• ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพและรัฐบาลทหารของพม่า จะพบหารือกันในเครมลินวันนี้ (4) หลังจากนั้นพวกเขาจะลงนามในเอกสารและออกแถลงต่อสื่อ เครมลินระบุ

    พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อายุ 68 ปี ที่เดินทางไปต่างประเทศไม่บ่อยนัก ได้รับการต้อนรับจากเซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงเช้าวันอังคาร ก่อนร่วมการประชุมที่วางแผนไว้กับปูตินและกระทรวงกลาโหม ตามการรายงานของสื่อรัสเซีย

    “เราพัฒนาความสัมพันธ์กับพม่าอย่างแข็งขันมาก นี่คือหุ้นส่วนที่มีความสำคัญมากของเราในเอเชียตะวันออก” เปซคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000021131

    #MGROnline #รัสเซีย #มินอ่องหล่าย #ผู้นำกองทัพ #รัฐบาลทหาร #พม่า
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพและรัฐบาลทหารของพม่า จะพบหารือกันในเครมลินวันนี้ (4) หลังจากนั้นพวกเขาจะลงนามในเอกสารและออกแถลงต่อสื่อ เครมลินระบุ • พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อายุ 68 ปี ที่เดินทางไปต่างประเทศไม่บ่อยนัก ได้รับการต้อนรับจากเซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงเช้าวันอังคาร ก่อนร่วมการประชุมที่วางแผนไว้กับปูตินและกระทรวงกลาโหม ตามการรายงานของสื่อรัสเซีย • “เราพัฒนาความสัมพันธ์กับพม่าอย่างแข็งขันมาก นี่คือหุ้นส่วนที่มีความสำคัญมากของเราในเอเชียตะวันออก” เปซคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000021131 • #MGROnline #รัสเซีย #มินอ่องหล่าย #ผู้นำกองทัพ #รัฐบาลทหาร #พม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลทหารพม่าใช้การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนและจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน แต่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม "สตาร์ลิงค์" (Starlink) ของอีลอน มักส์ (Elon Musk) ได้กลายเป็นความหวังของประชาชน เพื่อฝันในการเชื่อมต่อและไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

    ปัจจุบัน มีรายงานว่าอินเทอร์เน็ตของ Starlink ถูกให้บริการในมากกว่า 60 แห่งในพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า เช่น ซะไกง์หรือสะกาย มัคเวย์ คะเรนนี และคะฉิ่น ซึ่งแม้จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระมากขึ้น แต่ Starlink ก็กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในกรณีของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้เพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย

    ในขณะที่ Starlink อาจถูกใช้งานทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ แต่ต้นสังกัดอย่าง "สเปซ เอ็กซ์" (SpaceX) ก็ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัท SpaceX มีกำหนดการปล่อยดาวเทียม Starlink เพิ่มอีก 23 ดวงผ่านจรวด Falcon 9 จากฐานปล่อยจรวด Vandenberg Space Force Base เป้าหมายหลักของการขยายเครือข่ายคือการปรับปรุงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000013337

    #MGROnline #Starlink #ElonMusk
    เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลทหารพม่าใช้การปิดกั้นอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือควบคุมประชาชนและจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน แต่ท่ามกลางการปิดกั้นเหล่านี้ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม "สตาร์ลิงค์" (Starlink) ของอีลอน มักส์ (Elon Musk) ได้กลายเป็นความหวังของประชาชน เพื่อฝันในการเชื่อมต่อและไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก • ปัจจุบัน มีรายงานว่าอินเทอร์เน็ตของ Starlink ถูกให้บริการในมากกว่า 60 แห่งในพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า เช่น ซะไกง์หรือสะกาย มัคเวย์ คะเรนนี และคะฉิ่น ซึ่งแม้จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระมากขึ้น แต่ Starlink ก็กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในกรณีของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้เพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย • ในขณะที่ Starlink อาจถูกใช้งานทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ แต่ต้นสังกัดอย่าง "สเปซ เอ็กซ์" (SpaceX) ก็ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 บริษัท SpaceX มีกำหนดการปล่อยดาวเทียม Starlink เพิ่มอีก 23 ดวงผ่านจรวด Falcon 9 จากฐานปล่อยจรวด Vandenberg Space Force Base เป้าหมายหลักของการขยายเครือข่ายคือการปรับปรุงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000013337 • #MGROnline #Starlink #ElonMusk
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรเฝ้าระวังการเลือกตั้งระหว่างประเทศเรียกร้องประชาคมโลกให้ปฏิเสธการสนับสนุนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลทหารพม่า

    สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง (International IDEA) เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) และสโมสรคลับ เดอ มาดริด (Club de Madrid) ได้ออกคำแถลงร่วมโดยย้ำถึงความกังวลที่เคยกล่าวถึงครั้งแรกในคำประกาศปี 2566 ในการปฏิเสธการเลือกตั้งที่นำโดยรัฐบาลทหาร โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะรักษาอำนาจการปกครองของตนเองไว้มากกว่าที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย

    กลุ่มกล่าวว่าการเลือกตั้งที่แท้จริงในพม่านั้นจะเป็นไปไม่ได้ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน ที่พรรคฝ่ายค้านถูกห้ามมีส่วนร่วม ผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยถูกจำคุก และเสรีภาพของสื่อถูกปิดกั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000013060

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    องค์กรเฝ้าระวังการเลือกตั้งระหว่างประเทศเรียกร้องประชาคมโลกให้ปฏิเสธการสนับสนุนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลทหารพม่า • สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง (International IDEA) เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) และสโมสรคลับ เดอ มาดริด (Club de Madrid) ได้ออกคำแถลงร่วมโดยย้ำถึงความกังวลที่เคยกล่าวถึงครั้งแรกในคำประกาศปี 2566 ในการปฏิเสธการเลือกตั้งที่นำโดยรัฐบาลทหาร โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะรักษาอำนาจการปกครองของตนเองไว้มากกว่าที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย • กลุ่มกล่าวว่าการเลือกตั้งที่แท้จริงในพม่านั้นจะเป็นไปไม่ได้ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน ที่พรรคฝ่ายค้านถูกห้ามมีส่วนร่วม ผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยถูกจำคุก และเสรีภาพของสื่อถูกปิดกั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000013060 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอเอฟพี - ความพยายามของรัฐบาลทหารพม่าในการเปิดประมูลบ้านริมทะเลสาบของอองซานซูจีในวันพุธ (5) ยังคงไม่ประสบความสำเร็จเช่นเคย เนื่องจากไม่มีผู้ยื่นประมูลบ้านของอดีตผู้นำประชาธิปไตยรายนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว

    บ้านสองชั้นในย่างกุ้งที่มีพื้นที่ราว 0.8 เฮกตาร์ ถูกนำออกประมูลขายด้วยราคาขั้นต่ำที่ 140 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินระหว่างอองซานซูจีและพี่ชายของเธอมายาวนานนับสิบปี

    ซูจีที่ถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปีภายใต้รัฐบาลทหารชุดก่อน ถูกคุมขังนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจอีกครั้งเมื่อเดือนก.พ. 2564

    นักข่าวราว 12 คน ได้เข้าร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นริมถนนหน้าบ้านที่ตั้งอยู่บนบนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น และอยู่ห่างจากสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ไกลนัก

    หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดเรียกประมูลที่เริ่มต้นที่ 297,000 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 140 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทำให้ผู้จัดประมูลยกเลิกการประมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีที่อยู่ในสถานที่ระบุ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000011775

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    เอเอฟพี - ความพยายามของรัฐบาลทหารพม่าในการเปิดประมูลบ้านริมทะเลสาบของอองซานซูจีในวันพุธ (5) ยังคงไม่ประสบความสำเร็จเช่นเคย เนื่องจากไม่มีผู้ยื่นประมูลบ้านของอดีตผู้นำประชาธิปไตยรายนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว • บ้านสองชั้นในย่างกุ้งที่มีพื้นที่ราว 0.8 เฮกตาร์ ถูกนำออกประมูลขายด้วยราคาขั้นต่ำที่ 140 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินระหว่างอองซานซูจีและพี่ชายของเธอมายาวนานนับสิบปี • ซูจีที่ถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปีภายใต้รัฐบาลทหารชุดก่อน ถูกคุมขังนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจอีกครั้งเมื่อเดือนก.พ. 2564 • นักข่าวราว 12 คน ได้เข้าร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นริมถนนหน้าบ้านที่ตั้งอยู่บนบนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น และอยู่ห่างจากสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ไกลนัก • หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดเรียกประมูลที่เริ่มต้นที่ 297,000 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 140 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทำให้ผู้จัดประมูลยกเลิกการประมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีที่อยู่ในสถานที่ระบุ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000011775 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทหารพม่าเผยวันนี้ (21) ว่าได้เนรเทศผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์กลับจีนไปแล้วมากกว่า 50,000 คน นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าได้ร้องขอให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006509

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐบาลทหารพม่าเผยวันนี้ (21) ว่าได้เนรเทศผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์กลับจีนไปแล้วมากกว่า 50,000 คน นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าได้ร้องขอให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006509 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    26
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทหารพม่าเผยวันนี้ (21) ว่าได้เนรเทศผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์กลับจีนไปแล้วมากกว่า 50,000 คน นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าได้ร้องขอให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้

    ขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วบริเวณพื้นที่ชายแดนของพม่า และมีชาวต่างชาติทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ส่วนใหญ่มักถูกค้ามนุษย์หรือถูกบังคับให้ทำงานหลอกเพื่อนร่วมชาติของพวกเขา ในอุตสาหกรรมที่นักวิเคราะห์กล่าวว่ามีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

    บทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ ฉบับวันอังคาร (21) ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของกิจกรรมทางอาชญากรรม ที่รวมถึงการหลอกลวงออนไลน์และการพนัน ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก

    รายงานระบุว่ารัฐบาลทหารได้จับกุมและส่งตัวชาวต่างชาติกว่า 55,000 คน ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงชายแดนกลับประเทศบ้านเกิดตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 โดยกว่า 53,000 คน ถูกส่งไปจีน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000006509

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    รัฐบาลทหารพม่าเผยวันนี้ (21) ว่าได้เนรเทศผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์กลับจีนไปแล้วมากกว่า 50,000 คน นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าได้ร้องขอให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าแทรกแซงในเรื่องนี้ • ขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วบริเวณพื้นที่ชายแดนของพม่า และมีชาวต่างชาติทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ส่วนใหญ่มักถูกค้ามนุษย์หรือถูกบังคับให้ทำงานหลอกเพื่อนร่วมชาติของพวกเขา ในอุตสาหกรรมที่นักวิเคราะห์กล่าวว่ามีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ • บทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ ฉบับวันอังคาร (21) ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของกิจกรรมทางอาชญากรรม ที่รวมถึงการหลอกลวงออนไลน์และการพนัน ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก • รายงานระบุว่ารัฐบาลทหารได้จับกุมและส่งตัวชาวต่างชาติกว่า 55,000 คน ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงชายแดนกลับประเทศบ้านเกิดตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 โดยกว่า 53,000 คน ถูกส่งไปจีน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000006509 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ติ่นส่าวิ่นจ่อ"นางแบบเซ็กซี่ชื่อดังของเมียนมา ถูกปล่อยตัวแล้วในวันชาติ 4 มกราคม หลังติดคุกนานกว่า 1 ปี ในข้อหาถ่ายภาพวาบหวิวเผยแพร่ในสื่อออนไลน์

    วันนี้ (4 ม.ค.) เป็นวันประกาศอิสรภาพหรือวันชาติของเมียนมา ซึ่งชาวเมียนมาทุกชาติพันธุ์ถือเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษ และทุกปี รัฐบาลเมียนมาจะประกาศให้อภัยโทษแก่นักโทษจำนวนมากที่ถูกจำคุกอยู่ในทุกเรือนจำทั่วประเทศ

    ปีนี้ รัฐบาลทหารของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ได้ให้อภัยโทษแก่นักโทษรวม 5,864 คน และ 1 ในนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในครั้งนี้ คือ ติ่นส่าวิ่นจ่อ อดีตนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง

    ช่วงบ่ายวันนี้ สื่อหลายแห่งในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพของติ่นส่าวิ่นจ่อสวมเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีดำ คอกว้าง นุ่งซิ่นลายดอกสีน้ำตาล เดินหิ้วสัมภาระออกจากประตูเรือนจำ โดยมีผู้คุมหญิง 2 คนเดินออกมาส่ง ผู้คุมคนหนึ่งช่วยเธอหิ้วกระเป๋าสีเขียวอ่อน ส่วนอีกหนึ่งคนช่วยถือถุงกระดาษ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000963

    #MGROnline #ติ่นส่าวิ่นจ่อ #นางแบบเซ็กซี่ #เมียนมา #วันชาติ #ถ่ายภาพวาบหวิว
    "ติ่นส่าวิ่นจ่อ"นางแบบเซ็กซี่ชื่อดังของเมียนมา ถูกปล่อยตัวแล้วในวันชาติ 4 มกราคม หลังติดคุกนานกว่า 1 ปี ในข้อหาถ่ายภาพวาบหวิวเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ • วันนี้ (4 ม.ค.) เป็นวันประกาศอิสรภาพหรือวันชาติของเมียนมา ซึ่งชาวเมียนมาทุกชาติพันธุ์ถือเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษ และทุกปี รัฐบาลเมียนมาจะประกาศให้อภัยโทษแก่นักโทษจำนวนมากที่ถูกจำคุกอยู่ในทุกเรือนจำทั่วประเทศ • ปีนี้ รัฐบาลทหารของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ได้ให้อภัยโทษแก่นักโทษรวม 5,864 คน และ 1 ในนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในครั้งนี้ คือ ติ่นส่าวิ่นจ่อ อดีตนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง • ช่วงบ่ายวันนี้ สื่อหลายแห่งในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพของติ่นส่าวิ่นจ่อสวมเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีดำ คอกว้าง นุ่งซิ่นลายดอกสีน้ำตาล เดินหิ้วสัมภาระออกจากประตูเรือนจำ โดยมีผู้คุมหญิง 2 คนเดินออกมาส่ง ผู้คุมคนหนึ่งช่วยเธอหิ้วกระเป๋าสีเขียวอ่อน ส่วนอีกหนึ่งคนช่วยถือถุงกระดาษ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000963 • #MGROnline #ติ่นส่าวิ่นจ่อ #นางแบบเซ็กซี่ #เมียนมา #วันชาติ #ถ่ายภาพวาบหวิว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังของรัฐบาลทหารพม่าควบคุมพื้นที่ได้ไม่ถึงครึ่งของประเทศหลังจากพ่ายแพ้ในสนามรบหลายครั้งในปี 2567 รวมถึงสูญเสียกองบัญชาการในรัฐชาน และรัฐยะไข่ กลุ่มติดอาวุธระบุ

    ในเดือน มิ.ย. พันธมิตรสามภราดรภาพของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ได้กลับมาเปิดฉากโจมตีในรัฐชาน และภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า ยึดเมืองล่าเสี้ยวที่มีประชากร 130,000 คน ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการบริหารของภูมิภาค และประตูสู่จีนไว้ได้

    สมาชิกอีกกลุ่มของพันธมิตรสามภราดรภาพคือ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ยังได้เข้ายึดเมืองสำคัญของรัฐชานอย่างเมืองหนองเขียว และเมืองจ๊อกแม รวมถึงเมืองโมกก ที่เป็นเมืองทำเหมืองอัญมณี ในภาคมัณฑะเลย์ที่อยู่ใกล้กัน

    ชัยชนะในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ทำให้รัฐบาลทหารเกือบไม่มีดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองในรัฐชาน พื้นที่สำคัญสำหรับการค้าชายแดนกับจีน

    “การบริหารของรัฐบาลทหารสิ้นสุดลงอย่างสิ้นเชิงที่นี่” ชาวเมืองกุตก่าย เมืองในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐชาน ที่เป็นจุดสำคัญของการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000694

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    กองกำลังของรัฐบาลทหารพม่าควบคุมพื้นที่ได้ไม่ถึงครึ่งของประเทศหลังจากพ่ายแพ้ในสนามรบหลายครั้งในปี 2567 รวมถึงสูญเสียกองบัญชาการในรัฐชาน และรัฐยะไข่ กลุ่มติดอาวุธระบุ • ในเดือน มิ.ย. พันธมิตรสามภราดรภาพของกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ได้กลับมาเปิดฉากโจมตีในรัฐชาน และภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า ยึดเมืองล่าเสี้ยวที่มีประชากร 130,000 คน ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการบริหารของภูมิภาค และประตูสู่จีนไว้ได้ • สมาชิกอีกกลุ่มของพันธมิตรสามภราดรภาพคือ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ยังได้เข้ายึดเมืองสำคัญของรัฐชานอย่างเมืองหนองเขียว และเมืองจ๊อกแม รวมถึงเมืองโมกก ที่เป็นเมืองทำเหมืองอัญมณี ในภาคมัณฑะเลย์ที่อยู่ใกล้กัน • ชัยชนะในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ทำให้รัฐบาลทหารเกือบไม่มีดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองในรัฐชาน พื้นที่สำคัญสำหรับการค้าชายแดนกับจีน • “การบริหารของรัฐบาลทหารสิ้นสุดลงอย่างสิ้นเชิงที่นี่” ชาวเมืองกุตก่าย เมืองในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐชาน ที่เป็นจุดสำคัญของการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหารในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000694 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลในนครย่างกุ้งตัดสินว่าบ้านของอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกคุมขัง จะถูกนำออกประมูลอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ. 2568 โดยราคาขั้นต่ำจะลดลงเหลือ 297,000 ล้านจ๊าต

    บ้านของครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่เลขที่ 54 ถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ในย่านบาฮัน ซึ่งเคยถูกนำออกประมูลแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการเสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียวในการประมูลทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว

    ราคาขั้นต่ำ 315,000 ล้านจ๊าตในการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ลดลงเหลือ 300,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 92 ล้านดอลลาร์) ในการประมูลครั้งที่ 2 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา

    บ้านหลังดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ระหว่างอองซานซูจี และอองซาน อู พี่ชาย ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย

    การประมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลที่ควบคุมโดยรัฐบาลทหารได้ตัดสินให้พี่ชายของซูจีชนะคดี หลังจากเขาเรียกร้องให้มีการประมูลบ้านและแบ่งรายได้

    ในปี 2490 รัฐบาลพม่าได้มอบบ้านริมทะเลสาบอินยาบนที่ดิน 1.9 เอเคอร์ ให้กับดอว์ ขิ่นจี แม่ของซูจี หลังการลอบสังหารนายพลอองซาน สามีของเธอ ที่เป็นบิดาแห่งเอกราช วีรบุรุษของพม่า โดยดอว์ ขิ่นจี อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2531

    อองซานซูจีถูกตัดสินกักบริเวณในบ้านของครอบครัว 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 ปี ในช่วงปี 2532 ถึงปี 2553 ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารชุดก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/indochina/detail/9670000123867

    #MGROnline #บ้านของอองซานซูจี #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    ศาลในนครย่างกุ้งตัดสินว่าบ้านของอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกคุมขัง จะถูกนำออกประมูลอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ. 2568 โดยราคาขั้นต่ำจะลดลงเหลือ 297,000 ล้านจ๊าต • บ้านของครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่เลขที่ 54 ถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ในย่านบาฮัน ซึ่งเคยถูกนำออกประมูลแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการเสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียวในการประมูลทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว • ราคาขั้นต่ำ 315,000 ล้านจ๊าตในการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ลดลงเหลือ 300,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 92 ล้านดอลลาร์) ในการประมูลครั้งที่ 2 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา • บ้านหลังดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ระหว่างอองซานซูจี และอองซาน อู พี่ชาย ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย • การประมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลที่ควบคุมโดยรัฐบาลทหารได้ตัดสินให้พี่ชายของซูจีชนะคดี หลังจากเขาเรียกร้องให้มีการประมูลบ้านและแบ่งรายได้ • ในปี 2490 รัฐบาลพม่าได้มอบบ้านริมทะเลสาบอินยาบนที่ดิน 1.9 เอเคอร์ ให้กับดอว์ ขิ่นจี แม่ของซูจี หลังการลอบสังหารนายพลอองซาน สามีของเธอ ที่เป็นบิดาแห่งเอกราช วีรบุรุษของพม่า โดยดอว์ ขิ่นจี อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2531 • อองซานซูจีถูกตัดสินกักบริเวณในบ้านของครอบครัว 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 ปี ในช่วงปี 2532 ถึงปี 2553 ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารชุดก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9670000123867 • #MGROnline #บ้านของอองซานซูจี #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐฉาน เมียนมา – กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา-กองกำลังโกกั้ง งัดมาตรการขั้นเด็ดขาด เปิดลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ประหารนักโทษคดีทางเพศ-ปล้น 6 รายรวดไม่พอ ยังจัดพื้นที่ให้เยาวชนนักศึกษา-ประชาชนทั่วไปรวมนับพันคนได้ดูด้วย

    Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา รายงานว่าวันนี้ (6 ธ.ค.) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) ซึ่งปกครองเขตปกครองตนเองโกกั้ง ติดชายแดนประเทศเมียนมา-จีน ได้ประกาศพร้อมเผยแพร่ภาพว่าได้มีการตัดสินประหารชีวิตอาชญากรทันทีจำนวน 6 คน จากทั้งหมด 14 คน

    โดยผู้ที่ถูประหารชีวิตถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีซึ่งทาง MNDAA ระบุว่าคำติดสินประหารชีวิตในที่สาธารณะดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย บริเวณลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครอง ซึ่งทาง MNDAA และพันธมิตรสามารถยึดจากผู้ปกครองเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารเมียนมา

    “ทั้ง 6 คนถูกตัดสินประหารชีวิตและได้มีการจัดให้ประหารชีวิตทันทีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรซึ่งซ่อนปืนและวางแผนจะปล้นจะถูกพาตัวไปตามถนนเพื่อแสดงต่อสาธารณะก่อนด้วย” MNDAA รายงาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000117473

    #MGROnline #กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา #กองกำลังโกกั้ง #เมืองเล่าก์ก่าย #ประหารนักโทษ #คดีทางเพศ #ปล้น
    รัฐฉาน เมียนมา – กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา-กองกำลังโกกั้ง งัดมาตรการขั้นเด็ดขาด เปิดลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ประหารนักโทษคดีทางเพศ-ปล้น 6 รายรวดไม่พอ ยังจัดพื้นที่ให้เยาวชนนักศึกษา-ประชาชนทั่วไปรวมนับพันคนได้ดูด้วย • Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา รายงานว่าวันนี้ (6 ธ.ค.) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) ซึ่งปกครองเขตปกครองตนเองโกกั้ง ติดชายแดนประเทศเมียนมา-จีน ได้ประกาศพร้อมเผยแพร่ภาพว่าได้มีการตัดสินประหารชีวิตอาชญากรทันทีจำนวน 6 คน จากทั้งหมด 14 คน • โดยผู้ที่ถูประหารชีวิตถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีซึ่งทาง MNDAA ระบุว่าคำติดสินประหารชีวิตในที่สาธารณะดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย บริเวณลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครอง ซึ่งทาง MNDAA และพันธมิตรสามารถยึดจากผู้ปกครองเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารเมียนมา • “ทั้ง 6 คนถูกตัดสินประหารชีวิตและได้มีการจัดให้ประหารชีวิตทันทีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรซึ่งซ่อนปืนและวางแผนจะปล้นจะถูกพาตัวไปตามถนนเพื่อแสดงต่อสาธารณะก่อนด้วย” MNDAA รายงาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000117473 • #MGROnline #กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา #กองกำลังโกกั้ง #เมืองเล่าก์ก่าย #ประหารนักโทษ #คดีทางเพศ #ปล้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว

  • *นักรบอเมริกันและอังกฤษเข้าพม่าแล้ว*
    โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย

    จะควบคุมไม่ให้จีนมีความสงบที่จะพัฒนาจนกลายเป็นมหาอำนาจแข่งกับตัวเอง สหรัฐฯและตะวันตกต้องหนุนไต้หวัน

    จะให้รัสเซียเสียสมาธิในการพัฒนาประเทศใหญ่และมีทรัพยากรมากที่สุดในโลก

    สหรัฐฯและตะวันตกต้องหนุนอูเครน จอร์เจีย และประเทศทั้งหลายที่มีพรมแดนประชิดติดกับรัสเซีย สร้างสงครามเพื่อฉุดรัสเซียให้ลงมา

    อิหร่านเป็นประเทศใหญ่และมีท่าทีเป็นศัตรูต่อสหรัฐฯ สหรัฐฯและตะวันตกจำเป็นต้องหนุนอาเซอร์ไบจาน ต่อไปในอนาคต

    สหรัฐฯจะเผชิญกับมหาอำนาจใหม่อย่างจีน รัสเซีย และอินเดีย

    มีอยู่ประเทศหนึ่งซึ่งถ้าสหรัฐฯและตะวันตกสามารถเข้าไปมีอิทธิพลได้ ก็สามารถสร้างความหงุดหงิดกังวลใจให้ทั้งจีนและอินเดียได้ ประเทศนั้นคือ “สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า”

    พม่ามีพื้นที่มากกว่าไทย คือมีมากถึง 676,578 ตร.กม. มีพรมแดนติดกับจีนยาว 2,129 กิโลเมตร และติดอินเดีย 1,468 กิโลเมตร หากสหรัฐฯและตะวันตกมีอิทธิพลต่อรัฐบาลใหม่ของพม่า ก็สามารถใช้พม่าเป็นฐานก่อกวนได้ทั้งอินเดียและจีน ยิงปืนนัดเดียว นกตกลงมาทั้ง 2 ตัว

    สำนักข่าวเดอะบิสซิเนสสแตนดาร์ดและสำนักข่าวอัลจาซีราห์ยืนยันตรงกันว่า มีอาสาสมัครจากตะวันตก สัญชาติอเมริกันและอังกฤษ เข้าร่วมรบต่อต้านรัฐบาลพม่า

    เมื่อถามว่า พวกคุณมารบทำไม ทหารตะวันตกพวกนี้ตอบว่า พวกตนได้แรงบันดาลใจจากความกล้าหาญของพวกต่อต้านรัฐประหาร จึงต้องมาช่วยรบ

    นักรบอเมริกันและอังกฤษพวกนี้เคยปฏิบัติงานทั้งในอัฟกานิสถานและอูเครน ขณะกำลังสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าก็มีการถ่ายคลิปวิดีโอกระจายออกไป เพื่อดึงคนที่สนใจให้เข้ามาช่วยกันรบ

    ขณะนี้มีการเตรียมตั้งทีมทหารที่เคยผ่านสงครามในหลายสมรภูมิ ชาวสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ฯลฯ เพื่อเข้ามาช่วยฝ่ายต่อต้าน

    พม่าประกอบด้วย 7 ภาค และ 7 รัฐ แต่ละภาคและรัฐมีเมืองเอก หรือเมืองหลวงเป็นของตนเอง เช่น ภาคสะกาย ภาคมัณฑะเลย์ ภาคมะเกว ภาคพะโค ภาคย่างกุ้ง ทั้ง 5 ภาค มีเมืองหลวงชื่อเดียวกับชื่อภาค

    ยกเว้นภาคเอยาวดีที่มีเมืองหลวงชื่อพะสิม และภาคตะนาวศรีที่มีเมืองหลวงชื่อทวาย

    ประชาชนคนในภาคส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า หากประชากรส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยก็จะถูกตั้งเป็นรัฐ

    รัฐคะฉิ่น (เมืองหลวงคือมิตจินา) รัฐคะยา (ลอยก่อ) รัฐกะเหรี่ยง (พะอัน) รัฐชิน (ฮะคา) รัฐมอญ (เมาะลำไย) รัฐยะไข่ (ชิตตเว) และรัฐฉาน (ตองจี) รัฐเหล่านี้มีทหารตะวันตกเข้าไปฝังตัวแล้ว

    หลายคนเปิดเผยตัวตนผ่านคลิป บางคนบอกว่า อ้า ข้าพเจ้ามาจากสหรัฐฯตอนใต้ บางคนมาจากอังกฤษที่เคยช่วยกองกำลังวายพีจีที่นำโดยชาวเคิร์ดในซีเรีย ทุกคนบอกว่าที่ตนมาปฏิบัติการนี้ เป็นการปฏิบัติการเพื่อชาวโลกอย่างเดียวกับที่ช่วยซีเรียกับอูเครน

    กลุ่มศาสนาก็เอากับเขาด้วย นอกจากกลุ่มมนุษยธรรมคริสเตียน (เอฟบีอาร์) จะให้สิ่งของและการรักษาพยาบาลแล้ว ยังมีภาพและคลิปของสมาชิกเอฟบีอาร์แต่งชุดติดอาวุธ

    พม่าจะเป็นพื้นที่แห่งใหม่ที่มหาอำนาจใหญ่ใช้ประลองกำลัง ขณะที่ตะวันตกส่งทหารรับจ้างมาปฏิบัติงาน มีข่าวที่ไม่ได้ยืนยันว่า รัสเซียส่งครูมาสอนวิธีการใช้อาวุธรัสเซียให้กับทหารพม่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลพม่าก็เดินทางไปเยือนจีนกับรัสเซียเพื่อจัดหาโดรนมาใช้ในการสู้รบ

    ไทยมีพรมแดนประชิดติดกับพม่า 2,416 กิโลเมตร เป็นพรมแดนที่ยาวที่สุดที่พม่ามีกับประเทศอื่น นอกจากนั้นยังมีชาวพม่าเข้ามาทำงานในประเทศไทยหลายล้านคน แน่นอนว่าหายนภัยที่มาจากการสู้รบ ต้องกระทบกับประเทศไทยของเราอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

    โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ ตอนที่เกิดสงครามรัสเซีย-อูเครน หลายท่านก็เฉยๆ เพราะคิดว่าสถานที่สู้รบอยู่ห่างไกลจากประเทศไทย

    ตอนที่เกิดความขัดแย้งจีน-ไต้หวัน หลายคนก็บอก โอย ไกลจากไทยเยอะแยะ อย่าไปสนใจ

    อ้าว เฮ้ย วันนี้ สงครามใหญ่ใกล้ประชิดติดพรมแดนของเราแล้ว..
    *นักรบอเมริกันและอังกฤษเข้าพม่าแล้ว* โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย จะควบคุมไม่ให้จีนมีความสงบที่จะพัฒนาจนกลายเป็นมหาอำนาจแข่งกับตัวเอง สหรัฐฯและตะวันตกต้องหนุนไต้หวัน จะให้รัสเซียเสียสมาธิในการพัฒนาประเทศใหญ่และมีทรัพยากรมากที่สุดในโลก สหรัฐฯและตะวันตกต้องหนุนอูเครน จอร์เจีย และประเทศทั้งหลายที่มีพรมแดนประชิดติดกับรัสเซีย สร้างสงครามเพื่อฉุดรัสเซียให้ลงมา อิหร่านเป็นประเทศใหญ่และมีท่าทีเป็นศัตรูต่อสหรัฐฯ สหรัฐฯและตะวันตกจำเป็นต้องหนุนอาเซอร์ไบจาน ต่อไปในอนาคต สหรัฐฯจะเผชิญกับมหาอำนาจใหม่อย่างจีน รัสเซีย และอินเดีย มีอยู่ประเทศหนึ่งซึ่งถ้าสหรัฐฯและตะวันตกสามารถเข้าไปมีอิทธิพลได้ ก็สามารถสร้างความหงุดหงิดกังวลใจให้ทั้งจีนและอินเดียได้ ประเทศนั้นคือ “สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า” พม่ามีพื้นที่มากกว่าไทย คือมีมากถึง 676,578 ตร.กม. มีพรมแดนติดกับจีนยาว 2,129 กิโลเมตร และติดอินเดีย 1,468 กิโลเมตร หากสหรัฐฯและตะวันตกมีอิทธิพลต่อรัฐบาลใหม่ของพม่า ก็สามารถใช้พม่าเป็นฐานก่อกวนได้ทั้งอินเดียและจีน ยิงปืนนัดเดียว นกตกลงมาทั้ง 2 ตัว สำนักข่าวเดอะบิสซิเนสสแตนดาร์ดและสำนักข่าวอัลจาซีราห์ยืนยันตรงกันว่า มีอาสาสมัครจากตะวันตก สัญชาติอเมริกันและอังกฤษ เข้าร่วมรบต่อต้านรัฐบาลพม่า เมื่อถามว่า พวกคุณมารบทำไม ทหารตะวันตกพวกนี้ตอบว่า พวกตนได้แรงบันดาลใจจากความกล้าหาญของพวกต่อต้านรัฐประหาร จึงต้องมาช่วยรบ นักรบอเมริกันและอังกฤษพวกนี้เคยปฏิบัติงานทั้งในอัฟกานิสถานและอูเครน ขณะกำลังสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าก็มีการถ่ายคลิปวิดีโอกระจายออกไป เพื่อดึงคนที่สนใจให้เข้ามาช่วยกันรบ ขณะนี้มีการเตรียมตั้งทีมทหารที่เคยผ่านสงครามในหลายสมรภูมิ ชาวสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย ฯลฯ เพื่อเข้ามาช่วยฝ่ายต่อต้าน พม่าประกอบด้วย 7 ภาค และ 7 รัฐ แต่ละภาคและรัฐมีเมืองเอก หรือเมืองหลวงเป็นของตนเอง เช่น ภาคสะกาย ภาคมัณฑะเลย์ ภาคมะเกว ภาคพะโค ภาคย่างกุ้ง ทั้ง 5 ภาค มีเมืองหลวงชื่อเดียวกับชื่อภาค ยกเว้นภาคเอยาวดีที่มีเมืองหลวงชื่อพะสิม และภาคตะนาวศรีที่มีเมืองหลวงชื่อทวาย ประชาชนคนในภาคส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า หากประชากรส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยก็จะถูกตั้งเป็นรัฐ รัฐคะฉิ่น (เมืองหลวงคือมิตจินา) รัฐคะยา (ลอยก่อ) รัฐกะเหรี่ยง (พะอัน) รัฐชิน (ฮะคา) รัฐมอญ (เมาะลำไย) รัฐยะไข่ (ชิตตเว) และรัฐฉาน (ตองจี) รัฐเหล่านี้มีทหารตะวันตกเข้าไปฝังตัวแล้ว หลายคนเปิดเผยตัวตนผ่านคลิป บางคนบอกว่า อ้า ข้าพเจ้ามาจากสหรัฐฯตอนใต้ บางคนมาจากอังกฤษที่เคยช่วยกองกำลังวายพีจีที่นำโดยชาวเคิร์ดในซีเรีย ทุกคนบอกว่าที่ตนมาปฏิบัติการนี้ เป็นการปฏิบัติการเพื่อชาวโลกอย่างเดียวกับที่ช่วยซีเรียกับอูเครน กลุ่มศาสนาก็เอากับเขาด้วย นอกจากกลุ่มมนุษยธรรมคริสเตียน (เอฟบีอาร์) จะให้สิ่งของและการรักษาพยาบาลแล้ว ยังมีภาพและคลิปของสมาชิกเอฟบีอาร์แต่งชุดติดอาวุธ พม่าจะเป็นพื้นที่แห่งใหม่ที่มหาอำนาจใหญ่ใช้ประลองกำลัง ขณะที่ตะวันตกส่งทหารรับจ้างมาปฏิบัติงาน มีข่าวที่ไม่ได้ยืนยันว่า รัสเซียส่งครูมาสอนวิธีการใช้อาวุธรัสเซียให้กับทหารพม่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลพม่าก็เดินทางไปเยือนจีนกับรัสเซียเพื่อจัดหาโดรนมาใช้ในการสู้รบ ไทยมีพรมแดนประชิดติดกับพม่า 2,416 กิโลเมตร เป็นพรมแดนที่ยาวที่สุดที่พม่ามีกับประเทศอื่น นอกจากนั้นยังมีชาวพม่าเข้ามาทำงานในประเทศไทยหลายล้านคน แน่นอนว่าหายนภัยที่มาจากการสู้รบ ต้องกระทบกับประเทศไทยของเราอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ ตอนที่เกิดสงครามรัสเซีย-อูเครน หลายท่านก็เฉยๆ เพราะคิดว่าสถานที่สู้รบอยู่ห่างไกลจากประเทศไทย ตอนที่เกิดความขัดแย้งจีน-ไต้หวัน หลายคนก็บอก โอย ไกลจากไทยเยอะแยะ อย่าไปสนใจ อ้าว เฮ้ย วันนี้ สงครามใหญ่ใกล้ประชิดติดพรมแดนของเราแล้ว..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที!

    ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า?

    หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!)
    18 กย. 67
    11.39 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172667709970036293
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที! ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า? หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!) 18 กย. 67 11.39 น. https://linevoom.line.me/post/1172667709970036293 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1675 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2194 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!!

    ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห
    แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง
    เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้
    ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป
    สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!!

    แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ???

    แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก……
    นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว

    ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ

    ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น
    แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง
    หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน
    การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล
    ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน
    ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง
    โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ
    (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป)

    เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ
    เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน
    Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า
    Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ)

    ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB
    เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด
    นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย
    งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง)
    คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก……

    ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……?
    คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น
    โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ………

    ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
    หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา
    ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ
    เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี
    จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ
    Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร
    เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว

    ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich
    คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ
    เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ
    ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย
    จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน
    เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล
    ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes
    แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ

    Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!!
    นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน
    ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท

    Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ
    ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล
    ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB
    เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์

    BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า
    “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……”

    แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!!
    ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง

    เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!!

    นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย
    คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่
    โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย
    ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
    คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย
    ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ
    จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก

    อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง
    จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้
    นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย
    รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง………

    ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด
    คือ
    1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง
    2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง
    3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ
    4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
    5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค

    ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด………
    ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี
    คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง
    แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส
    ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้
    เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้

    ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก
    รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ
    อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่

    เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ……
    เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว………

    นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด
    แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย
    ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่
    ประกาศให้โลกรู้ว่า……
    เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!!

    แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย
    อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!! ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้ ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!! แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ??? แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก…… นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป) เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ) ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง) คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก…… ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……? คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ……… ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006 หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!! นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์ BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……” แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!! ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!! นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่ โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง……… ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด คือ 1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง 2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง 3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ 4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ 5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด……… ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้ เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้ ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่ เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ…… เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว……… นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่ ประกาศให้โลกรู้ว่า…… เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!! แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1039 มุมมอง 0 รีวิว