• ทรัมป์ขู่ประเทศกลุ่ม BRICS ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์หากเลิกใช้ดอลลาร์

    รัสเซียเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม BRICS ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่

    แต่ประเทศอื่นๆ ที่ยังคงพึ่งพาตลาดส่งออกสู่สหรัฐจะมีความเสี่ยงกว่า
    ทรัมป์ขู่ประเทศกลุ่ม BRICS ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์หากเลิกใช้ดอลลาร์ รัสเซียเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม BRICS ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่ แต่ประเทศอื่นๆ ที่ยังคงพึ่งพาตลาดส่งออกสู่สหรัฐจะมีความเสี่ยงกว่า
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ กัณวีร์ โหนมนุษยธรรม ลวงสังคม ลวงสภาฯ ให้ปล่อยผู้ลี้ภัยทำงานเพื่อจ่ายภาษี ทั้งที่รายได้ขั้นต่ำยังห่างไกลเกณฑ์ชำระภาษี คิดสร้างภาพแบบไร้ความรับผิดชอบกับผลกระทบที่จะตามมา
    #7ดอกจิก
    ♣ กัณวีร์ โหนมนุษยธรรม ลวงสังคม ลวงสภาฯ ให้ปล่อยผู้ลี้ภัยทำงานเพื่อจ่ายภาษี ทั้งที่รายได้ขั้นต่ำยังห่างไกลเกณฑ์ชำระภาษี คิดสร้างภาพแบบไร้ความรับผิดชอบกับผลกระทบที่จะตามมา #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์
    📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น.
    🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม.
    🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
    🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่
    🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ:
    🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
    ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
    ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
    ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
    เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
    🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ
    1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม.
    2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม.
    3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม.
    4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม.
    5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม.
    6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
    7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม.
    8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม.
    9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม.
    10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม.
    11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
    12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม.
    13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม.
    14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
    16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม.
    17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม.
    19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม.
    20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม.
    22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม.
    23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
    24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม.
    25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม.
    26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม.
    .
    🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า
    .
    🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้
    .
    📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - www.airbkk.com
    - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
    - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
    - FB: กรุงเทพมหานคร
    - แอปพลิเคชัน AirBKK
    - LINE ALERT
    📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue
    #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25
    #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี
    #ลีซานอัลไกอีบ

    cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    🧐🟡🟠 เช้านี้คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มีสีส้มเกินมาตรฐาน 26 พื้นที่ ฝุ่นเริ่มสูงขึ้นดั่งคำพยากรณ์ 📊ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. 🟡🔍 ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.3 มคก./ลบ.ม. 🔍↗️ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 🟡 ภาพรวม : คุณภาพอากาศ กทม. อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง 🟠 เกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 26 พื้นที่ 🩺 ข้อแนะนำสุขภาพ: 🟠 คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ▪️ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ▪️ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ 🔍🟠 ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดได้ 26-53 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 26 พื้นที่ คือ 1.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล : มีค่าเท่ากับ 53.0 มคก./ลบ.ม. 2.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 47.8 มคก./ลบ.ม. 3.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 45.4 มคก./ลบ.ม. 4.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 44.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 43.5 มคก./ลบ.ม. 6.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม. 7.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 42.9 มคก./ลบ.ม. 8.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 42.8 มคก./ลบ.ม. 9.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 41.6 มคก./ลบ.ม. 10.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 41.4 มคก./ลบ.ม. 11.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม. 12.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 41.1 มคก./ลบ.ม. 13.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 40.7 มคก./ลบ.ม. 14.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 15.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม. 16.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 40.3 มคก./ลบ.ม. 17.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 18.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 40.0 มคก./ลบ.ม. 19.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 39.7 มคก./ลบ.ม. 20.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 21.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 39.3 มคก./ลบ.ม. 22.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.9 มคก./ลบ.ม. 23.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม. 24.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 38.0 มคก./ลบ.ม. 25.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 37.7 มคก./ลบ.ม. 26.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 37.6 มคก./ลบ.ม. . 🧐 ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี - อ่อน" ประกอบกับมีการเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น อย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 2-7 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน-ดี" ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นในตอนเช้า . 🔥 🛰 ดาวเทียมจาก NASA ไม่พบจุดความร้อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ NASA ก็พาเธอกลับมาไม่ได้ . 📲😷 ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทาง - แอปพลิเคชัน AirBKK - www.airbkk.com - FB: สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร - FB: กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม - FB: กรุงเทพมหานคร - แอปพลิเคชัน AirBKK - LINE ALERT 📲🤮 หากท่านพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue #ค่าฝุ่นกทม #ฝุ่น #PM25 #สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #ลีซานอัลไกอีบ cr. facebook กรุงเทพมหานคร https://www.facebook.com/bangkokbma
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Easy E-Receipt 2.0 ช้อปลดหย่อนภาษีกับ ทีพีไอ ได้สูงสุด 30,000 บาท
    📲 ช้อปง่าย คุ้มครบ! กับ ทีพีไอ
    .
    👉🏻 เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 👈🏻
    .
    วีธีขอใบกำกับภาษีเมื่อสั่งซื้อสินค้า
    1. แจ้ง ชื่อ-นามสกุล และ ที่อยู่ (ตามบัตรประชาชน)
    2. แจ้ง E-mail
    3. แจ้งหมายเลขโทรศัพท์
    4. แจ้ง เลขบัตรประชาชน
    .
    เงื่อนไขการร่วมโครงการ Easy E-Receipt ปี 2568
    ✅ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่าน www.tpipolene.com / App TPI Market / Line @tpipl / Facebook Tpipolene / Shopee : TPI Polene Official Shop / Lazada : TPI Polene Official Shop หรือ กรณีซื้อสินค้าผ่านหน้าร้าน สามารถขอรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
    ✅ กรณีซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) กับเจ้าหน้าที่ประจำหน้าร้าน ภายใน วันที่ซื้อสินค้า เท่านั้น
    ✅ กรณีซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ลูกค้าต้องทำการสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินให้สำเร็จภายใน 28 ก.พ. 2568 เวลา 23:00 น. และแจ้งความประสงค์ ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) กับเจ้าหน้าที่ Admin ภายใน วันที่ซื้อสินค้า เท่านั้น โดยไม่สามารถขอหรือออกใบกำกับภาษีย้อนหลังได้
    ✅ ใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) จะถูกจัดส่งให้ลูกค้าผ่านทางอีเมล (Email) ที่ลูกค้าลงทะเบียนข้อมูลไว้ ซึ่งจะถูกจัดส่งหลังจากที่คำสั่งซื้อและการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์แล้ว ภายใน 15 วันทำการ
    ✅ ลูกค้าที่ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) จะไม่สามารถทำการคืนสินค้า หรือ เปลี่ยนแปลงสินค้าได้ทุกกรณี

    - เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด

    อ่านข้อมูลเพิ่มเติม >> www.tpipolene.com/static/help/faq

    #TPIEasyEReceipt #ช้อปลดหย่อนภาษีกับทีพีไอ
    #EasyEReceipt #ใบกำกับภาษี #ลดหย่อน #ภาษี #ลดหย่อนภาษี #ทีพีไอ #TPIPolene
    Easy E-Receipt 2.0 ช้อปลดหย่อนภาษีกับ ทีพีไอ ได้สูงสุด 30,000 บาท 📲 ช้อปง่าย คุ้มครบ! กับ ทีพีไอ . 👉🏻 เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 👈🏻 . วีธีขอใบกำกับภาษีเมื่อสั่งซื้อสินค้า 1. แจ้ง ชื่อ-นามสกุล และ ที่อยู่ (ตามบัตรประชาชน) 2. แจ้ง E-mail 3. แจ้งหมายเลขโทรศัพท์ 4. แจ้ง เลขบัตรประชาชน . เงื่อนไขการร่วมโครงการ Easy E-Receipt ปี 2568 ✅ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่าน www.tpipolene.com / App TPI Market / Line @tpipl / Facebook Tpipolene / Shopee : TPI Polene Official Shop / Lazada : TPI Polene Official Shop หรือ กรณีซื้อสินค้าผ่านหน้าร้าน สามารถขอรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด ✅ กรณีซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) กับเจ้าหน้าที่ประจำหน้าร้าน ภายใน วันที่ซื้อสินค้า เท่านั้น ✅ กรณีซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ลูกค้าต้องทำการสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินให้สำเร็จภายใน 28 ก.พ. 2568 เวลา 23:00 น. และแจ้งความประสงค์ ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) กับเจ้าหน้าที่ Admin ภายใน วันที่ซื้อสินค้า เท่านั้น โดยไม่สามารถขอหรือออกใบกำกับภาษีย้อนหลังได้ ✅ ใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) จะถูกจัดส่งให้ลูกค้าผ่านทางอีเมล (Email) ที่ลูกค้าลงทะเบียนข้อมูลไว้ ซึ่งจะถูกจัดส่งหลังจากที่คำสั่งซื้อและการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์แล้ว ภายใน 15 วันทำการ ✅ ลูกค้าที่ขอใบกำกับภาษี / ใบเสร็จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) จะไม่สามารถทำการคืนสินค้า หรือ เปลี่ยนแปลงสินค้าได้ทุกกรณี - เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด อ่านข้อมูลเพิ่มเติม >> www.tpipolene.com/static/help/faq #TPIEasyEReceipt #ช้อปลดหย่อนภาษีกับทีพีไอ #EasyEReceipt #ใบกำกับภาษี #ลดหย่อน #ภาษี #ลดหย่อนภาษี #ทีพีไอ #TPIPolene
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • 77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์”

    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี

    ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี
    ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน

    เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์...
    "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด

    เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี?
    "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน

    เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น

    หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492

    บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
    "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย

    ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้
    ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง

    คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก

    สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ
    สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

    1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง
    คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    2. สัจจะ (Satya) ความจริง
    เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ

    3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ
    คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา

    ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
    เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473
    คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด

    ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485
    คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก

    ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่

    มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก
    แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น

    ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา
    ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้
    ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต

    คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ
    การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก

    🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก
    🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย
    💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม

    77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568

    #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์” “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์... "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี? "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492 บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ 1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด 2. สัจจะ (Satya) ความจริง เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ 3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473 คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485 คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่ มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้ ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก 🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก 🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย 💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม 77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568 #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม

    ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100%

    ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา

    การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ

    https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรสูงขึ้นสำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าเทคโนโลยีที่นำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีคำเตือนเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นของพีซีและสมาร์ทโฟนก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตนำการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ โดยเขาได้กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันว่า "วิธีเดียวที่คุณจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้คือการสร้างโรงงานของคุณ...ที่นี่ในอเมริกา" ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเขาตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่าปัจจุบันที่ 2.5% โดยอาจสูงถึง 25%, 50% หรือแม้กระทั่ง 100% ทรัมป์ยังวิจารณ์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple, AMD, Broadcom, Nvidia และ Qualcomm ที่พึ่งพาการนำเข้าชิปจาก TSMC ของไต้หวัน โดยเขาเชื่อว่าการกำหนดภาษีศุลกากรสูงจะบังคับให้บริษัทเหล่านี้ลงทุนในการผลิตชิปในประเทศ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI โดยเฉพาะ DeepSeek ว่าเป็น "พัฒนาการที่ดี" และเป็น "ทรัพย์สิน" สำหรับภาคเทคโนโลยีทั่วโลก เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของจีนในด้าน AI ควรเป็น "สัญญาณเตือน" สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของอเมริกา การกำหนดภาษีศุลกากรสูงอาจทำให้ราคาของพีซี สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ สูงขึ้นอย่างมาก ผู้สนับสนุนการกำหนดภาษีศุลกากรเชื่อว่าจะลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ ส่งเสริมการผลิตในประเทศ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งสำหรับแรงงานที่มีทักษะและไม่มีทักษะ https://www.techspot.com/news/106535-trump-threatens-tariffs-imported-chips-despite-warnings-about.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump threatens tariffs on imported chips and tech goods despite warnings about higher PC, smartphone prices
    Trump's speech did not provide additional details about his proposed tariffs. However, speaking to reporters afterward, he stated his intention to implement a "much bigger" tariff rate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีชิปที่ผลิตในไต้หวัน โดยมุ่งเป้าไปที่ TSMC เพื่อกดดันให้ย้ายฐานการผลิตชิป ออกจากไต้หวันไปอยู่ที่สหรัฐแทน

    ทรัมป์เตือนว่าภาษีชิปคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงถึง 100%

    “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะขึ้นภาษีชิปคอมพิวเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาจากต่างประเทศ เพื่อให้การผลิตสิ่งจำเป็นเหล่านี้กลับคืนสู่สหรัฐ” ทรัมป์กล่าวในการปราศรัยต่อพรรครีพับลิกันเมื่อวันจันทร์


    แม้ว่าบริษัทเทคโนโลซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำอย่าง TSMC ได้ก่อตั้งโรงงานในแอริโซนา แต่การผลิตชิปส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในไต้หวัน ซึ่งให้บริการลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia, Qualcomm และ AMD

    “เราต้องการให้พวกเขากลับมา” ทรัมป์แสดงจุดมุ่งหมายอย่างเปิดเผย
    ทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีชิปที่ผลิตในไต้หวัน โดยมุ่งเป้าไปที่ TSMC เพื่อกดดันให้ย้ายฐานการผลิตชิป ออกจากไต้หวันไปอยู่ที่สหรัฐแทน ทรัมป์เตือนว่าภาษีชิปคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงถึง 100% “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะขึ้นภาษีชิปคอมพิวเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาจากต่างประเทศ เพื่อให้การผลิตสิ่งจำเป็นเหล่านี้กลับคืนสู่สหรัฐ” ทรัมป์กล่าวในการปราศรัยต่อพรรครีพับลิกันเมื่อวันจันทร์ แม้ว่าบริษัทเทคโนโลซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำอย่าง TSMC ได้ก่อตั้งโรงงานในแอริโซนา แต่การผลิตชิปส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในไต้หวัน ซึ่งให้บริการลูกค้าอย่าง Apple, Nvidia, Qualcomm และ AMD “เราต้องการให้พวกเขากลับมา” ทรัมป์แสดงจุดมุ่งหมายอย่างเปิดเผย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ♣ ใครจะก่นด่าว่าโง่ว์ ก็ด่าไป ขอถลุงภาษีประชาชน เพื่อสร้างผลงานเอาหน้า เอาเงินทอน
    #7ดอกจิก
    #สุริยะ
    ♣ ใครจะก่นด่าว่าโง่ว์ ก็ด่าไป ขอถลุงภาษีประชาชน เพื่อสร้างผลงานเอาหน้า เอาเงินทอน #7ดอกจิก #สุริยะ
    Haha
    Angry
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข
    .
    ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา
    .
    อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้
    .
    “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ
    .
    ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง”
    .
    “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ
    .
    ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า”
    .
    คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว
    .
    สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย
    .
    ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย
    .
    โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau)
    .
    อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว
    .
    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX
    .
    อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย
    .
    ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก
    .
    ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ และโคลอมเบียแตะเบรกระงับสงครามการค้ากันแบบหวุดหวิด หลังทำเนียบขาวประกาศว่าทางการโคลอมเบียยอมอนุญาตให้เที่ยวบินที่เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจากสหรัฐฯ ไปลงจอดได้แล้วแบบไร้เงื่อนไข . ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะแก้เผ็ดโคลอมเบียด้วยมาตรการรีดภาษีและคว่ำบาตรต่างๆ โทษฐานที่ไม่ยอมให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้อพยพซึ่งถูกเนรเทศไปลงจอดตามนโยบายกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างครอบคลุมของเขา . อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้แถลงล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า โคลอมเบียตกลงยอมรับผู้อพยพแล้ว และวอชิงตันจะยังไม่นำบทลงโทษที่ขู่ไว้มาใช้ . “รัฐบาลโคลอมเบียยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงจะยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศกลับจากสหรัฐฯ ด้วยเครื่องบินทหารอย่างไม่มีข้อจำกัด และไม่ถ่วงเวลาให้ชักช้า”คำแถลงของทำเนียบขาวระบุ . ทั้งนี้ ร่างคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรและคว่ำบาตรโคลอมเบียจะ “ถูกชะลอเอาไว้ก่อน โดยยังไม่มีการลงนามบังคับใช้ เว้นเสียแต่โคลอมเบียจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” . “เหตุการณ์ในวันนี้แสดงให้โลกเห็นอย่างชัดเจนว่าอเมริกาได้รับความเคารพกลับคืนมาอีกครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ...คาดหวังว่าชาติอื่นๆของโลกก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการยอมรับพลเมืองของพวกเขาที่ปรากฏตัวในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกเนรเทศออกมา” คำแถลงนี้ของทำเนียบขาวสำทับ . ลูอิส กิลเบอร์โต มูริลโญ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบีย แถลงเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (26) ว่า “เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคกับรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว รัฐบาลโคลอมเบียได้เตรียมเครื่องบินของประธานาธิบดีไว้พร้อมสำหรับการอำนวยความสะดวกแก่พลเมืองที่กำลังจะเดินทางด้วยเที่ยวบินเนรเทศกลับมาถึงในช่วงเช้า” . คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดว่าข้อตกลงที่ทำกับสหรัฐฯ รวมถึง “เครื่องบินทหาร” ด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งข้อมูลของทางทำเนียบขาว . สำหรับร่างมาตรการลงโทษของ ทรัมป์ นั้นมีทั้งการสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากโคลอมเบียในอัตรา 25% ซึ่งจะถูกปรับเพิ่มเป็น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจะเพิกถอนวีซ่าและใช้คำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฉุกเฉินต่อกระทรวงการคลังและสถาบันทางการเงินของโคลอมเบียด้วย . ทรัมป์ ยังขู่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองพลเมืองและสินค้าต่างๆ จากโคลอมเบีย โดยก่อนที่จะมีประกาศข้อตกลงออกมานั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาได้เริ่มระงับการออกวีซ่าที่สถานทูตประจำกรุงโบโกตาแล้วด้วย . โคลอมเบียถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ เองถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของโคลอมเบีย ด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงการค้าเสรีปี 2006 ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มเป็น 33,800 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยสหรัฐฯ เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (US Census Bureau) . อเลโจ เซรวอนโกหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับตลาดเกิดใหม่ทวีปอเมริกา ของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนต์ บอกว่าสินค้าออกของโคลอมเบียราว 1 ใน 3 ต้องพึ่งพาอาศัยการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยมูลค่าคิดเป็นประมาณ 4%ของจีดีพีของโคลอมเบียทีเดียว . ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรได้กล่าวประณามการที่สหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารขนชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศและบอกว่าเขาจะไม่มีทางตอบโต้ด้วยการบุกเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือชาวอเมริกันส่งกลับไปยังสหรัฐฯหรอก เนื่องจาก “เรานั้นอยู่ตรงกันข้ามกับพวกนาซี”เขาเขียนเช่นนี้ในโพสต์องเขาบนแพลตฟอร์มX . อย่างไรก็ดีเขาบอกด้วยว่าโคลอมเบียยินดีต้อนรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศส่งตัวกลับบ้านซึ่งเดินทางมาด้วยเครื่องบินพลเรือนรวมทั้งเสนอที่จะจัดส่งเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไปอำนวยความสะดวกให้ผู้ถูกเนรเทศเหล่านี้ได้“กลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” อีกด้วย . ไม่ใช่เฉพาะโคลอมเบีย ทางด้านเม็กซิโกก็ได้ปฏิเสธในสัปดาห์ที่แล้วคำขออนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้อพยพมาลงจอดในเม็กซิโก . ส่วนในวันเสาร์ (25)กระทรวงการต่างประเทศบราซิลได้ประณาม “การปฏิบัติแบบลดทอนศักดิ์ศรี” ของชาวบราซิลหลังจากสหรัฐฯส่งผู้อพยพผิดกฎหมายกลับมาให้โดยใช้เที่ยวบินพาณิชย์ทว่าพวกเขาถูกใส่กุญแจมือขณะเดินขึ้นเครื่องตามรายงานข่าวของสื่อ เมื่อเดินทางถึงบราซิลแล้วมีผู้โดยสารบางคนโอดครวญว่าถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายระหว่างอยู่บนเครื่องบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008687 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต

    กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ

    กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด

    นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน

    การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    รัฐมิชิแกนได้ผ่านกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐต้องเปิดสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์อย่างน้อยหนึ่งวิชาเริ่มตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคต กฎหมายนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Amazon และ Microsoft รวมถึงกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไรที่พวกเขาสนับสนุน เช่น Code.org นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสมาคมครูวิทยาการคอมพิวเตอร์และกลุ่มล็อบบี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น TechNet ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Google, Meta และอื่นๆ กฎหมายนี้กำหนดให้โรงเรียนมัธยมทุกแห่งในรัฐมิชิแกนต้องมีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในรูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการการศึกษาของรัฐ หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนได้ สามารถใช้ตัวเลือกการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงได้ ยกเว้นโรงเรียนที่เป็นออนไลน์ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐมิชิแกนยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในรัฐ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงานในรัฐมิชิแกน การที่รัฐมิชิแกนกำหนดให้มีการสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนมัธยมแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับงานในอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ https://www.techspot.com/news/106514-michigan-passes-law-mandating-computer-science-classes-high.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Michigan new law mandates Computer Science classes in high schools
    The bipartisan bill, signed into law last week by Governor Gretchen Whitmer, aims to increase technological literacy across the state. It mandates that every Michigan high school...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมาป่ากับลูกแกะ"

    - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ

    - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต

    - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์

    - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ

    - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน”

    - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย

    - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์

    - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)

    "หมาป่ากับลูกแกะ" - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์ - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน” - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์ - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา
    .
    ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา
    .
    ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
    .
    มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!"
    .
    ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา
    .
    ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร"
    .
    เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล
    .
    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ
    .
    เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าเขาจะกำหนดมาตรการแก้เผ็ดต่างๆ เล่นงานโคลอมเบีย ในนั้นรวมถึงรีดภาษีและคว่ำบาตร หลังประเทศแถบอเมริกาใต้แห่งนี้ไม่อ้าแขนรับเครื่องบินทหาร 2 ลำของสหรัฐฯ ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ ส่วนหนึ่งในการปราบปรามพวกผู้อพยพของรัฐบาลอเมริกา . ความเคลื่อนไหวลงโทษของทรัมป์ ดูเหมือนจะมีเป้าหมายทำให้โคลอมเบีย เป็นแบบอย่างชาติอื่นๆ ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เป็นชาติที่ 2 ในละตินอเมริกา ที่ปฏิเสธเครื่องบินทหารบรรทุกผู้อพยพของสหรัฐฯ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวในด้านนโยบายต่างประเทศของวอชิงตัน และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทรัมป์ ที่จะบีบให้ประเทศอื่นๆ ยอมอ่อนข้อทำตามความต้องการของเขา . ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่าการที่ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ปฏิเสธอ้าแขนรับเที่ยวบินบรรทุกพวกผู้ลี้ภัย ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ . มาตรการแก้แค้นนั้น รวมไปถึงการรีดภาษี 25% ต่อสินค้าของโคลอมเบียทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งจะแตะระดับ 50% ใน 1 สัปดาห์ คำสั่งแบนด้านการเดินทางและเพิกถอนวีซ่าพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลโคลอมเบีย คว่ำบาตรภาคธนาคารและภาคการเงิน . นอกจากนี้ ทรัมป์ เผยด้วยว่าเขาจะสั่งให้ยกระดับการตรวจสอบทางชายแดนพลเมืองชาวโคลอมเบียและสินค้าจากโคลอมเบียด้วย "มาตรการต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น" เขาเขียน "เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียละเมิดพันธะทางกฎหมายของพวกเขา ในเรื่องการอ้าแขนรับและส่งคืนพวกอาชญากร ที่พวกเขาบีบให้ลอบเข้าสู่สหรัฐฯ!" . ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า "อเมริกาจะไม่ยอมรับคำโกหกหรือถูกเอาเปรียบอีกต่อไป" พร้อมระบุ เปโตร อนุมัติเที่ยวบินเหล่านี้ และมอบอำนาจทุกอย่างที่จำเป็น แต่จากนั้นกลับยกเลิกไฟเขียว ตอนที่เครื่องบินทั้ง 2 ลำ อยู่ระหว่างการเดินทาง . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศให้พวกผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกำหนดมาตรการปราบปรามต่างๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งการให้ทหารเข้าช่วยหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน ออกประกาศแบนการลี้ภัยอย่างครอบคลุม และใช้มาตรการต่างๆ ในการจำกัดสิทธิความเป็นพลเมืองของลูกพวกผู้อพยพที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินอเมริกา . ประธานาธิบดีเปโตร ประณามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (26 ม.ค.) ชี้ว่ามันเป็นการปฏิบัติกับพวกผู้อพยพราวกับอาชญากร ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ทาง เปโตร บอกว่าโคลอมเบีย จะยินดีกว่านี้ หากสหรัฐฯ เนรเทศพวกผู้อพยพด้วยเครื่องบินพลเรือน "อเมริกาไม่อาจปฏิบัติกับพวกผู้อพยพชาวโคลอมเบียราวกับอาชญากร" . เปโตร บอกต่อว่าแม้ว่าจะมีชาวอเมริกามากกว่า 15,660 คน อยู่ในสถานะเข้าเมืองผิดกฎหมายในโคลอมเบีย แต่เขาไม่เคยคิดปฏิบัติการจู่โจมใดๆ และส่งคืนอเมริกันชนเหล่านั้นในสภาพที่ใส่กุญแจมือ กลับไปยังสหรัฐฯ "เราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาซี" เขาเขียน เหน็บแนมไปยังทรัมป์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เม็กซิโก ได้ปฏิเสธคำร้องที่ขอให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ บรรทุกพวกผู้อพยพลงจอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับเม็กซิโก ชาติคู่หูทางการค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แต่บอกว่าเขากำลังคิดเกี่ยวกับการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อบีบให้ดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติมจัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้าสู่อเมริกาของยาเฟนทานิล . ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าอเมริกาคือคู่ค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโคลอมเบีย ส่วน โคลอมเบีย เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ หากนับเฉพาะในละตินอเมริกา . ความเห็นของเปโดร ถือเป็นการสอดประสานส่งเสียงแสดงความขุ่นเคืองหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในละตินอเมริกา ต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอายุ 1 สัปดาห์ของทรัมป์ ที่เริ่มดำเนินการเนรเทศหมู่พวกผู้อพยพ . เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (25 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศบราซิล ประณามการปฏิบัติที่ย่ำยีศักดิ์ศรีชาวบราซิล หลังพบเห็นพวกผู้อพยพถูกใส่กุญแจมือบนเที่ยวบินพาณิชย์ที่บรรทุกพวกผู้อพยพที่โดนเนรเทศจากสหรัฐฯ ครั้งเดินทางมาถึง ผู้โดยสารบางส่วนยังรายงานด้วยว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมบนเที่ยวบิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008312 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 995 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปีใหม่นี้ วางแผนสุขภาพดีๆ เพื่อคนที่เรารัก และตัวเราเอง
    สนใจทักได้ครับ

    #วางแผนการเงินและภาษี #วางแผนภาษี #copayment #ประกันสุขภาพ #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #วางแผนการเงิน #AIA #คุ้มครอง #ปีใหม่จีน #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #โรงพยาบาล #คุ้มครองโรคร้ายแรง #ตรุษจีน #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสุดคุ้ม #มะเร็ง #เจอจ่ายหลายจบ
    ปีใหม่นี้ วางแผนสุขภาพดีๆ เพื่อคนที่เรารัก และตัวเราเอง สนใจทักได้ครับ #วางแผนการเงินและภาษี #วางแผนภาษี #copayment #ประกันสุขภาพ #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #วางแผนการเงิน #AIA #คุ้มครอง #ปีใหม่จีน #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #โรงพยาบาล #คุ้มครองโรคร้ายแรง #ตรุษจีน #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสุดคุ้ม #มะเร็ง #เจอจ่ายหลายจบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสครั้งแรกในปี 2017 ผู้นำเทคโนโลยีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ในปี 2025 เมื่อทรัมป์ถอนตัวอีกครั้งในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ผู้นำเทคโนโลยีกลับเงียบเฉย

    เหตุผลที่ผู้นำเทคโนโลยีเปลี่ยนท่าทีนี้อาจเป็นเพราะพวกเขามีวาระที่ใหญ่กว่า เช่น นโยบายภาษีและการค้า และไม่ต้องการทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ นอกจากนี้ พวกเขายังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI ซึ่งต้องการพลังงานมากมาย และพวกเขากำลังวิ่งเต้นเพื่อจำกัดกฎระเบียบที่อาจขัดขวางนวัตกรรม

    ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นปัญหาสำคัญ แต่ความสนใจของสาธารณชนกลับเปลี่ยนไปสู่ปัญหาที่ดูเหมือนจะมีผลกระทบทันที เช่น ราคาสินค้าที่สูงขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/25/039fawning-tech-bro-sycophancy039-big-tech039s-new-climate-silence-under-trump
    มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสครั้งแรกในปี 2017 ผู้นำเทคโนโลยีหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ในปี 2025 เมื่อทรัมป์ถอนตัวอีกครั้งในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ผู้นำเทคโนโลยีกลับเงียบเฉย เหตุผลที่ผู้นำเทคโนโลยีเปลี่ยนท่าทีนี้อาจเป็นเพราะพวกเขามีวาระที่ใหญ่กว่า เช่น นโยบายภาษีและการค้า และไม่ต้องการทำให้ทรัมป์ไม่พอใจ นอกจากนี้ พวกเขายังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา AI ซึ่งต้องการพลังงานมากมาย และพวกเขากำลังวิ่งเต้นเพื่อจำกัดกฎระเบียบที่อาจขัดขวางนวัตกรรม ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นปัญหาสำคัญ แต่ความสนใจของสาธารณชนกลับเปลี่ยนไปสู่ปัญหาที่ดูเหมือนจะมีผลกระทบทันที เช่น ราคาสินค้าที่สูงขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/25/039fawning-tech-bro-sycophancy039-big-tech039s-new-climate-silence-under-trump
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Fawning tech bro sycophancy': Big Tech's new climate silence under Trump
    The social media channels of tech billionaires have been silent this week on Trump's climate actions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” หาเสียงช่วยลูกพรรคชิง อบจ.ศรีสะเกษวันที่ 2 ที่ อ.ปรางค์กู่ ขอให้เลือกเพื่อไทยยกทีม อ้างเพื่อเชื่อมโยงกับรัฐบาล ตนกลับมาเพื่อแก้ปัญหาคนไทย จะอยู่อีก 40 ปีให้พวกขาประจำมันอึดอัดเพราะคิดว่า “มึงจะตายเร็วๆ นี้” บอกห่วงการศึกษาเด็กไทย ไม่พัฒนาความคิด ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย ถ้า่ได้เงินจากภาษีพนันออนไลน์จะจ้างครูเก่งๆ จากต่างประเทศมาสอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007958

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทักษิณ” หาเสียงช่วยลูกพรรคชิง อบจ.ศรีสะเกษวันที่ 2 ที่ อ.ปรางค์กู่ ขอให้เลือกเพื่อไทยยกทีม อ้างเพื่อเชื่อมโยงกับรัฐบาล ตนกลับมาเพื่อแก้ปัญหาคนไทย จะอยู่อีก 40 ปีให้พวกขาประจำมันอึดอัดเพราะคิดว่า “มึงจะตายเร็วๆ นี้” บอกห่วงการศึกษาเด็กไทย ไม่พัฒนาความคิด ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย ถ้า่ได้เงินจากภาษีพนันออนไลน์จะจ้างครูเก่งๆ จากต่างประเทศมาสอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007958 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    8
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1038 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เริ่มล้างแค้น!"
    ทรัมป์ประกาศยกเลิกเงินสนับสนุนด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

    ทรัมป์อ้างเหตุผลว่า "อดีต" เจ้าหน้าที่รัฐบาล ไม่ควรได้รับการคุ้มครองอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลาจากเงินภาษีของประชาชน

    “เมื่อคุณเลิกทำงานให้กับรัฐบาล คุณทราบดีว่าในบางครั้งรายละเอียดด้านความปลอดภัยของคุณจะต้องถูกยกเลิกไปในที่สุด คุณเองก็รู้ดีว่า คุณไม่สามารถได้รับการคุ้มครองได้ตลอดไป” ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวในรัฐนอร์ทแคโรไลนา

    ที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ คือหน่วยงานที่รับภาระค่าใช้จ่ายด้านการปกป้องฟาวซีสูงถึง 15 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากภัยคุกคามที่เขาต้องเผชิญอย่างต่อเนื่องจากบทบาทที่ต้องพบปะกับสาธารณชนในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19
    "เริ่มล้างแค้น!" ทรัมป์ประกาศยกเลิกเงินสนับสนุนด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อของสหรัฐอเมริกา และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทรัมป์อ้างเหตุผลว่า "อดีต" เจ้าหน้าที่รัฐบาล ไม่ควรได้รับการคุ้มครองอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลาจากเงินภาษีของประชาชน “เมื่อคุณเลิกทำงานให้กับรัฐบาล คุณทราบดีว่าในบางครั้งรายละเอียดด้านความปลอดภัยของคุณจะต้องถูกยกเลิกไปในที่สุด คุณเองก็รู้ดีว่า คุณไม่สามารถได้รับการคุ้มครองได้ตลอดไป” ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ คือหน่วยงานที่รับภาระค่าใช้จ่ายด้านการปกป้องฟาวซีสูงถึง 15 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากภัยคุกคามที่เขาต้องเผชิญอย่างต่อเนื่องจากบทบาทที่ต้องพบปะกับสาธารณชนในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนี่ว์ฮู่ ‘ครัวเรือนสตรี’

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงจำกันได้ว่าในช่วงตอนท้ายๆ ของเรื่อง นางเอกของเราแยกออกมาอยู่เอง Storyฯ ไม่แน่ใจว่าในซับไทยแปลว่าอย่างไรแต่ในภาษาจีนนางบอกว่าจะแยกออกมาตั้งครัวเรือนสตรีหรือที่เรียกว่า ‘หนี่ว์ฮู่’ (女户) ซึ่งคำว่า ‘หนี่ว์ฮู่’ เป็นศัพท์เฉพาะที่หมายถึงครัวเรือนที่จดทะเบียนให้สตรีเป็นเจ้าบ้าน วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน

    ความเป็นเจ้าบ้านในบริบทสังคมจีนโบราณนี้ เพื่อนเพจไม่สามารถใช้นิยามและบริบทของเราท่านชาวไทยสมัยนี้มาเปรียบเทียบ เพราะสำหรับเราในยุคไทยปัจจุบันคำว่า ‘เจ้าบ้าน’ ในทะเบียนบ้านไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านที่ดินหรือสินทรัพย์ในบ้าน แต่ในบริบทสังคมจีนโบราณนี้ ‘เจ้าบ้าน’ หรือ ‘ฮู่จู่’ (户主) เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบ้านและสินทรัพย์กองกลางของครัวเรือนนั้นๆ ซึ่งคนจีนโบราณอาจอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่รวมหลายรุ่น (เช่นมีลูกชายหลายคน ทุกคนแต่งเมียเข้าบ้านมีลูกมีหลานอยู่รวมกัน) หรืออาจมีบางคนแยกบ้านออกไปตามความจำเป็นและค่านิยมของสังคมแต่ละยุคสมัย แต่ตราบใดที่อยู่ในบ้านในฐานะสมาชิกครอบครัวจะเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยและอาจมีเบี้ยเลี้ยงรายเดือน ไม่มีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่เป็นของครัวเรือนนั้น มีสินทรัพย์ส่วนตัวได้เฉพาะที่เก็บหอมรอมริบหรือได้รับกำนัลมาเป็นการส่วนตัว เพื่อนเพจเชื้อสายจีนที่คุ้นเคยกับระบบกงสีจะเข้าใจบริบทนี้ได้ง่าย

    ดังนั้น การเป็นเจ้าบ้านในสมัยจีนโบราณผูกรวมกับการมีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์กองกลางของครัวเรือนนั้น และหมายรวมถึงอำนาจการปกครองและการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ในบ้าน และหน้าที่ที่สำคัญมากก็คือการเสียภาษีให้รัฐ

    ในสมัยจีนโบราณนั้น โดยทั่วไป การเป็นเจ้าบ้านและการมีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ของครอบครัวนั้นสืบทอดทางสายโลหิตจากรุ่นสู่รุ่นและสืบทอดผ่านบุรุษ และในบริบทนี้สตรีขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้ก็ต่อเมื่อครอบครัวนั้นๆ ไร้ซึ่งบุรุษสืบทอดหรือที่เรียกว่าสภาวะ ‘ฮู่เจวี๋ย’ (户绝/สิ้นครัวเรือน) นี่คือเหตุผลที่ Storyฯ บอกว่ามันเป็นศัพท์เฉพาะ

    ว่ากันว่า หนี่ว์ฮู่มีมาแต่สมัยฮั่นตอนต้นซึ่งเป็นช่วงหลังสงคราม ประชากรเพศชายเสียชีวิตมากมายในสงคราม จึงจำเป็นต้องให้สิทธิ์สตรีดูแลตนเองได้โดยการตั้งครัวเรือนของตนเพื่อจะได้บริหารสินทรัพย์และเสียภาษีได้ในกรณีที่ไม่เหลือทายาทบุรุษในครอบครัวแล้ว และในสมัยอื่นๆ ต่อมาก็มีหลักการเดียวกันที่ว่า สตรีเป็นเจ้าบ้านได้ในกรณีที่ไร้ทายาทบุรุษ แต่ความแตกต่างของแต่ละสมัยขึ้นอยู่กับคำนิยามของ ‘ทายาทบุรุษ’ ผู้สืบทอดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (เช่น นับลูกหลานสายตรง หรือนับรวมพี่ชายน้องชายและลูกหลาน หรือนับรวมญาติสกุลเดียวกันที่ห่างออกไปอีก) ทำให้เกณฑ์ที่สตรีจะเข้าเงื่อนไขที่สามารถจดทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดตามไปด้วย ทั้งนี้ สตรีที่เป็นเจ้าบ้านได้นั้นหมายรวมถึงมารดาม่าย ภรรยาม่าย หรือลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน

    นับแต่สมัยถังมามีการกำหนดกฎหมายมากมายที่ระบุสิทธิของสตรีให้ชัดเจนขึ้น อย่างเช่นเรื่องสินเดิมเจ้าสาวและการหย่าร้างที่ Storyฯ เคยเขียนถึง และรวมถึงสิทธิในการสืบทอดมรดกอีกด้วย เป็นต้นว่าในสมัยถังและซ่ง หากไร้ทายาทบุรุษ ให้ขายสินทรัพย์ทั้งหมดรวมถึงบ่าวไพร่ในบ้าน นำเงินมาจัดงานศพแล้วหากมีเหลือจึงแบ่งกันระหว่างบุตรีที่ยังไม่ออกเรือน เมื่อได้ส่วนแบ่งมรดกของตนแล้ว สตรีนั้นๆ สามารถตั้งครัวเรือนใหม่โดยขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้ หรือหากไม่มีบุตรีที่ยังไม่ออกเรือน บุตรีที่ออกเรือนไปแล้วมีสิทธิ์ในส่วนแบ่งมรดกแต่ในกรณีนี้นางอยู่กับครอบครัวสามีก็ไม่ตั้งครัวเรือนใหม่ ส่วนสตรีที่จัดตั้งหนี่ว์ฮู่ขึ้นแล้ว หากต่อมาแต่งงานโดยสามีแต่งเข้า (เรียกว่า จุ้ยซวี่) สตรีนั้นยังคงสิทธิ์เจ้าบ้านตามเดิม แต่หากแต่งออกไปอยู่บ้านสามีก็จะต้องยุบครัวเรือนนั้นทิ้งโดยสามารถนำทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนติดตัวไปด้วยได้ ทั้งนี้สิทธิเหล่านี้มีความแตกต่างในรายละเอียดตามยุคสมัย

    Storyฯ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและไม่ได้ค้นคว้าลงลึกถึงสิทธิในการครอบครองและสืบทอดสินทรัพย์ของแต่ละยุคสมัยจีนโบราณเพราะมันซับซ้อนเกินความสามารถ ประเด็นหลักที่จะสื่อในวันนี้ก็คือ ในสมัยโบราณสตรีสามารถจัดตั้งครัวเรือนเป็นเจ้าบ้านได้ และสามารถสืบทอดมรดกได้ แต่... เฉพาะในกรณีที่ครอบครัวไร้ทายาทบุรุษ ซึ่งเกณฑ์นี้ขึ้นอยู่กับนิยามว่า ‘ทายาทบุรุษ’ ครอบคลุมญาติในวงแคบหรือวงกว้างเพียงใด

    อนึ่ง Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้อง เพื่อนเพจสามารถอ่านย้อนหลังเพื่อทบทวนความทรงจำ จะได้เข้าใจต่อเนื่องในบทความข้างต้นได้ค่ะ:
    - เกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02DGMdxYPJTbeiAS9n5zUXqo7Zfsn9WTLGbbHPCXcpBFChCxxHzWafnNr8wuNBJ63Tl
    - เกี่ยวกับสินเดิมเจ้าสาว https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1127226122739012
    - เกี่ยวกับเจ้าบ่าวที่แต่งเข้าเรือนหรือ ‘จุ้ยซวี่’ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02nZxNBtk2h6V7W1wReZ5td8nc2Aaj85o2wkWmPSRtpnGP6dqQSGyCbKaXJPUjHzEal

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61833754/are-you-the-one-8-highlights/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://legalinfo.moj.gov.cn/pub/sfbzhfx/zhfxfzwh/fzwhfsgs/202107/t20210702_429806.html
    http://e.mzyfz.org.cn/paper/1957/paper_52459_10896.html
    https://www.chinacourt.org/article/detail/2023/05/id/7273412.shtml
    https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/11/id/5563896.shtml
    https://www.chinacourt.org/article/detail/2021/07/id/6125052.shtml
    https://baike.baidu.com/item/户绝

    #ซ่อนรักชายาลับ #หนี่ว์ฮู่ #ครัวเรือนสตรี #สิทธิการสืบทอดมรดกจีนโบราณ #เจ้าบ้านในสมัยจีนโบราณ #สาระจีน
    หนี่ว์ฮู่ ‘ครัวเรือนสตรี’ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงจำกันได้ว่าในช่วงตอนท้ายๆ ของเรื่อง นางเอกของเราแยกออกมาอยู่เอง Storyฯ ไม่แน่ใจว่าในซับไทยแปลว่าอย่างไรแต่ในภาษาจีนนางบอกว่าจะแยกออกมาตั้งครัวเรือนสตรีหรือที่เรียกว่า ‘หนี่ว์ฮู่’ (女户) ซึ่งคำว่า ‘หนี่ว์ฮู่’ เป็นศัพท์เฉพาะที่หมายถึงครัวเรือนที่จดทะเบียนให้สตรีเป็นเจ้าบ้าน วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน ความเป็นเจ้าบ้านในบริบทสังคมจีนโบราณนี้ เพื่อนเพจไม่สามารถใช้นิยามและบริบทของเราท่านชาวไทยสมัยนี้มาเปรียบเทียบ เพราะสำหรับเราในยุคไทยปัจจุบันคำว่า ‘เจ้าบ้าน’ ในทะเบียนบ้านไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านที่ดินหรือสินทรัพย์ในบ้าน แต่ในบริบทสังคมจีนโบราณนี้ ‘เจ้าบ้าน’ หรือ ‘ฮู่จู่’ (户主) เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบ้านและสินทรัพย์กองกลางของครัวเรือนนั้นๆ ซึ่งคนจีนโบราณอาจอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่รวมหลายรุ่น (เช่นมีลูกชายหลายคน ทุกคนแต่งเมียเข้าบ้านมีลูกมีหลานอยู่รวมกัน) หรืออาจมีบางคนแยกบ้านออกไปตามความจำเป็นและค่านิยมของสังคมแต่ละยุคสมัย แต่ตราบใดที่อยู่ในบ้านในฐานะสมาชิกครอบครัวจะเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยและอาจมีเบี้ยเลี้ยงรายเดือน ไม่มีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่เป็นของครัวเรือนนั้น มีสินทรัพย์ส่วนตัวได้เฉพาะที่เก็บหอมรอมริบหรือได้รับกำนัลมาเป็นการส่วนตัว เพื่อนเพจเชื้อสายจีนที่คุ้นเคยกับระบบกงสีจะเข้าใจบริบทนี้ได้ง่าย ดังนั้น การเป็นเจ้าบ้านในสมัยจีนโบราณผูกรวมกับการมีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์กองกลางของครัวเรือนนั้น และหมายรวมถึงอำนาจการปกครองและการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ในบ้าน และหน้าที่ที่สำคัญมากก็คือการเสียภาษีให้รัฐ ในสมัยจีนโบราณนั้น โดยทั่วไป การเป็นเจ้าบ้านและการมีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ของครอบครัวนั้นสืบทอดทางสายโลหิตจากรุ่นสู่รุ่นและสืบทอดผ่านบุรุษ และในบริบทนี้สตรีขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้ก็ต่อเมื่อครอบครัวนั้นๆ ไร้ซึ่งบุรุษสืบทอดหรือที่เรียกว่าสภาวะ ‘ฮู่เจวี๋ย’ (户绝/สิ้นครัวเรือน) นี่คือเหตุผลที่ Storyฯ บอกว่ามันเป็นศัพท์เฉพาะ ว่ากันว่า หนี่ว์ฮู่มีมาแต่สมัยฮั่นตอนต้นซึ่งเป็นช่วงหลังสงคราม ประชากรเพศชายเสียชีวิตมากมายในสงคราม จึงจำเป็นต้องให้สิทธิ์สตรีดูแลตนเองได้โดยการตั้งครัวเรือนของตนเพื่อจะได้บริหารสินทรัพย์และเสียภาษีได้ในกรณีที่ไม่เหลือทายาทบุรุษในครอบครัวแล้ว และในสมัยอื่นๆ ต่อมาก็มีหลักการเดียวกันที่ว่า สตรีเป็นเจ้าบ้านได้ในกรณีที่ไร้ทายาทบุรุษ แต่ความแตกต่างของแต่ละสมัยขึ้นอยู่กับคำนิยามของ ‘ทายาทบุรุษ’ ผู้สืบทอดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (เช่น นับลูกหลานสายตรง หรือนับรวมพี่ชายน้องชายและลูกหลาน หรือนับรวมญาติสกุลเดียวกันที่ห่างออกไปอีก) ทำให้เกณฑ์ที่สตรีจะเข้าเงื่อนไขที่สามารถจดทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดตามไปด้วย ทั้งนี้ สตรีที่เป็นเจ้าบ้านได้นั้นหมายรวมถึงมารดาม่าย ภรรยาม่าย หรือลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือน นับแต่สมัยถังมามีการกำหนดกฎหมายมากมายที่ระบุสิทธิของสตรีให้ชัดเจนขึ้น อย่างเช่นเรื่องสินเดิมเจ้าสาวและการหย่าร้างที่ Storyฯ เคยเขียนถึง และรวมถึงสิทธิในการสืบทอดมรดกอีกด้วย เป็นต้นว่าในสมัยถังและซ่ง หากไร้ทายาทบุรุษ ให้ขายสินทรัพย์ทั้งหมดรวมถึงบ่าวไพร่ในบ้าน นำเงินมาจัดงานศพแล้วหากมีเหลือจึงแบ่งกันระหว่างบุตรีที่ยังไม่ออกเรือน เมื่อได้ส่วนแบ่งมรดกของตนแล้ว สตรีนั้นๆ สามารถตั้งครัวเรือนใหม่โดยขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าบ้านได้ หรือหากไม่มีบุตรีที่ยังไม่ออกเรือน บุตรีที่ออกเรือนไปแล้วมีสิทธิ์ในส่วนแบ่งมรดกแต่ในกรณีนี้นางอยู่กับครอบครัวสามีก็ไม่ตั้งครัวเรือนใหม่ ส่วนสตรีที่จัดตั้งหนี่ว์ฮู่ขึ้นแล้ว หากต่อมาแต่งงานโดยสามีแต่งเข้า (เรียกว่า จุ้ยซวี่) สตรีนั้นยังคงสิทธิ์เจ้าบ้านตามเดิม แต่หากแต่งออกไปอยู่บ้านสามีก็จะต้องยุบครัวเรือนนั้นทิ้งโดยสามารถนำทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนติดตัวไปด้วยได้ ทั้งนี้สิทธิเหล่านี้มีความแตกต่างในรายละเอียดตามยุคสมัย Storyฯ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและไม่ได้ค้นคว้าลงลึกถึงสิทธิในการครอบครองและสืบทอดสินทรัพย์ของแต่ละยุคสมัยจีนโบราณเพราะมันซับซ้อนเกินความสามารถ ประเด็นหลักที่จะสื่อในวันนี้ก็คือ ในสมัยโบราณสตรีสามารถจัดตั้งครัวเรือนเป็นเจ้าบ้านได้ และสามารถสืบทอดมรดกได้ แต่... เฉพาะในกรณีที่ครอบครัวไร้ทายาทบุรุษ ซึ่งเกณฑ์นี้ขึ้นอยู่กับนิยามว่า ‘ทายาทบุรุษ’ ครอบคลุมญาติในวงแคบหรือวงกว้างเพียงใด อนึ่ง Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้อง เพื่อนเพจสามารถอ่านย้อนหลังเพื่อทบทวนความทรงจำ จะได้เข้าใจต่อเนื่องในบทความข้างต้นได้ค่ะ: - เกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02DGMdxYPJTbeiAS9n5zUXqo7Zfsn9WTLGbbHPCXcpBFChCxxHzWafnNr8wuNBJ63Tl - เกี่ยวกับสินเดิมเจ้าสาว https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1127226122739012 - เกี่ยวกับเจ้าบ่าวที่แต่งเข้าเรือนหรือ ‘จุ้ยซวี่’ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02nZxNBtk2h6V7W1wReZ5td8nc2Aaj85o2wkWmPSRtpnGP6dqQSGyCbKaXJPUjHzEal (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61833754/are-you-the-one-8-highlights/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://legalinfo.moj.gov.cn/pub/sfbzhfx/zhfxfzwh/fzwhfsgs/202107/t20210702_429806.html http://e.mzyfz.org.cn/paper/1957/paper_52459_10896.html https://www.chinacourt.org/article/detail/2023/05/id/7273412.shtml https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/11/id/5563896.shtml https://www.chinacourt.org/article/detail/2021/07/id/6125052.shtml https://baike.baidu.com/item/户绝 #ซ่อนรักชายาลับ #หนี่ว์ฮู่ #ครัวเรือนสตรี #สิทธิการสืบทอดมรดกจีนโบราณ #เจ้าบ้านในสมัยจีนโบราณ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท
    #7ดอกจิก
    #สุริยะ
    #ฝุ่นกรุงเทพ
    ♣ สุริยะถลุงงบกลาง 140 ล้านบาท อุ้มเอกชนให้บริการฟรี รถไฟฟ้า-รถเมล์ 7 วัน หวังให้คนลดใช้รถยนต์ส่วนตัว หารู้ไม่ว่าเป็นคนละกลุ่มกัน แก้ปลายเหตุแบบไร้ประสิทธิภาพ แถมสูญเงินภาษีประชาชนอีก 140 ล้านบาท #7ดอกจิก #สุริยะ #ฝุ่นกรุงเทพ
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โปรดระวังเรื่องโดนยึดทรัพย์สินในวันข้างหน้า หากอเมริกาไม่พอใจอะไรขึ้นมา!"

    ทรัมป์แนะธุรกิจทั้งหลาย หากไม่อยากเสียภาษีให้มาตั้งโรงงานผลิตบนแผ่นดินอเมริกา

    ที่การประชุม World Economic Forum ทรัมป์ยังได้ส่งสารไปยังนักธุรกิจและบริษัทชั้นนำทั่วโลก ว่าถ้าอยากจะส่งของมาขายในสหรัฐฯ ก็ให้มาตั้งโรงงานในสหรัฐฯ เพราะถ้าไปตั้งโรงงานที่ประเทศอื่น ผลิตของในประเทศอื่น แล้วส่งมาขายในสหรัฐฯ ก็จะต้องเจอกับกำแพงภาษที่สูงขึ้น

    ทรัมป์ยังได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในสหรัฐฯ และในต่างประเทศ ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่ม

    อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราดอกเบี้ยนั้น ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ทำงานอย่างอิสระ โดยไม่ขึ้นกับประธานาธิบดี
    "โปรดระวังเรื่องโดนยึดทรัพย์สินในวันข้างหน้า หากอเมริกาไม่พอใจอะไรขึ้นมา!" ทรัมป์แนะธุรกิจทั้งหลาย หากไม่อยากเสียภาษีให้มาตั้งโรงงานผลิตบนแผ่นดินอเมริกา ที่การประชุม World Economic Forum ทรัมป์ยังได้ส่งสารไปยังนักธุรกิจและบริษัทชั้นนำทั่วโลก ว่าถ้าอยากจะส่งของมาขายในสหรัฐฯ ก็ให้มาตั้งโรงงานในสหรัฐฯ เพราะถ้าไปตั้งโรงงานที่ประเทศอื่น ผลิตของในประเทศอื่น แล้วส่งมาขายในสหรัฐฯ ก็จะต้องเจอกับกำแพงภาษที่สูงขึ้น ทรัมป์ยังได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในสหรัฐฯ และในต่างประเทศ ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ผู้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การปรับอัตราดอกเบี้ยนั้น ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ทำงานอย่างอิสระ โดยไม่ขึ้นกับประธานาธิบดี
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 1 รีวิว
  • เพราะเค้าคือ…คู่ชีวิต
    วางแผนคุ้มครองกันไปตลอดชีวิต

    #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันสุขภาพ #ฝากไว้ให้คิดนะครับ #copayment #โรงพยาบาล #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #AIA #วางแผนการเงิน #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #วางแผนภาษี #anniversary
    เพราะเค้าคือ…คู่ชีวิต วางแผนคุ้มครองกันไปตลอดชีวิต #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันสุขภาพ #ฝากไว้ให้คิดนะครับ #copayment #โรงพยาบาล #ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่าย #AIA #วางแผนการเงิน #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #วางแผนภาษี #anniversary
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ
    ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่
    ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา

    Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้)

    เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก)
    *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่

    ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า

    ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก
    ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว

    น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ

    อัตราผลตอบแทน
    ...................................
    วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน
    .........................................................
    จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ.
    ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก

    1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo)
    2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย
    3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม
    4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน
    5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ
    การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม

    PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2%
    ................................
    ไทย
    คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้
    สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566)
    - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่,
    เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป
    #เศรษฐกิจ

    สหรัฐ ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่ ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้) เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก) *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่ ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ อัตราผลตอบแทน ................................... วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน ......................................................... จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ. ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก 1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo) 2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย 3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม 4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน 5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2% ................................ ไทย คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566) - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่, เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศปกป้อง "ผลประโยชน์ของประเทศชาติ" จากคำขู่รีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังผู้นำอเมริกาเตือนว่าเขาอาจรีดภาษี 10% สินค้านำเข้าจากแดนมังกร เริ่มตั้งแต่ปลายสัปดาห์หน้า
    .
    ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว หนึ่งวันหลังเข้าพิธีสาบานตน นอกจากคำขู่รีดภาษีจีนแล้ว เขายังส่งเสียงเตือนไปยังสหภาพยุโรปว่าอาจต้องเจอกับเพดานภาษีที่แข็งกร้าวเช่นกัน พร้อมหันกลับมาโจมตีปักกิ่งอีกรอบ เกี่ยวกับการลักลอบส่งออกยาเฟนทานิล
    .
    "พวกเขาปฏิบัติกับเราแย่มากๆ ดังนั้นพวกเขากำลังอยู่ในแผนรีดภาษีด้วย" ทรัมป์กล่าวถึงอียู "คุณจะไม่ได้รับความยุติธรรม จนกว่าคุณจะมีความยุติธรรม"
    .
    หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ กล่าวหาทางกลุ่มว่า ไม่นำเข้าผลิตภัณฑ์ของอเมริกามากพอ พร้อมบอกว่าเขาจะทำสิ่งนี้ให้เข้าที่เข้าทางด้วยการกำหนดมาตรการรีดภาษี หรือไม่ก็เรียกร้องให้ซื้อน้ำมันและก๊าซเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีน ทรัมป์เน้นย้ำคำขู่เมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ในการกำหนดเพดานภาษี 10% บอกว่า "มันอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขากำลังส่งยาเฟนทานิลไปยังเม็กซิโกและแคนาดา"
    .
    เมื่อถามว่าอีกนานแค่ไหนที่มาตรการรีดภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้ ทรัมป์ตอบว่า "บางที วันที่ 1 กุมภาพันธ์ คือวันที่เรากำลังมองถึงความเป็นไปได้"
    .
    ในวันดังกล่าว ทรัมป์เคยบอกว่าจะกำหนดมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก กล่าวหาพวกเขาว่าล้มเหลวในการหยุดยั้งผู้อพยพผิดกฎหมายและการลักลอบขนยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ กระตุ้นให้ ปักกิ่ง ในวันพุธ (22 ม.ค.) ออกมาประกาศปกป้อง "ผลประโยชน์ของประเทศชาติ" ตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ "เราเชื่อมาเสมอว่าจะไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามรีดภาษีใดๆ" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุ
    .
    โฆษกหญิงรายนี้บอกต่อว่า "ปักกิ่งมีความตั้งใจคงไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารกับสหรัฐฯ รับมือความเห็นต่างอย่างเหมาะสม ขยายขอบเขตความร่วมมือผลประโยชน์ร่วม และส่งเสริมเสถียรภาพ ความเข้มแข็งและพัฒนาการอันยั่งยืน ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ"
    .
    ทำเนียบขาวภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ เคยกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก อ้างถึงแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมโดยปักกิ่ง จากนั้น โจ ไบเดน ผู้สืบทอดของเขา ก็ยังคงไว้ซึ่งแรงกดดันด้วยการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดจีนจากการเข้าถึงชิปไฮเทค
    .
    ทรัมป์ ยกระดับคำขู่หนักหน่วงกว่าเดิมระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ประกาศถึงขั้นว่าจะปรับเพิ่มเพดานภาษีหากเขาได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย
    .
    เศรษฐกิจของจีนยังคงต้องพึ่งพิงการส่งออกอย่างหนักสำหรับขับเคลื่อนการเติบโต แม้มีความพยายามอย่างเป็นทางการในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
    .
    ในส่วนของคณะกรรมธิการด้านเศรษฐกิจของอียู ก็ประกาศเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ว่าทางกลุ่มพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน แม้อีกด้านหนึ่งทาง อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่าอียูพร้อมเจรจากับทรัมป์ และเน้นย้ำว่าวอชิงตันยังคงเป็นคู่หูที่สำคัญของพวกเขา
    .
    เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) ทรัมป์ ประกาศยกระบบการค้าของสหรัฐฯ ในทันที สัญญาว่าจะรีดภาษีและเรียกเก็บภาษี "เหล่าประเทศต่างชาติทั้งหลาย เพื่อสร้างความร่ำรวยแก่พลเมืองของเรา"
    .
    เขาลงนามในคำสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาประเด็นทางการค้าต่างๆ ในนั้นรวมถึงการขาดดุลทางการค้า แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม และการบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งการตรวบสอบนี้อาจเปิดทางสำหรับการใช้มาตรการทางภาษีเล่นงานเพิ่มเติม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007002
    ..............
    Sondhi X

    จีนประกาศปกป้อง "ผลประโยชน์ของประเทศชาติ" จากคำขู่รีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังผู้นำอเมริกาเตือนว่าเขาอาจรีดภาษี 10% สินค้านำเข้าจากแดนมังกร เริ่มตั้งแต่ปลายสัปดาห์หน้า . ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว หนึ่งวันหลังเข้าพิธีสาบานตน นอกจากคำขู่รีดภาษีจีนแล้ว เขายังส่งเสียงเตือนไปยังสหภาพยุโรปว่าอาจต้องเจอกับเพดานภาษีที่แข็งกร้าวเช่นกัน พร้อมหันกลับมาโจมตีปักกิ่งอีกรอบ เกี่ยวกับการลักลอบส่งออกยาเฟนทานิล . "พวกเขาปฏิบัติกับเราแย่มากๆ ดังนั้นพวกเขากำลังอยู่ในแผนรีดภาษีด้วย" ทรัมป์กล่าวถึงอียู "คุณจะไม่ได้รับความยุติธรรม จนกว่าคุณจะมีความยุติธรรม" . หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ กล่าวหาทางกลุ่มว่า ไม่นำเข้าผลิตภัณฑ์ของอเมริกามากพอ พร้อมบอกว่าเขาจะทำสิ่งนี้ให้เข้าที่เข้าทางด้วยการกำหนดมาตรการรีดภาษี หรือไม่ก็เรียกร้องให้ซื้อน้ำมันและก๊าซเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีน ทรัมป์เน้นย้ำคำขู่เมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ในการกำหนดเพดานภาษี 10% บอกว่า "มันอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขากำลังส่งยาเฟนทานิลไปยังเม็กซิโกและแคนาดา" . เมื่อถามว่าอีกนานแค่ไหนที่มาตรการรีดภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้ ทรัมป์ตอบว่า "บางที วันที่ 1 กุมภาพันธ์ คือวันที่เรากำลังมองถึงความเป็นไปได้" . ในวันดังกล่าว ทรัมป์เคยบอกว่าจะกำหนดมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก กล่าวหาพวกเขาว่าล้มเหลวในการหยุดยั้งผู้อพยพผิดกฎหมายและการลักลอบขนยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ กระตุ้นให้ ปักกิ่ง ในวันพุธ (22 ม.ค.) ออกมาประกาศปกป้อง "ผลประโยชน์ของประเทศชาติ" ตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ "เราเชื่อมาเสมอว่าจะไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามรีดภาษีใดๆ" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุ . โฆษกหญิงรายนี้บอกต่อว่า "ปักกิ่งมีความตั้งใจคงไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารกับสหรัฐฯ รับมือความเห็นต่างอย่างเหมาะสม ขยายขอบเขตความร่วมมือผลประโยชน์ร่วม และส่งเสริมเสถียรภาพ ความเข้มแข็งและพัฒนาการอันยั่งยืน ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ" . ทำเนียบขาวภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ เคยกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก อ้างถึงแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมโดยปักกิ่ง จากนั้น โจ ไบเดน ผู้สืบทอดของเขา ก็ยังคงไว้ซึ่งแรงกดดันด้วยการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดจีนจากการเข้าถึงชิปไฮเทค . ทรัมป์ ยกระดับคำขู่หนักหน่วงกว่าเดิมระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ประกาศถึงขั้นว่าจะปรับเพิ่มเพดานภาษีหากเขาได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย . เศรษฐกิจของจีนยังคงต้องพึ่งพิงการส่งออกอย่างหนักสำหรับขับเคลื่อนการเติบโต แม้มีความพยายามอย่างเป็นทางการในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ . ในส่วนของคณะกรรมธิการด้านเศรษฐกิจของอียู ก็ประกาศเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ว่าทางกลุ่มพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน แม้อีกด้านหนึ่งทาง อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่าอียูพร้อมเจรจากับทรัมป์ และเน้นย้ำว่าวอชิงตันยังคงเป็นคู่หูที่สำคัญของพวกเขา . เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) ทรัมป์ ประกาศยกระบบการค้าของสหรัฐฯ ในทันที สัญญาว่าจะรีดภาษีและเรียกเก็บภาษี "เหล่าประเทศต่างชาติทั้งหลาย เพื่อสร้างความร่ำรวยแก่พลเมืองของเรา" . เขาลงนามในคำสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาประเด็นทางการค้าต่างๆ ในนั้นรวมถึงการขาดดุลทางการค้า แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม และการบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งการตรวบสอบนี้อาจเปิดทางสำหรับการใช้มาตรการทางภาษีเล่นงานเพิ่มเติม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007002 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1455 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ปูติน-สี’ วิดีโอคอลชื่นมื่นนานกว่าชั่วโมงครึ่ง ย้ำความสัมพันธ์แนบแน่น เผยพร้อมติดต่อกับคณะบริหารทรัมป์ภายใต้หลักการเอื้อผลประโยชน์ร่วมกันและการเคารพกันและกัน นอกจากนั้น ประมุขวังเครมลินยังเผยว่า พร้อมเจรจาเรื่องยูเครน แต่ย้ำว่า อเมริกาต้องเคารพผลประโยชน์ของรัสเซีย รวมทั้งจัดการกับต้นตอของวิกฤตเพื่อให้เกิดสันติภาพระยะยาว ไม่ใช่หวังผลแค่ข้อตกลงหยุดยิงช่วงสั้นๆ
    .
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย พัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวแน่นแฟ้นและยิ่งแนบแน่นมากขึ้นหลังจากปูตินส่งทหารบุกยูเครนในปี 2022 นอกจากนี้ จีนยังกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย เวลาเดียวกันก็เป็นแหล่งเทคโนโลยีสำคัญของแดนหมีขาว ขณะที่มอสโกถูกตะวันตกรุมแซงก์ชัน
    .
    ระหว่างการวิดีโอคอลกับสีคราวนี้ ที่กินเวลานานกว่าชั่วโมงครึ่งเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) หรือหนึ่งวันหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ปูตินย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนอยู่บนพื้นฐานของการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ความเท่าเทียม และการเอื้อประโยชน์แก่กันและกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเมืองภายในหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ
    .
    ประมุขวังเครมลินเสริมว่า รัสเซียและจีนสนับสนุนการพัฒนาระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วที่มีความเป็นธรรมมากขึ้น และดำเนินการเพื่อรับประกันความมั่นคงที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ในอาณาบริเวณยูเรเซียและทั่วโลก ก่อนสำทับว่า ความพยายามร่วมกันระหว่างสองประเทศมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพกิจการโลก
    .
    ทางด้าน สี ยกย่องความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างกันเช่นเดียวกัน และแสดงความพร้อมในการร่วมกับปูตินยกระดับความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย รวมทั้งรับมือความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภายนอก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีเสถียรภาพและยืดหยุ่น และปกป้องความเป็นกลางและความยุติธรรมระหว่างประเทศ
    .
    ผู้นำแดนมังกรย้ำว่า รัสเซียและจีนควรกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ สนับสนุนกันและกันอย่างมั่นคง และปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของสองประเทศต่อไป
    .
    แม้ไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์โดยตรง แต่เครมลินระบุว่า สีและปูตินพูดคุยกันเรื่องการติดต่อกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) สี ได้คุยกับ ทรัมป์ ทางโทรศัพท์และแสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์สองประเทศจะเป็นไปในแง่ดี
    .
    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทรัมป์ขู่เก็บภาษีศุลกากรและใช้มาตรการอื่นๆ กับจีนหากได้กลับสู่ทำเนียบขาว แต่ขณะเดียวกันก็แย้มว่า สองชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่งกันอาจร่วมมือกันได้ในบางประเด็น เช่น ความขัดแย้งระดับภูมิภาค และการจำกัดการส่งออกสารที่ใช้ในการผลิตเฟนทานิล
    .
    ทางด้าน ยูริ ยูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของปูติน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การหารือระหว่าง ปูติน กับ สี ครั้งนี้ มีการเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้ว โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า สีได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวสั้นๆ กับปูติน และผู้นำทั้งสองยังหารือกันในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ในการติดต่อกับคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา โดยทั้ง ปูติน และ สีต่างแสดงความพร้อมในการพัฒนาความสัมพันธ์กับวอชิงตัน บนหลักการของผลประโยชน์ร่วมกันและการเคารพกันและกัน
    .
    อนึ่ง ระหว่างการประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซียที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในวันจันทร์ ไม่นานก่อนที่ทรัมป์จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปูตินได้กล่าวแสดงความยินดีและตอบรับความตั้งใจของผู้นำสหรัฐฯ ในการหารือกับมอสโก รวมทั้งบอกว่า รัสเซียเปิดกว้างในการเจรจาเรื่องยูเครน แต่ย้ำว่าอเมริกาต้องเคารพผลประโยชน์ของรัสเซีย และต้องจัดการกับต้นตอของวิกฤตเพื่อให้เกิดสันติภาพระยะยาวที่อิงกับผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนและทุกประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนี้ ไม่ใช่หวังผลแค่ข้อตกลงหยุดยิงช่วงสั้นๆ
    .
    ขณะที่ทางด้านทรัมป์ ระหว่างการแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (20) ภายหลังสาบานตัวรับตำแหน่งแล้ว ได้พูดถึงเรื่องสงครามยูเครนว่า ได้รับแจ้งจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนว่า ต้องการทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    ทรัมป์ยังแสดงความหวังว่า ปูตินจะเห็นพ้อง ก่อนสำทับว่า ประมุขวังเครมลินกำลังทำลายรัสเซียด้วยการปฏิเสธการทำข้อตกลง โดยเขาอ้างอิงถึงปัญหาเศรษฐกิจของรัสเซียที่รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ
    .
    จากนั้นในวันอังคาร (21) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจเพิ่มมาตรการแซงก์ชันรัสเซีย หากปูตินยังไม่ยอมเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006995
    ..............
    Sondhi X
    ‘ปูติน-สี’ วิดีโอคอลชื่นมื่นนานกว่าชั่วโมงครึ่ง ย้ำความสัมพันธ์แนบแน่น เผยพร้อมติดต่อกับคณะบริหารทรัมป์ภายใต้หลักการเอื้อผลประโยชน์ร่วมกันและการเคารพกันและกัน นอกจากนั้น ประมุขวังเครมลินยังเผยว่า พร้อมเจรจาเรื่องยูเครน แต่ย้ำว่า อเมริกาต้องเคารพผลประโยชน์ของรัสเซีย รวมทั้งจัดการกับต้นตอของวิกฤตเพื่อให้เกิดสันติภาพระยะยาว ไม่ใช่หวังผลแค่ข้อตกลงหยุดยิงช่วงสั้นๆ . ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย พัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวแน่นแฟ้นและยิ่งแนบแน่นมากขึ้นหลังจากปูตินส่งทหารบุกยูเครนในปี 2022 นอกจากนี้ จีนยังกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย เวลาเดียวกันก็เป็นแหล่งเทคโนโลยีสำคัญของแดนหมีขาว ขณะที่มอสโกถูกตะวันตกรุมแซงก์ชัน . ระหว่างการวิดีโอคอลกับสีคราวนี้ ที่กินเวลานานกว่าชั่วโมงครึ่งเมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) หรือหนึ่งวันหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ปูตินย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนอยู่บนพื้นฐานของการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ความเท่าเทียม และการเอื้อประโยชน์แก่กันและกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเมืองภายในหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ . ประมุขวังเครมลินเสริมว่า รัสเซียและจีนสนับสนุนการพัฒนาระเบียบโลกแบบมีหลายขั้วที่มีความเป็นธรรมมากขึ้น และดำเนินการเพื่อรับประกันความมั่นคงที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ในอาณาบริเวณยูเรเซียและทั่วโลก ก่อนสำทับว่า ความพยายามร่วมกันระหว่างสองประเทศมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพกิจการโลก . ทางด้าน สี ยกย่องความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างกันเช่นเดียวกัน และแสดงความพร้อมในการร่วมกับปูตินยกระดับความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย รวมทั้งรับมือความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภายนอก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีเสถียรภาพและยืดหยุ่น และปกป้องความเป็นกลางและความยุติธรรมระหว่างประเทศ . ผู้นำแดนมังกรย้ำว่า รัสเซียและจีนควรกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ สนับสนุนกันและกันอย่างมั่นคง และปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของสองประเทศต่อไป . แม้ไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์โดยตรง แต่เครมลินระบุว่า สีและปูตินพูดคุยกันเรื่องการติดต่อกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต . ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) สี ได้คุยกับ ทรัมป์ ทางโทรศัพท์และแสดงความหวังว่า ความสัมพันธ์สองประเทศจะเป็นไปในแง่ดี . อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทรัมป์ขู่เก็บภาษีศุลกากรและใช้มาตรการอื่นๆ กับจีนหากได้กลับสู่ทำเนียบขาว แต่ขณะเดียวกันก็แย้มว่า สองชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่แข่งกันอาจร่วมมือกันได้ในบางประเด็น เช่น ความขัดแย้งระดับภูมิภาค และการจำกัดการส่งออกสารที่ใช้ในการผลิตเฟนทานิล . ทางด้าน ยูริ ยูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของปูติน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การหารือระหว่าง ปูติน กับ สี ครั้งนี้ มีการเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้ว โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า สีได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวสั้นๆ กับปูติน และผู้นำทั้งสองยังหารือกันในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ในการติดต่อกับคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา โดยทั้ง ปูติน และ สีต่างแสดงความพร้อมในการพัฒนาความสัมพันธ์กับวอชิงตัน บนหลักการของผลประโยชน์ร่วมกันและการเคารพกันและกัน . อนึ่ง ระหว่างการประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซียที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในวันจันทร์ ไม่นานก่อนที่ทรัมป์จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปูตินได้กล่าวแสดงความยินดีและตอบรับความตั้งใจของผู้นำสหรัฐฯ ในการหารือกับมอสโก รวมทั้งบอกว่า รัสเซียเปิดกว้างในการเจรจาเรื่องยูเครน แต่ย้ำว่าอเมริกาต้องเคารพผลประโยชน์ของรัสเซีย และต้องจัดการกับต้นตอของวิกฤตเพื่อให้เกิดสันติภาพระยะยาวที่อิงกับผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนและทุกประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนี้ ไม่ใช่หวังผลแค่ข้อตกลงหยุดยิงช่วงสั้นๆ . ขณะที่ทางด้านทรัมป์ ระหว่างการแถลงข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (20) ภายหลังสาบานตัวรับตำแหน่งแล้ว ได้พูดถึงเรื่องสงครามยูเครนว่า ได้รับแจ้งจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนว่า ต้องการทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย . ทรัมป์ยังแสดงความหวังว่า ปูตินจะเห็นพ้อง ก่อนสำทับว่า ประมุขวังเครมลินกำลังทำลายรัสเซียด้วยการปฏิเสธการทำข้อตกลง โดยเขาอ้างอิงถึงปัญหาเศรษฐกิจของรัสเซียที่รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ . จากนั้นในวันอังคาร (21) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจเพิ่มมาตรการแซงก์ชันรัสเซีย หากปูตินยังไม่ยอมเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006995 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ขู่รัสเซีย จะให้สหรัฐใช้วิธีแบบง่าย หรือแบบยาก ในการให้รัสเซียเปิดการเจรจากับยูเครนเพื่อยุติสงคราม

    ทรัมป์โพสต์ข้อความขอบนโซเลียลของตนเอง โดยเรียกสงครามครั้งนี้ว่า สงครามที่ “ไร้สาระ”

    “หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดสงครามที่ไร้สาระที่มีแต่จะยิ่งทำให้อะไรเลวร้ายลง ถ้าหากพวกเราไม่หันหน้ามาเจรจากันโดยเร็ว ผมคงไม่มีทางเลือก นอกจากการขึ้นภาษีที่สูงขึ้นและคว่ำบาตรทุกอย่างที่รัสเซียส่งมาขายในสหรัฐ รวมทั้งส่งไปขายที่ประเทศอื่นด้วย มาทำให้สงครามที่ไม่ควรเกิดขี้นนี้ ถ้าหากตอนนั้นผมเป็นประธานาธิบดีให้มันจบลงไปซะ เราจะตกกันด้วยวิธีง่ายๆ หรือใช้วิธียากๆ วิธีง่ายๆน่าจะดีกว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมาตกลงกัน

    ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายรัสเซีย ผมรักคนรัสเซียและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีปูตินเสมอมา แม้ว่าฝ่ายซ้ายสุดโต่งจะกล่าวหาว่ารัสเซีย รัสเซีย รัสเซีย เป็นเรื่องหลอกลวงก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่ารัสเซียช่วยให้เรา (สหรัฐ) ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสูญเสียชีวิตไปเกือบ 60,000,000 คนในระหว่างนั้น”

    ทรัมป์ยังบอกอีกว่า จะเจรจากับเซเลนสกีและปูตินเร็วๆนี้ โดยเขาอ้างความชอบว่า การที่เขาออกมาผลักดันให้มีการยุติสงคราม ถือว่าเขากำลังช่วยปูตินและช่วยรัสเซียครั้งใหญ่!!
    ทรัมป์ขู่รัสเซีย จะให้สหรัฐใช้วิธีแบบง่าย หรือแบบยาก ในการให้รัสเซียเปิดการเจรจากับยูเครนเพื่อยุติสงคราม ทรัมป์โพสต์ข้อความขอบนโซเลียลของตนเอง โดยเรียกสงครามครั้งนี้ว่า สงครามที่ “ไร้สาระ” “หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดสงครามที่ไร้สาระที่มีแต่จะยิ่งทำให้อะไรเลวร้ายลง ถ้าหากพวกเราไม่หันหน้ามาเจรจากันโดยเร็ว ผมคงไม่มีทางเลือก นอกจากการขึ้นภาษีที่สูงขึ้นและคว่ำบาตรทุกอย่างที่รัสเซียส่งมาขายในสหรัฐ รวมทั้งส่งไปขายที่ประเทศอื่นด้วย มาทำให้สงครามที่ไม่ควรเกิดขี้นนี้ ถ้าหากตอนนั้นผมเป็นประธานาธิบดีให้มันจบลงไปซะ เราจะตกกันด้วยวิธีง่ายๆ หรือใช้วิธียากๆ วิธีง่ายๆน่าจะดีกว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมาตกลงกัน ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายรัสเซีย ผมรักคนรัสเซียและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีปูตินเสมอมา แม้ว่าฝ่ายซ้ายสุดโต่งจะกล่าวหาว่ารัสเซีย รัสเซีย รัสเซีย เป็นเรื่องหลอกลวงก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่ารัสเซียช่วยให้เรา (สหรัฐ) ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสูญเสียชีวิตไปเกือบ 60,000,000 คนในระหว่างนั้น” ทรัมป์ยังบอกอีกว่า จะเจรจากับเซเลนสกีและปูตินเร็วๆนี้ โดยเขาอ้างความชอบว่า การที่เขาออกมาผลักดันให้มีการยุติสงคราม ถือว่าเขากำลังช่วยปูตินและช่วยรัสเซียครั้งใหญ่!!
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ

    วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้

    กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ

    นิยามใหม่ของ "การสมรส"
    ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น
    - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์
    - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย
    - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต

    สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส
    1. สิทธิทางกฎหมาย
    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น
    - สิทธิในการรับมรดก
    - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต
    - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
    - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส

    2. การจัดการทรัพย์สิน
    ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย

    ข้อกังวลและความท้าทาย
    แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น
    - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง
    - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่

    ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม
    สร้างความเท่าเทียมในสังคม
    การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม

    เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย
    การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม

    สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย

    🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568

    #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม

    23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ นิยามใหม่ของ "การสมรส" ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์ - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส 1. สิทธิทางกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น - สิทธิในการรับมรดก - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส 2. การจัดการทรัพย์สิน ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย ข้อกังวลและความท้าทาย แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่ ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม สร้างความเท่าเทียมในสังคม การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย 🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568 #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts