• กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กระทรวงมหาดไทยแถลงข้อสรุปแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ยึดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตัดสินให้เป็นที่ดินของการรถไฟฯ อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 วรรค 8 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ด้านอธิบดีกรมที่ดินยื่นหนังสือขอย้ายตัวเองทันที . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000072941 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ภูมิธรรม" ยันที่ดิน "เขากระโดง" 5,000 ไร่ เป็นของ รฟท. สั่งกรมที่ดินเพิกถอนโฉนด 800 แปลงทันที อธิบดีกรมที่ดิน ยื่นออกจากตำแหน่ง
    https://www.thai-tai.tv/news/20699/
    .
    #ไทยไท #ที่ดินเขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #การรถไฟแห่งประเทศไทย #รฟท #คำสั่งศาล #กรมที่ดิน #เพิกถอนโฉนด #เดชอิศม์ขาวทอง
    "ภูมิธรรม" ยันที่ดิน "เขากระโดง" 5,000 ไร่ เป็นของ รฟท. สั่งกรมที่ดินเพิกถอนโฉนด 800 แปลงทันที อธิบดีกรมที่ดิน ยื่นออกจากตำแหน่ง https://www.thai-tai.tv/news/20699/ . #ไทยไท #ที่ดินเขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #การรถไฟแห่งประเทศไทย #รฟท #คำสั่งศาล #กรมที่ดิน #เพิกถอนโฉนด #เดชอิศม์ขาวทอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฉิงตู – จิ่วจ้ายโกว – ตูเจียงเยี่ยน 5 วัน 4 คืน
    เดินทาง ก.ย. – ธ.ค. 2568
    โดยสายการบิน Air China (CA)
    พักโรงแรม 4 ดาว
    ราคาดี๊ดี เริ่มต้นเพียง **฿18,999.-** ต่อท่าน

    ไฮไลท์สุดฟิน
    นั่งรถไฟความเร็วสูงสู่จิ่วจ้ายโกว
    เที่ยว อุทยานจิ่วจ้ายโกว เต็มวัน
    หมู่บ้านชาวทิเบตสุดอบอุ่น
    กลับเฉิงตูด้วยรถไฟความเร็วสูง
    เที่ยวน้ำตาสีฟ้า เขื่อนตูเจียงเอี้ยน
    เดินเล่น **ซอยกว้างแคบ**
    ชม "หมีแพนด้าปีนตึก"
    ปิดท้ายด้วยช้อปปิ้งที่ POP MART

    พร้อมออกเดินทางทุกเดือน กันยา – ธันวา 68

    จองก่อนเต็ม

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eaa92c

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #จิ่วจ้ายโกว #เฉิงตู #ตูเจียงเยี่ยน #เที่ยวจีน #ทัวร์จีนราคาดี #เที่ยวหน้าหนาว #หิมะจีน #POPmart #หมีแพนด้า #เที่ยวคุ้ม #ของมันต้องไป #เที่ยวกับแฟน #เที่ยวจีน2568 #ChinaTrip #เที่ยวธรรมชาติ #AirChina #โปรเด็ด #เที่ยวเต็มวัน
    📍เฉิงตู – จิ่วจ้ายโกว – ตูเจียงเยี่ยน 5 วัน 4 คืน เดินทาง ก.ย. – ธ.ค. 2568 ✈️ โดยสายการบิน Air China (CA) 🏨 พักโรงแรม 4 ดาว 💰 ราคาดี๊ดี เริ่มต้นเพียง **฿18,999.-** ต่อท่าน 📌 ไฮไลท์สุดฟิน 🚄 นั่งรถไฟความเร็วสูงสู่จิ่วจ้ายโกว 🏞️ เที่ยว อุทยานจิ่วจ้ายโกว เต็มวัน 🏘️ หมู่บ้านชาวทิเบตสุดอบอุ่น 🚄 กลับเฉิงตูด้วยรถไฟความเร็วสูง 💧 เที่ยวน้ำตาสีฟ้า เขื่อนตูเจียงเอี้ยน 🏙️ เดินเล่น **ซอยกว้างแคบ** 🐼 ชม "หมีแพนด้าปีนตึก" 🛍️ ปิดท้ายด้วยช้อปปิ้งที่ POP MART 📆 พร้อมออกเดินทางทุกเดือน กันยา – ธันวา 68 📲 จองก่อนเต็ม‼️ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eaa92c LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #จิ่วจ้ายโกว #เฉิงตู #ตูเจียงเยี่ยน #เที่ยวจีน #ทัวร์จีนราคาดี #เที่ยวหน้าหนาว #หิมะจีน #POPmart #หมีแพนด้า #เที่ยวคุ้ม #ของมันต้องไป #เที่ยวกับแฟน #เที่ยวจีน2568 #ChinaTrip #เที่ยวธรรมชาติ #AirChina #โปรเด็ด #เที่ยวเต็มวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ลักษณะนี้ต้องสร้างกำแพงกั้นแดนกันชัดเจนแล้ว,แม้ตรงนั้นจะสุขสงบก็ตามสามารถเป็นช่องทางธรรมชาติที่สาระพัดความเถื่อนสาระพัดอาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะเข้าจะออกได้โคตรสะดวกมาก,จริงยิ่งยุคประยุทธที่ยึดอำนาจควรใช้สติปัญญาสมองขั้นพื้นฐานรับรู้ความจริงเบื้องต้นพื้นๆได้,งบสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง งบสร้างถนนหนทางแม้ถนนนั้นยังดีๆอยู่เสือกไถทิ้งสร้างซ้ำแล้วซ้ำเหล่าแดกสิ้นเปลืองงบหลวงมากๆและทำกันทั่วประเทศนี้แค่เคสเดียวนะเงินแค่ส่วนนี้สามารถมาสร้างตรงคลิปนี้ขยายกำแพงรั้วลักษณะประหยัดก่อนได้สบายมาก.เสือกไม่มีความคิดทางสมองจะทำ,และทุกๆรัฐบาลในอดีตด้วย,คนต่างชาติต่างด้าวมากมายจึงแทรกแซงแทรกซึมอิสระเสรีในการสร้างโกลาหลภายในประเทศได้สะดวก,หรือกิจกรรมใดๆก็ด้วย,เมื่อเราสร้างกำแพงรั้วกั้นคนไทยเราเองในพื้นที่จะอุ่นใจขึ้นทันที ไม่หวาดระแวงฝ่ายตรงข้ามอีก,คือตัดตอนนัยยะไม่ดีต่างๆได้เกือบหมด,เดินไปเล่นบ่อนเสรีแค่ไม่เกิน10ก้าวก็ถึงตรงบริเวณนั้นจะเป็นอะไร,ค้ากามเสรีจะเป็นอะไร,ค้าอวัยวะมนุษย์ค้ามนุษย์เข้าออกเสรีติดไทยจะเป็นอะไร,คือมันสมองฝ่ายปกครองเราไม่ทำงานจริงจังนั้นเอง.

    https://youtube.com/shorts/iKeIv2FgU2U?si=E1RV30U4Ss1ITzYy
    ..ลักษณะนี้ต้องสร้างกำแพงกั้นแดนกันชัดเจนแล้ว,แม้ตรงนั้นจะสุขสงบก็ตามสามารถเป็นช่องทางธรรมชาติที่สาระพัดความเถื่อนสาระพัดอาชญากรและอาชญากรรมใดๆจะเข้าจะออกได้โคตรสะดวกมาก,จริงยิ่งยุคประยุทธที่ยึดอำนาจควรใช้สติปัญญาสมองขั้นพื้นฐานรับรู้ความจริงเบื้องต้นพื้นๆได้,งบสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง งบสร้างถนนหนทางแม้ถนนนั้นยังดีๆอยู่เสือกไถทิ้งสร้างซ้ำแล้วซ้ำเหล่าแดกสิ้นเปลืองงบหลวงมากๆและทำกันทั่วประเทศนี้แค่เคสเดียวนะเงินแค่ส่วนนี้สามารถมาสร้างตรงคลิปนี้ขยายกำแพงรั้วลักษณะประหยัดก่อนได้สบายมาก.เสือกไม่มีความคิดทางสมองจะทำ,และทุกๆรัฐบาลในอดีตด้วย,คนต่างชาติต่างด้าวมากมายจึงแทรกแซงแทรกซึมอิสระเสรีในการสร้างโกลาหลภายในประเทศได้สะดวก,หรือกิจกรรมใดๆก็ด้วย,เมื่อเราสร้างกำแพงรั้วกั้นคนไทยเราเองในพื้นที่จะอุ่นใจขึ้นทันที ไม่หวาดระแวงฝ่ายตรงข้ามอีก,คือตัดตอนนัยยะไม่ดีต่างๆได้เกือบหมด,เดินไปเล่นบ่อนเสรีแค่ไม่เกิน10ก้าวก็ถึงตรงบริเวณนั้นจะเป็นอะไร,ค้ากามเสรีจะเป็นอะไร,ค้าอวัยวะมนุษย์ค้ามนุษย์เข้าออกเสรีติดไทยจะเป็นอะไร,คือมันสมองฝ่ายปกครองเราไม่ทำงานจริงจังนั้นเอง. https://youtube.com/shorts/iKeIv2FgU2U?si=E1RV30U4Ss1ITzYy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางทีคลิปจาก Property Expert Live แม่งก็โผล่มาบ่อยเหลือเกิน แต่ดีที่เลิกตามมันละ เพราะแม่งก๊วนเดียวกับ อ.โสภณ พรโชคชัย พ่อของอีลูกสาวที่ขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นฟรี ส่วน Bitkub แม่งไม่ต่างเหี้ยไรจากลอตเตอรี่พลัสของไอ้เหี้ยน็อตเลยว่ะ ไอ้เหี้ยท็อป ไอ้เหี้ยน็อต มาประจบกันเมื่อไหร่ บรรลัยไส้พุงแน่ทีนี้
    บางทีคลิปจาก Property Expert Live แม่งก็โผล่มาบ่อยเหลือเกิน แต่ดีที่เลิกตามมันละ เพราะแม่งก๊วนเดียวกับ อ.โสภณ พรโชคชัย พ่อของอีลูกสาวที่ขึ้นรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นฟรี ส่วน Bitkub แม่งไม่ต่างเหี้ยไรจากลอตเตอรี่พลัสของไอ้เหี้ยน็อตเลยว่ะ ไอ้เหี้ยท็อป ไอ้เหี้ยน็อต มาประจบกันเมื่อไหร่ บรรลัยไส้พุงแน่ทีนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯส่งอาวุธนิวเคลียร์มาประจำที่อังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีหลังสงครามยูเครนระอุหนัก รัสเซียส่งโดรนโจมตึงสถานีรถไฟใต้ดินเมโทรกรุงเคียฟที่หลบภัยคนจำนวนมากสำลักฝุ่นควันอยู่ใต้ดิน เยอรมันทนไม่ไหวประกาศจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต 5 ระบบให้ท่ามกลางข่าวรีบเอาจากคลังแสงกองทัพเยอรมันรวม 2 ระบบส่งเข้ายูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069133

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    สหรัฐฯส่งอาวุธนิวเคลียร์มาประจำที่อังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีหลังสงครามยูเครนระอุหนัก รัสเซียส่งโดรนโจมตึงสถานีรถไฟใต้ดินเมโทรกรุงเคียฟที่หลบภัยคนจำนวนมากสำลักฝุ่นควันอยู่ใต้ดิน เยอรมันทนไม่ไหวประกาศจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต 5 ระบบให้ท่ามกลางข่าวรีบเอาจากคลังแสงกองทัพเยอรมันรวม 2 ระบบส่งเข้ายูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069133 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 946 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟเวียงจันทน์-คุนหมิง เพิ่มเป็น 2 ขบวนต่อวัน

    ความนิยมในการเดินทางด้วยรถไฟอีเอ็มยู (EMU) ระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว กับนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีนเริ่มมีมากขึ้น นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด บริษัท รถไฟลาว-จีน จำกัด หรือ LCR เปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 ขบวน เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา รวมเป็น 2 ขบวนต่อวัน ได้แก่

    เที่ยวไป

    • ขบวน D88 ออกจากเวียงจันทน์ 08.00 น. (เวลาลาว) ถึงคุนหมิงใต้ 18.34 น. (เวลาจีน)

    • ขบวน D84 (ใหม่) ออกจากเวียงจันทน์ 11.25 น. (เวลาลาว) ถึงคุนหมิงใต้ 21.44 น. ถึงคุนหมิง 22.08 น. (เวลาจีน)

    เที่ยวกลับ

    • ขบวน D87 ออกจากคุนหมินใต้ 08.08 น. (เวลาจีน) ถึงเวียงจันทน์ 16.44 น. (เวลาลาว)

    • ขบวน D83 (ใหม่) ออกจากคุนหมิง 10.55 น. ออกจากคุนหมิงใต้ 11.20 น. (เวลาจีน) ถึงเวียงจันทน์ 19.59 น. (เวลาลาว)

    รถไฟขบวนดังกล่าวใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ต้องเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาวที่สถานีบ่อเต็น และฝั่งจีนที่สถานีโม่ฮาน เวลาจริงอาจล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศ รอสับหลีกขบวนรถ หรือเหตุสุดวิสัยต่างๆ แนะนำให้ตรวจสอบประกาศก่อนเดินทางได้ที่ที่เฟซบุ๊ก Laos - China Railway Company Limited

    สำรองที่นั่งล่วงหน้า 15 วัน ได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket (คนไทยใช้เบอร์มือถือไทยสมัครได้ และชำระเงินผ่านบัตรเครดิต VISA ที่ออกในประเทศไทยได้) หรือสำรองที่นั่งด้วยตัวเองที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ศูนย์การค้าเวียงจันทน์เซ็นเตอร์ สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) และสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์

    คำแนะนำในการเดินทาง ตลอดเส้นทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มีสัญญาณเฉพาะช่วงที่ผ่านสถานีรถไฟ การซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถ ช่วงที่อยู่ในประเทศลาวรับเป็นเงินกีบ ส่วนช่วงที่อยู่ในประเทศจีนรับเป็นเงินหยวน กระบอกน้ำร้อนสามารถเติมน้ำร้อนได้ฟรีบนขบวนรถ ส่วนสถานีบ่อเต็นมีร้านค้าปลอดภาษีและมินิมาร์ทให้บริการ คิดเป็นสกุลเงินหยวน รับชำระผ่าน WexinPay

    นับตั้งแต่เปิดให้บริการ 2 ปี รถไฟข้ามแดนมีผู้โดยสารกว่า 530,000 คน (ณ เดือน มิ.ย.2568) จาก 112 ประเทศและภูมิภาค นักท่องเที่ยวบริเวณชายแดนลาว–จีนมีมากกว่า 37,500 คน (ณ เดือน เม.ย.2568) การเดินทางจากเวียงจันทน์ไปคุนหมิงจากเดิมหลายวัน เหลือเพียง 9 ชั่วโมง 26 นาที ผ่านเมืองสำคัญ ได้แก่ นครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง สิบสองปันนา และนครคุนหมิง

    ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางภายในประเทศลาว นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2564 มีผู้โดยสารสะสม 9,650,000 คน ล่าสุดมีขบวนรถไฟ EMU ให้บริการแล้ว 5 คัน

    #Newskit
    รถไฟเวียงจันทน์-คุนหมิง เพิ่มเป็น 2 ขบวนต่อวัน ความนิยมในการเดินทางด้วยรถไฟอีเอ็มยู (EMU) ระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว กับนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีนเริ่มมีมากขึ้น นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2566 เป็นต้นมา ล่าสุด บริษัท รถไฟลาว-จีน จำกัด หรือ LCR เปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 ขบวน เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา รวมเป็น 2 ขบวนต่อวัน ได้แก่ เที่ยวไป • ขบวน D88 ออกจากเวียงจันทน์ 08.00 น. (เวลาลาว) ถึงคุนหมิงใต้ 18.34 น. (เวลาจีน) • ขบวน D84 (ใหม่) ออกจากเวียงจันทน์ 11.25 น. (เวลาลาว) ถึงคุนหมิงใต้ 21.44 น. ถึงคุนหมิง 22.08 น. (เวลาจีน) เที่ยวกลับ • ขบวน D87 ออกจากคุนหมินใต้ 08.08 น. (เวลาจีน) ถึงเวียงจันทน์ 16.44 น. (เวลาลาว) • ขบวน D83 (ใหม่) ออกจากคุนหมิง 10.55 น. ออกจากคุนหมิงใต้ 11.20 น. (เวลาจีน) ถึงเวียงจันทน์ 19.59 น. (เวลาลาว) รถไฟขบวนดังกล่าวใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ต้องเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาวที่สถานีบ่อเต็น และฝั่งจีนที่สถานีโม่ฮาน เวลาจริงอาจล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศ รอสับหลีกขบวนรถ หรือเหตุสุดวิสัยต่างๆ แนะนำให้ตรวจสอบประกาศก่อนเดินทางได้ที่ที่เฟซบุ๊ก Laos - China Railway Company Limited สำรองที่นั่งล่วงหน้า 15 วัน ได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket (คนไทยใช้เบอร์มือถือไทยสมัครได้ และชำระเงินผ่านบัตรเครดิต VISA ที่ออกในประเทศไทยได้) หรือสำรองที่นั่งด้วยตัวเองที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ศูนย์การค้าเวียงจันทน์เซ็นเตอร์ สถานีรถไฟเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) และสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ คำแนะนำในการเดินทาง ตลอดเส้นทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มีสัญญาณเฉพาะช่วงที่ผ่านสถานีรถไฟ การซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถ ช่วงที่อยู่ในประเทศลาวรับเป็นเงินกีบ ส่วนช่วงที่อยู่ในประเทศจีนรับเป็นเงินหยวน กระบอกน้ำร้อนสามารถเติมน้ำร้อนได้ฟรีบนขบวนรถ ส่วนสถานีบ่อเต็นมีร้านค้าปลอดภาษีและมินิมาร์ทให้บริการ คิดเป็นสกุลเงินหยวน รับชำระผ่าน WexinPay นับตั้งแต่เปิดให้บริการ 2 ปี รถไฟข้ามแดนมีผู้โดยสารกว่า 530,000 คน (ณ เดือน มิ.ย.2568) จาก 112 ประเทศและภูมิภาค นักท่องเที่ยวบริเวณชายแดนลาว–จีนมีมากกว่า 37,500 คน (ณ เดือน เม.ย.2568) การเดินทางจากเวียงจันทน์ไปคุนหมิงจากเดิมหลายวัน เหลือเพียง 9 ชั่วโมง 26 นาที ผ่านเมืองสำคัญ ได้แก่ นครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง สิบสองปันนา และนครคุนหมิง ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางภายในประเทศลาว นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2564 มีผู้โดยสารสะสม 9,650,000 คน ล่าสุดมีขบวนรถไฟ EMU ให้บริการแล้ว 5 คัน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 14 กรกฎาคม หุ่นยนต์รูปร่างน่ารักสวมชุดการ์ตูนปรากฏตัวที่รถไฟใต้ดินสาย 2 เมืองเซินเจิ้น เพื่อทำหน้าที่ส่งสินค้าให้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในสถานี นี่ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่หุ่นยนต์สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยตนเองและส่งของถึงปลายทางได้โดยอัตโนมัติ

    หุ่นยนต์ดังกล่าวเดินผ่านชานชาลาพร้อมระบบหลีกเลี่ยงคนโดยอัตโนมัติ ขึ้นรถไฟและไปหยุดตรงตำแหน่งที่กำหนด ก่อนส่งของให้ร้าน 7-Eleven ภายในสถานีอย่างแม่นยำ

    ตัวหุ่นยนต์ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ที่ประมวลผลคำสั่งจัดส่งและปรับเส้นทางแบบเรียลไทม์ พร้อมใช้เทคโนโลยีหลอมรวมเซนเซอร์หลากหลายแบบเพื่อให้สามารถนำทางได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วยเซนเซอร์เลเซอร์ 360 องศา (Lidar) ใช้ในการสร้างแผนที่สถานีรถไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้หุ่นยนต์ระบุตำแหน่งตัวเองได้อย่างแม่นยำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000068664

    #Thaitimes #MGROnline #หุ่นยนต์
    วันที่ 14 กรกฎาคม หุ่นยนต์รูปร่างน่ารักสวมชุดการ์ตูนปรากฏตัวที่รถไฟใต้ดินสาย 2 เมืองเซินเจิ้น เพื่อทำหน้าที่ส่งสินค้าให้ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในสถานี นี่ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่หุ่นยนต์สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยตนเองและส่งของถึงปลายทางได้โดยอัตโนมัติ • หุ่นยนต์ดังกล่าวเดินผ่านชานชาลาพร้อมระบบหลีกเลี่ยงคนโดยอัตโนมัติ ขึ้นรถไฟและไปหยุดตรงตำแหน่งที่กำหนด ก่อนส่งของให้ร้าน 7-Eleven ภายในสถานีอย่างแม่นยำ • ตัวหุ่นยนต์ถูกควบคุมด้วยระบบ AI ที่ประมวลผลคำสั่งจัดส่งและปรับเส้นทางแบบเรียลไทม์ พร้อมใช้เทคโนโลยีหลอมรวมเซนเซอร์หลากหลายแบบเพื่อให้สามารถนำทางได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วยเซนเซอร์เลเซอร์ 360 องศา (Lidar) ใช้ในการสร้างแผนที่สถานีรถไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้หุ่นยนต์ระบุตำแหน่งตัวเองได้อย่างแม่นยำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000068664 • #Thaitimes #MGROnline #หุ่นยนต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน

    “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้

    เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว

    คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง

    อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก

    สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว

    “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว

    รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน

    ที่มา :
    https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้ เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน ที่มา : https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เขมรนี้เลวชั่วจริงๆนะ,เนรคุณและทรยศ ไม่เคารพอธิปไตยประเทศไทย,ประชาชนเขมรถือว่าสมคบคิดด้วยทั้งหมด,เราต้องเหมารวมด้วย เพราะคนเขมรต้องควบคุมคนเขมรเองเช่นกันมิมาทำสิ่งเลวชั่วกับชาติอื่นเมืองอื่นง่ายๆ, นี้ทำเป็นอุตสาหกรรมทางการค้าเลยนะ รัฐบาลเขมรปล่อยปะละเลยด้วย,รัฐบาลไทยเราที่มิใช่รัฐบาลปัจจุบันนี้ จริงๆต้องสั่งสอนเขมรจริงจังกันจริงๆ,มีสาระพัดอย่างเพื่อทำให้ถึงการจัดการเขมรทุกๆรูปแบบ,เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนายกฯที่ออกคลิปว่า ทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่สามารถจัดการเด็ดขาดใดๆจริงกับเขมรเลย ตลอดนายทุนเจ้าสัวมากมายที่ไปลงทุนในเขมรด้วยต้องเป็นแบบนายกฯที่ว่าทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่ต้องการให้ได้ลงโทษเขมร ตัดขาดเขมรจริงจัง,แต่ยุคนี้เขมรเสื่อมสิ้นจริงๆ,ทหารต้องยึดอำนาจทันทีจากรักษาการรัฐบาลเหี้ยๆนี้มีแต่จะไปทางเขมรสิ้น,เมื่อยึดอำนาจเสร็จจะมีข่องทางมากมายจัดการเขมร,1.ด้วยการคุกคามรุกรานไทยปัจจุบันเป็นภัยความมั่นคงทางอธิปไตยชาติไทยชัดเจน เราสามารถปิดด่านทั้งหมดถาวรตลอดพรมแดนทันที.2.ไล่ฑูตเขมรและเจ้าหน้าที่ภายในฑูตเขมรกลับประเทศเขมรทั้งหมด เรียกฑูตไทยและเจ้าหน้าที่ประจำสถานฑูตไทยกลับประเทศทันทีทั้งหมดรวมถึงคนไทยทุกๆคนด้วยต้องกลับประเทศทุกๆคน,ผลักดันคนเขมรทั้งหมดออกจากประเทศไทยทันทีส่วนจะกลับประเทศเขมรหรือไม่อีกเรื่องของคนเขมรนัันๆ.3.คว่ำบาตรเขมรทุกๆด้านทั้งหมดในการค้าขาย ตัดน้ำ ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ทำลายถนนหนทางทางรถไฟทั้งหมดที่เชื่อมต่อไปถึงเขมร, ตัดการค้าการลงทุนการเศรษฐกิจที่ติดต่อแล้วก่อนหน้านั้นทุกรูปแบบ,ยุติสกุลเงินเขมรห้ามใช้ในประเทศไทยทั่วราชอาณาจักรไทย,อายัดบัญชีที่โอนไปเขมรทั้งหมดหรือโอนมาไทย,ล็อกบัญชีธนาคารคนเขมรทั้งหมด,ตัดขาดทุกๆธุรกรรมที่เกี่ยวกับเขมร, เป็นต้น นี้คือมาตราการเบื้องต้นและทหารไทยต้องทำจริงๆได้เสียที,ตลอดข้าราชการไทยต้องเด็ดขาดกับคนเข้าด้วยกับเขมร ทรยศประเทศไทยตนเองด้วย,ปัจจุบันเขมรไม่เคยถูกลงโทษใดๆจริงจากอำนาจประเทศไทยเลย,ปาหี่แหกตาประชาชน,ส่งน้ำส่งไฟฟ้า ส่งเสบียงสาระพัดรูปแบบให้เขมรมีกำลังต่อต้านประเทศไทยเหมือนเดิม,ทั้งยังมั่วเรียกฝรั่งต่างชาติมาแทรกแซงอีกเพื่อให้เขมรชนะไทยแล้วได้อ่าวไทยบ่อน้ำมันมหาศาลและแร่มีค่ามากมายไปจากประเทศไทย,ทหารไทย ตำรวจไทย ไม่จริงจังจัดการคนทรยศประเทศตนเองเลย.,ยังลอยหน้าลอยตาสร้างความหายนะต่อแผ่นดินไทยเราไใ่จบสิ้น.

    https://youtube.com/shorts/5Jy3nDun38c?si=mkEgXPd_ywJijrl3
    ..เขมรนี้เลวชั่วจริงๆนะ,เนรคุณและทรยศ ไม่เคารพอธิปไตยประเทศไทย,ประชาชนเขมรถือว่าสมคบคิดด้วยทั้งหมด,เราต้องเหมารวมด้วย เพราะคนเขมรต้องควบคุมคนเขมรเองเช่นกันมิมาทำสิ่งเลวชั่วกับชาติอื่นเมืองอื่นง่ายๆ, นี้ทำเป็นอุตสาหกรรมทางการค้าเลยนะ รัฐบาลเขมรปล่อยปะละเลยด้วย,รัฐบาลไทยเราที่มิใช่รัฐบาลปัจจุบันนี้ จริงๆต้องสั่งสอนเขมรจริงจังกันจริงๆ,มีสาระพัดอย่างเพื่อทำให้ถึงการจัดการเขมรทุกๆรูปแบบ,เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนายกฯที่ออกคลิปว่า ทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่สามารถจัดการเด็ดขาดใดๆจริงกับเขมรเลย ตลอดนายทุนเจ้าสัวมากมายที่ไปลงทุนในเขมรด้วยต้องเป็นแบบนายกฯที่ว่าทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา ไม่ต้องการให้ได้ลงโทษเขมร ตัดขาดเขมรจริงจัง,แต่ยุคนี้เขมรเสื่อมสิ้นจริงๆ,ทหารต้องยึดอำนาจทันทีจากรักษาการรัฐบาลเหี้ยๆนี้มีแต่จะไปทางเขมรสิ้น,เมื่อยึดอำนาจเสร็จจะมีข่องทางมากมายจัดการเขมร,1.ด้วยการคุกคามรุกรานไทยปัจจุบันเป็นภัยความมั่นคงทางอธิปไตยชาติไทยชัดเจน เราสามารถปิดด่านทั้งหมดถาวรตลอดพรมแดนทันที.2.ไล่ฑูตเขมรและเจ้าหน้าที่ภายในฑูตเขมรกลับประเทศเขมรทั้งหมด เรียกฑูตไทยและเจ้าหน้าที่ประจำสถานฑูตไทยกลับประเทศทันทีทั้งหมดรวมถึงคนไทยทุกๆคนด้วยต้องกลับประเทศทุกๆคน,ผลักดันคนเขมรทั้งหมดออกจากประเทศไทยทันทีส่วนจะกลับประเทศเขมรหรือไม่อีกเรื่องของคนเขมรนัันๆ.3.คว่ำบาตรเขมรทุกๆด้านทั้งหมดในการค้าขาย ตัดน้ำ ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ทำลายถนนหนทางทางรถไฟทั้งหมดที่เชื่อมต่อไปถึงเขมร, ตัดการค้าการลงทุนการเศรษฐกิจที่ติดต่อแล้วก่อนหน้านั้นทุกรูปแบบ,ยุติสกุลเงินเขมรห้ามใช้ในประเทศไทยทั่วราชอาณาจักรไทย,อายัดบัญชีที่โอนไปเขมรทั้งหมดหรือโอนมาไทย,ล็อกบัญชีธนาคารคนเขมรทั้งหมด,ตัดขาดทุกๆธุรกรรมที่เกี่ยวกับเขมร, เป็นต้น นี้คือมาตราการเบื้องต้นและทหารไทยต้องทำจริงๆได้เสียที,ตลอดข้าราชการไทยต้องเด็ดขาดกับคนเข้าด้วยกับเขมร ทรยศประเทศไทยตนเองด้วย,ปัจจุบันเขมรไม่เคยถูกลงโทษใดๆจริงจากอำนาจประเทศไทยเลย,ปาหี่แหกตาประชาชน,ส่งน้ำส่งไฟฟ้า ส่งเสบียงสาระพัดรูปแบบให้เขมรมีกำลังต่อต้านประเทศไทยเหมือนเดิม,ทั้งยังมั่วเรียกฝรั่งต่างชาติมาแทรกแซงอีกเพื่อให้เขมรชนะไทยแล้วได้อ่าวไทยบ่อน้ำมันมหาศาลและแร่มีค่ามากมายไปจากประเทศไทย,ทหารไทย ตำรวจไทย ไม่จริงจังจัดการคนทรยศประเทศตนเองเลย.,ยังลอยหน้าลอยตาสร้างความหายนะต่อแผ่นดินไทยเราไใ่จบสิ้น. https://youtube.com/shorts/5Jy3nDun38c?si=mkEgXPd_ywJijrl3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพความวุ่นวายในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งกลางกรุงเคียฟเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของชาวยูเครน เต็มไปด้วยฝุ่นและควันไฟหลังจากการการโจมตีเกิดขึ้นใกล้กับที่หลบภัย
    ภาพความวุ่นวายในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งกลางกรุงเคียฟเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของชาวยูเครน เต็มไปด้วยฝุ่นและควันไฟหลังจากการการโจมตีเกิดขึ้นใกล้กับที่หลบภัย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.-
    #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น

    เดินทาง 5–12 ต.ค. 68
    เหลือเพียง 47,777.-

    ไฮไลท์เส้นทาง:
    จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม
    นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้
    พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option)
    อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้
    รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์

    ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน
    ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ea66d6

    ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/19c33b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA
    🪆🇷🇺 โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.- ✨ #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น 📅 เดินทาง 5–12 ต.ค. 68 💰 เหลือเพียง 47,777.- 📍 ไฮไลท์เส้นทาง: 🟥 จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม 🚄 นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🏰 พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้ 🌊 พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option) ⛲ อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🎭 Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้ 🚇 รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ 📌 ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน 📸 ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ea66d6 ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/19c33b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.-
    #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น

    เดินทาง 5–12 ต.ค. 68
    เหลือเพียง 47,777.-

    ไฮไลท์เส้นทาง:
    จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม
    นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้
    พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option)
    อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้
    รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์

    ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน
    ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ea66d6

    ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/19c33b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA #มอสโกเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก #ทัวร์รัสเซีย #ลดแรงแซงทุกดีล
    🪆🇷🇺 โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.- ✨ #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น 📅 เดินทาง 5–12 ต.ค. 68 💰 เหลือเพียง 47,777.- 📍 ไฮไลท์เส้นทาง: 🟥 จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม 🚄 นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🏰 พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้ 🌊 พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option) ⛲ อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🎭 Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้ 🚇 รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ 📌 ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน 📸 ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ea66d6 ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/19c33b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA #มอสโกเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก #ทัวร์รัสเซีย #ลดแรงแซงทุกดีล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.-
    #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น

    เดินทาง 5–12 ต.ค. 68
    เหลือเพียง 47,777.-

    ไฮไลท์เส้นทาง:
    จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม
    นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้
    พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option)
    อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
    Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้
    รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์

    ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน
    ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ea66d6

    ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/19c33b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA #มอสโกเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก #ทัวร์รัสเซีย #ลดแรงแซงทุกดีล #เที่ยวกับมืออาชีพ #ราคานี้ไม่มีอีกแล้ว #ทริปในฝัน #รีบจองก่อนเต็ม
    🪆🇷🇺 โปรแรง! เที่ยว RUSSIA มอสโก - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ลดทันที 11,111.- ✨ #ลดพิเศษ 5 ที่นั่งสุดท้ายเท่านั้น 📅 เดินทาง 5–12 ต.ค. 68 💰 เหลือเพียง 47,777.- 📍 ไฮไลท์เส้นทาง: 🟥 จัตุรัสแดง – มหาวิหารเซนต์บาซิล – ห้างกุม 🚄 นั่งรถไฟความเร็วสูง SAPSAN สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🏰 พระราชวังฤดูหนาว & เฮอร์มิเทจ – มหาวิหารไอแซค – ถนนเนฟสกี้ 🌊 พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ – โบสถ์หยดเลือด – ล่องเรือแม่น้ำเนวา (Option) ⛲ อิสระเต็มวันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 🎭 Russian Circus (Option) – พระราชวังเครมลิน – ตลาดอิสมายลอฟสกี้ 🚇 รถไฟใต้ดินมอสโก – ถนนอารบัท – มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ 📌 ไฟลท์ตรง BY WY / รวมอาหารและรถครบทุกวัน 📸 ถ่ายรูปสวยทุกมุม บรรยากาศสุดโรแมนติก ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ea66d6 ดูทัวร์รัสเซียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/19c33b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์รัสเซีย #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #RUSSIA #มอสโกเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก #ทัวร์รัสเซีย #ลดแรงแซงทุกดีล #เที่ยวกับมืออาชีพ #ราคานี้ไม่มีอีกแล้ว #ทริปในฝัน #รีบจองก่อนเต็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเอกสาร: XML ที่ควรเป็นสะพาน ถูกใช้เป็นกำแพง

    LibreOffice เปรียบเทียบแนวคิดว่า XML ควรเป็น “สะพานของการทำงานร่วมกัน” ผ่านโครงสร้างที่เปิด — แต่ Microsoft กลับสร้าง schema ที่ซับซ้อนขนาดที่นักพัฒนาภายนอกไม่สามารถใช้งานได้ง่าย เช่น:
    - ชื่อโครงสร้างไม่ intuitive
    - ข้อมูลซ้อนกันหลายชั้นเกินความจำเป็น
    - มีส่วนเสริมที่ “เป็นทางเลือก” เยอะจนทำให้ต้องซัพพอร์ตหมดเพื่อให้ไฟล์แสดงผลถูกต้อง

    ผลคือ โปรแกรมหรือแพลตฟอร์มใดที่ไม่ใช่ของ Microsoft จะเปิดไฟล์ Office ได้แค่บางส่วน หรือผิดพลาดบ่อย แม้เนื้อหาในเอกสารจะดูเหมือนง่าย เช่นข้อความธรรมดาก็ตาม

    LibreOffice กล่าวว่าการออกแบบแบบนี้ทำให้ผู้ใช้ “ถูกผูกไว้กับรถไฟของ Microsoft” เพราะแม้จะเดินบนรางเดียวกัน แต่ระบบควบคุมซับซ้อนจนใครก็สร้าง “รถ” ที่เข้ากันไม่ได้ นี่คือการล็อกไม่ใช่แค่ระดับผลิตภัณฑ์ แต่เป็นระดับโครงสร้างข้อมูลที่ควรเปิด

    นอกจากนี้ LibreOffice ยังเชื่อว่าแนวคิดเดียวกันนี้ปรากฏใน Windows 11 ที่บังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนระบบปฏิบัติการแม้ไม่มีเหตุผลทางเทคนิคชัดเจน — เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงอยู่ใน ecosystem เดิม และแนะนำให้พิจารณาเปลี่ยนไปใช้ Linux/LibreOffice ที่ยึดแนวคิดมาตรฐานเปิดครับ

    LibreOffice กล่าวหาว่า Microsoft สร้างฟอร์แมตเอกสาร OOXML ให้ซับซ้อนโดยไม่จำเป็น
    เช่น .docx และ .xlsx มีโครงสร้าง XML ที่ซ้อนลึกและมีชื่อไม่ intuitive

    XML และ XSD ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานร่วมกัน แต่ Microsoft ใช้ XML เป็นสิ่งกีดขวาง
    คล้ายระบบรางที่เปิดแต่ควบคุมด้วยระบบที่ผู้อื่นทำตามไม่ได้

    OOXML ซับซ้อนเกินจนทำให้โปรแกรมอื่นเปิดไฟล์ได้ไม่ครบ หรือผิดพลาด
    แม้เนื้อหาเป็นประโยคง่าย ๆ ก็อาจมีโครงสร้าง XML หลายชั้น

    LibreOffice ใช้ฟอร์แมต OpenDocument (ODF) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิด
    เช่น .odt, .ods ซึ่งมีโครงสร้างเรียบง่ายและควบคุมโดยชุมชน

    LibreOffice เชื่อว่าแนวคิดล็อกอินนี้ยังอยู่ใน Windows 11 ด้วย
    โดยไม่มีเหตุผลด้านเทคโนโลยีชัดเจน แต่บังคับเปลี่ยนเพื่อรักษาผู้ใช้

    เสนอให้ผู้ใช้พิจารณาย้ายไป Linux และ LibreOffice เพื่อหลุดจากโครงสร้างที่ควบคุมโดยบริษัท
    สนับสนุนมาตรฐานเปิดเพื่อการทำงานร่วมกันที่แท้จริง

    ความซับซ้อนของ OOXML ทำให้การพัฒนาโปรแกรมที่เปิดไฟล์ Office เป็นเรื่องยาก
    นักพัฒนาต้องซัพพอร์ตโครงสร้างที่เยอะและไม่เป็นมิตร

    ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่าตัวเองถูกผูกติดกับระบบที่ควบคุมโดยบริษัทเดียว
    เพราะหน้าตาไฟล์ดูปกติ แต่โครงสร้างซ่อนสิ่งที่ปิดกั้นการทำงานร่วมกัน

    Microsoft ไม่เผยรายละเอียดทั้งหมดของการจัดการไฟล์ และอัปเดตโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง
    ทำให้โปรแกรมอื่นตามไม่ทันและเปิดไฟล์ใหม่ ๆ ไม่ได้

    การโยกย้ายไปใช้ LibreOffice อาจมีช่วงปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ชินกับ Office
    โดยเฉพาะด้าน macro, template, และการทำงานกับองค์กรที่ยังใช้ Microsoft Office เป็นหลัก

    https://www.neowin.net/news/libreoffice-calls-out-microsoft-for-using-complex-file-formats-to-lock-in-office-users/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเอกสาร: XML ที่ควรเป็นสะพาน ถูกใช้เป็นกำแพง LibreOffice เปรียบเทียบแนวคิดว่า XML ควรเป็น “สะพานของการทำงานร่วมกัน” ผ่านโครงสร้างที่เปิด — แต่ Microsoft กลับสร้าง schema ที่ซับซ้อนขนาดที่นักพัฒนาภายนอกไม่สามารถใช้งานได้ง่าย เช่น: - ชื่อโครงสร้างไม่ intuitive - ข้อมูลซ้อนกันหลายชั้นเกินความจำเป็น - มีส่วนเสริมที่ “เป็นทางเลือก” เยอะจนทำให้ต้องซัพพอร์ตหมดเพื่อให้ไฟล์แสดงผลถูกต้อง ผลคือ โปรแกรมหรือแพลตฟอร์มใดที่ไม่ใช่ของ Microsoft จะเปิดไฟล์ Office ได้แค่บางส่วน หรือผิดพลาดบ่อย แม้เนื้อหาในเอกสารจะดูเหมือนง่าย เช่นข้อความธรรมดาก็ตาม LibreOffice กล่าวว่าการออกแบบแบบนี้ทำให้ผู้ใช้ “ถูกผูกไว้กับรถไฟของ Microsoft” เพราะแม้จะเดินบนรางเดียวกัน แต่ระบบควบคุมซับซ้อนจนใครก็สร้าง “รถ” ที่เข้ากันไม่ได้ นี่คือการล็อกไม่ใช่แค่ระดับผลิตภัณฑ์ แต่เป็นระดับโครงสร้างข้อมูลที่ควรเปิด นอกจากนี้ LibreOffice ยังเชื่อว่าแนวคิดเดียวกันนี้ปรากฏใน Windows 11 ที่บังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนระบบปฏิบัติการแม้ไม่มีเหตุผลทางเทคนิคชัดเจน — เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงอยู่ใน ecosystem เดิม และแนะนำให้พิจารณาเปลี่ยนไปใช้ Linux/LibreOffice ที่ยึดแนวคิดมาตรฐานเปิดครับ ✅ LibreOffice กล่าวหาว่า Microsoft สร้างฟอร์แมตเอกสาร OOXML ให้ซับซ้อนโดยไม่จำเป็น ➡️ เช่น .docx และ .xlsx มีโครงสร้าง XML ที่ซ้อนลึกและมีชื่อไม่ intuitive ✅ XML และ XSD ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานร่วมกัน แต่ Microsoft ใช้ XML เป็นสิ่งกีดขวาง ➡️ คล้ายระบบรางที่เปิดแต่ควบคุมด้วยระบบที่ผู้อื่นทำตามไม่ได้ ✅ OOXML ซับซ้อนเกินจนทำให้โปรแกรมอื่นเปิดไฟล์ได้ไม่ครบ หรือผิดพลาด ➡️ แม้เนื้อหาเป็นประโยคง่าย ๆ ก็อาจมีโครงสร้าง XML หลายชั้น ✅ LibreOffice ใช้ฟอร์แมต OpenDocument (ODF) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิด ➡️ เช่น .odt, .ods ซึ่งมีโครงสร้างเรียบง่ายและควบคุมโดยชุมชน ✅ LibreOffice เชื่อว่าแนวคิดล็อกอินนี้ยังอยู่ใน Windows 11 ด้วย ➡️ โดยไม่มีเหตุผลด้านเทคโนโลยีชัดเจน แต่บังคับเปลี่ยนเพื่อรักษาผู้ใช้ ✅ เสนอให้ผู้ใช้พิจารณาย้ายไป Linux และ LibreOffice เพื่อหลุดจากโครงสร้างที่ควบคุมโดยบริษัท ➡️ สนับสนุนมาตรฐานเปิดเพื่อการทำงานร่วมกันที่แท้จริง ‼️ ความซับซ้อนของ OOXML ทำให้การพัฒนาโปรแกรมที่เปิดไฟล์ Office เป็นเรื่องยาก ⛔ นักพัฒนาต้องซัพพอร์ตโครงสร้างที่เยอะและไม่เป็นมิตร ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่าตัวเองถูกผูกติดกับระบบที่ควบคุมโดยบริษัทเดียว ⛔ เพราะหน้าตาไฟล์ดูปกติ แต่โครงสร้างซ่อนสิ่งที่ปิดกั้นการทำงานร่วมกัน ‼️ Microsoft ไม่เผยรายละเอียดทั้งหมดของการจัดการไฟล์ และอัปเดตโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง ⛔ ทำให้โปรแกรมอื่นตามไม่ทันและเปิดไฟล์ใหม่ ๆ ไม่ได้ ‼️ การโยกย้ายไปใช้ LibreOffice อาจมีช่วงปรับตัวสำหรับผู้ใช้ที่ชินกับ Office ⛔ โดยเฉพาะด้าน macro, template, และการทำงานกับองค์กรที่ยังใช้ Microsoft Office เป็นหลัก https://www.neowin.net/news/libreoffice-calls-out-microsoft-for-using-complex-file-formats-to-lock-in-office-users/
    WWW.NEOWIN.NET
    LibreOffice calls out Microsoft for using "complex" file formats to lock in Office users
    Another day, another complaint about Microsoft from LibreOffice. This time, LibreOffice accuses Microsoft of intentionally using overly complex XML to define documents and lock in users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเศรษฐกิจใหม่: AI กำลังกินเศรษฐกิจทั้งระบบ — แบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน

    การใช้จ่ายเพื่อสร้าง AI datacenter กำลังพุ่งสูงจนกระทบตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เช่น:
    - สหรัฐฯ คาดว่า AI capex จะคิดเป็น ~2% ของ GDP ปี 2025
    - ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง ~0.7%
    - หากนับรวม multiplier ทางเศรษฐศาสตร์ — จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่เห็น

    ขนาดของการลงทุนนี้ใหญ่ใกล้เคียงกับช่วงพีคของการสร้างรางรถไฟในยุค 1800s และสูงกว่าการลงทุนในยุค dot-com boom แล้วด้วยซ้ำ

    ในจีนก็เกิดปรากฏการณ์คล้ายกันจนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงออกมาเตือนว่า “ไม่ใช่ทุกมณฑลต้องแข่งกันสร้าง datacenter และ AI project” เพราะมีมากกว่า 250 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

    แต่คำถามใหญ่คือ: เงินมาจากไหน และไปกระทบอะไรบ้าง?

    AI capex ในสหรัฐฯ อาจแตะ 2% ของ GDP ในปี 2025
    ส่งผลให้เศรษฐกิจโตเพิ่ม ~0.7% จากส่วนนี้โดยตรง

    Nvidia มีรายได้จาก datacenter ถึง ~$156B (annualized) ในปีนี้
    โดยประมาณ 99% มาจากขายชิป AI เช่น H100/GH200

    คาดว่า AI capex รวมทั้งหมดอาจมากกว่า ~$520B หากคิดจาก share ของ Nvidia
    คิดเป็นเกือบ 20% ของจุดสูงสุดการลงทุนในระบบรางรถไฟยุคก่อน

    แหล่งเงินทุนมาจาก: cashflow ภายใน, การออกหุ้น, VC, leasing, cloud commitment
    ส่งผลให้เงินทุนจากภาคอื่นถูกเบนเบนออกจาก venture, infra, cloud services

    ส่งผลให้บางกลุ่มถูกตัดงบ เช่น Cloud, biotech และภาคผลิตดั้งเดิม
    เริ่มเกิดการเลิกจ้างในบางบริษัท เช่น Amazon และ Microsoft

    หากไม่มีการลงทุนใน datacenter เศรษฐกิจ Q1/2025 อาจหดตัว -2.1%
    แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียง contraction เล็ก ๆ หรือไม่ติดลบเลย

    การใช้จ่ายอาจกำลัง “กลืน” การลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่น
    เช่น ภาคพลังงาน, การผลิต หรือ venture non-AI ที่กำลังขาดเงินทุนหนัก

    โครงสร้างพื้นฐาน AI มีอายุการใช้งานสั้น — ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บ่อย
    ไม่เหมือนการสร้างรางรถไฟที่อยู่ได้เป็นศตวรรษ อาจสูญเปล่าระยะยาว

    การย้ายการจ้างงานและทรัพยากรไปที่ AI กำลังทำให้เกิดการเลิกจ้าง
    มีผลกระทบทางแรงงานก่อน AI ถูกใช้งานในวงกว้างเสียอีก

    การลงทุนแบบทุ่มหมดหน้าตักในเทคโนโลยีที่ยังปรับตัวอยู่อาจเป็น “ฟองสบู่”
    หากความคาดหวังเกินผลลัพธ์จริง เศรษฐกิจอาจสะเทือนในอนาคต

    https://paulkedrosky.com/honey-ai-capex-ate-the-economy/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเศรษฐกิจใหม่: AI กำลังกินเศรษฐกิจทั้งระบบ — แบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน การใช้จ่ายเพื่อสร้าง AI datacenter กำลังพุ่งสูงจนกระทบตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด เช่น: - สหรัฐฯ คาดว่า AI capex จะคิดเป็น ~2% ของ GDP ปี 2025 - ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง ~0.7% - หากนับรวม multiplier ทางเศรษฐศาสตร์ — จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่เห็น ขนาดของการลงทุนนี้ใหญ่ใกล้เคียงกับช่วงพีคของการสร้างรางรถไฟในยุค 1800s และสูงกว่าการลงทุนในยุค dot-com boom แล้วด้วยซ้ำ ในจีนก็เกิดปรากฏการณ์คล้ายกันจนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงออกมาเตือนว่า “ไม่ใช่ทุกมณฑลต้องแข่งกันสร้าง datacenter และ AI project” เพราะมีมากกว่า 250 แห่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่คำถามใหญ่คือ: เงินมาจากไหน และไปกระทบอะไรบ้าง? ✅ AI capex ในสหรัฐฯ อาจแตะ 2% ของ GDP ในปี 2025 ➡️ ส่งผลให้เศรษฐกิจโตเพิ่ม ~0.7% จากส่วนนี้โดยตรง ✅ Nvidia มีรายได้จาก datacenter ถึง ~$156B (annualized) ในปีนี้ ➡️ โดยประมาณ 99% มาจากขายชิป AI เช่น H100/GH200 ✅ คาดว่า AI capex รวมทั้งหมดอาจมากกว่า ~$520B หากคิดจาก share ของ Nvidia ➡️ คิดเป็นเกือบ 20% ของจุดสูงสุดการลงทุนในระบบรางรถไฟยุคก่อน ✅ แหล่งเงินทุนมาจาก: cashflow ภายใน, การออกหุ้น, VC, leasing, cloud commitment ➡️ ส่งผลให้เงินทุนจากภาคอื่นถูกเบนเบนออกจาก venture, infra, cloud services ✅ ส่งผลให้บางกลุ่มถูกตัดงบ เช่น Cloud, biotech และภาคผลิตดั้งเดิม ➡️ เริ่มเกิดการเลิกจ้างในบางบริษัท เช่น Amazon และ Microsoft ✅ หากไม่มีการลงทุนใน datacenter เศรษฐกิจ Q1/2025 อาจหดตัว -2.1% ➡️ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียง contraction เล็ก ๆ หรือไม่ติดลบเลย ‼️ การใช้จ่ายอาจกำลัง “กลืน” การลงทุนในภาคเศรษฐกิจอื่น ⛔ เช่น ภาคพลังงาน, การผลิต หรือ venture non-AI ที่กำลังขาดเงินทุนหนัก ‼️ โครงสร้างพื้นฐาน AI มีอายุการใช้งานสั้น — ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บ่อย ⛔ ไม่เหมือนการสร้างรางรถไฟที่อยู่ได้เป็นศตวรรษ อาจสูญเปล่าระยะยาว ‼️ การย้ายการจ้างงานและทรัพยากรไปที่ AI กำลังทำให้เกิดการเลิกจ้าง ⛔ มีผลกระทบทางแรงงานก่อน AI ถูกใช้งานในวงกว้างเสียอีก ‼️ การลงทุนแบบทุ่มหมดหน้าตักในเทคโนโลยีที่ยังปรับตัวอยู่อาจเป็น “ฟองสบู่” ⛔ หากความคาดหวังเกินผลลัพธ์จริง เศรษฐกิจอาจสะเทือนในอนาคต https://paulkedrosky.com/honey-ai-capex-ate-the-economy/
    PAULKEDROSKY.COM
    Honey, AI Capex is Eating the Economy
    AI capex is so big that it's affecting economic statistics, boosting the economy, and beginning to approach the railroad boom
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL

    หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น

    เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line,

    สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line

    ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น

    #Newskit
    เริ่มนับหนึ่ง MRT3 Circle Line รถไฟฟ้าวงแหวนรอบนอก KL หลังจากประเทศมาเลเซียพัฒนารถไฟฟ้าไปทั่วกรุงกัวลาลัมเปอร์และหุบเขาแคลงมาแล้ว 12 เส้นทาง ล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line ของบริษัท มาเลเซีย แรพิด ทรานซิท คอร์ปอเรชัน (MRT Corp) นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ได้อนุมัติลงนามโครงการในขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 45,000 ราย พบว่ามีผู้สนับสนุนโครงการ 93.3% นับจากนี้จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อที่ดินตามแนวเส้นทาง 690 แปลงภายในปี 2569 ก่อนประกวดราคาและก่อสร้างต่อไป สำหรับโครงการรถไฟฟ้า MRT3 Circle Line มีระยะทาง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางวนรอบ 73 นาที แบ่งเป็นทางรถไฟยกระดับ 39 กิโลเมตร และทางรถไฟใต้ดิน 12 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีบูกิต เคียรา เซลาตัน (Bukit Kiara Selatan) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT Kajang Line วนตามเข็มนาฬิกาจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็นสถานียกระดับ 22 สถานี สถานีใต้ดิน 7 สถานี รองรับผู้โดยสาร 25,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการผู้โดยสารรอบนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นแบบบูรณาการ สามารถเดินทางระหว่างกันได้อย่างราบรื่น เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่างๆ ได้แก่ สถานีคอมเพล็กซ์ ดูตา (Kompleks Duta) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานีตีตี้วังซา (Titiwangsa) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สาย ได้แก่ LRT Ampang Line, LRT Sri Petaling Line, KL Monorail Line and MRT Putrajaya Line, สถานีเซเตียวังซา (Setiawangsa) เชื่อมต่อรถไฟ LRT Kelana Jaya Line, สถานีพันดัน อินดาห์ (Pandan Indah) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Ampang Line, สถานีตามันมิดาห์ (Taman Midah) เชื่อมต่อรถไฟ MRT Kajang Line, สถานีซาลัคเซลาตัน (Salak Selatan) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Sri Petaling Line, สถานีกูชาย (Kuchai) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT Putrajaya Line, สถานีพันทายดาลัม (Pantai Dalam) เชื่อมต่อรถไฟ KTM Tanjung Malim-Port Klang Line, สถานียูนิเวอร์ซิตี้ (Universiti) เชื่อมต่อรถไฟฟ้า LRT Kelana Jaya Line ผ่านสถานที่สำคัญ ได้แก่ ศูนย์นิทรรศการและการค้าระหว่างประเทศมาเลเซีย (MITEC) สถานีดูตามาส (Dutamas), โรงพยาบาลเฉพาะทาง Pusat Perubatan Universiti Kebangsaan Malaysia (PPUKM) and UKM Child Specialist Hospital สถานีจาลันยาโคบลาทิฟ (Jalan Yaacob Latif), ศูนย์การค้าเคแอลเกตเวย์มอลล์ สถานียูนิเวอร์ซิตี้ และศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยมาลายา (University of Malaya Medical Centre) สถานียูเอ็ม (UM) เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ชัชชาติ' ขานรับค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ห่วง 2 ปมใหญ่! จี้รัฐเคลียร์ปมชดเชยรายได้-ค่าจ้างเดินรถ หวั่น กทม. ถูกฟ้อง
    https://www.thai-tai.tv/news/20333/
    .
    #รถไฟฟ้า20บาท #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #กทม #กระทรวงคมนาคม #ค่าโดยสารรถไฟฟ้า #นโยบายรัฐบาล #ค่าชดเชย #สัมปทานเอกชน #ค่าจ้างเดินรถ
    'ชัชชาติ' ขานรับค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ห่วง 2 ปมใหญ่! จี้รัฐเคลียร์ปมชดเชยรายได้-ค่าจ้างเดินรถ หวั่น กทม. ถูกฟ้อง https://www.thai-tai.tv/news/20333/ . #รถไฟฟ้า20บาท #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #กทม #กระทรวงคมนาคม #ค่าโดยสารรถไฟฟ้า #นโยบายรัฐบาล #ค่าชดเชย #สัมปทานเอกชน #ค่าจ้างเดินรถ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ

    ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก

    Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์

    แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่

    จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน

    หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย

    ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith
    เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ

    ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ
    เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน

    สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน
    เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต

    สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่
    อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน

    CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน
    กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล

    Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่
    ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์

    ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง
    เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต

    การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง
    โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก

    การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง
    ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

    https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์ แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่ จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith ➡️ เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ ✅ ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ ➡️ เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน ✅ สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน ➡️ เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต ✅ สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่ ➡️ อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน ✅ CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน ➡️ กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล ✅ Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ➡️ ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์ ‼️ ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ⛔ AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง ⛔ เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต ‼️ การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ⛔ โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง ⛔ ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US rail industry still exposed to decade-old hacking threat, experts warn
    The vulnerability was discovered in 2012 by independent researcher Neil Smith, who found that the communication protocol linking the front and rear of freight trains – technically...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ

    หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย

    โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย

    พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง

    Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet

    #Newskit
    KITS Style การรถไฟมาเลย์ทำซูเปอร์แอปฯ หลังจากที่การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) หรือ KTMB ประเทศมาเลเซีย พยายามผลักดันการซื้อตั๋วรถไฟแบบไร้เงินสดเต็มรูปแบบ มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นมา ล่าสุดได้เปลี่ยนแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์แบบบูรณาการ KITS (KTMB Integrated Ticketing System) มาเป็นซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า คิทส์ สไตล์ (KITS Style) โดยได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยร่วมมือกันระหว่าง KTMB กับเอ็มเปย์ (MPay) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลในมาเลเซีย โดยคุณสมบัติหลักของแอปฯ KITS Style คือ การซื้อตั๋วรถไฟของ KTMB ทั้งรถไฟ ETS/Intercity รถไฟชานเมือง KTM Komuter รถไฟข้ามแดน Shuttle Tebrau พ่วงไปกับการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ตั๋วรถไฟต่างประเทศ รถเช่า รถรับ-ส่งสนามบิน เรือสำราญ กิจกรรมการท่องเที่ยวโดย Trip.com บริการเรียกรถรับจ้างสาธารณะ (E-Hailing) นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินต่างประเทศ ประกัน ตากาฟูล จ่ายบิลและเติมเงินโทรศัพท์มือถือในมาเลเซียอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวบัตร KITS Style Mastercard Prepaid Card ซึ่งประกาศว่าเป็นบัตรเติมเงินขนส่งสาธารณะแบบเปิดใบแรกในมาเลเซียและอาเซียน ที่ออกโดยผู้ให้บริการรถไฟ ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบบัตรเสมือน (Virtual Card) โดยมีค่าธรรมเนียมออกบัตรเสมือน 10 ริงกิต ส่วนบัตรพลาสติกแบบชิปการ์ดจะเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานแอปฯ KTMB Mobile เดิม ระบบจะแจ้งเตือนการย้ายระบบไปยัง KITS Style แบบใหม่ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้สมัครบริการ ให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนยืนยันการเปลี่ยนแปลง Newskit ทดลองสมัครบริการแอปฯ KITS Style เริ่มแรกด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่าน App Store หรือ Google Play จากนั้นลงทะเบียนโดยใช้โทรศัพท์มือถือแล้วรอรับ SMS OTP ซึ่งพบว่าเบอร์ต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยสามารถสมัครได้ (ยกเว้นเอไอเอสที่พบปัญหาบล็อก SMS จากต่างประเทศ) จากนั้นกรอกรายละเอียดส่วนตัว กรณีชาวต่างชาติใช้ข้อมูลหนังสือเดินทาง แล้วตั้งรหัส PIN 6 หลักเป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานต้องยืนยันการสร้างบัญชีผ่านการทำ e-KYC ด้วยการถ่ายภาพหนังสือเดินทาง เซลฟี่ใบหน้า ระบบจะอนุมัติภายใน 2 วันทำการ โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ส่วนการเติมเงินขั้นต่ำ 10 ริงกิต สูงสุดไม่เกิน 1,000 ริงกิต สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA และ Mastercard ได้ทั้งบัตรในประเทศและต่างประเทศ ส่วนชาวมาเลเซียสามารถเติมเงินผ่านทางออนไลน์แบงกิ้งระบบ FPX และ DuitNow แต่ยังไม่รองรับ e-Wallet #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/20283/
    .
    #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/20283/ . #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุริยะ" ยันรถไฟฟ้า 20 บาท มุ่งประชาชน ไม่ใช่นายทุน! เล็งเก็บภาษีรถติดหนุนยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/20282/
    .
    #รถไฟฟ้า20บาท #สุริยะ #คมนาคม #ขนส่งสาธารณะ #ลดค่าเดินทาง #ภาษีรถติด #การเมืองไทย #นโยบายรัฐบาล
    "สุริยะ" ยันรถไฟฟ้า 20 บาท มุ่งประชาชน ไม่ใช่นายทุน! เล็งเก็บภาษีรถติดหนุนยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/20282/ . #รถไฟฟ้า20บาท #สุริยะ #คมนาคม #ขนส่งสาธารณะ #ลดค่าเดินทาง #ภาษีรถติด #การเมืองไทย #นโยบายรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปกรณ์วุฒิ" ย้ำ ปชน. ไม่ค้านค่ารถไฟฟ้า 20 บาท แต่จี้รัฐแจงฐานคิด-หวั่นอุดหนุนนายทุน
    https://www.thai-tai.tv/news/20281/
    .
    #รถไฟฟ้า20บาท #ปกรณ์วุฒิ #พรรคประชาชน #นโยบายรัฐบาล #ค่าขนส่งสาธารณะ #ขนส่งมวลชน #การเมืองไทย
    "ปกรณ์วุฒิ" ย้ำ ปชน. ไม่ค้านค่ารถไฟฟ้า 20 บาท แต่จี้รัฐแจงฐานคิด-หวั่นอุดหนุนนายทุน https://www.thai-tai.tv/news/20281/ . #รถไฟฟ้า20บาท #ปกรณ์วุฒิ #พรรคประชาชน #นโยบายรัฐบาล #ค่าขนส่งสาธารณะ #ขนส่งมวลชน #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts