                    Love
                                    7
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1212 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    บรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรครีพับลิกัน ที่เป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืนในสงครามกับรัสเซีย หรือไม่ก็ลาออกไป ยกระดับถาโถมแรงบีบเข้าใส่ผู้นำเคียฟ ตามหลังการประชุมที่เกิดศึกโต้เถียงกัน ณ ทำเนียบขาว เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ . บรรดาผู้นำยุโรป แสดงจุดยืนสนับสนุนเซเลนสกี ณ ที่ประชุมหนึ่งในลอนดอนเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) โดย เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้บรรดาผู้นำยุโรปยกระดับความพยายามป้องกันตนเอง เพียง 2 วัน หลังจาก ทรัมป์ และรองประธานธิบดีเจดี แวนซ์ มีปากเสียงกับ เซเลนสกี ในห้องทำงานรูปไข่ ไล่เขาออกจากทำเนียบขาว โดยไม่มีการลงนามในข้อตกลงแร่ใดๆ ตามที่วางแผนไว้ . ศึกวิวาทะดังกล่าวสร้างความตกตะลึงแก่พวกผู้นำทั่วโลก และก่อคำถามเกี่ยวกับก้าวย่างถัดไปของสงคราม ที่รัสเซียเป็นคนเริ่มด้วยการรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน เช่นเดียวกับความพยายามของทรัมป์ ในการยุติความขัดแย้งนี้ . เซเลนสกี อ้างในที่ประชุมว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ไม่ยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงปี 2019 และให้คำจำกัดความ ปูติน ว่าเป็นฆาตกรและพวกก่อการร้าย . ไมค์ วอล์ทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ระบุรัฐบาลไม่แน่ใจว่า เซเลนสกี พร้อมเจรจายุติสงครามหรือไม่ และเน้นย้ำเป้าหมายของ ทรัมป์ สำหรับการมีสันติภาพที่ถาวรระหว่างมอสโกกับเคียฟ ที่เกี่ยวข้องกับการยอมอ่อนข้อด้านดินแดน แลกกับการรับประกันความมั่นคงที่นำโดยยุโรป . เมื่อถามว่า ทรัมป์ ต้องการให้ เซเลนสกี ลาออกหรือไม่ ทาง วอล์ทซ์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ว่า "เราต้องการผู้นำรายหนึ่งที่สามารถตกลงกับเรา ในท้ายที่สุดตกลงกับรัสเซียและยุติสงครามนี้" เขาระบุ "ถ้ามันกลายเป็นว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี มีทั้งแรงจูงใจส่วนตัวและแรงจูงใจทางการเมืองที่ผิดแผกไปจากการยุติการสู้รบในประเทศของเขา เมื่อนั้นผมคิดว่าเรามีประเด็นปัญหาที่แท้จริง" . ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากเซาท์แคโรไลนา พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์และเคยเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง ตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ จะยังคงสามารถทำงานร่วมกับ เซเลนสกี ได้หรือไม่ ตามหลังการโต้เถียงในทำเนียบขาว ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (28 ก.พ.) . ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นแบบเดียวกันในวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) "บางอย่างจำเป็นต้องเปลี่ยน เขาจำเป็นทั้งต้องมีความสมเหตุสมผลและกลับสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสำนึกบุญคุณ หรือไม่อย่างนั้นคนอื่นใครบางคนก็จำเป็นต้องก้าวมานำประเทศแห่งนี้ ให้ทำเช่นนั้น" เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี "มันอยากเห็นปูตินพ่ายแพ้ พูดตรงๆ เขาเป็นศัตรูของสหรัฐฯ แต่ในความขัดแย้งนี้ เรากำลังหาทางให้มันถึงจุดจบของสงคราม" . อย่างไรก็ตาม ในฝ่ายเดโมแครต ไม่เห็นด้วยกับการชี้แนะให้ เซเลนสกี ลาออกจากตำแหน่ง และรู้สึกรังเกียจต่อภาพการประชุมที่เต็มไปด้วยการโต้เถียง ระหว่างทรัมป์กับผู้นำยูเครน . วุฒิสมาชิกคริส เมอร์ฟี จากคอนเนคทิคัต โวยวายใส่ทำเนียบขาว กรณีที่ขยับเข้าไปใกล้ชิดกับรัสเซีย มากกว่าชาติประชาธิปไตยด้วยกัน "แน่นอนว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ มันน่าอดสูอย่างที่สุด ทำเนียบขาวกลายเป็นอาวุธของเครมลิน" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น "บริษัทโดยรวมของการประชุมดังกล่าว เป็นความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลงนามข้อตกลงกับปูติน ที่ส่งมอบยูเครนแก่ปูติน มันเป็นหายนะสำหรับความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ" . วอล์ทซ์ แก้ต่างว่า "มันเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง" ที่มีการกล่าวหาว่าการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ เป็นการซุ่มโจมตี และรัฐบาลทรัมป์โยนแรงกดดันใส่ยูเครน ให้เปลี่ยนจุดยืน "เราจะพร้อมกลับมาเจรจาใหม่ เมื่อพวกเขาพร้อมสร้างสันติภาพ" มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว พร้อมเผยว่าไม่ได้คุยกับ เซเลนสกี และรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน มาตั้งแต่การประชุมเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . "ไม่มีใครที่นี่ เคลมว่าประธานาธิบดีปูติน กำลังได้รับโนเบลสันติภาพในปีนี้" รูบิโอ ระบุและอ้างว่าการเจรจากับรัสเซียเป็นสิ่งจำเป็น "คุณไม่อาจดึงพวกเขาสู้โต๊ะเจรจา หากว่าคุณไม่ยอมเรียกชื่อพวกเขา หากว่าคุณยังคงมองเขาเป็นศัตรู" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020423 .............. Sondhi X
                                    Like
                                    Haha
                                    5
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1223 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ!

                                    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
                                    มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ! ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศแห่งนี้ และมีความเป็นและความตายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง City Developments Ltd (CDL) เป็นเดิมพัน ได้ปะทุขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในสัปดาห์นี้ การโต้เถียงกันระหว่างประธานบริหารของ CDL คือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) และลูกชายของเขา คือ กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ได้เปิดเผยถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับมหาเศรษฐฐีชั้นนำที่จัดอันดับโดย Forbesศึกสายเลือกครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความผิดพลาดขององค์กร การละเมิดการกำกับดูแล และความสัมพันธ์ส่วนตัวกำลังคุกคามที่จะยกระดับเป็นการต่อสู้ในศาลเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เรื่องพิพาทของทั้งคู่เดิมทีเป็นเรื่องในบริษัท แต่ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่อ CDL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Straits Times ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดการซื้อขายกะทันหัน ตามด้วยแถลงการณ์ยกเลิกการสรุปผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ที่กำหนดไว้จากนั้นก็เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นคือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) ผู้นำตระกูลวัย 84 ปี กล่าวหาลูกชายและซีอีโอของ CDL ต่อสาธารณะว่าวางแผน "พยายามก่อรัฐประหารในระดับคณะกรรมการ"ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ลูกชายคนเล็ก พร้อมด้วยคณะกรรมการส่วนใหญ่ ได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมอีก 2 คนเพื่อ "รวมอำนาจการควบคุมคณะกรรมการ" และ CDL เพื่อขัดขวางการแย่งชิงอำนาจ กัวลิ่งหมิง ผู้เป็นพ่อได้ยื่นฟ้องและต่อมาประกาศว่าเขาได้รับคำสั่งศาลให้หยุดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของ CDL Groupกัวอี้จื้อ วัย 49 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ได้พยายามขับไล่ประธาน"เขาเรียกการเคลื่อนไหวของพ่อว่าเป็นการ "ซุ่มโจมตี" แต่กลับชี้ไปที่ที่มาชองความตึงเครียดที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือ แคเธอรีน วู (Catherine Wu) ที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทลูก CDL แต่ลูกชายของเขากล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการของบริษัทกัวอี้จื้อ กล่าวว่า "เธอแทรกแซงในเรื่องต่างๆ มากเกินกว่าขอบเขตของเธอ และเธอมีอิทธิพลมหาศาล เรื่องเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราในฐานะกรรมการ""เนื่องจากความสัมพันธ์อันยาวนานของเธอกับประธานบริษัท (ผู้เป็นพ่อ) ความพยายามในการจัดการสถานการณ์จึงทำไปด้วยความอ่อนไหว แต่ก็ไร้ผล" กัวอี้จื้อ ผู้เป็นลูก กล่าวข้อพิพาทดังกล่าวได้เปิดเผยถึงการแย่งชิงอำนาจภายใน CDL ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ตามมูลค่าตลาด และตระกูลกัว ซึ่งอาณาจักรของพวกเขามีมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbesในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กัวลิ่งหมิง ได้ยื่นคำร้องให้ กัวอี้จื้อ ออกจากตำแหน่ง CEO โดยระบุว่าลูกชายกระทำการให้เกิด "ความผิดพลาดหลายครั้ง" โดยอ้างถึงการขาดทุนมหาศาล 1.4 พันล้านดอลลาร์ใน "ความล้มเหลว" ในปี 2020 และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดในสหราชอาณาจักรราคาหุ้นของ CDL ยัง "ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ (กัวอี้จื้อ) เข้ารับตำแหน่งผู้นำในปี 2018" กัวลิ่งหมิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าว"(คนหนุ่มสาว) อาจทำผิดพลาดในอาชีพการงานได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับดูแลกิจการถือเป็นการล้ำเส้น" กัวลิ่งหมิง กล่าว"ในฐานะพ่อ การไล่ลูกชายออกไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย" แต่ผลที่ตามมา "ก็สูงเกินไปที่จะปล่อยให้การยึดอำนาจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาทำให้บริษัทไม่มั่นคง" เขากล่าวหุ้นของบริษัทมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังคงถูกระงับ และ CDL ถูกปรับลดระดับโดยบริษัทต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co ตามรายงานของ Bloomberg'การกระทำที่ไม่รอบคอบ'CDL เริ่มต้นจากธุรกิจที่ขาดทุนตอนที่ กัวลิ่งหมิง พ่อของเขา กัวฟางเฟิง (Kwek Hong Png) และพี่ชายของเขา กัวลิ่วอวี้ (Kwek Leng Joo) ซื้อกิจการในปี 1971ภายใต้การบริหารของ กัวลิ่งหมิง บริษัทได้ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมถึงที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และการพัฒนาแบบบูรณาการในสิงคโปร์ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรปการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมทำให้บริษัทในเครือ Millennium & Copthorne Hotels กลายเป็นกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์กลางการเงิน โดยมีทรัพย์สินรวมถึงโรงแรม The Biltmore ในย่าน Mayfair ของลอนดอน และ Millennium ในย่าน Wall Street และ Times Square ของนิวยอร์กกัวลิ่งหมิง กล่าวว่าการรักษามรดกของเขาไว้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต่อสู้กับลูกชายและพันธมิตรในห้องประชุมของเขา“การกระทำที่ไร้ความรอบคอบของกลุ่มที่พยายามจะรวมอำนาจควบคุมที่ไร้การควบคุมเข้าด้วยกันนั้นไม่เพียงแต่ทำลายรากฐานของการปกครองของ CDL เท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกที่เราสร้างมาตลอดหลายทศวรรษตกอยู่ในความเสี่ยงอีกด้วย” กัวลิ่งหมิง กล่าวขณะนี้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องและผู้นำของ CDL ก็ตกเป็นเป้าหมาย ความขัดแย้งในครอบครัวที่ขมขื่นนี้ยังไม่จบสิ้นกัวอี้จื้อ ได้ปกป้องการเคลื่อนไหวของเขาในการปลด แคเทอรีน วู ออกจากคณะกรรมการบริษัท Millennium & Copthorne เนื่องจาก "จำเป็น" สำหรับผลประโยชน์ของ CDL โดยเสริมว่ากรรมการส่วนใหญ่จะยังคง "รักษาการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบขององค์กรต่อไป"กัวลิ่งหมิง พ่อของเขาซึ่งไม่ได้กล่าวถึง วู ในคำตอบของตนยืนยันว่า "การลิดรอนอำนาจที่สำคัญใดๆ ของประธานบริหารถือเป็นการก่อรัฐประหาร"“ตอนนี้เป็นเรื่องของศาล และผมจะปล่อยให้ศาลตัดสิน ความยุติธรรมย่อมมีชัยเสมอ” กัวลิ่งหมิง กล่าวAgence France-PressePhoto Kwek Leng Beng by Roslan RAHMAN / AFP
                                    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
                                  • อ่านเพิ่มเติม
                                    การประชุมฉุกเฉินของผู้นำยุโรปในกรุงลอนดอนได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังเหตุการณ์ดุเดือดในทำเนียบขาวระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกีที่ ทำให้อังกฤษต้องเรียกประชุมฉุกเฉินของผู้นำยุโรป เพื่อหาทางออกในการรักษาความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวจะหารือเกี่ยวกับความปลอดภัยของยูเครนจากภัยสงคราม โดยไม่หวังพึ่งพาอเมริกาเพียงอย่างเดียว โซเชียลอารมณ์ขัน พูดถึงการประชุมฉุกเฉินครั้งนี้ โดยแบ่งข้อสรุปเป็น 2 แบบ แบบง่าย: - ถ่ายรูปหมู่ 😂 - ควักกระเป๋าลงขันให้ยูเครน 😂 - ประณามรัสเซีย 😂 แบบยาก: - คิดหาวิธีที่จะเอาทรัมป์กลับมา 😂
                                    Video Player is loading.
                                    Current Time 0:00
                                    Duration 0:00
                                    Loaded: 0%
                                    Stream Type LIVE
                                    Remaining Time 0:00
                                     
                                    1x
                                      • Chapters
                                      • descriptions off, selected
                                      • captions and subtitles off, selected
                                        0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
                                      • นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทัสก์ กล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินไปลอนดอนเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดยุโรป-ยูเครน ว่า

                                        "ชาวยุโรป 500 ล้านคนกำลังขอให้ชาวอเมริกัน 300 ล้านคนปกป้องพวกเขาจากชาวรัสเซีย 140 ล้านคน"

                                        สิ่งที่ทัสก์พูด บ่งบอกได้ว่ายุโรปอ่อนแอขนาดไหน
                                        นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทัสก์ กล่าวก่อนขึ้นเครื่องบินไปลอนดอนเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดยุโรป-ยูเครน ว่า "ชาวยุโรป 500 ล้านคนกำลังขอให้ชาวอเมริกัน 300 ล้านคนปกป้องพวกเขาจากชาวรัสเซีย 140 ล้านคน" สิ่งที่ทัสก์พูด บ่งบอกได้ว่ายุโรปอ่อนแอขนาดไหน
                                        Video Player is loading.
                                        Current Time 0:00
                                        Duration 0:00
                                        Loaded: 0%
                                        Stream Type LIVE
                                        Remaining Time 0:00
                                         
                                        1x
                                          • Chapters
                                          • descriptions off, selected
                                          • captions and subtitles off, selected
                                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 11 0 รีวิว
                                          • บรรดาผู้นำยุโรป รวมทั้งแคนาดา เดินทางมาถึงสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำในลอนดอนแล้ว

                                            คาดว่าการประชุมในวันนี้จะเน้นที่การช่วยเหลือยูเครน การป้องกันประเทศสมาชิกยุโรปจากการโจมตีจากทรัมป์ และการคิดหาวิธีที่จะให้สหรัฐกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อยูเครนอีกครั้ง
                                            บรรดาผู้นำยุโรป รวมทั้งแคนาดา เดินทางมาถึงสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำในลอนดอนแล้ว คาดว่าการประชุมในวันนี้จะเน้นที่การช่วยเหลือยูเครน การป้องกันประเทศสมาชิกยุโรปจากการโจมตีจากทรัมป์ และการคิดหาวิธีที่จะให้สหรัฐกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อยูเครนอีกครั้ง
                                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
                                          • อ่านเพิ่มเติม
                                            มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุ การยุติสนับสนุนยูเครนจะไม่นำมาซึ่งสันติภาพ แต่จะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น มาครงเตือนสหรัฐว่า หากไม่สนใจยูเครน ไม่เพียงแต่จะสูญเสียอิทธิพลในโลกไปเท่านั้น แต่ยังทำให้รัสเซียและจีนได้รับชัยชนะครั้งสำคัญอีกด้วย เขาเน้นย้ำว่าการหยุดยิงใดๆ จำเป็นต้องมีการรับประกันความปลอดภัยที่แท้จริงสำหรับยูเครน มิฉะนั้น ความขัดแย้งจะกลับมารุนแรงขึ้น คำพูดของเขาเกิดขึ้นก่อนจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันอาทิตย์นี้ ในกรุงลอนดอน ขณะเดียวกัน Kaja Kallas หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “หากพวกเราไม่สามารถกดดันรัสเซียได้มากพอ แล้วเราจะมีข้ออ้างอะไรว่าเราสามารถเอาชนะจีนได้?”
                                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
                                          Pages Boosts