• กองทัพสวีเดนได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีฝูงโดรนที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสามารถควบคุมโดรนได้ถึง 100 เครื่องโดยผู้ควบคุมเพียงคนเดียว ระบบนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับบริษัท Saab ผู้ผลิตเครื่องบินรบ Saab JAS 39 Gripen และใช้เวลาเพียง 12 เดือนในการสร้าง

    หน่วยทหารราบ I 13 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟาลุน สวีเดน จะเป็นหน่วยแรกที่ได้รับเทคโนโลยีนี้ และคาดว่าจะมีการทดสอบในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหาร Arctic Strike ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ การพัฒนานี้เป็นผลมาจากการใช้โดรนอย่างแพร่หลายในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้ยูเครนป้องกันการรุกราน

    ข้อได้เปรียบใหญ่ของระบบนี้คือไม่จำเป็นต้องใช้โดรนที่ออกแบบมาเฉพาะทางทหาร สามารถติดตั้งบนโดรนที่มีจำหน่ายในท้องตลาดและเปลี่ยนให้เป็นฝูงโดรนที่ทำงานร่วมกันได้อย่างอัตโนมัติ โดรนเหล่านี้สามารถใช้ในการสอดแนมและกลับมาชาร์จพลังงานเองเมื่อถึงขีดจำกัดของระยะการทำงาน

    นอกจากนี้ ระบบยังสามารถอัปเดตและเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์ให้ตรงกับความต้องการของกองทัพได้ และมีการเสนอว่าอาจจะอัปเกรดให้โดรนสามารถบรรทุกระเบิดได้ ซึ่งจะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องมีนักบินโดรนที่มีทักษะสูง

    แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะดูมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน โดยหวังว่า Saab และกองทัพสวีเดนจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในโปรแกรมของฝูงโดรน AI นี้ก่อนที่จะนำไปใช้ในการโจมตี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/swedish-armys-new-ai-drone-swarm-technology-can-control-up-to-100-devices
    กองทัพสวีเดนได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีฝูงโดรนที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสามารถควบคุมโดรนได้ถึง 100 เครื่องโดยผู้ควบคุมเพียงคนเดียว ระบบนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับบริษัท Saab ผู้ผลิตเครื่องบินรบ Saab JAS 39 Gripen และใช้เวลาเพียง 12 เดือนในการสร้าง หน่วยทหารราบ I 13 ที่ตั้งอยู่ในเมืองฟาลุน สวีเดน จะเป็นหน่วยแรกที่ได้รับเทคโนโลยีนี้ และคาดว่าจะมีการทดสอบในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหาร Arctic Strike ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ การพัฒนานี้เป็นผลมาจากการใช้โดรนอย่างแพร่หลายในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้ยูเครนป้องกันการรุกราน ข้อได้เปรียบใหญ่ของระบบนี้คือไม่จำเป็นต้องใช้โดรนที่ออกแบบมาเฉพาะทางทหาร สามารถติดตั้งบนโดรนที่มีจำหน่ายในท้องตลาดและเปลี่ยนให้เป็นฝูงโดรนที่ทำงานร่วมกันได้อย่างอัตโนมัติ โดรนเหล่านี้สามารถใช้ในการสอดแนมและกลับมาชาร์จพลังงานเองเมื่อถึงขีดจำกัดของระยะการทำงาน นอกจากนี้ ระบบยังสามารถอัปเดตและเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์ให้ตรงกับความต้องการของกองทัพได้ และมีการเสนอว่าอาจจะอัปเกรดให้โดรนสามารถบรรทุกระเบิดได้ ซึ่งจะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องมีนักบินโดรนที่มีทักษะสูง แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะดูมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน โดยหวังว่า Saab และกองทัพสวีเดนจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในโปรแกรมของฝูงโดรน AI นี้ก่อนที่จะนำไปใช้ในการโจมตี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/swedish-armys-new-ai-drone-swarm-technology-can-control-up-to-100-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง

    ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ

    แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที

    แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก

    สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน
    หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ

    1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ
    รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด
    เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ
    การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง

    2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ
    ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน

    3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร

    รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน

    ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง

    เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง
    หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น

    2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย
    ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต

    ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น

    แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท

    ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น

    เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน

    1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน
    การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน

    2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน
    พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

    3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ
    การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ

    การรับมือในอนาคต
    ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ
    เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน
    สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ

    เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น

    การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568

    #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ 1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง 2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน 3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย 1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น 2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน 1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน 2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ การรับมือในอนาคต ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568 #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อาจารย์ปานเทพ-อัจฉริยะ” เตรียมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” 16 ม.ค. นี้ ย้ำมาตรการความปลอดภัยสูงสุด ยันอาสาสมัครครบแล้ว ส่วนใหญ่เป็นมิสแกรนด์ฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002986

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อาจารย์ปานเทพ-อัจฉริยะ” เตรียมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” 16 ม.ค. นี้ ย้ำมาตรการความปลอดภัยสูงสุด ยันอาสาสมัครครบแล้ว ส่วนใหญ่เป็นมิสแกรนด์ฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002986 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    34
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1518 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเปิดรายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโปรแกรมเสริมของ Google Chrome ซึ่งนำไปสู่การแฮกโปรแกรมเสริมอย่างน้อย 35 รายการเพื่อฝังโค้ดขโมยข้อมูล

    การโจมตีนี้เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ส่งไปยังนักพัฒนาโปรแกรมเสริมของ Chrome โดยตรงหรือผ่านอีเมลสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนของพวกเขา อีเมลฟิชชิ่งนี้ทำให้ดูเหมือนว่ามาจาก Google และอ้างว่าโปรแกรมเสริมละเมิดนโยบายของ Chrome Web Store เมื่อผู้พัฒนาคลิกที่ปุ่ม "Go To Policy" ในอีเมล พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าล็อกอินที่ถูกต้องบนโดเมนของ Google สำหรับแอปพลิเคชัน OAuth ที่เป็นอันตราย แอปพลิเคชันนี้ขอสิทธิ์ในการจัดการโปรแกรมเสริมของ Chrome Web Store ผ่านบัญชีของผู้พัฒนา เมื่อได้รับสิทธิ์นี้ ผู้โจมตีสามารถแก้ไขโปรแกรมเสริมเพื่อฝังโค้ดขโมยข้อมูลจากบัญชี Facebook ของผู้ใช้โปรแกรมเสริม การโจมตีนี้มีเป้าหมายที่บัญชีธุรกิจของ Facebook โดยพยายามขโมยข้อมูลเช่น Facebook ID, access token, ข้อมูลบัญชี, ข้อมูลบัญชีโฆษณา, และบัญชีธุรกิจ. ข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมของผู้โจมตี

    Google ได้ทราบถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น พวกเขาได้ทำการลบโปรแกรมเสริมที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายออกจาก Chrome Web Store และได้เผยแพร่เวอร์ชันที่ปลอดภัยแทน นอกจากนี้ Google ยังได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-details-reveal-how-hackers-hijacked-35-google-chrome-extensions/
    มีการเปิดรายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโปรแกรมเสริมของ Google Chrome ซึ่งนำไปสู่การแฮกโปรแกรมเสริมอย่างน้อย 35 รายการเพื่อฝังโค้ดขโมยข้อมูล การโจมตีนี้เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ส่งไปยังนักพัฒนาโปรแกรมเสริมของ Chrome โดยตรงหรือผ่านอีเมลสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนของพวกเขา อีเมลฟิชชิ่งนี้ทำให้ดูเหมือนว่ามาจาก Google และอ้างว่าโปรแกรมเสริมละเมิดนโยบายของ Chrome Web Store เมื่อผู้พัฒนาคลิกที่ปุ่ม "Go To Policy" ในอีเมล พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าล็อกอินที่ถูกต้องบนโดเมนของ Google สำหรับแอปพลิเคชัน OAuth ที่เป็นอันตราย แอปพลิเคชันนี้ขอสิทธิ์ในการจัดการโปรแกรมเสริมของ Chrome Web Store ผ่านบัญชีของผู้พัฒนา เมื่อได้รับสิทธิ์นี้ ผู้โจมตีสามารถแก้ไขโปรแกรมเสริมเพื่อฝังโค้ดขโมยข้อมูลจากบัญชี Facebook ของผู้ใช้โปรแกรมเสริม การโจมตีนี้มีเป้าหมายที่บัญชีธุรกิจของ Facebook โดยพยายามขโมยข้อมูลเช่น Facebook ID, access token, ข้อมูลบัญชี, ข้อมูลบัญชีโฆษณา, และบัญชีธุรกิจ. ข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุมของผู้โจมตี Google ได้ทราบถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น พวกเขาได้ทำการลบโปรแกรมเสริมที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายออกจาก Chrome Web Store และได้เผยแพร่เวอร์ชันที่ปลอดภัยแทน นอกจากนี้ Google ยังได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-details-reveal-how-hackers-hijacked-35-google-chrome-extensions/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New details reveal how hackers hijacked 35 Google Chrome extensions
    New details have emerged about a phishing campaign targeting Chrome browser extension developers that led to the compromise of at least thirty-five extensions to inject data-stealing code, including those from cybersecurity firm Cyberhaven.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังตรวจสอบข้อตกลงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากรายงานของ ProPublica ที่ระบุว่า Microsoft ได้โน้มน้าวให้รัฐบาลเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลส่วนใหญ่ไปใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ SolarWinds ในปี 2020

    ถ้ายังจำกันได้ ในปี 2020 แฮ็กเกอร์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซียได้แทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในอัปเดตของซอฟต์แวร์ Orion ของบริษัท SolarWinds ซึ่งถูกแจกจ่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก เมื่อองค์กรต่างๆ ดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดตที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายนี้ แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงระบบขององค์กรเหล่านั้นได้ การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงบริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลก การโจมตีนี้ทำให้เกิดการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และนำไปสู่การตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลายองค์กร

    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Microsoft ข้ามกระบวนการประมูลสัญญาแบบดั้งเดิม ทำให้ลูกค้าของรัฐบาลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกที่แพง และทำให้การย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเช่น Google หรือ Amazon เป็นเรื่องยาก การใช้ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft ในช่วงแรกเป็นการทดลองใช้งานฟรี แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงทดลองใช้งาน ราคาการสมัครสมาชิกก็สูงขึ้นมาก

    การสอบสวนของ FTC มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft Azure ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลที่เปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มนี้ต้องซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ทำงานบน Azure นักวิจารณ์กล่าวว่าการจัดการนี้ทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพา Microsoft มากเกินไป และปิดกั้นคู่แข่งครับ

    https://www.techspot.com/news/106122-ftc-escalates-investigation-microsoft-bundling-policies.html
    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังตรวจสอบข้อตกลงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากรายงานของ ProPublica ที่ระบุว่า Microsoft ได้โน้มน้าวให้รัฐบาลเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลส่วนใหญ่ไปใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ SolarWinds ในปี 2020 ถ้ายังจำกันได้ ในปี 2020 แฮ็กเกอร์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซียได้แทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในอัปเดตของซอฟต์แวร์ Orion ของบริษัท SolarWinds ซึ่งถูกแจกจ่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก เมื่อองค์กรต่างๆ ดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดตที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายนี้ แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงระบบขององค์กรเหล่านั้นได้ การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงบริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลก การโจมตีนี้ทำให้เกิดการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และนำไปสู่การตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลายองค์กร คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Microsoft ข้ามกระบวนการประมูลสัญญาแบบดั้งเดิม ทำให้ลูกค้าของรัฐบาลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกที่แพง และทำให้การย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเช่น Google หรือ Amazon เป็นเรื่องยาก การใช้ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft ในช่วงแรกเป็นการทดลองใช้งานฟรี แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงทดลองใช้งาน ราคาการสมัครสมาชิกก็สูงขึ้นมาก การสอบสวนของ FTC มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft Azure ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลที่เปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มนี้ต้องซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ทำงานบน Azure นักวิจารณ์กล่าวว่าการจัดการนี้ทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพา Microsoft มากเกินไป และปิดกั้นคู่แข่งครับ https://www.techspot.com/news/106122-ftc-escalates-investigation-microsoft-bundling-policies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft faces FTC scrutiny over alleged antitrust practices in federal cybersecurity deals
    Microsoft has received a subpoena to turn information over to the US Federal Trade Commission amid accusations of anticompetitive behavior. The company's wide-ranging cybersecurity agreement with multiple...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลโท อิกอร์ คิริลอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีของรัสเซีย ถูกสังหารนอกอาคารอพาร์ตเมนต์บนถนน ถนนไรซานสกี้ พร้อมด้วยผู้ช่วยของเขา ซึ่งเป็นคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียที่ทำการสืบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรง ภาพที่โพสต์บนช่องเทเลแกรมของรัสเซีย แสดงให้เห็นทางเข้าอาคารที่ได้รับความเสียหายและเต็มไปด้วยเศษหิน และมีศพ 2 ศพนอนจมอยู่ใต้หิมะที่เปื้อนเลือด ส่วนภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ถ่ายในที่เกิดเหตุ เผยให้เห็นแนวป้องกันของตำรวจ เจ้าหน้าที่สอบสวนกล่าวว่าพวกเขาได้เปิดการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับการสังหารทหาร 2 นาย แหล่งข่าวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแจ้งต่อสื่อรัสเซียว่า คดีนี้มีแนวโน้มที่จะถูกยกระดับเป็นคดีก่อการร้ายรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนว่าใช้อาวุธเคมีในสนามรบ และนายคิริลอฟ เคยปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ โดยกล่าวหาว่ายูเครนละเมิดมาตรการความปลอดภัยนิวเคลียร์เมื่อเดือนตุลาคม อังกฤษได้คว่ำบาตรนายคิริลอฟและกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ จากการใช้สารเคมีควบคุมการจลาจล และจากรายงานหลายฉบับที่ระบุว่ามีการใช้คลอโรพิคริน ซึ่งเป็นสารพิษที่ทำให้หายใจไม่ออกในสนามรบ
    พลโท อิกอร์ คิริลอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้ากองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีของรัสเซีย ถูกสังหารนอกอาคารอพาร์ตเมนต์บนถนน ถนนไรซานสกี้ พร้อมด้วยผู้ช่วยของเขา ซึ่งเป็นคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียที่ทำการสืบสวนคดีอาชญากรรมร้ายแรง ภาพที่โพสต์บนช่องเทเลแกรมของรัสเซีย แสดงให้เห็นทางเข้าอาคารที่ได้รับความเสียหายและเต็มไปด้วยเศษหิน และมีศพ 2 ศพนอนจมอยู่ใต้หิมะที่เปื้อนเลือด ส่วนภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ถ่ายในที่เกิดเหตุ เผยให้เห็นแนวป้องกันของตำรวจ เจ้าหน้าที่สอบสวนกล่าวว่าพวกเขาได้เปิดการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับการสังหารทหาร 2 นาย แหล่งข่าวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายแจ้งต่อสื่อรัสเซียว่า คดีนี้มีแนวโน้มที่จะถูกยกระดับเป็นคดีก่อการร้ายรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนว่าใช้อาวุธเคมีในสนามรบ และนายคิริลอฟ เคยปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ โดยกล่าวหาว่ายูเครนละเมิดมาตรการความปลอดภัยนิวเคลียร์เมื่อเดือนตุลาคม อังกฤษได้คว่ำบาตรนายคิริลอฟและกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ จากการใช้สารเคมีควบคุมการจลาจล และจากรายงานหลายฉบับที่ระบุว่ามีการใช้คลอโรพิคริน ซึ่งเป็นสารพิษที่ทำให้หายใจไม่ออกในสนามรบ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.90 : โศกนาฏกรรมทัศนศึกษา บทเรียนจาก “ญี่ปุ่น-เกาหลี”
    .
    ย้อนดู “โศกนาฏกรรมร้ายแรง 2 เหตุการณ์” คือ อุบัติเหตุรถบัสตกหุบเขาที่ประเทศญี่ปุ่น และเหตุการณ์เรือเซวอลซึ่งบรรทุกนักเรียนอยู่เต็มลำ ล่มที่เกาหลีใต้ โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของทั้งประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โศกนาฏกรรม 2 ครั้งนี้ส่งผลสะเทือนอย่างไรต่อมาตรการความปลอดภัยของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นกับกรณี อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จนทำให้มีนักเรียนและคุณครูเสียชีวิตมากถึง 23 คน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=h8-aqUkdzG4
    บูรพาไม่แพ้ Ep.90 : โศกนาฏกรรมทัศนศึกษา บทเรียนจาก “ญี่ปุ่น-เกาหลี” . ย้อนดู “โศกนาฏกรรมร้ายแรง 2 เหตุการณ์” คือ อุบัติเหตุรถบัสตกหุบเขาที่ประเทศญี่ปุ่น และเหตุการณ์เรือเซวอลซึ่งบรรทุกนักเรียนอยู่เต็มลำ ล่มที่เกาหลีใต้ โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ถือเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของทั้งประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โศกนาฏกรรม 2 ครั้งนี้ส่งผลสะเทือนอย่างไรต่อมาตรการความปลอดภัยของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อนำมาเป็นบทเรียนแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นกับกรณี อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จนทำให้มีนักเรียนและคุณครูเสียชีวิตมากถึง 23 คน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=h8-aqUkdzG4
    Like
    Sad
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว